บรรยากาศบนโต๊ะตอนนี้แทบถึงจุดเยือกแข็งเมื่อพี่โยนั่งข้างๆผมพร้อมกับยกแขนอีกข้างมาพาดบนเก้าอี้ผมคล้ายโอบไหล่กลายๆ แต่ที่ทำให้ผมเหงื่อตกยิ่งกว่าคือตองที่ตอนนี้เม้มปากทำตาโต อาการก่อนวีนแตกชัดๆ
“นั่นใครกันนะทัพ” น้ำเสียงเหวี่ยงมาเต็มๆ
“เอ่อ..”
“สวัสดีครับ เราเคยคุยกันแล้ว พอมาเจอตัวจริงแล้ว...............” พี่โยเว้นวรรคไป สายตาคมกวาดมองตองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะยกยิ้มกว้าง
“ทำไมเจอแล้วทำไม” ผมเริ่มที่จะเดาผลได้รางๆแล้วล่ะว่าใครจะชนะ ทางที่ดีผมควรนั่งนิ่งๆปล่อยให้คนที่ตามมาป่วนจัดการเองดีกว่า ผมยกแก้วน้ำขึ้นกินพยายามทำตัวให้ลีบเข้าไว้
“ก็ไม่เท่าไหร่” รอยยิ้มเยาะประดับบนใบหน้าทำให้หน้าตาดูกวนเบื้องล่างเพิ่มขึ้นอีก
“แก!!....ทัพไม่น่าไปคบกับคนไม่มีมารยาทแบบนี้เลยนะ” ดวงตากลมหงุดหงิดสะบัดหน้ามาทางเขา เวรแล้วไง
“ต้องบอกว่าทัพตาสว่างแล้วจะดีกว่านะครับ ส่วนคนไม่มีมารยาทนั้นผมก็เคยบอกคุณไปแล้วนิครับ หิวรึเปล่า” ใบหน้าเรียบเฉยต่อว่าอีกคนก่อนที่จะหันมายิ้มอบอุ่นแถมถามด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันจนผมแทบจะตรบมือให้กับการเปลี่ยนอารมณ์ไปมาไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี
“ก็นิดหน่อย”
“งั้นสั่งอะไรทานดีกว่านะ” เหมือนพี่โยจะเมินตองโดยการยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอเมนู ผมเปิดดูไปเรื่อยๆ คิดถึงฝีมือวาแฮะ
“อันนี้อะไรนะทัพ” คนข้างๆสะกิดถาม ผมชะโงกหน้าไปมองเมนูในมือใหญ่ ที่พี่โยชี้ที่เมนูหนึ่ง
“อ้ออันนี้ล่าเตียงครับพี่โย เป็นหมูกับเครื่องเทศแล้วห่อด้วยไข่ที่ทอดเป็นตาข่ายมั้งครับ ผมก็ไม่ได้แน่ใจ”
“อ้อ น่าทานดีนะ งั้นผมเอานี่ และนี่กับแกงนี้นะครับ เห็นทัพชอบกินตอนอยู่บ้านลม” น้ำเสียงสบายๆที่คำพูดบ่งบอกถึงความสนิทสนมของผมกับพี่โย แล้วไอ้แกงนั่นนะ พี่แกรู้ได้ยังไงว่าผมชอบ
“นี่นาย!!”
“อ่าวคุณยังอยู่เหรอครับ”
“ทัพ ไม่น่าตาต่ำคบกับคนแบบนี้ไปได้เลยนะ ต่ำ!!” ผมได้แต่ส่ายหน้าเมื่ออีกคนดูเหมือนจะของขึ้นเพราะอาการสนิทสนมของผมกับพี่โย
“ว้าแย่จังเลยนะ ทัพไม่น่าตาต่ำเลยจริงๆ นี่ทนคบไปได้ยังไง ผมออกจะหล่อ รวย แถมยังคอยดูแลตามใจทัพทุกอย่าง ผิดจากใครบางคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับคนรัก คุณคิดว่าคนแบบไหนมันต่ำกว่ากันละครับ”และผมต้องแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อใบหน้าติดจะขี้เล่นตอนนี้รอยยิ้มขี้เล่นหายไปแววตาคมดูแข็งกร้าว จนผมนึกหวั่น
ปัง
“แก!!” ตองทุบโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืนเตรียมการที่วีนแตกจนผมคิดว่าควรจบเรื่องไร้สาระแล้วจะได้กินข้าวซะที
“ตอง ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ นายเป็นคนขอเลิกกับฉันเอง จะกลับมายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไมอีก ช่วงเวลาที่ผ่านมาถือว่าเลิกแล้วต่อกันอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“นาย.............นายกล้าพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ฉันกล้ากว่านี้อีกนะตอง นายเป็นคนหักหลัง เป็นคนบอกเลิก เป็นคนบอกว่าไม่ได้รักฉัน เพราะฉะนั้นนายไม่มีสิทธิมาเรียกร้องอะไร ถือว่าเราจบกันแล้วเลิกแล้วกันไป ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน” พอพูดจบตองก็อึ้งไป เพราะไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้มาก่อน ก็แน่ล่ะตอนเป็นแฟนกับเป็นศัตรูกันมันก็อีกเรื่อง
“ทัพ ทำไมเป็นแบบนี้”
“จริงๆก็เป็นนิสัยจริงๆล่ะนะ แต่นายไม่เคยสังเกตฉันดีๆเอง กลับไปเถอะแล้วก็เลิกติดต่อกับฉันได้แล้ว”
“เห็นไหมล่ะครับ ว่าทัพนั้นไม่เลือกคุณ” นี่ก็กระพือไฟจริงๆ ว่างเป็นไม่ได้ใช่ไหม พอดีกับอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ ผมเลยจิ้มเอาล่าเตียงยัดเข้าปากคนที่อยู่ว่างเป็นไม่ได้ ปั่นตลอด
“ทัพจะเลิกกับผมจริงๆเหรอ ทัพไม่รักผมแล้วเหรอ” พอเล่นบทเรียกร้องไม่ได้ก็มาบีบน้ำตา
“ต้องบอกว่าเราเลิกรักนายไปแล้วดีกว่านะตอง และฉันก็ไม่คิดที่จะกลับไปด้วยหรอกนะ”
“ถ้าฉันบอกว่าทุกอย่างที่ทำไปเป็นเรื่องโกหกล่ะ” หือ ผมหันไปสบตากับตอง แววตาที่ไม่โกหก หมายถึงอะไร เรื่องที่บอกว่ามีคนรักนะเหรอที่ว่าโกหก
“เราแค่อยากทดสอบ เราไม่คิดว่าทัพจะโกรธจนเลิกกับเราไปเลย เราขอโทษนะทัพ” ผมรู้สึกตัวชา หมอนี่คิดอะไรของมัน ทำไมต้องทดสอบ ผมกำมือแน่นจนรู้สึกถึงเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อ
มันคิดบ้าอะไรของมัน
ยิ่งได้ฟังผมยิ่งโมโห ก่อนที่จะพูดอะไรออกไปก็มีมือใหญ่เอือมมาปิดตาผมพร้อมกับมือที่ถูกกุมไว้
“ไสหัวไป”
“อะ..”
“ไสหัวไปอย่าคิดกลับมาอีก ก่อนที่ฉันจะทำอะไรร้ายๆลงไป” น้ำเสียงเหี้ยมทำให้ผมเดาสีหน้าพี่โยไม่ออกเลย
“มันไม่เกี่ยวกับแกเลยซักนิด”
“นายคิดเล่นสนุกแต่เคยนึกถึงจิตใจของคนที่รักนายเลยซักนิดคนอย่างนายต่อให้มีเพชรอยู่ในมือก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ คนอย่างนายไม่สมควรที่จะรักใครด้วยซ้ำ นี่ค่าอาหาร ส่วนนายก็อยู่กับความคิดบ้าๆของนายไปซะ” ผมไม่รู้ว่าเดินไปทางไหนเพราะไอ้พี่โยยังไม่ยอมเอามือออกได้แต่เดินตามพี่ลมนำทางไป ไม่ได้ยินเสียงเรียกตามหลังของตอง จนกระทั่งถึงที่รถพี่โยยอมปล่อยแล้วดันเขาเข้าไปในรถ ไม่รู้ว่าหยิบเอากุญแจรถไปตอนไหน ผมนั่งพิงเบาะพร้อมกับหลับตาลง นี่ผมเสียใจไปเพราะไอ้การอยากทดสอบงี่เง่าเหรอวะ
“อยากร้องไห้ไหม” เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับมือใหญ่ที่วางบนหัวทำให้ผมรู้สึกทนเข้มแข็งไม่ไหวแล้ว
“โอ๋ๆๆ มานี่มา....มาซบอกพี่มา” แม้น้ำเสียงจะกวนตีนไปหน่อยแต่ผมก็ยอมโดนดึงเข้าไปซบบ่ากว้าง แม่งผู้ชายตัวโตๆกอดซบไหล่กันน่าขำซะมัดแต่ผมก็ยอมซบ มือหนาลูบหัวลูบหลัง
“แม่งเหมือนคนโง่”
“ผมบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ได้โง่ ผมเอาคืนให้คุณแล้วไง โอ๋ๆไม่ร้องน้าเด็กน้อย”
“ใครเด็กน้อยกัน ปล่อยได้แล้วเว้ย” ผมที่พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนแกร่งที่ยิ่งดิ้น ยิ่งรัดผมแน่น อะไรของมันวะ
“หายใจไม่ออกเว้ยปล่อยได้แล้ว” ผมทุบบ่ากว้างแรงๆจนพี่โยยอมปล่อย
“ตาแดงหมดแล้ว” ถ้อยคำพร้อมกับมือที่ลูบตามหางตานั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จนต้องปัดมือนั้นทิ้งไป
“ว่าแต่ทำไมคุณตามผมมาได้”
“ก็...จีพีเอสไงคุณ”
หือ
“เดียวนะ อย่างบอกนะโทรศัพท์ผม”
“ใช่ เมื่อคืนนี่ตอนคุณหลับผมแอบเปิดเครื่องคุณแล้วเปิดติดตามไว้นะ” พูดด้วยสีหน้ายิ้มไม่มีวี่แววความสำนึกผิดเลยซักนิดทำเอาพูดไม่ออก
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ตัดบทเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้ท้องผมโอดครวญเพราะหิว เสียดายอาหารที่สั่งไป
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” แม้จะดูกวนประสาทแต่เขาก็รู้สึกความเป็นห่วงในน้ำเสียง ตอนนี้ในใจเขาความรู้สึกมันจบไปแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้ว แต่ตอนนี้ผมหิวมาก”
“งั้นไปกินร้านไหนดี” ผมลืมไปว่าคนขับรถของเขาไม่รู้จักทางในกรุงเทพ
“เปลี่ยนที่กัน” พอผมบอกพี่โยกลับส่ายหัวปฎิเสธแล้วบอกให้ผมบอกทางเอา เลยคิดว่าไปกินที่คอนโดดีกว่าเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแต่เช้า จนถึงคอนโดผมแวะสั่งข้าวแล้วค่อยขึ้นห้อง
“คุณจะกลับพร้อมกันกับผมรึเปล่า”
“ก็ต้องกลับพร้อมคุณสิ คุณจะทิ้งผมรึไงทัพ” เหมือนอีกคนยังสนุกกับการสวมบทบาทเพราะสายตาหวานกับเสียงออดอ้อนนั่น ทำให้ผมถอนหายใจ รู้สึกเหมือนจะแก่ขึ้นอีกหลายปีถ้ายังอยู่ใกล้คนคนนี้
“ครับๆ งั้นผมเก็บของก่อนล่ะกัน อาหารมาก็เรียกด้วยนะ” ผมบอกแล้วเดินเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้า ผมคิดว่าจะปล่อยห้อง เพราะคงไม่คิดที่จะกลับมาที่นี่แล้ว จะปล่อยให้ว่างก็คงจะเปล่าประโยชน์เกินไป พับเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจนหมดเหลือเพียงข้าวของกระจุกกระจิกที่ต้องแพ็คใส่กล่อง
“ทัพ มากินข้าวก่อน เดี๋ยวกินเสร็จพี่จะเข้าไปช่วย” ไอ้คำสรรพนามที่เปลี่ยนไปแม้จะทำให้เขาแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะทักท้วง เดินออกไปกินข้าวจนเสร็จอีกคนก็ทำตามที่พูดเข้ามาช่วย
มาช่วยป่วนนะสิ!!
“คุณเอาไปใส่กล่องโน้นสิใส่กล่องนี้เดี๋ยวก็แตกกันพอดี”
“ก็พี่ไม่รู้” แม้จะพูดเสียงอ่อนแต่ผมก็ไม่ได้ใจอ่อนหรอกนะ ยืนคุมให้พี่โยเก็บของเข้าให้เป็นระเบียบโดยดี กว่าจะเก็บของเสร็จก็ปาไปครึ่งค่อนคืน จนผมไล่ให้คนที่ช่วยป่วนไปนอนแม้จะดื้อดึงในตอนแรกแต่เมื่อผมเงียบแล้วทำหน้าเข้มพี่โยก็ยอมไปนอนแต่โดยดี ส่วนผมก็เก็บส่วนสุดท้ายแล้วค่อยคลานขึ้นเตียงไปนอน สายๆค่อยออกเดินทางล่ะกันพวกของนี่ก็จะจ้างบริษัทขนส่งขนไปให้ก็รถที่เขามีมันเป็นรถแนวสปอร์ต ขนได้แค่ของไม่กี่อย่างหรอก ล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่นอนหลับสนิท นอนพักเอาแรงก่อนล่ะกัน
คนที่คิดว่าหลับกลับลืมตาตื่นขึ้นมา มองใบหน้าหล่อที่นอนหลับสนิท อาจจะคิดว่าเขาแปลกที่จู่จองตั๋วเครื่องบิน บินตามคนที่พึ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่เรียกลมไปคุยเรื่องอนาคตของวา เอาจริงๆผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรซักหน่อย แค่มา....อ่า ...อะไรนะ ทัพชอบว่าผมมาป่วนใช่ผมมาป่วน และผมก็เห็นน้องมีความสุขแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ก่อนกลับเข้าบ้านไม้ก็เข้ามาปรึกษาผมเรื่องของทัพ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็เป็นห่วง จากการที่ผมได้คุยผมก็รู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน เลยตัดสินใจตามมายุ่งนี่ไงล่ะ ทันทีที่เห็นหน้าเหวอๆนั่นทำให้ผมคิดถูกที่ตามมา ทั้งๆที่น่าจะโมโหแต่ทัพกลับเป็นคนยอมลงให้ นั่นทำให้ผมเข้าใจว่าทัพเป็นคนอ่อนโยนแค่ไหน และโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย เรื่องที่โกหกเขามองแวบเดียวก็รู้เลยว่าโกหก ผมเลยทำทุกวิถีทางที่สามารถตามอีกคนไปได้ที่ร้านอาหาร
ผมแทบจะกระโจนต่อยอดีตคนรักของทัพเมื่อมันพูดว่าต้องการทดสอบ โง่เง่า ผมไม่เคยเห็นใครโง่เง่าแบบนี้ในโลกเลยให้ตายเถอะ ดีแล้วที่ทัพเดินออกมา แบบนี้ล่ะดีแล้ว ทัพเหมาะรอยยิ้มกว้างๆกับใบหน้ามีชีวิตชีวามากกว่า ผมถึงได้คอยปั่นหัวอยู่นี่ไง อาจจะแปลกๆ แต่ผมก็รู้สึกว่า ใช่ คนๆนี้อาจจะเป็นคนที่ ใช่ สำหรับเขา แต่มันคงไม่ใช่ตอนนี้ ที่ผมจะเดินหน้าเพื่อค้นหาคำตอบว่า ทัพเป็นคนที่ใช่จริงๆไหม
ลูบเบาๆที่หางตาคมที่ยามตื่นแววตาเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและมีร่องรอยเศร้าแฝงอยู่ เอาเหอะ จะเป็นยังไงก็เป็นไปตามนั้นล่ะกัน เมื่อคิดตกร่างสูงก็เข้าสู่นิทราอย่างแท้จริง
Lom Part
.ให้ตายเหอะพี่ว่าที่เมียมาทิ้งประเด็นให้แล้วก็ปัดตูดหนีไปเที่ยวกับไอ้ทัพแล้ว แม้จะรู้สึกสงสารทัพแต่ก็ดี คำเตือนสุดท้ายของโยทำให้เขากังวล
“อย่าเลี้ยงงูไว้ในบ้านรีบจัดการให้เสร็จไม่งั้นฉันจะเอาน้องกลับ อีกเรื่องฉันเดาว่านายคงจะคิดที่จะอยู่ร่วมกันกับวาแล้วสินะ ขออย่างเดียวอย่าทำให้วาต้องทุกข์ใจ” ผมเข้าใจความหมายของโยดี ถ้าหากจะอยู่ร่วมกันแล้วนั้น ผมจะต้องไม่ทำให้วาทุกข์ทั้งกายและใจ แม้ในไร่จะไม่มีใครรู้สึกแปลก แต่ภายนอกล่ะ แม้เขาไม่คิดจะแคร์แต่คนอ่อนหวานอย่างวา เขาไม่อยากจะให้วาทุกใจเลยจริงๆ
“พี่ลมทำหน้าเครียดจังครับ”
“วา พี่อาจจะทำให้วามั่นใจในทุกๆด้านไม่ได้ แต่พี่จะพยายามให้วาไม่ทุกข์ใจนะคนดี” แววตากลมฉายแววงงงวยแต่ซักพักก็เผยรอยยิ้มหวาน
“พี่ลม วาไม่คิดมากหรอกนะครับ วาเข้าใจทุกคน วาสนใจแค่ครอบครัววา ครอบครัวเราเท่านั้นล่ะครับ วาไม่เก็บเรื่องนั้นมาคิดมากหรอกนะครับ” สิ้นคำตอบวาผมก็ยิ้มกว้างก่อนที่จะดึงรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนสูดกลิ่นหอมกรุ่นจากผิวเนียน กอดที่วากอดตอบนั่นทำให้ผมรู้สึกเต็มตื้น วาของผมช่างน่ารักจริงๆ
“เดี๋ยวพี่เข้าไร่นะ จะกลับมากินข้าวเย็นส่วนไอ้ไม้พี่ว่าน่าจะนอนโรงงาน” เดี๋ยวนี้ไอ้ไม้ดูจริงจังกับงานมากกว่าปกติเสียอีกเอาเถอะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองล่ะ
“เดี๋ยววาทำกับข้าวรอนะครับ” อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มเนียนซักฟอดก่อนที่จะรีบเดินหนีหลบมือเรียวที่เขินแล้วจะฟาดเขาตลอด เขินแล้วทำร้ายร่างกาย
ผมเข้าไปในไร่ก่อนที่จะเรียกไอ้ละอองกับไอ้สินมา
“มีอะไรครับนาย”
“กูมีเรื่องจะให้มึงทำ” เมื่อเห็นว่าผมจริงจังเจ้าสองตัวก็ไม่ทำท่าทีเล่นทีจริง
“ว่ามาเลยครับนาย”
“กูอยากเก็บเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด มึงจำตอนที่วาเกิดอุบัติเหตุ” เจ้าสองคนนั่นก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็นว่าผมจะพูดอะไรต่อ
“จับตัวไอ้เก้าส่งตำรวจ”
“ห๊า!!!”
“ไอ้เก้า” กูบอกให้เงียบมันเสือกแหกปาก เออดีจริงวุ้ยลูกน้องกูแต่ละคน
“กูบอกให้เงียบไงไอ้พวกซื่อบื้อ”
โป๊ก โป๊ก
เขกหัวให้รางวัลมันคนละที ไอ้สองตัวนี้มันเชื่อถือได้ไหมเนี้ย เลยบอกให้มันตามผมขึ้นรถเพื่อไปที่บ้านพักคนงาน เขารู้ตัวนานแล้วเพียงแต่มันเป็นลูกของลุงชิต ผมไม่อยากให้ลุงชิตเสียใจเพราะยังไงลุงก็เป็นคนเก่าคนแก่แถมยังคอยดูแลเจ้าน้ำอีก ผมเป็นห่วงความรู้สึกของลุงชิตมากกว่า
“อ่าวพ่อเลี้ยงมาทำอะไรเหรอครับ” สีหน้ายิ้มแย้มนั่นยิ่งทำให้ผมลำบากใจที่จะพูด แต่สิ่งที่โยเตือนไว้มันก็เป็นเรื่องจริงจะให้เลี้ยงงูเพื่อที่ซักวันมันจะแว้งกัดเอานะเหรอ
“ลุงผมมาหาไอ้เก้า”
“มันก่อเรื่องอะไรอีกเหรอครับ” รอยยิ้มกว้างหายไปเหลือเพียงหน้าตาวิตกกังวลทำให้ผมยิ่งไม่กล้าที่จะพูดออกไป
“ไอ้เก้ามันเป็นคนตัดสายเบรกรถของวา” สีหน้าตกใจก่อนที่ข้าวของในมือจะร่วงลงพื้น พร้อมกับใบหน้าสิ้นหวังของลุงชิตทำให้ผมลำบากใจ
“มันทำไม......... ทำไมมันเลวแบบนี้” ผมไม่มีคำตอบให้ ลุงชิตเพียงบอกว่าไอ้เก้ามันนอนอยู่ในห้อง ผมบอกให้ไอ้สองคนนั่นไปลากตัวมันส่งโรงพัก
“นาย นาย ผมผิดไปแล้ว อย่าส่งผมให้ตำรวจเลยนะ นาย” ไอ้เก้ามันถลามามาคุกเข่าอ้อนวอนผม
“ไอ้ลูกไม่รักดี มึงไม่ต้องมาอ้อนวอน ไอ้ละออง ไอ้สิน จับมันไป เอามันไปให้พ้นๆหน้ากู” ลุงชิตตะโกนลั่นผมเลยพยักหน้าสั่งให้ไอ้ละอองกับไอ้สินหิ้วปีกไอ้เก้าไปโรงพัก คล้อยหลังสองคนนั่นไปลุงชิตก็ล้มลงจนผมต้องรีบเข้าไปพยุงพาไหนั่งพักดีๆ
“ไม่เป็นอะไรนะลุง”
“พ่อเลี้ยงลุงขอโทษ ลุงสั่งสอนไอ้เก้าไม่ดี มันถึงได้เลวได้ทำชั่วแบบนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับลุงหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับตัวมันเองต่างหาก ผมเองก็ไม่อยากเอาเรื่องอะไรมันหรอกนะลุง เพียงแต่มันทำร้ายคนที่ผมรัก ลุงคงเข้าใจผมนะ”
“ลุงไม่ได้โกรธพ่อเลี้ยงหรอกนะ ลุงโกรธตัวเอง โกรธไอ้ลูกเวรที่มันกล้าทำร้ายคนมีบุญคุณกับมันล้นหัว” ผมลูบหลังลุงที่นั่งร้องไห้ แม้จะเป็นผลลัพธ์ที่ผมเดาได้แต่คนที่สูญเสียก็ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนความรู้สึกนั้นได้ ผมนั่งปลอบลุงชิตจนลุงดีขึ้น ผมเลยเดินกลับบ้าน ทันทีที่เดินเข้าไปกลิ่นหอมก็ลอยอบอวลทั่วบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอครับ มีอะไรรึเปล่าครับพี่ลม”
“พี่ขอเพิ่มพลังแปบ” พูดเสร็จผมก็เดินไปรวบตัวร่างบางเข้ามากอด สูดกลิ่นกายหอมที่ช่วยผ่อนคลายจนผมรู้สึกดีขึ้นค่อยคลายอ้อมกอด
“พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” แม้จะทำหน้างงแต่วาก็ไม่ซักถาม
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาที่โต๊ะ ที่ตอนนี้เจ้าน้ำกำลังอ้อนวาให้ป้อนนั่นป้อนนี่ ผมนั่งกินคอยแกล้งเจ้าน้ำที่ขยันอ้อนว่าที่เมียเขานักหนา ว่าแต่เขาจะให้วาคงว่าที่นี่อีกนานไหม สมควรที่ผมจะพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นอีกขั้นรึยังนะ แต่ทุกอย่างที่จะพัฒนาเขาและวาต้องพร้อมที่จะก้าวไปพร้อมๆกัน
ใช่มือขวาตัวเองต่อไปก็แล้วกันนะไอ้ลม
แม้การที่จะต้องนอนกอดกันทุกคืนนั่นยิ่งทำให้ความต้องการของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากให้วากลัว อาศัยมือขวาตัวเองนี่ล่ะวะ คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมต้องทนกับความน่ารักยามที่วานอน ยิ่งวาไว้วางใจผมมากเท่าไหร่ ตอนหลับวายิ่งอ้อดอ้อนยิ่งกว่าตอนตื่นเสียอีก
“อือ” นี่ไง มาแล้ว เสียงครางด้วยความสบายเมื่อวาขยับตัวหาที่สบาย ใบหน้าหวานถูไถบนอกเหมือนแมวน้อยที่ขยับหาที่อุ่นสบาย มันจะดีกว่านี้มากถ้ามันไม่ใช่อกผม โอ๊ยทำไมน่ารักแบบนี้นะ ได้แต่กำมือแน่นยับยั้งความตั้งใจที่จะจับกินซะตอนนี้ ขณะที่ผมตั้งสติวาก็เหมือนจะแกล้งผมเข้าไปอีก
“พี่ลม...” ไอ้การละเมอเป็นชื่อเขานี่แกล้งกันใช่ไหม อยากจะปลุกอีกคนมาชดใช้ความผิดแต่ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มบางแตะแต้มบ่งบอกถึงความสุข จนผมอดยิ้มตามไม่ได้ วาเป็นความสุขของผมจริงๆ
“ฝันดีคนดีของพี่” ผมกระซิบบอกก่อนที่จะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่ค่ำคืนแสนอบอุ่นหัวใจ
***************************************************
แค่กๆ เหมือนทุกคนรักพี่โยมากฮ่าๆๆ
คนเขียนก็ชอบนางมากเช่นกัน
ในส่วนของพี่ลม เป็นความสุขที่ไม่สุด เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า55555
ตอนหน้าเราจะไปดราม่ากับพี่ไม้และคุณนัทนะคะ //ผายมือ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นต์นะคะ
ตามอ่านทุกคนเม้น แล้วยิ้มกว้างจนน้องที่ทำงานถาม 555555