ตอนที่ 27วันแรกของการกลับมาทำงานเป็นวันที่วุ่นวายมาก ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาราวกับพายุ
เริ่มตั้งแต่ข่าวที่ทำให้ทั้งบริษัทฮือฮา ผู้บริหารวิ่งกันให้วุ่น โทรศัพท์เข้าคุณวีร์ไม่หยุด ผมกับพี่พรต้องรับสายนักข่าว
จนอยากยกหูโทรศัพท์ออกให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป
ข่าวที่ว่านั่นคือข่าวการประสบอุบัติเหตุของนายนพกร หลานชายของประธานบริษัท ซีแอนด์สกายดิวิลอปเมนท์ จำกัด
ผู้พ่วงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดเอาไว้ด้วย
สาเหตุที่ข่าวของคุณจักรได้รับความสนใจ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงมากมายอะไร เพราะขณะเกิดเหตุคุณจักรอยู่กับ
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง มันจะไม่เป็นเรื่องขึ้นมาถ้าไม่ใช่เด็กขาย และอายุเพียง 17 ปี
เมื่อเด็กให้ปากคำ อุบัติเหตุชนแล้วหนีจึงกลายเป็นการซื้อบริการและล่วงละเมิดทางเพศเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ
เสียงซุบซิบนินทาเรื่องคุณจักรเป็นเกย์ไม่ร้ายแรงเท่าเรื่องหลัง เพราะเป็นญาติกับนักธุรกิจชื่อดังจึงตกเป็นข่าวครึกโครม
ผมไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี ตอนนี้คุณจักรเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เห็นว่าตอนเกิดเหตุเด็กกำลัง
ก้มใช้ปากทำให้ สภาพตอนคนเข้าไปช่วยเรียกว่าดูไม่จืดกันเลยทีเดียว อาการของคุณจักรส่วนอื่นๆ ไม่ร้ายแรงมาก
แต่ตรงนั้นอย่าให้ผมเล่าเลยนะครับ เอาเป็นว่าโชคดีที่มันยังอยู่ แต่เจ็บแค่ไหนผมคงไม่ไปถาม ลองคิดภาพ
มันคาปากแล้วมีรถพุ่งเข้ามาชน เด็กหล่นลงจากเบาะ เอ่อ...ทิ้งไว้ในฐานที่เข้าใจกันเถอะครับ
สายๆ พอได้หายใจหายคอกัน คนที่ผมไม่คิดว่าจะมาหาก็มา ผมอยู่ในห้องกับคุณวีร์ กำลังนวดหว่างคิ้วให้คนตัวโต
พี่พรก็โทรเข้ามารายงานว่าคุณลลิตามาขอพบผม คุณวีร์สั่งให้เข้ามาหาในห้อง ไม่ให้ผมออกไปคุยเอง
ผมมองผู้หญิงที่เรียกว่าสวยมากคนนึง แต่งตัวเปรี้ยวเกินเลขา ถ้าไม่รู้มาก่อนผมคงนึกว่าเป็นดาราหรือนางแบบ
“คุณวีร์” คุณลลิตาเรียกเสียงอ่อน น้ำเสียงเจือด้วยความกังวล
“ตาจะขอรบกวนเวลา ขอตัวปุ่นออกไปคุยด้วยสักครู่ได้ไหมคะ”
“คุณมีอะไรจะคุยกับปุ่นก็พูดได้เลย”
“คือตาจะมาขอโทษเรื่องคืนนั้น ตาไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณจักรจะทำเรื่องไม่ดีกัน้องปุ่น ตาไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยเลยนะคะ
ตาแค่ขอให้ปุ่นช่วยขนของขึ้นไปให้ เพราะตาถือคนเดียวไม่ไหว”
เป็นคำแก้ตัวที่ชวนเจ็บสีข้างแทนเพราะแถจนเลือดไหลซิบ ผมได้แต่ส่ายหัว คนมันกำลังพยายามเอาตัวรอด
“ลลิตาที่ผมยังไม่ทำอะไรไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ความจริง แต่เพราะพี่จักรเกิดเรื่องเสียก่อน อย่าพูดอะไรที่ทำให้ตัวคุณดูแย่
ไปกว่านี้”
“ตาไม่ได้ทำจริงๆ นะคะคุณวีร์ เอาตาไปสาบานที่ไหนก็ได้ คุณวีร์ก็รู้จักนิสัยคุณจักรดี เวลาอยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้
คุณจักรคงเห็นโอกาสตอนปุ่นขนของไปส่งให้ตา”
“ลลิตา” เสียงตวาดของคุณวีร์ดังจนคุณลลิตาสะดุ้งตัวสั่น
“เลิกพูดโกหกได้แล้ว ถ้ามาเพื่อขอโทษปุ่นก็ขอโทษซะ เสร็จแล้วไปเก็บของของคุณได้เลย ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก”
“คุณ..คุณวีร์ไล่ตาออกไม่ได้นะคะ ตาไม่ผิด คุณ..คุณไม่มีหลักฐาน ตาฟ้องร้องบริษัทได้”
“ไม่ต้องกลัวผมจะให้ฝ่ายบุคคลเรียกคุณไปพบแจ้งเรื่องเลิกจ้าง คุณจะได้ผลประโยชน์ครบถ้วน
แม้จะไม่ควรได้แม้แต่เศษเงิน แต่เพื่อให้คุณไปไกลๆ ปุ่นให้เร็วที่สุด ผมจะยอมตัดปัญหา ออกไปได้แล้ว”
สายตาคุณวีร์เย็นชาจนแว้บนึงผมสงสารคนที่ถูกมอง คุณลลิตาทรุดลงกับพื้น นั่งปิดหน้าร้องไห้จนตัวโยน
คุณวีร์หยิบโทรศัพท์โทรหาพี่พรให้เรียกพี่สนิมเข้ามา
“พาคุณลลิตาไปส่งที่โต๊ะ ดูแลเรื่องเก็บของให้เรียบร้อยแล้วพาไปที่ฝ่ายบุคคลด้วย”
พี่สนิมก้มลงดึงแขนคุณลลิตาขึ้น ฝ่ายนั้นออกแรงสะบัดแต่ไม่หลุด สุดท้ายโดนหิ้วปีกออกไป
คุณวีร์กดโทรศัพท์หาผู้จัดการฝ่ายบุคคลสั่งให้ทำเรื่องเลิกจ้างคุณลลิตาโดยให้เหตุผลว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสม
กับผู้บริหารของบริษัท
ผมรอจนคุณวีร์วางโทรศัพท์จึงขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ ยกมือขึ้นขึ้นนวดศีรษะให้อีกฝ่ายเบาๆ
“ปวดหัวไหมครับ” คุณวีร์ซบหน้าลงกับอกของผม มือโอบรอบเอว ดึงให้ไปยืนหน้าเก้าอี้ที่บิดหันมาทางผม
“ไม่หรอก แค่หงุดหงิด”
“เรื่องข่าวคุณจักรเหรอครับ”
“ไม่ใช่ เรื่องที่ยังไม่ได้จัดการพี่จักรให้ปุ่น ปุ่นโกรธพี่ไหมที่พี่ไม่เด็ดขาด แต่เห็นน้ำตาอาภาแม่พี่จักรพี่ก็ทำไม่ลง
แค่ข่าวว่าลูกเป็นเกย์แถมซื้อบริการก็หนักมากแล้ว ไม่อยากซ้ำเติมแกด้วยเรื่องนี้เข้าไปอีก จะทำตอนนี้คงไม่ได้
อย่างน้อยต้องรอให้ออกจากโรงพยาบาลก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ผมบอกคุณวีร์แล้วว่าผมจัดการสั่งสอนไปแล้ว คุณวีร์แค่ตักเตือนก็พอครับ
อย่าทำอะไรรุนแรงเลยยังไงก็ญาติกัน”
“ไม่โกรธพี่จริงนะ”
เฮ้อ พูดขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เชื่อกัน ผมเลยทำใจกล้า ก้มลงไปแตะจูบที่หน้าผากคนคิดมาก
กดลงไปหนักๆ จนกดเสียงดับจ๊วบตอนดึงปากออก
“เชื่อหรือยังครับ”
“ยัง ลองตรงนี้สิ พี่น่าจะพอทำใจเชื่อได้” คนคิดมากเปลี่ยนเป็นคนหื่นภายในพริบตา มือใหญ่ชี้ที่ปากของตัวเอง
แถมไม่รอให้ผมตอบ ตวัดเอวผมลงนั่งตัก กดสะโพกผมเอาไว้ไม่ให้ขยับ
“คุณวีร์ ที่ทำงานไม่ได้นะครับ”
“นิดเดียว เร็วๆ พี่กำลังเสียขวัญ” โอ้ย หมั่นไส้ครับ ดูทำหน้าทำตา เล่นใหญ่มากคุณรองประธาน
ผมแตะมือลงไปบนมือคนเจ้าเล่ห์ ก่อกดเล็บชนเล็บแล้วบิดเป็นวงกลม คนโดนกระทำร้องเสียงหลง
ปล่อยแขนออกให้ผมลุกไปได้ง่ายๆ สะบัดมือตัวเองก่อนลูบคลำบนรอยหยิก มองผมตาคว่ำ
ไม่เหลือมาดรองประธานสักนิด
“เดี๋ยวจะโดน” คำขู่ที่ส่อให้รู้ว่าจะโดนอะไร ทำให้ผมไม่คิดจะอยู่ในห้องคุณรองประธานอีกต่อไป
เผ่นสิครับรออะไร ก่อนประตูปิด ผมยังได้ยินเสียงโวยวายดังตามออกมา เฮ้อ นับวันยิ่งเด็กลงๆ
“คุณวีร์เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ พี่เหมือนได้ยินเสียงเอะอะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับพี่พร คุยโทรศัพท์อยู่” ผมปัดเรื่องออกจากตัว
“อืม คงอารมณ์เสียวันนี้มีแต่เรื่อง”
“ครับ”
“ว่าแต่ตาเขามาทำไมเหรอปุ่น มาเรื่องคุณจักรหรือเปล่า” พี่พรลุกมาหาผมที่โต๊ะ ผมคิดว่าไม่ควรเล่าเรื่องที่ระยอง
เลยแค่ตอบรับไป
“ใช่ครับ”
“ตอนแรกพี่ก็นึกว่าตามีอะไรกับคุณจักรตามที่เขาล่ำลือกัน ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ แต่เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีนะครับ
พอเริ่มมีข่าวออกไป คุณซันที่วันกลับจากระยองยังไม่กล้าเข้าหน้าคุณวีร์อยู่เลย กลับรีบโทรมาหา
ซักถามเป็นห่วงคุยกันอยู่นาน ลืมเรื่องนั้นกันไปเลย ผมถือว่ามันเป็นเรื่องดีถ้าคุณลินรู้คงดีใจ
“ปุ่น” เสียงเรียกทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินผ่านประตูเข้ามา
เพิ่งนึกถึงไปหยกๆ คุณลินก็มาถึงบริษัท สงสัยจะเป็นห่วงเรื่องข่าวเลยมาหาคุณวีร์ด้วยตัวเอง
ผมลุกขึ้นยืนส่งรอยยิ้มไปทักทาย แต่เป็นอันต้องหุบฉับ เพราะมีคนเดินตามเข้ามาหลังคุณลินไม่กี่วินาที
“คุณวิกา” ผมส่งเสียงเรียกออกไปเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
คุณลินหันขวับไปมอง สีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนไปพอๆ กับผม
“มาทำไม” เสียงห้วนถามคนมาใหม่
คุณวิกาไม่ตอบและไม่ทักทายใครทั้งนั้นแม้แต่พี่พร เดินตรงไปที่ประตูห้องคุณวีร์และเปิดเข้าไปเลย
พี่พรพยายามวิ่งไปรั้งเอาไว้แต่ช้ากว่า
ผมหันไปสบตากับคุณลิน
“ไปกัน” คุณลินเข้ามาลากผมพาเดินไปที่ประตูห้องคุณวีร์โดยไม่รอให้พี่พรรายงานเข้าไปก่อน
ภาพที่เห็นไม่รู้ว่าจะขำดีหรือสงสารดี คุณลินเปิดประตูฟาดหน้าคุณรองประธานเข้าไปอย่างจัง
“เฮ้ย วีร์” คุณลินรีบเดินเข้าไปประคองเพื่อน
“มายืนอะไรตรงนี้ เจ็บมากไหม” คุณวีร์เอามือกุมหน้าผากตัวเอง ที่ตอนนี้ขึ้นเป็นรอยแดงทั้งแถบ
“ทำไมไม่เคาะประตูหะลิน เปิดเข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง” คุณรองประธานบ่นอุบ ท่าทางจะเจ็บไม่ใช่น้อย
“แล้ววีร์มายืนทำบ้าอะไรหน้าประตูล่ะ ใครมันจะไปรู้”
ผมหันไปมองคุณวิกาที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้คุณวีร์ ไม่ใช่หน้าโต๊ะแต่ข้างเก้าอี้ จากสภาพเก้าอี้ที่หมุนไปอีกด้าน
ทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าคุณวิกาคงเดินเข้าไปหาคุณวีร์แล้วคุณวีร์ก็เดินออกอีกด้านของโต๊ะมาที่ประตู
พอดีกับที่คุณลินเปิดเข้าไป ผมจะเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าคุณวีร์ไม่อยากอยู่กับคุณวิกาตามลำพัง
“ไปนั่งก่อนเถอะ” คุณลินพยุงคุณวีร์ไปนั่งที่โซฟารับแขก ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเป่าให้ร้อนและแตะไปบน
รอยนูนเล็กๆที่เริ่มปรากฏขึ้น
แปลกที่คุณวิกาไม่เข้ามาดูคุณวีร์ หรือพูดอะไรขึ้นมาเลย
ผมประคบแผลซ้ำให้สองสามรอบ คุณวีร์ก็ดึงมือออกจากหน้าผากมาจับไว้
“วิกามานั่งด้วยกันสิ มาหาผมมีอะไรหรือเปล่า” คุณวิกามองคุณวีร์ก่อนหันมาจ้องผม ผมนึกว่าจะไม่มานั่งเสียแล้ว
แต่สุดท้ายก็ยอมเดินมา
“วิกาได้ยินข่าวคุณจักร เป็นห่วงวีร์เลยรีบมา ทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ”
“ให้ทนายของบริษัทดูแลอยู่”
“แย่เลยนะคะ พอข่าวเรื่องคุณจักรเป็นเกย์หลุดออกไป นักข่าวก็เขียนข่าวกันสนุก เสียชื่อเสียงหมด”
ผมเผลอขมวดคิ้วเห็นชัดว่าคุณวิกาไม่ได้พูดเพราะเห็นใจคุณจักร แต่พูดกระตุ้นคุณวีร์มากกว่า
“ถ้าวิกาตามข่าวจริงก็น่าจะรู้ว่าพี่จักรไม่ได้โดนเล่นข่าวเพราะเป็นเกย์” เสียงคุณวีร์เรียบนิ่ง เสียงที่ผมก็เคยได้ยิน
ตอนที่เรายังไม่สนิทกัน
“แต่ก็เพราะเป็นเกย์ไงคะถึงโดนสนใจ” คุณวิกาไม่ยอมแพ้ พยายามจะพูดคำว่าเกย์ซ้ำๆ อยู่ได้
“วิกาถ้าอยากจะพูดเรื่องที่ผมเป็นเกย์ก็พูดออกมาตรงๆ ไม่ต้องใช้เรื่องพี่จักรมาเป็นประเด็น”
คุณวิกาหน้าซีดพอๆ กับผม จะไม่ให้ซีดได้ยังไงล่ะครับผมรู้สึกผิดที่ทำให้คุณวีร์เป็นแบบนี้
“หึๆ ตลกชะมัด ว่าเขาเป็นเกย์แต่ก็อยากได้จนตัวสั่น สบช่องหน่อยต้องวิ่งแจ้นมาหาถึงที่”
“ลิน” คุณวิกาลุกพรวดขึ้นยืน ส่วนคุณลินเคลื่อนร่างกายอย่างกับนางพญา เอนตัวลงพิงพนักโซฟาไม่มีทีท่าว่าจะร้อนตาม
“ลินเป็นเพื่อนวีร์ควรช่วยเพื่อนในทางที่ถูกสิ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบนี้”
“เป็นยังไง เป็นคนมีความรัก เป็นคนมีความสุขน่ะเหรอ ไม่เอาน่าวิกาอย่าอิจฉาจนเผลอทำตัวเป็นนางร้ายหน่อยเลย
เล่นบทนางเอกต่อไปเถอะ เผื่อจะหลอกผู้ชายได้อีกสักคนสองคน อย่าเพิ่งหลุดธาตุแท้ออกมาตอนนี้”
ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าคุณลินน่ากลัว น่ากลัวจริงๆ นะ แต่คนที่น่ากลัวกว่าคุณลินก็คนที่นั่งยิ้มๆ ปล่อยให้เพื่อน
สนุกโดยไม่ห้ามนี่แหล่ะ ร้ายที่สุด
“นังลิน” คุณวิกาเงื้อมือโผนเข้าหาคุณลิน แต่ผมดีดตัวออกไปจับข้อมือนั่นไว้ก่อน
“คุณวิกาพูดกันดีๆ อย่าใช้กำลังครับ”
“อีกระเทย” คุณวิกาเงื้อมืออีกข้างตวัดใส่หน้าผม ผมยกแขนขึ้นตั้งฉาก ปะทะกับมือที่ฟาดลงมา ก่อนหงายฝ่ามือ
ผลักให้แขนนั้นตกลงไป คุณวิกายังลองอีกครั้ง คราวนี้ผมก้าวถอยหลัง ยกมือขึ้นวาดตามมือของคุณวิกาไป
บังคับให้มือนั้นไปให้สุดทาง ก็คือบนใบหน้าเจ้าของเอง ไม่แรงหรอกครับแต่คงตกใจมาก
“อี..” คุณวิกาเอามือกุมแก้มตัวเองข้างนึง มืออีกข้างที่ผมเพิ่งปล่อยชี้นิ้วสั่นระริกมาที่หน้าผม
“วิกาผมขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ผมว่าคุณกลับไปเถอะ”
“วีร์คะ วิกาโดนทำร้ายนะคะ”
“ผมมีตาวิกา ดูออกว่าใครทำอะไร เอาเป็นว่าผมเชิญคุณกลับไปก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องส่วนตัวของผม
คุณอย่าเข้ามายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคนนอกอย่างคุณ”
“วีร์”
วันนี้ผมเห็นผู้หญิงสองคนแล้วที่ทำท่าหมดแรงในห้องนี้ มันวันอะไรเนี่ยทำไมวุ่นวายเป็นบ้า
“เอาเถอะค่ะวิกาจะกลับก่อน สักวันวีร์จะได้รู้เองว่าใครเหมาะสมกับวีร์ที่สุด” คุณวิกาคว้ากระเป๋า
สะบัดหน้าออกไป ปิดประตูดังโครมใหญ่ ขี้หูแทบหลุดออกมา
ผมหันไปมองคนที่เป็นต้นเรื่อง อยากจะประทุษร้ายคุณรองประธานนัก ไปอ่อยเขาไว้ท่าไหน่ล่ะถึงติดหนึบขนาดนี้
“ก็คนมันมีเสน่ห์” เสียงอ่อยๆ ของคนตัวโต แหม ทีเมื่อกี้ทำเป็นเสียงเรียบนิ่งน่ะ
“รู้ด้วยเหรอครับว่าผมคิดอะไรอยู่”
“รู้ รู้ใจ” เสียงไอปนสำลักของคุณลินทำเอาผมหน้าแดงสุดๆ
“เก็บไว้บอกกันสองคนได้ไหม หน้าหัดมียางอายบ้าง” คุณลินเอามือลูบอกตัวเองไปมา
“เอ่อ ผมออกไปทำงานต่อก่อนนะครับ คุณลินคุยกับคุณวีร์ตามสบาย”
สถานการณ์ไม่น่าอยู่ อายโครตๆ ครับ ถึงคุณลินจะรู้แล้วแต่ผมก็ยังอายอยู่ดี
“ปุ่นออกมาเสียที พี่กำลังว่าจะโทรตาม”
“มีอะไรครับพี่พร” ผมเดินไปหาที่โต๊ะ พี่พรยื่นกล่องดอกไม้มาให้
ข้างในเมีดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่มากหนึ่งดอก ก้านถูกพันด้วยริบบิ้น มีการ์ดแนบมาด้วย
“ของคุณวีร์เหรอครับ”
“ใช่ มีแมสเซนเจอร์มาส่งเมื่อกี้นี่เอง พี่ไม่ได้เจอตัว ประชาสัมพันธ์รับไว้ให้”
“ครับ”
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ ตัดสินใจเปิดฝากล่องที่เป็นพลาสติกใสออก หยิบการ์ดขึ้นมาเปิด
ข้างในมีรูปถ่ายอยู่หนึ่งใบ ไม่ได้โดนฉีกเป็นชิ้นๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่มันกลับทำให้ผมกลัวได้มากกว่าทุกครั้ง
มันเป็นภาพท้ายรถกับทะเบียนที่คุ้นตา รถคันนั้นยังอยู่ในสภาพปกติ เวลาที่ถูกบันทึกบนภาพ เป็นเวลาก่อนเกิดเหตุ
ใช่ครับ มันคือรถของคุณจักร
ผมรีบกดโทรศัพท์หาพี่ปั้น เล่าเรื่องกล่องดอกไม้และรูปถ่าย พี่ปั้นเงียบไปนานจนผมต้องเรียกชื่อออกไป
“พี่ปั้น”
“ปุ่น เรื่องนี้มันเกินควบคุมแล้ว ปุ่นต้องบอกความจริงกับคุณวีร์ พี่ให้เวลาถึงคืนนี้
พรุ่งนี้พี่จะเข้าไปหาคุณวีร์ที่บริษัทเพื่อแสดงตัวและปรึกษาหารือกันจริงจังเสียที”
“พี่ปั้น” ผมรู้สึกหัวหมุน มือเท้าชา ขาอ่อนแรงไปหมด ใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ ความกลัวเข้าครอบงำจนหน้าซีด
ผมอยากให้พี่ปั้นเขามาจัดการดูแลเรื่องนี้ ผมจะอุ่นใจขึ้นมากเพราะเชื่อในฝีมือของพี่ชาย แต่ผมเพียงอยากเก็บความลับ
เล็กๆ ของผมเอาไว้ก่อน ผมกลัวว่าถ้าคุณวีร์รู้จะไล่ผมไป ผมอยากอยู่ข้างๆ อยากช่วยปกป้องคุ้มครองคนที่ผมรัก
เป็นไปได้ไหม ถ้าผมจะบอกว่าผมเป็นคนเรียกพี่ปั้นเข้ามาเพื่อทำการคุ้มครอง ผมยังจะเก็บความลับเอาไว้ได้ไหม
“น้อง..น้องขอ”
“ไม่ นี่เป็นคำสั่ง ถ้าปุ่นไม่บอกพรุ่งนี้พี่จะบอกเอง”
“พี่ปั้น”
เสียงสัญญาณขาดหายบอกให้ผมรู้ว่าพี่ปั้นวางสายไปแล้ว
ผมจะทำยังไงดี ถ้าคุณวีร์รับไม่ได้ ถ้าคุณวีร์เกลียดผม
ถ้า....
ถ้าผมจะไม่ได้อยู่กับคุณวีร์อีกต่อไป
แม่ครับช่วยปุ่นด้วย ผมกำล็อกเก็ตที่ใส่รูปแม่เอาไว้แน่น
ผมกำลังกลัว กลัวการมาถึงของคืนนี้
...........................................................TBC....................................................................
Darin ♥ FANPAGE