☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10  (อ่าน 83099 ครั้ง)

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฮือ น่ารัก ตัวน่ารักที่ยืนอยู่ตรงระเบียงงง :ling1: :ling1: :ling1:
ขอบคุณมากค่า คิดถึงยัยเจมากๆเลย :กอด1:

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
ไม่อยากให้เจไดจบเลยยยยยยยยยยย
 :hao5: :hao5:
อยากอยู่กับเจไดนานๆกว่านี้ อยากเห็นน้องโตไปพร้อมๆกับความรักของเจด
 :mew6: :mew6:
ไม่ได้กดดันนักเขียนนะเนี่ย แต่เรารักเจไดจริงๆน้า
 :man1: :man1:
อยากได้เจไดมาเลี้ยงสักวัน แหะๆ

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หมีเยียวยาชาวบ้านเด้ออออ กระต่ายก็เยียวยาหมีอีกที ลงตัววมากกกก ดีลลล5555

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อ่านรวดมาถึงตอนล่าสุด รักหมีรักกระต่ายมากเลย
ฮืออออ ฟินทุกตอนทุกช็อตเลย

ออฟไลน์ Daryneisfine

  • Read to improve national statistics
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ความรักอบอวลลล หมีน่ารักจังเลย ชอบที่ให้เจดเขิน
เรารู้สึกได้เลยว่าเจดรักเจอะ คือเวลาอยู่กับคนที่ชอบ
ใจเต้นแรง ไม่ต้องคีพคูลก็ได้ ถึงจะเป็นหมีแมนๆ
หลายๆคนชอบให้พระเอกพระเอ๊กกกพระเอก
นิ่งเก่ง ไม่เขิน อยากฟัดอย่างเดียวละแบบ บางทีเราก็ต้องการอะไรแบบนี้อะ
ที่มันเป็นความรู้สึกน่ารักๆ ที่จะจับมือก็เขิน จะทำตัวก็ไม่ถูก
ดูเป็นคนจีบกันดีแท้

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หมีกระต่าย
น่ารักเน๊าะ

รักที่เข้าใจ

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 13

รักแต่หมี (100%)


               

“เพื่อนไม่ไปเหรอ” เราถามย้ำ รับกระเป๋าเป้ที่เพื่อนเอาไปตรวจความเรียบร้อยมาสะพายหลัง

               

เป้ใบเล็กมีเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้สำหรับค้างกลางเขาหนึ่งคืน

               

“ก็ไม่ว่าง” แต่เพื่อนยังปฏิเสธหนักแน่น พลางส่งกระเป๋าเบสมาให้เราอุ้มไว้

               

“ทำไมไม่ว่างอ่ะ อยากให้เพื่อนไป” เรางอแง ตอนปีใหม่เพื่อนก็ไม่ว่าง ไม่ยอมไปดูเรา คราวนี้ยังจะเทเราอีก นี่งานใหญ่นะ



“กูก็มีธุระส่วนตัวบ้างป่ะ” เราขมวดคิ้ว ธุระอะไรนะ ปกติเวลาว่างเพื่อนก็เอาแต่อ่านหนังสือ แต่ช่วงนี้นอกจากเวลาเรียนก็ไม่ค่อยได้เจอกัน นัดไปไหนก็ไม่ว่าง ที่หอก็ไม่อยู่ แปลกมาก

               

“เหมือนคนติดแฟน” เราโพล่งความคิดในใจ แต่พอพูดออกไป เพื่อนกลับชะงัก ท่าทางเหมือนถูกจับได้

               

ขมวดคิ้วมองเราพักหนึ่งก็ถอนใจ

               

“เออ ติดแฟน”

               

“เอ๊ะ” เป็นเราที่ชะงักบ้าง เพื่อนไปมีแฟนตอนไหน?

               

ไม่ต้องรอให้เราถาม ทำสีหน้ายุ่งยากใจอยู่สักพัก เพื่อนก็สารภาพ

               

“กูคบกับพี่จีนแล้วนะ”

               

“หา?” เราเสียงดัง เบิกตามองหน้าเพื่อนอย่างตามไม่ทัน จับต้นชนปลายไม่ได้



“อะไรอ่ะ ไปคบกันตอนไหน” อยากจะถามอีกรัวๆ แต่คิดคำไม่ทัน ลิ้นพันกันจนได้แต่อ้าปากค้าง พะงาบๆ



เพื่อนคงเห็นใจที่เรายังจับต้นชนปลายไม่ได้เลยค่อยๆ เฉลย



“ตอนปีใหม่ กูขอจีนเป็นแฟน” ท้ายประโยคอ้อมแอ้ม หูค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เพื่อนก็แกล้งทำเป็นเกาปิดหูไว้



“ไหนบอกจีบไม่ติดไง” เพื่อนเคยบอกว่านกแล้ว คราวนี้อะไร เป็นแฟนกันเฉย



“ก็ติดแล้วนี่ไง”



“อะไรอ่ะๆๆๆ” เราโวยวายเลยโดนเพื่อนผลักหัวหมั่นไส้



“รำคาญ!” ไม่ต้องมาทำหน้ารำคาญกลบเกลื่อนเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มีใครบอกเรา ทั้งเพื่อนทั้งจีน



มีแฟนก่อนเราได้ไงอ่ะ ไปแอบจีบกันตอนไหน



ไม่ได้การ แบบนี้รีบรวบหัวรวบหางเจดเลยดีไหม 



“หยุดคิดอะไรพิเรนทร์เลยนะ” โดนผลักหัวอีกรอบแทบหงาย



รู้ได้ไงว่าเราคิดอะไร



“เพื่อนใจร้าย” เราบ่น น้อยใจ อยู่ๆ ก็ชิงมีแฟนก่อนเรา แถมยังเป็นจีน...



เอ๊ะ แต่จะว่าไป



“แล้วงี้ เราต้องเรียกเพื่อนว่าอะไร”



“อะไร” เพื่อนขมวดคิ้ว ท่าทางไม่เข้าใจคำพูดเรา เลยเรียบเรียงให้ใหม่



“ก็เพื่อนเป็นเพื่อนเรา จีนเป็นพี่สาวเรา เพื่อนเป็นแฟนจีน แล้วต่อไปนี้เราต้องเรียกเพื่อนว่าอะไร”



“...”



“เพื่อน หรือพี่เขย?” เราสงสัย แต่เพื่อนทำหน้าตกใจ ก่อนสีแดงที่หูจะค่อยๆ ลามมาที่แก้ม



“จะเรียกอะไรก็เรียกเหอะ” ยังไม่วายทำเสียงดุ แถมสบถงำงึม



เห็นแบบนั้นก็อดตลกไม่ได้ เราอมยิ้ม แกล้งแหย่



“พี่เขย”



“...” โห แดงไปถึงคอแล้ว



“พี่เขยเพื่อน”



“โว้ย! รำคาญ” เพื่อนโวยลั่น เราหัวเราะตาม แต่ไม่ทันได้ล้อให้โดนด่าไปมากกว่านี้โทรศัพท์เราก็สั่น เจดไลน์มาตาม



“ไสหัวไปเลยไป” เพื่อนรีบไล่ ผลักหัวเราเบาๆ อีกทีพร้อมกำชับ “มีอะไรก็โทรมา”



“จะว่างรับเหรอ พี่เขย”



“ไอ้เจ!” เพื่อนโมโหปนเขินจนทำหน้าตาประหลาด ฮึดฮัดท่าทางจะด่าแต่ก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ก่อนเฉไฉเดินเข้าห้องปิดประตูดังปัง



เราหลุดหัวเราะเสียงดัง โธ่ ตอนแรกว่าจะกีดกันสักหน่อย แต่ยอมก็ได้ เพื่อนน่ารัก







 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉


               

พอเราคาบข่าวมาบอกเจดดันตอบว่ารู้อยู่แล้ว

               

“อ้าว ทำไมรู้อ่ะ”

               

ดูเหมือนจะแสดงสีหน้าน้อยใจออกไปชัด เจดเลยเอื้อมมือมาลูบหัวปลอบ แต่ดันแกล้งแบบหูเราเหมือนมันเขี้ยว พอเราย่นคอหนีพร้อมกับร้องเพราะความจั๊กจี้ เจดก็หัวเราะ



“ทำไมเพื่อนบอกเจดแต่ไม่บอกเรา”



ดวงตาคมเหลือบมองเรา ส่องกระจกมองหลังเห็นว่าเต๋อหลับอยู่ก็อ้ำอึ้ง เกาคางอธิบาย



“ก็... ยังไงดี อารมณ์ว่าสลับกันปรึกษาเรื่องหัวใจ... ประมาณนั้น” เฉไฉ แกล้งทำเป็นมองถนนไม่สบตา



เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ไม่คาดคั้น เมื่อเห็นใบหูเจดเปลี่ยนเป็นสีแดง แก้มเราก็ร้อนตาม ต้องเฉไฉมองออกไปข้างนอกบ้าง



ตอนนี้ข้างถนนมีแต่ต้นไม้ เราออกจากเมืองมาสักพักแล้ว ขับรถต่อไปอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงที่จัดงาน เราออกเดินทางแต่เช้าเพราะต้องไปเตรียมตัวก่อน ถึงจะไม่มีเวลาให้ซ้อมแต่อย่างน้อยก็อยากเห็นเวที อีกอย่างก็ต้องไปเตรียมที่พัก



งานกลางหุบเขาไม่มีโรงแรมหรือห้องพักดีๆ มีแต่ลานกว้างๆ ให้เตรียมเต็นท์ไปกาง เจดเอารูปบรรยากาศงานของปีก่อนมาให้ดู น่าตื่นเต้นมาก มีการก่อกองไฟ กินอาหารง่ายๆ กัน มีซุ้มขายของแฮนด์เมด ของกินบ้าง ไม่ใหญ่มาก แต่ก็คึกคัก



“แล้วเจดเคยมีแฟนไหม” ไม่รู้ทำไมเรานึกอยากถาม



พอถามออกไปก็ตกใจเหมือนกัน... คงเพราะกลัวคำตอบ



เราไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง ไม่เคยชอบใคร เจดเป็นคนแรก... กลัวว่าถ้ารู้ว่าเราอ่อนหัด เจดจะไม่อยากคบ



“อืม... เรียกว่ามีได้มั้ย ส่วนใหญ่แค่คุยๆ กัน แล้วก็หายไป” เราหันกลับไปมองเสี้ยวหน้าเจด ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสถานะคนคุยกันเท่าไหร่



เจดหันมามองหน้าเราแวบหนึ่ง เห็นท่าทางสงสัยออกหน้าออกตาก็ขำ เอื้อมมือมาจับหูเราเล่นอีกครั้ง แต่คราวนี้เรายังจ้องนิ่ง เพราะอยากฟังต่อ เรื่องของเจด



“ทำไมถึงหายไปล่ะ”



เราชอบที่ได้คุยกับเจดนะ ถึงจะยังไม่นาน แต่เจดก็น่ารัก ใส่ใจ เรามีหลายอย่างที่ชอบเหมือนๆ กัน ส่วนที่ตรงข้ามก็คล้ายจะช่วยเติมเต็มกัน



เหมือนที่เราไม่ชอบกินผัก เจดก็กินให้ พอรู้ว่าเราชอบกินเกี๊ยว เจดก็แบ่งเกี๊ยวให้เรา



“ก็หลายเหตุผลนะ” เจดทำท่านึก “อย่างเรื่องเวลา คณะวิชาเรียนน้อยก็จริง แต่แต่ละวิชาก็กินเวลาเยอะ อย่างสตูดิโอเรียนตั้งแต่บ่าย เสร็จสองทุ่มสามทุ่มก็มี งานก็เยอะ วันที่ไม่มีเรียนก็ต้องก้มหน้าก้มตาปั่นงาน เขาไม่เข้าใจ คิดว่าโกหก คณะบ้าอะไรจะงานเยอะขนาดนั้น” เจดหัวเราะขืนๆ



แต่เราเชื่อนะ ก็เคยไปนั่งดูเจดทำงาน เห็นกับตา เจดแทบไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ



“แล้วก็เรื่องเพื่อน เคยโดนบ่นว่าเห็นเพื่อนสำคัญกว่า แต่อันนี้จริง ยอมรับ ผิดเองครับ” เจดยกมือคล้ายยอมรับผิด เราหัวเราะ



จริงอย่างที่ว่า เจดให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก จะกินอะไร งานมีปัญหาตรงไหน ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เจดเป็นคนแรกๆ ที่เพื่อนนึกถึง เพราะรู้ว่าจะช่วยได้ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจ



อย่างเรื่องน้องพิชญ์ สิ่งที่น้องเจอเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาหนัก ถ้าไม่มีคนอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจคงผ่านมาไม่ได้



ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจด เราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องได้ไหมเหมือนกัน



“ว่าจะปล่อยหลายครั้งแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ตรงหน้า ไม่ทำอะไรสักหน่อยก็คงเป็นตราบาป มานั่งเสียใจทีหลัง” เจดหันมาสบตา ท่าทางเหมือนจะบอกว่าขอโทษครับ เราเม้มปาก พยักหน้าหงึกหงัก



“เราเข้าใจ” ยิ่งหลังจากนี้จะพยายามเข้าใจให้มาก

             

เพราะเราชอบที่เจดเป็นแบบนี้ เป็นหมีใจดี เราไม่อยากให้เจดเปลี่ยนไป

             

“แต่ที่โดนบ่อยสุดคือคุยเป็นตัวเลือก”

               

“หืม?” เราเอียงหน้า สงสัย

               

“ก็สมัยนี้เขานิยมคุยหลายๆ คนใช่ไหมล่ะ แบบว่า ขยายโอกาสให้ตัวเอง คุยไว้เยอะๆ เผื่อเลือก สุดท้ายจบที่เจดเป็นคนดีนะ แต่ว่ามีคนดีกว่า”

               

“จริงเหรอ” เราทำตาโตใส่ เจดเลยพยักหน้าขบขัน

               

“อือ กันผิดหวัง”

               

พอได้ยินแบบนั้น เราก็เกิดห่อเหี่ยวขึ้นมา

               

“แล้วเจด... คุยกับคนอื่นตอนคุยกับเราไหม” แต่เราคุยกับเจดคนเดียว ไม่มีไว้เผื่อเลือกนะ

               

“หึ ไม่มีครับ ไม่เคยมี” เจดหันมามองเรา สบตาหนักแน่นจริงจัง

               

เราหลุดยิ้ม โล่งใจ

               

“แล้วผมล่ะ เป็นตัวเลือกที่เท่าไหร่ของพี่เจครับ” เราเบิกตากว้าง ไม่ใช่เพราะคำถาม เพราะสรรพนามที่ชวนให้เขินนั่น

               

“ไม่มี” เราเบ้ปาก หันหน้าหนี

               

อย่ามาเรียกพี่นะ

               

“จริงอ่ะ” เรารู้ว่าเจดแค่แกล้งหยอก แต่ก็ยอมเงยหน้าสบตาอีกครั้งเพราะอยากให้รู้ว่าเราจริงจัง

               

“เรามีแค่เจด เจดคนเดียว” แต่พอพูดไปแบบนั้นก็เงียบกริบ มีแค่เสียงแอร์กับเสียงกรนเบาๆ ของเต๋อที่อยู่เบาะหลัง ก่อนที่ต่างคนต่างเบือนหน้าหนี เจดมองถนนข้างหน้า ส่วนเรามองนอกหน้าต่าง

               

สักพักเจดก็หัวเราะ แกล้งทำเสียงโล่งใจ

               

“ดีจัง”

               

“...”

               

“เนี่ย ถ้าโดนเจเทอีกก็โคตรนก เป็นพญานกได้แล้วนะ” เจดว่าขำๆ เราแอบอมยิ้ม ส่ายหน้าตอบพึมพำ

               

“ไม่เทหรอก”

               

เจดเป็นหมีแล้ว เราไม่ยอมให้เป็นพญานกแล้วล่ะ

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

พอมาถึงงานเจดพาเราไปทักทายพวกพี่ๆ นักดนตรีที่รู้จัก คนจัดงาน แล้วก็ทีมงานที่เข้ามาคุย สอบถามความต้องการ เรากินข้าวเที่ยงร่วมกับคนอื่นๆ ก่อนจะขอตัวแยกย้ายออกมาหาที่กางเต็นท์ตามโซนที่จัดไว้



เรามาก่อนเวลาเริ่มงาน เลยมีที่ว่างให้กางเต็นท์เยอะมาก เจดเลือกกางเต็นท์ตรงลานโล่งหลังโขดหินใหญ่ ใกล้ๆ ธารน้ำเล็กๆ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว 

               

ใช้เวลาไม่นานก็มีเต็นท์สามหลังพองขึ้นมาเหมือนเห็ด หนึ่งหลักเล็กเป็นของเต๋อที่ขอนอนคนเดียวเพราะเจ้าตัวบอกว่านอนดิ้นมาก ส่วนอีกสองหลังใหญ่กว่า เป็นของเรากับเจด และเตวิชญ์กับน้องพิชญ์ ทั้งสองคนไม่ได้เดินทางมาพร้อมกัน เพราะน้องพิชญ์ไปทัศนศึกษาที่ต่างประเทศกับคณะเพิ่งกลับ ก็เลยขอตามมาทีหลัง

               

ทีแรกเจดบอกว่าคะยั้นคะยอยังไงเตวิชญ์ก็ไม่ยอมมา แต่ไม่รู้ว่าน้องพิชญ์รบเร้าท่าไหน สุดท้ายคนดื้อก็ยอมตกลง

               

เจดดูดีใจมากที่เตวิชญ์ยอมมา บอกว่าอยากให้เขาได้ฟังเพลงที่ตัวเองแต่ง อยากให้เจ้าตัวรู้ว่าเพลงเหล่านั้นมีค่ามาก



วิธีคิดสมกับเป็นเจด เป็นหมีสาธารณะที่ใส่ใจคนรอบข้าง



ทั้งที่ตอนนี้คนที่ควรใส่ใจคือตัวเจดเองมากกว่า ตั้งแต่มาถึงเจดดูเงียบผิดปกติ บางทีเหมือนจมลงในความคิด บางครั้งดูลุกลนงุ่นง่าน



เราคิดว่าเจดคงตื่นเต้นและกดดันมากกับการแสดงคราวนี้





‘เวลาตื่นเต้นป๊าชอบกอดล่ะ’





เรานึกถึงคำน้องพิชญ์ขึ้นมาได้ แต่อยู่ๆ จะให้โผเข้ากอดเลยมันก็...



“ป๊า”



แต่คงเพราะเรามัวแต่ลังเล ตัดสินใจนานเกินไป สิ่งที่คิดจะทำเลยไม่ทัน



“ไอ้พิชญ์!” พอได้ยินเสียงคุ้นหูคนตัวโตหันขวับพุ่งเข้าไปคว้าเอวน้องพิชญ์ที่เดินเข้ามาหา รัดแน่นเต็มแรง พลางยกน้องขึ้นจากพื้นเขย่าไปมาแบบที่ชอบทำ น้องดูตกใจในทีแรกแต่ไม่ทันไรก็หัวเราะขำ น้ำเสียงสดใสและสีหน้ายิ้มแย้มสว่างไสวทดแทนแสงอาทิตย์ที่กำลังจะหายไป



“ดีนะที่มึงมา กูตื่นเต้นชิบหาย มองมึงจะได้มีกำลังใจ”



“...”



“เราไปรอข้างเวทีนะ” กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังน้อยใจ ก็ตอนที่หัวใจมันเหี่ยว ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยได้แต่ก้มหน้าเดินหนี



“ไหนเหล้าอ่ะ”



“เอาไปซื้อเองเลยครับ”



“ป๋าว่ะ”



...แต่ขนาดเราเดินออกมาแบบนี้ เจดยังไม่สังเกตเห็นเราด้วยซ้ำ พอหันกลับไปก็ยังเห็นเจดคุยเล่นกับน้องพิชญ์ ท่าทางสนุกสนาน



เจดคิดถึงเพื่อนก่อนเสมอ และน้องพิชญ์สนิทกับเจดมาก่อน เราเข้าใจเรื่องนั้น



แต่ว่าเราอยู่ใกล้ขนาดนี้ กลับไม่ใช่คนที่เจดจะมองหา มันก็อดคิดไม่ได้...



เราคงไม่สำคัญ

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 



เราปลีกตัวออกมาหาพวกพี่ๆ ทีมงานอีกครั้ง นั่งฟังคนอื่นๆ คุยกันทั้งที่ไม่มีสมาธิจะฟัง ในหัวมีแต่ความคิดตีกันไปมา มีแต่คำถามน่ารำคาญ



ทั้งที่คิดว่าเข้าใจ แต่ทำไมยังเป็นแบบนี้ ยังเป็นปัญหาเก่า เราน้อยใจเรื่องเดิม รู้สึกกับเรื่องเดิมซ้ำๆ



ไหนบอกว่าเลิกชอบบพิชญ์แล้ว ทำไมยังไปกอดเขา



งอนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้น... ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน



ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งที่ความสัมพันธ์เหมือนจะเดินหน้า แต่บางครั้งเรารู้สึกว่ามันยิ่งถอยหลัง เหมือนเขาเปิดใจให้เรา แต่หลายครั้งก็ดูไม่จริงจัง



เจดขี้แกล้ง แกล้งอยู่นั่น แยกไม่ออกแล้วว่าอะไรเล่นหรือจริง



คราวนี้ก็เหมือนกัน ทั้งที่อยู่กับเรา แต่ดันไปกอดพิชญ์ต่อหน้าต่อตา



เป็นเราไม่ได้เหรอคนคนนั้น คนที่เจดจะมองหา คนที่เจดจะกอด เวลาที่เจดตื่นเต้นหรือกดดัน



“เจ” ระหว่างที่กำลังคิดเจดก็เดินมาหา พอเขาใกล้เข้ามาเราก็ลุกออกมาจากวงสนทนาที่คุยอยู่ทันที



รู้ตัวว่างี่เง่า แต่ยังไม่อยากคุย อยากคิดอะไรให้แน่ใจคนเดียวมากกว่า



“เจได”



“อย่าตามมา” เอ่ยห้ามเมื่ออีกคนยังตามไม่หยุด กระทั่งเข้ามาในป่า



“เป็นอะไร” แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พอเห็นเราตัวเตี้ยวกว่าหน่อยก็เอาเปรียบด้วยขายาวๆ ก้าวไม่กี่ก้าวก็ตามทัน คว้าแขนข้างหนึ่งดึงให้หันไป



เราตีหน้านิ่ว ขมวดคิ้วให้รู้ว่าไม่พอใจ



เราดุนะ ใครก็ว่าเราดุ ทำหน้านิ่งแล้วเพื่อนจะไม่กล้าเข้าใกล้ เวลาไม่พอใจก็ยิ่งดูง่าย ให้ถอยไปไกลๆ



“เจ”



...แต่เหมือนเจดจะไม่เข้าใจ เลยยิ่งเข้ามาใกล้



“โห หน้าเป็นตูดเลยว่ะ” ยังจะมายิ้ม



“...”



“ให้ลูบเคราจะหายไหม” แถมยังเอามุกง้อประจำมาใช้



เนี่ย ก็เป็นคนอย่างนี้ พอเราจะจริงจังก็ทำทีเล่นทีจริง



เรากัดฟัน พยายามตีหน้าบึ้งกว่าเก่าให้รู้ว่าคราวนี้เราไม่ขำ แต่เจดก็ไม่วายหัวเราะ เอื้อมมือมาคว้าเอวเราเข้าไปใกล้อย่างถือวิสาสะ



“หึงที่กอดไอ้พิชญ์เหรอ”



“เปล่า” ปากเถียงแต่ในใจยอมรับ เจดคงดูออกถึงได้ยิ้มพลางเอื้อมมือมาบีบปากเรา



“งั้นเป็นอะไร”  แกล้งขยับเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงมาจนหน้าอยู่ใกล้กัน



เรากัดนิ้วเขาจนผละไป ก่อนจะก้าวถอยหลัง ขมวดคิ้วพูดจริงจัง



“ก็เราไม่เข้าใจ”



“หือ? ไม่เข้าใจอะไร”



“เจดเคยบอกว่าถ้าตื่นเต้นมากๆ จะชอบกอดใครสักคนให้สบายใจ... แล้วทำไมคนคนนั้นไม่ใช่เรา” ทำไมยังเป็นพิชญ์...



ไม่ใช่ครั้งนี้ แต่หลายๆ ครั้ง เราอ่านความคิดเจดไม่ได้



ถ้าไม่สนใจเราจะมาอยู่ใกล้ทำไม ยอมให้เราจีบ แต่ก็ไม่เห็นจะขยับความสัมพันธ์ไปทางไหน



ชักจะเหนื่อยแล้ว อยากได้ความชัดเจน



“เจด... เราถามจริงๆ ยังชอบพิชญ์อยู่ใช่ไหม” เราตัดสินใจถาม คำถามที่เราไม่เคยกล้าถาม กดมันไว้ในความเชื่อใจเจดเสมอมา ทั้งที่บางครั้งก็ม่แน่ใจ



แต่คราวนี้เราอยากได้คำตอบ อยากรู้ อยากเข้าใจว่าที่สุดทางเดินเส้นนี้จะไปจบตรงไหน



“เราไม่ได้ว่าอะไร ถ้าเจดยังตัดใจจากพิชญ์ไม่ได้... เราจะรอ” คำพูดช่วงท้ายแผ่วเบา เผลอก้มหน้าทั้งที่ควรสบตาให้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง



แต่ป๊อดอ่ะ เราทำใจไม่ได้หรอก ถ้าต้องเห็นแววตาที่แสดงออกว่ายังชอบอีกคนจริงๆ



“อืม...”



ยิ่งใจหายเมื่อคนตัวโตไม่ปฏิเสธใดๆ



“งั้นขอเวลาหน่อย”



เจดบอกว่าตัวเองเป็นพญานก แล้วถ้าเราจีบพญานกแล้วนก เราเป็นตัวไรอ่ะ



“...”



ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้เลย แต่เรากำลังจะร้องไห้แล้วจริงๆ



แต่เพราะไม่อยากให้เจดลำบากใจเลยได้แต่เม้มปากแน่น กลั้นใจสบตา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มของคนตรงหน้า



“สักสามวิ”



“หา?”



“สาม...” ยังงุนงงกระทั่งอ้อมกอดรัดแน่น ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับนับถอยหลัง



“สอง”



“...” เดี๋ยว...



“หนึ่ง” กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพราง ก็ตอนที่คนขี้แกล้งเอาปลายจมูกมาแตะกัน



“อ่ะ ตัดใจได้ละ”



“...”



“ชอบเจว่ะ อยากได้”



เดี๋ยวสิ... ไอ้ป๊า! เมื่อกี้เราเกือบจะร้องไห้แล้วนะ



กว่าสมองจะประมวลผลได้ก็ตอนที่เจดยิ้มขำ ถึงได้รู้ว่าเจดแค่แกล้งอำเรา



“มุกเก่า” เราเบ้ปาก ทำหน้ายี้ ก็มุกนี้ เจดเคยใช้ตอนจีบเราเข้าวง คงจะพูดสองแง่สองง่ามให้เข้าใจผิดอีก



เจดยิ้ม อุ้มเราจนตัวลอยไปนั่งบนโขดหินสูงที่อยู่ด้านหลัง วางแขนคร่อมไว้พลางช้อนสายตามอง



“คราวนี้จริงจัง” สายตาคู่นั้นไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป



“เลิกชอบไอ้พิชญ์ตั้งนานแล้ว แต่ที่กอด ที่เป็นห่วงมันก็เพราะสนิทกัน แต่ถ้าเจไม่ชอบก็จะค่อยๆ เลิกทำ”



หมายความว่าถ้าเราขอให้ห่าง เจดก็จะยอมห่างจากน้องพิชญ์ใช่ไหม



ถ้าเราบอกให้เลิกยุ่งกัน เจดจะยอมใช่หรือเปล่า



แต่เราไม่ได้ต้องการขนาดนั้น...



“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ”



“...”



“อันที่จริงก็ไม่มีสิทธิ์ไม่ชอบสักหน่อย”



บอกแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน... ยิ่งคิดแบบนี้เรายิ่งรู้ว่าตัวเองผิด เราจ้องหน้าเจด เอ่ยสารภาพความรู้สึก ความอึดอัด



“เราบอกให้เจดเลิกสนิทกับน้องพิชญ์ไม่ได้หรอก หวงเจดก็ไม่ได้ หึงเจดก็ไม่ได้ เราน้อยใจบ่อยๆ แต่เราก็แค่น้อยใจ เดี๋ยวก็หาย” เราก็เป็นแบบนี้ โกรธง่ายหายเร็ว และจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนสักวันคงหาย



คงเลิกคิดเล็กคิดน้อย งอนไม่เข้าเรื่อง ทำให้เจดอึดอัดใจ



“...”



“อย่าเพิ่งรำคาญนะที่เรางี่เง่า เรายังอยากคุยกับเจด อยากอยู่ข้างๆ ยังไม่อยากแยกย้าย”



“...”



“เราขอจีบเจดต่อ... ได้ไหม”



“นี่ไง ถึงได้บอกว่าคราวนี้จริงจัง” เจดเงียบไปสักพัก แล้วถอนหายใจ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำหน้าระอาใจใส่เรา



ท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไง



“ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่คิดมาก ตื่นเต้นจะแย่ อยากรอบรรยากาศดีๆ ลังเลว่าควรถามก่อนหรือหลังแสดง แต่ดันเซ่อซ่าทำเสียบรรยากาศ”



“...” เจดหมายความว่ายังไง



“แต่เป็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากรีบถาม ไม่อยากรอแล้ว”



“...” ไม่อยากรออะไร



“เจได...” อยู่ๆ หัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้นตอนสายตาคู่นั้นจ้องตรงมาอย่างเว้าวอน “จีบมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน”



“...”



เราชะงัก นิ่งนาน... ประมวลผลสักพักก่อนใบหน้างอแงจะค่อยๆ ยิ้ม



เป็นรอยยิ้มกว้าง



ตอนที่เริ่มจีบเพราะไม่อยากแห้วเราเลยเคยให้เจดส่งสัญญาณ อะไรก็ได้ที่บอกว่าเขาเปิดใจ หรือไม่อยากให้เราตามตื๊อต่อ เราจะได้ไป



นี่คงเป็นสัญญาณ... สัญญาณที่ชัดมาก...



“ว่าไง” เราหลุดหัวเราะ เมื่อคนตรงหน้าแกล้งขมวดคิ้วคาดคั้น



ไม่เห็นต้องถามย้ำ ยังไงคำตอบก็มีแค่อย่างเดียว



“เอาตรงๆ นะ” เราอมยิ้ม ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคม ลูบตามไรเครารอบริมฝีปากบางอย่างที่ชอบทำ



คลี่ยิ้ม ก่อนก้มลงไปกระซิบข้างหูเบาๆ



“ชอบเจดอ่ะ อยากได้”



ขอยืมมุกมาใช้หน่อยแล้วกัน



“หึ มุกซ้ำ” แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆ เจดคิดค่ายืมเป็นริมฝีปากอุ่นๆ...



ไม่นานก็ถอนจูบ อ้อยอิ่ง เรามองตากัน ต่างหัวเราะเบาๆ แล้วจูบซ้ำ นานเท่าช่วงเวลาที่แสงตะวันลับขอบฟ้า



เราเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ริมฝีปากยังแตะกัน อดคิดไม่ได้ว่าเป็นการจ่ายที่คุ้มค่า



นุ่มนวล แสนหวาน...



เราต่างหากที่ได้กำไร

 



(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
(ต่อ)
               

               

เราเคยสงสัย ว่าถ้าเจดยอมตกลงเป็นแฟนจริงๆ จะทำอะไร แล้วเราก็พบว่าตัวเองมีสิ่งที่ต้องการมากมาย 

               

กลัวเจดจะหาว่าโลภ เราเลยจะไม่ลิงโลดมาก ไม่บอกเจด อุบอิบลิสต์ไว้ในใจ

               

ข้อแรก เจดจะไม่ใช่พญานก ไม่เป็นตัวเลือก เจดจะเป็นหมีของเราคนเดียว ไม่มีใครอีก

               

ข้อสอง เราหึงเจดได้ หวงเจด น้อยใจ... เรามีสิทธิ์แสดงออกเต็มที่แล้ว ไม่ต้องเก็บไว้

               

ข้อสาม แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะพยายามเข้าใจนิสัยของเจด ไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่เจดให้ความสำคัญ ก็จะสำคัญสำหรับเรา

               

ข้อสี่ เราอยากแชร์ทุกความรู้สึกกับเจด ทุกๆ ความรู้สึก ดี ร้าย ตื่นเต้น น้อยใจ จะพยายามแสดงออก ไม่ให้เจด ต้องเดา ถ้าเจดสบายใจ ก็คงจะอยากแชร์ความรู้สึกกับเราเหมือนกัน อาจไม่ได้ทันที แต่เราไม่รีบร้อน ค่อยๆ ก็ได้

               

ข้อห้า... ก่อนหน้านี้เราคิดไม่ออก แต่ตอนนี้อยากรู้แล้วล่ะว่าอยากได้อะไร 



“เพลงนี้เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ”



ในบรรยากาศดีๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ ดวงตาเจดเป็นประกาย รอยยิ้มสว่างไสว รอยบุ๋มข้างแก้มเด่นชัด



“เป็นเพลงเก่าที่พวกเราเอามาเรียบเรียงทำนองใหม่ หวังว่าจะถูกใจ”



ในทำนองโปรด เพลงที่เราต่างชอบ เสียงเพราะๆ ของเจด... ที่เราตกหลุมรัก



“...”



เราแอบจดลงลิสต์



ข้อสุดท้าย...

               

“Talk Tonight”

               

คืนนี้... เราอยากจะใช้เวลากับเจด...ถึงเช้า

 







☉ ---------------------------Side Story 13--------------------------------- ☉

 

               

ตอนเจอกับเจดครั้งแรก มีความเข้าใจผิดใหญ่หลวง แต่เราไม่คิดว่ามันเป็นความผิดพลาด

               

ในงานประกวดดนตรีในมหาวิทยาลัยที่จะมีปีละครั้ง เรานั่งอยู่หลังเวทีรวมกับอีกหลายวงที่กำลังรอขึ้นแสดง               



เจดอยู่ตรงนั้น ตรงหน้าเรา ห่างออกไปสักสิบช่วงแขนล่ะมั้ง...



ตอนเห็นครั้งแรก เราว่าเขาค่อนข้างน่ากลัว



ตัวใหญ่เป็นหมี ไว้เครา หน้าดุอย่างกับยักษ์ ถ้ามีเขี้ยวสักนิดคงชวนคิดถึงละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เคยตื่นมาดูตอนอนุบาล



“ป๊า”



นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอพิชญ์ ได้เห็นคนที่เจดตกหลุมรัก และเข้าใจว่าทำไม น้องมีเสน่ห์มาก น่ารัก



น่ารักจนเราอิจฉา แอบหึง ทั้งที่ยังไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ

               

และไม่รู้ว่าเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันตอนเจอพิชญ์ เพราะรอยยิ้มกว้างๆ ของเจดที่ทำให้ใบหน้าถมึงทึงกลับกลายเป็นสดใส ลักยิ้มที่แก้มซ้าย ดวงตาที่เป็นประกาย หรือเพราะการแสดงที่เราได้เห็นบนเวที

               

สารภาพตามตรง ว่าวงเจดเล่นห่วยมาก ดนตรีบาดหู ไม่มีอะไรเข้ากัน เล่นจบแบบดำน้ำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตราตรึง

           

"ขอบคุณครับ"

     

เสียงของเจด เสียงเพราะๆ และรอยยิ้มเขินอาย ท่าทางที่แสดงออกมาบนเวที มีเสน่ห์มาก

               

คงเป็นตอนนั้นเอง ที่เราติดกับหมีเข้าอย่างจัง

               

แต่ไม่ใช่แค่นั้น

               

บอกแล้วไง ว่ามันเกิดเรื่องเข้าใจผิด ที่ไม่ใช่ความผิดพลาด



“มึงเป็นเหี้ยอะไรเจ ทำหน้าตาน่ากลัวมาก” ทั้งที่มีแววว่าจะชนะ แต่เรากลับหงุดหงิด ตอนนั้นเรารู้ตัว ว่าเพราะเห็นเจดอยู่กับน้องพิชญ์



รู้ตัวว่านิสัยไม่ดี ขี้อิจฉา



“อยากกลับ”



“มึงไม่รอประกาศผลเหรอ”



“งั้นกลับเวทีเหอะ”



แล้วอยู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนขึ้นมา



“นาย... นาย” เราจำได้ว่าเป็นเสียงของเจด เสียงเพราะๆ ที่ทำให้เราใจเต้นแรงตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยิน



กระทั่งวันนี้



“เดี๋ยวดิ นาย”



“...” ตอนนั้นเราไม่ได้ตอบไปในทันที กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ได้ยินชื่อตัวเอง



“เจได”



“หือ?”



“ชื่อเจไดจริงด้วยว่ะ”



“...”



“ที่เล่นบนเวทีเมื่อกี้ โคตรดี”   



“ต้องการอะไร” เราดีใจที่เจดเข้ามาทัก แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจจุดประสงค์ก็เลยเผลอทำหน้าบึ้งไป



“เอาตรงๆ ป่ะ”



เจดหน้าเจื่อน แต่ก็ไม่หนีไปไหน ยังมองหน้าเรา ท่าทางมุ่งมั่น



“...”



“กูชื่อเจดนะ” ตอนนั้นเองที่ทำท่าฮึบ ตัดสินใจเอ่ยจุดประสงค์ซื่อๆ ที่ทำเราชะงัก เผลอหยุดหายใจไปถึงจังหวะ



“...”



“ชอบเจว่ะ อยากได้”



“...”

               

เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนเสียงกลองบนเวทีย้ายมาตีโครมครามอยู่ในอก

               

แล้วเชื่อไหม ต่อให้โดนล้ออีกกี่ครั้ง ต่อให้โดนซ้ำเติมว่าเซ่อซ่าเข้าใจผิดคนละเรื่อง ต่อให้เพื่อนด่าย้ำๆ ว่าเราใจง่าย

               

คำตอบก็ยังเหมือนเดิม

               

“ครับ... ชอบเหมือนกัน”




☉ ----------------------------------------------------------- ☉

จริงๆ บทสรุปเรื่องหมีแต่รักเคยปรากฏในตอนพิเศษในเล่มเกมท้ารักค่ะ

แต่ในนี้เรามีการเพิ่มรายละเอียดนิดหน่อย เติมเต็มอารมณ์ และความคิดให้สมบูรณ์มากขึ้น

ถ้าติดขัดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ

เป็นตอนจบที่ไม่หวือหวา และมีการงอแงอยู่บ้าง กว่าป๊าจะชัดเจนได้ก็ทำยัยเจร้องไห้แล้ว น่าตีมาก 5555

หลังจากนี้จะมีบทส่งท้ายอีกนิดหน่อย (เป็นตอนที่ป๊ารอคอย -.;-) จะมาอัพให้เร็วที่สุดน้า

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เอ็นดูหมีเจดกับกระต่ายเจมาตลอดค่ะ



ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ

รัก

- Martian -

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มองเห็นภาพหมีตัวโตอุ้มกระต่ายน้อยเจได

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นุ้งเจน่าเอ็นดูมากกกก ฮือออ หนูลูกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เจ้าหมีกับกระต่ายน้อยเป็นแฟนกันแล้ว เย้ๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยยยยย รักกกกก  ละมุนนุ่มมากเลย ทั้ง 2 คู่  ฟินมากกก ไม่อยากให้จบเลย  :o8: :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อินนนน......ตามเจเลย  :mew2:
ตอนที่เจดกอดพิชญ์  :serius2: :serius2: :serius2:

ก็นึกเหมือนกันว่าที่เจดตื่นเต้น เพราะจะสารภาพกับเจหรือเปล่า
เข้าใจกัน คบกันแล้ว  ดีมากๆเลยยยย

เจด เจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
งื้ออออ เจดดดดดด พ่อหมี ยังน่ารักขี้เล่นเหมือนเดิม

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
บทส่งท้าย

หมีแต่รัก (100%)

 

(เจด)



‘เจดเป็นคนดีนะ...’



อีกแล้ว คำขึ้นต้นประโยคที่ได้ยินบ่อยครั้ง... ประโยคต่อไปก็คงไม่ต่างกัน



‘แต่เราอยากเป็นคนพิเศษมากกว่า’



หมายความว่าไงวะ



‘ขอโทษนะ’



...นกอีกแล้วว่ะ



ไม่เข้าใจ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับสภาพ เบื่อกับเหตุผลซ้ำซาก แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องแก้ยังไง



ไม่รู้ว่าเป็นปัญหามั้ยด้วยซ้ำ



มีเพียงคำปฏิเสธเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกต่างออกไป



‘กูว่า กูชอบมึงวะ’ วันที่เอ่ยสารภาพความในใจกับน้องรหัสผมไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไร ไม่มีการไตร่ตรอง ไม่ลุ้นจนหัวใจเต้นตึกตัก อาจจะเมานิดๆ ถึงได้พลั้งปาก



ไอ้พิชญ์มองหน้าผม ทำหน้าตกใจนิดหนึ่งก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกระเบียง พรูควันบุหรี่ ท่าทางครุ่นคิด ไม่รีบร้อน   



สักพัก มันหันกลับมายิ้ม   



"ไม่ได้ว่ะพี่"



ตรงไปตรงมา ไร้ท่าทางรักษาน้ำใจ เพราะรู้ว่าแบบนั้นคงจะทำให้เสียน้ำใจยิ่งกว่า 



"ผมแม่ง ยังหลุดออกมาจากอดีตไม่ได้"



ทั้งที่เหตุผลเข้าใจยากกว่าที่เคยได้ยินล้านเท่า แต่ผมกลับเข้าใจ ด้วยรอยยิ้ม ด้วยสายตาที่เหม่อมองออกไปบนดวงจันทร์เหนือหัวที่สว่างไสว ผมเชื่อสนิทใจว่าส่วนหนึ่งของมันยังใช้ชีวิตอยู่ในวันวาน   



แทนที่จะเศร้าผมดันยิ้ม เริ่มเข้าใจบางสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสได้



สำหรับผม ถ้าให้จัดลำดับความสำคัญสิ่งสำคัญในชีวิต ความรักคงไม่ติดท็อปสาม ถ้ามันดิ้นรนที่หนีไป ผมพร้อมปล่อยมือเพื่อให้ต่างคนต่างเดินไปข้างหน้า



อาจเพราะผิดหวังมาหลายครั้งเลยไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่ไอ้พิชญ์ทำให้ผมเห็นต่าง 



...เพราะไม่ให้ความสำคัญต่างหากถึงได้ผิดหวัง   



“มึงรู้ได้ไงว่ามันจะกลับมา”



“ไม่รู้”



“อ้าว”   



“แต่ป๊าเคยเจอใครที่รู้สึกว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะเสียใจป่ะ”



“…”



“เสียใจกว่าที่ต้องรออย่างไร้จุดหมาย เสียใจกว่าถูกทำให้ร้องไห้...



“...”



“เสียใจกว่าผิดหวัง คือหมดหวังแล้วปล่อยมันไป”



“มึงแม่ง โคตรยึดติดเลย”



“พี่ก็รู้... นิสัยโง่ๆ แก้ไม่หาย”



“แต่ก็คุ้มป่ะ”



“อือ... โคตรคุ้ม”



ผมมองท่าทีเขินอายที่ไม่ได้เห็นย่อยนักของน้องรหัส หลุดหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูในความดื้อรั้น



ผมรู้ดีในความทะเยอทะยานของไอ้พิชญ์ เคยคิดหลายครั้งว่ามันไร้สาระ ทรมานตัวเองเปล่า แต่ยิ่งรู้จักกลับกลายเป็นนับถือนิสัยโง่ๆ นั่น



นับถือถึงขั้นว่าถ้าถามว่าใครที่ควรมีความสุขที่สุด ผมไม่ลังเลที่จะชี้ไปที่มัน



เป็นผมคงทำไม่ได้ พยายามขนาดนั้นไม่ไหว



แต่เอาตามตรง ยังไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองได้พยายามสักครั้งด้วยซ้ำ



...คนที่รู้สึกว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะเสียใจเนี่ย



ยังไม่เคยเจอเลยว่ะ







☉ ------------------------------------------------------------ ☉




...แต่นั่นมันก่อนได้ยินคำสารภาพ



‘ถ้าป๊าตัดใจจากพิชญ์ได้แล้ว ขอเราจีบได้ป่ะ’



มึนไปดิ อยู่ๆ ก็ถูกจู่โจมกะทันหัน



ทีแรกผมยังนึกตลกเพราะไม่คิดว่าเจไดจะจริงจัง แต่พอเห็นสายตานิ่งซื่อจ้องตรงเข้ามาในแววตาก็เริ่มรู้สึกประหม่า หัวใจเต้นแปลกๆ ขึ้นมา



เคยแต่เป็นฝ่ายเข้าหา เพิ่งเคยโดนจีบกับเขาครั้งแรก... ไปไม่เป็นเลยว่ะ



ผมกับเจไดเพิ่งเจอกันไม่นาน ผมนับถือในความสามารถการเล่นเบสของเจ เลยชวนมาเล่นดนตรีด้วยกัน เราคุยกันเรื่องเพลงซะส่วนใหญ่ เพราะสไตล์การฟังเพลงคล้ายๆ กัน มีปรึกษาเรื่องส่วนตัวบ้าง แต่กันเป็นผมฝ่ายเดียวที่พูดพล่ามโดยที่คนฟังแทบไม่แสดงสีหน้าอะไร



ทั้งที่ชอบทำหน้าบึ้ง ยิ้มนับครั้งได้ เงียบจนบางทีก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่อยู่ใกล้ๆ แล้วดันรู้สึกสบายใจ



แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง



ยิ่งไอ้ความชอบทำนองชู้สาว คิดอยู่หลายตลบก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากตรงไหน



เจไดเนี่ยนะชอบ... ดูไม่เห็นออกเลยวะ แบบว่า เห็นชอบทำหน้าบึ้งใส่คิดว่าเกลียดกัน



“เราจริงจัง”



ทั้งที่คิดว่าตัวเองมีภูมิต้านทานความน่ารักอยู่พอตัวนะ



แต่คนนี้แม่ง น่ารักไปมั้ยวะ



...ชิบหาย เขินว่ะ



“ครับ รู้แล้วครับ” อย่าจ้องกันขนาดนั้น “ถ้าเจจริงจังกูก็จริงจัง”



ทำตัวไม่ถูกเลยแกล้งยิ้มขำ



“แต่บอกไว้ก่อนว่าผมใจแข็งมาก ไม่ได้จีบง่ายๆ นะครับ”



พอผมพูดแบบนั้นคนน่ารักก็ดันยิ้มซะกว้าง “อือ จะพยายาม”



‘พยายาม’ ใจผมคงถูกคำนี้กัดแซะโดยไม่รู้ตัวมานาน พอได้ยินอีกที พร้อมรอยยิ้มซื่อที่บ่งชัดคำมั่นว่าจะทำตามนั้น ผมคล้ายได้ยินเสียงบางอย่างปริแตก...



เสียงเปลือกแข็งของเมล็ดที่ยอมให้ยอดอ่อนแทงกะเทาะเปลือกผลิบาน



“อือ”



ครับ... จะลองพยายามเหมือนกัน





☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

           

แต่มันควรเริ่มจากตรงไหนวะ

               

จีบคนอื่นมาก็แยะ ไม่เห็นจะทำให้เชี่ยวชาญขึ้นสักนิด แล้วคนนี้ เหมือนใครซะที่ไหน ผมแทบต้องลบประสบการณ์ที่ผ่านมาทิ้งลง recycle bin



“ป๊าดูไร หน้าเครียดเชียว”



“เปล่า” ผมตกใจ งับจอแล็ปท็อปทันควันเมื่อไอ้พิชญ์ทำท่าจะชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอ



แต่คงเฉไฉไม่เนียน ไอ้พิชญ์ถึงได้หรี่ตาจับผิด



แล้วน้องรหัสผมมันเจ้าเล่ห์น้อยเสียที่ไหน มันแกล้งทำท่าตกใจ พูดเสียงดังพอให้เพื่อนที่เหลือในสตูหันมามอง



“เฮ้ย ดูหนังโป๊ในสตูโจ่งแจ้งไปป่ะ”



“หนังโป๊พ่อมึง!” สุดท้ายผมต้องยอมเปิดหน้าจอให้มันดู โชว์หลักฐานว่าไม่ได้ทำอย่างที่มันกล่าวหา



ไอ้พิชญ์หัวเราะอย่างผู้ชนะ แต่เห็นวิดีโอที่ผมดูค้างอยู่ก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว



“วิธีเลี้ยงกระต่าย? ป๊าจะเลี้ยงเหรอ”



“เปล่า”



“อ้าว แล้วดูไปทำไมวะ” ไอ้พิชญ์หัวเราะ ท่าทางไม่เข้าใจมากๆ



เออ...กูก็ไม่รู้เหมือนกัน



ชักไม่แน่ใจแล้วว่าดูหนังโป๊กับคู่มือเลี้ยงกระต่ายความยาวสองชั่วโมงนี่อะไรมันน่าอายกว่า



แต่ยิ่งดู ก็ยิ่งรู้สึกว่า...เหมือนมาก



ภาพของเจ้าตัวน่ารักหูยาวที่กำลังเคี้ยวหยุบหยับอยู่ในคลิป ซ้อนทับกับกับภาพคนตัวเล็กที่กำลังกินแซลม่อนแก้มป่องที่เห็นจนชินตา ยิ่งแววตาใสซื่อที่จ้องตรงมาอย่างไร้พิษภัยยิ่งคล้าย



“มีกระต่ายมาจีบกูว่ะ”



เดี๋ยว นี่กูพูดอะไรออกไปวะ



“ฮะ?” ไม่แปลกที่ไอ้พิชญ์จะทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ผมถอนใจ มองหน้ามันแล้วแก้คำพูดตัวเองใหม่



“เจได... จีบกู”



แต่พอพูดตรงๆ ก็ดันอ้ำอึ้ง ไอ้เสียงกลองตึงตังในอกนี่แม่งไม่รู้มาจากไหน



“หา? เจได... เจไดที่เล่นเบสให้วงพี่อ่ะนะ” ผมพยักหน้า แต่ไอ้พิชญ์ทำหน้าไม่เชื่อ “ป๊าไม่ได้คิดไปเองนะ”



อยากจะดีดกะโหลกมันสักที นี่หาว่ากูมโนเหรอ



“กูไม่ได้คิดไปเอง เขาบอก” ถึงตอนได้ยินครั้งแรกผมจะคิดว่าตัวเองหลอนไปเองเหมือนกันก็เหอะ แต่เจ้าตัวเขายืนยันแล้ว ตั้งหลายครั้ง



“บอกยังไง ว่าชอบอ่ะนะ” 



“ก็ไม่เชิงว่ะ” ผมถอนใจ ย้อนนึกถึงคำสารภาพแสนน่ารัก



“...ถ้าป๊าตัดใจจากพิชญ์ได้แล้ว ขอเราจีบได้ป่ะ” กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอโพล่งออกมาก็ตอนที่ทั้งห้องเงียบกริบ ไอ้พิชญ์จ้องหน้าผม ตาเบิกกว้าง ดวงตาคล้ายะเปล่งแสงระยิบระยับ



“เชี่ย...เขาพูดงี้เหรอ”



“เออ” ไม่น่าบอกเลยว่ะ



“ทำไมน่ารักจังวะ”



“...”



“น่ารักอ่ะ น่ารักๆๆ”



เออ ไม่ต้องย้ำ กูเป็นคนได้ยินกับหูทำไมจะไม่รู้ว่าเขาน่ารัก



ยิ่งรู้จัก ยิ่งเห็นว่าภายใต้ความนิ่งบึ้งนั้นเต็มไปด้วยความคิดใสซื่อไร้เดียงสาแค่ไหนก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก... โคตรน่ารัก



“เฮ้ยป๊า หูแดงอ่ะ”



“กูไปห้องน้ำนะ”



“เดี๋ยวดิ ป๊าเพิ่งเข้ามาไม่ใช่เหรอวะ”



“เออน่ะ เดี๋ยวกูมา”



ขอไปส่องกระจกแป๊บ กูข้องใจ



คนน่ารักอย่างนั้นเขาจะมาชอบกูจริงๆ เหรอวะ   

 

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 



เจไดน่ารัก



ไม่ใช่คนที่เสน่ห์แรงมาแต่ไกลอย่างไอ้พิชญ์ ไม่ได้คลิกตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่สเปกที่ต้องพุ่งเข้าหา แต่เป็นคนที่แผ่ออร่าน่าเอ็นดูออกมาจนเผลอลามปามลูบหัวลูบหางไปตั้งหลายครั้งทั้งที่เจอายุมากกว่า



ผมไม่อยากให้เรารีบร้อนเกินไป ไม่อยากบุ่มบ่ามเริ่มความสัมพันธ์จนพลาด อยากทะนุถนอม... เหมือนขนมหวานที่ค่อยๆ บิกินทีละนิด ไม่ตะกรุมตะกราม 



ผมอยากรู้จักเจให้มากกว่านี้ อยากเข้าใจ แล้วก็อยากให้เจเห็นหลายๆ ด้านของผมเหมือนกัน เหมือนคนทุกคนนั่นแหละ ผมมีบางมุมที่ไม่น่ารัก บางนิสัยน่ารำคาญที่แก้ไม่หาย ถ้าเจรับได้ จะคบกันตอนนั้นก็คงไม่สาย



แต่ไม่ใช่แค่รับได้



“เคยอ่านการ์ตูน เห็นพระเอกเล่นกีตาร์แล้วเท่มาก ก็เลยเล่นตาม อยากมีวงของตัวเองไปเล่นระดับประเทศสักครั้ง แต่เอาจริงๆ แม่งโคตรยาก ทุกวันนี้ยังไม่รู้จะรอดไหม”



“รอดสิ” แม้แต่เรื่องไร้สาระของผม เจก็ยังรับฟังไม่มองว่ามันไร้สาระ “เราอยู่นี่...”



แถมยังพยายามตอบรับเท่าที่คนแสดงความรู้สึกไม่เก่งคนหนึ่งเท่าที่จะตอบรับได้



“...”



“จะแค่เล่นในผับ หรือระดับประเทศ...ให้เราเป็นมือเบสของเจดนะ”



ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าภาพในอนาคตของผมมีเจไดอยู่ข้างๆ ต่อให้ไม่ขอคนตัวเล็กก็ยังเล่นเบสอยู่ตรงนั้น ในตำแหน่งที่ถ้าหันไปผมจะยังเห็นเขาจ้องตรงมาด้วยแววตาจริงใจไม่ผละหนี



ผมเพิ่งรู้ตัวว่าขณะที่ตัวเองยังระแวดระวังไม่กล้าก้าวเข้าไปในความสัมพันธ์ ความรู้สึกเจไดมีแต่รุดหน้าอย่าซื่อตรง ไม่เหลียวหลัง



ถ้าไอ้พิชญ์อยู่ตรงนี้ ผมจะอวดมัน



กูเจอแล้วนะ คนที่ทำให้รู้สึกว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะเสียใจอ่ะ

 

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 

จากที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ผมตัดสินใจจะเทแต้มกระต่ายให้เจไดหมดตัว



นับวันยิ่งแน่ใจ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม ขนมที่ผมเก็บออมไว้ เหลือคำสุดท้ายที่ผมต้องกินทั้งคำ ซึมซาบรสชาติหอมหวาน



ผมเลือกวันที่เราได้ขึ้นโชว์ครั้งแรกด้วยกัน ...วันที่เจได้เป็นมือเบสของผมเต็มตัว



แต่ผมมักเจอเรื่องแบบนี้... เรื่องของจังหวะเวลาที่ไม่เข้าข้าง



หรือไม่มีดวงกับการทำเซอร์ไพรซ์วะ สุดท้ายถึงได้ล่มไม่เป็นท่า



ผมชักช้าจนเจไดเกือบถูกคนเมาลากไป



ซ้ำร้าย... ผมไม่ทันได้เอ่ยความรู้สึกสักคำด้วยซ้ำ



ผมได้รับสาย... ที่ทำให้หัวใจกระตุกมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต



“โรงพยาบาลโทรมา”



“...”



“ไอ้เตรถคว่ำ อาการโคม่า”

 

               

เพื่อนผมตัดสินใจฆ่าตัวตายในคืนนั้น... 



คืนที่คนแทบทั้งโลกกำลังดื่มด่ำความสุข ลืมความทุกข์ที่ผ่านมาในชีวิตไปกับปีเก่า

               

มันแสร้งแฝงตัวกลมกลืน ให้ความสุขกลบเกลี้ยงวี่แววความเศร้า แต่เพื่อนผมไม่เคยลืม...ความทุกข์ของปีที่แล้ว ปีก่อนหน้า... หรืออาจจะนานกว่านั้น

               

เชื่อว่าความทุกข์นั่นจะติดตัวมันในปีถัดไป... ถัดๆ ไป ถึงได้ตัดสินใจเด็ดขาด



แต่ไอ้เตก็คงเหมือนผม กะจังหวะเวลาผิดพลาด ใครก็ตามที่มีอำนาจพรากชีวิตมัน จึงให้โอกาสอีกครั้ง



ผมไม่ได้สิทธิ์ในการรับรู้ต้นเหตุของความทุกข์ ไม่ใช่คนที่ไอ้เตจะเปิดใจให้เข้าถึงความทุกข์ของมันด้วยซ้ำ

               

แต่มันเป็นเพื่อนผม หรืออย่างน้อยที่สุด... ในช่วงเวลาสั้นๆ เราก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน

               

ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นอะไรไป

               

“ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นเจไดเลยอ่ะ”

               

“เจติดโปรเจ็กต์อ่ะ” ผมว่า เท้าแขนพิงกับราวระเบียงพลางอัดควัน



ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นๆ ผมกับเจไดเลยไม่ค่อยได้เจอกัน 

             

“คิดถึงว่ะ”

               

“ก็ไปหาดิ” ไอ้พิชญ์หัวเราะ ดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบบ้าง ผมเลยผลักหัวมันไปทีหนึ่ง พเยิดหน้าไปยังกองงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้เช้า

               

“มึงทำให้กูไหมล่ะ หมดนั่น” ไอ้พิชญ์ยิ่งหัวเราะเสียงดัง

               

“ส่งงานเสร็จก็ไปดิ”

               

ผมเงียบไปสักพัก อัดควันเข้าปอดแล้วถอนใจหนักๆ “ช่วงนี้เขาไม่ว่างว่ะ”

               

พอขึ้นปีห้าเจก็คงเรียนหนักเหมือนกัน เห็นว่าต้องเริ่มทำโปรเจ็กต์ตั้งแต่เปิดเทอม

               

ไอ้พิชญ์เงียบไปสักพัก ยักไหล่เหมือนไม่อยากยุ่มย่าม ผมเลยเปลี่ยนเรื่อง

               

“แล้วมึงกับไอ้เตเป็นไงบ้าง”

               

“หวานแหวว”



ผมหัวเราะลั่นผลักหัวมันอีกครั้ง “น่าหมั่นไส้สัด”



ไอ้พิชญ์หัวเราะ มองลงไปยังชั้นล่างที่เด็กปีสองกำลังรวมตัวทำงานของคณะ ท่าทางยังดูน่ากลัวแผ่ออร่าเข้าถึงยากเหมือนเดิม



“ป๊า” ต่างคนต่างอัดควันพิษลงปอดอยู่ในความเงียบสักพักไอ้พิชญ์ถึงเรียกผมขึ้นมา น้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง “พี่เตไม่เป็นไรแล้วนะ”



ไม่ต้องอธิบายมากกว่านี้ ผมรู้ว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร



ผมยังไม่ก้าวไปไหน ไม่เริ่มความสัมพันธ์ที่หยุดชะงักไว้



ไม่ใช่แค่เรื่องเรียน เรื่องงาน ไม่ใช่แค่เพราะเวลา... แต่ผมยังละสายตาไม่ได้



ที่ผ่านมาผมพยายามสังเกตคนรอบข้าง พยายามใส่ใจ พยายามโอบอุ้มทุกคนในชีวิตผมไว้เท่าที่แขนใหญ่ๆ นี่จะสามารถทำได้ เรื่องของไอ้เตจึงมีผลกระทบรุนแรง...



ผมปล่อยให้คนคนหนึ่งที่อยู่ข้างผมหลุดมือหัวกระแทก...



ผมคิดแต่ว่าจะรักษาแผลนี้ยังไง จะทำยังไงไม่ให้กระแทกซ้ำ



หรืออย่างน้อยช่วยลดแรงกระทบกระเทือนลงบ้าง



“ฝากขอบคุณตัวน่ารักของป๊าด้วยแล้วกัน”



‘จากเรา ไปที่เจด ไปที่น้องพิชญ์ เป็นลูกโซ่กำลังใจ แบบนี้เตวิชญ์คงไม่อยากหนีไปไหนแล้วเนอะ ว่าไหม’



"อือ"



หลังจากนี้ไอ้เตจะกลับมาเผชิญหน้าความทุกข์อีกครั้ง พบเจอเรื่องบัดซบในชีวิตอีกสารพัดอย่าง แต่เชื่อเถอะว่ามันจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านั้นคนเดียว



“กูว่าจะขอเจเป็นแฟนว่ะ” ผมบอก มือข้างล้วงกระเป๋ากางเกงกำบางอย่างที่พกไว้ คลายเครื่องรางที่ช่วยให้รู้สึกอุ่นใจ แต่อีกไม่นานคงถึงเวลาที่จะต้องส่งต่อมันให้เจ้าของ



กระต่ายตัวสุดท้ายที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ให้



“หืม? นี่ยังไม่เป็นแฟนกันอีกเหรอ” ไอ้พิชญ์หัวเราะ ดับบุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนดี สบตากับคนจากข้างล่างที่มองขึ้นมา “อือ ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ"



ผมหัวเราะบ้าง ที่ถูกอ่านความคิดได้



ถึงแขนจะใหญ่ แต่ผมก็แบกทีเดียวทุกเรื่องไม่ไหว ทื่อทึบจนจัดการปัญหาทีเดียวไม่ได้ เพราะแบบนั้นผมถึงเลือกวางบางอย่างไว้



ไม่ใช่เลิกใส่ใจ แต่เพราะสำคัญมาก ผมเลยต้องหยุดวิ่งเพื่อปรับโฟกัส



ตอนนี้สายตาของผมมองเห็นเพียงคนเดียวตรงปลายทาง ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา



“ขอให้ไม่นกอีกนะป๊า”



“หึ... เออ คราวนี้จะไม่พลาด”



จะเดินตรงเข้าไปหา ไม่วอกแวกแล้วครับ





(มีต่อค่ะ)




ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
(ต่อ)


แต่สงสัยจะเดินช้าไป

               

เป็นหมีต้วมเตี้ยม ก้าวเท้าเทอะทะไม่ทันใจกระต่าย

               

“หึงที่กอดไอ้พิชญ์เหรอ”



มัวแต่ประหม่า เงอะงะจนทำให้เข้าใจผิดซะได้

               

“เปล่า”

               

ยังจะปฏิเสธ หน้าบึ้งขนาดนี้งอนไปถึงไหนแล้วนั่น

               

“งั้นเป็นอะไร” อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปบีบปากที่เบะไม่รู้ตัวอย่างมันเขี้ยว ขยับเข้าไปใกล้จนเจ้าตัวขยับหนี แถมยังขู่ฟ่อด้วยการกัดนิ้วผมทีหนึ่ง

               

กลายเป็นกระต่ายดุไปซะแล้ว

               

“ก็เราไม่เข้าใจ”

               

“หือ ไม่เข้าใจอะไร” ผมเลิกคิ้วถาม ท่าทางเจไดดูคับข้องใจมากๆ จมูกเล็กๆ ย่นยุกยิกงุ่นง่านอยู่แป๊บหนึ่งก็อธิบาย

               

“เจดเคยบอกว่าถ้าตื่นเต้นมากๆ จะชอบกอดใครสักคนให้สบายใจ แล้วทำไมคนคนนั้นไม่ใช่เรา”

               

ผมชะงัก ไม่นึกว่าเจจะคิดมาเรื่องนี้



ที่ผ่านมาผมเหมือนใช้ไอ้พิชญ์เป็นตัวแทนความเชื่อมั่น ความหวัง ความทะเยอทะยาน แค่เห็นมันผมก็รู้สึกเหมือนได้รับพลังที่จะก้าวผ่านอุปสรรคไปได้



ลืมไปว่ากับเรื่องนี้คงไม่ต้องใช้

               

“เจด เราถามจริงๆ ยังชอบพิชญ์อยู่ใช่ไหม” เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสมหวังโดยไม่ต้องขอเผื่อแผ่ความมั่นใจจากใครทั้งนั้น

               

สิ่งที่ต้องทำก็แค่เชื่อมั่นในคนตรงหน้า... เชื่อมั่นในคนตรงหน้า



ถ้าเป็นคนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยมือ

               

“ถ้าเจดยังตัดใจจากพิชญ์ไม่ได้... เราจะรอ” 



ผมพยายามกลั้นยิ้ม ครั้งแรกเลยที่มีคนบอกว่าจะรอ



“อืม... งั้นขอเวลาหน่อย”



กะระยะห่างที่กระต่ายวิ่งนำหน้าไป คงไกลมากแล้ว



“สักสามวิ”



แต่แค่นั้นคงพอ หมีต้วมเตี้ยมจะรีบไปหา จะวิ่งตามให้ทัน



“สาม...” ผมอาศัยจังหวะที่เจยังงุนงงเข้าไปกอด รัดอ้อมแขนแน่นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้



“สอง...”



น่ารัก ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งหน้ารัก ใบหน้าสับสน คล้ายจะโกรธแต่ก็เลิ่กลั่ก เขินจนแก้มแดงแจ๋



โคตรน่ารัก



“หนึ่ง... อ่ะตัดใจได้ละ” แตะปลายจมูกกับปลายจมูกจิ้มลิ้ม เอ่ยคำสารภาพ “ชอบเจว่ะ อยากได้”



เป็นคำเดียวกับที่เคยใช้ตอนจีบเจเข้าวง ผมนึกสงสัยว่าเจชอบผมตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือเปล่านะถึงได้ตอบตกลง



‘ครับ... ชอบเหมือนกัน’

               

ตอนนั้นแค่รู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ ไม่ทันได้คิดอะไร แต่พอนึกขึ้นได้ก็เริ่มเขินย้อนหลัง... โดนจีบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่หว่า

               

“มุกเก่า” เหมือนเพิ่งได้สติเจ้าตัวถึงได้พยายามทำหน้าบูดบึ้งทั้งที่ตัวแดงไปถึงปลายนิ้วแล้วมั้ง

               

ผมยิ้มขำ ถือวิสาสะอุ้มคนน่ารักไปวางไว้บนโขดหินเพื่อให้อีกคนอยู่ในระดับสูงกว่าวางแขนคร่อมร่างไว้พลางเงยหน้าสบตา

               

“คราวนี้จริงจัง” จริงจังมาก ไม่ให้หนี ไม่ให้รอ ไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น

               

“เลิกชอบไอ้พิชญ์ตั้งนานแล้ว ที่กอด ที่เป็นห่วงมันก็เพราะสนิทกัน แต่ถ้าเจไม่ชอบก็จะค่อยๆ เลิกทำ”



“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ... อันที่จริงก็ไม่มีสิทธิ์ไม่ชอบสักหน่อย” คนตัวเล็กพูดงึมงำท่าทางดูไม่มั่นใจแต่ก็พยายามอธิบาย



“เราบอกให้เจดเลิกสนิทกับน้องพิชญ์ไม่ได้หรอก หวงเจดก็ไม่ได้ หึงเจดก็ไม่ได้ เราน้อยใจบ่อยๆ แต่เราก็แค่น้อยใจ เดี๋ยวก็หาย”



“...”



“อย่าเพิ่งรำคาญนะที่เรางี่เง่า เรายังอยากคุยกับเจด อยากอยู่ข้างๆ ยังไม่อยากแยกย้าย”



“...”



“เราขอจีบเจดต่อ... ได้ไหม” ยิ่งเจพูดทั้งหมดออกมายิ่งรู้ว่าเรื่องไอ้พิชญ์เป็นประเด็นที่ติดค้างในใจเจมานาน

               

รู้แล้วว่าความสนิทที่ใช้อ้างคงทำให้อีกคนไม่สบายใจ ถ้าปล่อยเรื้อรังคงทำให้เจคิดมากต่อไป

               

ผมคงเลิกสนิทกับไอ้พิชญ์ไม่ได้เพราะยังไงเราต้องพึ่งพากันและกัน แต่ผมจะพยายามทำให้เจเชื่อเองว่ามันไม่มีอะไรทั้งนั้น



“นี่ไง ถึงได้บอกว่าคราวนี้จริงจัง” สายตาผมมองแต่เจคนเดียวมาตั้งนานแล้ว ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว



“ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่คิดมาก ตื่นเต้นจะแย่ อยากรอบรรยากาศดีๆ ลังเลว่าควรถามก่อนหรือหลังแสดง แต่ดันเซ่อซ่าทำเสียบรรยากาศ แต่เป็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากรีบถาม ไม่อยากรอแล้ว”



ไม่รอแม่งแล้วบรรยากาศ ดาวสวยๆ ดนตรีเพราะๆ



แค่โขดหินโง่ๆ หมีโง่ๆ กับคำถามที่อยากถามมานาน



“เจได...” ขอแค่มีตัวน่ารักตรงหน้าที่กำลังตั้งใจฟัง “จีบมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน”



“...”



แค่รอยยิ้มที่ค่อยๆ คลี่ทีละนิดจนกลายเป็นรอยยิ้มกว้างก็พอแล้ว

             

“ว่าไง”



“เอาตรงๆ นะ” เสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อผมแกล้งถามน้ำ มือคู่เล็กที่ยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าผม ลูบหนวดรกๆ แบบที่ชอบทำ



“ชอบเจดอ่ะ อยากได้” เจชอบบอกว่าเสียงผมเพราะ ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ



เจ้าตัวคงไม่เคยรู้ว่าเสียงตัวเองน่ารักมากแค่ไหน แค่ประโยคเดียว...แค่คำเดียว ไม่ว่าเจจะพูดอะไร ไม่มีครั้งไหนเลยที่ได้ยินแล้วจะไม่ยิ้มออกมา



ชอบ... ชอบมาก



มากจนอยากครอบครองไว้คนเดียว



“หึ มุกซ้ำ”



ทุกประโยค ทุกคำ... ทั้งริมฝีปากน่ารักที่ขยับเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา

               

“เจด...พักก่อน” ผมหัวเราะ แต่ไม่ยอมทำตามกดจูบย้ำๆ จนคนตัวเล็กทำท่าเหมือนหายใจไม่ทัน

               

ผมผละริมฝีปาก มองใบหน้าอีกคนที่ยิ่งแดงแจ๋ พยายามก้มหน้าหนีแต่หนีไปไหนไม่ได้เพราะอ้อมกอดที่กักไว้

               

“เจด... กอดแน่นไปแล้ว”

               

หึ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะกอดให้แน่นกว่านี้อีกครับ

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

                                 

               

แต่ถ้ากอดแน่นไปจะเป็นอะไรมั้ยนะ...

               

จะบุบสลาย จะหวาดกลัวจนกระโดดหนีไปหรือเปล่า

               

เขาว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่มักจะอดทนต่อความเจ็บปวดซะด้วยสิ...



ไม่ส่งเสียง... ไม่ร้องไห้

               

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะรู้ได้ยังไง

               

“อื้อ...” เสียงร้องอึดอัดดังขึ้นในลำคอทันทีที่ถูกจู่โจมใบหู คนตัวเล็กเม้มปากแน่นกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา

               

“เจ็บไหม” แม้แต่ตอนที่ถูกถามเจ้าตัวก็ยังกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนน่ากลัวว่ามันจะเป็นแผล

               

“เจ” ผมดุ หยุดนิ้วที่กำลังขยับ... ให้ค้างคาอยู่ในร่างกายจนคนตัวเล็กบิดเร่าทรมาน

               

“อึก... เจด...” ริมฝีปากแดงจัดเผยอออกจากกัน เปล่งเสียงเรียกปนครางฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตารื้นคลอดวงตาที่ปรือลงพร้อมกับหอบหนัก



“เจ็บไหม” ผมอมยิ้ม แกล้งกระซิบถามซ้ำคาดคั้นเอาคำตอบจนคนใต้ร่างยอมส่ายหน้าตอบพลันวัน



“อยากให้ขยับไหม” ผมแกล้งถามต่อ แต่คราวนี้เจไดเงียบ ทำท่าจะกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง



ผมห้ามด้วยการทาบริมฝีปากลงไป แทรกเรียวลิ้นไม่ให้ฟันกระต่ายกัดลงมา



“อือ...” เสียงร้องอึดอัดงึมงำอยู่ในลำคอ คำถามของผมได้รับคำตอบเป็นรสจูบหวานโต้ตอบ พร้อมกับสะโพกเล็กที่เป็นฝ่ายบดเข้าหาขยับรูดรั้งนิ้วของผมเสียเอง



ผมหัวเราะเบาๆ ขยับตอบสนองตาม เชื่องช้า ก่อนค่อยๆ เร็วขึ้น กลายเป็นฝ่ายนำความรู้สึกอีกครั้ง



“ไม่ไหว... เราไม่ไหว...” กระทั่งเสียงหวานสารภาพอย่างไม่อาจปกปิดความรู้สึกอีกต่อไป เสียงสะอื้นปนกระเส่า ส่ายหน้าพัลวันอย่างน่ารัก



เจไดยกมือสองข้างขึ้นมาโอบรอบคอผมแน่น ร่างกายบิดเกร็ง เนื้อนุ่มบีบรัดนิ้วทั้งสามของผมแน่น... ข้างในร้อนจัด



ผมถอนนิ้วมือออก ยังไม่ยอมให้ไปถึงปลายทาง



คนใต้ร่างจึงร้องผวา ดวงตาหวานฉ่ำมองคาดโทษพร้อมน้ำตาอาบแก้ม



“เจด... อย่าแกล้ง...” เสียงนั้นกระเง้ากระงอดปากบวมเจ่อเบะบึ้ง



เห็นแบบนั้นยิ่งทั้งเอ็นดูและอยากรังแกไปพร้อมกัน ผมหัวเราะเบาๆ จูบซับหางตา ไล่ไปทั่วใบหน้า ดึงฝ่ามือเล็กๆ มาสัมผัสความอึดอัดที่ยังซุกซ่อนอยู่ในกางเกงยีน



“ตรงนี้... ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”



คนน่ารักก้มมองความแข็งขึงที่ขยายดุนดันเนื้อผ้าออกมาก่อนสบตาผมอย่างเขินอาย กัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้งขณะที่ค่อยๆ ใช้มือข้างเดิมรูดซิปลงให้ ดึงรั้งขอบกางเกงเพื่อปลดปล่อยตัวตนอึดอัดเป็นอิสระ



ผมหัวเราะแล้วทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ปล่อยให้มือเล็กไล้ลูบกลางลำตัวของตัวเองอยู่อย่างนั้น คล้ายทำความคุ้นเคยกับมัน



“อืม...”



ทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความประหม่าไร้เดียงสา แต่ปลายนิ้วที่สัมผัสลงมากลับอุกอาจ ลากไล้ราวกับรู้ว่าทำยังไงผมถึงจะรู้สึกดีจนแทบคลั่ง



แต่ผมจำเป็นต้องรอให้เจพร้อม



เจตัวเล็กกว่าผมมาก... อะไรๆ ก็มีขนาดต่างกันเป็นธรรมดา ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น แต่ถ้าต้องสอดใส่... ผมไม่มั่นใจว่าร่างกายเจจะรับมันได้แค่ไหน



ไม่อยากให้บาดเจ็บ... แต่มาถึงตรงนี้คงถอนตัวไม่ได้



“เจ... พี่เจครับ...” ผมส่งเสียงเว้าวอน พลางกดจูบซอกคอ หัวไหล่ กัดไปทั่วร่างเล็กอย่างมันเขี้ยว



ผมพรมจูบซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่มืออีกข้างควานหาของสำคัญ



...ก่อนนึกได้ว่าผมพลาด



ลืมไปเสียสนิทว่าถุงยางอนามัยอยู่ในกระเป๋าสตางค์ที่ผมโยนให้ไอ้พิชญ์ไปตั้งแต่ต้นงาน เพราะพนันกับมันไว้ว่าถ้าลากไอ้เตมาได้ผมจะเลี้ยงเหล้า



ชิบหาย...



เจไดคงรู้เหมือนกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน มือที่กอบกุมตัวตนของผมอยู่หยุดชะงัก ดวงตาใสซื่อสบตาผม กะพริบปริบๆ พลางกัดริมฝีปาก



“ขอ...!!” แต่ก่อนจะได้เอ่ยขอโทษ ผมถูกผลักออก คิดว่าคงจบแล้วจนอีกคนตามมานั่งคร่อมตัก มือสองข้างเกาะไหล่ผม เม้มปากกระอักกระอ่วนอยู่สักพัก ก่อนเอ่ยคำที่ทำเอาผมแทบคลั่งยิ่งกว่าเก่า



“ข้างนอก... ได้ไหม...”



“...” เพราะผมมัวแต่อ้ำอึ้งชักช้า คนตัวเล็กเลยไม่รอคำตอบ เจไดยกสะโพกขึ้นพลางเอื้อมมือกอบกำตัวตนผมอีกครั้ง ก่อนค่อยๆ หย่อนตัวกดทับลงมา สัมผัสของเนื้อนุ่มกลืนกินความแข็งขึงอย่างเชื่องช้า



แต่ไม่ถึงครึ่งทางก็ชะงัก ใบหน้าเขินอายกลับกลายเป็นบิดเบี้ยว น้ำตาคลอหน่วย



“ไม่... ไม่ไหว...”



ผมหัวเราะเบาๆ ยกแขนขึ้นกอดเจไว้ ลูบหลังพลางจูบซับทั่วใบหน้าปลอบประโลม



“ใจร้อนจัง”



คนงอแงเบ้ปากอย่างน่าเอ็นดูก่อนเปลี่ยนเป็นเผยอปากรับจูบ ร่างกายอ่อนปวกเปียกตามสัมผัสเล้าโลมเพื่อให้ส่วนล่างผ่อนคลายพลางค่อยๆ ดันร่างกายเข้าไปขณะที่ริมฝีปากยังไม่ผละห่าง



"ลึก... ลึกจัง..." ความรู้สึกที่เอ่อล้นทำให้คนในอ้อมกอดกักเก็บเอาไม่ไหว ไม่รู้จะระบายยังไงจนต้องเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาอย่างลืมความอาย



"เจด... เจด..." แต่ยิ่งพร่ำพูดเท่าไหร่เสียงหวานก็ยิ่งคล้ายจะปลุกอารมณ์คลุ้มคลั่งในตัวผมเช่นกัน จากที่ตั้งใจจะอ่อนโยนกว่านี้ ผมจึงเผลอปล่อยใจกดแทรกตัวตนต้านทานแรงบีบรัดที่มากขึ้นในทุกขณะ



รุนแรงจนต้องขบกรามแน่นด้วยความอึดอัดไม่แพ้กัน



“อื้อ...!!” กระทั่งรับเข้าไปจนหมด เสียงหวานหลุดครางลั่น ร่างเล็กผวากอดผมแน่น กระตุกเกร็งพร้อมสัมผัสของของเหลวที่สาดกระเซ็นทั่วหน้าท้องผมอย่างไร้หนทางอดกลั้น



“ฮึก...เสร็จ... เสร็จแล้วครับ...” เจไดดูตกใจเหมือนกันที่เผลอหลั่งออกมาก่อน เจ้าตัวเบะปากหอบสะอื้นด้วยแรงอารมณ์ หน้าแดงจัด พลางพยายามใช้มือปาดคราบน้ำขาวข้นออกจากหน้าท้องให้ ผมมองการกระทำนั้นด้วยหัวใจเต็มตื้นไปด้วยความเอ็นดู อยากทะนุถนอม แต่ก็อยากขยี้ให้เต็มไปด้วยรอยมือ กอดรัดจนร่างแหลกหลอมเข้าด้วยกันซะให้รู้แล้วรู้รอด



“เสร็จแล้วเหรอครับ” แต่สุดท้ายทำเพียงโอบกอดไว้ ยิ้มพลางจูบเบาๆ อย่างรักใคร่



ผมสบตาดวงตากลมที่ยังฉายแววตระหนก ดึงฝ่ามือเปรอะเปื้อนขึ้นมาไล้เลียชิมรสรักจนไม่เหลือก่อนบรรจงจูบปลายนิ้วทีละนิ้วแผ่วเบา กอดกระชับร่างที่ยังสั่นน้อยๆ ไว้แน่น พรมจูบทั่วใบหน้าซ้ำไปซ้ำมา แช่ตัวตนค้างไว้เพื่อให้อีกคนปรับตัวแม้ว่าแรงบีบรัดที่ทิ้งไว้จะยิ่งสุมความต้องการให้ทวีขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว



“พี่เจครับ” ผมเรียก แตะริมฝีปากค้างไว้เพื่อสบตา



“ป๊า...ป๊า...” ดวงตาสับสนคล้ายไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ได้แต่เอ่ยเรียกผมอยู่แบบนั้น



“จะแข่งกันแก่เหรอ” ผมหัวเราะ แกล้งติดตลกพลางลูบหัวลูบหลังให้ผ่อนคลาย เจไดซบหน้าลงมากับคอผม กัดระบายซ้ำๆ



ผมกอดตอบพลางเลื่อนมือขึ้นมาลูบใบหน้า เกลี่ยเส้นผมชื้นเหงื่ออย่างทะนุถนอม มองดวงตาอาบรื้นด้วยน้ำตาแล้วกดจูบปลอบประโลมอีกครั้ง



“พี่เจ... อยากให้หยุดไหม...” เอ่ยถาม เพราะเห็นว่าเจไดไปถึงฝั่งฝันก่อนหน้า และกำลังเหนื่อยล้า อาจเกินกว่าจะรับความต้องการของผมไหว



ยังไงผมก็ไม่อยากให้เจเจ็บ ผมรอได้



“ไม่...ไม่เอา...” แต่กระต่ายดื้อกลับส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามขยับสะโพกทั้งที่ขายังสั่น แต่ไม่ทันไรก็อ่อนปวกเปียก ทิ้งกายยอมแพ้ในอ้อมกอดผมอีกครั้ง



“เจด... ขยับ...”



ผมยิ้มรับ ขยับร่างกายตามสั่ง



แต่คราวนี้... ต่อให้ขอร้องให้หยุดผมก็ไม่หยุดแล้วนะครับ



ผมดันร่างเจไดนอนราบอีกครั้ง เสียงหวานหลุดครางเมื่อแรงขยับส่งผลให้ร่างกายที่สอดประสานเสียดสี กดจูบพลางลูบไล้ทั่วร่างเล็กอย่างเอาแต่ใจ ใช้มือและริมฝีปากเล้าโลมจนความอ่อนนุ่มเริ่มผ่อนคลายจึงค่อยๆ ถอนสะโพกขยับตัวตนเข้าออกเชื่องช้า



ค่อยๆ สุมไฟปรารถนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้ง



เร่งจังหวะเมื่อร่างกายอีกคนกลับมาตอบสนอง ตัวตนที่เพิ่งปลดปล่อยกลับมาแข็งขึงอีกครั้ง จมดิ่งสู่สัมผัสที่ผมมอบให้ ขยับตามจังหวะรักที่กลับกลายรวดเร็วและดุดันตามไฟราคะที่ลุกโหมเกินต้านทาน ยอมให้ผมเอาแต่ใจ จับเปลี่ยนท่าทางราวกับร่างกายเป็นของเหลวปรับเปลี่ยนภาชนะได้



ในเต็นท์เล็กๆ อับสายตา มีเพียงเสียงร่างกายที่สอดประสานเฉอะแฉะปะปนกับเสียงหอบหายใจ



เสียงจูบกักเก็บเสียงครางที่เริ่มดังขึ้นตามแรงปรารถนา จนน่ากลัวว่าถ้ามีใครเดินผ่านมาคงได้ยินเสียงน่าอาย



แต่ต่อให้เงียบเชียบแค่ไหน หากมีใครผ่านมาจริงๆ ก็คงไม่อาจปกปิดการกระทำอุกอาจ  กลิ่นคาวราคะ เงาของสองร่างที่เกี่ยวกระหวัดกระทบฉากขยับประสานเป็นรูปร่างประหลาดเล่นล้อแสงไฟจากตะเกียงเล็กๆ



เสียงกระซิบพูดคุยสลับกับเสียงบรรเลงเพลงรักดังอื้ออึงแข่งกับเสียงจากเวทีที่อยู่ห่างออกไป



เพลงแล้วเพลงเล่า



...จนรุ่งสาง   



I wanna talk tonight



Until the mornin’ light



‘Bout how you saved my life



You and me see how we are…

 





☉ ---------------------------Side Story 14--------------------------------- ☉

 

               

เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่ามีบางอย่างสวมอยู่ที่นิ้วโป้งซ้าย

               

วงสีเงินขนาดใหญ่ขนาดที่สวมนิ้วโป้งแล้วก็ยังมีพื้นที่เหลือพอให้ปลายนิ้วก้อยอีกข้างสวมเข้าไปได้

               

กระต่ายตัวสุดท้ายกลายเป็นพวงกุญแจรวมกับหมีตัวโตสีน้ำตาล และมอเตอร์ไซค์เวสป้าสีขาว

               

เราหลุดยิ้มเปลี่ยนมากำมันไว้ในมือก่อนลุกขึ้นนั่ง

               

ร่างกายปวดร้าวจนหลุดร้องเบาๆ กะพริบตาปริบๆ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วแก้มก็ร้อนฉ่าขึ้นมา

               

แต่พอมองไปรอบๆ สภาพเต็นท์ดูเรียบร้อยราวกับว่ามันเป็นความฝัน เจดคงจัดการทุกอย่าง แม้กระทั่งเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา ร่างกายที่เคยเหนอะหนะหนักอึ้งถึงได้รู้สึกสะอาดผ่อนคลายกว่าเมื่อคืน

               

เราใช้เวลาพักใหญ่ทบทวนความทรงจำที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ทุกสัมผัส ทุกถ้อยคำย้อนกลับมาเป็นฉากๆ จนอย่างจะระเบิดตัวเองทิ้งด้วยความอาย

               

นึกสงสัยว่าคนอื่นๆ หายไปไหน ถึงได้ปล่อยให้พวกเราทำอะไรตามใจอยู่ได้ตลอดทั้งคืน...

               

แต่นึกอีกที ดีแล้วล่ะที่ไม่มีใครผ่านมา

               

ทำไมถึงกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้นะ... ถ้าเพื่อนรู้ โดนฆ่าแน่

               

เราตัดสินใจจะปัดเรื่องยั้วเยี้ยในหัวทิ้งไป สะกดความอายจนเหลือแต่ความหิวให้แบกหน้ามุดเต็นท์ออกไปเจอแสงสว่างเดินกระย่องกระแย่งออกจากเต็นท์จนถึงลานกิจกรรม มีคนจับกลุ่มออกกำลังกายตอนเช้า บางส่วนนั่งคุยกันรอบกองไฟส่วนรวมที่ใช้คลายความหนาว กินอาหารเช้ากัน มีตลาดเล็กๆ ตั้งอยู่รอบๆ บริเวณที่จัดงาน

               

เดินต่ออีกไม่กี่ก้าวเราก็เห็นแผ่นหลังคุ้นตา นั่งรวมกันคนอื่นๆ ที่ริมธารน้ำเล็กๆ ในมือถือแก้วกาแฟจากร้านชั่วคราวที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

               

น้องพิชญ์เป็นคนหันมาเห็นเราเป็นคนแรกยิ้มทักทาย ก่อนสะกิดให้เจดรู้ตัว

               

คนตัวโตหันมาสบตาพลางยิ้มให้ รอยยิ้มอบอุ่นที่ทำเราอดยิ้มตามไม่ได้

               

“เจหิวยัง” น้องพิชญ์ขยับให้เรานั่งที่ว่างข้างๆ เจดก่อนจะเอ่ยถาม เราพยักหน้า ไม่กล้าสบตาใครโดยเฉพาะคนข้างๆ

               

“งั้นเดี๋ยวพิชญ์ไปเอาข้าวต้มให้” ว่าจบน้องก็ดึงมือเตวิชญ์ลุกออกไป พอเห็นแบบนั้นเต๋อก็เผ่นตาม

               

ริมน้ำเหลือเรากับเจดตามลำพัง กับความเงียบชวนกระอึกกระอ่วน ความทรงจำน่าอายฉายวนกลับมาอีกครั้ง

               

ง่ะ... กลับเข้าเต็นท์ตอนนี้ทันไหม



"ลุกมาทำไม" เราแทบจะลุกขึ้นเพราะคิดว่าเจดไล่ จนได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงปนเขินอาย "ไม่เจ็บเหรอ"



กลายเป็นว่าเราเขินตามไปด้วยเพราะรู้ความหมาย



"เจ็บ..." แทบลุกไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่เราอยากเห็นหน้าเจด อยากยืนยันว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน



"ดื้อ" พอตอบแบบนั้น เจดก็เอื้อมมือมาดึงแก้มเราจนยืดแกล้งทำเสียงดุก่อนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "คราวหน้า... จะทำเบาๆ นะ"



 หมีทะลึ่ง... แล้วแบบนี้เราจะให้เราตอบว่าไง



"อือ"



"..."



เดดแอร์เลยอ่ะ เห็นไหม

               

“กระต่าย...” นานทีเดียวกว่าเจดจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง

               

“ครับ?” เผลอตอบรับ เพราะคิดว่าถูกเรียก แต่เจดกลับชะงัก ก่อนหัวเราะ



“หมายถึงพวงกุญแจ เห็นไหม”



อ่อ...



“ครับ” เราพยักหน้าตอบงึมงำพลางแบมือออกอวดสิ่งที่กำเอาไว้ตลอดทาง



ที่ออกจากเต็นท์มาเพราะตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเจดเหมือนกัน



“มีเจดกับมะลิด้วย” เรากัดปาก ซุกหน้าครึ่งหนึ่งลงกับเข่าเพื่อซ่อนใบหน้าที่กำลังส่งเสียงฉ่าๆ



“ชอบไหม” เจดถามยิ้มๆ เราพยักหน้า



ไม่รู้จะแสดงออกยังไงว่าเรากำลังดีใจมาก นอกจากหัวใจที่เต้นตึกตัก



“ถ้าเจไม่รู้จะเอาไปห้อยอะไร ฝากอันนี้ด้วยได้ไหม” ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก ก่อนเจดจะดึงมือที่มีพวงกุญแจไป แล้ววางอีกอย่างหนึ่งลงมาข้างๆ กัน



“กุญแจห้อง... แลกกัน” เจดเฉลย ทำให้เรานึกได้ว่าเจดอีกก็มีกุญแจห้องเราที่เพื่อนเคยให้ และยังไม่ได้คืนตั้งแต่วันนั้น



เราหัวเราะเบาๆ เจดหัวเราะตามคนตัวโตโน้มตัวซบหน้าลงกับเข่าตัวเองบ้าง แต่เอียงหน้ามามองเรา ดวงตาเป็นประกายล้อเลียนแถมยังเอื้อมมือมาลูบหัวเรา



“ครบแล้วนะ” เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง อวดลักยิ้มน่ารักๆ



“จีบติดแล้วเนอะ”



เราอมยิ้ม ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง



"อือ"



...จีบติดแล้วครับ

 

 





☉ ---------------------------end --------------------------------- ☉



#หมีแต่รัก เป็นเรื่องที่เขียนยากที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลยค่ะ

คนอ่านอาจจะรู้สึกว่าเรื่องไม่มีอะไร ไม่เห็นจะดูยากตรงไหน

แต่ความไม่มีอะไรนี่แหละยากที่สุดแล้วสำหรับเรา 55555

ด้วยสำนวนที่ต้องปรับใหม่ โทนเรื่อง เสียงในหัวที่ต้องเปลี่ยนให้เข้ากับคาแร็กเตอร์เจได ทำเอาเครียดพอสมควร

ท้อจนหยุดไปหลายครั้ง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าเขียนเรื่องนี้เพื่ออะไร มันให้อะไรกับคนอ่านไหม

เรามักได้คำตอบจากคอมเม้นต์ที่หลายๆ คนใจดีทิ้งไว้เสมอเลยค่ะ

มีกำลังใจขึ้นมาทุกครั้งที่ได้เห็นว่านิยายเรื่องนี้ช่วยเยียวยาความรู้สึกของคนอ่านได้ เป็นความสุขเล็กๆ ในชีวิตของหลายๆ คน

ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีทุกคนเราคงไม่สามารถเดินทางมาได้จนสุดทางแบบนี้

ขอบคุณที่เอ็นดูเจไดกับป๊ามากๆ ดีใจที่หลายๆ คนยังร่วมทางกันมาจนถึงตอนนี้

เรื่องราวจบแล้วแต่หวังว่าจะกลับมาเยี่ยมเยียนกัน

ในวันที่เหนื่อยล้ากับชีวิตข้างนอก อย่าลืมเดินเข้าป่ามาให้หมีกับกระต่ายช่วยเยียวยาเนอะ ^^



#หมีแต่รัก

-Martian-[/center]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 06:50:03 โดย makok_num »

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอบคุณค่ะ เป็นความเรียบง่ายที่อบอุ่นค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Namnamboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
  :-[ ขอบคุณค่ะ จริงๆแอบโมโหเจดไปหลายทีกับการเป็นหมีเดินช้าถ้าไม่ใช่เจใครจะรออยู่แบบนี้นึกอยากให้เป็นพยานกไปตลอด แต่ตอนนี้เจสมหวัง happyyyy

ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ละมุน :m1:
อยากอ่านแบบนี้อีกค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีต่อใจ ละมุนมากก เป็นพล็อตเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วไม่ธรรมดา คาเร็กเตอร์ตัวละครมันน่ารีกมากๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
จบแบบละมุนละม่อมมาก

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากเลยค่ะ น่ารักมากๆ ชอบตัวละครในเรื่องนี้กับความอบอุ่นในเรื่องมากๆเลย สนุกมากค่า คงคิดถึงเรื่องนี้มากๆ :hao5:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยยยย อ่านไปเขินไป
ฮือออออ น่ารักมากเลยพี่เจ รู้สึกถึงความเป็นก้อนๆ ทำไมน่ารักแบบนี้

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ lalun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งื้ออออ อ่านเรื่องนี้มีแต่คำว่าน่ารักๆๆๆๆๆเต็มหัวไปหมด
ขอบคุณนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ใสๆมาตลอดตอนท้ายนี่มัน กระต่ายแรดอ่ะ แต่เขิน :pighaun:

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
งื้อออองื้ออออออออออออ 5555555 ชั้นเขินนนนนนชั้นเชินนนนนนนชั้นนนนนรักกเจได้ น่ารักกกกกนางน่ารักกกกกกกกกก
นางเหมือนกาตุ้บยยยยยยยย งื้อออออออออ  น่ารักทั้งคู่เลยยยยยจุ้ปๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุนไรทมากกกค้าาาา เขียนดีจังงอบอุ่นน้าาา ชอบบบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด