Chapter 7วันสิ้นปีเป็นวันที่นับว่าเป็นการรวมญาติครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ทุกคนต่างกลับบ้านเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับปีใหม่ ต่างกับบ้านตระกูลหงส์วิไลเลิศสกุลซะเหลือเกิน บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงัดราวกับไม่มีคนอาศัยอยู่เลย คนภายนอกที่มองเข้ามาก็คงสงสัยว่าทำไมบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ถึงไม่มีงานฉลองเหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ หรือว่าครอบครัวนี้จะย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยไปแล้วหรือเปล่า ถ้าไม่ติดว่าบ้านยังคงสภาพดีและสะอาดสะอ้านแบบนี้ ก็คงจะคิดว่าบ้านหลังนี้ร้างไร้ผู้คนแล้วกระมัง ที่บ้านหลังใหญ่เงียบกริบขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะมีหนุ่มตาบอดกับเด็กหนุ่มใบ้อยู่กันแค่สองคนในวันสิ้นปี จะให้พวกเค้าจัดปาร์ตี้อย่างนั้นหรือ ลำพังการใช้ชีวิตอยู่แบบปกติยังลำบาก หากจัดงานฉลองล่ะก็นะอย่าได้คิดเชียว คนนึงก็เอาแต่อ่านหนังสือคนตาบอดกับฟังเพลง ส่วนอีกคนก็เอาแต่นั่งๆนอนๆคอยเฝ้ารับใช้คนตาบอดอยู่แบบนั้น
สองเมืองรับรู้ว่าวันนี้คือวันสิ้นปีด้วยนาฬิกาบอกวันเวลาสุดไฮเทคของเค้าเอง วันสิ้นปีแล้วยังไง ทุกปีที่ผ่านมาสองเมืองเค้าจะจัดปาร์ตี้ฉลองต้อนรับปีใหม่กับเพื่อนรักที่ผับเป็นประจำ คิดถึงปีก่อนชะมัดเลยแหะ เวลาแบบนี้เค้ากับเพื่อนๆคงกำลังคิดแผนเที่ยวปีใหม่กันอยู่แน่ๆ แย่ที่สุดที่เค้าเกิดอุบัติเหตุแล้วตาบอด ต้องมานั่งติดแหงกอยู่ที่บ้านกับเด็กใบ้ชื่อไอ้ไมค์เนี่ย
“นี่ไอ้ไมค์....ปีใหม่ทั้งทีมึงไม่ออกไปไหนเหรอวะ”
เจ้าหนูไมค์บีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าใช่ เค้าจะออกไปไหนมาไหนได้ยังไงเค้าต้องดูแลสองเมืองนะ
“เพราะกูรึเปล่าที่ทำให้มึงต้องติดแหงกอยู่แบบนี้”
หนูไมค์เงียบแทนคำตอบ หนูไมค์เต็มใจที่จะดูแลสองเมืองนะ บางทีเค้าก็มีความสุขที่ได้ดูแลสองเมืองอยู่เหมือนกัน
“เฮ้อ...ทำไมเราสองคนต้องมาดูแลกันวะ เป็นคงเป็นเวรเป็นกรรมอย่างที่เค้าว่ากัน เออนี่พี่หนึ่งจะกลับมาอาทิตย์หน้านะ” คนตัวเล็กยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นกระโดดโหยงเหยงไปมาเหมือนเด็กๆ
“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น ถึงพี่หนึ่งจะกลับมา หน้าที่ดูแลกูก็คงต้องเป็นมึงเท่านั้นที่ต้องดูแลเข้าใจไหม”
หนูไมค์ยิ้มแหย่ก่อนจะนั่งลงข้างๆร่างสูง คนตัวเล็กบีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าตัวเองเข้าใจ แต่เอ๊ะ..เมื่อกี้สองเมืองบอกว่าหนูไมค์คนเดียวเท่านั้นเหรอที่ต้องดูแลเค้า ทำไมต้องเป็นหนูไมค์คนเดียวล่ะ แต่ก็ดีแล้วแหละที่เป็นหนูไมค์ เพราะเค้าเองก็ไม่อยากให้หนึ่งสยามต้องมาดูแลสองเมือง หนึ่งสยามก็ต้องทำงานเหมือนกัน กว่าจะถึงวันที่สองเมืองกลับมามองเห็นอีกครั้ง คอฟฟี่คาเฟ่ของหนึ่งสยามก็คงขาดทุนแย่เลย
แล้วถ้าคุณหญิงหยกมณีกับท่านปิ่นฤดีกลับมาดูแลลูกชายคนรองใครจะเป็นคนดูแลรีสอร์ทที่เกาะมัลดีฟกันเล่า ส่วนสามภพถ้าจะให้ดูแลพี่ชายตัวเองก็คงต้องดรอปเรียนจนกว่าพี่ชายจะกลับมามองเห็น ซึ่งมันก็เสียเวลาโดยประโยชน์ที่จะต้องดรอปเรียน ดังนั้นเจ้าหนูไมค์ซึ่งถูกคุณหญิงหยกมณีอุปถัมภ์ก็ไม่ควรอยู่นิ่งเฉยดูดายได้ ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูมาแถมยังให้คนออกติดตามหาญาติหนูไมค์ให้อีก การดูแลสองเมืองแทนทุกคนในบ้านจึงเป็นการตอบแทนบุญคุณครอบครัวนี้ แต่ใจจริงๆหนูไมค์ก็ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณอย่างเดียวหรอกนะ อันที่จริงตัวเค้าเองก็อยากเป็นคนดูแลสองเมืองด้วยความเต็มใจ ถึงบางทีจะโดนสองเมืองดุก็ตามเถอะ หนูไมค์เลือกที่จะอยู่ข้างๆเค้าเสมอ อาจจะเป็นเพราะความเห็นใจ? ไม่น่าจะใช่ หนูไมค์เองอยากอยู่ใกล้ๆสองเมือง หรืออาจจะเป็นเพราะความสงสาร? ก็ไม่น่าจะใช่อีก หนูไมค์เองดูแลสองเมืองแล้วมีความสุข เอ๊ะ..มีความสุขอย่างนั้นเหรอ หรืออาจจะเป็นเพราะหนูไมค์ชอบสองเมืองเข้าแล้ว
อะไรนะ...เค้าชอบสองเมืองอย่างนั้นเหรอ?
หนูไมค์เคยได้ยินมาว่า การชอบใครสักคนก็คือการที่เราอยากอยู่ใกล้ๆกับคนคนนั้น อยากจะดูแลเค้าไปตลอด อยากอยู่เคียงข้างเค้าเสมอ อยากช่วยเหลือเค้าในยามทุกข์ร้อน ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นหนูไมค์เข้าข่ายทั้งหมดเลย ถึงแม้สองเมืองจะชอบดุใส่ ตวาดใส่ โวยวายใส่ยังไงหนูไมค์ก็ยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆ ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้สองเมืองจะรู้ไหมนะว่าคนตัวเล็กมีความสุขแค่ไหน หนูไมค์พึ่งจะรู้ตัวว่าเวลาอยู่กับสองเมืองทีไร ปากจิ้มลิ้มน่ารักของเค้านั้นจะคลี่ยิ้มออกมาตลอดเวลา และเวลาจ้องมองหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นทีไรทำหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักทุกทีเลย
โอเค...ตอนนี้หนูไมค์ยอมรับกับตัวเองในใจแล้วว่า ชอบสองเมืองเข้าแล้วจริงๆ
แต่เค้าไม่ได้หวังที่จะให้สองเมืองมาชอบมารักในตัวเค้าหรอก ใครจะมารักเด็กกำพร้าพ่อแม่แบบหนูไมค์กันล่ะ อีกอย่างที่สำคัญเค้าเป็นใบ้อยู่แบบนี้คงไม่มีโอกาสได้บอกสองเมืองอยู่แล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไง ทำได้แค่เพียงเก็บความรู้สึกไว้ในใจตอนนี้ร่างสูงตาบอดมองไม่เห็นแบบนี้ก็ต้องการคนคอยดูแลเป็นธรรมดา ถ้าหากวันนึงสองเมืองได้รับการผ่าตัดและกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม หนูไมค์คงไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าตัวแล้วมั้ง ขออยู่แบบนี้สักพักได้รึเปล่า ขอแอบมองสองเมืองอยู่แบบนี้ไปอีกสักระยะจะได้ไหมนะ ขออยู่ใกล้ๆแบบนี้อีกสักนิดจะได้ไหมนะ
แอบดีใจอยู่เหมือนกันที่สองเมืองจะให้หนูไมค์ดูแลต่อไป เป็นโชคดีของหนูไมค์เหลือเกิน
เวลาล่วงเลยมาถึงยามดึก ตอนนี้สองเมืองหลับไปแล้ว เหลือเพียงแต่คนตัวเล็กที่เอาแต่จ้องมองนาฬิกาอยู่อย่างนั้น อีกสิบนาทีจะพ้นปีแล้วนะ สามปีที่ผ่านมาตั้งแต่โดนคุณอาเอามาทิ้งที่เมืองไทยหนูไมค์ก็ไม่เคยได้จัดงานฉลองปีใหม่เหมือนตอนเด็กๆอีกเลย เค้าต้องทำงานหนักมากในวันนี้ ต้องเสิร์ฟอาหารให้แขกที่เข้ามาฉลองภายในร้านจนไม่ได้หยุดพัก พอเลิกงานก็ได้กลับมาเคาท์ดาวน์คนเดียวที่ห้องพักคนงานเล็กๆ ไม่มีลูกโป่ง ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีขนม และไม่มีพ่อกับแม่เหมือนตอนที่หนูไมค์ยังเด็ก มีเพียงเค้าคนเดียวที่นั่งนับถอยหลังกับนาฬิกากระปุก คิดถึงตอนนั้นก็แอบน้อยใจในโชคชะตาอยู่เหมือนกันที่ต้องมาเจออะไรเลวร้ายแบบนี้
ร่างบางเหลือบนั่งกอดเข่าเหลือบมองสองเมืองที่นอนอย่างสงบนิ่ง มองทีไรก็แอบเขินทุกทีกับใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนหลับก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่พอตื่นขึ้นมานี่อย่างกับคนละคนเลย คนอะไรก็ไม่รู้ชอบดุชอบโวยวายใส่หนูไมค์ แต่ยังไงก็ชอบไปแล้วนี่น่า ช่วยไม่ได้จริงๆ คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆก่อนจะดึงผ้าห่มหนาขึ้นกระชับอกคนที่หลับอยู่
“ฮึ่ม...ยังไม่นอนอีกเหรอมึง” สองเมืองครางฮือออกมาเบาๆ ในขณะที่ตายังหลับอยู่เหมือนเดิม หรือว่าละเมอกันนะ
“รอเคาท์ดาวน์อยู่รึไง” คราวนี้ร่างสูงปรือเปลือกตาขึ้น ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
หนูไมค์เขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูง พร้อมกับจับมือหนาขึ้นมาบีบสองครั้งเพื่อบอกว่าใช่ เค้ากำลังรอเค้าท์ดาวน์อยู่
“จะเที่ยงคืนรึยังนะ” สองเมืองล้องสร้อยเงินที่คล้องด้วยนาฬิกาบอกเวลาไฮเทคออกมาจากเสื้อก่อนจะกดฟังเวลา
‘ขณะนี้ เวลา 23.53 น.’
“อีก 7 นาที...ถ้าใกล้ถึงเที่ยงคืนก็สะกิดกูด้วย”
หนูไมค์บีบมือหมาอีกสองครั้งเพื่อบอกว่าเค้ารับทราบแล้ว
“เฮ้อ...ทุกทีกูก็คงจัดปาร์ตี้ที่ผับกับเพื่อนๆว่ะ ปีนี้แม่งเซ็งฉิบ เมื่อไหร่จะได้ผ่าตัดสักทีวะ”
คนตัวเล็กหน้างอทันทีที่ได้ยินแบบนั้น จะว่ายังไงดีล่ะ สองเมืองกลับมามองเห็นก็ดีเหมือนกัน แต่สำหรับหนูไมค์แล้วอยากขอเวลาอีกสักพักได้รึเปล่า ยังไม่อยากให้สองเมืองมองเห็น ถ้าวันไหนที่ได้รับการผ่าตัด หนูไมค์กลัวว่าตัวเองจะถูกสองเมืองเมิน เพราะตัวเค้าเองก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปหากอีกคนมองเห็นและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หมดทุกอย่าง ในที่สุดหนูไมค์ก็คงต้องโดนสองเมืองทิ้งแน่ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยจริงๆ
“หลังจากปาร์ตี้เสร็จ กูก็จะหิ้วหญิงขึ้นโรงแรม...แม่ง..ไม่ได้ปลดปล่อยมานานแค่ไหนแล้ววะเนี่ย” สองเมืองยกนิ้วขึ้นมานับวันเวลาแล้วก็พึมพำกับตัวเองเบาๆ
สองเมืองคงเป็นแบดบอยครบสูตรเลยสินะ แข่งรถ เที่ยวผับ ดื่มของมึนเมา คั่วหญิงไปทั่ว สองอย่างแรกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อย่างสุดท้ายนี่สิทำเอาหนูไมค์หน้างอขึ้นกว่าเดิม มันเกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นที่อกอย่างไรไม่รู้ คนตัวเล็กอุตส่าห์ดีใจที่ได้นอนร่วมเตียงกับสองเมือง ไม่คิดไม่ฝันว่าคนร่างสูงจะหิ้วหญิงขึ้นเตียงด้วยเหมือนกัน พึ่งรู้เลยนะเนี่ย ถ้าอย่างนั้นอาการเจ็บแปลบเมื่อกี้คงเป็นอาการอิจฉารึเปล่านะ หนูไมค์คงอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นที่ได้นอนข้างๆกับสองเมือง เอ๊ะ...การหิ้วหญิงขึ้นโรงแรมที่สองเมืองพูดนี่คือการร่วมรักกันรึเปล่านะ อะไรกันผู้หญิงพวกนั้นคงได้นอนกอดสองเมืองทั้งคืนแน่เลย ยิ่งคิดยิ่งเจ็บยิ่งหน้างอขึ้นกว่าเดิม
อาการอิจฉาของเด็กใบ้มันช่างน่ารักซะจริงๆ ถ้าสองเมืองเห็นใบหน้าน่ารักง่ำงอแบบนี้ก็คงจะอดขำไม่ได้ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ดวงตากลมโตที่ดูออดอ้อนนั้นตอนนี้คลอไปด้วยน้ำตาใสเม็ดโต ปากเล็กๆนั้นเบะเหมือนเด็กน้อยที่กำลังงอแงไม่มีผิด
“ไอ้ไมค์ มึงเป็นคนแรกเลยนะที่กูพาขึ้นเตียงแล้วไม่ทำอะไรมึง....”
เอ๊ะ...แต่หนูไมค์เป็นผู้ชายนะ จะทำอะไรยังไงได้ที่ไหนกันล่ะ สองเมืองบ้าไปแล้ว
“หึหึ กูอ่ะได้ทั้งชายและหญิง รู้ไว้ซะ....แต่ไอ้สามมันบอกมึงว่าหน้าตามึงอัปลักษณ์ พอจินตนาการกูเลยไม่กล้าทำอะไรเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
ที่จริงหนูไมค์หน้าตาน่ารักมาก สองเมืองเองก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะเค้าได้สัมผัสทุกส่วนที่อยู่บนใบหน้าเล็กๆนั้นมาแล้ว ตา จมูก ปาก โครงหน้ามันสมดุลกันไปซะหมด แค่ปลายนิ้วสัมผัสร่างสูงก็สามารถนำทุกอย่างมาจินตนาการได้ ตาบอดมองไม่เห็นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรอกถ้าคิดจะปล้ำไอ้เจ้าเปี๊ยกนี่ เค้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งหลายยี่สิบปี ประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ก็ช่ำชองซะเหลือเกิน หลับตาทำก็ยังได้ แต่ไม่รู้ทำไมสองเมืองจึงเลือกที่จะนิ่งเฉย คงเป็นเพราะในใจลึกๆของเค้าเองก็คงเอ็นดูและอยากทะนุถนอมเจ้าเปี๊ยกนี่ไว้เหมือนกัน
แล้วทำไมเค้าถึงต้องไปเอ็นดูมันด้วยล่ะ....อาจจะเป็นเพราะหนูไมค์คอยดูแลสองเมืองล่ะมั้ง ก็เลยไม่อยากคิดอกุศลด้วย
“ไหนซิ...” ร่างสูงใช้มือคลำหาคนตัวเล็ก พอจับได้ก็ดึงตัวหนูไมค์เข้ามาใกล้ๆก่อนจะใช้นิ้วไล่ไปตามสัดส่วนของโครงหน้าเล็กช้าๆ
“เอ๊ะ...นี่มึงร้องไห้เหรอไอ้ไมค์ หรือเพราะกูว่ามึงอัปลักษณ์เลยร้องไห้น่ะห้ะ?” สองเมืองใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแอบคนตัวเล็กออก ที่จริงแล้วหนูไมค์ไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องที่สองเมืองว่าตัวเองอัปลักษณ์หรอก แต่ร้องไห้เพราะอิจฉาพวกผู้หญิงที่สองเมืองหิ้วไปนอนด้วยต่างหาก!
“ขี้แยจริงๆเลยมึง เอ้า...เลิกร้องได้แล้วสัส” สองเมืองเขกหัวทุยของเจ้าเปี๊ยกเบาๆอย่างหมั่นไส้
“ถึงหน้ามึงจะอัปลักษณ์เหมือนที่ไอ้สามภพมันว่า แต่ถ้ากูได้รับการผ่าตัดแล้ว....คนแรกที่กูอยากมองเห็นก็คือมึงนะไอ้ไมค์”
เมื่อกี้หนูไมค์หูฝาดไปรึเปล่า ที่ได้ยินแบบนั้น ดีใจจังเลย ดีใจสุดๆที่สองเมืองอยากเห็นหน้าหนูไมค์เป็นคนแรก แก้มขาวใสเริ่มแดงเหมือนมะเขือเทศขึ้นมาทันทีที่ได้ยินสองเมืองพูด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนได้ยินออกมาข้างนอกแล้ว เขินชะมัดเลย ทางดานสองเมืองเองก็ไม่เข้าใจที่ตัวเองพูดออกไปแบบนั้น ไอ้เด็กบ้านั้นจะคิดยังไงนะที่เค้าบอกอยากเห็นหน้ามันคนแรก แต่มันก็จริงอย่างที่เค้าพูดนั้นแหละ เจ้าเปี๊ยกนี่คอยดูแลเค้ามาตลอดแรมเดือน อีกทั้งยังไม่เคยทิ้งเค้าไปไหนเหมือนที่ครอบครัวเค้าทิ้ง หึ คนที่ไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าอีกทั้งยังพูดไม่ได้แบบนี้ยังคอยอยู่เคียงข้างสองเมืองเสมอ ทั้งที่ครอบครัวของเค้าเองต่างผลัดสองเมืองเป็นภาระให้คนนั้นคนนี้ ตอนนี้หนูไมค์กลายเป็นคนสำคัญของสองเมืองไปแล้ว ถ้าขาดหนูไมค์ก็เหมือนกับสองเมืองสูญเสียดวงตา สูญเสียแขนขาด้วย เค้าภาวนาตลอดทุกคืนว่าขอให้หนูไมค์ไม่ทิ้งเค้าไปไหนเหมือนคนอื่นๆ ขอให้ได้รับการผ่าตัดดวงตาในเร็ววันเพื่อที่เค้าจะได้มองเห็นหน้าตาของคนสำคัญอย่างเจ้าเปี๊ยกนี้ด้วยเถอะ
“ใกล้จะเที่ยงคืนรึยังนะ....” ร่างสูงเฉไฉไปเรื่องอื่น ก่อนจะกดนาฬิกาไฮเทคเพื่อฟังเวลา
‘ขณะนี้ เวลา 23.59 น.’
“มานับถอยหลังกันเถอะ บีบมือกูเพื่อนับถอยหลังนะ”
หนูไมค์บีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว สองเมืองเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่วินาทีที่ 60 เป็นต้นมาเรื่อยๆ พอเข้าใกล้สิบวินาทีสุดท้าย หนูไมค์ก็เริ่มบีบมือสองเมืองตามจังหวะการนับวินาทีของร่างสูง
“10...9...8...7...6...5...4...3...2...1”
เสียงจุดพลุและประทัดดังขึ้นหลังจากที่สองเมืองนับถอยหลังถึงหนึ่งวินาทีสุดท้าย หนูไมค์วิ่งลงจากเตียงไปเกาะหน้าต่างเพื่อดูพลุขนาดใหญ่ที่กำลังแผ่กระจ่ายอย่างสวยงามอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน อยากให้สองเมืองเห็นบ้างจังว่าพลุมันสวยมากขนาดนั้น เริ่มต้นปีใหม่แล้วสินะ เอาล่ะต่อจากวันนี้ไปหนูไมค์จะดูแลสองเมืองให้ดีกว่าทุกวันเลย คนตัวเล็กเดินกลับมาหาสองเมืองที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนจะเขย่ามือร่างสูงไปมาอย่างดีใจ
“ไอ้ไมค์..มึงรู้รึเปล่า ปีใหม่เค้าให้ข้อพรได้หนึ่งข้อ รีบๆขอสิ”
คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะหลับตาอธิษฐานสิ่งที่ปรารถนา....ปีใหม่นี้ขอให้สองเมืองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุร้ายแรงแบบนั้นอีก และขอให้สองเมืองมีความสุขๆมากด้วยเถอะ
ส่วนด้านสองก็ยกมือขึ้นไหว้อธิษฐานเช่นกัน...ปีใหม่นี้ขอให้เค้าได้รับการผ่าตัดดวงตาด้วยเถอะ อยากจะเห็นหน้าเจ้าเปี๊ยกนี่ใจจะขาดอยู่แล้ว
“สวัสดีปีใหม่ไอ้ไมค์ มีความสุขมากๆล่ะ” สองเมืองยกมือขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆ หนูไมค์ยิ้มรับก่อนจะบีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าขอบคุณ
สักพักเสียงโทรศัพท์ของสองเมืองก็ดังขึ้น หนูไมค์รีบวิ่งไปหยิบแล้วกดรับทันทีก่อนจะส่งให้คนร่างสูงที่กำลังจะเอนตัวนอนลง
“ครับ....”
“สอง...นี่แม่เองนะลูก” เสียงจากปลายสายคือคุณหญิงหยกมณีแม่ของเค้าเอง เสียงของเธอแลดูตื่นเต้นซะจริงๆ
“มีอะไรครับ”
“สอง แฮปปี้นิวเยียร์นะลูก แม่มีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวดีอะไรครับ” จะข่าวดีแค่ไหนก็ช่างตอนนี้สองเมืองเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะเค้ายังโกรธคุณหญิงหยกมณีอยู่ ทิ้งลูกตัวเองไปทำงาน ทั้งๆที่สองเมืองตาบอดนี่นะ หึ
“แม่ได้รับข่าวดีจากคุณหมอประจำตัวลูกแล้ว มีคนจะบริจาคดวงตาใหม่ให้ลูกแล้วนะสอง แม่ดีใจจริงๆเลย”
“อะไรนะครับ!” สองเมืองไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินมารดาพูดแบบนั้นเลยจริงๆ นี่ค้ำกลังจะได้รับการผ่าตัดดวงตาใหม่อย่างนั้นเหรอ แสดงว่าในเร็วๆนี้เค้าจะได้มองเห็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม มันช่างเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ซะจริงๆเลย
“อีกสองวันแม่จะบินกลับไปกับพ่อนะลูก เตรียมตัวไว้ค่ะ...พอแม่ไปถึงลูกจะได้รับการผ่าตัดดวงตาทันที รอแม่ก่อนนะสอง”
“ข...ขอบคุณครับแม่”
ตอนนี้สองเมืองพูดไม่ออกเลยทีเดียว มันดีใจจนตัวสั่นไปหมดแล้ว คำอธิษฐานเมื่อกี้ของเค้าเป็นจริงแล้วใช่ไหม ในที่สุดเค้าก็จะได้กลับมามองเห็นอีกครั้งแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระของคนที่บ้านอีกต่อไป และที่ดีใจที่สุดก็คือจะได้เห็นหน้าไอ้หนูไมค์สักที มันตื้นตันจนบอกไม่ถูกเลยตอนนี้ เมื่อไหร่จะถึงวันที่ได้รับการผ่าตัดนะ ตื่นเต้นชะมัดเลย
“อ...ไอ้ไมค์ กูจะได้มองเห็นแล้วนะเว้ย! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยู้ฮู้ ดีใจสุดๆเลยว่ะ”
หนูไมค์เองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน คำอธิษฐานของเค้าเป็นจริงนะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าสองเมืองจะมีความสุขสุดๆไปเลย ต่างกับเค้าเหลือเกิน ถ้าหากสองเมืองกลับมามองเห็นอีกครั้งหนูไมค์ก็คงไม่ได้ดูแลและอยู่ใกล้ๆสองเมืองแบบนี้อีกแล้วสิ มันเห็นแก่ตัวรึเปล่าที่อยากให้สองเมืองเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก หนูไมค์กลายเป็นเด็กไม่ดีแล้วเหรอเนี่ย รู้ทั้งรู้ว่าการมองไม่เห็นมันทรมานแต่เค้าก็ยังอยากให้สองเมืองมองไม่เห็นอีกสักระยะ คนตัวเล็กโผเข้ากอดร่างสูงเพื่อแสดงความดีใจ สองเมืองเองก็ชะงักและเอะใจกับท่าทีอีกคนแต่ก็ดึงอีกคนมากอดให้แนบแน่นกว่าเดิม
“ขอบใจมึงมากนะที่อยู่ข้างกูและดูแลกูมาตลอด...”
“ขอบใจนะที่คอยลำบากอยู่กับกู กูทนรอไม่ไหวแล้วว่ะที่จะเห็นหน้ามึง...หลังวันผ่าตัดเสร็จมึงต้องอยู่ข้างกูนะ กูอยากเห็นมึงเป็นคนแรกนะไมค์”
คนตัวเล็กกอดร่างสูงแน่นขึ้นก่อนจะใช้กำปั้นเล็กทุบหลังกว้างของสองเมืองเบาๆสองครั้งเพื่อบอกว่าเค้าตกลงและสัญญาในใจตัวเองว่าจะคอยอยู่เคียงข้างสองเมืองจนกว่าวันที่สองเมืองจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง ถึงวันนั้นถ้าหากสองเมืองยังคงต้องการหนูไมค์อยู่ เค้าก็จะคอยอยู่ดูแลไม่ห่างเหมือนเดิม
“ขอบใจว่ะไมค์...”
เจ้าเปี๊ยกจะรู้ไหมนะว่า...ของขวัญที่ดีที่สุดของสองเมืองตอนนี้ก็คือการที่มีหนูไมค์อยู่เคียงข้างแบบนี้เสมอ...
TBC.เลื่อนมาลงวันนี้แทนวันศุกร์ กลัวไม่ว่าง ฮ่าๆ ขอบคุณที่ติดตามพี่สองกับน้องไมค์มากๆนะคะ
สามารถติชมนิยายได้นะคะเพราะแต่งครั้งแรก ไม่โอเคตรงไหนบอกนะคะจะนำไปปรับปรุง
และก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆน้า