บทที่ 10
::โทรบอกอีวาน::
ผมยังคงทำงานที่ไนต์คลับ ต้องเจอสารพัดเรื่องแย่จากไทด์ผู้เป็นคนสอนงาน ความตั้งใจของเขาคงพูดได้ว่าทำทุกอย่างเพื่อให้ผมหมดความอดทน เวลาเห็นผมตกที่นั่งลำบากก็จะรู้สึกชอบใจจนอยากปรบมือดังๆ
ทนกับไทด์ว่างานหินแล้วแต่ก็คงไม่เท่ากับบรรดาลูกค้า อย่างวันก่อนมีชายวัยกลางคนเข้ามาขอเบอร์ บอกว่าสนใจผมนานแล้ว เห็นกำลังลำบากก็เลยเสนอตัวรับเลี้ยง ให้ผมรีบไปลาออก อยากได้เท่าไหร่ต่อเดือนก็ว่ามา ขอแค่ไปอยู่กับเขาพร้อมข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย ผมฟังคนที่อายุห่างจากผมหนึ่งรอบด้วยความลำบากใจ แต่ก็ต้องปฏิเสธไป
เมื่อถึงวันหยุด ผมคิดว่าก่อนจะอ่านหนังสือควรทำให้สมองปลอดโปร่งก่อน เพราะก่อนหน้านี้ผมใช้เวลาอ่านก่อนไปทำงานทุกครั้ง แต่พอกลับมาตอนดึกก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ตอนเช้าวันนี้ผมเลยตัดสินใจไปวิ่งออกกำลังกาย โดยใช้ถนนใกล้ๆ กับคอนโดวิ่งวนในซอยไปมา จนถึงสองโมงเช้าผมก็วิ่งขึ้นชั้นยี่สิบหกโดยไม่ใช้ลิฟต์
การออกกำลังกายเป็นไปด้วยดี กว่าจะวิ่งมาถึงหน้าประตูผมก็ได้เหงื่อเพียบ เมื่อเปิดเข้าไปในห้องผมเห็นจ้านนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงโซฟา มีกระดาษใบเล็กๆ อยู่ในมือเขาในขณะที่รอบตัวมีแต่ถุงกับอะไรกล่องอะไรเต็มไปหมด พอเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าถุงพวกนั้นบรรจุพวกของแบรนด์เนม มีทั้งนาฬิกา รองเท้า เสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมาย ผมกำลังจะทักว่าจ้านซื้ออะไรมาเยอะแยะ แต่ทันทีที่เห็นสีหน้าเขาความคิดของผมก็เปลี่ยนอย่างฉับพลัน
จ้านนิ่งเกินไป ขนาดผมเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้เขายังไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่แปลกก็คงเป็นข้าวของพวกนี้ แม้ครอบครัวของจ้านจะร่ำรวยแต่เขาก็ไม่ได้มีนิสัยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ผมอยู่กับเขามาเป็นอาทิตย์ย่อมสังเกตเห็น เพราะสิ่งของที่เขาใช้ไม่มีสิ่งไหนเกินตัว ของใช้หรือทุกอย่างในห้องดูเรียบง่าย บางอย่างดูมีระดับแต่ไม่ถึงขั้นแพงหูฉีก
แล้วไอ้ของแบรนด์เนมพวกนี้ จะใช่ของเขาแน่หรอ
“จ้าน ของพวกนี้ คือ...”
ผมพูดจบ จ้านก็นำกระดาษในมือยื่นมาให้ผม “อ่านดูสิ”
จากนั้นเขาก็เดินออกไปตรงระเบียง ทิ้งให้ผมอยู่กับกองของแบรนด์เนมและกระดาษใบเล็กๆ ในมือ มันคืออะไรกันแน่ ผมรีบอ่านด้วยความอยากรู้
‘นายไม่ยอมใช้บัตรเครดิตที่ฉันให้ไว้ เลยส่งของที่นายอาจจะชอบมาแทน เชื่อมั้ยว่านับจากคืนนั้นมาจนถึงตอนนี้ฉันยังนึกถึงวินาทีที่มีนายอยู่ในอ้อมกอดอยู่เลย หวังว่ากลับไปนายจะหาวิธีมายั่วใจฉันอีกครั้ง... อีวาน’ไอ้ฝรั่งบ้านั่น! คิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งข้อความแบบนี้มาที่คอนโดจ้านวะเนี่ย
ผมสบถในใจอยู่หลายคำ แต่ไม่มีคำไหนที่จะด่าหมอนั่นได้ตรงใจ เมื่อกี้จ้านคงอ่านแล้วถึงได้มีท่าทางแปลกๆ เขารู้ว่าผมปิดบังเรื่องคืนนั้น จากนี้ควรไปพูดยังไงกับเขาดี ป่านนี้จะคิดมากในทำนองที่ว่าผมไม่เชื่อใจเขาหรือเปล่า
ไม่ได้การล่ะ! ผมต้องไปอธิบายให้จ้านเข้าใจ
สายตาจดจ้องไปที่แผ่นหลังของคนตัวสูงกว่า ก่อนจะเดินตามออกไปตรงระเบียง แม้จ้านกำลังมองทิวทัศน์ด้านนอกแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาไม่มีความสุนทรีย์ใดใด ใบหน้าคร่ำเคร่งพลอยให้ผมหดหู่ใจจนต้องขอเวลาตั้งหลัก แล้วจึงพูดประโยคหนึ่งออกไป
“ฉันขอโทษ...”
“กูต่างหากที่ต้องขอโทษ!” เขาขึ้นเสียงสูงใส่ผม จากนั้นก็ทำสีหน้าไม่สู้ดีราวกับว่าการแสดงออกเมื่อครู่คือความพลั้งเผลอ เมื่อได้สติคืนเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “กูไม่ได้โกรธอะไรทั้งนั้น เพียงแต่... ไม่รู้จะพูดยังไง”
“จ้าน...”
“มึงต้องอดทนเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวเพราะไม่อยากให้กูเป็นห่วง ต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆ ในขณะที่กูช่วยอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้กูกำลังคิดว่าคนที่สูญเสียความทรงจำอย่างมึงต้องมาเจออะไรแบบนั้น มันจะทำให้มึงทุกข์ทรมานสักแค่ไหน” คำพูดของจ้านทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความห่วงใยที่มีให้ เขาเคยบอกว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมเชื่อว่าจ้านเป็นเพียงคนเดียวที่สร้างความทรงจำดีดีให้ผม แต่ถ้ามองในมุมกลับ การที่ผมจำอะไรไม่ได้ก็เท่ากับหลงลืมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเราไป ซึ่งเขาคงทุกข์ใจกับเรื่องนั้นไม่น้อย
มาคราวนี้เขาต้องมารับรู้เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับผมอีก มันช่าง... แย่จริงๆ
“นายไม่ต้องนึกถึงมันแล้วได้มั้ย ช่วยลืมๆ ไปเหมือนอย่างที่ฉันกำลังทำอยู่เถอะนะ” ผมจับเขาให้หันมามองหน้ากันตรงๆ เพื่อจะได้เข้าใจว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ
“กูขอโทษ”
จ้านว่ามาอย่างนั้นผมก็ได้แต่ส่ายหน้า และพอหันไปเห็นของต่างที่อีวานส่งมาให้ ผมก็เอ่ยขึ้น “นายอย่ากังวลไปเลย ฉันกับอีวานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ของพวกนั้นฉันก็จะเอาไปคืนเขาด้วย ตกลงมั้ย”
“มึงรู้ว่ามันอยู่ไหนใช่มั้ย... บอกมา กูจะได้ไปถามมันว่าการใช้กำลังบีบบังคับคนไม่มีทางสู้มันสนุกมากนักหรอ” จ้านเค้นเสียงกร้าว ผมก็ได้แต่ตบบ่าเขาเพื่อให้ใจเย็นลง
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ฮ่องกง”
“มันไม่เลิกยุ่งกับมึงแน่ แค่ข้อความนั่นกูก็รู้สึกได้แล้ว” จ้านจับบ่าผมให้เผชิญหน้ากันตรงๆ “มึงไม่ต้องกลัวนะ กูปกป้องมึงเอง จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายมึงได้อีก กูสัญญา”
“เอ่อ เรื่องนั้น...” เพราะผมพูดอึกอัก จ้านจึงเกิดความสงสัย
“มีอะไร”
ให้ตาย... และแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้!
“ฉันจะเล่าให้ฟัง”
ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้ ถ้าผมไม่ยอมเปิดใจพูดเล่าทุกอย่างให้จ้านฟัง มันอาจจะช่วยชดเชยเรื่องที่ผมลืมความทรงจำที่เกี่ยวกับเขาได้บ้าง
ผมเล่าตั้งแต่อีวานให้ลูกน้องมาพาตัวไปยังคฤหาสน์ของเขา ร่ายยาวไปถึงตอนที่ถูกพาตัวออกจากคอนโดเพื่อไปหาอีวานที่สนามบิน ตอนนั้นผมโกหกจ้านว่าออกไปสมัครงาน และปิดท้ายด้วยการบอกเรื่องที่ไปทำงานในไนต์คลับพร้อมสาเหตุที่ต้องทำตามคำพูดของลูเซียนด้วย
“ร้านที่มึงไปทำงาน... คือไนต์คลับของลูเซียน”
“อืม” ผมพยักหน้าช้าๆ จากนั้นก็แอบมองสีหน้าของจ้านเพื่อคาดเดาสถานการณ์ที่จะเกิดต่อจากนี้
ผมให้เขารู้เพียงเรื่องที่อีวานเป็นเพียงผู้ชายที่มาติดพันผมแล้วไม่ยอมปล่อย สุดท้ายจึงต้องพึ่งพาลูเซียนจากเหตุผลหลายๆ ข้อ ผมเลือกที่จะให้จ้านรู้แค่นั้น เพราะผมไปขอให้ลูเซียนช่วย ถ้าเอาเรื่องที่เคยเสนอตัวให้อีวานเพื่อธุรกิจของลูเซียนมาเล่าให้ฟัง จ้านอาจจะสั่งให้ผมล้มเลิกสิ่งที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้เลยก็ได้
“คิดว่ามึงจะไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับกูซะแล้ว”
เอ๊ะ? ทำไมจ้านถึง...
“หมายความว่ายังไง”
“อันที่จริงกูรู้เรื่องตั้งแต่วันแรกที่มึงไปทำงานแล้ว” ผมหน้าเหวอทันที ไม่คิดว่าจ้านจะมีเรื่องที่ปิดบังผมไว้เหมือนกัน “ตอนนั้นกูเป็นห่วงมึง เลยแอบตามไปดูว่างานที่ร้านเป็นยังไง”
“แล้วทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย” ผมถาม
“แต่ไหนแต่ไรมามึงชอบทำอะไรตามใจตัวเองจนกูชินชา ไม่ว่าใครจะห้ามยังไงก็ไม่เคยสน กูเลยได้แต่คิดว่ามึงคงมีเหตุผลที่ทำแบบนั้นถึงไม่ยอมบอกความจริง ไม่ยอมปรึกษากู แล้วยังจัดการอะไรคนเดียวอีก” จ้านดูซีเรียสมาก สีหน้าแสดงความจริงจังเสียจนผมต้องตั้งใจฟัง “กูเข้าใจว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้น มึงไม่ใช่ไอ้รัณย์คนเก่า กูจะปล่อยปะละเลยมึงไม่ได้ แต่การที่มึงปิดบังกูทั้งๆ ที่ตอนนี้กูเป็นเพียงคนเดียวที่มึงไว้ใจได้ก็เท่ากับมึงตั้งใจดีแล้ว ถ้ากูถามมันจะยิ่งทำให้มึงลำบากใจเปล่าๆ ก็เลยต้องปิดปากเงียบมาตลอด แล้วรอว่าเมื่อไหร่มึงจะบอกกูตรงๆ”
“ฉันไม่อยากให้นายเดือดร้อนไปด้วย ก็เลยยอมทำตามข้อตกลงของลูเซียน” สิ้นเสียงผม จ้านก็ขบขันในลำคอทันที คล้ายเป็นการพ่นลมหายใจที่เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า และหมดคำจะพูดถึงเรื่องอัดอั้นตันใจ
“กูเอาแต่สงสัยในสิ่งที่มึงตัดสินใจทำโดยไม่ถาม มารู้ความจริงอีกทีก็ตอนที่มึงบอกว่าไม่อยากทำให้กูเดือดร้อน” จ้านแสดงอาการหน่ายใจอีกครั้ง “มึงยอมเผชิญหน้ากับไอ้คนอันตรายพวกนั้นคนเดียวได้ยังไงวะ ทำไมถึงเชื่อใจเขาง่ายๆ ไม่รู้ตัวเลยหรอว่ากำลังถูกเอาเปรียบอยู่”
จู่ๆ จ้านก็พูดใส่อารมณ์ ผมเลยต้องรีบอธิบายซ้ำ
“ในเมื่อฉันยอมทำตามที่สั่งแล้ว เขาก็ควรรักษาคำพูดสิ”
“โธ่ ไอ้รัณย์! มึงคิดจริงๆ หรอว่าการไปเป็นพนักงานที่ไนต์คลับจะช่วยให้มึงรอดพ้นจากไอ้มาเฟียนั่นได้” จ้านดูหัวเสียมาก ซึ่งผมก็เข้าใจถึงได้ตั้งใจฟังเขาพูด “มึงบอกกูเองว่ารู้จักกับอีวานในฐานะหุ้นส่วนของลูเซียน แล้วอย่างนี้มันจะมาช่วยมึงให้ผิดใจกับฝ่ายนั้นเพื่ออะไร”
“ฉันไม่ได้สำคัญถึงขนาดมีต่อธุรกิจของพวกเขาหรอกนะ ตอนนี้อีวานก็แค่เป็นบ้าอะไรไม่รู้ ลองให้เขาเข้าใจว่าฉันเป็นคนของลูเซียนแล้ว เขาอาจไปหาเหยื่อคนใหม่แทนก็ได้”
“ถึงอย่างนั้นมึงก็เชื่อใจลูเซียนแค่คำพูดไม่ได้ ถ้าอยู่ๆ หมอนั่นเกิดทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องอีวานขึ้นมาจะทำยังไง ถึงไม่มีผลต่อธุรกิจ แต่การผิดใจกันมันก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกนะ”
ผมเริ่มคล้อยตามสิ่งที่จ้านบอกทีละนิด
“และอีกอย่าง มึงก็เป็นแค่พนักงานไม่ใช่คู่นอน ไม่มีเหตุผลเลยที่อีวานจะเกรงใจลูเซียนอย่างที่มึงว่า” คล้ายกับผมเพิ่งบรรลุอะไรสักอย่าง ทำไมไม่เคยฉุกคิดได้แบบนี้บ้าง แค่ลูเซียนพูดสัญญาปากเปล่าผมก็ยอมไปทำงานที่ไนต์คลับทันที สรุปว่าผมจะหวังให้ตัวเองเป็นคนของเขาแค่เพียงลมปากไม่ได้สินะ
“ฉันเข้าใจแล้ว” ผมเอ่ย
“เข้าใจอะไร”
“เดี๋ยวฉันมานะ”
“เฮ้ย! ไอ้รัณย์!”
ผมเสี่ยงดวงมาที่บริษัทของลูเซียนเป็นแห่งแรก คิดว่าถ้าไม่เจอค่อยไปหาที่อื่น ตอนนี้เวลาก็เกือบเก้าโมงครึ่ง ต้องรีบไปถามกับพนักงานว่าวันนี้เจ้าของบริษัทจะเข้ามาหรือเปล่า เมื่อได้รับคำตอบว่าลูเซียนอยู่ในระหว่างการเดินทาง ผมก็จัดการหาที่นั่งรอทันที เพราะดูจากสถานการณ์แล้วพวกพนักงานคงสงสัยว่าทำไมถึงแวะมาหาลูเซียนอยู่เรื่อย แน่นอนว่าผมกระอักกระอ่วนกับสายตาพวกนั้น แต่ทำไงได้ ก็ผมมีธุระกับเขาจริงๆ นี่
ในที่สุดลูเซียนก็มาถึง ผมมองไปก็เห็นคนคอยบริการเปิดประตูรถให้เสร็จสรรพ เขากระชับเสื้อสูทแล้วเดินเข้ามาในบริษัทด้วยท่วงท่าการเดินที่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ แต่นั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจเหมือนก่อน ช่างหัวการให้เกียรติ์ไปเลย เพราะตอนนี้ผมกำลังตรงไปดักหน้าลูเซียนอย่างห้าวหาญ
ผมตั้งใจทำให้เขาหยุดเดิน จนเมื่อนัยน์ตาของเราประสานกันก่อนที่คนตรงหน้าจะเอ่ยขึ้น...
“รู้สึกว่าช่วงนี้นายจะมาหาฉันบ่อยนะ” เออ! ยอมรับ แต่ผมไม่คิดจะเถียงเรื่องนี้ให้เสียเวลาหรอก
“ตอนแรกผมเข้าใจว่าการเข้ามาเป็นพนักงานตามที่สั่งก็เท่ากับเป็นคนของคุณแล้ว แต่พอมาคิดดูอีกที ผมก็เข้าใจว่ามันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น”
“แล้วยังไง?” ลูเซียนถามอย่างเฉยชา ผมจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นไปตรงหน้าเขา
“โทรบอกอีวานว่าผมเป็น ‘คู่นอน’ ของคุณ” น้ำเสียงหนักแน่นของผมทำให้คิ้วหนาของลูเซียนกระตุก “เสร็จแล้วผมถึงจะกลับไปทำงานต่อ”
บอสใหญ่แห่งซีเอ็กซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์หันไปส่งซิกกับคุณเลขาที่ยืนอยู่ด้านหลังทำนองว่าให้เดินออกไป เมื่อลานของตึกชั้นล่างเหลือเพียงแค่ผมกับเขา แบบนี้มันจะเท่ากับว่าการสนทนาของเรากลายเป็นเรื่องส่วนตัวขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่อยากทำก็ออกไป” เขาเอ่ยพร้อมสีหน้าเรียบเฉย ผมจึงรีบย้ำด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
“คุณต้องโทรนะครับ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามที่นายบอก”
“ผมจะซื้อคุณ!”
ลูเซียนถลึงตาใส่ผม “อย่าพูดจาพล่อยๆ”
“ถ้าเกิดผมขอให้คุณสมมุติว่าเราเป็นคู่ขากัน คุณจะเรียกเงินเท่าไหร่” ผมต้องการหลักประกันที่สามารถเชื่อในคำพูดของลูเซียนได้ หรืออย่างน้อยก็ให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ถอนคำพูดทีหลัง และใช่ การยื่นมือช่วยผมมันไม่ใช่กงการอะไรของเขา ให้ทำฟรีๆ ใครจะไปยอม เพราะงั้นตอนแรกผมถึงทำตามที่เขาสั่ง นั่นคือการไปเป็นพนักงานในไนต์คลับ
แต่คราวนี้ ผมไม่มีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับเขา... นอกจากเงิน
“มีเงินมาฝาดหัวฉันรึไง”
“ผมจะทำงานให้คุณจนกว่าจะครบจำนวนเงินที่คุณเรียก... โดยไม่มีวันหยุด”
“แล้วถ้าฉันเรียกเงิน 10 ล้านล่ะ”
“ห๊ะ?” แพงขนาดนี้เชียว!
“อย่าลืมว่านายกำลังให้หลอกลวงหุ้นส่วนระดับวีไอพี”
ฟังมาถึงตรงนี้ ผมรู้สึกว่าเขากำลังเล่นเกมอะไรสักอย่าง แม้จะไม่อาจคาดเดาความนึกคิดจากสายตาอันเย็นชาคู่นั้นได้ แต่การกระทำและคำพูดหลายๆ อย่างมันทำให้ผมสัมผัสได้ว่าเขาไม่มีความเห็นใจอยู่เลย
“คุณไม่ได้ตั้งใจจะช่วยผมตั้งแรกแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงผมสั่น จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง
ลูเซียนประจันหน้ากับผมสักพักก็หันไปส่งสายตาให้คุณเลขาเดินเข้ามาใกล้ สั่งให้อีกฝ่ายกดเบอร์หาอีวานอย่างไม่ลังเล ทุกอย่างมันกะทันหันซะจนผมตั้งตัวไม่ถูก จนเมื่อรับโทรศัพท์มาไว้ในมือ ลูเซียนก็ยกหน้าจอขึ้นเพื่อโชว์ชื่อให้ดูว่ากำลังโทรหามาเฟียฮ่องกงนั่นจริงๆ
“ขอสายอีวาน” จริงหรอเนี่ย! ลูเซียนคงโทรเข้าเบอร์ของคนสนิทอีวาน ผมยืนรอด้วยใจระทึก จนกระทั่ง... “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
นึกไปถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ คับคล้ายคับคราว่าลูเซียนเสนอราคาสำหรับการโทรหาอีวานมาแบบแพงหูฉีก
ให้ตายสิ! ผมต้องเป็นหนี้เขาถึงสิบล้านเชียวนะ
“ดะ... เดี๋ยวก่อนครับ”
“รัณย์เป็นคนของผม”ชายตรงหน้าปรายตามองผมแล้วเลิกคิ้วขึ้น
“หวังว่าคุณจะไม่ยุ่งกับเขาอีก”TBC
NEXT UPDATE 19/05/61 TIME 20:00