DUMP&BLIND ใบ้กับบอด ตอนที่ 14 23.05.15 (P.12)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด ตอนที่ 14 23.05.15 (P.12)  (อ่าน 55210 ครั้ง)

ออฟไลน์ PIMJOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


เค้า...ผู้ที่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่างกับอีกคนที่พูดไม่ได้เลยสักแอะ จะอยู่ร่วมกันได้ไหม?



โปรดติดตาม

DUMP AND BLIND ใบ้กับบอด



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 13:04:45 โดย PIMJOO »

ออฟไลน์ PIMJOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด
«ตอบ #1 เมื่อ18-12-2014 14:39:10 »

Intro





แลมโบกินี่สีดำสุดหรูแล่นไปบนท้องถนนที่เงียบกริบไร้วี่แววยานพาหนะอย่างอื่น ก็แน่ล่ะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปตีสามแล้ว ร่างสูงกำยำหน้าตาหล่อเหลาเจ้าของรถคันหรูพึ่งขับออกมาจากผับชื่อดังของตัวเองที่ร่วมลงทุนเปิดกับเพื่อนอีกสองคน เมื่อถึงเวลาผับปิดเค้าก็ตรงดิ่งกลับคอนโดราคาหลายล้านย่านชานเมืองของตัวเอง


‘สองเมือง หงษ์วิไลเลิศสกุล’


หนุ่มเจ้าสำราญลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านประธานปิ่นฤดีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในประเทศ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยสองเมืองก็เอาแต่เที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปวันๆ ไม่นานมานี่เองเค้ากับเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมได้ลงทุนเปิดผับหรูด้วยกัน ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ได้ขัดใจอะไรนัก ก็ยังดีที่รู้จักทำงานหาเงินเองได้แต่ยังไงคุณปิ่นฤดีก็โอนเงินเข้าบัญชีลูกชายตัวเองเดือนละล้าน ไม่ต้องตกใจไปที่ค่าเงินนั้นจะมากเกินไป ไม่ทันใดสองเมืองเค้าก็ใช้หมดในเร็ววันอยู่ดี


ไม่ทันที่จะคิดอะไรเพลินๆก็มีรถแลมโบกินี่สีขาวอีกคันตีไฟใส่สองเมืองจากข้างหลัง มิหนำซ้ำยังเบิ้ลรถใส่อีกต่างหาก ดูก็รู้ว่าใคร...สองเมืองจำรถคันนั้นได้มันคือรถของเฟร็ดเดอริกคู่อริของเค้านั้นเอง มันกำลังท้าทายเค้าอยู่รึไง หึ รู้จักสองเมืองคนนี้หน่อยไปซะแล้ว


ร่างสูงเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อหนีจากการก่อกวนของคู่อริ ส่วนอีกฝ่ายก็เหยียบคันเร่งตามมาติดๆไมยอมละเลิก สองเมืองรู้ว่าเฟร็ดเดอริกกำลังท้าทายอำนาจมืดของเค้า ทั้งสองเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเริ่มด้วยเรื่องบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่พ่อของทั้งสองคนเป็นคู่แข่งกัน จวนมาถึงรุ่นลูกก็ยังคงเป็นคู่แข่งกันอีก งานอดิเรกของสองเมืองและเฟร็ดเดอริกคือการแข่งรถ และนั้นคือจุดเริ่มของคำว่าคู่อริ เมื่อไม่นานมานี้เองสองเมืองได้แย่งแฟนสาวของเฟร็ดเดอริกเพื่อหักหน้า นั้นทำให้อีกฝ่ายโกรธแค้นสองเมืองเป็นอย่างมาก


และวันนี้ก็เป็นวันที่เฟร็ดเดอริกจะเอาคืนสองเมือง!


แลมโบกินี่สองสีดำขาวกำลังบดเบียดขยี้กันอยู่บนท้องถนนอย่างไม่มีใครยอมใคร อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เขตชานเมืองแล้ว สองเมืองหักรถกระแทกรถของเฟร็ดเดอริกอย่างแรง จนแลมโบกินี่สีขาวของอีกฝ่ายตกลงไปในพงหญ้าข้างทาง ก็ยังดีที่สองเมืองไม่เบียดรถของเฟร็ดเดอริกตกสะพานไม่ก็ตกน้ำ อย่างน้อยตกลงไปในพงหญ้าข้างทางก็คงจะไม่ตายหรอก


สองเมืองกำลังเหยียดยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะกำลังเร่งรถให้เร็วกว่าเดิมอย่างสะใจ แสงไฟหน้ารถคันหรูสาดส่องไปยังท้องถนนก็ปรากฎร่างเล็กนั้นถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งผลักออกมาจากฟุตบาธ คนตัวเล็กล้มกลิ้งลงมาบนกลางถนนใหญ่ในขณะที่มีรถแลมโบกินี่ของสองเมืองขับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงเสี้ยววินาทีร่างสูงก็หักหลบสิ่งกีดขวางเป็นท้องถนน


เอี๊ยดดดดดดดดดด!!!


เสียงดอกยางล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังกังวานไปทั่ว คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่สติจะดับวูบไป ส่วนรถของคู่กรณีเนื่องจากเบรกกะทันหันพร้อมกับที่ร่างสูงหักรถหลบนั้นก็ทำให้รถของเค้าพลิกคว่ำลงไปในข้างทาง


นี่ก็คงจะเป็นกรรมของสองเมืองที่ทำไว้กับเฟร็ดเดอริกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา กรรมติดจรวดจริงๆและยิ่งแย่ไปกว่านั้น กรรมที่ว่า...คงจะรวมตัวกันเป็นกรรมใหญ่เคราะห์ใหญ่เลยก็ว่าได้


เพราะตั้งแต่เวลานี้เป็นตนไป...ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม





TBC.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2015 11:16:38 โดย PIMJOO »

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทนำ UP18/12/14
«ตอบ #2 เมื่อ18-12-2014 14:44:34 »

น่าติดตามมากๆเลย  o13

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทนำ UP18/12/14
«ตอบ #3 เมื่อ18-12-2014 15:04:55 »

นั่งรอติดขอบจอ


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทนำ UP18/12/14
«ตอบ #4 เมื่อ18-12-2014 15:06:24 »

 :mc4: รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ kang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทนำ UP18/12/14
«ตอบ #5 เมื่อ18-12-2014 15:19:13 »

 :mc4: รอ เรื่องน่าติดตามมากๆๆ

ออฟไลน์ PIMJOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทนำ UP18/12/14
«ตอบ #6 เมื่อ18-12-2014 15:34:23 »

Chapter 1




หลังจากเกิดอุบัติเหตุคืนนั้นสองเมืองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ผู้เป็นมารดาอย่างคุณหญิงหยกมณีก็ร้อนรนอยู่ไม่น้อย ก็ยังดีที่มีลูกชายคนโตอย่างหนึ่งสยามเป็นผู้ดูแลอยู่ไม่ห่าง คุณหญิงหยกมณีได้แต่เฝ้ารอคอยให้ลูกชายคนกลางอย่างสองเมืองฟื้นคืนมา และนี่ก็ผ่านสี่วันจะเข้าห้าวันอยู่แล้วเชียว ร่างสูงก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนเดิม


“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าสองมันหรอกครับ หมอบอกอีกไม่นานก็คงจะฟื้น”


“จะให้แม่ไม่ร้อนใจได้ยังไงกันตาหนึ่ง น้องแกรถพลิกคว่ำซะขนาดนั้นนี่ยังดีนะที่รอดมาได้ แม่ผิดเองที่ไม่ได้อยู่ดูแลเจ้าสองมัน”

คุณหญิงหยกมณีและสามีของเธอท่านปิ่นฤดีได้เดินทางไปเปิดสาขารีสอร์ทสุดหรูถึงเกาะมัลดีฟส์ ก็เลยไม่ได้อยู่ดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเหมือนเคย หลังจากที่ได้ยินข่าวเรื่องอุบัติเหตุของลูกชายคนกลางก็ดิ่งกลับมาไทยด้วยความร้อนใจอยู่ไม่น้อย


“แม่ครับ...สองมันโตแล้วนะครับ อายุก็ปาไปแล้วตั้งยี่สิบห้าทำอย่างกับมันเป็นเด็กไปได้”


“ก็น้องแกมันเหมือนชาวบ้านชาวช่องที่ไหนล่ะ ถ้าเป็นได้แบบแกกับสามภพก็คงจะดี”


คุณหญิงเอ่ยถึงสามภพลูกชายคนเล็ก ที่ตอนนี้กำลังเรียนในชั้นปีสองคณะวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง สามภพเป็นเด็กดีเรียนเก่งอยู่ในโอวาทของเธอกับท่านปิ่นฤดีเสมอ ไม่เหมือนกับสองเมืองที่ทำตัวแปลกแยกต่างจากพี่น้องตัวเอง จึงทำให้เธอห่วงลูกชายคนนี้ยิ่งกว่าใคร


“แล้วนี่คุณพ่อจะกลับมาดูอาการเจ้าสองมันไหมครับ”


“พ่อแกติดงานสำคัญคงมาไม่ได้ แม่มาคนเดียวก็เกินพอแล้ว...เอ๊ะ....แล้วนี่คู่กรณีของเจ้าสองเป็นยังไงบ้าง”


คู่กรณีที่ว่าก็คือหนุ่มน้อยคนที่สองเมืองเกือบขับรถชนนั้นเอง ถึงจะเกือบถูกชนแต่ก็ไม่วายมีบาดแผลตามร่างกายอยู่ไม่น้อย หนึ่งสยามได้เป็นผู้เข้าไปเจรจากับอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเลย เด็กหนุ่มคนนั้นได้แต่นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา คงอาจจะเป็นเพราะว่ายังช็อคกับเหตุการณ์เมื่อสี่วันก่อนอยู่ล่ะมั้ง


“เด็กคนนั้นไม่ยอมพูดเลยครับ”


“แล้วตอนนี้เค้าอยู่ไหนล่ะ” คุณหญิงหยกมณีอดห่วงไม่ได้


“ห้องถัดไปนี่เองครับ ผมจัดการเรื่องห้องและค่ารักษาให้เค้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าเค้าจะเรียกค่าเสียหายอีกคงไม่เป็นไรใช่ไหมครับคุณแม่”


เนื่องจากหนึ่งสยามพยายามถามเด็กหนุ่มคนนั้นเกี่ยวกับญาติพี่น้อง เพื่อจะได้เจรจากันเรื่องค่าเสียหาย แต่พยายามยังไงเด็กคนนั้นก็ไม่ยอมปริปากพูดสักแอะเดียว หนึ่งสยามก็เลยได้แต่ปลงและออกค่ารักษาพยาบาลให้ก่อน


“พาแม่ไปหาเด็กคนนั้นทีสิ”


ก๊อกๆ ก๊อกๆ


สองแม่ลูกเปิดประตูห้องผู้ป่วยวีไอพีที่ถัดจากห้องสองเมืองเข้าไปก็พบร่างเล็กผอมบางของเด็กหนุ่มคนนึงนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง หนึ่งสยามเดินเข้าไปแตะไหล่ร่างบางทำให้อีกคนสะดุ้งจนตัวโยนเลยทีเดียว แต่พอรู้ว่าเป็นใครเด็กคนนั้นก็ยกมือไหว้หนึ่งสยามกับคุณหญิงหยกมณี


“หนู...ฉันเป็นแม่ของคนที่...เอ่อ...ขับรถเฉียวหนูนะจ๊ะ ฉันอยากรู้ว่าพ่อแม่เธอจะคิดค่าเสียหายเท่าไหร่”


หนุ่มน้อยส่ายหัวไปมา ดวงตากลมโตสลดลงทันใด เอ..หรือว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่กันนะ คุณหญิงหยกมณีได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ เธอไล่มองจากเค้าโครงหน้าของอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นคนยาจกอะไร อาจจะเป็นลูกผู้ดีซะด้วยซ้ำไป


ใบหน้ารูปไข่ขาวใส ตากลมโต จมูกโด่งรั้นนิดๆรับกับปากเล็กจิ้มลิ้มสีแดงระเรื่อ ผิวพรรณขาวผ่องเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดช่างเข้ากันกับผมสีน้ำตาลอ่อนที่ตัดสั้นของเค้าซะจริงๆ ภาพรวมเด็กคนนี้น่าจะเป็นลูกคุณหญิงคุณนายไฮโซแน่ๆ แต่น่าเสียดายผิวขาวน้ำนมตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำเขียวม่วงเต็มไปหมด ช่างน่าสงสารซะจริงๆ


“นี่เธอ แม่ฉันถามถึงพ่อแม่ของเธอ ถ้าเธอไม่ตอบเราจะรู้เหรอว่าต้องคุยเรื่องค่าเสียหายกับใคร”


คนตัวเล็กส่ายหัวไปมาอีกครั้ง ชักจะทำให้หนึ่งสยามหงุดหงิดแล้วสิ ปกติเค้าเป็นคนอารมณ์เย็นและมีเหตุผลพอสมควร แต่ตอนนี้อยากจะเค้นความออกจากเด็กคนนี้ซะเหลือเกิน ดื้อดานอยู่ได้แล้วแต่ส่ายหัวไปมาเสียมารยาทจริงๆ นี่ขนาดผู้ใหญ่มาคุยด้วยแล้วนะ


“หนู...นี่ถ้าหนูไม่...”


ปัง!!!


“ไอ้เด็กนรก! นี่แกไม่ไปทำงานที่ร้านตั้งสี่วันมานอนสำออยอะไรอยู่นี่!”


ไม่ทันที่คุณหญิงจะได้ถามไถ่เด็กคนนี้ก็มีหญิงวัยกลางคนเปิดประตูเดินพรวดพราดเข้ามา เธอเดินตรงเข้ามากระชากแขนเล็กๆของคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วออกแรงกระชากทันที ทำให้ร่างเล็กโอนเอนตามแรงและตกลงมาบนพื้นดังปึ้ก


“นี่คุณ ใจเย็นๆก่อนสิครับ เห็นไหมว่าเค้าไม่สบายอยู่ แล้วนี่คุณเป็นญาติน้องเค้ารึเปล่า”


“หึ ฉันนี่ญาติไอ้เด็กเวรนี้ จะบ้ารึไง! ฉันเป็นเจ้านายมันและมันก็ขาดงานที่ร้านไปตั้งสี่วันรู้ไหมว่าฉันต้องหาเด็กมาแทนไอ้ตัวดีนี่”


“น้องเค้าถูกรถน้องชายผมเฉียว ก็เลยได้มาอยู่ที่โรงพยาบาล”


“ทำไมแกไม่ถูกรถชนให้ตายๆไปเลยซะก็ดี แกนี่มันไร้ค่าซะจริงๆพิการแล้วยังเสือกเป็นภาระให้ฉันอีกนะ!” สาวเจ้าอารมณ์แผดเสียงไปทั่วห้องด้วยความเกรี้ยวโกรธ


“ตายจริง! นี่คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง” คุณหญิงค่อยพยุงร่างเล็กขึ้นมาพร้อมกับตวัดมองผู้หญิงใจร้ายตรงหน้าเธอ

“แล้วค่าเสียหายคุณจะคิดเท่าไหร่” หนึ่งสยามเอ่ยถามเจ้าหล่อน


“แสนนึง!”


“ได้ ผมจะให้คุณสองแสนเลย แต่คุณต้องปฏิบัติกับลูกน้องคุณดีๆไม่ใช่ทำแบบนี้”


“ไหนเงิน เอามาสิยะ!”


หญิงสาวแบมือตรงหน้าชายร่างสูง หนึ่งสยามหยิบเช็คออกมาแล้วเขียนจำนวนตัวเลขหกหลักลงไปก่อนจะยื่นให้หญิงสาว


“ดี...หึ อ๋อ..แล้วแกไม่ต้องมาทำงานที่ร้านฉันแล้วนะ ฉันไม่รับคนพิการอย่างแกเข้าทำงานอีกไร้ประโยชน์จริงๆ” หญิงสาวเหยียดยิ้มเยาะก่อนจะเดินหันหลังออกไปแต่กลับโดนมือใหญ่ของหนึ่งสยามรั้งแขนไว้ก่อน


“คุณหมายความว่าไง คุณจะทิ้งเด็กคนนี้เหรอ”


“ก็ใช่น่ะสิยะ ไร้ประโยชน์จะตาย...พูดก็ไม่ได้ทำงานหนักก็ไม่ได้ป่วยบ่อยแบบนี้ฉันไม่เอาหรอก ที่ฉันยังให้มันทำงานอยู่ก็เพราะเห็นแกแม่ฉันหรอกนะ แต่ตอนนี้แม่ฉันไม่อยู่ฉันก็จะไล่มันออกจากร้านฉัน มีปัญหาอะไร ปล่อย!” เธอบิดรั้งแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มก่อนจะเดินออกไป


“วะ...ว่าไงนะ หนู...หนูพูดไม่ได้เหรอลูก” เด็กหนุ่มสายหัวไปมาอีกเช่นเคย


“โธ่...ช่างน่าสงสาร” คุณหญิงเข้าไปกอดปลอบเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอบช้ำ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องสะเทือนใจรองจากเรื่องที่ลูกชายของเธอประสบอุบัติเหตุ


“เอ่อ...นี่เธอมีบัตรประชาชนรึเปล่า?” หนึ่งสยามถามขึ้นหลังจากที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่


คำตอบที่ได้ก็เหมือนเช่นเคย เด็กคนนั้นส่ายหัวอีกรอบ ตอนนี้คุณหญิงหยกมณีเริ่มน้ำตาคลอพร้อมกับกอดร่างเล็กๆนั้นแน่นเสียจนนิ่วหน้าเจ็บ ชายหนุ่มจึงดึงผู้เป็นแม่ออกห่าง


“หนูเจ็บตรงไหนรึเปล่า? เด็กผู้หญิงน่ารักๆแบบหนูทำไมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ด้วยนะ” คุณหญิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อีกคนก่อนจะยกมือลูบหัวทุยเบาๆ นี่เธอคงยังไม่รู้สินะว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ชาย ก็แน่ล่ะหน้าตาของเด็กคนนี้น่ารักซะยิ่งกว่าเด็กผู้หญิงเสียอีก อีกทั้งผิวพรรณขาวผ่องเหมือนน้ำนมแบบนี้


ร่างเล็กได้แต่ส่ายหน้าอีกที


“แล้วเธอจะไปอยู่ไหนกัน เธอยังเด็กอยู่แถมยังโดนไล่ออกมาแบบนั้น...หรือว่าเธอมีญาติที่ไหน”


เค้าส่ายหัวอีกรอบ


“หนูไม่มีญาติเลยเหรอจ๊ะ” คุณหญิงถามขึ้น


เค้าพยักหน้า


“พ่อแม่หนูล่ะ?”


เค้าส่ายหน้า


“หนูไม่มีพ่อแม่แล้วก็ไม่มีญาติที่ไหนเลยเหรอจ๊ะ”


เค้าพยักหน้า


“โธ่...ช่างน่าสงสาร นี่ตาหนึ่ง...แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงเด็กคนนี้เอง เธอจะเป็นลูกอีกคนของแม่”


“อะไรนะครับ...เฮ้อ...ต้องปรึกษาคุณพ่อด้วยนะครับ”


“พ่อไม่ว่าอะไรหรอกจ่ะ พ่อแกใจดีจะตายไป...นี่หนู หนูไปอยู่กับฉันนะเป็นลูกอีกคนของฉัน ฉันอยากมีลูกสาวมานานแล้ว”


เค้าส่ายหน้าอีกแล้ว ทำเอาคุณหญิงหน้าเจื่อนลงไปเลยทีเดียว


“หนูไม่อยากไปอยู่กับฉันเหรอจ๊ะ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะถลกเสื้อผู้ป่วยขึ้นโชว์แผ่นอกเล็กๆที่ไร้เต้าแบบหญิงสาว นั้นทำให้คุณหญิงกับหนึ่งสยามหัวเราะออกมาในทันที


“ตายจริง ฉันจะได้ลูกชายอีกคนสินะ ขอโทษด้วยนะ”


“มาถึงขนาดนี้แล้ว...ฉันคงต้องยอมรับนายเป็นน้องชายอีกคนสินะ”


รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นทำเอาคุณหญิงหยกมณีกับหนึ่งสยามยิ้มตามไปด้วย เด็กคนนี้ช่างหน้าเอ็นดูเสียนี่กระไร ต่อไปนี้ครอบครัวหงษ์วิไลเลิศสกุลคงมีลูกชายคนที่สี่เข้ามาเพิ่มแล้วสินะ



TBC.


 :katai4: ฝากติดตามด้วยคร้าบ! ลองทายสิว่าใครพระเอก...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2015 13:08:57 โดย PIMJOO »

ออฟไลน์ squall

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 1 UP18/12/14
«ตอบ #7 เมื่อ18-12-2014 16:16:14 »

น่าสนุก มาต่อบ่อยๆ นะคะ รออ่านอยู่

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 1 UP18/12/14
«ตอบ #8 เมื่อ18-12-2014 16:42:58 »

จะเอาอีกๆๆๆ  :ling1: ติดตามเน้อ

ออฟไลน์ kang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 1 UP18/12/14
«ตอบ #9 เมื่อ18-12-2014 17:11:56 »

อ๊ากกกกกกกกกกก ใครพระเอกหละที่นี้ มีต้อง 3 คน  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 1 UP18/12/14
« ตอบ #9 เมื่อ: 18-12-2014 17:11:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 1 UP18/12/14
«ตอบ #10 เมื่อ18-12-2014 18:06:30 »

ลูกคนกลางรึเปล่าอ่ะ (จากชื่อเรื่องมั้ง เดาว่าผลจากอุบัติเหตุน่าจะทำให้สูญเสียความสามารถในการมองเห็น)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ PIMJOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 1 UP18/12/14
«ตอบ #11 เมื่อ18-12-2014 18:17:15 »

Chapter 2




“ว่าแต่นายชื่ออะไร...เอ๊ะ เอ่อ...พี่ลืมไปว่านายพูดไม่ได้” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆให้กับร่างสูง


“หนูเขียนหนังสือได้ไหมจ๊ะ” เค้าพยักหน้า ก็ยังดีที่ยังเขียนหนังสือออกแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย


หนึ่งสยามหยิบกระดาษและปากกาให้อีกฝ่าย เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อตัวเองลงไปในกระดาษ แล้วยื่นให้หนึ่งสยาม ตัวอักษรที่เรียบเรียงอยู่ในกระดาษเป็นชื่อของเด็กคนนี้สินะ


‘Mike Zhou’


“ไมค์โจว? ชื่อของนายเหรอ” คนตัวเล็กพยักหน้า


“แปลกจริง คนอะไรชื่อไมค์โจว” หนึ่งสยามเดินเข้าไปขยี้ผมอีกคน


“นี่ตาหนึ่งไปทำเรื่องรับเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมแม่หน่อยสิ อ๋อ...แล้วก็ให้เค้าตามสืบหาญาติของเด็กคนนี้ด้วยนะ เพื่อนแกเป็นตำรวจเยอะเลยนี่หน่า”


“ครับแม่ แม่แน่ใจนะที่จะรับเค้าเป็นบุตรบุญธรรมน่ะ”


“แม่แน่ใจ เมื่อกี้แม่ก็โทรเล่าให้พ่อฟังทั้งหมดแล้ว พ่อก็โอเคนะ อ๋อ..จริงสิ แม่ต้องกลับไปเฝ้าตาสองแล้วล่ะ หนูไมค์อยู่กับพี่หนึ่งไปก่อนนะลูก” ไมค์พยักหน้ายิ้มๆให้คุณหญิง


“ฉันอยากรู้ประวัติของนาย นายช่วยเขียนให้ฉันอ่านได้ไหม”


ไมค์พยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระดาษอีกแผ่นมาเขียนยุกยิกๆอยู่นานพอสมควร ประวัติที่หนึ่งสยามต้องการทราบถูกเรียบเรียงเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเต็มสองหน้ากระดาษ อะไรกัน...เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้อง แถมยังเป็นใบ้แบบนี้ไปเรียนภาษาอังกฤษมาจากไหน คำศัพท์หรือไวยากรณ์ที่เขียนลงถูกต้องตามหลักการทุกอย่าง ทำเอาคนที่เรียนจบปริญญาโทอย่างหนึ่งสยามยังอาย มันน่าแปลกใจจริงๆ


“นายเขียนภาษาไทยไม่ได้เหรอ” เค้าส่ายหัวแทนคำตอบ โอเคเด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เค้าเป็นใบ้ ฟังภาษาไทยออก เขียนไทยไม่ได้...แต่ภาษาอังกฤษจะเก่งไปไหนเหมือนเป็นเจ้าของภาษาเองยังไงอย่างนั้นเลย


เรื่องราวทั้งหมดในกระดาษที่หนึ่งสยามกำลังอ่านเริ่มต้นขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว พ่อแม่ของเด็กไมค์คนนี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ ไมค์เป็นเด็กลูกครึ่งไทยไต้หวัน พ่อเป็นคนไต้หวันส่วนแม่เป็นคนไทย หลังจากที่พ่อกับแม่เสียชีวิตลงก็ถูกน้องชายพ่อฮุบมรดกและสมบัติทั้งหมดในทันที ผู้เป็นอาหลอกล่อว่าจะพาไมค์มาส่งให้พี่สาวของแม่ที่ประเทศไทย และแล้วเค้าก็ถูกทิ้งไว้ที่สนามบินคนเดียว ทั้งเป็นใบ้ทั้งสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ เงินติดตัวก็มีน้อยนิดจึงทำให้เด็กหนุ่มเร่ร่อนไปเรื่อยๆ


จนในที่สุดไมค์ก็ได้มาทำงานเป็นเด็กล้างจานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของร้านเป็นคุณป้าใจดีที่พบไมค์ตอนที่เค้านอนอยู่ข้างถนน เธอพาเค้าไปมาทำงานที่ร้านแลกกับเงินเดือนเล็กๆน้อย อาหารสามมื้อและที่พักอาศัยซึ่งเป็นห้องเล็กๆธรรมดาห้องหนึ่ง ไม่มีเตียงไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยสักอย่างต่างกับที่ไมค์เคยอยู่เหลือเกิน ไมค์เป็นลูกคนเดียวเค้าเคยสบายมาก่อน พอมาเจอเรื่องลำบากแบบนี้ก็พยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ฟังภาษาไทยไม่ออกก็พยายามที่จะฟังและเรียนรู้จากลูกค้าบ้าง เด็กเสิร์ฟในร้านบ้าง


สามปีที่อยู่อย่างลำบากทำให้ไมค์สู้ชีวิตถึงแม้เค้าจะพูดไม่ได้แต่เค้าก็พยายามที่จะอยู่ให้ได้ ไมค์เหมือนกับแรงงานคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศยังไงอย่างนั้น ไม่กล้าไปไหนมาไหนใกล้จากร้านอาหารที่ทำอยู่ ป้าเจ้าของร้านบอกว่าเดี๋ยวตำรวจจะจับไป หลังจากนั้นไม่นานป้าเจ้าของร้านก็ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ลูกสาวของเธอก็เลยมาดูแลร้านแทน และวันที่เกิดอุบัติเหตุนั้นไมค์โดนลูกสาวเจ้าของร้านไล่ออก แต่เค้าไม่ยอมออก เธอเลยสั่งให้ลูกน้องเป็นชายฉกรรย์สามคนมาหิ้วปีกไมค์ออกจากร้าน เค้าถูกผลักไปกลางถนนพอดีกับที่รถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง ตอนนั้นไมค์คิดว่าเค้าจะตายเสียแล้วจากนั้นสติไมค์ก็ดับวูบด้วยความตกใจ เหตุการณ์หลังจากนั้นไมค์ก็ไม่รู้อะไรอีก


“เป็นแบบนี้นี่เอง...ชีวิตนายช่างน่าสงสารซะจริงๆ เดี๋ยวฉัน...เอ่อ..พี่จะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจตามหาญาติที่ไต้หวันให้นะ ช่วงนี้ก็อยู่กับพี่ไปก่อน” ไมค์ยิ้มรับกอดจะโผเข้ากอดร่างสูง


“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัวอะไรอีก พี่จะดูแลนายเอง” หนึ่งสยามยิ้มให้กับการกระทำของอีกคนก่อนจะลูบหัวปลอบ


“ว่าแต่เราอายุเท่าไหร่แล้ว จำได้ไหม” ไมค์ชูนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วมืออีกข้างนึงเค้าก็กำมือเป็นกำปั้นขึ้น


“สิบขวบ!!!?” เค้าก็ส่ายหัวแล้วยิ้มๆ ก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาอีกแปดนิ้ว


“อ๋อ...สิบแปดเองเหรอเนี่ย หึหึ สงสัยต้องเป็นน้องเล็กของบ้านแล้วล่ะ พี่ชื่อหนึ่งสยามเรียกพี่หนึ่งก็ได้ครับตอนนี้ใกล้จะสามสิบแล้ว ส่วนเอ่อ...คนที่ขับรถเฉียวไมค์น่ะเค้าชื่อสองเมืองอายุยี่สิบห้าเป็นพี่คนรอง อีกคนชื่อสามภพอายุยี่สิบปี และคนที่สี่เด็กชายไมค์ อายุสิบแปด” ร่างสูงจิ้มหน้าผากอีกคนเบาๆก่อนจะหัวเราะ


เด็กคนนี้ยิ่งมองยิ่งหน้าเอ็นดูซะจริงๆ แลดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรด้วย คุณหญิงหยกมณีก็ชอบใจ ส่วนตัวหนึ่งสยามเองก็เอ็นดูไมค์เหมือนน้องชายอีกคนจริงๆ หวังว่าเจ้าสองเมืองกับสามภพคงจะยอมรับเด็กคนนี้ด้วยนะ


ปัง!!!!


“หนึ่ง! พี่หนึ่งแม่ให้มาตามไปดูพี่สอง พี่สองอาระวาดใหญ่แล้ว เร็วๆเข้า”


อยู่ดีๆสามภพก็เปิดประตูเข้ามาดึงแขนพี่ชายตัวเองแล้วลากไปยังห้องวีไอพีอีกห้องซึ่งเป็นห้องของสองเมืองนั้นเอง พอเปิดประตูเข้าไปหนึ่งสยามก็ต้องตกใจเมื่อวานเจ้าสองเมืองน้องชายของเค้ากำลังดิ้นและโวยวายเสียงดังลั่น ทั้งหมอนและแจกันกระจัดกระจายไปทั่วห้อง คุณหญิงหยกมณีได้แต่ยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น และก็มีหมอกับพยาบาลกำลังช่วยกันจับตัวสองเมืองที่กำลังดิ้นไปมาอยู่บนเตียงผู้ป่วย ในที่สุดสองเมืองก็โดนหมอฉีดยาสลบและกลับไปนอนสงบนิ่งเหมือนเดิม


“เกิดอะไรขึ้นครับแม่ ทำไมเจ้าสองเป็นแบบนั้น”


“ฮึก...นะ...น้องแก...มองไม่เห็น”


“ว่าไงนะครับ!” สองเมืองฟื้นทำให้เค้ารู้สึกดีใจแต่เรื่องที่ได้ยินจากปากมารดาก็ทำหนึ่งสยามสลดลงไปอีก


“พี่สองตาบอด...หมอบอกว่าเศษกระจกชิ้นเล็กๆมันเข้าตาพี่สองแล้วทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงก็เลย...เอ่อ..มองไม่เห็น” ร่างของคุณหญิงหยกมณีทรุดลง สามภพผู้ที่อยู่ใกล้มารดาก็รีบเข้าไปประคองไว้แล้วพามารดาไปนั่งพักที่โซฟา


“มีทางแก้ไขไหมครับคุณหมอ” หนึ่งสยามหันไปถามหมอที่กำลังตรวจเช็คร่างกายของสองเมืองอยู่


“มีครับ...ต้องมีผู้บริจาคกระจกตาให้เค้าน่ะครับ ทางเราได้จัดให้คุณสองเมืองเป็นคิวแรกในการได้รับบริจาคแล้วครับ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะมีผู้มาบริจาค”


“แล้วมีส่วนอื่นเป็นอะไรอีกไหมครับ”


“ไม่ครับ มีแค่หัวแตกกับตาเท่านั้นแหละครับ นอกนั้นน้องชายคุณไม่ได้เป็นอะไร หมอเช็คดูแล้ว”


“ขอบคุณมากครับคุณหมอ....แล้วน้องชายผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ครับ”


“อืม..พรุ่งนี้ก็ออกได้แล้วครับ เพราะเค้าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกหมอได้เลยนะครับ หมอรับเค้าเป็นคนไข้พิเศษแล้ว”

“ขอบคุณมากๆเลยครับคุณหมอ”


“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวนะครับ”


เรื่องที่สองเมืองตาบอดหนึ่งสยามได้โทรรายงานท่านปิ่นฤดีเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผู้เป็นบิดาก็ได้แต่หัวเราะแล้วบอกเป็นเวรเป็นกรรมของสองเมืองเอง ส่วนสามภพก็โทรบอกเพื่อนๆของพี่ชายตัวเองเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เพื่อนรักของสองเมืองตกใจอยู่ไม่น้อย


คุณหญิงหยกมณีได้บอกกับสามภพว่าเธอจะรับเลี้ยงเด็กที่สองเมืองขับรถเฉียว สามภพเองก็ไม่ได้ขัดศรัทธาผู้เป็นแม่ แต่ก็ยังแอบไม่พอใจในการตัดสินใจของคุณหญิงอยู่เหมือนกัน ตลอดมาเค้าเป็นน้อวเล็กของบ้านเป็นที่รักของทุกคน ตอนนี้จะมีคนแย่งตำแหน่งไปแล้วหรือเนี่ย แถมเจ้าเด็กนั้นยังหน้าตาน่ารักอีก ป้าๆแม่บ้านที่ทำงานอยู่บ้านใหญ่ต้องเห่อมันแน่ๆ สามภพคิดแล้วมันช่างทำให้หงุดหงิดใจยิ่งนัก


พอรุ่งเช้าหนึ่งสยามก็ไปทำเรื่องบุตรบุญธรรมให้แก่มารดาตัวเอง ส่วนคุณหญิงหยกมณีก็กลับบ้านใหญ่ไปจัดการห้องหับให้กับลูกชายบุญธรรมของตัวเอง ปล่อยให้สามภพอยู่กับสองเมืองสองคนเพราะวันนี้สามภพไม่มีเรียนจึงได้รับหน้าที่เฝ้าพี่ชาย


“โธ่เว้ย! มึงรู้ไหมไอ้สาม พอกูตื่นขึ้นมาโลกทั้งใบกูก็เป็นสีดำไปหมด เซ็งจริงๆเลยเว้ย!” พอตื่นขึ้นมาได้สักพักสองเมืองก็เริ่มโวยวายกับน้องตัวเองต่อ


“เอาหน้าพี่...หมอบอกยังไงพี่ก็เป็นคิวแรกนะที่จะได้รับบริจาคกระจกตา” สามภพพยายามพูดปลอบใจพี่ชายตัวเอง


“แล้วเมื่อไหร่วะ! แม่งเอ้ย....ป่านนี้ไอ้เฟร็ดเดอริกมันคงหัวเราะเยาะก็แล้วมั้ง”


เพราะเฟร็ดเดอริกคนเดียวที่ทำให้เค้าต้องตาบอด ถ้ามันไม่ท้าทายให้เค้าแข่งรถกับมันละก็ป่านนี้ก็คงไม่มานั่งเซ็งแบบนี้หรอก ตาบอดมองไม่เห็นแบบนี้จะไปทำอะไรได้ จะออกไปสู้หน้าเพื่อนๆได้ยังไง ยิ่งเป็นไอ้เฟร็ดเดอริกแล้วล่ะก็ มันคงจะหัวเราะเยาะเค้าแน่ๆ เจ็บใจชะมัด ทำไมเค้าต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วยนะ


“เออพี่สอง จำคนที่พี่เกือบขับรถชนได้ไหม...”


“เออสัส ไอ้บ้านั้นก็อีกคนที่เป็นสาเหตุทำให้กูตาบอด!”


“เด็กนั้นน่ะ...แม่รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมนะ”


“มึงว่าไงนะ!!!!!!!!!”


“ใจเย็นก่อนพี่...ก็เด็กนั้นโดนไล่ออกจากร้านอาหารที่ทำงานประจำอยู่ แถมยังไม่มีญาติที่ไหนอีก แม่สงสารเลยรับมาเลี้ยง”


“เหอะ! แม่ทำแบบนี้ได้ยังไง มันเป็นคนทำให้กูตาบอดนะเว้ย เลี้ยงงูเห่าไว้ในบ้านจริงๆ”


“ผมก็ไม่ชอบมันเหมือนกัน...แม่งใช้หน้าตาเป็นอาวุธอ้อนผู้ใหญ่ซะจริงๆ”


ครั้งแรกที่สามภพเห็นเจ้าเด็กไมค์ยอมรับเลยว่าเด็กคนนี้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากๆ แต่เจ้าเด็กนั้นก็ไม่ได้ทำให้เค้าใจอ่อนได้หรอก อย่ามาใช้สายตาออดอ้อนนั้นกับคนอย่างสามภพ บอกเลยไม่หลงกลเด็ดขาด ถึงจะน่าสงสารแต่ก็น่าหมั่นไส้ในคราเดียวกัน บังอาจมาแย่งตำแหน่งลูกชายคนเล็กของบ้านได้ยังไงกัน


“หน้าตามันเป็นยังไงวะ…”


“หน้าตาอัปลักษณ์สุดๆเลยว่ะพี่ หึหึ”


“อะไรกัน...เบื่อลูกชายหน้าตาหล่อเหลาจนต้องหาลูกหน้าตาขี้เหล่มาแทนแล้วเหรอ บ้าไปแล้วแน่ๆ”


ตอนนี้ในสมองของสองเมืองเต็มไปเด็กคนที่แม่ของเค้ารับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ไอ้สามภพบอกว่าหน้าตาอัปลักษณ์สินะ หึหึ ไม่เจียมตัวเอาซะเลยที่จะมาเป็นลูกชายคนที่สี่ของตระกูลหงษ์วิไลเลิศสกุล ในขณะที่คิดอะไรเพลินๆเพื่อนรักของสองเมืองก็เข้ามาเยี่ยมพอดี


“เหี้ยสอง มึงตาบอดเหรอวะ ฮ่าๆๆๆๆ” คนแรกที่ทักทายเค้าก็คือฮ่องเต้


“สัส หยุดพูดตอกย้ำกูสักทีเถอะ” สองเมืองล้มตัวนอนลงบนเตียงผู้ป่วย


“เดี๋ยวก็มีคนมาบริจาคเองแหละหน่า....” มิน เพื่อนอีกคนเอ่อยปลอบก่อนจะเดินตบบ่าร่างสูงที่นอนหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง


“เดี๋ยวร้านพวกกูดูแลให้ เงินเดือนเดือนหน้าไม่ต้องเอานะสอง มึงกลับมาทำงานค่อยมารับโบนัสกับเงินเดือนทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ” ฮ่องเต้ยังคงพูดติดตลกอยู่เสมอ ไม่เห็นรึไงว่าสองเมืองเครียดจะตายกับเรื่องที่ตัวเองตาบอด


“เรื่องนี้ไอ้เฟร็ดมันรู้ยัง”


“ยัง..ไอ้นั้นมันก็รถคว่ำเหมือนกันกับมึง ได้ยินข่าวมา” มิน หนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อติดหวานเอ่ยขึ้น


“หึ” สองเมืองแค่นหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินข่าวของเฟร็ดเดอริกคู่อริของเค้า


“เออ ถ้าพวกไอ้เฟร็ดมันถามหามึง เดี๋ยวกูบอกมึงไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกแล้วกัน ช่วงนี้มึงก็อยู่บ้านรักษาตัวให้ดีรอผ่าตัดตา พอมองเห็นได้อีกครั้งมึงก็ไปเยาะเย้ยมันต่อดิ” ฮ่องเต้หนุ่มหน้าคมหล่อเหลาแนะนำเพื่อนในทางที่ผิดอีกแล้ว มินเห็นดังนั้นเลยกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องฮ่องเต้อย่างแรง


“โอ๊ยย เชี่ยมิน!”


“เลิกยุยงส่งเสริมให้เพื่อนมึงทำไม่ดีเถอะว่ะ”


ระหว่างที่สามคนเพื่อนพ้องคุยกันออกรสออกชาด สามภพก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่ว่าให้ไปดูแลเด็กไมค์ที่อยู่ห้องถัดไปจากห้องสองเมือง ตอนแรกสามภพก็ไม่ยอมไปหรอกนะแต่โดนคุณหญิงหยกมณีขึ้นเสียงใส่เลยต้องจำยอมไป

แอ๊ดดด...

สามภพเปิดประตูเข้าห้องวีไอพีที่อยู่ถัดจากห้องสองเมืองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ คนตัวเล็กกำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ร่างสูงเดินไปหยุดที่ข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะยืนมองคนหลับอย่างลืมตัว ยิ่งมองยิ่งน่าเอ็นดูจริงๆด้วย หน้าตาน่ารักแบบนี้เสียงจะเป็นยังไงนะถ้าเจ้าเด็กคนนี้มันพูดได้ หึหึ เป็นใบ้น่ะดีแล้วเวลาสามภพแกล้งอะไรจะได้ไม่มีเสียงไว้ฟ้องคุณหญิงหยกมณีกับพี่หนึ่งสยามของเค้า


“นี่...ไอ้เปี๊ยกตื่นได้แล้ว” ร่างสูงเขย่าแขนคนที่หลับอยู่ ไมค์ตัวน้อยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองร่างสูงก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งแล้วยกมือไหว้ แหม..มีมารยาทซะด้วย


“มึงไปอ้อนแม่กู ให้แม่กูรับมึงไปเลี้ยงใช่ไหมห่ะ”


ไมค์ส่ายหัวแทนคำตอบ


“กูไม่ชอบมึง มึงมาแย่งตำแหน่งน้องเล็กของบ้านไป อย่าหวังเลยว่าจะอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข”


คนตัวเล็กได้แต่แสดงสีหน้าหงอยๆใส่ร่างสูง อย่าคิดนะหน้าตาแบบนั้นจะทำให้สามภพใจอ่อนง่ายๆ ไม่มีทางซะหรอก แล้วก็ดวงตาโตๆใสๆนั้นไม่ต้องออดอ้อนขนาดนั้นก็ได้ ยังไงก็ไม่มีทางญาติดีด้วยหรอก ไม่มีทาง...ไม่มีทาง...


“มะ...มึง! มึงหิวรึเปล่าห่ะไอ้เปี๊ยก!!” แล้วทำไมสามภพถึงต้องขึ้นเสียงใส่ไมค์ตัวน้อย ในขณะที่เป็นประโยคคำถามแท้ๆ ไมค์ไม่เข้าใจ


คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆและยกนิ้วชี้ไปทางโซฟาที่มีกล่องข้าวอยู่แถมด้วยสายตาออดอ้อนเหมือนเดิม สามภพจึงเดินไปหยิบข้าวกล่องมาให้คนป่วยที่อยู่บนเตียง แต่เดี๋ยวสิ...ทำไมสามภพต้องทำตามที่มันบอกด้วยนะ เหมือนตัวเค้าถูกสะกดจิตยังไงอย่างนั้นเลย นี่เค้าแพ้สายตาออดอ้อนของเจ้าเด็กนี่เหรอเนี่ย


“กูไม่ได้เป็นห่วงมึงหรอกนะ แม่สั่งมาเท่านั้นแหละโว้ย!!!”


และแล้วสามภพก็เดินปึงปังออกจากห้องคนตัวเล็กไป ตอนนี้คงต้องยอมรับเลยว่าสายตาออดอ้อนกับหน้าตาน่ารักแบบนั้นสามารถควบคุมทุกคนได้จริงๆ ขนาดสามภพเป็นคนใจแข็งแล้วเชียวไหงกลับโดนสะกดจิตได้ล่ะ เอาล่ะ...การแกล้งคนตัวเล็กเค้าคงทำไม่ได้แน่ๆถ้าเจอสายตาแบบนั้น สงสัยงานนี้ต้องยกให้เป็นงานของสองเมืองแล้วล่ะ


ก็พี่สองเมืองตาบอด...คงไม่หลงกลสายตาออดอ้อนของเด็กคนนั้นหรอก



TBC.


 :katai4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2015 14:20:58 โดย PIMJOO »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #12 เมื่อ18-12-2014 19:00:51 »

ชิ! นี่กะใช้คนตาบอดแกล้งคนใบ้เลย !!! จะเรียกสามภพว่าอะไรดีเนี่ย เพลียค่ะ~  :angry2: :m16:

ออฟไลน์ ฝัullล้วlv

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #13 เมื่อ18-12-2014 19:04:10 »

น้องน่าสงสารออก อย่าแกล้งน้องเลย  :mew6:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #14 เมื่อ18-12-2014 19:45:20 »

ใจจืดใจดำ -*-

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #15 เมื่อ18-12-2014 20:40:59 »

เฮ้ยยยย สามภพ ระวังหลงเด็กไมค์นะ พี่สองตาบอด แต่ไม่เป็นไร ใจพี่จะค่อยๆสว่างเอง  :really2:

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #16 เมื่อ18-12-2014 21:15:30 »

ชีวิตดราม่ามาก  :monkeysad:

ออฟไลน์ qhanb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #17 เมื่อ18-12-2014 21:17:02 »

สองเมืองเป็นคนแปลกนะ ตัวเองตาบอดแต่ดูไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไหร่เลย555
น้องไมค์น่ารักมากๆ สามภพใจร้ายจัง พี่หนึ่งนี่ปกติเป็นผู้เป็นคนที่สุดแล้วใช่ไหม55

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #18 เมื่อ18-12-2014 21:28:51 »

ชีวิตดราม่าจริงลูกเอ้ยยยยย

ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #19 เมื่อ18-12-2014 21:30:52 »

อ่านเรื่องนี้แล้ว อมยิ้มแฮะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
« ตอบ #19 เมื่อ: 18-12-2014 21:30:52 »





ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #20 เมื่อ18-12-2014 21:35:00 »

ลงชื่อต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ
ชอบมากๆเลยค่ะ
อย่าแกล้งหนูไมค์แรงเลยนะ สงสาร :ling3:

ออฟไลน์ Satang_P

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #21 เมื่อ18-12-2014 22:46:24 »

 :katai1:

ออฟไลน์ PIMJOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 2 UP18/12/14
«ตอบ #22 เมื่อ18-12-2014 23:44:37 »

Chapter 3




“พี่สอง เพื่อนพี่กลับไปแล้วเหรอ”


สามภพเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยของพี่ชายกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นวี่แววเพื่อเกลอของสองเมือง สองเมืองหันมามองตามเสียงของน้องชายก่อนจะพยักหน้า ตอนนี้เค้ากำลังใช้สมาธิและเงี่ยหูฟังทุกเสียงที่อยู่ภายในโซนห้อง ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาของสามภพ และเสียงแอร์ดังหึ่งๆ สองเมืองมองไม่เห็นอีกแล้วแต่ใช่ว่าเค้าจะนั่งง่อยให้คนอื่นมาดูแล เค้าพยายามเรียนรู้ พยายามสัมผัสสิ่งของเพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือประสาทสัมผัสทางหูต้องแม่นยำ


“ทรมานรึเปล่าพี่...”


“อืม...” หน้าหล่อเหลาสลดลงเล็กน้อย การเป็นคนตาบอดนี่มันยากสำหรับเค้าจริงๆ เค้าพยายามแสดงออกให้คนรอบข้างรู้ว่าเค้าไม่เป็นไร แต่ในใจลึกๆของสองเมืองมันรู้สึกเสียใจมาก อยากจะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ ไม่สิ..เค้าต้องเข้มแข็งให้ครอบครัวเห็นว่าเค้าไม่เป็นไร


“เมื่อกี้ผมไปหาไอ้เปี๊ยกนั้นมา” ไอ้เปี๊ยกไหนอีกล่ะ...อ๋อ...คงเป็นเจ้าเด็กอัปลักษณ์ที่แม่เก็บมาเลี้ยงสินะ ไอ้นั้นมันเป็นสาเหตุทีทำให้สองเมืองต้องตาบอด หึ เดี๋ยวได้เจอดีแน่


“แล้วไง...”


“มันเป็นใบ้ด้วยนะพี่”


“อะไรนะ! เป็นใบ้ด้วย? ให้ตายเถอะ...ให้กูพอการคนเดียวก็พอแล้วมั้ง เดี๋ยวก็เป็นภาระให้คนอื่นอีก”


สำหรับตอนนี้สองเมืองตาบอดทุกคนในบ้านก็ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่คุณหญิงหยกมณีกลับรับเลี้ยงเด็กใบ้คนนั้นด้วย นี่มันเป็นภาระดับเบิ้ลสองเลยนะ ให้ตายสิ คุณแม่ต้องเหนื่อยดูแลสองเมืองคนนึงแล้วก็เหนื่อยดูแลไอ้เด็กใบ้นั้นด้วยเหรอ ทำไมตอนนั้นไม่ขับรถชนให้มันตายๆไปซะวะ ถ้ามันตายเค้าคงไม่ตาบอดหรอก เซ็งชะมัด


“พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเรียน พี่หนึ่งก็คงไปดูแลร้าน พี่คงต้องอยู่กับแม่แล้วก็ไอ้เปี๊ยกนั้นด้วย”


เนื่องจากสามภพพึ่งขึ้นปีสองจึงมีกิจกรรมรับน้อง คุณหญิงหยกมณีได้ซื้อคอนโดใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยไว้ให้สามภพอยู่ ปิดเทอมหรือวันหยุดเทศกาลสามภพถึงจะกลับมาบ้านใหญ่ ส่วนหนึ่งสยามเปิดคอฟฟี่คาเฟ่แถวๆชานเมือง ออกบ้านแต่เช้ากลับมาก็สองสามทุ่มทุกวัน ยิ่งช่วงนี้ท่านปิ่นฤดีกับคุณหญิงเทียวไปเทียวกลับไทยกับต่างประเทศอยู่บ่อยเพราะได้เปิดโรงแรมไม่ก็รีสอร์ทขยายสาขาไปต่างประเทศ จึงไม่มีเวลาอยู่บ้าน


ก๊อกๆ


คุณหญิงหยกฤดีเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับน้องไมค์ลูกชายคนใหม่ของเธอเอง สามภพคิ้วกระตุกเมื่อเห็นผู้เป็นมารดาโอบกอดคนตัวเล็กซะแน่น แถมยังหอมแก้มใสๆนั้นไม่หยุดหย่อน จะหอมอะไรนักหนาวะ


“ตาสามเดี๋ยวรออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วเก็บของให้เรียบร้อยนะ เราจะกลับบ้านกัน...อ๋อ...ไม่สิ ตาสองตาสามเดี๋ยวพี่ชายแกมารับนะ ส่วนแม่จะพาหนูไมค์ไปซื้อเสื้อผ้าซะก่อน จะตามกลับบ้านใหญ่ทีหลัง”


“อะไรกัน...เพราะมันแท้ๆที่ทำผมตาบอด ทำไมแม่ถึงเมินผมแบบนี้!!”


สองเมืองตะคอกเสียงดังใส่ผู้เป็นมารดา ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง คุณหญิงจึงได้แต่ลูบหัวแล้วกอดปลอบลูกชายคนใหม่ เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะจูงมือน้องไมค์เข้าไปหาร่างสูงที่นั่งหัวเสียอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอเอื้อมมือไปลูบแก้มลูกชายคนกลางก่อนจะคลี่ยิ้ม


“ใครบอกว่าแม่เมินสองกันล่ะ พอแม่รู้ว่าสองประสบอุบัติเหตุแม่ก็ดิ่งมาหาสองเลยนะ แม่เห็นว่าสองโตแล้วพอจะช่วยเหลือตัวเองก็เลย...”


“ก็เลยปล่อยให้พี่หนึ่งมารับแล้วแม่เองก็ไปลั้นล้ากับไอ้ใบ้นั้นน่ะเหรอ ผมตาบอดนะแม่..ไอ้นั้นแค่พูดไม่ได้ แต่ผมมองไม่เห็น!”


“แม่เข้าใจ....แต่มันเป็นเพราะลูกเองที่ประมาท ลูกจะโทษใครไม่ได้”


“เพราะมัน!!!!! มึงออกไปเลยไอ้ใบ้ อย่ามาอยู่ในครอบครัวกู กูรังเกียจ!” ร่างสูงสะบัดหน้าหนีตรงข้ามกับเสียงผู้เป็นมารดา ความน้อยใจเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ในเวลาแบบนี้เค้าต้องการที่พึ่งมากที่สุด และที่พึ่งของสองเมืองก็คือแม่คนเดียวเท่านั้น


“ถ้าสองยังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ แม่จะพาไมค์บินไปหาพ่อที่มัลดีฟเดี๋ยวนี้” คำประกาศิกของมารดาทำให้ร่างสูงเงียบลง เค้าทำได้เพียงแต่ข่มอารมณ์โกรธและความน้อยใจไว้ ตอนนี้เค้าเพียงแค่อยากให้แม่อยู่ตรงนี้กับเค้า คอยดูแลเค้า


“ตาสามฝากพี่แกด้วยล่ะ ถ้าอาระวาดขึ้นมาก็เรียกหมอแล้วกัน เจอกันที่บ้านใหญ่”


“ครับแม่”


ร่างบางเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่ชายคนใหม่อย่างสองเมือง สีหน้าของเค้าดูเจ็บปวดไม่น้อย ไมค์จะเป็นตัวปัญหารึเปล่านะ ไมค์ควรจะออกเดินเร่ร่อนหางานทำเหมือนเดิมดีไหมนะ ถ้าไมค์อยู่ตรงนี้และอยู่ในครอบครัวนี้สองเมืองคงไม่ชอบใจมากแน่ๆ ไมค์เองก็มีส่วนที่ทำให้สองเมืองตาบอดนี่หน่า พี่เค้ามองไม่เห็นเพราะไมค์เอง ไมค์ควรหนีไปสินะ


ตอนนี้ไมค์ได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาปล่อยให้คุณหญิงหยกมณีจูงไปขึ้นรถเบนซ์คันหรูที่จอดรอไว้อยู่แล้วที่หน้าโรงพยาบาล คุณหญิงลอบมองใบหน้าเล็กนั้นกำลังคิ้วขมวดกันยุ่ง เธอใช้นิ้วจิ้มลงที่หว่างคิ้วลูกชายคนใหม่ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานออกมา


“ไมค์...อย่าไปคิดมากเลยนะคะ ตอนนี้ไมค์คือลูกชายของแม่เหมือนกัน ยังไงซะแม่ก็ไม่ปล่อยไมค์ไปเผชิญโลกอันโหดร้ายแบบนั้นอีกหรอก ไมค์จะไม่เป็นลูกบุญธรรมของแม่ก็ได้ แต่แม่ขอแค่ช่วงที่หนูอยู่กับแม่เท่านั้น ถ้าพี่หนึ่งตามหาญาติไมค์เจอแม่ก็จะส่งไมค์คืนให้ญาติ ไม่ต้องเครียดเรื่องที่สองพูดนะคนเก่ง” คุณหญิงเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้ ไมค์เองก็กอดเธอตอบเช่นกัน


ถ้าหนึ่งสยามตามหาญาติไมค์เจอ ไมค์ก็จะได้กลับไต้หวัน ตอนนี้ไมค์จะอยู่กับคุณหญิงหยกมณีตามที่เธอขอเอาไว้ ไมค์เสียแม่ไปตั้งสามปีแล้วอ้อมกอดอบอุ่นแบบนี้ขอไมค์กอดอีกสักครั้งได้ไหม ขอให้ไมค์คิดว่าคุณหญิงเป็นแม่ไมค์อีกคนได้ไหมนะ


คุณหญิงหยกมณีช่างใจดีซะเหลือเกินซื้อชุดแพงๆให้ไมค์เยอะแยะเลย นี่คงจะปาไปประมาณร้อยกว่าชุดได้แล้วมั้ง คุณหญิงจับไมค์แต่งตัวเหมือนเล่นตุ๊กตาเลยแหะ เด็กหนุ่มก็ทำได้แต่ยืนเป็นหุ่นให้สาวใหญ่เลือกเสื้อผ้าให้ ส่วนมากชุดที่คุณหญิงซื้อให้ก็มีแต่ชุดน่ารักๆทั้งนั้นเลย แต่ไมค์เป็นผู้ชายนะทำไมซื้อชุดน่ารักๆให้ไมค์ก็ไม่รู้ หลังจากนั้นเธอก็พาเด็กหนุ่มไปตัดผม ต่อด้วยทำสปาผิว ถึงตอนนี้ไมค์ยังอยากยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่กล้าขัดใจคุณหญิงหรอกต้องยอมจำนน


ผิวพรรณที่ขาวผ่องอยู่แล้วพอได้ทำสปาก็ดูใสขึ้นขาวขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ผมเผ้าที่เคยดูรุงรังตอนนี้ก็ตัดสั้นขึ้นอีกเซ็ตทรงอีกนิดหน่อย เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ในที่สุดก็ได้คุณหนูไมค์ที่ดูเหมือนเป็นลูกผู้ดียังไงอย่างนั้น คุณหญิงยิ้มพอใจกับผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเองก่อนจะเข้าไปหอมแก้มนิ่มเบาๆให้หายเหนื่อย


“แม่อยากมีลูกสาวก็เพราะอยากทำแบบนี้แหละ ช้อปปิ้ง ทำสปา ทำผมด้วยกัน ถึงหนูจะเป็นผู้ชายแต่หนูก็น่ารักมากๆเลยนะ พี่ชายหนูไมค์ทั้งสามคนเค้าไม่ยอมมาทำอะไรแบบนี้กับแม่หรอก”คนตัวเล็กยิ้มตาหยีให้กับคุณแม่คนใหม่ก่อนจะเข้าไปหอมแก้มเธอสำหรับคำขอบคุณ


เสร็จภารกิจคุณหญิงก็พาหนูไมค์กลับไปบ้านใหญ่ในทันที บ้านใหญ่ที่ว่าตั้งอยู่นอกเมืองอ้อมล้อมไปด้วยต้นไม้แลดูร่มรื่น เป็นบ้านสไตล์ตะวันตก มีโรงจอดรถตั้งสองที่แหน่ะ พอเบนซ์คันหรูมาจอดเทียบท่าก็มีแม่บ้านออกมายืนต้อนรับ คุณหญิงยิ้มให้น้อยๆก็จะผายมือมาทางคนตัวเล็กที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของเธอ


“นี่คือหนูไมค์ เค้าเป็นลูกบุญธรรมของฉัน ช่วยปฏิบัติกับเค้าให้เหมือนกับลูกฉันด้วยล่ะ”ไมค์ยิ้มแย้มก่อนจะยกมือไหว้ทุกคนที่ออกมายืนต้อนรับ


“เค้าพูดไม่ได้ แต่เค้าไม่ได้หูหนวก พวกเธอสามารถคุยกับเค้าได้ เค้าได้ยิน” แม่บ้านทุกคนพยักหน้า


“แล้วคุณสองเมือง...คือ...”


“เป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ฉันจ้างไว้แล้ว พวกเธอกลับบ้านตามปกติได้”


แม่บ้านที่ทำงานอยู่บ้านใหญ่จะมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นทุกวัน อาหารเย็นต้องทานตอนห้าโมงเย็น ส่วนอาหารเช้าต้องทานตอนเจ็ดโมง บ้านใหญ่มีกฎเกณฑ์อยู่แบบนี้ ทุกคนต้องทานอาหารให้ตรงเวลาไม่อย่างนั้นหลังจากเลยเวลาไปแล้วก็ต้องทำทานเอง


คุณหญิงให้แม่บ้านยกถุงเสื้อผ้าขึ้นไปไว้บนห้องของไมค์ ตอนแรกไมค์เองก็คิดหนักเหมือนกันว่าจะนอนที่ไหนดี แต่คุณหญิงจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ห้องของไมค์อยู่ติดกับห้องของพี่หนึ่งซึ่งอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นห้องของสองเมือง แต่คุณหญิงได้จัดห้องนอนใหม่ให้สองเมืองไว้ที่ชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เจ้าตัวลำบากในการขึ้นลงบันไดเลยย้ายห้องสองเมืองลงไปอยู่ชั้นหนึ่งแทน เมื่อกลับมามองเห็นก็ค่อยย้ายขึ้นมาที่ห้องเดิม


เมื่อไมค์ได้เห็นห้องตัวเองก็ต้องตกตะลึงในทันใด ห้องนอนโทนสีขาวบวกกับสีพาสเทลดูน่ารัก ในห้องมีตู้เสื้อผ้าหรูๆแบบในหนังที่ไมค์เคยดูเลย มีโต๊ะคอม มีโซฟาปุยๆสีขาว มีทีวีขนาดใหญ่ มีห้องน้ำส่วนตัวด้วยภายในห้องน้ำก็มีอ่างน้ำขนาดพอดีให้ลงไปทอดกายนอน แต่สิ่งที่ขัดใจที่สุดคือตุ๊กตาตัวเล็กใหญ่ที่วางเรียงรายกันเป็นแถวนั้นคืออะไร ถึงตอนนี้ไมค์ก็ยังคงอยากยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ชายอีกครั้ง


“ตามสบายนะลูก นี่เป็นห้องหนู ถ้ามีอะไรเดินไปเรียกแม่ที่ห้องก็ได้นะคะ แม่อยู่ห้องถัดไปอีกตรงสุดทางเดิน” คนตัวเล็กน้ำตาคลอเบ้า ทำไมคุณหญิงถึงใจดีกับเค้านักล่ะ นานแค่ไหนแล้วที่เค้าไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครับ ไมค์คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้าคุณหญิงด้วยความตื้นตันใจ


“ลุกขึ้นเถอะคนดี” เธอพยุงคนตัวเล็กขึ้นแล้วพาเดินไปนั่งที่เตียงใหม่สีขาวสะอาดที่มีผ้าปูสีพาสเทลน่ารัก


“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ไมค์เป็นลูกแม่แล้วนะทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเองเถอะลูก” ร่างบางพยักหน้าก่อนจะเข้าไปสวมกอดคุณหญิง


ถ้าเค้าพูดได้ก็คงอยากจะขอบคุณคุณหญิงอีกสักล้านรอบเลยล่ะ เธอช่างใจดีกับไมค์ซะจริงๆ ไมค์จะเป็นเด็กดี ไมค์จะช่วยทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ









หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ที่ไมค์อยู่บ้านใหญ่ก็ปาไปขวบเดือนกว่าๆแล้ว ไมค์ช่วยป้าแช่มทำงานบ้าน ช่วยป้าอรทำอาหารทุกมื้อ ช่วยลุงเขียวรดน้ำต้นไม้ ช่วยน้ากรเช็ดรถทุกคันในบ้าน ทุกคนเอ็นดูไมค์รักไมค์เหมือนลูกเหมือนหลาน ไมค์เป็นเด็กดีตลอด ถึงแม้คุณหญิงจะสั่งห้ามไม่ให้ไมค์ทำงานบ้านแต่เค้าก็ยังดื้อดานที่จะทำ ถ้าไมค์อยู่เฉยๆก็เหมือนกาฝาก ถ้าทำตัวมีประโยชน์ก็คงจะดีกว่า


หนึ่งเดือนที่ผ่านมาไมค์ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้สองเมืองเลยสักครั้งอาจจะเป็นเพราะกลัวโดนดุ กลัวสองเมืองจะตะคอกใส่อีกเหมือนเมื่อตอนอยู่โรงพยาบาล ส่วนสองเมืองก็หัดอ่านหนังสือคนตาบอด หัดใช้ไม้เท้าเดินไปรอบๆบ้าน ถ้าเกิดนั่งง่อยรอคนอื่นทำนู้นนี้ให้สักวันเค้าอาจจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีก เค้าจึงพยายามที่จะปรับตัว และรอวันที่จะได้ผ่าตัดดวงตา ข่มความเจ็บปวดไว้ในหัวใจและพยายามทำตัวให้เข้มแข็งอยู่เสมอ


ช่วงระยะแรกก็มีหมอและพยาบาลช่วยดูแล แต่ตอนนี้สองเมืองเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว เข้าห้องน้ำเองได้ อาบน้ำเองได้ ส่วนเสื้อผ้าก็เป็นหน้าที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ เวลาทานข้าวก็ต้องมีคนคอยป้อน เพราะเค้ายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเรื่องนี้ ส่วนเพื่อนฝูงก็แวะเวียนมาเยี่ยมเค้าบ้างบางวัน งานอดิเรกของสองเมืองตอนนี้ก็คือฝึกอ่านหนังสือคนตาบอด ทั้งที่ปกติตอนที่เค้ายังมองเห็นเค้าคงไปแข่งรถกับพวกเพื่อนๆไม่ก็ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ตามเคย แล้วก็ไปดูแลผับที่ร่วมลงทุนสร้างกับเพื่อน ทำยังไงได้ล่ะก็ตอนนี้เค้าตาบอดมองไม่เห็นอะไร งานอดิเรกก็ต้องลดลงบ้าง


ถึงจะมองไม่เห็นแต่มีสิ่งหนึ่งที่สองเมืองยังคงทำเป็นประจำก็คือออกกำลัง ถึงแม้เค้าจะป่วยทางจิตแต่ร่างกายเค้าต้องแข็งแรงและสุขภาพดีเสมอ ร่างกายของชายหนุ่มมีกล้ามทุกสัดส่วนและช่วงนี้เค้าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลย ยิ่งทำให้เค้าสุภาพดีขึ้นไปอีก ฟิตร่างกายไว้เผื่อวันใดกลับมามองเห็นอีกจะได้ยกพวกไปรุมกระทืบไอ้เฟร็ดเดอริกได้สบาย โทษฐานขับรถกวนตีนจนเค้าต้องประสบอุบัติเหตุ


“สอง....คือแม่ต้องกลับไปมัลดีฟแล้วล่ะ ตอนนี้พ่อกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจ”


เมื่อเช้าคุณหญิงหยกมณีได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นสามีว่าตอนนี้เค้ากำลังเดือดร้อน ขอให้คุณหญิงได้กลับไปช่วยงานโดยด่วนที่สุด และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอหนักใจอยู่ไม่น้อย ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอคอยดูแลสองเมืองมาโดยตลอดเรื่องป้อนข้าวป้อนน้ำ แล้วถ้าเธอไม่อยู่ล่ะใครจะป้อนข้าวป้อนน้ำสองเมือง


“แม่กะว่าจะให้พี่หนึ่งไปแทน”


“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่หนึ่งจะไปรู้เรื่องอะไรด้วย แม่ไปเองจะดีกว่าไม่ต้องห่วงผมหรอก”


“แต่ว่าลูกยัง....”


“ผมจะพยายามทำเอง เดี๋ยวจะให้พี่หนึ่งช่วยดูแล แม่รีบไปเถอะครับพ่อกำลังเดือดร้อนนะ”


“แม่จะรีบทำธุระแล้วรีบกลับมาให้เร็วที่สุด รักลูกนะ” คุณหญิงเข้าไปสวมกอดลูกชายตัวโตก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่


ไม่นานนักเธอก็ออกเดินไปทางไปหาท่านปิ่นฤดีผู้เป็นสามีที่เกาะมัลดีฟ ก่อนที่คุณหญิงจะเดินทางเธอก็กำชับหนึ่งสยามว่าให้ดูแลสองเมืองและหนูไมค์ให้เป็นอย่างดี ไมค์เองก็แอบเห็นสีหน้าวิตกกังวลของคุณหญิงเค้าจึงรับปากว่าถ้าพี่หนึ่งไม่ว่างเค้าจะเป็นคนดูแลสองเมืองเอง ซึ่งคุณหญิงเองก็ไม่มีทางเลือกจึงตอบตกลง


ถ้าถามว่าไมค์กลัวสองเมืองไหมนั้นหรือ ตอบเลยว่ากลัวมากๆสองเมืองชอบทำหน้านิ่ง ดวงตาเฉียวคมนั้นดูดุยิ่งกว่าอะไร ตอนเวลาสองเมืองโกรธตายิ่งดุเข้าใหญ่เลย น่ากลัวเอามากๆ แต่ไม่เป็นไรไมค์จะใจดีสู้เสือก็แล้วกัน ยังไงซะพี่หนึ่งเองก็เป็นคนดูแลซะส่วนใหญ่


เมื่อคุณหญิงไปมัลดีฟได้ไม่นานพี่หนึ่งก็บอกกับหนูไมค์ว่าต้องไปทำธุระที่อเมริกาโดยด่วนมาก เค้าจึงวานให้หนูไมค์ปิดเรื่องที่เค้าแอบหนีไปอเมมิกาไม่ให้บอกคุณหญิง เอ๊ะ...หนูไมค์จะบอกได้ยังไง ก็เค้าพูดไม่ได้นี่หน่า แต่ยังไงหนึ่งสยามก็บอกเอาไว้ก่อน สามวันต่อมาเค้าก็บอกลาไมค์และสองเมืองว่าจะรีบไปแล้วรีบกลับ มันจะจริงเหรอไปดูงานตั้งอเมริกาคงไม่ใช่แค่วันเดียวสองวันแน่ๆ อย่างน้อยก็คงสักอาทิตย์นึง ถึงแม้หนึ่งสยามจะวานให้แม่บ้านดูแลสองเมืองก็เถอะ พอถึงเวลาเลิกงานทุกคนก็ต้องกลับอยู่ดี ก็คงเหลือแค่ไมค์กับสองเมืองอยู่บ้านด้วยกันสองคน


“ไมค์! ไอ้ไมค์!!!!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกคนตัวเล็กลั่นบ้าน ไม่นานนักไมค์ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กออกมาหาสองเมือง คนตัวเล็กเอานิ้วจิ้มแขนร่างสูงเพื่อให้รู้ว่ามาถึงแล้ว


“กูหิวข้าวรอบดึก ทำอะไรให้กูกินหน่อยสิ พากูไปที่ห้องครัวด้วย” ไมค์ถือวิสาสะจูงมือคนตัวใหญ่ไปนั่งที่โต๊ะอาหารในห้องทานข้าวก่อนจะรีบวิ่งไปเวฟข้าวกล่องที่หนึ่งสยามซื้อมาให้อีกคน


สองเมืองกดปุ่มเสียงนาฬิกาที่ห้อยอยู่บนคอเพื่อฟังเวลา และในตอนนี้ก็ปาไปสองทุ่มแล้ว พี่หนึ่งป้อนข้าวเย็นเค้าตอนบ่ายสามกว่าๆเพราะจะรีบไปขึ้นเครื่องให้ทันเวลา ไม่นานนักเค้าก็ได้กลิ่นข้าวผัดกล่องลอยออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเสียงจานที่วางอยู่ตรงหน้า


“ป้อนกูด้วย” ไมค์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆสองเมืองก่อนจะตักข้าวผัดร้อนๆเข้าปากสองเมืองที่อ้ารอไว้อยู่แล้ว


“โอ๊ยเชี่ย!! ร้อน!!!!!!!” สองเมืองรีบคายข้าวออกทันทีเมื่อความร้อนสัมผัสกับลิ้น เค้าไม่ชอบของร้อนเอาซะแล้ว แล้วไอ้เปี๊ยกนี่มันรู้ไหมว่าข้าวที่เวฟใหม่ๆน่ะมันร้อนทำไมไม่รู้จักเป่าก่อน


“เป่าก่อนสิวะ!!! เป่าเสร็จจะป้อนกูก็ให้เอานิ้วจิ้มแขนกูนะ”คนตัวเล็กพยักหน้ารับ เอ๊ะ...เค้าจะพยักหน้าทำไมในเมื่อสองเมืองมองไม่เห็นนี่หน่า


อุปสรรคในวันแรกที่อยู่ด้วยกันสองคนมันช่างลำบากซะจริงๆ กว่าจะป้อนได้ในแต่ละคำ กว่าจะอิ่มสองเมืองก็ทานไปตั้งสามกล่อง แถมนมอีกหนึ่งแก้ว คนกินไม่เหนื่อยหรอก คนป้อนนี่สิเหนื่อยพูดก็พูดไม่ได้ เวลาจะป้อนต้องเอานิ้วจิ้มอีกฝ่ายก่อนถึงจะป้อนได้ ถ้าชักช้าก็โดนสองเมืองดุ จะป้อนเร็วเกินไปก็โดนดุอีกเพราะร่างสูงเคี้ยวไม่ทัน วันแรกก็สูบพลังงานคนตัวเล็กไปเยอะแล้ว ไม่อยากจะคิดภาพพรุ่งนี้เลย เฮ้อ....



TBC.


 :katai4:



ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #23 เมื่อ19-12-2014 00:17:47 »

เด็กขี้อิจฉา !!! น่าทิ้งให้อยู่คนเดียวชะมัด ไมค์อย่าไปสนใจค่ะลูก~ ชริ !  :heaven :angry2:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #24 เมื่อ19-12-2014 01:29:53 »

หนูไมค์น่าเอ็นดูววว ><

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #25 เมื่อ19-12-2014 13:36:46 »

จะว่าไปก็น่าเอ็นดูนะ ต่อไปก็คงปรับตัวเข้าหากันเอง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #26 เมื่อ19-12-2014 13:40:40 »

เมืองขี้บ่นอ่ะ555+

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #27 เมื่อ19-12-2014 15:49:52 »

น่าร้ากกก
ดีละที่พระเอกไม่งอมืองอเท้า
แต่ถ้าแกแกล้งน้องแรงนะ o18

ออฟไลน์ Fuzz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #28 เมื่อ19-12-2014 17:48:56 »

น่ารักง่ะ  :hao7:  :mew1:

ออฟไลน์ ~Ammy~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: DUMP&BLIND ใบ้กับบอด บทที่ 3 UP18/12/14
«ตอบ #29 เมื่อ19-12-2014 19:13:42 »

น่ารัก ;-; สงสารน้อง ;-;



 :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด