IT is เต็มสิบ.4
“แอปเปิ้ลแม่งเรื่องมาก ไม่เคยสนใจไยดีผมเลย คงนึกว่าตัวเองสวยมากเลยคิดอยากทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง ผมนี่ต้องทำงานหาเงินงก ๆ ไปเลี้ยงดู”
เจ้าหน้าที่แผนกไอทีกำลังคลิกเมาส์และเล่าปัญหาชีวิตให้เต็มสิบฟังด้วยความกลุ้มใจและเต็มสิบก็พยักหน้ารับ พร้อมกับให้ข้อคิดกับน้องร่วมแผนกในการดำเนินชีวิต
“เออ”
บอกเพียงแค่นั้นและกำลังนั่งรอให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลไปเรื่อย ๆ
“พี่เต็มคิดดู ผมนะ หาเงินทุกวันนี้นอกจากซื้อฟิกเกอร์ ซื้อเกมส์ลดราคา ซื้ออนิเมะ ซื้อการ์ตูนที่มันออกใหม่แล้วก็อัพเกรดคอมใหม่ ผมไม่เคยได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลยนะพี่”
กูว่านั่นก็เยอะแล้วนะ
“มึงเป็นคนสมถะมาก”
ให้กำลังใจน้องร่วมแผนกไปอีกเล็กน้อย และเจ้าของปัญหาชีวิตรักที่แสนกลัดกลุ้มใจก็พยักหน้าตาม รู้สึกปลาบปลื้มใจที่เต็มสิบเห็นความดีงามในขณะที่แอปเปิ้ลไม่เคยเห็น
“นี่ผมก็ประหยัดสุด ๆ แล้วมีใครทำได้อย่างผมอีก”
“กูว่าไม่น่าจะมี”
เต็มสิบลุกขึ้นยืน บิดกายไปมาด้วยความเมื่อยล้าและปรบมือสามครั้งเพื่อปลุกน้องร่วมแผนกให้ตื่นจากอาการเซื่องซึมยามบ่าย
“เอ้า ได้เวลาแล้ว เรามาทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย T25 กันนะครับทุกคน”
ปลุกเพื่อนร่วมแผนกที่มีรวมกันอยู่สามคน และมะเฟืองที่กำลังกลุ้มใจกับปัญหารักก็ยืนขึ้นและขยับร่างกายไปมาด้วยสเตปเดิม ๆ ที่ทำอยู่อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ
“ต่อไปเป็นท่า คลิกเมาส์”
“คลิก คลิก คลิก เรามาคลิก คลิก คลิก แล้วก็คลิก คลิก คลิก แล้วก็รอ รอ รอ”
ขยับนิ้วไปมาตามจังหวะพร้อมทั้งหมุนเอวไปด้วย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานิ้วล็อคอย่างยั่งยืน
“ท่าที่สอง ชิบหาย คอมค้าง”
“ชิบ ชิบ หายแล้ว แล้ว แล้ว แม่ง มันชิบหายแล้ว เราก็นวด นวด นวด”
ท่าเต้นนวดขมับเพื่อคลายจากอาการเมื่อยล้าเมื่อต้องใช้สายตาในการเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์คือท่าโปรดของทุกคน
“เป็นงายยยยยยยยยยยย เพื่อน ๆ รู้สึกดีขึ้นม้ายยยย เต็มอยากให้คนไทยบินด้ายยยย”
เพราะงานมันน่าเบื่อ เลยต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง เต็ม บอดี้สลูน ชูมือขึ้นและแฟนคลับที่มีอยู่สองคนถ้วนก็กรี๊ดกร๊าดให้กำลังใจพี่เต็มกันอย่างเต็มที่
“ไม่หนักไปหน่อยเหรอพี่”
“กูว่ากำลังกลมกล่อมพอดีนะ”
ถ้าหัวหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย แล้วลูกน้องจะไปขัดใจทำไม
“เอ้า เชิญครับ เชิญนั่งลงได้ แฟนคลับทุกคน ทีนี้เราจะมาประชุมกันด้วยเรื่อง การเต้นที่จะมีขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ของบริษัทเรา”
เตรียมปรึกษาหารือและทำการประชุมอย่างเคร่งเครียด และมะเฟืองก็ยกมือเสนอความคิดเห็น
“ผมอยากคอสเป็นสาวโมเอะครับ มันพอจะมีแนวทางเป็นไปได้มั้ยครับ ผมคิดว่า การเป็นสาวดุ้นจะทำให้คนอื่น ๆ ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ”
“ความคิดนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ งานปีใหม่เราควรให้เกียรติเจ้าของงาน ซานตาครอสน่าจะเหมาะกว่า”
“อย่าตีกันครับ ท่ามือเปล่าอาจทำให้เจ็บหนัก เอาคียร์บอร์ดไปคนละตัวและฟาดหัวกันไปมาจะดีกว่าครับ”
ไร้สาระกันถึงขีดสุด และมะเฟืองก็ทรุดลงไปแนบหน้าอยู่บนโต๊ะวางคอมพิวเตอร์
“รื้อระบบอีกแล้ว ชิบหายเอ้ยยย”
“ทำไป”
กลับเข้าสู่สภาวะปกติ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีสามคนที่หากิจกรรมพิเศษทำแก้ง่วงในช่วงบ่ายก็กลับมาคร่ำเคร่งกับงานของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย
“แผนกการเงินจะเอาอะไร สรุป นี่กูยังจับประเด็นสำคัญไม่ได้เลยรู้แต่จะเอายอดผลรวมให้ลิ๊งกับของแผนกขาย ปวดประสาทมาก”
“เรื่องมากชิบ แนะนำอะไรก็ไม่เอา”
ได้แต่บ่นพึมพำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าตั้งหน้าตั้งตาทำงาน
“พี่เต็มตกลงไปซ้อมเต้นเป็นยังไงบ้าง ท่ายากมีมั้ย”
ท่ายากห่าอะไร
“เหมือนที่เต้นตอนสมัยมึงเข้ามาเรียนในคณะใหม่ ๆ เอาตามฟิล”
แปลว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะปัญหาใหญ่ที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของท่าเต้นแต่เป็นเรื่องคน
“คุณธีลูกรักของบอส คงได้หน้าไปเต็ม ๆ อีกแล้วงานนี้”
เต็มสิบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และหัวเราะด้วยความสบายใจ
“อย่าพูดจาไม่ให้เกียรติเขาแบบน้านนน มันม่ายดี”
สายตาจ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และในเวลาถัดจากนั้นไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องควบคุมระบบก็ถูกเปิด พร้อมกับที่ธีรพลโผล่หน้าเข้ามาและกำลังแสดงสีหน้าหงุดหงิดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไหนบอกว่าสิบนาที ผมยืนรอคุณมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมไม่รักษาเวลา”
อ้าวเหรอ
ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ว่ายืนรอ
“นี่ถ้าคุณไม่บอกผมไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว อุ้ยตายห่า นาฬิกาผมตาย โทษที”
ใครเชื่อก็บ้า และธีรพลก็นึกอยากจะหาอะไรขว้างหัวคนที่ใช้ข้ออ้างว่านาฬิกาตายทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่านาฬิกาที่ติดอยู่ที่ฝาผนังตัวเลขใหญ่ขนาดไหน
“คุณนี่แม่ง”
“อ้าว ทำไมหยาบคายอย่างนั้นล่ะครับ คุณธีรพล เดี๋ยวน้อง ๆ ของผมซึมซับคำพูดแบบนี้แล้ว กลายเป็นเยาวชนที่ไม่ดีของชาติขึ้นมาจะทำยังไง”
ให้ข้อคิดเห็นที่คนฟังแทบอยากกระอักเลือดตายและเต็มสิบก็ลุกขึ้นยืนและถอดนาฬิกาวางไว้บนโต๊ะ
“ฝากดูแลนาฬิกาพี่ด้วย”
ฝากฝังแม้กระทั่งนาฬิกา และเต็มสิบก็เดินนำโดยมีธีรพลที่หน้าหงิกหน้างอแสดงสีหน้าให้รู้ว่าไม่พอใจเดินตาม
“ถ้าไม่เพราะว่ามันเป็นงานสำคัญผมไม่มีวันถ่อมาที่นี่เด็ดขาด”
“แต่เมื่อวันก่อนคุณก็มานะ มาดึกด้วย”
เถียงคำไม่ตกฟาก และธีรพลก็ได้แต่อ้าปากค้างและกำลังหงุดหงิดโมโหที่ต้องเป็นฝ่ายมาง้อให้เต็มสิบสอนเต้น
“ผมมีเวลาแค่ยี่สิบนาที เพราะฉะนั้นต่อจากนี้คุณต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ไม่อย่างนั้นผมก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้”
พื้นที่ข้างตึกในเวลาหกโมงเย็น ไม่มีใครเดินผ่านไปมาแล้ว เหมาะสมที่สุดในการซุ่มซ้อมฝึกเต้นและธีรพลก็ได้แต่จำใจยอมรับให้เต็มสิบสอน
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ช่วยพัฒนาทักษะการเต้นให้กับคุณธีรพล”
แปลว่า มึงแม่งกาก แค่นี้ก็เต้นไม่ได้ เป็นประชาสัมพันธ์ได้ยังไง
“ผมหน้าตาดี ไม่จำเป็นต้องมีทักษะพวกนี้ก็ได้”
“ก็หลงตัวเองดีเนอะ”
เต็มสิบบ่นพึมพำเสียงเบาและเริ่มออกสเตปในทันที
“ห้า หก เจ็ด แปด เอ้าพร้อม”
ธีรพลไม่รู้ว่าตัวเองพร้อมหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ ๆ คือตอนนี้เริ่มอยากร้องไห้ แค่ท่าเปิดตัวก็อุบาทว์ได้ใจแล้ว ชีวิตนี้ยังจะมีอะไรเหลืออีก
“...................”
นี่กูต้องเต้นแบบนี้จริง ๆ เหรอวะ เพื่อชัยชนะจากการแข่งขันในวันปีใหม่ ถึงกับต้องทำแบบนี้เลยเหรอ
“อย่าอาย ไม่ต้องอาย วันงานคนเยอะแยะ”
ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เหมือนเป็นการซ้ำเติมกันมากกว่า และธีรพลก็ได้แต่ยืนนิ่งงัน เมื่อสเตปอื่น ๆ ของเต็มสิบเริ่มตามมา
ลาก่อนชีวิต
ภาพพจน์หนุ่มหล่อ มีมาด น่ารัก ที่เป็นที่จดจำ คงไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้อีกแล้วจริง ๆ
TBC.