ผู้กองที่รัก ตอนที่ 13
“เป็นไงบ้าง ผู้กองช่วงนี้มีความคืบหน้าอะไรหรือเปล่า” ผู้บังคับบัญชาเอ่ยถาม กับร่างสูงในห้องประชุมของกองสืบฯ
“ยังเลยครับ ดูเหมือนช่วงนี้ มิสเตอร์ลีจะเก็บตัวเงียบมาก”
“เป็นไปได้ไหมครับ ว่าพวกมันจะรู้แล้วว่าเราเป็นใคร” คริสออกความเห็นก่อนที่ห้องทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ
“ผมว่า อาจจะเป็นไปได้ แต่แผนการก็ต้องเดินต่อไปเรามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว ทุกคนสืบในส่วนของตัวเองไปอย่าเพิ่งทำ
อะไรจนกว่าจะมีการเคลื่อนไหวจากอีกฝ่าย เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม” ผู้การคนเก่งกำชับ
“ครับผู้การ”
“เอาล่ะ เลิกประชุมได้แล้ว ส่วนผู้กองธาร์ณ ตามผมไปที่ห้องด้วย” ว่าจบร่างโปร่งก็เดินออกจากห้องประชุมไปทันที โดยที่คนทั้ง
ห้องได้แต่ทำหน้าเครียดเพราะใกล้เส้นตายที่ผู้การให้ไว้แล้วแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่าง
“เฮ้ย อย่าเครียดสิวะไอ้ธาร์ณ” คริสบอกเพื่อน
“กูจะพยายามแล้วกัน ” ร่างสูงบอก แต่ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็อดเครียดไม่ได้จริงๆ
“ไปเถอะ ไปหาว่าที่พ่อตามึงก่อน แต่อย่าเพิ่งให้ท่านรู้ล่ะว่ามึงคิดจะกินลูกชายท่าน ไม่งั้นน้องซันของกูเป็นหม้ายแน่ๆ ฮ่าๆ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยล้อเพื่อน ก่อนจะหัวเราะร่า จนร่างสูงแทบอยากจะถีบเพื่อนรักตกเก้าอี้ ด้วยความหมั้นไส้
ก๊อกๆๆ
“เข้ามาสิ ผู้กอง” คนในห้องบอกเสียงเรียบก่อนที่ผู้กองหนุ่มจะเปิดประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ครับ”
“ช่วงนี้ดูเครียดๆนะ เจ้าธาร์ณ คิดมากเรื่องคดีเหรอ ” ร่างโปร่งเอ่ยถามหลานชายคนเก่ง
“ก็มีส่วนครับ เพราะช่วงนี้ใกล้จะครบเดือนแล้วแต่ทางนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไรเลย” ชายหนุ่มบอกเสียงเครียด
“ไม่ต้องคิดมากหรอก อาเชื่อ ธาร์ณทำได้แน่”
“ผมจะพยายามนะครับ ” ผู้กองหนุ่มตอบแม้ว่าตอนนี้จะยังหาทางออกไม่ได้ก็เถอะ
“แล้วเรื่องน้องซันล่ะ เป็นไงบ้าง น้องดื้อกับเราหรือเปล่า” ผู้การเอ่ยถามถึงลูกชายคนโต
“ก็มีบ้างนิดหน่อยครับ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยดื้อแล้ว” เพราะถ้าดื้อผมก็มีบทลงโทษเหมือนกัน ประโยคสุดท้ายได้แต่แอบบอกในใจเพราะเขายังไม่อยากให้แฟนเป็นหม้ายตั้งแต่ยังเด็กนะ
“ลำบากหน่อยนะ อาก็เลี้ยงน้องซันแบบตามใจเกินไปโตขึ้นก็เลยทั้งดื้อทั้งเอาแต่ใจ”
“ไม่หรอกครับ” เพราะต่อให้ดื้อแค่ไหนผมก็เต็มใจดูแล
ร่างสูงคิดแต่ก็ทำได้แค่พูดในใจเหมือนเดิมทั้งๆที่อยากจะป่าวประกาศให้โลกรู้จะตายว่าเขากับเจ้าแมวดื้อเป็นอะไรกันแต่คงต้อง
รอให้เรื่องยุ่งๆพวกนี้มันผ่านไปก่อนสินะ
“เฮ้อ พูดแล้วก็คิดถึงไอ้แสบ ไม่ได้เจอกันตั้งสามอาทิตย์แล้ว ”
“ผมจะพยายามจบเรื่องให้เร็วที่สุดครับ” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้ผู้การยกยิ้ม
ต้องแบบนี้สิ เขาจะได้วางใจ
“ไม่มีอะไรแล้ว ไปเถอะ อ้อ ฝากขนมให้ไอ้แสบหน่อยแล้วกันเห็นบ่นว่าอยากกินมานานแล้วแต่อาไม่มีเวลาทำให้สักที” ผู้อาวุโสกว่าบอกก่อนจะยื่นกล่องคุกกี้ให้ร่างสูง
“ครับอา ผมขอตัวนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนเจ้าธารณ์” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินออกจากห้องหยุดมองด้วยความสงสัย
“อามีลูกชายคนเดียว ทั้งรักทั้งห่วง ตั้งแต่เด็กอาเลี้ยงของอากับมือ อาไม่อยากเห็นไอ้แสบของอาเสียใจ ธาร์ณเข้าใจใช่ไหม ”
รางโปร่งบอกเสียงเข้ม
“อารู้”
“ธาร์ณ อาอาบน้ำร้อนมาก่อนเรานะ ทำไมอาจะดูไม่ออกทั้งเราทั้งไอ้แสบนั่นแหล่ะ อาบอกแล้วไงว่าอาเลี้ยงของอามากับมือ แค่นี้
ทำไมอาจะดูไม่ออก แต่ธาร์ณต้องสัญญากับอาได้ไหมว่าจะไม่มีวันทำให้น้องเสียใจ”
“ตัวผมไม่มีหลักประกันอะไรมายืนยัน นอกจาก หัวใจ ที่รักน้องซันเท่านั้นครับ ผมสาบานกับตัวเองไว้แล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นน้องซันจะไม่มีวันเสียใจเพราะผมเด็ดขาด” ร่างสูงบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ดี อาจะถือว่ามันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย เราคงรู้ว่าอาไม่มีทางอยู่เฉย ถ้าลูกอาเสียใจ”
“มันจะไม่มีวันนั้นครับอา ผมขอตัวนะครับ” ร่างสูงบอกก่อนจะเปิดประตูออกมา แม้ในใจจะแอบหวั่นลึกๆ ว่าครอบครัวของคนรักจะ
เข้าใจแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมือคู่นั้นไปเด็ดขาด
“พี่ธารณ์ กลับมาแล้วเหรอแล้วนั่นอะไรน่ะ” ร่างโปร่งที่นอนดูหนังอยู่บนโซฟาเอ่ยทักก่อนจะวิ่งเข้ามารับกล่องคุกกี้ไปทันที
“คุกกี้ไง พ่อเราฝากมาให้น่ะ”
“คุกกี้ของพ่อเหรอ ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนจะยกยิ้มกว้าง
“ขอบคุณเฉยๆเหรอ ไม่มีรางวัลให้หรือ” ร่างสูงถาม พลางพองแก้มเป็นเชิงใบ้
เพี๊ยะ!!
“น้องซันตบพี่ทำไมครับ” ผู้กองถาม
“อ้าวพี่ไม่ได้บอกให้ผมตบหรอกเหรอ” ร่างโปร่งถามกลับด้วยท่าทางใสซื่อ???
“เหอะ พี่หมายถึงหอมแก้มต่างหากครับ ไม่ได้ให้ตบ”
“ก็ทำไมไม่บอกดีๆล่ะครับ ผมนึกว่าพี่อยากให้ตบซะอีก”
“เหอะ มาให้พี่ทำโทษซะดีๆ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานมีโทษอะไรรู้ไหม” ร่างสูงามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“อะไรเล่า”
“ก็มีโทษให้ติดคุกหัวใจตลอดชีวิตไงครับ” ร่างสูงบอกก่อนจะคว้าคนรักมากอดแน่น
ฟอด
“ส่วนนี่เป็นค่าปรับนะครับ เพราะโทษนี้ทั้งจำทั้งปรับ” บอกพลางกดจมูกลงบนแก้มนิ่ม
“ไอ้พี่ธาร์ณปล่อยเลย เอาเปรียบตลอด เป็นตำรวจจริงๆหรือเปล่าเนี่ย ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ ติดคุกอ่ะรู้ไหม”เด็กหนุ่มแหว
ลั่น
“ถ้าเป็นคุกหัวใจน้องซันพี่ยอมติดตลอดชีวิตเลยเอ้า”
ซันอยากจะบ้าตาย ไม่รู้ว่าไอ้พี่ธาร์ณกลายเป็นคน แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้หรอกว่าหัวใจของเขาเองก็เต้นแรงกับ
มุกบ้าๆนี่เหมือนกัน
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงเครื่องมือสื่อสารของร่างสูงดังขึ้น ก่อนที่ผู้กองคนเก่งแห่งกองสืบจะขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา
มิสเตอร์ลี
“สวัสดีครับ” ร่างสูงผละจากคนรักก่อนก่อนจะพูดกับปลายสายโดยที่ไม่ลืมกดอัดเทปสนทนาไว้ด้วย
“สวัสดีครับ พ่อเลี้ยง ไม่เจอกันเลนนะครับช่วงนี้”
“สงสัยช่วงนี้เราจะยุ่งทั้งคู่นะครับ” ร่างสูงตอบกลับไป สมองก็พยายามหาคำตอบไปเรื่อยๆว่า จิ้งจอกเฒ่าคนนั้นต้องการอะไร
“ดีเลยครับ อีกสามวันจะมีของส่งมา ผมก็เลยจะชวนพ่อเลี้ยงไปดูด้วยกันซะหน่อยไหนๆ เราก็จะทำธุรกิจร่วมกันแล้ว”
“ได้สิครับ ผมพร้อมเสมอ”
“ครับ อีกสามวันเจอกัน” ปลายสายบอกก่อนจะวางสายไป ทิ้งให้ผู้กองหนุ่มต้องขมวดคิ้วแน่น มันดูง่ายเกินไป ง่ายจนดูเหมือนกับ
ดัก
“พี่ธาร์ณ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนตัวโตเอาแต่ยืนหน้าเครียด
“อะไรครับ”
“มีอะไรจะบอกผมไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องงานน่ะ น้องซันไปกินขนมเถอะครับ”
“ไม่!! ทำไมทุกคนชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก ไหนพี่ธาร์ณบอกว่าให้ผมร่วมสืบคดีไงแต่ไม่เห็นจะได้ทำอะไรสักอย่าง ผมอยากช่วยทุกคนนะครับ!!” ร่างโปร่งแหวลั่น
“พี่ไม่อยากอยากให้ น้องซันรู้ เพราะพี่เป็นห่วงเข้าใจไหมครับ ถ้าน้องซันเป็นอะไรไปแล้วพี่จะอยู่ยังไง หืม” บอกพลางดึงอีกคนเข้ามากอดแน่น
“แล้วพี่เป็นห่วงผมได้ฝ่ายเดียวหรือไง ผมก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันนะ” แค่ได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากคนในอ้อมกอด ก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้ จมูกโด่งกดลงไปที่แก้มนุ่มอย่างเอาใจ
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่ แต่พี่เป็นตำรวจ หน้าที่พี่คืออะไรน้องซันรู้ใช่ไหม อย่าดื้อกับพี่นะแล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้าพี่พาไปทะเลเอาไหม”
“จริงๆนะ” เด็กหนุ่มตาวาว เขาไม่ได้ไปทะเลมานานแล้วทั้งๆที่มีพ่อเป็นเจ้าของโรงแรมแต่กลับหาโอกาสไปยากเหลือเกิน
3 วันต่อมา
“กูว่ามันเป็นกับดักว่ะ” คริสบอกกับเพื่อนด้วน้ำเสียงกังวล
“มึงคิดว่ากูไม่รู้”
“ก็ถ้ารู้แล้วมึงจะไปทำไมวะ มันเสี่ยงเกินไป”
“เพราะกูต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ถ้ามันยังลอยนวลอยู่น้องซันจะไม่ปลอดภัย” ร่างสูงบอกเสียงเข้ม
“เออ ไอ้ห่า พูดซะกูกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปเลย มึงก็ระวังตัวแล้วกัน อย่าตายล่ะ กูไม่มีชุดดำไปงานศพขี้เกียจซื้อ” คริสว่าก่อน
จะหันไปสั่งลูกน้องให้กระจายตามจุดต่างๆ แม้ว่าจะเป็นคดีใหญ่แต่เอาเข้าจริงทีมสืบสวนทีมนี้ก็มีแค่ 5 คนเท่านั้น เพราะมิสเตอร์ลี
เส้นใหญ่พอสมควร เรื่องนี้จึงต้องมีคนรู้น้อยที่สุด
“มาแล้วครับ เจ้านาย” ฟานเอ่ยกับชายที่นั่งอยู่ อย่างนอบน้อม
“หึหึ เหยื่อติดกับแล้วสินะ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นกับดักแต่ก็กระโจนลงมา เป็นคนดีมักจะตายเร็ว จำไว้นะ ฟาน ของขวัญที่จะให้มันล่ะ”
“เตรียมพร้อมแล้วครับ”
“ดี ดีมาก คราวนี้เรามาวัดกันหน่อยสิ ผู้กองธาร์ณ” ร่างท้วมหัวเราะเจ้าเล่ห์พลางหรี่ตามองทางเข้าโกดังอย่างหมายมาด
“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” จิ้งจอกเฒ่าเอ่ยทักร่างสูงของคนมาใหม่ ก่อนจะปลายตามองคริสที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“สวัสดีครับ มิสเตอร์ลี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
“ครับไม่เจอกันนานเลย แต่ต่อไปเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้นเพราะต้องร่วมธุรกิจกันว่าไหมครับ”
“คงอย่างนั้นล่ะครับ แล้วไหนของที่ว่าล่ะครับ” ชายหนุ่มถามก่อนที่มิสเตอร์ลี จะเดินนำเข้าไปด้านในโกดัง
“นี่อะไรครับ” ผู้กองหนุ่มถามเมื่อเห็นลังไม้นับร้อยลังอยู่ตรงหน้า
“สิ้นค้าของเราไงครับ ดูก่อนไหมครับ ฟานเปิดสิ”
“เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะครับ ขนาดกองทัพยังมีน้อยกว่าผมอีก ฮ่าๆๆ” ร่างท้วมบอกอย่างภูมิใจก่อนจะหยิบ”สินค้า”ออกจากลัง
ไม้ แค่เห็นก็รู้ว่าอาวุธสงครามพวกนี้ เป็นของเถื่อนหากคะเนจากสายตามูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน
“ของล็อตใหญ่ขนาดนี้ คุณไม่กลัวตำรวจรู้เหรอครับ”
“ฮ่าๆๆ คุณรู้อะไรไหม ตำรวจน่ะจะตาบอดทันทีที่คุณมีเงิน”
ร่างสูงทำได้เพียงขบกรามแน่น เพื่อระงับจิตใจไม่ให้เผลอชักปืนยิงคนตรงหน้า เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่ามีตำรวจมากมายที่รับส่วย แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน เขาเชื่อว่า ตำรวจที่ดีมีมากกว่าแน่นอน
“เอาละ ในฐานะที่เราจะมาร่วมหุ้นกันผมมีจองขวัญจะให้ ฟาน เอาของขวัญออกมาสิ” บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้าก่อนจะให้ลูกน้อง
ลาก ของขวัญออกมา
“น้องซัน!!!”
...............................TBC....................................
ว่าจะไม่เอาพล็อต อมตะแล้วนะ แต่สุดท้ายยยยยยยยยยยยยย
ช่วงนี้ต้องเคลียร์ไปทีละเรื่อง เดี๋ยวตีกัน ฮ่าๆๆ
ของไฝว้กับ น้องซันก่อนนะคะ แล้วจะไปไฝว์กะน้องไม้ต่อ
ตอนหน้า ดราม่า แน่นอน บอกไว้ก่อนจะได้ทำใจ อิอิ