END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END #สระของพยัญชนะ :: วันพิเศษ - กระทงออนไลน์ ป๊อกกี้ฟอร์ยู [12-11-19]  (อ่าน 37721 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จับมือกันทั้งสองคน แล้วเดินไปเคลียร์กับพลอยเลยไป  :hao3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
มีคนขี้หึงขี้งอนก็ต้องเข้าใจหน่อยนะพยัญชนะ ส่วนสระก็ได้เวลาที่ต้องชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Twenty

(ฟ.) : แฟน (ฟัด)

 

[สระ]


ผมนอนไม่หลับ

ใช่ ตรงตัวนั่นล่ะ เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ทั้งที่ล้มตัวลงนอนและบอกกับไอ้นะว่าจะนอนแล้ว แต่เอาเข้าจริงผมก็แค่นอนหลับตา แล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังค้างคาลอยวนอยู่ในหัว ทั้งเรื่องที่ไปได้ยินน้องพลอยคุยกับเพื่อนของเธอ คำแนะนำของไอ้เกรซ แล้วไหนจะที่ไอ้นะคุยแชตกับน้องพลอยนั่นอีก

ไม่รู้หรอกว่าคุยอะไรกัน แต่ผมแม่งโคตรไม่ชอบเลยว่ะที่เห็นมันคุยกับคนที่เป็นประเด็นค้างใจผมอยู่ตั้งแต่เมื่อวานอะ ตอนแรกผมก็ไม่ทันฉุกคิดหรอกว่าทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้น แต่พอเล่าให้ไอ้เกรซฟัง มันก็บอกว่าผมน่ะ ‘หึง’ ไอ้นะไงล่ะ ไม่มีเหตุผลอื่นหรอกที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นได้ นอกจากคำนี้คำเดียว

‘มึงหึงมัน เพราะมึงชอบมัน มึงไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมัน’

ก่อนหน้านี้แค่ไอ้นะโดนจับก้นผมยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่พอใจและหวงมันอย่างกับอะไรดี แต่กับเหตุการณ์นี้ผมดันมืดแปดด้านไปซะดื้อๆ ไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังหึง กำลังรู้สึกแย่เมื่อเห็นว่าคนที่ผมแคร์มากโดนคนอื่นจับจ้องและหวังจะจับจอง

ตลกเป็นบ้าเลย ทำไมผมถึงคิดไม่ออกกันนะ จู่ๆ ก็เกิดโง่ขึ้นมาจนรู้ไม่เท่าทันความรู้สึกตัวเองหรือยังไง นี่หรือเปล่าที่คนชอบพูดกันว่าความรักทำให้เราตาบอด ผมว่าผมใกล้เคียงกับอาการนั้นมาก แต่ไม่ใช่ตาที่บอด เป็นสมองต่างหากที่ดันอ๊องขึ้นมาซะได้

และเพราะนอนไม่หลับ เช้าวันนี้ผมก็เลยตาโหลลึก ขอบตาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ตื่นขึ้นมาก่อนเวลาที่ควรจะตื่นจนไอ้นะยังแปลกใจ เพราะปกติมีแต่มันต้องปลุกผมไปเรียน แต่นี่ดันกลายเป็นผมปลุกมัน

“ทำไมตาเป็นแบบนั้น”

“ตาเป็นอะไร กูไม่มีตา ตากูตายไปนานแล้ว”

“ไม่ตลกเลยสระ นะหมายถึงขอบตาสระอะ ทำไมมันคล้ำขนาดนั้น เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?”

ผมหลบสายตาที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้นของอีกฝ่าย “หลับๆ ตื่นๆ อะ ฝันร้าย”

“หือ? ฝันอะไร”

ไอ้นะเดินเข้ามาใกล้ผม จับแก้มผมแล้วบังคับให้หันไปสบตามัน ก่อนปลายนิ้วเรียวยาวของมันจะเลื่อนมาลูบที่ใต้ตาผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน

ผมมองอีกฝ่ายในระยะใกล้ชิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ผมกลับคิดว่ามันแตกต่างจากทุกครั้ง ผมอาจจะเคยใจเต้นแรงเวลาโดนไอ้นะสัมผัสแบบนี้ แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันเต้นจนแทบหลุดออกมาจากอก และราวกับมีอะไรบางอย่างบินวนอยู่ในท้องของผมเหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้

รู้ตัวอีกทีผมก็เป็นฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้าไปแนบชิดเพื่อนสนิทมากขึ้นกว่าเดิม ลมหายใจของเรารินรดกันและกัน ก่อนริมฝีปากผมจะประกบเข้ากับอวัยวะเดียวกัน ความนุ่มนิ่มที่ผสานเข้าหากันพาให้หัวใจผมสั่นไหวรุนแรงหนักขึ้นกว่าเดิม

เป็นแค่การแนบจุมพิตแผ่วเบา...ผมผละออกห่างเพื่อมองปฏิกิริยาและสีหน้าของไอ้นะให้ชัดๆ และผมเห็นประกายความแปลกใจระคนชอบใจจากดวงตาของอีกฝ่าย

“ถามกูใหม่สิ”

“หา?”

ผมอมยิ้มเมื่อไอ้นะเหมือนจะยังมึนงง “เมื่อกี้มึงถามกูว่าอะไร ถามใหม่ดิ”

“อ๋อ เอ่อ...” ไอ้หน้าหล่อเด๋อๆ ด๋าๆ ไปชั่วขณะ กว่ามันจะเอ่ยออกมาได้ก็ผ่านไปเป็นนาที “กูถามว่ามึงฝันร้ายเรื่องอะไร”

ผมยิ้มกว้างเลยคราวนี้ อดใจไม่ไหวอยากออดอ้อนอีกฝ่ายขึ้นมา เลยเขี่ยปลายจมูกตัวเองเข้ากับจมูกของไอ้นะเล่น ทำเอาคนถูกผมอ้อนเบิกตาโต...อะไรวะ ผมออกจะอ้อนมันบ่อย ยังไม่ชินอีกหรือไง หึ :)

“กูฝันว่ากำลังจะเสียมึงไป”

“..!”

“ไม่ชอบเลยว่ะความฝันแบบนี้”

พยัญชนะดูจะตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่ผมพูดออกไป เขามองผมตาโตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมือหนาเปลี่ยนมาจับต้นคอผมแทนข้างแก้ม ดันให้หน้าผากเราแนบสนิทกัน ก่อนเจ้าตัวจะจุ๊บปากผมเบาๆ แล้วยิ้มกว้าง

“มึงไม่มีวันเสียกูไปหรอก เพราะต่อให้มึงไล่กู”

“...”

“กูก็ไม่มีวันไปจากมึง”

ผมตอบแทนคำพูดของไอ้นะด้วยการจูบมันอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ดูดดื่มและลึกซึ้งกว่าเดิม

นี่ไม่ใช่การจูบกันครั้งแรก และไม่ใช่การจูบกันครั้งสุดท้ายด้วย ผมแน่ใจเลยล่ะ

 

เรามาเรียนคาบเช้าตอนเก้าโมง คลาสแรกของวันกลางสัปดาห์คือวิชาเลือกเสรี ผมก็เลยไม่รู้สึกเครียดเท่าไหร่ถ้าเกิดจะแอบงีบหลับสักชั่วโมง ไม่ได้หมายความว่าวิชานี้ไม่สำคัญนะครับ แต่เพราะว่ามันคือวิชาที่ไม่เคร่งเครียดเท่าวิชาเอก ผมก็เลยสบายใจได้บ้างว่าสามารถไปอ่านเอาเองย้อนหลังได้

“หน้ามึงโคตรโทรมเลยไอ้หระ โดนไอ้นะจัดหนักมาเหรอวะเมื่อคืนนี้”

ไอ้พีทักทายกันด้วยคำพูดไม่เข้าหู ถ้าเป็นทุกทีผมคงด่าพ่อมันไปแล้ว แต่ไม่ใช่วันนี้ครับ วันที่อารมณ์ผมไม่คงที่เพราะมีเรื่องคาใจ และเป็นวันที่ผมนอนไม่พอจนไม่อยากจะพูดคุยกับใครด้วย แค่เปิดปากก็เหนื่อยแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดจะฉะกับมันสักคำสองคำไม่ได้ว่า...

“ถ้าจัดหนักกันจริงๆ วันนี้กูคงไม่ได้มาเรียนมั้ยล่ะ”

“...” เพื่อนทั้งสี่คน (ที่หนึ่งในนั้นเป็นมากกว่าเพื่อนสำหรับผม) ถึงกับนิ่งงันแล้วมองหน้าผมเหมือนเห็นตัวประหลาด แถมพวกมันยังกะพริบตาปริบๆ ราวกับไม่ได้แน่ใจว่าไอ้ที่ได้ยินไปนั้นถูกต้องหรือไม่

“เป็นบ้าอะไรอีก งงเหี้ยไรกัน” ผมด่า

ไอ้ยูขยับเข้ามาหาแล้วโบกมือผ่านหน้าผมไปมา “นี่มึงใช่ไอ้สระจริงป่ะวะ?”

“ก็กูดิ เห็นเป็นหน้าพ่อมึงเหรอ”

“แต่เมื่อกี้ที่หลุดออกมาจากปากมึงเหมือนไม่ใช่คำพูดที่ควรเป็นของมึงอะ” ไอ้เจ็มเสริม

ผมถอนหายใจ “พอกูเล่นด้วยก็มาทำงง ทำไม? กูจะตบมุกแทนด่าพวกมึงบ้างไม่ได้รึไง?”

ไอ้พีเป็นคนแรกที่หลุดหัวเราะลั่น มันตบบ่าผมปั้กๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ขณะทีไอ้เจ็มนะเป็นคนต่อมาที่หัวเราะขำ มันส่ายหน้าให้กับการละเล่นของพวกเราแล้วเดินนำไปนั่งที่โต๊ะเรียนมุมประจำ

ไอ้เจ็มยังคงกะพริบตา ส่วนไอ้ยูตบมือแปะๆ แล้วพูดแค่ว่า “เพื่อนเราไม่เขินอายเวลาโดนแซวแล้ว แปลว่ามันกำลังจะได้เสียกันในไม่ช้านี้แน่นอน”

ไอ้!

ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ยู ทำท่าจะเขกมะเหงกลงหัวมันแต่เจ้าตัวก็ฉากหลบแล้วเดินหนีไปนั่งที่ ทิ้งให้ไอ้เจ็มตาโตแล้วเอ่ยถามเสียงเกือบดังลั่นห้องเรียน

“นี่เมื่อคืนมึงกับไอ้นะได้กัน...อุ๊บ!”

“ตะโกนทำห่าไรไอ้ฟัค!” ผมตบปากมันเต็มแรง ก่อนจะลากคอมันให้เดินตามไปนั่งที่บ้าง “เงียบปากไปเลย กูกับมันได้กันเมื่อไหร่มึงได้รู้แน่ แต่เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรกันโว้ย!”

ทันทีที่ผมพูดจบ ทุกคนก็พากันอึ้งค้างอีกรอบ ส่วนไอ้นะนี่ถึงกับหน้าแดงเลยอะ อะไรวะ เต๊าะกูได้เต๊าะกูดี แต่พอเจอกูพูดสองแง่สองง่ามบ้างทำมาเขิน ใช้เหรอออ มันใช่เหรอครับคุณครับบบ

“สระนั่งลงสักทีดิ” จู่ๆ ไอ้นะก็พูดขึ้น เล่นเอาผมเอ๋อแดก อะไรวะ? “เชือกรองเท้ามึงหลุด”

ผมก้มมองก็เห็นว่าหลุดจริง เลยนั่งลงกะว่าจะผูกเอง แต่ไอ้นะดันแย่งทำแทนซะงั้น...มันเดินมาทรุดลงนั่งตรงหน้าผม จัดการผูกเชือกรองเท้าให้ผม และการกระทำของมันกำลังจะทำให้ผมหัวใจเต้นแรง มันเอาใจใส่ผมอยู่เสมออันนั้นผมรับรู้มาโดยตลอด แต่การถูกผูกเชือกรองเท้าให้มันออกจะพิเศษมากเกินไป

มากจนทำให้ผมมีความสุขจะตายอยู่แล้วเนี่ย!

 

ผมสบายใจขึ้นเยอะหลังจากใช้เวลาตกผลึกความคิดตัวเองตลอดเช้า และตัดสินใจได้แล้วด้วยว่าจะทำอย่างไรต่อไป กะว่าเย็นนี้ถ้าไอ้นะเคลียร์กับน้องพลอยเสร็จ ผมจะทำทุกอย่างระหว่างเราให้ชัดเจน

เป็นผมที่ไม่กล้าข้ามผ่านคำว่าเพื่อน ให้ได้แค่สถานะมากกว่าเพื่อน จนมีคนอื่นเข้ามาและทำเหมือนอยากจะแทรกกลางระหว่างเรา มันเลยทำให้ผมคิดได้ว่าผมควรแสดงออกให้มากกว่านี้ ก่อนที่ใครจะมาแย่งมันไปจากผม

ค่อนข้างจะเป็นความคิดที่เชื่องช้าและฟังดูเห็นแก่ตัวเนอะ ก็ผมน่ะปล่อยเวลาให้มันไหลผ่านเพราะคิดว่าระหว่างเรามันเป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าอะไรที่เรามองว่าดีมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และความอดทนของคนเรามีจำกัด วันนี้ไอ้นะบอกว่าชอบผมมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตมันจะไม่หมดความอดทนในการชอบผม

ตกเย็นหลังเลิกเรียน ผมกับไอ้นะแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพราะพวกมันจะเป็นเกมเซนเตอร์กัน แต่ไอ้นะมีนัดกับน้องพลอยก็เลยไปด้วยไม่ได้ ส่วนผมไม่อยากไปเพราะอะไรทุกคนก็น่าจะรู้ดี

ใครจะไปยอมให้คนของเราไปเจอกับผู้หญิงที่เข้ามาชอบเขากันล่ะ

“นัดเจอกันที่ไหนวะ?” ผมถาม

“ร้านน้ำเจ้าประจำของเราอะแหละ”

ผมชะงัก...ฉิบหาย นัดที่ไหนไม่นัด ดันนัดกันในสถานที่ที่เพิ่งสร้างความทรงจำแย่ๆ ให้ผมเมื่อวานเนี่ยนะ? เฮ้อ แต่จะโทษมันก็ไม่ได้ ก็มันไม่รู้นี่นาว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง

“งั้นกูไปรอที่ใต้ตึก...”

“ไปกับกูดิวะ จะทิ้งกันเหรอ” ไอ้หน้าหล่อรั้งแขนผมเอาไว้ไม่ยอมให้เดินหนี แถมยังมาทำตาลูกหมาอ้อนใส่อีก ถึงมันจะอ้อนผมไม่บ่อย แต่อยากให้รู้ไว้ว่าผมก็แพ้ลูกอ้อนมันเหมือนที่มันก็แพ้ทางผมนั่นล่ะ

“ไม่อาววว” ผมตอบ เริ่มใช้กลยุทธงอแงใส่มันบ้าง แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้ยื้อยุดกันไปมากกว่านี้ เสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกเข้ามาขัดซะก่อน

“เอ่อ พี่ชนะคะ”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ก็เจอเข้ากับน้องพลอยและผองเพื่อน พวกเธอมองผมแบบกระอักกระอ่วน คงทำตัวไม่ถูกเพราะเมื่อวานผมดันไปได้ยินอะไรดีๆ จากพวกเธอมาซะเยอะ และก่อนที่มันจะเด๋อด๋าไปมากกว่านี้ ผมว่าผมควรพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว

“กูไปรอใต้ตึกนะ เห็นไอ้เกรซแวบๆ ว่าจะไปคุยอะไรกับมันหน่อย”

“เอางั้นเหรอ?”

“อือ เสร็จแล้วก็โทรมาละกัน” ผมตัดบท ยิ้มให้มันกับน้องๆ อีกเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินหนี แต่...

“เอ่อ พี่สระคะ”

ผมลอบกลอกตา เรียกกูทำไมอี๊ก! ไม่อยากคุยด้วยเว้ย!

ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ผมก็ยังหันกลับไปมองคนเรียกอยู่ดี อ่า รู้สึกว่าน้องคนนี้จะชื่อนุ้ยป่ะวะ? หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ “ครับ มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่เหรอ?”

“คือเรื่องเมื่อวานน่ะค่ะ” น้องพลอยเป็นคนเอ่ยขึ้น หน้าเจื่อนหนักมากจนผมล่ะสงสาร “ขอโทษด้วยนะคะที่พูดจนไม่ดี เพื่อนพลอยไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ มันก็แค่...”

“ไม่เป็นไรครับ!” ผมโพล่งแทรก หลบตาไอ้นะที่มองมาเหมือนจะถามว่าเรื่องอะไรกัน “พี่ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะเรื่องจริงเป็นยังไงพี่รู้ดีอยู่แล้ว ไม่เก็บมาคิดหรอกครับ เอ่อ พี่ไปนะ คุยกันตามสบายเลย”

แล้วผมก็หมุนตัวก้าวเท้าไวๆ เดินหนีมาก่อนที่จะถูกรั้งเอาไว้อีก หลังจากไอ้นะกลับมาผมต้องโดนคาดคั้นยกใหญ่แน่เลย พวกน้องมันแม่งก็กล้ามาพูดกันตรงๆ แฮะ ผมไม่คิดว่าจะได้รับคำขอโทษด้วยซ้ำ แต่ก็ดันได้ แถมได้ต่อหน้าคนที่ไม่อยากให้รู้เรื่องมากที่สุดด้วย

“สระ!”

“เกรซ!” ผมถลาเข้าไปหาเพื่อนหญิงพลังแกร่งประจำสาขาวิชาของเราด้วยสีหน้าเหยเก พอมันเห็นหน้าผมก็ดึงไปนั่งข้างๆ แล้วถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยเล่าให้มันฟังไปจนหมด ก่อนตบท้ายด้วย “กูจะทำไงดีวะ ไม่อยากให้ไอ้นะมันรู้อะว่ากูไปได้ยินอะไรมาบ้าง”

“แต่กูว่ามึงบอกไปเถอะ ไหนๆ มึงก็จะเคลียร์ใจกันแล้วนี่” เกรซหลิ่วตามองอย่างล้อเลียน ก่อนจะฉุดผมให้ลุกขึ้นยืน “ไปดีกว่า ไปแอบดูกัน”

“ห๊ะ? แอบดูอะไร!?”

“แอบดูไอ้นะกับยัยเด็กพลอยอะไรนั่นไง”

“เฮ้ย ไม่เอา!” ผมยื้อฝีเท้าไม่ยอมก้าวต่อ แต่แรงไอ้เกรซอย่างเยอะ มันรวบรวมพลังแล้วกระชากทีเดียวผมปลิวตามมันไปห้าก้าว ไอ้เหี้ยยย แรงเยอะเกินไปแล้วเกรซ!

“ไปเถอะน่า เผื่อยัยเด็กนั่นลวนลามผู้ชายของมึงจะได้เข้าไปขัดได้ทัน”

“แต่กูไม่อยาก...”

ราวกับทั้งโลกหยุดหมุน ในตอนที่ผมกำลังจะแย้งไอ้เกรซก็ลากผมมาจนถึงหน้าคณะซะแล้ว แถมยังได้เห็นว่าไอ้นะกำลังกอดกับน้องพลอยอะไรนั่นอยู่...ผมกะพริบตาปริบ อึ้งงันกับสิ่งที่เห็นจนทำอะไรไม่ถูก ปลอบตัวเองว่าก็แค่กอด อย่าคิดมากดิวะ แต่พอเห็นไอ้นะโน้มหน้าลงไปใกล้น้องพลอยมากขึ้นจนดูเหมือนกำลังจะโดนหอมแก้ม ใจผมก็สั่นไหวอย่างรุนแรง รู้สึกขาอ่อนแรงแทบทรุดลงพื้น

“เฮ้ย!” เกรซร้องเสียงหลง หลงจนทำให้คนแถวนี้ได้ยินกันหมด รวมไปถึงไอ้นะด้วย

เพื่อนสนิทที่ผมโคตรหวงหันมามอง ผมไม่รู้ว่าผมทำสีหน้าแบบไหน แต่มันทำให้ไอ้นะลนลานจนถึงกับรีบผลักน้องพลอยออกแล้ววิ่งมาหาผม แต่ผมไม่พร้อมจะสบตามันตอนนี้ ผมก็เลยก้มหน้าหลบ มองพื้นเสมือนว่าที่ตรงนั้นมีอะไรให้มองมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ของมัน

“สระ”

น้ำเสียงนุ่มนวลที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายทำให้ผมเม้มปากแน่น ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น รู้ตัวอีกทีผมก็โดนจูงพาไปขึ้นมอ’ไซค์ใครก็ไม่รู้ โดยมีไอ้นะเป็นคนขี่...ได้ยินมันบอกให้จับเอวมันไว้ดีๆ จากนั้นรถก็ออกตัวเคลื่อนจากมหา’ลัยมาจนถึงหอพักของเรา

และตลอดทางผมก้มหน้าไม่สบตาใครเหมือนเดิม

ความรู้สึกของผมมันตีกันมั่วไปหมด รู้สึกว่ามันทุเรศเกินไปไหมที่ผมจะมาอ่อนไหวกับสิ่งที่เห็น มากมายซะจนน้ำตาเอ่อออกมาซะงั้น ผมไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายนะเว้ย แต่ไหงดันมาเป็นเอาตอนนี้ได้วะ

เข้ามาถึงในห้องผมก็ถูกดึงให้ไปนั่งบนเตียงนอน โดยมีไอ้นะนั่งอยู่ด้านหลังแล้วโอบเอวเอาไว้ ไม่ได้แน่นหรือหลวมจนเกินไป ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองมัน

“สระ คุยกับนะหน่อยสิ เป็นอะไรครับ หึ?” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่แม่งเสือกไหลซะงั้น แล้วจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะมันดันหยดลงไปโดนแขนไอ้นะที่กอดเอวผมอยู่ไม่ยอมปล่อย “สระครับ โธ่”

“...”

“ร้องไห้ทำไมครับดื้อ"

ผมเม้มปาก ยอมเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหมุนตัวไปมองคนด้านหลัง ไอ้นะก็เหมือนจะรู้ว่าถึงเวลาที่เราต้องคุยกันแล้ว มันก็เลยขยับตัวนั่งให้ถนัด และไม่ลืมจับผมให้หันมาสบตากันตรงๆ ด้วย ไอ้ห่า ล็อกกูไว้ทุกทางเลย กะไม่ให้กูหนีเลยอะ

“ไอ้นะ”

“ครับ ว่าไง ร้องไห้ทำไมบอกนะสิครับ”

ผมสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เอาวะ ถึงเวลาที่ต้องพูดแล้ว เลิกขี้ขลาดสักทีไอ้สระ

“นะ” ผมจับมือมันไปกุมเอาไว้แน่น อีกมือปาดน้ำตาออก ดีนะร้องไห้ไม่เยอะ แค่น้ำตาไม่กี่หยด น่าขายหน้าชะมัด "พอกูรู้ตัวว่ากูชอบมึง กูก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งมึงไปอะ ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้มึงด้วย"

"..."

"มึงเป็นของกูป่ะวะ"

ไอ้นะฉีกยิ้มกว้าง ผมอยากจะต่อยมันสักทีที่ดันมายิ้มตอนที่ผมกำลังเครียด แต่ก็ทำไม่ลงเพราะที่พูดไปใช่ว่าจะไม่เขิน แล้วยิ่งเขินเข้าไปอีกด้วยเมื่อจู่ๆ ไอ้นะก็ก้มลงมาหอมแก้มผมรัวๆ ไอ้เหี้ยยย มาฟัดกูเฉย ขออนุญาตกูยัง!

"ครับผม นะเป็นของสระคนเดียวเท่านั้นครับ” มันพูดออกมาก่อนที่ผมจะได้ผลักหน้ามันออกห่าง เล่นเอาผมนิ่งงัน ปล่อยให้มันใช้มือเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่ยังเปียกหางตาออกให้ผมไปด้วย "ชอบสระมาตั้งนาน นะจะไปชอบคนอื่นได้ยังไง ยิ่งตอนนี้สระก็ชอบนะเหมือนกัน นะยิ่งทิ้งสระไปไหนไม่ได้เข้าไปใหญ่"

"มึงแม่ง"

"ครับ นะทำไมเหรอ? นี่ไง โอ๋แล้วนะ ไม่ร้องๆ"

"กูจะไม่ทนเห็นใครเข้ามาวอแวมึงอีกแล้วนะ" ผมบอก จ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง “กูชอบมึง”

“อืม นะก็ชอบสระเหมือน...”

"เป็นแฟนกันเหอะ"

"..!"

"ตอนนี้เลย"



_____________________

เป็นแฟนกันได้แล้วโว้ยยย //เสียงตะโกนจากกองเชียร์

55555 ชื่อเรื่องน่ะ สระของพยัญชนะ แต่ความเป็นจริงคือพยัญชนะต่างหากที่เป็นของสระ งุ้ยๆ ตอนหน้าไปเดตกันนน แต่ก่อนไปต้องเคลียร์ก่อนนะทำไมนะไปกอดกับยัยน้องพลอยได้ หึ!



ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เขาขอเป็นแฟนกันแล้ว นับนิ้ว นับวันที่จะเสียตัว  :impress2:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

รีบเคลียร์เดี๋ยวนี้เลย

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ไม่คิดจะอธิบายเรื่องพลอยให้เข้าใจหน่อยหรอนะ :ruready

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Twenty-one

(ภ.) : ภัตตาคาร (ภาษากาย)

 

[พยัญชนะ]


ผม...กำลังคิดว่าบางทีตอนนี้ตัวเองอาจจะกำลังฝันอยู่ แต่ถ้ามันเป็นฝัน...ก็จะเป็นความฝันที่สมจริงมากทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส

รูปที่ผมกำลังเห็นคือใบหน้าของสระจ้องมองมาทั้งที่ดวงตายังเปียกชื้นนิดๆ จากหยดน้ำ

รสที่ผมได้รับคือรสชาติหวานๆ ในอก เป็นรสทางความรู้สึกที่กำลังตีตื้นขึ้นมาในตัวผม

กลิ่นที่หอมอบอวลอยู่ตรงปลายจมูก เป็นกลิ่นโคโลญที่สระใช้และผมจำมันได้ขึ้นใจ

เสียงที่เพิ่งลอยมาเข้าหูผม เป็นถ้อยคำที่ทำให้ผมใจเต้นแรงแทบบ้าคลั่ง

และสัมผัสของมือนุ่มที่วางทาบอยู่บนบ่าของผม

 

เป็นแฟนกันเหอะ

ตอนนี้เลย


 

ใครก็ได้ตบหน้าผมสักที ให้แน่ใจว่าผมไม่ได้กำลังหลับ นี่ผมตื่นอยู่จริงๆ น่ะเหรอ

“ว่าไงไอ้นะ จะเป็นมั้ยแฟนกันอะ!?”

พอเห็นผมเงียบไม่ตอบสักที สระก็เริ่มงอแงใส่ มันเขย่าตัวไปมา และผมรู้ว่ามันกำลังประหม่าเพราะมันมักจะทำแบบนี้แค่เฉพาะเวลาแบบนั้นเท่านั้น...ผมเปิดปากพูด และไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ได้ว่าสีหน้าตัวเองกำลังเหวอขนาดไหน

“นี่เรื่องจริงใช่ป่ะวะ?”

“เออสิวะไอ้เวรเอ๊ย!” สระตะโกนโวยวาย ก่อนมือมันจะตบหัวผมเข้าเต็มๆ หนึ่งที เล่นเอาผมสะดุ้ง...เฮ้ย! ไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย! ผมเจ็บหัวตรงที่โดนตี นั่นแปลว่าผมไม่ได้กำลังนอนหลับแล้วฝันไปเอง

“สระ~” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม รั้งตัวมันเข้ามากอดแน่น แถมฟัดแก้มมันไปอีกหลายๆ ทีด้วย ไม่ไหวครับ ผมกำลังจะตายเพราะต้านทานความน่ารักของสระไม่ไหว ทำไมไอ้ดื้อมันน่ารักจัง น่ารักมากเกินไป น่ารักเท่าโลก น่ารักจนไม่อยากให้ใครได้เห็นความน่ารักของมัน

ให้ตาย นี่ผมพูดคำว่าน่ารักไปกี่คำแล้วเนี่ย!

“โอ๊ย! ไอ้นะ! หยุดหอมแก้มกูได้แล้วโว้ยยย”

“อยากหอมเยอะๆ มึงน่ารักเกินไปแล้วสระ กูจะหัวใจวายตายเพราะความน่ารักของมึงแล้วเนี่ย” ผมบอกออกไปตรงๆ และนั่นทำเอาคนที่กำลังดิ้นหนีถึงกับนิ่งงัน ใบหน้าน่ารักสำหรับผมแต่หล่อสำหรับคนอื่น แดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“มะ มึงก็พูดเกินจริงไปแล้วไอ้สัด”

“กูพูดความจริงต่างหาก อย่าน่ารักไปกว่านี้เลยนะกูขอ” ผมแนบแก้มตัวเองกับหน้าผากมน ก่อนจะโยกตัวไปมาเหมือนกำลังกล่อมเด็กน้อยให้หายตื่นกลัว “แค่นี้กูก็หลงความน่ารักของมึงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

สระไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมา เขาทำแค่...ซุกหน้ากับอกของผมแล้วร้องครางหงุงหงิงๆ เหมือนลูกหมากำลังโวยวายใส่เจ้าของ และมันน่ารักมากๆ อีกแล้ว โอย ผมจะบ้าตายแล้วนะ เมื่อไหร่จะหยุดน่ารักกันล่ะเนี่ยไอ้ดื้อ!

“ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ป่ะวะ?” ผมถามเมื่อนึกขึ้นได้

เท่านั้นล่ะสระเงยหน้าขวับขึ้นมามองกันทันที “กูถามมึงว่าเป็นแฟนกันมั้ยตอนนี้เลย แต่มึงก็ยังไม่ตอบกูอะ แล้วตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วหรือยังล่ะ”

“เป็น!” ผมโพล่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับคำยืนยันที่หนักแน่น “เป็นแฟนกัน!”

“โอเค เป็นแฟนกันแล้วนะ?”

“ใช่ครับ เราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว : )” ผมย้ำ

สระยิ้มกว้าง มันเป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาหาแล้วจุ๊บลงมาเบาๆ ที่ปลายจมูกของผม เล่นเอาผมแทบไหลลงไปตายบนพื้นเพราะความฟินและความเขิน บทจะรุกใส่ผม ไอ้ดื้อก็เล่นซะผมไปไม่เป็นเลยว่ะ

“มึงหน้าแดงนะ” สระพูดขึ้นพลางหลิ่วตาล้อเลียน

ผมรัดแขนกอดมันแน่นขึ้น “เพราะสระไงนะถึงได้เป็นแบบนี้”

คนโดนหยอดเสตาหลบไปมองทางอื่น เป็นท่าทีประจำตัวเวลาเขินแล้วไม่กล้าสู้หน้า แต่จู่ๆ เจ้าตัวก็หันกลับมามองกันตาขวาง ทำเอาผมเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจเลยทีเดียว

“งั้น...ในเมื่อเราเป็นแฟนกันแล้ว” สระเกริ่นขึ้น และเจาะตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม “ไหนอธิบายมาดิว่าทำไมไปกอดยัยน้องพลอยอะไรนั่นได้วะ!”

อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่กูกำลังจะแยกกับน้องเขา หลังจากเคลียร์กันจบแล้วว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับน้องและมีคนที่ชอบแล้ว แต่ตอนที่น้องจะเดินกลับคณะก็ดันสะดุดชายกระโปรงตัวเองแล้วเซล้มมาทางกู กูก็เลยช่วยคว้าเอาไว้ได้ทัน มันก็เลยดูเหมือนกอดกันล่ะมั้ง เพราะกว่าน้องจะตั้งหลักกลับมายืนได้ก็เป็นนาทีอยู่เหมือนกัน แล้วมึงก็ดันมาเห็นพอดี”

“...”

“มึงอย่าเข้าใจผิดนะเว้ย กูไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาจริงๆ”

“แล้วที่จะหอมกันนั่นอีกล่ะ!?” สระยังคงถามต่อ แววตาของมันคบกริบมากยามมองสบตาผม เหมือนว่ามันพร้อมจะขย้ำคอผมถ้าคำตอบของผมไม่ถูกใจมัน แต่เดี๋ยวนะ...

“เฮ้ย! ไม่ได้หอม เอาอะไรไปหอมวะ มึงมองผิดแล้ว”

“มองผิดเหี้ยไร ก็มึงก้มหน้าลงไปหาน้องเขาอะ เหมือนจะหอมแก้มกันเลย”

“ไม่ได้หอมจริงๆ คงเป็นตอนกูก้มลงไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่ามากกว่า” ผมพยายามอธิบายอย่างใจเย็น สระเงียบไปและทำหน้าลังเลเหมือนไม่แน่ใจว่าควรเชื่อดีหรือไม่ ผมเลยยืนยันอีกครั้ง “สาบานได้เลยสระ แล้วคนเดียวที่กูอยากหอมแก้มก็มีแต่มึงด้วย กูจะไปหอมแก้มคนอื่นได้ไง”

สระหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ เขาพยายามลุกออกห่างจากอ้อมแขนของผม แต่ฝันไปเถอะว่าผมจะยอมปล่อยให้ไอ้ดื้อมันลุกหนีไปง่ายๆ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“แล้วเมื่อวานที่มึงคุยกับน้องพลอยแล้วยิ้มอะ...”

ผมขมวดคิ้ว นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก็จำไม่ได้หรอกว่าเป็นตอนไหน แต่คำตอบที่ผมมีให้สระได้คงเป็น... “กูน่าจะยิ้มเพราะดีใจที่น้องเขายอมรับผ้าเช็ดหน้าคืน แต่เดี๋ยวนะ? ที่มึงจู่ๆ ก็ดูโกรธๆ แล้วรีบนอนเพราะโกรธกูเรื่องนี้เหรอ?”

“...”

“แล้วที่โมโหตอนนี้คือหึงกูใช่ป่ะ ที่ร้องไห้ก็เพราะหวงกูใช่มั้ยไอ้ดื้อ!”

สระต่อยไหล่ผมซะหลายทีก่อนจะตอบ “ก็เออดิวะ พอกูคิดว่าจะมีใครมาทำให้มึงเปลี่ยนใจไปจากกู กูก็เกิดหวงมึงขึ้นมา ไม่อยากให้ใครได้มึงไป กูแม่งคิดช้าเองแหละ มัวแต่กลัวอะไรก็ไม่รู้ พอรู้สึกว่าอาจจะเสียมึงไปในสักวัน กูก็เลยกลัวขึ้นมา แล้วยิ่งไปเห็นมึงกอดหอมกับน้องพลอยอะไรนั่น น้ำตาแม่งมาได้ยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกตัวเองโคตรกากเลยไอ้ฉิบหาย ร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

“สระ~~ มึงน่ารักใส่กูอีกแล้ว” ผมบอกพลางกอดมันแน่นขึ้นอีก “แต่กูดีใจนะที่ได้ยินมึงพูดความในใจออกมา ดีใจโคตรๆ ที่มึงยอมเปิดใจและเป็นแฟนกับกู”

“กู...ก็ดีใจที่ไม่ได้ตัดสินใจช้าไป แต่พูดก็พูดเถอะ ไอ้สะดุดล้มแล้วกอดกับน้องพลอยนั่น แม่งอย่างกับนิยายหรือละครน้ำเน่า มึงแน่ใจนะว่าน้องมันไม่ได้แกล้งใช้มุกแกล้งล้มแบบในละคร?”

ผมหลุดหัวเราะ “ไม่รู้ว่ะ แต่กูเป็นพระเอกไง ถึงเขาจะแกล้งล้มกูก็ต้องรับไว้ก่อนไหมล่ะ”

“จ้า พ่อพระเอก เหอะ นี่ถ้ามีล้มไปจูบกันแบบในละครด้วยกูคงได้กระทืบมึงอะ”

“โห คนโหด พอเป็นแฟนกันแล้วโหดใส่ผมเลยนะครับคุณสระ”

“แน่นอน รู้ไว้เลยนะมึงว่ากูอะขี้หึงมาก”

“งั้นคุณก็ควรรู้ไว้ว่าผมเองก็ขี้หึงมากเหมือนกัน : )”

สระยิ้มกริ่ม “ก็ดี ถือว่าวินวินกันทั้งคู่”

“โธ่เอ๊ย ไอ้ดื้อของกูทำไมน่ารักจังว้า”

“หยุดเรียกกูว่าน่ารักได้แล้วโว้ย!”

...คงยากว่ะ เพราะความน่ารักของมึงฝังรากลึกในสมองและหัวใจกูไปแล้ว เฮ้อ

 

และเพราะว่าเราเป็นแฟนกันได้สักที ผมก็เลยอยากทำให้ความสัมพันธ์ของเราหลังจากนี้มันพิเศษขึ้นบ้าง ผมก็เลยใช้เวลาคิดแผนเดตอยู่นานหลายวัน เปลี่ยนแผนไปแล้วสารพัด เพราะอยากให้เดตครั้งแรกของเรามันน่าประทับใจและเป็นที่จดจำสำหนับสระ

โอเค ที่จริงผมไม่ต้องคิดทำอะไรแบบนี้ก็ได้ เพราะผมรู้นิสัยสระดีว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้เลย เขาพอใจกับในทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน มีกันและกันทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากทำอยู่ดี ถือเป็นการฉลองที่เราได้คบกันก็ได้

แล้วแผนการเดตแรกแบบจริงๆ จังๆ ของเราสองคนก็จบลงตรงที่ผมจะพาสระไปกินอาหารในภัตตาคารหรู ตอนแรกมันไม่ได้อยู่ในความคิดผมหรอก แต่เมื่อวันก่อนสระดูยูทูปแล้วไปเจอแนะนำร้านนี้เข้า เจ้าตัวก็บ่นว่าอยากลองกินดูสักครั้ง ราคาไม่แรงมากด้วยทั้งที่ใช้คำว่าภัตตาคาร ผมก็เลยปิ๊งไอเดียว่าจะใช้ที่นี่แหละเป็นที่เดตของเรา

พอวันเสาร์มาถึงอีกครั้งผมก็ลากสระลุกจากเตียงนอนในตอนบ่ายแก่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีอิดออดเพราะอยากนอนต่อ ทั้งที่ก็นอนๆ ตื่นๆ มาทั้งวันแล้ว แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมไปอาบน้ำแต่งตัว

มันก็ถามผมอยู่หรอกนะว่าจะพาไปไหน แต่ผมบอกไปแค่ว่าเดี๋ยวก็รู้ สระก็เลยบ่นๆ ว่าจะเซอร์ไพรส์แบบที่คนเป็นแฟนกันเขาชอบทำเหรอ ผมก็เลยตอบไปด้วยการหอมแก้มเขาหนึ่งทีแล้วยิ้มหวานให้ แค่นั้นล่ะไอ้ดื้อก็ถึงกับหน้าแดงแล้วไม่ถามอะไรต่ออีกเลย

“เดี๋ยว นี่มึงไปเอารถใครมาเนี่ย” สระถามเมื่อผมพามันมาขึ้นรถยนต์

“ยืมไอ้พีมา” ผมยิ้มให้คนถาม “กูเริ่มคิดแล้วว่าควรมีรถของตัวเอง จะได้พามึงไปเที่ยวได้ง่ายขึ้น”

“ไม่ต้องหรอกน่า กูไปได้หมดแหละต่อให้ต้องโหนรถเมล์ไป ขอแค่มีมึงไปด้วยกูพร้อมลุย”

ผมโอดครวญ “น่ารักใส่กูอีกแล้วนะดื้อ”

“อะไรอีกเล่า ขับรถไปเลยไอ้ควาย พูดมาก”

ผมหัวเราะให้กับคนขี้เขิน แล้วตั้งใจขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงร้านที่ทำการจองโต๊ะเอาไว้ ทันทีที่สระเห็นว่าเป็นที่ไหน เจ้าตัวก็ถึงกับตาโต ก่อนจะหันมามองผมอย่างอึ้งๆ

“นี่มึง...”

“กูเห็นว่ามึงอยากมา เลยพามาไง ถือเป็นเดตแรกหลังเราคบกัน”

สระหน้าแดงแต่ก็ยิ้มกว้าง เขาบ่นอุบอิบถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยิน “ใครกันแน่ที่ชอบทำตัวน่ารักวะ”

ผมไม่ตอบอีกตามเคย ทำเพียงหัวเราะแผ่วในลำคอแล้วพาคนดื้อของผมเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ พนักงานสาวมองเราด้วยสายตาเป็นประกาย ถ้าให้เดาเธอต้องเป็นสาววายแน่ๆ เพราะผู้ชายสองคนมาด้วยกัน จองโต๊ะกินข้าวด้วยกัน เป็นใครก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าแฟนกันแน่ๆ นี่ถ้าเธอถามผมก็จะบอกว่าใช่ทันทีเลยล่ะ ฮะๆ

“ไม่ต้องสั่งอาหารหรอกสระ นะสั่งไว้ให้แล้ว”

“หือ? ถามจริง? เตรียมพร้อมขนาดนี้เลย”

“อืม นะจำได้ว่าสระชอบกินอะไรบ้าง”

คนฟังเม้มปากกลั้นยิ้ม “อย่าทำให้สระอยากยิ้มได้ป่ะนะ รู้สึกดีเหมือนจะตายแล้วเนี่ย”

“ฮะๆ ตายไม่ได้ เดี๋ยวนะเป็นม่ายทำไงอะ”

“ม่ายพ่อง”

“ฮ่าๆๆๆ”

อาหารทยอยมาเสิร์ฟหลังจากเรานั่งได้สิบนาที ผมกับสระผัดกันตักอาหารให้กัน พูดคุยถึงเรื่องต่างๆ เท่าที่จะคิดขึ้นมาพูดได้ มันเป็นมื้อเย็นที่เรียบง่าย ดูไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่ผมเชื่อว่ามันพิเศษสำหรับเราสองคน เพราะผมพาเขามาด้วยใจ และผมรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจเจตนาของผม

บางอย่างก็ไม่ได้ต้องบอกออกไปตรงๆ ด้วยคำพูด แต่แสดงออกให้เห็นได้ด้วยการกระทำ เป็นภาษากายที่สื่อสารกันได้ถ้าตั้งใจมากพอ : )

“อิ่มหรือยังสระ”

“นิดหน่อย แต่อยากได้ของหวานเพิ่ม”

“นะก็ว่าสระต้องอยากกิน เอาอะไรล่ะ?”

“ไหนว่ารู้ไงว่าสระชอบกินอะไร นะก็เลือกมาให้สระสิ” ไอ้ดื้อตอบอย่างน่ารักอีกแล้ว ผมล่ะชอบเวลาเราแทนตัวกันด้วยชื่อ เพราะเจ้าตัวดีของผมจะดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกองเลย

“งั้นกลับห้องกัน”

“อ้าว ทำไมอะ?”

“ก็ไปกินนะไง สระชอบนะไม่ใช่เหรอ” ผมตอบหน้าตาย “กินนะเป็นของหวานได้เลยเนี่ย”

“ไอ้ห่า พอเลย เลิกหยอดมุกใส่กูเดี๋ยวนี้!”

“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะอีกครั้ง นับๆ ดูแล้วผมหัวเราะเพราะอีกฝ่ายไปกี่ครั้งกันแล้วล่ะเนี่ย แต่ผมมีความสุขมากจริงๆ นะครับที่ได้อยู่กับสระในสถานที่ดีๆ แบบนี้ “นี่ มาถ่ายรูปกันเถอะ”

“เอาดิ อยากถ่ายอยู่พอดี”

สระเป็นฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วตั้งกล้องถ่าย เราจัดมุมให้ตัวเองนิดหน่อย ก่อนได้เป็นภาพผมนั่งมองกล้องจากฝั่งนี้ของโต๊ะ คั่นกลางระหว่างเราด้วยจานอาหารที่เกือบจะหมดแล้วทุกจาน และสระที่กำลังฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง

หลังจากรัวรูปไปหลายรูป สลับกันถ่ายมุมใครมุมมันจนพอใจ ผมก็เลือกรูปหนึ่งมาอัปลงไอจี ไม่ลืมแท็กไปทางเฟซบุ๊คด้วย แคปชั่นไม่ต้องคิดนานด้วยซ้ำ เพราะมันวิ่งวนอยู่ในหัวของผมตั้งแต่เริ่มถ่ายรูปกันแล้ว

 

Dinner with my BF : )



_________________________

เคลียร์แล้วนะว่าทำไมไปกอดน้องพลอย 55555 แล้วก็...เขาประกาศตัวแล้วน้า BF แปลว่าอะไรเอ่ยยย อิอิ เหลืออีกสิบตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ นอกจากท่านเจ้าที่ เราก็ไม่ได้เคยเรื่องไหนยาวเกินสามสิบตอนเลย หลังจากนี้จะไม่เขียนยาวแล้วค่ะ เหนื่อย แง้ 55555 แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ต่อไปทำอะไรถามสระก่อนจะทำนะ หนูนะ  :laugh:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ดีมาก อธิบายเคลียร์ๆ o13
เป็นแฟนอย่างเป็นทางการ  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Twenty-two

(ม.) : มีดโกน (เมา)

 

[สระ]


“จั๊กจี้ว่ะ”

“อะไร?”

ผมเหลือบมองคนที่กำลังขับรถ มือซ้ายของมันกุมมือผมไว้ ส่วนมือขวาหมุนพวงมาลัยด้วยมือเดียว เป็นฉากที่เห็นได้บ่อยๆ ในหนัง แต่พอไอ้นะทำแล้ว...เท่จริงๆ ว่ะ

“ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้อะ โคตรจั๊กจี้เลย” ผมบอกกับมัน และคนฟังก็หลุดขำออกมา

“เดี๋ยวมึงก็ชิน”

“คงงั้น” ผมพยักหน้ารับ กุมกระชับมือหนาที่สอดประสานเข้าหากันแน่นขึ้น ไอ้นะบีบมือผมเล่นไปด้วย และผมก็ทำได้แค่อมยิ้ม จะว่าไปแล้วก็มีความสุขจังเลยแฮะ ปกติระหว่างเรามันดีอยู่แล้วก็จริง แต่มันก็ดีเข้าไปอีกพอสถานะของเราสองคนเปลี่ยนไป

ผมใช้มือข้างที่ว่างกดสารพัดแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาไม่หยุด นับตั้งแต่ที่เราออกจากร้านอาหาร รู้แล้วล่ะครับว่าไอ้นะมันโพสต์อะไรลงไป ซึ่ง...ผมจะน้อยหน้าได้ยังไงล่ะ ก็ต้องโพสต์ลงไปบ้างเหมือนกันสิ จะได้เท่าเทียม :)

ผมกดถ่ายรูปมือของเราสองคนที่จับกันอยู่ ไอ้นะหันมามองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม ปากของมันยิ้มกว้างมาก แทบจะฉีกไปถึงรูหูแล้วมั้งน่ะ

กดอัปรูปใหม่ลงไปในอินสตาแกรม แคปชั่นสั้นๆ แบบที่เรียกว่าสั้นเสียยิ่งกว่าของไอ้นะซะอีก

 

BFF = BFF

 

กดโพสต์แล้วนั่งรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ และไม่ช้าเกินคาด คนแรกที่ทักมาหาผมก่อนก็คือเพื่อนๆ นี่ล่ะ หึ สอดรู้สอดเห็นและช่างเสือกเรื่องคนอื่นเก่งจริงๆ

ผมกดโทรแบบวิดีโอคอลในไลน์กรุ๊ปที่มีพวกเราทั้งห้าคนอยู่ด้วยกัน ไม่นานเกินรอไอ้พีก็กดรับคอล อีกฝั่งคือพวกมันสามคนนั่งอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า อ้าว นี่มันอยู่ด้วยกันหรอกเหรอเนี่ย แต่เห็นหน้าตาตื่นเต้นของพวกมันแล้วก็ประหลาดดี จะตื่นเต้นอะไรกันขนาดนั้นวะ อ่า แต่จะว่าไปตั้งแต่ตกลงคบกันผมก็ยังไม่ได้บอกใครเลยนี่นะ

“ที่มึงโพสต์หมายความว่าไงวะไอ้หระ ไอ้นะ!” ไอ้พีถามก่อนเป็นคนแรก อีกสองหน่อพยักหน้าเห็นด้วยกันรัวๆ

ผมยิ้มมุมปาก “ไอ้นะอัปรูปไปตั้งนานแล้ว พวกมึงเพิ่งเห็นเหรอถึงได้พึ่งทักมาเนี่ย”

“ก็เออดิวะ! มากินเหล้าด้วยกันอะ เพิ่งได้จับโทรศัพท์นี่แหละไอ้ห่า พอจับปั๊บเลยเพิ่งรู้ข่าว อะไรยังไง พวกมึงคบกันแล้ว?” คราวนี้เป็นไอ้เจ็มถาม

ผมไหวไหล่ให้แทนคำตอบ พวกมันพากันทำตาโต

“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ วันนี้เหรอ?!” ไอ้ยูถามบ้าง

“ไม่ใช่ หลายวันแล้ว”

“โหไอ้เหี้ย แล้วก็ไม่บอกกันบ้าง”

“ก็บอกแล้วนี่ไง”

“ปล่อยให้พวกกูเห็นเองต่างหาก ถ้าพวกมึงไม่อัปรูปพร้อมแคปชั่นแบบนั้น กว่าพวกกูจะรู้คงเป็นตอนที่มึงสองคนมีลูกด้วยกันอะ”

“มีลูกพ่อง! กูเป็นผู้ชายมีลูกไม่ได้เว้ย!”

“อ้าว พูดแบบนี้แปลว่ามึงเป็นเมียเหรอไอ้หระ”

“มึงก็ถามไม่คิดเลยไอ้ยู ดูตัวมันกับตัวไอ้นะดิ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าใครควรเป็นผัวเป็นเมีย”

“ความเป็นผัวเมียไม่มีผลในแนวราบและรูปร่างป่ะวะ”

“ไอ้เจ็มพูดถูก ไม่แน่สระอาจจะเป็นคนเสียบไอ้นะก็ได้”

“โว้ยยย พวกมึงแม่งคุยเหี้ยอะไรกันวะ!? ไม่มีเรื่องจะพูดหรือไง กูว่างละไอ้สัด บาย”

“เฮ้ยเดี๋ยว...”

ผมกดวางทันทีโดยไม่สนใจว่าพวกมันจะถามอะไรอีก เพราะผมไม่คิดจะตอบอะไรทั้งนั้น จู่ๆ ก็ลากไปเรื่องใครผัวใครเมีย ส้นตีนเถอะ เรื่องบนเตียงของกูจะยุ่งกันทำไมวะ

ได้ยินเสียงไอ้นะหัวเราะหึๆ ผมก็เลยหันไปเยแกเขี้ยวใส่มัน ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก เดี๋ยวกูต่อยคว่ำเลย

“ตกลงเป็นเมียนะหรือจะเป็นผัวนะ?”

“ไอ้นะ!”

“เอ๊า นี่ถามให้เลือกเลยนะ”

ผมหรี่ตามองอีกฝ่าย เม้มปากไม่กล้าถาม แต่ก็อยากจะรู้ว่ามันต้องการอยู่โพซิชั่นไหน เอาวะ ถามก็ถาม เรื่องแบบนี้ยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นในสักวัน คนเป็นแฟนกันนะเว้ย

“มึงอยากเป็นอะไรอะ” ถามจบก็เบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างรถแทนที่จะมองคนถูกถาม ไม่เอาหรอก เกิดมันส่งสายตาแปลกๆ มาให้ผมได้ทำตัวไม่ถูกกันพอดี

มือที่กุมกันเอาไว้ถูกบีบกระชับแน่นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบที่ทำให้หัวใจผมพองฟู

“จะเป็นอะไรก็ได้ นะไม่คิดมากหรอก สุดท้ายไม่ว่าตำแหน่งไหนเราก็ทำมันด้วยความรักไม่ใช่เหรอครับ?”

เลี่ยนนะ แต่ก็ทำให้รู้สึกดีชะมัดเลย

ผมบีบมืออีกฝ่ายตอบกลับไป กลั้นยิ้มจนเหนื่อยจะกลั้นแล้วนั่นล่ะถึงได้เผยยิ้มกว้างออกมา หันกลับไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังตั้งใจขับรถแล้วอดไม่ได้ต้องตอบกลับไปว่า...

“ขอบคุณนะ”

พยัญชนะยิ้มกว้างอีกแล้ว เขาดึงมือผมไปจุ๊บที่หลังมือรัวๆ จนทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับความอ่อนโยนนี้ ส่วนเรื่องโพซิชั่นบนเตียงน่ะ...เอาไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีละกัน :)

 

“เห็นโพสต์ยัง?”

“โพสต์อะไรวะ?”

“นี่ไง”

 

BFF = BFF

Best friend forever = Boyfriend forever

ไม่รู้ว่าใช่ไหม แต่เจ๊จะมโนว่ามันใช่ค่ะ กรี๊ด! ก่อนหน้านั้นน้องพยัญชนะก็อัปไอจีว่าดินเนอร์กับบีเอฟ ที่น่าจะแปลว่าบอยเฟรนด์ แล้วไม่กี่นาทีต่อมาน้องสระก็ดันอัปอะไรคล้ายกันอีก เจ๊จะบ้าตาย นี่เขากำลังประกาศตัวว่าคบกันแล้วใช่ไหมคะ เป็นความจริงใช่มั้ยใครก็ได้บอกเจ๊ที อ๊ายยย ฟินตายแล้วค่า


 

ผมขำให้กับโพสต์ของเพจแฮนด์ซัมบอย กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อสบตากับแฟนของผม ก่อนเราทั้งคู่จะขำออกมาพร้อมกันอีกรอบ แต่พอส่องคอมเมนต์ก็แอบขำไม่ออกเหมือนกันนะ เพราะมีทั้งเมนต์ที่แสดงความยินดี เมนต์ฟินกรี๊ดกร๊าด เมนต์เสียดายความหล่อ เมนต์เหยียดว่าเป็นเกย์ บางอันก็หยาบคายเกินจะทนอ่านไหว

แต่ดีนะที่ผมไม่ได้ใส่ใจนัก ไอ้นะก็เหมือนกัน นี่เป็นเรื่องของเราสองคน แค่ว่าเราเป็นที่รู้จักก็เลยกลายเป็นเรื่องดังขึ้นมาก็เท่านั้น ผมไม่เคยใส่ใจว่าคนจะมองยังไง ในเมื่อผมก็ยังเป็นผม ไม่ได้กลายเป็นคนอื่นเพียงเพราะผมคบกับผู้ชาย และครอบครัวของผมก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย

ช่ายยย ผมโทรไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟังแล้ว พวกท่านอาจมีแปลกใจบ้างแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร แถมยังบอกว่าดีแล้วที่เป็นไอ้นะ ดูเหมือนจะเอ็นดูไอ้นะมันมากเลยอะ เจอกันแค่สองสามครั้งเองแต่กลับเอ็นดูมันเหลือเกิน พอบอกว่าคบกันก็เห็นดีเห็นงามซะจนผมแทบไม่ต้องเสียเวลาอธิบายอะไรสักอย่าง

ส่วนแม่กับพี่สาวไอ้นะน่ะเหรอ? พวกเขารู้ตั้งแต่ที่ไอ้นะแอบชอบผมแล้วเถอะ พอไปบอกว่าคบกันก็แทบจะกรีดร้องใส่ (หมายถึงพี่สาวมันน่ะนะ ส่วนแม่แค่แสดงความยินดีด้วย) เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูกไปเลย ฮื่อ

“เออ เมื่อกี้พี่รหัสกูทักมา ชวนไปเลี้ยงสายอะ ไปด้วยกันมั้ย?”

ผมเลิกคิ้ว “เลี้ยงสายก็แปลว่ามีแต่สายมึงไหมล่ะ ไม่เอาอะ กูไม่ไปหรอก”

“พวกพี่เขาไม่ว่าหรอก เขารู้ว่ามึงเป็นแฟนกู”

“ไม่เอา ไม่อยากไปให้ถูกล้อ พวกพี่ๆ มันต้องแกล้งแซวจนกูทำหน้าไม่ถูกแหง”

“ก็ปล่อยให้เขาแซวไปดิ เรื่องจริงจะกลัวอะไรล่ะ” ไอ้นะว่าพลางเดินมาทิ้งตัวลงนอนหนุนตักผมที่นั่งพิงขอบเตียงอยู่ มันดึงมือผมไปจับ หอมแล้วหอมอีกพลางทำตาอ้อน “นะ ไปด้วยกัน”

“ไม่...”

“อยากอวดแฟน”

ผมหน้าร้อน “ไปใหญ่ละ อวดแฟนอะไรของมึง”

“ก็อยากอวด ให้คนอื่นได้เห็นว่ากูรักมึงมากกก”

“..!”

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นี้มัน...ครั้งแรกป่ะวะที่ไอ้นะบอกว่ารักอะ!

“เถอะน่า ไปด้วยกัน”

“เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้มึง...” ผมยื้อมือที่ถูกมันหอมไม่หยุดเอาไว้ “มึงบอกว่ารัก...กูเหรอ?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว แล้วมันก็ยิ้มกว้าง ผุดลุกขึ้นนั่งพลางกอบกุมแก้มทั้งสองข้างของผมด้วยอุ้งมือหนา บีบจนปากผมจู๋ หน้าผมยู่ไปหมด แล้วมันก็จุ๊บลงมาซ้ำๆ จนผมได้แต่ร้องประท้วงในคอ

“ฟังให้ชัดๆ นะครับสระ”

“...” ผมนิ่ง จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่คมที่ผมเพิ่งค้นพบว่ามันน่าหลงใหลมากแค่ไหน รอฟังสิ่งที่จะหลุดออกมาจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่เลื่อนสถานะเป็นแฟนเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างใจจดใจจ่อ

“นะรักสระนะครับ”

ตึกตัก...ตึกตัก...

“รักมาก รักเท่าโลก เท่ามหาสมุทร เท่าจักรวาล”

...หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นเลย

“รักโคตรๆ เลยครับที่รัก : )”

แล้วผมจะตอบอะไรได้ล่ะนอกจาก...

“ผมก็รักคุณเหมือนกันครัยคุณพยัญชนะ : )”

 

สุดท้ายผมก็ทนลูกอ้อนไอ้นะไม่ไหว มาเลี้ยงสายกับมันด้วยจนได้ แล้วพอพวกพี่ๆ รู้ว่าผมมา อีท่าไหนไม่รู้ก็โทรไปชวนพี่รหัสผมออกมาเลี้ยงสายด้วย กลายเป็นว่าทั้งสายรหัสผมและสายรหัสไอ้นะนัดมาดื่มด้วยกันซะงั้น

“ถือเป็นการเลี้ยงสายโคแล้วกันเว้ย น้องมึงกับน้องกูคบกันพอดี”

“เออ จริงด้วย น้องนะกับน้องสระเป็นแฟนกันแล้วนี่นา”

พี่รหัสของผมซึ่งเป็นผู้หญิง เห็นดีเห็นงามไปกับพี่รหัสไอ้นะด้วย ส่วนลุงรหัสกับทวดรหัสก็แค่ส่งเสียงโห่แซว และน้องรหัสของเราสองคนก็แค่ยิ้มกับปรบมือให้เป็นการแสดงความยินดี เอาเข้าไป ล้อกันเข้าไป

“พอเลยๆ ถ้าแซวไม่เลิกผมจะกลับแล้วนะ”

“เฮ้ย ไม่ได้ๆ เรียกมาเลี้ยงเหล้า ไม่เมาห้ามกลับเว้ย”

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ เพราะพวกพี่มันชงเหล้าส่งให้ไม่หยุดเลย แรกๆ ก็ชงอ่อนๆ โซดาเยอะกว่าเหล้า แต่หลังๆ นี่เริ่มจะเหล้าเยอะกว่าโซดา อีกนิดผมว่าพี่มันต้องใส่เหล้าเพียวให้กินแน่ๆ

โชคดีหน่อยที่ผมน่ะคอแข็ง เลยยังพยุงตัวเองอยู่ได้แม้จะซดไปไม่ต่ำกว่าสิบแก้วแล้ว ส่วนไอ้นะก็ยังมีสติอยู่บ้าง แต่ก็เริ่มจะรั่วๆ เลื้อยๆ แล้วเหมือนกัน...ที่ว่าเลื้อยก็คือมันเลื้อยมากอดเอวผมไม่ปล่อยเลย ไอ้ฉิบหาย อยากบอกว่ามีสติหน่อยเถอะไอ้ห่า อายบ้างไหมเนี่ย

“นะ หยุดเลื้อยเป็นงูได้แล้ว”

“ก็ตัวสระหอม นะอยากกอด”

“แต่นี่มันร้านเหล้าป่ะ”

“ทำไม อายเหรอ?”

“ไม่ได้อาย” ผมพ่นลมหายใจ ขยี้หัวที่จัดทรงมาอย่างหล่อของมันจนยุ่งเหยิง “แต่เขินเว้ย คนมองกันแล้วเนี่ย”

“ตามสบายไอ้น้อง กอดกันได้ๆ แต่อย่าเอากันเป็นพอ”

“บ้าเหรอพี่แทน! ใครมันจะมาเอากันต่อหน้าคนเป็นสิบวะพี่!” ผมแย้งเสียงหลง หน้าร้อนผ่าวเข้าไปอีกยิ่งกว่าเดิมเลยทีนี้ ไอ้ลุงรหัสคนชั่ว พูดออกมาได้ไงวะ แล้วน้องรหัสไอ้นะก็เป็นผู้หญิงด้วย น้องมันทำหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย!

“กลับกันดีกว่า”

“หา? อะไรของมึงเนี่ยนะ จู่ๆ ก็จะกลับ” พี่แก้วทวดรหัสไอ้นะถึงกับเหวอ ผมเองยังเหวอเลย เอ๊า นึกอยากจะกลับก็กลับ ได้เหรอวะ?

“อือ ผมอยากกลับแล้ว รู้สึกเหมือนจะไม่สบายขึ้นมาว่ะพี่”

“มึงแค่เมาหรือเปล่า”

“ไม่พี่ มันปวดท้องแปลกๆ”

ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบเช็กสภาพอีกฝ่ายทันที “ปวดท้องเหรอ เป็นอะไรวะ?”

“ไม่รู้เหมือนกันอะ เลยอยากกลับห้องก่อน”

“งั้นกลับ” ผมบอกโดยไม่คิดอ้อมค้อม “พี่ๆ ผมพามันกลับก่อนนะครับ”

“เออๆ งั้นไปเถอะ ไว้วันหลังค่อยมากินด้วยกันใหม่”

บอกลารุ่นพี่และรับไหว้รุ่นน้องเรียบร้อยผมก็โอบเอวไอ้นะพาเดินออกจากร้านเหล้า และเพราะว่าเรามาด้วยแท็กซี่ผมก็เลยโบกแท็กซี่กลับ สิบห้านาทีต่อมาเราทั้งคู่ก็มาถึงหอ

“รู้สึกไงบ้างวะ อยากอ้วกหรืออะไรงี้มั้ย?”

“ไม่” มันส่ายหน้าก่อนจะพาร่างตัวเองไปทิ้งตัวลงบนเตียง “ที่จริงไม่ได้เป็นอะไร”

“อ้าว แล้วรีบกลับไหมอะ!” งงครับ อะไรของมันเนี่ย หรือเมาจนไปหมดแล้วสตงสติ

“กูกลับเพราะมีคนมองมึง”

ห๊ะ? “ขอชัดๆ อีกรอบสิครับคุณแฟน”

แทนที่มันจะตอบกลับยิ้มหน้าบานซะงั้น “เรียกใหม่อีกทีได้ป่ะ ชอบว่ะคำว่าคุณแฟนเนี่ย”

“โอ๊ย ไอ้นะ มึงแม่งงง” ผมหลุดขำ แต่ก็ยอมทำตามที่มันขอ “ตกลงรีบกลับทำไมครับคุณแฟนนน”

พอได้รับสิ่งที่ต้องการเจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะหุบยิ้มแล้วบอกคำตอบที่ทำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะดังลั่น “มีคนมองมึงเพียบเลย กูไม่ชอบว่ะ”

“คุณแฟนครับ เขาก็แค่มองมั้ย”

“บางคนก็มองเหมือนอยากได้มึง ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย ก็น่าจะรู้ป่ะวะว่ามึงมีแฟนแล้ว”

“เขาอาจจะไม่ได้ตามเพจนั้นก็ได้ อีกอย่างมึงอาจจะคิดมากไปเองด้วย” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนที่นอนแผ่บนเตียงนุ่ม ยื่นมือไปบีบจมูกไอ้หน้าหล่ออย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เอ่ยปลอบมัน “มึงเมาป่ะเนี่ย คิดอะไรเพ้อเจ้อ”

“กูคงเมาจริงๆ อะแหละ เมารักมึงอะ”

“ขออ้วกได้ป่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมขำอัดหน้ามัน “อีกอย่างใครจะมองกูก็ช่างมันสิ กูมองแค่มึง มึงจะกลัวอะไรอะ”

คราวนี้ล่ะคนฟังได้กลับมายิ้มหน้าบานอีกครั้ง “กูก็มองแค่มึง”

พูดแค่นั้นแล้วมันก็รั้งตัวผมลงไปนอนกอด แถมยังฟัดแก้มผมอีกต่างหาก และผมคงจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะตอหนวดที่เพ่งขึ้นของมันบาดผิวแก้มผมจนทำให้รู้สึกแสบๆ คันๆ จั๊กจี้แปลกๆ

“โอยไอ้นะ~ หนวดมึงอะ ไปโกนออกเลย”

“โกนให้หน่อย” มันทำเสียงอ้อนๆ แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ เลยลุกขึ้นแล้วลากมันลุกตาม พามันเข้าไปในห้องน้ำแล้วเริ่มลงมือโกนหนวดให้มันทันที

ไอ้นะก็ดีใจจนออกนอกหน้า กับอีแค่โกนหนวดดีใจจนตาเป็นประกายอะไรขนาดนั้นวะ “อยู่นิ่งๆ นะมึง”

“ครับผม”

ผมเริ่มโกนหนวดไอ้คุณแฟนอย่างใจเย็น และมันก็อยู่นิ่งๆ ตามที่ผมบอก จนกระทั่งภารกิจเสร็จสิ้น ผมใช้ผ้าขนหนูซับหน้าให้มันอย่างอ่อนโยน รู้ตัวอีกสายตาของเราก็สบเข้าหากันในระยะประชิด และราวกับโลกหยุดนิ่ง ใบหน้าของเราเคลื่อนเข้าหากันราวกับมีแรงดึงดูด

ริมฝีปากเราประกบเข้าหากัน จูบที่ไม่ใช่จูบแรก แต่ไม่ว่าจะเป็นจูบที่เท่าไหร่ก็ทำให้ผมใจสั่นได้เสมอ

ผมโอบศีรษะไอ้นะเอาไว้ด้วยสองมือ มันเองก็กอบกุมใบหน้าของผมเอาไว้ เราจูบกันดูดดื่ม ปลายลิ้นร้อนที่ซุกซนเข้ามาในปากของผมทำเอาใจผมพองโตพอๆ กับอ่อนระทวย แค่จูบกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะอ่อนแรง ไอ้ฉิบหาย ทำไมผมอ่อนหัดขนาดนี้

พอเริ่มหายใจไม่ออกเราถึงได้ผละออกจากกัน ไอ้นะแนบหน้าผากเข้าหาผม หอบหายใจแผ่วเบา จุ๊บปากผมอีกซ้ำๆ เหมือนว่ามันยังรู้สึกไม่พอ และเชื่อเถอะ ผมเองก็คิดว่ามันไม่พอเหมือนกัน

“อยากสัมผัสมึงมากกว่านี้” มันกระซิบบอก และทำเอาผมหน้าร้อนผะผ่าว “แต่กูว่ามึงยังไม่พร้อม”

“กูไม่ห้ามนะ ถ้ามึงอยากทำจริงๆ” ผมบอก และผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ

ไอ้นะยิ้มให้ผม จูบผมหนักๆ อีกครั้ง ก่อนผละออก “วันหลังแล้วกัน วันนี้กูอยากทำแค่จูบมึงจนกว่าปากจะเปื่อยกันไปข้าง”

“...”

“ได้มั้ย?”

ผมหัวเราะ ให้คำตอบกับมันก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบครั้งต่อไปเสียอีก

“ได้เท่าที่ต้องการเลยครับคุณแฟน : )”


_______________________
ต้องมีคนแอบคิดว่าเมาแล้วเข้าต้องได้กัน แต่ขอโทษด้วยนะคะที่คุณคิดผิด! 55555 บ้า เพิ่งคบกันเอง งุ้งงิ้งๆ กันก่อนนน ได้กันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที อิอิ เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โธ่.... เราก็นึกว่าไปถึงไหน ๆ กันแล้ว ที่ไหนได้ พึ่งเลิก (ผ้าคลุมเตียง) กันนี่เอง ช้าจังอ่ะ ขอไว ๆ หน่อยน้องนะ ฉุดได้ ฉุด  :hao6:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เอ็นดูสระ บ้าบออยู่คนเดียว คิดมากไปเองคนเดียว
พยัญชนะก็งงไปเหอะ แบบมีอะไร หรือเคืองอะไร งงใจ

พอรู้ว่ามีคนมาชอบเยอะขึ้น ออกตัวกันแรงขึ้น สระถึงกับร้อนรนเลยจ้า
ไม่ต้องออกแรงทำไรมากเลยนะ พยัญชนะ มีคนมากระตุ้นแทน

สระถึงกับต้องรีบชัดเจน รีบทวงความแฟน และแสดงตัว 5555
พยัญชนะก็เขินแล้วเขินอีก อึ้งไปหลายตลบ และแล้วก็มีแฟน

ชอบความเอ็นดูสระของพยัญชนะ
สระคะ รอก่อน ใจเย็น ไม่ต้องรีบ

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Twenty-three

(ย.) : ยาเสพติด (ยิ้มหวาน)


[พยัญชนะ]


ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เมามากเท่าไหร่นักหรอก เพราะตื่นมาผมก็ยังจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้ มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นตอนตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกหนักๆ ที่หัว มึนๆ งงๆ ไปหมด ก็รู้เลยว่าที่จริงแล้วผมเมา และตอนนี้ก็กำลังแฮงก์อยู่ด้วย

“โอย”

ผมโอดครวญอย่างอดไม่ได้ ขมับสองข้างมันตื้อๆ ไปหมด บีบนวดอยู่พักหนึ่งแหละถึงจะรู้สึกดีขึ้น ว่าแต่...สระหายไปไหนล่ะเนี่ย

กวาดสายตามองหาแฟนที่น่ารักแต่ก็ไม่เห็นแม้เงา เงี่ยหูฟังในห้องน้ำก็ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเดาได้ว่าสระไม่อยู่ในห้อง แต่วันนี้ไม่มีคลาสเรียนนี่นา แล้วเจ้าตัวออกไปไหนตั้งแต่เช้ากันล่ะ ปกติผมมักเป็นคนที่ตื่นก่อนเสมอ มาครั้งนี้กลายเป็นผมที่ตื่นสาย

ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ใจอยากจะตื่นแต่ร่างกายดูจะไม่อยากทำอย่างนั้น ผมก็เลยได้แต่นอนแผ่ลืมตามองเพดานห้อง ฟังเสียงแอร์ดังเบาๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคนที่ผมมองหาก้าวเข้ามาหลังจากนั้น

“ตื่นแล้วเหรอ” สระถาม

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามแทน “ไปไหนมาอะ”

อะ ให้ตาย ทำไมเสียงผมแหบแห้งขนาดนี้วะเนี่ย

“เสียงอย่างแหบ” สระหลุดขำอย่างไม่ไว้หน้ากันสักนิด ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมาหนึ่งขวด ก่อนจะเอามายื่นให้ผม “ลุกขึ้นมากินน้ำก่อน แล้วจะได้ไปล้างหน้าล้างตามากินข้าว”

“ข้าวเหรอ...”

“เออดิ กูตื่นไวอะเลยออกไปซื้อมื้อเช้ามา มีโจ๊กร้านประจำของมึงด้วยนะ วันนี้พอกูบอกว่ามึงไม่สบายเลยไม่ได้ลงมาด้วย ป้างี้ตักหมูเพิ่มให้มึงอีกหลายชิ้นเลย ดีสัดๆ อะ”

ผมยิ้ม เอ็นดูความชอบของฟรีหรือของแถมเยอะๆ ของเขา แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ผมก็ยังมองว่าสระน่ารักเสมอ น่ารักจนไม่อยากให้ใครได้เห็นความน่ารักนี้ ผมอยากเห็นมันแค่คนเดียวเรื่อยไป

ตื่นมาก็เกิดความคิดเห็นแก่ตัวอีกแล้วสิผม เฮ้อ

“มึงไหวป่ะวะเนี่ย กูซื้อน้ำขิงมาด้วยนะ น่าจะช่วยแก้แฮงก์ได้บ้าง”

“ขอบใจ งั้นเดี๋ยวกูไปล้างหน้าก่อน”

“โอเค รีบออกมานะ”

ผมชะงักเท้าที่กำลังก้าวไปห้องน้ำ หันไปมองคนพูดพลางเลิกคิ้วใส่ “..?”

ไอ้ดื้อยิ้มทะเล้นก่อนจะว่า “กูคิดถึง : )”

“ไอ้ตัวแสบ” ผมกลั้นยิ้มจนแก้มแทบจะแตก อยากกระโจนเข้าไปฟัดสระของผมให้น่วมแต่ก็ต้องหักห้ามใจแล้วรีบเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างด่วนจี๋ อ่า ก็สระบอกให้ผมรีบนี่นา เขาบอกว่าคิดถึงผม ซึ่ง...ผมเองก็คิดถึงเขาเหมือนกัน

อันที่จริงก็คิดถึงตลอดเวลานั่นล่ะ หึ

ออกมาอีกทีสระก็เตรียมมื้อเช้าเสร็จพอดี มันกวักมือเรียกผมไปนั่ง กลิ่นน้ำขิงโชยเข้าจมูก ผมสูดหายใจเข้าลึก น่าแปลกที่มันทำให้ผมหายมึนหัวได้บ้างนิดหน่อย

“จิบน้ำขิงก่อนนิดหนึ่งแล้วกัน จากนั้นค่อยแดกโจ๊ก”

“ครับแฟน”

สระขึงตาใส่เมื่อผมที่ยิ้มละไมรับคำอย่างว่าง่าย มันทรุดลงนั่งข้างกันที่พื้น โต๊ะญี่ปุ่นตัวไม่ใหญ่มากแต่ก็พอที่จะวางชามโจ๊กสองใบและแก้วน้ำสองแก้วได้อย่างพอดี

“รู้สึกเป็นไงบ้างอะ” สระถามขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก

ผมเลิกคิ้ว “ก็แฮงก์นิดหน่อย”

“ปวดหัวมากเปล่าวะ”

“ไม่นะ ดีขึ้นแล้ว” ผมบอก จิบน้ำขิงไปด้วยหลังจากกินโจ๊กหมด

“แต่เมื่อคืนมึงก็ดื่มไปเยอะอยู่นา”

“อ่าฮะ บางทีที่กูไม่เมาหนักอาจเป็นเพราะนั่นล่ะมั้ง”

“นั่น?” สระทวนถาม มันงับช้อนโจ๊กเอาไว้ในปาก ดวงตามองมาที่ผมเหมือนแมวที่กำลังตั้งใจมองสิ่งที่ตนเองสนใจไม่มีผิด “ไอ้นั่นที่มึงว่านี่อะไรวะ?”

ผมยิ้มกว้าง วางแก้วลงแล้วเท้าศอกกับโต๊ะ เอียงหน้ามองสบตาอีกฝ่าย รองคางด้วยฝ่ามือ

“เพราะมึงช่วยดูดเอาความเมาของกูไปไง”

“.!?”

“ที่เราจูบกันไปเมื่อคืนนั่นล่ะที่ทำให้กูสร่างเมา”

“ไอ้ปัญญาอ่อน!” สระด่า แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้ว่าเขาไม่ได้ด่าจริงจัง เพราะตอนนี้แก้มอีกฝ่ายแดงระเรื่อเลยน่ะสิ เอาเข้าจริงถึงจะคบกันแล้ว แต่ผมก็ยังรักที่จะได้เต๊าะมันในทุกวัน และรักที่จะได้เห็นสระเขินเพราะสิ่งที่ผมทำให้เขา “กินเข้าไปเลย กินเข้าไปให้หมดแล้วไปนอนซะ”

“นอนอะไรอีก ไม่นอนแล้วครับไอ้ดื้อ”

“ใครดื้อ แล้วที่กูบอกว่าไปนอนน่ะหมายถึงกู กูตื่นเช้าเพราะมึงเลยอะ เนี่ยยังไม่หายง่วง เดี๋ยวจะไปนอนต่อเว้ย”

ผมใจพองฟู เข้าใจนะว่าเขาจะสื่ออะไรแต่ผมก็ยังอยากถามอยู่ดี “ตื่นเช้าเพราะกูเหรอเนี่ย”

“เออดิ กูรู้ว่ามึงต้องตื่นมาแฮงก์แน่เลยลงไปซื้อของมาให้กินนี่ไง”

“สระ” ผมเรียกเขา โทนเสียงปรับเป็นจริงจังจนคนที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วบ่นผมถึงกับชะงัก สีหน้าดูเหวอๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว แต่พอได้ยินที่ผมบอกเป็นประโยคถัดไป ไอ้ดื้อก็ถึงกับอ้าปากพะงาบๆ “หยุดน่ารักเดี๋ยวนี้!”

“!!!”

“ยัง ยังไม่หยุดอีก นะบอกให้สระหยุดน่ารักไง”

“ละ แล้วมันหยุดได้ที่ไหนกันวะไอ้ควายยย”

“ด่านะว่าควายเหรอ!?”

“เออ! ก็มึงพูดอะไรโง่ๆ อะ” สระโวยวาย ต่อยไหล่ผมอีกแล้วด้วย ผมก็เลยรวบมือเขาไว้แล้วดึงมาจุ๊บๆ รัวๆ จนอีกฝ่ายยอมสงบลง แถมผมยังงับข้อนิ้วคนน่ารัก และนั่นทำให้สระที่ไม่เคยโดนผมจู่โจมแบบนี่หน้าแดงยิ่งกว่าเก่า

“กูยอมเป็นควายก็ได้” ผมบอกกับเขา “แต่มึงต้องเป็นคนจูงจมูกกูนะ”

“ห๊ะ...”

“เนี่ย ยอมโง่ให้มึงจูงเลย เจ้าของกูน่ารัก”

สระสะบัดมือหนีแล้วต่อยไหล่ผมอีกหนึ่งทีเต็มแรง เล่นเอาผมสะดุ้งเพราะความเจ็บ ร้องโอดโอยไปก็หลบหมัดมันไปมา แถมมันยังตะโกนโวยวายไม่หยุดอีกต่างหาก

“เลิกจีบกูได้แล้วไอ้ห่า เป็นแฟนกันแล้วป่ะ!”

ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบแย้งอย่างไว “เป็นแฟนแล้วก็ช่างดิ กูชอบจีบแฟนกูทุกวันอะ ทำไม่ได้เหรอ?”

“มันได้ แต่ก็สงสารกูบ้างไอ้นะ~ ให้กูพักบ้าง หัวใจกูทำงานหนักเพราะมึงเลยเนี่ย”

“หัวใจกูก็ทำงานหนักเพราะมึงเหมือนกัน เนี่ย มันเต้นว่ารักสระ รักสระ รักกก สระะะ ไม่หยุดเลย กูก็เหนื่อยเหมือนมึงอะแหละ”

“โว้ยยย บอกให้พอไง หยอดอยู่ได้ กูเขินเป็นนะเว้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ”

 

การทุ่มเถียงแบบไม่จริงจังของเราจบลงตรงที่ผมเก็บเอาชามกับแก้วไปล้าง ส่วนสระนอนกลิ้งเล่นบนเตียง พอเห็นผมหันมามองเจ้าตัวก็ตบเตียงดังปุๆ แล้วเรียกให้ผมไปนอนด้วยกัน

ผมทำตามอย่างว่าง่ายอีกครั้ง ก็ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องปฏิเสธนี่นา

ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ สระ อีกฝ่ายกลิ้งเข้ามาใกล้ผม ก่อนสุดท้ายท่าทางของเรากลายเป็นผมนอนตะแคงข้าง ด้านหน้ามีสระนอนพิงแผ่นหลังมาทางผมทั้งตัว ในมือไอ้ดื้อถือโทรศัพท์ของผมเอาไว้และกำลังกดดูนั่นนี่ไปเรื่อย ไม่ได้มีความเกรงใจเจ้าของโทรศัพท์อย่างผมเลย แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรมันหรอกนะ ของของผมก็เหมือนของมันด้วยนั่นล่ะ สระอยากได้อะไร อยากทำอะไร ถ้ามันไม่ได้มากเกินไปกว่าที่ควร ผมก็ไม่ขัดไอ้ดื้อของผมหรอก

ขนาดนี้แล้วต้องยกตำแหน่งแฟนดีเด่นให้ผมแล้วล่ะครับคุณ

“ดูอะไรหึ?” ผมร้องถาม มือข้างที่ว่างก็เกี่ยวปอยผมตรงหลังหูสระเล่นไปด้วย เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนจะโดนรื้อไปถึงอัลบั้มรูปถ่ายเข้าซะแล้ว

“อันนี้อะไร?” สระถาม จิ้มนิ้วลงไปบนอัลบั้มที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘ยาเสพติด’ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ คำตอบของคำถามนั้นก็ปรากฎขึ้นให้ได้เห็น และคนถามก็ถึงกับนิ่งงัน

ผมลอบยิ้ม กดจูบที่หลังหัวสระก่อนจะเอื้อมมือไปกดเลื่อนหน้าจอ รูปถ่ายหลายร้อยไหลไปตามการปัดนิ้วของผม และในทุกๆ รูปคือคนคนเดียวกัน...มันคือรูปของสระ และทุกรูปไอ้ดื้อของผมกำลังยิ้มอยู่

“กูเก็บรูปของมึงเอาไว้ในอัลบั้มนี้ ทุกรูปที่มีรอยยิ้มของมึง”

“แล้วทำไมต้องตั้งชื่อว่ายาเสพติดด้วยอะ” สระถาม หลังจากเงียบไปนานหลายนาที เจ้าตัวขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย เอียงคอมาเพื่อจะได้สบตากับผมให้ชัดๆ

ผมยิ้ม ไม่ตอบคำถามของเขาในทันที แต่ฉกเอาโทรศัพท์คืนมาแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายภาพ “ยิ้มให้ก่อนดิ แล้วจะบอกเหตุผล”

“จะถ่ายรูปรอยยิ้มของกูอีกว่างั้นเถอะ?”

“แสนรู้จังเลย~”

สระแยกเขี้ยว “กูไม่ใช่หมา!”

“แล้วแยกเขี้ยวใส่ผมทำไมอะครับ เนี่ย ทำหน้าเหมือนน้องหมาเวลาหัดขู่เลย”

“ว่ากูเป็นหมานักใช่ป่ะ!” สระถลึงตาใส่ผม แล้วจู่ๆ มันก็ดึงมือผมไปกัด งับเข้ามาเต็มๆ บนข้อมือ เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง แถมไอ้เดื้อยังส่งเสียงขู่เหมือนหมาจริงๆ อีกต่างหาก “แฮ่ๆๆ”

“ดื้อออ ฮ่าๆๆๆ สระครับ คันฟันเหรอตัวเอง”

“ตัวเองพ่องงง อึ๋ยอะ ขนลุกฉิบหาย มาตัวองตัวเองอะไรของมึง!”

“เปลี่ยนเรื่องเหรอ นะถามว่าสระคันไฟใช่มั้ยยังไม่ตอบนะเลย”

“ไม่ได้คันฟัน!”

“ฮ่าๆๆๆ”

สระพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผม แล้วต่อยท้องผมเบาๆ เหมือนอยากจะระบายความงุ่นง่านที่โดนผมแกล้ง “เลิกหัวเราะแล้วบอกมาสักทีว่าทำไมตั้งชื่ออัลบั้มแบบนั้นวะ?”

“รอยยิ้มของมึง” ผมยอมตอบในที่สุด “กูเสพติดรอยยิ้มของมึง”

“...”

“เลยเป็นที่มาของอัลบั้มรูปถ่ายอันนี้ เก็บแต่รอยยิ้มของมึงเอาไว้ ยาเสพติดที่ทำให้กูมีความสุข มัวเมาลุ่มหลง รู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่ในอวกาศ”

“หะ?”

ผมยิ้มกวนๆ เลิกคิ้วถาม “เคยฟังเพลงนี้ป่ะล่ะ...ฉันจะพาเธอลอยยย ล่องไปในอวกาศ”

“นอกเรื่องแล้วไอ้สัดนะ!” สระขัดผมที่กำลังโก่งคอร้องเพลง “ตลอดอะมึงเนี่ย”

“ใครบอกกูนอกเรื่อง นี่กำลังร้องเพลงจีบมึงอยู่ป่ะครับ”

พอเถียงอะไรไม่ออกสระก็เงียบกริบ พลิกตัวกลับไปนอนหันหลังให้ผมเหมือนเดิมราวกับมันไม่อยากจะมองหน้าผมอีก แต่ตอนที่มันทำท่าจะกลิ้งตัวออกห่างจากผมไป ผมก็ชิงรวบมันเข้ามากอดเอาไว้แน่นๆ เสียก่อน ไอ้ดื้อเลยได้แต่ดิ้นขลุกขลัก ร้องโวยวายเสียงเบาจนแทบฟังไม่ออก

“เออ ที่จริงมีอีกอย่างในตัวมึงนะที่กูเสพติดมากๆ”

“อะไร?”

ผมกระซิบข้างใบหูอีกฝ่าย “เสียงหัวเราะ”

แล้วจากนั้นผมก็ชิงจี้เอวอีกฝ่ายรัวๆ แบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว พอโดนจี้ก็ดิ้นหนักว่าเก่า ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้นะปล่อย ไม่...ฮ่าๆ ไม่เอา! แล้ว!”

ผมเล่นกับสระอีกนิดหน่อย จนเห็นว่าคนบ้าจี้ขำจนหอบแล้วเลยหยุด เราสองคนนอนหายใจแรงอย่างหมดสภาพ ถึงผมจะเป็นฝ่ายจี้เอวมัน แต่ก็ต้องใช้แรงไปมหาศาลกับการบังคับเจ้าตัวไว้ไม้ให้เผลอดิ้นจนเราตกเตียงกันไปทั้งคู่

“สรุปมีแค่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของกูที่มึงเสพติดเหรอ?”

สระถามขึ้นหลังจากหายใจได้คล่องคอมากพอแล้ว...ผมยิ้มหวานให้เขา รู้ดีว่าถ้ายิ้มแบบนี้คนขี้เขินอย่างสระต้องหน้าแดงแน่ๆ และผมก็ไม่ผิดหวังเลยสักนิดเมื่อเพียงไม่กี่วินาทีคนตัวขาวจะผิวแก้มระเรื่อสีขึ้นมา

ผมกดจูบที่หน้าผากเขาหนักๆ หนึ่งทีก่อนจะให้คำตอบ...

“ที่จริงกูเสพติดทุกอย่างที่เป็นมึงนั่นแหละสระ”

“...”

“มึงเป็นยาเสพติดชนิดเดียวบนโลกที่กูจะเสพ : )”


____________________

มาแล้ว หายไปพักผ่อนมาหนึ่งสัปดาห์ค่ะ แฮ่ ไปจัดตารางงานที่ต้องเคลียร์มาด้วย แล้วก็วันนี้มาช้าเพราะเปิด Iron Man ดูใหม่ตั้งแต่ภาคแรก แฮะๆ ติดลมไปหน่อย กว่าจะได้อัป 5555 พูดถึงตอนนี้ก็คือรอยยิ้มหวานๆ ของสระเป็นยาเสพติดของคุณพยัญชนะเขาล่ะ อิอิ เจอกันตอนหน้านะคะ


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น้องนะติดยาาาาาาาาาาาาาา ตราสระะะะะะะะะ  :impress2:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ้า ไม่เหลือให้ได้จิ้นแล้วจ้า สระพยัญชนะคะแนนนำไปไกลแล้ว

พยัญชนะหยอดสระจนหลุมทะลุไปหมดละมั้ง
เอ็นดูสระ ชอบก็ชอบอยู่ แต่ก็เขินมากอยู่เหมือนกัน
ตลกความบ้าบอของพยัญชนะ ทั้งรักทั้งหลงเบอร์แรง
เค้าหวานไม่เกรงใจเราบ้างเลยค่ะ


ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
สระยาเสพติดของพยัญชนะ ขอดูดทีดิ55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Twenty-four

(ร.) : ร่างกาย (รัก)


[สระ]


วันนี้วันเกิดไอ้พี เราก็เลยมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านมันเพื่อฉลองเหมือนเมื่อปีที่แล้ว ผมเคยถามมันว่าทำไมไม่ไปที่ร้านเหล้าอย่างที่หลายคนชอบทำ และมันบอกว่าวันเกิดอะควรอยู่กับคนที่สำคัญก็พอ ปาร์ตี้เล็กๆ ไม่กี่คน เปิดเพลงฟังและเมาอย่างหมาในบ้านได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องโบกแท็กซี่แล้วอ้ วกใส่เบาะหลังรถเขาให้สกปรก

เออ เป็นความคิดที่น่ารักดี คราวก่อนที่ได้ยินคำตอบของมันครั้งแรกผมยังนึกทึ่งเลย ไม่คิดว่าคนปากหมาอย่างมันจะมีความคิดดีๆ แบบคนทั่วไปเขาได้

หยอกเล่นนะครับ ถึงไอ้พีมันจะปากหมา แต่ที่จริงมันเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลยล่ะ

“แม่มึงอะพี” ไอ้ยูถาม พวกเรานัดมาพร้อมกันโดยใช้รถไอ้เจ็ม ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเท่านั้น มีเวลาสองชั่วโมงให้ทำของกินแกล้มเหล้าเบียร์

“อ้าว อะไรวะ มาถึงก็ด่าแม่กูเลย”

“กูไม่ได้ด่า! ถามถึงโว้ยยย”

ไอ้พีหัวเราะ เลยโดนผมตบหัวไปหนึ่งทีแทนไอ้ยู หมั่นไส้ ไอ้ยูไม่ตบกูตบเอง กวนตีนเก่งนักนะมึง

“โอ๊ย! เออๆ แม่กำลังจะไปนอนบ้านยายแล้ว”

“ไม่รบกวนแม่มึงมากเกินไปเหรอวะ ฉลองวันเกิดมึงวันเดียวต้องให้ท่านลำบากย้ายไปนอนที่อื่น” พยัญชนะถามขึ้นอย่างคนขี้เกรงใจ ผมอมยิ้มให้กับสีหน้ากังวลของอีกฝ่าย ขยับเข้าไปโอบบ่ามันแล้วลูบไหล่ปลอบโยน

ไอ้พีโบกมือ “แม่บอกให้เรามากินกันที่นี่ยังดีกว่าไปเมาข้างนอก ขับรถกลับบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเขาคงเสียใจและลำบากมากกว่านี้”

“ลำบากทำศพถ้าเผื่อมึงตายงี้ป่ะ” ไอ้เจ็มถาม

“ปากไม่ดีเลยนะมึงเนี่ย” ผมว่าเข้าให้ “วันเกิดมันทั้งทีไปแช่งให้มันตาย เอ้อ”

“ใช่ๆ ปากไม่เป็นมงคลเลยนะมึงเนี่...”

“รอให้พ้นวันเกิดมันก่อนแล้วมึงค่อยแช่ง”

“ถุ้ย! เป็นคนแบบนี้เหรอวะไอ้หระ!?”

“ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนพากันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน ก่อนเสียงจะเงียบลงเมื่อหญิงสาววัยกลางคนเดินออกมาจากมุมหนึ่งข้างบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทางใบย่อม “แม่ สวัสดีครับ”

ผมบอกมือไหว้ทันทีที่เห็นเธอ คนอื่นๆ รีบไหว้ตามหลังทันที

“สวัสดีจ้าเด็กๆ มากันแล้วสินะ งั้นแม่ไปเลยดีกว่า”

“แม่อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนสิฮะ” เจ้าของวันเกิดเข้าไปกอดแม่บังเกิดเกล้า นานๆ ทีจะได้เห็นคนปากหมาอ้อนแม่ อยากจะถ่ายคลิปเก็บไว้ประจานจริงๆ ปกติชอบนักทำตัวเถื่อนถ่อยคิดว่าเท่ ฟาย

ผมแอบด่ามันในใจ แต่ที่ด่านี่หมั่นไส้ล้วนๆ ครับ ไม่ได้เกลียดอะไรมันนะสาบานได้

“จะดีเหรอ แม่ไม่อยากทำให้เด็กๆ อึดอัดนะ”

“ไม่อึดอัดเลยครับแม่ กินข้าวฉลองวันเกิดให้ไอ้ลูกหมาของแม่สักมื้อก่อนแล้วกันนะครับ” ไอ้ยูเข้าไปเกาะแขนแม่ไอ้พีอีกคน ในบรรดาพวกเราทั้งหมดก็เห็นจะมีแต่ไอ้ยูนี่แหละที่ชอบอ้อนแม่เพื่อน เจอแม่เพื่อนกี่คนมันก็ชอบเข้าไปตีซี้เสมอ

และ...ไอ้พีหวงแม่มันมากด้วย เพราะงั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แบบที่ผมไม่ต้องเดาให้เสียเวลานานนักก็คือ...

เพี๊ยะ!

“ถอยไปจากแม่กูเลย ไม่ต้องมาเกาะ นี่แม่กู” ไอ้พีปัดมือไอ้ยูทิ้งอย่างรวดเร็ว

“เป็นเด็กเหรอมึงอะ งอแง”

“กูโตพอจะเป็นผัวมึงได้แล้วกัน”

“ผัวพ่อง...เอ่อ ยูขอโทษครับแม่” ไอ้ยูไหวตัวทันหุบปากฉับ หันไปทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมใส่แม่เพื่อนเพราะเผลอหลุดคำหยาบคายต่อหน้าผู้ใหญ่ออกมา แต่แทนที่แม่ไอ้พีจะโกรธกลับหัวเราะขำแล้วลูบหัวลูกชายตัวเองกับเพื่อนลูกชายอย่างเอ็นดู

“ไม่ต้องทะเลาะกันๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่อยู่ดินเนอร์ด้วยแล้วค่อยไป ดีไหมจ๊ะ?”

“ดีครับ!” ผมร้องบอกอย่างยินดี ก่อนจะดึงแขนไอ้นะไปทางห้องครัว “งั้นเดี๋ยวเราไปทำอาหารก่อนนะครับแม่ แม่ไปนั่งรอสวยๆ ก่อนได้เลย หรือถ้าร้อนจะเข้าห้องไปนอนตากแอร์ก่อนก็ได้ อีกหนึ่งชั่วโมงรับรองได้กินของอร่อยแน่นอน!”

“โอเคจ้า สระนี่น่ารักจริงๆ เลยน้า”

ผมชะงักกึก เกือบสะดุดอากาศล้ม! “แม่ครับบบ ผมไม่ได้น่ารัก ผมหล่อ หล่อมากด้วยยย”

“อ้าวเหรอ”

“น่ารักน่ะถูกแล้วแม่ แม่อย่าไปเชื่อมัน หล่อตรงไหน หน้าตางุ้งงิ้งออกขนาดนี้” ไอ้เจ็มเอ่ยแทรก แถมยังแฉผมอีกต่างหาก “นี่นะแม่ พอเป็นแฟนกับไอ้นะ ออร่าความน่ารักของมันก็ยิ่งกระจายเลยครับ”

“ความรักทำให้คนดูสดใสไงล่ะลูก” แม่ไอ้พีว่าพลางหัวเราะคิกคัก แล้วทุกคนก็พากันมองล้อเลียนผม ผมก็เลยได้แต่หน้าร้อนผ่าวเดินหนีเข้าห้องครัวมาคนเดียว

ล้อกันเก่งงง ฮึ่ย!

 

ปาร์ตี้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นหลังจากส่งแม่ไอ้พีขึ้นรถเรียบร้อย พวกเราห้าคนเลยย้ายตัวเองมาล้อมวงอยู่กลางบ้าน อาหารจานหลักกินไปแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแค่กับแกล้มและเหล้าเบียร์เท่านั้น

“แดกให้เต็มที่ เมาเมื่อไหร่ไหลตายลงตรงนี้!”

“ส้นตีนเถอะ ไหลตายพ่องง”

“ขยันด่าพ่อกูจั๊งงง พ่อกูผิดอะไรนักหนา แค่ทิ้งเมียกับลูกไปอยู่กับเมียน้อยเอง”

“อ้าว ดราม่าซะงั้น”

“ฮ่าๆๆๆ”

เหล้ายังไม่ทันเข้าปากได้เกินห้าแก้วแม่งก็ไร้สติกันซะแล้ว เฮ้อ

ผมจิบพอประมาณเพราะยังไม่อยากเมาตอนนี้ ไอ้นะก็ดูเหมือนจะคิดเหมือนกันเพราะมันดื่มมากกว่าผมไปนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่เท่าเจ้าของวันเกิดกับเพื่อนอีกสองคน ซดพรวดๆ เหมือนดื่มน้ำเปล่า จะรีบเมากันไปไหนไอ้ห่าเอ๊ย

“ยำปะ?” แฟนผมเอ่ยถาม มือมันก็ม้วนวุ้นเส้นใส่ช้อนไปด้วย

ผมไม่ตอบแต่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันแล้วอ้าปาก ไอ้นะเห็นแบบนั้นก็อมยิ้มแล้วป้อนผม ก่อนมันจะหันไปกินเองบ้างเหมือนกัน...เราสลับกันป้อนนั่นป้อนนี่ให้กัน ผมคีบหมูกรอบที่มันเป็นแผ่นบางๆ ไม่รู้เรียกอะไรลืมไปแล้ว แต่พอคีบขึ้นมาได้ก็จ่อปากไอ้นะทันที

ป้อนกันไม่หยุดราวกับกินเองไม่ได้ ออกจะบ้าบอไปหน่อยแต่ผมก็ชอบนะที่เราทำอะไรแบบนี้ด้วยกันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่เขินอายด้วย แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเพราะ...

“แหมๆ อยากมีแฟนดีๆ ป้อนของให้กินบ้างจังงง” ไอ้พีปากหมาเริ่มแซวผมอีกครั้งแล้วครับ

“มือเป็นง่อยแน่ๆ แดกเองไม่ได้ อิ๊อิ๊ววว”

“ง่อยพ่อง”

“เอ๊า คราวนี้เป็นกูที่โดนด่าพ่อว่ะ” ไอ้ยูแสร้งเกาหัวแกรกๆ ทำเป็นงงนักหนาที่ตัวเองโดนด่า ผมเลยหยิบฝาขวดเบียร์เขวี้ยงใส่หน้า “โอ๊ย!”

โดนด้วย แต่ร้องซะดังเกินไปละ เว่อร์มากไอ้ฉิบหาย

กินดื่มกันไปค่อนคืน เหล้าเบียร์เริ่มกองเกลื่อนรวมกันมากกว่าสิบขวดเข้าไปแล้ว ผมที่ตั้งใจจิบไปเรื่อยๆ ก็เพลินมือจนเผลอกระดกเอาๆ กระทั่งคนแรกที่ฟุบไปก่อนเป็นเจ้าของวันก่อน แขกเหรื่อที่เหลือเลยพากันล้มลงที่ละคน จนกระทั่งเหลือไอ้นะเป็นคนสุดท้าย

คอแข็งที่แท้คือชายคนนี้...แฟนผมเองครับ ฮิๆ

“ไปนอนข้างบนดีกว่าไหมสระ”

“อื้อ” ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ ยิ้มหวานให้สุดที่รัก ตัวก็อ่อนไหลไปตามการจับพยุง จนในที่สุดก็ยืนขึ้นได้ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาผมก็เซจะล้มอีกรอบ ดีที่ไอ้นะคว้าเอวเอาไว้ได้ทัน

“ยืนดีๆ ครับ”

“ขี่หลัง”

“หือ?”

ผมเอียงหน้ามองคนหล่อของผมทั้งที่ยังยิ้มหวานเหมือนเดิม “ขี่หลังหน่อยยย”

“มึงนี่น้า” ไอ้นะเหมือนจะบ่น แต่มันก็ยิ้มตอบแล้วนั่งยองๆ ให้ผมได้ขึ้นขี่หลังมัน พอผมทิ้งตัวลงไปเขาก็บ่นอุบ “ไม่ได้ตัวเบาเลยนะสระ นึกยังไงอ้อนขี่หลังวะ”

“ขี้เกียจ...เดิน” ผมตอบแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ได้ยินแฟนหนุ่มบ่นงึมงำว่าไอ้ตัวแสบ ดูท่าจะมันเขี้ยวผมแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือไม่ว่าง

ช่ายยย มือมันรั้งข้อพับขาผมไว้อยู่ ถ้าปล่อยผมก็หล่น และเชื่อเถอะไอ้นะไม่กล้าทำผมหล่นหรอก มันกลัวผมเจ็บจะตายไป แค่โดนยุงกัดเป็นตุ่มแดงนิดเดียวมันยังหายามาทาให้ ปล่อยไปไม่นานเดี๋ยวก็หายแท้ๆ

เนี่ย มีแฟนรักแฟนหลงแล้วโคตรดีเลยเนอะ อิๆ

ไอ้นะเลี้ยวไปทางห้องนอนแขก ปีที่แล้วผมกับมันก็นอนด้วยกันที่ห้องนี้ ส่วนพวกไอ้พีไปนอนอีกห้องที่ใหญ่กว่า ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร แต่มาคิดดูเอาตอนนี้ผมว่าพวกมันตั้งใจแหงๆ เลยว่ะ...ให้ผมนอนห้องเดียวกับไอ้นะสองต่อสอง

“เอ้า ลงไปได้แล้วครับ”

ผมเหลือบมองด้านหลังก็พบว่าเป็นเตียงนอน เลยปล่อยแขนทิ้งตัวหงายหลังลงไป แต่สองขายังเกี่ยวเอวสอบเอาไว้แน่น เลยทำให้อีกฝ่ายหงายหลังตามลงมาด้วย

“โอ๊ย! ไอ้ดื้อ!”

“ฮ่าๆๆ”

“แกล้งกูเหรอแฟน” ผมกลิ้งหลบตอนไอ้นะพลิกตัวหันมาหา แต่สุดท้ายด้วยความกว้างของเตียงที่น้อยทำให้ยังไงผมก็โดนไอ้นะคร่อมทับอยู่ดี “มึงเจอดีแน่”

ผมดิ้นพร่านเมื่อโดนจี้เอว “อะ ไอ้นะ อย่าจี้ ฮะ ฮ่าๆๆๆ อย่าจี้เอวกู๊!”

“จะจี้”

“ฮ่าๆๆๆ”

จากจี้เอวกลายเป็นผมโดนไอ้นะหอมแก้มด้วย ไอ้เชี่ยยย หัวเราะจนเหนื่อยแล้วโว้ยยย

กว่าจะเล่นกับจนพอใจผมก็นอนหอบแฮ่กๆ อยู่ใต้ร่างอีกฝ่าย เป็นนาทีกว่าจะกลับมาหายใจได้คล่องขึ้น ไอ้นะอมยิ้ม เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผมออกก่อนเคลื่อนไปไล้แก้มผมเล่นต่อ

“หน้าแดงเลยว่ะ เมาหรือขำจนเหนื่อยหึ?”

“ทั้งสองอย่าง” ผมตอบ ยื่นมือไปตบแก้มไอ้หล่อเบาๆ “สร่างเลยไอ้ห่า”

“เหรอ ดีแล้ว เพราะถ้ามึงยังใช้ตาเยิ้มๆ มองกู กูต้องอดใจไม่ไหวแน่”

ผมเลิกคิ้ว “ทำไม? กูน่าแดกเหรอ ฮะๆ”

“เออ”

“...” ผมชะงัก สบตาไอ้นะ หัวใจเหมือนจะเต้นแรงขึ้นมา รู้สึกวูบวาบแปลกๆ ในช่องท้อง เป็นความวูบวาบที่ควบคุมไม่ได้ และยิ่งยากจะควบคุมเมื่อไอ้นะก้มลงมาจูบผม

“อยากกินมึงจะแย่แล้ว”

ริมฝีปากเราสัมผัสกัน เนิบนาบใจเย็นในคราแรก ก่อนเปลี่ยนเป็นดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ขบเม้มปากอีกฝ่ายเป็นเชิงส่งสัญญาณให้เขาอ้าปากซะ ได้ยินเสียงไอ้นะหัวเราะขลุกขลักในลำคอ ก่อนมันจะยอมเปิดปากให้ผมเป็นฝ่ายล่วงล้ำเข้าไป

ลิ้นเราหยอกล้อกัน ผมโอบคอไอ้นะดึงลงมา ปล่อยให้มือของอีกฝ่ายลูบไล้ไปตามร่างกายโดยไม่ขัดขืน ลมหายใจเป่ารินรดกันไปมาพาให้ใจสั่นยิ่งกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ

รู้ตัวอีกทีเสื้อยืดผมก็ถูกถอดออก แน่นอนว่าผมไม่ยอมถอดคนเดียวอยู่แล้ว เลยพลิกตัวดันไอ้นะให้เป็นฝ่ายนอนลงไปแทนที่ผม จากนั้นก็ถลกเสื้อมันออกแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงแบบส่งๆ และตลอดเวลานั้นเรายังคงสบตากันไม่คลาดไปไหน

“แปลกมั้ย?” มันถาม

ผมเลิกคิ้ว พลางย้อนถาม “อะไรแปลก?”

“ที่กำลังทำอยู่ และอาจจะทำในอีกไม่ช้า รู้สึกว่ามันแปลกมั้ยล่ะ”

“ไม่เห็นแปลก” ผมส่ายหน้า ก้มลงไปจูบมันหนักๆ หนึ่งทีแล้วยอมทิ้งตัวกลับไปนอนราบกับเตียงอีกครั้ง “เรื่องปกติของคนเป็นแฟนกันนะเว้ย แปลกตรงไหน”

“งั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”

มือไอ้นะเลื่อนไปรั้งขอบกางเกงผมลงจนไปกองอยู่ที่ปลายเท้าข้างหนึ่ง เราจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนไม่รู้จักพอ มือลูบไล้ร่างกายของกันและกันอย่างหลงใหล กล้ามเนื้อแข็งแรง แผ่นหลังกว้าง หยดเหงื่อที่พร่างพราย กลิ่นอ่อนจางของแอลกอฮอล์ในปาก

รู้สึกดีจังแฮะ

“อืม”

ผมปัดป่ายมือไปโดนเป้ากางเกงอีกฝ่าย ไอ้นะสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห้าม มันแค่ผละจากปากผมไปจูบซับที่สันกราม ก่อนเคลื่อนไปทั่วลำคอและแผ่นอก ปล่อยให้ผมปลดกระดุมกางเกงมันจนหลุดหมด แล้วทั้งเนื้อทั้งตัวเราก็เหลือเพียงบ็อกเซอร์คนละตัวเท่านั้น

“หยุดมั้ย...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเสมอ เวลานี้พร่าสั่นเล็กน้อย เดาได้ไม่ยากว่าเกิดจากแรงอารมณ์ที่เรามอบให้แก่กัน

ผมหัวเราะแผ่วเบา เผลอกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากอีกฝ่ายกดจูบลงบนหน้าท้อง เวรเอ๊ย มัน...โคตรจะวูบวาบ

“ว่าไงครับดื้อ ไปต่อหรือพอแค่นี้?”

“ไปต่อ”

“ต่อแค่ไหนดีล่ะ” เขาถามผมอีก และนั่นทำให้ผมเริ่มหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแปลกๆ

“ถามมากว่ะ อยากไปถึงไหนก็แล้วแต่มึงดิ”

แฟนผมหลุดขำออกมาบ้างเหมือนกัน ปลายนิ้วมันเกี่ยวขอบบ็อกเซอร์ช้า เหลือบขึ้นสบตาผมไปด้วยในตอนที่ตัวตนของผมปรากฏออกมาสู่ภายนอก

“...แค่มือก่อนแล้วกัน”

ผมเม้มปากแน่นยามเมื่อมือหนาเลื่อนไปโอบรัดความต้องการของผมอย่างนุ่มนวลใจเย็น ปลุกเร้าจนมันขยับขยายแข็งขืนจนเต็มขนาด แต่สุดท้ายผมก็ส่งเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจเมื่อการปรนเปรอของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกดีมากจนแทบบ้า

“อ่า...”

“รู้ปะ” ไอ้นะชะโงกตัวกลับมาจูบปากผมอีกครั้ง “กูฝันถึงวันที่จะได้แตะต้องมึงแบบนี้มานานแล้ว”

“แอบเก็บกูไปฝันเปียกว่างั้นเถอะ?”

“ไอ้เชี่ย รู้ได้ไงวะ”

“ทะลึ่งนะมึงเนี่ย” หลุดขำอีกจนได้ ทั้งที่สถานการณ์ตอนนี้ควรวาบหวามแต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนปนตลกซะมากกว่า “ขอจับของมึงบ้างดิ”

“ใครห้ามล่ะครับแฟน”

ผมเอื้อมไปจับเป้าไอ้นะ ลูบผ่านเนื้อผ้าบางเบา ก่อนสอดมือผ่านขอบกางเกงลงไปสัมผัสความเป็นชายใหญ่โตโดยตรง...เผลอกระตุกตัวเมื่ออีกฝ่ายขยี้ส่วนปลายหนักหน่วงจนทำเอาผมเอวลอย

“อย่า อะ ทำแบบนั้นดิวะ”

“รู้สึกดีใช่ปะล่ะ : )”

“มัน...เสียวๆ อะ”

เป็นอีกครั้งที่ผมทำให้คุณแฟนหัวเราะทั้งที่เรากำลังใช้มือให้กัน ผมก็เลยขยี้ของมันหนักๆ บ้างเป็นการเอาคืน คนที่กำลังหัวเราะอยู่ก็เลยเปลี่ยนเป็นร้องซี๊ดแทน

“เอาคืนเหรอดื้อ”

ผมกระตุกยิ้ม ผลักอีกฝ่ายให้นอนลงแล้วโถมทับลงไป “แบบนี้ดีกว่า”

ดึงมือไอ้นะออกจากอาวุธคู่กายของผม แล้วเปลี่ยนเป็นให้มันรวบจับของเราสองคนเข้าด้วยกัน ความแข็งขึงสองส่วนเสียดสีกันโดยตรง รู้สึกดีสุดๆ จนผมต้องผ่อนลมหายใจครางแผ่วในลำคอ ขยับมือบังคับให้มืออีกฝ่ายเคลื่อนไหวในจังหวะที่ผมชอบ และแฟนที่แสนดีก็ยอมทำตามโดยไม่ทักท้วงด้วย

แอบน่าอายเหมือนกันนะเนี่ยที่ผมเป็นฝ่ายเรียกร้องก่อน แต่แล้วไงวะ ผู้ชายเหมือนกัน มีความต้องการทางเพศเหมือนคนทั่วไปอะ แล้วก็ทำกับแฟนด้วย ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่หว่า

คิดได้ดังนั้นก็ข่มความอายลึกๆ ในใจ ถึงไอ้นะจะชอบผมก่อน แต่ใช่ว่าผมจะชอบมันน้อยกว่าที่มันชอบผม การแสดงออกด้านความรักผมพร้อมทุ่มให้เสมอ เพราะผมรักไปแล้วนี่นะ

“จูบหน่อยดิครับ นะอยากจูบสระ”

ไม่ตอบแต่โน้มหน้าลงไปกดจูบไอ้หน้าหล่ออย่างรวดเร็ว ปลายลิ้นปัดป่ายกันไปมา ลมหายใจกอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ และทั้งตัวเราก็เปียกไปด้วยหยดเหงื่อเหนียวเหนอะ แต่แบบนี้แหละเร้าใจดี : )

“อะ จะเสร็จ”

“ปล่อยออกมาเลย” ไอ้นะบอกแต่ผมส่ายหน้า

“ไม่เอา ปล่อยก่อนก็แพ้ดิวะ”

“ใช่เรื่องมาแข่งไหมเนี่ยหึ อ่า ไอ้ดื้อ”

“อยากแข่ง ฮ้า อึก...และกูต้องชนะด้วย”

ผมบอกอย่างไม่ยอมแพ้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็...แพ้จนได้ แพ้เพราะคำพูดไอ้นะนั่นแหละ!

“กูให้มึงชนะกูได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ที่กูรู้ตัวว่าชอบมึงแล้วไอ้ดื้อ”

“ฮะ เฮือก!”

เต็มๆ ครับ...ผมเสร็จแบบที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คามือไอ้นะกับมือผมนี่ล่ะ!

“อึก!” ไอ้นะเองก็เสร็จตามผมมาติดๆ มือเราตอนนี้เลยเต็มไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่น

ผมทิ้งตัวลงนอนทับอีกฝ่ายทั้งอย่างนั้น หนักก็ช่างแม่งอะตอนนี้ ขอโทษด้วยแล้วกันนะแฟน แต่ตอนนี้ผมหมดแรงจะขยับไปทางไหนเพราะมันรู้สึกอิ่มสุขจนแทบคลั่ง ความวูบไหวก่อนหน้านี้ราวกับเหมือนฝัน แต่หลักฐานที่คามืออยู่ก็บอกว่าไม่ได้ฝันไปแน่นอน

“ชอบว่ะ” ผมบอกกับไอ้นะทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

คนข้างใต้หัวเราะขลุกขลัก แผ่นอกกระเพื่อมเล็กน้อย ก่อนคำพูดโต้ตอบผมจะตามมา...

“ไว้มาทำกันอีกนะ”

“...”

“ครั้งหน้าไม่หยุดแค่มือด้วย”

อ่า ตื่นเต้นเลยอะ : )



_______________________________

มาแล้ววว และมีมินิคัทให้แบบกรุบกริบ 55555 ใครคาดหวังให้เขาได้กันก็รออีกนิดนะคะ แฮ่

ใกล้จบเข้าไปทุกที อยากให้จบแต่ก็แอบคิดถึงนะเนี่ย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เราย้ำตลอดว่าเรื่องนี้มีแต่ความฟีลกู๊ดเพราะเขียนฮีลใจตัวเอง 555 งุ้ย ไปละ เจอกันตอนหน้าค่ะ





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ต่อเลยหนูนะ ทำต่อเลย  :hao6:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย  คุณขา
พอตกลงเป็นแฟนกันได้ ก็หวานกันจน เบาหวานขึ้นตาเลยจ้าาาาาา

 :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
นิดๆพอกรุบกริบ รอเวลาจัดเต็ม :z1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ้า ไม่ยอมกันเลยจ้า ไหลลื่นเลยนะ
ชอบสระที่ซื่อตรงดี ไม่มีกั๊ก

พยัญชนะก็เทคแคร์มาก เอาใจมาก
แถมใจเย็นพอที่จะรอมากกว่าจะรุกหนัก

คนตามใจแฟน คนยอมแฟน ก็จะใครล่ะ
ทั้งพยัญชนะ และสระ ไม่ยอมแพ้กันเลย


ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3

Twenty-five

(ล.) : ลูกอม (ละลาย)

 

[พยัญชนะ]


ผมตื่นได้สักพักแล้ว แต่ไอ้ดื้อน่ะยังไม่ตื่น เจ้าตัวนอนเอาหน้าผากแนบกับหน้าผากของผม และเราสองคนยังคงกอดก่ายกันราวกับอีกฝ่ายเป็นหมอนข้าง

นอนมองใบหน้ายามหลับของคุณแฟนมาสักพัก ผมมีความสุขจนยิ้มไม่หุบ ยิ้มมาเป็นชั่วโมงได้แล้วมั้ง เฮ้อ ก็ใครใช้ให้แฟนผมน่ารักล่ะ น่ารักไปทั้งตัวเลยด้วย

“อื้อ”

สระยู่หน้าเล็กน้อยเมื่อผมเอานิ้วไปจิ้มแก้มเขาเล่น อย่างที่ผมเคยบอก คนอื่นมองว่าสระหล่อ หน้าตาดี เป็นเด็กวิศวะฯ ห้าวๆ คนหนึ่ง แต่สำหรับผมเขาน่ะโคตรจะน่ารัก ตอนงอแงใส่ผมเพราะหิว ร้อน หรือง่วง ตอนโวยวายที่โดนล้อ โดนแซว ตอนอ้อนขอให้ผมทำอะไรบางอย่างให้ หรือแม้แต่ตอนที่เขาเขินอายใส่ผมจนทำอะไรไม่ถูก

น่ารักไปหมดทุกอย่างจริงๆ นะครับ น่ารักเท่าโลกเลย

ลมหายใจอุ่นๆ ของสระเป่ารดเหนือริมฝีปากของผม ปากอีกฝ่ายบวมเจ่อเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนเราจูบกันเยอะมาก จูบกันซ้ำๆ เหมือนไม่รู้จักพอ รสชาติแอลกอฮอล์ยังฝืดเฝื่อนอยู่ในปากของผมอยู่เลย

อ่า เมื่อคืน...หลังจากเราก้าวไปอีกขั้นกันแล้วนี่นะ ผมก็ทำความสะอาดลวกๆ แล้วลากไอ้ดื้อมานอนกอด ลูบหลังกันไปมาอยู่ไม่นานก็หลับไปด้วยกันทั้งคู่ น้ำท่าหรือแม้แต่แปรงฟันเลยไม่ได้ทำสักอย่าง ฮะๆ

“ตื่นได้แล้วสระ” พูดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มกะพริบตาปริบๆ เกลี่ยเศษขนตาที่หลุดติดอยู่ตรงหางตาเขาออกก่อนเปลี่ยนเป็นเป็นลูบแก้มขาว “สายแล้วนะ”

“กี่...โมงแล้ว”

“สิบโมงครับผม”

“หือ? สิบโมงแล้วเหรอ เมื่อคืนเรานอนกี่โมงนะ?”

ผมนึก จำได้ว่าตอนเข้ามาในห้องก็ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว อ่า “น่าจะตีสองเกือบตีสามมั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“เหรอ งั้นนี่ก็ไม่เรียกว่าสายหรอก ยังนอนไม่ครบแปดชั่วโมงเลย”

“ได้เหรอวะไอ้ดื้อ” ผมเลิกคิ้วพลางหัวเราะอย่างอดไม่ได้

คนถูกถามพยักหน้าหงึกหงัก ยกมือขยี้ตาไปด้วย “ได้ดิ”

“ครับๆ ได้ก็ได้ครับ แล้วจะเอายังไง นอนต่อเหรอ?”

“ม่ายยย” สระส่ายหน้าหวืออีกรอบ “หิวแล้ว”

“ฮะๆ อยากกินอะไรล่ะหึ?”

“พวกนั้นอะ มันตื่นกันยัง”

“ไม่รู้ดิ นะก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน ยังไม่ได้ลุกออกไปไหนเลย”

“อืมม บ้านไอ้พีจะมีอะไรให้ทำกินไหมวะ?”

ผมหวนนึกไปถึงเมื่อวาน เราซื้อของสดมาเยอะพอสมควร และผมจำได้ว่ามันยังเหลือของมากพอจะทำข้าวต้มหมูได้สักหม้อหนึ่ง ให้พวกเราทั้งห้าคนคนละชามก็น่าจะพอรองท้องได้ก่อนหาอะไรหนักๆ กินทีหลัง

“ข้าวต้มหมูน่าจะได้ มีของเหลือจากเมื่อวาน”

“กินนน”

“โอเค งั้นสระนอนต่ออีกนิดก็ได้ ไว้นะทำเสร็จจะมาเรียก”

“ไม่เอาอะ เดี๋ยวไปอาบน้ำเลย เหนียวตัวมาก” ว่าพลางลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผมต้องลุกตาม อดไม่ได้ต้องยื่นมือไปสางเส้นผมที่ยุ่งเหยิงให้เจ้าตัว เลยได้รับรอยยิ้มหวานจนตาปิดมาให้ ผมก็เลยจุ๊บปลายจมูกไปหนึ่งที มั่นเขี้ยวว่ะ อยากงับแต่กลัวโดนด่า

“ตามใจครับ งั้นขอนะอาบน้ำก่อนแป๊บหนึ่ง เนี่ย...” ชี้ตรงกางเกงตัวเองที่ไม่รู้ไปเปื้อนเอาตอนไหน “เปื้อนของใครก็ไม่รู้”

“..!” สระตาโต มองรอยเปื้อนที่ผมว่าก่อนจะกลับมาสบตาผม แล้วจากนั้นมันก็คว้าหมอนเขวี้ยงใส่หน้าผมทันที “ไอ้เหี้ยนะ!”

“โอ๊ย อะไรวะ ก็พูดความจริงอะ”

“แต่เป็นความจริงที่ไม่ควรเอามาล้อกูเว้ย!” มันโวยวายเสียงดัง รู้เลยว่าอันนี้กำลังกลบเกลื่อนความอาย “แล้วอีกอย่างมันก็อาจจะเป็นของมึงด้วยเหมือนกันปะ!?”

“เออว่ะ” ผมเบิกตาโตแข่งกับอีกคน “ตอนนั้นมึงบังคับให้รวบเอาไว้ด้วยกั...โอ๊ย!”

“หุบปากไปเลยไอ้เหี้ย!”

สระคว้าหมอนกลับไปจากมือผมแล้วเปลี่ยนเป็นยกขึ้นฟาดใส่ผมไม่ยั้งแทน เล่นเอาผมต้องโยกตัวหลบเป็นพัลวัน เมื่อคืนก็น่าจะเหนื่อยหรือแฮงก์บ้างไม่ใช่เหรอวะ แต่ทำไมเช้ามาแรงเยอะขนาดนี้ได้เนี่ย

“ไปแล้วๆ” ผมบอกพลางกระโดดหนี คว้าผ้าเช็ดตัวได้ก็พุ่งเข้าห้องน้ำทันที สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือหมอนปลิวมากระแทกประตูตอนที่ผมปิดมันลงพอดีเป๊ะ ฮะๆ

ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่กี่นาทีเพราะอยากรีบไปทำข้าวต้มให้ไอ้ดื้อกิน ออกมาอีกทีก็เห็นสระเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเช่นกัน เหลือบไปมองที่นอน...ว้าว สระเก็บพับเรียบร้อยเลยแฮะ

“อะไร?” มันถามเมื่อเห็นสายตาของผม

ผมอมยิ้ม “ก็แค่คิดว่าดีนะ...ที่เมื่อคืนไม่ได้ทำที่นอนเลอะ”

“ไอ้นะ~”

“ฮ่าๆๆ” หัวเราะอย่างอดไม่ได้ เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วจุ๊บปากบวมเจ่อนั่นหนึ่งที “ปวดหัวหรือเปล่า เมื่อคืนดื่มไปเยอะเหมือนกันนี่”

“ไม่เท่าไหร่”

“เหรอ เอายาแก้แฮงก์มั้ย?”

“ไม่เอาอะ หิวข้าวมากกว่า”

“โอเค งั้นรีบไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวกูจะรีบทำข้าวต้มให้กิน”

“เค” สระรับคำ แต่ก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไปก็นึกขึ้นได้ล่ะมั้งเลยเรียกผมเอาไว้ “ไอ้นะ”

“ว่า?”

“ถ้าพวกมันยังไม่ตื่นก็ปลุกด้วยนะ”

ผมพยักหน้ารับ เราก็เลยแยกกันชั่วคราว มันเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมเดินออกจากห้องนอนแขกมาก็เจอซากมนุษย์สามศพยังคงนอนเกลื่อนอยู่ที่พื้นกลางบ้าง

“ตื่นได้แล้วเฮ้ย!” ใช้เท้าเขี่ยไอ้ยู แต่นอกจากมันจะปัดมือใส่เหมือนปัดแมลงวันแล้ว มันยังไม่ตื่นแล้วกลิ้งตัวหนีอีกต่างหาก “เอ๊า ตื่นดิวะ เที่ยงแล้วนะ ไม่แดกข้าวกันรึไง?”

“แดกกกก” ส่งเสียงตอบรับโดยพร้อมเพรียง แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตากันอยู่ดี

หรือจะใช้มุกนี้ดี... “ถ้าไม่ตื่นงั้นกูให้สระมาปลุกนะ”

พรึ่บ!

ทันทีทันใด พวกมันสามตัวกระเด้งลุกขึ้นนั่ง ตานี่เปิดกว้างอย่างกับไปเจอผีมา ตลกว่ะ แต่อย่างน้อยวิธีนี้ก็ได้ผล พวกมันนี่แทบจะกระโจนลุกขึ้นยืนเลยด้วยซ้ำ

“เอาเมียมาขู่เหรอไอ้เหี้ยนะ” ไอ้เจ็มมองผมตาขวาง

“ไม่ได้ขู่ กูพูดจริง”

“หราาา ไอ้แม่ย้อย มึงก็รู้ว่าถ้าให้ไอ้หระมาปลุก พวกกูได้เปียกโชกแน่ แล้วบ้านกูก็จะเปียกไปด้วย” ไอ้พีแยกเขี้ยวใส่ผมอีกคน มันหันมองไปรอบตัว “แล้วมันอยู่ไหนอะ?”

“อาบน้ำอยู่ มันให้กูมาปลุกพวกมึง เดี๋ยวกูจะไปทำข้าวต้มให้แดก แต่พวกมึงอะตื่นได้แล้ว”

“โอยย ปวดหัวสัด ขอน้ำขิงด้วยได้ไหมวะ” ไอ้ยูว่าพลางบีบขมับเบาๆ

ผมพยักหน้าให้ “เดี๋ยวหายาแก้แฮงก์ให้ด้วย เก็บที่เดิมปะวะไอ้พี”

“เออ งั้นกูไปอาบน้ำก่อน” เจ้าของบ้านบอกพลางลุกขึ้นยืน แต่ก็โซเซ ดูท่าคนแฮงก์จะไม่ได้มีแค่หนึ่งแฮะ “ไอ้เชี่ย พื้นเอียงอะ”

“มึงหน้ามืดแล้วไอ้ฟาย”

“เจ็ม ถ้ามึงลุกแล้วไม่เซกูให้บาทหนึ่ง”

แล้วพวกมันก็เล่นตลกอะไรกันอีกนิดหน่อย กว่าจะพาสารร่างไปเข้าห้องน้ำกันได้ อย่างกับแก๊งเด็กโข่งไม่รู้จักโต สาบานสิว่าพวกมันเรียนปีสองแล้ว อ่า จะว่าไปผมก็มัวโอ้เอ้อยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วแฮะ สระออกมาแล้วข้าวยังไม่เสร็จ มีหวังงอแงใส่ผมอีกแน่เลย

 

บ่ายกว่าๆ ก็ได้เวลาที่พวกเราต้องกลับบ้านกลับหอตัวเองแล้ว แม่ไอ้พีกลับมาตอนพวกเรากำลังจะออกพอดี เลยได้ทักทายบวกบอกลากันนิดหน่อย ก่อนผมกับสระจะขอแยกกับไอ้ยูไอ้เจ็ม คิดว่าจะแวะซื้อของก่อนกลับหอเลยไม่อยากให้มันไปส่ง ผมคิดว่ามันสองคนก็คงอยากกลับไปนอนต่อแล้วแหละ ยังไม่สร่างเมากันสักเท่าไหร่นี่นะ

“มึงจะซื้ออะไรวะไอ้นะ”

“จริงๆ ไม่ได้ซื้ออะไรหรอก แต่อยากกินไอติมอะ”

“หะ?” สระทำหน้างง มันมองผมเหมือนเห็นเรื่องประหลาด

“ก็อยากกินอะไรเย็นๆ ไง เลยจะแวะห้างก่อนกลับหอ” ตอบพลางโบกมือเรียกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดี พอรถจอดผมก็หันมาดันสระขึ้นรถ “เร็วเข้า กินเสร็จจะได้กลับไปนอนต่อ”

“เออๆๆ”

ครึ่งชั่วโมงต่อมาแอร์เย็นของห้างก็ปะทะร่างกายเราทั้งคู่ ขนาดลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าห้างใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่แป๊บเดียวที่ว่านั่นก็ทำเอาเหงื่อผุดตามกรอบหน้าได้อย่างรวดเร็ว

“ไอติม ไอติม ไอติม” ผมพูดขึ้นเป็นทำนอง ก้าวฉับๆ เดินไปทางที่จำได้ว่าร้านไอติมอยู่ทางนั้น แต่แล้วผมก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ มือที่ว่างกลับมีมือของใครอีกคนจับประสานเข้าด้วยกัน และคนคนนั้นก็คือสระของผม

“เดี๋ยวกูหลง”

ได้ยินที่อีกฝ่ายพูดก็เล่นเอาผมหลุดยิ้มกว้าง “ทำตัวน่ารักตอนนี้กูก็ลำบากดิวะ”

“เพราะฟัดกูไม่ได้ใช่ปะล่ะ หึ”

“ไอ้ดื้อเอ๊ย”

มันเขี้ยวว่ะ อยากหยิกแก้มมม

“แล้วมึงเป็นอะไรกันแน่เนี่ย ทำไมอยากกินไอติมขึ้นมาซะงั้น”

“ไม่รู้ว่ะ จู่ๆ ก็อยาก อากาศมันร้อนมั้ง”

ถึงร้านไอติมก็เลือกที่นั่งติดกระจกมองเห็นด้านนอก สั่งแบบถ้วยใหญ่มากินด้วยกันเพราะมองว่าคุ้มกว่าแยกถ้วย เปลี่ยรสไอติมด้วยสองรสเพราะผมไม่ชอบวานิลลาเลยสั่งช็อกมินต์มา ส่วนสระอยากกินรสมะนาวเลยเปลี่ยนเอาสตอว์เบอร์รี่ออก

“อยากกินแซลม่อน”

“เอาดิ”

“แหม่ ห้ามกูหน่อยก็ได้ กูไม่มีตังค์เว้ย แซลม่อนจะแดกให้อิ่มก็เสียเป็นพัน”

ผมยักคิ้วพลางว่า “ลืมไปหรือเปล่าว่ากูเป็นอะไร? ธนาคารส่วนตัวของมึงนะครับแฟน”

“...”

“เดี๋ยวเลี้ยงเอง แฟนทั้งคนกูเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว”

“งั้นกูไม่ปฏิเสธ”

เห็นดวงตาเป็นประกายของอีกฝ่ายแล้วผมล่ะอยากจะฟัดจริงๆ เลยให้ตาย น่ารักอีกแล้ว เฮ้อ

เสร็จจากไอติมก็เดินไปกินบุฟเฟ่ต์แซลม่อนต่อ ไม่ลืมถ่ายรูปอัปลงไอจีอย่างทุกที ความจริงทั้งผมทั้งสระไม่ได้ติดโซลเชี่ยลหรอก แต่ก็มีลงรูปลงคลิปบ้างเพราะแฟนคลับเราเรียกร้องมา อ่า เรียกแฟนคลับแล้วจั๊กจี้แปลกๆ แฮะ

กว่าจะกลับหอก็เล่นเอาเกือบหกโมงเย็น คนเยอะมากและผมขี้เกียจรอรถเมล์เลยโบกแท็กซี่อีกรอบ ไอ้ดื้อแอบงอแงนิดหน่อยเพราะมันเสียดายค่ารถ รถเมล์สิบกว่าบาทกับแท็กซี่ร้อยกว่าบาท ต่างกันออกขนาดนี้แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มันรอรถเมล์อะ ผมอยากกลับไปอาบน้ำแล้ว

รถติดโคตรๆ อย่างที่คิดไว้ แต่ในที่สุดเราก็กลับมาถึงหอก่อนจะเผลอหลับบนรถ จ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยผมก็ลากไอ้ดื้อวิ่งขึ้นห้องทันที

“เปิดแอร์ๆ ห้องร้อนมากกก”

ผมเปิดแอร์ให้ตามคำขอของสระ แล้วก็ต้องรีบฉุดแขนเขาเอาไว้ก่อนจะได้เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง “อย่ามา ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

“โห่ ของีบสักสิบห้านาทีก่อนไม่ได้เหรอว้า~”

“มันจะกลายเป็นสามชั่วโมงแทนน่ะสิ ไม่ได้ ตัวเหม็น”

“ไอ้นะ~” แฟนขี้ดื้อขืนตัวไม่ยอมขยับตามแรงฉุดรั้งของผม แต่จู่ๆ เจ้าตัวก็เบิ่งตาโตแล้วถลาไปตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่มีโน้ตบุ๊ควางไว้บนนั้นพร้อมชีทเรียนอีกปึกใหญ่ “มึงงง”

“อะไรวะ?” ผมเดินตามอีกฝ่ายไป พอเห็นของที่สระหยิบขึ้นมาก็อดขำไม่ได้ “ลูกอมตั้งแต่เมื่อไหร่ โห ห้องร้อนจัดจนลูกอมละลายเลยเว้ย”

“ก็เออดิ ฮือ ไอ้นะ แล้วกูจะแดกยังไงอะ”

“ก็ไม่เห็นยาก ซื้อใหม่”

“กูเสียดายเม็ดนี้!” มันเถียง เอ๊า แค่ลูกอมเม็ดเดียวเองไหมวะ

“งั้นก็เอาไปแช่ตู้เย็น” ผมบอก แย่งลูกอมที่ละลายแล้วมาถือ “แต่ก็มีอีกวิธีนะ”

พูดพลางแกะเปลือกห่อลูกอมออก เพราะมันละลายจนเกือบเหลว ตอนห่อมันเปิดมือผมก็เลยเปื้อนน้ำเหนียวๆ ในทันที แต่ไม่เป็นไรเพราะผมต้องแตะมันอยู่แล้ว

“จะทำอะไรวะ”

“นี่ไง ทำแบบนี้” ผมปาดนิ้วเอาเนื้อลูกอมมานิดหน่อย ก่อนจะทาลงบนปากตัวเองประหนึ่งกำลังทาลิป แล้วจากนั้นก็ทำปากจู๋ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ทำเสียงจุ๊บๆๆ ด้วยอีกอย่าง “กินจากปากนี่มา”

“...”

“เร็วเข้าาา อร่อยนะ มากินเร๊ววว”

ผมหลิ่วตาหยอกล้อไอ้ดื้อ คาดหวังให้มันจุ๊บอยู่หรอก แต่อยากแกล้งมันมากกว่า ถ้าโดนตบปากกลับมาก็ไม่แปลกใจหรอกครับ ฮ่าๆ

แต่สระดันทำสิ่งที่ผมคาดหวังเอาไว้ซะงั้น!

อีกฝ่ายยื่นหน้ามาใกล้ผมก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากเปื้อนคราบลูกอมจนแวววาว แล้วไม่ได้เลียแค่ครั้งเดียวแต่ยังทำหลายครั้ง เหมือนลูกหมากำลังเลียปากเจ้าของ แต่มันพิเศษกับผมมากกว่านั้น

นี่น่ะเรียกว่าคุณแฟนเลียปาก โอยยย ช่วยด้วย น่ารักฉิบหาย ผมหัวใจจะวายแล้ว!

ลูกอมไม่ได้ละลายอย่างเดียวแล้วล่ะ เพราะผมก็กำลังละลายเหมือนกัน ใจเหลวเป็นน้ำแล้วครับ แถมไอ้ดื้อยังมีการยักคิ้วข้างเดียวให้ตอนผละออกไป

“อย่าท้อผม ผมกล้าเล่นมากกว่าที่คิดนะครับคุณพยัญชนะ : )”

อ่า ยอมแพ้เลยจริงๆ ให้ตายสิ!



_____________________________

กว่าจะเขียนตอนนี้จบ ใช้เวลานานถึงสามวัน ปกติการเขียนเรื่องนี้มักไม่นานเพราะเราตั้งใจให้มันเป็นการเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ บรรยายความมุ้งมิ้งของชีวิตในแต่ละวันของสระกับพยัญชนะ ความฟีลกู๊ดที่อ่านแล้วอมยิ้ม และหวังว่าทุกคนจะยิ้มนะคะ : )



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนูนะ แค่โดนเลียทีเดียว ไปไม่เป็นเลยนะ  :laugh:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[
คาดว่าเขาน่าจะท้ากันบ่อยๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด