บทที่ 8 (ต่อ)
วสุไม่ได้บอกเอกภพเรื่องตัวเองไปที่ดาดฟ้าโรงเรียนมา แต่พวกเขายังคงไปมาหาสู่กันเรื่อย จนกนกกรซึ่งเป็นป้าถึงกับเปรยขึ้นมาในวันหนึ่ง หลังเธอจัดการปิดต้นฉบับหนังสือของตัวเองไปได้อีกเล่ม
“เออ..เจ้าเอกข้างบ้าน จริง ๆ เขาก็น่ารักดีนะ”
“หือ?”
เป็นแพรวพิมพา ลูกสาวคนโตที่หันไปเลิกคิ้วใส่มารดาตัวเอง ส่วนเขากับภัทรพักตร์นั่งเล่นเกมกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“นั่นไง” เจ้าบ้านหญิงบุ้ยใบ้ไปยังโต๊ะอาหารอีกมุมหนึ่งของห้อง “เมื่อเช้าเพิ่งเอาขนมมาฝากด้วย เคยคิดว่าเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบสุงสิงกับใครแท้ ๆ”
“เขาจะวางยาฆ่ายกครัวเรารึเปล่า” ภัทรพักตร์ขัด “ให้พี่แพรวชิมก่อนเลย”
“ปากเรอะนั่น” พี่สาวสวนทันควัน ผลักน้องชายหัวทิ่มหนึ่งครั้งแล้วเดินไปหยิบดูว่ามีอะไรบนโต๊ะบ้าง “อ๊ะ..เค้กแหละแม่ น่ารักอะ”
“เอ้อ ครั้งก่อนก็มีเค้กนะ อยู่ไหนไม่รู้”
“หนูกินหมดไปแล้วละ” แพรวพิมพายักไหล่ อุ้มถุงไปทางตู้เย็น “อร่อยดีนะคะ ร้านเดิมด้วยไหมนี่ เออ...จริงด้วยสิ ร้านทานตะวัน ร้านประจำเขารึไง เห...มีมาการองด้วยอะ”
“แสดงว่ากินแล้วรอดสินะ” ภัทรพักตร์แทรก “งั้นแบ่งมั่งดิ”
“เงียบเลย” เธอโวย “กินแล้วตาย เพราะงั้นเดี๋ยวพี่กินเอง นายหุบปากไป”
“งกว่ะ” เขาว่า จากนั้นหัวเราะเอิ๊กอ๊าก รัวเมาส์หนูใช้สกิลในเกมไปด้วย “ต้องขอบใจวสุรู้ปะ ไอ้นี่มันซี้กับพี่เอกอะ”
“อ้อ..” กนกกรตีฝ่ามือบนต้นขาตัวเองเบา ๆ “มิน่าล่ะ จริงสิ พอวสุมาอยู่ด้วย เลยเหมือนได้ทั้งลูกชายทั้งเพื่อนบ้านเพิ่มอีกคนเลย”
“หมาอีกตัวด้วยครับ” วสุอ้อมแอ้มถึงดุ๊กดิ๊ก
“กับแมวอีกหนึ่ง” ภัทรพักตร์ช่วยต่อ ปรายตาไปทางไอ้ขาวที่ตอนนี้เข้ามานอนอืดอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้ว “ตกลงเลี้ยงนะแม่นะ”
“ก็เอาสิ” เธอเออออ หยิบยางวงอันเล็กมาเกี่ยวนิ้ว จะแกล้งยิงใส่แมวแต่พลาดไปโดนน่องลูกชายตัวเอง
“อู้ย! แม่!”
“ฮ่า ๆ ๆ ขอโทษ” เธอยกมือเหมือนปางห้ามญาติ “แม่พลาด”
“พลาดก็ให้พลาดไปโดนวสุดิแม่อะ”
“อ้าว” คราวนี้เจ้าของชื่อท้วงขึ้น “ไหงเป็นฉันล่ะ”
“เออ ๆ งั้นคราวหน้าแม่ยิงทั้งคู่เลย ฮ่า ๆ ๆ” กนกกรหัวเราะชอบใจ งานคราวนี้เสร็จแล้วดูจะอารมณ์ดีผิดปกติ โดยเฉพาะหลังจากได้นอนหลับเต็มตาหลังทำงานหามรุ่งหามค่ำมาหลายคืน “เออนี่ ว่าแต่ไอ้ดำนั่—”
“ไอ้ขาว” ภัทรพักตร์ขัด หันไปพยักพเยิดกับวสุพร้อมรอยยิ้มแบบรู้กัน
“เออ ๆ นั่นแหละ” เธอจิ๊ปากขัดใจลูกชาย “ไอ้ขาว เอามันไปฉีดวัคซีน ไปหาสัตว์แพทย์ก่อน ตัวผู้ด้วย ทำหมันก็ดีนะแม่ว่า”
“แม่พาไปดิ” เขาโบ้ย
“อยากเลี้ยงก็พาไปเองสิ”
“วสุต่างหากที่อยากเลี้ยง”
“อา..นั่นสิ” ผู้ถูกซัดทอดรับคำง่าย ๆ เสียอย่างนั้น “งั้นเดี๋ยวผมพาไปครับ”
“เฮ้ย แกต้องเถียงสิ”
“อ้าว..เหรอ” วสุทำหน้าเหลอหลา “แต่มีคลินิกอยู่อีกซอยนี่เอง พี่เอกบอกว่าถ้าจะเลี้ยงให้พาไปตรวจกับฉีดวัคซีนก่อน..”
“แล้วเขาบอกว่าจะพาไปด้วยรึไง”
“อือ”
“เฮ้ย!” ภัทรพักตร์โวยอีกครั้ง ส่ายหน้าขัดใจ “ช่วยเถียงสักคำเถอะไอ้บ้านี่ ถามจริงถามประชดก็เออออไปหมด”
“..ก็มันจริงนี่นา”
กนกกรฟังแล้วหัวเราะร่า โบกมือให้เด็ก ๆ พลางส่ายหน้าด้วยท่าทางเหมือนผู้มากประสบการณ์ “ใครพาไปก็เหมือนกันแหละ เอ้อ แต่เจ้าเอกนี่น่ารักดีนะ หนังสือเล่มหน้าแม่เขียนเรื่องหมาเรื่องแมวดีกว่า เดี๋ยวไปขอเขาก่อน”
“ใช่เรื่องไหมเนี่ยแม่”
“ใช่สิ!” เธอยืนยัน ลุกขึ้นเดินอาด ๆ ตามลูกสาวไปในครัว จากนั้นสองแม่ลูกก็เงียบไป ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีขนมเหลือมาถึงหนุ่ม ๆ ร่วมบ้านบ้างหรือเปล่า
“เออ..นะ” ภัทรพักตร์หัวเราะแห้ง หันมาถามวสุ “แล้ววันนี้ไง? ไปเล่นบ้านนั้นปะ”
“นึกอยู่”
“ชอบเขาดิ?”
อึ้งไปครู่หนึ่งเลยเชียว และถึงจะหน้าร้อนผ่าว แต่ก็รับคำ “..อือ”
คนฟังเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นเอ่ยออกมาเบา ๆ
“เพิ่งรู้ว่าแกเป็นเกย์”
“เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน”
“ไม่ปฏิเสธอะไรเลยเหรอวะเฮ้ย!?” อีกฝ่ายขำ เอาศอกกระทุ้งไหล่เขา
“..ก็เรื่องจริง..” วสุอ้อมแอ้ม ก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง ปล่อยอีกฝ่ายตีมอนสเตอร์ในเกมโครมคราม “..เกลียดเกย์ไหม”
ภัทรพักตร์พ่นลมหายใจพรืด “เกลียดก็ไล่ออกจากบ้านแล้ว” ว่าพลางกดหมุนตัว ฟาดมอนสเตอร์ไปอีกหนึ่งฝูง
“..นั่นสิ” ทางนี้ก็เออออห่อหมกไปอีกรอบ
“งั้นไปเลยปะ” คนข้าง ๆ เอ่ยทีเล่นทีจริง
“อ้าว ตกลงคือไล่เหรอ”
“ไปเล่นไง” อีกฝ่ายตอบกลั้วหัวเราะ “วันนี้เขาว่างนี่ เอาไอ้ขาวไปฉีดวัคซีนวันนี้เลยก็ได้ ยิ่งร้อน ๆ เดี๋ยวบ้า”
“ติดเกมเลยขี้เกียจพาไปเองละสิ”
ภัทรพักตร์ยักไหล่ “ก็แกจะเลี้ยงไม่ใช่รึไง”
“นายก็บอกจะเลี้ยงด้วยนี่นา”
“งั้นยกให้”
“อา..” ไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ เลยก้มลงเอามือรวบพุงแมวแล้วลากออกมาจากใต้โต๊ะ ร้องเรียกเหมียว ๆ ไปด้วย
แมวอิดออดโก่งค่าตัวเล็กน้อย จากนั้นยอมโดนลากออกมาแต่โดยดี พอโดนอุ้มก็ดีดดิ้นนิด เรียกคะแนนความยากขึ้นอีกหน่อย จากนั้นกรนครืด ๆ อยู่ในอ้อมแขนวสุ หลับพริ้มอย่างเปรมปริ่ม อาจเพราะเมื่อคืนเที่ยวดึก ป้อสาวประสาแมวหนุ่ม ไม่ได้รู้ชะตาชีวิตตัวเองหลังจากนี้เลย
“งั้นไปนะ เดี๋ยวมา”
ภัทรพักตร์พยักหน้า วิ่งลุยเข้าหามอนสเตอร์ ฟาดเรียบไปอีกหนึ่งฝูง
วสุอุ้มแมว เดินดุ่ม ๆ ไปหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านเอกภพ ชะเง้ออยู่อึดใจเดียว ยังไม่ทันได้กดออดก็ถูกเห็นเข้าเสียก่อน ชายหนุ่มทำมือเป็นเชิงบอกว่าให้เข้ามาได้เลย ประตูรั้วไม่ได้ล็อค
เขาปล่อยแมวลง จากนั้นเดินลอยชายเข้าไปข้างใน รู้สึกอย่างกับที่นี่เป็นบ้านตัวเองอีกหลัง เอกภพก็คงคิดไม่ต่าง ระยะหลังมานี้จึงปล่อยเขาสำรวจตรงโน้นตรงนี้ทั่วบ้าน แม้แต่ห้องนอนเจ้าตัวก็ยังเคยเห็นมาแล้ว แต่ไม่กล้าแสดงอาการสนอกสนใจ เห็นแค่ผ่าน ๆ ก็ไปชื่นชมบริเวณอื่น ส่วนห้องสีขาวที่เคยเกิดปัญหากันคราวนั้น แม้เอกภพจะไม่ได้ห้าม ทว่าเขารู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ควรไปแตะต้องมันอีก
“พี่เอกกินข้าวยัง” เขาถาม พยายามเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเท้าไอ้ขาวเหมือนเป็นทาส มีเอกภพช่วยเกาคางให้แมวเคลิ้มอยู่อีกฝั่ง จะจับอาบน้ำก็ยังไม่กล้า ท่าทางปกติคงไม่ได้อาบมาตั้งแต่เล็ก ๆ
“เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้า “เราล่ะ”
“กินแล้วครับ”
“ขนมได้กินด้วยไหม”
“เค้กน่ะหรือครับ?”
“มาการองด้วย” เอกภพขยายเพิ่ม “ร้านอร่อยเลย”
“สงสัยเสร็จพี่แพรวกับป้าแต๋วแล้ว” ว่าพลางหัวเราะ “พี่แพรวดูจะชอบมาก”
“อ้อ แย่งไม่ทันละสิ”
“เลดี้เฟิร์สครับ ภัทรแซวว่าเป็นอะไรขึ้นมาก็สุภาพสตรีนี่แหละไปก่อน”
เอกภพยิ้มละมุน “งั้นเดี๋ยวเอาไปฝากอีก นี่ฝากเจ้าคิมซื้อ พวกสอยมาซะเพียบเลย”
“คิม? พี่คิมน่ะหรือครับ” วสุเลิกคิ้ว “..คนที่มาวันนั้น ปีนรั้วบ้านพี่ด้วย”
“อ้อ เจอกันแล้วนี่นะ” ชายหนุ่มพยักหน้า ปล่อยแมวลงเดินเมื่อเห็นว่าสะอาดแล้ว “รายนั้นชอบปีนรั้ว ประตูก็มีไม่ค่อยเข้าหรอก”
“เขาน่ารักดี”
“ตัวแสบเชียวละ”
“จริงหรือครับ?”
“ไม่เห็นตอนยิ้มเจ้าเล่ห์หรือ” อีกฝ่ายว่า “ฟังวีรกรรมแล้วปวดหัวแทนภพขึ้นมาเชียว”
“ภพ?”
“แฟนเขาไง เคยเห็นผ่าน ๆ เหมือนกันใช่ไหม”
“อ้อ พี่ภพ คนหน้าดุ ๆ นั่น”
เอกภพดูชอบใจกับความเห็นตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม “ตอนนี้เป็นหมอฟันอยู่โรง’บาลใกล้ ๆ นี่เอง คิมเลยมาเที่ยวบ่อย ฝากซื้อขนมได้ เค้กนั่นก็จากร้านประจำเขาละ”
“คิดถึงเขานะครับ ถ้าได้เจออีกคงดี..” วสุพึมพำ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถึงในฐานะอะไร ตอนเจอกันครั้งแรกเขานึกไม่ออก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าคิมหันต์กับตี๋เล็กในความทรงจำเขาก็คนเดียวกันนั่นละ เพียงแต่ยังไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้เอกภพฟัง
“อยากเจอไหมล่ะ”
“เอ๋?”
“คงยังขลุกอยู่ที่บ้านพักของสามภพนั่นละ” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด “ทางนั้นก็บ่นว่าอยากเจอเหมือนกัน..”
เอกภพเหลือบมองวสุที่นั่งตาแป๋ว อดลังเลอยู่นิดหน่อยไม่ได้ หากพาไปเจอกันเข้าละก็ คิมหันต์ที่โตมาหูไวตาไวอย่างไม่น่าเชื่อ คงต้องจับสังเกตอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนี้ได้แน่ ๆ แล้วถ้ารู้เข้าจะดีหรือเปล่า
“อยากครับ”
แต่วสุว่าอย่างนั้น น้ำเสียงกระตือรือร้นมาเชียว
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนใจ คิดขึ้นมาได้ว่าเอาเถอะ ดีหรือไม่ดี ให้วสุคิดเองคงเหมาะกว่า
“งั้นไปเลยไหม? เดี๋ยวได้แวะถามสัตว์แพทย์ด้วย ว่าถ้าจะดูเรื่องวัคซีนกับทำหมันแมว จะฝากไว้ให้งดน้ำงดอาหารที่โน่นแล้วทำเลยได้หรือเปล่า”
“งดน้ำงดอาหาร?”
“ใช่สิ” เขามองวสุที่ทำท่าเป๋ออีกแล้ว “จู่ ๆ จะหิ้วไปให้ทำเลยไม่ได้หรอกนะ ต้องเตรียมที่ทางไว้ดูแลต่อช่วงพักฟื้นด้วย”
“อา..” วสุดูจ๋อยไปนิดหน่อย “...แพงไหมนะครับ”
“หือ?”
“คือ..” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม “..เงินเก็บก็มีอยู่บ้าง แต่ห่วงว่าอาจจะไม่พอ ไม่งั้นอาจต้องเลื่อนไปก่อน”
“ไม่น่าแพงหรอก”
“สักประมาณเท่าไร พี่เอกพอรู้ไหมครับ”
“เอ..” เอกภพทำท่าครุ่นคิด จ้องมองเด็กหนุ่มที่ทำท่าลุ้นไปด้วย จากนั้นรอยยิ้มน้อย ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปากอย่างกับสมัยตอนยังเป็นวัยรุ่น “ก็สัก..เท่านี้”
ว่าพลางเอานิ้วชี้แตะที่ปากตัวเองเบา ๆ
“...?”
แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับมุก ยืนจ้องเขาแล้วเหวอใส่ ทำเอาคนพูดหน้าม้านไปนิดหน่อย
“อา..ช่างเถอะ” เขายกมือตบหน้าผาก ส่วนมืออีกข้างโบกไปมาเหมือนอายตัวเอง “เล่นแบบนี้กับเด็กมันไม่ดีสินะ”
อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก พลันพวงแก้มก็ขึ้นสีแดงจัด มองกลับมาตาปริบ ๆ
“...จูบ..หรือครับ?”
ทั้งที่แสดงออกไปอย่างอ้อม ๆ แต่เด็กคนนี้ช่างตรงดิ่งเป็นไม้บรรทัดเสียจริง
“...ผมจูบพี่เอกได้ใช่ไหมครับ?”
คราวนี้เอกภพเป็นฝ่ายแปลกใจเองแล้ว เขาต่างหากไม่ใช่หรือที่ควรถามแบบนี้
“..แล้วทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยงง ๆ “เอ้อ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เอาตัวมาแลกเพื่อเป็นค่าดูแลแมวหรอกนะ พี่ก็พูดเล่นไปงั้น ยังไงก็จะดูให้อยู่แล้—”
ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เด็กหนุ่มกลับเขย่งบนปลายเท้า พร้อมกับเอื้อมมือมาโน้มคอเขาเบา ๆ ก่อนริมฝีปากนุ่มนิ่มจะแนบเข้ามาจนสนิท แช่อยู่ครู่หนึ่งเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี แถมยังหลับตาปี๋ทั้งที่เป็นคนเริ่มจูบเองเสียด้วย
เอกภพรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่เวลาผ่านไปอีกฝ่ายก็ยังทำตัวไม่ถูก จนวสุตัดสินใจว่าถอยดีกว่านั่นละ เขาจึงได้ยกมือขึ้นประคองสองข้างแก้มของเด็กหนุ่ม รั้งไว้ไม่ให้ขยับหนี จากนั้นค่อยละเลียดชิมริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นทีละน้อย รุกล้ำไปเรื่อยจนเลยจากที่คิดไว้แต่แรกมาไกลโข กว่าจะแยกจากกันอีกครั้ง ปากชมพูเรื่อตอนแรกก็กลายเป็นสีแดงสด ส่วนเจ้าของปากยืนทำหน้าเลิ่กลั่กจนน่าเอ็นดู
“ถ้ามีคราวหน้า จะจูบแบบนี้นะ”
เขากระเซ้า เห็นแก้มแดงจัดแล้วก็อดไม่ได้จะฝังจมูกลงไปอีกครั้ง เจ้าตัวหดคอหนีตั้งแต่กดลงไปได้หน่อยเดียว เหลือกลิ่นสบู่จาง ๆ ติดอยู่ตรงปลายจมูก กับใบหน้าที่แดงเรื่อใบถึงหู
เด็กหนุ่มก้มหน้า อ้อมแอ้มไปเรื่อย “...ทางผมก็...ที่จูบไม่ใช่เพราะอยากจะใช้เป็นค่าดูแลแมวหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะ...ชะ...ชอบพี่.."
ประโยคท้ายแผ่วราวเสียงกระซิบ ใจเขาเต้นแรงจนแน่นหน้าอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"...ว่าแต่..จูบแบบแตะเฉย ๆ ไม่ได้หรือครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะกับบรรยากาศที่เหมือนจะเปลี่ยนไปทันที ไม่ยอมตอบคำถามเด็ก แต่หันไปพูดเรื่องอื่นแทน
“เอาละ ไปกัน” เขาเอ่ยชวน วางมือบนศีรษะอีกฝ่ายแล้วยีเบา ๆ “ไปบอกป้ากับลูกพี่ลูกน้องก่อนไหม เขาจะได้ไม่เป็นห่วง ระหว่างนั้นเดี๋ยวพี่หาตะกร้าแบบมีฝาปิดให้ขาวด้วย”
วสุดูเหมือนยังไม่หายเขิน แต่ก็พยักหน้าน้อย ๆ เหลือบมองแมวตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะขอตัวไปบอกป้าก่อน เหลือเขาอยู่ลำพังในบ้าน (หากนับเฉพาะมนุษย์) ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง รู้สึกได้ว่ามันยังอุ่นอยู่เลย ในอกก็อุ่นด้วยเหมือนกัน พอคิดอย่างนั้นแล้วก็อดไม่ได้จะคลี่ยิ้มออกมา ห่างเหินความรู้สึกแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ
ชายหนุ่มยืนยิ้มค้างกับตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ แต่พอเหลียวไปเห็นสายตาทั้งแมวหมาที่พากันมองมาโดยมิได้นัดหมาย ก็ถึงกับต้องโบกมือไปมาอย่างหมดมาด ดุ๊กดิ๊กทำตาใส แลบลิ้นแหะ ส่วนแมวดำดูหน้าเหวี่ยงขึ้นแบบไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า
“มองอะไรกันเล่าเจ้าพวกนี้!”
ระแวงกระทั่งสายตาสัตว์เลี้ยง เอกภพคิดว่าตัวเองเริ่มอาการหนักแล้วจริง ๆ
เขาเดินผ่านพวกมันไป ทำเป็นไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นสองคู่ รื้อหาตะกร้าแบบมีฝาปิด คุ้นว่าเคยมีอยู่ใบหนึ่งในบ้าน น่าจะอยู่ในห้องเก็บของ หลังจากค้นอยู่ครู่หนึ่งก็ได้มาไว้ในมือ สภาพยังดีทีเดียว ฝุ่นเกาะนิดหน่อย แต่ปัด ๆ เอาก็ใช้ได้ เหลือแค่หิ้วเป้าหมายลงภาชนะ ตั้งใจว่ารอวสุมาก่อนค่อยอุ้มใส่ตะกร้า
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมา ยิ้มร่าแล้วบอกว่าโอเคแล้ว เดินไปร้องเหมียว ๆ เรียกแมวดำที่เอาแต่ซุกอยู่ใต้ตู้ ราวกับสัมผัสได้ถึงลางไม่ดี
“ขาว” เด็กหนุ่มร้องเรียก ยื่นมือเข้าไปหา ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จ “ไม่ออกมาจริงหรือ”
แมวเบือนหน้าหนีอย่างทระนงตน ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เรียกเหมียวแบบโง่ ๆ แค่นั้นคิดว่าจะหลงกลหรือ คลินิกกับอะไรหมัน ๆ ดูเป็นเรื่องไม่ดีเลย ขนที่หางแมวลุกชันไปหมด
“เหมียว ๆ ๆ”
หึ!เสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากกระเป๋าเด็กหน้าง่วง จากนั้นตามด้วยกลิ่นคุ้น ๆ
ขาวทำจมูกฟุดฟิด ขนหางหยุดการเตือนภัยชั่วคราว ยื่นหน้าเข้าหาเส้นเหลือง ๆ ซึ่งถูกยื่นเข้ามาจ่อใต้ปลายจมูก จากนั้นลองงับดูเบา ๆ ทั้งกลิ่นและรสมันใช่!
ปลาเส้น...อา...เจ้าทาสเด็กช่างรู้ใจแมวนัก
แมวดำเล็มปลาเส้นไปเรื่อย ขณะที่มือวสุก็ห่างออกไปทีละน้อยจนต้องขยับตาม ใช้ปลาเส้นเพียงไม่กี่อัน แมวดำก็มุดออกมาจากใต้ตู้ มีดุ๊กดิ๊กและเจ้านายของมันมองวสุอย่างนึกทึ่งนิดหน่อย
ดุ๊กดิ๊กฟาดหางตุบ..ตุบ เบา ๆ บนพื้น นั่งเป็นกำลังใจให้ขาว มันรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแมว เพราะมันเคยผ่านมาแล้ว หลังจากนายพูดอะไรเกี่ยวกับคลินิกและการทำหมันนั่นละ แต่ดูเหมือนขาวยังไม่รู้..ซึ่งมันคิดว่าอย่าเพิ่งรู้อาจจะดีกว่า
วสุอุ้มแมวซึ่งยังเคี้ยวปลาเส้นหงับ ๆ อยู่ในปาก จากนั้นหย่อนลงตะกร้าเบามือ โปรยเส้นเหลือง ๆ นั้นลงไปอีกหน่อยให้แมวตายใจ จากนั้นปิดตะกร้าฉึบ ก่อนนายจะพาเดินออกไป เรียกดุ๊กดิ๊กตามไปอยู่บ้านหมาด้านนอกด้วย ลูบหัวมันแปะ ๆ บอกว่าฝากดูแลบ้านแทนนายหน่อย
มันกระดิกหางรับ จากนั้นหันไปเอาหัวดันขาวสุเบา ๆ นับเด็กคนนี้เป็นนายน้อยของตัวเองอีกคน วสุก็ใจดี นอกจากเกาหัวเกาหูให้แล้ว ยังเลื่อนมาเกาคางให้ด้วย แถมวันนี้ยิ้มแฉ่งแก้มแดง ไม่ร้องไห้เหมือนตอนเจอกันใหม่ ๆ แล้ว นายดูชอบใจเมื่อเห็นวสุยิ้ม ดุ๊กดิ๊กก็ชอบใจเช่นกัน
นายรักวสุ ดุ๊กดิ๊กจึงรักวสุ
และวสุรักขาว ดุ๊กดิ๊กจึงต้องรักขาวด้วยอีกตัว เงื่อนไขของมันเข้าใจง่าย แต่ทำไมขาวไม่ค่อยเข้าใจเลย
สองคนและหนึ่งตัวขึ้นรถไปแล้ว ดุ๊กดิ๊กมองตาม ยืนส่งตั้งแต่พาหนะนั้นเคลื่อนตัวออกจากบ้าน จนเสียงเครื่องยนต์หายไปจากหู ภาพรถลับไปจากสายตา เหลือมันนั่งทับยอดหญ้าซึ่งเพิ่งงอก ดินแน่นขนาดนี้ แต่หลังนายตัดแต่งพุ่มไม้ที่แน่นครึ้มออกแล้วก็ยังอุตส่าห์แทงยอดขึ้นมาได้ นั่งทับแค่นี้คงไม่ตายหรอก ก้นจะได้ไม่เปื้อนดิน กลับมาขาวได้ไม่ขู่ฟ่อ รอจนเจอกันอีกรอบเถอะ เจ้าแมวเข้าใจยาก
ใช่แล้ว มันเออออกับตัวเองและยอดหญ้า แม้ตอนนี้ขาวจะไม่เข้าใจ แถมนายกับวสุก็ยังดูงง ๆ แต่หลังทำหมันแล้วเดี๋ยวขาวอาจเข้าใจขึ้นมาเอง แล้ววสุที่รักขาวก็คงเข้าใจ นายที่รักวสุอีกทีก็จะเข้าใจไปด้วย
ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหมนะ?
อันนี้ดุ๊กดิ๊กก็ไม่ค่อยเข้าใจโปรดติดตามตอนต่อไป
เบา ๆ นะคะ มุ้งมิ้งกันบ้างเนอะ หน่วงจัดแล้วเหนื่อย TwT
นอกจากแมวหมาขโมยซีนแล้ว ลูกพี่ลูกน้องก็ยังขโมยซีนด้วยค่ะ ฮา เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าภัทรพักตร์นี่น่ารักดีเหมือนกันนะ เอ... 5555
อ่านคอมเม้นต์ สำหรับที่มีข้อสงสัยว่าวสันต์กับพี่เอกเป็นอย่างไร ถ้าอยากรู้มากขึ้น สามารถอ่านได้จากตอนพิเศษข้างล่างนี้นะคะ แทรกอยู่ในเรื่องเล่ห์รักฤดูร้อน แต่สามารถอ่านแยกเฉพาะลิ้งค์ที่จะแปะต่อไปนี้ได้ค่ะ เรียงลำดับตามนี้ได้เลย
พักยก 49.5 : Till The Spring Comes >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35616.msg2449280#msg2449280พักยก 63.5 : ภาพทับซ้อน >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35616.msg2594423#msg2594423และโดจินสั้น ๆ อันนี้ :
7 o' clock >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35616.msg2581653#msg2581653/ก็อาจจะได้เห็นอีกมุมค่ะ ^^
อนึ่ง ขอบคุณท่านที่ช่วยตอบให้ด้วยค่ะ *กอด* เรากลัวไม่เห็นเลยขออนุญาตช่วยตอบอีกคนนะคะ
พบกันบทหน้า แต่ช้าก่อน มีของแถมรีพลายถัดไปค่ะ ^^