♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 37 ✦ การเจอกันครั้งที่สาม
"สวัสดีครับ คุณทิวใช่ไหมครับ"
"ครับ พูดสายอยู่ครับ จากไหนครับ"
"อ๋อ...ผมเป็นลูกค้าของโรงแรมครับ วันนี้ว่าจะเข้าไปพักที่นั่น วันนี้คุณทิวอยู่ที่โรงแรมหรือเปล่าครับ"
"อ๋อ...อยู่ครับ จองไว้แล้วใช่ไหมครับ"
ทิวถามพร้อมกับความรู้สึกสงสัย ปกติไม่เคยมีลูกค้าคนไหนโทรเข้ามือถือของทิวด้วยเรื่องนี้เลยเพราะไม่ได้มีหน้าที่จองห้องพักเสียหน่อย
"ยังหรอกครับ จะให้คุณทิวช่วยจองให้หน่อยน่ะครับ"
"อ๋อ...พอดีผมไม่ได้อยู่ตรงส่วนจองห้องพักน่ะครับ รอสักครู่นะครับเดี๋ยวให้คุยกับ..."
"เดี๋ยวๆๆๆ ผมจะคุยกับคุณนั่นแหละ คุณช่วยจองให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ ผมเป็นลูกค้าพิเศษคนสำคัญของคุณเลยนะครับ"
เอ...ลูกค้าคนนี้เป็นใคร ก็บอกแล้วนี่นาว่าไม่ได้มีหน้าที่จองห้องแล้วจะมารบเร้าให้จองห้องให้ได้ยังไงล่ะ เสียงก็บี้ๆ แบนๆ จะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ไม่คุ้น
"ขอโทษนะครับ ผมรบกวนขอทราบชื่อลูกค้าได้หรือเปล่าครับ"
"อ๋อ...เดี๋ยวคุณเจอผมก็จะรู้จักเองแหละครับ เนี่ย...ผมใกล้จะถึงแล้ว"
"คุณครับ ผมจองห้องพักให้คุณไม่ได้จริงๆ ครับ ถ้าคุณอยากจองห้องพักต้องคุยกับฟร้อนท์นะครับ"
ทิวชักเริ่มจะหงุดหงิดเพราะดูเหมือนลูกค้าคนนี้ชักจะคุยไม่รู้เรื่อง
"ก็ผมจะคุยกับคุณ ทำไมต้องคุยกับฟร้อนท์ด้วยล่ะครับ คุณจองห้องให้ผมไม่ได้เหรอ ไม่เห็นจะยากเลยนี่ครับ"
"เอาอย่างงี้ละกันครับ คุณก็วอล์กอินเข้ามาเลยละกัน ตอนนี้ยังพอมีห้องพักเหลืออยู่" ทิวชักจะเริ่มโมโห ท่าทางลูกค้าคนนี้จะพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ เสียด้วย คนยิ่งมีงานเยอะอยู่ จะมัวแต่คุยเล่นแบบนี้ไม่ได้
"ก็ได้ แต่ผมอยากเจอคุณทิว คุณทิวออกมาเจอผมที่นอกโรงแรมหน่อยได้ไหมครับ"
"คุณครับ ผมทำงานอยู่นะครับ คงออกไปพบคุณนอกโรงแรมไม่ได้หรอกครับ" ทิวตอบเสียงดุ
"ดุจัง ถ้างั้นก็ให้เลิกงานก่อนสิครับ เดี๋ยวผมจะรอ"
"คุณเป็นใครผมยังไม่รู้เลย แล้วผมจะออกไปพบคุณเพื่ออะไรล่ะครับ"
ทิวพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพที่สุด แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนกลั้นหัวเราะ มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้นนักหรือไงนะ กวนประสาทจริงๆ
"คุณทิว ผมเป็นลูกค้าคนสำคัญของคุณนะครับ ถ้าคุณไม่ออกมาพบผม คุณอาจจะต้องหางานทำใหม่ ผมไม่ได้ขู่นะครับ แต่ผมพูดจริงๆ ผมรู้จักกับเจ้านายของคุณดีเชียวล่ะ เดี๋ยวผมจะรออยู่ที่ชายหาดหน้าโรงแรมคุณนี่แหละ ผมใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า อย่าให้ผมต้องรอนานนะครับ เลิกงานแล้วก็รีบออกมาหาผมทันที ไม่อย่างนั้น...คุณอาจจะตกงานได้"
"ขอโทษนะครับ ผมกำลังทำงานอยู่ คงไม่มีเวลาคุยเล่นสนุกแบบนี้"
นายคนนี้เป็นใครกันบังอาจมาสั่งให้ออกมาพบ แถมยังขู่อีกด้วยว่าถ้าไม่ทำตามอาจจะถูกไล่ออกได้ ประสาทหรือเปล่า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แล้วทิวก็ตัดสินใจวางสายไปอย่างอารมณ์เสีย สงสัยจะเป็นคนโรคจิตโทรมาแน่ๆ เลย แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวๆ อยู่เหมือนกันเพราะทิวก็ยังไม่อยากตกงานตอนนี้ ไม่รู้ว่าหมอนั่นพูดจริงหรือพูดเล่น
ฝ่ายคนที่โทรมานั้น หลังจากทิววางสายไปแล้วก็เอามือที่บีบจมูกออก แล้วก็นั่งยิ้มด้วยความชอบใจอยู่ริมชายหาด ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปหาทิวแบบธรรมดานั่นแหละ แต่ถ้าทำให้ทิวเซอร์ไพรส์ก็น่าจะดี บูมอยากรู้ว่าเวลาที่ทิวเจอบูมโดยไม่คาดฝัน ทิวจะดีใจมากแค่ไหน อดทนอีกนิดนะบูม ใจเย็นๆ ก่อน ยังไงก็ได้เจอกันแน่
พอใกล้เวลาเลิกงาน บูมก็โทรไปหาทิวอีก อุตส่าห์ไปซื้อซิมมาใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะเพราะรู้ว่าทิวจำเบอร์โทรศัพท์ของบูมได้
"คุณทิว อย่าลืมนะครับว่าเรานัดกันไว้ ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมมีเบอร์เจ้านายคุณด้วย จะให้ผมบอกเบอร์ก็ได้ 08-1xxx-xxx เขาชื่อคุณจอห์น ใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่ออกมาพบผม ผมจะสายตรงถึงเขาแล้วบอกว่าคุณน่ะเป็นพนักงานที่ไม่ดี ไม่รู้จักบริการลูกค้า"
ทิวได้ฟังแล้วก็ชักจะโมโห แต่พอได้ฟังเบอร์และชื่อที่นายคนนั้นบอกมาแล้วก็ทำให้ทิวชักกลัวว่านายคนนั้นคงไม่ได้ขู่เล่น ๆเพราะเจ้านายของทิวชื่อจอห์นจริงๆ ส่วนเบอร์นั้น ถึงทิวจะจำไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็คล้ายๆ อย่างที่หมอนั่นบอกมานั่นแหละ
"อีก 20 นาทีเดี๋ยวผมออกไป" ทิวบอกอย่างหัวเสียแล้วก็เดินไปบอกแต๋งที่กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน
"แต๋ง...พอดีพี่มีธุระนิดหน่อย พี่จะกลับเองนะ แต๋งไม่ต้องไปส่งพี่หรอก"
"อ๋อ...ครับ"
แต๋งรับคำอย่างงงๆ ไม่เห็นทิวบอกเลยว่าวันนี้มีธุระ หรือว่าจะเพิ่งมีตอนนี้ เอ...แต่ทำไมดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีเลย ปกติแต๋งไม่ค่อยเห็นทิวอารมณ์เสียอย่างนี้บ่อยเท่าไรนัก มีเรื่องกับใครหรือเปล่าเพราะในการทำงานในองค์กรโดยทั่วไปก็มักจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย อิจฉาริษยากันเป็นธรรมดา
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
หกโมงเย็นแล้วทิวก็ออกมาจากโรงแรม เดินตรงลิ่วมาที่ชายหาดด้านหน้าโรงแรมแล้วก็พยายามเมียงมองหาผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า เดินหาอยู่สักพัก ทิวก็เจอชายคนหนึ่งยืนกอดอกมองดูทะเลอยู่เงียบๆ คนเดียว ใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าเสียด้วย ก็น่าจะเป็นคนนี้แหละ ทิวจึงเดินเข้าไปหาด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดพอสมควร พอใกล้ถึงตัวทิวก็ร้องถาม
"โทษนะครับ ใช่คุณหรือเปล่าครับที่บอกให้ผมมาหา"
บูมหันหน้ามามอง ยิ้มกว้างด้วยความดีใจให้กับคนตรงหน้า
"ใช่ครับ ผมนี่แหละ จำผมได้หรือเปล่า"
"บูม!"
แม้ว่าท้องฟ้าจะเริ่มมืดไปบ้าง แต่ทิวก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร คนที่ทิวเฝ้ารอคอยและคิดถึงมาตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา คนที่ทิวต้องยอมตัดขาดการติดต่อทั้งที่ยังรักเพราะครอบครัวไม่เห็นด้วย ไม่ว่าบูมจะมาที่นี่ได้ยังไงแต่ทิวก็ดีใจที่สุดในชีวิตแล้ว ที่แท้เจ้าหมอนั่นที่กวนประสาททิวมาทั้งวันก็คือบูมนี่เอง
สามปีที่ผ่านไปทำให้ใบหน้าของบูมดูคมเข้มขึ้นเพราะเป็นหนุ่มเต็มที่แล้ว ที่เคยดูภูมิฐานก็ยิ่งดูภูมิฐานยิ่งกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะยังไง คนตรงหน้าก็คือคนที่ทิวรักมากที่สุดและเฝ้ารอคอยตลอดมา
"ทิว"
สองหนุ่มโผเข้ากอดกันแน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ นึกว่าชาตินี้จะต้องตายจากกันไปเสียแล้ว ความรักและผูกพันตลอดหลายปีที่ผ่านมา บวกกับการเคยได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนเหมือนคู่สามีภรรยา ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเหนียวแน่นมาก ยากที่จะตัดขาดออกจากกันไปได้ง่ายๆ จะว่าไปแล้ว ทิวกับบูมก็คือคู่ชีวิตกันนั่นแหละ ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนรักกันธรรมดา แม้ว่าจะต้องพลัดพรากจากกันไปจนตายก็คงไม่สามารถลบลืมกันและกันได้ง่ายๆ
ทิวกับบูมผละออกจากกันเล็กน้อยแต่ก็ยังประคองกันไว้อยู่เพื่อที่จะได้มองหน้ากันได้ชัดๆ ต่างคนต่างยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มที่บ่งบอกว่ารู้สึกดีใจมากเพียงใดที่ได้เจอคนรักที่เฝ้าตามหามานานอีกครั้ง ยิ้มให้กับชะตาชีวิตและการพลัดพรากที่เพิ่งผ่านพ้นไป ยิ้มให้กับความอดทนและมั่นคงในความรักของทั้งสองคน และยิ้มให้กับความหวังว่าต่อไปนี้คงจะไม่มีสิ่งใดมาพลัดพรากสองคนให้ต้องจากกันไปอีกแล้ว
"ทิว...เราดีใจเหลือเกินที่เราได้เจอนาย รู้ไหมว่าเราตามหานายจนแทบบ้า"
"เราก็เหมือนกัน นึกว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้วชาตินี้"
ต่างคนต่างมองหน้ากันนิ่ง แม้จะมีคนผ่านไปบ้างแต่ทั้งสองหนุ่มก็ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากคนตรงหน้า ในที่สุดความรักก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นก็คือการนำทางสองคนที่รักกันให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง การพลัดพรากครั้งที่สามคงไม่มีอีกแล้ว จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตของแต่ละคนนั่นแหละ
แต่ยังหรอก...บูมยังอยากให้ทิวเซอร์ไพรส์ทิวมากกว่านี้อีก
"ที่เรากลับมาครั้งนี้...เพราะเรา...อยากจะมายกเลิกคำสัญญานั้น นายจำได้ใช่ไหมว่าเราเคยสัญญาอะไรกันไว้ที่นี่"
จากที่ยิ้มๆ ทิวก็เริ่มมีสีหน้าที่เจื่อนลง ทิวจำได้ดีเสมอ บูมบอกกับทิวว่าถ้าใครคนใดคนหนึ่งคิดจะเปลี่ยนใจก็ต้องมายกเลิกคำสัญญาว่าจะรักกันที่ชายหาดแห่งนี้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีคำสาปแช่งว่าคนที่ผิดสัญญาจะพบกับความหายนะยังไงบ้าง แต่มันก็เป็นคำสัญญาที่ทั้งสองคนรักษามันไว้อย่างดีด้วยหัวใจ
"จำได้สิ" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหวาดหวั่นในใจ
"นั่นแหละ เราจะมายกเลิกสัญญานั้น"
ทำไมต้องยกเลิกสัญญา ดูบูมสิ ทำไมพูดเรื่องนี้ราวกับจะไม่รู้สึกอะไรเลย ออกจะดีใจด้วยซ้ำ
"นายเจอคนที่นายรักแล้วเหรอ"
ทิวถามด้วยเสียงเศร้า ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย แต่โชคก็ไม่เข้าข้างทิวเสียแล้ว
บูมพยักหน้า เห็นทิวทำหน้าเศร้าแล้วก็สงสารเหมือนกัน แต่เพื่อให้ทิวประหลาดใจบูมก็ยังหยุดไม่ได้
"ใช่...เราเจอแล้ว แล้วเราก็รักเขามากด้วย เราก็เลยว่าจะขอยกเลิกสัญญาที่เราเคยให้ไว้กับนายที่นี่ก่อน แล้วเราก็จะได้กลับไปหาคนที่เรารักเสียที เห็นไหมทิว...เราน่ะทำตามทุกคำพูดของเราทุกอย่างเลยนะ"
ทิวหน้าเสีย จากที่เมื่อสักครู่นี้ดีใจแทบเป็นแทบตาย พอได้ยินอย่างนี้แล้วทิวก็อึ้งไปเหมือนกัน นี่สรุปว่าบูมหมดรักทิวแล้วหรือ นึกว่าบูมจะจริงจังกับความรักครั้งนั้นเสียอีก สามปีที่ผ่านมาทำให้บูมเปลี่ยนใจไปแล้ว ก็คงอย่างนั้น...ใครล่ะจะทนเหงาอยู่ได้ตั้งสามปี ขนาดทิวเองก็ยังแทบจะทนไม่ไหวเลย
"ได้ไหมทิว นายให้เรายกเลิกสัญญานั้นได้หรือเปล่า"
ทิวถึงกับน้ำตาคลอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบูมจะลืมความรักที่ต่อสู้มาด้วยกันอย่างยากลำบาก
"นายคงจะ...รักคนๆ นั้นมากเลยสินะ ถึงต้องมาขอยกเลิกสัญญา"
"ใช่...เรารักเขามากๆ เลย แล้วเขาก็รักเรามากๆ ด้วยเหมือนกัน เราก็เลยต้องมาหานายถึงที่นี่เพื่อยกเลิกสัญญาไงล่ะ" บูมรีบตอบทันควัน
อ๋อ...ที่แท้ที่มาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ไม่ได้มาเพราะรักหรือคิดถึงคนที่จากกันไปตั้งสามปีเลย เสียแรงที่อุตส่าห์รอคอยมาตั้งนาน
"ก็...แล้วแต่นายละกัน เราไม่มีปัญหาหรอก ถ้านายอยากยกเลิก เราก็ยินดียกเลิก"
"ขอบคุณมากทิว เราจะได้กลับไปหาคนๆ นั้นเสียที เดี๋ยวเรากลับก่อนนะ เราต้องรีบไป"
ทิวอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง ทิวคิดถึงบูมมากแค่ไหนรู้ไหม แต่บูมกลับมาเพื่อยกเลิกสัญญาแล้วก็จะรีบไปเสียอย่างนั้น อย่างน้อยถึงไม่รักกันแล้ว จะอยู่คุยกันสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง ทำไมใจดำแบบนี้ล่ะบูม นายไม่คิดจะถามไถ่อะไรกันบ้างเลยหรือไง
"จะกลับเลยเหรอ"
"อืมๆ...มันมืดแล้ว เดี๋ยวคนนั้นจะรอเราแย่เลย เรารู้ว่าเขารอเราอยู่ รอนานมากแล้วด้วย"
บูมบอกหน้าตาย แม้จะสงสารทิวแค่ไหนแต่ก็พยายามที่จะแข็งใจทำต่อให้จบ อีกไม่นานนายก็จะรู้ว่าคนๆ นั้นที่เราพูดหมายถึงใคร
ทิวหน้าเศร้าและก้มหน้าลงต่ำ
"ก็...แล้วแต่นายละกัน โชคดีนะบูม หลังจากนี้แล้ว...เราอย่ากลับมาเจอกันอีกเลยนะ ขอบคุณที่นายเคยรักเรา ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์กลับมาหาเราอีกสักครั้ง"
ทิวพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็ห้าไม่ได้เสียแล้ว มันจุกในอกไปหมด คิดไม่ถึงว่าคนที่เคยรักกันจะทำเหมือนไม่มีเยื่อใยได้ถึงขนาดนี้
"โชคดีนะทิว อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน เราไปก่อนนะ"
บูมพูดจบก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลาแล้วแกล้งทำเป็นเดินจากไป ทิวได้แต่มองตามตาละห้อย บูมรู้สึกว่าทิวคงกำลังมองอยู่ กลัวว่าจะเสียแผนก็เลยหันไปบอกทิว
"ทิว...นายอย่ามองเราสิ เราไม่อยากให้นายมองเราด้วยสีหน้าอย่างนี้ นายมองไปที่อื่นได้ไหม"
เอากับเขาสิ แม้แต่จะมองก็ยังมองไม่ได้ นี่บูมเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยหรือ ทำไมบูมถึงเป็นคนใจคอโหดร้ายขนาดนี้ แต่ก็เอาเถอะ ไม่อยากให้มองทิวก็จะไม่มอง ว่าแล้วทิวก็หันไปทางอื่นแล้วปล่อยให้บูมเดินจากไป รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ รู้อย่างนี้...อย่าเจอกันเสียเลยดีกว่า มันเจ็บมากรู้ไหมบูมที่นายทำกับเราอย่างนี้ ตายจากกันไปยังไม่เจ็บเท่านี้เลย
ในขณะที่ทิวกำลังคิดน้อยใจอยู่นั้น ไม่นานนัก เสียงที่คุ้นหูก็ดังมาจากข้างหลัง
"ทิว...นายรู้แล้วเหรอว่าคนที่เราพูดหมายถึงใคร"
ทิวหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็ต้องตกใจ บูมนั่นเอง บูมกลับมาทำไมอีก จะกลับมาทำให้ทิวต้องเจ็บอีกสักแค่ไหนถึงจะพอใจ
"ไม่รู้...เราจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ไม่ได้ติดต่อกันตั้งสามปี" ทิวพูดพลางสะอื้น
"ก็นายไง คนที่เราพูดถึงก็คือนายนั่นแหละ" บูมบอกพลางยิ้ม
ทิวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง รู้ว่าโดนแกล้งเข้าให้เสียแล้ว
"ไอ้คนบ้า ทำไมแกล้งเราแบบนี้ ฮือ" ทิวว่าแล้วก็เดินมาทุบอกบูมใหญ่ด้วยความโมโห ปกติไม่เคยเรียกบูมว่า "ไอ้" เลย แต่ครั้งนี้ทิวโมโหจริงๆ
"โอ๊ย"
บูมร้อง แต่ก็ไม่ได้ห้ามจริงจัง แล้วก็ตัดสินใจดึงทิวเข้ามากอดไว้ ทิวทุบอกอยู่พักหนึ่งแล้วก็หยุด แล้วทิวก็กอดบูมแน่นพร้อมกับปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น
"คนบ้า...ทำไมแกล้งเราแบบนี้ รู้ไหมว่าเราเสียใจแค่ไหน ฮือๆๆ เราไม่สนุกด้วยเลยนะจะบอกให้"
บูมลูบหลังแล้วก็คอยโอ๋
"ทิว เราขอโทษ เราขอโทษนะ เราจะไม่แกล้งนายอย่างนี้อีกแล้ว เดี๋ยวเราจะอธิบายให้นายฟังว่าทำไมเราถึงทำอย่างนี้ ขวัญเอ๋ยขวัญมา อย่าร้องไห้นะ คนดีของบูม อย่าร้องไห้ เรากลับมาหานายแล้ว เราจะไม่จากไปไหนอีก"
ทิวคงจะเสียขวัญมากทีเดียว จะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแกล้งทิวถึงขนาดนี้เลย บูมรู้สึกสงสารทิวจนอดร้องไห้ด้วยไม่ได้
"คนดีของบูม" ทิวไม่ได้ยินคำนี้มานานเหลือเกิน เป็นคำพูดเพียงคำเดียวสั้นๆ ที่บอกทุกความรู้สึกทั้งหมดที่บูมมีให้ผู้ชายคนหนึ่งที่บูมรักตลอดมา ทิวจึงกอดบูมแน่น เนิ่นนานจนเสียงสะอื้นค่อยๆ เงียบหายไป อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้นช่วยปลอบประโลมใจทิวได้เป็นอย่างดี อ้อมกอดนี้นี่แหละที่บูมโหยหามาตลอดชีวิต โดยเฉพาะในช่วงสามปีที่เพิ่งผ่านพ้นไป
บูมค่อยๆ คลายอ้อมแขนแล้วกอดทิวไว้อย่างหลวมๆ ใช้มือเกลี่ยผมบนหน้าผากทิวออกเพื่อที่จะได้เห็นหน้าทิวได้ชัดๆ
"กลับไปอยู่กับเรานะทิว เรามาที่นี่วันนี้ก็เพราะว่าเราจะมารับนายกลับไปอยู่กับเรา ที่บ้านของเรา"
"แล้วแม่ของนาย..."
"ก็แม่นี่แหละที่บอกให้เรามารับนายไปอยู่ด้วย"
"จริงเหรอบูม...นายไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม"
ทิวทำหน้าคล้ายกับไม่เชื่อ วันนี้บูมแกล้งทิวหลายอย่างจนทำให้ทิวไม่แน่ใจเสียแล้ว
"จริงสิ เราจะโกหกนายทำไม เราบอกแล้วไงว่าเราไม่แกล้งนายแล้ว" บูมบอกพลางยิ้มและขำเล็กน้อย
"จะเรียกสินสอดเท่าไร เราก็ยอมหมดตัวเลยนะ ขอแค่ให้นายกลับไปอยู่กับเรา" บูมพูดติดตลกในตอนท้าย
ทิวหัวเราะอย่างขบขัน แต่ก็ดีใจที่แม่ของบูมเข้าใจแล้ว ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ คงจะไม่มีแม่ดีๆ คนไหนที่จะทนเห็นลูกมีชีวิตที่มีความทุกข์ได้ตลอดไปหรอก แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานหลายปี แต่คุณทิพย์นภาก็ยอมลดทิฐิของตัวเองลงเพื่อที่จะไม่ให้ลูกชายคนเล็กต้องซึมเศร้าไปมากกว่านี้
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่บูมได้คิดวางแผนไว้แล้วหมดแล้ว บูมให้ทิวสัญญากับทิวไว้ก่อนจากกันไปเพื่อให้พอมั่นใจได้ว่าทิวจะรอบูมอยู่ และบูมก็พยายามอดทนที่จะมีชีวิตอยู่แบบนั้นเพื่อให้แม่ได้เห็นความมั่นคงในความรัก ได้เห็นตัวตนของบูมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ โชคดีที่แม่ได้เห็นและยอมรับได้แล้วแม้ว่าจะใช้เวลานานไปหน่อย ส่วนทิวนั้น บูมก็อยากให้ทิวได้เห็นว่าบูมไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องว่า บูมพร้อมที่จะอดทนและทำทุกอย่างเพื่อความรักได้เสมอ ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้มีวันนี้
"ที่เราขอยกเลิกสัญญานี้กับนายก็เพราะว่าเรา...สัญญากับแม่ไว้ว่าจะเลิกรักนาย เราก็เลยต้องยกเลิกสัญญานี้ให้แม่ก่อน เราจะไม่ได้ไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เราไง"
ทิวฟังแล้วก็ขำอีกครั้ง ยกเลิกปุ๊บก็กลับมารักกันปั๊บเลยเนี่ยนะ แต่ก็เอาเถอะ ถ้ามันช่วยทำให้บูมสบายใจก็ไม่เป็นไรหรอก
"นายรู้ไหมว่า...ที่ความรักของเรามีอุปสรรคตลอด มันอาจจะเป็นเพราะว่า...เรายังทำอะไรบางอย่างไม่ครบนะ"
บูมเกริ่นขึ้นมาเมื่อต่างคนต่างเงียบกันไปสักพัก
"อะไรเหรอ" ทิวถามด้วยท่าทางอยากรู้
"รอเราแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเรามา" บูมบอกแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป ทิวรีบคว้ามือไว้ทันที
"นายไม่ได้แกล้งเราอีกใช่ไหม"
บูมเห็นแล้วก็ขำ ทิวคงประสาทเสียที่ถูกแกล้งก็เลยยังหวาดระแวงอยู่นั่นเอง
"ไม่แกล้งหรอก เชื่อเรานะทิว เราไม่แกล้งให้นายเสียขวัญแบบนั้นอีกแล้วล่ะ รู้ไหมว่าเราก็เสียใจเหมือนกันนะที่แกล้งนายเมื่อกี้นี้"
บูมบอกด้วยสีหน้าเศร้าและรู้สึกผิด ทิวจึงค่อยๆ ปล่อยมือบูมออก
"เดี๋ยวเรามานะ"
บูมบอกแล้วก็เดินแกมวิ่งขึ้นไปบนชายหาด ตรงไปยังรถที่จอดไว้ใกล้ๆ แถวนี้ บูมเข้าไปในรถสักพักก็เดินกลับมาด้วยเสื้อสีขาวแขนสั้นคล้ายๆ ชุดนักเรียนมัธยม เมื่อทิวเพ่งมองดีๆ ก็เห็นว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนมัธยมจริงๆ ด้วย แต่เหมือนจะมีอะไรเขียนไว้เต็มไปหมดเลย
พอบูมเดินเข้ามาใกล้ทิวจึงได้เห็นว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนของบูมที่ใส่สำหรับให้เพื่อนเขียนเฟรนด์ชิปในวันสุดท้ายก่อนจบนั่นเอง
"เหลือนายคนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เราเหมือนกัน เขียนให้เราด้วย" บูมบอกพลางส่งปากกาให้ทิว
"นายยังใส่ได้อีกเหรอ" ทิวถามพลางขำแล้วรับปากกามา
"เราไม่ได้อ้วนขนาดนั้นซะหน่อย ก็ยังพอใส่ได้อยู่" บูมบอกแล้วก็ขำเล็กน้อย
ทิวนึกอยู่ไม่นานนักก็ค่อยๆ เขียนข้อความลงไปบนเสื้อนักเรียนของบูม พอเขียนเสร็จแล้วบูมก็ถามด้วยความอยากรู้
"นายเขียนว่าไง อ่านให้เราฟังด้วยสิ"
"อ่านเองสิ" ทิวบอกด้วยท่าทางเขินๆ
"ทำไมล่ะ คราวที่แล้วเรายังอ่านให้นายฟังเลย คราวนี้นายต้องอ่านให้เราฟังด้วยสิ นะ...ผลัดกัน"
ทิวมองบูมแล้วก็ยังลังเลเพราะรู้สึกเขินที่จะอ่านข้อความที่เขียน แต่พอเห็นบูมรออยู่ก็ทำให้ทิวรู้สึกกดดันจนสุดท้ายก็ต้องยอมอ่าน
"คนเดียวที่ทำให้โลกใบนี้อบอุ่นและน่าอยู่ตลอดมา"
ได้ฟังแค่รอบเดียวเท่านั้นบูมก็น้ำตารื้นแล้ว อดที่จะกอดทิวไว้ด้วยความรักสุดหัวใจอีกไม่ได้ จากนี้ไปบูมจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของทิวต้องอ้างว้างและเหน็บหนาวอีกแล้ว เราอยู่ตรงนี้แล้วนะทิว เราจะดูแลนายเอง เราจะดูแลกันและกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ความรักของเราได้ผ่านพ้นกาลเวลาที่ยาวนานและข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปหมดแล้ว
ทิวกอดบูมตอบ อ้อมกอดของบูมยังคงอบอุ่นเสมอ กลิ่นหอมอุ่นๆ จากผิวกายของบูมก็ยังเหมือนเดิม ทิวสูดดมกลิ่นนั้นแล้วก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าจะจากกันไปถึงสองครั้งสองครา แต่ความรักก็ได้นำพาให้ผู้ชายที่แสนอบอุ่นคนนี้กลับมาหาทิวอีกครั้งจนได้ ชีวิตที่ไม่เหลือใครของทิวก็มีแต่บูมนี่แหละที่ยังคงเป็นที่พึ่งทางกายและใจให้กันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะนาทีไหนๆ ผู้ชายคนนี้ก็คือกำลังใจเดียวที่ทำให้โลกนี้ของทิวน่าอยู่และสดใสตลอดมา
ในขณะที่ทิวกำลังกอดกับบูมอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนจ้องมองดูอยู่ น่าจะอยู่ตรงนั้นมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เมื่อทิวเพ่งมองดีๆ พิจารณาจากรูปร่างและเสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็เริ่มจำได้ แต๋งนั่นเอง แต๋งกำลังยืนมองดูทิวกับบูมกอดกันอยู่ แม้จะเห็นไกลๆ แต่ทิวก็รู้ว่าคนที่ยืนมองอยู่นั้นไม่พอใจมากทีเดียว
หวังว่า...คงจะไม่เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นอีกแล้วนะ ทิวเหนื่อยและล้าเกินไปที่จะสูญเสียคนที่รักไปครั้งที่สามแล้ว
TBC