ต่อจากด้านบน เย็นวันนั้นผมแกล้งๆแวบจากน้องออกมารับพ่อกับแม่ ไอ้ป้าง และบรรดาเพื่อนสนิทผม ก็พวกไอ้เอ้ ไอ้เอ๊กซ์ ไอ้มาร์ท ไอ้ชายกับอีกหลายคนที่เชิญไปแล้วมันบอกว่าว่างมาได้ แล้วก็พี่วินนี่
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยครับ ทั้งสถานที่จัดงาน อาหารและเครื่องดื่ม ดนตรี เหลือแค่....
เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว....
" ไปไหนมาอ่ะครับพี่ ทำไมวันนี้พี่เหมือนแวบๆไปๆมาๆยังไงไม่รู้อ่ะ" น้องถามผม คงเริ่มสงสัยว่าทำไมผมชอบแวบบ่อยๆ ไม่เหมือนทุกทีที่มาเที่ยวกันซึ่งผมจะตัวติดกับน้องตลอด
" อ๋อ ไม่มีอะไร พี่ไปคุยกับรุ่นพี่เค้าน่ะครับมิน พอดีไม่ได้เจอพี่เค้านานแล้วน่ะ เออ... หิวยังล่ะครับ เดี๋ยวไปกินข้าวกันดีกว่านะ" ผมชวนน้อง เพื่อเบี่ยงประเด็นไปซะก่อน
" ครับ ไปสิ แล้วไอ้แมนกับแม่อ่ะครับ"
" อืม เดี๋ยวเราเดินไปแล้วเรียกแม่กับไอ้แมนที่ห้องละกันครับ ป่ะ..." ผมบอกแล้วก็จูงมือน้องออกไปจากห้อง
" เออ... พี่มีไรจะบอกมินน่ะครับ เดี๋ยวเรามาคุยกันตรงนี้ก่อนแปบนึงนะ แล้วค่อยไปตามแม่กับไอ้แมนกัน" ผมว่าแล้วก็พาน้องเดินลงไปที่ชายหาด
คืนนี้พระจันทร์ก็สวยอีกแล้ว มันเต็มดวงสว่างกระทบผืนน้ำทะเลและหาดทรายตรงนี้อย่างสวยงามและดูโรแมนติคมาก ผมยืนอยู่กับน้องนิ่งๆ ตาก็มองพระจันทร์ไป จนน้องหันมาถามผมอย่างสงสัย
" พี่จะคุยอะไรเหรอครับ ที่ว่า..."
" อืม... ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ อยากถามเราว่าตอนนี้มินคิดกับพี่ยังไงบ้าง มินรักและมั่นใจในตัวพี่มากพอรึยังครับ" ผมเริ่มเปิดประเด็นขึ้นก่อน
" ก็นึกว่าเรื่องอะไร ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็ มินบอกได้เลยอ่ะครับว่ามินรักและมั่นใจในตัวพี่ที่สุดแล้วล่ะ มินขอบคุณพี่นะที่ทำให้มินมีชีวิตที่ดีๆได้ขนาดนี้ ไหนจะเรื่องแม่ ไหนจะเรื่องที่ช่วยไอ้แมน แล้วยังจะเรื่องร้าน แต่มินเองกลับไม่มีอะไรตอบแทนให้พี่ได้เลยน่ะ" น้องบอกแต่สีหน้าก็ดูหมองๆลงไป
" หึๆ ไม่ต้องห่วงนะว่าจะตอบแทนให้พี่ไม่ได้น่ะครับ เพราะที่พี่ต้องการน่ะ ก็คือนี่ไง" ผมบอกแล้วก็แตะไปที่อกซ้ายของน้องเบาๆ
" พี่ต้องการแค่หัวใจน้อยๆดวงนี้แค่นั้นแหละ เพราะจริงๆแล้วพี่เองก็มีชีวิตที่ดีๆแบบนี้ได้เพราะมินเหมือนกันนะรู้มั๊ย ก่อนหน้านี้พี่มันก็แค่คนอมทุกข์จมปลักกับชีวิตที่ล้มเหลวไปวันๆ ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรดีๆให้ตัวเองชีวิตก้าวหน้า แต่เพราะมินสอนให้พี่ได้รู้อะไรหลายๆอย่าง ชีวิตพี่ถึงได้ดีขึ้นมาจนถึงตอนนี้"
" พี่... " มินเอ่ยเบาๆ สบตากับผมนิ่งๆ
" แล้วที่สำคัญนะ ก็คือความรักของมินไง ความรักของมินมันช่วยหล่อเลี้ยงใจพี่ได้อีกครั้งจากที่พี่เคยเลิกคิดหวังกับความรักไปแล้ว ถ้าไม่เพราะมินพี่ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน ขอบคุณนะครับ ที่รักกันมาตลอด พี่ขอบคุณจริงๆ" ผมดึงตัวน้องเข้ามากอดไว้
ฉับพลันนั้นไฟในบริเวณหาดก็สว่างขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงปรบมือจากผู้คนที่กำลังเดินมาทางผมกับมิน ใช่แล้วครับ ก็บรรดาพ่อแม่ผม แม่อัม ไอ้แมนแล้วก็เพื่อนๆผมนั่นแหละ
และที่ตรงนี้จริงๆแล้วมันก็คือสถานที่จัดงานที่เราเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าล่ะครับ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะสมบูรณ์แล้วเพราะพนักงานกำลังรีบทยอยนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาวางที่โต๊ะที่จัดไว้อย่างสวยงาม นักดนตรีเครื่องสาย 3 ชิ้นก็เดินขึ้นมาบนเวทีเล็กและเริ่มบรรเลงเพลง
หันไปมองหน้าน้องตอนนี้แล้วผมก็นึกขำนะ คงจะตกตะลึงกับทุกอย่างเอามากๆจนพูดไม่ออก เซอร์ไพร์สตามเคยล่ะครับ เพราะมันคือแผนผมทั้งหมดตั้งแต่ที่หลอกพาน้องไปยืนชมจันทร์อยู่เพื่อเป็นจังหวะให้ทุกๆคนเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน จากนั้นพอผมกอดน้องไว้และหันกลับมาทางบริเวณงานก็คือเป็นสัญญาณให้เค้าเปิดไฟในงานได้เลย
" ยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยนะคะ นี่ค่ะ สวมให้เจ้าสาวเลยนะคะ" พนักงานสาวสวยคนนึงเดินมาหาและนำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวแบบบางๆที่ครอบด้วยมงกุฏดอกลีลาวดีมาให้ผม
" นี่... นี่มันอะไรกันน่ะครับพี่..... " น้องยังคงเหมือนช๊อคนิ่งอยู่เลยครับ คงตะลึงมากและนึกไม่ถึงว่าผมจะแอบจัดงาน สงสัยตอนนี้สมองคงมัวประมวลผลอยู่มั๊ง ทำหน้าไม่ถูกเลยนั่น อิอิ...
" ก็งานแต่งงานของเราไงครับ เพราะตอนนี้น่ะ พี่จะขอมินแต่งงานก่อน มินพร้อมที่จะแต่งงานกับพี่มั๊ยครับ" ผมบอกแล้วก็สวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้น้อง ตอนนี้มินดูสวยมากซะจนผมประหม่าไปเหมือนกันแหละ แม้ว่าตอนนี้เราจะใส่แค่เสื้อฮาวายของทางรีสอร์ทก็เหอะ
" แต่งงานกับพี่นะครับ... คนดี" ผมคุกเข่าลงไปกับผืนทรายต่อหน้าน้อง มินก็ทำหน้าตื่นหนักเลยครับทีนี้
" พี่อาจไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ตอนนี้พี่มั่นใจแล้วว่าพี่จะเป็นคนที่รักมินมากที่สุดนะ เพราะฉะนั้น.... มินแต่งงานกับพี่นะครับ" ผมใช้น้ำเสียงเว้าวอนน้อง ตอนนี้เราได้แต่สบตากันนิ่งอยู่
" เอ่อ... มิน... " น้องยังคงมึนทำอะไรไม่ถูกมั๊ง จนดูเลิ่กลั่กหันไปมองรอบๆ ทุกคนก็ยืนยิ้ม
" เอ้า... ไอ้มิน มึงก็ตกลงไปสิวะ ไอ้นี่.... จะปล่อยให้พี่เค้าเก้อเหรอวะ" ไอ้แมนตะโกนมา
" ใช่ครับ น้องมิน อย่าให้เพื่อนพี่มันเก้อเลยนะ ฮ่าๆๆ " ไอ้เอ้ตะโกนมาบ้าง ผมก็หันไปยิ้มแล้วหันกลับมาที่น้อง
" อย่าใจร้ายกับน้องชายพี่เลยนะครับ น้องมิน ยอมตกลงมันไปเหอะครับ" ไอ้ป้างมันตะโกนมาอีกคนนึงแล้วก็หันไปหัวเราะกับแพรว เมียมัน
" ครับพี่... มินยินดีจะแต่งงานกับพี่ครับ" ในที่สุดน้องยิ้มเอ่ยออกมาจนได้แล้วทรุดตัวลงมากอดผมแน่น ตามด้วยเสียงปรบมือของทุกคน พร้อมทั้งถ่ายรูปกันไปด้วย
ส่วนผมน่ะเหรอ ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนเราแทบจะลอยได้ไปเลย ไม่ได้เว่อร์นะครับ จากนั้นผมก็จูงมือน้องพาเดินไปที่หน้าเวทีที่ตอนนี้พี่พลมายืนรออยู่ พนักงานสาวอีกคนก็ยื่นช่อดอกไม้สีขาวนวลมาให้มินถือไว้ แขกในงานทุกคนก็ขยับมายืนดูผมเป็น 2 ฝั่งระหว่างทางที่ผมเดินจูงน้องไปหน้าเวทีหาพี่พล
" เอาล่ะครับผม ตอนนี้พวกเราทุกคนก็ได้มายืนกันอยู่ตรงนี้เพื่อเป็นสักขีพยานให้กับการแต่งงานของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนะครับ ผมขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่นะ ขอให้รักกันตลอดไป หนักนิดเบาหน่อยไม่ว่าเรื่องไหนก็ขอให้อภัยให้กัน ให้สมกับที่เราต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อความรักด้วยกันมาตลอดนะครับ" พี่พลกล่าวเหมือนเปิดงาน ผมกับน้องหันมามองหน้ากันยิ้มๆ
" งั้นตอนนี้ก็เชิญเจ้าบ่าวสวมแหวนได้เลยครับ" พี่พลบอก ผมก็ล้วงกระเป๋าหยิบแหวนทองคำขาวประดับเพชรเล็กๆน่ารักอยู่ตรงกลางที่ผมไปแอบสั่งทำไว้ออกมา มินก็จ้องมองแหวนนั้นแล้วยิ้ม สายตาวิ้งๆนั้นทำให้ผมรู้ว่าน้องคงต้องดีใจมากแน่นอน
ผมค่อยๆจับมือน้องขึ้นมาอย่างนุ่มนวลแล้วสวมแหวนลงไปที่นิ้วน้องอย่างเบามือ และตอนนี้แหวนวงเก่าที่ผมเคยให้น้องไว้เป็นการหมั้นหมายเมื่อนานมาแล้ว มันก็ได้เคียงคู่อยู่กับแหวนแต่งงานอันนี้ของผมแล้วล่ะ
" ครับต่อไปเราก็มาร่วมดื่มแสดงความยินดีให้กับบ่าวสาวกันนะครับ ยกแก้วขึ้นมาเลยครับทุกคน เอ้า... ไช...." พี่พลเอ่ยชวนทุกคนดื่มฉลองกัน
" โย.... เอ้า.... ไช... โย" เสียงร้องรับไชโยของทุกคนดังขึ้นประสานกัน มินหันมายิ้มกับผมด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ไม่รู้อ่ะนะ อันนี้ผมอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ แต่ก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆครับ
" เอาล่ะครับ และตอนนี้ก็มาถึงนาทีที่สำคัญแล้วล่ะนะ เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้แล้วครับ" อยู่ๆพี่พลก็เอ่ยขึ้น มินทำหน้าตกใจทันที
" เอ้า... จูบเลย.... จูบเลย.... " พวกไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์ ตะโกนเชียร์กันครับ ผมหันไปหัวเราะพวกมันแล้วก็มองหน้าน้องที่ตอนนี้ท่าทางเขินจนตัวบิดเลย ฮ่าๆๆๆ
" ถ้าเขินก็หลับตาซะครับ... คนดี" ผมกระซิบบอกน้องเบาๆ
" พี่อ่า..... " มินบอกแล้วก็หลับตาลง ผมก็เลยจูบแก้มน้องไปเบาๆ เท่านั้นแหละ เสียงโห่ฮาของไอ้พวกเพื่อนๆผมนี่สนั่นเลยครับ นอกนั้นเค้าก็ปรบมือกันไป ช่างภาพก็ได้เก็บภาพแทบทุกช๊อตไว้เป็นที่เรียบร้อยล่ะครับ
" หึๆ ตอนนี้พี่อยากรู้จังเลยนะว่ามินรู้สึกยังไงบ้าง บอกพี่หน่อยครับ" ผมก้มลงสบตาแล้วถามน้องไป มินก็หลบตาอย่างเขินๆ
" ก็อายน่ะสิ พี่อ่ะ... " หึๆ ก็แหงอ่านะครับ แก้มแดงเป็นมะเขือเทศเลยอ่ะ
" ฮ่าๆ เจ้าสาวน่ารักจังนะครับ เอ้า... งั้นต่อไปนี้ขอเชิญเจ้าสาวโยนช่อดอกไม้เลยครับ เดี๋ยวมาดูกันว่าดอกไม้นี้จะไปตกที่ใครหนอ ขอเชิญสาวๆโสดออกมาเตรียมรับช่อดอกไม้กันเลยครับ" พี่พลเอ่ยชวนสาวๆในงาน ก็มีแพรวครับ แล้วก็บรรดาแฟนของไอ้เพื่อนๆผมนั่นแหละ
" เดี๋ยวนับ 1 2 3.. แล้วโยนเลยนะครับ เอ้า... 1... 2... 3.... เอาเลย...." พี่พลบอกมิน น้องก็โยนช่อดอกไม้ไปด้านหลัง พวกสาวๆรีบแย่งกันใหญ่เลยครับ ทุกคนพากันส่งเสียงเชียร์ และแล้ว.... ดอกไม้ก็ลอยไปตกในมือแพรวจนได้
" ฮ่าๆๆ เอาล่ะครับ เป็นอันว่าเราได้ผู้โชคดีแล้วนะ เดี๋ยวถ้าจะแต่งกันเมื่อไหร่ก็ต้องมาจัดกันที่นี่อีกนะครับผม แล้วผมจะรอนะ ฮ่าๆๆ" พี่พลพูดแซวแพรวที่ตอนนี้ถือช่อดอกไม้ด้วยท่าทางปลื้มสุดๆและเดินกลับไปหาไอ้ป้าง ตกลงนี่มึงจะต้องแต่งต่อจากกูเลยเหรอวะ ฮ่าๆๆ ดีเว้ย
จากนั้นพี่พลก็เชิญทุกคนทานอาหารกันไป มีทั้งบาร์บีคิวและอาหารทะเลสดๆหลากหลาย น่ากินทั้งนั้น ระหว่างที่ทานอาหารกันไปอย่างอร่อย พี่พลก็ชวนพ่อแม่ผมกับแม่อัมไปกล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆถึงความรู้สึกในงานวันนี้ว่าเป็นยังไงบ้าง ผมคิดว่าพวกท่านก็คงมีความสุขมากเหมือนผมกับน้องนั่นแหละนะ ในเมื่อตอนนี้ผมกับมินได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้วสมอย่างที่ท่านได้หวังกันมาตลอด
ระหว่างที่ทุกคนอร่อยกับอาหาร ผมจูงมือน้องเดินห่างออกจากตรงนั้นมานิดนึง รู้สึกดีใจนะที่งานวันนี้ลุล่วงไปด้วยดี และคิดว่าวันนี้น้องก็คงต้องมีความสุขมากจนล้นออกมาเหมือนผมเนี่ยแหละ
" มินยังจำวันแรกที่เราเจอกันได้มั๊ยครับ" ผมเอ่ยถามน้อง
" หือ... วันแรกเหรอครับ วันที่พี่เจอผมที่โรงหนังน่ะเหรอครับ" ตอบได้ทันทีก็เพราะน้องยังจำได้ดีน่ะนะ
" ใช่... ตอนนั้นน่ะพี่บอกตรงๆนะว่าพี่นึกว่ามินเป็นผู้หญิงจริงๆ"
" ครับ... พี่ถึงได้คิดจะจีบผมใช่มั๊ยล่ะ ฮะๆๆ " น้องหัวเราะผมเบาๆ
" ก็ใช่นะ ตอนนั้นพี่ชอบเราทันทีเลย ไม่รู้ทำไม ก็แปลกดี"
" แต่ถ้าตอนนั้นพี่รู้ว่าผมเป็นผู้ชาย พี่คงไม่ชอบผมใช่มั๊ยครับ" น้องถามผมกลับ สีหน้าดูหม่นๆลงไปนิดนึง
" หึๆ ก็อาจจะเป็นยังงั้นก็ได้นะ พี่คงไม่คิดจะชอบผู้ชายหรอกถ้ารู้ก่อน แต่มินรู้อะไรมั๊ย...." ผมตอบน้องแล้วเว้นจังหวะพูดไปนิดนึง มินก็มองสบตาผม
" พี่ว่ามันอาจจะเป็นเหมือนพรหมลิขิตก็ได้นะ ที่พี่เข้าใจว่ามินเป็นผู้หญิงมันทำให้พี่ยิ่งรู้สึกรักและผูกพันกะมินมากขึ้นอีก จนถึงตอนที่มารู้ว่ามินเป็นผู้ชาย แต่ความรู้สึกพี่มันก็ไม่เห็นจะเปลี่ยนไปเลย ก็ยังคงรู้สึกชอบมินมากอยู่ดีนั่นแหละ จนตัวเองมองข้ามไปเลยว่ามินเป็นผู้ชายน่ะนะ" ผมอธิบาย และสบตากับน้องอยู่นิ่งๆ
" ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่อยากจะทำอะไรดีๆให้มิน หวังให้มินมีความสุขที่สุดไม่ว่าจะต้องทำยังไงพี่ก็จะพยายาม เพราะพี่หวังมาตลอดว่าเราจะได้รักกันจริงๆแบบนี้ไง และไอ้ความรู้สึกแบบนั้นแหละที่มันเปลี่ยนพี่ไปทุกอย่าง พี่กลายเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาก และพี่ดีใจมากนะครับที่ตอนนี้พี่มีมินอยู่ด้วยกันแบบนี้ สัญญานะครับว่าเราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราจะไม่ทิ้งกันไป สัญญานะครับ"
" พี่.... " น้องเรียกผมเบาๆแล้วซบลงกับอก กอดผมแน่น
" ครับ ผมสัญญานะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะไม่ปล่อยมือจากกันแน่นอนครับ........"
และนั่นเป็นคำสัญญาจากคนที่ผมรักที่สุด คำที่ผมอยากจะได้ยินที่สุดแล้วมั๊งในช่วงชีวิตนี้ มีท้องฟ้ากับทะเลช่วยเป็นพยานให้เรา และมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำทิพย์อะไรสักอย่างที่อาบลงมา ต่อไปนี้ชีวิตผมจะมีแต่ความสุขตลอดไป และไม่ต้องการอะไรอีก ตัวมินเองก็คงจะเหมือนกัน
ต่อไปจากนี้ผมก็ไม่ต้องตามหารักแท้อะไรอีกแล้วเพราะมันมาอยู่กับผมแล้วเรียบร้อย และเชื่อว่ามันจะไม่มีวันจากผมไปไหนได้อีก ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ
จบบริบูรณ์ เอาล่ะครับ ก็จบลงไปเรียบร้อยนะสำหรับเรื่องราวความรักของพี่เป้งและน้องมิน เวลากว่า 3 ปีที่ผมพยายามจะปลีกเวลามาเขียนเรื่องนี้แล้วก็ทำไม่สำเร็จซะทีเพราะมีปัญหาสารพัดเรื่อง แต่ในที่สุดผมก็ได้รวบรวมพลัง (55 สำนวนหนังกำลังภายในเกินไปป่ะ) พยายามกลับมาเขียนต่อจนจบครับ อาจจะดูไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่ แต่ผมก็พยายามอย่างสุดๆแล้วล่ะ อิอิ
ที่หลายๆท่านบอกว่าอยากให้มีแง่มุมของน้องมินบ้าง ผมก็เข้าใจน่ะครับว่ามันควรจะมี แต่เนื่องจากเรื่องนี้ผมเองตั้งใจแต่แรกว่าจะเขียนออกมาในรูปแบบนี้ แต่ด้วยความที่ผมเองถ่ายทอดเรื่องราวยังไม่ดีเท่าไหร่ หลายๆท่านจึงรู้สึกไม่ค่อยดีเวลาที่อ่านแล้วแมีแต่มุมของไอ้เป้งคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจุดบกพร่องอันนี้ผมจะพยายามแก้ไขในงานต่อๆไปนะครับ
พูดถึงว่าในงานต่อๆไป ก็แสดงว่ายังจะมีผลงานต่อจากนี้อีกใช่มั๊ย คำตอบคือใช่ครับ แต่อยากให้อดใจรอกันอีกซะพักใหญ่ๆแล้วกันนะครับ ผมจะพยายามเขียนเรื่องสั้นๆ ไม่กี่ตอนจบให้อ่านกันนะ เพราะเข็ดแล้วกับเรื่องยาว อิอิ ไม่อยากดองให้ใครๆเบื่อกันไปอีกนะครับ ถ้าเขียนเสร็จแล้วจะรีบมาลงให้ละกัน เอาแบบนี้ดีกว่าจะได้ไม่ต้องมีการดอง
สุดท้ายก็ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้อุตส่าห์ทนติดตามกันมาตลอดหลายปี รวมทั้งท่านที่เพิ่งแวะมาลองอ่านด้วยนะครับ หวังว่าคงรู้สึกดีๆกับเรื่องราวทั้งหมดนี้และจะติดตามงานต่อๆไปของผมนะ อดใจรออีกไม่นานแน่นอนครับผม