ข่ม ขืน ฝืน รัก
ตอนที่2
มินรู้สึกตัวอีกครั้งในตอนบ่ายของอีกวัน เขายังโดนผ้าปิดตาเอาไว้ มันมืดมนไปหมด เจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งกาย เสียงแอร์ในห้องทำให้เขารู้ว่าเขายังอยู่ในห้องเดิมและร่างกายของเขายังเปลือยเปล่าบนเตียง
“อ๊ะ...”มินอุทานออกมาอย่างเจ็บปวด รู้สึกเจ็บที่ช่วงล่างไปหมด
มินค่อยๆประคองตัวเองนั่งแล้วจับช่องทางด้านหลังที่เหนอะหนะไปหมด
พวกเลวนั้นมันเอาสด ไม่ใส่ถุง!!
เขากลัว กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะติดโรคร้ายจากพวกนั้น
“ตื่นแล้วเหรอคุณหนูมิน” น้ำเสียงเย้ยๆดังขึ้นมา
มินนั่งนิ่งได้แต่เม้มปากไม่ตอบอะไร
“หึ ทำเป็นหยิ่งไม่ตอบเหรอ แต่ก็นะคุณหนูมิน ผู้แสนเย่อหยิ่งไม่หลุดมาดง่ายๆหรอกใช่ไหม” อีกฝ่ายยังพูดถากถางไปเรื่อย
“เมื่อไหร่มึงจะปล่อยกู” เสียงแหบพร่าดังออกมา มินรู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น
“ทำไม คิดถึงบ้านขึ้นมารึไง อย่างมึงคนที่บ้านมึงจะตามหาเหรอ เขาคงคิดว่ามึงใจแตกไปกับผู้ชาย”
อีกเสียงดังขึ้นอย่างเสียดสีทำเอามินกำหมัดแน่น
ใช่สิ ใครจะมาสนใจคนอย่างเขา
“เอ๊ะ แต่ก็ไม่แน่ พี่ชายมึงอาจจะตามหามึงก็ได้ ทั้งรักทั้งหวงกันดีนักนิ”
อีกฝ่ายยังพูดไม่หยุดมินได้แต่นิ่งเงียบ ไม่เถียงกับคนพวกนี้
“พวกมึงพอเหอะ กูว่าเอาคุณหนูไปส่งเหอะ”
มีเสียงดังปรามขึ้นมาทำให้มินใจชื้น
มินไม่เคยอยากกลับบ้านขนาดนี้มาก่อน
เขาคิดถึงบ้านเหลือเกิน
เหนื่อยเหลือเกิน
“โอ้ย !!”
มินโดนผลักลงจากรถตู้ เขาเซล้มไปเพราะความเพลียและเจ็บ
“เดินเข้าซอยบ้านคุณหนูเองก็แล้วกันนะครับ” น้ำเสียงน่าขยะแขยงดังขึ้น
มินได้แต่เบ้หน้าหนี เกลียด เกลียดคนพวกนี้ที่สุด
“ฉึก”
เสียงดังเชือกด้านหลังดังขึ้นทำให้เขาเป็นอิสระ
“ไปละ บาย!!”
อีกฝ่ายพูดขึ้นเหยียดๆก่อนจะออกรถไป
เมื่อเป็นอิสระมินรีบเปิดผ้า ปรับสายตาอยู่ไม่นานก็เห็นรถตู้ไม่มีป้ายทะเบียนไกลออกไป
พวกมันเป็นใคร
พวกมันต้องการอะไร!!
“มินไม่สบายเหรอ”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างเตียง ทำให้มินที่หลับอยู่ลืมตาขึ้นมา เขาเห็นพี่มนต์ พี่ชายคนกลางของเขานั่งอยู่
“พี่มนต์!!”
มินลุกขึ้นนั่งแล้วกอดมนต์เต็มแรง ร้องไห้โฮออกมาให้สมกับที่ทนไว้
“อึก ฮืออออออออ”
“มินเป็นอะไร บอกพี่สิ”มนต์พูดด้วยความเป็นห่วง
“อึก พี่ อึก มนต์ มินกลัว”
“กลัวอะไร”
มินชะงักแล้วนิ่งไป จะบอกพี่มนต์ไม่ได้ว่าเขาโดนอะไรมา ไม่งั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ไม่ อึก ไม่มีอะไรครับ”
มินเลือกที่จะโกหก เขาภาวนาให้เรื่องเมื่อวานเป็นแค่ฝันร้าย อย่าได้มาตามหลอกหลอนกันอีกเลย
หลังจากมนต์ออกจาห้องไปมินเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำแล้วมองตัวเองในกระจก
“เราต้องเข้มแข็ง เรื่องคืนนั้นต้องพยายามลืม ชีวิตเราจะไม่ล้มเพราะเหตุการณ์บ้าๆนั้น”
มินพูดกับตัวเองในกระจกแล้วยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เขามองตัวเองในกระจก ใบหน้ารูปไข่ขาวใสเนียนละเอียด รับกับตากลมโต จมูกโด่งเข้ากับรูปหน้า และริมฝีปากอิ่มชมพูอ่อน
แม้ว่ามินจะพยายามเข็มแข็งขนาดไหน แต่เมื่อนึกถึงคืนนั้นเขาก็อดกลัวไม่ได้
ในตอนเย็นวันนั้นมินอาการดีขึ้นแม้ว่าจะมีเดินติดขัดอยู่บ้าง มินนั่งกินข้าวข้างมนต์ ตรงข้ามมนต์เป็นมัตถ์ พี่ชายคนโตของบ้าน และหัวโต๊ะคือมิ่ง นายมิ่งภพ จันทรภพ ประมุขของบ้านหรือพ่อของมิน
“มิน เมื่อคืนไม่กลับบ้านไปไหนมา” มิ่งภพพูดขึ้นเสียงเฉียบ ดวงตาคมกล้ามองลูกชายคนสุดท้อง
“เอ่อ มินไปนอนห้องเพื่อนมาครับ” มินตอบนิ่งๆ เขาเหนื่อย ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง
“คงดื่มกันหนักละสิ กลับบ้านมาถึงไม่สบาย”
“ครับ”
มินเลือกที่จะไม่ปฎิเสธ ยังไงในสายตาพ่อเขาก็ไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว
“แกจะจบแล้วนะมิน หัดทำตัวมีสาระบ้าง เลิกเที่ยว กินเหล้าได้แล้ว”
มินเลือกที่จะไม่ตอบและกินข้าวต่อไป
“คุณพ่อครับ ช่วงนี้น้องก็ไม่ได้เที่ยวอะไรแล้วนะครับ” ปรมัตถ์พยายามจะช่วยน้อง แต่โดนมิ่งภพมองดุซะก่อน
“แกก็คอยจะให้ท้ายแบบนี้ไง มินเลยเอาแต่ใจ เสเพลจนไม่คิดจะปรับปรุงตัว”
“พ่อครับน้องยังเด็ก” รณภพหรือมนต์พยายามจะช่วยน้องอีกคน แต่โดนขัดซะก่อน
“ปัง !!”
เสียงทุบโต๊ะของมิ่งภพทำเอาทุกคนนิ่งเงียบ
“พวกแกเลิกให้ท้ายมันสักที!!”
มิ่งภพพูดจบมินหันไปสบตากับผู้เป็นพ่อก่อนจะเบ้ปาก
“คุณพ่อต้องการอะไรจากมินนัก เรียนบริหารก็เรียนให้ นี้ก็เรียนใกล้จะจบแล้ว ขอแค่เที่ยวบ้างจะเป็นอะไรไป” มินพูดอย่างใส่อารมณ์ เขาพยายามจะไม่ต่อล้อต่อเถียงแต่เหมือนพ่อจะไม่จบง่ายๆ
“ดูมันพูดกับพ่อสิ ชักจะมากไปแล้วนะม่านภพ!!” มิ่งภพตะวาดเสียงดังพร้อมเรียกชื่อจริงของลูกชายคนเล็ก
มินหันไปสบตาคมดุของผู้เป็นพ่ออย่างไม่กลัว
“พ่อเลิกบังคับมินสักที ในเมื่อมินเรียนจบมินก็ไปช่วยงานที่บริษัทอยู่แล้ว”
“ใช่ ดีที่แกสำนึกได้ แต่ที่ฉันเตือนเพราะฉันเบื่อข่าวคาวๆของแกที่ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า”
ปรมัตถ์และรณภพมองหน้ากันอย่างเป็นห่วงน้องชายคนเล็ก น้องชายเขาใจร้อนไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ และอารมณ์รุนแรงที่สุดในบ้านแล้ว
“หึ พ่อยังไม่ชินอีกเหรอ มินก็เป็นของมินแบบนี้ตั้งแต่ม.ปลาย” มินพูดจบลุกขึ้นก่อนจะพูดต่อ
“มินอิ่มแล้วขอตัวนะครับ”
“แกน่าจะรู้นะมินว่าตระกูลเรามีตำนานว่าอย่างไร ลูกชายคนเล็กมักจะท้องได้”
มิ่งภพพูดจบมินหันมามองหน้าพ่อทันที มินเม้มปากแน่นอดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
“มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ในเมื่อมินก็เสียตัวตั้งนานแต่ทำไมยังไม่ท้องละ”
“มิน!!” มนต์ลุกขึ้นพูดเสียงดังอย่างห้ามปรามน้อง
มิ่งภพที่ตอนนี้หน้าแดงเพราะโกรธจัดเพราะพฤติกรรมของลูกชายคนเล็กเดินเข้าไปกระชากแขนลูกชายคนเล็กทันที
“แกอย่าปากดีไปมิน ฉันเตือนเพราะฉันเป็น...ห่วง” มิ่งมองลูกชายคนเล็กอย่างเป็นห่วง ในบรรดาลูกทั้งสามคนเขาห่วงมินที่สุด มินมีรูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนแม่ แถมใบหน้าหวานสวยถอดแบบจากภรรยาของเขาไม่ผิด
“หึ พ่อเป็นห่วงเหรอ ถ้าพ่อเป็นห่วงมินพ่อควรจะสอนมิน เตือนมินตั้งนานแล้ว ไม่ใช่มาเตือนเอาตอนนี้” มินพูดด้วยแววตาปวดร้าวเขารู้สึกร้อนที่กระบอกตา พ่อควรจะห่วงเขาตั้งนานแล้วไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างมันสายไปจนเขาเรียนปี4 พ่อเอาแต่ทำงาน ไม่สนใจลูก ไม่คิดจะสอน ตักเตือน ให้แต่เงิน เงิน เงิน!!!
มิ่งมองลูกชายคนเล็กที่ตาแดงกล่ำจะร้องไห้แล้วปล่อยมือกำแขนลูกชายจนแดงออก ดวงตาเขาสลดเพียงชั่ววูบแต่ก็กลับมาดุเหมือนเดิม
“ฉันไม่อยากเห็นแกท้องไม่มีพ่อ จำไว้!!”
มิ่งภพพูดจบออกจากห้องไปทันที มินหันไปมองพ่อด้วยความน้อยใจก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
มินหันไปมองพี่ชายสองคนที่เดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือจะเข้ามาปลอบแต่มินถอยห่าง
“ไม่เป็นไร มินโอเค”
มินปาดน้ำตาแล้วรีบเดินขึ้นห้องทันที
เขาเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน
สองวันนี้ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้
มินได้แต่ก้มหน้าร้องไห้กับหมอนเงียบๆ
เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาอ่อนแอ
“เอี๊ยดดดดด ”
เสียงรถปอร์เช่สีขาวมุกจอดในโรงจอดรถ มินลงจากรถพร้อมแว่นตากันแดดยี่ห้อดัง ตอนนี้เขาหายเป็นปกติแล้ว จึงกลับมาเรียน มินเดินไปที่ใต้ตึกคณะ ตลอดทางมีคนมองเขาตลอด มินก็เดินเชิดไปอย่างไม่สนใจ
“มิน ทางนี้ๆ”
มินเดินไปตามเสียงก็เจอเพื่อนเขานั่งอยู่สามคน คนที่เรียกก็คือวุ้น ลูกสาวเจ้าของนิตยสารบันเทิงชื่อดัง
“มีไรวุ้น”
“แหม๋ อิคุณหนูมิน พวกกูก็เป็นห่วงสิ เล่นหายไปสองสามวัน ไม่ติดต่อเพื่อนๆ” วุ้นพูดแล้วมองเพื่อนอย่างล้อๆ มินเลยยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“กูไม่ค่อยสบาย”
“ตายจริง คุณหนูแสนถึกอย่างมึงไม่สบายเป็นด้วยเหรอ” นพพูดขึ้นพร้อมเอามือทาบอกตัวเอง มินได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทีของเพื่อน
นพ เพื่อนอีกคนในกลุ่มของเขา เป็นเกย์สาวสุดมั่น ลูกนายทหารยศสูงที่รับได้กับท่าทีของลูกชายตัวเอง
“อินพ กูก็คนนะ”
“พวกมึงก็พูดไป แต่คืนนั้นกูเห็นที่เราไปเที่ยวกันกูเห็นมึงออกไปสูดอากาศแปปเดียวก็หายไปเลย มึงไปไหน” แป้งพูดขึ้น
แป้ง ลูกสาวเจ้าของธุรกิจเสริมความงามชื่อดัง แป้งดูจะเรียบร้อยสุดแล้วในกลุ่ม
แป้งพูดจบทำให้มินนั่งนิ่งนึกถึงคืนนั้น เขาออกไปสูดอากาศนอกผับ ระหว่างยืนอยู่ดีๆก็สลบลง แล้วมาโผล่อีกทีที่ห้องของพวกเลวพวกนั้น
“เอ่อ กูกลับบ้าน” มินตอบเพื่อนแล้วพยายามนิ่งเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
“ตอแหลละ กุญแจรถมึงอยู่ที่กู มึงกลับไง” นพมองเพื่อนอย่างรู้ทัน มินได้แต่เหลือบมองทางอื่นไม่ตอบอะไร
“หรือว่ามึงไปกับบอม เด็กเศรษฐศาสตร์ เห็นมันจ้องมึงอยู่ตั้งแต่ในผับละ แถมออกตามมึงไปอีก”
มินได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร ทำเอาเพื่อนๆเข้าใจไปอีกแบบ
“โอ้ยยยย อิดอก บอมแซ่บไหมมึง กูได้ยินมาว่าพอตัว” วุ้นถามอย่างตื่นเต้น มินเลยส่ายหน้าเปลี่ยนเรื่อง
“พอเหอะมึง หยุดพูดเรื่องนี้ได้ละ” มินรีบปรามเพราะเขาไม่อยากจะคิด คิดถึงเรื่องคืนนั้นอีกแล้ว จบกันแล้วก็ถือว่าจบกันไป ถือว่าทำทาน
“มึงๆ นั้นน้องคิม วิศวะ มาทำอะไรที่ตึกเรา” นพหันไปมองตาหวานแล้วสะกิดให้เพื่อนดู
มินหันไปมองแล้วก็เจอผู้ชายตัวสูง หุ่นดี หน้าคมแต่ที่เขาต้องมองก็คงเป็นแววตาที่ดุดัน ดูแล้วช่างมีอะไร
“นั้นสิ มาติดเด็กคณะเราแน่ๆ แต่ก็นะ ใครๆก็ยอมพลีกายอยู่แล้ว นายคิมหันต์ สุริยะทิพย์ ลูกชายมาเฟียชื่อดังเลยนะมึง ธุรกิจบ้านน้องเขาเยอะแยะ รวยโคตรรวยเลยละ”
นพยังบรรยายสรรพคุณไม่หยุด ทำเอามินต้องหันไปมองอีกครั้งก็เจออีกฝ่ายมองเขาแล้วยิ้มมุมปาก
_______________________________________________________________________
ขอบคุณสำหรับกระแสตอบรับในตอนแรก เกินคาดมากเลยครับ ทำให้มีกำลังใจปั่นตอนต่อไป
คนเขียนแอบกดดันเล็กน้อยนะเนี่ย แต่ก็จะพยายามทำให้ออกมาดีที่สุด สำนวนอาจไม่ดีนักแต่จะพยายามปรับปรุง
ส่วนจะกี่P ยังไงก็ติดตามกันนะครับ
มีอะไรติชมกันได้เลยนะครับ ยินดีรับฟัง
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่านและคอมเมนต์ครับ