สวัสดีค่า มาต่อแล้วว
แต่ครั้งก่อนบอกไปว่าตอนนี้จะจบ ขอโทษนะคะ T^T
มันจบไม่ได้จริงๆ แงงงงงงงง จบตอนหน้านะค้าาา ><
ยกที่ 6
ม.6/3
ตกเย็นทีไรสองเท้าก็พาตัวเองมายืนหน้าห้องนี้อย่างอัตโนมัติ ฮื่อ
เดี๋ยวนี้มาบ่อยจนคนน่ารักที่นั่งตรงประตูไม่ต้องถามให้เสียเวลาว่ามา
หาใคร เห็นหน้าผมปุ๊บเรียกไอ้นาวามาให้เลยทันที
“มีอะไร”
แต่ไอ้คนตรงหน้าที่เจอกันเกือบทุกวันก็ยังถามเหมือนเดิมทุกที
ทั้งๆที่ก็รู้ป่ะวะว่ากูไม่ได้มีอะไรอ่ะ..
จะให้กูตอบว่าอะไรวะ ตอบว่ามาหามึง อยากเห็นหน้า เอาขนมมาเปย์
งี้หรอ!!!
“ไม่มีอะไร เอาขนมมาให้” ได้แต่ด่ามันในใจแต่ก็ยืนยิ้มยื่นโอรีโอ้กับนมเย็นแก้มวหนึ่งที่พก
มาให้แต่โดยดี
“คราวนี้ได้มาจากไหนอีกล่ะ”
“กูไม่โกหกละ ก็ตั้งใจจะซื้อมาให้มึงแดก”
ฟอร์มเฟิร์มไม่ต้องมีละไอ้เหี้ย ไอ้นาวายักคิ้วนิดหน่อยก่อนจะพูดกับผมด้วยประโยคนี้เป็น
ครั้งแรก
“เออ .. มึงเข้ามาในห้องก่อนดิ”
เชร้ดเขรรรรรรรรรรรรรรร้ บอกผมทีว่าผมไม่ได้หูฝาดไปปปป ไอ้นาวามันชวนผมเข้า
ห้อง(เรียน)ว่ะ !!!
ปกติมาทีไรก็ได้แค่มาเปย์หน้าห้องแล้วกลับ เห็นหน้าแค่เสี้ยววิ ก็ต้องไป ไอ้ห่า คุ้มไหมวะเนี่ยกู
ผมเดินตามหลังมันก่อนจะมาหยุดที่โต๊ะตัวเดิมที่มันนั่ง เนื่องจากผ่านเวลาเลิกเรียนมาสักพัก
แล้ว ในห้องเลยเหลือคนนั่งอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น และที่สำคัญ…
ไอ้นัทม่ายอยู่ววววววว ว้ายยยยยยยย
มึงพลาดละไอ้สัด ฮี่ๆๆๆๆ วันนี้ไอ้นาวาเสร็จกูแน่
“ชวนกูเข้าห้องจะให้กูช่วยอะไรรึเปล่าจ๊ะ ฮี่ๆๆ”
ผมถามกวนตีนไอ้วา เอามือจิ้มๆที่ต้นแขนมันก่อนจะยืนบิดไปมาสองสามที
“ห้องเรียนไอ้สัด พูดให้ครบ” มันขมวดคิ้ว ส่ายหัวไปมาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่น
นึงใต้โต๊ะแล้วยื่นให้ผม
“อะไรอ่ะ ทะเบียนสมรสกูกะมึงหรอ” นี่ หยอดซะหน่อย
“อ๋อ เปล่า ใบมรณะของมึงไง”
ว้ายยยยยย แรงมากกกกกกกก
ผมยิ้มแห้ง เอื้อมมือไปกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะอ่านหัวข้อดู
‘แบบประเมินสำรวจความชอบของนักเรียนม.ปลาย’
ทำไมชื่อมันทะแม่งๆวะ
“อะไรวะ” ผมเลิกคิ้ว หันไปถามไอ้นาวาที่นั่งขีดๆเขียนๆกระดาษอยู่ข้างหน้า
“อ่านไม่ออกหรอ”
“กูอ่านออกแต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร อธิบายกูทีครับ”
“ก็”… มันเงยหน้าขึ้น “ห้องกูทำแบบสำรวจ มึงช่วยกูตอบหน่อย”
“อ้อนกูก่อนดิ เดี๋ยวกูทำให้เลย” ผมถามยิ้มๆ
กล้าจังเลยนะกูเนี่ย ถามแบบนี้ร้อยทั้งร้อยพนันได้เลยว่าไอ้นาวาจะต้องด่ากลับมาว่า
“ไอ้เหี้ย”
นั่นไง
“ ถ้ามึงไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เอาคืนมาเลย” มันด่าก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแผ่นกระดาษออก
จากมือผม แต่ผมไวกว่า รีบฉกกลับมาได้ก่อน
“เรื่องไร กูล้อเล่นน่าาาาาาาาา กูก็แค่คิดถึงตอนนั้นที่มึงเคยอ้อนกูเฉยๆ แต่มันคงไม่มีอีก
แล้ว ซิกๆๆ” ผมทำหน้าเหมือนหมาหิวนมก่อนจะแอบไปขำเมื่อเห็นไอ้นาวาทำหน้ากลืนไม่
เข้าคายไม่ออก
“กูไปอ้อนมึงตอนไหน”
“แน้ ทำเป็นลืม ตอนที่ติดอยู่ในห้องไง ขุน อย่าไปนะะ กูขอนะ อยู่กับกูก่อนนะ นะๆๆๆ”
”หยุด!”
“อย่าเพิ่งไปน้าขุนนนน”
“ถ้าไม่หยุดก็ออกไปจากห้องกู”
น่านนนนนนน มีคนงอน!!!
ไอ้นาวาก็งีแหละครับ
ไปต่อไม่ถูกทีไรใช้มุกโกรธกูตัลหลอดดดดด
แต่ขอโทษ กูรู้ทันมึงแล้วว ว้ายยยย
แต่วันนี้แม่งเพิ่มสตรีมว่ะ แม่งลากเก้าอี้ออกแล้วไปนั่งหันหลังให้กูเฉ้ยยยยยย
โอ้ยยย ทำไมมันน่าแกล้งขนาดนี้ๆๆๆ
“งอนกูหรอ”
“ใครงอน กูไม่ได้งอน”
โอ้โห มาเต็ม
“อย่างอนเลยน้าเดี๋ยวกูทำให้ นะๆๆ”
ผมเขยิบเข้าไปใกล้ จิ้มหลังมันจึ้กๆๆ นี่ ทำตัวน่ารักดีนัก
กูแบ๊วกลับแม่งเลย
“เดี๋ยวกูทำให้อีกสิบแผ่นเลย หันมาคุยกับกูก่อน ไม่งอนกูดิ”
…
“ไม่งอนกูนะ นะ”
“โอ้ย ไอ้สัดก็กูบอกว่าไม่ได้…!!!!”
เฮือก
ช็อค พูดต่อไม่ถูก
ไม่ได้หมายถึงแค่มัน แต่ผมก็ด้วย
ด้วยความที่ไอ้นาวาหันหลังกลับเร็วมาก ผมเลยผละออกไปไม่ทัน
หน้าของเราเลยห่างกันไม่ถึงคืบ
อึก…
ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง
ใกล้ว่ะ
ใกล้เกินจะทนแล้ว
ไอ้นาวาข้างหน้าก็ทำตาโต ปากเผยอขึ้นด้วยความตกใจ
เห็นแล้วอยาก…
อยาก…
ผลั่ก!!!!!!!!
ก่อนจะทันได้คิดอะไรเพ้อเจ้อ ไอ้นาวาคนปากเจ่อข้างหน้าก็รีบผลักผมออกก่อนด้วยความ
รวดเร็ว
โอ้ยยยยยยย ผลักเบาๆก็ได้มั้งไอ้ควาย ผลักทีเหมือนจะให้กูพุ่งทะยานไปสู่เนบิวลานอก
โลก หลังกระแทกโต๊ะดังปั้ก!!!
นี่มึงเกลียดอะไรกูเป็นการส่วนตัวป่ะเนี่ยยยยยย
“โอ๊ยยย”
ด้วยความสำออยขั้นเทพ มารยาของไอ้ขุนคนนี้บอกเลยว่าไม่แพ้หญิงใดในโลก ยิ่งกว่า
กันยาตัวร้ายในเรื่องเมีย 2018 ไม่ว่าใครเห็นแล้วจะต้องใจอ่อน
“กูเจ็บอ่านาวาาา”
“อย่าเยอะมึงอ่ะ”
อ้าว
“ไปทำแบบสอบถามให้กูต่อเลยอย่ามาฟอร์ม”
อ้าวเฮ้ย
ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นาาาาาา
ฮือออออออออ
ถึงจะเจ็บใจและเจ็บหลังแต่ขุนพลคนน่ารักก็ต้องคีพโกอิ้งออน
นาวาว่าไงพี่ก็ว่าตามนั้นจ้ะ ไม่ขัดหรอก กลัวโดนโบก
ผมหันไปหยิบแบบฟอร์มใบสอบถามมาทำแต่โดยดี คำถามก็ไม่มีอะไรมาก เป็นทำนองว่า
ของกินที่ชอบ เครื่องดื่มที่ชอบ ของใช้ที่ชอบ ร้านอาหารแถวโรงเรียนที่ชอบ บลาๆ เมื่อผม
ตอบเสร็จก็กำลังจะยื่นคืนให้มันแต่หากสายตาช่างสังเกตของผมมันดันเหลือบไปเห็นตัว
อักษรเล็กๆที่ข้างหลังกระดาษพอดี
รายงานการประชุม…?
ตัวอักษรเล็กๆที่เขียนไว้ที่มุมด้านหลังของกระดาษ ลายมือแบบนี้ไม่ต้องบอกผมก็จำได้ว่า
ใคร ลายมือไอ้นาวาร้อยล้านเปอร์เซ็นท์
ทำไมถึงมีลายมือมันในกระดาษใบสอบถาม จะว่ามันเอาใบสอบถามไปใช้จดก็ไม่น่าใช่
เพราะใบสอบถามเพิ่งได้วันนี้แต่วันนี้มันไม่มีประชุม
โห ไอ้สัด ยิ่งกว่าผู้จัดการดาราก็กูเนี่ยแหละ ผู้จัดการนาวา
เป๊ะกว่ากูมีอีกมั้ย รู้ตารางทั้งวันตั้งแต่คาบวิชายันเวลาประชุม
“นาวา” ผมเอ่ยถาม
“ว่า”
มันเงยหน้าขึ้นมอง
”แบบสอบถามแผ่นอื่นอยู่ไหนวะ”
มันเลิกคิ้ว มองผมด้วยหน้านิ่งๆเหมือนเดิม
“ถามทำไม”
“ก็เดี๋ยวกูจะได้ช่วยเอาไปให้เพื่อนทำให้”
“มีเพื่อนด้วยเหรอมึงอ่ะ”
เนี่ย ไม่ด่ากูสักวินาทีจะได้มั้ยยย
”เยอะแยะ อยู่ไหนล่ะเดี๋ยวกูเอาไปให้คนอื่นช่วยทำ”
“ใบอื่นคนอื่นเอาไปหมดแล้ว”
ผมยิ้มมองมันที่เหงื่อเริ่มผุดออกจากหน้า มันก้มหน้าหลบผมก่อนจะทำเป็นทำงานต่ออย่าง
ไม่มีพิรุธ
ถุยยยยย ไม่มีพิรุธก็เหี้ยละ เลิ่กลั่กขนาดนี้ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าโกหก
คืองี้ครับ พอผมเห็นลายมือมันข้างหลัง อยู่ๆก็ลองคิดขึ้นมาว่า หรือไอ้ใบสอบถามนี่ มันจะ
เป็นคนพิมพ์เอง แล้วมองไม่เห็นว่าเคยเป็นกระดาษมันที่เขียนไปแล้ว เลยหยิบไปใช้ปริ้นท์
ถึงจะยังงงอยู่ว่าทำแบบสอบถามปลอมนี่ทำไม แต่คิดว่าสิ่งที่ผมคิดอาจจะเป็นจริง
ดูจากปฏิกริยาคนโดนจับได้ข้างหน้าอ่ะนะ
“แบบสอบถามนี่ไม่ใช่ว่าต้องทำทีละเป็นปึ๊งๆงี้อ่อ”
“ห้องกูประหยัด”
แถเหี้ยไรเนี่ยยยย
สนุกจังเลย สนุกจังเลย
“แล้วไม่มีอยู่กับตัวมึงเลยอะนะ”
“มีดิ”
“ไหนๆ กูขอดูหน่อย”
“ก็อยู่ในมือมึงไง ถามอะไรเยอะแยะเนี่ย” มันเงยหน้ามาทำเป็นโกรธใส่ผม โอ้ย เอาอีกละ
ใช้มุกเดิมๆกูไม่หลงกลมึงหรอกนะ
“แล้วแผ่นอื่นอ่ะ”
”ก็…กู…กูมีแค่แผ่นเดียว”
“ทำไมมึงมีน้อยจัง”
“ก็กูขี้เกียจ”
หราาาาาาาา กูอยากจะหราดังๆให้ลิ้นไก่สั่น
“งั้นคือมึงมีแผ่นเดียว”
“เออ”
“แล้วมึงก็เอามาให้กูทำอะนะ โห เก็บเอามาแผ่นนึงไว้ให้กูทำเลยว่างั้น”
“…”
เงียบ ทำเป็นเงียบ
“เงียบไมอ่ะ ตอบดิ”
“กูจะตั้งใจทำงานละ มึงเงียบหน่อยขุน”
ถุยยยยยยยย เถียงไม่ได้ก็ทำเป็นหลบโหมดทำงาน กูอยากจะขากเสียงดังๆ
“นาวา”
“…”
“ไอ้วา”
อ่ะไม่ตอบ งั้นกูถามเลยละกัน
“มึงทำแผ่นนี้มาเพื่อถามกูหรอ”
…
“เห้ย พูดอะไรของมึง เพ้อเจ้อ”
“เอ้า ก็เห็นทั้งห้องก็มีใบนี้อยู่ใบเดียวเนี่ย”
”ก็กูบอกว่าคนอื่นมันเอากลับกันไปหมดแล้วไง เนี่ย เค้ากลับบ้านกันหมดแล้วมึงก็เลยไม่เห็น
ตอนแรกกูปริ้นท์มาเยอะจะตาย”
“พูดเยอะจังถามนิดเดียวเอง”
ผมกวนตีนมัน มันถลึงตาใส่ผมด้วยหน้านิ่งๆ
“นึกว่ามึงตั้งใจทำมาถามกูคนเดียว ถ้าอย่างนั้นกูคงดีใจตายเลย แต่ก็ไม่เป็นไร
แบบสอบถามก็ดี กูจะได้ไม่ต้องตั้งใจตอบ กูกามั่วๆก็น่าจะได้มั้ง“
ผมพูดลอยๆ แอบเหล่สายตาไปมองคนข้างหน้า เห็นมันทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังเถียงกับ
ตัวเอง
ผมยิ้มออกมาเมื่อในที่สุดไอ้นาวาก็ดึงกระดาษไปจากมือผม
“เออ กูทำกระดาษเหี้ยนี่มาเพื่อถามมึงเอง พอใจมึงยัง”
อุ๊บ
คนร้ายยอมรับผิดละว่ะ
ละดูมัน ทำหน้าซะน่ากลัวเชียว
แต่พอได้ยินจริงๆก็ไม่รู้ว่าผมควรจะทำสีหน้ายังไงดี
รู้สึกว่าแก้มมันปริๆชอบกล
“อือ แล้วจะทำเนียนถามทำไมล่ะ อยากรู้ว่ากูชอบอะไร ชอบกินอะไรทำไมไม่ถามตรงๆ” ผม
ถามมัน อันนี้สงสัยจริงๆ ทีผมอยากรู้มันยังถามมันตรงๆเลย
ไม่เห็นจะต้องทำฟอร์ม อ้อมโลกขนาดนี้
“กูไม่ได้อยากรู้”
มันยังทำขรึม “โอเค งั้นกูไม่บอกนะ งั้นเดี๋ยวกูกลับบ้านละ”
“เห้ย เดี๋ยว”
ผมแอบยิ้มในใจ ก่อนจะก้มมองมือมันที่เอื้อมมาคว้าแขนผมไว้
“งั้นกูถามมึงตรงๆก็ได้”
“…”
“ มึงชอบกินอะไร”
โอ้ยยยยยย ถามด้วยเสียงอ่อนๆงี้กูก็ใจสั่นไปดิ
น่ารัก น่าร้ากกกกก
นี่อยากรู้ว่าชอบกินอะไรแต่ไม่กล้าถาม ฟอร์มจัดจนต้องแกล้งทำใบสอบถามมาให้กูกรอกเลยเหรอวะ
กูขอมอบโล่รางวัลคนซึนแห่งชาติให้มึงเลยไอ้ห่านี่
“ถามไมอ่ะ” ผมหันไปสบตามันที่นั่งอยู่
“ก็ … จะตอบแทนเฉยๆ”
คราวนี้เป็นผมที่ขมวดคิ้ว “ตอบแทนเรื่อง?”
“ที่มึงช่วยทำการบ้านเลขให้กูไง”
อ๋ออออออออออออออออ
ทำดีได้ดีจริงๆเลยกู
ไอ้ขุนวันนี้มึงมาว่ะ หนูแดง เดี๋ยวกลับบ้านพ่อซื้อน้ำแดงแช่แข็งแบบที่หนูชอบไปให้นะลู้กกกกก
“ขอบคุณกูล่ะสิ เป็นไง การบ้านถูกเพียบเลยป่ะ”
“19ข้อ”
“โห กูทำถูกเยอะเลยนะ ผิดข้อเดียว”
“ถูก1ข้อ ผิด19ข้อ ไอ้สัด”
ผ่าม!!!!
กูทำเสียงต่อให้ด้วยอ่ะ จะได้ดูเป็นการตบมุก ไม่ใช่ประจานความโง่ของตัวเอง ฮือๆๆๆ
“สรุปจะกินอะไร จะไปซื้อให้” มันถามเมื่อเห็นผมไม่ตอบ
“ซื้อมาไม่ได้ ยาก”
”ทำไม มึงจะกินหญ้าแพรกจากดาวอังคารรึไง”
“เปล่า” ผมยิ้ม ไม่สนใจคำกวนตีนจากมัน “กูอยากกินหมูกระทะ”
เค้าบอกว่าคนทำดีย่อมได้ดี
เพราะฉะนั้น เมื่อผมอยากกิน ผมก็ต้องได้กิน!
ถึงจะอิดออดอยู่นานประมาณล้านแปดนาที ในที่สุดผมก็ลากไอ้นาวามาอยู่ที่หมูกระทะร้าน
ดังใกล้โรงเรียนจนได้
คนค่อนข้างเยอะพอสมควรเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียน เลิกทำงาน แถมร้านที่ผมพา
มันมาก็เป็นร้านชื่อดังซะด้วย เพราะนอกจากเนื้ออร่อยแล้ว ทางร้านยังมีมุมที่มีนักร้องมาร้อง
เพลงดีๆให้ฟังอีก
จริงๆอยากพามันไปนั่งบาร์จิบเบียร์ฟังเพลงเพราะๆ
แต่อายุดันไม่ถึง เลยต้องพามันมาแดกหมูกระทะแทน กร๊ากกกกกกกก
ผมมองคนตรงข้ามที่นั่งหันซ้ายหันขวาเหมือนทำตัวไม่ถูก
ไอ้ห่า ยังกะกูพามาเดท เกร็งซะยิ่งกว่าโดนตะคริวแดก
“ไอ้วา มึงจะกินอะไร”
ผมถาม ยื่นเมนูให้คนตรงข้าม มันสั่งๆมาสองสามอย่าง ผมติ๊กตามช่องผสมกับของตัวเอง
ก่อนจะยื่นให้พนักงานที่รออยู่
“เอาน้ำไรปะเดี๋ยวกูไปเอามาให้”
มันไม่ตอบอะไร ผมเลยถือว่ามันจะกินเหมือนผมแล้วกัน ไม่นานผมก็กลับมาพร้อมแก้วโค้ก
สองแก้วในมือ พร้อมน้ำส้ม น้ำแดง ชาเขียว ชามะนาว
ไอ้ห่า ก็กลัวมันไม่ถูกใจอ่ะ เลยหยิบมาแม่งหมดเลย มือกูเกร็งจนตะคริวจะขึ้นแลัวเนี่ย
มันทำหน้าตกใจก่อนจะรีบเอื้อมมือมาหยิบแก้วไปจากมือผม
“เอามาทำไมเยอะแยะ”
“ก็มึงไม่ตอบ กูไม่รู้ว่ามึงจะกินอะไร”
“ไม่ตอบก็คือไม่อยากกินไง” มันตอบอย่างนี้ แต่มือคว้าแก้วโค้กไปดูด
สุดท้ายก็กินเหมือนกู ไอ้ห่า
“แล้วจะเลิกหายหน้าบูดหน้าเบี้ยวได้ยังอะ”
ผมถามมันที่ก้มหน้าดูดโค้กด้วยสีหน้านิ่งๆแต่คิ้วยังขมวดอยู่
“ใครบูดใครเบี้ยว” มันตอบด้วยเสียงอู้อี้ เอ้า กัดหลอดอีก
“ก็จะใครอีกล่ะ มึงเนี่ยยยย”
มันมองบนนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจยาว เห็นแล้วอดไม่ได้
ผมเลยเอื้อมมือไปหยิกแก้มมันเบาๆ
“เห้ย ทำไรของมึงเนี่ย” มันรีบปัดมือผมออก ไอ้ห่า นี่กูขุนพลเอง ไม่ใช่แมลงวันตอมขี้
“ก็มึงทำหน้างั้นทำไมอ่ะ”
“ทำอะไร”
“ไม่รู้ กูแค่หมั่นเขี้ยว”
ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหน ผมเอื้อมมือไปดึงแก้มมันอีกสองสามที “หมั่นเขี้ยวๆๆ”
มันรีบปัดมือผมออก จะด่าก็เหมือนมันจะนึกคำด่าไม่ออก
ก็ทำไงได้ แก้มมันน่าหยิกอ่ะ ช่วงนี้มันดูมีเนื้อขึ้นรึเปล่าไม่รู้
สงสัยจากขนมที่ผมเอามาขุนมันทุกวันแน่ๆ
“โรคจิต” มันด่า แต่ผมหาได้สะทกสะท้านไม่ ฮี่ๆๆ
“แล้วงานกีฬาสีมึงเป็นไงบ้าง” ผมถาม
“ก็ไม่ทำไม ช่วงนี้ก็งานเดือดขึ้นหน่อย”
“เออ อาทิตย์หน้าละนี่”
“อืม”
“งานมึงเยอะปะวะ”
ไอ้นาวามองผมด้วยสายตานิ่งๆประมาณว่า มึงก็เห็นอยู่ไอ้สัดยังจะถาม
“เออออ รู้ว่างานเยอะ กูถามเพื่อจะต่อให้ว่าถ้ามึงมีอะไรอ่ะ ก็ให้กูช่วยได้นะ”
“งานห้องมึงไม่มีว่างั้น”
“ก็มี”
“ก็ไปทำห้องมึงดิ”
“แต่กูอยากช่วยมึงไง”
มันไม่ตอบ ผมเลยพูดต่อ “จริงๆนะไอ้วา คือมึงมีอะไรมึงก็บอกให้กูช่วยได้ กูเห็นมึงชอบทำงานคนเดียว ไม่ค่อยบอกให้คนอื่นช่วยอะ มันจะหนักมึงเปล่าๆนะ”
“ทำงานคนเดียวมันเร็วกว่า”
“มึงจะไปรู้ได้ไง เห็นกี่ทีก็ไม่ยอมขอให้คนช่วย”
“แล้วมึงจะมารู้อะไรกู”
“ไม่รู้ได้ไง ก็กูมาหามึงเกือบทุกวันเนี่ย”
ผมตอบแค่นั้น แล้วประเด็นนี้ก็จบไปเมื่อต่างคนต่างเงียบ
รอไม่นานหมูและเนื้อสามจานก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ผมไม่รอช้ารีบเอามันถูๆแล้ววางเนื้อลงไป
ติดกันห้าแผ่น
ไอ้สัดกูหิว รีบร้อนไวๆเลย
ไอ้วาวางหมูอีกสามแผ่นแปะลงตาม รอไม่นานก็สุก ผมรีบคว้าตะเกียบคีบชิ้นใหญ่ตรงกลาง
ก่อนจะส่งให้คนตรงข้ามอย่างไวว่อง
“อ่ะ กูให้”
มันทำท่าจะส่งกลับแต่ผมไวกว่า รีบดันชิ้นเนื้อยัดเข้าปากมันทันที
“กูหยิบให้ก็อย่าปฏิเสธน้ำใจเลยน่า” ผมขำเมื่อเห็นมันเคี้ยวไปบ่นอุบอิบไปคนเดียว ได้ยิน
แว่วๆว่า เงินก็เงินกู
ผมหยิบเข้าปากตัวเองบ้าง อื้มมมม อร่อยจริงร้านนี้ ถ้าไม่ติดว่าไขมันแม่งเยอะผมก็อยากจะ
เข้ามากินทุกวัน
เรื่องเงินไม่อั้น กูรวย
ยิ้มให้กับตัวเองอย่างภาคภูมิใจก่อนจะก้มลงแดกต่อ
แดกไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากข้างขวาทางทิศเก้านาฬิกา
หือ… ทำไมรู้สึกเหมือนถูกมองวะ
แต่จะโดนแอบมอง แอบส่งสายตามาให้ก็ไม่แปลก ก็คนมันหล่ออ่าาาาา วิ้ววววววววว
ผมหันไปตามความรู้สึก ก่อนจะพบกับสายตาหวานเชื่อมที่ส่งมาให้จริงๆ
แต่ผิดนิดเดียว ที่เค้าส่งมาให้ไอ้นาวา แต่ไม่ใช่ผม
ปึด!!
ไอ้ห่า กูขึ้นเลย
นี่!! คนหล่ออยู่นี่ มองกูสิ มองกู ไปมองมันทำไม
มีตาหามีแววไม่!!!
ผมกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียวจนไอ้นาวาที่นั่งดูดโค้กอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวหันมามองอย่างสงสัยว่าอยู่ๆกูเป็นหมาบ้าอะไร
โมโหอ่ะ กูหล่อทำไมไม่มองกู ไปมองมันทำไม
ผมหันไปมองผู้หญิงโต๊ะข้างๆที่ส่งสายตามาอย่างต่อเนื่องอีกรอบ
ยัง
ยังไม่เลิกมองไอ้นาวาอีก
อีกนิดก็จะมองทะลุไปยันซี่โครงได้แล้วแม่คุณ!!
ไอ้นาวาที่เห็นผมหันไปมองก็เลยมองตาม ก่อนที่จะไปป๊ะสายตากับแม่สาวน่ารักทั้งหลายที่มองมา เลยทำให้ทั้งโต๊ะนั้นวี๊ดว้ายกันไปยกใหญ่
ไอ้นาวาหันหน้ากลับมามองผมด้วยหน้านิ่งๆแต่สายตางงๆว่า กูไปทำอะไรป่ะวะ
เออ
ไม่ทำหรอก มึงแค่หน้าหล่อ น่ารัก จบมั้ย
โมโหว่ะ
“เป็นไรของมึงเนี่ย” มันถาม ผมไม่ตอบ หงุดหงิดไรวะเนี่ยกู
เออ ก็ผู้หญิงเค้ามองมัน แต่ไม่มองผมอ่ะ
ไม่ชอบใจ มากับคนฮอตแล้วกูต้องดับตลอดหรอวะ
ฟึ่บ
“อ่ะ กินดิ”
คนตรงหน้าบอกผมพร้อมชิ้นเนื้อที่ถูกวางลงบนจาน
”ให้กูหรอ”
“กูให้หมามั้ง วางบนจานมึงเนี่ย”
ผมไม่สนใจคำกวนตีนของมัน “ป้อนหน่อยดิ”
“…หา?”
“ป้อนกูหน่อยดิ”
“เรื่องอะไร มีมือก็คีบกินเองดิ”
“กูหงุดหงิดอ่ะ ถ้ามึงป้อนกูจะหาย”
“หงุดหงิดก็เรื่องของมึงดิ”
“…ชิ แค่นี้ก็ช่วยกูไม่ได้ ไหนบอกจะตอบแทนกูไง”
ผมแกล้งทำเป็นบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ไม่นานชิ้นเนื้อก็ถูกยื่นมาข้างหน้า
“อ่ะ“
ผมยิ้ม ส่งสายตากรุ้มกริ่ม
น่ารักขนาดนี้ขอกินอย่างอื่นแทนเนื้อได้มั้ยเนี่ย
“จะกินไม่กิน” ทำเสียงเข้มแต่มือสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยน้าา
“กินครับ” ผมยื่นหน้าไปงับก่อนจะเคี้ยวด้วยความอร่อย
เนื้อชิ้นนี้มันหวานเป็นพิเศษเลยวุ้ย
อารมณ์ดีละ โต๊ะข้างๆจะส่งสายตาก็ช่างหัวแม่ง
สนใจแค่ไอ้คนข้างหน้าก็พอ
พลันเสียงเพลงจากมุมหนึ่งของร้านก็ดังขึ้น หกโมงครึ่งเป็นเวลาที่จะมีวงดนตรีมาเล่นอย่างที่
ผมบอก เสียงกรี๊ดวี๊ดว๊ายพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นทันทีเมื่อนักร้องเริ่มร้องเพลง
“มีเพลงด้วยเหรอวะ”
“อือ แต่เค้าชอบร้องเพลงไทยนะ มึงฟังได้เปล่า”
“ก็ฟังได้ ฟังบางวง”
“อือ ลองฟังดูดิ วงนี้แม่งเล่นดี”
“มึงมาบ่อยเหรอ”
“เออ แต่ก่อนก็มาบ่อยอยู่”
“มากับใคร”
“เอ.… เยอะไปหมดเลยอ่ะ น้องกิ๊ฟเชอรี่น้องไวน์มีตั้งมากมาย กูจำไม่หมด”
“หน้าม่อ”
“หึๆ กูล้อเล่นน่า กูจะมากับใครได้ล่ะก็ไอ้ฉิมไอ้ฉัตรไง แก๊งกูอ่ะ”
“แก๊งที่ง่อยๆปะ”
จ้าา หลอกด่ากูขนาดนี้ไม่เอาเนื้อจุ่มหน้ากูแทนน้ำจิ้มเลยล่ะ
“หึ พูดอย่างนี้เดี๋ยวมึงจะหนาว ”
“ทำไม จะบอกว่าจริงๆแล้วแก๊งมึงเก่งมาก”
“อ่อเปล่า เดี๋ยวกูจะเดินไปเร่งแอร์ให้ขนลุกเลย ไอ้สัด!!”
ชงมาแบบนี้จะให้กูตบอะไรนอกจากสมเพศตัวเอง
แต่ก็ต้องแอบยิ้มออกมาในใจเมื่อเห็นไอ้คนตรงข้ามนั่งขำน้อยๆ
เดี๋ยวนี้มันยิ้มเก่งขึ้นแล้วว่ะ
(ต่อด้านล่าง)