ตอนพิเศษ ๒
กลิ่นผัดเผ็ดที่หมอกตักมาวางไว้ตรงหน้าไม่ได้ทำให้ดำรู้สึกอยากอย่างเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มเหลือบมองทั้งสองฝั่งของตัวเองด้วยความนึกรำคาญ ฝั่งหนึ่งคือไอ้หัวหน้าปากร้ายที่มักแกล้งเขาด้วยคำพูดและการกระทำ เพราะเคยมีเรื่องถึงใช้กำลังกันมาก่อน แต่ดำคิดว่ามันจบลงไปแล้วและทำดีด้วย มาคิดได้ตอนนี้เขาว่าคงเสียเปล่า ต่อไปนี้จะเลิกเคารพมันแล้ว
ส่วนอีกคน เจ้านายที่เคยเคารพรัก แต่พักหลังทำตัวเป็นไม้เลื้อยจนดำเริ่มรู้สึกว่าน่าหงุดหงิด เขาล่ะอยากจะหายตัวออกไปจากตรงนี้ให้พ้น ๆ ไป ไม่รู้สึกสนุกเหมือนคนที่กำลังยกแก้วดื่มทั้งสอง ข้างกายตอนนี้เลย
“อื้อหืม ผัดเผ็ดฝีมือหมอกอร่อยจังเลย” อัฐษไชยพูดพลางตักเคี้ยวเต็มปาก แม้สีหน้าจะแสดงออกถึงความเผ็ดร้อนจนแดงไปถึงลำคอแล้ว แต่ก็ยังยกนิ้วโป้งชื่นชมลูกน้อง เห็นแล้วดำก็เพียงแค่เบ้ปาก “แล้วคุณอัฐษ์คิดว่าโตเองกำลังกินอีหยังอยู่ครับ แซ่บขนาดนี้”
อัฐษไชยกะพริบตาร้อน ๆ ของตัวเองเพราะความเผ็ด แล้วยกน้ำดื่ม “ผัดเผ็ดไก่นาไง”
“ไก่นา” ดำย้อนพลางหัวเราะ
“นี่แกไม่รู้เหรอว่ากำลังกินอะไร” ชาติกลั้นขำ
คนที่กำลังตักเข้าปากอีกครั้งชะงัก เมื่อเห็นแววตาของเพื่อนร่วมวง “อะไร...”
ใจอัฐษไชยเริ่มรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อเห็นแววตาของดำยามตักผัดตรงหน้ากินราวไม่รู้ร้อนรู้หนาว เจ้าตัวรู้ว่าเป็นอะไรยกเว้นชายหนุ่มตรงนี้ มือใหญ่ปาดเหงื่อเพราะความเผ็ดที่ยังไม่จางหาย แต่เชื่อว่าที่มันกำลังไหลเยอะขนาดนี้ไม่ใช่เพราะรสชาติที่กำลังทาน เพราะความกลัวที่จะได้รู้ว่าตัวเองกินอะไรลงไปมากกว่า “มันคืออีเห็น”
พรวด! “เหี้ย!”
ชาติที่กำลังดื่มอยู่ถึงกับพุ่ง เกิดมาไม่เคยเห็นอัฐษไชยสบถอย่างนี้มาก่อน
“บ่แม่น อีเห็นบ่แม่นเหี้ย” ดำรีบบอก
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละน่า” อัฐษไชยทำหน้าแขยงพลางยกน้ำขึ้นบ้วนปาก
“ของดี คุณอัฐษ์บ่ฮู้ซะแล้ว” ดำตักขึ้นกินอีกรอบหนึ่ง “เฮ็ดสำออยคือหลาย”
อัฐษไชยสั่นหน้าหงึก ๆ เมื่อชาติแกล้งตักมาให้อีกช้อนเป็นการกระเซ้า เขาไม่ได้เกรงกลัวหรือปอดแหกอะไร แต่คิดว่ามันอยู่ของมันดี ๆ ก็ไม่น่าไปจับมากิน ของดีบนโลกใบนี้กินได้ตั้งเยอะแยะก็ควรเลือกบ้าง แต่ครั้นเห็นดำตักเข้าเต็มปากเต็มคำทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแล้ว อัฐษไชยก็รู้สึกนับถือ เพราะตอนนี้เริ่มพะอืดพะอมคลื่นไส้ขึ้นมาเมื่อได้รู้ว่าเป็นอะไร แถมเขาก็กินไปตั้งหลายคำแล้วด้วย
“ดำ พาฉันไปห้องน้ำที...” อัฐษไชยยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง ผละไปมองที่อื่น
“อีหยังอีกคุณอัฐษ์”
“ฉันอยากจะเอามันออก” มือใหญ่เขย่าไหล่เด็กนั่งข้างรัว เร่งเร้าให้รีบ “เร็วเข้า”
“จักอีหยังนักหนา มา ๆ! คราวหลังถ้ามีปากกะถามคนก่อนว่ากำลังจะกินอีหยัง” ดำบ่นแล้วลุกขึ้นจะช่วย หากทว่าอัฐษไชยบอกว่าลุกไหว ให้เดินนำพาไปเข้าห้องน้ำเลย ท่ามกลางสายตาของชาติและหมอกที่มองตามหลัง โดยเฉพาะหัวหน้าใหญ่ของไร่ที่เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ก่อขึ้นระหว่างสองคนนั้น “ไอ้ดำมันเคยมีเมียไหม ไอ้หมอก”
ลูกน้องอีกคนมุ่ยหน้า หันไปมองเพื่อนรัก “ก็เท่าที่รู้จักกันมา มันเคยคุย ๆ กับกุ้งเพื่อนของตา เมียไอ้ไทพักหนึ่ง แต่มันก็บอกว่าเห็นเป็นเพื่อน เอ้อ...แล้วมันก็เคยถูกวิวจับคู่กับตาอีกรอบหนึ่งหลังกุ้งย้ายออก จนไอ้ไทมันต้องจับตาทำเมียก่อน เพราะมันเล็งไว้แล้ว ตอนนี้ไอ้ดำเลยโสดน่ะพี่”
ชาตินิ่ง หลังได้ฟัง ในขณะที่เห็นหมอกมองตามทั้งสองคนเดินไปยังห้องน้ำก็กล่าวขึ้นมาเสียงเรียบว่า “สงสัยจะได้ผัวก่อนซะละมั้ง”
พรวด! หมอกพ่นของในปากออกด้วยความตกใจ หน้าเหวอเมื่อมันกระเด็นไปใส่ในจานอาหาร
เห็นแล้วชาติก็ส่ายหน้า “เออ ไม่ต้องแดกกันแล้ว”
“ขะ ขอโทษพี่ แต่พี่ว่าอะไรนะ” หมอกเกาหัว
ชาติทอดถอนใจ แล้วยกลำแขนขึ้นมากอดอก “เพื่อนมึงน่ะ มีแววจะได้ผัวกว่าได้เมีย”
“บ้าเหรอ! อย่างไอ้ดำนี่นะ มัน...ทั้งถึก ทั้งใหญ่ ทั้งดำ ใครจะเอามันทำ...” คนพูดหน้าเหวอขึ้นมาอีกระดับเมื่อนึกถึงคนตัวใหญ่พอ ๆ กันที่ถูกพาเดินไปห้องน้ำ หมอกยกมือขึ้นกุมปากด้วยกลัวแมลงวันบินเข้าไป ตอนนี้มันหุบไม่ได้ เขาอึ้งเพราะห้ามความคิดที่ว่า คนที่อยากได้ดำทำเมียคือเจ้านายของเขา
อัฐษไชย! “บ้า มึงลบความคิดบ้า ๆ ออกไปเลยไอ้หมอก!” ชายหนุ่มสั่งตัวเอง
“ของจริงเลยแหละ” ชาติกอดอก จะตักกับแกล้มขึ้นกินก็ชะงัก นึกขึ้นมาได้ว่าโดนของดีจากไอ้เด็กตรงหน้าแล้ว ชายหนุ่มวางช้อนลงเสียงดังแล้วทอดถอนใจอย่างนึกเบื่อหน่าย “ไปทำมาให้กูใหม่เลย เล่นพ่นน้ำลายมาซะเต็มขนาดนี้ใครจะกินลงวะฮะ!”
“นี่พี่ยังอยากกินอีกเหรอ”
“ทำไมจะกินไม่ได้ เรื่องของพวกมันไม่เกี่ยวอะไรกับกูซักหน่อย” คนหน้าโจรทำเสียงหงุดหงิด
หมอกรู้สึกเซ็งที่ชาติชอบบังคับใช้อย่างนี้ตลอด “ไม่มีเครื่องทำให้แล้วพี่ กินอันนี้นี่แหละ ผมไม่มีพิษมีภัยหรอก”
ได้ยินแล้วหัวหน้าใหญ่วัยย่างสี่สิบก็ทำหน้าเบื่อโลก ยกเหล้าขึ้นดื่มด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน อันที่จริงก็ชอบทำหน้าเคร่งขรึมอย่างนี้ใส่หมอกตลอดนั่นแหละ ตั้งแต่ได้เป็นหัวหน้าของไร่ก็คอยกดขี่ข่มเหง ใช้โน่นนี่สารพัด ดูไม่เหมือนลูกน้องแต่เหมือนทาสมากกว่า แต่เพราะตัวเองเด็กและหน้าที่การงานต่ำกว่าก็จำต้องยอม ความรู้สึกเขากล้ำกลืนฝืนทนยามอยู่กับชาติ ไม่ต่างจากดำนักหรอก
“ว่าแต่เหลือแค่เราสองคนแบบนี้แล้ว...แปลก ๆ นะ” หมอกยกมือขึ้นเกาคอแก้เก้อ มองนัยน์ตาคมในความสลัวที่ผละมาสบตา แล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียเฉย ๆ “หวังว่าถ้าผมเมาแล้ว คงไม่โดนพี่ตุ๋ยจับทำเมียนะ พี่...ไม่ได้ชอบแบบคุณอัฐษ์ใช่มะ”
เด็กตรงหน้าลากเสียงราวลังเล แต่กล้ากว่าที่ชาติคิด
ชายหนุ่มจิบเหล้า ความรู้สึกยังไม่เมาแม้แต่นิด แต่ในเมื่อกล้าถามเขาก็กล้าตอบ
“กูเอาได้หมด ยกเว้นเป็นตัวเป็นตน ขี้เกียจเอามาเป็นภาระ...”
สายตาของชายตรงหน้าละเลียดมองหมอก คนอายุน้อยกว่าคิดว่าตัวเองคงเมาแล้วถึงเห็นเช่นนั้น หมอกคลี่ยิ้มกวนเมื่อได้ยิน แล้วยกนิ้วชี้ชี้ล้อ “แหม...พูดแบบนี้อย่าบอกผมนะว่าผู้ชายก็เอาได้ ผู้หญิงก็เอาดี ไม่น่าพี่...พี่นี้มันพวกขี้แพ้นี่หว่า เก่งจริงเอาคนเดียวให้อยู่หมัดสิ แบบนี้เขาถึงเรียกว่าเสือของแท้...”
ชาติมุ่นคิ้วเมื่อได้ฟัง ตัวเองเก่งขนาดไหนถึงมาสอนคนอื่นกัน คิดแล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า ลืมตัวตักผัดเผ็ดขึ้นมาเคี้ยวแล้วนึกขึ้นได้ว่ามีน้ำลายและเศษอาหารจากปากหมอก ชายหนุ่มสะบัดหน้าไล่ความคิดขยะแขยงออก ก็คงไม่มีพิษมีภัยอย่างที่มันว่า
“สรุปพี่ก็ชอบผู้ชาย...” หมอกย้ำ
“เรื่องของกู”
คนฟังสะบัดหน้าแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม “ชอบอะไรก็ชอบไป แต่อย่ามายุ่งกับผม พอ!”
“พูดมากนะมึง แดกเงียบ ๆ ไป สองคนนั้นมันตกส้วมตายกันแล้วรึไง” ชาติถอนใจพลางชะเง้อไปอีกฝั่งเพราะหายกันไปพักหนึ่งแล้ว นึกรำคาญหมอกอยู่ในทีที่คอยพูดจาก้าวก่ายอยากรู้อยากเห็น
“เอ๊ะ! รึที่พี่ไม่เอาใครเป็นตัวเป็นตน เพราะรอบางคนหันมาสนใจอยู่...”
“หุบปากไปเลยไป!”
ใบหน้าของชาติรู้สึกว่ามีอะไรวิ่งพล่านเต็มไปหมด หลังเสียงดังไปเพราะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบแก้มตนเองอยู่พักหนึ่งโดยไม่ให้มันโจ่งแจ้งเกินไป เกรงว่าไอ้เด็กหมอกจะรู้ทันว่ากำลังปกปิดอะไรอยู่ ซึ่งคงไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเหลือบไปเห็นมันกำลังจับจ้องอยู่อย่างเงียบเชียบ แต่ยามเขาเงยขึ้นไปสบ มันก็แสร้งผละไปที่อื่นไม่รู้ไม่เห็นไป หรือหมอกจะรู้ความลับของชาติเข้าเสียแล้ว
ชาตินิ่งไป ทำได้เพียงต่างฝ่ายต่างยกแก้วขึ้นดื่ม ไม่พูดจากันพักใหญ่ รอให้ดำกับอัฐษไชยกลับมา แต่ก็ไม่ยอมมาสักทีจนรู้สึกร้อนใจ
เมื่อเห็นท่าทีอีกฝ่าย หมอกชำเลืองมองหัวหน้าใหญ่ ในหัวมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ด้วยความที่กำลังเมาได้ที่จึงถามออกไปด้วยความไม่เกรงใจ “พี่แอบชอบคุณอัฐษ์เหรอ”
ชาติชะงัก ความร้อนวิ่งเข้าสู่ใบหน้าอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มหันมองซ้ายแลขวาดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือไม่ ก่อนที่จะพูดเสียงเบาลงว่า “หุบปากมึงไปซะ เลิกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของกู แดกไปเงียบ ๆ”
ได้ยินแล้วหมอกก็เบิกตา “ทำไม ชอบก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่ คุณอัฐษ์ก็ดี...”
“กูบอกให้เงียบไง”
“โถพี่ ไว้ใจผมเถอะน่า ดีไม่ดีผมอาจช่วยพี่จีบคุณอะ...” หมอกเหลือกตาเมื่อตัวใหญ่ ๆ ของผู้ฟังกระโจนเข้าใส่ มือสากเอื้อมมากุมปิดปากให้หยุดพูด อีกข้างก็คล้องคอถูลากถูกังพาเดินเข้าไปในห้องพักที่เปิดประตูทิ้งไว้ของตัวเอง แล้วปิดงับราวกับต้องการจับฆ่ายัดศพอำพรางคดี อาจเป็นเพราะชาติได้ยินฝีเท้าของดำและอัฐษไชยกำลังเดินมาตรงนี้ แล้วกลัวว่าคนทางนั้นจะได้ยินเลยจัดการเขา
หมอกดิ้นสู้ แต่เมื่อเห็นหน้าโจรที่กำลังจ้องเขม็งก็จำยอม เพราะรู้ว่าฝ่ายตัวเองพูดมากจริง ๆ
“เอ้า บักหมอกกับอ้ายซาติแยกย้ายแล้ว เพราะคุณอัฐษ์นั่นแหละเฮ็ดวงเหล้ากร่อย” ดำโวย
“ช่างมันเถอะดำ กลับบ้านกันเถอะ ฉันอยากอ้วกอีกซักรอบ”
“ฮ่วย เบื่อกระเพาะผู้ดีโว้ย!”
อัฐษไชยและดำเดินไปแล้ว หมอกรู้สึกว่าควรรีบออกไปบอกทั้งสองว่าวงยังไม่แยก และชายหนุ่มยังอยากดื่มสังสรรค์กับเพื่อนต่อ แต่หากทว่าชาติไม่ยอม ด้วยความที่เมาและเริ่มเวียนหัวทำให้หมอกตัวโงนเงน พยายามสะบัดหน้าให้หลุดจากการกุมจับก็ไม่เป็นผล ซ้ำร้ายจะล้มกองอยู่กับพื้นด้วย ท้ายที่สุดก็ดึงมือของชาติออกจากปากได้ หรือไม่ อีกฝ่ายก็ยอมผละออกเองเพราะสองคนที่เหลือเดินห่างออกไปแล้ว
“พี่จะทำอะไรฮะ เกิดผมหายใจไม่ออกตายคามือพี่ขึ้นมาจะทำไง” หมอกโวย
“ก็เอาศพไปซ่อนสิวะ”
“กะอีแค่ผมรู้ว่าพี่ชอบคุณอัฐษ์ ถึงขั้นจะต้องฆ่าต้องแกงกันเลยรึไง” คนเมาส่ายหน้า
“หุบปากของมึงไปเลย แล้วจำซะใหม่ว่ากูไม่ได้ชอบ” ชาติทำหน้าดุ ยกนิ้วชี้ออกคำสั่ง
“เฮอะ คงเชื่อตายล่ะ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าแอบชอบคุณอัฐษ์ ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมเอาความลับพี่ไปเล่าให้ใครฟัง ก็เลิกมาใช้ผมเยี่ยงทาสแบบนี้สิ แล้วผมจะเก็บความลับของพี่ไว้อย่างดีเลย” หมอกกอดอกได้ใจ คิดว่าตอนนี้เหนือกว่า ซึ่งได้ยินแล้วชาติก็ทำหน้าขุ่น ขบฟันจนกรามปูดเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรทำนองนี้
“มึงคิดจะแบล็กเมล์กูเหรอ” ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ชี้หน้าอีกครั้งอย่างสุดทน
“ผมก็แค่ต่อรอง แต่ถ้าพี่ยุ่งกับผมเมื่อไร เรื่องนี้ถึงหูนายเชษฐ์แน่...”
“ใครมันจะสนใจวะ”
หมอกอ้าปากเหวอ เมื่อตัวลอยเคว้งเหวี่ยงไปตามแรงผลักของหัวหน้าตัวใหญ่ยักษ์จนกระแทกกับเตียงด้านหลัง หัวสมองชายหนุ่มมึนเบลอไปชั่วขณะเพราะความรวดเร็ว มารู้ตัวอีกทีก็เห็นร่างใหญ่ของชาติขยับขึ้นมากดทับ ขึงลำแขนทั้งสองข้างกดลงจนจมยวบลงไปในเตียง พร้อมสีหน้าราวเสือตัวใหญ่ที่ถูกหนูตัวน้อยกำลังลูบคมล้อเลียน ใจหมอกเต้นระส่ำ เมื่อรู้ว่าตัวเองยื่นข้อเสนอให้เสือผิดตัวเข้าแล้ว!
“คนอย่างกู ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอก” ชาติพูดลอดไรฟันออกมา
คนอยู่ด้านใต้เบิกตา “พะ พี่ชาติ ผมฟ้องนายเชษฐ์แน่ที่พี่คิดอะไรกับคุณอัฐษ์ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะโว้ย!”
“เอาซี คนเขาจะได้รู้ ว่ามึงเป็นอีหนูของกูเหมือนกัน!” กล่าวจบ เสือตัวใหญ่ก็ขย้ำหนูด้านใต้อย่างไม่รีรอหรือสนใจ แม้ว่าหมอกจะพยายามบอกว่ายอมแพ้และจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็ตาม ของอย่างนี้ใครจะไปวางใจได้ สู้หยิบเอาความชนะมาเก็บไว้ในกำมืออย่างอุ่นใจดีกว่า จะได้มั่นใจว่าไม่ถูกแว้งกัดเข้าทีหลัง
เด็กด้านใต้สะบัดหน้าไม่ยอมให้จูบ กระทั่งฟันของชายหนุ่มกระแทกที่ริมฝีปากเข้าให้อย่างไม่ได้ตั้งใจ จนรู้สึกได้ว่ามีความเค็มเฝื่อนลิ้นของเลือดคละเคล้ามาด้วย ชายหนุ่มสบถกับรสชาติห่วยแตกสมหน้าตาของมัน เปลี่ยนมาเอาชนะด้วยพละกำลัง ขนาดร่างกาย สั่งสอนให้มันรู้สำนึกว่ากำลังเล่นกับไฟ เข็มขัดบนเอวถูกถอดมารัดกุมข้อมือไม่ให้คนใต้ร่างหนีหลุดไป จะได้จัดการกับมันง่ายขึ้นกว่าเก่า
“ถ้าขืนมึงร้องดังกว่านี้ เขาได้รู้กันทั้งหอแน่...” ชาติกระซาบผ่านเสียงหอบของคนดิ้นขืน
แววตาของหมอกมีแต่ความโกรธและเป็นปฏิปักษ์ ไม่ได้มีความหวาดเกรงฉายอยู่เลย เห็นแล้วคนมองยิ่งอยากเอาชนะ อยากทำให้สีหน้าเมื่อครู่นั้นแปรเปลี่ยนมายินยอมแต่โดยง่าย แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าตัวเองยังไม่มีอารมณ์พอที่จะจับมันทำเมียได้ เพราะรูปลักษณ์ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ทำให้ชาติไม่มีอารมณ์เอาเสียเลย หน้าตาและรูปร่างของมันไม่น่าพิศวาสพอ ถึงจะไม่จำกัดว่าต้องนอนกับเพศไหน แต่เขาก็เลือก!
“ให้ตายสิ เอาไม่ลงจริง ๆ”
แต่รู้ว่าควรทำ มันจะได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นกันได้ง่าย ๆ!
CUT (สามารถไปหาได้ที่แฟนเพจค่ะ)
ชื่อเพจ writernoonaa
ครั้นถึงที่หมายแล้ว ชายหนุ่มผละออกมาทีเดียวจนคนนอนนิ่งสะดุ้งเฮือก ไม่แปลกใจ ที่จะเห็นเลือดคละเคล้าตามของเหลวแห่งความพอใจที่เอ่อล้นออกมาด้วย เพราะดูแล้วอย่างหมอก มันไม่น่าจะเคยนอนกับผู้ชายมาก่อน หรือเคย ก็ไม่เคยพบปะเจอะเจอกับยักษ์อย่างเขา คิดแล้วชาติก็ติดกระดุมเสื้อ สวมกางเกงที่เอาเปรียบด้วยการปลดเพียงตะขอและรูดซิปด้านหน้า แล้วหันมาล้วงกระเป๋าหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเงียบ ๆ
กะว่าพักสักครู่ก็จะกลับบ้านไปเลย
ควันบุหรี่ลอยฉุยฉายทั่วห้องอย่างเอื่อยเฉื่อยไม่รีบร้อน มารู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็สูบเข้าไปสามสี่มวนแล้ว ชาติยกนาฬิกาขึ้นดู แล้วขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจว่าผ่านไปนานเท่านี้ได้อย่างไร เขาใช้เวลาเอาชนะหมอกเพียงแค่ครู่เดียว เหตุใดมาดูเวลา กลายเป็นว่าแทบจะถึงเวลาเริ่มงานใหม่ในวันถัดไปแล้ว
ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ยังไม่ขยับไหวติงก็ตกใจ
“หมอก หมอก...” มือใหญ่จับพลิกตัวให้นอนหงาย แก้เข็มขัดรัดมือออกและเห็นว่ามันเขียวช้ำ เมื่อกี้เขาผละออกมาอย่างไรเจ้าตัวยังอยู่อย่างนั้น เห็นใบหน้าแดงก่ำเรียบนิ่งคอพับ ไร้สติราวกับกำลังเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวไม่มีเรี่ยวแรงและอ่อนปวกเปียกจนชาติตกใจ ชายหนุ่มจับปลายจมูกดูเพราะกลัวว่าจะตาย แต่ก็โล่งใจที่คนตรงหน้าก็แค่หลับไป
นี่กูทำอะไรลงไป!
เมื่อได้เห็นสภาพยับเยินของเด็กตรงหน้า และความเมาได้สร่างหายไปบ้าง ทำให้ชาติกลับมาฉุกคิดได้ตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว ที่แก้ปัญหาด้วยการดึงใครอีกคนเข้ามาในวงจรอุบาทว์นี่ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้ามันแผล็บของตัวเอง พ่นคำก่นด่าที่ทำเรื่องสารเลวไปโดยไม่คิดอยู่เช่นนั้นเพราะหาทางออกกับปัญหานี้ไม่ได้
เพราะอย่างนี้ไง อัฐษไชยถึงไม่เคยเหลียวแลและสนใจดำมากกว่า
เพราะเป็นคนไม่มีเหตุผลอย่างนี้นี่ไง!
---------------------------------------------------------------
ที่มาส่งช้านี่ไม่ใช่อะไร ก็ NC มันเขียนยาก ที่อ่านได้เหรอ ในเพจไง ตามไปโลด
เย้...เปิดตัวครบสองคู่แล้ว ว่าแต่ใครคู่ใครอะ 55555
ขอเรียกรักครั้งนี้ว่าวงจรอุบาทว์จริง ๆ นะคะ อิพี่ชาติดึงน้องหมอกเข้ามาร่วมวงแล้ว กลายเป็นรักสี่เส้า จะเคล้าน้ำตามั้ย ไม่รู้...แต่พี่ชาติน่ะเป็นลูกเจี๊ยบ ไม่ต่างจากอาเชษฐ์อย่างที่อาอัฐษ์พูดจริง ๆ นะคะ เพียงแต่ว่าเป็นตอนอยู่กับอาอัฐษ์คนเดียวเท่านั้นเอง อิหิ ๆ
มาช่วยกันลุ้นว่า คุณน้องหมอกจะเปลี่ยนใจพี่ชาติ ให้ตัดใจจากอาอัฐษ์ได้ไหม
เอาจริง ๆ อยากให้ทุกคนรับความปากหมา และใจหมา(?) (หมายถึงความซื่อสัตย์นะคะ)ของพี่ชาติกันให้ได้ก่อน ก่อนจะอ่านตอนต่อไปเด้อออ พี่ชาติเขาสุดจริง ๆ ไม่งั้นไม่โสดมาจนถึงป่านนี้หรอก
เจอความน่ารักใส ๆ ของดำแล้ว มาตัดอารมณ์กับความร้ายของพี่ชาติดีกว่า
เจอกันตอนหน้าเด้อ