ตอนที่ 30 ชีวิต...หลังพายุฝน
(ตอนจบ)
วินและฟิวยังคงโทรฯ คุยกันทุกคืนตามปกติ พอเวลาล่วงไป ฟิวบอกกับวินว่า
เขาจะพยายามโทรหาวินให้น้อยลง เขาจะได้ทำใจเป็นเพื่อนกับวินให้ได้ในที่สุด
ระหว่างนั้นวินก็โทรคุยกับแท็ก นักเรียนแพทย์เฟรชชี่ คุยกันในเรื่องที่เราสนใจ และ
วินก็ปรึกษาเรื่องเรียนกับแท็ก เพราะตอนนั้นวินเริ่มคิดถึงเรื่องการสอบเอ็นทรานซ์
ครั้งใหม่ในปีหน้า หรือที่เรียกกันว่า “ซิ่ว” นั่นเอง......วินและแท็ก เราเริ่มสนิทสนม
และคุยกันถูกคอมากขึ้น.....แท็กเป็นคนดี สุภาพ และตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก
วินขอคำปรึกษาเรื่องสถานที่เรียนกวดวิชา ที่เขาเคยเรียนมา ...กระทั่งวันหนึ่ง
วินกับเพื่อนใหม่ที่มหาวิทยาลัย ไปเดินเล่นเที่ยวที่สยามกัน ...โดยในวันนั้นแท็กนัด
ให้วินมาเจอที่หน้าร้านเอสแอนด์พี (S&P) เขาบอกว่ามีอะไรจะให้....และวินก็ไปตามที่
แท็กนัด…..และในวันนั้นเอง จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตที่ดี และการเริ่มต้นใหม่ในชีวิตของวิน
ก็เกิดขึ้น แท็กขนหนังสือทุกวิชาที่เขาเคยไปกวดวิชามา มีลายมือของเขาที่จดเนื้อหาไว้
อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นวิชาภาษาไทย สังคม และยังมีซีดีเพลงศัพท์อีกจำนวนมาก
ใส่มาในถุงใบใหญ่ และเขาก็มอบให้แก่วิน....
“ลองอ่านดูก่อน...แล้ววินค่อยคิดจะสมัครเรียน” แท็กให้เหตุผล...แท็กเป็นเด็กเรียน
ในสายตาคนร้อยทั้งร้อย เขาเป็นคนดี สุภาพ พูดจามีเหตุผล และน่าเชื่อถืออย่างมาก
....วินรับหนังสือและซีดีเพลงท่องศัพท์ที่เขาเตรียมมาให้ไว้ และเริ่มทบทวนทั้งหมด
อย่างจริงจัง วินฟังเพลงศัพท์แทนฟังเพลง วินพกเพลงศัพท์ติดรถไว้ และลงเพลงไว้
ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อนั่งฟังเวลาว่าง ....วินรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่แท็กได้ทำให้วินเป็น
อย่างมาก....และในที่สุด เมื่อเข้าสู่เทอมที่ 2 ของชีวิตมหาวิทยาลัย วินก็เริ่มขอคุณแม่
ไปเรียนพิเศษ เพื่อเตรียมสอบใหม่อีกครั้ง โดยคุณแม่ก็ยอมตกลง แต่ในขณะเดียวกัน
วินก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนที่มหาวิทยาลัยเลย เทอมแรกวินได้เกรดเฉลี่ย 3.66 ซึ่งถ้าวิน
รักษาระดับนี้ไว้ได้ วินสามารถทำเกียรตินิยมอันดับ 1 ได้เลยทีเดียว ...คุณแม่เสียดาย
เล็กน้อยที่วินจะทิ้งเกรดนี้ไป แต่ท่านก็ไม่ขัด หากมันคือความฝันของวิน
แท็กให้คำปรึกษาวินอย่างดีเสมอมา ในขณะที่เขาเองก็เรียนหนัก แท็กและวิน
เริ่มคุยกันเกือบทุกคืน วินไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นไปในแนวทางใด วินรู้แต่ว่า
แท็กเป็นคนดีเหลือเกิน....วินรู้สึกดี และไว้ใจแท็กอย่างมาก จนกระทั่งแท็กนัดวิน
ไปทานสเต็กที่ร้าน “นิวไลท์” ในสยาม นั่นคือร้านแรก และมื้อแรกของเรา
....ฟิวรับรู้เรื่องแท็กมาโดยตลอด....ฟิวดีใจกับวินที่เจอเพื่อนดีๆ และระหว่างนั้นฟิวเอง
ก็เริ่ม ๆ ศึกษาดูใจกับเพื่อนของเขาที่เรียนด้วยกัน แต่คบกันได้ไม่นาน ฟิวก็เลิก และ
กลับมาคุยกับวินมากขึ้นกว่าเดิม และให้เหตุผลว่า “ยังไงก็ไม่มีใครเหมือนวิน”
ทำเอาวินลอยสูงไปเลยอยู่เหมือนกัน....แมทยังคงตามรังควาญให้วินลำบากใจอยู่บ้าง
พี่แสงเดือนโทรมาบอกวินว่า แมทเอาอีโต้ไล่สับพี่กอล์ฟ เพื่อไล่ให้ออกไปจากบ้าน
ทั้งสองคบกันได้เดือนเศษ ๆ ก็เลิกกันอีกครั้ง พี่แสงเดือนบอกว่า แมทควงแฟนมาที่บ้าน
เดือนละคนเลยเห็นจะได้ วินเปลี่ยนเบอร์ไปเป็นเบอร์ที่ 4 เพราะไม่รู้ว่าแมทรู้เบอร์ใหม่ ๆ
ของวินได้อย่างไร จนกระทั่งวันนึง วินเปลี่ยนมาเป็นเบอร์ที่ 7 เห็นจะได้ วินลองไม่บอก
เบอร์ใหม่นี้กับอั้มดู (หลังจากที่สังเกตกับปุ้ยมานาน) แมทก็ไม่โทรหาวินอีกเลย
มีแต่ส่งอิเมลมา ส่งเพลงซึ้ง ๆ มาให้บ้าง และวันวาเลนไทน์ล่าสุด (2008) เขาก็ส่งเพลง
มาให้ทางอิเมล พร้อมให้คนขับรถนำโหลแก้วที่บรรจุทรายสี ๆ เป็นรูปหัวใจมาให้วิน
ที่บ้าน พร้อมด้วยช็อคโกแลตดูดีมีราคากล่องใหญ่อีก 1 กล่อง โดยมีการ์ดที่เขียนว่า…..
‘ยังรัก และรอคอย’.....และวินก็ทานช็อคโกแลตหมดคนเดียวภายใน 2 วัน (ตายแล้ววิน-*-)
เมื่อการสอบเอ็นทรานซ์ครั้งที่ 2 ของวินมาถึง วินเข้าไปสอบด้วยความมั่นใจ
และทำข้อสอบ ‘พอได้’ และผลก็เป็นที่น่าพึงพอใจ วิชาภาษาไทยจาก 52 เป็น 68
วิชาสังคมจาก 42.5 เป็น 65 ภาษาอังกฤษจาก 64 เป็น 76 และภาษาฝรั่งเศส
จาก 38.75 เป็น 58.75...................และเมื่อถึงวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย
....ในที่สุดวินก็สามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่วิน และคุณแม่ใฝ่ฝันได้.....และช่วงนั้นเอง
ที่คุณแม่รับรู้เรื่องของวินและแท็ก ท่านไม่ได้ว่าอะไรเลยแม้แต่น้อย ท่านกลับดีใจ
ที่ชวนกันเรียน ไม่พากันเสีย แท็กและวินเริ่มคุยกันจริงจัง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2547
และคบกันมาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ เราตกลงคบกันเป็นแฟนมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว
แท็กไม่เคยหึง ไม่เคยทำร้าย ไม่เคยตวาด ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ท่าทีของแท็ก
ในวันแรกที่เราเจอกัน คบกัน เป็นอย่างไร ทุกวันนี้แท็กก็ยังคงเป็นเช่นนั้น มีแต่จะดีขึ้น
และหวานขึ้นด้วยซ้ำ มีบ้างที่เราทะเลาะกัน วินจะเป็นฝ่ายอารมณ์เสีย และมีท่าที
กับแท็กก่อนเสมอ แต่แท็กก็จะเอาท่าทีใจเย็นของเขาเข้าแลก เราไม่เคยทะเลาะ หรือ
โกรธกันข้ามวันเลย แท็กยอมวินเสมอ และเข้าใจในตัวของวิน และเหตุผลของเขาที่
บอกว่ารักวิน ก็เช่นเดียวกันกับฟิว แท็กบอกว่า “คนอย่างวิน หายาก” วินดีใจจริงๆ
ที่มีคนชื่นชมวินในลักษณะนี้มาตลอด
วินเป็นแฟนคนแรกของแท็ก..........แท็กรับรู้เรื่องของวินและแมท แต่ก็ไม่มากนัก
เราทั้งสองคนเคยถูกแมทคุกคาม และก่อกวน จนเราเลิกกันไป 1 ครั้ง แต่ก็กลับมาคืนดี
กันได้ เนื่องจาก ‘ฟิว’ เป็นผู้ช่วยทำให้วินและแท็กกลับมาคบกันต่อไป.....จนถึงปัจจุบัน
ฟิวยังคงโทรหาวินอยู่เสมอ แรก ๆ เฉลี่ยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง พอนานไปก็เหลือ
อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และพอถึงปัจจุบัน ก็เหลือเดือนละ 1 – 2 ครั้ง....ฟิวโทรมาถาม
สารทุกข์ สุขดิบ และยังคงหยอดคำหวานอยู่เป็นระยะ ทั้งยังพูดทีเล่นทีจริงว่า
“ยังรอวินอยู่นะ” อยู่เสมอ ๆ (วินก็ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า)
หลังจากที่วินเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ไม่นาน คุณแม่แมทก็โทรมาหาวิน
ขอร้องให้กลับไปคบกับแมท เพราะตั้งแต่เลิกกับวิน แมทเปลี่ยนไปอย่างมาก
เที่ยวเกือบทุกคืน กลับมาก็เมาเหมือนหมา (คุณแม่บอกอย่างนี้นะ) เวลาเมา
แมทก็จะร้องไห้ และพูดถึงแต่วิน แมทมีแฟนเยอะมาก แต่ไม่คบใครจริงจังเลย
คุณแม่กลัวแมทจะติดโรคร้าย จึงโทรหาวิน เพื่อให้วินกลับไปคบ แต่วินปฏิเสธ
และบอกว่าวินมีแฟนใหม่แล้ว คุณแม่ก็ยอมรับและเข้าใจแต่โดยดี แต่ยังคงทิ้งท้ายไว้ว่า
“ถ้าเลิกกับแฟนคนนี้เมื่อไหร่ ให้กลับไปคบแมททันที” แต่วินคิดอยู่แล้วว่ายังไงวินก็คง
ไม่กลับไปอย่างแน่นอน
ในมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ที่วินใฝ่ฝันนี้ วินได้พบแต่เพื่อนดี ๆ และทุกคนก็ทำให้
วินมีความสุขและลืมทุก ๆ อย่างได้ ซึ่งก่อนหน้านั้น ฟิวเป็นคนพาวินไปหาจิตแพทย์
ซึ่งเป็นเพื่อนของคุณพ่อของฟิว คุณหมอบอกว่าวินเป็นโรคซึมเศร้า ให้วินหลีกเลี่ยง
การอยู่คนเดียวไประยะใหญ่ และก็ให้คำปรึกษาต่าง ๆ นานา จนปัจจุบัน วินก็ไม่ต้อง
นึกถึงเรื่องของวินกับแมทอีกต่อไป และทิ้งมันไว้ข้างหลัง เป็นความทรงจำ และ
บทเรียนราคาแพง ที่วินจะไม่มีวันลืมเลยในชีวิตนี้
ช่วงเดือนตุลาคม เป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งกำลังจะขึ้นเทอมสอง ของชีวิตนักศึกษา
ขณะที่วินกำลังนอนดูทีวีอย่างเพลิดเพลิน พี่แสงเดือนก็โทรเข้ามาหาวิน........
“คุณวินคะ....พี่แสงเดือนมีเรื่องจะรบกวน” พี่แสงเดือนทำเสียงขอร้อง
“อะไรพี่แสงเดือน....ว่ามาเลย” วินตอบอย่างเต็มใจ
“คุณวินช่วยไปส่งพี่แสงเดือนที่หัวลำโพงได้มั้ยคะ”
“ทำไม....พี่แสงเดือนจะไปไหน” วินตกใจเล็กน้อย…………และสายก็หลุดไป
วินจึงโทรกลับไปหา
“ขอโทษค่ะคุณวิน....เงินพี่แสงเดือนหมด” พี่แสงเดือนบอกเหตุผลที่สายหลุด
วินก็ลืมไปเสียสนิท ว่าควรจะกดวางแล้วโทรกลับไป
“แล้วพี่แสงเดือนจะไปไหน” วินถามต่อ
“คุณแม่พี่แสงเดือนป่วยมาก....ต้องกลับบ้านแล้วค่ะ.....คุณผู้หญิงโกรธที่พี่แสงเดือน
ลาออก....เลยไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้พี่แสงเดือน ส่วนเงินเดือนของเดือนที่แล้ว
พี่แสงเดือนก็ส่งกลับบ้านไปเป็นค่ารักษาพยาบาลให้แม่พี่แสงเดือนหมดแล้ว
พี่แสงเดือนไม่มีเงินนั่งรถไปหัวลำโพงเอง....มีเงินติดตัวอยู่ 800 กว่าบาท
กลัวจะไม่พอค่ารถไฟ......คุณวินช่วยพี่แสงเดือนหน่อยได้มั้ยคะ”
....พี่แสงเดือนมีน้ำเสียงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
“เฮ้ย...ได้ ๆ พี่แสงเดือน ให้วินไปรับที่ไหน” วินถาม
“ที่หน้าหมู่บ้านได้มั้ยคะ พี่แสงเดือนรู้ว่าคุณวินไม่อยากมาที่บ้านนี้” พี่แสงเดือนตอบ
“ได้พี่แสงเดือน...งั้นวินจะออกไปแล้วนะ....จะได้ไปซื้อตั๋วด้วยไง” วินกล่าว
“ค่ะ....พี่แสงเดือนก็เก็บกระเป๋าแล้ว.....ขอบคุณค่ะคุณวิน”
วินไปรับพี่แสงเดือนภายใน 20 นาที หลังจากที่วางสาย และไปส่งพี่แสงเดือน
ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง พี่แสงเดือนซื้อตั๋วรถไฟด้วยเงินของเธอเอง เหลือทอนกลับมา
ประมาณ 2 – 3 ร้อยบาท…….รถไฟขบวนของพี่แสงเดือนกว่าจะออกก็เย็นมาก
ตอนนั้นเพิ่งจะบ่ายนิด ๆ วินเลยอยู่เป็นเพื่อนพี่แสงเดือน และพาพี่แสงเดือนไปหา
อะไรทาน พี่แสงเดือนเล่าเรื่องมากมายในบ้านหลังนั้นให้วินฟัง ก็ไม่มีเรื่องไหน
ที่วินคาดไม่ถึงเลยแม้แต่เรื่องเดียว
“แล้วพี่แสงเดือนจะกลับมาอีกมั้ย” วินถาม
“ไม่แล้วค่ะ....คงอยู่ดูแลที่บ้านเลย”
“อย่างนี้วินก็คิดถึงพี่แสงเดือนแย่เลยสิ” วินทำเสียงอ่อย
“โทรคุยกันบ่อย ๆ นะคะคุณวิน” พี่แสงเดือนยิ้มให้
“ได้เลยพี่แสงเดือน” วินตอบ
วินและพี่แสงเดือนไปนั่งรอ เพื่อจะส่งพี่แสงเดือน ก่อนรถออกประมาณ 30 นาที
“อะ....พี่แสงเดือนวินให้” วินยื่นบัตรเติมเงินโทรศัพท์ 500 บาท 2 ใบ ที่วินแวะซื้อ
ระหว่างทาง ตอนที่ไปรับพี่แสงเดือนที่บ้าน
“โอ๊ย ตายแล้วคุณวิน ให้ทำไมเยอะแยะคะ” พี่แสงเดือนทำหน้าตกใจ
“พี่แสงเดือนจะกลับบ้าน แล้วก็ไม่ได้กลับไปเป็นปี ๆ แล้ว ไม่มีเงินในโทรศัพท์เลย
ได้ยังไงกัน” วินกล่าว
“และก็นี่....” วินยื่นเงินให้พี่แสงเดือนไป 1,200 บาท (ตอนนั้นวินมีอยู่ 1,300 กว่าๆ
ตั้งใจจะให้พี่แสงเดือนเยอะ ๆ แต่ติดตัวไว้ เผื่อเจอตำรวจตอนขากลับสัก 100 บาท)
“คุณวิน - - พี่แสงเดือนไม่เอาหรอกค่ะ” พี่แสงเดือนผลักมือวิน
“เอาไปเหอะพี่แสงเดือน” วินเอาเงินใส่มือพี่แสงเดือน
“คิดซะว่าเป็นค่าจ้าง ที่คอยสืบ และคอยช่วยเหลือวินมาตลอดแล้วกันนะ....ให้วินได้
ให้อะไรพี่แสงเดือนเป็นของขวัญส่งกลับบ้านหน่อยเถอะ....อีกอย่าง มีเงินติดตัวอยู่
2 ร้อยกว่าบาท ไม่กลัวมีอะไรฉุกเฉินหรอ.....และพอถึงบ้าน ก็รีบโทรหาวินเลยนะ
คราวนี้วินจะไม่โทรกลับแล้วด้วย....โทรมาเองเลย....มีเงินตั้งเยอะแล้ว” วินกล่าว
...........พี่แสงเดือนน้ำตาไหลพราก เบะปากอีกแล้ว ……
“คุณวินคะ........” พี่แสงเดือนร้องไห้
“โอ๊ยพี่แสงเดือนอ่ะ” วินทำทีต่อว่าพี่แสงเดือน เพราะจะทำให้วินร้องตาม
“จะว่าอะไรมั้ยคุณวิน.....ถ้าพี่แสงเดือนจะขอกอดคุณวินซักที” พี่แสงเดือนถาม
....จบคำถาม วินก็เข้าไปกอดพี่แสงเดือน และร้องไห้ที่ต้องบอกลาพี่สาวที่แสนดี
ของวินคนนี้ไป วินไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกัน ที่จะได้เจอเธออีก…..เรายืนทำซึ้งกันอยู่
ได้สักพักใหญ่ จากนั้นก็มีประกาศเรียกผู้โดยสาร รถไฟขบวนของพี่แสงเดือน
“ไปนะคะคุณวิน........” พี่แสงเดือนเอ่ยลา และเข้ามากอดวินอีกครั้ง พี่แสงเดือน
ตัวเล็กเท่าคอวิน จนเธอต้องเขย่ง
“กลับดี ๆ นะพี่แสงเดือน..........ถึงแล้วโทรหาวินเป็นคนแรกเลยนะ” วินกล่าวทั้งน้ำตา
...พี่แสงเดือนจับมือวินแน่น หน้าตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้ จากนั้นเธอก็เดินขึ้น
รถไฟไป และหันมาโบกมือให้วินทั้งน้ำตานอง ก่อนจะเข้าไปในตัวขบวน....วินโบกมือลา
ห้ามน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่จริง ๆ .................วินยืนอยู่สักพัก หลังจากพี่แสงเดือนขึ้นไป
ในรถไฟแล้ว..............วินมองไปรอบ ๆ และนึกย้อนถึงความทรงจำ เกี่ยวกับพี่แสงเดือน
และวิน และคนบ้านนั้นอีกครั้ง พี่แสงเดือนทำให้วินต้องนึกถึงเรื่องเก่า ๆ แต่วินก็เพียง
แค่นึกถึงเท่านั้น ไม่ได้เสียใจอะไร....
การได้มาเจอพี่แสงเดือนวันนี้อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาร่วมปี มันทำให้
วินคิดอะไรขึ้นมาได้อีกหลายอย่าง.........ตอนนี้ ชีวิตของวินมันได้เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว
.....วันเก่า ๆ มันเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้วิน มีวันที่เข้มแข็งอย่างวันนี้
ต้องขอบคุณคุณแม่และแมท ที่ช่วยทำให้วินมีประสบการณ์ร้าย ๆ ที่มันจะช่วย
ทำให้วินมีกำลังใจต่อสู้กับเรื่องเลวร้ายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต ....ทุกครั้งที่วินมองย้อน
กลับไป ก็ไม่มีเรื่องไหนเลย ที่จะร้ายไปกว่าเรื่องของวินเมื่อ 5 ปีที่แล้วได้......ทุกอย่าง
มันทำให้วินโตขึ้น เรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง และวินก็พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ กับคนทุก
รูปแบบที่จะเข้ามาทำลายชีวิตวิน......เหตุการณ์เหล่านั้น ทำให้วินรักตัวเองมากขึ้น และ
ไม่ว่าอย่างไร วินจะไม่มีทางยอมให้ใครหน้าไหน มาหยามศักดิ์ศรีของวินได้อีก และวิน
จะสู้ยิบตา ถ้ามีใครมาดูถูกบุพการีของวินอีกครั้ง
สิ่งที่วินเรียนรู้ และจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การที่เรา ต้องเห็นความสำคัญ
ของการ “เริ่มใหม่” และจงอย่าจมปรัก อยู่กับสิ่งที่ทำร้ายเรา ไม่ว่าเราจะเชื่อมั่น และ
ทุ่มเทกับมันแค่ไหน......คุณค่าของชีวิต คือการที่เราได้ก้าวเดินต่อไป และเผชิญหน้า
กับปัญหาทุกอย่าง และเอาชนะมันให้ได้ด้วยตัวเอง และก้าวข้ามมันมาด้วยความ
ภาคภูมิใจ ........ความรักจากเพื่อน และพ่อแม่ คือพลังสำคัญ ที่จะช่วยผลักดันเรา
ให้พ้นจากความทุกข์ร้อนต่าง ๆ .....มีคติสอนใจจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่วินท่องจำ
จนขึ้นใจ และเป็นกำลังใจให้วินเดินหน้าใช้ชีวิตต่ออย่างไม่ท้อ ไม่หมดกำลัง นั่นคือ
“Every story has an end, but in life, every end is just a new beginning”
แปลได้ประมาณว่า “ทุกเรื่องราวย่อมมีตอนจบ แต่ในชีวิตจริง ทุก ๆ ตอนจบ
จะมีการเริ่มใหม่” ........เหมือนกับทุกเรื่องราวของวิน ไม่ว่าเรื่องความรักร้าย ๆ ของวิน
มันจะจบลงไปแล้ว แต่ก็จะมีการเริ่มใหม่ในชีวิตของวิน ที่มันเข้ามาทุกวัน
ถ้าวินมัวแต่ย้ำอยู่กับที่ มัวแต่จมอยู่กับความเสียใจ วินก็จะไม่ได้เริ่มต้นเรื่องใหม่ๆ
ในชีวิต.......วินจะต้องก้าวต่อไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
วินและคุณแม่แมท.....แม้ว่าเราจะเคยสู้รบกันมามากมายแค่ไหน แต่วินดีใจ
ที่วินไม่เคยทำร้ายคุณแม่ด้วยกำลังกลับเลย วินอโหสิกรรมให้คุณแม่ ไม่ว่าชาติไหน
เราไม่ต้องมาจองเวรกันอีก และวินขอให้คุณแม่มีความสุข กับชีวิตที่คุณแม่ได้ปูทาง
เอาไว้ ให้กับตัวคุณแม่ และลูกชายของคุณแม่เอง
วินและแมท.....ทุกอย่างจะเป็นความทรงจำดี ๆ ระหว่างเราสองคน วินจะลืม
เรื่องร้าย ๆ ทั้งหมด และอภัยให้ในทุก ๆ อย่าง แม้ว่าแมทอาจจะไม่มีทางอภัยให้วิน
ก็ตาม ถึงวันนี้ ความโกรธ ความเกลียดชัง ที่วินเคยมีต่อแมท มันก็เปลี่ยนเป็น
การให้อภัย และได้โปรดรับคำ ‘ขอโทษ’ จากวินไปด้วย
วินและปุ้ย.....เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และยังคงคบกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปุ้ยเอง
ก็สอบเอ็นทรานซ์ใหม่ และติดที่เดียวกับวิน แต่คนละคณะ
วินและแท็ก.....เราคบกัน รักกัน และเข้าใจซึ่งกันและกัน คนนึงร้อน อีกคนนึง
ต้องเย็น เป็นอย่างนี้เรื่อยมา และเราก็คบกันอย่างมีความสุขมาตลอด 4 ปี จนถึง
ปัจจุบัน....วินขอบคุณแท็ก ที่ทำให้ชีวิตของวินลุกขึ้นได้ จนมีวันนี้ และเข้าใจวินเสมอมา
วินและพี่แสงเดือน.....พี่สาวสุดที่รัก คนที่คอยช่วยวินเสมอมา คนที่ช่วย
ประคับประคอง ช่วยเตือนวินให้รู้ตัว และรอดจากเรื่องร้าย ๆ แม้จะทันบ้าง ไม่ทันบ้าง
วินจะไม่มีวันลืมพี่แสงเดือนเลย
วินและฟิว.....เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อย่างเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
จนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลา 5 ปีแล้วที่เราได้รู้จักกัน...ฟิว....คนที่วินเคยไม่ชอบหน้า แต่ตอนนี้
เขาเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิต และเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างวินเสมอมา
ตามคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้....ว่า ‘เมื่อวินมีปัญหา เขาจะมา’ ฟิวไม่เคยผิดสัญญา
และไม่เคยทำให้วินต้องผิดหวังเลย แม้แต่ครั้งเดียว
วินนั่งครุ่นคิดถึงอดีตอยู่บริเวณชานชลาได้ไม่นาน ก็ลุกขึ้น และเดินกลับไปยังที่รถ
วินภาคภูมิใจ ที่ได้ผ่านเรื่องต่าง ๆ มาได้ด้วยตัวเอง และฝันของวินที่มันอาจจะเป็นจริง
ช้าไป 1 ปี.......แต่วินก็ภูมิใจ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต วินทำมันจนสำเร็จได้ในที่สุด แต่ก็คงมี
ฝันอีกมากมาย ที่ยังคงรอวินในวันข้างหน้า เพื่อที่วินจะได้ทำมัน ให้สำเร็จในที่สุด.........
“ชีวิตจะมีค่า...ก็ต่อเมื่อมันได้ก้าวต่อไป”
- อวสาน -