Fatherhood part 2 [12]“จำไว้นะทุกคน อย่าพูดอะไรให้คุณแฟรงค์สะเทือนใจ โดยเฉพาะนายนะบอย ห้ามร้องไห้ต่อหน้าคุณแฟรงค์”
โอเดินวนไปมาสั่งกำชับเพื่อนๆ ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม
“รู้แล้วน่ะ! พูดอยู่ได้ ทำไมต้องห้ามพวกเราไม่ให้ทำโน่นทำนี่ด้วย”
“คุณคริสสั่งมา ฉันไม่ได้ห้ามเองนะ ทำไม !!.. คำสั่งคุณคริสนายมีปัญหาเหรอ..”
บอยอ้าปากจะเถียงแต่แจ๊ครีบตัดบท
“พอเถอะน่า โอ.. นายอย่าหาเรื่องเลย บอยไม่ได้พูดว่าจะไม่ทำซะหน่อย แล้วนายก็พูดอยู่ได้ตั้งหลายหน พูดทีเดียวก็รู้แล้ว”
โอทำท่าจะเถียงต่อแต่เสียงของไมเคิลดังขัดจังหวะ หนุ่มน้อยยืนเกาะหน้าต่างหันมาร้องบอกพี่ๆ สีหน้าตื่น
“คุณแฟรงค์มาแล้ว!!.. แด๊ดพาคุณแฟรงค์กลับมาบ้านแล้ว ออกไปรับกันเถอะพวกเรา”
แฟรงค์ทรุดตัวลงบนเตียงมือจับต้องที่นอนไปมา ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะได้มีโอกาสกลับมาพักอาศัยในห้องนอนที่แสนสบายภายใต้คฤหาสน์หรูหลังงามนี้อีก บรรยากาศยังอบอวลด้วยความรักและความอบอุ่นเหมือนเดิม
คริสทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ฉันอยากให้นายขึ้นไปพักข้างบน จนกว่าขาและแผลที่ท้องจะหาย”
แฟรงค์ส่ายหน้าปฏิเสธ เมื่อคริสเซ้าซี้อีกก็ตวาดใส่อย่างหัวเสีย
“บ้าหรือเปล่าคริส!!.. ให้ผมขึ้นไปพักข้างบน ถ้าชารอนกลับมาเธอจะรู้สึกยังไง ถึงยังไงเธอก็เป็นภรรยาของคุณ คุณไม่ควรทำลายน้ำใจเธอ จะทำอะไรขอให้นึกถึงจิตใจเธอด้วย”
คริสนิ่งไป เขาไม่ได้โกรธที่แฟรงค์อารมณ์เสียใส่ บ๊อบบอกเขาแล้วว่าอารมณ์ของแฟรงค์ในระยะนี้ไม่ปกติ ฉุนเฉียว โกรธและน้อยใจง่าย เป็นผลมาจากความเจ็บปวดที่จิตใจและร่างกายได้รับ เวลา... จะช่วยให้ความเจ็บปวดคลายลง เมื่อนั้น.. แฟรงค์จะกลับเป็นคนเดิม หัวเราะและสนุกสนานอย่างที่เคยเป็น
คริสนึกในใจว่าควรจะบอกเรื่องระหว่างเขากับชารอนให้แฟรงค์ฟังตอนนี้เลยดีมั้ย เมื่อคริสเงียบไปแฟรงค์ก็ใจเสียรีบสวมกอดและซบกับไหล่ร่างสูงขอโทษเสียงอ่อย
“ผมเสียใจ คริส.. ผมพูดจาไม่ดีกับคุณหลายครั้งแล้ว ผมขอโทษ.. ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วง แต่อยู่ห้องนี้ก็ดีแล้ว ผมคุ้นเคยกับมันมากกว่า..”
“ไม่เป็นไร แฟรงค์.. ฉันเข้าใจ..” คริสโอบกอดคนรักกล่าวปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันอยากให้นายอยู่ข้างบน จะได้ดูแลได้ใกล้ชิดขึ้น ลืมนึกไปว่านายคุ้นเคยกับทุกตารางนิ้วในห้องนี้ อยู่ห้องเดิมสบายกว่าจริงๆ ”
เสียงเคาะประตูและเปิดออกโดยไม่รอฟังคำอนุญาต คริสตั้งใจจะดุว่าแต่คนที่เดินนำหน้ากลุ่มเข้ามาและน่าจะเป็นคนเคาะประตูด้วย กลับกลายเป็นหนุ่มน้อยแก้วตาดวงใจของเขาเอง
โอ แจ๊ค บอยและทิม เดินตามไมเคิลเข้ามา แฟรงค์ผละออกจากคริสเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามกันมาเป็นขบวน
ไมเคิลตรงรี่เข้ามานั่งข้างแฟรงค์
“รู้มั้ยว่าพวกเราคิดถึงคุณทุกคนเลย มีใครนอนร้องไห้คิดถึงคุณด้วย”
แฟรงค์หัวเราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เขาขอกอดหนุ่มน้อยทีละคนให้สมกับความคิดถึงที่ทุกคนมีให้ คริสรู้สึกทึ่งที่แฟรงค์สามารถบอกได้ว่าเด็กหนุ่มที่สวมกอดอยู่เป็นใคร แจ๊คแกล้งเข้ามากอดแฟรงค์เป็นครั้งที่สอง
“กอดไปแล้วไม่ใช่หรือแจ๊ค.. อย่าขี้โกงเพื่อนซี บอยอยู่ไหน”
และเมื่อถึงคิวบอยอยู่ในอ้อมกอดแฟรงค์ เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ ซบไหล่แฟรงค์สะอื้นโฮด้วยความคิดถึงและสงสารคุณแฟรงค์
“เฮ้! บอย.. สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ..” เสียงโอแว้ดใส่ด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะโอ.. สัญญาอะไรกับบอยไว้เหรอ..”
“เอ่อ.. เปล่าฮะ ไม่มีอะไร” โอตัดบทและกล่าวกับบอยดีๆ
“บอยอย่าทำอย่างนี้ซี คุณแฟรงค์อยากได้ยินนายหัวเราะมากกว่าร้องไห้ ใช่มั้ยฮะ คุณแฟรงค์..”
แฟรงค์พยักหน้า
อีกครั้งที่คฤหาสน์บริเจคส์มีคนป่วยที่สมาชิกในบ้านต้องดูแลเอาใจใส่ แฟรงค์ได้รับการปรนนิบัติเอาอกเอาใจจากหนุ่มน้อยทุกคน แต่กว่าจะตกลงกันได้ก็เกือบมีปากเสียงกัน คริสต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยและช่วยจัดคิวให้
“โอ แจ๊ค บอย ทิมมี่.. วันจันทร์ถึงพฤหัสเรียงลำดับกันไป ไมเคิล.. ลูกดูแลคุณแฟรงค์คนเดียวได้มั้ย..”
“ได้ครับ” ไมเคิลรับปากอย่างมั่นใจ ตอนตัวเองป่วยคุณแฟรงค์ยังช่วยดูแลเลย ตอนนี้คุณแฟรงค์ป่วยไมค์จะอยู่เฉยได้ยังไง...
ไมเคิลได้คิววันศุกร์ ส่วนเสาร์และอาทิตย์ คริสจะเป็นคนดูแลให้เหมือนเดิม ใครติดธุระวันไหนให้สลับเปลี่ยนเวรกันเอง
“น้าชารอนคงไม่กลับมาแล้วล่ะครับ คุณแฟรงค์..”
ไมเคิลพยายามหาเรื่องพูดคุยไม่ให้แฟรงค์เบื่อ ขณะที่มือบีบนวดต้นขาให้ตามที่แด๊ดสั่งไว้ว่านั่งว่างๆ ก็ให้บีบนวดต้นขาข้างที่เข้าเฝือกไว้ด้วย
“ทำไมคิดยังงั้นล่ะ ไมเคิล..”
“ก็.. ผมสังหรณ์ใจ เธอไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว และแด๊ดก็ไม่เคยพูดถึงเธอให้พวกเราฟังเลย ไม่มีใครกล้าถามด้วยครับ โอบอกให้ผมถามผมยังไม่กล้าถามเลย เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว จริงมั้ยครับ คุณแฟรงค์..”
“ก็ต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไรและเกิดขึ้นกับใคร บางเรื่องเด็กก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเรื่องถึงจะจบลงด้วยดี”
“จริงของคุณครับ ถ้าเป็นเรื่องคุณ ถึงโอไม่บอกให้ถาม ผมก็จะถามเอง”
แฟรงค์หัวเราะกับความช่างพูดของไมเคิล เขารู้ว่าทุกคนในบ้านพยายามเอาใจและพูดแต่เรื่องดีๆ กับเขา
“วันนี้ผมเพิ่งรู้ว่าที่สังหรณ์ใจไว้ถูกต้องแล้ว”
“ถูกยังไง เธอกำลังจะบอกอะไรกับฉันหรือเปล่า ไมค์..”
ไมค์หยุดมือและขยับเข้าไปกระซิบข้างหูแฟรงค์
“ผมมีเรื่องจะบอกคุณ แต่เราต้องรู้กันสองคนนะครับ”
แฟรงค์ขมวดคิ้ว
“ความลับเหรอ”
“ใช่ครับ”
“เป็นเรื่องแด๊ดล่ะซี แอบรู้อะไรมาหรือไมเคิล..”
“คุณต้องสัญญาว่าจะไม่บอกแด๊ดนะครับ ว่ารู้เรื่องนี้จากใคร”
ไมเคิลพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกระซิบทำไม ไม่มีใครอยู่บ้านสักคน คริสแวะไปดูงานที่ไซด์บอกว่าจะกลับบ่ายๆ สี่หนุ่มไปเรียนหนังสือเหลือไมเคิลอยู่บ้านคนเดียว
แฟรงค์พยักหน้าก็ได้ยินเสียงเหมือนกระดาษถูกคลี่ออก
“ผมมีจดหมายที่น้าชารอนเขียนถึงแด๊ดก่อนจะออกจากบ้านไป คุณอยากฟังมั้ยฮะ”
แฟรงค์รู้สึกตกใจและตื่นเต้นเล็กน้อยแต่พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ แสร้งกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“เอาจดหมายมาจากไหน ไมเคิล.. แอบหยิบมาใช่มั้ย.. รู้มั้ยว่าแอบขโมยจดหมายของคนอื่นอ่านเป็นนิสัยที่แย่มาก”
“เอ่อ.. ผมไม่ได้ตั้งใจหยิบมา มันตกอยู่ที่พื้นข้างเตียงนอน ผมขึ้นไปหยิบกระเป๋าให้แด๊ด เห็นเข้าก็เลย…”
“ก็เลยเปิดออกอ่านยังงั้นเหรอ..”
“ครับ..” ไมค์รับคำเสียงอ่อย “ถ้าคุณว่ามันไม่ดีผมจะเอาไปเก็บไว้ที่เดิมก่อน คุณไม่อยากรับรู้ด้วยก็ดีฮะจะได้ไม่รู้สึกผิดเหมือนผม เดี๋ยวผมมานะ”
ไมเคิลลุกจากเตียงแต่ยังไปไม่ถึงประตู แฟรงค์ก็ร้องเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน!!.. ไมค์.. กลับมานี่ก่อน..”
ชั่วอึดใจเจ้าหนูก็กระโดดขึ้นมานั่งข้างๆ
“ครับ คุณแฟรงค์มีอะไรเหรอ..”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้ฉันรับรู้ด้วยคน จะได้รู้สึกผิดเป็นเพื่อนกัน คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย โอเค..”
“โอเคครับ” เสียงกระดาษถูกคลี่ออกอีกครั้ง ไมเคิลรีบออกตัวก่อน
“ถ้าคำไหนอ่านผิด คุณแฟรงค์ช่วยบอกผมด้วยนะครับ”
แฟรงค์ส่ายหน้า ....นึกว่าเขากำลังสอนไมเคิลอ่านจดหมายภาษาอังกฤษก็แล้วกัน...
แฟรงค์ใจหายเมื่อได้ยินเสียงรถ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องตกใจด้วย
“อุ๊ย!!.. แด๊ดกลับมาแล้ว ทำไมกลับเร็วจังยังไม่บ่ายเลย”
...ดูเอาเถอะ!.. ไมเคิลแค่แปลกใจที่พ่อกลับเร็ว แต่ไม่ยักตื่นเต้นทั้งที่จดหมายยังอยู่ในมือ แล้วทำไมเขาต้องตื่นตกใจแทนด้วย...
“ไม่เอาจดหมายไปเก็บคืนที่เดิมก่อนเหรอ.. ไมเคิล.. ”
“จริงด้วยครับ” น้ำเสียงหนุ่มน้อยตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“งั้นผมจะเอาจดหมายขึ้นไปเก็บก่อน ผมจะไปบอกแด๊ดว่าคุณอยากพบนะครับ คุณช่วยถ่วงเวลาแด๊ดอย่าเพิ่งให้ขึ้นไปบนห้องนะ ผมต้องไปเอากุญแจห้องนอนกับลูก่อน ”
ไมเคิลกระโดดลงจากเตียงและผลุนผลันออกจากห้องไป แฟรงค์ถอนใจไม่น่าร่วมรับรู้ด้วยเลย ทำให้เขาต้องตื่นเต้นตกใจและรู้สึกผิดไปด้วย
แฟรงค์สะดุ้งเมื่อถูกลำแขนแกร่งสวมกอดจากด้านหลัง ทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงเลยทั้งที่เงี่ยหูฟังอยู่ อาจเป็นเพราะในสมองมีเรื่องให้คิดมากมาย คริสจูบแก้มเขาทักทายเหมือนทุกครั้ง แปลกเหลือเกินทำไมครั้งนี้เขารู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
“เบื่อรึเปล่า แฟรงค์.. ทำไมไม่ให้ไมเคิลพาลงไปเดินเล่นข้างล่าง...”
“เปล่า.. ผมไม่ได้เบื่อแค่อยากรับลมเฉยๆ ทำไมคุณกลับเร็วจัง บอกว่าจะกลับบ่ายไม่ใช่เหรอ..”
“แค่แวะไปดู งานไม่มีปัญหาฉันก็รีบกลับ ไม่ค่อยไว้ใจให้ไมเคิลอยู่กับนาย”
แฟรงค์หน้าเสียเบี่ยงตัวออกขยับจะเดินก็ถูกคริสรั้งไว้
“เป็นอะไรแฟรงค์.. ฉันพูดไม่ถูกหูเหรอ.. กับเด็กคนอื่นฉันไม่ค่อยห่วง แต่กับเจ้าหนูฉันไม่รู้ว่าจะดูแลนายได้หรือเปล่า คิดอะไรอยู่ถึงไม่พอใจ ”
แฟรงค์ยิ้มออก รู้สึกฉุนเพราะนึกว่าคริสไม่ไว้ใจเขาเหมือนเมื่อก่อน กลัวเขาจะทำมิดีมิร้ายไมเคิล
คริสโอบไหล่แฟรงค์พาเดินกลับเข้ามาในห้อง
“ไมเคิลบอกว่านายมีธุระจะคุยด้วย มีอะไรหรือแฟรงค์ หือ..”
“เอ่อ.. ไม่มีอะไรแค่อยากจะถามว่า.. เอ่อ.. ถามอะไร ผมจำไม่ได้แล้วอ่ะ… สมองผมไม่ค่อยดีตั้งแต่ถูกพวกมันตีหัว” แฟรงค์แกล้งเอามือกุมศีรษะ
“ขอโทษนะคริส ผมนึกไม่ออก”
คริสกระซิบปลอบและให้กำลังใจเขาเหมือนทุกครั้ง
“นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึก แฟรงค์.. นึกออกเมื่อไรค่อยพูด ฉันก็มีเรื่องอยากคุยด้วย ฟังเรื่องของฉันก่อนมั้ย”
“เรื่องอะไรหรือคริส..”
“เด็กพวกนี้ดูแลนายดีหรือเปล่า ฉันจะยกเลิกคิวที่จัดไว้และจ้างพยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนนาย เด็กๆ จะได้ไม่ต้องผลัดกันหยุดเรียนด้วย”
“เหลวไหลน่ะคริส.. เด็กพวกนี้ดูแลผมดีกว่าพยาบาลซะอีก คุณทำเหมือนผมป่วยหนักลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ยังงั้นแหล่ะ ยกเลิกคิวไปก็ดี แต่ไม่ต้องจ้างพยาบาลนะ ผมดูแลตัวเองได้ อยู่บ้านเราผมไม่ต้องกลัวอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ..”
“ใช่!!.. แต่ฉันอยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแผลและขาจะหาย”
“อีกไม่กี่วันก็จะหายแล้ว ลูก็อยู่ มีอะไรผมจะเรียกหาลูเอง ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากคุยกับคุณเรื่องนี้” แฟรงค์ไม่ชอบใจ แค่ตามองไม่เห็นเท่านั้น คริสก็พยายามเอาใจเหมือนเขาช่วยตัวเองไม่ได้
“โอเค!!.. ไม่คุยก็ไม่คุย” คริสรีบตัดบท ระยะนี้เขาหวั่นใจกับอารมณ์ของแฟรงค์มาก
“คืนนี้ฉันจะลงมาอยู่เป็นเพื่อนนายนะ”
“ไม่ใช่เวรคุณนี่ เวรของไมค์.. แต่ผมคงไม่ให้ไมค์นอนเฝ้าเหมือนเจ้าเด็กพวกนั้นหรอก”
“ฉันแค่ให้พวกเขาช่วยดูแลนายตอนกลางวันเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเวลานอนเลยนะ ไปๆ มาๆ ต้องนอนเฝ้ากันด้วยเหรอ..”
“ก็.. พวกเขาบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเขา จนกว่าจะถึงเช้าอีกวัน”
“ดีจังเลยนะ แพ็ททริค.. มีแต่คนคอยเฝ้าเอาใจ ฉันไม่ต้องห่วงนายแล้วใช่มั้ย”
มือใหญ่ลูบศีรษะคนรักอย่างอ่อนโยน ตั้งแต่แฟรงค์ป่วย คริสเผลอปฏิบัติเหมือนที่ทำกับไมเคิลบ่อยครั้ง แรกๆ แฟรงค์รู้สึกเขิน แต่ตอนนี้เขากลับชอบ เพราะสัมผัสที่ได้รับให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายจนบางครั้งเกือบจะเคลิ้มหลับเลย
“ฉันขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปทานกลางวันด้วยกัน”
“เอ่อ..เดี๋ยวซีคริส อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”
แฟรงค์หาทางถ่วงเวลาคริสไว้ เพราะเจ้าหนูไมค์ยังไม่ยอมลงมาซะที
“ไมค์กี้ไปไหนเนี่ย.. เห็นวิ่งถามหาลูจะเอาอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้หน้าที่เลย”
คริสบ่นว่าอย่างเอ็นดูมากกว่าจะตำหนิอย่างจริงจัง
“เมื่อกี้คุณว่าคืนนี้จะลงมาอยู่เป็นเพื่อนผมใช่มั้ย คริส..”
“อะฮะ.. แล้วแต่นายว่าอยากให้อยู่หรือเปล่า” คริสบีบนวดต้นขาข้างที่เข้าเฝือกไว้เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก
“ผมว่าคุณอย่าลงมาเลย…”
มือที่กำลังบีบนวดหยุดชะงัก แฟรงค์ได้ยินเสียงคริสถอนใจเบาๆ
“แล้วแต่นาย แฟรงค์.. ทำอะไรก็ได้ที่สบายใจ ฉันขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะตามไมเคิลมาอยู่เป็นเพื่อนให้”
คริสลุกขึ้นยืนแต่ถูกแฟรงค์ดึงมือไว้
“เอ่อ.. เดี๋ยวซี.. ผมหมายถึงคืนนี้คุณไม่ต้องลงมา ผมจะขึ้นไปเอง… ผมเปลี่ยนใจขอขึ้นไปพักกับคุณข้างบนได้มั้ย เด็กพวกนี้จะได้ไม่ต้องมานอนเฝ้าผมอีก ทำเหมือนผมเจ็บหนักใกล้ตายยังงั้นล่ะ”
ร่างสูงโน้มตัวลงกระซิบข้างหูคนรัก
“ด้วยความยินดี แพ็ททริค.. ”
คริสจูบแก้มแฟรงค์เบาๆ แฟรงค์โอบลำคอร่างสูงไว้ไม่ยอมให้ผละจากไปไม่รู้ว่าเป็นเพราะแอบรับรู้ข้อความในจดหมายรึเปล่า จิตใจและร่างกายของเขาถึงเรียกร้องอยากได้รับสัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนหวานกว่านี้ นิ้วเรียวสัมผัสแก้มสากและหยุดวนไปมาที่ริมฝีปากบาง แฟรงค์ไม่ร้องขอเหมือนทุกครั้งแต่บอกความต้องการผ่านสีหน้าและแววตา
คริสระบายยิ้มก่อนมอบสัมผัสที่ดูดดื่มและอ่อนหวานให้คนรัก ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน นี่เป็นจูบแรกที่แฟรงค์ยอมตอบรับสัมผัสเขาอย่างเต็มใจ
แฟรงค์รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองพองโตขึ้น การได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดกับคริสเป็นเหมือนยาวิเศษจริงๆ ความเจ็บปวดที่หัวใจและร่างกายได้รับผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“อะแฮ่ม!!! ” คริสผละออกจากแฟรงค์ด้วยอาการตกใจ หันไปพบหนุ่มน้อยจอมแสบของเขาทำหน้าทะเล้นอยู่ที่ประตูก็ส่งเสียงดุกลบเกลื่อนอาการเขิน
“เสียมารยาทรู้มั้ย ไมเคิล.. ทำไมไม่เคาะประตู ไปทำอะไรมา หน้าที่ของตัวเองทำไมไม่รับผิดชอบ ถามหาลูจะเอาอะไร”
แฟรงค์หัวเราะเมื่อคริสปิดบังอาการเขินด้วยการรัวคำถามเป็นชุด ไม่รู้ว่าเจ้าหนูไมค์จะเลือกตอบคำถามไหนก่อน
“มีธุระนิดหน่อยครับ
แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้วครับแด๊ด.. เรียบร้อยแล้วครับคุณแฟรงค์..”
คำตอบของหนุ่มน้อยมีความหมายกับคริสและแฟรงค์คนละอย่าง แฟรงค์พยักหน้ารับรู้ด้วยความพอใจ ในขณะที่ไมเคิลยกนิ้วให้คริสความหมายว่า ทุกอย่างโอเคครับ แด๊ด
เป็นแผนของคริสที่ต้องการให้แฟรงค์รู้เรื่องเขากับชารอนโดยบังเอิญก่อนที่จะบอกเล่าด้วยตัวเอง เพราะทุกครั้งที่พูดเรื่องเธอ แฟรงค์จะปฏิเสธไม่อยากรับรู้และอ้างว่าเมื่อตามองไม่เห็นก็อย่าให้รู้เรื่องอะไรเลย.. ไมเคิลซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับน้าชารอนอาสาช่วยคิดแผนให้ โดยขอรางวัลพาไปเที่ยวเมืองหิมะ ถึงจะเป็นแผนการของเด็กแต่ก็ได้ผลอย่างคาดไม่ถึง...
หวังว่าจะมีความสุขกันน้า