ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]  (อ่าน 208154 ครั้ง)

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกทุกเรื่องเลยครับ

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 6# Plerng แลกเกียร์


เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส ไม่สิ ตอนนี้ 9 โมงกว่าแล้วต้องเรียกว่าสายมากกว่า อา...ร่างกายที่ได้ปลดปล่อยออกไปอย่างเต็มที่นี่มันช่างเบาสบาย กระชุ่มกระชวยแล้วก็มีชีวิตชีวาโคตรๆ


เมื่อคืนผมเสร็จไปกี่รอบกันนะ? ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 2 ล่ะมั้ง บวกกับตอนเช้ามืดที่จัดไปอีก 2 ก็รวมกันเป็น 4 ถือว่าทำรอบได้ดี คุ้มค่าที่เปิดห้อง Deluxe โดยเฉพาะรอบสุดท้ายที่จัดกันตรงกระจกพร้อมชมวิวตอนพระอาทิตย์ขึ้น


เนี่ย...น้ำสีขาวขุ่นยังเลอะตรงกระจกอยู่เลย หึหึ


ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินผิวปากลงจากเตียงไปอาบน้ำ ผมใช้เวลาไม่นานก็สวมชุดคลุมออกมา ก่อนจะพบว่าพายที่ก่อนหน้านี้กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายได้ตื่นขึ้นมาแล้ว


“พึ่ง 9 โมงกว่าเองนะ ไม่นอนต่ออีกหน่อยหรอ” ที่ผมถามแบบนี้เพราะพายมีเรียนแค่ช่วงบ่ายเหมือนกันกับผม เป็นวิชาเรียนรวมของสาขาผมกับพาย


“ไม่ล่ะ เราหิว ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยงเมื่อวาน”


“หา! งั้นมึงอยากกินอะไรเดี๋ยวกูโทรสั่งให้” ผมค่อนข้างตกใจเพราะนี่มันก็จะ 24 ชม. แล้ว ส่วนผมเมื่อวานตอนเย็นก่อนจะมาหาพายผมกินอะไรรองท้องมานิดหน่อย ตอนเที่ยงก็กินซะเต็มคราบ เพราะงั้นพลังงานเลยเหลือเฟือถึงได้กินพายแบบจุใจขนาดนี้


“เรากินอะไรก็ได้” แม่ง คำตอบแบบนี้นี่มันปัญหาโลกแตกชัดๆ ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกผิด (นิดนึง) ที่มัวแต่ทำจนไม่ได้ถามพายเรื่องกินข้าว ผมคงระเบิดลงไปแล้วว่าช่วยระบุให้มันชัดเจนหน่อย


“มึงมีอะไรที่แพ้หรือกินไม่ได้มั้ย” ที่ถามอย่างนี้ไม่ได้แปลว่าผมใส่ใจพายหรอกนะ แค่น้องชายคนสุดท้องที่บ้านของผมแพ้กุ้งอย่างรุนแรง เลยถามไว้ก่อนจะได้ป้องกันเอาไว้ เกิดได้หามส่งโรงพยาบาลก็ยุ่งยากบรรลัยพอดี


“ไม่มี เรากินได้ทุกอย่าง”


“โอเค งั้นระหว่างรอมึงไปอาบน้ำไป ว่าแต่เดินไหวมั้ยนั่น” ผมถามเพราะเห็นพายลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินอย่างทุลักทุเล แต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เป็นห่วง ก็แค่กลัวขาไม่มีแรงจนล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ ตายหรือพิการมาผมก็ซวยน่ะสิ


“ไหวอยู่ ขาเราสั่นนิดหน่อยเฉยๆ”

 
“อีกนิดจะเหมือนร่างทรงเจ้าเนี่ยนะที่ว่าไหว? ไม่ต้องพูดอะไรเลย อยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูพามึงเดินไปเอง” พูดจบผมก็เดินเข้าไปจะประคองตัวพายไปห้องน้ำ แต่แม่งถ้าทำอย่างนั้นคงช้าตายห่า ผมเลยตัดสินใจช้อนตัวพายขึ้นมาอุ้ม แล้วพาไปวางไว้ที่อ่างอาบน้ำซะเลย


“แช่ซะจะได้หายเมื่อย เดี๋ยวกูจะไปโทรสั่งข้าวให้ อ้อ...แต่กูไม่ปิดห้องน้ำนะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นกูจะได้ช่วยทัน”


“ช่วย?” พายทำหน้างง แต่ผมขี้เกียจอธิบายไปว่าเผื่อมึงวูบหลับจนจมน้ำ เลยทำหน้าเบื่อหน่ายผสมรำคาญแล้วเดินออกมา จากนั้นผมก็ยกหูโทรศัพท์ไปสั่งชุดอาหารเช้า มีกี่ชุดก็เอามาให้หมดเพราะผมเป็นคนกินล้างผลาญ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเอามาเผื่อให้พายเลือกกินอาหารที่ชอบ


ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงอาหารก็ขึ้นมาส่งพร้อมกับเสื้อผ้าเมื่อวานที่ผมส่งไปซักรีด ผมเลยเปลี่ยนชุดแล้วตามพายออกมากินข้าว ซึ่งตอนแรกพายก็ว่าจะเปลี่ยนเหมือนกัน แต่ผมกลัวว่าถ้าทำอย่างนั้นจะหิวตายไปซะก่อนเลยบังคับให้รีบเดินมา


“โห ทำไมถึงมีหลายอย่างขนาดนี้ล่ะเพลิง”


“อย่าเข้าใจผิดนะเว่ย กูสั่งมาเพราะกูจะกินไม่ได้สั่งมาให้มึงเลือกของที่ชอบ” ผมรีบแก้ตัว ส่วนพายก็ทำหน้างงๆ


“เราก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย”


“เออ ดีแล้วที่ไม่คิด ว่าแต่มึงอยากกินอะไรก็เลือกไปก่อนเลย เลือกไปเยอะๆ ด้วยนะเดี๋ยวจะไม่มีแรงเดิน กูว่าจะลงไปเอาของที่รถก่อน” ผมพูดจบก็เดินออกจากห้องมาเลย มันรู้สึกแปลกๆ กับสายตากลมโตที่มองมาทางนี้ยังไงไม่รู้


ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่าจะไปเอาของที่รถ ความจริงแล้วผมไม่มีอะไรจะต้องไปเอาหรอก แต่ผมกลัวว่าถ้าผมอยู่พายจะเกร็งจนไม่กล้าเลือกกินอาหารที่ชอบ เพราะงั้นไหนๆ ก็ได้โกหกไปแล้ว ผมเลยต้องลงไปที่รถเพื่อหยิบของอะไรสักชิ้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


พอเปิดประตูเข้าไป อย่างแรกที่ผมเห็นเลยก็คือเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ถูกแขวนอยู่ เลยว่าจะเอาขึ้นไปเปลี่ยนด้านบนเพราะวิชานี้จะใส่ช็อปหรือไม่ใส่ก็ได้ แต่คิดไปคิดมาผมก็เสียดายค่าซักรีดชุดนักศึกษา สายตาเลยมองหาไปรอบๆ ก่อนจะเจอของสิ่งหนึ่งเข้า ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะพบว่าตอนนี้พายกำลังนั่งกินข้าวอยู่


“ขอโทษนะที่ไม่ได้รอ” สีหน้าของพายดูรู้สึกผิดนิดหน่อย


“ไม่เป็นไร ถ้ามึงหิวก็กินไปเถอะ” ผมไม่ซีเรียสเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกอย่างพายก็ท่าทางจะหิวเอามากๆ ถ้าหากรอจนผมขึ้นมาผมจะด่าเข้าให้


หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเพราะพายก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียวไม่พูดไม่จา ผมที่ถึงอยากจะชวนคุยแต่ก็คิดเรื่องไม่ออกเลยได้แต่ตักข้าวเข้าปาก จนกระทั่งอิ่มพายก็ขอตัวลุกขึ้นไปแต่งตัว


ผมปิดหน้าปิดตา แว่นตาหนาเตอะ ส่วนเสื้อผ้าก็เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ให้ตายเถอะแม่งขัดหูขัดตาเป็นบ้า ผมจะไม่ยอมให้พายในสภาพเนิร์ดแตกเดินลงจากรถแล้วขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับผมแน่ เพราะงั้นแม่งต้องปฏิวัติ!


“อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะเพลิง” พายอุทานด้วยความตกใจ เมื่อผมเดินไปกระชากแว่นเชยๆ ออกแล้วโยนมันลงไปบนเตียง


“ตั้งแต่วันนี้ไปมึงห้ามใส่แว่นอีกเด็ดขาด”


“หา? แต่เราสายตาสั้นนะเพลิง”


“ก็ใส่คอนแทคเลนส์ไปสิเดี๋ยวกูพาแวะซื้อ ส่วนทรงผมก็เลิกเอามาปิดหน้าปิดตาด้วย หัดเซตให้ดูเป็นผู้เป็นคนซะบ้าง” ดีนะที่ผมหยิบสเปรย์แต่งผมติดมือมาด้วย เลยฉีดใส่ทรงผมเห่ยๆ แล้วจัดการกับทรงผมของพายให้ใหม่ โดยที่ผมปัดหน้าม้าไปข้างๆ แล้วเอาอีกด้านทัดหูเอาไว้


 ความจริงแล้วพายเป็นคนหน้าสวยสไตล์พี่ธาร เพราะงั้นผมเลยคิดว่าถ้าทำทรงคล้ายๆ กันก็น่าจะเหมาะ ซึ่งพอได้ลองทำมันก็ดูเหมาะกับพายจริงๆ ตอนนี้พายดูดีต่างจากเมื่อกี้ราวฟ้ากับเหว


อ้อ แต่ถ้าจะดีกว่านี้ก็ต้องจัดการกับเสื้อผ้าที่ถูกระเบียบเป๊ะๆ นั่นด้วย เพราะงั้นผมเลยจัดการดึงไทด์ที่พายใส่อยู่ให้ลงมานิดหน่อย ส่วนกระดุมเม็ดบนสุดก็ปลดออก เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ลบภาพเนิร์ดแตกเป็นสวยมีเสน่ห์อย่างสมบูรณ์


“ยังมีอะไรที่นายจะทำอีกมั้ย” สีหน้าของพายดูเรียบเฉย ติดจะเซ็งหน่อยๆ ด้วยซ้ำ ไม่ได้ยินดีมีความสุขที่ผมจับเปลี่ยนลุคให้เลยสักนิด


“ไม่มีอะไรจะทำ แต่มีอะไรจะให้” ตอนแรกพายก็ทำหน้างงเล็กน้อย แต่พอผมยื่นของที่อยู่ในมือให้เท่านั้นแหละก็ทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม


“เกียร์? ของนายหรอ?”


“เออ มึงเอาไปสิ แล้วก็ไม่ต้องขอบคุณกูหรอกนะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ โดยที่มั่นหน้าว่าพายต้องรีบรับไปด้วยความปลาบปลื้มอย่างแน่นอน


แต่...


“เอามาให้เราทำไม เราไม่เอาหรอก เกียร์ของเราก็มี” พายตอบแบบนี้ผมก็หน้าแหกไปเลยน่ะสิ!


“นี่มันเกียร์ของตัวท็อปอย่างกูเลยนะ! มึงไม่คิดอยากจะได้สักหน่อยเลยรึไง!” ให้ตายสิ! คนอยากได้เกียร์ของผมมีเป็นร้อยๆ ผมยื่นให้โดยไม่ต้องขอถือว่าโชคดีสุดๆ แล้ว!


“ทำไมเราต้องอยากได้ด้วยล่ะ”


“ก็เพราะ...” เพราะอะไรวะ? ปกติก็มีแต่คนอยากได้กัน แต่ผมก็ไม่เคยเห็นความสำคัญของมันอยู่แล้ว


“จะว่าไปนี่มันไม่ใช่ตรามหา’ลัยนี่นา ส่วนชื่อน่ะใช่ แต่รหัสนักศึกษาไม่น่าขึ้นต้นด้วยเลขนี้ นี่มันคือเกียร์ของนายแน่หรอ” พายขมวดคิ้วในขณะที่พลิกเกียร์ในมือไปมา


ที่พายพูดอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนั่นมันเกียร์เลียนแบบไม่ใช่ของแท้ ผมเคยโดนรบเร้าจากคู่ขาบ่อยๆ เลยสั่งร้านทำมาร่วมครึ่งร้อย นี่ก็แจกจ่ายไปเยอะจนเหลือแค่ 10 กว่าอันเองมั้ง แต่ละคนที่เคยได้เกียร์นี่ไปก็ปลาบปลื้มมากแถมยังเอาไปโม้อีก 3 วัน 8 วัน มีพายคนแรกนี่แหละที่ไม่เป็นอย่างนั้น นอกจากจะไม่อยากได้แล้วยังดูออกอีกต่างหากว่าเป็นของปลอม


“เอ...แล้วถ้าเราจำไม่ผิด เหมือนเคยได้ยินว่ามีนักศึกษาคณะอื่นทะเลาะกันเพราะเรื่องเกียร์ของนายด้วยนี่นา ต่างคนต่างบอกว่าเป็นของแท้ที่ได้มาจากนาย นี่นายคงจะมีหลายอันแล้วแจกจ่ายไปทั่วเลยล่ะสิ” โอ้โห วิเคราะห์ได้ถูกต้องและแม่นยำขนาดนี้สมแล้วที่เก่งจนเป็นนักเรียนทุน


เจอแบบนี้ก็จุกน่ะสิผม!


“เราไม่รู้นะว่าสำหรับนายเกียร์มีค่าแค่ไหน แต่สำหรับเราเกียร์มันมีค่ามาก กว่าจะได้มาต้องเข้าร่วมกิจกรรมโหดๆ ตั้งหลายอย่าง เพราะงั้นเกียร์เลยเป็นของสำคัญ จะเรียกว่าเป็นหัวใจของเราเลยก็ได้”


ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหลายๆ คนถึงอยากได้เกียร์ของผมกันนัก คือคิดว่าถ้าได้เกียร์ของผมไปก็เหมือนกับว่าได้หัวใจของผมว่างั้น? เฮอะ! โคตรน้ำเน่า ปัญญาอ่อน แล้วก็ไร้สาระสิ้นดี!


สำหรับผมเกียร์มันได้มาโคตรง่ายไม่มีค่าอะไรเลย ผมไม่ต้องถูกรับน้อง ไม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรม แล้วก็ไม่ต้องผ่านบททดสอบอะไรสักอย่าง เพราะคู่ขาของผมเป็นพี่ว้ากที่ตอนนี้จบไปแล้ว ที่พกติดตัวทุกวันนี้ก็เพราะมีชื่อ รหัสนักศึกษา แล้วก็ตราสถาบันเท่านั้นเอง


 “ถ้าเกียร์มันสำคัญกับมึงขนาดนั้น งั้นกูจะขอรับฝากเอาไว้ให้ก็แล้วกัน” พูดจบผมก็ถอดสร้อยเกียร์จากคอของพายออกมา ถึงจะถอดยากหน่อยเพราะพายขัดขืนไม่ยอมง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม


“เอาเกียร์ของเรามานะเพลิง!” นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่พายขึ้นเสียงใส่ผม คงจะนึกโมโหอยู่นั่นแหละ แต่ผมสนใจที่ไหน พายอยากมาหักหน้าผมก่อนเพราะงั้นผมก็ต้องเอาคืน!


“กูไม่ให้ ก็บอกแล้วนี่ว่าจะขอรับฝากเอาไว้”


“แต่เกียร์มันเหมือนเครื่องรางสำหรับเราเลยนะเพลิง” พายลดเสียงให้เบาลงแล้วช้อนตาขึ้นมามองอย่างเว้าวอน พอเห็นแบบนี้ผมก็ชักใจอ่อน แต่ผมจะไม่ยอมคืนเกียร์ให้พายแน่นอน


เพราะงั้น...


“มึงเอาเกียร์ของกูไปแทนแล้วกัน” คราวนี้ผมเอาเกียร์ของแท้ให้พายไป แถมไม่ได้ให้แบบธรรมดา ยังบริการ (บังคับ) สวมเข้าที่คอให้อีกด้วย


“มึงห้ามถอดออกเด็ดขาด ถ้าหากกูเห็นคอมึงโล่งหรือแอบเปลี่ยนอัน รูปกับคลิปของมึงได้หลุดว่อนเน็ตแน่”


“นายนี่มันชอบบังคับจริงๆ เลย” พายพูดอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเดียว ผิดกับผมที่กำลังอารมณ์ดีจนต้องอมยิ้มที่มุมปาก เพราะนอกจากจะได้เอาคืนพายที่ไม่อยากได้เกียร์ผมนักหนา ผมยังจะได้ประกาศให้แมลงน่ารำคาญอย่างไอ้กวีรู้ว่า พายมีความสัมพันธ์ยังไงกับผม!


“อ้อ แล้วอย่าคิดล่ะว่า การที่กูเอาเกียร์ของจริงให้จะหมายความว่ากูเอาหัวใจให้กับมึง” ผมพูดดักไว้ก่อน เกิดพายหลงคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมชอบก็แย่น่ะสิ


“เรื่องแบบนั้นเราไม่มีทางคิดอยู่แล้ว” รีบตอบจริงนะ ไม่มีแอบคิดสักนิดเลยรึไง


“เออ ไม่คิดก็ดีแล้ว จำเอาไว้แล้วกันว่ามึงไม่ใช่แฟนแต่เป็นเซ็กส์เฟรนด์ของกู”


“อืม”


“ห้ามหึง ห้ามหวง ห้ามทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเด็ดขาด”


“อืม”


“ห้ามโทรจิก ห้ามส่งไลน์หา ต่างคนต่างมีอิสระ อยากไปไหนทำอะไรกับใครก็ได้”


“อืม”


“มึงช่วยพูดอะไรสักอย่างนอกจากคำว่า ‘อืม’ ได้มั้ย!” แม่งหงุดหงิดฉิบหาย ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองหงุดหงิดอะไรก็เถอะ


“งั้นโอเคก็ได้” แต่คำตอบที่เปลี่ยนใหม่ของพายก็ไม่ได้ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเลยสักนิด นี่ถ้าไม่ติดว่าพายหน้าซื่อตาใสดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจกวนตีนจริงๆ ผมคงจะเกรี้ยวกราดอาละวาดให้ห้องพังไปแล้ว!


แม่ง! ทำไมผมมึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้กันวะ! หงุดหงิดจริงโว้ยยยยยยยยยยยย!



Pie



ผมอยากเพิ่มฉายาให้เพลิงใหม่เป็น ‘อัณฑะพาลจอมเผด็จการ’ ชะมัด!
   

คนอะไรไม่รู้ทั้งชอบบังคับ เอาแต่ใจ แล้วก็ไม่เคยฟังที่คนอื่นพูดเลย ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้ที่กำลังนั่งรถไปเรียน ไม่มีเรื่องไหนที่ผมทำตามใจตัวเองได้เลยสักอย่าง มิหนำซ้ำเพลิงยังถือวิสาสะบังคับแลกเกียร์ของเราสองคนอีกด้วย พูดเลยนะว่าผมโมโหจนไม่รู้จะโมโหยังไงแล้ว!
   

แต่ก็นะ...โมโหแล้วยังไง เพลิงสนใจที่ไหนกันล่ะ เพราะงั้นผมที่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ปลงแล้วพยายามทำใจให้ชินซะ คนเกรี้ยวกราดแถมยังเอาแต่ใจขนาดนั้นคงจะยอมอ่อนข้อลงให้ผมหรอก ยิ่งแรงไปก็ยิ่งจะแรงกลับเป็น 2 เท่ามากกว่า
   

“ลงรถไปแล้วก็เดินห่างๆ อย่ามาใกล้กูนักล่ะ” เพลิงพูดขึ้นเมื่อเลี้ยวรถเข้าไปในมหา’ลัย คงจะไม่อยากให้เด็กเนิร์ดแบบผมเดินใกล้ๆ ล่ะมั้ง เพราะปกติจะมีแต่คนเด่นคนดังเดินอยู่ข้างๆ มากกว่า
   

“โอเค” ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดีซะอีกที่ไม่ต้องเดินกับเพลิงจะได้ไม่เป็นที่สนใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าคำตอบของผมจะทำให้เพลิงไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ อะไรของเพลิงก็ไม่รู้
   

“งั้นเราไปแล้วนะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่เพลิงจอดรถตรงที่จอดของคณะ เพลิงคงจะไม่พอใจอะไรผมสักอย่าง เพราะงั้นผมเลยคิดว่าถ้ารีบออกห่างไปให้ไกลก็น่าจะดี


แต่น่าแปลก ตลอดระยะทางที่ผมเดินไปยังตึกคณะ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมองมา ผมรู้สึกกังวลและประหม่าเป็นอย่างมาก เพราะปกติผมจะจืดจางจนแทบไม่มีใครมองเห็น แล้วทำไมวันนี้ถึงเป็นที่สนใจไปได้?


จริงสิ จะว่าไปวันนี้เพลิงเปลี่ยนลุคให้ผมนี่นา ตอนแรกผมก็คิดอยู่หรอกว่ามันออกมาดูดีมาก แต่ความจริงแล้วคงจะประหลาดสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกคนหลายสิบคนมองมาถึงขนาดนี้


“จะรีบเดินไปไหนทำไมถึงไม่ยอมรอกู!” เสียงของเพลิงตะโกนขึ้นอยู่ทางด้านหลัง คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แต่ที่งงมากกว่าก็คือการที่เพลิงรีบก้าวยาวๆ มาเดินข้างๆ ผม แถมยังใช้มือข้างหนึ่งโอบเข้าที่ไหล่ของผมเอาไว้อีกต่างหาก


“ก็ไหนนายบอกว่าให้เราเดินห่างๆ อย่าเข้าใกล้ไง” พอได้ยินแบบนี้เพลิงก็ชะงักไปนิดหนึ่ง


“ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว ต่อไปมึงห้ามอยู่ไกลกูเกินระยะ 1 เมตร”


“หา?” อะไรของเพลิงกันเนี่ย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนผมงงไปหมดแล้วนะ


“มึงไม่ต้องมาหา แล้วก็ไม่ต้องมองหน้าใครด้วย ถ้าวันนี้ใครยิ้มให้หรือเข้ามาทักก็ไม่ต้องสนใจเข้าใจมั้ย” บ้าไปกันใหญ่แล้ว นี่เพลิงผีเข้ารึไง ไปอารมณ์เสียอะไรถึงได้เอามาพาลใส่ผมแบบนี้ก็ไม่รู้


“ว่ายังไง ได้ยินที่กูสั่งมั้ย” เพลิงหันมาทางนี้เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมตอบ หน้านี่จะบูดไปไหน ถึงจะไม่อยากทำตามแต่ให้ทำไงได้ล่ะ ผมเป็นคนไม่สู้คนแถมยังรักสงบจึงไม่อยากมีปากเสียง


“ได้ยิน”


 “เออ แล้วก็อย่าลืมทำตามด้วย” พอเห็นผมพยักหน้าเพลิงค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็กระชับโอบไหล่ของผมให้แน่นขึ้นแล้วเดินไปบนตึกพร้อมกัน ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าเพลิงดูยืดอกหน่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้


“ถึงห้องเรียนแล้ว แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน” ผมพูดจบก็พยายามจะเบี่ยงตัวออกมาจากการเกาะกุมของเพลิง แต่เพลิงก็ไม่ยอมแถมยังเปิดประตูเข้าไปในห้องทั้งๆ ที่กำลังโอบผมอยู่อีกต่างหาก


ทันทีที่เพลิงเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละทุกสายตาต่างก็จ้องมองมา ตามด้วยเสียงซุบซิบประมาณว่าผมเป็นใคร แทบทุกคนดูสนใจกันมากว่าใครคือคู่ขาคนใหม่ของเพลิง ก็ไม่รู้จะดีใจดีมั้ยที่ไม่มีใครจำผมได้เลย


“อ๊ะ! นั่นพายนี่นา!” แต่ผมก็ลืมคิดไปว่ายังมีใครคนหนึ่งที่จำผมลุคนี้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อินน์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมนั่นเอง


“หวัดดีอินน์” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วยกมือโบกทักทายเล็กน้อย หลังจากนี้ผมคิดว่าตัวเองต้องถูกซักไซ้จนหมดเปลือกแน่ๆ แต่ก่อนอื่นผมต้องรับมือกับสายตาหลายคู่ และเสียงฮือฮาที่ทวีคูณมากขึ้นหลังจากที่เพื่อนในห้องรู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นใคร


“ล้อเล่นปะ? นี่มันใช่ไอ้แว่นคนนั้นแน่หรอวะ!”


“บ้าไปแล้ว! ไอ้เนิร์ดไร้ตัวตนจะเป็นคนสวยแบบนี้ได้ยังไง!”


“ฉิบหาย! แว่นแม่งสวยกว่ากูอีกอะมึง!”


แล้วก็อีกสารพัดคำพูดอีกมากมายที่ผมจับใจความไม่ได้ แต่พูดจากใจเลยนะ ผมไม่ได้ดีใจที่ถูกชมแบบนี้เลยสักนิด ถ้าเลือกได้ผมอยากเป็นคนจืดจางแบบเดิมมากกว่า ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจหรือเป็นหัวข้อหลักของการสนทนา ผมอยากได้ชีวิตแบบสงบสุขและไม่วุ่นวายของผมคืน


“ปล่อยเราได้แล้ว” ผมพยายามแกะมือของเพลิงออก แต่ก็เหมือนเดิม เพลิงยังคงโอบไหล่ผมอยู่แบบนั้น ทั้งยังพาผมเดินไปหาอินน์ที่จองที่ด้านหน้าสุดมุมขวาไว้เหมือนเดิม


“วะ...หวัดดี” อินน์ยิ้มให้แล้วกล่าวทักทายเพลิงอย่างเกร็งๆ นิดหน่อย แต่เพลิงก็แค่ตอบสั้นๆ ว่า ‘อือ’ แล้วปรายตาไปมองเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้ากลับมามองที่ผม


“ปกติมึงนั่งตรงนี้สินะ”


“อืม” ผมตอบโดยที่ก้มหน้าลง เพราะไม่กล้าสู้สายตาของเพื่อนในห้องที่กำลังมองมาทางนี้อย่างสนอกสนใจ


“โอเค งั้นวันนี้เดี๋ยวกูนั่งตรงนี้ด้วย”


“หา!” ปกติเพลิงจะนั่งที่มุมซ้ายด้านหลังสุดของห้องนี่นา แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะนั่งตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย!


“มัวยืนทำอะไร นั่งลงสิหรือว่าอยากยืนเรียนทั้งคาบ” ท่าทางเพลิงจะเอาจริงเพราะได้นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนผมแล้ว ส่วนอินน์ที่อยู่อีกข้างก็นั่งลงด้วยเช่นกัน เพราะงั้นผมเลยต้องยอมนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้


ยังดีที่หลังจากนั้นเพลิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมเห็นแว้บๆ ว่ากำลังคุยไลน์กับเพื่อนในกลุ่มที่นั่งด้านหลัง คงจะตอบคำถามเรื่องผมล่ะมั้ง แต่ผมก็ไม่มีเวลาสนใจตรงนั้น เพราะผมก็คงต้องตอบคำถามของอินน์ที่เอามือสะกิดผมเช่นกัน


“เล่ามาเลย เรื่องของพายกับเพลิงนี่มันยังไง ไปรู้จักกันตอนไหน แล้วตอนนี้กำลังคบกันอยู่หรอ” อินน์กระซิบถาม


“คือ...เรื่องมันยาวน่ะอินน์ เดี๋ยวเอาไว้เลิกเรียนเราจะเล่าให้ฟังนะ”


“โหย อีกตั้งนาน เราใจจะขาดเรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี” อินน์ทำท่าดิ้นเร่าๆ ราวกับจะขาดใจ ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยหลุดขำออกมานิดหน่อย


“อะไรกันเล่า นี่เราอยากรู้จริงๆ นะ”


“เอาเป็นว่าเรากับเพลิงไม่ได้คบกัน แค่มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเฉยๆ” ถ้าจะให้พูดว่าเซ็กส์เฟรนด์ท่ามกลางคนร่วมร้อยมันก็ยังไงๆ อยู่ ถึงคนที่ได้ยินจะมีแค่อินน์คนเดียวก็เถอะ แต่ก็ไม่แน่ว่าคนอื่นที่กำลังเงี่ยหูฟังอาจจะได้ยินด้วยก็ได้


“ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน? ยิ่งคิดเรายิ่งงงนะเนี่ยพาย” ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มแห้งๆ โชคดีที่อาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดีอินน์ถึงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ ทุกสายตาที่กำลังจับจ้องมองผมก็เปลี่ยนไปที่อาจารย์ ผมเลยสามารถหายใจหายคอได้อย่างทั่วท้องสักที


ถึงแม้ตลอดคาบเรียนเพลิงจะนั่งอยู่ข้างๆ แต่ว่าผมก็สามารถเรียนได้อย่างสบายใจ เพราะเพลิงไม่ได้ก่อกวนหรือทำผมเสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย
ถามว่าเพลิงตั้งใจเรียน?


เปล่าหรอก มัวแต่เล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเดียวเท่านั้น ที่น่าแปลกคือถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่พออาจารย์ถามเพลิงกลับตอบได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่ยังตีป้อมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเลยสักนิดเดียว


“คุณเพลิงกัลป์ ในมาตรฐาน IEEE 802.11g มีอัตราการส่งข้อมูลมากที่สุดเท่าไหร่ และใช้งานที่ความถี่เท่าไหร่ไหนลองบอกหน่อยซิ”


“54 Mbps และความถี่ 2.4 GHz”


“อืม ถูกต้อง แล้วในระบบ IEEE 802.3 ใช้การตรวจสอบความผิดพลาดแบบไหน”


“อ่า... CRC 32” เห็นตอบอย่างสะดุดๆ นี่ไม่ใช่เพราะอะไร ดูเหมือนว่าตัวละครกำลังถูกรุมอยู่เลยกำลังเคร่งเครียดมากกว่า


“แล้ว IEEE 802.5 มีชื่อเรียกว่า?”


“Token Ring ส่วนถ้าอาจารย์จะถามถึงมาตรฐาน IEEE 802.15 น่ะมีชื่อเรียกว่า Bluetooth” เพลิงตอบคำถามถูกอย่างเดียวไม่พอ ยังเล่นตอบล่วงหน้าทั้งที่อาจารย์ยังไม่ได้ถามอีกต่างหาก ทำเอาอาจารย์ถึงกับยอมยกธงขาว แล้วปล่อยให้เพลิงเล่นเกมต่อตามสบาย


สารภาพความจริงจากใจ ผมเคยคิดนะว่าเพลิงได้ใช้เงินซื้อเกรด โกงข้อสอบ หรือว่านอนกับอาจารย์เพื่อแลกเกรดรึเปล่า แต่วันนี้พิสูจน์ชัดเจนแล้วล่ะว่าเพลิงไม่ได้ทำ เกรดที่ได้มาเป็นเพราะความสามารถทั้งนั้น นี่ถ้าขยันกว่านี้อีกนิดคงได้เกรด 4.00 ทุกวิชาไปแล้ว


“งานที่สั่งไปต้องส่งที่โต๊ะก่อนเริ่มเรียนอาทิตย์หน้านะนักศึกษา” อาจารย์ย้ำเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากห้องไป เท่านั้นแหละเพลิงถึงได้เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสักที


“ไปเดินเล่นที่ห้างฯ กันมั้ย” เพลิงหันหน้ามาชวนผม แต่ถึงจะบอกว่าชวนอันที่จริงต้องเรียกว่าบังคับมากกว่า เพราะเพลิงได้ลุกยืนแล้วดึงแขนของผมให้ลุกตามด้วย


“เอ่อ...โทษทีนะเราคงไปด้วยไม่ได้ วันนี้เรามีนัดทำวิจัยกับอินน์” พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของเพลิงก็บูดบึ้งลงทันที


“กูกับวิจัยอะไรสำคัญกว่ากัน” แน่นอนว่าคำตอบนั้นผมตอบได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิด


“วิจัย”


“หนอยไอ้...” เพลิงไม่สบอารมณ์จนอยากจะว่าอะไรผมสักอย่าง แต่ผมก็ไม่สนใจแล้วก้มหน้าเก็บของ ก่อนที่จะหันไปหาอินน์


“ไปห้องสมุดกันเถอะ”


“ตะ...แต่...” อินน์หันไปมองเพลิงอย่างหวาดๆ ผมจึงได้หันไปมองเพลิงบ้าง เลยเห็นว่าตอนนี้กำลังจ้องมองอินน์อย่างอาฆาตราวกับเป็นมารหัวขนจนอยากเผาให้วอด


“เราจะไปทำงานนะเพลิง”


“รู้แล้ว กูก็ไม่ได้ห้ามอะไรนี่” ไม่ได้ห้าม แต่จ้องหน้าอินน์ราวกับจะเผาไม่ให้เหลือซากถ้าไปกับผมเนี่ยนะ?


“ถ้างั้นเราไปแล้วนะ”


“เดี๋ยว” เพลิงคว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินไปกับอินน์


“มีอะไรอีก” น้ำเสียงของผมติดจะเบื่อหน่าย เวลาที่เสียไปผมคงหาหนังสือมาเป็นข้อมูลได้หลายเล่มแล้วเนี่ย


“ห้ามปิดมือถือ กูโทรไปต้องรับ ส่งไลน์หาก็ต้องตอบทันทีนี่คือคำสั่ง”


“เอ่อ...” เดี๋ยวนะ ไหนก่อนหน้านี้เพลิงเคยบอกข้อตกลงของการเป็นเซ็กส์เฟรนด์ว่า ห้ามโทรจิก ห้ามส่งไลน์หา ต่างคนต่างมีอิสระ อยากไปไหนทำอะไรกับใครก็ได้ไง แล้วไหงเพลิงถึงได้ทำตรงข้ามกับข้อตกลงที่เคยบอกผมทุกอย่างเลยล่ะ?


“เอ้าว่ายังไง ถ้าไม่ตอบไม่ยอมรับปากกูก็ไม่ให้มึงไป” จะเผด็จการไปไหน คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด


“โอเค เรารับปากก็ได้” ผมยอมตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก หวังว่าเพลิงคงจะไม่โทรหรือไลน์มาทุก 5 นาทีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเป็นไงเป็นกัน ต่อให้ต้องมีเรื่องกับ ‘อัณฑะพาลจอมเผด็จการ’ แบบนั้น ผมก็จะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว!


2BC


 o15 สวัสดีค่า จบไปอีกตอนสำหรับ Rabid หัวใจคลั่งรัก ซึ่ง...อีตาพระเอกก็ยังรักษามาตฐานได้เหมือนเดิม พูดถึงความดี? เปล่าเลยค่ะ ความน่าหมั่นของมันต่างหาก! แถมช่วงหลังๆยังเพิ่มความซึนมาด้วย ปวดหัวกับมันมั้ยคะทุกคน  :z10:
ส่วนตอนหน้า มาลุ้นกันว่าอีตาเพลิงมันจะรู้ตัวว่าชอบพายรึยัง แล้วพายมีท่าทีจะชอบมันขึ้นมาบ้างมั้ย แต่เอาจริงๆ เพลิงนี่มีข้อดีอะไรให้ชอบ ลองคิดอยู่หลายตลบแล้วทำไมเค้านึกไม่ออก หรือว่ามันไม่มีจริงๆ  :laugh:
แล้วเจอกันในอีก 3 วันนะคะทุกคน ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้า (ด่าอีตาเพลิงนี่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจนะคะ เพราะบันเทิงมาก อิอิ) รักทุกคนเลยน้าาาาา  :กอด1: :L1:
(31 พ.ค. 61)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2018 21:12:12 โดย Sameejaejung »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทำไมมันสั้นจัง ฟินยังไม่สุดเลย :hao4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิดว่าที่นังเพลิงมันพูดออกมาทุกอย่างที่ห้ามนะ ตัวมันเองล่ะที่ทำทุกอย่างในภายภาคหน้า  :hao3:

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราว่าตาเพลิงมันซึนอ่ะ 55555555555555555555555 พายไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เพลิงแกแม่งพูดดักทางหมด คิดเองเออเองอีกตังหาก แบบนี้แถวบ้านเรียกซึน 555555555555555555555

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หงุดหงิดอะไรของมัน

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ที่ห้ามพายน่ะ ตกลงเพลิงจะเป็นเองทำเองหมดทุกอย่างที่ว่ามาเลยใช่ป่ะ ก๊ากกกๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เขาไม่ได้ อือ ออ ด้วย

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คร่ะ ไม่ได้เป็นห่วง ไม่ได้ส่ใจเขาเล้ยยย จะรอดูคร่ะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ไอ้ที่พ่นๆมาเนี่ย ท่าจะเป็นเองนะเพลิง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
ข้อห้ามทุกอย่างคิดว่าเพลิงแหกหมด :jul3:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 :laugh: :laugh: :laugh: อยากจะหัวเราะให้ดังไปถึงดาวอังคาร  สมน้ำหน้าอิเพลิงพายไม่สนใจถึงขนาดต้องบังคับให้เกียร์ เพลิงต้องเจอแบบพายมั่นหน้ามั่นโหนกนัก :laugh:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ฮาความมั่นหน้าของเพลิงมาก

ทุกคนต้องชอบชั้น

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กลืนน้ำลายตัวเองหลายทีแล้วนะ

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :angry2: ถ้าแกจะบ้าขนาดนี้นะ ก็ยอมรับมาซ้าาาา....ว่ารักพายแล้วอ่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เพลิงท่าจะเพี้ยน ตั้งกฎกี่ข้อ ก็แหกมันเองทุกข้อ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สองมาตรฐาน ชัดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ถ้าจะขนาดนี้ขอเขาเป็นเมียเถอะ

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ซึนมหาซึน ซึนแตกมากมาย 5555555555 หวงเมียก็บอกมาจ้าาาาาา ระวังนะพายสวยแล้ว ระวังมีคนแย่งเมีย 5555555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อะไรที่ห้ามพายทำ แต่เพลิงทำหมด อะไรของมันฟ่ะ  :3125:

ออฟไลน์ Blackbone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เพลิงแกเป็นไรมากป่ะเนี่ยย มีความวุ่นวายนะคะคุณ นี่ถ้าเราเป็นพายนะจะด่าให้ พายโคตรมีความอดทนอ่ะทำได้ไง

ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
อิ่ม น้ำลาย ตัวเอง แล้วมั้ง ...

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
อยากให้พายหือกับเพลิงอ่ะ คงจะช็อคหนัก แค่คิดก็ตลกแระ555555555555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตั้งกฏมาเพื่อออออ  :hao3: เปิดตัวสุดๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หมั่นไส้เพลิง

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 7# Pie มารหัวขน


โชคดีที่ตลอด 2 เกือบ 3 ชั่วโมงเพลิงไม่ได้โทรหาผม เพียงแค่ไลน์มาถามประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นว่าทำวิจัยไปถึงไหนแล้ว ถ้าผมรีบตอบทันทีเพลิงก็จะไม่ถามย้ำแล้วครึ่งชั่วโมงถัดไปค่อยทักมาถามใหม่ แต่ถ้าผมตอบช้าล่ะก็เพลิงจะส่งสติ๊กเกอร์มารัวๆ จนโต๊ะสะเทือนเพราะโทรศัพท์สั่นเลยล่ะ


“นี่พายไม่ได้คบกับเพลิงจริงๆ น่ะหรอ ไลน์หาทุกครึ่งชั่วโมงขนาดนี้มันไม่น่าใช่แค่เซ็กส์เฟรนด์เลยนะ” อินน์ถามขึ้นหลังจากที่ผมตอบไลน์เพลิงไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ ส่วนทำไมอินน์ถึงถามแบบนี้ก็เพราะผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่มาถึงห้องสมุดแล้ว


“เพลิงคงจะกวนประสาทเราเพื่อเอาคืนนั่นแหละ”


ถึงผมจะบอกไปแล้วก็เถอะว่าเงินพันห้าเป็นค่าโรงแรมกับค่าเครื่องดื่มไม่ใช่ค่าตัวของเพลิง แต่ในมุมมองของเพลิงคงจะเชื่อยากล่ะมั้ง เพราะงั้นผมเลยอยู่นิ่งๆ ไม่คิดมีปากเสียงเวลาเพลิงทำอะไร เดี๋ยวอีกไม่นานพอเบื่อเพลิงก็คงจะเลิกยุ่งกับผมไปเอง


“มันจะใช่แค่นั้นจริงๆ น่ะหรอ” อินน์พูดพึมพำเบาๆ คือผมก็ได้ยินแหละแต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไรก็เลยปล่อยผ่าน


“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีมั้ยอินน์ เราชักเริ่มหิวข้าวแล้วล่ะ” ถึงแม้จะต้องเสียเวลาที่มีคนกวนอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่างานเดินไปได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ อีกอย่างตอนนี้มันก็จะ 1 ทุ่มแล้วด้วย ท้องมันก็เลยเริ่มร้อง


“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยววันไหนว่างๆ ค่อยมาทำต่อก็ได้ ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า” อินน์ยิ้มกว้างแล้วพับโน้ตบุ๊คลง ส่วนผมก็รวบรวมหนังสือทั้งหมดไปเก็บที่ชั้น จากนั้นเราสองคนก็ลงลิฟต์มายังด้างล่าง


“กินข้าวที่โรงอาหารกันมั้ยอินน์ ตอนนี้น่าจะมีบางร้านขายอยู่”


“ก็ดี ช่วงนี้เราแกลบมาก” ผมหัวเราะเบาๆ กับคำพูดนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของผมก็สั่นขึ้นมาซะก่อน


“เพลิงล่ะสิ” อินน์เดาได้อย่างไม่ยาก


“อืม แต่คราวนี้โทรมา เรารับสายก่อนนะ” พอกดรับแล้วผมก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฮัลโหล”


“มึงกำลังจะไปไหน” อะไรกันเนี่ย ผมพึ่งออกจากห้องสมุดได้ไม่ถึงนาทีเลยนะ ทำไมเพลิงถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ


“นายอยู่แถวนี้งั้นหรอ”


“เออ แต่ไม่ใช่เพราะกูอยู่รอเฝ้ามึงหรอกนะ”


“เราก็ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย” อะไรของเพลิงก็ไม่รู้ พูดอย่างกับร้อนตัวที่ถูกจับได้ยังไงยังงั้น


“แล้วสรุปมึงกำลังจะไปไหน”


“ไปกินข้าวกับอินน์ จะไปกินที่โรงอาหาร นายจะไปด้วยมั้ยล่ะ” ผมก็ถามไปตามมารยาทเท่านั้น ก็ไม่คิดหรอกว่าคนอย่างเพลิงจะตอบตกลงไปกินด้วย


แต่...


“ไป! เอ่อ...ก็ถ้ามึงรบเร้าขนาดนั้นกูจะไปด้วยก็ได้” ผมว่าเพลิงต้องสับสนอะไรแน่ๆ ผมเนี่ยนะรบเร้า? จำไม่เห็นได้เลยว่าผมพูดแบบนั้นตอนไหน


“ถ้าจะไปกินด้วยจริงๆ ก็เจอกันที่โรงอาหารแล้วกัน” พูดจบผมก็กดวางสาย ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้อินน์ “โทษทีนะ เราชวนไปงั้นๆ แต่ไม่คิดว่าเพลิงจะมาด้วย”


“ไม่เป็นไร เราโอเค” อินน์ยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม เป็นคนสดใสและมองโลกในแง่บวกจริงๆ เพราะถ้าผมเป็นอินน์คงจะเกร็งจนอยากปลีกตัวกลับบ้านไปแล้ว


หลังจากนั้นเพลิงก็มาสมทบกับพวกผมที่ถึงโรงอาหารก่อน พอมาถึงกับข้าวที่สั่งเอาไว้ก็เสร็จพอดีเพลิงเลยควักตังจ่ายให้ทั้งหมด ตอนแรกผมก็รู้สึกเกรงใจ เพราะนอกจากของผมเพลิงยังจ่ายในส่วนของอินน์ให้ด้วย ถึงแม้จะเป็นเงินไม่ถึง 200 มันก็เป็นเงินอยู่ดี


แต่ทันทีที่ได้ยินเพลิงกระซิบที่ข้างหูเท่านั้นแหละ ความคิดที่ว่าเกรงใจก็เปลี่ยนเป็นอยากจะสั่งให้หมดทั้งร้าน!


“ไม่ต้องกลัวไปว่ามึงจะไม่ได้ใช้คืน เพราะคืนนี้กูจะจัดหลายๆ ดอกทบต้นทบดอกแน่นอน” ลองถ้าเพลิงได้พูดแบบนี้ คนที่ขาดทุนย่อยยับก็ต้องเป็นผมน่ะสิ!


“เอ้า ยืนเอ๋ออยู่ได้ ข้าวน่ะจะไม่กินรึไง” เพลิงที่เดินไปตรงโต๊ะที่อินน์นั่งอยู่เรียบร้อยแล้วเรียกผม ผมเลยตั้งสติแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เพลิงอย่างช่วยไม่ได้


เฮ้อออออ เมื่อไหร่เพลิงจะเบื่อผมกันนะ ผมคิดว่าตัวเองก็ทำเรื่องน่าเบื่อทุกอย่างไปแล้ว แต่ทำไมดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลยก็ไม่รู้


 หลังที่เราสามคนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วอินน์ก็ขอตัวแยกกลับบ้านไป ส่วนผมถึงแม้จะภาวนาให้เพลิงแยกกลับบ้านไปอีกคน แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ ของผมก็หมดลงเมื่อเพลิงโอบเข้าที่ไหล่แล้วพาผมเดินตรงไปที่รถ


“ต่อไปมึงห้ามใส่คอนแทคเลนส์ ห้ามเปลี่ยนทรงผม ต้องใส่แว่นแล้วก็เอาผมมาปิดหน้าปิดตาเหมือนเดิมเข้าใจมั้ย” เพลิงหันมาสั่งทันทีที่เราสองคนเข้ามานั่งข้างใน


“เข้าใจแล้ว” ความย้อนแย้งและเปลี่ยนกลับไปกลับมาของเพลิงผมเจอมาทั้งวัน เพราะงั้นผมเลยชินและชาจนไม่รู้สึกโมโหแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะเข้าใจความคิดของเพลิงล่ะนะ


“ดีมาก แล้วคืนนี้มึงอยากทำที่ไหน” ถ้าผมตอบไปว่าไม่อยากทำ เชื่อว่าเพลิงต้องเกรี้ยวกราดอาละวาดจนรถพังไปข้างแน่ๆ


“เอ่อ...ที่ไหนก็ได้” ผมไม่อยากมีเรื่องและอยากให้เพลิงเบื่อหน่ายสุดๆ เลยตอบแบบน่าเบื่อไป แต่ก็ดูเหมือนว่าเพลิงจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะเพลิงยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุกผสมกับความเจ้าเล่ห์


“ถ้างั้นกูทำที่รถเลยแล้วกัน ถึงไม่เคยลองแต่ก็น่าจะมันส์เอาเรื่อง” ไม่พูดเปล่าเพลิงที่พึ่งสตาร์ทรถก็ปลดเข็มขัดแล้วโน้มตัวมาคร่อมผมเอาไว้ ผมที่คิดว่าเพลิงต้องไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ เลยรีบบอกชื่อสถานที่แรกที่อยู่ในหัวออกไปทันที


“ห้องเรา! คืนนี้ไปทำที่ห้องเรานะเพลิง!”


“หึหึ อยู่กับมึงแล้วกูรู้สึกสนุกจริงๆ” พูดจบเพลิงก็ก้มหน้าลงมาจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากของผม เล่นเอาผมถึงกับใจเต้นโครมครามเพราะตั้งตัวไม่ทัน ยังดีที่หลังจากนั้นเพลิงก็กลับไปนั่งที่เบาะคนขับ แล้วออกรถมุ่งตรงไปยังหอของผมที่อยู่ไม่ไกล


ระหว่างทางที่ขับเข้าไปในซอย ผมมองเห็นกวีกับเดือนกำลังกินข้าวอยู่ด้วยกัน ร้านนั้นคือร้านเจ๊หมวยที่ผมกับกวีชอบไปกินด้วยกันเป็นประจำ ภาพที่เห็นทำเอาผมอดรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ผมจะรู้สึกยินดีกับความรักของกวีจากใจ แต่ผมก็เจ็บเพราะยังตัดใจจากกวีไม่ได้นี่นา


“เป็นอะไรไปน่ะ จู่ๆ ก็ทำหน้าแบบนั้น” หน้าแบบนั้นที่ว่าคือแบบไหนผมไม่รู้หรอก แต่การที่เพลิงสังเกตเห็นทั้งที่ต้องมองทางไปด้วยก็ทำเอาผมรู้สึกแปลกใจขึ้นมา


“ปะ...เปล่าหรอก คือเราแค่เสียดายที่ไม่ได้กินข้าวตามสั่งร้านเมื่อกี้ ปกติไม่เกิน 1 ทุ่มก็ปิดแล้ว ถ้ารู้ว่าเปิดอยู่เราจะได้มากินน่ะ” ที่ผมโกหกไปเพราะไม่อยากให้เพลิงรู้ว่ากวีอยู่ที่นั่น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเพลิงอาจจะไปหาเรื่องกวีที่ร้านก็ได้ แถมกวีก็ชอบขี้หน้าเพลิงที่ไหน ถ้าได้เจอกันมีหวังได้ก่อสงครามจนร้านเจ๊หมวยพังแน่ๆ


ผมก็ได้แต่หวังว่ากวีคงจะไม่ทันได้มองเห็นรถคันนี้ที่ขับผ่านหน้า จริงอยู่ว่าสีมันแดงโดดเด่นสะดุดตา แต่ความมืดของช่วงกลางคืนน่าจะบดบังความแรงของสีได้ล่ะนะ 


“อาบน้ำพร้อมกันเลยมั้ยจะได้ไม่เสียเวลา” เพลิงถามทันทีที่ขึ้นมาถึงห้องของผม แต่ถึงจะบอกว่าถาม เสื้อของเพลิงก็ถูกถอดออกลงไปกองที่พื้นด้านล่าง จากนั้นเพลิงก็เดินตรงมา แล้วยื่นมือมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผม


“เราถอดเองก็ได้”


“แต่กูถอดเองมันได้อารมณ์มากกว่า” คำพูดว่าหื่นแล้ว แต่สีหน้าของเพลิงนั้นดูหื่นกว่าสัก 10 เท่าเห็นจะได้


“ตามใจนายแล้วกัน” ถึงแม้ผมจะรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่ผมก็เคยทำอะไรที่มันน่าอายกว่านี้มาแล้ว เพราะงั้นแค่นี้ถือว่าธรรมดาผมเลยปล่อยให้เพลิงทำตามใจ พอถอดเสื้อของผมออกไปได้เพลิงก็เลื่อนมือลงไปยังเข็มขัด โดยที่ระหว่างนั้นก็ก้มหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอของผมไปด้วย


“อืม...” ผมเป็นคนรู้สึกค่อนข้างไว เพราะงั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะไปถึงยังจุดนั้น โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ของเพลิงก็ดังขึ้นมาซะก่อน


“เชี่ยเอ๊ย! แม่งมารหัวขนที่ไหนโทรมาขัดจังหวะวะ!” เพลิงสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ผมเห็นแว้บๆ ว่าชื่อที่ปรากฏตรงหน้าจอนั้นคือ ‘พฤกษ์’


“โทรมาหาพ่อมึงหรอตอนนี้!” โอ้โห รับสายได้เป็นมิตรเอามากๆ ถ้าจำไม่ผิดพฤกษ์คือชื่อพี่ชายของเพลิงนี่นา พึ่งรู้ก็วันนี้แหละว่าน้องสามารถเกรี้ยวกราดใส่พี่ได้ถึงขนาดนี้


“จะอะไรนักหนาก็แค่ไม่กลับบ้านคืนสองคืน...ถ้ามึงไม่มีปัญหางั้นก็ไปอัญเชิญคนที่มีปัญหามาคุยกับกู...พี่ภูไม่คุย?...แล้วฝากมึงบอกอะไร?...เชี่ยแม่งใครจะไปยอม! นั่นมันเงินส่วนแบ่งกูแล้วพี่ภูจะเอาไปหารใส่เพิ่มให้คนอื่นได้ยังไง!...โว้ยยยยยยยย! งั้นกลับก็ได้พอใจแล้วนะ! Fuck! Fuck!! Fuck!!!”


ความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรงของเพลิงทำเอาผมรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยแน่ๆ ถ้าอยู่ใกล้ เลยขยับถอยออกมาจนเกือบชิดผนัง ซึ่งหลังจากวางสายเพลิงก็หันขวับมาทางนี้แล้วเดินดุ่มๆ เข้ามา ผมคิดว่าต้องถูกเพลิงทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายอารมณ์แน่ๆ เลยหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
แต่แล้ว...


จุ๊บ!


เพลิงแค่ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ เท่านั้น ไม่มีความรุนแรงหรือดิบเถื่อนอย่างที่คิดเอาไว้แม้แต่น้อย ถ้าว่าไปตามจริงผมคิดว่าเพลิงอ่อนโยนมากกว่าครั้งไหนๆ เลยด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็ทำเอาผมใจเต้นแรงขึ้นมา


เป็นเพราะกลัวจะถูกเพลิงทำร้ายหรือเป็นเพราะว่าอะไรกันแน่?


“โทษทีนะ วันนี้พี่ชายกูบังคับให้กลับบ้าน”


“เอ่อ...ไม่เป็นไร” ผมยังงงไม่หายเลยตอบอย่างติดๆ ขัดๆ แต่ประโยคถัดมาของเพลิงกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกงงมากกว่า


“มึงอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย” สีหน้าของเพลิงดูจริงจังและเป็นห่วงเป็นใยผม ถึงแม้จะยังงงแต่ผมก็ยิ้มออกมา


“ถามอะไรแบบนั้น ลืมแล้วหรอว่านี่มันห้องเรา แล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้”


“ถ้างั้นก็ดี กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” เพลิงมีสีหน้าเบาใจแล้วลูบที่ศีรษะของผม 2 – 3 ที ก่อนที่จะถอยออกไปแล้วหยิบเสื้อที่ทิ้งเอาไว้ตรงพื้นขึ้นมาสวม


“กูไปแล้วนะ” เพลิงหันหลังกลับมามองผมเมื่อเดินไปถึงประตูแล้วเอามือสัมผัสลูกบิด


“อืม ขับรถดีๆ ล่ะ” พอได้ยินผมพูดแบบนั้นเพลิงก็ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป


จู่ๆ ผมก็คิดว่าบรรยากาศระหว่างผมกับเพลิงเปลี่ยนไปนิดหน่อย นี่ผมคิดไปเองรึเปล่านะ?


ซึ่งในขณะที่ถามตัวเองแบบนั้น ผมกลับไม่รู้ตัวเลยว่าได้เผลออมยิ้มออกมา ภาพที่เพลิงก้มหน้าลงมาจูบผมอย่างแผ่วเบาฉายชัดในความคิดอีกครั้ง แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูห้องของผมก็ดังขึ้นซะก่อน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


หืม? หรือว่าเพลิงจะลืมของ?


“ลืมอะไรเอาไว้หรอเพลิ...” ผมรีบเดินไปเปิดประตูให้ แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบผมก็ต้องชะงักไปซะก่อน เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่เพลิงแต่เป็นกวี


“คืนนี้ขอนอนด้วยคนได้มั้ย กุญแจเราหายเลยเข้าห้องไม่ได้น่ะ”


“เอ่อ...กวีลองติดต่อนิติฯ ดูรึยัง” ปกติถ้าคนในหอมีปัญหาก็ต้องติดต่อนิติบุคคลที่อยู่ข้างล่างเป็นอันดับแรก อย่างเรื่องกุญแจก็จะมีของแต่ละห้องสำรองเอาไว้ 3 – 4 ดอก แต่ถ้าลองกวีได้มาเคาะประตูห้องผมแบบนี้นิติบุคคลก็อาจจะปิดแล้วล่ะมั้ง


“เราเห็นปิดไฟ คงไม่มีคนอยู่น่ะ” ว่าแล้วเชียว เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย แต่ก็แปลกเหมือนกันนะ ปกตินิติบุคคลจะปิดตอน 4 ทุ่ม นี่พึ่ง 3 ทุ่มเองทำไมถึงปิดเร็วจัง แต่บางทีผู้ดูแลอาจจะมีธุระที่ต้องไปทำก็ได้ เพราะกวีก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกผมนี่นา


“ถ้างั้นคืนนี้กวีก็นอนกับเราไปก่อนแล้วกัน” ผมหลีกทางให้กวีเดินเข้ามา จากนั้นก็ปิดประตูแล้วรีบเดินไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ตรงพื้นขึ้นมาสวมกลับเข้าไปใหม่


“พายกำลังจะอาบน้ำหรอ”


“อะ...อื้ม...เรากำลังจะไปอาบน้ำ” เวลาที่โกหกผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ตัวเองมักจะหลบตาและพูดติดอ่างเป็นประจำ ส่วนคนที่อยู่รอบข้างของผมนั้นรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี


“กวีนั่งรอแถวนี้ก่อนนะ เราอาบแป๊บเดียวเดี๋ยวออกมา”


“โอเค” กวีพยักหน้า ผมเลยเดินไปหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ


“เฮ้อออออ” ทันทีที่ปิดประตูผมก็ถอนหายใจออกมา


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกอึดอัด ปกติเวลาที่กวีมาหาที่ห้องผมจะดีใจและมีความสุขมาก ซึ่งสาเหตุที่ผมรู้สึกแบบนั้นคงเพราะกวีมีแฟนแล้ว แถมเมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันและกินข้าวกันด้วยท่าทางมีความสุขอีกต่างหาก


หลังจากที่ยืนถอนหายใจสักพักผมก็เริ่มต้นอาบน้ำ ผมใช้เวลาไม่กี่นาทีก็อาบเสร็จแล้วจึงเดินออกมา โดยที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อย


“กวีจะอาบน้ำเลยมั้ย”


“อาบเลยก็ได้”


“งั้นเดี๋ยวเราไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับหาชุดใส่นอนให้นะ” ผมพูดจบก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็หยิบชุดกับผ้าเช็ดตัวยื่นส่งไปให้กวี ปกติผมจะใส่เสื้อตัวใหญ่จนหลวมโครกอยู่แล้วเพราะมันนอนสบาย ดังนั้นกวีก็คงใส่ได้ไม่น่ามีปัญหา


“ขอบใจนะ” กวียิ้มบางๆ แล้วยื่นสองมือออกมารับชุดกับผ้าเช็ดตัว ซึ่งถ้ารับไปเฉยๆ ผมคงจะไม่กระอักกระอ่วน แต่นี่รู้สึกเหมือนว่ากวีจะจงใจจับที่มือของผมเอาไว้ แถมยังค้างอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเลื่อนออกไปสักทีอีกต่างหาก


“เอ่อ...ระ...เรา...หิวน้ำ เดี๋ยวเราไปกินน้ำก่อนนะกวี” ผมดึงมือออกมาแล้วรีบหันหลังเดินไปยังตู้เย็น กวีเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงได้ทำอะไรแปลกๆ แบบนี้


โชคดีที่กวีไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้ตามผมมา เพราะงั้นผมเลยโล่งใจแล้วเก็บกวาดห้องที่มันค่อนข้างรกนิดหน่อย เสร็จแล้วผมค่อยไปปัดฝุ่นและจัดแจงหมอนกับผ้าห่มตรงที่นอน


เตียงขนาด 5 ฟุตแบบนี้ผู้ชายสองคนนอนด้วยกันได้สบาย ซึ่งผมก็เคยฝันเอาไว้ว่าอยากนอนร่วมเตียงกับกวีดูสักครั้ง แต่พอความจริงมันกำลังจะเป็นอย่างที่ฝัน ผมกลับไม่รู้สึกดีใจแถมยังไม่สบายใจอีกต่างหาก


“นี่จะนอนแล้วหรอพาย เร็วไปมั้ยเนี่ย” กวีที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามผม เพราะตอนนี้พึ่งจะ 3 ทุ่มกว่าๆ เท่านั้นเอง


“เราไม่มีอะไรทำน่ะ งานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ก็เสร็จแล้ว”


“ถ้างั้นก็มานั่งคุยเล่นกับเราเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นี่นา” กวีเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งพอเห็นผมยังคงนอนอยู่ กวีก็เลยขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆ ผมบ้าง


“พอเปลี่ยนจากนั่งคุยกันมาเป็นนอนคุยข้างกันมันก็ดีเหมือนกันนะ พายว่ามั้ย” ในใจของผมตอบว่าไม่ แต่ผมไม่กล้าพอที่จะบอกไปแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา


ถึงแม้ว่าช่วงเวลานั้นมันจะผ่านไปได้ไม่นาน แต่ผมก็แทบนึกไม่ออกเลยว่าแต่ละวันผมกับกวีเราคุยอะไรกัน ในสมองของผมมันจำได้เพียงแค่วันนั้น...วันที่ผมหัวใจพังเพราะกวีแนะนำให้รู้จักเดือนว่าเป็นแฟนของตัวเอง


“กวีไม่โทรหาเดือนหน่อยหรอ” พอได้ยินผมพูดแบบนี้กวีก็ดูจะอึ้งๆ ไปเล็กน้อย


“ตอนนี้เราอยู่กับพาย ทำไมต้องพูดถึงเดือนด้วยล่ะ”


“แล้วพูดไม่ได้หรอ?” ทำไมล่ะ? นี่ผมงงจริงจังเลยนะ ซึ่งกวีตอนแรกก็ดูเหมือนว่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ตัดใจไม่พูดมันออกมาแล้ว


“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันพายอย่าพูดถึงเดือนอีกก็พอ” ถึงจะไม่เข้าใจแต่ผมก็พยักหน้าลง


เอาตามจริงผมก็ไม่ได้อยากจะพูดถึงเดือนขนาดนั้นหรอก แต่ผมนึกไม่ออกว่าเราสองคนควรคุยเรื่องอะไรกันดี ตอนนี้มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาขวางผมกับกวีเอาไว้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าอยู่ไกลกับกวีทั้งที่อยู่ข้างๆ กันนี่เอง


ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบกวีไปยังไงดี จังหวะนั้นก็มีเสียงไลน์ดังขึ้นที่โทรศัพท์ของผม


เพลิง
แม่ง เบื่อฉิบหาย ถึงบ้านปุ๊บก็โดนคนแก่เทศน์ปั๊บ ชาติก่อนแม่งคงเป็นเจ้าอาวาส!


พาย
ดูพูดเข้า นายนี่น้า...


เพลิง
ก็แล้วมันไม่จริงรึไง


พายแต่เมื่อคืนนายไม่ได้กลับบ้านนี่นา แล้วก็คงไม่ได้โทรบอกพี่ชายด้วยใช่มั้ยล่ะ


เพลิง
กูโตแล้วนะเว่ย จะไปไหนทำอะไรก็ได้เปล่าวะ


พาย
งั้นนายก็หาเงินใช้เองสิ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ยังไม่ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่หรอกนะ


เพลิง
มึงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว ไอ้ที่ใช้ทุกวันนี้ส่วนใหญ่กูก็หามาเองทั้งนั้น


พาย
หืม? จริงหรอ?


เพลิง
โกหก


พาย
ว่าแล้วเชียว


เพลิง
กูประชดโว้ยยยยยยย!


พาย
อ้าวหรอ ขอโทษ ก็เราไม่รู้นี่นา แต่พึ่งรู้นะเนี่ยว่านายทำงานแล้ว


เพลิง
ก็แค่เล่นหุ้นกับขุดบิทคอยน์กับพี่ขำๆ เฉยๆ


พาย
ไม่ขำแล้วมั้ง แค่ตัวเครื่องขุดก็เป็นแสนแล้ว ส่วนหุ้นถ้าดูไม่เป็นก็เจ๊งได้เลยนะ


เพลิง
นี่ใคร? ตัวท็อปอย่างกูแค่ดูหุ้นนี่กระจอกมาก


พาย
ขอความจริง


เพลิง
แม่ง กูล่ะเกลียดคนฉลาดอย่างมึงฉิบหาย จะโม้อะไรก็รู้ทันกูซะหมด
เออยอมรับก็ได้ว่าดูหุ้นน่ะแม่งโคตรยาก!


พาย
ก็ถ้าง่ายคนทั้งประเทศคงรวยไปแล้ว
ว่าแต่สมมติเล่น 10 เฉลี่ยกำไรเท่าไหร่ขาดทุนเท่าไหร่หรอ


เพลิง
กำไร 6 ขาดทุน 4 แต่บางทีกำไรรัวๆ หรือขาดทุนรัวๆ ก็มีแล้วแต่จังหวะเหมือนกัน


พาย
แต่ก็คือรวมๆ แล้วไม่ขาดทุนใช่มั้ยล่ะ


เพลิง
เยส


พาย
นายนี่ก็...จะว่ายังไงดีล่ะ จริงๆ แล้วนายก็ไม่ได้แย่เหมือนภาพลักษณ์ที่เห็นเลยนะ


เพลิง
จะชมกูว่าเก่งก็พูดมาตรงๆ เลยน่า จะมัวอ้อมโลกไปทำไมให้เสียเวลา ชอบกูแล้วล่ะซี้


พาย
มีใครเคยบอกมั้ยว่านายน่ะหลงตัวเองสุดๆ


เพลิง
หล่อ ฉลาด บ้านรวยขนาดนี้จะไม่ให้หลงยังไงไหว


พาย
เฮ้อออออ จู่ๆ เราก็รู้สึกเพลีย


เพลิง
งั้นแดกวีต้าแล้วไปนอนซะ


พาย
เราไม่ได้หมายถึงเพลียแบบนั้นสักหน่อย


เพลิง
ฮ่าๆๆๆ รู้หรอกน่า แต่กูไม่อยากให้มึงนอนดึก
เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยพอนี่ รีบไปนอนได้แล้วไป


พาย
ความจริงเราก็กำลังจะนอนนี่แหละ


เพลิง
อ้อ งั้นฝันดี เดี๋ยวเจอกันในฝัน


พาย
อย่างนั้นน่าจะเรียกว่าฝันร้ายมากกว่ามั้ง


เพลิง
มึงนี่มัน...คิดคำด่าแป๊บ


พาย
ไม่ต้องคิดแล้ว ตั้งใจฟังที่พี่ชายอบรมไปเลย เราจะนอนแล้วนะ


เพลิง
เคๆ พรุ่งนี้เจอกัน


แล้วบทสนธนาของผมกับเพลิงในไลน์ก็จบลงเท่านั้นหลังจากคุยกันอยู่นานสองนาน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าการคุยกับเพลิงนั้นสนุกมาก จนบางครั้งผมเผลอยิ้มและหัวเราะออกไปโดยไม่รู้ตัว ผมสนุกจนลืมไปเลยว่าตอนนี้มีกวีที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ


“คุยเสร็จแล้วหรอ” กวีถามผมด้วยใบหน้านิ่งๆ น้ำเสียงติดจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก


“อ๊ะ! ขอโทษนะ เรานี่แย่จริงๆ ที่มัวแต่คุยเพลิน” ผมวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงพลางยิ้มแห้งๆ อย่างรู้สึกผิดที่เผลอลืมกวี


“เมื่อกี้พายคุยกับใคร”


“หา? เอ่อ...” ผมรู้สึกงงๆ และตกใจเล็กน้อยที่ถูกถาม แล้วที่ผมอึกอักก็เพราะไม่อยากตอบว่ากำลังคุยกับใคร กวีกับเพลิงไม่ค่อยลงรอยกันผมเลยไม่อยากให้เป็นเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นกวีก็พอจะเดาออกอยู่แล้ว


“กับไอ้เพลิงสินะ” กวีพูดพร้อมกับหยิบสร้อยเกียร์ที่ผมวางเอาไว้บนหัวเตียงขึ้นมา เกียร์นั้นมีชื่อกับรหัสนักศึกษาของเพลิงสลักอยู่อย่างชัดเจน กวีที่มองเห็นสายตาจึงแข็งกร้าวขึ้นมา ส่วนริมฝีปากก็ยิ้มหยัน


“พายคบกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่” กวีถามพลางวางเกียร์ลงตรงที่เดิม ถึงแม้จะทำอย่างเบามือแต่สายตากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชังเจ้าของเกียร์แค่ไหน


“เอ่อ...เปล่า ไม่ได้คบหรอก” และทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น สีหน้ากับแววตาของกวีก็เปลี่ยนเป็นตกใจ แถมยังดูเหมือนว่าจะโกรธเอามากๆ


“ว่าไงนะ! พายไม่ได้คบกับมันทั้งที่มีอะไรกับมันแล้วงั้นหรอ!” ผมไม่กล้าตอบเลยได้แต่นิ่งเงียบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าผมตกใจที่เห็นกวีเกรี้ยวกราดเป็นครั้งแรก หรือว่าตกใจที่ความแตกเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเพลิง


“ไม่ตอบงั้นหรอ?” ผมคิดว่าการนิ่งสงบจะสยบได้ทุกอย่าง แต่ก็ดูเหมือนว่าผลลัพธ์มันจะตรงกันข้าม เพราะนอกจากกวีจะไม่หยุดถามยังพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้อีกต่างหาก!


“จะ...จะทำอะไรน่ะกวี”


“ก็จะทำเรื่องที่พายทำกับไอ้เพลิงไง ในเมื่อพายไม่ได้คบกับมันแต่มีอะไรกับมันได้ ถ้างั้นพายก็มีอะไรกับเราได้เหมือนกันสินะ”


!!!


2bc


 o15  เฮลโหลววววว เจอเค้าทักทายแบบนี้ก็แสดงว่า Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย เป็นไงคะ ค้างกันยิ่งกว่าเดิมอีกใช่มั้ยล่ะ ส่อแววดราม่าต่างจากสปอยที่เค้าลงในเพจและทวิตลิบลับเลยเนอะ อิอิ  o3
กวีนี่นับวันยิ่งจะส่อแววตัวร้ายมากขึ้น ต่างจากอีตาเพลิงที่เหมือนจะเริ่มเห็นแววความเป็นพระเอกบ้าง 55555 มาลุ้นกันนะคะว่าตอนหน้าพายจะตกเป็นของกวีมั้ย ไม่อยากจิบอกเล้ยว่าเตรียมทิชชู่เอาไว้ด้วยนะคะ ซึ่งจะเอาไว้ซับน้ำตา ซับเลือด หรือซับคราบอะไร วันเสาร์หรืออาทิตย์เจอกันนะคะทุกคน  :กอด1:
แล้วเจอกันนะคะ กำพระให้แน่นๆและเป็นกำลังใจให้พายด้วยน้า รักทุกคนนะคะ บ๊ายบายยยยยย  :bye2:
(6 มิ.ย. 61)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 22:07:35 โดย Sameejaejung »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด