Ch. 10 : ฝืนใจ
{น้ำฝน}
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันรวดเร็วมาก แต่ก็เชื่องช้าเมื่อต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด เมื่อคืนผมเจ็บ แต่มาวันนี้มันเจ็บยิ่งกว่า ผมพยายามพยุงตัวลุก พี่หมอยืนมองด้วยสายตานิ่งเรียบ ผมเอื้อมมืออันสั่นเทาไปคว้ากางเกงมาถือ หวาดกลัวอยู่ชั่วทุกขณะจิตว่าอีกคนจะเข้ามาจู่โจมหรือเปล่า ผมรีบสวมกางเกง ประคองร่างสั่น ๆ ก้าวลงจากเตียง พอเท้าแตะพื้นได้ขาผมก็อ่อนแรงล้มพับลงไปกองอยู่ที่พื้น
พี่หมอเดินเนิบ ๆ เข้ามาช่วย แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าพี่แกไม่จับแผลผมไว้ มันเจ็บจนน้ำตาเล็ด เรี่ยวแรงหดหาย หน้ามืดนิด ๆ ด้วย
“เจ็บ..พี่หมอ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรผมเลย”
ผมอ้อนวอนเสียงสั่น
“งั้นก็ต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังที่ฉันพูดทุกอย่าง เข้าใจไหม”
ผมรีบพยักหน้ารับ พี่หมอกระตุกยิ้ม พยุงผมลุกยืนดี ๆ หน้ามืดไปวูบหนึ่งจนต้องเกาะร่างสูงไว้ ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินใกล้เข้ามา ผมขยับหวังร้องขอความช่วยเหลือ แต่พี่หมออุดปากผมไว้แน่น มองมาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
“อย่าคิดบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”
พี่หมอนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนยกยิ้ม นัยน์ตาแฝงความสนุกไว้
“แต่ถ้าอยากบอกจริง ๆ อนุญาตให้บอกได้แค่คนเดียว คือทิวไผ่ เพื่อนของนาย”
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ นี่ผมกำลังจะกลายเป็นเหยื่อให้เพื่อนและพี่ชายของเพื่อนเอามาใช้แก้แค้นกันใช่ไหม เพราะถ้าผมบอกไผ่จริง ๆ คงเกิดสงครามกลางบ้านแน่ ๆ ไผ่มันคงไม่ยอม ดีไม่ดี มันอาจฆ่าพี่หมอตาย
ผมไม่ได้เป็นห่วงพี่หมอ แต่เป็นห่วงเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนเป็นฆาตกร
“อยากเห็นไผ่มันเดือดเหมือนกัน คงมีคดีทำร้ายร่างกายหรือไม่ก็ฆาตกรรมเกิดขึ้นแน่ ๆ ถึงเวลานั้น คู่ขานายคงได้ไปนอนอยู่ในคุก แล้วบ้านหลังนั้นก็เป็นของฉัน”
“ปล่อย”
ผมรีบผลักคนตรงหน้าออก พี่หมอยิ้มให้เหมือนจะอ่อนโยน ก่อนตีสีหน้านิ่งเรียบ
“ทำแผลก่อนแล้วจะพาไปส่งบ้าน”
“ไม่ต้อง ผมกลับเองได้”
“หึ คงถึงหรอกนะ แล้วอีกอย่าง ฉันอยากเจอฟ้าด้วย”
ผมตาวาวขึ้นมาทันที
“อย่ามายุ่งกับพี่ผม ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีทางให้พี่ฟ้าคบกับคนโรคจิตแบบพี่หรอก”
“คนที่ตัดสินใจคือพี่นาย”
“ผมจะบอกความจริงกับพี่ฟ้า”
“ถ้าทำได้ก็เอาสิ ถ้านายไม่อาย”
พี่หมอยกยิ้ม ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ
“พี่นายป่วยอยู่นะ ตอนนี้หมอที่รักษาอาการได้มีแค่ฉัน แล้วอีกอย่างฟ้ามีปัญหาทางประสาทอยู่ ให้มารับรู้เรื่องพวกนี้ อาการอาจแย่กว่าเดิมก็ได้”
ผมกัดกรามแน่น
“เลว โรคจิต”
พี่หมอหัวเราะในลำคอ กระชากแขนผมแรงไปนั่ง แล้วเริ่มต้นทำแผลให้อีกครั้ง หลังจากนั้นก็พาผมออกจากคลินิกขับรถกลับบ้าน
ผมนั่งหวาดหวั่นไปตลอดทั้งเส้นทาง ทั้งคิดเรื่องของตัวเอง เรื่องของพี่หมอกับไผ่ แล้วก็เรื่องของพี่ฟ้า ผมไม่มีทางยอมให้พี่หมอสมหวังกับพี่ฟ้าแน่ ๆ
แต่จะทำยังไงล่ะ
พี่หมอจอดรถไว้หน้าบ้าน บีบแตรเบา ๆ เตือนให้คนภายในรู้ ผมปลดเบลส์ เปิดประตู ก้าวเจ็บ ๆ ลงไป พี่หมอก้าวตามลงมา
“ฝน!”
พี่ฟ้าเบิกตากว้างทันทีที่เห็นผม รีบเปิดประตูเล็กวิ่งออกมา ชะงักเมื่อเจอพี่หมอ ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
พี่ฟ้าไม่ได้สนใจพูดคุยอะไรกับพี่หมอต่อมุ่งตรงมาทางผมทันที
“หายไปไหนมาน้ำฝน รู้ไหมทุกคนเป็นห่วงกันแค่ไหน แล้วทำไมหน้าซีดแบบนี้ แขนไปโดนอะไรมา”
พี่ฟ้ารีบรัวถาม จับแขนผมยกขึ้นดูเบา ๆ
“พอดีเขาเกิดอุบัติเหตุรถชนแล้วหนีน่ะ กระจกบาดข้อมือ เขาสลบไป มีพลเมืองดีพาส่งมาที่คลินิกเพื่อนผมพอดี เพิ่งฟื้น ผมเลยอาสาพามาส่งบ้าน”
พี่หมออธิบายก่อนที่ผมจะได้อ้าปากพูดอะไร
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ”
พี่ฟ้าหันไปขอบคุณ แล้วหันมามองสำรวจผมต่อ
“แล้วเจ็บมากไหม เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
พี่ฟ้าจับตัวผมพลิกดูบาดแผลเพิ่มเติม จับเบา ๆ ก็จริง แต่เจ็บไม่เบาเลย ผมได้แต่กัดฟันแน่นอย่างอดทน
“คงเจ็บแผลที่แขน ขาและก้นนิดหน่อย เพราะล้มก้นจั้มเบ้า เดินกะเผลก ปวดเอว”
พี่หมอบอกเองหมด ซึ่งเป็นอาการที่ผมเป็นตอนนี้จริง ๆ แต่ไม่ใช่เพราะรถชนหรอก เพราะอะไรนั้น คงมีแค่คนทำกับผมเท่านั้นที่รู้
“ขอบคุณที่เป็นธุระให้นะคะ งั้นฟ้าขออนุญาตพาฝนไปพักก่อนนะ…เดินไหวไหม”
พี่ฟ้าขอพี่หมอ หันมาถามผม ผมกำลังจะให้พี่ฟ้าพยุง แต่พี่หมอรีบเข้ามาประชิดตัวก่อน
“ให้ผมช่วยดีกว่า พอดีผมอาสาเป็นเจ้าของไข้แทนเพื่อนผมน่ะ”
ผมหันขวับไปมอง แต่พี่หมอไม่ได้มองตอบ ผมเม้มปากแน่น อยากปฏิเสธ แต่พูดไม่ได้ พี่หมอค่อย ๆ ประคองผมเดินเข้าบ้านกระทั่งมาถึงห้องนอน
เจ็บครับ เดินเบาขนาดไหนก็ยังเจ็บ เจ็บจนน้ำตาซึมเลย
พี่ฟ้ากับพี่หมอช่วยกันประคองผมนอน พี่หมอวางถุงยาที่หิ้วติดมือมาด้วยลงบนสตูลข้างหัวเตียง
“ยาทั้งหมดอยู่ในนี้ คงต้องให้คนไข้พักผ่อนเยอะ ๆ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงอาหารรสจัดด้วย วิธีกินยามีอธิบายไว้หน้าซอง”
พี่หมออธิบาย สภาพไม่ต่างกับหมอดี ๆ คนหนึ่ง ลุกขึ้นยืน
“ตอนนี้ควรปล่อยให้คนไข้พักผ่อนไปก่อน เชิญคุณฟ้าด้านล่างดีกว่าครับ”
ผมตาโตทันที เพราะขืนพี่หมอพาพี่ฟ้าลงไปข้างล่าง เกิดพี่หมอโรคจิตจับพี่ฟ้าปล้ำขึ้นมา ผมคงลงไปช่วยไม่ทัน(ขนาดตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด) ป้าแม่บ้านก็ไม่อยู่ด้วย
“พี่ฟ้า”
ผมรีบเบรกคนทั้งคู่ไว้ทันที พี่ฟ้าหันมามอง พอ ๆ กับพี่หมอที่มองมาด้วยสายตาเย็นเฉียบ แต่ผมไม่สนครับ ตอนนี้ผมห่วงพี่สาวมากกว่า
“อย่าลงไปนะ อยู่เป็นเพื่อนฝนก่อน”
พี่หมอมองผมด้วยสายตาน่ากลัวกว่าเดิม
“พี่ลงไปคุยกับคุณหมอนิดเดียว พอส่งคุณหมอกลับ พี่จะรีบมาอยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่เอา”
ผมกระแทกลูกอ้อนใส่ โหมดนี้ผมไม่ทำบ่อยหรอกครับ โตแล้ว แต่ทำทีไรได้ผลทุกที พี่ฟ้าทำหน้าลำบากใจ หันไปทางพี่หมอ
“คุยกันตรงนี้ได้ไหมคะ ฟ้าอยากอยู่เป็นเพื่อนน้อง”
“ครับ ไม่เป็นไร”
พี่หมอตอบรับเสียงนุ่ม
“พี่ฟ้า...”
ผมรีบเรียกเสียงสั่น ๆ แบบอ้อน ๆ ไม่อยากเปิดโอกาสให้พี่หมอได้พูดคุยกับพี่ฟ้าอีก พี่ฟ้ารีบเดินมานั่งข้าง ๆ ผมกุมมือพี่ฟ้าไว้ทันที
“นอนซะนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไว้ค่อยอธิบายให้ฟังอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้นทีหลัง”
พี่ฟ้าลูบหัวผมเบา ๆ ส่งยิ้มละไมมาให้
“คนไข้คงกำลังเครียด เอานี่ให้กินก่อนละกัน”
พี่หมอยื่นอะไรบางอย่างให้พี่ฟ้า ผมมองตาม พี่ฟ้ารับมาถือ ลุกไปหยิบน้ำในขวดมารินใส่แก้ว ปกติคนบ้านผมจะกินน้ำเก่งกันทุกคน เราจึงมีน้ำไว้ประจำทุกห้องอยู่แล้ว
“ไม่เอา ผมไม่กิน”
ผมรีบปฏิเสธทันที
“อย่าดื้อน่า พี่อยู่เป็นเพื่อนแล้วนะ”
“ไม่เอา”
“คุณฟ้ามีสำลีไหม ดูเหมือนเลือดจะไหล ผมจะทำแผลให้คุณฝนหน่อย”
พี่ฟ้ามองมาที่ข้อมือผมทันที มีเลือดออกมาจริง ๆ ครับ พี่ฟ้ารีบพยักหน้า ยื่นยาคืนพี่หมอ ผมรั้งไว้ แต่พี่ฟ้าไม่ฟัง เดินออกจากห้องไปทันที
ผมหันกลับมามองพี่หมอที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว ความกลัวทำเอาผมเผลอตัวขยับถอยไปด้านหลัง
“รีบกิน อย่าลีลา”
“ไม่ ผมไม่กิน ยาอะไรก็ไม่รู้”
“แค่ยานอนหลับ”
“ผมยิ่งไม่อยากกินใหญ่”
ผมขยับตัวหนีมากขึ้น พี่หมอคว้าจับข้อเท้าผมไว้กระชากแรงลงไปนอนที่เดิม จับแก้มผมบีบแรงบังคับให้อ้าปาก ยัดยาเข้ามา
“กลืน!”
พี่มันสั่งเสียงเข้ม คว้าแก้วน้ำบนโต๊ะมาเทกรอกปาก น้ำบางส่วนไหลเลอะล้นปากผมผ่านลำคอจนเปียกถึงเสื้อ ผมจำต้องกลืนทั้งน้ำและยาลงคอ ทุกการกระทำของพี่หมอดูกักขฬะจนไม่น่าเชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นหมอจริง ๆ ผมรีบผลักคนตัวสูงออกมาไอโขลก น้ำหูน้ำตาไหล
พี่หมอยกยิ้มมองมาด้วยสีหน้าพอใจ ขยุ้มจับท้ายทอยผมไว้ ก้มลงมาใช้ปลายลิ้นเกลี่ยเช็ดคราบน้ำที่เลอะตรงมุมปากออกให้ ผมพยายามผลักคนตัวสูงออก แต่เรี่ยวแรงแทบไม่มีเหลือหลอ พี่หมอแทรกลิ้นเข้ามาภายใน กวาดควานไปทั่วคล้ายกับจะสำรวจหาอะไรสักอย่างภายใน ผมครางอู้อี้ในลำคอค้าน ออกแรงทั้งทุบทั้งผลัก แต่ทำได้ไม่มากเพราะเจ็บข้อมือทั้งสองข้าง กระทั่งพี่หมอถอนปากออก
“เด็กดี”
พี่มันชมเสียงนุ่ม ผมหอบแฮก กลืนน้ำลายลงคอ ได้เสียงหมุนลูกบิดดังเบา ๆ พี่หมอปล่อยมือจากท้ายทอยผมหันไปมอง พี่ฟ้าเปิดประตูเข้ามา ในมือถือกล่องใส่ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้
“กินยาได้แล้วเหรอ”
พี่ฟ้าถามพี่หมอ คนตัวสูงพยักหน้า รับกล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ข้างตัว
“กินยาอีท่าไหนเนี่ย ปล่อยให้น้ำเลอะเปียกเสื้อขนาดนี้”
พี่ฟ้ารีบหยิบทิชชู่มาช่วยซับแถว ๆ ลำคอและอกเสื้อที่เปียกให้ ผมเหลือบมองคนทำ เห็นเพียงมุมปากที่กำลังยกยิ้มและสายตาแวววาวที่มองมาอย่างพอใจเท่านั้น
พี่หมอลงมือทำแผลให้อย่างเบามือ เบาและอ่อนโยนมากจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกับที่บังคับป้อนยาผมเมื่อกี้ อ่อนโยนจนผมเริ่มเคลิ้ม แล้วสติผมก็ค่อย ๆ จางหายไป
…
…
…
ผมสะดุ้งตื่นอีกที ก็เห็นใครบางคนมานอนอยู่ข้าง ๆ แล้ว ผมตกใจรีบเขยิบถอยหนี จนเห็นได้ชัด ๆ ว่าเป็นใคร
“เป็นไงบ้างมึง”
มันดีดตัวขึ้นมาถามด้วยความเป็นห่วง จับสองข้อมือผมยกดูเบา ๆ ผมไม่ได้ตอบ นึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นึกไปถึงใครบางคนที่ผมเป็นห่วงที่สุดด้วย
“ไผ่ พี่ฟ้าล่ะ!”
“ก่อนจะถามถึงคนอื่นเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ ไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนรถชน แล้วไปโดนชนตรงไหน ตอนไหน นอนอยู่ด้วยกันดี ๆ ตื่นมาก็ไม่เห็นมึงแล้ว หาจนทั่วบ้านก็ไม่เห็น โทรหาใครก็ไม่มีใครรู้ รู้ไหมว่ากูเป็นห่วงแทบตาย ไอ้ห่า”
มันด่าผมเป็นชุดเลย
“พี่ฟ้าล่ะ”
แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้เป็นห่วงพี่ฟ้ามากกว่า
“อยู่ข้างล่าง ทำอะไรให้มึงกินนั่นแหละ กูมาหาตั้งแต่เมื่อคืน”
“พี่กูปลอดภัยใช่ไหม ขอกูไปหาพี่ฟ้าก่อน”
ผมทำท่าจะลุก แต่มันดึงเสื้อผมจนล้มลงมานอนอีกรอบ ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
“เจียมสังขารบ้างนะ สภาพมึงตอนนี้ต้องให้พี่มึงมาดู ไม่ใช่ให้มึงไปดูพี่ฟ้า”
“ก็กูเป็นห่วงพี่กู”
“พี่ฟ้าสบายดี กูเพิ่งคุยกับพี่ฟ้า…” มันก้มมองนาฬิกา “เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว เห็นมึงนอนหลับกำลังสบาย เลยเผลอนอนตาม”
ผมพยักหน้า คลายความกังวลไปได้บ้าง
“ว่าแต่มึงไปทำอีท่าไหนให้รถชน บอกมา กูเป็นห่วงมึงแทบตาย ห่า”
มันด่าอีกรอบ ผมก้มหน้าหลบสายตา ภาพหลาย ๆ อย่าง ตามมาหลอกหลอนจนผมตัวสั่น
“เฮ้ย! เป็นไรรึเปล่า ยังกลัวอยู่เหรอ กูขอโทษ ไม่ถามแล้วก็ได้”
มันรีบดึงผมเข้าไปกอดทันที
ได้ยินเสียงเปิดประตูเบา ๆ ไผ่ดันผมออกหันไปมองคนเข้ามาใหม่
“ตื่นแล้วเหรอ นอนยาวเลย”
พี่ฟ้าเดินเข้ามาด้านใน ตามติดด้วยป้าแม่บ้านที่ถือถาดอาหารไว้ในมือ ไผ่รีบลุกไปยกโคมไฟจากสตูลหัวเตียงออกแล้วลากมันมาให้ป้าแม่บ้านวางของทันที
“รู้สึกดีขึ้นไหมคะคุณหนู” ป้าแม่บ้านถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมพยักหน้ายิ้ม ๆ “งั้นเชิญตามสบายนะคะ” ป้าแม่บ้านขอตัวเดินออกไปเหลือไว้แค่พี่ฟ้ากับเพื่อนสนิทผมเท่านั้น
“อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย กินก่อนเถอะ”
ไผ่ขยับสตูลเข้ามาใกล้มากขึ้น พี่ฟ้าทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แต่ตอนนี้ต่อมความหิวผมไม่ทำงานเลย
“ยังไม่หิว”
ผมบอกตามจริง
“กินซะหน่อยเถอะ จะได้มีแรง กินเยอะ ๆ แผลจะได้หายเร็ว ๆ”
พี่ฟ้าขยับชามข้าวต้มมาไว้ตรงหน้า
“ไม่หิว”
“กินหน่อย จะได้กินยา”
ไผ่มันบอกด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มการบังคับเข้าไปหน่อย ๆ
“ก็กูไม่หิว”
ผมยืนยัน มันถอนหายใจแรง
“ถ้าไม่กิน กูจับกรอก”
มันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมมองตามัน แอบต่อว่ามันในใจว่าที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะมันนั่นแหละ
แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะผมเองก็ผิดที่ลงไปเล่นแบบนั้นกับมัน ผลของการโกหกคงเป็นแบบนี้แหละ สวรรค์คงกำลังลงโทษผมอยู่
ผมก้มหน้า แล้วน้ำตาก็พากันไหล
“เฮ้ย! กูขอโทษ ทำไงดีพี่ฟ้า”
มันทำเสียงตื่น หันไปถามพี่ฟ้า พี่ฟ้าเขยิบเข้ากอด
“ไม่ต้องกินเยอะก็ได้ แต่กินรองท้องซะหน่อยจะได้กินยานะ พี่อุตส่าห์ทำให้”
ผมเงยหน้าทั้งน้ำตามอง พยักหน้ารับ ตักข้าวต้มเข้าปาก แต่กินไปได้แค่สามคำก็ต้องวางช้อน มันไม่หิวจริง ๆ ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนผมกินมาแล้วสามชามโต ๆ
“พอแล้วเหรอ อีกสักคำสิ”
พี่ฟ้าร้องขอ ตักข้าวต้มมาจ่อไว้ใกล้ปาก ผมส่ายหน้าไปมา พี่ฟ้าไม่ดันทุรัง หันไปหยิบยามายื่นให้พร้อมน้ำ ผมเอายามากิน จิบน้ำตาม
“นอนพักซะนะ”
ผมพยักหน้ารับ ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอน
“ถ้ามึงกลัว กูจะอยู่เป็นเพื่อน”
ตอนแรกว่าจะปฏิเสธเพราะเกรงใจเพื่อน แต่คิดไปคิดมา มีไผ่อยู่ ผมกับพี่คงปลอดภัยมากกว่า ผมพยักหน้า คว้าจับมือมันไว้
“รับปากกูนะ อย่าเพิ่งไปไหนจนกว่ากูจะตื่น”
ผมบอกแค่นั้น ก่อนสติผมจะค่อย ๆ จางหายไปอีกรอบ
To Be con..
เห็นคอมเม้นท์แล้วมีกำลังใจ รีบมาลงให้อ่านกันอย่างไว ฮุ้ย ๆ (เอาแส้ตีตูดตัวเอง)