ตอนที่ 29 เหตุวุ่นวาย 2
เวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อคะน้ากับช่อแก้วก้าวเท้าลงมาจากรถ
เหยียบย่างลงบนผืนไร่เขตแผ่นดิน
“โอ้โห!!! บ้านช่องใหญ่โตท่าทางข้าวคงจะไม่ลำบากสินะอยู่ที่นี่
เป็นตั้งดาราดัง จะมาตกอับได้ยังไงกัน จริงไหมคะน้า"
น้าช่อมาถึงก็จับหมุนสำรวจตามเนื้อตัวแขนขาของกอหญ้าเป็นการใหญ่
ดูวุ่นวายไปหมด จนกอหญ้าชักจะวิงเวียน
“ขอโทษทีครับ…คุณเป็นใคร?”
กอหญ้าเริ่มสวมบทละครทันที และปัดมือน้าช่อออกจากจับต้อง
“เอ่อ…คือน้าช่อแก้ว แม่เลี้ยงใจยักษ์ เอ๊ย!! น้าช่อ…ที่เลี้ยงกอหญ้ามาจนโต
ด้วยเงินคุณพ่อที่ทำประกันชีวิตไว้ให้เราไงล่ะ อุ๊ย! พูดผิดอีกแล้ว… สรุปว่าเขา
เลี้ยงเรามาจนโต เข้าใจนะกอหญ้า”
คะน้าอดที่จะเหน็บแนมช่อแก้วไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้ เธอจึงจัดไปแบบเบาๆ
ซึ่งทำเอาคนโดนแขวะหน้าเชิดคอตั้งขึ้นมาทันที
“แล้วนี่เมื่อไหร่จะหายล่ะ จะได้กลับไปทำงานทำการเสียทีหายตัวมาจะครึ่งปี
แล้วงานการจะหายหมด อีกอย่างน้าก็จะอดตายแล้วด้วย…เจ้าหนี้ตามทวงเช้า
ทวงเย็น จนน้าไม่เป็นอันกินอันนอน หายสักทีเถอะนะ…ข้าว น้ากำลังเดือดร้อน”
แผ่นดินมองผู้หญิงที่เข้าสู่วัยกลางคนแต่แต่งตัวจัดจ้าน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูดีไม่เบา
แต่คำพูดที่เปล่งออกมามีแต่ความเห็นแก่ได้…กอหญ้าถูกสูบเลือดสูบเนื้อขนาดนี้…
เห็นแล้วก็สงสาร
“สรุปที่คุณน้ามาที่นี่ ด้วยเป็นห่วงลูกเลี้ยง หรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่”
แผ่นดินพูดเสียงแข็ง อย่างที่ไม่ยอมใครง่ายๆ ช่อแก้วมองชายหนุ่มที่ไม่มีทีท่า
จะลงให้ใครแล้วก็ถอยไปหาคะน้า
“อ่อ…คนนี้สินะที่ช่วยข้าวไว้น่ะ หน้าตาก็ดีแต่พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ
ข้าวเป็นลูกเลี้ยงฉันกว่ามันจะโตมาได้ขนาดนี้ ฉันนี่หมดเงินกับมันไป
เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว เป็นแค่คนอื่น…อย่ามาทำพูดดี คะน้าไหนๆ
เราก็มาถึงนี่แล้ว พาข้าวกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย ฉันเดือดร้อนต้อง
ใช้เงินให้มันไปรับงาน”
ช่อแก้วไม่มีทีท่าจะผ่อนปรนให้ใคร แถมยังกล้าพูดจาค่อนขอดชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตลูกเลี้ยงของเธอไว้อีก
“น้าช่อ หนี้สินนั่นน่ะ มันเกี่ยวกับข้าวซะที่ไหน อย่าได้ขูดรีดน้องมันนักเลย
ตอนนี้ยิ่งข้าวเป็นแบบนี้ด้วย สมองยังเสื่อมจะไปรับงานอะไรไหว น้าช่อก็เลิกเล่น
ซะทีการพนันน่ะ ไม่สงสารข้าวมันบ้างหรือไง ผอมจะตายอยู่แล้วเห็นใจบ้างไหม
ทั้งขูดทั้งรีดจนจะเหลือแต่กระดูกแล้ว จะให้น้องมันตายๆ ไปเลยหรือไงกันถึงจะพอใจ
ไม่ใจร้ายใจดำเกินไปหรือ”
คะน้าเถียงกลับอย่างเหลืออดที่เห็นความใจดำของช่อแก้ว
เมื่อโดนตอกกลับขนาดนั้นช่อแก้วโกรธจนปากคอสั่นอ้าปากจะเถียงกลับ แต่หาจังหวะไม่ได้
“อะไรกันครับ พี่คะน้า ผมมีหนี้กับใครด้วยเหรอ”
กอหญ้าพูดขึ้นบ้างจากที่ฟังมานาน
“ข้าวจะไปมีหนี้ได้ยังไงกันล่ะ ไม่เคยแม้แต่จะซื้อหาอะไรให้ตัวเองเลย
อย่าไปฟังน้าช่อแกเลย”
คะน้าพูดให้กอหญ้ารับรู้ ซึ่งเป็นการเล่นละครฉากใหญ่อีกเหมือนกันของเธอ
“แต่น้าเลี้ยงแกมานะข้าว จะเนรคุณ! ไม่คิดช่วยเหลือกันเลยรึไง คนกำลังเดือดร้อน
กลับกรุงเทพฯกันนะ เดี๋ยวน้าหางานให้เอง น้ารู้จักคนเยอะแยะไป เสี่ยกระเป๋าหนักๆ
ก็เยอะที่เขาอยากได้เรานะ ทั้งคุณหญิงคุณนาย หลับหูหลับตาไปนั่งกินข้าวด้วยสัก
ชั่วโมงสองชั่วโมง…ขี้คร้านข้าวอยากจะได้อะไรพวกนั้นก็ประเคนให้แล้วละ กลับไปกับน้านะข้าว”
แม่เลี้ยงอ้อนวอนโดยชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาพูด จากทีแรกที่ต่อว่าต่อขาน กลายมาเป็นวิงวอนในตอนท้าย
“นี่ยัยแม่เล้า! คิดจะขายลูกกินหรือไง อ่อ! ไม่ใช่ลูกตัวเองนี่นะ พูดแต่ละคำไม่มีอายปาก
ไปขายหนังเหี่ยวๆ ของตัวเองนู่นไป…คงจะมีคนหลับหูหลับตาเอาอยู่หรอก ทุเรศ! สิ้นดี
อย่าได้มายุ่งวุ่นวายกับกอหญ้าของผม! ไม่งั้นอย่าหาว่าผมโหดร้ายนะถ้าขืนไม่ฟังกัน
ชานนท์ไปตามมิ่งกับขวัญมาที…พาผู้หญิงหน้าเงินนี่ไปให้พ้นๆ ไร่เราด้วย หรือจะพาไปทิ้ง
ให้เสืองาบก็เอาไป”
แผ่นดินโมโหอย่างหนัก หน้าดำหน้าแดงแล้ว ใครจะทนฟังได้วาจาที่หล่อนพูดมีแต่ได้
…แถมคิดจะเอาคนรักของเขาไปบำเรอพวกเสี่ยอีก คิดมาได้จิตใจต่ำสิ้นดี
“พี่ดินครับ ใจเย็นๆ นะฮะ กอหญ้าไม่ไปกับเขาแน่นอน กอหญ้าจะอยู่ที่นี่กับพี่”
กอหญ้ากอดแขนแผ่นดินไว้แน่น
“นี่แกอย่าบอกนะ! ที่ไม่อยากกลับไปกับฉันเพราะมาหลงผู้ชายอยู่ที่นี่ ใช่มั้ยคะน้า!
เธอก็รู้เห็นเป็นใจด้วยรึไง! เหอะ! ถ้าข่าวนี้หลุดออกไป ได้งามหน้ากันแน่ๆ ดาราขวัญใจ
ประชาชน ข้ามฟ้า เหนือเวหา…เป็นเกย์”
เธอหันมาพูดจาว่าร้ายกอหญ้าต่อทันที
“อะไรกัน ยัยแม่เลี้ยงใจยักษ์ กอหญ้านี่เป็นหลานฉัน เขาจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับหล่อน
เก็บปากเน่าๆ ของหล่อนไว้กินข้าวเถอะ ดินพาน้องไปพักก่อนไป เพิ่งหายไข้ไม่ใช่เหรอ
อย่าได้ใส่ใจยัยหน้าเงินนี่เลย แล้วนี่มิ่งกับขวัญมาหรือยัง ใครไปดูทีสิ”
คุณย่ายุติปัญหาตรงหน้าลงทันที
“ดิน พาน้องไปสิ ที่เหลือพ่อจัดการเอ ง นั่นมิ่งกับขวัญมาแล้ว คุณคะน้าอยู่ก่อนนะ
พักห้องเดิมนั่นแหละ...เดินทางมาเหนื่อยๆ…ไปพักกันไป”
พ่อเขตเข้ามาจัดการอีกคน ทำเอาน้าช่อแก้วหน้าตาตื่นที่ทุกอย่างไม่เป็นไปในทิศทาง
ที่เธอต้องการ ลูกเลี้ยงก็ตามตัวกลับไปด้วยไม่ได้ แถมเจ้าของบ้านยังไม่ต้อนรับอีก
คะน้าก็ลอยแพเธอจนได้กลางป่ากลางเขาด้วยสิ
“นายเขต มีอะไรให้มิ่งจัดการครับ สั่งมาได้เลย”
มิ่งกับขวัญเดินเข้าบ้านมา มิ่งสีหน้าเอาเรื่องกว่าขวัญที่ออกจะนิ่งๆ เสียมากกว่าพี่ชาย
“มิ่งกับขวัญ พาแม่ผู้หญิงหิวเงินนี่ไปจากไร่ที เขาอยากจะลงตรงไหนก็ปล่อยเขานะ
แต่ให้พ้นเขตไร่เราออกไปเยอะๆ ยิ่งดี”
พ่อเขตออกคำสั่ง ซึ่งน้อยครั้งที่ท่านจะลงมือจัดการอะไรแบบนี้ ทำเอาแผ่นดินปลื้ม
ในอกที่ท่านดูเอาใจใส่เรื่องของกอหญ้าเสมือนเป็นลูกหลานที่ใครจะมารังแกไม่ได้
“เอ้า! ตามมาสิ หรือต้องให้คนมาหามออกไป”
มิ่งทำหน้าโหดใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญของไร่
“พวกแก!!! คอยดูนะ มันไม่จบง่ายๆ แบบนี้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน คอยดู!!
ไม่ต้องมาจับฉัน!! ปล่อย!!”
ช่อแก้วเดินปึงปังออกไป ทิ้งสายตาอาฆาตไว้ก่อนจะไปขึ้นรถที่ขวัญเป็นคนขับ
ส่วนมิ่งนั่งประกบคู่ไป
“หน้าตาก็จัดว่าดี ทำตัวไร้ค่าจริงๆ พ่อเราไปคว้ามาทำเมียได้ยังไงหน้าเนื้อใจเสือแบบนี้
คนประเภทนี้ต่อให้เราดีด้วยแค่ไหนก็ไม่เป็นผลหรอกนะกอหญ้า ระวังเนื้อระวังตัวไว้บ้าง
เข้าตาจนขึ้นมาได้ถูกจับไปบำเรอเสี่ยอย่างปากหล่อนพูดแน่ๆ”
พ่อเขตพูดพาดพิงไปถึงบิดากอหญ้าที่เลือกผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา จนกรรมตกอยู่ที่
กอหญ้าอย่างนี้ และเตือนกอหญ้า ด้วยความปรารถนาดี
“ย่าว่าเราก็ต้องระวังให้มากอย่างที่พ่อเขตบอกนั่นแหละ อย่าไปข้องแวะด้วยเลยคนพรรค์นั้น
รังแต่จะเปลืองเนื้อเปลืองตัวและพลอยทำเราตกต่ำเปล่าๆ โตมาได้จนขนาดนี้และรอดปากเหยี่ยว
ปากกาได้ก็นับว่าเป็นบุญมากแล้วลูกเอ๊ย! เฮ้อ…”
คุณย่ารำพึงรำพันไม่หยุด
“น่าสงสารคุณกอหญ้าจริงๆ เลยนะ อยู่กับเราซะที่นี่ ก็ดีแล้วล่ะครับผมว่านะ”
ชานนท์พูดขึ้นอย่างเป็นห่วงด้วยอีกคน
“ค่อยๆ คิดกันอีกทีก็แล้วกัน เรายังมีสัญญาที่ติดค้างกับต้นสังกัดอยู่…ยังไงก็ต้องกลับไป
ทำงาน ถ้าจะออกจากวงการค่อยว่ากันอีกที พี่ไม่บังคับเราหรอกนะข้าว”
พี่คะน้าพูดให้เห็นว่าสุดท้ายก็ต้องกลับไปทำงานอยู่ดี
“ขอบคุณพี่คะน้ามากๆ ที่ดูแลข้าวมาตลอด ข้าวจะคิดดูอีกทีก็แล้วกัน
อาจจะต้องกลับไปสะสางงานให้จบสิ้นจริงๆ อย่างที่พี่ว่า …ข้าวก็เหนื่อย
มาเยอะแล้วเหมือนกัน…อยากอยู่เงียบๆ เป็นคนธรรมดาๆ แค่มีที่ให้หลับให้นอน
มีข้าวให้กิน…แค่นี้ข้าวก็พอแล้ว”
กอหญ้าพูดออกมาจากใจ สายตาที่เหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นเด่นชัด
จนแผ่นดินต้องเข้าไปโอบบ่าให้เอนศีรษะซบที่ไหล่ของเขา คนน่าสงสารก็ไม่มีขัดขืน
คงเหนื่อยและท้อเต็มที
“ที่นี่ยินดีต้อนรับนะลูก มาอยู่เสียด้วยกัน…มาเป็นครอบครัวเดียวกัน ย่ากับพ่อเขตน่ะ
เต็มใจอย่างยิ่ง ส่วนเจ้าดินมันเต็มใจเสียยิ่งกว่าอะไรอีก จริงมั้ยล่ะเจ้าดิน?”
คุณย่าออกปากรับเขาเข้ามาร่วมชายคาก่อนคนแรก
“ฮะคุณย่า ยินดีและเต็มใจที่สุด”
แผ่นดินลูบหัวกอหญ้าโดยไม่แคร์สายตาทุกคู่ที่มองมา โดยเฉพาะผู้จัดการสาว
ที่มองจ้องคนทั้งคู่จนตาแทบหลุด
“นี่…ข้าว นาย…เอ่อ…พี่ตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า สองคนนี้เอ่อ…..”
พี่คะน้าชี้มาที่เขาสองคนอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตาเห็น
“ครับพี่คะน้า เราสองคน…รักกัน”
กอหญ้าพูดแล้วก้มหน้าไม่กล้าสู้ตาผู้จัดการส่วนตัว
“นี่ข้าวของพี่ลืมยัยไอริณ ไปแล้วเหรอไง?”
คะน้าถามกลับทันควัน ทีแรกที่คุยกันฟังเหมือนยังสับสนอยู่
แต่ตอนนี้เหมือนจะตกลงปลงใจกันแล้ว
“เอ่อ…ข้าวไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยชอบขิมนะ พี่คะน้า”
กอหญ้าพูด แววตาไม่มีลังเลสักนิด
“ช่างกล้าพูดนะเรา…มาถึงเชียงใหม่ ไม่ใช่เพราะโดนหักอกมาหรือไงกันจ้ะ”
คะน้าค่อนแคะ อย่างมันเขี้ยว
“อ้าว! นั่นเจ้ากริชกับเจ้าทัพ ทำไมกลับมาเร็วจั ง แตงโมน้องตื่นหรือยังไปดูทีสิ
แล้วก็แม่สายไปเตรียมทำครัวเลยไป วันนี้กินข้าวเย็นกันเร็วหน่อยนะ ฉันใช้พลังไปเยอะ
หิวแล้วเนี่ย”
คุณย่าบ่นหิว
“เดี๋ยวแก้วไปจัดของว่างมาก่อนดีกว่านะคุณท่าน รอแป๊บนะคะ”
สาวใช้อาสาไปเตรียมของว่าง
“เออ ดีๆ ไส้ฉันก็จะบิดแล้วเหมือนกัน”
พ่อเขตก็บ่นหิวขึ้นมาอีกคน
“มีอะไรกันครับทุกคน เหมือนผมกับน้องจะตกข่าวสำคัญอะไรไปอีกแล้วนะครับ
แลจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยรอบนี้”
ฐานทัพเดินเข้ามาเห็นทุกคนอยู่กันครบ ไม่เว้นแม้แต่แม่ครัว
“พี่คะน้า สวัสดีฮะ มาถึงนี่เลยนะฮะ”
กริชทักทายคะน้า แปลกใจที่พบว่าเธอรวมอยู่ในกลุ่มคนที่บ้านด้วย
“แน่นอนจ้ะ น้องกริช คนของพี่อยู่ที่ไหนพี่ก็ต้องตามไปดูแลสิคะน้อง”
คะน้าจีบปากตอบเด็กหนุ่ม เธอก็เพิ่งรู้จากกอหญ้าว่ากริชบังเอิญกลายมาเป็น
เครือญาติกับคนที่ไร่นี้
“อ้อ…แล้วนี่พี่ฐานทัพน้องชายพี่ดินฮะ/// แล้วนี่ก็พี่คะน้า เป็นผู้จัดการส่วนตัวของ
คุณข้ามฟ้า เหนือเวหา ครับพี่ทัพ”
กริชแนะนำพี่คะน้าให้พี่ทัพรู้จัก ทำเอาพี่ทัพเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณคะน้า แล้วนี่คุณรู้จักกับเจ้ากริชด้วยเหรอ…คุณดาราขวัญใจ
เจ้ากริชมาด้วยหรือเปล่าล่ะครับ ถ้ามาผมจะขอถ่ายรูปคู่สักหน่อย อีกอย่างคุณย่าของ
ผมจะได้เห็นเสียทีว่าผมก็หล่อไม่แพ้พ่อพระเอกของท่านเลยล่ะ”
กริชพูดขึ้น ทำเอาคะน้าพอจะมองรูปการออกว่าชายหนุ่มหน้าตาคมคายคนนี้
คงไม่ได้รู้ระแคะระคายอะไรเลยเกี่ยวกับดาราในสังกัดของเธอ
คะน้ายิ้มกริ่มนึกอยากจะแกล้งหนุ่มหล่อคนนี้ขึ้นมา
“งั้นเหรอคะคุณฐานทัพ อืม…เอายังไงดีน๊า…ข้าวถ่ายรูปกับคุณฐานทัพสักรูปสิน้อง
พี่ไม่เรียกเก็บค่าตัวจากคุณฐานทัพหรอก ฟรีค่ะงานนี้…คนกันเองนี่นะ”
คะน้าพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง หันไปพูดกับกอหญ้า
“ใจดีจังฮะ แล้วไหนล่ะคุณข้ามฟ้าน่ะ ผมชักจะตื่นเต้นแล้วสิครับ”
ฐานทัพหันมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของคุณข้ามฟ้า
'แต่เอ๊ะ! คุณคะน้าหันไปบอกกับกอหญ้าทำไม เอ….เกี่ยวอะไรกับกอหญ้าด้วยล่ะ'
“ข้าวไปแอบอยู่ด้านหลังพี่ดินทำไมกันล่ะ ออกมาสิ! มาถ่ายรูปกับน้องชายคุณดินเขา
หน่อย เร็วจ้ะ”
คะน้ากระเซ้า เพราะน้องชายคุณดินคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่ากอหญ้าคือข้ามฟ้า น่าแกล้งสุดๆ ไปเลย
“พี่คะน้า! อย่าไปแกล้งพี่ทัพสิฮะ เราไปทานของว่างกันดีกว่า พ่อเขตกับคุณย่าบ่นหิวกันแล้วละ”
กอหญ้าเปลี่ยนประเด็นการสนทนา
“ได้ยังไงกันล่ะครับ ขอผมเจอคุณข้ามฟ้าก่อนสิครับ คุณคะน้าพูดแล้วนะครับ”
ฐานทัพยังไม่ยอมท่าเดียว
“พี่ทัพครับ…เอ่อ…กอหญ้าขอโทษนะฮะ ที่ไม่ได้บอกว่า จริงๆ แล้ว…เอ่อ…กอหญ้าคือ…ข้ามฟ้า
ขอโทษจริงๆ ครับ”
กอหญ้าจำต้องเฉลยออกเพราะดูฐานทัพที่ไม่ยอมจบ เมื่อพูดไปแล้วก็อดสงสารอีกไม่ได้ที่ทุกคน
พากันกลั้นยิ้มกับท่าทางตื่นๆ อ้าปากหวอและดวงตาที่เบิกกว้างอย่างกับไข่ห่าน
“เจ้าทัพเอ๊ย! ใจเย็นๆ นะลูก อย่าตื่นเต้นไปมากนัก เดี๋ยวหัวใจจะวายก่อนที่จะได้ถ่ายรูป
คู่กับพ่อข้ามฟ้าของย่า”
คุณย่าเดินเข้ามาตบบ่าหลานชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วเดินเลี่ยงออกไปหาของว่างทาน
“กอหญ้า คือ ข้ามฟ้า จริงๆ เหรอครับ ใช่จริงๆเหรอฮะพี่ดิน!!!”
แผ่นดินเดินเข้ามาตบแก้มน้องชายเบาๆ อีกคน ฐานทัพมองกอหญ้ากับพี่ดินสลับกันไปมา
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตลอดหลายเดือนมานี้ ข้ามฟ้า เหนือเวหา อยู่ใกล้ๆ กันเพียงแค่นี้เอง
อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน กินข้าวหม้อด้วยกัน แล้วที่สำคัญเขาพูดอะไรออกไปเยอะแยะ
จะให้เขาเอาหน้าไปมุดไว้ตรงไหนกัน หน้าแตกแบบไม่เหลือเศษซากดีๆสักชิ้น
“พี่ทัพฮะ…ไปทานของว่างกันเถอะ”
กอหญ้าออกปากชวนเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะตามมา ฐานทัพสะดุ้งโหยงเมื่อ
ถูกชักชวนจากคนต้นเรื่องที่เขาไม่รู้จะวางตัวด้วยยังไง
“เอ่อ…พี่…คือผม โว๊ะ…ยังไงดีล่ะ ทานกันไปเหอะยังไม่ค่อยหิวน่ะ
ไว้รอทานมื้อหนักเลย”
ฐานทัพตอบด้วยอาการประหม่าหรือเรียกว่าปรกดักประเดิดเสียมากกว่า
หมดมาดหนุ่มหล่อที่เคยเชื่อมั่นนักหนา
“พี่ทัพ พูดในแบบปกติของพี่เถอะฮะ ผมคือกอหญ้าครับสำหรับคนบ้านนี้
ช่วยเรียกผมอย่างเดิมเถอะ…นะฮะ”
กอหญ้าพูดขอร้องให้วางตัวกับเขาเหมือนอย่างเคย
“อืม…ได้ๆ กอหญ้าก็กอหญ้า เห้อ…ดีเหมือนกันพี่จะได้ไม่เกร็งไปด้วย…นี่เจ้ากริช
อย่าบอกนะว่าแกรู้มานานแล้วใช่ไหม รู้ก่อนแล้วสิท่า ทำไมไม่มีบอกกล่าวกันบ้างเลย
…น้องเลว…ทำพี่ปล่อยไก่ซะแทบหมดเล้า”
ฐานทัพหันไปเล่นงานน้องชายที่รู้เห็นไปกับพี่ชายด้วย เขาก็เลยกลายเป็นตัวตลกของบ้านไปเลย
“ผมพูดไม่ได้นี่ครับ…ก็ผู้ใหญ่ขอร้องมา ผมเป็นเด็กก็ต้องเชื่อฟังสิครับ”
กริชพูดจบ ฐานทัพจึงชี้หน้าคาดโทษน้องตัวแสบ
`พี่ดินก็ดันเล่นของสูงเสียด้วย ดูดิ! นั่งแทบจะเกยตักกันอยู่แล้ว`
ฐานทัพได้แต่มองพี่ชายที่มีสีหน้าชื่นมื่นไม่
จวบจนมื้อค่ำมาถึง และก็ได้ชานนท์ผู้จัดการหนุ่มที่เป็นผู้เล่าเรื่องราวที่สองพี่น้อง
ตกหล่นไปให้ได้รู้ ชานนท์เริ่มเล่าตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบเรื่อง
“ขอต้อนรับว่าที่พี่สะใภ้ ครับผม”
ฐานทัพกระเซ้ากอหญ้าที่นั่งหน้าแดงระเรื่อ
“รักกันนานๆ นะฮะ…พี่ข้าว…พี่ดิน ฮือฮือ”
กริชแกล้งเช็ดน้ำตาป้อยๆ จนพี่ดินยกมือมายีหัวน้องชายจนยุ่งเหยิง
“แต่อุปสรรคที่น่ากลัวที่เราต้องตั้งรับคงไม่พ้นบรรดานักข่าว ป่านนี้แม่เลี้ยงใจยักษ์นั่น
ไม่ไปโพนทะนาเสียทั่วแล้วเหรอ…เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีๆล่ะกอหญ้า แกด้วยเจ้าดิน!”
พ่อเขตพูดขึ้นมาทำเอาทุกคนพุ่งเป้าไปมองที่แผ่นดินกับกอหญ้าเป็นตาเดียว
ทั้งสองหนุ่มก็พลอยคิ้วขมวดมุ่น เมื่อรับรู้ว่าเรื่องที่เขาทั้งสองจะต้องเผชิญคงใกล้จะมาถึงอีกไม่นานนี้เป็นแน่
*********************************************
Talk : พรุ่งนี้ติดภารกิจน๊า คนอ่านที่รัก เจอกัน วันนู้นนะ