ตอนที่ 24
บรรยากาศน่าขวยเขินนี่มันอะไรกัน?
องค์ชายรู้สึกอยากหาอะไรมาหาคลุมหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด รู้สึกไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเสือหรืออะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับโลกัสทั้งนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่คำพูดหยอกล้อของเกลถึงทำให้เขาเขินถึงขนาดนี้
ให้ตายสิ มันทำให้ข้ารู้สึกอยากกลับไปปัญญาอ่อนเหมือนเดิมชะมัด ตอนนั้นข้าแทบไม่เคยคิดอะไรกับการกระทำทุกอย่างของเจ้าเสือแต่ตอนนี้กลับตรงข้าม สติปัญญาของข้าครบถ้วนและเข้าใจดีว่าเจ้าเสือคิดกับข้ายังไง
เวสเปอร์จึงตัดสินใจหันหลังให้โลกัสเพื่อเป็นการตัดปัญหาแต่ก็ไปเจอตุ๊กตาไหมพรมที่เป็นเสือดำอีก ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำนิดๆ เมื่อดวงตาสีแดงที่ทำจากลูกปัดนั่นเหมือนกับโลกัสไม่ผิดเพี้ยน
ดูเหมือนว่ายังไงข้าก็หนีความจริงไม่พ้นสินะ..
องค์ชายคิดอย่างท้อใจแล้วหยิบขลุ่ยสีขาวที่เจ้าเสือซื้อมาใหม่มาจรดริมฝีปาก อย่างน้อยการเป่าเพลงสักเพลงก็ทำให้เขาหัวโล่ง ไม่ต้องคิดเรื่องเจ้าเสือวนไปวนมาไม่รู้จบ แค่คิดถึงหน้าเจ้าเสือร่างทั้งร่างก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ่นมาแปลกๆ บัดซบ นี่ข้าก็กลับไปคิดเรื่องโลกัสอีกแล้ว!
"เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นนะ" เวสเปอร์บ่นพึมพำ อย่างไรก็ตามเขาก็คิดถึงกอดอุ่นๆ ร่างหนาๆ อยู่ดี
ภายในหัวองค์ชายปรากฏเนื้อเพลงนับร้อยเพลงซึ่งองค์ชายก็เลือกเพลงรักมาเพลงหนึ่งและเป่ามันออกมาอย่างเหม่อลอย เดิมทีองค์ชายเป็นคนมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีอยู่แล้วการจำเนื้อเพลงที่ตัวเองชอบย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักรวมถึงการทำความเข้าใจบทเพลงต้องห้ามของชายชรา จะว่าบังเอิญก็ได้ที่เวสเปอร์เคยเห็นมันผ่านๆ ในตำราเรียนที่แอบขโมยท่านพ่อมาอ่าน พอโลกัสนำมาให้อ่านอีกครั้งก็สามารถจดจำได้ทันทีเมื่อร่างกายกลับมาเป็นปกติ
บทเพลงที่องค์ชายเลือกนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวชายหนุ่มที่หลงรักหญิงสาวคนนึงมากจนกระทั่งตัวเองต้องตายเพราะพ่อของฝ่ายหญิงไม่ยอมรับ หากแต่เนื้อเพลงที่ขับขานออกมาได้ทำนองเสียงขลุ่ยนั้นกลับหวานล้ำ บทเพลงนี้ถูกขับร้องด้วยชายหนุ่มผู้นั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกๆ ท่วงทำนองจนเต็มไปด้วยความละมุนละไมและความรัก
เสียงขลุ่ยขององค์ชายนั้นไม่หยุดเพียงในห้องนอนมันยังดังลอดออกไปยังห้องครัวที่เกลกำลังผัดเนื้อวัวป่าให้กับฟินด์อยู่ เกลเผลอคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกองค์ชายที่อยู่ในทำนองเพลง
"ข้าเดาผิดซะที่ไหนล่ะ" เกลพูดกับฟินด์ยิ้มๆ
แต่ฟินด์ไม่สนใจกระดิกหูฟังเพลงด้วยหน้าตาเคลิบเคลิ้มเหมือนแมวถูกมอมเมา มันจำได้ว่าเวสเปอร์เล่นดนตรีเป็นจึงตั้งใจฟังเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เข้าใจท่วงทำนองของเนื้อเพลงมนุษย์เท่าไหร่แต่ก็รู้สึกว่าเพราะมากอยู่ดี
องค์ชายยังคงเล่นเพลงเดิมซ้ำไปเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะจบไปแล้วหลายครั้งเพราะมัวแต่เหม่อนึกถึงความหลัง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่ผ่านมาทั้งหมด บางครั้งความคิดก็ไปสะดุดอยู่ที่คำว่าข้าทำถูกรึเปล่านะ? ที่ทำแบบนั้นไป ทำไมทุกอย่างถึงต้องกลายเป็นแบบนี้นะ? อะไรทำนองนั้น
ถึงแม้จะรู้สึกเศร้านิดๆ แต่องค์ชายก็ไม่คิดจะแก้ไขอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำไปแล้ว อย่างว่า ตอนนี้เขาตัดสินใจไปแล้วว่าจะมาอยู่กับเจ้าเสือ เจ้าเสือไปไหนเขาไปด้วยก็แค่นั้น พอกันทีกับเมืองเอวินด์
แต่เอาเข้าจริงลึกๆ ในใจองค์ชายก็ยังไม่สามารถละทิ้งได้หมดอยู่ดี ความอาลัยในบ้านเกิดเมืองนอนยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น บางครั้งความรู้สึกก็ดูจะเป็นสิ่งที่ควบคุมยากกว่าร่างกายด้วยซ้ำไป
เสียงหอบหายใจดังแผ่วจากร่างองค์ชายเมื่อถอนริมฝีปากจากขลุ่ย การเป่าเพลงไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งไปวิ่งรอบปราสาทสามสี่รอบยังไงยังงั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรนัก การทำในสิ่งที่ชอบย่อมรู้สึกดีอยู่แล้ว
องค์ชายจึงจรดริมฝีปากกับขลุ่ยอีกครั้ง หลับตาพริ้มและเป่าเพลงที่ตัวเองคุ้นเคยออกมา
เพลงที่ท่านแม่ชอบเป่ายามที่ท่านพ่อหมางเมิน..
บทเพลงที่ว่าด้วยความเศร้าของหญิงที่ถูกฆ่าคนรักทิ้งซึ่งคนรักก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากชายจากเพลงเมื่อกี้ สองเพลงนี้มีความเกี่ยวเนื่องกัน แต่อารมณ์เพลงกลับขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
จากท่วงทำนองหวานล้ำกลับกลายเป็นเศร้าหมองทำให้สังเกตเห็นได้ชัดที่พรสวรรค์ในด้านดนตรีของเวสเปอร์ ที่สามารถเล่นเพลงอออกมาได้ราวกับเป็นเจ้าของบทเพลงจริงๆ ทุกทำนองเต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างแจ่มชัด แม้แต่หยดน้ำตาที่หยดลงบนตักล้วนเป็นของจริง
เวสเปอร์เผลอน้ำตาไหลในขณะที่เป่า ในหัวเหมือนจะขาวโพลนลืมทุกเรื่องไปแล้ว อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมาก็แค่นั้น แม่ที่เคยใจดีกับเขามาก แม่ที่เอาใจใส่เขามาก แต่ก็เกลียดเขามากเช่นกัน
ที่องค์ชายเลือกเพลงนี้เพราะอยากจะเป่ามันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะทิ้งความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดเอาไว้กับบทเพลงนี้ เขาจะพยายามไม่มายุ่งเกี่ยวกับความรู้สึกในอดีตพวกนี้อีก ความเจ็บปวดในอกเกินจะทานทนล้วนมาจากเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ทั้งนั้น
บางครั้งเวสเปอร์ก็รู้สึกว่าเครื่องดนตรีเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มันสามารถถ่ายทอดความคิดของผู้บรรเลงออกมาได้อย่างซื่อตรงถ้าหากว่าผู้บรรเลงเลือกเพลงที่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองคิดน่ะนะ
จนช่วงใกล้จบเนื้อเพลงองค์ชายก็ลืมตาขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาลูกปัดสีแดงอีกครั้ง ไม่แน่ใจเพราะอารมณ์เศร้าๆ ที่เจิ่งนองในอกหรืออะไรที่ทำให้องค์ชายเผลอสะอื้นออกมา ทำท่าจะหยิบเจ้าตุ๊กตาไหมพรมมากอดต่างเจ้าเสือ
หมับ
"อย่าร้องไห้สิ องค์ชายของข้า.."
องค์ชายสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกรวบร่างเขาไปอยู่ในอ้อมกอด ทั้งๆ ที่องค์ชายคิดว่าตัวเองนั้นตัวไม่ได้เล็กอะไรนักหากแต่เมื่อถูกโลกัสกอดนั้นร่างทั้งร่างขององค์ชายจึงดูบางลงไปถนัดตา ในขนาดที่ว่าถ้าหากเล่นซ่อนหาแล้วองค์ชายมาหลบในอ้อมกอดของเจ้าเสือคงจะไม่มีใครหาเจอ
"…" องค์ชายประหม่าจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งตัวแข็งปล่อยให้เจ้าเสือลวนลาม
ดูเหมือนว่าโลกัสยังคงงัวเงียอยู่บ้างจึงควบคุมร่างกายตัวเองได้ไม่ดีนัก...
"อือ...!"
องค์ชายหน้าแดงก่ำปิดปากตัวเองทันที เมื่อถูกมือร้อนสอดใต้เสื้อบางๆ ที่เกลให้เปลี่ยนเข้ามาลูบไล้แผ่นอกซึ่งก็ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ลิ้นร้อนๆ ยังเลียต้นคอเขาอย่างกับเป็นเนื้อกวางหวานๆ ยังไงยังงั้น
"ฮื่อ.." โลกัสส่งเสียงฮึมๆ ในลำคอเริ่มกลับมาได้สติช้าๆ จึงผละมือออกมาจากใต้เสื้อองค์ชายอย่างงุนงง "นี่ข้า?" น่าแปลกที่พอเอามือแล้วกลับรู้สึกเสียดายนิดๆ
"…" องค์ชายพูดไม่อะไรไม่ออกนั่งก้มหน้าตัวแข็งทิ้งคราบองค์ชายผู้เย็นชาและน่าเกรงขามในวันนั้นราวกับว่าเป็นคนละคนกัน มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ยังคงแดงก่ำ
โลกัสขมวดคิ้วรู้สึกงุนงงมากถึงมากที่สุดเพราะจำได้ว่าตัวเองอยู่ในปราสาทไม่ใช่บนเตียงนุ่มๆ แบบนี้ "เกิดอะไรขึ้น? เจ้าร้องไห้ทำไม? เวสเปอร์" ไปๆ มาๆ โลกัสกลับคิดว่าตัวเองคิดผิดไปที่ถามองค์ชายเพราะยังไงก็คงไม่สามารถให้คำตอบได้แน่ชัดนัก
"ข้า..ไม่ได้ร้องไห้" องค์ชายพูดปัดเสียงเบายังคงไม่กล้าสบตาโลกัสอยู่ดี
"แต่ข้าว่าข้าได้ยินเสียงร้องไห้นะ" ไม่ว่าเปล่าพลิกร่างองค์ชายให้หันกลับมาตัวเองอย่างง่ายดายราวกับว่าองค์ชายนั้นเป็นเพียงตุ๊กตายัดนุ่นตัวหนึ่งไม่มีน้ำหนักใดๆ
องค์ชายยังไม่ได้ทันได้ขัดขืนรู้ตัวอีกทีก็สบกับนัยน์ตาคมดุของร่างนักฆ่าซะแล้ว นัยน์ตาสีแดงก่ำกระหายเลือดที่ผู้คนกล่าวขานว่าสามารถมองลึกภายในจิตใจผู้อื่นซึ่งคงจะเป็นเช่นนั้นจริงเพราะหัวใจในอกเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อถูกมองมาด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนกับว่าเขาเป็นของล้ำค่านักหนา
ทั้งๆ ที่ข้าเลิกคาดหวังไปแล้วแท้ๆ ว่าจะมีใครต้องการข้าอีก..
เวสเปอร์น้ำตาคลออีกรอบโผกอดคอโลกัสสะอื้นฮักออกมาจริงๆ แต่มันไม่ใช่เพราะความเศร้าแต่อย่างใด มันเป็นความยินดีที่มากจนบรรยายไม่ถูก
"อย่าร้องไห้สิ เวสเปอร์"
ไหนจะมือที่ลูบหัวนี่อีก ทั้งๆ ที่ข้านั้นปัญญาอ่อนแท้ๆ แต่โลกัสกลับดีกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าข้ามีอะไรดี โลกัสถึงต้องดีกับข้าขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นโลกัสจะปล่อยให้ข้าตายตรงนั้นก็ได้เลยแท้ๆ แต่เขากลับช่วยชีวิตข้าไว้
"ฮึก เจ้าเสือ"
ถึงแม้จะมีคำพูดที่อยากจะพูดมากมายในใจแต่คำที่เล็ดลอดออกไปกลับมีเพียงไม่กี่คำ
โลกัสคลี่ยิ้มแม้ว่าจะองค์ชายจะไม่เห็นก็ตาม มือหนาบรรจงลูบกลุ่มผมนุ่มๆ "เจ้าพอจะรู้บ้างรึเปล่า ว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้ากับเจ้ามาอยู่ที่นี่"
"ฮึก"
องค์ชายเม้มปากแน่นรู้สึกลังเลที่จะบอกความจริง เริ่มรู้สึกกลัว ไม่แน่ใจว่าเจ้าเสือที่ดีกับตัวเองถึงขนาดนี้เพราะว่าเอ็นดูในความปัญญาอ่อนรึเปล่า แล้วถ้าหากเขาหายปัญญาอ่อนแล้ว จะยังเหมือนเดิมไหม
ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้องค์ชายกลัวจนตัวสั่น กลัวว่าตัวเองจะต้องสูญเสียเจ้าเสือไปถ้าหากเจ้าเสือรู้ว่าเขาไม่ได้ปัญญาอ่อนแล้ว
"ฮึก ไม่เอานะ เจ้าเสือ เจ้าห้ามทิ้งข้านะ" องค์ชายกอดโลกัสแน่นตัวสั่นเทาเหมือนกับลูกนกตัวเล็กๆ ที่แสนอ่อนแอ เพียงแค่เสียงฟ้าผ่าก็อาจทำให้มันตกใจจนพลัดตกจากรังและตายเอาง่ายๆ
เจ้าเสือขององค์ชายเริ่มงุนงงยิ่งกว่าเดิมเพราะองค์ชายในตอนนี้ดูจะเปราะบางเป็นพิเศษ จึงดึงร่างขององค์ชายลงมานั่งบนตักอีกครั้งและมองใบหน้าน่ามองที่คลอไปด้วยน้ำตาด้วยแววตานุ่มนวล
น่ากิน... โลกัสเผลอเลียริมฝีปากอย่างอดไม่ได้ อย่างไรก็ตามองค์ชายสำหรับเขาแล้วก็เหมือนกวางเผือกสง่างามตัวหนึ่งที่ชอบส่งกลิ่นหอมๆ มายั่วยวนเสมอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกัสรู้สึกแบบนี้
ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้! โลกัสสะบัดตัวเองมึนๆ โชคดีที่องค์ชายยังจดจ่ดกับการสะอื้นซึ่งโลกัสก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรอยู่ดี "บอกข้าได้รึเปล่า? เจ้าร้องไห้เรื่องอะไร"
"…"
โลกัสขมวดคิ้วมุ่นหนักกว่าเดิมเมื่อองค์ชายเม้มปากแน่นก้มหน้าต่ำไม่ยอมสบตาเขา แม้แต่มือที่วางอยู่บนตักยังจิกแน่นลงไปบนขาขาวๆ นั่น มือหนาๆ ของเจ้าเสือจึงความหมับที่มือองค์ชายทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้จิกลงไปในขาที่เริ่มเป็นรอยเล็บ โลกัสไม่ได้พูดอะไรกับท่าทีของตัวเองแต่สายตาจับจ้องตรงๆ ไปยังองค์ชาย
..ทำไม เวสเปอร์ถึงได้ตัวสั่นขนาดนี้!
โลกัสเริ่มรู้สึกร้อนรนมือที่เขากุมอยู่นั้นก็เย็นเฉียบเหมือนกัน "เกิดอะไรขึ้น เวสเปอร์ เจ้าเป็นอะไร บอกข้ามาสิ" แต่ดูเหมือนว่ายิ่งถามก็ยิ่งแย่ลง องค์ชายตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ หน้าซีดเผือด ทำให้โลกัสต้องดึงตัวองค์ชายมากอดแน่นด้วยความเป็นห่วง หน้าซีดเผือดไม่ต่างจากองค์ชาย
"เจ้าเป็นอะไร บอกข้าสิ มีคนรังแกเจ้าเหรอ ถ้ามีข้าจะไปฆ่ามันเอง"
"..ข้า" องค์ชายแทบจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ในขณะที่พูด "หาย..ปัญญาอ่อนแล้ว" น่าแปลกที่พอพูดออกไป ร่างกายจู่ๆ ก็ชะงักค้างอยู่ที่เดิมนิ่งงัน
"…"
ยิ่งโลกัสนิ่งเงียบนานไปเท่าไหร่ องค์ชายก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น กลัวจนไม่กล้ามองหน้าโลกัส
อย่าทอดทิ้งข้าเลย ได้โปรด..
องค์ชายคิดเงียบๆ ในใจน้ำตาทำท่าจะไหลอีกรอบแต่ยังไม่ทันได้ร้องไห้ก็ถูกเชยคางขึ้นรับจูบหนักๆ จนร่างอ่อนปวกเปียกพอโลกัสผละออกองค์ชายถึงได้เห็นใบหน้ายินดีของโลกัส
"ก็ดีสิ องค์ชายของข้า" โลกัสยิ้มอย่างมีความสุขกอดองค์ชายแรงจนกระดูกองค์ชายแทบหัก "เกิดอะไรขึ้น บอกข้าได้รึเปล่า? ข้าอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนที่เราจะมาอยู่ที่โรงแรงของเกลได้"
องค์ชายซุกหัวลงบนตัวโลกัสกอดตอบ รู้สึกดีใจมากพร้อมกับตำหนิตัวเองที่จินตนาการได้ไกลเกินความจริงไปมาก "ท่านพ่อของข้าถูกกริมม์ฆ่า"
เวสเปอร์ชะงักเล็กๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป ความรู้สึกบางอย่างคลอหน่วงในลำคอแต่เพียงไม่นานองค์ชายก็กลืนมันลงไปอย่างไม่ใส่ใจพูดต่ออย่างไม่ยี่หระ "ส่วนข้าคนเป็นฆ่ากริมม์"
โลกัสเผยสีหน้าประหลาดใจ "เจ้าฆ่าไอ้สัตว์ประหลาดนั่นได้? "
องค์ชายพยักหน้าหงึกหงัก "ข้าก็เป่าเนื้อเพลง ที่ท่านให้นั่นแหละ" จนถึงตอนนี้องค์ชายก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าโลกัสไปเอาเพลงต้องห้ามนี่มาจากไหน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจอะไรนัก
"หึ ลุงนั่นพูดถูก เจ้าเข้าใจเนื้อเพลงนี่จริงด้วย" โลกัสหัวเราะลูบหัวทุยๆ ขององค์ชายอย่างเอ็นดู "เล่าต่อสิ องค์ชาย" น้ำเสียงหวานละมุนจนองค์ชายหน้าแดงขึ้นมานิดๆ
"หลังจากนั้นอัลฟินก็แต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นมาแทน"
โลกัสพูดพึมพำกับตัวเอง "ในที่สุด สิงโตอำมหิตนั่นก็ทำสำเร็จสักทีสินะ" การติดตามอัลฟินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้โลกัสรู้ว่าอัลฟินหมายปองอะไรในเมืองเอวินด์ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องการที่จะทำมาตลอดก็สำเร็จแล้ว
การแก้แค้นให้กับท่านพ่อ
แล้วก็..
โลกัสดึงตัวองค์ชายมานั่งบนตักอีกครั้งมององค์ชายอย่างประหม่าเล็กๆ "ในที่สุดข้าก็ทวงของๆ เจ้ากลับมาให้เจ้าได้สำเร็จแล้ว" ถึงข้าจะสลบไปกลางคันก็เถอะ
องค์ชายเขินแต่ก็ยิ้มจนตาหยีตอบ
"ข้าเป็นนักฆ่าเพื่อที่จะฆ่ากริมม์ แต่ตอนนี้กริมม์ตายแล้ว" โลกัสยิ้มนิดๆ ขณะที่พูดและมององค์ชาย "หลังจากนี้ข้าคงจะเลิกเป็นนักฆ่าแล้วก็ทำตามที่เจ้าต้องการ" จากรอยยิ้มนิดๆ กลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที มือหนาคล้องที่เอวขององค์ชายหลวมๆ
กวางหนุ่มตื่นตระหนกเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกเสือตะครุบเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ ได้แต่นั่งนิ่งยอมกลายเป็นเหยื่ออันโอชะด้วยความเต็มใจเพราะรู้ลึกๆ ว่ายังไงเสือตัวนี้ก็ไม่มีวันฆ่ามันแน่นอน
เวสเปอร์หัวเราะในลำคอใช้มือเช็ดน้ำตาของตัวเองออก "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี"
เสือร้ายโน้มหน้าลงและขบเบาๆ ที่คอขององค์ชาย "บอกข้าได้รึยัง ว่าเจ้าร้องไห้ทำไม? ถ้าอัลฟินเป็นคนทำ ข้าจะไปกระทืบมันให้มันขอโทษเจ้า"
องค์ชายไม่ได้ขืนตัวออกและไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดไม่รู้ว่าโลกัสกำลังทำอะไร แต่ก็ยอมให้ทำอยู่ดี "ไม่เกี่ยวกับอัลฟินสักนิด ข้าก็แค่กลัวอะไรนิดหน่อย.. ช่างมันเถอะ"
เรื่องน่าอายแบบนี้ ใครจะไปบอกเจ้าตัวกัน
"เกี่ยวกับข้ารึเปล่า?" เสียงทุ้มกระซิบที่ไหล่ให้ความรู้สึกจักจี้นิดๆ เมื่อลมหายใจร้อนถูกพ่นใส่ไหล่ที่เย็นเฉียบเพราะถูกเลิกเสื้อลง
นอกจากจะเป็นนักฆ่าแล้วนี่เจ้ายังเป็นหมอดูด้วยสินะ
องค์ชายคิดเซ็งๆ เลือกที่จะเมินคำพูดของเจ้าเสือไป "ข้าอยากไปเที่ยวเรื่อยๆ อือ--" พูดไม่ทันจบก็หลุดเสียงครวญเมื่อถูกขบเข้าที่ไหล่
"เจ้าเป็นเสือไม่ใช่เหรอ ท่านนักฆ่าอันดับหนึ่ง ไม่ใช่หมาซะหน่อย"
"งั้นเจ้าก็ตอบข้าสิ"
"อื้อ! อย่า" องค์ชายพยายามผลักหน้าหนาๆ ออกจากหน้าอกตัวเองเพราะร่างนักฆ่านี่ฉีกเสื้อเขาเป็นชิ้นๆ ในพริบตา ใบหน้าขึ้นแดงก่ำรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันซึ่งก็มีทีท่าจะแดงก่ำไปอีกไม่รู้จบ
"องค์ชาย.. ตั้งแต่ข้าเจอเจ้า ข้าก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนอีก" โลกัสดันตัวองค์ชายลงไปนอนบนเตียงอย่างนุ่มนวลส่วนตัวเองก็ขึ้นคร่อมด้วยท่าทางอันตราย "ข้าลุ่มหลงในตัวเจ้าจนถอนตัวไม่ขึ้น ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนไหนที่ข้าไม่เห็นเจ้าเป็นน้องชายของข้า ไม่สิ ข้าไม่ได้เห็นเจ้าเป็นน้องชายมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก"
ใบหน้าคมคายยิ้มขำนิดๆ กับความคิดไร้สาระของตัวเองในตอนนั้น
พี่ชายที่ไหนอยากนึกอยากขบเคี้ยวน้องชายของตัวเองกัน?
"ตอบข้าสิ เจ้าร้องไห้เรื่องของข้ารึเปล่า"
น่าเสียดายที่องค์ชายหน้าแดงก่ำเม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไม่กล้าสู้หน้าโลกัสเมื่อได้ยินคำสารภาพที่น่าเขินอายพวกนั้น เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไม โลกัสถึงสามารถพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่เขาแค่นึกยังรู้สึกประหม่าแทบตาย
"..ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะทอดทิ้งข้า ถ้าหากข้าหายปัญญาอ่อนแล้ว" องค์ชายพูดเสียงเบาในประโยคหลัง "เพราะข้าไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้นแล้ว" หากแต่ประโยคถัดจากนั้นกลับเบายิ่งกว่า
คนฟังชะงักกับคำตอบที่ได้ยินเพราะคำว่าทอดทิ้งองค์ชายไม่เคยอยู่ในความคิดเลยแม้แต่นิดเดียว นัยน์ตาของโลกัสจึงละมุนมากยิ่งขึ้นไปอีก "องค์ชาย สำหรับข้าเจ้าก็คือเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะปัญญาอ่อนหรือไม่ปัญญาอ่อน ข้าไม่สนใจ สิ่งที่ข้าต้องการคือการได้ดูแลเจ้าตลอดไป"
โลกัสเคยนึกอยากมีของล้ำค่าของตัวเองมาตลอด ของล้ำค่าที่จะทำให้เขามีความสุขที่จะได้ครอบครอง เดิมทีโลกัสก็เคยลองไปหามันกับพวกหญิงงามแต่ก็ไม่เคยเจอ พวกหล่อนก็แค่สนใจใบหน้ากับเงินของเขาเท่านั้น ไม่นึกว่าจะบังเอิญโชคดีมาเจอมันเข้ากับองค์ชาย
ซึ่งรอยยิ้มมีความสุขของเวสเปอร์ในตอนนี้ก็ดูจะเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างได้ดี
เสือร้ายก้มลงจูบกวางหนุ่มที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่กวางอ่อนแออีกต่อไปแล้ว แต่เป็นกวางขาวสง่างามตัวหนึ่งที่พร้อมจะร่วมเดินทางไปกับเสือร้าย ไปยังดินแดนต่างๆ ที่กวางหนุ่มต้องการ
ก็อกๆ
"เช้าแล้วจ้า คู่ใหม่ปลามัน หิวหรือยังจ๊ะ" เกลหัวเราะคิกคักขนาดที่ใช้หลังมือเคาะประตู ผิดอย่างที่คาดซะที่ไหนล่ะ พอโลกัสตื่นก็จัดการกินองค์ชายน้อยที่น่ารักของเธอซะไม่เหลือคราบ ในขนาดที่ว่าอยู่ในครัวยังได้ยินเสียงแปลกๆ นั่น
"อืออ"
องค์ชายขมวดคิ้วมุ่นซุกตัวเข้าหาร่างหนาร้อนรุ่มที่เปลือยเปล่าไม่ต่างจากตัวเองแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมโปงเพราะเพิ่งนอนไปได้ไม่นานนัก ความง่วงงุนอยากเกาะกุมอยู่เต็มอัตรา
"เดี๋ยวข้าทำกินเอง เจ้าจะไปไหนก็ไป!" โลกัสงัวเงียขึ้นมาตะโกนดังลั่น วางมือบนเอวองค์ชายแล้วนอนต่อ
ก็อกๆ
"…"
"แหม เบื่อจริงๆ ห้องก็ห้องโรงแรมข้า" เกลบ่นพึมพำด้วยสีหน้าหมั่นไส้แต่ไม่จริงจังนัก
ฮื่อ ฮื่ออ
ฟินด์ที่ตอนนี้ทำหน้าตาเศร้ามากครางฮื่อๆ อยู่บนพื้นพยายามตะเกียกตะกายเข้าห้อง มันเริ่มรู้สึกลางๆ ว่ามันอาจจะกลายเป็นแมวหัวเน่า
"เอาน่า ฟินด์ เดี๋ยวเจ้าก็ชิน" เกลพูดกลั้วหัวเราะส่งผลให้ฟินด์หน้าเศร้าลงไปอีกจนหมดคราบเสือขาวคู่กายนักฆ่าอันดับหนึ่งกลายเป็นเพียงแมวจนตรอกที่พยายามหาทางกลับหาเจ้าของตัวเอง
ฮื่อๆ
ฟินด์ร้องออกมาซึ่งเกลก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงร้องไห้ของมันรึเปล่า
END
-------------------------
ปมโดยรวมก็เฉลยหมดแล้ว ตอนนี้น่าจะจบแล้วค่ะ
แต่ก็ยังแอบลังเลอยู่ว่าจะแต่งอีกตอนดีไหม 5555 แต่น่าจะมาในรูปตอนพิเศษ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ
แฟนเพจค่ะ <3 :
https://www.facebook.com/FoggyTime/