Just you and I : 3
‘ถ้ามึงไม่มา รูปคอสเพลนี่กูจะเอาไปปล่อยในเพจมหาลัยมึง’
เพราะข้อความเหี้ยๆ นี่ทำให้ผมบิดรถแทบจะมิดไมล์ของมอเตอร์ไซค์ ถ้าเหาะได้ผมคงเหาะไปแล้ว ไอ้เหี้ยโชมันแอบเอารูปผมออกไปตั้งแต่ตอนไหน รูปที่ผมปิดเป็นความลับ รูปที่ผมโคตรอยากจะเอาหน้ามุดดินตอนถ่าย แต่ไอ้เหี้ยโชพูดออกมาเฉยว่าจะเอาไปปล่อยในเว็บเพจมหาลัย อย่าให้กูได้เจอหน้านะมึง กูจะกระโดดต่อยหน้ามึงเลยไอ้สัด!
ตอนนี้ความรู้สึกผมมันเดือดปุดๆ ถึงขีดสุด ผมแว้นปาดซ้ายปาดขวาแซงรถที่กินน้ำมันตราเต่าจนถูกบีบแตรไล่บ้าง ตะโกนด่าบ้างผมก็ไม่แคร์ครับ เพราะตอนนี้ผมแมร่งโคตรรีบ ขนาดปวดขี้ผมยังไม่รีบขนาดนี้
จากมหาลัยผมมาถึงมหาลัยมันก็ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมง นี่ขนาดปาดแซงทุกคันแล้วนะ ผมเปิดไฟเลี้ยวเข้ามหาลัยที่มีป้ายบอกชื่อขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่ด้านหน้า
นักศึกษาต่างสถาบันพากันเดินไปมา แต่ผมไม่มีเวลามาสนใจหรอกนอกจากจะหาไอ้โชที่ตอนนี้มันอยู่ส่วนไหนของมหาลัยมันก็ไม่รู้.....
เออว่ะ มันอยู่ตรงไหนของที่นี่วะ
ผมรีบเบรกรถจนสองล้อปัดนิดๆ ดีนะที่ไม่มีรถขับตามหลัง ไม่งั้นมันชนผมแน่ครับ เพราะผมเบรกกลางถนน...แต่เดี๋ยวนะ ที่นี่มันดูคุ้นๆ เหมือนผมจะมาอยู่หลายครั้ง
ผมไถมอเตอร์ไซค์ด้วยเท้าเข้าข้างทางก่อนจะมองรอบๆ ที่นี่มัน...มหาลัยของบลูแฟนผมนี่หว่า ทำไมมันบังเอิญแบบนี้วะ หวังว่ามันคงไม่รู้จักแฟนผมหรอกนะ ไม่ใช่กลัวมันจะแย่งแฟนผมนะครับ ผมแค่กลัวมันบอกเรื่องผมไปเที่ยวแล้วก็เอารูปบ้าๆ นั่นให้แฟนผมดู
พอคิดอีกที เรื่องระหว่างผมกับบลูมีแค่ไอ้ทูกับเพื่อนรักอีกสองคนเท่านั้นที่รู้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมบลูถึงอยากปิดเป็นความลับ ทั้งๆ ที่ผมก็หล่อขนาดนี้ แต่เอาตามที่แฟนผมสบายใจเลยครับ เธอบอกไม่อยากให้เสียประวัตินักศึกษาว่าที่เกียรตินิยมจบสามปี นี่แฟนผมโคตรเก่ง ต่างจากผมสุดขั้ว
เรื่องแฟนเอาไว้ก่อน ผมควรตามหาไอ้โชก่อน มือถือๆ ผมรีบพิมพ์ไลน์ไปถามที่อยู่มันครับ นั่งลุ้นอยู่นานกว่ามันจะตอบ
‘ใต้ตึกสาม คณะวิศวะ’
เหยด เรียนวิศวะด้วยว่ะ หน้าตาโคตรไม่เข้า ที่จริงถ้าผมไม่เห็นมันกระทืบคน หน้าตาหล่อๆ ขาวๆ นั่นผมคงคิดว่ามันเรียนหมอไปแล้ว
“แล้วตึกสามคณะวิศวะมันไปทางไหนวะ” ผมพึมพำกับตัวเองขณะขี่มอเตอร์ไซค์ที่ความเร็วเต่าแซงได้ ถึงจะเคยมาแต่ก็ไม่เคยไปคณะวิศวะสักครั้ง บลูเรียนอักษร ผมก็ไปแต่คณะอักษร แล้วแบบนี้ผมจะไปถามใครละ
ผมจอดรถอีกครั้งและพิมพ์ถามไอ้คนที่บอกว่าอยู่ตึกสามว่ามันไปทางไหน ให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา หรือว่าต้องตรงไป ครั้นจะถามเพื่อนผมก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมันถามว่ามาทำไม...อ้อ ผมลืมบอกไปอย่าง เพื่อนผมอีกสองคนก็เรียนที่นี่ครับ พวกมันสติปัญญาดีเลยสอบเข้าที่นี่ได้ ที่จริงเพราะผมขี้เกียจอ่านหนังสือหรอกถึงสอบไม่ติดที่นี่
เสียงไลน์ดังขึ้นมาพร้อมกับข้อความรายละเอียดถึงที่อยู่ของมัน งงๆ แต่ก็น่าจะไปถูกนะ มันให้ผมเลี้ยวซ้ายตรงมุมสามแยก ก่อนจะตรงไปเรื่อยๆ พอเจอพุ่มดอกสีส้มก็ให้เลี้ยวซ้ายมาอีกที เลี้ยวมาจะเจอป้ายห้ามจอด ไอ้เชี่ย มึงบอกละเอียดเกินไป
ตึกสามตั้งเด่นเป็นสง่า ข้างตัวตึกมีเลขสามตัวเบ้อเริ้ม อ่อ ที่นี่เองตึกสาม ผมชะลอรถก่อนเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอด นักศึกษาที่อยู่แถวนี้ส่วนใหญ่ใส่เสื้อช็อปสีกรมท่า ตรงหน้าอกมีรูปฟันเฟืองบ่งบอกว่าเรียนคณะอะไร
ผมพยายามเดินตัวให้ลีบสุดเท่าที่จะทำได้ ก็ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของผม แล้วผมก็มาจากถิ่นอื่น ยังดีที่ผมสวมเสื้อแขนยาวคลุมไว้ เลยพอกลมกลืนได้บ้าง
ใต้ตึกมีโต๊ะและม้านั่งวางอยู่เกือบๆ สิบโต๊ะ และแต่ละโต๊ะก็มีนักศึกษาเป็นกลุ่มๆ จับจอง บ้างก็ส่งเสียงเฮฮาบ้าบอ เล่นกีต้าร์แซวสาว บ้างก็จมกับตำรา บรรยากาศก็ปกติเหมือนกันมหาลัยของผมนั่นแหละ
ระหว่างทางที่ผมเดินเข้าไป ผมแอบสังเกตทุกอย่าง โดยเฉพาะสาวๆ เอ้ย ไม่ใช่ พวกเพื่อนของไอ้โชครับ เคยเห็นจากวันที่โดนมันลากไปนั่งด้วย แต่ใต้ตึกดูแล้วไม่มี แล้วมันบอกผมทำไมว่าอยู่ที่นี่วะ หรือมันจะแกล้งผม ไอ้เชี่ย อย่าให้กูได้เจอนะมึง
“นี่ๆ” แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง โอ้ว ผู้หญิงครับ แถมยังสวยอีก ตากลมโต ผมยาวปะบ่า ตรงปลายดัดลอนนิดๆ ยิ่งตัดผมหน้าม้าอีก โคตรน่ารักอ่ะ เหมือนผู้หญิงญี่ปุ่นเลยครับ สเป็กผมเลย...
ผมยิ้มหวานให้กับสาวหน้าญี่ปุ่น และเธอก็ยิ้มหวานตอบมา โอย หัวใจไอ้กลอยกำลังจะละลาย...
ถ้าไม่ได้ยินประโยคนี้ที่มาพร้อมกับเสียงดังฟังชัด
“เพื่อนเราชอบอ่ะ ขอเบอร์ได้ป่ะ” สาวหน้าญี่ปุ่นพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่โต๊ะเฮฮาเล่นกีต้าร์แซวสาว ซึ่งพวกนั้นก็ส่งเสียงฮิ้วฮ้าวตามมาติดๆ
“เอ่อ” ไปไม่เป็นเลยผม
“น้า เพื่อนเราชอบจริงๆ” สาวหน้าญี่ปุ่นทำหน้าตาแบ๊วกระชากใจผมสุดๆ จนแทบจะควักโทรศัพท์ให้ไปเลย
“มะ มันแบบวะ...ว่า” ผมเป็นโรคติดอ่างไปเรียบร้อยครับ
ผมแพ้ทางสาวตัวเล็กน่ารักสุดๆ
“เธอไม่ได้เรียนคณะนี้ใช่ป่ะ เราไม่เคยเห็นเลย เพราะถ้ามีคนน่ารักแบบนี้อยู่ เราต้องเห็น” เธอยังพูดต่อครับ ดูท่าทางเป็นมิตรสุดๆ นี่ถ้าไม่มีเสียงดีดกีต้าร์กับเสียงโห่ฮิ้วมาทุกๆ ท้ายประโยคมันคงจะดีกว่านี้
“คะ ครับ ผมไม่ได้เรียนคณะนี้” ผมตอบแต่สายตาพยายามกวาดหาไอ้คนที่เรียกผมมา คือเอาจริงๆ ตอนนี้รู้สึกกลัว ก็สายตาทุกคู่ใต้ตึกเริ่มหันมาสนใจผมกับผู้หญิงหน้าญี่ปุ่นคนนี้ ขนาดพวกจมกับกองหนังสือยังเงยหน้ามาสนใจ
โคตรอายบอกเลย
“แล้วเธอเรียนคณะไหนอ่ะ เพื่อนเราจะได้ไปหาถูก ใช่มั้ยพวกมึง”
“ใช่คร้าบบบบ ฮิ้ววววววววววว”
ใครก็ได้มาพาผมออกจากที่นี่ที น่ากลัวเหี้ยๆ
“เธอยังไม่ได้ให้เบอร์เราเลย” สาวหน้าญี่ปุ่นว่าก่อนจะรีบวิ่งไปเอามือถือเพื่อนที่อยากขอเบอร์ผมมาให้กดเลขลงไป
แม้หน้าตาของไอ้คนที่ขอเบอร์ผมมันจะไม่ได้ขี้เหร่ ออกจะหน้าตาดีหน้าตี๋อินเทรน แต่คือมันเป็นผู้ชายไง ผมไม่ได้ชอบผู้ชายโว้ยยย
ผมกำลังลังเลว่าจะกดเบอร์ตัวเองใส่โทรศัพท์ที่กำลังถืออยู่ดีหรือเปล่า มือถือที่อยู่ในมือก็ถูกยกลอยออกไปต่อหน้าจนผมสะดุ้ง พอหันไปมองด้านข้างก็เห็นไอ้ผู้ชายหน้าตาดีกำลังยิ้มให้กับสาวหน้าญี่ปุ่นก่อนมือขาวๆ นั่นจะคืนโทรศัพท์ให้ไป
“พี่จอม” เสียงหวานของสาวหน้าญี่ปุ่นทักทายคนที่มายืนข้างผม
“ขอเบอร์แทนคนอื่นไม่ดีนะครับน้องแป้ง” ไอ้จอมมันพูดเสียงนุ่มมากครับ
“แป้งขอให้ไอ้เก้าค่ะ” สาวหน้าญี่ปุ่นชื่อแป้งบอก ดูตาเธอลอยๆ นะ ผมว่าคงจะหลงใหลไอ้คนข้างๆ ผมแน่
แต่ถ้าเธอได้เห็นตอนมันกระทืบคนคงจะไม่กล้าเข้าใกล้แบบนี้หรอก ผมจำความแรงของตีนมันได้ดี
“มันก็ไม่ดีอยู่ดี” ไอ้จอมว่า ก่อนปั้นหน้านิ่งมองไอ้กลุ่มที่เมื่อกี้ยังครื้นเครงแซวคนที่เดินผ่านไปมา ตอนนี้กลับเงียบทำตัวเรียบร้อย “อย่าส่งเสียงรบกวนคนอื่นที่เขากำลังทำงาน”
“คร้าบบบ/ค่า” เสียงกลุ่มนั้นขานพร้อมกันจนน่าแปลกใจ
เมื่อเห็นว่ากลุ่มนั้นทำตาม ไอ้จอมก็ยิ้มพอใจก่อนจะมองมาที่ผมนิ่งๆ ทำไมสายตาแมร่งดุวะ ติดเชื้อเพื่อนมึงมาหรือเปล่า ทีกับสาวหน้าญี่ปุ่นเมื่อกี้จ้องจนมดจะขึ้นตา
“อะไร” ผมถาม เล่นจ้องไม่กระพริบแบบนี้มันก็แปลกๆ
“มาหาไอ้โชไม่ใช่เหรอ แล้วมายืนให้พวกนั้นจีบทำไม” แล้วทำไมต้องดุกูวะ ผมไม่ตอบอะไรเพราะมันเดินหนีไปเฉย ผมก็เลยต้องรีบเดินตาม โดยมีเสียงนินทาระยะเผาขนว่าผมอาจจะมีซัมติงกับไอ้จอมนี่ เหอะๆ แค่คิดขนแขนก็ลุกแล้วครับ
“มึงจะรีบไปตามควายหรือไง รอกูด้วย” คิดว่ามันจะรอเหรอครับ นู้น เดินไปไกลแล้ว
ผมเดินตามมันผ่านตึกสามมาอีกตึกหนึ่งซึ่งมีทางเชื่อมกัน ตึกนี้ก็มีโต๊ะม้านั่งหลายโต๊ะและทุกโต๊ะก็มีคนนั่งเป็นกลุ่มเต็มไปหมด
นี่มันงานวัดหรือใต้ตึกเรียนวะ
เสียงพูดคุยมันโวกเวกโวยวายจนฟังไม่รู้เรื่อง บ้างก็ด่ากัน บ้างก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง แต่พอทุกคนหันมาเห็นไอ้จอมเดินเข้าไปโดยมีผมเดินตามอยู่ด้านหลัง เสียงดังๆ นั่นก็เงียบลง สายตาทุกคู่หันมามองอย่างสนใจ ผมกวาดสายตามองหาไอ้คนที่เรียกผมมาซึ่งมันนั่งอยู่โต๊ะตรงกลาง หน้าตามันดูเด่นกว่าชาวบ้าน ด้วยความขาวออร่าของมัน ผมทรงอันเดอร์คัทถูกเซ็ทมาลวกๆ แต่แมร่งโคตรดูดี
“นั่นมันไอ้เด็กที่เจอเมื่อคืนนี่หว่า” คนพูดมันนั่งคนละโต๊ะกับไอ้โชครับ ดูเหมือนน่าจะอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน
“ติดใจเพื่อนกูหรือเปล่า เพื่อนกูลีลามันเด็ดโว้ย”
“ฮิ้วววววววววว”
เสียงแซวต่างๆ นาๆ ดังจนผมต้องเอามืออุดหู แล้วเมื่อกี้ไอ้จอมสั่งไอ้พวกด้านหน้าให้เงียบเพราะรบกวนชาวบ้าน กลุ่มพวกมึงนี่ดังกว่าอีก เพื่อนมันอีกคนคงเห็นผมยืนไม่ยอมเดินมันเลยเดินมาดันผมไปหาเพื่อนมัน แม้ผมจะรั้งตัวไว้ แต่ไอ้นี่มันโคตรแรงเยอะ จนตอนนี้ผมมายืนตรงหน้าไอ้โชครับ
อย่าคิดว่าผมจะไม่ทำในสิ่งที่คิด ที่ว่าจะต่อยหน้ามัน แต่ขอติดเอาไว้ต่อยมันตอนไม่มีเพื่อนแบบนี้แล้วกัน คือผมยังไม่อยากตาย และพอผมมายืนตรงหน้ามันก็จ้องผมอย่างกับไม่เคยเห็น
“เมื่อคืนเห็นในที่สลัวๆ ว่าน่ารักแล้ว พอเจอตอนกลางวันแบบนี้มันโคตรของโคตรน่ารักว่ะ ไอ้โชแมร่งตาถึงสัด”
“ถูกของมึงไอ้เบ รู้งี้เมื่อคืนกูออกไปหาแบบนี้บ้างดีกว่า” ผมจำไอ้คนนี้ได้ครับ มันคือคนที่มีน้องโนตมนั่งตัก นี่พวกมันเรียนที่เดียวกันหมดเลยเหรอเนี่ย
ผมมัวแต่มองคนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีจนลืมมองไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม มันจ้องจนตาจะหลุดออกจากเบ้าแล้วครับ ตามันโคตรมีเสน่ห์นะ เวลามองแล้วมันรู้สึกแปลกๆ แต่มันดูดุไปหน่อยเลยกลบความรู้สึกแปลกได้บ้าง
“มะ มองอะไร” อย่าเสียงสั่นสิไอ้กลอย
“มึงมาช้า” นี่มันถามผมหรือเปล่า
“ก็...”
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร ไอ้จอมมันก็โพล่งขึ้นมา
“กูเจอไอ้เด็กนี่ยืนให้พวกไอ้เก้ามันจีบอยู่หน้าตึก ให้เบอร์ไปแล้วด้วย”
เชี่ย กูไม่ได้ยืนให้จีบ กูยืนหามึงต่างหาก ไม่ต้องทำหน้าดุจ้องกูเลยสัด
“มึงให้เบอร์มันแล้ว?” เสียงแมร่งโคตรเย็น
“กูยังไม่ได้ให้เว้ย” แล้วทำไมผมต้องมาแก้ตัวด้วยวะ “ว่าแต่ มึงมานี่เลย กูมีเรื่องต้องเคลียร์” ผมลากไอ้โชออกมาจากกลุ่มเพื่อนมันครับ ไม่สนเสียงโห่แซวเรื่องลีลาบนเตียงบ้าบอนั่น กูก็เด็ดเหอะ...ไอ้โชมันเดินตามมาแรงลากมาเงียบๆ พอมาถึงที่ๆ เงียบห่างไกลกลุ่มมันผมก็หยุดเดินแล้วหันไปจ้องหน้ามันแทน “มึงลบรูปกูเดี๋ยวนี้ไอ้สัด”
ไอ้โชยกมือกอดอก ปากแดงมันเหยียดยิ้มออกมาจนผมขมวดคิ้ว ท่าทางของมันนี่คงไม่ทำตามแน่
“ไอ้โช กูบอกว่าให้มึง...”
“เรียกกูว่าพี่”
“หา?”
“กูแก่กว่ามึง มึงต้องเรียกกูว่าพี่”
“ไม่ กูไม่เรียก”
“งั้นกูจะเอารูปมึงไปปล่อยในเพจ”
“ไอ้เชี่ย มึงจะเอายังไงวะ”
“เรียกกูว่าพี่”
เอากับมัน ผมโคตรปวดหัว แค่จะให้ผมเรียกว่าพี่เนี่ยนะ มันใช่เหรอวะ
“เออๆ พี่ พอใจยัง”
“ชื่อกูล่ะ”
แมร่งโคตรเรื่องมาก
“พี่โช”
“หึๆ”
มันหัวเราะในลำคออย่างพอใจก่อนจะเอามือถือมันออกมา ผมรีบแย่งแต่มันชักหลบเฉย จะว่าเหมือนในหนังในละครมันก็ใช่ เพราะผมพุ่งใส่เต็มแรง ตัวผมเลยชนกับอกมันเต็มๆ แล้วเราก็ล้มไปโดยที่ผมทับอยู่บนตัวของมัน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมันเหมือนมีแรงดึงดูดชวนมองให้หลงใหลจนเผลอจ้องอยู่นาน
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นเรียกสติของผมให้กลับมา ก่อนรีบผละออกจากร่างของไอ้โชโดยที่ปากผมกับปากมันเกือบจะแตะกันอยู่แล้ว ฟู่ววว เกือบไปแล้ว เกือบจะเสียจูบที่สองให้มันอีกแล้ว
ผมกับมันยืนขึ้นพร้อมๆ กัน ก่อนพวกเราจะหันไปสนใจเจ้าของเสียงฝีเท้าที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้ทุกที ดูเหมือนจะไม่ได้มาคนเดียว แต่นั่นไม่ทำให้ผมตกใจเท่าผู้หญิงที่เดินมาคือแฟนของผมเอง เชี่ยย แจ็คพอต
ผมรีบหลบหลังไอ้โชทันทีพร้อมกับกำชายเสื้อด้านหลังมันแน่น ดีที่มันตัวหนากว่าผม เลยเป็นที่กำบังได้พอดี ผมภาวนาให้แฟนผมรีบๆ เดินผ่าน...แต่มันก็ไม่เป็นใจเหลือเกิน...
“อ่าวไอ้โช มึงมายืนทำไมแถวนี้วะ” เสียงผู้ชายที่เดินมาข้างบลูพูดครับ
“กูมาสูบบุหรี่ แล้วมึงไปไหนมา พวกไอ้เบตามหาอยู่” ไอ้โชถาม
“กูพาบลูไปกินข้าวมา”
ใช่บลูแฟนผมจริงๆ ด้วย แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกับเพื่อนไอ้โชด้วย
“พี่โชกินข้าวหรือยังคะ” น้ำเสียงที่ผมคุ้นเคยถามไอ้โช ผมยิ่งกำชายเสื้อมันแน่นขึ้น หัวใจก็เต้นแรงจนแทบจะระเบิด
หมายความว่ายังไงวะ
“ยังครับ พี่ทำงานยังไม่เสร็จ” ไอ้โชตอบเสียงนุ่มชวนฝัน ผมแอบโผล่หน้าไปดูสองชายหญิงนั้น ทำให้เห็นหน้าบลูกำลังยิ้มเขินส่งมาให้ไอ้คนที่ผมกำลังกำชายเสื้อมัน
“ไอ้เหี้ยโชมึงเลิกทำตาหวานใส่แฟนกู ก่อนที่กูจะโมโหไอ้สัด” น้ำเสียงไม่จริงจังเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้คนมีชื่อในประโยค
แต่ผมไม่รู้สึกขำเลยสักนิด
“งั้นเดี๋ยวบลูกลับคณะก่อน พี่ซันรีบกลับไปทำงานเถอะค่ะ” บลูพูดเสียงหวานกว่าที่คุยกับผมซะอีก เวลาพูดกับผมเธอไม่เคยส่งเสียงฉอเลาะแบบนี้เลย มีแต่ผมที่พูดเอาใจอยู่ฝ่ายเดียว
“ให้พี่ไปส่งมั้ย” ไอ้ซันถาม ก่อนบลูจะส่ายหน้า “งั้นตอนเย็นเรียนเสร็จโทรมาบอกด้วยนะ พี่จะได้ไปรับ”
บลูส่งยิ้มหวานก่อนจะเดินหันหลังกลับไป นี่เธอคบซ้อนเหรอ ผมยืนนิ่ง น้ำตาก็จวนจะไหลออกมา โคตรเจ็บอ่ะ ได้เห็น ได้ยินแบบนี้ มันมากกว่าได้ฟังมาจากไอ้เพื่อนสองตัวนั่นอีก ใช่ครับ เพื่อนผมที่เรียนที่นี่เคยเตือนผมเรื่องบลูมาก่อน แต่ผมก็ไม่เชื่อ คิดว่าพวกมันล้อเล่น ถ้าล้อเล่นจริงสถานการณ์แบบนี้ ตอนนี้ มันคงเล่นจริงจังไปหน่อย ผมยืนสั่นหงึกๆ อยู่หลังไอ้โชจนเพื่อนมันเห็น
“แล้วที่หลังมึงนั่นใครวะ” ไอ้ซันชะโงกหน้ามามองผมที่ยืนหลับตากั้นน้ำตาที่มันพาลจะไหลจนไม่โต้ตอบทั้งๆ ที่หมาในปากพร้อมทำงานทุกเวลา “เด็กมึงเหรอ”
“เออ” ไอ้โชตอบพร้อมกับเอามือมาจับมือผมให้คลายชายเสื้อมัน แล้วมันก็ดึงผมมายืนข้างๆ
“เปลี่ยนแนวนี่หว่าไอ้สัด แต่ก็น่ารักดี ตาถึงๆ เพื่อนกู” ไอ้ซันมันก้มหน้ามองหน้าผม ก่อนมันจะเดินผ่านเพื่อนมันพร้อมกับตบไหล่แปะๆ
พอเพื่อนมันเดินไปแล้ว ไอ้โชก็หันมาสนใจผมที่ยืมก้มหน้าอย่างเดียว
“เป็นอะไรของมึง”
“เพื่อนมึง...” ผมถามเสียงโคตรจะเบา จนไอ้คนฟังทวนคำที่ได้ยิน
“เพื่อนกู? ทำไม หรือมึงรู้จักไอ้ซัน”
“ไม่รู้จัก” ผมตอบเสียงดุนั่น ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้าจ้องไอ้โช “เพื่อนมึงกับผู้หญิงคนนั้นคบกันมานานหรือยัง” แม้ไม่อยากถาม แต่ผมควรจะรู้ใช่มั้ยครับ
ไอ้โชมองหน้าผมอย่างสงสัย มันคงคิดว่าผมจะอยากรู้เรื่องเพื่อนมันไปทำไม แต่เพราะผมจ้องมันนิ่งไม่มีท่าทีกวนตีน มันเลยยอมบอก
“น่าจะสองสามปีมั้ง กูเห็นมันควงกันตั้งแต่แฟนมันยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย” คำตอบนั้นทำเอาผมเจ็บจี๊ดจนต้องจับหน้าอกตัวเอง
“ทำไมถึงรู้จัก” คอผมมันแห้งผาดเหมือนขาดน้ำมาหลายวัน
“ทำไมถึงอยากรู้”
“กูถามมึงอยู่ไม่ใช่ให้มึงถามกลับ” ผมเผลอตวาดจนไอ้โชตกใจ “ขอโทษ”
ดูหน้ามันยิ่งงงหนักแต่มันก็ยอมบอก
“แฟนมันมาติวเข้าอักษรที่มหาลัย พอดีพวกกูรู้จักกับพวกอักษรก็เลยเจอกัน แต่กูก็ไม่รู้ว่ามันไปจีบกันเมื่อไหร่ เพราะมันก็ไม่เคยเล่า...มึงโอเคป่ะไอ้กลอย ไอ้กลอยมึงฟังกูอยู่หรือเปล่า”
ไม่ครับ ผมไม่ได้ฟังมันเลย เพราะเสียงมันถูกตัดจากโสตประสาทของผมเรียบร้อย...งั้น แปลว่าบลูก็คบกับผู้ชายคนนั้นตั้งแต่คบกับผมปีแรกๆ แล้วทำไมตอนนั้นเธอถึงยอมมาคบกับผม ทั้งๆ ที่บอกออกมาก็ได้ว่ามีคนคุยอยู่แล้ว ทำไมต้องมาหลอกผม เห็นไอ้กลอยคนนี้โง่มากสินะ
“พี่โช” ผมเรียกไอ้คนที่ยืนข้างๆ “ช่วยอะไรผมหน่อยสิ” บางทีเรื่องนี้ผมก็คงปิดจ๊อปความโง่คนเดียวไม่ได้ เรื่องนี้มันต้องจบแม้ผมจะเจ็บก็ตาม...
.....TBC