ตอนที่๒๔ผมได้รับข้อความจากไอ้เด็กต้นเกือบตลอดทั้งวัน ความจริงจะบล็อกก็ได้ แต่ไม่เอาดีกว่า เก็บไว้ดูก็สนุกดี อีกอย่างถ้าไม่มีเรื่องไอ้เจ้าคุณ ผมก็แทบจะไม่รู้จักไอ้เด็กต้นนี่เลย แล้วผมก็ยังไม่ได้บอกไอ้ภูกับไอ้ตินด้วย รอให้มันเหิมเกริมหนักๆก่อนค่อยบอก เกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ไปเปล่าๆ
ถ้าพี่ไม่เลิกยุ่งกับแฟนผม ผมจะแฉพี่ไอ้ต้นนี่เหมือนหมาบ้าเลยว่ะ สงสัยกำลังอยู่ในช่วงติดสัตว์แหงๆ แต่เอาเข้าจริงๆไอ้ต้นมันก็ไม่กล้าทำอะไรผม เจอที่คณะมันก็ได้แต่มองหน้าเหมือนหมาที่ดีแต่เห่า แค่เห็นหน้าไอ้เคนมันก็หงอแล้ว
“ให้กูจัดการให้เอาไหม เห็นแล้วกูหมั่นไส้ว่ะ”ไอ้ปลาจิกตามองไอ้น้องต้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้าม
“ปล่อยมันไปเถอะ กูไม่อยากจะสนใจ”ไม่อยากมาต่อล้อต่อเถียงกับเรื่องของไอ้เจ้าคุณ คิดแล้วก็เพลีย โชคดีที่พักนี้ไอ้เพชรไม่ได้มาวุ่นวายกับผมมาก เจอมันก็แค่ช่วงซ้อมละครเท่านั้น อาทิตย์หน้าก็มีงานจริงแล้ว ผมยังจำบทในส่วนของตัวเองไม่ได้เลย ช่วงนี้ผมเลยต้องมาที่คณะบ่อย กลับดึกๆดื่นๆอีก เจอหน้าไอ้ต้นแม่งทุกวัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันเป็นมนุษย์ล่องหนสำหรับผมด้วยซ้ำ
“มึงควรจะระวังเพื่อนมันให้ดีนะ”ไอ้ปลาหมายถึงหลีดสันคณะเกษตรที่เป็นเก้งนิสัยแรงๆ ความจริงผมก็แอบหวั่นนิดหน่อย คนอย่างไอ้ฟิกจะโดนพวกแก๊งเก้งหาเรื่องก็คราวนี้ล่ะ ชีวิตผมครบรสชาติจริงๆ
“ไม่เห็นต้องกลัวเลย อย่าลืมว่ามันมีไอ้ตินทั้งคน”ไอ้เคนพูดขึ้นมา ก็จริงของมัน
“กูเซ็งว่ะ”ผมตักข้าวเข้าปากอย่างเบื่อหน่าย เห็นไอ้เพชรยืมเมียงมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เหมือนมันมีเรื่องอยากถาม มันคงจะเก
รงๆไอ้ภูอยู่ล่ะมั้ง หลังจากกินข้าวเสร็จผมเลยเข้าไปทักมันก่อน
“มีอะไรจะคุยกับกูรึเปล่า”
“ก็นิดหน่อยครับ”มันทำหน้ามีลับลมคมใน
“ว่ามา”ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้เพชรไม่พูดพร่ำทำเพลงยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมกวาดสายตามองหน้าจอโทรศัพท์ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เพราะที่ไอ้เพชรเอาให้ผมดูคือข้อความของไอ้ต้นที่โพสท์ลงในกลุ่มของรุ่น ข้อความพวกนั้นกล่าวหาว่าผมไปยุ่งกับสามีมัน เหอะๆ ถึงว่าทำไมพวกปีหนึ่งมันมองหน้าผมกันจัง
“มึงเชื่อรึไง?”
“เชื่อก็ควายแล้ว”มันหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขัน
“ถ้าพี่อยากให้ผมช่วย ก็บอกผมได้นะ”
“ไม่เป็นไรว่ะ กูจัดการเองได้”ในโพสท์ของไอ้ต้น เหน็บผมเรื่องไอ้ภูด้วย ประมาณว่ามีเรื่องอะไรก็ให้พวกมันเคลียร์ให้ตลอด ปากมอมจริงๆ
“แต่พี่ฟิกไม่ต้องห่วงนะ บางคนมันก็ไม่เชื่อไอ้ต้นหรอก”ไอ้เพชรเข้ามาตบบ่าผมเหมือนเป็นเพื่อนเล่น
“ช่างเถอะ กูไม่อยากสนใจเด็กอย่างมัน”แค่รำคาญมากกว่า หนักกว่านั้นคือกลัวว่าจะโดนพวกแก๊งเก้งมาดักตบนี่ล่ะ เสียชื่อไอ้ฟิกหมด คิดแล้วก็สยอง
“พี่ฟิกๆ”ไอ้ขวัญวิ่งหน้าตั้งมาหาผม ท่าทางร้อนรนของมันเดาว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“มีอะไรขวัญ”รุ่นน้องหอบแฮ่กๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
“เป็นเรื่องแล้ว เมื่อกี้หนูไปคณะเกษตรมาเห็นพี่ตินอยู่กับน้องต้นแล้วก็พวกแก๊งหลีดสันที่คณะ เหมือนกำลังเคลียร์กันอยู่”คำว่าเคลียร์ของไอ้ขวัญทำเอาผมใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“แกพาพี่ไปหน่อยดิ”ผมร้อนใจขึ้นมา คนอย่างไอ้ตินถ้าได้โกรธ ใครก็ห้ามมันไม่อยู่หรอก ระหว่างที่ไปคณะเกษตร ไอ้ขวัญมันก็เล่าให้ฟังคร่าวๆว่าไอ้ต้นกับเพื่อนมันเอาเรื่องของผมไปโพสท์ลงกลุ่มใหญ่ แล้วเรื่องไปถึงหูเพื่อนไอ้ตินเข้า ไอ้ตินก็เลยรู้เรื่องเหมือนกัน
ไอ้ขวัญเดินนำผมไปที่ชั้นสองก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องประชุม
“ห้องนี้แหละพี่ฟิก”ไอ้ขวัญดูจะหวั่นๆอยู่เหมือนกัน ผมลองผลักประตูเข้าไปแต่ปรากฏว่าห้องล็อค จึงเปลี่ยนมาโทรหาไอ้ตินแทน รอไม่นานมันก็รับสาย
[ว่าไงฟิก] เสียงของมันเรียบเฉยเสียจนใจแกว่ง
“มึงเปิดประตูให้กูหน่อย”ผมเข้าเรื่องทันที กลัวว่ามันจะทำอะไรรุนแรงอยู่เหมือนกัน ไอ้ตินตัดสายทิ้งทันที ไม่นานนักประตูห้องประชุมก็เปิดออก ไอ้ตินดูจะโกรธเอาเรื่อง มันจ้องหน้าผมอยู่นานสองนาน
“ทำไมไม่บอกกูเรื่องไอ้ต้น”
“กูไม่อยากให้เป็นเรื่อง”
“แล้วตอนนี้เป็นไง”มันปรายตาไปทางไอ้ต้นและเพื่อนมันอีกสองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตากลัวหัวหด
“มึงทำอะไรพวกมัน”ผมพยายามมองว่าไอ้ตินลงไม้ลงมือรึเปล่า
“ก็แค่พูดอะไรนิดหน่อย”ไอ้ตินหันไปหาไอ้เด็กพวกนั้น
“พวกน้องรู้ใช่ไหมว่าควรจะทำยังไง”มันมองรุ่นน้องตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ไอ้ต้นเหลือบมองผมก่อนจะก้มหน้าลงตามเดิม
“ผม…ขอให้พี่ฟิกเลิกยุ่งกับแฟนผม”โอ้ว มันช่างกล้า ไอ้ตินขยับเข้าไปหาไอ้ต้นอย่างรวดเร็วจนผมห้ามไม่ทัน แต่มันแค่นั่งลงจนระดับสายตาเท่ากัน มันทำแค่มองหน้าไอ้ต้นนิ่งๆ เมื่อมันหลบสายตาไอ้ตินจึงบีบคางไอ้ต้นเต็มแรง
“กูไม่อยากจะใช้กำลังกับมึงนะ ไอ้ต้น”ผมเสียววูบวาบแทนไอ้ต้นจริงๆ
“พวกผมขอโทษ”น้องหลีดสันคณะไอ้ตินพึมพำตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ดูเหมือนว่าไอ้ตินยังไม่พอใจ
“จะบอกอะไรให้นะ ไอ้เจ้าคุณน่ะ มันไม่ได้จริงจังอะไรกับน้องหรอก มีกิ๊กเป็นสิบ คราวหลังจะกล่าวหาใคร ก็หัดดูสันดานคู่นอนตัวเองหน่อยนะ อย่าคิดว่าคนอื่นจะสันดานต่ำเหมือนตัวเอง”อื้อหือ คำพูดไอ้ตินช่างเจ็บแสบจริงๆ ไอ้เด็กต้นเหมือนคนเป็นใบ้ ผมคงเห็นใจมันมากกว่านี้ ถ้าไม่ได้มาหาเรื่องให้ผม
“ว่าไง มึงยังมีเรื่องต้องพูดกับไอ้ฟิกอีกไม่ใช่เหรอ”ไอ้ตินย้ำเสียงแข็ง ไอ้ต้นสูดจมูกก่อนจะพยายามพูดออกมาให้เสียงดังฟังชัด แต่ดูมันจะกลัวไอ้ตินจนพูดไม่ออกไปแล้วมั้ง
“มึงอย่าไปบังคับมัน ถ้ามันคิดเองไม่ได้ กูก็ไม่อยากได้ยินหรอก เออ แล้วมึงช่วยแก้ข่าวให้กูด้วยนะ กูไม่ได้แย่งสามีสุดที่รักของมึง”ถ้าคนที่ไม่รู้จักผม แล้วเชื่อแบบนั้นขึ้นมาก็ซวยน่ะสิ แค่นี้เด็กปีหนึ่งมันก็มองผมแปลกๆแล้ว ผมถอนหายใจก่อนจะออกมาจากห้องประชุม ไม่อยากอยู่ดูไอ้ตินเล่นงานไอ้ต้นหรอก ไอ้ตินคงไม่พอใจที่มันไม่ยอมขอโทษผม แต่ก็ช่างเถอะ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้อยู่แล้ว คำขอโทษไม่จริงใจผมก็ไม่อยากได้จากมันหรอก
“เป็นไร ขวัญ”ออกมาเจอน้องเทคทำสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ไม่เคยเห็นพี่ตินเป็นแบบนี้เลย”ผมถึงกับหัวเราะ
“มันก็เป็นแบบนี้แหละเวลาองค์ลง”
“ก็ว่าอยู่ พี่ฟิกถึงได้ทำตัวน่ารัก”
“ใช้คำซะพี่ขนลุกเลยเนี่ย ว่าแต่แกรู้ได้ไงว่าไอ้ตินมันกำลังเอาเรื่องไอ้พวกนั้น”หูตาไวจริงๆ
“หนูมารอเพื่อน”มันตอบด้วยท่าทางแปลกๆ ไอ้เพื่อนของมันคงไม่พ้นแฟนหรอกมั้ง
“แหม สะดิ้งเชียว”
“ไม่เท่าพี่ฟิกหรอก”พูดจบมันก็รีบวิ่งหนีผมทันที ผมนั่งรอไอ้ตินอยู่ที่โถงคณะแทน มันหายไปเกือบๆยี่สิบนาทีกก่อนจะออกมา ดูอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย ผมก็ไม่กล้าถามว่ามันทำอะไรพวกไอ้ต้น
“ทำหน้าแบบนั้นทำไม”ไอ้ตินขยับมานั่งข้างๆ
“เปล่า”
“โม้”มันยิ้มออกมาจนได้ สีหน้ากลับมาจริงจังอีกครั้ง
“กูขอนะฟิก มีอะไรก็บอกกู มึงไม่ต้องไปสนใจที่คนอื่นพูดหรอก กูมีมึงแค่คนเดียว ก็อยากดูแลมึงให้ดีที่สุด วันหลังมึงอย่าอมพะนำแบบนี้อีกนะ”ไอ้ตินมองหน้าผมตรงๆ จะหลบสายตาก็ไม่ได้
“อืม กูแค่ไม่อยากมีเรื่องกับเด็กอย่างไอ้ต้น เสียชื่อกูหมด”
“เออ กูก็ลดตัวไปเอาคืนให้มึงแล้วไง สนุกออก กูยิ่งเครียดๆเรื่องไอ้เจ้าคุณอยู่ก็ถือว่าได้ที่ระบายไป”
“มันวุ่นวายอะไรกับมึงอีกเหรอ”ผมถามทันที เดาจากท่าทีของไอ้ตินแล้ว ไอ้เจ้าคุณคงยังไม่รามือแน่ๆ
“ก็…กูเพิ่งรู้ว่าไอ้เจ้าคุณมันรู้จักกับลุงกู ทีนี้มันกำลังคุยกับลุงกูบอกว่าอยากได้ตัวกูไปช่วยงานที่ไร่ของมัน”ไอ้เจ้าคุณมันกัดไม่ปล่อยจริงๆ
“แล้วมึงจะทำยังไง”
“ก็…เย็นนี้ได้ข่าวว่าลุงกูจะมาหาป๊าที่บ้าน กูเดาว่าไอ้เจ้าคุณมันต้องมาด้วย”ไอ้ตินทำหน้าเซ็ง ผมนิ่งไปอย่างใช้ความคิด กำลังนึกว่าจะเอาไงต่อ
“งั้นเย็นนี้ไปบ้านมึงกัน”ผมอยากจะรู้จริงๆเลยว่าไอ้เจ้าคุณจะทำหน้ายังไงถ้าหากรู้ว่าผมเป็นแฟนไอ้ตินคนที่มันคิดจะจีบอยู่
“เอางั้นก็ได้ มันจะได้รู้สักที ว่ากูรังเกียจมัน”ไอ้ตินดูหัวเสียอีกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องเจ้าคุณ
ดังนั้นตอนเย็น ผมกับไอ้ภูและไอ้ตินจึงไปด้วยกัน ไอ้ภูเอารถคันใหม่มาใช้แล้ว คันเก่ามันเอาไปคืนตามที่พูดจริงๆ ดูมันจะมีความสุขมากๆที่ได้ขับรถใหม่คนแรก
“มันน่ากระทืบจริง เสียดายมึงน่าจะชวนกูบ้าง”เรื่องไอ้ต้น เรื่องที่มันทำดังข้ามคณะไปเข้าหูไอ้ภูด้วย
“ผมไม่ได้ทันได้คิดอ่ะ ตอนนั้นกำลังโมโห”ไม่ใช่แค่เรื่องหื่นที่มันสองเข้าขากัน น่ากลัวจริงๆศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้
“งานที่คณะมึงมีวันไหนนะภู”ผมกะจะไปเชียร์มันซักหน่อย
“อีกสองอาทิตย์ ของมึงอาทิตย์หน้าใช่ไหม”มันหันมาถาม สีหน้าเหมือนกำลังนึกสนุกอะไรอยู่
“ขอร้องอย่าทำอะไรแปลกๆนะ กูอาย”ไอ้สองตัวนี่ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เรื่อย
“ทำไมกูไม่เคยอายเลยวะ”ไอ้ตินหันมามองหน้าผมอีกคน
“เพราะพวกมึงหน้าด้านไง”
“รักเมียมาก ผิดด้วยเหรอ”ผมขยับไปหยิกแขนไอ้ภูเต็มแรง มันบิดพวงมาลัยออกข้างมากไปหน่อยจนรถเซ
“เล่นอะไร เดี๋ยวได้ตายหมู่หรอก”ไอ้ตินดุเบาๆ ผมกลับมานั่งตามเดิม เจอไอ้เจ้าคุณก็ดีเลย ผมจะได้ฟ้องมันเรื่องพฤติกรรมแย่ๆของไอ้เด็กต้น ไม่รู้จักสั่งสอนบ้างเลย หรือสนแค่เรื่องบนเตียงกันอย่างเดียว
รถเบนซ์ใหม่เอี่ยมสีดำเคลื่อนเข้าไปจอดที่โรงจอดรถ รถกระบะคุ้นตาของเจ้าคุณจอดอยู่เช่นกัน
“อยู่ต่อหน้าป๊ากับม๊าก็เรียบร้อยไว้ก่อนนะ”ไอ้ตินหันมาเตือนทั้งผมทั้งไอ้ภู
“หน้าอย่างกูเป็นเด็กเรียบร้อยอยู่แล้ว”ไอ้ภูกระตุกยิ้มไม่น่าไว้ใจ ผมบิดเนื้อบิดตัวแก้เมื่อยก่อนจะเดินตามไอ้สองคนนั่นเข้าไปในบ้าน ทั้งป๊า ม๊าไอ้ตินดูจะแปลกใจที่จู่ๆพวกผมมาหา และคนที่เหวออย่างเห็นได้ชัดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้เจ้าคุณ คงจะงงว่าผมมากับไอ้ตินได้ไง
“อ้าว จะมาบ้านก็ไม่บอก ม๊ากำลังคุยกับพี่คุณอยู่เลย ตินคงรู้จักอยู่แล้วใช่ไหม เห็นว่าทำโครงการด้วยกันนี่”เจ้าคุณฉีกยิ้มอบอุ่นเมื่อม๊าหันไปหา ส่วนลุงของไอ้ตินผมก็เคยเห็นหน้าค่าตามาแล้วจากงานรวมญาติเมื่อคราวนู้น
“ครับ รู้จักผ่านๆ”ไอ้ตินตอบด้วยสีหน้าเซ็งๆ จนผู้ใหญ่ทั้งคู่จับสังเกตอะไรได้
“สวัสดีครับ พอดีมากะทันหัน ผมเลยไม่มีของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย”ผมได้ทีรีบประจบผู้ใหญ่ทั้งสามคน มองเมินไอ้ตัวโตที่นั่งปั้นหน้าหล่อเนี้ยบอยู่ อยากจะหัวเราะแทบแย่ แค่มองหน้ามันผมก็รู้แล้วว่าตอนนี้มันกำลังมึน
“ไม่เป็นไรหรอก หนู”ก่อนที่การสนทนาจะยาวไปกว่านี้ เจ้าคุณก็ได้โอกาสแทรกขึ้นมา
“ว่าแต่นี่เพื่อนน้องตินเหรอ”เจ้าคุณผายมือมาทางผมและไอ้ภู ผมอยากจะอ้วก มาเรียกไอ้ตินแบบนี้น่าขนลุกจริง
“นี่ฟิก แฟนผมเองครับ”ไอ้ตินตอบเสียงดังฟังชัด สีหน้าเจ้าคุณดูตกใจไปชั่วขณะ ไอ้ภูหัวเราะหึ เ
“แหม พี่ไม่เห็นรู้เลยนะเนี่ย ตอนไปทำโครงการด้วยกัน ก็ไม่เห็นบอกพี่”เจ้าคุณหันมาทางผมด้วยสายตาเป็นประกายแปลกๆ ดูมันจะปรับตัวได้เร็วจริงๆ
“เหรอครับ ผมจำได้ว่าบอกไปแล้ว แต่พี่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่”ไอ้ตินไหวไหล่ ส่วนป๊ากับม๊ามันมองหน้ากันอย่างงุนงง เพราะปกติไอ้ตินมันไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้ต่อหน้าคนอายุเยอะกว่า
“แล้วหนุ่มคนนี้ล่ะ เราเคยเจอกันแล้วนี่”คราวนี้เจ้าคุณเบนเข็มมาหาไอ้ภู
“ก็คุ้นๆเหมือนกัน แต่ผมเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก”ผัวผมเอง เอ้ย ล้อเล่นนะ ผมพูดเล่นหรอก บรรยากาศดูจะอึมครึมแปลกๆ ไอ้ตินก็เอาแต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนไอ้ภูก็ปั้นหน้ากวนตีนเต็มเหนี่ยว
“หนุ่มๆคุยกันไปก่อนล่ะกันเนอะ เดี๋ยวแม่จะเข้าไปดูในครัว”ทั้งป๊าและม๊ารีบปลีกตัวออกไป สงสัยคงรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ
“เรื่องงานที่ไร่ ยังไงคุณก็ลองคุยๆกับน้องมันก่อนก็ได้ แต่ลุงก็ยังไม่อยากให้รีบ น้องมันยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ”คุณลุงก็เตรียมชิ่งเหมือนกัน เมื่อห้องรับแขกเหลือแค่พวกผมกับเจ้าคุณ บรรยากาศก็ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่
“พี่แปลกใจมากเลยนะเนี่ย”มันหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะมองไอ้ติน เป็นสายตากะลิ้มกะเลี่ยแบบพวกหัวงู ไอ้ตินคงรู้สึกจั้กจี้แน่ๆ
“ที่มาวันนี้เพราะผมอยากพูดตรงๆกับพี่อย่างที่เคยพูดไปหลายครั้งแล้ว”ไอ้ตินยิ้มเย็นก่อนจะหันมาสบตากับผม
“ผมมีแฟนแล้ว และก็รักมากด้วย เลิกคิดจะจีบผมเถอะ ผมไม่ชอบ”มันพูดเสียงแข็ง จนเจ้าคุณหัวเราะออกมาทั้งๆไม่มีอะไรน่าขำ
“พี่ไม่รีบหรอก”มันยังหน้าด้านอยู่อีก ผมแทบทนมองท่าทางไม่สะทกสะท้านของมันไม่ไหว
“อยากรู้จริงๆว่าหน้าอย่างพี่ เสริมคอนกรีตกี่ชั้น”ไอ้ภูแทรกถามด้วยคำพูดที่ทำให้ผมกลั้นยิ้มไม่อยู่ เจ้าคุณเลิกคิ้ว เบนสายตามองมาที่ไอ้ภูอีกครั้ง
“เอ…พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะบอกว่าพี่หน้าทนล่ะสิ ก็แหงล่ะ ของแบบนี้ด้านได้อายอด”มันยังคงยิ้มได้อยู่
“ทุเรศ”ไอ้ตินพึมพำเบาๆ
“เอาล่ะ ผมไม่ได้อยากต่อคำกับพี่ ผมจะพูดครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับผม กับแฟนผมเสียที อย่าให้ผมหมดความอดทน”ไอ้ตินเริ่มเข้าโหมดเอาจริง อีกฝ่ายเองก็พอจะรับรู้ได้
“ขู่พี่เหรอครับ”
“ไม่ได้ขู่”ไอ้ตินสวนกลับทันควัน
“แล้วเรื่องทำงาน ผมยังไม่สนใจ ไว้ถ้าผมมีความคิดอยากทำไร่เมื่อไหร่ ผมจะติดต่อไปเอง”ไม่รู้ว่าที่ไอ้ตินพูดแบบนี้เพื่อตัดปัญหารึเปล่า
“ถ้าน้องตินพูดแบบนี้ พี่ก็โอเค พร้อมเมื่อไหร่เราค่อยทำงานด้วยกัน”เจ้าคุณหยิบนามบัตรออกมาให้อีกครั้ง
“แจกพร่ำเพื่อจริงๆ”ผมอดไม่ได้ ขอแขวะสักหน่อย
“พี่แจกเฉพาะคนที่อยากแจก อย่างฟิกไง มองครั้งแรกพี่ก็รู้แล้วว่าเราน่าสนใจ”ผมจิกมือไอ้ภูไว้ ไม่อยากให้มันมีเรื่องกับไอ้คนบ้าบอแบบเจ้าคุณ เดี๋ยวเรื่องจะยาวไม่จบไม่สิ้นเสียที
“ยังไงก็ไว้เจอกันใหม่นะ ทั้งสามคน”คนตรงหน้ำไล่สายตามองทีละคน หยุดอยู่ที่ไอ้ตินนานหน่อย ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
“พี่ชอบความห้าวของเรานะ พวกใจร้อนแบบนี้แถวบ้านพี่มักจะตายไว”
“เหรอครับ พอดีผมเป็นพวกตายยากซะด้วย แย่จริงๆ สงสัยนรกคงไม่อยากรับ”ไอ้ภูตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน มันกับไอ้เจ้าคุณมองหน้ากันอยู่นาน พวกมันไม่ได้พิศวาสกันแน่นอน ผมฟันธง เจ้าคุณกระแอม ก่อนจะเข้าไปลาป๊ากับม๊าของไอ้ตินในห้องครัว
“เอ่อ เดี๋ยวกูมานะ”ผมรีบลุกขึ้นเมื่อนึกได้ ยังมีเรื่องที่ผมต้องคุยกับไอ้เจ้าคุณอีก ร่างสูงๆของมันกำลังเดินไปที่โรงจอดรถ ท่าทาง
ยังดูอารมณ์ดีอยู่
“เฮ้ย”ผมเรียก อีกฝ่ายหยุดเดินก่อนจะเหลียวตัวมามอง
“ตกลง หลงรักพี่บ้างแล้วใช่ไหม”ผมย่นหน้าทันที
“จะอ้วก ผมแค่อยากบอกอะไรพี่หน่อย”ผมหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข้อความของไอ้ต้นให้อีกฝ่ายดู
“ช่วยคุมเด็กตัวเองบ้างนะ อย่าปล่อยให้มาระรานคนอื่น”เจ้าคุณดูเคร่งเครียดขึ้นมา
“ขอโทษแทนต้นด้วยล่ะกัน เขาค่อนข้างจะเอาแต่ใจไปหน่อย ยังไงผมจะเคลียร์ให้ เราไม่ต้องห่วง”เจ้าคุณส่งโทรศัพท์มาให้ แต่พอผมจะรับมันก็ยื้อกลับ
“อย่ากวน”ไอ้นี่มันกวนประสาทจริง ๆ ไอ้เจ้าคุณยกยิ้มก่อนจะขยับแว่น
“ไม่เห็นบอกพี่เลยว่าคบกับตินอยู่”สายตาของมันมองไปที่ในตัวบ้าน ผมมองตามจึงรู้ว่าไอ้ภูกับไอ้ตินออกมามองผมคุยกับเจ้าคุณ
“เกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยล่ะ รีบๆเอาคืนมา”ผมเริ่มจะหงุดหงิดเข้าไปทุกที คิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ยอมคุยดีๆกับมัน
“ถ้าเบื่อๆ…แวะมาหาพี่ได้นะ พี่เก่งไม่แพ้ตินหรอก”ผมขนลุกอีกครั้งเมื่อร่างสูงขยับโน้มมากระซิบใกล้ๆพร้อมกับยัดโทรศัพท์ลงที่กระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหลังของผม
“ไว้เจอกันอีกทีนะ”มันหัวเราะในลำคอก่อนจะโบกมือลาไอ้ภูกับไอ้ติน หันมายกยิ้มให้ผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้าไปในรถกระบะ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเจ้าคุณขับรถออกไปจากบ้านแล้ว
“กูเห็นนะเมื่อกี้”ไอ้ตินกับไอ้ภูมาถึงตัวผมอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ
“ถ้ามีคนแบบมันอีกสักสิบคน กูคงไล่ฆ่าแทบไม่ทันแน่”ไอ้ภูพึมพำเบาๆ
“มึงอยากทำงานกับมันจริงๆเหรอ”ผมวกกลับมาที่เรื่องของไอ้ติน มันหันมามองหน้าผมพร้อมกับโน้มตัวมากอดคอผม
“ไม่ได้อยากทำหรอก แต่กูคงโกยผลประโยชน์มาจากมันได้ กูไม่ได้บอกนี่ว่าอยากทำตอนไหน อาจจะสักห้าปี หกปีก็ได้ ไม่ต้องคิดมากหรอก ถ้ามันมายุ่งๆมากๆ กูถวายตีนให้มันกินก็เท่านั้น”
“โหดจริงๆ”ผมล้อ
“ไม่เท่าพี่ภูหรอก”มีการถ่อมตัวอีกนะ
“เรื่องนี้พวกมึงสองคนไม่ต้องแข่งกันหรอก แค่นี้กูก็กลัวแทบไม่ทันแล้ว”รู้สึกพวกมันจะผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับไอ้เจ้าคุณไปแล้ว แต่ผมก็ยังงงๆอยู่ว่า ไอ้เจ้าคุณมันเข้าใจที่ไอ้ตินพูดจริงๆรึเปล่า!?
***********************************************************