ตอน 11
พลั่ก... ตุบ ~!!
“เหี้ย ใครถีบกูว่ะ” ผมด่ากราดไปก่อน ก็ไอ่เชี่ยไหนไม่รู้มาถีบผมตกเตียง คนกำลังหลับสบายๆทำไมต้องมาเป็นมารคอหอยกูด้วยว่ะเนี่ย
“เออ กูเนี่ยแหละถีบเมิง” ผมมองไอ่เปรตที่ยืนคุมเชิงอยู่บนเตียงของผมด้วยสายตาเคืองๆ มือก็ลูบหลังตัวเองที่เอาลงมาจากเตียงชนิดที่ว่าไม่ได้ตั้งตัว มันก็เลยเจ็บโครตๆ ไม่เอาให้หลังกูหักไปเลยว่ะไอ่ห่านิ
“เวรเอ๊ย ทำไมต้องใช้ความรุนแรงด้วยว่ะ” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปด ก็มันถีบผมตกเตียงซะหลังแทบแอ่นขนาดนี้ ผมไม่เผลอชกหน้ามันก็ดีเท่าไรแล้ว
“กูเรียกเป็นชาติก็ไม่เห็นเมิงตื่นสักที ไม่ต้องพูดมาก รีบไปอาบน้ำ ถ้า 5 นาทีเมิงยังไม่เสร็จ รับรองว่าเมิงเจ็บตัวยิ่งกว่าตอนตกเตียงแน่” แล้วมันก็กรีดยิ้มตามฉบับตัวร้ายในละครมาให้ผม นี่เมิงเป็นพ่อกูรึไงว่ะ
“เออๆ รู้แล้วน่า” ร่างเล็กเดินอิดออดเข้าไปในห้องน้ำโดยดี เจ็บตัวแต่เช้าเลยกู
แล้ววันนี้ก็นับเป็นครั้งแรกในรอบประสบการณ์หายใจ 11 ปี ที่ผมแหกขี้ตาตื่นมาทันขึ้นรถ ท้องฟ้าสีเทาอมส้มทำเอาคนมองด้วยตาละห้อยถึงกับคอตกก่อนจะหาววอดด้วยความง่วง มันต้องมีใครเคลือบยานอนหลับที่เปลือกตาผมแน่ๆเลย ตอนนี้ผมก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว
“นี่ขนาดยืนเมิงก็ยังหลับได้เนอะ นับถือจริงๆเลยว่ะ” มือหนาขยี้หัวคนตัวเล็กจนยุ่ง ก่อนจะลากคอเล็กขึ้นรถนักเรียนคันใหญ่ที่มาหยุดอยู่ตรงหน้า
คนตัวเล็กที่กำลังงัวเงียอย่างคนไม่ตื่นดี แล้วยังจะแขนหนักของโอมที่พาดบ่าของเขาอีก เจ้าตัวก็เลยลืมไปว่า มีใครอีกคนหมายหัวเขาอยู่
“เดี๋ยว ไอ่ก้าง” เสียงทุ้มต่ำที่เยือกเย็นเอ่ยเรียกใครบางคน ทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก ดวงหน้าหวานค่อยๆหันไปมองร่างสูงที่ยืนผงาดอยู่ด้านหลัง กูชื่อเกี๊ยวว้อย ทำไมชอบเรียกว่า ก้าง ฟ่ะ
“อะ...อะไร” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น ผมละกลัวจริงๆสายตาที่เย็นชาแบบนั้น
“รู้ไม่ใช่เหรอว่าเมิงต้องนั่งตรงไหน” หึ ถึงเมิงมันจะสนิทกับไอ่โอมแค่ไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องกูอยู่แล้ว แต่กูไม่ยอมให้ใครเหยียบหน้ากูง่ายๆหรอก อะไรที่กูเคยพูดไปแล้วก็ไม่มีใครขัดได้ทั้งนั้น (บอล) /เข้าใจว่าลูกผู้ชายหยามกันไม่ได้ แต่ที่ทำไปเพราะหึงด้วยรึเปล่า?/
“ก็...” ไม่ทันที่จะได้เถียงอะไร ผมก็โดนฉุดลงไปนั่งข้างๆไอ่บอล
“เฮ๊ย ไอ่เชี่ยบอล ไอ่เกี๊ยวไม่อยากนั่งทำไมต้องบังคับมันด้วยว่ะ” ไอ่โอมขึ้นเสียงจนคนทั้งรถหันมามอง ผมยังไม่เคยเห็นมันบ้าเลือดขนาดนี้มาก่อนเลย น่ากลัวชริปหาย
“เมิงไม่รู้อะไร ก็อย่าเสือก” ร่างสูงเอ่ยสั้น น้ำเสียงทุ้มยังคงเรียบนิ่ง ท่าทางยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม
มีเพียงเสียงลมพัดมากับเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่เท่านั้น คนตัวเล็กมองหน้าโอมพลางขอร้องให้เขาไปก่อนที่จะได้นองเลือดขึ้นมา ยิ่งไอ่บอลแมร่งเลือดร้อนอยู่ด้วย ความอดทนต่ำๆอย่างมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดออกมาเมื่อไร
“เมิงไปนั่งข้างหน้าเหอะว่ะ” ผมพูดอ้อมๆ หวังว่าไอ่โอมมันคงเข้าใจ
“ล่ำลากันเสร็จรึยังล่ะ” ไอ่บอลพูดประชดประชันคนตัวเล็ก ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าบอลใช้มือรั้งเอวเล็กของอีกฝ่ายแน่น จนแทบไม่กล้าขยับไปไหน
สุดท้ายไอ่โอมมันก็ทิ้งผมให้นั่งกับไอ่เชี่ยบอลที่เบาะหลังจนได้ ไม่คิดจะช่วยกูจริงๆอ่ะ ไม่รู้ไอ่บอลมันเป็นอะไรของมัน กอดเอวผมซะแน่นกลัวกูจะหนีขนาดนั้นเลยรึไงว่ะ ร่างบางได้แต่นั่งหน้าบึ้งมาตลอดทาง บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ชอบเอามากที่ถูกกระทำแบบนั้น
ปึก... ก่อนลงรถไอ่บอลมันก็โยนกระเป๋านักเรียนหนักๆของมันมาให้ผมอีก 1 ใบ แค่แบกกระเป๋าของตัวเองผมก็แทบจะหลังหักอยู่แล้วต้องมาแบกกระเป๋าของมันด้วย คิดดูสิ ไอ่แห้งอย่างผมมันก็ไม่ต่างจากมดงานที่แบกน้ำตาลเลยสักนิด ทำไงได้ ผมเป็นเบ้ของมันนิ ผมรู้ดีว่าผมอยู่ในฐานะอะไร คงไม่อาจหาญไปตีเสมอเป็นเพื่อนมันหรอก
“ไมเมิงต้องไปแบกกระเป๋าให้ไอ่บอลด้วย กูไม่เห็นเข้าใจเลย” จู่ๆไอ่โอมมันก็ยิงคำถามที่ผมไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไรนัก
“เรื่องมันยาวว่ะ กูขี้เกียจเล่า” ผมตอบปัดๆ เหนื่อยก็เหนื่อย แถมตะกี้ยืนตากแดดเข้าแถวตั้งนาน ตัดกำลังผมไปเยอะเลยแหละ ไม่มีอารมณ์มาอธิบายอะไรให้มันฟังตอนนี้แล้ว
ปึก... รอบที่สองที่ผมโดนประทะอย่างแรง คนตัวสูงเดินผ่ากลางชนิดที่ผมกับไอ่โอมเซกันไปคนละทางเลย กระเป๋ามันก็เลยหลุดมือหนังสงหนังสือตกกระจายเกลื่อน ซิปกระเป๋ารั่วรึไงว่ะเนี่ย เจ็บตัวอีกจนได้
“เฮ๊ย ไอ่บอลเมิงเดินยังไงของเมิงว่ะ” ไอ่โอมเดินไปกระชากคอเสื้อของไอ่บอล ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย ผิดกับอีกคนที่มีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
“หึ” ร่างสูงแสยะยิ้มคล้ายกับจะเยาะเย้ย ก่อนจะใช้มือแกร่งปัดมือของอีกคนที่ดึงคอเสื้อของเขาออกอย่างง่ายดาย บอลหันหลังกลับไปอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เดี๋ยว เมิงต้องขอโทษพวกกูก่อน” ชริปหายแล้ว ไอ่โอมแมร่งก็ดันทุรังไปยืนขว้างไอ่บอลอีก กูไม่อยากเห็นใครวางมวยตอนนี้ว้อย
“กูก็ไม่เห็นว่าไอ่ก้างนั่นมันจะว่าอะไรนิ” สรรพนามที่ไอ่บอลมันใช้เรียกผมดูขัดๆหูไปบ้าง แต่ระยะหลังๆไม่ก็ไม่เคยได้ยินมันเรียกชื่อผมจริงๆสักครั้ง กูคงไร้ค่าสำหรับเมิงมากเลยใช่มั้ย
ร่างบางได้แต่ก้มหน้างุดพลางสั่นหัวเบาๆ ตอนนี้ผมก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของไอ่บอล มันจะบีบผมให้ตายคามือมันแล้วไง ผมก็ขัดขืนมันไม่ได้อยู่แล้วนิ ผมไม่เคยลืมบุญคุณคนอยู่แล้ว
“เห็นมั้ย ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนอะไรเลยนิ เมิงอย่ามาขว้างทางกูดีกว่า” บอลผลักหน้าอกโอมที่ยืนตรงหน้า ก่อนจะแทรกตัวผ่านไปอย่างไม่ใยดี
ไอ่บอลคนเดิมที่ผมรู้จักมันหายไปไหน มีแต่คนที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ ผมยอมรับว่าแต่ก่อนมันชอบแกล้งผม ก็แค่การแกล้งเล่นธรรมดาที่ผมชินไปแล้ว ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกว่ามันเกลียดผมมากกว่าเดิมล่ะ เพราะทุกอย่างที่มันทำเหมือนกับมันไม่เคยแคร์ผม เรื่องดีๆของมันกับผมเหมือนกลับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ผมยังจำได้ดีว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผิดกับตอนนี้สายตาที่มันมองคล้ายกับว่าผมเป็นตัวอะไรสักอย่างสำหรับมัน
“มันเกิดอะไรกันแน่ บอกกูมานะเว้ย” ไอ่โอมจับมือผมแน่นก่อนจะเขย่าตัวแรง ร่างบางไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นเอาแต่เก็บสมุดที่กระจายเต็มพื้นเข้ากระเป๋าอย่างคนที่ไร้สติ
“ตอบมาดิว่ะ เออ...ใช่สิกูไม่ใช่เพื่อนเมิงนิ เมิงถึงไม่ยอมบอกกู” อย่าเอาเรื่องปมด้อยกูมาเป็นประเด็นสิว่ะ กูก็มีเมิงเนี่ยแหละเป็นเพื่อนคนเดียว
“เห้ย เดี๋ยวดิว่ะ บอกก็ได้” คนตัวเล็กรีบคว้าแขนของร่างสูงที่ทำท่าเหมือนกับว่าจะเดินจากไป โอมหันมาจ้องอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบที่ค้างคาใจมานาน ดูเหมือนจะสร้างความกดดันให้ร่างเล็กอยู่ไม่น้อย
“คือว่า... วันนั้นกูไปตกปลากับไอ่โยแล้วตกน้ำ ไอ่บอลมันก็ช่วยกูไว้ กูก็เลย...” พอคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นก็พาลเอาคนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นมาซะดื้อๆ
“ก็เลยยอมให้มันโขกสับยังไงก็ได้งั้นเหรอ” ไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรต่ออีก คนตัวสูงกลับพูดขึ้นแทรกแต่น้ำเสียงดูเปลี่ยนไปคล้ายกับว่ากำลังโมโหอยู่มาก
“...” คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาเพื่อนของตน
“นี่มึงโง่รึว่ามึงบ้ากันแน่ว่ะ ถ้ามันสั่งให้มึงไปตายมึงจะทำมั้ยล่ะ” แล้วทำไมมันต้องมาโกรธใส่ผมด้วย ถ้ามันสั่งให้ผมไปตาย ถ้ามันต้องการยังงั้น ผมคงจะทำ จริงอย่างที่ไอ่โอมมันบอกผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“อย่าลืม ว่ากูก็เคยช่วยมึงเหมือนกัน” ร่างสูงเอ่ยเน้นทุกถ้อยคำหนักแน่น ขณะที่มือหนาดึงกระเป๋าของคนตัวเล็กไปแบกไว้เองก่อนจะเดินหนีไปทิ้งให้ร่างบางยืนนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ใช่สิ ไอ่โอมมันก็เคยช่วยผมไว้ที่ตลาดครั้งหนึ่งแต่มันไม่เหมือนกับตอนที่ไอ่บอลช่วยผมเลยสักนิด มันไม่เหมือนกัน คล้ายกับร่างบางจะเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจความรู้สึกของตนเองในตอนนี้ ที่เขาทำได้ก็แค่ทำตามที่หัวใจของเขาบอกเท่านั้น
“ไอ่เคน มึงเห็นไอ่ก้างป่ะว่ะ” บอลถามเคนด้วยน้ำเสียงที่ดูฉุนเฉียวเล็กน้อย
“ไม่เห็นว่ะ” เคนตอบ พลางจ้องหน้าร่างสูงไม่วางตา เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
“สัด แมร่งหายหัวไปไหนว่ะ ไอ่โยแล้วมึงอ่ะ เห็นไอ่แห้งนั่นมั้ย” เมื่อถามอีกคนก็ไม่ได้เรื่องเขาจึงหันมาถามโยที่นั่งกินลูกชิ้นอยู่ด้านหลัง
“กูเห็นมันเดินไปทางห้องสมุดอ่ะ” โยตอบ พลางยัดลูกชิ้นใหญ่ๆเข้าปากอย่างชำนาญ
“เออๆ” มารู้สึกตัวอีกทีว่าตนกำลังถูกลูกน้องจ้องตาไม่กระพริบ ร่างสูงจึงทำท่าคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจร่างบางที่พูดถึง ทั้งที่ภายในใจเขาอยากจะออกไปตามหาเกี๊ยวเต็มที
ตั้งแต่ที่ไอ่โอมมันเริ่มสนิทกับไอ่เกี๊ยว ท่าทางของไอ่บอลมันก็ดูแปลกไป ถ้าสังเกตดีๆผมเห็นมันชอบมองไอ่เกี๊ยวเกือบจะตลอดเวลา ไอ่อาการแบบนี้มันเดากันไม่ยากหรอก อยู่ที่ว่าไอ่บอลมันจะเก็บอาการได้ดีแค่ไหน คำว่า หึง คงน้อยไปสำหรับมันแล้วล่ะ มันเป็นอาการที่ว่า หวง ด้วยมากกว่า (เคน) เคนนั่งคิดไปไกลจนเผลออมยิ้มบางๆออกมา
“มึงยิ้มอะไรว่ะ อะ เอ่อ เดี๋ยวกูไปเยี่ยวแปบ” คนที่ถูกจ้องแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ สายตาคมก็เอาแต่มองไปข้างนอก ร่างสูงพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ได้ ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากห้องเรียนในช่วงพักกลางวัน
ถ้าไอ่เกี๊ยวมันไปอยู่ที่ห้องสมุดตอนนี้ก็คงไม่แปลกหรอกเพราะผมเอาการบ้านของผมไปให้มันทำทั้งหมดนิ ตอนนั้นเป็นห่าอะไรไม่รู้ เผลอขู่มันไปว่าให้ทำให้เสร็จวันนี้ ไม่รู้ว่าผมจะบังคับมันเกินไปรึเปล่า เพราะงานที่ผมเอาไปให้มันทำมีทั้งของไอ่เคนกับไอ่โยรวมอยู่ด้วย ป่านี้จะเป็นลมเป็นแล้งตายคาห้องสมุดแล้วมั้งเนี่ย (บอล)
ยิ่งคิดกลับทำเอาคนตัวสูงใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ เขาพาตัวเองตรงไปยังห้องสมุดไวเท่าความคิดเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงห่วงร่างบางได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนหยิบยื่นความเจ็บปวดนั้นไปให้คนตัวเล็กแท้ๆ
เขาใช้เวลาไม่นานนักจนพาตัวเองมาถึงห้องสมุดได้ กลิ่นหนังสือที่คลุ้งกระจายอยู่ทั่วไป ไม่ค่อยถูกจมูกของคนตัวสูงเท่าไรนัก เสียงหอบดังในลำคอที่แห้งผาดจากการวิ่ง ร่างสูงหยุดมองบรรณารักษ์ที่สวมแว่นหนาเตอะตรงหน้า ซึ่งกำลังต่อว่าเขาด้วยสายตา
บอลหยุดหายใจก่อนจะก้าวฉับเข้าไปในห้องสมุด กองหนังสือมากมายที่วางอยู่บนชั้นหนังสือสูงจนติดเพดาน ช่องทางเดินที่แคบมากจนสามารถเดินได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำเขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย นัยน์ตาคมกวาดไปรอบๆ หวังใจว่าจะเจอคนที่เขาตามหาสักที
“โอ๊ย... เมื่อยโว้ย” เสียงพึมพำดังไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ ร่างสูงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินคับแคบ แถมยังต้องคอยหลบกองหนังสือที่วางเกลื่อนบนพื้นที่แทบจะไม่มีทางสำหรับให้เท้าของเขาก้าวผ่านไป เขาจำเสียงนั้นได้ดี ถึงแม้ว่ามันจะเบามากก็ตามเถอะ
คนตัวสูงซ่อนตัวเองไว้ข้างหลังชั้นหนังสือที่สูงตระหง่าน นัยน์ตาคมลอบมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ระหว่างซอกชั้นหนังสือ เกี๊ยวก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่หนังสือหลายเล่มถูกกางเปิดรอบๆกาย อากาศในนี้ร้อนแล้วก็เหม็นอับนิดๆ พัดลมเพดานเก่าที่ทำงานอยู่ด้านบนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ที่พอจะทำให้อากาศถ่ายเทได้บ้างก็ตรงที่มีหน้าต่างนั่นแหละ
ความจริงเขาอยากจะเดินไปหาเกี๊ยว อยากจะพูดให้เข้าใจว่าที่เขาทำไปทั้งหมด มันก็แค่เรื่องไร้สาระที่เขาไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบที่เขาปล่อยให้มันทำลายความสัมพันธ์ของเขา มันโง่มากใช่มั้ยที่ทำแบบนั้น มันก็แค่ทำให้เกี๊ยวเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้นเอง
“เอ๊ะ” ตะกี้เหมือนผมจะเห็นอะไรแว๊บๆตรงหัวมุมชั้นวางหนังสือแฮ่ะ สงสัยจะทำการบ้านเยอะจนตาลายละมั้ง ผมจัดการหักนิ้วของตัวเองเพื่อคลายความเมื่อยล้า ล่อนั่งเขียนมาเกือบ 3-4 ชั่วโมงถ้านับที่แอบทำในห้องอีกนะ นิ้วมือผมแทบจะยืดกลับออกมาเหมือนเดิมไม่ได้เลย
หลังจากนั่งหักนิ้วตัวเองเล่นเพลินๆไปได้สักพัก ผมก็ต้องกลับมามุ่งมั่นทำงานให้เสร็จเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าไอ่บอลมันจงเกลียดจงชังอะไรผมนักหนาถึงได้รังควานกันไม่เลิกยังงี้ ขนาดหมาที่บ้านผมยังมรรยาทดีกว่ามันด้วยซ้ำ ชิ คิดแล้วมันก็น่าโมโห คนอะไรเดาใจยากชะมัด
ต่างคนก็ต่างคิดว่าเป็นฝ่ายถูกรังเกลียดทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ บอลได้แต่ซ่อนตัวอยู่หลังชั้นหนังสือ ถึงเกี๊ยวจะไม่รู้ว่าเขาไม่เคยเกลียดคนตัวเล็กได้เลยสักนิด ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งเงียบๆโดยมีแค่ตู้ไม้ที่มีหนังสือวางเรียงกั้นกลางระหว่างเขากับเกี๊ยว แม้อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่ามีใครอีกคนที่ยังคอยนั่งเป็นเพื่อนเขาในตอนนี้ก็ตาม
“เหี้ยบอล เมิงไปเยี่ยวรึว่าเมิงไปทำส้วมใหม่ให้โรงเรียนว่ะ” โยด่ารับขวัญตั้งแต่เห็นหน้าร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
“ทำส้วมบ้านมึงเด๊ะ” บอลไม่พูดเปล่าพลางตบง่อน (ท้ายทอย) โยซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะนักเรียน 1 ที
“อะไรว๊า...” โยตัดพ้อ ก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ บอลนั่งลงตรงเก้าอี้ของตน สักพัก นัยน์ตาคมก็เหลือบเห็นเกี๊ยวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอิดโรย
เขารีบเดินออกมาตอนเกี๊ยวกำลังเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยถ้าเกี๊ยวจะเดินตามเขามาติดๆ แขนเล็กหอบสมุดหลายเล่มพะรุงพะรัง ปอยผมสีนิลเปียกชุ่มลู้ลงมาตามโครงหน้าเนียนเป็นกลีบๆเนื่องจากความร้อนจนเกิดเหงื่อมากมาย
“ไอ่เอ็ม กูฝากส่งการบ้านเลขด้วย” ผมปล่อยกองหนังสือที่หอบมาจากห้องสมุดลงบนโต๊ะไอ่เอ็มอย่างแรง ก็แขนผมตอนนี้มันก็แทบไม่มีแรงเหลือแล้ว
“ได้...” ไอ่เอ็มตอบกลับมาน้ำเสียงเย็นและยานเนิบอย่างเคย ผมนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง โชคยังดีว่ามีลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่งั้นผมต้องร้อนตับแตกตายโหง บอลลอบมองร่างบางด้วยหางตาเป็นระยะๆ อาการแสดงออกมาว่าไม่สนใจแต่ลึกๆแล้วเขากลับห่วงเกี๊ยวอยู่มาก
ตั้งแต่ตอนเช้าผมก็ยังไม่ได้คุยกับไอ่โอมอีกเลย ตลอดคาบมันก็เอาแต่นั่งเงียบ ผมก็ไม่รู้จะชวนมันคุยอะไรดี หรือมันอาจจะโกรธผมก็ได้ แล้วกูจะง้อยังไงว่ะ เกิดมาก็เพิ่งจะมีมันคนแรกเนี่ยแหละที่ผมต้องเป็นฝ่ายไปง้อมัน ก่อนนั้นมันจะนั่งข้างหน้าผม แต่ตอนนี้มันย้ายมานั่งข้างๆผมแล้ว
กลายเป็นว่าผมเป็นพวกถ้ำมองไปซะยังงั้น ผมก็แอบมองมันบ่อยๆหาจังหวะที่มันอารมณ์ดี แต่ไอ่เชี่ยนิมันก็ไม่ยอมหันมามองผมมั้งเล้ย เอาแต่มองกระดาน กูเพื่อนมึงนั่งอยู่ตรงนี่นะโว้ยย จะงอนไปถึงไหน แล้วผมก็พยายามนั่งคิดอยู่ว่ามันโกรธผมเรื่องอะไรกันแน่?
“โอมๆ เก็บยางลบให้กูหน่อย” ผมเอานิ้มจิ้มแขนสะกิดมัน ไอ่โอมก็หันมาจริงๆแต่มันกลับทำหน้าตาย เหมือนยังจะโกรธผมจริงแฮ่ะ
“เก็บยางลบให้กูหน่อย ใต้โต๊ะมึงอ่ะ” พอมันมองผมเยอะเข้ามันรู้สึกแปลกๆไงก็ไม่รู้ แต่มันก็ยอมก้มลงไปใต้โต๊ะเพื่อเก็บยางลบให้ผม โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“ไหนว่ะ” จนแล้วจนรอดมันก็ยอมพูดกับผม ฮ่าๆ ดีใจเหมือนถูกหวย มันเงยหน้ามาพูดกับผมขณะที่กำลังคลานหายางลบให้ผมอยู่ที่พื้น
“อ้าว ตะกี้กูเห็นอยู่ใต้โต๊ะมึงเลยนิ ตาถั่วรึไงว่ะ” ผมเลยแกล้งบ่นมันไป แล้วก็ลงไปช่วยมันหาอีกแรง ไอ่ห่านี่มันเงียบอีกแร่ะ
“ไอ่โอม มึงโกรธกูเหรอ” สุดจะทนแล้วครับ ผมเลยถามมันไป เราทั้งสองคนอยู่ในท่าคลานใต้โต๊ะไม้
“...” มันไม่ตอบ แล้วก็ทำท่ามองหายางลบของผมต่อไป
“เฮ๊ย ถามก็ตอบดิว่ะ” ผมคว้าเศษกระดาษแถวนั่นมาปาใส่มัน โดนหัวด้วย ถือเป็นกำไรเล็กๆน้อยๆไปในตัว
“เปล่า” มันมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะตอบ
“เปล่า ถ้าเปล่าแล้วทำไมมึงถึงไม่พูดกับกู” ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ผมไม่ยอมเสียเพื่อนดีๆไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก
“มึงห่วงความรู้สึกคนอื่นด้วยเหรอ” มันพูดประมาณว่าประชด
“ก็เพราะเป็นมึงไง ไอ่ฟายเอ๊ย” ว่าแล้วผมก็หลอกด่ามันอีก 1 ทีเพื่อความสะใจ กูไม่ห่วงมึงแล้วจะให้ไปห่วงหมาที่ไหนเล่า ก็มันเป็นเพื่อนคนเดียวของผมในตอนนี้นิ
“...” มันเงียบไปสักพัก
“ไหนยางลบมึงว่ะ แมร่ง หาเท่าไรไม่เห็นจะเจอเลย” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะตอนนี้ มันรู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ ก็เพราะเป็นผม ไอ่เกี๊ยวมันห่วงความรู้สึกของผมจริงๆใช่มั้ย (โอม)
“น่านดิ หายไปไหนแล้วว่ะ” อันที่จริงผมไม่ได้ทำยางลบตกมาหรอก ก็แค่กะจะหาเรื่องคุยกับมันเท่านั้นแหละ มุขตื้นๆที่อยู่ในช่วงทดลองใช้
“นี่ เธอสองคนน่ะ ลงไปทำอะไรข้างล่างห๊ะ” ผมเงยหน้าหันไปตามเสียงดุๆ คุณครูแกยืนโด่อยู่ข้างหลังผมกับไอ่โอมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“ปะ เปล่าครับ” คำแก้ตัวสั้นง่ายได้ใจความมักหลุดจากปากผมไปก่อนเสมอ มันพูดบ่อยจนติดปากไปแล้ว
“ครูว่าพวกเธอน่าจะตั้งใจเรียนได้แล้วนะ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบอยู่แล้ว พวกเธอก็น่าจะรู้” แล้วผมกับไอ่โอมก็โดนครูเทศน์ยาว ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปตามระเบียบ
“ครับ” ผมกับไอ่โอมตอบพร้อมกัน ผมหันไปมองหน้าไอ่โอมแล้วก็ขำเบาๆกับมันสองคน ไม่รู้ว่าขำอะไรเหมือนกันแฮ่ะ
จริงสิ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบแล้วก็ปิดเทอม ผมก็จะได้ตื่นสายๆซะที ในหัวคิดแต่เรื่องยังงี้ จะนอนแช่อยู่แต่ทั้งนอนจนถึงบ่ายเลยให้ดู ปิดเทอมก็มีแต่นั่งกินนอนกินไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องการบ้าน ที่แน่ๆผมไม่ต้องทนเจอหน้าไอ่บอลทุกวันด้วย
“คิดถึงสาวแก้ผ้าอยู่รึไงว่ะ นั่งอมยิ้มอยู่ได้” จู่ๆไอ่โอมมันทักขึ้นมาทำลายความสงบที่ผมกำลังคิดเพลินๆ
“เออ จะบ้าเหรอมึง กูก็แค่อยากให้ปิดเทอมไวๆเว้ย” ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
“ฮ่าๆ เออๆ เชื่อก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ไปหาไรแดรกดีกว่าป่ะ กูหิวจนตาลายแล้วเนี่ย” ไอ่โอมสะพายกระเป๋ายืนค้ำหัวรอผม
“กูก็กำลังรีบอยู่นี่ไงเล่า” ผมรีบยัดสมุดหนังสือเข้ากระเป๋า
ผมกับไอ่โอมไปนั่งแดรกลูกชิ้น ข้าวเหนียวหมูปิ้งข้างหนามบอลรอเวลารถนักเรียนออก นับตั้งแต่ที่มันเดินเข้ามาในชีวิตผม (อย่างเป็นมิตร) อะไรๆมันก็ดูจะดีขึ้น ผมรู้สึกอบอุ่นไม่ว้าเหว่แบบแต่ก่อน
“เห้ย พ่อมึงมาว่ะ” ผมเห็นพ่อไอ่โอมควบมอไซด์มาแต่ไกล หนวดเฟริ้มๆกับรถมอไซด์คันโครตใหญ่ของพ่อมันนี่ เห็นแว๊บแรกก็ไม่ต้องเดาแล้ว ผมละนับถือพ่อมันจริงๆ คิดถึงสภาพตอนที่พ่อมันกำลังดูพระแล้วมันขัดๆกันแฮ่ะ
“เออ กูลืมไป วันนี้พ่อกูมาหาลูกค้าในเมือง” มันบ่นพึมพำห่าไรของมันไม่รู้ ผมก็ไม่ได้สนใจมัวแต่มองรถแต่งที่พ่อมันขับเพลินไปนิด
“โอม กลับบ้านลูก” แล้วพ่อมันก็กวักมือเรียกไอ่โอมที่นั่งข้างๆผม
“แล้วเจอกัน” ผมพูดกับมันพลางมองมอไซด์ของพ่อมันอย่างชื่นชมต่อไป ดูเหมือนคนแถวๆนั่นก็มองแบบเดียวกับผม เด่นซะขนาดนั้นนี่นา...
“อะไร มึงต้องกลับกับกูด้วย” แล้วมันก็ฉุดผมให้ยืนขึ้นด้วย เล่นเอาผมตกใจเหมือน
“ไม่ดีกว่าม้าง รถพ่อเมิงกูไม่กล้านั่งว่ะ กลัวโดนดักรุมยำตีน” แหม่ ดูหน้าพ่อมันกับรถก็กินขาดแล้ว วัยรุ่นเห็นมันคงเขม่นลูกหูลูกกะตามันน่าดู
“จะกลัวเหี้ยไรว่ะ มีกูอยู่ทั้งคน” มันพูดแล้วก็ลากผมเดินดุ่มๆไปหาพ่อมัน เห้ย กูยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปกับมึงอ่ะ
“พ่อ วันนี้ให้ไอ่เกี๊ยวมันกลับด้วยคนนะ” ไอ่โอมมันพูดกับพ่อมันครับ รู้ๆกันอยู่ว่ามันได้ความหล่อมาจากใคร
“อืม ขึ้นมาเลย” แล้วพ่อมันก็สวมหมวกกันน๊อคสีดำ ผมเห็นแล้วยังหมั่นไส้เล้ย... คันไม้คันมือซะเอง แต่พ่อมันแนวดีครับ ไม่เหมือนพ่อผม อยู่แต่ร้านไม่อยู่ร้านก็ตลาด เฮ้อ...
“ขึ้นไปดิ” ผมยังไม่ทันได้เถียงอะไร ก็ดันหลังผมปีนขึ้นรถ ไอ่โอมมันก็โดดขึ้นรถตามมา ด้วยความที่เป็นรถแต่งที่นั่งมันเลยดูแคบคับไปถนัดตา ยิ่งซ้อน 3 โอย...กูจะบ้าตาย ไอ่ผมก็ไม่กล้าไปนั่งเบียดพ่อไปโอมมันเยอะ น้าเค้าเป็นผู้ใหญ่ผมก็เกรงใจ นั่งรถเค้าไม่พอยังจะเบียดเค้าอีก มันคงรู้ว่าเย็นนี้ผมก็ต้องนั่งกับไอ่บอลอยู่ดี ผมก็นึกขอบใจมันเหมือนกันที่ชวนผม ขอบใจมากๆเลยว่ะ
เสียงรถมอไซด์สตาร์ทดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เด่นโครตๆ แล้วพ่อไอ่โอมก็โชว์ลีลาควบรถมอไซด์ชั้นครูออกไป ผมหันไปมองหันฝุ่นตลบไกลๆอยู่ด้านหลัง ผมนั่งชิดจนหลังผมติดกับอกของไอ่โอมคิดดูเบียดกันแค่ไหน เสียงลมประทะผ่านมาจนผมชักจะเริ่มหูอือ ผมใช้มือจับข้างๆเบาะนั่งแน่น กลัวตกรถตายห่า จะกอดเอวพ่อไอ่โอมก็ใช่เรื่อง
เหมือนไอ่โอมมันจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้ยิน สักพักมันก็เอามือมากอดเอวผม สงสัยมันคงจะกลัวเหมือนอย่างที่ผมกลัวล่ะมั้ง รักเพื่อนดีจังนะเมิง ประมาณว่าถ้ากูตกมึงต้องตกไปกับกูด้วย
“ขะ ขอบคุณครับ” ผมรีบกระโดดลงจากรถ ก่อนจะยกมือไหว้พ่อไอ่โอม นี่ผมคิดผิดคิดถูกที่ยอมซ้อนรถพ่อมันมาว่ะเนี่ย เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด
“เป็นเหี้ยไร หน้าซีดเชียวนะมึง” มันยังมีหน้ามาเยาะเย้ยผม มึงก็กลัวเหมือนกันละว่ะ กอดกูซะแน่นเลยนิ
“…” ผมแลบลิ้นให้มัน ขี้เกียจเถียงไม่งั้นยาวแน่ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายเข้าบ้าน บ้านผมกับบ้านไอ่โอมอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวเลยมั้ง
ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมากินข้าวตามปกติสุขเช่นทุกวัน แต่ไหงวันนี้พ่อกับแม่ดูเงียบๆแถมยังทำหน้าเคร่งยังกะคนหนีหนี้ไงงั้นแหละ
“พ่อวันนี้ไมตักข้าวให้เยอะจัง จะกินหมดมั้ยเนี่ย” ผมก็บ่นไปตามประสา แต่วันนี้พ่อตักข้าวให้ผมพูนจานเลย กระเพาะคนไม่ใช่กระเพาะควายนิหว่า...ผมว่าต้องเหลือชัวร์
“กินเยอะๆจะได้โตไวๆไง” พ่อพูดพลางเอามือลูบหัวผม
“หัดกินผักบ้างนะเรา” แล้วแม่ก็ตักต้มจืดใส่ในจานข้าวผม กลิ่นชักไม่ค่อยดีแล้วสิ (ใครตดว่ะ) พ่อกับแม่ต้องปิดบังอะไรผมอยู่แน่ๆเลย
ผมก็อยากรู้เหมือนกันแหละว่าพ่อกับแม่มีเรื่องอะไรกัน ถามไปผมคงไม่ได้คำตอบอยู่ดี ก็พ่อกับแม่ลื่นไปเรื่อยๆยิ่งกว่าปลาไหลซะอีก รอจนกว่าใครสักคนหลุดปากบอกผมมาเองดีกว่า โดนเฉพาะแม่ ก็แกขาเมาท์เลยนี่นา... ไม่นานเกินรอแหงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้โว้ย
แกร็ก แกร็ก
ผมขยี้ขี้หูขี้ตาลุกไปเปิดหน้าต่าง ก็ไอ่เวรที่ไหนไม่รู้มันปาหินใส่หน้าต่างห้องผม ถ้าหน้าต่างกูแตกมึงเจ็บ แสงไฟนีออนสีส้มๆจากถนนทำให้ผมเห็นไอ่โอมที่ยืนอยู่ข้างล่างทำท่าว่าจะปาหินมาอีก ซวยแล้วไง
“เห้ย” ผมเผลอร้องเบาๆ ก็ไอ่เชี่ยนิมันยังไม่ยอมหยุดปา เฉียดคิ้วผมไปนิดเดียวเอง
“สัด ปาไม่ดูกูเลยนะ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ถ้าเกิดโดนหัวกูขึ้นมาจะทำไงว่ะ” ผมย่องลงบันได้ไปหามันที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
“เออๆ กูขอโทษมันมืดนี่หว่า กูมองไม่เห็นอ่ะ” เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกู ไม่เป็นไรหล่อให้อภัย เอ๊ย หล่อน้อยกว่าผมละกัน
“แล้วมึงเรียกกูทำไมว่ะ กำลังฝันหวานเลยแมร่ง” ผมเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับหาววอดบอกให้รู้ว่ากูง่วงจริง
“โด่ กูอุตส่าห์มาชวนมึงไปดูดาวตก ตกลงจะไปมั้ย” ไอ่โอมมันพูดแกมขู่
“ไปดิว่ะ แมร่ง ของงี้พลาดได้ไง” ไอ่เนี่ยมันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าเปิด วันไหนฟ้าปิด คืนไหนฝนตกแดดออกมันรู้หมด ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่มีมันเป็นเพื่อน ผมเลยได้เห็นของดี? ทั้งดาวตกและดาวที่ไม่รู้จักอยู่ บ่อยๆ
ไปนอนรอสักพักก็มีดาวตกอย่างที่มันว่าจริง ผมเห็นแค่แปบเดียวเอง แต่ก็สวยดี ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆดาวดวงเล็กๆมันก็ทำให้ผมมีความสุขได้เหมือนกันที่นอนดูมันส่องแสงแพรวพราวบนฟากฟ้าไกลๆแบบนี้
“เมื่อกี้มึงขอพรว่าอะไรว่ะ” ไอ่โอมมันหันมาถามผม
“เห้ย กูลืมขอพรว่ะ ดูจนเพลิน เสียดายเว้ย” แล้วผมก็เกิดอาการชักดิ้นชักงออยู่พักใหญ่
“ฮ่าๆ ไว้วันอื่นก็ได้ ช่วงนี้มีดาวตกบ่อย” แล้วมันก็หันหน้ากลับไปมองท้องฟ้าไกลๆเหมือนเดิม
“ว่าแต่มึงขอพรอะไรว่ะ บอกกูมั้งดิ” ผมถามมันอย่างอยากรู้อยากเห็นที่ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่าเสือกนั่นแหละ
“ไม่บอก ถ้าบอกพรกูก็ไม่เป็นความจริงสิว่ะ” อันนี้ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าอธิษฐานอะไรห้ามบอกกัน แต่อยากรู้นี่เอ้อ ห้ามกันได้ที่ไหน ถ้าขอพรกับดาวแล้วเป็นจริง ผมก็ชักอยากจะลองบ้างซะแล้วสิ
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙