-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************
เค้า...ผู้ที่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่างกับอีกคนที่พูดไม่ได้เลยสักแอะ จะอยู่ร่วมกันได้ไหม?
โปรดติดตาม
DUMP AND BLIND ใบ้กับบอด
-
Intro
แลมโบกินี่สีดำสุดหรูแล่นไปบนท้องถนนที่เงียบกริบไร้วี่แววยานพาหนะอย่างอื่น ก็แน่ล่ะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปตีสามแล้ว ร่างสูงกำยำหน้าตาหล่อเหลาเจ้าของรถคันหรูพึ่งขับออกมาจากผับชื่อดังของตัวเองที่ร่วมลงทุนเปิดกับเพื่อนอีกสองคน เมื่อถึงเวลาผับปิดเค้าก็ตรงดิ่งกลับคอนโดราคาหลายล้านย่านชานเมืองของตัวเอง
‘สองเมือง หงษ์วิไลเลิศสกุล’
หนุ่มเจ้าสำราญลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านประธานปิ่นฤดีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในประเทศ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยสองเมืองก็เอาแต่เที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปวันๆ ไม่นานมานี่เองเค้ากับเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมได้ลงทุนเปิดผับหรูด้วยกัน ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ได้ขัดใจอะไรนัก ก็ยังดีที่รู้จักทำงานหาเงินเองได้แต่ยังไงคุณปิ่นฤดีก็โอนเงินเข้าบัญชีลูกชายตัวเองเดือนละล้าน ไม่ต้องตกใจไปที่ค่าเงินนั้นจะมากเกินไป ไม่ทันใดสองเมืองเค้าก็ใช้หมดในเร็ววันอยู่ดี
ไม่ทันที่จะคิดอะไรเพลินๆก็มีรถแลมโบกินี่สีขาวอีกคันตีไฟใส่สองเมืองจากข้างหลัง มิหนำซ้ำยังเบิ้ลรถใส่อีกต่างหาก ดูก็รู้ว่าใคร...สองเมืองจำรถคันนั้นได้มันคือรถของเฟร็ดเดอริกคู่อริของเค้านั้นเอง มันกำลังท้าทายเค้าอยู่รึไง หึ รู้จักสองเมืองคนนี้หน่อยไปซะแล้ว
ร่างสูงเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อหนีจากการก่อกวนของคู่อริ ส่วนอีกฝ่ายก็เหยียบคันเร่งตามมาติดๆไมยอมละเลิก สองเมืองรู้ว่าเฟร็ดเดอริกกำลังท้าทายอำนาจมืดของเค้า ทั้งสองเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเริ่มด้วยเรื่องบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่พ่อของทั้งสองคนเป็นคู่แข่งกัน จวนมาถึงรุ่นลูกก็ยังคงเป็นคู่แข่งกันอีก งานอดิเรกของสองเมืองและเฟร็ดเดอริกคือการแข่งรถ และนั้นคือจุดเริ่มของคำว่าคู่อริ เมื่อไม่นานมานี้เองสองเมืองได้แย่งแฟนสาวของเฟร็ดเดอริกเพื่อหักหน้า นั้นทำให้อีกฝ่ายโกรธแค้นสองเมืองเป็นอย่างมาก
และวันนี้ก็เป็นวันที่เฟร็ดเดอริกจะเอาคืนสองเมือง!
แลมโบกินี่สองสีดำขาวกำลังบดเบียดขยี้กันอยู่บนท้องถนนอย่างไม่มีใครยอมใคร อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เขตชานเมืองแล้ว สองเมืองหักรถกระแทกรถของเฟร็ดเดอริกอย่างแรง จนแลมโบกินี่สีขาวของอีกฝ่ายตกลงไปในพงหญ้าข้างทาง ก็ยังดีที่สองเมืองไม่เบียดรถของเฟร็ดเดอริกตกสะพานไม่ก็ตกน้ำ อย่างน้อยตกลงไปในพงหญ้าข้างทางก็คงจะไม่ตายหรอก
สองเมืองกำลังเหยียดยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะกำลังเร่งรถให้เร็วกว่าเดิมอย่างสะใจ แสงไฟหน้ารถคันหรูสาดส่องไปยังท้องถนนก็ปรากฎร่างเล็กนั้นถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งผลักออกมาจากฟุตบาธ คนตัวเล็กล้มกลิ้งลงมาบนกลางถนนใหญ่ในขณะที่มีรถแลมโบกินี่ของสองเมืองขับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงเสี้ยววินาทีร่างสูงก็หักหลบสิ่งกีดขวางเป็นท้องถนน
เอี๊ยดดดดดดดดดด!!!
เสียงดอกยางล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังกังวานไปทั่ว คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่สติจะดับวูบไป ส่วนรถของคู่กรณีเนื่องจากเบรกกะทันหันพร้อมกับที่ร่างสูงหักรถหลบนั้นก็ทำให้รถของเค้าพลิกคว่ำลงไปในข้างทาง
นี่ก็คงจะเป็นกรรมของสองเมืองที่ทำไว้กับเฟร็ดเดอริกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา กรรมติดจรวดจริงๆและยิ่งแย่ไปกว่านั้น กรรมที่ว่า...คงจะรวมตัวกันเป็นกรรมใหญ่เคราะห์ใหญ่เลยก็ว่าได้
เพราะตั้งแต่เวลานี้เป็นตนไป...ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม
TBC.
-
น่าติดตามมากๆเลย o13
-
นั่งรอติดขอบจอ
-
:mc4: รอติดตามค่ะ
-
:mc4: รอ เรื่องน่าติดตามมากๆๆ
-
Chapter 1
หลังจากเกิดอุบัติเหตุคืนนั้นสองเมืองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ผู้เป็นมารดาอย่างคุณหญิงหยกมณีก็ร้อนรนอยู่ไม่น้อย ก็ยังดีที่มีลูกชายคนโตอย่างหนึ่งสยามเป็นผู้ดูแลอยู่ไม่ห่าง คุณหญิงหยกมณีได้แต่เฝ้ารอคอยให้ลูกชายคนกลางอย่างสองเมืองฟื้นคืนมา และนี่ก็ผ่านสี่วันจะเข้าห้าวันอยู่แล้วเชียว ร่างสูงก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนเดิม
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าสองมันหรอกครับ หมอบอกอีกไม่นานก็คงจะฟื้น”
“จะให้แม่ไม่ร้อนใจได้ยังไงกันตาหนึ่ง น้องแกรถพลิกคว่ำซะขนาดนั้นนี่ยังดีนะที่รอดมาได้ แม่ผิดเองที่ไม่ได้อยู่ดูแลเจ้าสองมัน”
คุณหญิงหยกมณีและสามีของเธอท่านปิ่นฤดีได้เดินทางไปเปิดสาขารีสอร์ทสุดหรูถึงเกาะมัลดีฟส์ ก็เลยไม่ได้อยู่ดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเหมือนเคย หลังจากที่ได้ยินข่าวเรื่องอุบัติเหตุของลูกชายคนกลางก็ดิ่งกลับมาไทยด้วยความร้อนใจอยู่ไม่น้อย
“แม่ครับ...สองมันโตแล้วนะครับ อายุก็ปาไปแล้วตั้งยี่สิบห้าทำอย่างกับมันเป็นเด็กไปได้”
“ก็น้องแกมันเหมือนชาวบ้านชาวช่องที่ไหนล่ะ ถ้าเป็นได้แบบแกกับสามภพก็คงจะดี”
คุณหญิงเอ่ยถึงสามภพลูกชายคนเล็ก ที่ตอนนี้กำลังเรียนในชั้นปีสองคณะวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง สามภพเป็นเด็กดีเรียนเก่งอยู่ในโอวาทของเธอกับท่านปิ่นฤดีเสมอ ไม่เหมือนกับสองเมืองที่ทำตัวแปลกแยกต่างจากพี่น้องตัวเอง จึงทำให้เธอห่วงลูกชายคนนี้ยิ่งกว่าใคร
“แล้วนี่คุณพ่อจะกลับมาดูอาการเจ้าสองมันไหมครับ”
“พ่อแกติดงานสำคัญคงมาไม่ได้ แม่มาคนเดียวก็เกินพอแล้ว...เอ๊ะ....แล้วนี่คู่กรณีของเจ้าสองเป็นยังไงบ้าง”
คู่กรณีที่ว่าก็คือหนุ่มน้อยคนที่สองเมืองเกือบขับรถชนนั้นเอง ถึงจะเกือบถูกชนแต่ก็ไม่วายมีบาดแผลตามร่างกายอยู่ไม่น้อย หนึ่งสยามได้เป็นผู้เข้าไปเจรจากับอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเลย เด็กหนุ่มคนนั้นได้แต่นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา คงอาจจะเป็นเพราะว่ายังช็อคกับเหตุการณ์เมื่อสี่วันก่อนอยู่ล่ะมั้ง
“เด็กคนนั้นไม่ยอมพูดเลยครับ”
“แล้วตอนนี้เค้าอยู่ไหนล่ะ” คุณหญิงหยกมณีอดห่วงไม่ได้
“ห้องถัดไปนี่เองครับ ผมจัดการเรื่องห้องและค่ารักษาให้เค้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าเค้าจะเรียกค่าเสียหายอีกคงไม่เป็นไรใช่ไหมครับคุณแม่”
เนื่องจากหนึ่งสยามพยายามถามเด็กหนุ่มคนนั้นเกี่ยวกับญาติพี่น้อง เพื่อจะได้เจรจากันเรื่องค่าเสียหาย แต่พยายามยังไงเด็กคนนั้นก็ไม่ยอมปริปากพูดสักแอะเดียว หนึ่งสยามก็เลยได้แต่ปลงและออกค่ารักษาพยาบาลให้ก่อน
“พาแม่ไปหาเด็กคนนั้นทีสิ”
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
สองแม่ลูกเปิดประตูห้องผู้ป่วยวีไอพีที่ถัดจากห้องสองเมืองเข้าไปก็พบร่างเล็กผอมบางของเด็กหนุ่มคนนึงนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง หนึ่งสยามเดินเข้าไปแตะไหล่ร่างบางทำให้อีกคนสะดุ้งจนตัวโยนเลยทีเดียว แต่พอรู้ว่าเป็นใครเด็กคนนั้นก็ยกมือไหว้หนึ่งสยามกับคุณหญิงหยกมณี
“หนู...ฉันเป็นแม่ของคนที่...เอ่อ...ขับรถเฉียวหนูนะจ๊ะ ฉันอยากรู้ว่าพ่อแม่เธอจะคิดค่าเสียหายเท่าไหร่”
หนุ่มน้อยส่ายหัวไปมา ดวงตากลมโตสลดลงทันใด เอ..หรือว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่กันนะ คุณหญิงหยกมณีได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ เธอไล่มองจากเค้าโครงหน้าของอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นคนยาจกอะไร อาจจะเป็นลูกผู้ดีซะด้วยซ้ำไป
ใบหน้ารูปไข่ขาวใส ตากลมโต จมูกโด่งรั้นนิดๆรับกับปากเล็กจิ้มลิ้มสีแดงระเรื่อ ผิวพรรณขาวผ่องเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดช่างเข้ากันกับผมสีน้ำตาลอ่อนที่ตัดสั้นของเค้าซะจริงๆ ภาพรวมเด็กคนนี้น่าจะเป็นลูกคุณหญิงคุณนายไฮโซแน่ๆ แต่น่าเสียดายผิวขาวน้ำนมตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำเขียวม่วงเต็มไปหมด ช่างน่าสงสารซะจริงๆ
“นี่เธอ แม่ฉันถามถึงพ่อแม่ของเธอ ถ้าเธอไม่ตอบเราจะรู้เหรอว่าต้องคุยเรื่องค่าเสียหายกับใคร”
คนตัวเล็กส่ายหัวไปมาอีกครั้ง ชักจะทำให้หนึ่งสยามหงุดหงิดแล้วสิ ปกติเค้าเป็นคนอารมณ์เย็นและมีเหตุผลพอสมควร แต่ตอนนี้อยากจะเค้นความออกจากเด็กคนนี้ซะเหลือเกิน ดื้อดานอยู่ได้แล้วแต่ส่ายหัวไปมาเสียมารยาทจริงๆ นี่ขนาดผู้ใหญ่มาคุยด้วยแล้วนะ
“หนู...นี่ถ้าหนูไม่...”
ปัง!!!
“ไอ้เด็กนรก! นี่แกไม่ไปทำงานที่ร้านตั้งสี่วันมานอนสำออยอะไรอยู่นี่!”
ไม่ทันที่คุณหญิงจะได้ถามไถ่เด็กคนนี้ก็มีหญิงวัยกลางคนเปิดประตูเดินพรวดพราดเข้ามา เธอเดินตรงเข้ามากระชากแขนเล็กๆของคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วออกแรงกระชากทันที ทำให้ร่างเล็กโอนเอนตามแรงและตกลงมาบนพื้นดังปึ้ก
“นี่คุณ ใจเย็นๆก่อนสิครับ เห็นไหมว่าเค้าไม่สบายอยู่ แล้วนี่คุณเป็นญาติน้องเค้ารึเปล่า”
“หึ ฉันนี่ญาติไอ้เด็กเวรนี้ จะบ้ารึไง! ฉันเป็นเจ้านายมันและมันก็ขาดงานที่ร้านไปตั้งสี่วันรู้ไหมว่าฉันต้องหาเด็กมาแทนไอ้ตัวดีนี่”
“น้องเค้าถูกรถน้องชายผมเฉียว ก็เลยได้มาอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ทำไมแกไม่ถูกรถชนให้ตายๆไปเลยซะก็ดี แกนี่มันไร้ค่าซะจริงๆพิการแล้วยังเสือกเป็นภาระให้ฉันอีกนะ!” สาวเจ้าอารมณ์แผดเสียงไปทั่วห้องด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“ตายจริง! นี่คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง” คุณหญิงค่อยพยุงร่างเล็กขึ้นมาพร้อมกับตวัดมองผู้หญิงใจร้ายตรงหน้าเธอ
“แล้วค่าเสียหายคุณจะคิดเท่าไหร่” หนึ่งสยามเอ่ยถามเจ้าหล่อน
“แสนนึง!”
“ได้ ผมจะให้คุณสองแสนเลย แต่คุณต้องปฏิบัติกับลูกน้องคุณดีๆไม่ใช่ทำแบบนี้”
“ไหนเงิน เอามาสิยะ!”
หญิงสาวแบมือตรงหน้าชายร่างสูง หนึ่งสยามหยิบเช็คออกมาแล้วเขียนจำนวนตัวเลขหกหลักลงไปก่อนจะยื่นให้หญิงสาว
“ดี...หึ อ๋อ..แล้วแกไม่ต้องมาทำงานที่ร้านฉันแล้วนะ ฉันไม่รับคนพิการอย่างแกเข้าทำงานอีกไร้ประโยชน์จริงๆ” หญิงสาวเหยียดยิ้มเยาะก่อนจะเดินหันหลังออกไปแต่กลับโดนมือใหญ่ของหนึ่งสยามรั้งแขนไว้ก่อน
“คุณหมายความว่าไง คุณจะทิ้งเด็กคนนี้เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิยะ ไร้ประโยชน์จะตาย...พูดก็ไม่ได้ทำงานหนักก็ไม่ได้ป่วยบ่อยแบบนี้ฉันไม่เอาหรอก ที่ฉันยังให้มันทำงานอยู่ก็เพราะเห็นแกแม่ฉันหรอกนะ แต่ตอนนี้แม่ฉันไม่อยู่ฉันก็จะไล่มันออกจากร้านฉัน มีปัญหาอะไร ปล่อย!” เธอบิดรั้งแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มก่อนจะเดินออกไป
“วะ...ว่าไงนะ หนู...หนูพูดไม่ได้เหรอลูก” เด็กหนุ่มสายหัวไปมาอีกเช่นเคย
“โธ่...ช่างน่าสงสาร” คุณหญิงเข้าไปกอดปลอบเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอบช้ำ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องสะเทือนใจรองจากเรื่องที่ลูกชายของเธอประสบอุบัติเหตุ
“เอ่อ...นี่เธอมีบัตรประชาชนรึเปล่า?” หนึ่งสยามถามขึ้นหลังจากที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่
คำตอบที่ได้ก็เหมือนเช่นเคย เด็กคนนั้นส่ายหัวอีกรอบ ตอนนี้คุณหญิงหยกมณีเริ่มน้ำตาคลอพร้อมกับกอดร่างเล็กๆนั้นแน่นเสียจนนิ่วหน้าเจ็บ ชายหนุ่มจึงดึงผู้เป็นแม่ออกห่าง
“หนูเจ็บตรงไหนรึเปล่า? เด็กผู้หญิงน่ารักๆแบบหนูทำไมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ด้วยนะ” คุณหญิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อีกคนก่อนจะยกมือลูบหัวทุยเบาๆ นี่เธอคงยังไม่รู้สินะว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ชาย ก็แน่ล่ะหน้าตาของเด็กคนนี้น่ารักซะยิ่งกว่าเด็กผู้หญิงเสียอีก อีกทั้งผิวพรรณขาวผ่องเหมือนน้ำนมแบบนี้
ร่างเล็กได้แต่ส่ายหน้าอีกที
“แล้วเธอจะไปอยู่ไหนกัน เธอยังเด็กอยู่แถมยังโดนไล่ออกมาแบบนั้น...หรือว่าเธอมีญาติที่ไหน”
เค้าส่ายหัวอีกรอบ
“หนูไม่มีญาติเลยเหรอจ๊ะ” คุณหญิงถามขึ้น
เค้าพยักหน้า
“พ่อแม่หนูล่ะ?”
เค้าส่ายหน้า
“หนูไม่มีพ่อแม่แล้วก็ไม่มีญาติที่ไหนเลยเหรอจ๊ะ”
เค้าพยักหน้า
“โธ่...ช่างน่าสงสาร นี่ตาหนึ่ง...แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงเด็กคนนี้เอง เธอจะเป็นลูกอีกคนของแม่”
“อะไรนะครับ...เฮ้อ...ต้องปรึกษาคุณพ่อด้วยนะครับ”
“พ่อไม่ว่าอะไรหรอกจ่ะ พ่อแกใจดีจะตายไป...นี่หนู หนูไปอยู่กับฉันนะเป็นลูกอีกคนของฉัน ฉันอยากมีลูกสาวมานานแล้ว”
เค้าส่ายหน้าอีกแล้ว ทำเอาคุณหญิงหน้าเจื่อนลงไปเลยทีเดียว
“หนูไม่อยากไปอยู่กับฉันเหรอจ๊ะ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะถลกเสื้อผู้ป่วยขึ้นโชว์แผ่นอกเล็กๆที่ไร้เต้าแบบหญิงสาว นั้นทำให้คุณหญิงกับหนึ่งสยามหัวเราะออกมาในทันที
“ตายจริง ฉันจะได้ลูกชายอีกคนสินะ ขอโทษด้วยนะ”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว...ฉันคงต้องยอมรับนายเป็นน้องชายอีกคนสินะ”
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นทำเอาคุณหญิงหยกมณีกับหนึ่งสยามยิ้มตามไปด้วย เด็กคนนี้ช่างหน้าเอ็นดูเสียนี่กระไร ต่อไปนี้ครอบครัวหงษ์วิไลเลิศสกุลคงมีลูกชายคนที่สี่เข้ามาเพิ่มแล้วสินะ
TBC.
:katai4: ฝากติดตามด้วยคร้าบ! ลองทายสิว่าใครพระเอก...
-
น่าสนุก มาต่อบ่อยๆ นะคะ รออ่านอยู่
-
จะเอาอีกๆๆๆ :ling1: ติดตามเน้อ
-
อ๊ากกกกกกกกกกก ใครพระเอกหละที่นี้ มีต้อง 3 คน :hao3:
-
ลูกคนกลางรึเปล่าอ่ะ (จากชื่อเรื่องมั้ง เดาว่าผลจากอุบัติเหตุน่าจะทำให้สูญเสียความสามารถในการมองเห็น)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
-
Chapter 2
“ว่าแต่นายชื่ออะไร...เอ๊ะ เอ่อ...พี่ลืมไปว่านายพูดไม่ได้” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆให้กับร่างสูง
“หนูเขียนหนังสือได้ไหมจ๊ะ” เค้าพยักหน้า ก็ยังดีที่ยังเขียนหนังสือออกแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย
หนึ่งสยามหยิบกระดาษและปากกาให้อีกฝ่าย เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อตัวเองลงไปในกระดาษ แล้วยื่นให้หนึ่งสยาม ตัวอักษรที่เรียบเรียงอยู่ในกระดาษเป็นชื่อของเด็กคนนี้สินะ
‘Mike Zhou’
“ไมค์โจว? ชื่อของนายเหรอ” คนตัวเล็กพยักหน้า
“แปลกจริง คนอะไรชื่อไมค์โจว” หนึ่งสยามเดินเข้าไปขยี้ผมอีกคน
“นี่ตาหนึ่งไปทำเรื่องรับเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมแม่หน่อยสิ อ๋อ...แล้วก็ให้เค้าตามสืบหาญาติของเด็กคนนี้ด้วยนะ เพื่อนแกเป็นตำรวจเยอะเลยนี่หน่า”
“ครับแม่ แม่แน่ใจนะที่จะรับเค้าเป็นบุตรบุญธรรมน่ะ”
“แม่แน่ใจ เมื่อกี้แม่ก็โทรเล่าให้พ่อฟังทั้งหมดแล้ว พ่อก็โอเคนะ อ๋อ..จริงสิ แม่ต้องกลับไปเฝ้าตาสองแล้วล่ะ หนูไมค์อยู่กับพี่หนึ่งไปก่อนนะลูก” ไมค์พยักหน้ายิ้มๆให้คุณหญิง
“ฉันอยากรู้ประวัติของนาย นายช่วยเขียนให้ฉันอ่านได้ไหม”
ไมค์พยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระดาษอีกแผ่นมาเขียนยุกยิกๆอยู่นานพอสมควร ประวัติที่หนึ่งสยามต้องการทราบถูกเรียบเรียงเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเต็มสองหน้ากระดาษ อะไรกัน...เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้อง แถมยังเป็นใบ้แบบนี้ไปเรียนภาษาอังกฤษมาจากไหน คำศัพท์หรือไวยากรณ์ที่เขียนลงถูกต้องตามหลักการทุกอย่าง ทำเอาคนที่เรียนจบปริญญาโทอย่างหนึ่งสยามยังอาย มันน่าแปลกใจจริงๆ
“นายเขียนภาษาไทยไม่ได้เหรอ” เค้าส่ายหัวแทนคำตอบ โอเคเด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เค้าเป็นใบ้ ฟังภาษาไทยออก เขียนไทยไม่ได้...แต่ภาษาอังกฤษจะเก่งไปไหนเหมือนเป็นเจ้าของภาษาเองยังไงอย่างนั้นเลย
เรื่องราวทั้งหมดในกระดาษที่หนึ่งสยามกำลังอ่านเริ่มต้นขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว พ่อแม่ของเด็กไมค์คนนี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ ไมค์เป็นเด็กลูกครึ่งไทยไต้หวัน พ่อเป็นคนไต้หวันส่วนแม่เป็นคนไทย หลังจากที่พ่อกับแม่เสียชีวิตลงก็ถูกน้องชายพ่อฮุบมรดกและสมบัติทั้งหมดในทันที ผู้เป็นอาหลอกล่อว่าจะพาไมค์มาส่งให้พี่สาวของแม่ที่ประเทศไทย และแล้วเค้าก็ถูกทิ้งไว้ที่สนามบินคนเดียว ทั้งเป็นใบ้ทั้งสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ เงินติดตัวก็มีน้อยนิดจึงทำให้เด็กหนุ่มเร่ร่อนไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดไมค์ก็ได้มาทำงานเป็นเด็กล้างจานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของร้านเป็นคุณป้าใจดีที่พบไมค์ตอนที่เค้านอนอยู่ข้างถนน เธอพาเค้าไปมาทำงานที่ร้านแลกกับเงินเดือนเล็กๆน้อย อาหารสามมื้อและที่พักอาศัยซึ่งเป็นห้องเล็กๆธรรมดาห้องหนึ่ง ไม่มีเตียงไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยสักอย่างต่างกับที่ไมค์เคยอยู่เหลือเกิน ไมค์เป็นลูกคนเดียวเค้าเคยสบายมาก่อน พอมาเจอเรื่องลำบากแบบนี้ก็พยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ฟังภาษาไทยไม่ออกก็พยายามที่จะฟังและเรียนรู้จากลูกค้าบ้าง เด็กเสิร์ฟในร้านบ้าง
สามปีที่อยู่อย่างลำบากทำให้ไมค์สู้ชีวิตถึงแม้เค้าจะพูดไม่ได้แต่เค้าก็พยายามที่จะอยู่ให้ได้ ไมค์เหมือนกับแรงงานคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศยังไงอย่างนั้น ไม่กล้าไปไหนมาไหนใกล้จากร้านอาหารที่ทำอยู่ ป้าเจ้าของร้านบอกว่าเดี๋ยวตำรวจจะจับไป หลังจากนั้นไม่นานป้าเจ้าของร้านก็ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ลูกสาวของเธอก็เลยมาดูแลร้านแทน และวันที่เกิดอุบัติเหตุนั้นไมค์โดนลูกสาวเจ้าของร้านไล่ออก แต่เค้าไม่ยอมออก เธอเลยสั่งให้ลูกน้องเป็นชายฉกรรย์สามคนมาหิ้วปีกไมค์ออกจากร้าน เค้าถูกผลักไปกลางถนนพอดีกับที่รถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง ตอนนั้นไมค์คิดว่าเค้าจะตายเสียแล้วจากนั้นสติไมค์ก็ดับวูบด้วยความตกใจ เหตุการณ์หลังจากนั้นไมค์ก็ไม่รู้อะไรอีก
“เป็นแบบนี้นี่เอง...ชีวิตนายช่างน่าสงสารซะจริงๆ เดี๋ยวฉัน...เอ่อ..พี่จะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจตามหาญาติที่ไต้หวันให้นะ ช่วงนี้ก็อยู่กับพี่ไปก่อน” ไมค์ยิ้มรับกอดจะโผเข้ากอดร่างสูง
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัวอะไรอีก พี่จะดูแลนายเอง” หนึ่งสยามยิ้มให้กับการกระทำของอีกคนก่อนจะลูบหัวปลอบ
“ว่าแต่เราอายุเท่าไหร่แล้ว จำได้ไหม” ไมค์ชูนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วมืออีกข้างนึงเค้าก็กำมือเป็นกำปั้นขึ้น
“สิบขวบ!!!?” เค้าก็ส่ายหัวแล้วยิ้มๆ ก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาอีกแปดนิ้ว
“อ๋อ...สิบแปดเองเหรอเนี่ย หึหึ สงสัยต้องเป็นน้องเล็กของบ้านแล้วล่ะ พี่ชื่อหนึ่งสยามเรียกพี่หนึ่งก็ได้ครับตอนนี้ใกล้จะสามสิบแล้ว ส่วนเอ่อ...คนที่ขับรถเฉียวไมค์น่ะเค้าชื่อสองเมืองอายุยี่สิบห้าเป็นพี่คนรอง อีกคนชื่อสามภพอายุยี่สิบปี และคนที่สี่เด็กชายไมค์ อายุสิบแปด” ร่างสูงจิ้มหน้าผากอีกคนเบาๆก่อนจะหัวเราะ
เด็กคนนี้ยิ่งมองยิ่งหน้าเอ็นดูซะจริงๆ แลดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรด้วย คุณหญิงหยกมณีก็ชอบใจ ส่วนตัวหนึ่งสยามเองก็เอ็นดูไมค์เหมือนน้องชายอีกคนจริงๆ หวังว่าเจ้าสองเมืองกับสามภพคงจะยอมรับเด็กคนนี้ด้วยนะ
ปัง!!!!
“หนึ่ง! พี่หนึ่งแม่ให้มาตามไปดูพี่สอง พี่สองอาระวาดใหญ่แล้ว เร็วๆเข้า”
อยู่ดีๆสามภพก็เปิดประตูเข้ามาดึงแขนพี่ชายตัวเองแล้วลากไปยังห้องวีไอพีอีกห้องซึ่งเป็นห้องของสองเมืองนั้นเอง พอเปิดประตูเข้าไปหนึ่งสยามก็ต้องตกใจเมื่อวานเจ้าสองเมืองน้องชายของเค้ากำลังดิ้นและโวยวายเสียงดังลั่น ทั้งหมอนและแจกันกระจัดกระจายไปทั่วห้อง คุณหญิงหยกมณีได้แต่ยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น และก็มีหมอกับพยาบาลกำลังช่วยกันจับตัวสองเมืองที่กำลังดิ้นไปมาอยู่บนเตียงผู้ป่วย ในที่สุดสองเมืองก็โดนหมอฉีดยาสลบและกลับไปนอนสงบนิ่งเหมือนเดิม
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่ ทำไมเจ้าสองเป็นแบบนั้น”
“ฮึก...นะ...น้องแก...มองไม่เห็น”
“ว่าไงนะครับ!” สองเมืองฟื้นทำให้เค้ารู้สึกดีใจแต่เรื่องที่ได้ยินจากปากมารดาก็ทำหนึ่งสยามสลดลงไปอีก
“พี่สองตาบอด...หมอบอกว่าเศษกระจกชิ้นเล็กๆมันเข้าตาพี่สองแล้วทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงก็เลย...เอ่อ..มองไม่เห็น” ร่างของคุณหญิงหยกมณีทรุดลง สามภพผู้ที่อยู่ใกล้มารดาก็รีบเข้าไปประคองไว้แล้วพามารดาไปนั่งพักที่โซฟา
“มีทางแก้ไขไหมครับคุณหมอ” หนึ่งสยามหันไปถามหมอที่กำลังตรวจเช็คร่างกายของสองเมืองอยู่
“มีครับ...ต้องมีผู้บริจาคกระจกตาให้เค้าน่ะครับ ทางเราได้จัดให้คุณสองเมืองเป็นคิวแรกในการได้รับบริจาคแล้วครับ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะมีผู้มาบริจาค”
“แล้วมีส่วนอื่นเป็นอะไรอีกไหมครับ”
“ไม่ครับ มีแค่หัวแตกกับตาเท่านั้นแหละครับ นอกนั้นน้องชายคุณไม่ได้เป็นอะไร หมอเช็คดูแล้ว”
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ....แล้วน้องชายผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ครับ”
“อืม..พรุ่งนี้ก็ออกได้แล้วครับ เพราะเค้าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกหมอได้เลยนะครับ หมอรับเค้าเป็นคนไข้พิเศษแล้ว”
“ขอบคุณมากๆเลยครับคุณหมอ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวนะครับ”
เรื่องที่สองเมืองตาบอดหนึ่งสยามได้โทรรายงานท่านปิ่นฤดีเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผู้เป็นบิดาก็ได้แต่หัวเราะแล้วบอกเป็นเวรเป็นกรรมของสองเมืองเอง ส่วนสามภพก็โทรบอกเพื่อนๆของพี่ชายตัวเองเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เพื่อนรักของสองเมืองตกใจอยู่ไม่น้อย
คุณหญิงหยกมณีได้บอกกับสามภพว่าเธอจะรับเลี้ยงเด็กที่สองเมืองขับรถเฉียว สามภพเองก็ไม่ได้ขัดศรัทธาผู้เป็นแม่ แต่ก็ยังแอบไม่พอใจในการตัดสินใจของคุณหญิงอยู่เหมือนกัน ตลอดมาเค้าเป็นน้อวเล็กของบ้านเป็นที่รักของทุกคน ตอนนี้จะมีคนแย่งตำแหน่งไปแล้วหรือเนี่ย แถมเจ้าเด็กนั้นยังหน้าตาน่ารักอีก ป้าๆแม่บ้านที่ทำงานอยู่บ้านใหญ่ต้องเห่อมันแน่ๆ สามภพคิดแล้วมันช่างทำให้หงุดหงิดใจยิ่งนัก
พอรุ่งเช้าหนึ่งสยามก็ไปทำเรื่องบุตรบุญธรรมให้แก่มารดาตัวเอง ส่วนคุณหญิงหยกมณีก็กลับบ้านใหญ่ไปจัดการห้องหับให้กับลูกชายบุญธรรมของตัวเอง ปล่อยให้สามภพอยู่กับสองเมืองสองคนเพราะวันนี้สามภพไม่มีเรียนจึงได้รับหน้าที่เฝ้าพี่ชาย
“โธ่เว้ย! มึงรู้ไหมไอ้สาม พอกูตื่นขึ้นมาโลกทั้งใบกูก็เป็นสีดำไปหมด เซ็งจริงๆเลยเว้ย!” พอตื่นขึ้นมาได้สักพักสองเมืองก็เริ่มโวยวายกับน้องตัวเองต่อ
“เอาหน้าพี่...หมอบอกยังไงพี่ก็เป็นคิวแรกนะที่จะได้รับบริจาคกระจกตา” สามภพพยายามพูดปลอบใจพี่ชายตัวเอง
“แล้วเมื่อไหร่วะ! แม่งเอ้ย....ป่านนี้ไอ้เฟร็ดเดอริกมันคงหัวเราะเยาะก็แล้วมั้ง”
เพราะเฟร็ดเดอริกคนเดียวที่ทำให้เค้าต้องตาบอด ถ้ามันไม่ท้าทายให้เค้าแข่งรถกับมันละก็ป่านนี้ก็คงไม่มานั่งเซ็งแบบนี้หรอก ตาบอดมองไม่เห็นแบบนี้จะไปทำอะไรได้ จะออกไปสู้หน้าเพื่อนๆได้ยังไง ยิ่งเป็นไอ้เฟร็ดเดอริกแล้วล่ะก็ มันคงจะหัวเราะเยาะเค้าแน่ๆ เจ็บใจชะมัด ทำไมเค้าต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วยนะ
“เออพี่สอง จำคนที่พี่เกือบขับรถชนได้ไหม...”
“เออสัส ไอ้บ้านั้นก็อีกคนที่เป็นสาเหตุทำให้กูตาบอด!”
“เด็กนั้นน่ะ...แม่รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมนะ”
“มึงว่าไงนะ!!!!!!!!!”
“ใจเย็นก่อนพี่...ก็เด็กนั้นโดนไล่ออกจากร้านอาหารที่ทำงานประจำอยู่ แถมยังไม่มีญาติที่ไหนอีก แม่สงสารเลยรับมาเลี้ยง”
“เหอะ! แม่ทำแบบนี้ได้ยังไง มันเป็นคนทำให้กูตาบอดนะเว้ย เลี้ยงงูเห่าไว้ในบ้านจริงๆ”
“ผมก็ไม่ชอบมันเหมือนกัน...แม่งใช้หน้าตาเป็นอาวุธอ้อนผู้ใหญ่ซะจริงๆ”
ครั้งแรกที่สามภพเห็นเจ้าเด็กไมค์ยอมรับเลยว่าเด็กคนนี้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากๆ แต่เจ้าเด็กนั้นก็ไม่ได้ทำให้เค้าใจอ่อนได้หรอก อย่ามาใช้สายตาออดอ้อนนั้นกับคนอย่างสามภพ บอกเลยไม่หลงกลเด็ดขาด ถึงจะน่าสงสารแต่ก็น่าหมั่นไส้ในคราเดียวกัน บังอาจมาแย่งตำแหน่งลูกชายคนเล็กของบ้านได้ยังไงกัน
“หน้าตามันเป็นยังไงวะ…”
“หน้าตาอัปลักษณ์สุดๆเลยว่ะพี่ หึหึ”
“อะไรกัน...เบื่อลูกชายหน้าตาหล่อเหลาจนต้องหาลูกหน้าตาขี้เหล่มาแทนแล้วเหรอ บ้าไปแล้วแน่ๆ”
ตอนนี้ในสมองของสองเมืองเต็มไปเด็กคนที่แม่ของเค้ารับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ไอ้สามภพบอกว่าหน้าตาอัปลักษณ์สินะ หึหึ ไม่เจียมตัวเอาซะเลยที่จะมาเป็นลูกชายคนที่สี่ของตระกูลหงษ์วิไลเลิศสกุล ในขณะที่คิดอะไรเพลินๆเพื่อนรักของสองเมืองก็เข้ามาเยี่ยมพอดี
“เหี้ยสอง มึงตาบอดเหรอวะ ฮ่าๆๆๆๆ” คนแรกที่ทักทายเค้าก็คือฮ่องเต้
“สัส หยุดพูดตอกย้ำกูสักทีเถอะ” สองเมืองล้มตัวนอนลงบนเตียงผู้ป่วย
“เดี๋ยวก็มีคนมาบริจาคเองแหละหน่า....” มิน เพื่อนอีกคนเอ่อยปลอบก่อนจะเดินตบบ่าร่างสูงที่นอนหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง
“เดี๋ยวร้านพวกกูดูแลให้ เงินเดือนเดือนหน้าไม่ต้องเอานะสอง มึงกลับมาทำงานค่อยมารับโบนัสกับเงินเดือนทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ” ฮ่องเต้ยังคงพูดติดตลกอยู่เสมอ ไม่เห็นรึไงว่าสองเมืองเครียดจะตายกับเรื่องที่ตัวเองตาบอด
“เรื่องนี้ไอ้เฟร็ดมันรู้ยัง”
“ยัง..ไอ้นั้นมันก็รถคว่ำเหมือนกันกับมึง ได้ยินข่าวมา” มิน หนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อติดหวานเอ่ยขึ้น
“หึ” สองเมืองแค่นหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินข่าวของเฟร็ดเดอริกคู่อริของเค้า
“เออ ถ้าพวกไอ้เฟร็ดมันถามหามึง เดี๋ยวกูบอกมึงไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกแล้วกัน ช่วงนี้มึงก็อยู่บ้านรักษาตัวให้ดีรอผ่าตัดตา พอมองเห็นได้อีกครั้งมึงก็ไปเยาะเย้ยมันต่อดิ” ฮ่องเต้หนุ่มหน้าคมหล่อเหลาแนะนำเพื่อนในทางที่ผิดอีกแล้ว มินเห็นดังนั้นเลยกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องฮ่องเต้อย่างแรง
“โอ๊ยย เชี่ยมิน!”
“เลิกยุยงส่งเสริมให้เพื่อนมึงทำไม่ดีเถอะว่ะ”
ระหว่างที่สามคนเพื่อนพ้องคุยกันออกรสออกชาด สามภพก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่ว่าให้ไปดูแลเด็กไมค์ที่อยู่ห้องถัดไปจากห้องสองเมือง ตอนแรกสามภพก็ไม่ยอมไปหรอกนะแต่โดนคุณหญิงหยกมณีขึ้นเสียงใส่เลยต้องจำยอมไป
แอ๊ดดด...
สามภพเปิดประตูเข้าห้องวีไอพีที่อยู่ถัดจากห้องสองเมืองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ คนตัวเล็กกำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ร่างสูงเดินไปหยุดที่ข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะยืนมองคนหลับอย่างลืมตัว ยิ่งมองยิ่งน่าเอ็นดูจริงๆด้วย หน้าตาน่ารักแบบนี้เสียงจะเป็นยังไงนะถ้าเจ้าเด็กคนนี้มันพูดได้ หึหึ เป็นใบ้น่ะดีแล้วเวลาสามภพแกล้งอะไรจะได้ไม่มีเสียงไว้ฟ้องคุณหญิงหยกมณีกับพี่หนึ่งสยามของเค้า
“นี่...ไอ้เปี๊ยกตื่นได้แล้ว” ร่างสูงเขย่าแขนคนที่หลับอยู่ ไมค์ตัวน้อยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองร่างสูงก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งแล้วยกมือไหว้ แหม..มีมารยาทซะด้วย
“มึงไปอ้อนแม่กู ให้แม่กูรับมึงไปเลี้ยงใช่ไหมห่ะ”
ไมค์ส่ายหัวแทนคำตอบ
“กูไม่ชอบมึง มึงมาแย่งตำแหน่งน้องเล็กของบ้านไป อย่าหวังเลยว่าจะอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข”
คนตัวเล็กได้แต่แสดงสีหน้าหงอยๆใส่ร่างสูง อย่าคิดนะหน้าตาแบบนั้นจะทำให้สามภพใจอ่อนง่ายๆ ไม่มีทางซะหรอก แล้วก็ดวงตาโตๆใสๆนั้นไม่ต้องออดอ้อนขนาดนั้นก็ได้ ยังไงก็ไม่มีทางญาติดีด้วยหรอก ไม่มีทาง...ไม่มีทาง...
“มะ...มึง! มึงหิวรึเปล่าห่ะไอ้เปี๊ยก!!” แล้วทำไมสามภพถึงต้องขึ้นเสียงใส่ไมค์ตัวน้อย ในขณะที่เป็นประโยคคำถามแท้ๆ ไมค์ไม่เข้าใจ
คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆและยกนิ้วชี้ไปทางโซฟาที่มีกล่องข้าวอยู่แถมด้วยสายตาออดอ้อนเหมือนเดิม สามภพจึงเดินไปหยิบข้าวกล่องมาให้คนป่วยที่อยู่บนเตียง แต่เดี๋ยวสิ...ทำไมสามภพต้องทำตามที่มันบอกด้วยนะ เหมือนตัวเค้าถูกสะกดจิตยังไงอย่างนั้นเลย นี่เค้าแพ้สายตาออดอ้อนของเจ้าเด็กนี่เหรอเนี่ย
“กูไม่ได้เป็นห่วงมึงหรอกนะ แม่สั่งมาเท่านั้นแหละโว้ย!!!”
และแล้วสามภพก็เดินปึงปังออกจากห้องคนตัวเล็กไป ตอนนี้คงต้องยอมรับเลยว่าสายตาออดอ้อนกับหน้าตาน่ารักแบบนั้นสามารถควบคุมทุกคนได้จริงๆ ขนาดสามภพเป็นคนใจแข็งแล้วเชียวไหงกลับโดนสะกดจิตได้ล่ะ เอาล่ะ...การแกล้งคนตัวเล็กเค้าคงทำไม่ได้แน่ๆถ้าเจอสายตาแบบนั้น สงสัยงานนี้ต้องยกให้เป็นงานของสองเมืองแล้วล่ะ
ก็พี่สองเมืองตาบอด...คงไม่หลงกลสายตาออดอ้อนของเด็กคนนั้นหรอก
TBC.
:katai4:
-
ชิ! นี่กะใช้คนตาบอดแกล้งคนใบ้เลย !!! จะเรียกสามภพว่าอะไรดีเนี่ย เพลียค่ะ~ :angry2: :m16:
-
น้องน่าสงสารออก อย่าแกล้งน้องเลย :mew6:
-
ใจจืดใจดำ -*-
-
เฮ้ยยยย สามภพ ระวังหลงเด็กไมค์นะ พี่สองตาบอด แต่ไม่เป็นไร ใจพี่จะค่อยๆสว่างเอง :really2:
-
ชีวิตดราม่ามาก :monkeysad:
-
สองเมืองเป็นคนแปลกนะ ตัวเองตาบอดแต่ดูไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไหร่เลย555
น้องไมค์น่ารักมากๆ สามภพใจร้ายจัง พี่หนึ่งนี่ปกติเป็นผู้เป็นคนที่สุดแล้วใช่ไหม55
-
ชีวิตดราม่าจริงลูกเอ้ยยยยย
-
อ่านเรื่องนี้แล้ว อมยิ้มแฮะ
-
ลงชื่อต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ
ชอบมากๆเลยค่ะ
อย่าแกล้งหนูไมค์แรงเลยนะ สงสาร :ling3:
-
:katai1:
-
Chapter 3
“พี่สอง เพื่อนพี่กลับไปแล้วเหรอ”
สามภพเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยของพี่ชายกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นวี่แววเพื่อเกลอของสองเมือง สองเมืองหันมามองตามเสียงของน้องชายก่อนจะพยักหน้า ตอนนี้เค้ากำลังใช้สมาธิและเงี่ยหูฟังทุกเสียงที่อยู่ภายในโซนห้อง ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาของสามภพ และเสียงแอร์ดังหึ่งๆ สองเมืองมองไม่เห็นอีกแล้วแต่ใช่ว่าเค้าจะนั่งง่อยให้คนอื่นมาดูแล เค้าพยายามเรียนรู้ พยายามสัมผัสสิ่งของเพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือประสาทสัมผัสทางหูต้องแม่นยำ
“ทรมานรึเปล่าพี่...”
“อืม...” หน้าหล่อเหลาสลดลงเล็กน้อย การเป็นคนตาบอดนี่มันยากสำหรับเค้าจริงๆ เค้าพยายามแสดงออกให้คนรอบข้างรู้ว่าเค้าไม่เป็นไร แต่ในใจลึกๆของสองเมืองมันรู้สึกเสียใจมาก อยากจะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ ไม่สิ..เค้าต้องเข้มแข็งให้ครอบครัวเห็นว่าเค้าไม่เป็นไร
“เมื่อกี้ผมไปหาไอ้เปี๊ยกนั้นมา” ไอ้เปี๊ยกไหนอีกล่ะ...อ๋อ...คงเป็นเจ้าเด็กอัปลักษณ์ที่แม่เก็บมาเลี้ยงสินะ ไอ้นั้นมันเป็นสาเหตุทีทำให้สองเมืองต้องตาบอด หึ เดี๋ยวได้เจอดีแน่
“แล้วไง...”
“มันเป็นใบ้ด้วยนะพี่”
“อะไรนะ! เป็นใบ้ด้วย? ให้ตายเถอะ...ให้กูพอการคนเดียวก็พอแล้วมั้ง เดี๋ยวก็เป็นภาระให้คนอื่นอีก”
สำหรับตอนนี้สองเมืองตาบอดทุกคนในบ้านก็ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่คุณหญิงหยกมณีกลับรับเลี้ยงเด็กใบ้คนนั้นด้วย นี่มันเป็นภาระดับเบิ้ลสองเลยนะ ให้ตายสิ คุณแม่ต้องเหนื่อยดูแลสองเมืองคนนึงแล้วก็เหนื่อยดูแลไอ้เด็กใบ้นั้นด้วยเหรอ ทำไมตอนนั้นไม่ขับรถชนให้มันตายๆไปซะวะ ถ้ามันตายเค้าคงไม่ตาบอดหรอก เซ็งชะมัด
“พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเรียน พี่หนึ่งก็คงไปดูแลร้าน พี่คงต้องอยู่กับแม่แล้วก็ไอ้เปี๊ยกนั้นด้วย”
เนื่องจากสามภพพึ่งขึ้นปีสองจึงมีกิจกรรมรับน้อง คุณหญิงหยกมณีได้ซื้อคอนโดใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยไว้ให้สามภพอยู่ ปิดเทอมหรือวันหยุดเทศกาลสามภพถึงจะกลับมาบ้านใหญ่ ส่วนหนึ่งสยามเปิดคอฟฟี่คาเฟ่แถวๆชานเมือง ออกบ้านแต่เช้ากลับมาก็สองสามทุ่มทุกวัน ยิ่งช่วงนี้ท่านปิ่นฤดีกับคุณหญิงเทียวไปเทียวกลับไทยกับต่างประเทศอยู่บ่อยเพราะได้เปิดโรงแรมไม่ก็รีสอร์ทขยายสาขาไปต่างประเทศ จึงไม่มีเวลาอยู่บ้าน
ก๊อกๆ
คุณหญิงหยกฤดีเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับน้องไมค์ลูกชายคนใหม่ของเธอเอง สามภพคิ้วกระตุกเมื่อเห็นผู้เป็นมารดาโอบกอดคนตัวเล็กซะแน่น แถมยังหอมแก้มใสๆนั้นไม่หยุดหย่อน จะหอมอะไรนักหนาวะ
“ตาสามเดี๋ยวรออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วเก็บของให้เรียบร้อยนะ เราจะกลับบ้านกัน...อ๋อ...ไม่สิ ตาสองตาสามเดี๋ยวพี่ชายแกมารับนะ ส่วนแม่จะพาหนูไมค์ไปซื้อเสื้อผ้าซะก่อน จะตามกลับบ้านใหญ่ทีหลัง”
“อะไรกัน...เพราะมันแท้ๆที่ทำผมตาบอด ทำไมแม่ถึงเมินผมแบบนี้!!”
สองเมืองตะคอกเสียงดังใส่ผู้เป็นมารดา ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง คุณหญิงจึงได้แต่ลูบหัวแล้วกอดปลอบลูกชายคนใหม่ เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะจูงมือน้องไมค์เข้าไปหาร่างสูงที่นั่งหัวเสียอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอเอื้อมมือไปลูบแก้มลูกชายคนกลางก่อนจะคลี่ยิ้ม
“ใครบอกว่าแม่เมินสองกันล่ะ พอแม่รู้ว่าสองประสบอุบัติเหตุแม่ก็ดิ่งมาหาสองเลยนะ แม่เห็นว่าสองโตแล้วพอจะช่วยเหลือตัวเองก็เลย...”
“ก็เลยปล่อยให้พี่หนึ่งมารับแล้วแม่เองก็ไปลั้นล้ากับไอ้ใบ้นั้นน่ะเหรอ ผมตาบอดนะแม่..ไอ้นั้นแค่พูดไม่ได้ แต่ผมมองไม่เห็น!”
“แม่เข้าใจ....แต่มันเป็นเพราะลูกเองที่ประมาท ลูกจะโทษใครไม่ได้”
“เพราะมัน!!!!! มึงออกไปเลยไอ้ใบ้ อย่ามาอยู่ในครอบครัวกู กูรังเกียจ!” ร่างสูงสะบัดหน้าหนีตรงข้ามกับเสียงผู้เป็นมารดา ความน้อยใจเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ในเวลาแบบนี้เค้าต้องการที่พึ่งมากที่สุด และที่พึ่งของสองเมืองก็คือแม่คนเดียวเท่านั้น
“ถ้าสองยังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ แม่จะพาไมค์บินไปหาพ่อที่มัลดีฟเดี๋ยวนี้” คำประกาศิกของมารดาทำให้ร่างสูงเงียบลง เค้าทำได้เพียงแต่ข่มอารมณ์โกรธและความน้อยใจไว้ ตอนนี้เค้าเพียงแค่อยากให้แม่อยู่ตรงนี้กับเค้า คอยดูแลเค้า
“ตาสามฝากพี่แกด้วยล่ะ ถ้าอาระวาดขึ้นมาก็เรียกหมอแล้วกัน เจอกันที่บ้านใหญ่”
“ครับแม่”
ร่างบางเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่ชายคนใหม่อย่างสองเมือง สีหน้าของเค้าดูเจ็บปวดไม่น้อย ไมค์จะเป็นตัวปัญหารึเปล่านะ ไมค์ควรจะออกเดินเร่ร่อนหางานทำเหมือนเดิมดีไหมนะ ถ้าไมค์อยู่ตรงนี้และอยู่ในครอบครัวนี้สองเมืองคงไม่ชอบใจมากแน่ๆ ไมค์เองก็มีส่วนที่ทำให้สองเมืองตาบอดนี่หน่า พี่เค้ามองไม่เห็นเพราะไมค์เอง ไมค์ควรหนีไปสินะ
ตอนนี้ไมค์ได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาปล่อยให้คุณหญิงหยกมณีจูงไปขึ้นรถเบนซ์คันหรูที่จอดรอไว้อยู่แล้วที่หน้าโรงพยาบาล คุณหญิงลอบมองใบหน้าเล็กนั้นกำลังคิ้วขมวดกันยุ่ง เธอใช้นิ้วจิ้มลงที่หว่างคิ้วลูกชายคนใหม่ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานออกมา
“ไมค์...อย่าไปคิดมากเลยนะคะ ตอนนี้ไมค์คือลูกชายของแม่เหมือนกัน ยังไงซะแม่ก็ไม่ปล่อยไมค์ไปเผชิญโลกอันโหดร้ายแบบนั้นอีกหรอก ไมค์จะไม่เป็นลูกบุญธรรมของแม่ก็ได้ แต่แม่ขอแค่ช่วงที่หนูอยู่กับแม่เท่านั้น ถ้าพี่หนึ่งตามหาญาติไมค์เจอแม่ก็จะส่งไมค์คืนให้ญาติ ไม่ต้องเครียดเรื่องที่สองพูดนะคนเก่ง” คุณหญิงเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้ ไมค์เองก็กอดเธอตอบเช่นกัน
ถ้าหนึ่งสยามตามหาญาติไมค์เจอ ไมค์ก็จะได้กลับไต้หวัน ตอนนี้ไมค์จะอยู่กับคุณหญิงหยกมณีตามที่เธอขอเอาไว้ ไมค์เสียแม่ไปตั้งสามปีแล้วอ้อมกอดอบอุ่นแบบนี้ขอไมค์กอดอีกสักครั้งได้ไหม ขอให้ไมค์คิดว่าคุณหญิงเป็นแม่ไมค์อีกคนได้ไหมนะ
คุณหญิงหยกมณีช่างใจดีซะเหลือเกินซื้อชุดแพงๆให้ไมค์เยอะแยะเลย นี่คงจะปาไปประมาณร้อยกว่าชุดได้แล้วมั้ง คุณหญิงจับไมค์แต่งตัวเหมือนเล่นตุ๊กตาเลยแหะ เด็กหนุ่มก็ทำได้แต่ยืนเป็นหุ่นให้สาวใหญ่เลือกเสื้อผ้าให้ ส่วนมากชุดที่คุณหญิงซื้อให้ก็มีแต่ชุดน่ารักๆทั้งนั้นเลย แต่ไมค์เป็นผู้ชายนะทำไมซื้อชุดน่ารักๆให้ไมค์ก็ไม่รู้ หลังจากนั้นเธอก็พาเด็กหนุ่มไปตัดผม ต่อด้วยทำสปาผิว ถึงตอนนี้ไมค์ยังอยากยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่กล้าขัดใจคุณหญิงหรอกต้องยอมจำนน
ผิวพรรณที่ขาวผ่องอยู่แล้วพอได้ทำสปาก็ดูใสขึ้นขาวขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ผมเผ้าที่เคยดูรุงรังตอนนี้ก็ตัดสั้นขึ้นอีกเซ็ตทรงอีกนิดหน่อย เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ในที่สุดก็ได้คุณหนูไมค์ที่ดูเหมือนเป็นลูกผู้ดียังไงอย่างนั้น คุณหญิงยิ้มพอใจกับผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเองก่อนจะเข้าไปหอมแก้มนิ่มเบาๆให้หายเหนื่อย
“แม่อยากมีลูกสาวก็เพราะอยากทำแบบนี้แหละ ช้อปปิ้ง ทำสปา ทำผมด้วยกัน ถึงหนูจะเป็นผู้ชายแต่หนูก็น่ารักมากๆเลยนะ พี่ชายหนูไมค์ทั้งสามคนเค้าไม่ยอมมาทำอะไรแบบนี้กับแม่หรอก”คนตัวเล็กยิ้มตาหยีให้กับคุณแม่คนใหม่ก่อนจะเข้าไปหอมแก้มเธอสำหรับคำขอบคุณ
เสร็จภารกิจคุณหญิงก็พาหนูไมค์กลับไปบ้านใหญ่ในทันที บ้านใหญ่ที่ว่าตั้งอยู่นอกเมืองอ้อมล้อมไปด้วยต้นไม้แลดูร่มรื่น เป็นบ้านสไตล์ตะวันตก มีโรงจอดรถตั้งสองที่แหน่ะ พอเบนซ์คันหรูมาจอดเทียบท่าก็มีแม่บ้านออกมายืนต้อนรับ คุณหญิงยิ้มให้น้อยๆก็จะผายมือมาทางคนตัวเล็กที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของเธอ
“นี่คือหนูไมค์ เค้าเป็นลูกบุญธรรมของฉัน ช่วยปฏิบัติกับเค้าให้เหมือนกับลูกฉันด้วยล่ะ”ไมค์ยิ้มแย้มก่อนจะยกมือไหว้ทุกคนที่ออกมายืนต้อนรับ
“เค้าพูดไม่ได้ แต่เค้าไม่ได้หูหนวก พวกเธอสามารถคุยกับเค้าได้ เค้าได้ยิน” แม่บ้านทุกคนพยักหน้า
“แล้วคุณสองเมือง...คือ...”
“เป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ฉันจ้างไว้แล้ว พวกเธอกลับบ้านตามปกติได้”
แม่บ้านที่ทำงานอยู่บ้านใหญ่จะมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นทุกวัน อาหารเย็นต้องทานตอนห้าโมงเย็น ส่วนอาหารเช้าต้องทานตอนเจ็ดโมง บ้านใหญ่มีกฎเกณฑ์อยู่แบบนี้ ทุกคนต้องทานอาหารให้ตรงเวลาไม่อย่างนั้นหลังจากเลยเวลาไปแล้วก็ต้องทำทานเอง
คุณหญิงให้แม่บ้านยกถุงเสื้อผ้าขึ้นไปไว้บนห้องของไมค์ ตอนแรกไมค์เองก็คิดหนักเหมือนกันว่าจะนอนที่ไหนดี แต่คุณหญิงจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ห้องของไมค์อยู่ติดกับห้องของพี่หนึ่งซึ่งอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นห้องของสองเมือง แต่คุณหญิงได้จัดห้องนอนใหม่ให้สองเมืองไว้ที่ชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เจ้าตัวลำบากในการขึ้นลงบันไดเลยย้ายห้องสองเมืองลงไปอยู่ชั้นหนึ่งแทน เมื่อกลับมามองเห็นก็ค่อยย้ายขึ้นมาที่ห้องเดิม
เมื่อไมค์ได้เห็นห้องตัวเองก็ต้องตกตะลึงในทันใด ห้องนอนโทนสีขาวบวกกับสีพาสเทลดูน่ารัก ในห้องมีตู้เสื้อผ้าหรูๆแบบในหนังที่ไมค์เคยดูเลย มีโต๊ะคอม มีโซฟาปุยๆสีขาว มีทีวีขนาดใหญ่ มีห้องน้ำส่วนตัวด้วยภายในห้องน้ำก็มีอ่างน้ำขนาดพอดีให้ลงไปทอดกายนอน แต่สิ่งที่ขัดใจที่สุดคือตุ๊กตาตัวเล็กใหญ่ที่วางเรียงรายกันเป็นแถวนั้นคืออะไร ถึงตอนนี้ไมค์ก็ยังคงอยากยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ชายอีกครั้ง
“ตามสบายนะลูก นี่เป็นห้องหนู ถ้ามีอะไรเดินไปเรียกแม่ที่ห้องก็ได้นะคะ แม่อยู่ห้องถัดไปอีกตรงสุดทางเดิน” คนตัวเล็กน้ำตาคลอเบ้า ทำไมคุณหญิงถึงใจดีกับเค้านักล่ะ นานแค่ไหนแล้วที่เค้าไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครับ ไมค์คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้าคุณหญิงด้วยความตื้นตันใจ
“ลุกขึ้นเถอะคนดี” เธอพยุงคนตัวเล็กขึ้นแล้วพาเดินไปนั่งที่เตียงใหม่สีขาวสะอาดที่มีผ้าปูสีพาสเทลน่ารัก
“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ไมค์เป็นลูกแม่แล้วนะทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเองเถอะลูก” ร่างบางพยักหน้าก่อนจะเข้าไปสวมกอดคุณหญิง
ถ้าเค้าพูดได้ก็คงอยากจะขอบคุณคุณหญิงอีกสักล้านรอบเลยล่ะ เธอช่างใจดีกับไมค์ซะจริงๆ ไมค์จะเป็นเด็กดี ไมค์จะช่วยทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ
หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ที่ไมค์อยู่บ้านใหญ่ก็ปาไปขวบเดือนกว่าๆแล้ว ไมค์ช่วยป้าแช่มทำงานบ้าน ช่วยป้าอรทำอาหารทุกมื้อ ช่วยลุงเขียวรดน้ำต้นไม้ ช่วยน้ากรเช็ดรถทุกคันในบ้าน ทุกคนเอ็นดูไมค์รักไมค์เหมือนลูกเหมือนหลาน ไมค์เป็นเด็กดีตลอด ถึงแม้คุณหญิงจะสั่งห้ามไม่ให้ไมค์ทำงานบ้านแต่เค้าก็ยังดื้อดานที่จะทำ ถ้าไมค์อยู่เฉยๆก็เหมือนกาฝาก ถ้าทำตัวมีประโยชน์ก็คงจะดีกว่า
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาไมค์ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้สองเมืองเลยสักครั้งอาจจะเป็นเพราะกลัวโดนดุ กลัวสองเมืองจะตะคอกใส่อีกเหมือนเมื่อตอนอยู่โรงพยาบาล ส่วนสองเมืองก็หัดอ่านหนังสือคนตาบอด หัดใช้ไม้เท้าเดินไปรอบๆบ้าน ถ้าเกิดนั่งง่อยรอคนอื่นทำนู้นนี้ให้สักวันเค้าอาจจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีก เค้าจึงพยายามที่จะปรับตัว และรอวันที่จะได้ผ่าตัดดวงตา ข่มความเจ็บปวดไว้ในหัวใจและพยายามทำตัวให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
ช่วงระยะแรกก็มีหมอและพยาบาลช่วยดูแล แต่ตอนนี้สองเมืองเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว เข้าห้องน้ำเองได้ อาบน้ำเองได้ ส่วนเสื้อผ้าก็เป็นหน้าที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ เวลาทานข้าวก็ต้องมีคนคอยป้อน เพราะเค้ายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเรื่องนี้ ส่วนเพื่อนฝูงก็แวะเวียนมาเยี่ยมเค้าบ้างบางวัน งานอดิเรกของสองเมืองตอนนี้ก็คือฝึกอ่านหนังสือคนตาบอด ทั้งที่ปกติตอนที่เค้ายังมองเห็นเค้าคงไปแข่งรถกับพวกเพื่อนๆไม่ก็ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ตามเคย แล้วก็ไปดูแลผับที่ร่วมลงทุนสร้างกับเพื่อน ทำยังไงได้ล่ะก็ตอนนี้เค้าตาบอดมองไม่เห็นอะไร งานอดิเรกก็ต้องลดลงบ้าง
ถึงจะมองไม่เห็นแต่มีสิ่งหนึ่งที่สองเมืองยังคงทำเป็นประจำก็คือออกกำลัง ถึงแม้เค้าจะป่วยทางจิตแต่ร่างกายเค้าต้องแข็งแรงและสุขภาพดีเสมอ ร่างกายของชายหนุ่มมีกล้ามทุกสัดส่วนและช่วงนี้เค้าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลย ยิ่งทำให้เค้าสุภาพดีขึ้นไปอีก ฟิตร่างกายไว้เผื่อวันใดกลับมามองเห็นอีกจะได้ยกพวกไปรุมกระทืบไอ้เฟร็ดเดอริกได้สบาย โทษฐานขับรถกวนตีนจนเค้าต้องประสบอุบัติเหตุ
“สอง....คือแม่ต้องกลับไปมัลดีฟแล้วล่ะ ตอนนี้พ่อกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจ”
เมื่อเช้าคุณหญิงหยกมณีได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นสามีว่าตอนนี้เค้ากำลังเดือดร้อน ขอให้คุณหญิงได้กลับไปช่วยงานโดยด่วนที่สุด และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอหนักใจอยู่ไม่น้อย ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอคอยดูแลสองเมืองมาโดยตลอดเรื่องป้อนข้าวป้อนน้ำ แล้วถ้าเธอไม่อยู่ล่ะใครจะป้อนข้าวป้อนน้ำสองเมือง
“แม่กะว่าจะให้พี่หนึ่งไปแทน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่หนึ่งจะไปรู้เรื่องอะไรด้วย แม่ไปเองจะดีกว่าไม่ต้องห่วงผมหรอก”
“แต่ว่าลูกยัง....”
“ผมจะพยายามทำเอง เดี๋ยวจะให้พี่หนึ่งช่วยดูแล แม่รีบไปเถอะครับพ่อกำลังเดือดร้อนนะ”
“แม่จะรีบทำธุระแล้วรีบกลับมาให้เร็วที่สุด รักลูกนะ” คุณหญิงเข้าไปสวมกอดลูกชายตัวโตก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่
ไม่นานนักเธอก็ออกเดินไปทางไปหาท่านปิ่นฤดีผู้เป็นสามีที่เกาะมัลดีฟ ก่อนที่คุณหญิงจะเดินทางเธอก็กำชับหนึ่งสยามว่าให้ดูแลสองเมืองและหนูไมค์ให้เป็นอย่างดี ไมค์เองก็แอบเห็นสีหน้าวิตกกังวลของคุณหญิงเค้าจึงรับปากว่าถ้าพี่หนึ่งไม่ว่างเค้าจะเป็นคนดูแลสองเมืองเอง ซึ่งคุณหญิงเองก็ไม่มีทางเลือกจึงตอบตกลง
ถ้าถามว่าไมค์กลัวสองเมืองไหมนั้นหรือ ตอบเลยว่ากลัวมากๆสองเมืองชอบทำหน้านิ่ง ดวงตาเฉียวคมนั้นดูดุยิ่งกว่าอะไร ตอนเวลาสองเมืองโกรธตายิ่งดุเข้าใหญ่เลย น่ากลัวเอามากๆ แต่ไม่เป็นไรไมค์จะใจดีสู้เสือก็แล้วกัน ยังไงซะพี่หนึ่งเองก็เป็นคนดูแลซะส่วนใหญ่
เมื่อคุณหญิงไปมัลดีฟได้ไม่นานพี่หนึ่งก็บอกกับหนูไมค์ว่าต้องไปทำธุระที่อเมริกาโดยด่วนมาก เค้าจึงวานให้หนูไมค์ปิดเรื่องที่เค้าแอบหนีไปอเมมิกาไม่ให้บอกคุณหญิง เอ๊ะ...หนูไมค์จะบอกได้ยังไง ก็เค้าพูดไม่ได้นี่หน่า แต่ยังไงหนึ่งสยามก็บอกเอาไว้ก่อน สามวันต่อมาเค้าก็บอกลาไมค์และสองเมืองว่าจะรีบไปแล้วรีบกลับ มันจะจริงเหรอไปดูงานตั้งอเมริกาคงไม่ใช่แค่วันเดียวสองวันแน่ๆ อย่างน้อยก็คงสักอาทิตย์นึง ถึงแม้หนึ่งสยามจะวานให้แม่บ้านดูแลสองเมืองก็เถอะ พอถึงเวลาเลิกงานทุกคนก็ต้องกลับอยู่ดี ก็คงเหลือแค่ไมค์กับสองเมืองอยู่บ้านด้วยกันสองคน
“ไมค์! ไอ้ไมค์!!!!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกคนตัวเล็กลั่นบ้าน ไม่นานนักไมค์ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กออกมาหาสองเมือง คนตัวเล็กเอานิ้วจิ้มแขนร่างสูงเพื่อให้รู้ว่ามาถึงแล้ว
“กูหิวข้าวรอบดึก ทำอะไรให้กูกินหน่อยสิ พากูไปที่ห้องครัวด้วย” ไมค์ถือวิสาสะจูงมือคนตัวใหญ่ไปนั่งที่โต๊ะอาหารในห้องทานข้าวก่อนจะรีบวิ่งไปเวฟข้าวกล่องที่หนึ่งสยามซื้อมาให้อีกคน
สองเมืองกดปุ่มเสียงนาฬิกาที่ห้อยอยู่บนคอเพื่อฟังเวลา และในตอนนี้ก็ปาไปสองทุ่มแล้ว พี่หนึ่งป้อนข้าวเย็นเค้าตอนบ่ายสามกว่าๆเพราะจะรีบไปขึ้นเครื่องให้ทันเวลา ไม่นานนักเค้าก็ได้กลิ่นข้าวผัดกล่องลอยออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเสียงจานที่วางอยู่ตรงหน้า
“ป้อนกูด้วย” ไมค์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆสองเมืองก่อนจะตักข้าวผัดร้อนๆเข้าปากสองเมืองที่อ้ารอไว้อยู่แล้ว
“โอ๊ยเชี่ย!! ร้อน!!!!!!!” สองเมืองรีบคายข้าวออกทันทีเมื่อความร้อนสัมผัสกับลิ้น เค้าไม่ชอบของร้อนเอาซะแล้ว แล้วไอ้เปี๊ยกนี่มันรู้ไหมว่าข้าวที่เวฟใหม่ๆน่ะมันร้อนทำไมไม่รู้จักเป่าก่อน
“เป่าก่อนสิวะ!!! เป่าเสร็จจะป้อนกูก็ให้เอานิ้วจิ้มแขนกูนะ”คนตัวเล็กพยักหน้ารับ เอ๊ะ...เค้าจะพยักหน้าทำไมในเมื่อสองเมืองมองไม่เห็นนี่หน่า
อุปสรรคในวันแรกที่อยู่ด้วยกันสองคนมันช่างลำบากซะจริงๆ กว่าจะป้อนได้ในแต่ละคำ กว่าจะอิ่มสองเมืองก็ทานไปตั้งสามกล่อง แถมนมอีกหนึ่งแก้ว คนกินไม่เหนื่อยหรอก คนป้อนนี่สิเหนื่อยพูดก็พูดไม่ได้ เวลาจะป้อนต้องเอานิ้วจิ้มอีกฝ่ายก่อนถึงจะป้อนได้ ถ้าชักช้าก็โดนสองเมืองดุ จะป้อนเร็วเกินไปก็โดนดุอีกเพราะร่างสูงเคี้ยวไม่ทัน วันแรกก็สูบพลังงานคนตัวเล็กไปเยอะแล้ว ไม่อยากจะคิดภาพพรุ่งนี้เลย เฮ้อ....
TBC.
:katai4:
-
เด็กขี้อิจฉา !!! น่าทิ้งให้อยู่คนเดียวชะมัด ไมค์อย่าไปสนใจค่ะลูก~ ชริ ! :heaven :angry2:
-
หนูไมค์น่าเอ็นดูววว ><
-
จะว่าไปก็น่าเอ็นดูนะ ต่อไปก็คงปรับตัวเข้าหากันเอง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
-
เมืองขี้บ่นอ่ะ555+
-
น่าร้ากกก
ดีละที่พระเอกไม่งอมืองอเท้า
แต่ถ้าแกแกล้งน้องแรงนะ o18
-
น่ารักง่ะ :hao7: :mew1:
-
น่ารัก ;-; สงสารน้อง ;-;
:ling1:
-
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
ชอบมากๆเลยค่ะเรื่องนี้
รอตอนต่อไปอยุ่นะคะ
ขอบคุณค่ะ><
-
ไมค์น่ารักมากกก
ติดตามๆ :กอด1:
-
แล้วน้องไมค์จะสื่อสารกับพี่สองยังไงล่ะ
คนนึงเป็นใบ้ คนนึงตาบอด
-
อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ พ่อแม่รักลูกม๊ากมากเนอะ ลูกตาบอดไม่สนใจ ถ้าตายคงเฉยๆ มั้ง :hao3: สองเหมือนเด็กเก็บมาเลี้ยง ส่วนไมค์เหมือนลูกในใส้ ความคิดส่วนตัวนะ เราอ่านแล้วรู้สึกแบบนี้ ชิวจังลูกชายตาบอดเนี่ย o18
-
Chapter 4
“หนูไมค์ พวกป้ากลับก่อนนะลูก ช่วยป้อนข้าวคุณสองเมืองด้วยนะคะ”
ไมค์พยักหน้ารับ
“อันนี้คือแกงจืด ส่วนจานนี้คือปลาราดพริก จานสุดท้ายเป็นผัดผัก”
ไมค์พยักหน้าเข้าใจ
“อุ๊ยตายจริง ป้าลืมจัดชุดนอนให้คุณสองเมือง วานหนูไมค์ช่วยหน่อยนะลูก วันนี้ป้ารีบกลับจริงๆ”
ป้าอรแนะนำเมนูอาหารสำหรับวันนี้เสร็จก็วานให้ไมค์จัดชุดนอนให้สองเมืองแล้วรีบเดินทางกลับกับป้าแช่มพร้อมลุงเขียวและน้ากรที่รออยู่ก่อนหน้านั้น เฮ้อ...อะไรกันนี่วันนี้ต้องป้อนข้าวสองเมืองอีกแล้วเหรอ แถมยังต้องไปจัดชุดนอนให้เจ้าตัวอีก เมื่อวานกว่าจะป้อนข้าวเสร็จทั้งเป่าทั้งสะกิดทั้งป้อน รู้ไหมมันเหนื่อยแค่ไหน แถมต้องกะเวลาป้อนให้ดีด้วย ต้องสังเกตว่าสองเมืองกลืนเสร็จรึยังค่อยป้อนคำต่อไป มิหนำซ้ำไมค์ต้องพาสองเมืองเข้านอนอีกกว่าจะนอนได้ก็เรื่องมากซะเหลือเกิน จะเอานู้นเอานี้ตลอดเลย
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“เข้ามา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากในห้อง ไมค์เปิดประตูเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะเห็นร่างสูงกำลังเดินออกจากห้องน้ำพอดี ทั้งตัวของสองเมืองมีแค่ผ้าผืนเดียวคาดเอวอยู่ โชว์แผงอกเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นรอนและผิวขาวกระจ่าง
สองเมืองหยุดหันมาทางประตูที่ไมค์เปิดเข้ามาแล้วเค้าก็เดิมคลำหาชุดนอนอยู่บนเตียงเหมือนเป็นกิจวัตร ป้าอรจะจัดชุดนอนไว้ให้สองเมืองวางไว้ที่เตียง แต่ทำไมวันนี้ไม่มีเหมือนเคย ร่างสูงหยุดการกระทำแล้วเอี้ยวตัวมาทางเสียงประตูเมื่อกี้
“ป้ายังไม่จัดชุดให้ผมเหรอครับ รีบเถอะครับเดี๋ยวจะกลับบ้านค่ำ” สองเมืองค่อยๆนั่งลงบนเตียงอย่างระมัดระวังพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย
คนตัวเล็กเดินเข้าเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ก่อนจะควานหาชุดนอนและชั้นในของอีกคน พอได้ของทั้งหมดก็ยื่นให้อีกคนตรงหน้า ส่วนร่างสูงก็ได้แต่นั่งเงียบไม่รับชุดนอนไปซะที ไมค์ตัวน้อยเริ่มเมื่อยแขนแล้วนะ เอ๊ะ..ไมค์ลืมไปรึเปล่าว่าสองเมืองตาบอด จริงด้วยสิ..เค้ามองไม่เห็นนี่หน่าว่าไมค์กำลังยื่นเสื้อผ้าให้อยู่ ไมค์ต้องสะกิดอีกคนเบาๆเพื่อให้รู้ตัว
“ขอบคุณครับป้า” สองเมืองคงยังไม่รู้สินะว่าเป็นไมค์ แต่ก็ดีแล้วไมค์จะไม่ได้โดนดุ
ร่างสูงเดินเข้าห้องน้ำอีกครั้งเพื่อใส่เสื้อผ้า ส่วนคนตัวเล็กก็ยื่นรออยู่หน้าห้องน้ำเหมือนเคย เพราะหน้าที่ต่อไปของไมค์ก็คือป้อนอาหารเย็นให้กับสองเมือง วันนี้เป็นวันที่สองที่เค้าทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน ยิ่งเข้าใกล้เทศกาลปีใหม่แล้วด้วยสิ ไมค์แอบได้ยินมาว่าพวกป้าๆและลุงๆที่ทำงานอยู่บ้านใหญ่จะเดินทางกลับไปบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดกัน อีกไม่กี่สัปดาห์เองนะ แล้วหนึ่งสยามก็ยังไม่กลับมาจากอเมริกาซะด้วยสิ ถ้าเกิดถึงตอนนั้นทุกคนต้องแยกย้าย หนูไมค์ก็คงได้อยู่กับสองเมืองสองต่อสอง อะไรจะบังเกิดล่ะทีนี้ คนนึงก็ใบ้อีกคนก็ตาบอด จะสื่อสารกันยังไง
สองเมืองเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำก่อนจะเดินคลำไปตามผนังเพื่อเดินไปที่ประตูหน้าห้อง เห็นแบบนี้แล้วไมค์ก็เกิดสงสารสองเมืองขึ้นแล้วสิ ถึงเค้าจะพูดไม่ได้แต่เค้าก็มองเห็นและสื่อสารภาษามือกับคนอื่นได้ อีกทั้งเวลาเจออันตรายไมค์ก็สามารถหลบเลี่ยงได้ แต่สองเมืองนี่สิมองก็ไม่เห็น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเค้าไม่ทันระวังตัวก็คงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ถึงคนในบ้านจะช่วยดูแลสองเมืองอย่างใกล้ชิดแต่ร่างสูงก็มักปฏิเสธเสมอ เค้าคงไม่อยากเป็นภาระของใคร
“ไอ้ไมค์!! ไอ้ไมค์!!!!!” ร่างสูงเปิดประตูออกไปข้างนอกแล้วตะโกนลั่นบ้านเพื่อเรียกคนตัวเล็ก หารู้ไม่ว่าหนูไมค์ยืนอยู่ข้างหลังเค้ามาตลอด ไมค์เอี้ยวไปยื่นดักข้างหน้าก่อนจะสะกิดอีกคน
“มาเมื่อไหร่ ทำไมกูไม่ได้ยินเสียงเท้ามึงเลย มึงก็รู้ว่ากูมองไม่เห็นต่อไปเดินแรงๆให้มีเสียงฝีเท้าด้วยกูจะได้รู้ว่ามึงมา เข้าใจไหม” ไมค์พยักหน้ารับ เอ๊ะ..เค้าลืมไปอีกแล้วว่าสองเมืองมองไม่เห็นนี่หน่า
“ถ้าเข้าใจให้บีบมือกูสองครั้ง ถ้าไม่เข้าใจเอาหัวมึงมาใกล้ๆกูจะโบกให้”
เจ้าหนูไมค์รีบจับมือหนามาบีบสองครั้งเบาๆก่อนจะเดินจูงแขนร่างสูงเข้าห้องครัว จัดแจงที่นั่งให้อีกคนเรียบร้อยจากนั้นก็ยกอาหารที่ป้าอรทำเอาไว้มาตั้งโต๊ะตรงหน้าสองเมือง หนูไมค์ตักแกงจืดใส่ข้าวสวยร้อนๆแล้วเป่าเบาๆก่อนจะสะกิดร่างสูง เจ้าตัวรู้งานก็อ้าปากรอหนูไมค์ก็ป้อนเข้าปากทันที
“แกงจืดเหรอ เอาแกงจืดไว้เบอร์หนึ่ง” หมายความว่ายังไงนะ เอาแกงจืดไว้เบอร์หนึ่ง หนูไมค์ไม่เข้าใจที่สองเมืองพูดเอาซะเลย
“มีอะไรอีก” คนตัวเล็กตักปลาราดพริกป้อนอีกคน ร่างสูงก็พยักหน้าเหมือนรับรู้รสชาติและรู้ว่ามันคืออะไร
“เอาไว้เบอร์สอง” อะไรนะ...เบอร์สองยังไงเหรอ หนูไมค์ไม่เข้าใจอีกแล้ว
“มีอะไรอีก” คราวนี้เป็นผัดผัก หนูไมค์สะกิดร่างสูงแล้วก็ป้อนผัดผักเข้าปาก และทันใดนั้นเองเมื่อรสชาติผักเข้าปากสองเมือง เค้าก็รีบคายออกทันทีดีนะที่หนูไมค์เอามือรองรับไว้ก่อน ไม่งั้นคงเปื้อนผ้าปูโต๊ะสวยนี่แน่เลย ตอนนี้สองมือน้อยๆของหนูไมค์เต็มไปด้วยข้าวและผัดผักที่ร่างสูงคายออกมา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำอะไรขนาดนี้เลยนะ ถึงจะเป็นเด็กรับใช้ของร้านอาหารแต่ก็ไม่เคยเอามือมารองเศษอาหารแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร..ครอบครัวสองเมืองมีบุญคุณกับหนูไมค์ หนูไมค์ต้องดูแลสองเมืองดีๆ
คนตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆเข้าห้องครัวแล้วทิ้งเศษอาหารในมือลงถังขยะก่อนจะล้างมือให้สะอาด และตอนนี้สองเมืองกำลังโวยวายใหญ่แล้ว หนูไมค์กลัวว่าสองเมืองจะอาละวาดเลยรีบวิ่งไม่ทันดูอะไรขาเล็กๆก็ไปกระแทกกับเคาท์เตอร์บาร์ในห้องครัว หนูไมค์ก้มมองขาตัวเองที่ตอนนี้มีรอยแดงๆเกิดขึ้นที่หน้าแข้งแล้วสิ ไม่สิ...ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงขาตัวเอง หนูไมค์ต้องไปดูแลสองเมืองก่อน เจ้าตัวก็เดินกะเผลกๆกลับไปที่โต๊ะอาหาร พอสะกิดร่างสูงเท่านั้นแหละเจ้าตัวก็หัวควับมาทางหนูไมค์ด้วยสีหน้าเกี้ยวโกรธ
“มึงไปไหนมา!!!!!” หนูไมค์สะดุ้งจนตัวโยน ตกใจเสียงทรงพลังของสองเมือง
“ลืมไปว่ามึงเป็นใบ้...แล้วทำไมคนเป็นใบ้กับคนตาบอดต้องมาอยู่ด้วยกัน ทำไมกูต้องถูกทิ้งอยู่เรื่อยเลย!” คนตัวเล็กนั่งลงเก้าอี้ข้างๆก่อนจะเหลือบมองหน้าอีกคน ตอนนี้สองเมืองมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
ความน้อยมันเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิดจนกลายความเจ็บปวด สองเมืองเข้าใจดีว่าตัวเองเป็นลูกชังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะตัวเค้าเองที่ชอบทำตัวเกเรมาตั้งแต่เด็กจนทำให้คนรอบข้างเอือมระอาไปหมด เค้าทำให้พ่อกับแม่เสียใจอยู่บ่อยครั้ง จนท่านทั้งสองมีทีท่าหมางเมินใส่สองเมือง เค้าทำเหมือนไม่แคร์ไม่ใส่ใจถึงจะไม่มีใครสนเค้าก็ไม่เห็นจะสนใจอะไร ที่เค้าพยายามช่วยเหลือตัวเองและปฏิเสธคนอื่นเป็นพัลวันก็คงเพราะอยากให้ท่านปิ่นฤดีกับคุณหญิงหยกมณีได้เห็นว่าลูกชายคนนี้ไม่ได้เป็นภาระของใคร
ลูกชายทั้งสามคน มีเพียงสองเมืองเท่านั้นที่เป็นจุดด่างพล้อยของตระกูลหงส์วิไลเลิศสกุล ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงเดียวนี้เค้าสร้างแต่ความเสียหายและความอับอายให้แก่วงศ์ตระกูลตัวเอง ไม่เคยทำเรื่องดีๆอะไรสักอย่าง ผู้เป็นพ่อกับแม่ก็เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเป็นห่วงแต่เค้ากลับไม่เชื่อฟัง ถ้าหากเค้ายอมรับและเชื่อฟังท่านเค้าก็คงไม่มาเจอเรื่องร้ายแรงแบบนี้หรอก อาจจะผิดที่ตัวของเค้าเอง
“ช่างเถอะ....ป้อนต่อเถอะ กูไม่ชอบกินผักรู้ไว้ซะไอ้ขี้ข้า” หนูไมค์ตักแกงจืดและปลาราดพริกสลับกันแต่นั้นก็ทำให้คนกินเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
“เอาแกงจืดไว้เบอร์หนึ่ง เอาปลาราดพลิกไว้เบอร์สอง เข้าใจไหม? เข้าใจให้บีบมือกูสองครั้ง” ร่างเล็กอยากจะถามออกไปว่าจะให้เอาปากกามาเขียนไหมว่าแกงจืดเบอร์หนึ่ง ปลาราดพริกเบอร์สอง แล้วผัดผักไม่กินเหรอเสียดายจัง เออลืมไปเลยว่าสองเมืองไม่ชอบกินผัก งั้นป้อนแค่สองอย่างแล้วเก็บผัดผักไว้กินเองดีกว่า
ถึงตอนนี้หนูไมค์จะยังไม่เข้าใจที่สองเมืองบอกแต่ก็จำยอมบีบมือคนร่างสูงสองครั้งเพื่อบอกว่าตัวเองเข้าใจ แต่ที่จริงหนูไมค์ยังงงงวงยกับคำสั่งของสองเมืองอยู่เลยนะ ถ้าไม่เข้าใจที่สองเมืองสั่งหนูไมค์คงโดนดุและโดนโบกหัวเหมือนที่เจ้าตัวเคยพูดไว้แน่ๆ
“เบอร์สอง” เอ๊ะ..เบอร์สองงั้นเหรอ เมื่อกี้สองเมองบอกว่าแกงจืดเบอร์สองรึเปล่านะ หนูไมค์สะกิดแล้วตักแกงจืดพร้อมกับข้าวเข้าปากอีกคน สองเมืองขมวดคิ้วก่อนจะใช้มือทุบโต๊ะดัง ปึง!
“นี่มึงโง่หรือฉลาดน้อยห้ะไอ้ไมค์ กูบอกว่าเบอร์สองปลาราดพริก มึงก็ตักปลาราดพริกสิวะ ตักแกงจืดทำไม แกงจืดมันอยู่เบอร์หนึ่ง!”อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เองหนูไมค์เข้าใจแล้ว คนตัวเล็กรีบจับมือหนามาบีบสองครั้งเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเค้าเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะ
“เบอร์สอง เบอร์สอง แล้วก็เบอร์หนึ่ง”
หนูไมค์คอยป้อนอาหารตามที่ร่างสูงสั่ง เบอร์หนึ่งกับเบอร์ก็สลับกันไปมาอยู่แบบนี้จนเจ้าตัวอิ่ม ส่วนตัวเองก็กินไปด้วยเหมือนกัน พออิ่มก็ต้องรีบประเคนให้คุณชายดื่ม ขนาดน้ำที่จะดื่มยังเรื่องมากได้อีกต้องเป็นน้ำอุณหภูมิห้องเท่านั้น ตอนแรกหนูไมค์เอาน้ำเย็นมาให้สองเมืองก็ปัดแก้วทิ้งจนน้ำหกเรี่ยราดไปหมด ต้องหาน้ำอุณหภูมิห้องมาให้คุณชายแล้วก็ต้องมาเช็ดน้ำหกอีก
หลังจากนั้นหนูไมค์ก็จูงมือร่างสูงเพื่อที่จะไปส่งเข้านอนที่ห้อง คนตัวเล็กเดินกะเผลกๆเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ขาเมื่อตอนกินข้าว ทำให้ร่างสูงรับรู้ว่าอีกคนมีท่าทีแปลกไป เหมือนกับว่าเจ้าไมค์กำลังพยายามเดินลากขาอีกข้างของตัวเองยังไงอย่างนั้น ทั้งเดินทั้งหยุดแบบนี้มันแปลกไปจริงๆ
“ทำไมมึงเดินแปลกๆ หยุดๆเดินๆ เจ็บขารึไง” หนูไมค์ที่จูงมือร่างสูงอยู่ก็หยุดเดินแล้วบีบมือใหญ่นั้นสองครั้ง
“หกล้ม? ซุ่มซ่ามวะ.. ถ้ามีแผลอาบน้ำเสร็จก็เอายาทาด้วย กล่องปฐมพยาบาลอยู่ห้องครัว กูจำได้” หนูไมค์บีบมือสองเมืองอีกสองครั้งเพื่อให้รู้ว่าเค้ารับทราบแล้ว จากนั้นก็เดินกะเผลกๆไปส่งคนตาบอดที่ห้องนอน
“กูให้เวลามึงไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนกับกูที่ห้องนี้ หอบฟูกแล้วก็ผ้าห่มมึงมาด้วย อาการตอนดึกมันหนาว อ๋อ...ที่ให้มานอนกับกูก็เพราะว่าเผื่อกูหิวน้ำตอนดึกๆมึงต้องไปเอามาให้กูกิน ทายาที่ขาด้วยล่ะ เข้าใจไหม?” หนูไมค์บีบมือร่างสูงสองครั้งก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
หลังจากคนตัวเล็กอาบน้ำเสร็จก็หอบผ้าห่มกับหมอนข้างมาที่ห้องร่างสูง ก่อนที่เข้าห้องก็เดินตรวจเช็คบ้านว่าปิดล็อคเรียบร้อยหมดรึยัง พอไปถึงก็เคาะประตูพอเป็นพิธีแล้วก็เปิดเข้าไป เห็นสองเมืองกำลังนั่งอ่านหนังสือสำหรับคนตาบอดอยู่ นิ้วเรียวยาวของสองเมืองกำลังไล่ไปตามตัวอักษรในหนังสือ เค้าพยายามที่จะอ่านมันแต่ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจด้วย ช่างลำบากอะไรขนาดนี้
“มึงมาแล้วเหรอ เอาล่ะปูฟูกลงแล้วนอนข้างเตียงตรงใกล้ๆกู” ฟูกงั้นเหรอ...ฟูกหมายถึงอะไรกันนะ ไมค์ไม่เข้าใจ ฟูกจะเหมือนกับผ้าห่มไหมนะ
ไมค์ค่อยๆปูผ้าห่มลงบนพรมข้างเตียงของเจ้าของห้อง(ห้องนอนสองเมืองมีพื้นที่ปูด้วยพรม)วางหมอนลงนอนล้มตัวนอนกอดหมอนข้าง อาการในฤดูหนาวปีนี้ช่างหนาวเหน็บอะไรขนาดนี้ ผ้าห่มไมค์เอามาแค่ผืนเดียวเองแต่ต้องมาปูเป็นที่นอน ห้องนี้ไม่มีฮีสเตอร์ด้วยสิ หนูไมค์ต้องทนนอนหนาวเหน็บทั้งคืนเหรอเนี่ย
“กูจะปิดไฟแล้วนะ ถึงแม้กูจะมองไม่เห็นรู้สึกถึงความมืดอยู่ตลอดเวลาก็เถอะ ยังไงมึงก็เป็นคนที่มองเห็นคงจะแสบตาสินะ เอาล่ะนอนได้แล้ว กูจะปิดไฟให้”
สองเมืองกดปิดสวิตช์ไฟห้องทั้งห้องเงียบและมืดสนิทลงในทันที ห้องๆนี้อยู่ชั้นล่างถึงจะมีหน้าต่างแต่แสงจันทร์ก็สาดส่องไม่ถึงจึงทำให้มืดสนิท โอเคตอนนี้หนูไมค์รับรู้ถึงความรู้สึกของสองเมืองแล้วล่ะ ว่าโลกที่มืดสนิทมันน่ากลัวแค่ไหน ปกติหนูไมค์เป็นคนกลัวความมืดมากๆจะเปิดไฟนอนทุกที ตอนเป็นเด็กรับใช้อยู่ร้านอาหารมีห้องเช่าเล็กๆให้เค้าอยู่ถึงแม้ป้าเจ้าของร้านจะบอกว่าเปลืองไฟอย่างนั้นอย่างนี้ หนูไมค์ก็แอบเปิดไฟนอนอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้สองเมืองปิดไฟไปแล้วจะขัดก็ไม่ได้ เค้าพูดไม่ได้นี่เนาะ ก็คงปล่อยเลยตามเลย พยายามข่มตาหลับกอดหมอนข้างแน่นๆ ความหนาวเริ่มแทรกซึมเข้ามาในร่างกายหนูไมค์ขึ้นมาทุกที เจ้าตัวเริ่มคัวสั่นแล้วนอนขดอยู่อย่างนั้น
กระทั่งตกกลางดึกสองเมืองรู้สึกคอแห้งกระหายน้ำมากๆ เค้าเอื้อมแขนไปหยิบขวดน้ำที่อยู่บนโต๊ะโคมไฟ น้ำในขวดเมื่อโดนอากาศเย็นจนทำให้น้ำเย็นไปด้วย เค้าไม่ชอบดื่มน้ำเย็นเอาซะเลยมันจะทำให้ปวดหัวอยู่บ่อยๆ ร่างสูงลุกขึ้นนั่งก่อนจะหย่อนขาลงไปที่ข้างเตียง ใช้เท้าเขี่ยร่างเล็กนั้นเบาๆ เอ๊ะ...ทำไมเจ้าเปี๊ยกนี่ไม่ยอมห่มผ้าล่ะ ทั้งที่อากาศหนาวเย็นขนาดนี้ สองเมืองใช้เท้าคลำไปมาจนรู้ว่าไอ้เด็กไมค์มันเอาผ้าห่มมาปูเป็นที่นอน แล้วเจ้าตัวก็นอนตัวขดกอดหมอนข้างอยู่นั้นเอง
“ไอ้ไมค์ ทำไมมึงไม่ห่มผ้าวะ...ไอ้ไมค์ ไอ้ไมค์!” ใช้เท้าเขี่ยเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น สงสัยจะหลับลึกหน้าดู ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงก่อนจะใช้มือคลำหาคนตัวเล็ก พอมือเค้าสัมผัสถึงผิวที่เย็นเฉียบของร่างบางถึงกับตกใจ ไอ้เจ้าเปี๊ยกนี่คงหนาวมากสินะ ตัวเย็นเหมือนน้ำแข็งขนาดนั้น ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้มีหวังไม่สบายเอาแน่ๆ ยิ่งถ้ามันไม่สบายใครจะคอยป้อนข้าวป้อนน้ำสองเมืองล่ะ
ว่าแล้วสองเมืองก็ค่อยๆอุ้มร่างเล็กนั้นขึ้นมา ใช้ขาคลำไปเรื่อยเพื่อหาพิกัดของเตียงจากนั้นก็ค่อยๆวางคนตัวเล็กลงอย่างบรรจง เดี๋ยวถ้าวางแรงมันก็จะตื่นเอา เอ๊ะ..แล้วเค้าจะไปใส่ใจทำไมว่ามันจะตื่น แล้วที่เค้าเอาเด็กนี่ขึ้นมานอนบนเตียงของเค้าก็เพราะว่ากลัวมันจะไม่สบาย เดี๋ยวก็เป็นภาระของเค้าอีกล่ะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ สองเมืองส่ายหน้าเบาๆก่อนจะดึงผ้าห่มหนาๆนุ่มคลุมร่างเล็กเอาไว้ ตัวเค้าเองก็ค่อยๆเดินคลำทางไปนอนอีกฝั่งของเตียงแทน
จากที่ว่าไอ้เด็กไมค์ต้องดูแลเค้า แต่เค้ากลับมาดูแลมันเอง ตลกดีนะคนตาบอดกับคนเป็นใบ้ต้องมาดูแลกันเอง คนพิการมักจะถูกทอดทิ้งแบบนี้หรอกเหรอ ถึงแม่พวกป้าๆแม่บ้านจะได้รับคำสั่งจากหนึ่งสยามให้ดูแลสองเมืองก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครอยากอยู่ดูแลเค้าหรอกเพราะสองเมืองเป็นคนอารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจแบบสุดๆ ทุกคนจึงปฏิเสธการรับงาน แต่ก็ยังดีที่หนูไมค์เสนอตัวอยากจะช่วยดูแลสองเมือง ทุกคนเอือมระอากับสองเมืองตั้งแต่พ่อแม่ พี่น้อง แม่บ้าน ทุกคนเลยผลัดภาระกันไปมาจนสองเมืองคิดว่าตัวเค้าเองที่ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ แม้ในบางเรื่องเค้าจะยังไม่สามารถทำได้ก็ยังดีที่มีหนูไมค์อยู่รับใช้ไม่ไปไหน
บางที...การที่เค้าตาบอดก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน
และเค้าก็ได้รู้ว่าคนที่พึ่งเข้ามา กลับอยู่เคียงข้างเค้า ต่างกับคนที่อยู่ด้วยมาทั้งชีวิตต่างก็หมางเมินเกี่ยงไม่เอาเค้า
และบางที...หนูไมค์ก็ไม่ได้เลวร้ายสำหรับเค้าเสมอไป เค้าคงคิดไปเองล่ะมั้ง จริงๆเด็กคนนี้ก็ดีมากเลยทีเดียว
TBC.
:katai4:
-
วู้วววๆๆๆ ความรักกำลังจะบังเกิด เย้เย้~ :z2: :z2:
-
อย่าแกล้งหนูไมค์นักเลย หนูไมค์น่ารักนะ
ติดตามด้วยคนค่ะ
:mew1:
-
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๅๆๆๆๆๆๆๆๅๅๅๅๅๅๅๅๅๅๅๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:
-
อยากให้สองตาสว่างสักที เผลอเห็นหน้าแล้วรักเลย แต่ค่อยๆเรียนรู้กันไปดีกว่า
-
ค่อยๆเรียนรู้กันไป
-
กว่าจะรู้ตัวนะ่
เปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างก็ดี
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเองทั้งนั้น
เริ่มจากทำดีกับหนูไมค์ก่อนเลย
-
สู้ๆนะเคอะหนุ่มๆ :hao7:
-
แซ่บจัง นิยายเรื่องนี้ สนุกๆ เอาอีกๆ
-
อย่าหายนะ :call:เราชอบเรื่องนี้มากมากมากเลย
น่ารักกกกกกกก. มาต่ออีกบ่อยๆนะ ไม่ก็เข้ามาทักทายก็ได้ มีแฟนเพจมั้ย><
-
อากกกกกำลังหนุกเลย
มาต่อเร็วๆน้ารออยู่ :katai1:
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ
ขอสมัครเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยคน
สองเมืองเริ่มรู้สึกดีกับหนูไมค์แล้ว
ต่อไปต้องหวงมากแน่ๆๆ เลย >///////////<
-
เหอะๆรู้ก็ดีแล้วจะได้ดีกับน้อง
-
หนูไมค์น่ารักกกกก :hao7:
-
บางทีบอดก็ดีเหมือนกันนะ จะได้เรียนรู้และสำนึกถึงการกระทำของตัวเองในอดีต
-
วันนี้จะมาลงพี่สองกับน้องไมค์ดึกๆนะคะ รอติดตามด้วยน้า
:katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
-
:L2:
-
:hao7: เค้าจะรอ :z2: :z2:
-
สนุกค่ะ เริ่มชอบสองเมืองแล้วล่ะ ไอ้คนขี้อิจฉาเนี่ย คึคึคึ :man1:
-
รอออออออออออออิอ :impress2:
-
Chapter 5
เช้านี้อากาศหนาวเป็นพิเศษเลย หนูไมค์ตื่นนอนตอนเช้าตรู่ตามปกติของตัวเอง พอลืมตาตื่นก็ต้องตกใจเพราะหน้าของสองเมืองอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ร่างเล็กลอบมองหน้าอีกคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราอยู่ ตอนนี้หน้าตาเค้าก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรหรอกนะ ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำไป แต่ถ้าให้อีกคนตื่นขึ้นมานะหนูไมค์จะไม่กล้าสบสายตาเป็นแน่ถึงแม้อีกคนจะมองไม่เห็นเค้าก็ตามเถอะ กลัวสายตาคมดุดันนั้นเอามากๆเลย จะหล่อร้ายแค่ไหนแต่ตอนหลับก็น่ารักมากๆอยู่ดี นอนมองหน้าอีกคนจนเพลินเลยลืมไปเลยว่ามีลำแขนแกร่งโอบรัดตัวของไมค์อยู่ ร่างสูงกอดรัดร่างเล็กไว้แน่นเหมือนต้องการความอบอุ่นจากอีกคน หนูไมค์ค่อยๆแงะปลาหมึกของร่างสูงออก ก่อนลุกจากเตียงก็ไม่ลืมดึงผ้าห่มมาคลุมตัวสองเมืองไว้ เอ๊ะ...ว่าแต่ทำไมไมค์ถึงได้ขึ้นมานอนบนเตียงกับสองเมืองล่ะ เค้าจำได้ว่าเค้านอนพื้นนี่หว่า คงจะละเมอเดินขึ้นมาละมั้ง น่าอายจริงๆเลย ยิ่งเห็นสองเมืองกอดเค้าไว้แน่นแบบนั้นยิ่งทำให้อายเข้าไปใหญ่
หนูไมค์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มาทำโจ๊กช่วยป้าอรอยู่ในครัว ต่อจากนั้นก็ไปเช็ดรถช่วยน้ากร รดน้ำต้นไม้ช่วยลุงเขียว ทำงานบ้านช่วยป้าแช่มตามกิจวัตรประจำวันของตัวเอง พอเสร็จงานเรียบร้อยทุกอย่างก็เป็นเวลาพอเหมาะที่สองเมืองเรียกให้หนูไมค์ไปช่วยจัดชุดลำลองให้ เค้าบอกหนูไมค์ว่าต่อไปนี้หนูไมค์ต้องเป็นคนจัดเตรียมเสื้อผ้าในแต่ละแทนป้าอร เหตุผลอะไรน่ะเหรอหนูไมค์เองก็ไม่ทราบเหมือนกัน
คนตัวเล็กจูงมือคนร่างสูงเข้าห้องรับประทานอาหารที่อยู่ใกล้ๆห้องครัว ป้าอรกับป้าแช่มที่กำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ในครัวไม่ทันสังเกตเลยว่าหนูไมค์พาสองเมืองมานั่งที่โต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องเทศกาลปีใหม่ด้วยอาการสีหน้ากังวล ซึ่งคนตัวเล็กเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น ตอนแรกกะจะโผล่หน้าออกไปให้ป้าทั้งสองรับรู้ว่าเค้าพาสองเมืองมาประจำที่แล้ว แต่ก็โดนคนร่างสูงกระตุกมือไว้ก่อน สองเมืองพยายามเงี่ยหูฟังเสียงของแม่บ้านทั้งสองคนอย่างตั้งใจ
“ฉันอยากกลับไปบ้านนอกเต็มทนแล้วนะ ทุกปีฉันก็ขอคุณหญิงกลับตอนปีใหม่ แต่ปีนี้คุณหญิงกำชับให้อยู่ดูแลคุณสองเมือง”
“ฉันก็อยากกลับไปงานบวชลูกชายเหมือนกันแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ...เมื่อคุณสองเมืองตาบอดมองไม่เห็นแบบนี้ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปคุณหญิงต้องเอาพวกเราตายแน่ๆ” ป้าอรบอกกับป้าแช่มด้วยสีหน้าวิตก
“อีกแค่สามสี่วันจะปีใหม่อยู่แล้วเชียว เมื่อไหร่คุณหนึ่งจะกลับมาจากเมืองนอกสักทีล่ะ”
“คุณหนึ่งโทรมาบอกฉันแล้วยัยแช่ม เค้าบอกว่าจะเลื่อนว่ากลับออกไปเพราะว่าตอนนี้หิมะตกหนักมาก ที่นู้นเค้าเลยงดเที่ยวบินน่ะ ฉันยังไม่บอกคุณสองเมืองเลย กลัวแกจะเสียใจเอา” ป้าอรมีสีหน้าสลดลงถนัด เพราะสงสารคุณสองเมือง ตาบอดมองไม่เห็นก็ว่าเสียใจแล้ว แต่คนในครอบครัวกับไม่ค่อยสนใจเค้านี่สิน่าเสียใจยิ่งกว่า สองเมืองปล่อยมือจากคนตัวเล็กก่อนจะพยักเพยิดหน้าเป็นสัญญาณบอกให้อีกคนไปยกอาหารจากห้องครัวมา
ที่สองแม่บ้านพูดคุยกันสองเมืองได้ยินทุกอย่างถึงแม้จะนั่งอยู่ห้องถัดไปก็ตาม เค้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้แทนที่จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว แต่ทุกคนกลับมีงานและภาระส่วนตัวอยู่มากโข แล้วตอนนี้เค้าก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของป้าแม่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วสิ ปกติทุกช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกๆปีพวกแม่บ้านและคนขับรถจะขอกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งคุณหญิงหยกมณีก็อนุญาต หลังปีใหม่สองสัปดาห์จึงกลับมาทำงานได้ แต่ปีนี้ต่างออกไปตรงที่ว่าสองเมืองประสบอุบัติเหตุจนทำให้ตาบอด ทุกคนต้องอยู่ดูแลเพราะมันเป็นคำลั่งของคุณหญิงหยกมณี หึ ขนาดคนเป็นแม่ยังอยู่ดูแลไม่ได้ แล้วคนอื่นล่ะก็คงไม่มีใครอยากดูแลเค้าหรอก ซ้ำแล้วยิ่งเป็นช่วงเทศกาลแบบนี้ใครๆก็อยากกลับบ้านไปหาครอบครัวหมด คงยกเว้นครอบครัวตระกูลนี้แหละที่เอาแต่ทำงาน เฮ้อ...ยังไงซะพวกป้าๆต้องกลับบ้านไปหาลูกหลาน ถ้าห้ามก็คงอยู่ที่นี่ลำบากใจอีก สองเมืองตัดสินใจแล้วว่าจะให้พวกแม่บ้านกลับทั้งหมดรวมถึงคนงานในบ้านด้วย
“อ้าว...หนูไมค์พาคุณสองเมืองมาแล้วเหรอ นี่จ๊ะ...โจ๊กของคุณสองเมือง เดี๋ยวป้าเอาน้ำไปเสิร์ฟให้ทีหลัง” หนูไมค์ยิ้มรับก่อนจะยกถาดอาหารไปที่ห้องรับประทานอาหารที่อยู่ข้างๆ
เหมือนครั้งก่อนๆที่เคยทำมาเป็นปกติ หนูไมค์ค่อยๆเป่าโจ๊กร้อนให้คลายร้อนก่อนจะสะกิดคนร่างสูงแล้วป้อนเข้าปากอีกคน เป่า สะกิด ป้อน ทำวนเป็นลูปอยู่แบบนี้จนกว่าโจ๊กในชามจะหมด หนูไมค์ก็หมดแรงไปตามๆกัน ถ้าเกิดสองเมืองได้เห็นสีหน้าเหนื่อยหอบของอีกฝ่ายก็คงดุยาวไปตามระเบียบแน่นอน มีหน้าที่แค่ป้อนข้าว ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ หลังจากทานโจ๊กเสร็จสรรพ ป้าอรก็ยกน้ำมาเสิร์ฟที่ห้องรับประทานอาหาร
“นี่น้ำค่ะคุณสองเมือง”
“ป้าอรครับ ป้าอรกับป้าแช่มกลับบ้านเกิดก็ได้นะครับ” สองเมืองพูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำเสร็จ ป้าอรที่กำลังยกถาดอาหารไปเก็บถึงกับชะงักหยุด
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าป้าไม่อยู่ใครจะอยู่ดูแลคุณสองเมืองล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจ้างพยาบาลส่วนตัว” สองเมืองระบายยิ้มออกมาถึงแม้จะไม่ได้หันไปยิ้มให้กับป้าอร แต่เธอก็รู้สึกว่าสองเมืองกำลังยิ้มให้เธออยู่
“ขอบคุณมากค่ะคุณสองเมือง เอ่อถ้าอย่างนั้น....”
“ไปวันนี้เลยก็ได้ครับป้า อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว ถ้าเดินทางช้าอาจจะทำให้เดินทางลำบากขึ้น”
“จะดีเหรอคะคุณสองเมือง”
“ครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอก ไอ้ไมค์ก็คอยช่วยดูแลถึงจะพูดไม่ได้ก็เถอะ” ป้าอรยิ้มออกมาก่อนจะโค้งขอบคุณสองเมือง
“หนูไมค์คะ ฝากดูแลคุณสองเมืองด้วยนะ เดี๋ยวป้ากับป้าแช่ม ลุงเขียว น้ากร จะรีบกลับมาหลังปีใหม่ อ่อ..คุณสองเมืองคะถ้ามีอะไรโทรหาป้าได้ทุกเมื่อเลยนะคะ”
“ครับป้า”
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงพวกป้าแม่บ้านและลุงเขียว น้ากรก็หอบกระเป๋าเสื้อผ้าลากลับบ้านเกิด แต่หนูไมค์ไม่ยักเห็นคุณสองเมืองจะหยิบจับโทรศัพท์เลย สองเมืองเอาแต่นั่งอ่านหนังสือสำหรับคนตาบอดเงียบๆโดยสั่งให้หนูไมค์นั่งอยู่ข้างๆตลอดเวลาไม่ให้ไปไหน จนกระทั้งหนูไมค์ผล็อยหลับไปในที่สุด รู้สึกตัวอีกทีบรรยากาศรอบข้างก็ปาไปตอนบ่ายแก่ๆแล้ว หันไปทางสองเมืองเจ้าตัวเองก็นั่งหลับอยู่เหมือนกัน คนตัวเล็กดึงชายเสื้อเบาๆเพื่อปลุกอีกคน
“หืม...กี่โมงแล้ววะเนี่ย” สองเมืองกดนาฬิกาอัตโนมัติที่เป็นสร้อยคล้องคอตัวเอง
‘ขณะนี้เวลา 16.02 น.’
“ไอ้ไมค์ มึงหิวรึยัง ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้กินเพราะเฝ้ากูแท้ๆ ไปหาซื้ออะไรกินไป กระเป๋าตังค์กูอยู่ในลิ้นชักข้างเตียง ซื้อพวกข้าวกล่องมาด้วยล่ะ ซื้อมาเยอะๆเลยก็ได้” สองเมืองหันกลับไปตั้งใจอ่านหนังสือคนตาบอดอีกครั้ง พอรับคำสั่งจากร่างสูงเสร็จคนตัวเล็กก็เข้าไปหยิบตังค์ในกระเป๋าของสองเมือง
เจ้าหนูไมค์เดินลัดเลาะไปตามทางลัดเข้าไปยังเขตชุมชน เค้าจำทางได้อย่างแม่นยำเพราะป้าอรจะชอบเดินทางลัดเพื่อจะมาซื้อของที่ตลาดส่วนมากหนูไมค์ก็จะออกมาเป็นเพ่อนด้วยทุกวัน มาช่วยป้าอรถือของ เดินไปไม่ไกลนักตรงหัวมุมของถนนก็มีร้านสะดวกซื้อ หนูไมค์เดินตรงเข้าไปเพื่อที่จะซื้อข้าวกล่องตามที่สองเมืองบอก คนตัวเล็กยืนครุ่นคิดอยู่หน้าตู้เย็นกระจกใสอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนนึงพูดถึงคนที่รออยู่ที่บ้านนั้นก็คือสองเมืองนั้นเอง
“เออ...กูแวะมาดูบ้านไอ้สองเมืองตามที่มึงบอกล่ะ เหมือนจะไม่มีคนบ้านเลยว่ะสัส สงสัยจะจริงอย่างที่เค้าว่า” หนูไมค์หันไปมองคนที่กำลังพูดถึงสองเมือง
ผู้ชายตรงหน้าหนูไมค์เค้าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำพอกันกับสองเมือง เค้ามีผมสีบลอนด์ทองประกาย เข้ากันดีกับนัยน์ตาสีน้ำทะเล จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียว ปากหยักบางสีแดงระเรื่อออกคล้ำๆคล้ายกับคนสืบบุหรี่ เค้ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่นี่หน่า หนูไมค์เห็นสโมทอกไร้สายที่ติดอยู่ที่หูของเค้า และเค้าก็กำลังพยายามหนีบกล่องนมไว้ที่ใต้รักแร้ส่วนอีกมือหนึ่งก็หอบเอาขนมกรุบกรอบอย่างทุลักทุเล เนื่องจากแขนอีกข้างหนึ่งของเจ้าตัวนั้นใส่เฝือกเอาไว้ สงสัยจะแขนหักล่ะมั้งหนูไมค์คิดในใจ
“หึ กูอยากจะเห็นหน้ามันจริงๆตอนนี้ได้ข่าวว่ารถคว่ำเหมือนกู กรรมตามสนองจริงๆ”
“มึงจะบ้าเหรอสัส กูแขนหักจะขับรถมาเองได้ไง....เออ กูรอไอ้สองเมืองกลับมาจากเมืองนอกก่อนเถอะกูจะคิดบัญชีใหม่อีกรอบ อยากเจอหน้ามันใจจะขาดอยู่แล้วสัส...เออ...แค่นี้แหละ”
เอ๊ะ...จากที่ฟังมาหรือว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนกับสองเมืองนะ เค้าบอกอยากเจอหน้าสองเมืองรึเปล่าเมื่อกี้นี้ หนูไมค์ได้ยินแบบนั้นจริงๆนะ สงสัยจะเป็นเพื่อนของสองเมืองล่ะมั้งแต่หนูไมค์ไม่เคยเห็นหน้าเลยนี่หน่า ได้ยินว่าเค้าคนนี้ขับรถผ่านบ้านสองเมืองด้วย มีธุระอะไรเปล่านะ หนูไมค์อยากจะบอกจริงๆว่าสองเมืองอยู่บ้านนั้นแหละแต่ที่บ้านเงียบเพราะเหลือกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น นี่ถ้าสองเมืองโทรจ้างพยาบาลส่วนตัวมาอีกบ้านก็คงไม่เงียบหรอกมั้ง
ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่หนูไมค์ก็ได้ยินเสียงหล่นตุบลงพื้น พอหันกลับไปมองก็เห็นกล่องนมของผู้ชายคนนั้นหล่นลงพื้น
“Shit!!”
ร่างสูงสบถออกมาอย่างหัวเสีย ลูกน้องที่ขับรถมาด้วยกันตอนนี้ก็คงรออยู่นอกร้านสะดวกซื้อ เค้าเป็นคนบอกเองว่าไม่ต้องเข้ามา แต่เมื่อมาเจอขนมกรุบกรอบออกรสใหม่ร่างสูงก็โกยขนมใส่อกตัวเองทันที โดยลืมไปว่าตอนนี้มีแขนและมือข้างเดียวที่ใช้งานได้ ตอนนี้กล่องนมรสกล้วยของโปรดของเค้ากองอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ...แล้วเค้าจะหยิบยังไง อยากกินแต่ก็ต้องตัดใจเพราะอยากกินขนมมากกว่า หนูไมค์เห็นแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้ คนตัวเล็กเดินเข้าไปก่อนจะก้มหยิบกล่องนมขึ้นมาให้นุ่มหน้าฝรั่ง
“เอ่อ..ขอบคุณครับ” ไมค์ยิ้มให้อีกคนก่อนจะหมุนตัวกลับไปยืนจดจ้องที่ตู้เย็นกระจกใสเหมือนเดิม เค้าจะซื้อข้าวกล่องไปกี่กล่องดีนะ สองเมืองบอกให้ซื้อไว้เยอะๆนี่หน่า ใช่แล้วล่ะมันต้องเผื่อวันอื่นด้วย
หนูไมค์เดินไปหยิบตะกร้าแล้วหอบข้าวกล่องเป็นโหลลงตะกร้า มีข้าวกล่องหลากหลายชนิดเลยทีเดียว หนูไมค์ซื้ออย่างละสองกล่องสำหรับสองเมืองกล่องนึงและเค้าอีกกล่องนึง ถ้าหมดเมื่อไหร่ค่อยเดินมาซื้ออีกก็ได้ หลังจากจ่ายตังค์เสร็จสรรพคนตัวเล็กก็หอบข้าวของพะรุงพะรังออกจากร้านสะดวกซื้อ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าเยอะขนาดนี้หรอกแต่หนูไมค์ซื้อไอเทมเสริมด้วยก็คือพวกไส้กรอก และอาหารกระป๋องมาด้วย ไหนจะน้ำผลไม้อีก เห็นสองเมืองบ่นๆว่าอยากดื่มน้ำผลไม้แต่หนูไมค์ไม่รู้ว่าเจ้าตัวชอบอะไรก็เลยซื้อไปทุกรสเลยทีเดียว พอเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อก็เห็นหนุ่มฝรั่งร่างสูงคนเดิมยืนอยู่หน้าร้าน แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้สนใจอะไร
“นี่เธอ....”
“…….”
“นี่เธอน่ะ คนที่ช่วยฉันเมื่อกี้ เฮ้...เดี๋ยวสิ” ร่างสูงเข้ามาดึงแขนเล็กๆของหนูไมค์ เจ้าตัวก็หันมาประจันหน้ากับหนุ่มฝรั่งร่างยักษ์ทันที หนูไมค์เอียงคอทำสีหน้างงๆ ร่างสูงจึงยิ้มให้
“เมื่อกี้ขอบใจนะ ที่เก็บกล่องนมให้”
หนูไมค์พยักหน้า
“เธอชื่ออะไร บ้านอยู่แถวไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง เห็นเธอหอบของเยอะเชียว”
หนูไมค์มองหน้าหนุ่มฝรั่งนิ่งๆ
“เธอชื่ออะไร...เฮ้...เข้าใจที่ฉันพูดไหม หรือว่าเธอเป็นคนต่างชาติ?”
หนูไมค์ส่ายหัว
“อ้าว...ก็ฟังออกนี่ แล้วเธอชื่ออะไร”
หนูไมค์ยังคงหน้านิ่งเหมือนเดิม เฮ้อ...ก็เค้าพูดไม่ได้นี่น่า จะให้บอกชื่อยังไงล่ะ
“เธอหูหนวกเหรอ” ถ้าหนูไมค์หูหนวกจะได้ยินที่เค้าพูดรึไงกัน เด็กหนุ่มส่ายหัวไปมาอีกครั้ง
“งั้น...เธอพูดไม่ได้เหรอ” ร่างบางระบายยิ้มหวานออกมาก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
อะไรกัน คนน่ารักๆแบบนี้นี่นะเป็นใบ้พูดไม่ได้ ร่างสูงมองอีกคนอย่างครุ่นคิด ตั้งแต่อยู่ในร้านสะดวกซื้อแล้วหลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจากหนุ่มน้อยคนนี้ ก็ทำเอาฝรั่งร่างโตอย่างเค้าใจสั่นวูบ เพราะด้วยใบหน้าน่ารักแบบนี้ ตากลมโตใสแจ๋วมองมาที่เค้าทันทำให้เค้ารู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก จมูกนิดปากหน่อย ตัวเล็กๆผิวขาวๆแบบนี้มันน่ารักชะมัด ถึงจะเป็นเด็กผู้ชายก็น่ารักมากสำหรับเค้าเลยก็ว่าได้ หน้าตาของเจ้าเปี๊ยกนี่ช่างน่าดึงดูดซะจริงๆ ถึงแม้จะพูดไม่ได้แต่ตอนนี้เค้าก็คงไม่สนอะไรแล้ว หึ ก็เด็กคนนี้มันน่าสนใจ ดึงดูดสายตาของหนุ่มตาฟ้าน้ำทะเลคนนี้ได้ในวินาทีแรกเลยก็ว่าได้ เอาเป็นว่าเค้าแนะนำตัวฝ่ายเดียวก่อนก็ยังดี
“พี่ชื่อเฟร็ด...เฟร็ดเดอริก ขอบใจที่ช่วยเรื่องเมื่อกี้ น้องน่ารักจริงๆเลย” หนูไมค์ยิ้มให้ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเพื่อจะเดินกลับบ้าน เค้าออกมานานซะขนาดนี้สองเมืองคงต้องโวยวายแน่ๆ
“เดี๋ยวสิ....ให้พี่ไปส่งไหมครับ” เฟร็ดเดอริกไม่ยอมเลิกรา เดินมาดักหน้าอีกฝ่าย หนูไมค์ก็ยังคงยิ้มแล้วส่ายหัวไปมาเหมือนเดิม พึ่งเจอกันไม่นานจะไปส่งถึงบ้านแบบนี้มันดูแปลกๆไปรึเปล่านะ อีกอย่างหนูไมค์ก็ขี้เกรงใจซะด้วยสิ
“พี่อยากเจอน้องอีกจัง เราจะได้เจอกันอีกไหมนะ” อะไรนะ...หนุ่มฝรั่งคนนี้บอกอยากเจอหนูไมค์งั้นเหรอ อยากเจอทำไมล่ะ ไม่รู้จักกันซะหน่อย...แต่เอ๊ะ ผู้ชายคนนี้อาจเป็นเพื่อนของสองเมืองก็ได้นะ เพราะหนูไมค์แอบได้ยินตอนเค้าคุยโทรศัพท์นี่น่าว่าอยากเจอหน้าสองเมือง ถ้าเจอกันอีกคงไม่เป็นไร ยังไงซะก็เป็นเพื่อนของสองเมืองอยู่แล้ว คนตัวเล็กพยักหน้าให้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากร่างสูง
เฟร็ดเดอริกมองตามแผ่นหลังบางนั้นจนสุดหัวมุม อะไรกันนี่เค้าหลงเด็กคนนั้นเข้าแล้วเหรอเนี่ย ขนาดพึ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ทำยังไงได้ล่ะก็เด็กคนนี้ดึงดูดและน่าสนใจนี่น่า เค้าไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอก ถ้าได้มาควงสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็คงจะดีไม่น้อย พูดไม่ได้งั้นเหรอ...อืม...เค้าเรียกเป็นใบ้สินะ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความสนใจของเฟร็ดเดอริกลดลงเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงขึ้นรถเบนซ์คันหรูก่อนจะสั่งให้ลูกน้องขับรถตามร่างเล็กนั้นไป แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของแผ่นหลังบางๆนั้นเลย คนอะไรเดินไวชะมัด
“มึงได้ถ่ายรูปเด็กคนนั้นไว้รึเปล่า” ร่างสูงหันไปถามลูกน้องคนสนิท
“ถ่ายไว้แล้วครับคุณชาย”
“ดี จะได้ตามหาได้ง่ายๆหน่อย เด็กบ้านั้นเดินเร็วชะมัด”
เผลอคิดถึงใบหน้าหวานๆของเด็กคนนั้นก็ทำเอาหนุ่มฝรั่งหน้าหล่อแบบเค้ายิ้มไม่หุบเลยทีเดียว เด็กคนนี้มีอิทธิพลกับเค้าจริงๆ จากคนที่โหดๆแบบเฟร็ดเดอริกเจอดวงตากลมโตใสแจ๋วนั้นเข้าไปเค้าก็กลายเป็นผู้ชายอ่อนโยนขึ้นมาทันที ยิ่งเวลาที่สายตาของคนตัวเล็กมองมาที่เค้าล่ะก็นะ มันทำให้เค้าเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งคนตัวเล็กนั้นระบายยิ้มให้กับเค้าก็ยิ่งทำให้เค้าอ่อนระทวยเค้าไปใหญ่ อะไรกันนี่ เฟร็ดเดอริกหนุ่มหล่อไฮโซอย่างเค้ามาหลงเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักแบบนี้นี่นะ หึ เด็กคนนั้นต้องรับผิดชอบความรู้สึกของร่างสูงตอนนี้แล้วล่ะ
เพราะยิ่งคิดถึงใบหน้าหวานน่ารักนั้นเมื่อไหร่ ก็ทำเอาหัวใจเฟร็ดเดอริกพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เอ๊ะ....หรือว่า นี่อาจจะเป็น ‘รักแรกพบ’ ที่เค้าว่ากันนะ
อืม....
รักแรกพบงั้นเหรอ?
แค่ไม่กี่นาทีก็ทำเอาหนุ่มฝรั่งร่างสูงใหญ่สยบลงต่อหน้าเด็กที่ไหนก็ไม่รู้...
TBC.
เปิดตัวพระรองจ้า หนุ่มฝรั่งผมบลอนด์ตาฟ้านามว่า เฟร็ดเดอริก :katai4:
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ o13
-
ไม่เอาพระรองได้ไหมมมมม
:mew2:
-
เข้ามารอทุกวัน แล้วไม่เอาพระรองได้ไหม5555
-
ขอให้ความสุขจงมีแก่ไมค์
-
โว๊ะ!!! เฟร็ดขี้มโนมาก ทึกทักจะให้หนูไมค์รับผิดชอบ ทั้งๆที่คิดเองอยู่คนเดียว กร๊ากกกกก o22 :hao7: :hao7:
-
ชอบเรื่องนี้จังงง สนุก คนใบ้กับคนตาบอด จะรักกันได้ไงน้าา
ลุ้นจัง
-
เจอปุ๊บปิ๊งปั๊บเลยหรอ
เสียใจด้วยนะ
มาช้าไปคริๆ
-
สนุกแหละคราวนี้
อยู่กันรอดไหมเนี๋ย :z3:
-
:hao3: ตายๆๆๆ ตีกันมันหละงานนี้ พ่อพระรองกับพระเอก คู่แค้นแต่ชาติปางก่อนด้วย แถมยังมาแย่งกันอีก ตายๆๆๆ
อาก้าซักคนละกระบอกมั้งง่ายดี :laugh:
-
พระรองมาเพื่อเจ็บไหมเนี่ย 55+
-
พระรองกับพระเอกจะตีกันไหม :hao7:
-
ง่ะ! เฟร็ดมาถูกใจไมค์อ่ะ สองเมืองรีบๆมองเห็นเร็วๆน้าาา :mew1:
-
รู้สึกว่าพระรองจะไม่เป็นที่ต้องการนะ
-
ปล่อยน้องไมค์มันให้สองเมืองไปเถอะเฟรด ไปหาเอาที่อื่นนะจ๊ะเด่วสองเมืองไม่มีคนดูแล
-
วันนี้จะมาลงตอนที่ 6
กลัวว่าปีใหม่จะไม่มีเวลาเข้ามาอัพ อีเว้นท์เยอะเหลือเกินช่วงเดือนมกรา
เป็นกำลังใจให้สองเมืองกับหนูไมค์ด้วยนะคะ เย้
:m1: :m1: :m1: :m1:
ป.ล.ลงตอนเย็นๆนะคะ ฝากติดตามด้วยเน้อ
-
คู่อริกันอีก หนูไมค์เตรียมตัวนะลูก5555
ใจร้อนทั้งคู่ ติดตามต่อค่ะ :katai4:
-
มาให้กำลังใจไรเตอร์อีกคนค่ะ :impress2: :-[
-
มารอจ้าาาาา
-
Chapter 6
หนูไมค์เดินหิ้วของพะรุงพะรังเข้าบ้าน พอเข้าเดินเข้าบ้านก็เห็นสองเมืองยืนหันหลังอยู่ในห้องนั่งเล่น เค้ากำลังทำอะไรของเค้านะ เดี๋ยวค่อยกลับมาดูเอาข้าวของไปเก็บให้เรียบร้อยเสียก่อน หนูไมค์จัดแจงข้าวกล่องทั้งหลายใส่ตู้เย็นเสร็จ ก็เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น คนตัวเล็กเดินเข้าไปสะกิดร่างสูงที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ พอรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ต้นแขน สองเมืองก็สะบัดออกแล้วหันไปในทิศทางที่โดนสะกิดเมื่อกี้ ถึงจะมองไม่เห็นแต่ร่างสูงรู้สึกได้ว่าหนูไมค์ยืนอยู่ข้างๆเค้าตรงนี้
“มึงกลับช้า!!!!” สองเมืองตะคอกใส่หนูไมค์ แล้วใช้มือผลักอีกคนจนล้มลงไปกองกับพื้น
“ไอ้เหี้ยเอ้ย! มึงหายไปนานมากจนกู....จนกูคิดว่ามึงจะเป็นอะไรไปซะอีก!” คนตัวเล็กค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อกี้ตอนสองเมืองผลัก ก้นเค้ากระแทกกับพื้นแรงมากจะช้ำรึเปล่าก็ไม่รู้สิ แต่ทำไมอยู่ๆเค้าถึงอาระวาดใส่หนูไมค์ล่ะ
“ถ้ามึงเป็นอะไรไป ใครจะเป็นตาให้กู! ในเมื่อทุกคนก็ทิ้งกูไปหมดแบบนี้…ตอนนี้กูมีมึงแค่คนเดียวนะไอ้สัส” หน้าของสองเมืองเริ่มแดงก่ำ สองมือกำกำปั้นแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น นี่เค้ากำลังโกรธที่หนูไมค์มาช้าใช่หรือเปล่า
คนตัวเล็กรู้สึกผิดจริงๆที่ปล่อยให้สองเมืองอยู่คนเดียวตั้งนาน หากเค้าลองมาตาบอดมองไม่เห็นแบบร่างสูงก็คงทนไม่ได้เหมือนกันที่ต้องอยู่คนเดียว รอบข้างที่ไร้ครอบครัว มองไปทางไหนก็เจอแต่สีดำ ถ้าหนูไมค์ตาบอดก็คงจะกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะเค้าเองเป็นคนที่กลัวความมืด แต่ดูสองเมืองสิเค้าพยายามเข้มแข็งและเดินต่อเพื่อรอวันที่จะได้มองเห็นอีกครั้ง สองเมืองพยายามยืนด้วยขาตัวเองโดยไม่พึ่งครอบครัวและคนรอบข้าง พยายามทำตัวให้เข้มแข็งให้ทุกคนเห็น แต่ในใจลึกๆเค้าเองก็โหยหาความรักความเห็นใจจากทุกคนอยู่เหมือนกัน และทุกครั้งที่สองเมืองอยู่คนเดียวเค้าก็กลายเป็นคนอ่อนแอโดยไม่รู้ตัว เค้าเองก็กลัวเหมือนกันนะที่จะต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
“ที่กูไม่ยอมจ้างพยาบาลส่วนตัวก็เพราะอยากเข้มแข็งด้วยตัวเอง และที่ให้มึงออกไปซื้อของเพราะกูอยากลองอยู่คนเดียว...แต่...แต่กูอยู่ไม่ได้...กูกลัวว่ามึงจะไม่กลับมาอีก” ใบหน้าหล่อเหลาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในใจของเค้ามันเริ่มหวาดกลัว กลัวเหลือเกินว่าจะถูกทิ้งให้อยู่กับความมืดมิดคนเดียว กลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีใครกลับมาหาเค้า
“กูยังทำใจไม่ได้ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถึงจะบอกไม่เป็นไร...แต่กูก็กลัว....กูกลัวว่ากูจะกลับมามองเห็นอีกครั้งไม่ได้ กลัวการถูกทิ้ง...” เสียงทุ้มเริ่มสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นรอบดวงตาคมดุดันนั้น
หนูไมค์รู้สึกสงสารสองเมืองเหลือเกิน ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ถ้าหากวันนั้นหนูไมค์ไม่ถูกผลักมากลางถนน รถของสองเมืองก็คงตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย และสองเมืองก็คงไม่ตาบอดแบบนี้ เพราะหนูไมค์เองแหละที่เป็นคนทำร้ายชีวิตของสองเมือง ถึงสองเมืองจะเป็นคนปากร้ายใจร้อนชอบอาระวาดยังไงหนูไมค์ก็ยังคงอยากอยู่ดูแลไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะเป็นการรับผิดชอบ แต่เป็นเพราะความสงสารและเห็นใจคนร่างสูง คุณหญิงหยกมณีที่ว่าใจดีกับหนูไมค์ยังทอดทิ้งสองเมือง ท่านปิ่นฤดีสามีของคุณหญิงที่ว่าเป็นเสาหลักของบ้านก็ไม่เคยมาดูดำดูดีลูกชายตาบอดเลยสักครั้ง ส่วนหนึ่งสยามกับสามภพก็คงมีธุระสำคัญจึงดูแลสองเมืองไม่ได้ ทุกคนเห็นแก่ตัวจริงๆเลย เห็นเรื่องอื่นสำคัญกว่าสองเมืองไปได้ยังไง สองเมืองเค้าเป็นสมาชิกคนนึงของครอบครัวนะ
ไม่เป็นไรถ้าหากไม่มีใครจะดูแลสองเมือง หนูไมค์เองจะเป็นคนดูแลและเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆสองเมืองเสมอ จะไม่มีวันทิ้งสองเมืองเหมือนคนอื่นๆหรอก เมื่อเห็นน้ำตาร่วงออกจากดวงตาคมดุนั้นยิ่งทำให้หนูไมค์สงสารสองเมืองมากยิ่งขึ้น ภายนอกดูแข็งแรงและเข้มแข็งแต่ข้างในใจของสองเมืองมันช่างเปราะบางและอ่อนแอเหลือเกิน คนตัวเล็กค่อยๆเดินเข้าไปโอบกอดร่างสูงนั้นไว้ คนที่ถูกกอดเอะใจนิดหน่อยแต่ก็กอดร่างเล็กตอบ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดแบบนี้ สองเมืองรู้สึกได้ถึงความห่วงใยและจริงใจของหนูไมค์ เจ้าเด็กคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้แต่กลับคอยดูแลเค้าไม่เคยห่างเลย ต่างกับครอบครัวของเค้าเสียจริง ร่างสูงปล่อยโฮลงตรงนั้นเค้ากระชับกอดร่างเล็กของหนูไมค์ไว้แน่น ความอ่อนแอที่มีอยู่ในใจถูกเปิดออกมาและแทนที่ด้วยความห่วงใยของคนตัวเล็ก
ต่อไปเค้าจะพยายามเข้มแข็งให้มากกว่าเดิม ถึงแม้จะไม่มีคนในครอบครัวมาคอยดูแลก็เถอะ
หนูไมค์ไม่ใช่ครอบครัวของเค้า แต่ตอนนี้เจ้าเปี๊ยกนี่คงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเค้าไปแล้วล่ะ
ขอบคุณจริงๆที่ทำให้เค้ารู้สึกว่ายังเหลือคนที่อยู่เคียงข้างเค้าเสมอ...
“สปาเก็ตตี้เหรอวะ อืม....ข้าวกล่องเซเว่นนี่ก็ใช้ได้เหมือนกัน”
เวลาอาหารเย็นมาถึง วันนี้หนูไมค์เลือกข้าวกล่องสปาเก็ตตี้เป็นมื้อเย็น ค่อยๆม้วนเส้นขึ้นมาแล้วเป่าให้คลายร้อน ตามด้วยสะกิดแขนร่างสูงแล้วป้อนเข้าปาก เป่า สะกิด ป้อน วนอยู่ลูปเดิมอีกแล้ว ทั้งป้อนคนตาบอดทั้งตักกินเอง บอกเลยว่าทำงานบ้านช่วยป้าแช่มไม่เหนื่อยเท่าป้อนอาหารคนตาบอด จะเหนื่อยแค่ไหนหนูไมค์ก็อยากทำ
“มึงก็กินเยอะๆด้วยไอ้ไมค์ ตอนกูอุ้มมึงนะ ตัวโคตรเบา” อะไรนะตอนอุ้มงั้นเหรอ สองเมืองมาอุ้มหนูไมค์ตอนไหนนะ ขอคิดก่อน...
“ป้อนต่อสิวะ กูหิวนะเนี่ย..หรือมึงกำลังสงสัยว่ากูอุ้มมึงตอนไหน” หนูไมค์บีบมือร่างสูงสองครั้งเพื่อเป็นการบอกว่าต้องการที่จะรู้เรื่องสองเมืองอุ้มเค้าตอนไหน
“กูอุ้มมึงขึ้นเตียงเมื่อคืน เห็นนอนสั่นเชียว...ผ้าก็ไม่ห่ม รู้ไหมอากาศมันหนาว ถ้ามึงไม่สบายขึ้นมาเดี๋ยวก็เป็นภาระคนตาบอดอย่างกูอีก” หนูไมค์ยิ้มเขินกับการกระทำของอีกฝ่าย จะว่าไปสองเมืองก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ ถึงจะหน้าโหดไปก็เถอะ
“ต่อไปนี้ทุกคืนมึงก็มานอนกับกูเลยก็แล้วกัน เผื่อกูหิวน้ำกลางดึก” หนูไมค์บีบมือหนาอีกสองครั้งเพื่อรับทราบคำสั่ง ก่อนจะม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ป้อนอีกคน
หลังจากภารกิจป้อนข้าวคุณชายสองเมืองเสร็จ หนูไมค์ก็จูงมือร่างสูงไปส่งที่ห้อง พร้อมจัดเตรียมชุดนอนไว้ให้อีกคน ส่วนตัวเองก็ขอขึ้นไปอาบน้ำบ้าง ภารกิจส่วนตัวเสร็จสรรพหนูไมค์ก็เดินเช็คความเรียบร้อยของบ้านว่าปิดล็อคดีหรือยังตามปกติ จากนั้นก็หอบผ้าห่มหมอนข้างตุ๊กตาหมีที่หนึ่งสยามซื้อให้ไปนอนที่ห้องสองเมือง
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“เออเข้ามา มารยาทดีจังนะมึงน่ะ” ร่างเล็กรีบเดินหอบผ้าห่มกองโตไปวางที่พื้นพรมก่อนจะปูเป็นที่นอนเหมือนเมื่อคืน
“ทำอะไร...ทำไมเงียบไปวะ” สองเมืองเงี่ยหูฟังอีกคน ได้ยินเสียงพรึบๆเหมือนเจ้าเปี๊ยกนั้นกำลังปูห่มลงพื้น นี่อย่าบอกนะว่าจะนอนพื้นอีก
“มึงทำอะไรวะ” ร่างสูงที่นั่งอ่านหนังสือคนตาบอดอยู่บนเตียงก้าวเท้าแตะลงพื้นพรม แต่พื้นพรมในตอนนี้ปูด้วยผ้าห่มนุ่มๆของหนูไมค์เรียบร้อยแล้ว พื้นมันแข็งโป๊กขนาดนั้นยังจะนอนอีก สงสัยมันคงจะเกรงใจสองเมืองแน่ๆ เพราะคืนก่อนเค้าสั่งให้เจ้าเปี๊ยกนี่นอนพื้นนี่น่า
“ไม่ต้องปู หอบผ้าห่มขึ้นมานอนบนเตียงกับกูนี่ เตียงกูกว้างจะตายไม่นอนเบียดมึงหรอก เอ้า! รีบๆหอบขึ้นมาสิวะไอ้เด็กบ้า”
คนตัวเล็กหอบผ้าห่มและหมอนข้างขึ้นไปบนเตียงคิงไซส์ของสองเมืองอย่างว่าง่าย เตียงก็นุ่ม อุ่นก็อุ่นแบบนี้ใครจะไปกล้าปฏิเสธ ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวแล้วด้วยล่ะก็ยิ่งอยากนอนเข้าไปใหญ่เลย สามปีที่อยู่เมืองไทยหนูไมค์ผจญกับความลำบากมาตลอด นอนบนพื้นแข็งๆเย็นๆ จนกระทั่งได้มาอาศัยอยู่กับครอบครัวนี้ อะไรๆก็ดูสบายมากขึ้นเยอะ ถ้าคุณหญิงหยกมณีไม่รับเลี้ยงหนูไมค์ ป่านนี้เค้าก็คงได้นอนข้างถนนล่ะมั้ง
“กูยังไม่ง่วงเลยว่ะ วันนี้นอนไปเยอะแล้ว อยากดูทีวีจัง....” คนตัวเล็กเห็นทีวีจอยักษ์ติดผนังอยู่ตรงข้ามปลายเตียง จะลุกไปเปิดให้ดีไหมน่า แต่สองเมืองตาบอดนี่ จะดูได้เหรอ
“กูตาบอดยังไงก็ดูไม่ได้อยู่ดี” หนูไมค์ก็เป็นใบ้ ถ้าพูดได้จะบอกแบบนั้นแหละ
“นี่ไอ้ไมค์ ไอ้สามภพบอกว่ามึงหน้าตาอัปลักษณ์เหรอวะ ถ้าใช่ให้บีบมือกูสองครั้ง” อะไรกัน..หนูไมค์ก็คิดว่าตัวเองหล่อเหมือนกันนะ ไม่เอาไม่ทำหรอก หนูไมค์หล่อมาหาว่าหนูไมค์อัปลักษณ์ได้ยังไง
“อ้าว...ทำไมไม่บีบมือกูล่ะ ไอ้ขี้ข้า ฮ่าๆๆๆ งั้น...แสดงว่ามึงหล่องั้นสิ?” คนตัวเล็กรีบฉวยมือหนาไปบีบสองครั้งเพื่อบอกว่าใช่แล้วล่ะ หนูไมค์หล่อมาก
“ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะมึง...หึหึ” ร่างสูงหัวเราะเบาๆกับการกระทำของร่างบาง
“อืม...อยากลองจินตนาการลักษณะมึงจัง กูว่านะมึงต้องเป็นเด็กที่ผอมกะหร่องแน่ๆตัวเบาซะขนาดนั้น ใช่ไหม?”
หนูไมค์บีบมือสองครั้ง เพื่อบอกว่าใช่
“มึงเตี้ยกว่ากูมากๆใช่ไหม?” อืมจะว่าไปแล้วตอนยืนข้างกันหนูไมค์สูงเท่าไหล่ของสองเมืองเองนะ โอเคยอมรับก็ได้ว่าเตี้ยกว่ามากๆ
หนูไมค์บีบมือสองครั้ง เพื่อบอกว่าใช่
“ทำไมมือมึงเล็กจังวะ เหมือนมือเด็กน้อยเลยว่ะ แถมยังนุ่มนิ่มอีก” ร่างสูงจับมือเล็กไปทาบทับกับมือใหญ่ของตัวเอง เค้าสอดนิ้วประสานกับหนูไมค์เพื่อวัดขนาดของมือคนตัวเล็ก ขนาดมือก็คงเท่ากับขนาดตัวและทุกอย่างของร่างกายคงเล็กไปตามๆกันล่ะมั้งแบบนี้
“ยื่นหน้ามาใกล้ๆกูซิ” หนูไมค์ทำตามอย่างว่าง่ายโดยการยื่นหน้าเข้าใกล้ๆสองเมือง แล้วสะกิดอีกคนให้รับรู้ว่าเค้าทำตามแล้วนะ
สองเมืองค่อยๆใช้มือไล่ไปตามลาดไหล่ของร่างบางจนถึงใบหน้ากลมไข่ของอีกคน ร่างสูงค่อยๆใช้ปลายนิ้วสัมผัสกับใบหน้าเนียนใส ไล่ไปที่แก้มเป็นอันดับแรก แก้มของมันยุ้ยๆดีนุ่มนิ่มด้วยเหมือนเด็กเลยแหะ ต่อไปเป็นจมูก จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้าเล็กๆของมันจริงๆ ต่อไปเป็นดวงตา คนตัวเล็กหลับตาลงเพื่อให้อีกคนได้สัมผัส นิ้วสากไล่ไปบนเปลือกตาของเค้าช้าๆ ไอ้เปี๊ยกนี่ต้องตาโตมากแน่เลย อยากเห็นจังว่าจะโตเท่าที่สองเมืองจินตนาการไว้รึเปล่า ส่วนสุดท้ายก็คือปากเล็กจิ้มลิ้มนั้น นิ้วของร่างสูงไล่สัมผัสบนกลีบปากเล็กนั้นอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกแรกที่รับรู้คือปากเล็กของไอ้เปี๊ยกนี่นุ่มเอามากๆน่าลองจูบชะมัด
ส่วนด้านคนตัวเล็กเมื่อโดนมือของสองเมืองสัมผัสไปทุกอณูขนก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วสิเมื่อได้อยู่ใกล้ๆกับร่างสูง หน้าของหนูไมค์ห่างกับสองเมืองไม่ถึงคืบอีกแล้ว ถ้าใกล้อีกนิดนึงคงจะได้จูบกันเป็นแน่ ร่างบางพยายามขืนตัวออกห่างจากการสัมผัสของอีกคน ทำให้สองเมืองเริ่มได้สติกลับคืนมา
อะไรกัน...นี่สองเมืองกำลังคิดทะลึ่งลามกกับไอ้เด็กขี้ข้าไมค์อยู่เหรอเนี่ย ร่างสูงสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดของตัวเองแล้วผลักหัวทุยอีกคนออกไปห่างๆ
“เออ...มึงอัปลักษณ์เหมือนที่ไอ้สามภพมันว่าเลย ไอ้ไมค์ไอ้ขี้เหล่ ฮ่าๆ” ไม่จริงเลยที่เค้าพูด สองเมืองรู้อยู่แก่ใจว่าไอ้ไมค์มันหน้าตาดี ถึงเค้าจะมองไม่เห็นก็ตามเถอะ แค่ใช้นิ้วสัมผัสไปตามทุกส่วนบนใบหน้าก็รู้แล้วว่าไอ้เด็กนี่มันหน้าตาดีขนาดไหน องค์ประกอบบนใบหน้าสมส่วนทุกอย่าง แต่ที่แกล้งบอกว่าไอ้เปี๊ยกนี่อัปลักษณ์ก็เพราะเค้าเขินต่างหากล่ะ
“นะ...นอนได้แล้วโว้ย ดึกแล้ว”
ร่างสูงผลักเจ้าเด็กไมค์ไปอีกฝั่งของเตียงแล้วล้มตัวนอนลง หนูไมค์เห็นว่าสองเมืองจะนอนแล้วก็ไม่ลืมเลิกผ้าห่มผืนหนาที่อยู่ปลายเตียงมาห่มให้ร่างสูง ส่วนตัวเองก็ล้มลงนอนข้างๆกันโดยไม่ลืมห่มผ้าด้วย เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่ เอ๊ะ..ไม่สิ สองเมืองเงียบคนเดียวต่างหาก หนูไมค์พูดไม่ได้ซะหน่อย อะไรกันสองเมืองเป็นคนจับหน้าหนูไมค์เองนะทำไมต้องทำท่าทางเหมือนโกรธด้วยล่ะ หรือว่ารังเกียจหนูไมค์ไปซะแล้ว แต่เมื่อกี้ตอนที่นิ้วมือของสองเมืองสัมผัสใบหน้าเค้าทำเอาหนูไมค์ยังเขินไม่หายเลยนะ ร่างบางชำเลืองมองอีกคนก็เห็นร่างสูงหลับไปเรียบร้อยแล้ว โกรธจนต้องพยายามข่มตาหลับเลยเหรอเนี่ย งั้นหนูไมค์คงหลับบ้างแล้วดีกว่า
ทางด้านสองเมืองเค้าพยายามข่มตาหลับก็จริง แต่ในหัวก็คิดถึงใบหน้าเล็กที่สัมผัสมาเมื่อกี้ คิดไปคิดมาก็ทำเค้าเขินมากเลยทีเดียว ที่แกล้งหลับก็เพราะกลบเกลื่อนความเขินหรอกนะ ไอ้เปี๊ยกนั้นจะสังเกตเห็นสองเมืองหน้าแดงหูแดงรึเปล่านะ ยิ่งเมื่อกี้ตอนที่นอนลงไอ้บ้าไมค์มันก็ทำสองเมืองเขินอีกครั้งด้วยการห่มผ้าให้ นี่เค้าเขินจนลืมนอนห่มผ้าเลยเหรอเนี่ย ทั้งที่อากาศหนาวแบบนี้นี่นะ โธ่เว้ย ก็ได้แค่สัมผัสหน้ามันเองนะทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย แต่เมื่อกี้ทุกสัมผัสที่นิ้วสากไล่ไปบนใบหน้าเล็กๆนั้นก็ทำเค้าจดจำสัมผัสนี้ได้แม่นยำเลยทีเดียว สองเมืองแอบนอนอมยิ้มแล้วก็จินตนาการภาพของหนูไมค์อยู่ในหัว โดยที่ไม่รู้ตัวว่าหัวใจเค้าเต้นแรงแค่ไหน
ตึกตัก...ตึกตัก....
ตึกตัก...ตึกตัก...
คนตัวเล็กเงี่ยหูฟัง...เอ๊ะ...นี่เค้าเขินสองเมืองจนหัวใจเต้นแรงขนาดนี้เลยเหรอ ห้องเงียบแบบนี้หวังว่าสองเมืองคงจะไม่ได้ยินหรอกนะ อายชะมัด
คนร่างสูงเงี่ยหูฟัง...เอ๊ะ...นี่เกิดอะไรขึ้นกับเค้ากันนะ ทำไมหัวใจเค้าเต้นแรงและเสียงดังแบบนี้ ไอ้เปี๊ยกนั้นนอนไปรึยังนะ ขออย่าให้มันได้ยินเสียงเต้นหัวใจของเค้าเลยนะ มันน่าอายนะเนี่ย
ค่ำคืนในฤดูหนาวและบรรยากาศที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจสองดวงเท่านั้นที่กลบความหนาวเย็นของคืนนี้...
TBC.
ต้องขอโทษทุกคนที่ไม่ได้มาอัพตามสัญญา เมื่อวานติดธุระจริงๆค่ะ เลยเลื่อนมาลงวันนี้แทน :katai4:
ฝากติดตามพี่สองกับน้องไมค์ด้วยนะคะ
:m13: :m13: :m13: :m13:
-
เอาแล้วไง ตึกตัก ตึกตัก
:-[
-
น่ารักๆ หลงเสน่ห์น้องแล้วละสิ
-
ใจเต้นตึกตักตามไปด้วยเลย :o8:
-
เขินๆ :-[
-
ว๊ายๆๆ ผมนี่กรี๊ดเลยครับ ><
น่ารักเกินไปแล้ว ทั้งคู่เลยยย
-
ทำไมไม่ใกล้อีกนิด
จูบเลย555 :katai4:
-
ตัวร้ายโผล่มาทำไมยะ
รักกันไวๆนะ ใบ้กับบอด :hao7:
-
เรื่องนี้น่ารักมาก!! :hao7:
-
ขอดิ้นแปบค่าาาาาา
น่ารักมากๆๆๆๆ =\\\\=
-
พึ่งเข้ามาอ่าน สนุกๆ ตดตามๆ :katai5: :katai5:
-
:man1:
-
และแล้วความรักก็บังเกิด
-
:-[ :-[
-
เริ่มปิ๊งกันแร้ววววววว >\\\\<
จะติดตามต่อๆไปจร้า
-
แหมใจเต้นแรงกันใหญ่เลยนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
-
:mew1:
-
น่ารัก :o8:
-
เอาล่ะสิ เอาล่ะสิ~ พาเค้าเขินไปด้วยเลย :-[ :-[ :-[
-
เขินแทนเลย :-[ น้องไมค์น่ารัก สองเมืองก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย
-
น่ารักทั้งคู่เลย ติดตามค่ะ
-
:-[ :-[
-
ได้โปรดมาต่อเถอะ;_;
เค้ารออยู่นะ สนุกอะ ชอบบบบบ
-
มาต่อไวๆ......แอบงงที่ไมค์ไปรับปากคุณหญิงแม่แบบไหน แต่ก็ข้ามๆไปอะ เดินเรื่องสนุก ไม่เยินเย้อ เดินเรื่องไว มีเนื้อหากระชับ ไม่บ้าพรรณนาใช้ศัพท์สูง
-
เนื้อเรื่องน่ารักมากเลย
รออ่านต่อจ้า
-
คิดถึงสองเมืองกับหนูไมค์ล๊าววววว └(^o^)┘
-
อยากรู้ตอนต่อไปแล้วมาอัพเร็วน้า :hao6: :hao6:
-
รอพี่สองกับน้องไมค์ก่อนนะคะ ช่วงนี้คนเขียนไม่ว่างอัพเลยค่ะ
วันศุกร์จะมาลง ตอนที่ 7 ให้นะคะ โปรดติดตามด้วยน้า
:m5: :m5: :m5: :m5: :m5:
-
รอค่ะรอ
-
จะปูเสื่อรอเน้อ :katai5: :katai5:
-
พรุ่งนี้ :katai2-1: มารออออออออ
-
รอพี่สองค่ะ สงสารน้องไมค์จัง อบากลุ้นว่าจะรักกันยังไง
-
Chapter 7
วันสิ้นปีเป็นวันที่นับว่าเป็นการรวมญาติครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ทุกคนต่างกลับบ้านเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับปีใหม่ ต่างกับบ้านตระกูลหงส์วิไลเลิศสกุลซะเหลือเกิน บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงัดราวกับไม่มีคนอาศัยอยู่เลย คนภายนอกที่มองเข้ามาก็คงสงสัยว่าทำไมบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ถึงไม่มีงานฉลองเหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ หรือว่าครอบครัวนี้จะย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยไปแล้วหรือเปล่า ถ้าไม่ติดว่าบ้านยังคงสภาพดีและสะอาดสะอ้านแบบนี้ ก็คงจะคิดว่าบ้านหลังนี้ร้างไร้ผู้คนแล้วกระมัง ที่บ้านหลังใหญ่เงียบกริบขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะมีหนุ่มตาบอดกับเด็กหนุ่มใบ้อยู่กันแค่สองคนในวันสิ้นปี จะให้พวกเค้าจัดปาร์ตี้อย่างนั้นหรือ ลำพังการใช้ชีวิตอยู่แบบปกติยังลำบาก หากจัดงานฉลองล่ะก็นะอย่าได้คิดเชียว คนนึงก็เอาแต่อ่านหนังสือคนตาบอดกับฟังเพลง ส่วนอีกคนก็เอาแต่นั่งๆนอนๆคอยเฝ้ารับใช้คนตาบอดอยู่แบบนั้น
สองเมืองรับรู้ว่าวันนี้คือวันสิ้นปีด้วยนาฬิกาบอกวันเวลาสุดไฮเทคของเค้าเอง วันสิ้นปีแล้วยังไง ทุกปีที่ผ่านมาสองเมืองเค้าจะจัดปาร์ตี้ฉลองต้อนรับปีใหม่กับเพื่อนรักที่ผับเป็นประจำ คิดถึงปีก่อนชะมัดเลยแหะ เวลาแบบนี้เค้ากับเพื่อนๆคงกำลังคิดแผนเที่ยวปีใหม่กันอยู่แน่ๆ แย่ที่สุดที่เค้าเกิดอุบัติเหตุแล้วตาบอด ต้องมานั่งติดแหงกอยู่ที่บ้านกับเด็กใบ้ชื่อไอ้ไมค์เนี่ย
“นี่ไอ้ไมค์....ปีใหม่ทั้งทีมึงไม่ออกไปไหนเหรอวะ”
เจ้าหนูไมค์บีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าใช่ เค้าจะออกไปไหนมาไหนได้ยังไงเค้าต้องดูแลสองเมืองนะ
“เพราะกูรึเปล่าที่ทำให้มึงต้องติดแหงกอยู่แบบนี้”
หนูไมค์เงียบแทนคำตอบ หนูไมค์เต็มใจที่จะดูแลสองเมืองนะ บางทีเค้าก็มีความสุขที่ได้ดูแลสองเมืองอยู่เหมือนกัน
“เฮ้อ...ทำไมเราสองคนต้องมาดูแลกันวะ เป็นคงเป็นเวรเป็นกรรมอย่างที่เค้าว่ากัน เออนี่พี่หนึ่งจะกลับมาอาทิตย์หน้านะ” คนตัวเล็กยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นกระโดดโหยงเหยงไปมาเหมือนเด็กๆ
“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น ถึงพี่หนึ่งจะกลับมา หน้าที่ดูแลกูก็คงต้องเป็นมึงเท่านั้นที่ต้องดูแลเข้าใจไหม”
หนูไมค์ยิ้มแหย่ก่อนจะนั่งลงข้างๆร่างสูง คนตัวเล็กบีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าตัวเองเข้าใจ แต่เอ๊ะ..เมื่อกี้สองเมืองบอกว่าหนูไมค์คนเดียวเท่านั้นเหรอที่ต้องดูแลเค้า ทำไมต้องเป็นหนูไมค์คนเดียวล่ะ แต่ก็ดีแล้วแหละที่เป็นหนูไมค์ เพราะเค้าเองก็ไม่อยากให้หนึ่งสยามต้องมาดูแลสองเมือง หนึ่งสยามก็ต้องทำงานเหมือนกัน กว่าจะถึงวันที่สองเมืองกลับมามองเห็นอีกครั้ง คอฟฟี่คาเฟ่ของหนึ่งสยามก็คงขาดทุนแย่เลย
แล้วถ้าคุณหญิงหยกมณีกับท่านปิ่นฤดีกลับมาดูแลลูกชายคนรองใครจะเป็นคนดูแลรีสอร์ทที่เกาะมัลดีฟกันเล่า ส่วนสามภพถ้าจะให้ดูแลพี่ชายตัวเองก็คงต้องดรอปเรียนจนกว่าพี่ชายจะกลับมามองเห็น ซึ่งมันก็เสียเวลาโดยประโยชน์ที่จะต้องดรอปเรียน ดังนั้นเจ้าหนูไมค์ซึ่งถูกคุณหญิงหยกมณีอุปถัมภ์ก็ไม่ควรอยู่นิ่งเฉยดูดายได้ ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูมาแถมยังให้คนออกติดตามหาญาติหนูไมค์ให้อีก การดูแลสองเมืองแทนทุกคนในบ้านจึงเป็นการตอบแทนบุญคุณครอบครัวนี้ แต่ใจจริงๆหนูไมค์ก็ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณอย่างเดียวหรอกนะ อันที่จริงตัวเค้าเองก็อยากเป็นคนดูแลสองเมืองด้วยความเต็มใจ ถึงบางทีจะโดนสองเมืองดุก็ตามเถอะ หนูไมค์เลือกที่จะอยู่ข้างๆเค้าเสมอ อาจจะเป็นเพราะความเห็นใจ? ไม่น่าจะใช่ หนูไมค์เองอยากอยู่ใกล้ๆสองเมือง หรืออาจจะเป็นเพราะความสงสาร? ก็ไม่น่าจะใช่อีก หนูไมค์เองดูแลสองเมืองแล้วมีความสุข เอ๊ะ..มีความสุขอย่างนั้นเหรอ หรืออาจจะเป็นเพราะหนูไมค์ชอบสองเมืองเข้าแล้ว
อะไรนะ...เค้าชอบสองเมืองอย่างนั้นเหรอ?
หนูไมค์เคยได้ยินมาว่า การชอบใครสักคนก็คือการที่เราอยากอยู่ใกล้ๆกับคนคนนั้น อยากจะดูแลเค้าไปตลอด อยากอยู่เคียงข้างเค้าเสมอ อยากช่วยเหลือเค้าในยามทุกข์ร้อน ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นหนูไมค์เข้าข่ายทั้งหมดเลย ถึงแม้สองเมืองจะชอบดุใส่ ตวาดใส่ โวยวายใส่ยังไงหนูไมค์ก็ยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆ ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้สองเมืองจะรู้ไหมนะว่าคนตัวเล็กมีความสุขแค่ไหน หนูไมค์พึ่งจะรู้ตัวว่าเวลาอยู่กับสองเมืองทีไร ปากจิ้มลิ้มน่ารักของเค้านั้นจะคลี่ยิ้มออกมาตลอดเวลา และเวลาจ้องมองหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นทีไรทำหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักทุกทีเลย
โอเค...ตอนนี้หนูไมค์ยอมรับกับตัวเองในใจแล้วว่า ชอบสองเมืองเข้าแล้วจริงๆ
แต่เค้าไม่ได้หวังที่จะให้สองเมืองมาชอบมารักในตัวเค้าหรอก ใครจะมารักเด็กกำพร้าพ่อแม่แบบหนูไมค์กันล่ะ อีกอย่างที่สำคัญเค้าเป็นใบ้อยู่แบบนี้คงไม่มีโอกาสได้บอกสองเมืองอยู่แล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไง ทำได้แค่เพียงเก็บความรู้สึกไว้ในใจตอนนี้ร่างสูงตาบอดมองไม่เห็นแบบนี้ก็ต้องการคนคอยดูแลเป็นธรรมดา ถ้าหากวันนึงสองเมืองได้รับการผ่าตัดและกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม หนูไมค์คงไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าตัวแล้วมั้ง ขออยู่แบบนี้สักพักได้รึเปล่า ขอแอบมองสองเมืองอยู่แบบนี้ไปอีกสักระยะจะได้ไหมนะ ขออยู่ใกล้ๆแบบนี้อีกสักนิดจะได้ไหมนะ
แอบดีใจอยู่เหมือนกันที่สองเมืองจะให้หนูไมค์ดูแลต่อไป เป็นโชคดีของหนูไมค์เหลือเกิน
เวลาล่วงเลยมาถึงยามดึก ตอนนี้สองเมืองหลับไปแล้ว เหลือเพียงแต่คนตัวเล็กที่เอาแต่จ้องมองนาฬิกาอยู่อย่างนั้น อีกสิบนาทีจะพ้นปีแล้วนะ สามปีที่ผ่านมาตั้งแต่โดนคุณอาเอามาทิ้งที่เมืองไทยหนูไมค์ก็ไม่เคยได้จัดงานฉลองปีใหม่เหมือนตอนเด็กๆอีกเลย เค้าต้องทำงานหนักมากในวันนี้ ต้องเสิร์ฟอาหารให้แขกที่เข้ามาฉลองภายในร้านจนไม่ได้หยุดพัก พอเลิกงานก็ได้กลับมาเคาท์ดาวน์คนเดียวที่ห้องพักคนงานเล็กๆ ไม่มีลูกโป่ง ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีขนม และไม่มีพ่อกับแม่เหมือนตอนที่หนูไมค์ยังเด็ก มีเพียงเค้าคนเดียวที่นั่งนับถอยหลังกับนาฬิกากระปุก คิดถึงตอนนั้นก็แอบน้อยใจในโชคชะตาอยู่เหมือนกันที่ต้องมาเจออะไรเลวร้ายแบบนี้
ร่างบางเหลือบนั่งกอดเข่าเหลือบมองสองเมืองที่นอนอย่างสงบนิ่ง มองทีไรก็แอบเขินทุกทีกับใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนหลับก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่พอตื่นขึ้นมานี่อย่างกับคนละคนเลย คนอะไรก็ไม่รู้ชอบดุชอบโวยวายใส่หนูไมค์ แต่ยังไงก็ชอบไปแล้วนี่น่า ช่วยไม่ได้จริงๆ คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆก่อนจะดึงผ้าห่มหนาขึ้นกระชับอกคนที่หลับอยู่
“ฮึ่ม...ยังไม่นอนอีกเหรอมึง” สองเมืองครางฮือออกมาเบาๆ ในขณะที่ตายังหลับอยู่เหมือนเดิม หรือว่าละเมอกันนะ
“รอเคาท์ดาวน์อยู่รึไง” คราวนี้ร่างสูงปรือเปลือกตาขึ้น ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
หนูไมค์เขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูง พร้อมกับจับมือหนาขึ้นมาบีบสองครั้งเพื่อบอกว่าใช่ เค้ากำลังรอเค้าท์ดาวน์อยู่
“จะเที่ยงคืนรึยังนะ” สองเมืองล้องสร้อยเงินที่คล้องด้วยนาฬิกาบอกเวลาไฮเทคออกมาจากเสื้อก่อนจะกดฟังเวลา
‘ขณะนี้ เวลา 23.53 น.’
“อีก 7 นาที...ถ้าใกล้ถึงเที่ยงคืนก็สะกิดกูด้วย”
หนูไมค์บีบมือหมาอีกสองครั้งเพื่อบอกว่าเค้ารับทราบแล้ว
“เฮ้อ...ทุกทีกูก็คงจัดปาร์ตี้ที่ผับกับเพื่อนๆว่ะ ปีนี้แม่งเซ็งฉิบ เมื่อไหร่จะได้ผ่าตัดสักทีวะ”
คนตัวเล็กหน้างอทันทีที่ได้ยินแบบนั้น จะว่ายังไงดีล่ะ สองเมืองกลับมามองเห็นก็ดีเหมือนกัน แต่สำหรับหนูไมค์แล้วอยากขอเวลาอีกสักพักได้รึเปล่า ยังไม่อยากให้สองเมืองมองเห็น ถ้าวันไหนที่ได้รับการผ่าตัด หนูไมค์กลัวว่าตัวเองจะถูกสองเมืองเมิน เพราะตัวเค้าเองก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปหากอีกคนมองเห็นและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หมดทุกอย่าง ในที่สุดหนูไมค์ก็คงต้องโดนสองเมืองทิ้งแน่ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยจริงๆ
“หลังจากปาร์ตี้เสร็จ กูก็จะหิ้วหญิงขึ้นโรงแรม...แม่ง..ไม่ได้ปลดปล่อยมานานแค่ไหนแล้ววะเนี่ย” สองเมืองยกนิ้วขึ้นมานับวันเวลาแล้วก็พึมพำกับตัวเองเบาๆ
สองเมืองคงเป็นแบดบอยครบสูตรเลยสินะ แข่งรถ เที่ยวผับ ดื่มของมึนเมา คั่วหญิงไปทั่ว สองอย่างแรกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อย่างสุดท้ายนี่สิทำเอาหนูไมค์หน้างอขึ้นกว่าเดิม มันเกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นที่อกอย่างไรไม่รู้ คนตัวเล็กอุตส่าห์ดีใจที่ได้นอนร่วมเตียงกับสองเมือง ไม่คิดไม่ฝันว่าคนร่างสูงจะหิ้วหญิงขึ้นเตียงด้วยเหมือนกัน พึ่งรู้เลยนะเนี่ย ถ้าอย่างนั้นอาการเจ็บแปลบเมื่อกี้คงเป็นอาการอิจฉารึเปล่านะ หนูไมค์คงอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นที่ได้นอนข้างๆกับสองเมือง เอ๊ะ...การหิ้วหญิงขึ้นโรงแรมที่สองเมืองพูดนี่คือการร่วมรักกันรึเปล่านะ อะไรกันผู้หญิงพวกนั้นคงได้นอนกอดสองเมืองทั้งคืนแน่เลย ยิ่งคิดยิ่งเจ็บยิ่งหน้างอขึ้นกว่าเดิม
อาการอิจฉาของเด็กใบ้มันช่างน่ารักซะจริงๆ ถ้าสองเมืองเห็นใบหน้าน่ารักง่ำงอแบบนี้ก็คงจะอดขำไม่ได้ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ดวงตากลมโตที่ดูออดอ้อนนั้นตอนนี้คลอไปด้วยน้ำตาใสเม็ดโต ปากเล็กๆนั้นเบะเหมือนเด็กน้อยที่กำลังงอแงไม่มีผิด
“ไอ้ไมค์ มึงเป็นคนแรกเลยนะที่กูพาขึ้นเตียงแล้วไม่ทำอะไรมึง....”
เอ๊ะ...แต่หนูไมค์เป็นผู้ชายนะ จะทำอะไรยังไงได้ที่ไหนกันล่ะ สองเมืองบ้าไปแล้ว
“หึหึ กูอ่ะได้ทั้งชายและหญิง รู้ไว้ซะ....แต่ไอ้สามมันบอกมึงว่าหน้าตามึงอัปลักษณ์ พอจินตนาการกูเลยไม่กล้าทำอะไรเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
ที่จริงหนูไมค์หน้าตาน่ารักมาก สองเมืองเองก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะเค้าได้สัมผัสทุกส่วนที่อยู่บนใบหน้าเล็กๆนั้นมาแล้ว ตา จมูก ปาก โครงหน้ามันสมดุลกันไปซะหมด แค่ปลายนิ้วสัมผัสร่างสูงก็สามารถนำทุกอย่างมาจินตนาการได้ ตาบอดมองไม่เห็นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรอกถ้าคิดจะปล้ำไอ้เจ้าเปี๊ยกนี่ เค้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งหลายยี่สิบปี ประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ก็ช่ำชองซะเหลือเกิน หลับตาทำก็ยังได้ แต่ไม่รู้ทำไมสองเมืองจึงเลือกที่จะนิ่งเฉย คงเป็นเพราะในใจลึกๆของเค้าเองก็คงเอ็นดูและอยากทะนุถนอมเจ้าเปี๊ยกนี่ไว้เหมือนกัน
แล้วทำไมเค้าถึงต้องไปเอ็นดูมันด้วยล่ะ....อาจจะเป็นเพราะหนูไมค์คอยดูแลสองเมืองล่ะมั้ง ก็เลยไม่อยากคิดอกุศลด้วย
“ไหนซิ...” ร่างสูงใช้มือคลำหาคนตัวเล็ก พอจับได้ก็ดึงตัวหนูไมค์เข้ามาใกล้ๆก่อนจะใช้นิ้วไล่ไปตามสัดส่วนของโครงหน้าเล็กช้าๆ
“เอ๊ะ...นี่มึงร้องไห้เหรอไอ้ไมค์ หรือเพราะกูว่ามึงอัปลักษณ์เลยร้องไห้น่ะห้ะ?” สองเมืองใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแอบคนตัวเล็กออก ที่จริงแล้วหนูไมค์ไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องที่สองเมืองว่าตัวเองอัปลักษณ์หรอก แต่ร้องไห้เพราะอิจฉาพวกผู้หญิงที่สองเมืองหิ้วไปนอนด้วยต่างหาก!
“ขี้แยจริงๆเลยมึง เอ้า...เลิกร้องได้แล้วสัส” สองเมืองเขกหัวทุยของเจ้าเปี๊ยกเบาๆอย่างหมั่นไส้
“ถึงหน้ามึงจะอัปลักษณ์เหมือนที่ไอ้สามภพมันว่า แต่ถ้ากูได้รับการผ่าตัดแล้ว....คนแรกที่กูอยากมองเห็นก็คือมึงนะไอ้ไมค์”
เมื่อกี้หนูไมค์หูฝาดไปรึเปล่า ที่ได้ยินแบบนั้น ดีใจจังเลย ดีใจสุดๆที่สองเมืองอยากเห็นหน้าหนูไมค์เป็นคนแรก แก้มขาวใสเริ่มแดงเหมือนมะเขือเทศขึ้นมาทันทีที่ได้ยินสองเมืองพูด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนได้ยินออกมาข้างนอกแล้ว เขินชะมัดเลย ทางดานสองเมืองเองก็ไม่เข้าใจที่ตัวเองพูดออกไปแบบนั้น ไอ้เด็กบ้านั้นจะคิดยังไงนะที่เค้าบอกอยากเห็นหน้ามันคนแรก แต่มันก็จริงอย่างที่เค้าพูดนั้นแหละ เจ้าเปี๊ยกนี่คอยดูแลเค้ามาตลอดแรมเดือน อีกทั้งยังไม่เคยทิ้งเค้าไปไหนเหมือนที่ครอบครัวเค้าทิ้ง หึ คนที่ไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าอีกทั้งยังพูดไม่ได้แบบนี้ยังคอยอยู่เคียงข้างสองเมืองเสมอ ทั้งที่ครอบครัวของเค้าเองต่างผลัดสองเมืองเป็นภาระให้คนนั้นคนนี้ ตอนนี้หนูไมค์กลายเป็นคนสำคัญของสองเมืองไปแล้ว ถ้าขาดหนูไมค์ก็เหมือนกับสองเมืองสูญเสียดวงตา สูญเสียแขนขาด้วย เค้าภาวนาตลอดทุกคืนว่าขอให้หนูไมค์ไม่ทิ้งเค้าไปไหนเหมือนคนอื่นๆ ขอให้ได้รับการผ่าตัดดวงตาในเร็ววันเพื่อที่เค้าจะได้มองเห็นหน้าตาของคนสำคัญอย่างเจ้าเปี๊ยกนี้ด้วยเถอะ
“ใกล้จะเที่ยงคืนรึยังนะ....” ร่างสูงเฉไฉไปเรื่องอื่น ก่อนจะกดนาฬิกาไฮเทคเพื่อฟังเวลา
‘ขณะนี้ เวลา 23.59 น.’
“มานับถอยหลังกันเถอะ บีบมือกูเพื่อนับถอยหลังนะ”
หนูไมค์บีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว สองเมืองเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่วินาทีที่ 60 เป็นต้นมาเรื่อยๆ พอเข้าใกล้สิบวินาทีสุดท้าย หนูไมค์ก็เริ่มบีบมือสองเมืองตามจังหวะการนับวินาทีของร่างสูง
“10...9...8...7...6...5...4...3...2...1”
เสียงจุดพลุและประทัดดังขึ้นหลังจากที่สองเมืองนับถอยหลังถึงหนึ่งวินาทีสุดท้าย หนูไมค์วิ่งลงจากเตียงไปเกาะหน้าต่างเพื่อดูพลุขนาดใหญ่ที่กำลังแผ่กระจ่ายอย่างสวยงามอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน อยากให้สองเมืองเห็นบ้างจังว่าพลุมันสวยมากขนาดนั้น เริ่มต้นปีใหม่แล้วสินะ เอาล่ะต่อจากวันนี้ไปหนูไมค์จะดูแลสองเมืองให้ดีกว่าทุกวันเลย คนตัวเล็กเดินกลับมาหาสองเมืองที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนจะเขย่ามือร่างสูงไปมาอย่างดีใจ
“ไอ้ไมค์..มึงรู้รึเปล่า ปีใหม่เค้าให้ข้อพรได้หนึ่งข้อ รีบๆขอสิ”
คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะหลับตาอธิษฐานสิ่งที่ปรารถนา....ปีใหม่นี้ขอให้สองเมืองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุร้ายแรงแบบนั้นอีก และขอให้สองเมืองมีความสุขๆมากด้วยเถอะ
ส่วนด้านสองก็ยกมือขึ้นไหว้อธิษฐานเช่นกัน...ปีใหม่นี้ขอให้เค้าได้รับการผ่าตัดดวงตาด้วยเถอะ อยากจะเห็นหน้าเจ้าเปี๊ยกนี่ใจจะขาดอยู่แล้ว
“สวัสดีปีใหม่ไอ้ไมค์ มีความสุขมากๆล่ะ” สองเมืองยกมือขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆ หนูไมค์ยิ้มรับก่อนจะบีบมือหนาสองครั้งเพื่อบอกว่าขอบคุณ
สักพักเสียงโทรศัพท์ของสองเมืองก็ดังขึ้น หนูไมค์รีบวิ่งไปหยิบแล้วกดรับทันทีก่อนจะส่งให้คนร่างสูงที่กำลังจะเอนตัวนอนลง
“ครับ....”
“สอง...นี่แม่เองนะลูก” เสียงจากปลายสายคือคุณหญิงหยกมณีแม่ของเค้าเอง เสียงของเธอแลดูตื่นเต้นซะจริงๆ
“มีอะไรครับ”
“สอง แฮปปี้นิวเยียร์นะลูก แม่มีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวดีอะไรครับ” จะข่าวดีแค่ไหนก็ช่างตอนนี้สองเมืองเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะเค้ายังโกรธคุณหญิงหยกมณีอยู่ ทิ้งลูกตัวเองไปทำงาน ทั้งๆที่สองเมืองตาบอดนี่นะ หึ
“แม่ได้รับข่าวดีจากคุณหมอประจำตัวลูกแล้ว มีคนจะบริจาคดวงตาใหม่ให้ลูกแล้วนะสอง แม่ดีใจจริงๆเลย”
“อะไรนะครับ!” สองเมืองไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินมารดาพูดแบบนั้นเลยจริงๆ นี่ค้ำกลังจะได้รับการผ่าตัดดวงตาใหม่อย่างนั้นเหรอ แสดงว่าในเร็วๆนี้เค้าจะได้มองเห็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม มันช่างเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ซะจริงๆเลย
“อีกสองวันแม่จะบินกลับไปกับพ่อนะลูก เตรียมตัวไว้ค่ะ...พอแม่ไปถึงลูกจะได้รับการผ่าตัดดวงตาทันที รอแม่ก่อนนะสอง”
“ข...ขอบคุณครับแม่”
ตอนนี้สองเมืองพูดไม่ออกเลยทีเดียว มันดีใจจนตัวสั่นไปหมดแล้ว คำอธิษฐานเมื่อกี้ของเค้าเป็นจริงแล้วใช่ไหม ในที่สุดเค้าก็จะได้กลับมามองเห็นอีกครั้งแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระของคนที่บ้านอีกต่อไป และที่ดีใจที่สุดก็คือจะได้เห็นหน้าไอ้หนูไมค์สักที มันตื้นตันจนบอกไม่ถูกเลยตอนนี้ เมื่อไหร่จะถึงวันที่ได้รับการผ่าตัดนะ ตื่นเต้นชะมัดเลย
“อ...ไอ้ไมค์ กูจะได้มองเห็นแล้วนะเว้ย! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยู้ฮู้ ดีใจสุดๆเลยว่ะ”
หนูไมค์เองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน คำอธิษฐานของเค้าเป็นจริงนะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าสองเมืองจะมีความสุขสุดๆไปเลย ต่างกับเค้าเหลือเกิน ถ้าหากสองเมืองกลับมามองเห็นอีกครั้งหนูไมค์ก็คงไม่ได้ดูแลและอยู่ใกล้ๆสองเมืองแบบนี้อีกแล้วสิ มันเห็นแก่ตัวรึเปล่าที่อยากให้สองเมืองเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก หนูไมค์กลายเป็นเด็กไม่ดีแล้วเหรอเนี่ย รู้ทั้งรู้ว่าการมองไม่เห็นมันทรมานแต่เค้าก็ยังอยากให้สองเมืองมองไม่เห็นอีกสักระยะ คนตัวเล็กโผเข้ากอดร่างสูงเพื่อแสดงความดีใจ สองเมืองเองก็ชะงักและเอะใจกับท่าทีอีกคนแต่ก็ดึงอีกคนมากอดให้แนบแน่นกว่าเดิม
“ขอบใจมึงมากนะที่อยู่ข้างกูและดูแลกูมาตลอด...”
“ขอบใจนะที่คอยลำบากอยู่กับกู กูทนรอไม่ไหวแล้วว่ะที่จะเห็นหน้ามึง...หลังวันผ่าตัดเสร็จมึงต้องอยู่ข้างกูนะ กูอยากเห็นมึงเป็นคนแรกนะไมค์”
คนตัวเล็กกอดร่างสูงแน่นขึ้นก่อนจะใช้กำปั้นเล็กทุบหลังกว้างของสองเมืองเบาๆสองครั้งเพื่อบอกว่าเค้าตกลงและสัญญาในใจตัวเองว่าจะคอยอยู่เคียงข้างสองเมืองจนกว่าวันที่สองเมืองจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง ถึงวันนั้นถ้าหากสองเมืองยังคงต้องการหนูไมค์อยู่ เค้าก็จะคอยอยู่ดูแลไม่ห่างเหมือนเดิม
“ขอบใจว่ะไมค์...”
เจ้าเปี๊ยกจะรู้ไหมนะว่า...ของขวัญที่ดีที่สุดของสองเมืองตอนนี้ก็คือการที่มีหนูไมค์อยู่เคียงข้างแบบนี้เสมอ...
TBC.
เลื่อนมาลงวันนี้แทนวันศุกร์ กลัวไม่ว่าง ฮ่าๆ ขอบคุณที่ติดตามพี่สองกับน้องไมค์มากๆนะคะ
สามารถติชมนิยายได้นะคะเพราะแต่งครั้งแรก ไม่โอเคตรงไหนบอกนะคะจะนำไปปรับปรุง
และก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆน้า :mc3: :mc3:
:m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
-
มาจิ้มก่อนค่าาา~ เราก็นึกว่าตัวเองจำวันผิด
คิดถึงหนูไมค์ฝุดๆ :impress2: :กอด1:
-
งื้ออออ พอมองเห็นแล้วหวังว่าคงไม่มีอุปสรรคอีกนะ
คลาดกันไปคลาดกันมา ม่ายอาวววว
-
เดาตอนผ่าตัดเสร็จแล้วไม่ออกเลยว่าผลมันจะไปทางไหน หวังว่าจะไม่ได้ต้มมาม่านะ :ling2:
-
อร๊ายจะมองเห็นแล้วววววดีใจจัง
-
จะเป็นยังไงละทีนี้
:ling1:
-
ถ้ามองเห็นแล้วอย่ามัวแต่มองสาวจนลืมไมค์ล่ะ :katai4:
-
พี่สองถ้ามองเห็นแล้วอย่าลืมหนูไมค์นะ
หนูไมค์น่ารัก หนูไมค์ไม่ดื้อ
:mew1:
-
จะเป็นยังไงต่ออออ
รอๆๆๆ
-
อยากให้สองมองเห็น ต้องหลงความน่ารักของหนูไมค์แน่เลย
-
ลูกสาว แม่. !!!!
อาภัพจังเลย ลูก !!
:m15:
-
ผ่าตัดแล้วก็ดีกับหนูไมค์มาก ๆ นะ
-
ขอความสุขจงอยู่กับไมค์นานๆเถอะ
-
อ่านแล้วมีความสุข
รักหนูไมค์ พี่สอง
:mew1:
-
หนูไมค์อย่าเข้าใจผิดสิ๊!! งือออ
-
อยากให้มองเห็นได้เร็วๆ อ้าาาาาาาาาาาาา
-
จะมองเห็นแล้ว ลุ้นๆ
รออ่านต่อจ้า
-
นี่!! ผ่าตัดแร้วก้อ ทำตัวดีๆนู๋ไมค์นะเว้ยยยยย
-
:impress2:
-
เห็นชื่อเรื่องแล้วไม่กล้าอ่านเลย กลัวเศร้าดราม่าหนักจัดๆ เลยลองอ่านสักตอน 2 ตอนว่า จะอ่านต่อไหวมั้ย สรุปว่า เนื้อเรื่องน่ารักอะ อ่านแล้วหลงหนูไมค์เลยทีเดียว
ลุ้นให้พระเอก ผ่าตัดหายไวๆ อยากรู้จริงถ้าเห็นหน้าหนูไมค์แล้วจะตะลึงแค่ไหน 555
-
ความรักกำลังเกิดขึ้นใช่ไหมอะ ? :mew1:
-
หนูไมค์น่ารักอ้าา
หลงแล้ววว
:o8:
-
อ่านแล้วรู้สึกดีจัง :กอด1:
-
:mew3:
-
Chapter 8
หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เจ้าของใบหน้าสมบูรณ์ราวกับปั้นมา ตาสีฟ้าน้ำทะเลโดดเด่นถูกปิดลงด้วยเปลือกตา ปากหยักสีแดงระเรื่อออกคล้ำคาบปากกาด้ามแพงไว้เหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ เมื่อมีเรื่องให้เค้าคิด ร่างสูงกำยำเอนหลังพิงเก้าอี้หมุนภายในห้องทำงานของตัวเอง เค้าไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรสักอย่าง หลับตาทีไรก็นึกถึงแต่ใบหน้าน่ารักของเด็กใบ้คนนั้นที่เจออยู่ร้านสะดวกซื้อ หลังจากวันนั้นร่างสูงก็แวะเวียนขับรถไปแถวร้านสะดวกซื้อประจำ แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนตัวเล็กเลย นี่มันก็ผ่านมาหวายวันมาแล้ว ทำไมเค้าถึงเอาแต่คิดถึงเด็กคนนั้นอยู่เรื่อย
‘เฟร็ดเดอริก โจนส์’
ลูกชายคนเล็กของบ้านตระกูลโจนส์ เค้าเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้าน โดยเฟร็ดเดอริกมีพี่ชายอีกสองคน คนนึงเป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกันชื่อฟรานซิส โจนส์ และทั้งสองเป็นลูกชายในสมรสของคุณท่านดาร์เรล โจนส์ ที่เป็นคนอเมริกันมาแต่งงานกับคุณหญิงดวงกมลที่เป็นคนไทย ส่วนอีกคนเป็นพี่ชายนอกสมรสของคุณท่านดาร์เรล ชื่อไบรอัน โจนส์ ถึงจะเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ทั้งสามคนก็รักกันดีไม่เคยแตกหักกัน
ครอบครัวโจนส์ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นคู่แข่งกับครอบครัวหงส์วิไลเลิศสกุล ถึงจะเป็นคู่แข่งกันอย่างไรก็ตาม คุณท่านดาร์เรลกับคุณท่านปิ่นฤดีก็เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ พ่อเป็นเพื่อนรักกัน แต่ทำไมลูกชายถึงแตกหักเป็นคู่อริกันแบบนี้ ก็คงเป็นเพราะความอยากได้อยากเด่นชิงดีกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยกระมัง มีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกันบ่อยจนท่านดาร์เรลและท่านปิ่นฤดีปล่อยวางกับลูกชายตัวเองไปซะแล้ว ห้ามอย่างไรก็ไม่เคยฟัง ดื้อและหัวแข็งด้วยกันทั้งคู่เลยจริงๆ
เมื่อไม่นานมานี้เองครอบครัวโจนส์ได้รับข่าวร้ายจากอเมริกาว่าไบรอัน ลูกชายนอกสมรสของท่านดาร์เรลได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงอาการโคม่าและทางคุณหมอบอกว่ายากที่จะพ้นขีดอันตรายจริงๆ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้หนึ่งสยามได้บินไปอเมริกาโดยด่วนเพราะไบรอันกับหนึ่งสยามก็เป็นเพื่อนสนิทกันเมื่อตอนเรียนไฮสคูล ท่านดาร์เรลและฟรานซิสได้เดินทางไปดูอาการไบรอันที่อเมริกาพร้อมๆกับหนึ่งสยาม โดยวานให้ลูกชายคนเล็กอย่างเฟร็ดเดอริกดูแลกิจการที่เมืองไทยแทนสักระยะหนึ่ง
“คุณชายครับ คุณชายๆๆ!” เคลวินลูกน้องคนสนิทของเฟร็ดเดอริกวิ่งเข้ามาในห้องทำงานอย่างแตกตื่น
“มีอะไรวะ ทำไมไม่เคาะประตูก่อนไอ้บ้านี่” ร่างสูงหมุนเก้าอี้ไปเผชิญหน้ากับลูกน้องตัวเองที่วิ่งเข้ามาเมื่อสักครู่
“เอ่อคือ....ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณฟรานซิส..เอ่อ...”
“มีอะไรวะ อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั้น”
“คะ...คือว่า....คุณไบรอันเสียชีวิตแล้วครับ!”
“อะไรนะ....”
เฟร็ดเดอริกเหมือนคนเสียศูนย์หลังจากได้รับข่าวร้ายจากลูกน้องคนสนิท เมื่อกี้หูเค้าฝาดไปหรือเปล่า มันจริงใช่ไหมที่ไบรอันจากไปอย่างไร้วันกลับ ทุกคืนเค้าภาวนาให้พี่ชายของเค้าหายดีแต่ทำไมกลับกลายมาเป็นแบบนี้ ถึงจะเป็นพี่ชายคนละแม่แต่เฟร็ดเดอริกก็รักและเคารพไบรอันมาก ทุกคนในบ้านรักไบรอัน เค้าเป็นพี่ชายที่ดีน้องๆและลูกที่ดีของพ่อกับแม่เสมอมา ไม่น่าจากไปเร็วขนาดนี้เลย สาเหตุของอุบัติเหตุที่เฟร็ดเดอริกทราบมาก็คือไบรอันดื่มหนักในวันสิ้นปีและตอนที่เค้ากำลังขับรถกลับบ้านในอเมริกาก็เกิดเสียหลักแล้วพุ่งชนใส่ต้นไม้
“เคลวินมึงไปจองตั๋ว...เราจะไปอเมริกา ถึงแม้กูจะไม่ได้เห็นหน้าไบรอันเป็นครั้งสุดแต่ก็ขอให้ได้ไปร่วมพิธีศพของไบรอันก็พอ....” ร่างสูงยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง พร้อมกับโบกมือปัดให้เคลวินไปทำธุระที่ตัวเองสั่ง
“เอ่อ...พิธีศพคงจัดที่บ้านครับคุณชาย เพราะคุณไบรอันได้บริจาคร่างกายให้กับทางโรงพยาบาลแล้ว” เฟร็ดเดอริกพยักหน้ารับรู้
“มึงไปได้แล้วไป....กูอยากอยู่คนเดียว”
“มีอีกเรื่องนึงครับคุณชาย...”
“มีอะไรก็รีบๆพูด”
“คือผมได้ยินคุณฟรานซิสบอกอีกว่าจะบริจาคกระจกตาของคุณไบรอันให้กับเอ่อ...คุณสองเมืองครับ”
“มึงว่าไงนะ!” ร่างสูงกำยำลุกพรูดขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่ลูกน้องคนสนิทอย่างเกี้ยวโกรธ
“คุณชายใจเย็นก่อนครับ...ผมเองก็มีข่าวดีอันน้อยนิดให้คุณชายชื้นใจอยู่ครับ”
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะเคลวิน...ไบรอันบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลกูเข้าใจ แต่กูไม่เข้าใจตรงที่ไบรอันบริจาคกระจกตาให้..ไอ้สองเมืองงั้นเหรอ?”
“ครับคุณชาย....ตอนนี้คุณหนึ่งสยามได้ทำเรื่องการขอบริจาคกระจกตาจากคุณไบรอันแล้วครับ แล้วก็...คุณท่านดาร์เรลก็ยินดีที่จะให้บริจาคด้วยครับ”
“ทำไมต้องบริจาคให้ไอ้สองเมือง...หรือว่ามันตาบอด?”
“ครับ....ก็วันที่คุณชายกับคุณสองเมืองเกิดอุบัติเหตุยังไงล่ะครับ”
“สมน้ำหน้า กรรมมันตามสนองมันจริงๆ หึ”
พูดถึงวันนั้นเฟร็ดเดอริกก็ยังแค้นไม่หาย เพราะมันคนเดียวที่ทำให้เฟร็ดเดอริกแขนหัก แต่ผลกรรมก็ติดจรวดซะงั้น และมันก็ร้ายแรงกว่าที่เค้าเป็นอยู่ด้วยซ้ำ หึหึ ไอ้สองเมืองกลายเป็นคนตาบอดไปเลยหรือเนี่ย คงจะทรมานน่าดูสินะ แล้วอีกไม่นานมันก็จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง เพราะได้รับบริจาคกระจกจากไบรอัน คุณท่านดาร์เรลก็ยินยอมเรื่องบริจาคด้วยสิ จะทำยังไงให้มันทรมานมากกว่านี้นะ สิ่งที่ไอ้สองเมืองทำกับเค้ามันมากเกินกว่าจะให้อภัย กี่ครั้งแล้วที่หักหน้าเค้าด้วยการควงผู้หญิงของเค้าขึ้นโรงแรม กี่ครั้งแล้วที่ใช้กลโกงในการแข่งรถจนชนะเค้า มันน่าเจ็บใจนัก
ถึงคุณพ่อเค้ากับคุณท่านปิ่นฤดีจะรู้จักกัน เป็นเพื่อนรักกัน และถึงยังไงไบรอันกับหนึ่งสยามจะเป็นเพื่อนสนิทกัน เฟร็ดเดอริกก็จะไม่มีวันยอมเป็นมิตรกับสองเมืองเด็ดขาด ถ้ามันไม่แย่งผู้หญิงของเค้าก็คงไม่เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้หรอก สองเมืองทำแสบกับเฟร็ดเดอริกเอาไว้เยอะมาก คราวนี้แหละถึงทีเอาคืนเค้าบ้างแล้ว มันไม่สมควรที่จะได้รับการบริจาคกระจกตาจากพี่ชายเค้า เฟร็ดเดอริกจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ไอ้สองเมืองกลับมาเป็นคู่แข่งเค้าได้อีก
“กูจะไม่ยอมให้มันได้กลับมามองเห็นได้อีก!” หึ ยิ่งเป็นกระจกตาพี่ชายตัวเองด้วยแล้ว ไม่มีวันซะหรอกที่จะได้รับโอกาสดีแบบนี้ ถ้าอยากมองเห็นได้อีกครั้งก็คงต้องรอคนอื่นมาบริจาคใหม่
“เอ่อ...แต่คุณท่านดาร์เรล...ตกลงยินนอมไปแล้วนะครับ ฝั่งบ้านหงส์วิไลเลิศสกุลก็รับทราบข่าวแล้วเรื่องบริจาค คุณชายไปห้ามตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ”
“แล้วจะทำไม! ยังไงซะคุณพ่อก็ต้องฟังกู!” เฟร็ดเดอริกจะพูดเกลี่ยกล่อมคุณท่านดาร์เรลให้จนได้ จะไม่ยอมให้ไอ้สองเมืองได้รับดวงตาใหม่หรอก
“เดี๋ยวๆ คุณชายรอก่อนครับ...ฟังข่าวดีอันน้อยนิดซะก่อน” เคลวินยกมือห้ามปรามผู้เป็นเจ้านายอารมณ์ร้อนเอาไว้
“มีอะไรอีก!”
“คือแบบนี้ครับคุณชาย....เอ่อ...เด็กที่คุณชายให้ผมไปสืบน่ะครับ”
เด็กหนุ่มที่เคลวินกล่าวถึงก็คือเด็กใบ้หน้าหวานคนนั้น คนที่เฟร็ดเดอริกเจอที่ร้านสะดวกซื้อในวันนั้น ดวงตากลมโตใสแจ๋วของเด็กคนนั้นเค้ายังจำได้ดี ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักยังตราตึงอยู่ในหัวของร่างสูงไม่เคยเลอะเลือนหายไปไหน เผลอคิดถึงทีไรรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาทันที แม้จะมีเรื่องงานให้เครียด เรื่องเศร้าให้ทุกข์ใจขนาดนั้น เมื่อนึกถึงหน้าเด็กคนนั้นก็ทำเอาเฟร็ดเดอริกสลัดเอาความทุกข์ความเศร้าออกจากหัวจนหมด
รักแรกพบของเค้า...
“เออ...ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง”ชายหนุ่มถามอย่างร้อนรน
“เด็กคนนั้นชื่อไมค์ โจว ครับ...เป็นเด็กที่คุณหญิงหยกมณีรับมาเลี้ยงชั่วคราว คือผมไปสืบมาทั้งหมดแล้วครับเด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้า ถูกอาแท้ๆที่เป็นคนไต้หวันนำมาทิ้งไว้ที่ไทยเมื่อสามปีก่อนครับ”
“…..” ชีวิตของเด็กคนนั้นทำไมถึงตกอัปเพียงนี้นะ เป็นใบ้แล้วยังมาเสียพ่อแม่ไปอีก ซ้ำร้ายยังโดนอาแท้ๆนำมาทิ้งที่เมืองไทยเนี่ยนะ
“คุณชายจำได้ไหมครับ...วันที่คุณชายประสบอุบัติเหตุ คุณสองเมืองก็ประสบอุบัติเหตุเช่นกัน...ผมได้ยินมาว่าเค้าขับรถเร็วมากแล้วก็เกือบชนเด็กคนนั้น พอดีว่าหักหลบทันก็เลยทำให้รถพลิกคว่ำ...”
ค่อยโล่งใจหน่อยที่เด็กคนนั้นไม่ได้รับอันตรายอะไร...
“งานประจำของเด็กคนนั้นคือเด็กเสิร์ฟครับ แต่เหมือนจะโดนไล่ออก...เด็กคนนั้นไม่มีที่ไปคุณหญิงหยกมณีเลยรับเลี้ยงเอาไว้”
“ตอนนี้ไมค์อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่บ้านคุณหญิงหยกมณีครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณสองเมืองได้อยู่ที่ไทยหรือบินตามคุณหญิงหยกมณีไปเกาะมัลดีฟส์ ไม่ได้ข่าวเลยครับ”
“ช่างหัวไอ้สองเมืองมัน....แล้วถ้ากูอยากให้ไมค์มาอยู่ด้วยจะต้องทำยังไง”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณหญิงหยกมณีรับเลี้ยงไปแล้ว”
“แล้วคุณหญิงอะไรนั้นได้ไปทำเรื่องรับเลี้ยงไว้รึยัง”
“น่าจะยังนะครับ เพราะว่าเด็กคนนั้นยังไม่มีข้อมูลอะไรติดตัวมาด้วย คุณหญิงหยกมณีน่าจะยังดำเนินการเรื่องรับเลี้ยงไม่ได้ครับ” ถ้าอย่างนั้นเฟร็ดเดอริกก็มีโอกาสได้ตัวไมค์มาน่ะสิ ถ้ายังไม่ทำเรื่องการรับเลี้ยงเอาไว้ เฟร็ดเดอริกลักพาตัวไมค์มาก็คงไม่มีใครรู้ เพราะข้อมูลและประวัติอะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แจ้งความก็ไม่ได้อยู่แล้ว
“ก็ดี...ถ้าแลกกับการที่ไอ้สองเมืองกลับมามองเห็น และกูได้ตัวไมค์มาก็คงคุ้มค่า”
“จะดีเหรอครับคุณชาย” เคลวินถามด้วยความกังวล ถึงแม้การลักพาตัวเด็กคนนี้จะเป็นไปได้โดยง่าย แต่มันก็ผิดอยู่ดี ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาก็ซวยกันไปใหญ่
“กูยอมให้ไบรอันบริจาคดวงตาให้ไอ้สองเมือง แต่กูก็ต้องได้อะไรคืนมาบ้างสิ...จะให้ฟรีๆแบบนั้นน่ะเหรอ หึ กูไม่ยอมหรอก ยังไงกูก็ต้องได้ตัวไมค์มา”
“เข้าใจแล้วครับคุณชาย แล้วแผนการ....เอ่อ...”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้.....”
แต่ก็คงอีกไม่นานเกินรอหรอก....
TBC.
จุดเริ่มต้นของความเข้มข้นมาแล้ว เตรียมกาต้มน้ำร้อนไว้เลยค่ะทุกคน
อยากทานมาม่ารสอะไรบอกคนเขียนนะคะ จะเอาแบบเผ็ดร้อนหรือฝืดคอ ฮ่าๆ
เป็นกำลังใจให้หนูไมค์กับพี่สองด้วยนะคะ
:m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
-
:เฮ้อ:
-
เฮ้ยย อย่าได้คิดจะทำอะไรเลยนะ ให้สองเมืองเจอน้องไมค์ก่อนไม่ได้รึไง
รออ่านต่อจ้า
-
เกิดศึกชิงนายเอก
:katai4:
-
เหอะๆจะเป็นดราม่าซ้ำซ้อนสองคู่รึเปล่านะ แอบเดา
-
สนุกมากค่าาาา o13 แต่ว่าน่าจะลงเอะกว่านี้อีกหน่อย
ลงน้อยเกิน มันสั้นไปอ่ะ :ling1: :ling1:
มาต่อไวๆนะ ตอนนี้เชียร์อยู่จริงๆ
-
ไม่ได้อยู่ด้วยกันง่ายๆแน่เลย
เตรียมชามใส่มาม่าเลยค่าาาา
:sad4:
-
อิเฟร็ดได้ข่าวว่าไม่ใช่ตาตัวเองไม่ใช่ไง? จะมาเอาของตอบแทน.ยี้!!! แบบนี้หน้าไม่อายนะคะ
:z6: :z6: :z6:
แล้วไมค์เป็นใบ้อีกโดนจับไปก็ร้องไม่ได้
ตายๆๆๆ.เครียดไปล่วงหน้าแล้วว~
o22 o22 o22
-
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า หื้อออ...เลว
-
อย่ามาม่าได้ไหม
สงสารหนูไมค์เหลือเกิน
:เฮ้อ:
-
อย่าจับพระนางแยกกันเลย
นังเฟร็ดก้ไม่ได้ดีไปกว่าสองเมืองหรอก !!
เลวจริงๆ :z6:
-
อย่าพึ่งม่าเลย
อยากให้สองเมืองได้เห็นหน้าไมค์ก่อนอ่ะ :mew2:
-
ยังไม่ทันสุขนี่ถามหาดราม่ากันแล้ว โถๆๆๆ คุณคนเขียนอย่าเพิ่งใจร้อนด่วนใจต้มมาม่าสิคะ
เฟรดนี่คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนจ๊ะ เฮอะ ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่นิสัยไม่ดีเท่านั้นเอง
รู้สึกไหม ว่าตอนนี้มันสั้น อิอิ
-
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น
น่าสนุกจัง
-
ชอบเรื่องนี้จัง หนูไมค์น่ารักมากๆเลย
อยากอ่านต่ออ่ะ :katai5: :katai5: :katai5:
-
สองเมืองจะมีผมดำแต่นัยตาสีฟ้าเลยเหรอ.......
-
สองเมืองจะมีผมดำแต่นัยตาสีฟ้าเลยเหรอ.......
เข้ามาส่องคอมเม้นต์ เห็นคอมเม้นต์นี้แล้วถึงกับตกเก้าอี้เลยทีเดียว :a5:
สองเมืองเปลี่ยนกระจกตาค่ะ ตายังสีเหมือนเดิม ส่วนที่เป็นสีนัยตาก็คือม่านตาค่ะ ไม่เกี่ยวกัน
คอมเม้นต์น่ารักอ่ะ ฮ่าๆๆๆ
(ช่วงตอบคำถาม?)
-
เอ่อ อย่างเฟรดคงไม่ใช่พระรองแล้ว นี่มันตัวร้ายชัดๆ
-
น้องเฟ็ดเฟ่(เปลี่ยนชื่อให้เฟร็ดเดอริกมัน กร๊ากกกกกกกกก)
เป็นตัวโกงของเรื่องเหรอเนี่ย?
ไอ้เราก็นึกว่าคนเขียนจะยื่นบทพระรองให้ซะอีก
หรือว่า...น้องเฟ็ดเฟ่จะเลวใส่แค่กับสองเมืองคนเดียว?
รอครับ
-
คุณคนเเต่งค่ะก่อนกินมาม่าของกินของหวานกันฝืดคอสักนิดก่อนได้ไหมค่ะ :hao5:
ให้พี่สองได้หวานกับคุณน้องสักตอนสองตอนก่อนนะค่ะ ถือว่าคนเเต่งขออออ
เราเพิ่งด้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ สงสัยอยู่อ่าง นี้ฉันพลาดไปได้อย่างไรรรรร
ถึงคุณสองเเกะโหดมาก่นเเต่เเกก็ดีในเเบบของเเกนะค่ะ อย่าใจร้ายกับเเกมากนะ
ยังๆงก็รอตอนไปนะค่ะ! คุณคนเเต่งสู้ๆนะค่ะ เราจะรอ :กอด1: :กอด1: :L2:
-
อ้าว อิเฟร็ดดดดดเชดดดดด
ในที่สุดความชั่วช้าของแกก็ค่อยๆปรากฎออกมาให้ได้เห็น จะลักพาตัวหนูไมค์? .... ข้าม(เหยียบหน้า)ศพของอิสองไปก่อนเถอะแก
:m14:
-
ตาแลกตาสินะ :ling2:
หนูไมค์ของป้า โฮฮฮฮฮฮฮ
-
:z13:
-
บักเฟรดเดี๋ยวเถอะเมิงง สองเมืองไม่เอาไว้แน่ :katai1:
-
ขอแบบกินง่ายๆนะคะ :hao5:
-
เปิดศึกชิงไมค์ยกที่หนึ่ง
-
:z2: :z2: :z2:เอาแล้วๆๆ เดี๋ยวไปเตรียมตะเกียบไว้รอ ฮ่าๆๆๆ :pig4:
-
Chapter 9
เทศกาลปีใหม่ได้ผ่านพ้นไป คุณหญิงหยกมณีและคุณท่านปิ่นฤดีได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับหนึ่งสยามที่เป็นผู้นำกระจกตาจากเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างไบรอันกลับมาด้วย เพื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาใหม่ให้กับน้องชายคนรองของบ้าน โดยทางครอบครัวของไบรอันก็ยินยอมบริจาคกระจกตาให้ เนื่องด้วยจากความสัมพันธ์ที่ดีของเสาหลักของทั้งสองครอบครัวอย่างคุณท่านดาร์เรลกับคุณท่านปิ่นฤดีที่เป็นเพื่อนรักกันมานมนานทั้งแต่เด็ก เมื่อทุกคนในครอบครัวบ้านหงส์วิไลเลิศสกุลมารวมตัวกันครบ ก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลด้วยความปิติกันทุกคน ร่วมถึงหนูไมค์ด้วย
“ตื่นเต้นไหมลูกที่จะได้มองเห็นอีก” คุณหญิงหยกฤดีถามลูกชายตัวเองขึ้นหลังจากที่แพทย์ได้มาแนะนำเรื่องการผ่าตัดและหลังผ่าตัด
“ก็นิดหน่อยครับ...หมอบอกผ่าตัดกี่โมงครับ”
“อีกสามสิบนาทีค่ะ”
อีกครึ่งชั่วโมงสองเมืองจะได้รับการผ่าตัด ในใจลึกๆเค้าก็เริ่มกังวลขึ้นมาทีละนิดแล้วสิ ถ้าเกิดผ่าตัดล้มเหลวเค้าก็คงต้องรอรับการบริจาคครั้งใหม่ แต่ยังไงคุณหมอก็ยืนยันแล้วว่าหลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยก็จะสามารถกลับมามองเห็นได้ปกติอย่างแน่นอน สองเมืองไม่ได้ตื่นเต้นที่ตัวเองจะได้มองเห็นอีกครั้ง แต่เค้ากลับตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหนูไมค์แล้วต่างหาก หน้าเด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ จะเหมือนที่เค้าจินตนาการไว้รึเปล่า หรือจะอัปลักษณ์เหมือนที่สามภพว่ากันล่ะ ถึงจะหน้าตายังไงสองเมืองก็รู้สึกดีกับหนูไมค์ไปแล้ว คงเรียกเอาความรู้สึกนั้นคืนมาไม่ได้และเค้าก็ไม่ได้ชอบคนที่หน้าตาซะหน่อย
“แม่ครับ หลังจากผ่าตัด...บอกให้ไอ้ไมค์ช่วยดูแลผมด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวแม่ดูแลเองดีกว่า หนูไมค์ทำงานหนักมาเยอะแล้ว...ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้อยู่กันสองคน”
หนูไมค์ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้คุณหญิงหยกมณี การดูแลสองเมืองไม่ใช่เรื่องหนักอะไรหรอก หนูไมค์เต็มใจซะอย่าง
“ส่ายหน้าแบบนี้ แปลว่าชอบดูแลพี่สองเหรอคะน้องไมค์” คุณหญิงหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู
หนูไมค์พยักหน้ายิ้มๆให้หล่อน
“ปล่อยให้อยู่ด้วยกัน สนิทกันขึ้นเยอะเลยนะ ตอนแรกได้ยินจากเจ้าหนึ่งว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันไม่ใช่รึไง” คุณท่านปิ่นฤดีเดินเข้ามาสมทบภายในห้องผู้ป่วยวีไอพี
“เปล่าซะหน่อย....” สองเมืองคิ้วขมวดหลังจากได้ยินคำแซวจากผู้เป็นบิดา
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
คุณหมอประจำตัวของสองเมืองเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาล
“ถึงเวลาแล้วครับ”
“ฝากด้วยนะคะคุณหมอ”
“ครับ” คุณหมอและพยาบาลช่วยพยุงสองเมืองนั่งวีลแชร์ ก่อนจะเข็นออกจากห้องพักผู้ป่วย
“เดี๋ยวก่อนครับ....ไมค์มานี่ซิ..”
หนูไมค์ที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็รีบวิ่งมานั่งตรงหน้าวีลแชร์ที่ร่างสูงนั่งอยู่ เจ้าเปี๊ยกฉวยมือหนาขึ้นไปบีบสองครั้งเพื่อบอกว่าตัวเองอยู่ตรงนี้แล้ว
“หลังจากผ่าตัดเสร็จมึงต้องอยู่ดูแลกู เข้าใจไหม ห้ามหนีไปไหนล่ะ...เพราะกูอยากเห็นหน้ามึงเป็นคนแรกเลย”
หนูไมค์บีบมือร่างสูงอีกสองครั้งเพื่อบอกตกลง เค้ารับรู้ และเค้าจะอยู่รอสองเมืองแน่นอน
“แหม่..อะไรกัน ไม่อยากเห็นหน้าพ่อกับแม่แล้วเหรอ น้องไมค์น่ะ...น่ารักมากๆเลยนะ ถ้าลูกมองเห็นก็คงต้องเอ็นดูน้องไมค์เหมือนกัน” คุณหญิงหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือลูบหัวหนูไมค์อย่างเอ็นดู
“ครับ...แม่ให้มันอยู่รอผมด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ...ป่ะ ไปกันได้แล้วค่ะคุณหมอ”
ไม่นานเกินรอ อีกไม่นานเกินรอแล้วที่จะได้มองเห็นอีกครั้ง และสิ่งที่สองเมืองรอคอยที่สุดก็คือการได้เห็นหน้าของหนูไมค์ เค้านอนคิดและจินตนาการมาทั้งคืนเลย หนูไมค์จะหน้าตาแบบนี้รึเปล่า จะเป็นแบบนี้เค้าคิดรึเปล่านะ แต่ถ้าผลลัพท์ออกมาไม่ตรงกับที่สองเมืองคิดไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร เค้าชอบหนูไมค์ที่นิสัย และความดีของเจ้าเปี๊ยกนั้น ถึงหน้าตาจะไม่น่ารักแบบที่คิดแต่นิสัยใจคอของเด็กคนนั้นก็น่ารักไปซะหมด สองเมืองคงหลงหนูไมค์เข้าให้แล้วล่ะ
อะไรนะ...หลงหนูไมค์? ชอบหนูไมค์?
ไม่รู้ว่าชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีสองเมืองก็อยากให้เจ้าเปี๊ยกนั้นอยู่ด้วยตลอดเวลา ถ้าหนูไมค์หายไปสักห้าหรือสิบนาทีเค้าก็กระวนกระวายใจแล้ว จะบอกว่าสองเมืองติดหนูไมค์ซะแล้วล่ะ ก็อยู่ใกล้เด็กนั้นทีไรสองเมืองก็มีความสุขตลอด ขนาดเค้ามองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด แต่พอมีหนูไมค์คอยอยู่ข้างๆ โลกที่เคยมืดมนก็กลับกลายมีแสงสว่างขึ้นมาทีละน้อย เจ้าเด็กนั้นกลายเป็นดวงตาใหม่ให้เค้า ไม่ใช่แค่ดวงตานำทางแต่เป็นดวงตาที่พาแสงสว่างมาสู่หัวใจของเค้าด้วย
รอก่อนนะไมค์...
หลังจากคุณหมอผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้สองเมืองเสร็จ ร่างสูงต้องนอนพักฟื้นอยู่แรมวันเลยทีเดียว พอเจ้าตัวฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เรียกหาหนูไมค์คนเดียว ทำเอาคุณหญิงหยกมณีกับคุณท่านปิ่นฤดีพลอยยิ้มไปด้วยกับการกระทำของทั้งสองคน หนึ่งสยามก็คอยแซวสองเมืองกับหนูไมค์ว่าจากคู่กัดก็กลายมาเป็นคู่รักแล้วหรือ คู่กัดที่ว่านั้นก็คงเป็นฝ่ายสองเมืองเองคนเดียวแหละที่ชอบว่าชอบกัดหนูไมค์
คุณหญิงหยกมณีกับคุณท่านปิ่นฤดีได้กลับไปที่บ้านใหญ่ วันรุ่งเช้าจะกลับมาดูอาการของสองเมืองอีกครั้งพร้อมๆกับสามภพ ส่วนหนึ่งสยามก็อาสาดูแลสองเมืองเองที่โรงพยาบาล หนูไมค์เองก็ไม่ยอมกลับบ้านใหญ่เพราะสองเมืองสั่งไม่ให้หนูไมค์กลับ เจ้าเปี๊ยกก็คอยนั่งเฝ้านอนเฝ้าร่างสูงทั้งวันทั้งคืน ส่วนเพื่อนๆของสองเมืองเมื่อได้ยินข่าวจากหนึ่งสยามเรื่องการผ่าตัดก็รีบตรงดิ่งมาเยี่ยมกันเลยทีเดียว
เช้าวันต่อมาเป็นวันที่สองเมืองและทุกคนตั้งตารอคอย คุณหมอบอกว่าจะเข้ามาเปิดผ้าก๊อซให้กับสองเมืองตอนสายๆ ร่างสูงแลดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เค้าจับมือหนูไมค์ไว้ไม่ยอมปล่อย คนแรกที่เค้าอยากเห็นก็คือหนูไมค์ ไม่ว่ายังไงหนูไมค์ต้องอยู่กับเค้าตลอดเวลา จวนถึงเวลาที่สองเมืองต้องเข้าห้องน้ำทำธุระ หนึ่งสยามเป็นคนอาสาพาน้องชายทำธุระส่วนตัวเอง สองเมืองจิ๊ปากขัดใจเมื่อต้องปล่อยมือจากหนูไมค์ ทำเอาคุณหญิงหยกมณีหัวเราะชอบใจในความดื้อรั้นของลูกชายตัวเอง
“น้องไมค์เฝ้าพี่สองมาทั้งคืน คงจะหิวน่าดูเลย อ่ะนี่...ไปซื้อขนมทานที่ร้านค้าข้างล่างนะลูก” คุณหญิงหยกมณียื่นแบงค์พันให้หนูไมค์ เจ้าเปี๊ยกยิ้มรับก่อนจะรีบลงไปซื้อขนมที่ร้านค้าชั้นล่าง
หนูไมค์ใช้เวลานานพอควรในการเลือกซื้อขนม พอดูเวลาอีกทีก็ปาไปยี่สิบกว่านาทีแล้ว ถ้าไม่รีบสองเมืองต้องดุแน่ๆเลยที่หายไปแบบนี้ หนูไมค์ถือถุงขนมแล้วรีบวิ่งออกจากร้านค้าด้วยความเร็วจนเข้าไปชนกับหนุ่มร่างสูงเข้าอย่างจัง เจ้าตัวเปี๊ยกล้มลงกับพื้น ขนมที่ซื้อมาก็กระจัดกระจายไปทั่ว
“เป็นอะไรรึเปล่า...เจ็บตรงไหนไหมครับ” ชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาช่วยพยุงหนูไมค์ขึ้น ก่อนจะเก็บถุงขนมที่หล่นกระจัดกระจายขึ้นมาใส่ถุงแล้วยื่นให้หนูไมค์
คนตัวเล็กรับถุงขนมมาก่อนจะโค้งหัวให้เป็นการขอโทษ พอเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าก็พบว่าเป็นหนุ่มลูกครึ่งนัยตาสีฟ้าน้ำทะเลคนนั้นที่เจออยู่ร้านสะดวกซื้อแถวบ้านใหญ่ หนูไมค์จำได้ ตอนนั้นผู้ชายคนนี้ใส่เฝือกที่แขนใช่หรือเปล่าถ้าหนูไมค์จำไม่ผิดนะ แล้วเค้ามาที่โรงพยาบาลนี้ทำไมกันนะ อ๋อใช่แล้ว...ผู้ชายคนนี้คงเป็นเพื่อนกับสองเมืองสินะ ในตอนที่เจอกันอยู่ร้านสะดวกซื้อได้ยินผู้ชายคนนี้พูดถึงสองเมืองด้วย หนูไมค์ยิ้มแล้วยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้า
“อ้าว...น้องไมค์นี่เอง” หนุ่มลูกครึ่งยิ้มหวานให้เจ้าตัวเล็ก ว่าแต่...เค้ารู้จักชื่อหนูไมค์ได้ยังไงกันนะ อาจจะมีคนบอกเค้าแล้วหรือเค้าอาจจะได้ยินมาละมั้ง
“มาซื้อขนมเหรอครับ”
หนูไมค์พยักหน้าตอบ
“พี่หิวข้าวจัง น้องไมค์ไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิครับ...นะครับ” แต่หนูไมค์ต้องรีบไปหาสองเมืองนะ ป่านนี้คงโวยวายแย่แล้ว
หนูไมค์ส่ายหัวแทนคำตอบ
“ไอ้สองเมืองไม่ว่าหรอกครับ ไปกับพี่แปบเดียวก็ได้”
ไม่ทันที่หนูไมค์จะปฏิเสธอีกรอบ ร่างสูงก็จูงมือคนตัวเล็กไปคอฟฟี่ช้อปที่อยู่ไม่ไกลไม่ใกล้จากร้านค้า หนูไมค์ไม่กล้าขัดขืนเค้าด้วยสิ ยังไงผู้ชายคนนี้ก็เป็นเพื่อนคนนึงของสองเมืองละมั้งนะ เค้าคงไม่ทำมิดีมิร้ายกับหนูไมค์หรอก หน้าตาก็หล่อใจดีแบบนี้คงไม่คิดอะไรนอกจากอยากมีเพื่อนไปนั่งดื่มกาแฟด้วย ร่างสูงสั่งโกโก้ร้อนให้คนตัวเล็กก่อนจะสั่งเอสเปสโซ่ให้ตัวเอง เค้าลากหนูไมค์เข้าไปนั่งโซนที่เป็นมุมอับสายตาผู้คนหน่อย หนูไมค์เองก็แอบกลัวแต่ก็ต้องยอมไปนั่งด้วย
“จำพี่ได้รึเปล่า...พี่ชื่อเฟร็ด ที่เจอกันที่ร้านสะดวกซื้อวันนั้น”
หนูไมค์พยักหน้ารับรู้
“น้องไมค์มาเยี่ยมสองเมืองเหรอครับ” จะเรียกว่ามาเยี่ยมดีไหมนะ เพราะหนูไมค์นอนเฝ้าทั้งวันทั้งคืนเลย คงเรียกว่ามาเฝ้ามากกว่าละมั้ง เจ้าตัวเล็กทำหน้าลังเลนิดหน่อยจนร่างสูงยื่นไอโฟนให้อีกคน หนูไมค์ก็รับมาแบบงงๆ เอามาทำอะไรเนี่ย
“พิมพ์สิครับ พี่รู้ว่าน้องไมค์พูดไม่ได้” เฟร็ดเดอริกยิ้มให้ ส่วนหนูไมค์เองก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะพิมพ์คำตอบลงในสมาทโฟน
“ทำไมไม่พิมพ์ภาษาไทยล่ะ? อ๋อ....พี่ลืมไปว่าน้องไมค์ลูกครึ่งไต้หวัน คงยังไม่เก่งภาษาไทยสินะ” รู้ได้ยังไงว่าหนูไมค์เป็นลูกครึ่งไต้หวัน หรือว่าสองเมืองอาจจะเล่าเรื่องหนูไมค์ให้เพื่อนๆฟังกันนะ เขินชะมัด
“อืม...มานอนเฝ้าอาการสองเมืองทั้งคืนเลยสินะ โดนสั่งมาเหรอครับ?”
หนูไมค์ส่ายหัวแทนคำตอบ เค้าเต็มใจมาเฝ้าต่างหากล่ะ
“พี่ไม่เข้าใจ...พิมพ์ลงสิครับ” เฟร็ดเดอริกยื่นไอโฟนให้กับหนูไมค์อีกที เจ้าตัวก็พิมพ์คำตอบซะยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว
‘ไมค์ไม่ได้โดนบังคับหรือโดนสั่งให้มาเฝ้าพี่สองเมือง ไมค์มาด้วยความเต็มใจ พี่สองเมืองบอกว่าอยากจะเห็นหน้าไมค์เป็นคนแรกด้วย ไมค์เองก็อยากให้พี่สองเมืองมองเห็นไมค์ได้เร็วๆ’
เฟร็ดเดอริกจะรู้ไหมว่าหนูไมค์ในตอนนี้เขินมากแค่ไหน เหมือนกำลังสารภาพรักเลยทีเดียว แก้มขาวเนียนขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก จนร่างสูงที่จ้องมองหนูไมค์ถึงกับขมวดคิ้วกับท่าทีอาการเขินขวยแบบนั้น หรือว่าเด็กคนนี้จะชอบไอ้สองเมืองเข้าให้แล้ว แล้วที่บอกว่าสองเมืองอยากจะเห็นหน้าหนูไมค์คนแรกคืออะไร ไอ้สองเมืองมันจะอยากเห็นหน้าหนูไมค์คนแรกทำไมกันนะ ทั้งๆที่มันไม่เคยจะแคร์หรือสนใจใครเลยสักคน
อาจจะเป็นเพราะว่าสองเมืองเองก็ชอบหนูไมค์ด้วยเช่นกัน?
ต่างฝ่ายต่างชอบกันงั้นเหรอ ไม่จริง...ยังไงซะหนูไมค์ก็ต้องเป็นคนของเฟร็ดเดอริก แลกกับดวงตาของพี่ชายเค้าและแลกกับที่มันได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง
“แบบนี้นี่เอง...น้องไมค์ชอบสองเมืองเหรอครับ” ลองเชิงถามเด็กคนนี้หน่อยดีกว่า
หนูไมค์แก้มแดงก่อนจะพยักหน้าเบาๆแทนคำตอบ
“หึ”
หนูไมค์หยิบสมาทโฟนของเฟร็ดเดอริกขึ้นมาก่อนจะพิมพ์บอกลา
‘ไมค์ต้องรีบไปหาพี่สองเมือง ป่านนี้คงจะโกรธไมค์แล้วแน่เลย ขอบคุณสำหรับโกโก้ร้อนครับ แล้วก็ลาก่อนครับพี่เฟร็ด’
คนตัวเล็กยื่นสมาทโฟนคืนเฟร็ดเดอริกก่อนจะลุกขึ้นโค้งหัวให้
“ยังไปไม่ได้!” ร่างสูงตะคอกเสียงดังแล้วฉุดมือหนูไมค์ไว้ ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งตัวโยนเลยทีเดียว เฟร็ดเดอริกมีสีหน้าโกรธจัด เค้าเริ่มบีบข้อมือของหนูไมค์แรงขึ้นจนเจ็บแปลบขึ้นมาแล้ว หนูไมค์ยอมนั่งลงตามเดิม และถึงจะนั่งคนละฝั่งของโต๊ะแต่เฟร็ดเดอิกก็ไม่ยอมปล่อยมือหนูไมค์เลย
“น้องไมค์อยากให้ไอ้สองเมืองมองเห็นรึเปล่าหืม?”
หนูไมค์พยักหน้าแทนคำตอบ
“แต่พี่ไม่อยาก....” ว่าไงนะ! เฟร็ดเดอริกไม่อยากให้สองเมืองมองเห็นงั้นเหรอ แต่เค้าเป็นเพ่อนกับสองเมืองไม่ใช่หรอกเหรอ เอ๊ะ...หรือหนูไมค์คิดไปเอง
“พี่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับไอ้สองเมืองหรอกนะ” เหมือนเค้าจะอ่านใจหนูไมค์ออก เลยตอบมาแบบนั้น แล้วถ้าไม่ได้เป็นเพื่อน? งั้นเป็นอะไรกับสองเมืองล่ะถึงได้รู้จักกัน
“ไบรอันเป็นพี่ชายของพี่ ถ้าไบรอันไม่ตายไอ้สองเมืองก็ไม่มีวันได้มองเห็นหรอก!” เฟร็ดเดอริกขบกรามจนเกิดเป็นสันนูนขึ้นมา ตอนนี้เค้าเริ่มบีบข้อมือหนูไมค์แรงขึ้นกว่าเดิมแล้วสิ หนูไมค์เจ็บนะ
“หึ พี่มีข้อแลกเปลี่ยน....”
“ถ้าน้องไมค์ยอมไปอยู่กับพี่ พี่จะยอมปล่อยไอ้สองเมืองไป....แต่ถ้าไม่ พี่ไม่รับรองชีวิตของไอ้สองเมืองนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ว่าไงครับหืม” เฟร็ดเดอริกยอมปล่อบข้อมือของหนูไมค์ให้เป็นอิสระ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หนูไมค์คงวิ่งหนีไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินข้อตกลงที่เฟร็ดเดอริกเสนอมา หนูไมค์ก็ไม่กล้ากระดิกตัวไปไหนเลย
หนูไมค์ส่ายหน้ารัวแทนคำตอบ ตัวของหนูไมค์เริ่มสั่นเทิ่มไปด้วยความกลัว น้ำตาใสเอ่อล้นรอบดวงตาก่อนจะไหลรินอาบแก้มขาวเนียน
“ครับ...อย่างนั้นก็ได้ จะกลับไปหาไอ้สองเมืองก็ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มันอ่อนแอที่สุดล่ะมั้ง คงฆ่าง่ายหน่อย” ว่าไงนะ...เฟร็ดเดอริกจะฆ่าสองเมืองอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้นะ! หนูไมค์ไม่อยากให้สองเมืองตาย ไม่เอานะ...หนูไมค์ไม่เอาแบบนี้
“เลือกเอาครับ...จะไปอยู่กับพี่แล้วหายไปจากชีวิตไอ้สองเมือง หรือว่าจะกลับไปอยู่กับสองเมืองที่มีแต่ร่างไร้วิญญาณ!”
ยอมแล้วทุกอย่าง หนูไมค์ยอมรับข้อเสนอจากเฟร็ดเดอริกแล้ว ขอแค่ให้สองเมืองมีความสุขก็พอแล้ว หนูไมค์ไม่ต้องการอะไรอีก ถ้าหากหนูไมค์ไม่รับข้อเสนอ ทุกคนในบ้านใหญ่ก็คงจะเสียใจมาก ทุกคนต้องการสองเมือง สองเมืองต้องไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากหนูไมค์ยอมหายไปจากชีวิตของสองเมืองและทุกคนในบ้าน ก็คงไม่มีใครต้องเป็นอะไรและคงจะดีด้วยซ้ำที่ไม่มีตัวภาระอย่างหนูไมค์ สักวันทุกคนก็คงจะลืมเลือนหนูไมค์ไปเอง ทุกคนต้องการสองเมือง แต่ตัวหนูไมค์เองก็คงไม่มีใครต้องการหรอก ขนาดอาตัวเองแท้ๆยังเอาหนูไมค์มาทิ้งเลย สองเมืองเป็นคนสำคัญของครอบครัวเค้าต้องไม่เป็นอะไรทั้งนั้น เด็กกำพร้าอย่างหนูไมค์คงไม่มีทางเลือกและไม่มีประโยชน์อะไร และนี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่หนูไมค์จะช่วยสองเมือง
คนตัวเล็กทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าร่างสูง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ปรกๆอย่างน่าสงสาร เค้ายอมแล้วยอมเฟร็ดเดอริกทุกอย่างแล้ว แลกกับการที่สองเมืองไม่เป็นอะไรก็พอ ขอแค่สองเมืองมีความสุขก็พอ หนูไมค์จะหายไปจากชีวิตของสองเมืองเอง
เฟร็ดเดอริกเห็นแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้ แต่ยังไงซะเค้าก็ไม่ยอมให้ไอ้สองเมืองมีความสุขหรอก ได้กระจกตาจากพี่ชายเค้าไปแล้วไม่พอ ยังพรากเอาหัวใจของหนูไมค์ไปอีก แบบนี้เค้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เฟร็ดเดอริกวางแผนเรื่องนี้มาแล้วยังไงมันก็ต้องได้ใช้ ถึงแม้ตอนแรกเค้าจะคิดโปะยาสลบหนูไมค์ก็เถอะ แต่เรื่องมันก็พลิกผันมาเป็นแบบนี้ เค้าได้รับรู้ว่าหนูไมค์กับสองเมืองแอบชอบพอกัน ยิ่งทำให้เค้าแค้นใจเข้าไปใหญ่ มันได้ดวงตาใหม่งั้นก็ขอลักพาตัวหัวใจของมันไปก็แล้วกัน หึ จากวันนี้ไอ้สองเมืองคงต้องอยู่อย่างทรมานแล้วล่ะ
“หึ น้องไมค์ยอมรับข้อเสนอแล้วสินะ มาครับ...ลุกขึ้นมา” ร่างสูงกำยำเข้าไปช่วยพยุงร่างเล็กขึ้นมา ก่อนจะโอบเอวหนูไมค์ออกจากคอฟฟี่ช้อปตรงไปที่ลานจอดรถทันที เมื่ออีกคนตกลงข้อเสนอก็ไม่จำเป็นต้องรออะไรอีกแล้ว เฟร็ดเดอริกยิ้มพอใจกับตัวเอง คิดภาพไอ้สองเมืองเมื่อลืมตามาไม่เห็นหนูไมค์ คงกระวนกระวายใจน่าดู
เฟร็ดเดอริกลากหนูไมค์มาหยุดที่ปอร์เช่สีดำของตัวเองก่อนจะยัดร่างเล็กเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จเฟร็ดเดอริกก็ขับรถพุ่งทะยานออกไปจากโรงพยาบาลทันที เค้าจะพาหนูไมค์หนีไปให้ไกล ตามหาให้ตายก็หาไม่เจอหรอก และในที่สุดหนูไมค์เองก็คงต้องหันมารักเฟร็ดเดอริกแทนสองเมืองอย่างแน่นอน
ส่วนหนูไมค์เองก็ได้แต่นั่งมองออกไปนอกกระจกแล้วก็ร้องไห้อย่างเดียว ที่เค้าเลือกแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม มันก็คงจะดีต่อสองเมืองและทุกคนในครอบครัวของสองเมืองละมั้ง ก็แค่เด็กใบ้คนนึงหายตัวไปคงไม่เป็นไรหรอก คงไม่มีคนตามหา ถึงแม้ในวันข้างหน้าหนูไมค์จะพบกับสองเมือง แต่เจ้าตัวก็คงจะไม่รู้จักหนูไมค์อยู่ดี เพราะสองเมืองไม่เคยเห็นหน้าหนูไมค์นี่น่า ในที่สุดสองเมืองก็คงจะลืมหนูไมค์ไปเอง ไม่เป็นไร...แค่เค้ามีความสุขหนูไมค์ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
‘ลาก่อน....พี่สองเมือง’
TBC.
เอาใจช่วยหนูไมค์กับพี่สองเมืองด้วยนะคะ ตอนหน้าสองเมืองจะได้มองเห็นแล้ว :m26:
แต่หนูไมค์เองก็โดนเฟร็ดเดอริกลักพาตัวไป(ที่ไหนก็ไม่รู้) สองเมืองจะตามหาน้องเจอไหม มาลุ้นกัน
ดราม่าไม่กี่ตอน อดใจรอฉากสวีทหน่อยน้าา :m11: :m4:
ป.ล.ได้แกล้งคนอ่านแล้วมีความสุขขขขขขขขข :m14:
-
ไอ้เฟรด ไอ้ชั่ว ไอ้ประจวด
แกจะพาน้องไปไหนห๊ะ
อิบ้า! เขากำลังจะเห็นกันอยู่แล้วเชียว
โป้งคนเขียน
:katai1:
-
มันหน่วงได้ใจ......คนแต่งเขียนได้กินใจมากๆเลยค่ะ รอตอนต่อไป และหวังว่าพี่สองเมืองกับหนูไมค์จะเจอกันและรักกันเร็วๆน่ะค่ะ :mew6: :hao5: :hao5:
-
ไอ้เฟร็ดไอ้เลว ไอ้ชั่ว ของสาปให้แกโดน ผช เอาเป็นเมีย :katai1:
-
เฟรดดดดด ทำไมทำอย่างงี้
จะได้เห็นกันอยู่แล้ววววววว
:m31: :m31:
-
เห็นรีพลายอื่นๆแล้วขอจิ้มไว้ก่อนนะ
เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน
:ling3:
-
คนเขียนใจร้าย ทำไมต้องทำกับหนูไมค์ด้วย :o12:
-
โอยหนอ
ซวยแท้ลูกเอ๊ยยยย :เฮ้อ:
-
หนูไมค์โดนตลอด
-
:z3: :z3: :z3
สงสารหนูไมค์.
อยากอ่านต่ออ่าาา :katai5: :katai5:
-
สองเมืองจะเป็นยังไงเนี่ย :hao5:
-
กว่าจะเจอกัน เหอะๆ
-
อ่านจบพูดอยู่คำเดียว
....แง....
:o12:
-
:hao7: :katai1:
ม่ายเจรงงงงงงงงงงง
เศร้านะ
มาต่อๆ
-
:serius2: หนูไมค์จะรอดยังไงนี่
-
อ้ากกกกกกก เฟร็ด ทำไมเป็นคนแบบนี้ห่ะ
ทำตัวแบบนี้ คนอ่านไม่ปลื้มนะ!!!
รออ่านต่อจ้า
-
สงสารหนูไมค์
สองเมืองรีบตามหาน้องนะ
-
:beat: :serius2: :serius2:มาๆๆๆๆๆๆ ต่อเดี๋ยวนี้
-
อ่านไปอ่านมา ชักอยากให้เฟร็ดกับสองเมืองคู่กันแล้วสิ555555
:hao6:
-
ไม่นะะะะะะะ :katai1: :katai1: :katai1:
-
แด่เฟร็ดค่ะ. :z6: :z6: :z6: :beat: :beat: :beat:
-
ไมค์คุงงงงง :o12:โอ้ยๆๆ
ค้างอย่างแรง มาต่อเรื่อยๆนะคะ :mew1:
-
ดราม่าจะมาแล้ว งั้นรอให้ดราม่าผ่านไปก่อนดีกว่า ทำใจไม่ได้ :ling3: :o12: :o12:
-
ไปกันง่ายจัง :hao5:
-
โอ้ยยยยย รอให้เห็นกันก่อนก็ไม่ได้ เเอบลุ้นถ้าสองเมืองเห็นหนูไมค์เเล้วจะรู้ได้เองหรือเปล่า?
เฟร็ดเเกเลี้ยงดูน้องให้ดีนะเว้ย พาเขาไปก็เลี้ยงดีๆหน่อย คุณคนเเต่งค่ะ
ถ้าไม่ลำบากอะไรเท่าไหร่ ก็ 3P เถอะค่ะคนเเต่งขอ :katai2-1: :katai2-1:
รอคุณคนเเต่นะค่ะ ตอนต่อไปลงสองสามตอนรวดเราก็ดีจายยยยยยยย
-
:sad4:
ม่ายน๊าาาาาาาาา
:o12:
-
Chapter 10
“แม่ครับ...ไมค์มารึยัง”
สองเมืองถามขึ้นหลังจากที่คุณหมอและพยาบาลเดินเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วยเพื่อจะทำการเปิดผ้าก๊อซที่ปิดตาร่างสูงเอาไว้ แต่เค้าก็ไม่ยอมให้เปิดสักผ้าก๊อซสักที เพราะยังเค้าคงยังรอคนสำคัญอย่างหนูไมค์อยู่นั้นเอง พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ได้ยินจากคุณหญิงหนกฤดีว่าหนูไมค์ลงไปซื้อขนมมาทานรองท้อง นานป่านนี้แล้วยังไม่เห็นวี่แว่วคนตัวเล็กมาสักที ความกังวลเกิดขึ้นทีละน้อยแล้วสิ ไอ้เปี๊ยกนั้นจะหลงทางอยู่รึเปล่านะ ทำไมคุณแม่ต้องให้เจ้าเด็กนั้นไปคนเดียวด้วยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหนูไมค์ใครจะช่วยทันล่ะ
“เอ...น้องไมค์ไปซื้อขนมนานจัง”
“แม่ทำไมให้มันไปคนเดียว ถ้ามันเกิดหลงขึ้นมาจะทำยังไง โรงพยาบาลก็ไม่ได้เล็กๆซะหน่อย”
“ใจเย็นก่อนสอง เดี๋ยวพี่ออกไปตามเอง” หนึ่งสยามอาสาออกไปตามหาหนูไมค์เอง แต่ยังไงสองเมืองก็ยังไม่หายกังวลสักที
“จะเปิดผ้าก๊อซเลยไหมครับ” คุณหมอถามขึ้น
“รอก่อนครับ....รอไมค์มาก่อน”
เวลาผ่านไปค่อนวัน ยังไม่เห็นวี่แววของหนูไมค์แม้แต่เงา ตอนนี้ทุกคนในบ้านใหญ่เริ่มกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสองเมืองที่กำลังเริ่มคลั่ง เค้าโวยวายใส่ทุกคนที่ไม่ยอมดูแลหนูไมค์ ปล่อยเด็กคนนั้นไปคนเดียวได้ยังไง เจ้าเปี๊ยกนั้นเหมือนคนปกติที่ไหน ถ้าโดนลักพาตัวหรือว่าโดนทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง เด็กคนนั้นพูดไม่ได้สักแอะจะใช้เสียงที่ไหนตะโกนให้คนช่วย มันเป็นความผิดของทุกคนในบ้านที่ปล่อยปะละเลยหนูไมค์ รับเจ้าเด็กคนนั้นมาเลี้ยงแล้วแท้ๆทำไมถึงไม่ปล่อยให้หายไปแบบนี้
“เอ่อ...สอง พี่ว่าเราให้คุณหมอเปิดผ้าก๊อซเลยดีกว่า พอสองมองเห็นก็ค่อยช่วยกันตามหาน้องไมค์อีกที” หนึ่งสยามออกความเห็น
“แม่ก็คิดแบบนั้น...เอ่อ....ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดคุณหมอจะได้ช่วยทันไงค่ะ”
“นี่แม่ไม่ห่วงไอ้ไมค์เลยเหรอครับ เรื่องผมจะมองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ไม่ได้สำคัญเท่าไมค์หายตัวไปหรอกครับ!” และที่ทุกคนบอกออกไปตามหาหนูไมค์แล้วไม่เจอ คือออกไปตามหาจริงๆรึเปล่า หรือโกหกให้สองเมืองสบายใจเฉยๆ
“หมอ...เปิดผ้าก๊อซเลย ผมอยากมองเห็นแล้ว ผมจะไปช่วยไมค์เอง”
“ครับ”
คุณหมอค่อยๆแกะผ้าก๊อซที่ปิดตาสองเมืองออกช้าๆ คนรอบข้างได้แต่ยืนลุ้นและให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจอะไรทั้งนั้น ในใจก็ยังคงกระวนกระวายเรื่องหนูไมค์หายตัวไป ถ้าหากตอนนี้เค้าจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่ถ้าขาดคนสำคัญอย่างเจ้าเปี๊ยกนั้นไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร สองเมืองอยากจะมองเห็นได้อีกครั้งเพราะหนูไมค์คนเดียวเท่านั้น ต่อให้ผมลลัพท์ออกมายังไง ถึงแม้การผ่าตัดจะผิดพลาด เค้าไม่สามารถมองเห็นได้ ขอแค่มีคนตัวเล็กอยู่ข้างๆสองเมืองก็ไม่ต้องการอะไรอีก
“ค่อยๆลืมตานะครับ ไม่ต้องรีบ...”
ร่างสูงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆตามที่คุณหมอสั่ง แสงไฟภายในห้องสาดส่องเข้ามาในดวงตาทำให้สองเมืองต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะแสบตา จากนั้นเจ้าตัวก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสง และในที่สุดสองเมืองก็สามารถลืมตาได้เต็มที่ เค้ามองไปรอบๆตัวก็เห็นคนในครอบครัวยืนอยู่ข้างเตียงที่เค้านั่งอยู่
“ทำไมมันเบลอไปหมด” ถึงเค้าจะมองเห็นว่าใครเป็นใครที่ยืนอยู่รอบข้าง แต่ภาพที่เห็นมันเบลอเหมือนคนสายตาสั้นอย่างไรไม่รู้
“สอง....สองมองเห็นแม่ใช่ไหมลูก” คุณหญิงหยกฤดีเข้ามาสวมกอดลูกชายคนรองอย่างดีใจ
“ช่วงแรกจะเบลอเหมือนคนสายตาสั้นหน่อยน่ะครับ อีกสักพักจะปรับมามองเห็นได้ชัดปกติ” คุณหมอบอก
“เห้ย....เฮียมองเห็นผมป่ะ” สามภพยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆพี่ชายตัวเอง
“เห็น”
“ดีใจด้วยนะที่กลับมามองเห็นอีกครั้ง คราวหน้าอย่าซนอีกล่ะ” คุณท่านปิ่นฤดีเข้ามาตบบ่าลูกชาย ส่วนสองเมืองเองก็พยักหน้าแทนคำตอบ
“ผมจะไปตามหาไมค์”
“หมอว่าคุณสองเมืองควรพักผ่อนก่อนนะครับ”
“ไม่! ผมจะไปตามหาไมค์!”
“สอง!! ฟังแม่ก่อนอย่าพึ่งใจร้อนไป ตอนนี้พี่หนึ่งไปแจ้งคนหายแล้ว สักพักตำรวจก็จะช่วยเราตามหาหนูไมค์เอง พักผ่อนก่อนเถอะลูก” คุณหญิงปรามลูกชายเจ้าอารมณ์
“เออ ว่าแต่พี่หนึ่งมีรูปไอ้ไมค์เหรอแม่”
“ตาสาม!” คุณหญิงหันไปตีแขนลูกชายคนเล็กที่กำลังพูดเรื่องที่น่ากังวลที่สุดออกมา แต่เมื่อกี้ที่สามภพพูด หมายความว่ายังไง รับเลี้ยงหนูไมค์มาตั้งนมนานทำไมไม่มีรูปของเจ้าตัวสักรูปล่ะ แล้วแบบนี้จะไปตามหาได้ที่ไหน
“ว่าไงนะ!!!! ไม่มีรูปไมค์ แล้วส่งคนออกไปตามหา แม่ได้ให้พี่หนึ่งไปแจ้งคนหายจริงๆน่ะเหรอ หรือพูดให้ผมสบายใจเฉยๆ ผมจะไปตามหาไมค์เดี๋ยวนี้!!!!!!”
สองเมืองเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องที่ทำให้เค้ากระวนกระวายใจแบบนี้ยิ่งอยู่ไม่ได้ ป่านนี้ไอ้เปี๊ยกนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง เค้าทนรอไม่ได้หรอก ยังไงเค้าก็ต้องตามหาให้เจอ เค้าจะไม่ยอมให้หนูไมค์เดินออกไปจากชีวิตเค้าง่ายๆหรอกนะ เด็กคนนั้นมาทำให้เค้าหลงรักแบบนี้แล้วหายไปซะดื้อๆแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด หนูไมค์ต้องกลับมารับผิดชอบความรู้สึกของสองเมืองไม่ว่ายังไงก็ช่าง ที่เค้าอยากมองเห็นก็เป็นเพราะเจ้าเด็กคนนั้นคนเดียว พอเค้ามองเห็นได้อีกครั้งกลับหายตัวไป มันเป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
สองเมืองดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนก่อนจะลุกขึ้น แต่ก็โดนสามภพและคุณท่านปิ่นฤดีล็อคตัวไว้ซะก่อน ตอนนี้สองเมืองกำลังคลุ้มคลั่งเหมือนหมาบ้า
“ปล่อย!! ปล่อยผม!!” เจ้าตัวเริ่มดิ้นแล้วสะบัดสามภพและคุณปิ่นฤดีออก พอดีกับที่หนึ่งสยามเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้ามา จึงเข้ามาช่วยล็อคตัวสองเมืองที่กำลังคลั่งอยู่ด้วยอีกแรงหนึ่ง
“คุณหมอคะ คุณหมอ...ชะ...ช่วยทำอะไรสักอย่างสิคะ!” คุณหญิงวิ่งเข้าไปเขย่าแขนคุณหมอที่อยู่อีกฝั่งของเตียง
“คุณพยาบาลช่วยเอายาระงับประสาทมาให้ผมที”
“ได้ค่ะคุณหมอ” นางพยาบาลรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปเอาตัวยาระงับประสาทมาฉีดสองเมืองที่กำลังคลั่ง
“ปล่อย!! ปล่อยกู!!! กูจะไปตามหาไมค์!” สองเมืองเริ่มดิ้นแรงกว่าเดิมเพื่อให้หลุดพันธนาการจากพี่ชายน้องชายแล้วก็พ่อของตัวเอง ผู้ชายแข็งแรงสามคนตอนนี้ก็เริ่มรับมือกับสองเมืองไม่ไหวซะแล้ว
“แล้วมึงเคยเห็นหน้าไมค์รึไง เอะอะก็จะไปตามหาเค้า!” หนึ่งสยามเตือนสติน้องชายตัวเอง
“ปล่อย!!! กูจะไปหาไมค์ ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!!” สองเมืองเริ่มใช้เท้าถีบเข้าไปที่กลางลำตัวเองหนึ่งสยามอย่างจัง จนร่างของพี่ชายล้มลงกับพื้น
“ว้ายย ตาหนึ่ง!!” คุณหญิงรีบเข้าไปพยุงลูกชายคนโตขึ้น
“เร็วๆหน่อยสิครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว!” สามภพตะโกนบอกนางพยาบาลที่พึ่งวิ่งเข้ามาภายในห้อง
“ได้แล้วค่ะคุณหมอ”
“ปล่อย!! ปล่อยกูสิวะไอ้สาม!! อ๊ะ....”
คุณหมอรับเข็มฉีดยาจากนางพยาบาลมาทันที จากนั้นก็ฉีดเข้าที่ลำแขนของอีกคน สองเมืองจากที่เคยดิ้นเหมือนหมาบ้าก็เริ่มค่อยๆโอนเอนลงเมื่อโดนฤทธิ์ยาระงับประสาท ในที่สุดเจ้าตัวก็ผล็อยหลับไป ทุกคนรอบข้างถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เหนื่อยชะมัด คนอะไรแรงเยอะกว่าไดโนเสาร์ซะอีก” สามภพบ่นพี่ชายตัวเอง
“เรื่องหนูไมค์เป็นไงบ้างตาหนึ่ง” คุณหญิงถามด้วยความกังวล
“ไม่มีรูปไอ้ไมค์แล้วจะตามหาตัวได้เหรอเฮีย”
“มีสิ...เคยถ่ายรูปน้องไมค์ อ่ะดูนี่..”
หนึ่งสยามยื่นสมาทโฟนที่มีรูปหนูไมค์อยู่ให้กับสามภพดู รูปที่หนึ่งสยามถ่ายเป็นรูปเสี้ยวหน้าด้านข้างของหนูไมค์เท่านั้น เค้าเคยแอบถ่ายตอนเจ้าเปี๊ยกนั้นกำลังช่วยป้าอรทำอาหารอยู่ภายในห้องครัว และมีเพียงรูปเดียวเท่านั้นที่เป็นหลักฐานในการหาตัวเด็กคนนั้น
“โหย...เห็นแค่ด้านข้างเอง มีรูปเดียวเหรอเฮีย”
“อืม...มีรูปเดียว...พี่ให้รูปนี้กับทางตำรวจและก็บอกข้อมูล ลักษณะของไมค์ให้ตำรวจหมดแล้ว ทางตำรวจบอกว่าจะพยายามค้นหาตัวไมค์ให้เจอโดยเร็วที่สุด”
“ส่วนพ่อก็จ้างนักสืบมือฉมังไปตามสืบหนูไมค์แล้วล่ะ พ่อก็มีรูปหนูไมค์เหมือนกันนะ”
คุณท่านปิ่นฤดีเปิดรูปในสมาทโฟนให้ทุกคนดู เป็นรูปที่หนูไมค์นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยของสองเมืองเมื่อวานนี้ก่อนที่สองเมืองจะได้รับการผ่าตัด ทั้งคู่จับมือกันแน่น โดยรูปนี้ค่อนข้างจะเห็นรูปหน้าของหนูไมค์ชัดเจนกว่ารูปที่หนึ่งสยามมี แต่หากเป็นรูปที่หนูไมค์กำลังยิ้มอยู่ เจ้าตัวเล็กยิ้มจนตาปิดให้กับสองเมืองที่กำลังนั่งทำหน้าอมยิ้มหันไปอีกด้านอย่างที่เค้ามักจะชอบทำเวลาเขินอาย เป็นรูปที่น่ารักมากจริงๆ คุณปิ่นฤดีอดขำไม่ได้จึงได้ถ่ายรูปนี้เอาไว้ตอนทั้งคู่เผลอ
“รูปนี้โอเคเลยครับพ่อ งั้นส่งรูปนี้มาให้ผม ผมจะเอาไปสมทบกับข้อมูลทีให้ตำรวจไป”
“เฮ้อ...เป็นเวรเป็นกรรมของไอ้ไมค์จริงๆเลยเนาะเฮีย” สามภพอดสงสารชีวิตของหนูไมค์ไม่ได้ มีแต่เรื่องเลวร้ายผ่านเข้ามา เมื่อไหร่เจ้าตัวจะมีความสุขสักทีล่ะ
“มะ...แม่ไม่น่าให้หนูไมค์ไปซื้อของคนเดียวเลย ฮึก เป็นความผิดของแม่เอง” คุณหญิงหยกฤดีเริ่มร้องไห้ออกมา ตั้งแต่หนูไมค์หายตัวไปเธอได้แต่โทษตัวเอง ที่เป็นสาเหตุทำให้หนูไมค์หายตัวไป ถ้าเธอเป็นคนพาหนูไมค์ไปก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน เป็นคนรับเลี้ยงเด็กคนนั้นแท้ๆแต่กลับไม่ดูแลเลยตั้งแต่วันที่หนูไมค์ก้าวเข้ามาในครอบครัว
“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกน่าที่รัก เป็นเพราะความประมาทของพวกเราทุกคนต่างหากที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ยังไงเราก็ต้องตามหาหนูไมค์จนเจอแหละน่า อย่าพึ่งกังวลไป” คุณท่านปิ่นฤดีเข้ามาสวมกอดปลอบภรรยาที่กำลังร้องไห้อยู่
“ผมจะตามหาไมค์ให้เจอโดยเร็วครับแม่ ไม่ต้องห่วงหรอก” หนึ่งสยามให้คำมั่น
“ขอให้พระคุ้มครองหนูไมค์ด้วยเถิด...ฮึก..ฮือๆ ขอให้เค้าปลอดภัยด้วยเถอะนะ ฮือๆ หนูไมค์ของแม่”
ตอนนี้ทำได้แต่ภาวนาให้หนูไมค์ปลอดภัยและขอให้ตำรวจพบตัวหนูไมค์ได้เร็วๆด้วยเถอะ...
ทางด้านหนูไมค์ ตอนนี้เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเฟร็ดเดอริกพาขับรถมาที่ไหน ร่างสูงเริ่มเบนเส้นทางออกนอกเมืองหลวงไปซะแล้วสิ เฟร็ดเดอริกขับรถวนไปวนมาเลี้ยวตรงนั้นเลี้ยวตรงนี้จนหนูไมค์สับสนไปหมด ตอนแรกหนูไมค์กะว่าจะจำสเนทางเอาไว้เพื่อที่จะได้หนีกลับมาถูก แต่ดูเหมือนว่าเฟร็ดเดอริกจะอ่านใจคนตัวเล็กออก ก็เลยขับรถวนไปวนมาสับเปลี่ยนเส้นทางบ่อยๆแบบนี้
“เรื่องเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ส่วนตัวของน้องไมค์ พี่สั่งให้ลูกน้องดูแลหมดแล้วทุกอย่าง ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ได้ครับ หึหึ” ไม่ได้เครียดเรื่องเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนซะหน่อย หนูไมค์กำลังเครียดเรื่องการจำเส้นทางอยู่ต่างหาก
“พี่จะเราไปบ้านพักตากอากาศที่พ่อพี่ซื้อไว้ เราจะอยู่ที่น้นสักพัก...อืม...เดือนหน้าค่อยย้ายไปอเมริกา เดี๋ยวพี่ทำเรื่องประวัติแล้วก็ข้อมูลใหม่ของน้องไมค์ให้เอง ไม่ต้องห่วง”
ห่วงกับผีอะไรล่ะ หนูไมค์ไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เลยสักนิด เพราะในใจหนูไมค์เอาแต่ห่วงสองเมืองอยู่ แต่เมื่อกี่เฟร็ดเดอริกบอกว่ายังไงนะ จะพาย้ายไปอยู่อเมริกางั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าหนูไมค์จะไม่ได้เห็นหน้าสองเมืองอีกตลอดไปงั้นเหรอ? อุตส่าห์แอบหวังเล็กๆว่าวันนึงถ้าหนีจากเฟร็ดเดอริกได้จะกลับไปหาสองเมือง แต่ตอนนี้เฟร็ดเดอริกทำลายความหวังของหนูไมค์ลงเรียบร้อยแล้ว คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วสินะ
“เราจะเริ่มต้นชีวิตด้วยกัน....อ่อ...แล้วก็พี่ติดต่อหมอเก่งๆที่นู้นไว้แล้ว พี่อยากให้น้องไมค์พูดได้เหมือนคนอื่นๆ พี่ลองปรึกษาคุณหมอแล้วตอนที่ไปงานศพไบรอัน คุณหมอบอกว่าเคสอย่างน้องไมค์สามารถกลับมาพูดได้นะ ดีใจไหมครับ” ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือมายีผมคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่
เฟร็ดเดอริกบอกว่าติดต่อหมอที่อเมริกาไว้แล้วงั้นเหรอ แสดงว่าแผนการลักพาตัวหนูไมค์ก็คงเตรียมการไว้นานแล้วสินะ เหอะ คนนิสัยไม่ดี หนูไมค์ไม่มีวันญาติดีด้วยหรอกนะ เอ...แต่ว่าถ้าเฟร็ดเดอริกทำให้หนูไมค์พูดได้ขึ้นมาก็ยิ่งดีไปใหญ่เลยสิ ถ้าเค้าพูดได้ขึ้นมาล่ะก็นะ ถึงตอนนั้นจะรีบหนีกลับมาหาสองเมืองเลยคอยดูสิ
ในที่สุดรถของเฟร็ดเดอริกก็มาหยุดที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลสุดหรูหราแห่งหนึ่ง ซึ่งหนูไมค์เองก็จำทางเข้าไม่ได้เพราะตัวเองดันเผลอหลับไปซะงั้น คงเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านั้นหนูไมค์ร้องไห้หนักจึงทำให้หมดแรงแล้วก็เหนื่อยมาก คนตัวเล็กโดนเฟร็ดเดอริกอุ้มลงจากรถแล้วเดินเข้าที่พัก ถึงแม้หนูไมค์จะพยายามดิ้นและขัดขืนก็ตาม แต่พอร่างสูงขู่แค่นั้นแหละ
“ถ้าไม่หยุดดิ้นพี่จำปล้ำน้องไมค์จริงๆแล้วนะ” แถมเจ้าตัวยังทำหน้าดุใส่หนูไมค์อีกด้วย ใครจะไม่กลัวกันล่ะ หนูไมค์ทำหน้ามุ่ยใส่เฟร็ดเดอริก ส่วนร่างสูงก็ได้แต่ขำกับท่าทางเด็กๆของคนตัวเล็ก
ร่างสูงวางหนูไมค์ไว้กลางห้องโถง ก่อนจะเดินจูงมือคนตัวเล็กขึ้นชั้นสองเพื่อไปดูห้องนอน ตอนแรกหนูไมค์ก็บิดมืออกจากการเกาะกุมของเฟร็ดเดอริก แต่พอเจอสายตาคมดุนั้นกับคำขู่ว่าจะปล้ำก็กลัวขึ้นมาจับใจ ตอนนี้ได้แต่ทำตามที่ร่างสูงบอก ไม่กล้าจะขัดขืนอะไรอีกแล้ว ถ้าเฟร็ดเดอริกเตือนอีกรอบเค้าคงจะทำจริงแน่ๆ อยู่เงียบๆเหมือนเดิมดีกว่า
“น้องไมค์นอนห้องนี้นะครับ...ส่วนเรื่องเสื้อผ้าแล้วก็ของส่วนตัวพี่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว อยู่ในตู้เสื้อผ้านู้นนะ”
หนูไมค์พยักหน้ารับแทนคำตอบ ส่วนสายตาก็กวาดมองทั่วห้องเพื่อหาช่องทางการหลบหนีออกจากที่นี่ แต่เอ...ทำไมห้องนอนของหนูไมค์มันแปลกๆไปนะ เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
“หนีไม่ได้หรอกครับ ห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง หึหึ” ว่าแล้วเชียว! หน้าต่างไม่มีสักบานแบบนี้จะหนียังไงไมค์ คิดสิคิด
“มีทางออกทางเดียวคือประตูบานนี้ แต่อย่าคิดนะว่าจะหนีออกไปได้...หึหึ พี่จะล็อคจากข้างนอกไว้ทุกคืน ตอนเช้าถึงจะมาเปิดประตูให้ แต่ถ้าอึดอัดกับห้องนี้...นอนห้องพีก็ได้นะครับ” ร่างสูงยิ้มกริ่มก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มขาวใสของคนตัวเล็ก
หนูไมค์ส่ายหน้ารัวแทนคำตอบ ไม่มีทาง...ยังไงเค้าก็ไม่ยอมนอนกับคนพันธุ์นี้หรอก เซฟตัวเองไว้ก่อนดีกว่า ค่อยหาทางหนีใหม่อีกรอบ
“อาบน้ำแต่งตัวซะ แล้วพี่จะขึ้นมาเรียกลงไปทานข้าว” เฟร็ดเดอริกปิดตูแล้วล็อคห้องจากข้างนอกเพื่อกันไม่ให้อีกคนหนีรอดไปได้ ส่วนหนูไมค์เองก็ได้แต่ทำใจแล้วก็ทำตามคำสั่งเฟร็ดเดอริกไปอย่างนั้น ตอนนี้ถ้าเกิดขัดขืนนิดๆหน่อยๆอาจจะโดนทำร้ายขึ้นมาก็ได้ คนอย่างเฟร็ดเดอริกน่ากลัวจะตายไป
เฮ้อ...ทำชีวิตหนูไมค์ต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ คิดถึงสองเมืองจะแย่อยู่แล้ว จะกลับมามองเห็นรึเปล่านะ จะโวยวายรึเปล่าถ้าไม่มีหนูไมค์อยู่ข้างๆแล้ว อีกอย่างหนูไมค์เองอยากให้สองเมืองเห็นหน้าตัวเอง สองเมืองจะได้รู้ว่าหนูไมค์ไม่ได้อัปลักษณ์เหมือนที่สามภพว่าหรอกนะ หนูไมค์หล่อระดับซุปเปอร์สตาร์เลยแหละ แต่คงไม่ได้แล้วล่ะเพราะหนูไมค์โดนเฟร็ดเดอริกจับตัวมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยสิ อยากจะขอโทษสองเมืองสักล้านครั้งที่ผิดสัญญา ถ้าไม่ลงไปซื้อขนมก็คงไม่โดนจับมาหรอก แล้วสองเมืองก็คงได้เห็นหน้าหนูไมค์ด้วย คิดแล้วปวดใจเปล่าๆ
แต่ยังไงซะแผนการหลบหนีจากเฟร็ดเดอริกก็คงยังอยู่ในหัวหนูไมค์ เค้าจะพยายามหนีออกมาให้ได้ แล้วก็จะกลับไปหาสองเมืองให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ช่าง...
ต้องหนี....ต้องหนีไปให้ได้!
‘รอก่อนนะพี่สอง ไมค์กำลังจะไปหา...รอไมค์ก่อนนะ’
TBC.
ตอนหน้าเข้มข้นแน่นอนค่ะ จะมีอะไรชักจูงให้สองคู่รักอย่างหนูไมค์กับสองเมืองมาเจอกันแน่นอน :m26:
แต่หนูไมค์จะรอดจากเงื้อมือเฟร็ดเดอริกหรือไม่ นั้นอีกเรื่องนึงนะคะ
ฝากติดตามด้วยจ้า
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
ป.ล.ตอนหน้าอัพช้าหน่อยนะ พอดีมีสอบทุกสัปดาห์เลยง่ะ :m29:
-
:z13: แด่เฟร็ด. :z6: :z6:
-
:beat: :beat: ตบมันนน
-
หนูไมค์สู้ๆ
-
สงสารหนูไมค์ สงสารสองเมือง
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย
อิเชี่ยยเฟรดดดดด
:mew6:
-
โอ๊ยยย นางเฟร็ด -_-^^^
เอาน้องไมค์มาคืนเรยนะย่ะ เด๋วบ้านบึ้มแน่ หึหึ
สองเมือง ในที่สุดก้อมองเห็น รีบไปช่วยน้องน๊า
-
รู้สึกขยะแขยงนังเฟรดมาก
อย่ามาแตะอิหนูไมค์ของสองเมืองนะยะ :z6: :beat:
-
3p 3p 3p :haun4:
-
สองเมือง หนูไมค์ Only
อืม สงสัยนิดนึงอ่ะค่ะ
ตอนนี้อ่านแล้วไม่ค่อยอินเท่าไหร่
เพราะว่า ตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ
เค้ามีกล้องวงจรปิดอ่ะค่ะ น่าจะพอเห็นหน้าหนูไมค์บ้าง
แล้วยิ่งครอบครัวสองเมือง โรงพยาบาลน่าจะดูแลดีนะค่ะ ตามฐานะสองเมือง
ป.ล. รอตอนต่อไปค่ะ ^____________^
-
o18
-
:katai5: :katai5:
แรงจะเยอะไปไหน สามคนเอาไม่อยู่ โห
-
สองเมืองหายเป็นปกติไวๆแล้วมาช่วยหนูไมค์ของเราเร็วๆนะ
เฟ็ดเฟ่นี่แกมันน่าถีบ :3125:
-
งันนี้จะมามั๊ยน้อ? รอน้า รอความเข้มข้น
-
ห้องหน้าต่างก็ไม่มี หนูไมค์ไม่อึดอัดแย่หรอ :z10: :z10:
-
:z2: :z2: :z2:
-
ชีวิตหนูไมค์รันทดจริงๆ เจอแต่อุปสรรคตลอด เฮ้อ....
-
น่าจะขอดูกล้องวงจรปิดได้นะ ไม่ก็ลองไปถามคนเเถวข้างล่างก็ได้ สองเมืองฟื้นเเล้วรีบไปเลยนะ
เเต่พี่เฟร็ดถ้าไม่ติดเเกลักพาตัวน้องมา ก็ถือว่าดูเเลน้องดีนะ เเต่ก็ต้องดูๆกันไป :z2:
จริงๆอยากอ่าน 3P นะค่ะคุณเเต่งเเต่ดูน้องไมค์ไม่ชอบพี่เฟร็ดเเน่ๆ เพราะงั้นพี่เฟร็ดมาคู่กับเราเเทนนะค่ะ กร๊ากกก
รอตอนต่อไปนะค่ะ รู้สึกเเอบสั้น มันสนุกอ้ะ มันเลยสั้น คุณคนเเต่งสู้ๆนะค่ะ รอตอนต่อไปะ :L2: :กอด1:
-
มาม่าแล้วค่ะ
หว่าว่าหนูน้อยของเราจะรอดกลับมาหาพี่สองได้อย่างปลอดภัยนะ
สนุกมากๆค่ะ
จะรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยนะค่ะ
-
เฟร็ดเดอริกเป็นพระรองหรือเป็นตัวโกงกันแน่ค่ะเนี่ย
แอบเป็นกำลังใจให้น้องไมค์กับสองเมืองอยู่ห่างๆ
แต่สองเมืองนี่แปลกไมค์หายถึงกับคลั่งแต่ตาบอดนี่เงียบเชียว :mew2:
-
โอ๊ยยยยยยยยยยยย
สนุกอะะะะะ หนูไมค์น่าร๊ากกกกกก :impress2:
เอาใจช่วยทั้งน้องทั้งสองเมืองเลย
รอตอนต่อไปน้าาาา
-
พอเจอแล้ว ติดแจเลยใช่มั้ย ดูแลดีมากกก หึงมากกก ข้าจินตนาการไกลแล้วว
-
ใจร้ายมากเลยขังน้องไมค์ไว้อย่างนี้น่ะ เหอะ!
-
เปิดกล้องวงจรปิดก็น่าจะร้ว่าเฟร็ดพาตัวไป
-
น้องไมค์สู้ๆ :monkeysad: :m15:
-
มายัง :ling1:
-
:hao4: :hao4: :hao4:
:katai5: :katai5: :katai5:
-
รอน้าาาาาาา
-
:dont2: :sad3: หนูไมค์เป็นไงบ้างน้าา ~ เค้าคิดถึงฝุดๆ
-
รอตอนต่อไป
-
เข้ามารอด้วยคน
เรื่องแปลกดีครับ
-
มารอออออ
หนูไมค์จะเป็นไงบ้างเนี่ยย
-
มารอด้วยคนน้าาา
-
ห่างหายไปนานแสนนาน วันนี้จะมาอัพตอนที่ 11 นะคะ
ฝากติดตามน้องไมค์กับพี่สองด้วย เย้!
สอบเสร็จแล้วโล่งมาก
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
-
:mc4: :mc4: :mc4:
-
รอน้องนะคะ
หวังว่าจะเจอน้องเร็วๆ
สู้ๆค่ะ
:mew1:
-
:katai4: :o11: :pig4:
-
Chapter 11
“เฮีย...ผมไปตรวจกล้องในโรงพยาบาลหมดแล้วนะ ข้อมูลของวันที่ไอ้ไมค์หายตัวไปถูกลบหมดเลยทุกตัว”
สามภพวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีที่มีพี่ชายคนรองพักรักษาตัวอยู่ สองเมืองพึ่งฟื้นตัวจากฤทธิ์ยาสลบเมื่อไม่นานมานี้เอง พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ยังคงโวยวายอยู่เหมือนเดิม จะไม่ให้เดือดเนื้อร้อนใจได้อย่างไร หนูไมค์หายไปทั้งคน เค้าไม่ยอมนั่งใจเย็นแน่ๆ สองเมืองพยายามที่จะลุกออกไปตามหาเจ้าตัวเปี๊ยกนั้นซะเอง แต่ร่างกายเค้าตอนนี้ไปไม่ไหวจริงๆ ได้แต่สั่งให้ทุกคนออกไปตามหาหนูไมค์ สามภพรับหน้าที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณโรงพยาบาล ส่วนหนึ่งสยามกับคุณท่านปิ่นฤดีก็ไปแจ้งความคนหายและนำทีมตำรวจออกค้นหา ทุกคนในบ้านก็นั่งใจเย็นไม่ได้เหมือนกัน หนูไมค์ถือว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวหงส์วิไลเลิศสกุลไปแล้ว ยังไงก็ต้องตามหาให้เจอ
“มึงว่าไงนะ!”
“ก็ผมกับเพื่อนเฮียไปตรวจดูกล้องทุกตัวภายในโรงพยาบาลแล้ว ข้อมูลกล้องในวันที่ไอ้ไมค์หายตัวไปมันหายไปหมดเลย เหมือนมีคนสั่งให้ลบอย่างไรอย่างนั้นแหละ” สามภพบอกผู้เป็นพี่
“ใช่...กูยืนยันเลยว่าข้อมูลกล้องในวันนั้นหายไป พวกกูตรวจอย่างละเอียดแล้ว” มิน เพื่อนรักของสองเมืองกำชับอีกเสียง
“กูว่าคนที่ลักพาตัวไมค์ไปต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลแน่ๆ” ฮ่องเต้ เพื่อนรักอีกคนบอก
“ตอนพยายามเค้นถามพวกยามกับพวกพนักงานที่ดูแลห้องวงจรปิดแล้วนะ ไม่รู้เรื่องสักคนเลยว่ะ....”
“เดี๋ยวพวกกูสามคนจะลงไปตรวจแถวๆบริเวณโรงพยาบาลดูอีกครั้ง มึงก็พักผ่อนอยู่นี่แหละไอ้สอง” ฮ่องเต้บอกด้วยความเป็นห่วง พึ่งผ่าตัดมาใหม่ๆถ้าออกไปเจอลมเจอแดดข้างนอกตอนนี้ก็คงทำให้อาการทรุดลงอีกแน่ๆ
“ไม่ กูจะไปตามหาไอ้ไมค์เอง พวกมึงแม่งไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!” สองเมืองกำมือแน่นด้วยความโกรธ
“อย่าพึ่งไปตอนนี้เลยลูก พักผ่อนก่อนเถอะนะ...ถือว่าแม่ขอ” คุณหญิงหยกมณีปรี้เข้ามาห้ามปรามลูกชายคนรองที่กำลังจะปลดสายน้ำเกลือออก
“แม่จะให้สองนั่งทนรออยู่แบบนี้เหรอ! ไอ้ไมค์มันหายไปทั้งคนนะ ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้!”
“แต่สองพึ่งผ่าตัดเสร็จเองนะลูก....พักผ่อนอีกหน่อยเถอะ พอหายดีแล้วค่อยช่วยกันตามหาหนูไมค์อีกแรง นะลูก...”
“ใช่เฮีย พักอีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวผมกับพวกพี่มินพี่ฮ่องเต้จะหาไอ้ไมค์สุดความสามารถเลย เชื่อผมเถอะ...พักก่อนเฮีย” น้องชายคนเล็กก็เข้ามาปรามอีกแรง
“เออ...ก็ได้....แม่ครับ พรุ่งนี้ผมจะออกจากโรงพยาบาล...นะครับ ให้ผมออกไปตามหาไมค์นะแม่”
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ตอนนี้สองนอนพักก่อนเถอะ”
สองเมืองล้มตัวนอนบนเตียงผู้ป่วยอย่างว่าง่าย ในใจก็ภาวนาอยู่ตลอดขอให้ไอ้เปี๊ยกนั้นไม่เป็นอะไร ความหวังที่จะตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าหนูไมค์เป็นคนแรกมันวับไปกับตา ทำไมไอ้ระยำนั้นมันต้องลักพาตัวหนูไมค์ไปด้วย มันจะพาหนูไมค์ไปขายเหมือนในหนังรึเปล่า มันจะทำอะไรไอ้เจ้าเด็กตัวเล็กนั้นรึเปล่า ยิ่งคิดยิ่งแค้น ถ้าเจอตัวการเมื่อไหร่มันไม่ได้เจอดีแน่ คิดผิดแล้วที่มาลักพาตัวดวงใจของสองเมืองไป ชาตินี้มันคงได้ลงนรกสมใจอยาก สองเมืองครุ่นคิดในใจก่อนจะพยายามข่มตาหลับเพื่อรอเช้าวันใหม่ในวันพรุ่งนี้
เช้าวันต่อมาสองเมืองและสามภพกลับไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั่วบริเวณโรงพยาบาลอีกเช่นเคย แต่ข้อมูลในวันที่หนูไมค์หายไปถูกลบจริงๆตามที่สามภพบอก เรื่องนี้ทำเอาสองเมืองหงุดหงิดและหัวเสียเป็นอย่างมาก ภาคเช้าสองเมืองพยายามที่จะหาข้อมูลและสอบถามผู้คนในโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ร่างกายก็เริ่มอ่อนล้าเข้าเต็มที แต่ใจมันยังร้อนรุ่มอยากจะตามหาเจ้าเปี๊ยกนั้นให้เจอเร็วๆ
“ไปนั่งพักในร้านกาแฟตรงนู้นก่อนไหมเฮีย เนี่ยก็จะเย็นแล้ว ไปหาอะไรรองท้องก่อน” สามภพช่วยพยุงร่างสูงของสองเมืองเข้าร้านกาแฟที่อยู่ในบริเวณโรงพยาบาล
“เอามอคค่าที่นึงครับ เฮียเอาไร”
“กูเอาโกโก้เย็นแล้วกัน”
“เชิญลูกค้ารอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวบอก ระหว่างที่รอสองเมืองก็กวาดสายตาไปทั่วภายในร้าน ก่อนจะไปสะดุดเข้ากลับกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่มุมผนังของร้าน
“ขอดูกล้องวงจรปิดได้ไหมครับ” สองเมืองเอ่อยถามพนักงานสาวที่กำลังขะมักเขม้นกับการชงโกโก้
“อ๋อ...กล้องมันเสียเมื่อคืนน่ะค่ะ” กล้องเสียเมื่อคืนงั้นหรือ? แปลกจัง....
“โห เฮีย...ผมพามานั่งพักกินของอร่อยๆ ไม่ใช่มาตามหาไอ้ไมค์นะ นั่งพักก่อนค่อยตามหาอีกที” สองเมืองส่ายหน้าไม่สนใจคำพูดของน้องชาย ก่อนจะควักไอโฟนออกมาเปิดรูปหนูไมค์ที่คุณท่านปิ่นฤดีส่งให้ ยื่นให้พนักงานสาวดู
“เคยเห็นเด็กคนนี้รึเปล่า”
“เห้ยเฮีย...คนเข้าร้านกาแฟเป็นร้อย เค้าจะไปจำได้ยังไงกัน” สามภพปรามพี่ชายจอมดื้อรั้นของตัวเอง
“เด็กคนนี้หายไปเมื่อวันก่อน เคยเห็นผ่านมาแถวนี้ไหม” สองเมืองยังไม่เลิกความพยายามที่จะถามพนักงาน
“ไม่มีรูปหน้าตรงเหรอค่ะ” รูปที่ในสมาทโฟนของสองเมืองเป็นรูปของเด็กผู้ชายผิวขาวจัดคนนึง นั่งเอียงข้างเข้าหาสองเมืองและกำลังยิ้มให้กับร่างสูงอย่างมีความสุข
“มีรูปเดียว คุณเคยเห็นรึเปล่า”
“อืม...เดี๋ยวนะคะ เหมือนจะเคยผ่านมาแถวนี้นะคะ” พนักงานสาวบอก
“เมื่อไหร่! มากับใคร?”
“เฮียใจเย็นก่อน”
“คือ..รูปนี้หน้าไม่ค่อยชัดแล้วเจ้าตัวก็กำลังยิ้มอยู่ด้วยฉันจำหน้าไม่ได้หรอกค่ะ แต่ฉันจำชุดของน้องคนนี้ได้ค่ะ”
“จริงเหรอ แล้ว....แล้ว...แล้วเด็กคนนี้มาคนเดียวรึเปล่า แล้วมีคนพาเด็กคนนี้ไปรึเปล่า” สองเมืองรัวคำถามใส่พนักงานอย่างร้อนรน
“อ๋อ เหมือนจะมีผู้ชายคนนึงพาออกไปนะคะ ตอนนั้นพอดีว่าฉันกำลังทำความสะอาดโต๊ะข้างๆน่ะค่ะ ก็เลยสังเกตเห็น ฉันไม่ได้มองหน้าน้องคนนี้ค่ะ แต่ฉันจำเสื้อตัวนี้ได้นะคะ”
“ผู้ชายคนนั้นมีลักษณะยังไงบ้างครับ” สามภพถามขึ้น
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คือ....ฉันจำไม่ได้จริงๆค่ะ” พนักงานสาวส่ายหัวปเสธ
“โธ่เว้ย!” สองเมืองสถบออกมาก่อนจะเดินตึงตังออกจากร้านไม่สนใจอย่างอื่นเลย ในหัวเค้าตอนนี้มีแต่หนูไมค์คนเดียวเท่านั้น
“เฮียยยย รอก่อน”
“มันเป็นใครกันวะ มันต้องการอะไร! ทำไมต้องลักพาตัวไอ้เปี๊ยกนั้นไปด้วย แถมแม่งยังลบข้อมูลกล้องวงจรปิดอีกต่างหาก มันเป็นใครกันแน่วะ!”
“ผมก็ไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร แต่ผมว่ามันต้องเป็นคนมีอำนาจคนนึงแหละเฮีย ไม่อย่างนั้นมันจะทำแบบนั้นได้เหรอ อีกอย่างมันต้องทำเป็นกระบวนการแน่ๆ”
“แม่งเอ้ย! ทำไมต้องมาขโมยไอ้ไมค์ไปจากกูด้วยวะ!!!”
“อาจจะเป็นแก๊งลักเด็กก็ได้นะเฮีย ช่วงนี้มีเด็กหายบ่อย....ส่วนใหญ่มันจะลักตัวเด็กแล้วให้เด็กไปนั่งขอทานไม่ก็ขายของตามสถานที่ท่องเที่ยว ผมเห็นในข่าว”
“ถ้าเป็นแก๊งลักพาตัวเด็กจริงๆ มันจะลงทุนมาลบข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลไหมไอ้บ้านี่!”
“เออจริงดิ....ถ้าอย่างนั้นมันคงต้องการตัวไอ้ไมค์จริงๆนั้นแหละ หรืออาจจะเป็นญาติมันก็ได้นะเฮีย” สามภพออกความเห็น เพราะก่อนหน้านั้นเค้าได้ฟังเรื่องราวของหนูไมค์จากคุณหญิงหยกมณีมาแล้ว หนูไมค์เป็นเด็กกำพร้า โดนอาแท้ๆของตัวเองมาปล่อยทิ้งที่ประเทศไทย เพื่อที่อาจะได้รับมรดกทั้งหมดของพ่อกับแม่หนูไมค์
“อาจจะเป็นอาของไอ้ไมค์ก็ได้นะเฮีย ที่เคยเอามันมาทิ้งอ่ะ....”
“เค้าเอามันมาทิ้งแล้วจะเอามันกลับไปทำไมล่ะ!”
“ก็แบบว่า...อาจจะสำนึกผิดขึ้นมาไงเฮีย” เอ๊ะ....อาจจะจริงแบบที่ไอ้สามภพมันว่าก็ได้
“เฮีย...ผมว่าอย่างที่สองอ่ะเป็นไปได้ เราลองไปตรวจข้อมูลคนที่ออกนอกประเทศดีไหมเฮีย พ่อเพื่อนผมเป็นหุ้นส่วนของสนามบินเชียวนะ”
“คนออกนอกเป็นประเทศเป็นล้านๆคน ไอ้ห่านี่!”
“เอ้า ก็ดูไฟท์ที่บินไปไต้หวันดิเฮีย ไอ้ไมค์มันเป็นลูกครึ่งไต้หวันนี่หว่า อามันก็ต้องเป็นคนไต้หวัน” ก็จริงของสามภพว่า เค้าจะตามหาไอ้เปี๊ยกนั้นจนต้องพลิกแผ่นดินหาก็คงต้องยอม เพื่อที่ได้เห็นหน้าหนูไมค์สักครั้ง
“ก็จริงของมึง ไม่ลองก็ไม่รู้....”
มาทำให้ชอบ มาทำให้ลงแล้วหายตัวไปแบบนี้ เค้าไม่ยอมแน่ๆ!
ถึงการตามหาตัวหนูไมค์จะเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทรยังไง สองเมืองก็จะหาให้เจอจนได้
ส่วนคนที่พรากให้เค้ากับหนูไมค์ต้องจากกัน มันไม่ตายดีแน่ๆ!!
“ทานนี่หน่อยสิ อร่อยนะ...พี่รับประกัน” เฟร็ดเดอริกเอื้อมตัวตักต้มยำกุ้งให้หนูไมค์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามบนโต๊ะอาหาร ภายในบ้านพักตากอากาศของตัวเอง
หนูไมค์จ้องอีกฝ่ายนิ่งๆก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
“ไม่ทานข้าวแล้วจะมีแรงเหรอเรา ตัวก็แค่นี้เอง หึหึ” เหอะ หนูไมค์กินไม่ลงหรอก ลักพาตัวหนูไมค์มาอย่าคิดนะว่าจะทำดีกลบเกลื่อนความผิด ยังไงหนูไมค์ก็ไม่ยอมใจอ่อนให้กับคนแบบนี้หรอกนะ
“อย่าดื้อกับพี่นะไมค์” เฟร็ดเดอริกดุเสียงเข้ม
หนูไมค์กอดอกแล้วส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง
“ก็ได้...ไม่กินก็ได้ แบบนี้จะได้ปล้ำง่ายหน่อย แรงก็ไม่มีจะขัดขืน หึหึ” ว่าไงนะ! ขู่กันแบบนี้เลยงั้นเหรอ เชอะ...หนูไมค์กินข้าวก็ได้ ไม่ใช่เพราะยอมหรอกนะ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายจะทำมิดีมิร้ายกับหนูไมค์ต่างหาก
ร่างเล็กหน้ามุ่ยก่อนจะตักข้าวเข้าปาก หนุ่มฝรั่งตาฟ้าได้แต่นั่งหัวเราะกับการกระทำของคนตรงหน้า มันช่างน่ารักอะไรแบบนี้ ตั้งแต่ที่เค้าพาหนูไมค์มาอยู่ที่นี้เจ้าตัวก็มีทีท่าขัดใจขัดอารมณ์เฟร็ดเดอริกอยู่ตลอด ตัวเค้าเองก็ทราบดีว่าทำไมหนูไมค์ถึงมีอาการดื้อรั้นกับเค้าแบบนั้น คงเป็นเพราะเฟร็ดเดอริกทำไม่ดีกับเจ้าเปี๊ยกนี่ก่อน เลยโดนเอาคืนบ้าง แต่เมื่อโดนขู่ทีไรหนูไมค์ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเสมอ เด็กคนนี้ช่างน่ารักอะไรแบบนี้นะ หึหึ เค้าคงต้องเลี้ยงให้เชื่องกว่านี้ซะก่อนถึงจะจับเข้าพิธีทำเมียอย่างเป็นทางการ เฟร็ดเดอริกได้แต่คิดแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว ต่างกับหนูไมค์ซะเหลือเกิน
เมื่อไหร่เฟร็ดเดอริกจะเผลอตัวสักที หนูไมค์ไม่มีโอกาสได้หนีเลย ตอนนี้ทุกคนก็เป็นห่วงหนูไมค์แย่แล้ว เฮ้อ.. สองเมืองก็คงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ แล้วที่เฟร็ดเดอริกขู่ว่าจะฆ่าสองเมืองนั้นจะจริงรึเปล่านะ ถ้าจะฆ่าจริงๆล่ะก็หนูไมค์ก็คงไม่ยอมเหมือนกัน จะไม่ยอมให้สองเมืองเป็นอะไรไปเด็ดขาด อีกใจนึงก็อยากหนีออกไป แล้วกลับไปหาสองเมือง แต่อีกใจก็กลัวเหลือเกิน กลัวว่าถ้าหนูไมค์หายตัวไปจริงๆ เฟร็ดเดอริกจะตามไปฆ่าสองเมือง ตอนนี้หนูไมค์สับสนมากๆ จะทำยังไงดีนะ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น...หรือว่ากำลังคิดแผนหนีพี่อยู่เหรอหืม?” ร่างสูงเอ่ยทักท้วงเมื่อเห็นสีหน้าของหนูไมค์กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
หนูไมค์ส่ายหัวเป็นพลันวัน อย่าเชียวนะ....อย่ามารู้ทันหนูไมค์นะ
“ถ้าคิดจะหนีล่ะก็นะ...หึ ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย....”
หมายความว่ายังไงกัน...
หรือว่า....
“ไอ้สองเมืองนี่คงไม่จำเป็นสำหรับไมค์แล้วใช่ไหมครับ หืม?”
หนูไมค์เริ่มน้ำตาคลอเบ้าแล้วส่ายหัวไปมาอย่างน่าสงสาร
ไม่ได้นะ....ห้ามทำอะไรสองเมืองนะ
“ไมค์อยากอยู่กับพี่เฟร็ดรึเปล่าครับ?”
หนูไมค์พยักหน้าตอบรับ ยอมแล้ว...ยอมแล้วจริงๆ หนูไมค์จะยอมอยู่กับเฟร็ดเดอริกก็ได้ แต่ว่าเฟร็ดเดอริกห้ามทำร้ายสองเมืองเด็ดขาด!
“ดีมากครับเด็กดี เลิกร้องไห้ได้แล้ว” ร่างสูงเอื้อมแขนข้ามโต๊ะเพื่อปาดน้ำตาบนแก้มขาวใส
หนูไมค์จะยอมทุกอย่างเพื่อให้สองเมืองมีความสุข สองเมืองต้องไม่เป็นอะไร....
หนูไมค์จะปกป้องสองเมืองเอง!
TBC.
:katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
-
โถ~ หนูไมค์ตัวก็แค่เท่านี้.น่าสงสารจัง. :hao5:
ต้องมาทนให้อิเฟร็ดรังแก.ย่ำยี.ยี้! คนชั้นต่ำ! :z6: :angry2: :beat:
สองเมืองหาหนูไมค์ให้เจอไวๆนะ. :mew6:
แอบขัดใจแม่สองเมืองเบาๆ. :ruready
-
นังเฟรดดด กรื้ดดด สงสารหนูไมค์
-
อ่านตอนนี้แล้ว เหมือนเฟร็ดเป็นพี่ชายแสนดุกับน้องน้อยจอมดื้อเลย เป็นพี่ชายดีกว่านะ รับรองหนูไมค์รักไม่น้อยกว่าสองเมืองแน่ๆ
-
มาต่อเเล้วรอนานม๊วกกกก มาต่ออีกนะเอาใจช่วยหนูไมค์ :katai2-1:
-
เย้!!~มาแล้วๆๆ :impress2:คิดถึงจัง
งือน้องไมค์ก่อนทำไรคิดดีๆนะเออ :mew4:
-
ไม่รู้จะช่วยหนูไมค์คิดยังไง ถึงจะมีช่วงแว๊บออกมาได้แต่จะสื่อสารกับคนที่ตัวเองไปขอความช่วยเหลือยังไง.. หรือจะขโมยโทรศัพท์มาโทรบอกก็พูดไม่ได้อีก.. ส่งข้อความเลยลูก.. ก่อไฟSOS :laugh:
-
อ่านแร้วก้อสงสารสองเมืองอยู่น๊าาาาา
อุส่าผ่าตัดจนตามองเหนแร้ว นู๋ไมค์ก้อมาโดนลักไป =_=
เอาเฟร็ดเดอริกไปเก็บค่ะ พี่แกดูเด๋วดเด๋วร้ายพิกล เฮ้ยยยยยย
-
หาเจอเร็วๆน่ะ
-
หนูไมค์น่าสงสาร :ling1:
-
ได้โปรดอย่าทิ้งคนอ่านไปนานๆ แจ้งข่าวบ้างก็ได้เนาะ
ขอให้หาน้องไมค์เจอเร็วๆ
-
หาน้องอีกคนให้เฟร็ดเถอะค่ะ สามภพก็ได้เอาไปเลอ ฉันชอบเขาคะ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นดี งื้อออออ
ก็ยังดีที่เขาดูเเลหนูไมค์นะค่ะ รอสองเมืองมารับน้องเร็วๆ ชีวิตน้องงก้ันทดซะเหลือเกิน
ดีใจที่มาต่อนค่ะ เปิดเข้ามาเจอนี้ถึงกับกรี๊ดเลยทีเดียว รอตอนต่อไปนะค่ะ สู้ๆค่ะขอยาวๆไปเลยน๊าาา
-
สงสารหนูไมค์ง่าาาา
-
นายเอกเรื่องนี้รันทดจริงจังเลยล่ะค่ะลูกขาาาา :m15:
-
ไมค์อย่าไปเชื่อ ถึงไมค์หนีออกมาได้เฟรดก็ทำอะไรสองเมืองไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นรีบหนีออกมาเลย
รออ่านต่อจ้า
-
หลอกเด็กอ่ะ
-
โอย
จะไปช่วยกันได้ยังไงเนี่ยะ :hao4:
-
สงสารหนูไมค์อ่ะ ทำไมต้องกักขังกันแบบนี้
แล้วจะตามหากันเจอได้ไง ปวดหัวแปปค่ะ
-
ถ้าเกิดอิเฟร็ดเกิดข่มขืนน้องไมค์
ฉันจะแช่งให้มันมีปั๋ว :m16:
-
เจอกันซักทีข่าาาา :ling1:
-
สงสารหนูไมค์มากเลยค่ะ
ให้อยู่รอดปลอดภัย จนกว่าสองเมืองจะมารับนะ T^T
-
ถ้าเกิดอิเฟร็ดเกิดข่มขืนน้องไมค์
ฉันจะแช่งให้มันมีปั๋ว :m16:
5555555555555555
คนเดียวไม่พอต้องจัด 3p เลย
-
น่าสงสารจิงๆ
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
-
นี่อยากทะลุเข้าไปกระทืบเฟร็ด บอกเลย ถ้าข่มขืนไมค์นะ จะสาปแช่ง ให้มีสามีเป็นสิบคน เอ็นดูเหมือนน้องเถอะตาเฟร็ด อย่ามโน ขอร้อง
-
:hao5: :hao5: :hao5:
-
Chapter 12
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์เต็มที่หนูไมค์ใช้ชีวิตอยู่กับเฟร็ดเดอริก จะบอกว่าหนูไมค์สบายกว่าตอนอยู่กับสองเมืองเยอะเลย ไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาก็มีแม่บ้านมาปลุกลงไปทานข้าวเช้า ที่นี้แต่อาหารอร่อยๆทั้งนั้น กุ้งก็ตัวโต๊โต ปูก็หว๊านหวาน อร่อยมากๆเลย ถึงจะอยู่สุขสบายแค่ไหนแต่หนูไมค์ก็ไม่เคยสบายใจได้สักที ในใจก็มีแต่เรื่องสองเมืองอยู่ตลอดเวลา ป่านนี้สองเมืองจะทำอะไรอยู่นะ การผ่าตัดจะราบรื่นดีรึเปล่า จะกลับมามองเห็นได้รึยังนะ ผ่านมาจวนสัปดาห์จะลืมหนูไมค์ไปรึยัง เฮ้อ...ยิ่งคิดยิ่งคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว
“ไมค์ครับช่วยหยิบแมคบุ๊คบนโต๊ะให้พี่หน่อย”
หนูไมค์ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาส่วนตาจดจ่ออยู่กับการ์ตูนในทีวีจอยักษ์ใหญ่ ในหัวก็ยังคิดแต่เรื่องสองเมืองอยู่
“ไมค์ พี่เฟร็ดบอกว่าหยิบแมคบุ๊คให้ครับ พี่จะทำงาน” ร่างสูงใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวใสของคนตัวเล็ก จนอีกคนสะดุ้งออกจากพะวังความคิด
เจ้าตัวเปี๊ยกพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินไปหยิบแมคบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้ร่างสูง เฟร็ดเดอริกยิ้มรับก่อนจะเปิดแมคบุ๊คเช็คข่าวเช็คอีเมลตามประสาคนวัยทำงาน หนุ่มตาฟ้าเลื่อนสายตาดูข่าวในจอสี่เหลี่ยมก่อนจะไปสะดุดกับแปะประกาศที่อยู่หน้าเว็ปไซต์ตอนนี้
‘ประกาศตามหาเด็กหนุ่มในรูป ชื่อไมค์ โจว อายุ 18 ปี
สูงประมาณ 165 เซนติเมตร ตัวผอม ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลอ่อน
ผู้ใดพบเห็นให้ติดต่อที่เบอร์ XXX-XXX-XXX
รางวัลตอบแทน 1,000,000 บาท’
หึ...
ออกตามหาซะให้ควักเลยหรือเนี่ย สองเมืองนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ รางวัลสำหรับคนที่พบเห็นก็ไม่ใช่น้อยๆซะด้วยสิ ขืนพาหนูไมค์ออกไปเที่ยวข้างนอกก็มีหวังถูกนำตัวส่งกลับไปให้สองเมืองแน่นอน ไม่มีทางซะหรอก หนูไมค์ต้องอยู่กับเฟร็ดเดอริก ไม่ว่าจะยังไงก็ช่าง เค้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้าเปี๊ยกนี่อยู่กับเค้าตลอดไปให้ได้ เค้าต้องทำอะไรสักอย่างกับหนูไมค์แล้วสิ
“อืม....ไมค์ครับ พี่ว่าเราไปตัดผมออกอีกหน่อยไหม ตอนนี้มันเริ่มยาวแล้ว เหมือนเด็กผู้หญิงเลย” เฟร็ดเดอริกออกอุบายล่อลวงเด็กน้อย
หนูไมค์ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะจับผมตัวเองดู ก็จริงอย่างที่เฟร็ดเดอริกบอก ตอนนี้ผมหนูไมค์เริ่มยาวประบ่าแล้วสิ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้คงเหมือนผู้หญิงไปเลยล่ะมั้ง เจ้าตัวเล็กพยักหน้าตอบรับอีกคน
“โอเค งั้นพี่จะจ้างช่างตัดผมมาตัดที่บ้านดีไหม”
ทำไมไม่ไปตัดที่ร้านล่ะ....จ้างมาตัดที่บ้านจะดีเหรอ ถ้าจ้างมาตัดที่บ้านก็แพงกว่าน่ะสิ ไม่เอาหรอกเปลืองตังค์แย่ หนูไมค์ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“งั้นพี่จะพาออกไปตัดผมแล้วกัน”
ว่าแล้วเฟร็ดเดอริกก็ขับรถพาหนูไมค์ออกไปข้างนอกเพื่อตัดผม หนูไมค์แอบแสยะยิ้มในใจแล้วสิ ตอนนี้แหละอาจจะเป็นโอกาสอันดีงามที่จะหลบหนีเฟร็ดเดอริก จะหนียังไงดีหนอ ต้องวางแผนดีๆซะแล้ว เจ้าตัวเล็กหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคมของอีกฝ่ายจับตามองอยู่ตลอดเวลา หึหึ ทำหน้าแบบนั้นใครๆก็ดูออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สงสัยจะหาทางหนีอยู่สิท่า เด็กน้อยเอ่ยทำยังไงก็หนีไม่พ้นเงื้อมือของเฟร็ดเดอริกคนนี้ไปได้หรอก
แลมโบกินีคันหรูของหนุ่มตาฟ้าจอดเทียบหน้าร้านตัดผมสุดไฮโซย่านกลางเมือง ร่างสูงเอื้อมตัวไปหยิบหมวกและแว่นกันแดดสีดำให้หนูไมค์ที่นั่งทำหน้าเอ๋ออยู่ เจ้าตัวเล็กก็มองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องใส่หมวกกับแว่นกันแดดด้วยนะ
“แดดร้อนน่ะ ใส่ไปเถอะเดี๋ยวไม่สบายนะครับ” เฟร็ดเดอริกยิ้มอ่อนโยนเข้าสู้ หนูไมค์เองก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับหมวกกับแว่นกันแดดมาสวมให้เรียบร้อย
จากนั้นหนุ่มตาฟ้าก็กอดคอหนูไมค์เข้าร้านตัดผมไป ช่างตัดผมหนุ่มหล่อรีบออกมาต้อนรับทันทีเมื่อรู้ว่าใครมา
“อ้าวไอ้เฟร็ด พาใครมาวะ” คนที่ออกมาต้อนรับก็คือเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเฟร็ดเดอริกนั้นเอง ทั้งเป็นช่างตัดผมทั้งเป็นเจ้าของร้านสุดไฮโซแห่งนี้ ปกติแล้วเฟร็ดเดอริกและครอบครัวจะเป็นลูกค้าวีไอพีของร้านนี้เพราะเค้าเองก็เป็นหุ้นส่วนด้วยเช่นกัน
“แฟนกู” ชายหนุ่มตอบเพื่อนช่างตัดผม
ร่างเล็กทำหน้าฉงนเมื่อได้ยินคำว่าแฟน มันแปลว่าอะไรกันนะคำคำนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่เมืองไทยหนูไมค์ก็ได้ยินคำนี้บ่อยๆจากคนรอบตัว แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายมันอยู่ดีเพราะไม่เคยมีใครมานั่งอธิบายให้เค้าเข้าใจได้หรอก จะถามก็ไม่ได้ด้วยเพราะเป็นใบ้ เฮ้อ แต่ช่างมันเถอะ
“โอ้โห เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ”
“อย่าขำให้มากสัส ตอนแรกกะจะโทรเรียกมึงไปตัดผมให้ที่บ้าน พึ่งนึกได้ว่ามีธุระแถวนี้ด้วยเลยพาแฟนออกมา”
“เออๆ ไหนว่าไงจะเอาทรงเดิมรึเปล่าวะ กูว่ามึงพึ่งตัดไปไม่นานเองนะ”
“เปล่า กูไม่ได้มาตัดผม แฟนกูเค้าจะตัด” ร่างสูงยิ้มพอใจเมื่อเห็นหนูไมค์ไม่โต้ตอบกับสถานะที่เค้าตั้งขึ้นเอง เจ้าตัวเล็กเอาแต่ยืนนิ่งๆแล้วหันไปมองรอบๆร้าน
“เอาแบบไหนล่ะ” ช่างตัดผมหนุ่มถามเพื่อนคนสนิท
“แบบไหนก็ได้ที่ทำให้หน้าเปลี่ยน อ๋อ เปลี่ยนสีผมเป็นสีดำด้วยนะ กูชอบ”
“อ้าว แล้วแฟนมึงจะชอบตามมึงรึเปล่าล่ะ”
“ชอบแน่นอน ใช่ไหมครับน้องไมค์” เฟร็ดเดอริกก้มกระซิบชิดใบหูเล็กๆ หนูไมค์เองที่ไม่ได้ฟังบทสนทนาเมื่อข้างต้นก็ได้แต่พยักหน้าตามร่างสูง
“จัดไป เดี๋ยวจะแปลงโฉมให้กลายเป็นคนละคนเลย” ช่างหนุ่มว่าพลางเข้าไปจูงมือหนูไมค์ไปนั่งบนเก้าอี้หมุนหน้ากระจกบานใหญ่ทันที แล้วก็เริ่มลงมือแปลงโฉมเจ้าตัวเล็กตามคำร้องขอของเพื่อนสนิท
“เดี๋ยวพี่นั่งรอที่โซฟานะครับ” เฟร็ดเดอริกบอก เจ้าตัวเล็กก็พยักหน้ารับรู้
เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมง ในที่สุดช่างตัดผมหนุ่มก็แปลงโฉมหนูไมค์จนเสร็จสมบูรณ์ เค้าตัดผมที่ยาวระดับต้นคอของหนูไมค์ให้สั้นขึ้นอีก เปลี่ยนสีผมจากสีน้ำตาลอ่อนเป็นสีดาร์กช็อกโกแล็ต องค์ประกอบทั้งหมดทำให้หน้าหนูไมค์เปลี่ยนจากเดิมมากขึ้น จากที่เป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานเหมือนผู้หญิง ตอนนี้หนูไมค์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่แมนขึ้นแต่ก็ยังคงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอยู่เหมือนเดิม เฮ้อ นี่ช่างตัดผมพยายามทำให้ดูแมนขึ้นสุดๆแล้วนะ แต่ก็ได้แค่นี้เพราะหนูไมค์หน้าหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ภาพรวมก็ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เหมือนกัน
“เสร็จแล้วครับน้องไมค์ เป็นไงฝีมือพี่”
คนตัวเล็กหน้าเหวอเมื่อเห็นตัวเองในกระจก ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยล่ะ เอ๊ะ....แต่ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ ตอนนี้หนูไมค์รู้สึกตัวเองหล่อมากๆเลยล่ะ เดี๋ยวสิถ้าหนูไมค์เปลี่ยนไปขนาดนี้แล้วสองเมืองจะจำหนูไมค์ได้รึเปล่าเนี่ย อะไรนะนี่เค้ากำลังเพ้อเจ้ออยู่รึไง สองเมืองตาบอดนะตอนที่อยู่ด้วยกัน สองเมืองไม่เคยเห็นหน้าหนูไมค์ซะหน่อย งั้นคนในบ้านหงส์วิไลเลิศสกุลจะจำหนูไมค์ได้เหรอเนี่ย ถ้าหากวันใดวันนึงเกิดเดินสวนกันทุกคนคงจำหนูไมค์ไม่ได้แน่ๆ แสดงว่าเค้าต้องอยู่กับเฟร็ดเดอริกต่อไปเรื่อยๆแบบนี้น่ะเหรอ
อยากกลับไปหาทุกคนแล้วสิ อยากกลับไปหาสองเมืองด้วย....ถ้าหนีกลับไปเฟร็ดเดอริกจะทำร้ายสองเมืองจามที่ขู่รึเปล่านะ ใจนึงก็อยากกลับไปหาสองเมืองใจจะขาด แต่อีกใจนึงกลับกังวลว่าสองเมืองจะถูกทำร้ายเพราะตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งทำให้หนูไมค์ปวดหัวตุบๆ
หลังจากช่างตัดผมหนุ่มหล่อเพื่อนสนิทเฟร็ดเดอริกจัดการเซ็ตผมให้หล่อมากกว่าเดิม เจ้าตัวเล็กก็ลุกจากเก้าอี้หมุนแล้วหันไปมองรอบๆร้าน แต่ก็ไม่ปรากฏหนุ่มตาฟ้าร่างสูงเลย ไปไหนของเค้ากันนะ
“นั่งรอที่โซฟาก่อนนะครับน้องไมค์ เดี๋ยวไอ้เฟร็ดมันกลับมา มันบอกจะไปธุระแปบนึงน่ะ อ๋อ..ถ้ามีอะไรเรียกพี่นะครับ พี่ขอพักเหนื่อยก่อน” ช่างตัดผมหนุ่มยิ้มให้หนูไมค์ก่อนจะเดินไปหลังร้าน
เมื่อเห็นทางปลอดโปร่ง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นที่ใบหน้าจิ้มลิ้มทันที เอาล่ะนี่เป็นโอกาสที่จะหนีจากเฟร็ดเดอริก ถ้าให้หนีกลับไปหาสองเมืองก็คงไปลำบากแน่นอนเพราะหนูไมค์จำทางไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กรุงเทพฯซะด้วยสิ ต้องเดินทางด้วยการนั่งรถ แต่หนูไมค์ไม่มีเงินติดตัวเลยนะ เอาไงดีนะ... ถ้าอย่างนั้นก็หนีไปจากที่นี่ให้ได้ซะก่อนแล้วค่อยหางานทำเก็บเงินซื้อตั๋วรถกลับไปหาสองเมือง พอเจ้าตัวเล็กคิดแผนการได้เสร็จสรรพก็รีบสาวเท้าออกจากร้านตัดผมสุดไฮโซนั้นทันที
ออกมานอกร้านก็เริ่มหันซ้ายหันขวาหาช่องทางหลบหนี อะไรนะที่คนไทยชอบพูดกัน สำนวนที่ว่าขวาร้ายซ้ายดีมันใช้ได้จริงๆไหม โอเคงั้นไปทางซ้ายดีกว่าตามสำนวนภาษาไทยที่หนูไมค์ได้ยินมา ร่างเล็กรีบสาวเท้าวิ่งไปบนฟุตบาธทางด้านซ้ายของทางร้านตัดผมด้วยความเร็ว ทางด้านเฟร็ดเดอริกที่พึ่งกลับมาจากธุระด่วนพอลงจากรถก็เห็นหนูไมค์วิ่งหนีไปอีกทางซะแล้ว
“SHIT!” เฟร็ดเดอริกสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“ตามไปจับตัวมา!” ร่างสูงสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ติดตามมาด้วยเมื่อกี้ให้ตามหนูไมค์ที่วิ่งหนีอยู่ไวๆ ส่วนตัวเค้าเองก็ขับแลมโบกินีเพื่อไปดักอีกทางหนึ่ง
คนตัวเล็กวิ่งกระหืดกระหอบหนีลูกน้องร่างยักษ์ของเฟร็ดเดอริก หางตาเหลือบไปเห็นร้านอาคารหรูที่ปิดปรับปรุงอยู่ใกล้ๆ หนูไมค์จึงรีบวิ่งแทรกตัวเข้าไปในมุมตึกข้างร้านอาหารเพื่อหลบหนี แต่ประตูหลังร้านอาหารกลับถูกเปิดออกมาพอดีพร้อมกับหนุ่มร่างสูงคนนึง หนูไมค์ที่หยุดสปีดความเร็วของฝีเท้าไม่อยู่ก็ชนเข้าอย่างจังกับหนุ่มร่างสูงคนนั้น
พลั่ก!!!!!
โอ๊ย.....เจ็บจัง
ร่างเล็กล้มลงไปกองกับพื้นในทันที ส่วนหนุ่มปริศนาที่เปิดประตูหลังร้านออกมาก็เซไปชนถังขยะแถวนั้นจนล้มลงไปเช่นกัน
“เออเดี๋ยวกูจะช่วยอีกแรง...เห้ยย!! ไปนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นวะ” ชายหนุ่มปริศนาคนที่สองโผล่มาหลังจากที่พวกเค้าชนกันไม่กี่วินาที
“ก็ไอ้เด็กคนนี้มันวิ่งมาชนกู!” หนุ่มร่างสูงยันตัวขึ้นมาก่อนจะตวัดตาคมๆมองคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิม
“ใจเย็นดิวะ มาครับน้อง...เดี๋ยวพี่ช่วยนะ” ชายปริศนาคนที่สองเข้ามาพยุงหนูไมค์ขึ้นช้าๆ เจ้าตัวเล็กรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าก่อนจะทรุดตัวลงอีก ดีที่หนุ่มปริศนาคนที่สองประคองเอาไว้ทัน
“เจ็บตรงไหนครับน้อง” หนูไมค์ชี้ไปที่เท้าตัวเอง
“หึ สำออย”
“ไอ้ห่า ไปว่าน้องเค้าได้ยังไง”
คนที่หนูไมค์วิ่งชนตอนแรกคงไม่พอใจน่าดูเลย หนูไมค์จึงยกมือไหว้พร้อมกับก้มหัวให้เพื่อเป็นการขอโทษ แต่ทำไมน้ำเสียงทุ้มๆแบบนี้มันคุ้นจังนะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน คนตัวเล็กค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงที่พึ่งวิ่งชนไปเมื่อกี้ และแล้วหนูไมค์ก็พบกับ...
พี่สองเมือง!!!!!
TBC.
ขอโทษนะคะที่หายหน้าหายตาไปนาน วันนี้มาเสิร์ฟน้องไมค์แล้ว
แต่ตอนแอบสั้นไปนิดนึง ก็ขออภัยด้วยนะคะ ตอนหน้ายาวกว่านี้แน่นอนและเข้มข้นกว่านี้อีก!
เอาใจช่วยน้องไมค์กับพี่สองด้วยน้า ได้เจอกันแล้ว แต่พี่สองจะจำหนูไมค์ได้ไหมนั้นอีกเรื่อง
มาลุ้นกันนนนนนนนนน
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
เจอกันแล้ววว :man1:
-
กรี๊ดดดดด เจอกันแล้ว แต่สองเมืองคงไม่รู้ เฮ้อออออ โอกาสมาถึงมือ สองเมืองคงจะปล่อยผ่านแบบไม่สนใจป่ะ เหอๆๆๆ
หวังว่า หนูไมค์รีบทำอะไรสักอย่างกระตุ้นความทรงจำระหว่างสองคนดิ ไม่อยากให้แยกกันล่ะ
-
ปรบมือรัวๆๆๆ
-
ใช้ความรู้สึกสิ พี่สองเมืองในเมื่อไม่เคยเห็นก็น่าจะจำได้นะ
เอาใจช่วยหนูไมค์
-
อู้ยๆๆๆ.สองเมืองเอะใจหน่อยน้าา.พรหมลิขิตชัดๆ. :sad4:
-
สองเมือง พาหนูไมค์กลับไปได้สักทีนะ :ling1:
-
กรี๊ดดดดด เจอกันแร้วววว
แต่!! สองเมืองมันจะรู้ไหมเนี่ยว่าเป็นไมค์ =_=??
-
สมน้ำหน้าไอ้เฟร็ด ถึงตอนนี้สองเมืองยังจำไมค์ไม่ได้ แต่ของให้หนีพ้นไอ้เฟร็ดไปก่อนละกันเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที :z3: :z3:
-
สองเมืองนายจะจำน้องได้ไหมมมมม ลุ้นๆๆๆ :hao5: :hao5: :katai2-1:
ถ้าจำไม่ได้นี้เเย่เลย สงสารหนูไมค์ เอ้อ วอนคุณคนอ่านใส่หน้าลงไปตอนอัพด้วยได้ไหมค่ะ
ว่าอัพวันนี้ P.10 ประมาณนี้จะได้ตามไล่ตอนเก่าๆได้ง่ายขึ้นคะ รอตอนต่อไปนะค่ะ รอเลยคะ
นี้เห็นอัพเเล้วรีบพุ่งเข้ามาเลยนะค่ะ กอดๆกอดพี่เฟร็ดเบาๆไม่เศร้าค่ะ หนูไมค์ไม่รักเรารักเองงงงง
-
ถ้าจำน้องไม่ได้ เจ๊จะให้เฟร็ดตามเจอนะคะสองเมือง!!!!!
รอตอนต่อไปปปป
-
ไมค์รีบจับมือสองเมืองเร็วเข้าาาาา
บีบอยู่ทุกวันน่าจะจำได้มั่งแหละ :o10:
-
เอาอีนังเฟร็ดออกไป อ่านแล้วรำคาญ :katai1:
-
จะดีใจรึเสียใจดีเนี่ย
เจอกันทั้งทีแต่ดันจำกันไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวเฟร็ดตามมาเจอแล้วก็เอาตัวน้องไปอีก
เสียใจแปบบบบ หวังว่าคนเขียนคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม "0"
รออ่านต่อจ้า
-
บทจะเจอก้อเจอน้อ
-
เจอแล้วๆๆๆๆๆ
-
สองเมืองจำน้องไม่ได้ แงๆๆ
ทำไงดี ไมค์หนูดึงไว้เลยลูก
ไปไหนไปกันนนน
:mew6:
-
เจอกันแต่จำไม่ได้ :hao5:
-
สอบเมืองจำได้เถอะ สงสารน้องงงงงงงง
-
:katai1:
-
คิดถึงหนูไมค์ :katai5: :katai5:
-
มาต่อเร็วๆน้า คิดถึงหนูไมค์ :katai2-1:
-
รอหนูไมค์ :hao5: :hao5: :hao5:
-
แหนะกรรมติดจรวด สองเมืองขี้โกงๆๆ :katai5:
-
ถลกเสื้อ :haun4:
-
สามภพเด็กขี้อิจฉาเเต่ก็เอ็นดูหนูไมค์ใช่ไหมล้ะ ก็หนูไมค์น่ารักและก็เก่ง ส่วนเพื่อนของสองภพเนี่ยไม่น่าคบเลย -^- บรรทัดสุดท้ายเนี่ยยย ก็ไม่แน่สามภพ สองเมืองอาจจะไม่หลงสายตาที่อ้อนอาจจะหลงอย่างอื่นต่างหาก คึๆๆ :hao7:
-
คิดถึงหนูไมค์เว่อร์ๆๆ :sad4:
-
ไมค์กลายเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไปเเล้ว :o8: ส่วนสองเมืองก็ขี้โวยวาย ใจร้อน รอหน่อยก็ไม่ได้! :m31:
-
รู้สึกว่าสองเมืองตะคอกหนูไมค์ตลอดเวลา (คิดไปเองมั้ง) แต่สองเมืองก็มีโมเม้นท์ใจดีอยู่นะเนี่ย
-
เฟร็ดหลงเด็กเเล้วอ่ะดิ แต่เด็กดันน่ารัก :hao7:
เกิดศึกชิงนายเเล้วคราวนี้ :katai2-1:
-
ต่างคนต่างเขิน สองเมืองก็แอบน่ารักนะเนี่ย ส่วนหนูไมค์น่ารักอยู่เเล้ว คิๆ
-
อยากให้สองเมืองหายเเล้วดูเเลหนูไมค์ แต่หนูไมค์จะเห็นแก่ตัวก็ไม่แปลกนะก็คนมันเคยๆดูแลกัน
-
กรี๊ดดดด~~ ชอบผู้ชายเเบบเฟร็ดอ่ะ เลวๆดิ ไปพาตัวหนูไมค์เลย ยินดีมากกก 555555 :laugh: :laugh:
-
เฟร็ดเตรียมแผนมาซะดิบดี ไหงหนูไมค์ไปง่ายจังลูก o22
-
แค่หนูไมค์หายสองเมืองก็โมโหละ แต่สามภพดันหลุดปากไปแบบนั้นสองเมืองคลั่งเลย :katai1:
-
สองเมืองมาตามหาหนูไมค์ให้เจอเร็วๆๆ ตอนนี้เฟร็ดกดข่มห่มเหงใช้หนูไมค์อย่างกับทาสข้าวปลาอาหารไม่เคยให้กิน (หรอ?)
-
อร๊ายยยยย ฉากเด้ดมาแระ อุกรี๊ดดด ว่าแต่....... สองเมืองจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเป็นหนูไมค์ ยิ่งหง่ะ- เอ้ย กะเล่ออยู่ด้วย - -
-
แฮ่ หนูไมค์ตัดผมเเล้วหล่อขึ้น ถ้าสองเมืองจำไม่ได้ไม่เท่าไหร่ แต่อีกสองคนนั้นล่ะ!
-
รอคนเขียนมาอัพนะจ้ะ จงมาๆๆ จิ้มๆๆ :z13:
-
น้องน่ารักอ่ะ ชอบจังเลย :hao7:
ติดตามจร้า :katai2-1:
-
ตัดฉับ ค้างเติ่งงงง
-
รอคุณคนเเต่งนะค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
-
งื้อออออออออออ ลุ้นง่ะ อย่าปล่อยให้ค้างนานจิเตงงงงงงงงง :hao7: :hao7:
-
Chapter 13
สองเมืองอยู่ตรงหน้าหนูไมค์แล้ว คิดถึงจังเลย คิดถึงแทบแย่ ถึงแม้ตอนนี้ข้อเท้าหมูไมค์จะแพลงและเจ็บปวดแค่ไหนแต่คนตัวเล็กก็ฝืนความเจ็บปวดเดินกะเผลกๆเข้าไปหาคนร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ฝ่ายสองเมืองเองก็มองอีกคนงงๆ เด็กคนนี้เป็นใครทำไมทำท่าทางเหมือนจะรู้จักเค้าแบบนั้น ดวงตาคู่โตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาใสๆ
พี่สองเมืองของหนูไมค์ ในที่สุดหนูไมค์ก็เจอพี่จนได้
ตอนนี้พี่มองเห็นหนูไมค์แล้วใช่ไหม...หนูไมค์ดีใจที่สุดเลย
พี่สองเมืองรู้ไหมหนูไมค์คิดถึงพี่สองเมืองจะแย่อยู่แล้ว....
พี่สองเมืองจะจำหนูไมค์ได้รึเปล่านะ ขอให้จำหนูไมค์ได้เถอะนะ...ขอร้องล่ะ
เด็กคนนี้คลี่ยิ้มให้สองเมืองอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือเล็กๆเข้ามาจับมือร่างสูงเอาไว้ ความรู้สึกอุ่นวาบและคุ้นเคยแล่นคนตัวเล็กสู่ร่างสูง ทำไมกันทำไมสองเมืองถึงรู้สึกว่าเคยสัมผัสมือเล็กๆนี่มาก่อนหน้านี้แล้วนะ หรือว่าจะเป็นหนูไมค์ที่หายตัวไปกันแน่นะ แต่เด็กคนนี้ไม่เห็นคล้ายหนูไมค์ในรูปที่เค้ามีอยู่เลยสักนิด ถึงตัวจะเล็กกระจิ๊ดเท่ากันก็เถอะ หรือไม่เด็กคนนี้อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพก็ได้ เพราะสองเมืองประกาศตามหาตัวหนูไมค์ผ่านโซเชี่ยลและเงินรางวัลอีกหลายบาท เด็กคนนี้อาจจะปลอมตัวเป็นหนูไมค์ของเค้าเพื่อหลอกล่อเอาเงินก็ได้นี่น่า ไม่เอาหรอกอย่ามาส่งสายตาออดอ้อนแบบนั้น สองเมืองไม่ใจอ่อนและเชื่อคนง่ายหรอกนะ ร่างสูงสะบัดมือเล็กออกจากการเกาะกุมทันที จนร่างเล็กเซไปข้างหลัง ดีที่เพื่อนของสองเมืองเข้าไปรับไว้ทัน
“เห้ยไอ้สอง รุนแรงไปไหมวะน้องเค้าเจ็บอยู่นะเว้ย”
“หึ สำออยชะมัด”
“เห้ย!!! คุณหนูอยู่ตรงนั้น!!!” เสียงลูกน้องของเฟร็ดเดอริกดังขึ้นจากด้านหน้าร้าน ก่อนจะวิ่งแทรกตัวเข้ามาในซอกตึกที่หนูไมค์เข้ามาซ่อนตัว
เจ้าตัวเล็กรีบกุลีกุจอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนสองเมือง แต่ก็ไม่ทันการณ์ซะแล้ว ตอนนี้ลูกของเฟร็ดเดอริกโอบล้อมไว้ทั้งสองด้านเพื่อป้องกันไม่ให้หนูไมค์หนี ร่างบางหันไปขอความช่วยเหลือจะสองเมือง แต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองนิ่งๆ พอหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของสองเมือง เค้าก็ทำหน้ากระอั่กกระอ่วนไม่อยากจะยุ่งเท่าไหร่ จะทำยังไงดี หนูไมค์จะหนีเฟร็ดเดอริกยังไงดี อุตส่าห์วิ่งหนีแล้วมาเจอสองเมืองแล้วแท้ๆแต่เจ้าตัวก็กลับจำหนูไมค์ไม่ได้ แล้วถ้าสองเมืองพาสามภพกับพี่หนึ่งสยามมาด้วยคงจำหนูไมค์ได้แน่นอนเลย
“คุณหนูครับ กลับไปเถอะครับเดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่นะครับ” บอดี้การ์ดเฟร็ดคนนึงพูดขึ้น
หนูไมค์ส่ายหัวแรงๆเพื่อปฏิเสธ ก่อนจะเดินกะเผลกๆถอยหลังไปกอดแขนสองเมืองไว้แน่น สองเมืองเองก็มองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ เด็กคนนี้เป็นถึงคุณหนูงั้นเหรอ มีบอดี้การ์ดมาตามตัวแบบนี้คงจะหนีออกจากบ้าน แล้วจะมากอดเค้าไว้ทำไมเนี่ย!
“ปล่อย” ร่างสูงหันไปบอกคนตัวเล็กที่ยืนกอดแขนตัวเองอยู่ เด็กคนนี้ตัวสั่นเอามากๆเหมือนจะกลัวอะไรสักอย่าง ดวงตากลมโตนั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแลดูน่าสงสาร แต่ถึงยังไงทำแบบนี้สองเมืองไม่ใจอ่อนหรอกนะ สองเมืองไม่อยากจะเข้าไปยุ่งให้วุ่นวายและมันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองซะด้วย แค่ตามหาตัวหนูไมค์ก็เป็นเรื่องหนักใจอยู่แล้ว ยังจะมาเจอสถานการณ์แบบนี้อีก
“บอกให้ปล่อยไง!” ร่างสูงตวาดลั่น แต่เด็กคนนี้ก็เอาแต่ส่ายหัวแล้วกอดแขนสองเมืองไว้แน่นกว่าเดิม ท่าทางจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆเลยสินะ
“หึหึ ได้ยินแล้วก็ปล่อยสิครับ” เสียงทุ้มของเฟร็ดเดอริกดังขึ้นจากด้านหลังของสองเมืองและหนูไมค์
มาแค่เสียงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร...หึ สำหรับสองเมืองแล้วนี่มันเสียงปีศาจที่ทำให้เค้าตกนรกทั้งเป็น ทำไมเค้าจะจำไม่ได้
ร่างสูงของสองเมืองหันไปเผชิญหน้ากับเฟร็ดเดอริกที่กำลังยิ้มเยาะด้วยความสะใจอยู่ พอหนูไมค์เห็นว่าเป็นใครเดินมาก็รีบเข้าไปหลบหลังสองเมืองทันที หึ อย่าคิดนะว่าเค้าจะมองไม่เห็นถึงตัวจะเล็กมองและมีร่างสูงของสองเมืองเป็นกำบังก็เถอะ และก็กล้ามากนะที่จะวิ่งหนีเค้างั้นเหรอเด็กน้อย ไม่รู้อำนาจด้านมืดของเฟร็ดเดอริกคนนี้ซะแล้ว หนุ่มผมบลอนด์ทองหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องตัวเอง ทันใดปืนห้ากระบอกก็จ่อไปที่หัวของสองเมืองทันที
กริ๊ก
กริ๊ก
กริ๊ก
“เห้ยๆ ไอ้เฟร็ดใจเย็นๆดิวะ แค่นี้ใช้ปืนขู่เลยเหรอ” เพื่อนของสองเมืองที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมา
“หุบปากซะไอ้เอก” เฟร็ดเดอริกตวัดดวงตาคมไปมองเพื่อนของสองเมืองทันที เพื่อนของสองเมืองคนนี้ชื่อเอก และเฟร็ดเดอริกก็รู้จักเป็นอย่างดีเพราะเคยเป็นเพื่อนกันสมัยไฮสคูล
“มึงต้องการอะไรจากกูอีก” สองเมืองเอ่ยขึ้นมาเนิบๆโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ถึงแม่จะมีปืนห้าหกกระบอกจ่อยิงมาที่เค้าก็เถอะ ถ้ามันกล้ายิงก็ยิงไปสิ หึ ไอ้สัตว์นรกแบบเฟร็ดเดอริกก็เป็นพวกหมาหมู่แบบนี้แหละ
“ต้องการเด็กคนนั้น คนที่หลบอยู่หลังมึง”
“หึ แค่เด็กกระเปี๊ยกนี่ต้องลงทุนทำแบบนี้เลยเหรอวะ น่าสมเพช” สองเมืองดึงแขนของคนตัวเล็กที่หลบอยู่ด้านหลังเค้าออกมา ก่อนจะผลักคนตัวเล็กส่งคืนเฟร็ดเดอริก หนุ่มผมบลอนด์รีบเข้าไปกระชากตัวหนูไมค์เข้ามากอดไว้แนบอกก่อนจะมองสองเมืองเขม็ง
“คิดว่ากูอยากได้นักรึไง”
“หึ คนนี้แฟนกู และกูก็ไม่ยอมให้มึงมาแย่งของของกูไปอีก!!” เฟร็ดเดอริกประกาศิต
“กูไม่เคยแย่งของของมึง มึงก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นมาหากูเอง”
“กูจะยอมสงบสงครามกับมึง” เฟร็ดเดอริกพูด สองเมืองนึกฉงนในใจ เป็นไปได้ยังไงคนอย่างเฟร็ดเดอริกนี่นะจะยอมสงบสงครามกับเค้า สมองกลับรึไง? คนอย่างมันจะยอมเป็นด้วยเหรอ
“มึงพูดว่าไงนะ มึงล้อเล่นกับกูรึเปล่า หึหึ” สองเมืองถามเพื่อแน่ใจ
“เออ กูยอม...กูขอสงบสงครามกับมึงแค่นี้ และเด็กคนนี้มึงห้ามยุ่งกับเค้าอีก!” สงสัยไอ้หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งคนนี้จะหลงรักเด็กตัวกระเปี๊ยกนี่เข้าเต็มเปาแล้วล่ะ ถึงกับยอมเป็นคนบอกว่าจะสงบสงครามกันเลยหรือเนี่ย
“กูไม่แย่งมึงหรอกสัส กูมีคนที่กูรักอยู่แล้ว และกูก็กำลังจะแต่งงานกับเค้าแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องไปขอเศษเหลือๆจากใคร”
คำว่าเศษเหลือๆสองเมืองจงใจพูดใส่เด็กคนนั้นไปเต็มๆ ที่วิ่งหนีก็เพราะหนีไอ้เฟร็ดเดอริกมาหาสองเมืองแบบนี้ สงสัยคงจะมีแผนให้พวกเค้าฟาดฟันกันเองรึเปล่า เหมือนกับพวกผู้เหญิงที่ผ่านมา รู้ทั้งรู้ว่าเฟร็ดเดอริกกับสองเมืองไม่ถูกกันแต่ก็ยังทำแบบนี้อีก สงสัยจะอยากให้ตัวถูกแย่งล่ะสิถึงจะได้ดูมีค่ามีราคาขึ้นมา หึ
“ได้ยินรึเปล่า” เฟร็ดเดอริกก้มกระซิบชิดหูหนูไมค์อย่างแผ่วเบาเหมือนกับเยาะเย้ย
‘กูมีคนที่กูรักอยู่แล้ว...และกูก็กำลังจะแต่งงานกับเค้าแล้วด้วย’
‘กูมีคนที่กูรักอยู่แล้ว...และกูก็กำลังจะแต่งงานกับเค้าแล้วด้วย’
‘กูมีคนที่กูรักอยู่แล้ว...และกูก็กำลังจะแต่งงานกับเค้าแล้วด้วย’
ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวหนูไมค์ เมื่อกี้ที่สองเมืองพูดเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ ที่บอกจะแต่งงานแล้ว แล้วหนูไมค์ล่ะ... หนูไมค์รักพี่สองเมืองมากๆเลยนะอยากจะกลับไปอยู่ด้วยจะแย่ แต่พี่สองเมืองกำลังจะแต่งงานกับคนรักงั้นเหรอ งั้นแสดงว่าคงลืมหนูไมค์ไปแล้วแน่ๆเลย หนูไมค์จะทำยังไงดี เจ็บหัวใจเหลือเกิน น้ำตาใสๆไหลรินอาบแก้มขาว ร่างกายตอนนี้มันหนักอึ้งไปหมด หัวใจมันเจ็บช้ำจนไม่มีเรี่ยวแรงอีกแล้ว ตัวหนูไมค์เอนซบอกแกร่งของเฟร็ดเดอริกก่อนจะสลบไป
“หะ..เห้ย! ไอ้เฟร็ดเอ่อ...แฟนมึง.....” เอกพูดขึ้นก่อนจะชี้ไปที่หนูไมค์ที่สลบคาอกเฟร็ดเดอริก
หนุ่มตาฟ้าพยักหน้าไปทางลูกน้องให้เก็บปืนก่อนจะช้อนตัวหนูไมค์ขึ้นมาอุ้มแล้วเดินกลับไปยังที่จอดรถ สองเมืองกับเอกได้แต่มองตามหลังอย่างไม่เข้าใจ บทจะง่ายก็ง่ายแบบนี้เลยรึไง ยอมสงบศึกกับเค้าเพราะเด็กคนนี้เลยเหรอ แต่ก็เอาเถอะสองเมืองก็ไม่ได้อยากมีเรื่องกับไอ้คู่อริคนนี้ไปจนแก่เฒ่าหรอก จบแล้วก็ดีไป ตอนนี้จะได้ตามหาตัวหนูไมค์ได้สะดวกขึ้นหน่อย คงไม่มีคนมาคอยขัดขวาง
“ว่าแต่ที่มึงบอกจะแต่งานนี่...”
“มึงเชื่ออย่างนั้นเหรอวะไอ้เอก กูก็พูดไปให้แม่งสบายใจแค่นั้นแหละ อุตส่าห์เป็นคนยอมสงบสงครามกับกู มึงก็รู้ว่าไอ้เฟร็ดมันยอมคนเป็นที่ไหน”
“แต่กูคุ้นๆหน้าเด็กคนนั้นนะเว้ย...เหมือนกับ....” เอกนึกไปถึงรูปที่สองเมืองส่งให้ดู เด็กคนนั้นที่เป็นแฟนของเฟร็ดเดอริกมันหน้าคล้ายหนูไมค์เลยแหะ ถ้าสมมติลองตัดผมให้สั้นขึ้น ย้อมผมสีดำ...อืมม เค้ากำลังจินตนาการ จับผมซอยสั้นสีดำมาใส่หน้าหนูไมค์ดูสิ...และผลลัพธ์
“เหี้ยยย เอ้ย เห้ยยยย!!!! นั้นมันหนูไมค์นี่หว่า อ้าว...ไอ้สองเมืองไปไหนแล้ววะ”
ก่อนที่เอกจะจินตนาการจนสำเร็จนั้น ร่างสูงของสองเมืองก็เดินขึ้นรถคันหรูแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วซะแล้ว ไม่ทันจะได้บอกเลยจริงๆ แต่ไม่เป็นไรค่อยโทรบอกก็ได้นี่หว่า เอ...นี่มันเรื่องสำคัญนะต้องรีบโทรบอกสิวะ! เอกขยี้หัวตัวเองก่อนจะหยิบสมาทโฟนขึ้นมากดเบอร์ของสองเมือง และเค้าก็พบว่า
“ไอ้เหี้ยยยยยย!!! ปิดเครื่องทำไมวะ สัสสสสสสสสสสส นี่กูไม่มีเบอร์คนที่บ้านมันด้วยสิ โธ่เว้ย!”
ทางด้านเฟร็ดเดอริกพอถึงบ้านพักตากอากาศริมทะเลก็จัดแจงพาหนูไมค์ขึ้นไปนอนบนห้องและโทรบอกเพื่อนที่เป็นหมอมาดูอากาศของหนูไมค์ทันที
“ไอ้หมอบี รีบๆตรวจแฟนกูดิวะ ชักช้าอยู่ได้” เฟร็ดเดอริกโอดครวญเมื่อหมอหนุ่มเพื่อนซี้ดูไม่เร่งรีบเอาซะเลย
“ไอ้เหี้ยเฟร็ด ทำไมมึงไม่จ้างหมอคนอื่นมาวะ กูเป็นหมอศัลยกรรมนะเว้ย กูไม่ได้ชำนาญด้านนี้ช่วยเข้าใจกูหน่อยดิสัส เงียบๆไปเลยมึง”
“ก็หมอเหมือนกันนี่ เร็วๆรีบตรวจสิวะไอ้นี่”
“เออสัส ออกไปรอข้างนอกก่อน” หมอบีสั่งเฟร็ดเดอริก แต่เจ้าตัวกลับยืนกอดอกมองดูหนูไมค์อยู่ไม่ห่าง
“ไอ้เหี้ยเฟร็ด ออกไปก่อน กูจะตรวจ!” ร่างสูงหน้างอใส่เพื่อนหมอก่อนจะยอมเดินออกไปรอข้างนอก
หลังจากหมอบีตรวจร่างกายและทำแผลให้หนูไมค์เสร็จ เฟร็ดเดอริกก็รีบวิ่งเข้ามาดูอาการของเจ้าตัวเล็ก ร่างสูงนั่งลงบนขอบเตียงก่อนจะเอื้อมมือลูบแก้มขาวเนียนอย่างรักใคร่ ยังคงใจหายอยู่ที่หนูไมค์วิ่งหนีเค้าไปอย่างนั้น และเค้าก็แอบหวั่นที่หนูไมค์ได้เจอกับสองเมืองแล้ว คงเป็นเป็นโชคดีของเค้าที่สองเมืองกลับจำหนูไมค์ไม่ได้ นิสัยส่วนตัวเค้าเองนั้นคือไม่เคยยอมใครง่ายๆแต่คราวนี้เฟร็ดเดอริกกลับเป็นคนขอสงบศึกกับสองเมืองเพราะหนูไมค์เลยจริงๆ เค้าไม่อยากจะเสียหนูไมค์ไป ไม่อยากเลย
“แฟนมึงเหรอวะ แม่งน่ารักสัสๆเลย หาได้ที่ไหนเนี่ย ฮ่าๆ” หมอบีแซวเพื่อนลูกครึ่งฝรั่งก่อนจะหัวเราะออกมา
หมอบีเป็นเพื่อนกับเฟร็ดเดอริกมานานเค้ารู้นิสัยของเฟร็ดเดอริกเป็นอย่างดี รูปหล่ออย่างกับเทพส่งมาเกิด บ้านก็รวยล้นฟ้า สาวๆก็มีให้เลือกเยอะแยะ มันก็ไม่เคยคบใครจริงๆจังๆสักกะที แต่พอมาเจอเด็กคนนี้เฟร็ดเดอริกแลดูเป็นห่วงเป็นใยเอามากๆ ดูท่ามันคงจะเจอคนที่มันรักจริงๆแล้วล่ะ แต่หมอบีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแฟนมันทำไมถึงข้อเท้าแพลงและมีรอยช้ำบางทีแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าไอ้เฟร็ดมันทำร้ายร่างกายก็ไม่น่าจะใช่ ถึงมันจะสายโหดแต่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงและคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ
“แฟนกูเป็นไงบ้าง”
“แค่ข้อเท้าแพลงแล้วก็มีรอยฟกช้ำบางที่ อ่อ...ที่สลบไปก็คงเพราะเหนื่อยมากมั้ง เด็กคนนี้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เลยเหนื่อยง่าย”
“อืม..มึงจัดการให้เรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วใช่ไหม”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็หายแล้ว ไม่ต้องห่วง ฝีมือหมอระดับนี้ ผ่าตัดมาเยอะ ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้หมอบี.....มึงเป็นศัลยแพทย์แล้วมึงผ่าตัดกล่องเสียงให้แฟนกูได้ไหมวะ”
“ทำไมวะ แฟนมึงเป็นอะไร?”
“เค้าพูดไม่ได้ว่ะ” หมอบีถึงกับตกใจกับคำตอบของเพื่อนซี้ มีแฟนเป็นเด็กผู้ชายน่ารักก็ตกใจแล้วแต่นี้ไอ้เฟร็ดมันเลือกที่จะรักคนเป็นใบ้เหรอวะ สงสัยจะเป็นรักแท้แบบที่เค้าว่าจริงๆ
“เป็นใบ้แล้วหูหนวกรึเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องใช้เครื่องช่วยฟังแล้วก็ค่อยๆฝึกเค้าให้ออกเสียงตาม”
“ไม่ใช่แบบนั้น...เค้าได้ยินที่กูพูด เค้าเข้าใจและรู้เรื่อง แต่เค้าแค่พูดไม่ได้....”
“อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง ส่วนตัวกูว่าน่าจะผ่าตัดได้นะ น้องอาจจะเส้นเสียงอักเสบแล้วพูดไม่ได้ก็ได้”
แบบนี้เฟร็ดเดอริกก็มีความหวังแล้วน่ะสิ ถ้าหนูไมค์พูดได้จะเป็นยังไงกันน้า คงจะเป็นเสียงเจื้อยแจ้วน่ารักน่าดูเลย
“เส้นเสียงอักเสบเหรอ”
“กูว่าส่งไปผ่าตัดที่อเมริกาดีกว่าว่ะ แพทย์ที่นู้นเค้าเก่ง ไว้เดี๋ยวกูติดต่อทางนู้นให้ ถ้าอะไรเรียบร้อยแล้วกูจะบอกมึงแล้วกัน”
“ขอบใจมากนะเว้ย”
บทสนทนาของทั้งสองกระทบเข้าสู่โสตประสาทของหนูไมค์เรียบร้อย คนตัวเล็กฟื้นตัวตั้งนานแล้วแต่ก็แอบแกล้งหลับเพราะมีเฟร็ดเดอริกอยู่ในห้อง ถ้าตื่นขึ้นมาตอนนี้ละก็คงถูกเฟร็ดเดอริกทำโทษแน่ๆที่เค้าแอบหนีไปแบบนั้น แต่เรื่องเมื่อกี้มันจริงรึเปล่านะที่บอกว่าหนูไมค์จะพูดได้เหมือนคนปกติถ้าส่งตัวไปผ่าตัดกล่องเสียงที่อเมริกา ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดี หนูไมค์อยากพูดได้เหมือนคนปกติ อยากร้องเพลงเหมือนนักร้องในทีวี และอยากบอกรักพี่สองเมืองด้วย...
ถึงแม้เค้าจะลืมหนูไมค์ไปแล้วก็เถอะ
และถึงแม้เค้าจะกำลังจะแต่งงานกับคนรัก แต่หนูไมค์ก็ยังอยากจะบอกว่ารักพี่สองเมืองอยู่ดี
รักแรกและรักสุดท้ายของหนูไมค์
‘ไมค์รักพี่สองเมืองนะครับ’
TBC.
*************************************************************************************
เอาหนูไมค์มาเสิร์ฟแล้วค่ะ หลังจากที่หลังหายกันไปนานแสนนานเหลือกัน
ความรักของสองเมืองและหนูไมค์ช่างมีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน o2 o2
เนื้อเรื่องตอนหน้า : 'สองเมือง' จะทำยังไงเมื่อรู้ความจริงว่าเด็กคนนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของเฟร็ดเดอริกคือ 'หนูไมค์'
และหนูไมค์ที่กำลังจะถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่อเมริกาจะได้พบกับสองเมืองอีกครั้งรึเปล่า
และเฟร็ดเดอริกจะยอมปล่อยตัวหนูไมค์ให้สองเมืองรึเปล่า ต้องมาติดตามตอนหน้านะจ๊ะ
:m14: :m14: :m14: :m14: :m14: :m14: :m14:
-
:mc4: ต้อนรับการกลับมาจ้า~
-
อยากตบสองเมืองตั้งแต่คราวที่แล้วละ ฮึ่มๆๆๆๆๆ
มัน่านัก ยกหนูไมค์ให้เฟรดดีไหมเนี่ย!!
ตอนหน้าคงรู้แล้วล่ะ
รอตอนต่อไปน้าาาา ดีใจที่ยังไม่ลืม
-
:hao5:
-
สองเมืองนี่หรอที่บอกว่ารัก ร่างกายนายยังซื่อสัตย์กว่าคำพูดกับความคิดของนายซะอีก :m16:
-
ง่าาาาาา สงสารหนูไมค์อะ. สองเมืองนี้โง่จริงๆๆๆๆๆๆ
-
ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ หายไปร่วมเดือนเลยนะค่ะ ฮึ่มๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
นี้เเอบร้องไห้เลยนะ สงสรหนูไมค์เบาๆ 3Pเถอะคะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน ฮื้ออออออ
รอตอนต่อไปนะค่ะ พี่สองเมืองคงเสียใใจน่าดู หนูไมค์ก็ดีนะ ยังไงก็รักสองเมืองใช่ไหม
โอ้ยยย ขอ 3P อีกรอบนะค่ะ เป็นหนึ่งกระบอกเสียง เฟร็ดก็ดีนะเเก เสียดายยยยย
-
อ้ายยยยยยยย~มาแล้วๆๆ
หนูไมค์ งือๆ :mew4:
หนูเฟร็ด :mew6:
อิสองเมืองงงงง :katai1:
-
กรี๊ดดดดด อิสองเมือง อิพระเอกโง่~~~~~~!!!!!
-
#ทีมเฟร็ด
เฟร็ดดูรักน้องมากอ่ะ
-
ไม่ยอมๆ :ling1:
เอาอีนังเฟร็ดออกป๊ายยยยยยยย :m31:
-
สงสารนายเอกเรื่องนี้จริงๆ มีผู้ชายสองคนมารักแต่ ไม่ปกติทั้งคู่ คนหนึ่งก็โคตรโง่เเละมโนเก่ง อีกคนก็ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ เห็นละเพลียแทน ถ้าตอนจบไม่ สามพี่ก็ นายเอกตาย :heaven
-
ไม่ให้อภัยค่ะจำน้องไม่ได้เนี่ย คือไปจับขนาดนั้น กับคนที่มองไม่เห็นสัมผัสน่าจะบอกหลายอย่าง
นี่เล่นจำไม่ได้ อวยเฟร็ดเต็มที่อ่ะงานนี้ :laugh:
-
รู้สึกสนุกขึ้นมาเล็กน้อยจากการที่ได้เห็นแววว่าตัวละครคงจะต้องดิ้นรนกันมากขึ้น 555 สองเมืองเตรียมใจได้เลยย่ะ แกอยากจำน้องไม่ได้เอง ส่วนเฟร็ดคงไม่ร้ายใส่ไมค์ใช่ไหม ไม่งั้นแม่โบกแน่
-
:z3: :z3::z3:
-
E สองเมือง!
-
สองเมือง แกนี่มันสูตรพระเอกหนังไทยชัดๆ :m31: :z6: :z6: :beat: :beat:
-
มาต่อเร็วๆน้าาา รออยู่ค่ะ :mew1:
-
ไปๆมาๆเริ่มสงสารเฟรด :hao5: แต่ก็นะ คนมันไม่รัก ทำดียังไงถ้าใจมันอยู่ที่คนอื่น ก็คงต้องกินแห้วไปตามระเบียบ
ถ้าถึงวันที่เฟรดรักหนูไมค์จริงๆแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน อยากให้หนูไมค์มีความสุข สักวันก็คงต้องปล่อยหนุไมค์ไป :monkeysad:
-
ได้หนูไมค์มาอยู่ในอกแล้วแท้ๆ มองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะสองเมือง
-
ความโง่ล้วนๆ คนเคยอยู่ไกล้ แต่กลับจำอะไรไม่ได้
สมควรแล้วที่เป็นแบบนี้
-
ขอใหีอิเฟร็ดมีปั๋วววว 4p ด้วยยย แถมเป็นฝ่ายรับคนเดียววว ฮึ่มมมมมม
-
ควรจะเห็นใจ รึสมน้ำหน้าสองเมืองดี
เอาเถอะ ไปทำเสียงก่อนนะ ปล่อยสองเมืองให้มันปวดหัวเล่นๆตอนรู้ความจริงไป
สองเมืองถ้ายังทำตัวแบบนี้ เดี๋ยวแม่ก็เชียร์เฟร็ดซะเลยนิ อย่างน้อยก็รักจริงละนะ
รออ่านต่อจ้า
-
เซงกะอิตาสองเมือง ไม่เอะใจเลย
แกก็พอเดาได้ว่าเฟรดเอาไมค์ไป ทำไมไม่สงสัยอะไรเลย
-
ฟ้องปรวีณาคนแต่งทำเราร้องไห้ :sad4: :sad4:
ใจร้าย ถึงกับจำน้องไม่ได้ชิชิชิชิ :seng2ped: :seng2ped:
-
Special Songkran days
ถึงแม้แสงแดดยามเช้าจะสอดส่องเข้ามาภายในห้องนอนหรูของสองเมืองแล้ว แต่อุณหภูมิภายในห้องก็ยังคงเย็นเฉียบเนื่องด้วยเครื่องปรับอากาศที่เจ้าของห้องลดอุณหภูมิลงจนเหลือ 15 องศา จะไม่ให้เปิดเย็นแบบนี้ได้ไงล่ะ เดือนนี้เดือนเมษายนอากาศร้อนตับแตกจะตายไป นอนเย็นๆในห้องแบบนี้ทั้งวันก็คงดีเหมือนกัน ไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน ร้อนแบบฉิบหายวายวอด ร่างสูงกำยำที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาบริเวณหน้าท้องของตัวเอง ขยับตัวไปไหนก็ไม่ได้ หรือว่าจะโดนผีอำแบบที่โบราณเค้าว่ากันนะ ไร้สาระน่า ผงผีอะไรกันไม่มีในโลกหรอก
จึ้กๆ จึ้กๆ
สัมผัสเหมือนนิ้วจิ้มลงมาที่แก้มของร่างสูงเบาๆ แล้วใครมันมาจิ้มแก้มเราเล่นวะเห้ย สองเมืองขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะยกมือขึ้นปัดป่ายเพราะรำคาญ ความรู้สึกอึดอัดตรงบริเวณหน้าท้องก็ยังไม่หายไป และตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดตรงอกแล้วสิ พลิกตัวไปไหนก็ไม่ได้ด้วยความรำคาญเจ้าของร่างสูงที่หลับอยู่จึงลืมตาขึ้นมาอยู่ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และแล้วเค้าก็พบว่า....
“ไมค์....กวนพี่แต่เช้าเลยนะ”
จากที่รำคาญก็กลับกลายเป็นเอ็นดูซะนี่ สองเมืองยกมือดึงแก้มคนรักเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ตอนนี้คนตัวเล็กได้ทำการก่อกวนการนอนของเค้าด้วยการนั่งทับหน้าท้องแล้วเอาคางแหลมๆวางบนอกของสองเมือง มิหน่าล่ะทำไมถึงรู้สึกอึดอัด เพราะเจ้าเด็กคนนี้นี่เอง แต่ก็เป็นการปลุกที่น่ารักน่าหมั่นเขี้ยวมากๆเลยล่ะ
พอสังเกตดูดีๆเจ้าตัวเล็กสวมเสื้อลายดอกไม้สีเขียวสดใสอยู่ พร้อมกับกางเกงขาสั้นสีดำที่โชว์ขาขาวๆนั้นอีก ยิ่งพร้อมไปกว่านั้นหนูไมค์สะพายปืนฉีดน้ำไว้ด้านหลังด้วย ว่าแต่วันนี้คงเป็นวันสงกรานต์แล้วสินะ เจ้าเปี๊ยกนี่คงเตรียมพร้อมที่จะเล่นน้ำเต็มที่แล้วสิ เห็นตั้งหน้าตั้งตารอมาหลายวันแล้ว แต่งตัวแบบนี้แล้วน่ารักชะมัดเลย เฮ้อ ไม่อยากให้ออกไปเล่นน้ำเลยเดี๋ยวจะโดนพวกเสือพวกตะเข้งาบเอา ยิ่งหนูไมค์ใส่กางเกงขาสั้นแบบนี้ด้วย ขาขาวๆแบบนี้สองเมืองเห็นได้คนเดียวเท่านั้น
“ถ้าจะไปเล่นต้องไปเปลี่ยนกางเกงก่อน” ร่างสูงดุ
หนูไมค์ส่ายหัวดิ๊กๆเป็นคำตอบ
“ทำไมล่ะ ใส่แบบนี้พี่หวงนะ”
หนูไมค์ยิ้มบางๆแล้วก็ส่ายหัวดิ๊กๆแทนคำตอบอีกที
“ไมค์ครับ พูดได้แล้วก็พูดสิครับ ส่ายหัวอยู่แบบนี้พี่จะรู้เหรอว่าเราต้องการอะไร”
หนูไมค์ได้รับการผ่าตัดเส้นเสียงด้วยฝีมือแพทย์ที่ยอดเยี่ยมจากอเมริกาจากที่เป็นใบ้ตั้งแต่เกิดก็กลับมาพูดได้เหมือนคนปกติแล้ว แต่พอเจ้าตัวกลับมาพูดได้แต่ก็ไม่ค่อยพูดอยู่ดี คงจะเป็นเพราะชินกับการใช้ภาษาร่างกายมากกว่า สองเมืองและคนที่บ้านก็พยายามชวนหนูไมค์พูดบ่อยๆอยู่เหมือนกัน พอทีเผลอเจ้าตัวก็ไม่พูดขานรับ เอาแต่พยักหน้าแล้วก็ส่ายหัวแทนคำตอบ
“ไมค์จะไปเล่นน้ำกับพี่สามครับ” เจ้าตัวยิ้มแฉ่ง
“แล้วใส่กางเกงแบบนี้นี่นะ มากวนพี่แต่เช้าอีก” ร่างสูงนึกหมั่นไส้บีบจมูกเล็กๆของหนูไมค์เบาๆ
“ไมค์จะชวนพี่สองไปด้วยครับ”
“พี่แก่แล้วไม่เล่นหรอก คนเยอะด้วย ไมค์ไปกับไอ้สามเถอะ”
“ก็ได้ครับ” เจ้าเปี๊ยกยู่ปากอย่างขัดใจก่อนจะลุกจากตัวสองเมืองขึ้นไปเปิดประตูห้อง
“อะ....อ้าว...ไอ้ไมค์ กูกำลังจะเคาะเรียกพอดี ป่ะ รถพร้อมแล้ว”
หนูไมค์เปิดประตูออกไปก็พบสามภพยืนอยู่หน้าห้องแล้ว วันนี้สามภพใส่เสื้อลายดอกไม้เหมือนหนูไมค์แต่คนละสีกัน สามภพใส่สีฟ้า พอชะโงกหน้าออกไปจากห้องก็เห็นพี่หนึ่งสยามเดินมาพอดี พี่หนึ่งสยามก็ใส่เสื้อลายดอกไม้เหมือนหนูไมค์แต่เป็นสีแดงแรงฤทธิ์ วันนี้ทุกคนในบ้านดูครึกครื้นไปหมดยกเว้นหมียักษ์อย่างสองเมืองนี่สิที่เอาแต่นอนกับนอน ไม่รู้จะนอนอะไรกันนักกันหนา หนูไมค์บ่นในใจ
“อ้าวเฮีย ไม่ไปเล่นน้ำเหรอวะ” สามภพชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง
“พวกมึงไปเหอะ กูจะนอน”
“โหไรวะ เฮียหนึ่งก็ไปนะ เฮียหนึ่งขับรถให้แหน่ะ เฮียสองไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนเฮียหนึ่งล่ะถ้าไม่อยากเล่นน้ำ”
“ไม่ล่ะ กูขี้เกียจ พวกมึงไปเหอะ” สองเมืองปัดมือไล่สามภพกับหนูไมค์ก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วนอนต่อ
“ถ้าไอ้ไมค์โดนลวนลามขึ้นมาไม่ช่วยนะเว้ย” ประโยคนี้ถึงกับทำให้สองเมืองคิ้วกระตุกเลยทีเดียว แต่ความง่วงมันครอบงำสองเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เอาวะ หายง่วงแล้วค่อยขับรถตามไปทีหลัง
“ไปนะคนขี้เซา” หนูไมค์วิ่งเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะกระซิบบอกแล้วแอบหอมแก้มร่างสูงไปฟอดนึง
วันสงกรานต์วันแรกผู้คนดูคึกคักกันมาก หนึ่งสยามประจำที่คนขับเรียบร้อย สามภพกับหนูไมค์ช่วยกันยกถังน้ำขึ้นหลังรถกระบะ เติมน้ำใส่เต็มถังและอัดน้ำแข็งลงไปสองกระสอบเพื่อความเย็นซาบซ่าน หนึ่งสยามพาขับรถวนไปรับเพื่อนของสามภพอีกสามคนแล้วก็ออกเดินทางสู่ท้องถนนแห่งความรื้นเริงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ข้างทางก็เต็มไปด้วยซุ้มผู้คนที่จะสาดน้ำ พอถึงจุดสาดน้ำข้างทางหนึ่งสยามก็ชะลอรถแล้วปล่อยให้พวกหนูไมค์ สามภพและพ้องเพื่อนสาดน้ำใส่กันเต็มที่ เจ้าเปี๊ยกมีอาวุธประจำกายก็คือปืนฉีดน้ำพอถึงจุดคนเยอะหน่อยก็ฉีดใส่คนอื่นไม่ยั้งเลยทีเดียว
หนึ่งสยามพาขับรถวนรอบเมืองไปเรื่อยๆจนถึงซุ้มขนาดใหญ่ที่กินบริเวณถนน หนึ่งสยามชะลอความเร็วลงพอถึงจุดนั้นก็จำเป็นเพื่อนจอดรถเพราะซุ้มนี้คนเยอะมากและก็มีบางส่วนที่เต้นกลางถนนอีก พอรถจอดได้ไม่ถึงนาที ทั้งสาวๆหนุ่มๆทั้งหลายก็มารุมอยู่ที่รถของพวกสามภพเพื่อที่จะปะแป้งและสาดน้ำใส่ ตอนนี้แหละที่เป็นช่วงชุลมุนที่สุด บางคนกระโดดขึ้นมาบนรถเพื่อที่จะพยายามปะแป้งหนูไมค์กันเลยทีเดียว เพราะเจ้าตัวยืนอยู่ข้างในสุดมีเกราะป้องกันคือสามภพและพ้องเพื่อน บอกได้เลยว่าที่รถของสามภพโดนรุมขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะหนุ่มๆทั้งห้าคนบนรถมีแต่คนหน้าตาหล่อเหลาอย่างกับนายแบบ เอ่อ...ยกเว้นหนูไมค์ไว้คนนึงแล้วกันที่หน้าตาน่ารักกว่าใคร พอกลุ่มหนุ่มสาวพอใจกับการปะแป้งและสาดน้ำใส่รถหนุ่มหล่อแล้วก็ยอมปล่อยให้รถเคลื่อนออกไป
“เชี่ยแม่ง....แป้งเข้าตากูว่ะ” สามภพหลับตาปี๋ ก่อนจะควักน้ำล้างตาตัวเอง
“เห้ยมึง....กูว่ามันแปลกๆว่ะ” เพื่อนคนนึงพูดขึ้น
“แปลกยังไงวะ” เพื่อนคนที่สองหันไปถาม
“กูว่าคนมันน้อยลงยังไงไม่รู้ว่ะ” เพื่อนคนที่สามให้ความเห็น
“เหี้ยยยย!!! ไอ้ไมค์หาย!!!!!!!!!!” สามภพพึ่งสังเกตเหตุการณ์จึงรีบเคาะกระจกบอกพี่ชายตัวเองทันที
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!
อีกด้านหนึ่ง
ขณะที่พี่หนึ่งสยามจอดรถให้สาดน้ำนั้น หนุ่มสาวบางคนกระโดดขึ้นรถเพื่อที่จะพยายามปะแป้งหนูไมค์ แต่พอเห็นสามภพรูปร่างสูงใหญ่อย่างหมีควายกันเอาไว้จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาปะแป้งหนูไมค์ แต่เผอิญว่าหน้าตาน่ารักแบบเจ้าเปียกนี่ดันไปสะดุดตาเดือนคณะแพทย์เข้าให้น่ะสิ เจ้าตัวเลยลงทุนกระชากแล้วอุ้มหนูไมค์ลงจากรถตอนที่ช่วงชุลมุนกัน เพื่อที่จะมาปะแป้งคนตัวเล็ก อย่างเดียวล่ะมั้ง...
“ขอปะแป้งหน่อยนะครับ” หนุ่มเดือนคณะแพทย์ยิ้มหวานให้หนูไมค์ก่อนจะละเลงแป้งเบบี้มายด์ลงบนแก้มขาวนิ่ม
“อ่ะ....คะ...ครับ” หนูไมค์ตอบ พอปะแป้งสมใจอยาก เจ้าเปี๊ยกก็เตรียมจะวิ่งกลับไปที่รถแต่ก็พบกับความว่างเปล่า
“รถ....” หนูไมค์ยืนถือปืนฉีดน้ำอยู่ข้างถนนมองหารถของพี่หนึ่งสยาม แต่ก็ไม่เห็นวี่แววเลย ทำยังไงดีล่ะ....จะทำยังไงดีนะ หนูไมค์จะกลับบ้านยังไง จะกลับไปหาพี่สองเมืองยังไง ทุกคนต้องเป็นห่วงแน่เลย เจ้าตัวเล็กเริ่มใจเสีย เงินติดตัวก็ไม่มี กระเป๋าตังค์ก็ไม่ได้เอามาจากที่บ้านอีก โทรศัพท์ก็ฝากพี่หนึ่งสยามเอาไว้ พอคิดอะไรไม่ออกน้ำตาใสๆก็ไหลแอบแก้มคนตัวเล็กทันที
“อะ...เอ่อ...คือ...รถไปแล้ว คือ...เอ่อ....ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ อย่าร้องไห้สิครับ” หนุ่มหล่อเดือนคณะแพทย์เข้ามากอดปลอบอีกคน แต่ก็โดนหนูไมค์สะบัดออก เพราะเค้าคนเดียวเลยที่ทำให้หนูไมค์พลาดตกรถซะนี่
“คนบ้า! ฮือๆ ไมค์จะกลับบ้านยังไง อึก...ฮือๆ” เจ้าตัวเปี๊ยกร้องไห้ฟูมฟามใหญ่เลยทำให้ตอนนี้หนูไมค์เป็นจุดสนใจไปแล้ว
“เห้ย! ไอ้ปิงมึงไปอุ้มน้องเค้าลงมาเหรอวะ น้องๆไม่ต้องร้องนะครับ” เพื่อนของหนุ่มเดือนคณะแพทย์เดินเข้ามาปลบอีกแรง
“ก็กูอยากปะแป้งน้องเค้านี่หว่า มีองครักษ์ป้องกันขนาดนั้นเลยปะแป้งน้องเค้าไม่ได้ซะทีกูเลยอุ้มลงเลย”
“มึงจะบ้าเหรอวะ ไอ้ห่า...ดูสิ น้องเค้าตกรถเลยเห็นไหมเนี่ย เพราะความเอาแต่ใจของมึงเลยไอ้ปิง”
“อึก...ฮือๆๆ ไมค์จะกลับบ้านยังไง” คนตัวเล็กยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะครับ เล่นอะไรก็ไม่รู้เนาะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่พาน้องไปหาตำรวจนะครับ เอ่อ....น้องมีบัตรประชาชนมาด้วยไหม” เพื่อนนายปิงถาม
หนูไมค์ส่ายหัวดิ๊กๆแทนคำตอบ
“ฉิบหายแล้ว...เฮ้อ...ความผิดมึงเลยไอ้เชี่ยปิง!” ก็ไม่วายจะหันไปตะคอกใส่เพื่อนอีกรอบ หล่อซะเปล่าเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ไปอุ้มลูกเค้าลงมาจากรถได้ไง พ่อแม่เค้าเอาเรื่องขึ้นมามีซวยแน่ๆ
“ถ้างั้นน้องจำทางกลับบ้านได้ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง พี่จะรับผิดชอบเองครับ” หนุ่มเดือนคณะแพทย์ถาม
“กะ...ก็ได้ครับ” หนูไมค์ตอบ ก็ยังดีที่หนูไมค์จำทางกลับบ้านได้น่ะนะ
อีกด้าน
“มึงว่าไงนะไอ้สาม!!!!!!!!!” สองเมืองเมื่อได้ยินเข้าหนูไมค์จากปากสามภพถึงกับเลือดขึ้นเลยปรี้ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อน้องชายตัวเอง
“เห้ยเฮีย....ใจเย็นๆดิวะ” สามภพและหนึ่งสยามพยายามห้ามปรามความบ้าคลั่งของสองเมือง
“ใจเย็นก่อนไอ้สอง”
“เฮียจะให้ผมใจเย็นได้ไง!! ไมค์หายไปทั้งคนนะเว้ย!! แล้วก็เพราะมึงทำไมไม่ดูแลมันดีๆวะ กูบอกให้มึงดูแลมันไงไอ้น้องเวร”
“ก็ตรงนั้นมันชุลมุนกัน พอรู้ตัวอีกทีไอ้ไมค์ก็หายวับไปแล้ว สงสัยจะถูกอุ้มลงจากรถ” สามภพพยายามอธิบายให้พี่ชายผู้บ้าคลั่งฟัง สองเมืองปล่อยมือจากคอเสื้อของสามภพก่อนจะไปเตะเก้าอี้อย่างหัวเสีย
“แล้วเฮียกลับไปดูที่เดิมที่ไมค์มันโดนอุ้มลงจากรถรึยัง”
“กูวนรถกลับไปดูแล้วไม่เจอว่ะ พอถามคนแถวนั้นก็บอกว่าไม่เห็น”
“ผมจะไปแจ้งตำรวจและออกไปตามหามัน!”
“จะบ้าเหรอเฮียสอง จะไปแจ้งคนหายต้องรอให้ครบ 24 ชม.ก่อนดิวะ” สามภพบอก
“เพราะมึงเลยไอ้สาม มึงไม่ดูแลมันดีๆ กว่ากูจะได้ตัวไอ้ไมค์คืนมากูต้องเอาชีวิตกูเข้าแลกนะเว้ย มึงแม่งไอ้น้องเวร” เมื่อนึกถึงอดีตกว่าจะแย่งหนูไมค์มาจากไอ้เฟร็ดเดอริกได้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อและเกือบเสียชีวิตไปแล้วตั้งครั้งนึง แล้วนี่หนูไมค์ก็ต้องหายตัวไปอีกรอบ กระเป๋าตังค์ก็ไม่ได้พกไปเล่นน้ำ โทรศัพท์ก็ฝากหนึ่งสยามไว้อีก แบบนี้จะติดต่อยังไง คิดแล้วเครียดฉิบหาย
“อ้าวเฮียสอง แบบนี้ก็โทษสามคนเดียวไม่ได้นะเว้ย ต้องโทษตัวเองด้วยที่เอาแต่นอนกับนอน ถ้าเฮียสองออกไปเล่นน้ำด้วยไอ้ไมค์มันไม่หายตัวไปหรอก”
“อ้าวไอ้สัสสาม มึงพูดหมาๆแบบนี้ได้ไงวะ แล้วนี่ก็แม่งปาไปสองทุ่มแล้วไมค์จะเป็นตายร้ายดียังไงวะเนี่ย”
“เห้ยๆ เลิกกัดกันสักแปบดิพวกมึง แล้วช่วยกันคิดหาทางตามหาตัวน้องไมค์กันดีกว่า และนี่ถ้าคุณแม่กับคุณพ่อรู้เข้าจะต้องเสียใจแน่ๆที่พวกเราดูแลน้องมันไม่ดี” พูดถึงคุณหญิงหยกมณีกับคุณท่านปิ่นฤดีแล้ว ทั้งสองคนในตอนนี้ก็มีงานด่วนต้องบินไปมัลดีฟส์หลายเดือนเลยทีเดียว เลยต้องฝากพวกสามพี่น้องดูแลน้องไมค์แทน ตอนแรกคุณหญิงกะจะเอาหนูไมค์ไปอยู่นู้นด้วยแต่สองเมืองดันงอแงไม่ยอมปล่อยเจ้าตัวเล็กไป
“โถ่เว้ย!!”
“ใจเย็นก่อนไอ้สอง” หนึ่งสยามพี่ใหญ่ได้แต่ตบบ่าปลอบใจน้องชายตัวเอง ถ้าเกิดเค้ามีแฟนแล้วแฟนเค้าหายตัวไปก็คงจะกระวนกระวายเหมือนกัน แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าเค้าไม่กระวนกระวายหรอกนะ หนูไมค์กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ไปแล้ว และเป็นน้องชายคนสุดท้องของบ้าน หนึ่งสยามก็กังวลมากอยู่เหมือนกัน
“เห้ยย! ใครมาวะนั้น” สามภพชะเง้อคอมองออกไปนอกรั้วบ้านที่เปิดอยู่ ก็เห็นรถบีเอ็มคันหรูจอดอยู่ รถคนนี้ไม่ค่อยคุ้นเลยแหะ แต่คนที่เปิดประตูลงมานี่สิ หน้าคุ้นอย่างชัดเจน
“เห้ยยยยยยยยย! เฮียยยยยย ไอ้ไมค์กลับมาแล้ว ดูนู้นน” สามภพชี้ออกไปนอกประตูรั้ว สองเมืองเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปหาหนูไมค์ทันที
เมื่อเห็นว่าใครวิ่งออกมาจากบ้านหลังใหญ่ หนูไมค์ก็ยิ้มดีใจก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดคนรักอย่างโหยหา กว่านายปิงเดือนคณะแพทย์จะพาขับรถฝ่าฝูงชนมาได้ ไหนจะมารถติดอีก หิวก็หิวดีนะที่นายปิงพาแวะทานข้าวข้างทางก่อนจะพามาส่ง แต่ที่ดึกก็เพราะหนูไมค์จะหลงๆลืมๆซอยเข้าบ้านตัวเองอีก เฮ้อ นี่ก็ปาไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว ห่างกับพี่สองเมืองตั้งเกือบค่อนวัน คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว เจ้าตัวเล็กซุกหน้าลงกับแผงอกแข็งแรงก่อนจะปล่อยโฮออกมา
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ เด็กดีๆ” สองเมืองกอดคนรักแน่นจนหนูไมค์จมลงไปกับแผงอก
“ขอบคุณครับที่พาหนูไมค์มาส่งถึงบ้าน เราติดหนี้คุณจริงๆ” หนึ่งสยามหันไปยิ้มและยกมือไหว้คนขับรถมาส่งหนูไมค์ เจ้าตัวก็รับไหว้แบบหน้าตาเจื่อนๆเล็กน้อย
“เอ่อ...คือ...ผมต่างหากครับที่ต้องขอโทษพวกคุณ คือว่า...ผมเป็นคนอุ้มน้องเค้าลงจากรถเองครับ”
“มึงว่าไงนะ!!!” สองเมืองผละออกจากตัวหนูไมค์ก่อนจะปรี้เข้าไปต่อยหนุ่มเดือนคณะแพทย์อย่างจัง
“เห้ยๆๆๆๆ เฮียใจเย็นก่อน” สามภพและหนึ่งสยามก็รีบวิ่งตามไปดึงตัวสองเมืองออก
“ไอ้เหี้ยเอ้ย! ถ้าแฟนกูเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบห้ะสัส! ไอ้สามปล่อยกู กูจะอัดมันให้เละเลยเว้ย!” ตอนนี้สองเมืองคลั่งเหมือนหมาบ้าเข้าไปทุกที ฝ่ายทางด้านนายปิงก็ถูกหนึ่งสยามพยุงตัวขึ้นก่อนจะพาเดินไปส่งที่รถ
“คุณกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้”
“เฮีย! จะให้มันกลับเลยได้ไง มันต้องมาแดกตีนกูก่อน เห้ย! ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้นะไอ้หน้าอ่อน ไอ้สามปล่อยก๔สิวะ!” สองเมืองดิ้นออกจากการเกาะกุมของน้องชาย แต่สามภพก็ล็อคตัวพี่ชายไว้อย่างเหนียวแน่นเหมือนกัน
“ไม่ไหวแล้วเฮียหนึ่ง บอกเค้ารีบๆกลับไปเหอะ” สามภพบอก
“พี่สอง ไมค์ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องไปต่อยเค้าหรอกนะ พี่เค้าใจดีพาไมค์มาส่งแล้วไง” หนูไมค์เห็นท่าไม่ดีก็ไปช่วยสามภพล็อคตัวสองเมืองเอาไว้
“อ่ะนี่ค่ารักษาพยาบาลนะครับ” หนึ่งสยามยัดแบงค์พันหลายใบใส่มือนนายปิงก่อนจะปิดประตูรถให้ แหมสีหน้านายปิงจะบอกว่าไม่ต้องการค่ารักษาพยาบาลก็เถอะ หนึ่งสยามรีบบอกปัดให้นายปิงขับรถออกไปจากตรงนี้ให้เร็วสุด ไม่อย่างนั้นคงได้จ่ายค่าจัดงานศพแน่นอน
“ไอ้เวรเอ้ย!! อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ” สองเมืองคาดโทษไว้ ถ้าเจออีกเละคามือแน่ๆ
เหตุการณ์อันร้อนระอุผ่านไป หลังจากกินข้าวกล่องเซเว่นทุกคนในบ้านก็แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน ทำไมมื้อนี้ต้องกินอาหารกล่องธรรมดาๆน่ะเหรอ ก็เพราะแม่บ้าน พ่อบ้านและคนขับรถกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดน่ะสิ พวกเค้าสี่คนเลยต้องฝากท้องไว้กลับอาหารกล่องเซเว่น กินอิ่มไปหลายกล่องหนูไมค์ก็รีบอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนทันที เพราะวันนี้เล่นเอาหมดพลังงานไปเลยจริงๆ
กำลังจะผล็อยหลับไปแล้วเชียว แต่โดนหมียักษ์อย่างสองเมืองนี่แหละที่คอยก่อกวนไม่ให้นอน พออาบน้ำเสร็จสองเมืองก็เห็นคนรักนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไปแล้ว ไม่ได้ ยอมไม่ได้เด็ดขาด เมื่อเช้ามีเด็กบ้าที่ไหนก็ไม่รู้กวนเวลานอนของเค้า ตอนนี้ถึงเวลาเอาคืนบ้างแล้วล่ะ ร่างสูงหัวเราะในใจก่อนจะเข้าไปตะครุบคร่อมอยู่บนตัวหนูไมค์ที่นอนอยู่บนเตียง หลับสบายแบบนี้ต้องโดนซะหน่อย หมียักษ์ผู้กระหายโน้มตัวลงสูดกลิ่นหอมหวานจากซอกคอขาวของคนรัก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดเม้มเนื้อนิ่มบริเวณคอจนเกิดรอยแดง
หนูไมค์ก็ยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่เช่นเดิม
ไม่ได้การณ์แล้วต้องเปลี่ยนวิธีก่อกวน ว่าแล้วร่างสูงก็ถลกเสื้อนอนลายการ์ตูนของคนตัวเล็กขึ้นก่อนจะก้มลงดูดดุนยอดอกเล็กๆสีชมพูน่ารักนั้น คราวนี้แหละเรียกเสียงครางจากคนใต้ร่างได้ทันที
“อื้อ....อ๊ะ! พี่สองทำอะไรน่ะ!” คนตัวเล็กลืมตาโพลงเมื่อถูกก่อกวน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดูดดุนหน้าอกตัวเองอย่างเมามันส์ก็รีบผลักคนร่างสูงออกทันที แต่แรงเท่าลูกแมวหรือจะไปสู้กับหมียักษ์อย่างสองเมือง หึหึ แค่นี้แค่สะกิดๆเท่านั้นเอง
“ลงโทษคนที่ทำให้พี่เป็นห่วงใจแทบขาดไง หึ”
“ไม่เอา ไมค์จะนอน...ไมค์เหนื่อย ให้ไมค์นอนนะครับ”
“แต่พี่จะเอา!”
“ไหนเราตกลงกันไว้ว่าสัปดาห์ละครั้งไงครับ!” คนตัวเล็กหน้ามุ่ยก่อนจะยกมือออกแรงผลักอีกฝ่ายออกไป แต่ก็ไม่เคยจะสู้แรงหมียักษ์ตัวนี้ได้ ทุกทีเลยสินะ!!
“ก็สัปดาห์ละครั้งไงครับ ตามที่ตกลง” ร่างสูงยิ้มกวนคนรัก
“วันอาทิตย์พี่สองก็...เอ่อ....ทำไปแล้วนะ!”
“อ้าว....นั้นก็ของส่วนวันนั้นสิครับที่รัก วันนี้พี่ต้องลงโทษเราต้องไมค์ทำให้พี่เป็นห่วงเอามากๆ” แบบนี้ต้องเร่งสปีดในการเล้าโลมแล้วล่ะ เพราะหนูไมค์ไม่เคลิ้มสักทีก็ไม่ได้แอ้ม วิธีก่อกวนระดับสามร่างสูงเลื่อนมือลงลูบไล้เป้าของคนตัวเล็กผ่านกางเกงนอนขาสั้นบางๆ ตอนนี้เหยื่อกำลังจะติดกับแล้วล่ะ สีหน้าตอนนี้หนูไมค์กำลังมีอารมณ์ร่วม เซ็กซี่ชะมัดแฟนใครวะ
“อ๊ะ...อื้อ....หยุดนะ! ไม่ยุติธรรมเลยนี่ อุ๊บ!”
ไม่ทันได้พูดต่อสองเมืองก็รีบประกบปากจูบฉวยโอกาสที่เจ้าเปี๊ยกกำลังอ้าปากสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวตวัดกับลิ้นเล็กๆนั้น มือก็ต้องปรนนิบัติหนอนน้อยของเจ้าตัวไปด้วย เพื่อให้สติสตังของอีกฝ่ายหายไป และในที่สุดสองเมืองก็จะได้กินน้ำผึ้งหวานอย่างแน่นอน หึหึ
หมีชอบกินน้ำผึ้ง ยิ่งกินยิ่งติดใจ เลียตรงไหนก็อร่อยหอมหวานไปซะหมด
น้ำผึ้งตกอยู่ในมือแล้วกินยันเช้าเลยแล้วกัน พรุ่งนี้ก็ว๊างว่าง
TBC.
*************************************************************************************
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ วันนี้เอาน้องไมค์กบัพี่สองเมืองมาเสิร์ฟ เป็นตอนพิเศษย้อนหลังวันสงกรานต์
ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณที่บวกเป็ด และขอบคุณทุกคอมเม้นต์ด้วยค่ะ อ่านทุกคอมเม้นต์เลยนะ
มีอะไรตำหนิติชมได้นะคะ จะได้เอาไปปรับแก้ไข้เนาะ สำหรับตอนหน้าจะรีบมาลงให้นะคะ
รักคนอ่าน รักคนเม้นต์ จุ้บบบบบ
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
ปล. - ฉากเอ็นซีอุบอิบไว้นะคะ เจอแน่นอนค่ะในเนื้อเรื่องจริงๆ อยากให้ทุกคนอ่านตอนพี่สองเมืองเปิดซิงน้องไมค์
สำหรับตอนพิเศษวันสงกรานต์เอาไปแค่นี้ก่อน เอ็นซีในเรื่องจะจัดเต็มให้นะคะ อิอิ
-
หนูไมค์น่าร๊ากกก.. ^^ แต่ตลกปิงเดือนแพทย์จังค่ะ มีความมุ่งมั่นที่จะปะแป้งหนูไมค์มากเลยนะคะเนี่ย :laugh:
-
อร๊ายยย รอเอ็มซีภาคปกติ อิออิ เมื่อไหร่จะถึงอะ คริคริ
-
หนูไมค์น่ารักแหะ.. แต่เอาตอนพิเศษมาสปอยเนื้อเรื่องงี้ แฟนเกิว(?)เฟรดอย่างเค้าซึมไปพักใหญ่เลย
โฮฮฮฮฮฮฮ :ling1:
-
อยากให้ถึงตอนที่ได้อยู่ด้วยกันเร็วๆจัง
-
อยากให้มาต่อตอนปัจจุบันร้าวววว
can't waittttttt :ling1: :ling1: :ling1:
-
ตอนพิเศษหวานหยด :-[
ปูเสื่อรอเนื้อเรื่องปกติต่อไป
ปล. หนูไมค์น่ารักงุ้งงิ้งมากเลยลูก >///<
-
ตลกปิงอะ คือนายปิงมีความพยายามสูงมากที่จะปะแป้งน้องไมค์ แต่รู้ไหมว่ามันสูงจนน่ากลัว ถึงกับอุ้มเขาลงจากรถ โอ๊ยยยยยแก นั่นคนนะเว้ย ไม่ใช่ถังแก๊สปิกนิกที่นึกจะยกก็ยกลงง่ายๆแบบนั้น
-
อยากอ่านตอนปกติแล้วววว
ตอนนี้หนูไมค์น่ารัก ขี้กลัวเหมือนเดิมเลย
:mew3:
-
รอวันที่พวกนางจะได้สมหวังกันสักที
อุปสรรคเยอะเหลือเกิน :mew2:
อีนังสองเมืองนี่ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม
-
ฟินนนนน
รอรอรอครับบ :hao7: :hao7:
-
แหม อิตาสองเมืองงงงงงงง
อยากอ่านตอนหลักแล้วน้า
รอตอนต่อไปปปป
-
อยากอ่านตอนปกติกำลังมันเลยอ่า :ling1:
-
หนูไมค์น่ารักตลอดเบย รอตอนหลักอยู่น้าาา :mew1:
-
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้. ขอบอกว่าสนุกมาก น่ารัก. ฟินสุดๆๆ :-[
เยี่ยมๆๆ คนเขียนแต่งเก่งอ่า o13
คนเขียนมาต่อบ่อยๆนะค้า รู้สึกว่าติดงอมแงม. อยากอ่านอีกๆๆ :laugh:
-
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกก มาต่อไวๆน้ะๆๆๆๆ :katai1: :katai2-1:
-
:ling1:
-
น้องไมค์น่ารัก
-
อ่านแล้วติดงอมแงม จะเอาอีกๆๆๆ :ling1: :hao7:
เป็นกำลังใจคนเขียนนะจ้าาา :L2:
-
เค้ารอนะตัวเอง เรื่องนี้น่ารักมากมายย
-
เสียใจแทนน้องนะ โดนปฏิเสธต่อหน้าแบบนั้นอะ T T
แต่ตอนสงกรานต์นี่แบบ น่ารักอะ ชอบพี่สองงงง
-
คิดถึงโคตรๆๆๆๆ :o12:
มาต่อเร็วๆๆๆๆๆ :hao7:
-
มาต่อนะ อยากอ่านแล้ววว รอๆๆๆๆ :impress2:
-
พี่สองนั้ลร้าคคคค :mew1:
-
เข้ามารอเรื่องนี้ทุกวัน อยากอ่านต่ออ่า :hao5:
-
ขอโทษท่านผู้อ่านที่คนเขียนหายหน้าหายตาไปนานมากกกกกกกกกกกกกกก!!
คือคนเขียนช่วงนี้ไม่ว่างเลยจริงๆค่ะ พอดีติดซีรี่ส์หนักมาก ฮ่าๆ
เอาเป็นว่าตอนนี้ตอนที่ 14 กำลังจะมาในไม่ช้า คนเขียวจะรีบนำมาเสิร์ฟถึงที่เลยนะคะ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และขอโทษมากๆเลยค่ะที่หายไป เดี๋ยวจะกลับมาต่อแล้ว
ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะทุกท่าน
:m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:
-
รับทราบค่าา.. >< รอน้า~
-
รับทราบ จะรอน้าาา :mew1:
-
รับทราบจ้าาาาาา รอน้าาาา :impress2:
-
รอจ้าาา~
-
รอจ้าาาาาา~~~~~~~~~~~~
-
ค่ารออยู่น้าาาา
-
จริงรอติดตามเรื่องนี้น่ะ แต่แบบรอจนลืมไปแล้วว่าตอนแรกๆ คืออะไร
-
HAPPY BIRTHDAY .. สุขสันต์วันเกิดจ้า~ :mc2: เย้ๆ เรายังรอน้องไมค์กับพี่สองเมือง (ผู้ชายซึ๊นซึน) อยู่นะค้า ^^
-
Chapter 14
“นี่เลย เด็กในรูปนี้ใช่คนคนเดียวกันกับแฟนไอ้เฟร็ดเลย กูมั่นใจ” เอกนธีเพื่อนคนสนิทของสองเมื่อพูดอย่างมั่นใจเมื่อได้เห็นรูปหนูไมค์ในสมาทโฟนของสามภพ
“แต่...เด็กนั้นไม่เห็นจะเหมือนไอ้ไมค์เลย อาจจะคล้ายๆบ้างก็เถอะ” สองเมืองขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิท
“โอ๊ยไอ้เหี้ย กูมั่นใจมากว่าหนูไมค์อะไรของมึงนั้นน่ะ คนเดียวกับแฟนไอ้เฟร็ดเลย แค่น้องตัดผมสั้นขึ้นเปลี่ยนสีผม เอ่อ....ถึงหน้ามันจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่กูชัวร์ว่าคนเดียวกัน” เอกนธียังคงมั่นใจในคำตอบ
“พี่แน่ใจนะพี่เอก” สามภพถาม
“กูคิดว่าคนเดียวกันแน่ๆ ตอนที่เด็กนั้นวิ่งหนีพวกบอดี้การ์ดไอ้เฟร็ดมาชนกับไอ้สองอ่ะ สายตาของเด็กคนนั้นมองมึงแบบเหมือนคนที่รู้จักกัน ไม่สิ...สายตาเค้าเหมือนกับดีใจที่ได้เจอมึงเลยนะเว้ย” เอกนธีก็ยังคงยืนยันในคำตอบ ต้องใช่คนคนเดียวกันแน่ๆ เค้าจำได้แม่น
“จะว่าไปเฮียไม่รู้สึกคุ้นไอ้ไมค์เลยเหรอวะ” สามภพหันไปถามพี่ชายคนรองที่ได้แต่นั่งขมวดคิ้วเป็นปมจ้องมองรูปหนูไมค์ในสมาทโฟน
จะว่าไปแล้วตอนที่เด็กคนนั้นเข้ามากอดสองเมือง เค้าก็รู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก มือเล็กๆนั้นสัมผัสกับมือสองเมืองไม่กี่เสี้ยววินาทีก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งแปล็บเข้ามาในตัวของสองเมือง สัมผัสที่คุ้นเคยเอามากๆ ในใจก็อยากจะคิดว่าเป็นหนูไมค์อยู่หรอกเพราะรูปร่างและความสูงก็ประมาณนี้ แต่ติดที่ว่าเด็กคนนั้นหน้าตาไม่เหมือนหนูไมค์เลย เอ๊ะ...หรือว่าเค้าจะคิดไปเอง ที่เอกนธีบอกมันจะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน ถึงจะรักและอยากตามหาตัวหนูไมค์ให้เจอ แต่นี่เด็กคนนั้นมากับเฟร็ดเดอริกคู่ปรับเก่า ยิ่งทำให้สองเมืองไม่อยากเข้าไปยุ่งมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะกลัวหมอนั้นหรอกนะ
ถ้าหนูไมค์โดนเฟร็ดเดอริกจับตัวไปจริงๆสองเมืองก็คงอดไม่ได้เหมือนกัน ถึงปากจะบอกเลิกแล้วต่อกันไป แต่เมื่อมันแย่งคนรักไปก็ต้องเอาคืนให้ได้ แล้วเฟร็ดเดอริกมันจะรู้จักกับหนูไมค์ได้ยังไง แถมยังเรียกเด็กนั้นว่าเป็นแฟนของมันอีก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าเปี๊ยกนั้นก็ไม่เคยจะห่างจากตัวสองเมืองเท่าไหร่ ไอ้เฟร็ดจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอจนได้รู้จักกันถึงขั้นเป็นแฟน ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
“แต่ว่านะไอ้เฟร็ดมันบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นแฟนมัน กูรู้นิสัยมันดีถ้ามันไม่รักใครจริงมันไม่เรียกว่าแฟนง่ายๆหรอก” เอกนธีพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ เค้าจะไม่รู้จักนิสัยเฟร็ดเดอริกได้ยังไง ก็เป็นเพื่อนกันมานี่หว่า
“แล้วเฟร็ดมันจะจับไอ้ไมค์ไปทำไมล่ะเฮีย มันไม่มีเหตุผลเลยนะ ปกติไอ้ตัวเล็กนั้นก็คอยดูแลเฮียตลอด จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบกัน” สามภพออกความคิดเห็นเหมือนกับที่สองเมืองคิดไว้
“เหตุผลที่มันเกลียดกูไงไอ้สาม หรือมันจะเอาคืนที่กูทำรถมันคว่ำ”
“โอ๊ยเฮีย ถ้าผมเป็นเฟร็ดผมคงสะใจตอนที่เฮียเองก็รถคว่ำแล้วตาบอดเนี่ย”
“ไอ้น้องเวร”
“กูว่านะ มันอาจจะใช่หนูไมค์อะไรนั้นของมึงก็ได้ กูมีลางสังหรณ์....แล้วก็กูไม่รู้เหตุผลที่ไอ้เฟร็ดลักพาตัวหนูไมค์ไป แต่กูมั่นใจมากว่าเป็นคนคนเดียวกัน กูจำหน้าเด็กคนนั้นได้”
“แน่ใจจริงๆนะพี่เอก” สามภพถามขึ้น
“แต่กูว่าใช่ กูต้องเชื่อร่างกายตัวเองเท่านั้น เด็กคนนั้นทำให้กูรู้สึกคุ้นเคยจริงๆ”
“ตอนแรกก็ผลักไสเค้าหนีเหลือเกินสัส” เอกนธีส่ายหน้าเอือม
“ก็ตอนนั้นกูเห็นขี้หน้าไอ้เฟร็ดก็เลยอยากจบๆไป ไม่อยากมีเรื่องไรกันอีก”
“มึงต้องเชื่อร่างกายของตัวเองนะเว้ย”
“ใช่.....กูต้องเชื่อร่างกายและหัวใจตัวเอง คงเชื่อสายตาไม่ได้แล้ว”
เอกนธียิ้มกว้างเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดออกมาแบบนั้น ใช่แล้วมันต้องอย่างนี้สิ ตอนที่สองเมืองตาบอดก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหนูไมค์ พอกลับมามองเห็นก็ได้เห็นแต่รูปในโทรศัพท์เท่านั้น มุมกล้องอาจจะทำให้คนเราหน้าเปลี่ยนกันได้ และถ้าเอาหน้าหนูไมค์จากรูปในโทรศัพท์ที่กำลังยิ้มปรับเปลี่ยนทรงผมให้สั้นขึ้นเหมือนเด็กม.ปลายล่ะก็ ใช่มันต้องใช่แน่ๆ ในรูปหนูไมค์กำลังยิ้มให้กล้องซึ่งมีอยู่รูปเดียว แต่ตอนที่เจอเด็กคนนั้นหน้าตาเค้ากำลังตื่นกลัวอะไรสักอย่าง
เดี๋ยวนะตื่นกลัวงั้นเหรอ และท่าทางที่วิ่งกระหืดกระหอบหนีอะไรมาสักอย่างนั้นล่ะ หรือว่า.....
“เห้ย!”
“เหี้ย!”
สองเมืองและเอกนธีกระเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาและอุทานออกมาพร้อมกัน
“มึงคิดเหมือนกูใช่ไหมวะไอ้เอก”
“กูว่ากูคิดแบบนั้นเป๊ะเลยครับมึง” เอกนธีเสริม
“พวกเฮียคิดไรกันวะ” สามภพนั่งมองชายหนุ่มทั้งสองด้วยสีหน้ามึนงง
“ก็แบบนี้ไงไอ้สาม ตอนที่กูเห็นเด็กคนนั้น เค้ากำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างมา พอเจอกูกับสองเมืองที่ซอยหลังร้านก็วิ่งเข้ามากอดไอ้สองเลยนะ หน้าตาจากที่กลัวๆก็กลายเป็นดีใจจนน้ำตาไหล แล้วจากนั้นไม่นานพวกบอดี้การ์ดของไอ้เฟร็ดก็เข้ามาล้อม ไอ้เฟร็ดมันเข้ามาลูกน้องมันก็เอาปืนจ่อพวกกูแล้ว หลังจากนั้นหนูไมค์ก็เหมือนจะกลัวก็เลยยอมกลับไปหาไอ้เฟร็ดมัน...”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ไอ้ไมค์มันก็ต้องกลับไปหาเฟร็ดอยู่แล้ว ไอ้เปี๊ยกนั้นมันขี้กลัวอย่างกับอะไรดี” สามภพว่า
“เดี๋ยวนะ เห้ย! กูคิดออกแล้ว...ไอ้เฟร็ดมันต้องข่มขู่หนูไมค์แน่เลยว่ะ เพราะหนูไมค์เป็นคนขี้กลัว ถ้าตัวเองไม่กลับไปหาไอ้เฟร็ดมัน มันก็คงจะยิ่งมึงไงไอ้สองเมือง โถ่ อนุภาพแห่งรัก”
“กูจะไปตามไมค์กลับ” สองเมืองเดินพรวดพราดออกจากห้องคอนโดของเอกนธีอย่างรวดเร็ว เอกนธีเห็นดังนั้นเลยรีบวิ่งเข้าเกาะกุมตัวสองเมืองทันใด
“ปล่อย! ปล่อยกู!!!” ตอนนี้เป็นสถานการณ์อันตรายอีกแล้ว สองเมืองกำลังบ้าคลั่งเหมือนหมาบ้า
“ไอ้สามมาช่วยกูจับมันไว้ดิสัส โอ๊ย เหี้ยยย ใจเย็นๆก่อนสิวะ”
สามภพและเอกนธีช่วยการล็อคตัวหมาบ้าอย่างสองเมืองไว้ ส่วนร่างสูงก็เอาแต่ดิ้นและสะบัดออก ทั้งเตะทั้งยัน เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ ในใจของเค้ามันเดือดปุดๆอย่างกับความร้อนในขุมนรกซะแล้ว เฟร็ดเดอริกมันกล้าดียังไงมาลักพาตัวหนูไมค์ไปจากอ้อมอกของเค้า แบบนี้มันเรียกว่าเล่นทีเผลอกันนี่หว่า หึ คนอย่างมันไม่ตายดีแน่
“กูจะไปฆ่ามัน! ปล่อยกูสิวะ!”
“มึงฟังกูก่อนสอง ตอนนี้ถ้ามึงไปมึงก็จะกลับมาตัวเปล่า ไม่ก็มึงอาจจะโดนกระสุนของไอ้เฟร็ดแล่นเข้าตัดขั้วหัวใจมึงก็ได้ มึงฟังกูก่อน” เอกนธีพยายามพูดปลอหมาบ้าให้ใจเย็นลง
“มึงจะให้กูเย็นได้ยังไง!!! มันลักพาตัวคนของกูไปนะสัส ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!” ร่างสูงก็ยังคงพยายามเตะและสะบัดเอกนธีและสามภพออก แรงของสองหนุ่มยังไม่เท่าแรงแห่งหมาบ้าของสองเมือง สามภพพยักหน้าไปทางเอกนธีเพื่อให้รีบอธิบายให้สองเมืองได้เข้าใจ เพราะถ้ายังคงเป็นแบบนี้อีกไม่กี่นาทีหนุ่มทั้งสองคงจะรับแรงของสองเมืองไม่ไหว
“มึงฟังก่อนสอง นิ่งๆสิวะ! ถ้ามึงบุกไปตอนนี้กูว่ามึงได้ตายแน่ๆ ถ้าอยากได้ตัวหนูไมค์คืนเราต้องมั่นใจก่อนว่าใช่เค้าจริงๆ แล้วค่อยส่งหลักฐานข้อมูลของหนูไมค์ไปให้ทางตำรวจ”
“ว่าไงนะ” สองเมืองหยุดดิ้นแล้วหันไปมองหน้าเอกนธี
“กูว่าถ้ามึงบุกไปเอาตัวหนูไมค์ตอนนี้มันอันตรายเกินไป”
“กูไม่กลัวไอ้เฟร็ด! จะตายก็ยอมถ้าได้ตัวไอ้ไมค์คืนมา”
“เห้ยๆ ฟังกูพูดให้จบก่อน...คือมึงบอกว่าหนูไมค์เป็นบุตรบุญธรรมของแม่มึงใช่ไหม แสดงว่าต้องมีหลักฐานการรับรองเป็นบุตรบุญธรรมแล้วก็เอกสารข้อมูลส่วนตัวอะไรพวกนี้ จากนั้นเราก็แจ้งไปทางตำรวจแล้วก็ทางครอบครัวของไอ้เฟร็ดให้รับรู้ว่ามันไปลักพาตัวลูกเค้า”
“เออ...ทำแบบนี้น่าจะเวิร์คกว่าเฮียบุกไปฟัดกับเฟร็ดนะ แบบนี้ได้ตัวไอ้ไมค์คืนแบบไม่เจ็บตัวเลยสักนิด อยากจะตาบอดอีกเหรอเฮีย” สามภพเสริม
“ไอ้น้องเวร แช่งกูเหรอมึง”
“สอง...กูว่ากูจะส่งสายสืบไปถ่ายรูปหนูไมค์มาก่อน แล้วพวกมึงเอารูปไปให้ที่บ้านมึงดูว่าใช่คนคนเดียวกันไหม ถ้าทุกคนตอบตรงกันว่าใช่ เราก็ส่งข้อมูลการรับรองเป็นบุตรบุญธรรมของแม่มึงไปทางบ้านไอ้เฟร็ด จากนั้นก็รอเอาตัวหนูไมค์คืน ง่ายๆ ยังไงถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อไอ้เฟร็ดล่ะก็ ไอ้เฟร็ดคงได้รับบทลงโทษจากพ่อมันเอง มึงไม่ต้องเอาตัวไปแลกเลือดกับมันเลย โอเคเข้าใจที่กูอธิบายไหม”
“แต่มันไม่นานเกินไปรึไง กว่าจะได้ตัวไมค์คืน” แค่นี้สองเมืองก็คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว
“เฮีย...เฮียตามหามันมาเป็นเดือนๆ รออีกหน่อยจะเป็นไรไป เพื่อความชัวร์นะ” สามภพเห็นด้วยกับแผนการของเอกนธี สองเมืองก็เลยจำยอมพยักหน้ารับตกลงตามแผนของเอกนธี
รอก่อนนะไมค์...เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว
ส่วนไอ้เฟร็ดเดอริก หลังจากจบเรื่องนี้ มึงกับกูไม่จบกันแน่ๆ
หลังจากที่ทั้งสามตกลงแผนการเสร็จสรรพและเมื่อรู้พิกัดที่อยู่ของเฟร็ดเดอริก เอกนธีก็ส่งสายสืบโดยเป็นคนคนสวนในบ้านพักตากอากาศของเฟร็ดเดอริกเองไปตามถ่ายรูปของหนูไมค์มาทุกอริยาบถมาให้ได้หลายรูปหลายท่วงท่า เพื่อให้แน่ชัดว่าเป็นหนูไมค์จริงๆ
“เอก มึงวางใจคนสวนบ้านไอ้เฟร็ดมันได้ยังไง” สองเมืองถามอย่างกังวล
“กูฟาดเงินให้มันไปเป็นล้าน วางใจได้ กูบอกมันว่าถ้าทำงานสำเร็จก็มาเอาเงินจากมึงแล้วกัน แค่นี้ขนหน้าแข้งพี่สองเมืองคงไม่ร่วงหรอกนะครับ”
“เออ แล้วรูปจะได้วันไหน”
“กูบอกให้มันเอามาให้เร็วที่สุด กว่าจะถ่ายได้นะมึง ไอ้เขียวคนสวนบ้านไอ้เฟร็ดบอกว่าบอดี้การ์ดนี่ยืนคุมเด็กคนนั้นซะมิดเลย”
“แล้วจะได้รูปมาไหม”
“ได้แน่นอนหน่า กูเชื่อมันในไอ้เขียวมัน มันหน้าเงินจะตาย เพื่อเงินมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“ถ้าไม่ได้ กูจะบุกบ้านไอ้เฟร็ดจริงๆด้วยสัส”
“รอก่อนสักสองสามวัน มึงก็อยู่คอนโดกูไปก่อนแล้วกัน พอได้ตัวหนูไมค์ก็ค่อยกลับบ้าน”
ทำไมช่วงนี้เวลามันถึงเดินช้านัก ยิ่งรู้ว่าหนูไมค์อยู่ใกล้ตัวไอ้เฟร็ดยิ่งเจ็บใจ อยากจะบ้าตายเพราะความโง่ของตัวเองที่ปล่อยให้เด็กนั้นหลุดลอยไปหาคู่อริ อยู่ใกล้เอื้อมมือแล้วแท้ๆ ทำไมตอนนั้นสองเมืองถึงไม่เชื่อสัมผัสที่ได้จากเด็กคนนั้น ทำไมไม่เชื่อร่างกายที่ตอบสนองต่อเด็กคนนั้น ทั้งๆที่เค้าเข้ามากอดตัวเองแล้วแท้ๆ หรือเพราะมัวแต่คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นแฟนไอ้เฟร็ดเลยไม่อยากจะยุ่ง ทำไมไม่เอะใจบ้างนะ ปล่อยให้หลุดลอยมือไปได้ยังไงกัน บ้าชะมัด ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
สองวันผ่านไป เวลาเดินช้าอย่างกับอะไรสำหรับสองเมืองตอนนี้ อยากจะไปบุกบ้านไอ้เฟร็ดนั้นใจจะขาด ทำได้แต่นั่งรอสายสืบคนสวนจากบ้านไอ้เฟร็ดอย่างทรมาน เมื่อไหร่จะส่งรูปมายืนยัน เมื่อไหร่จะได้ตัวหนูไมค์คืน คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว ตลอดสองวันที่รอคอยข่าวจากไอ้เขียวทำเอาสองเมืองนอนไม่หลับเลยทีเดียว เอาแต่คิดถึงเจ้าตัวเล็กนั้น ป่านนี้จะอยู่ยังไง จะทำอะไรอยู่ จะคิดถึงกันบ้างรึเปล่า จะโดนไอ้เฟร็ดรังแกไหม ใจสองเมืองกระวนกระวายไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วนะ
ไมค์...อีกนานแค่ไหนเราถึงจะได้เจอกัน
พี่สองคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว......
“ไอ้สองๆๆๆๆๆๆ” เอกนธีวิ่งพรวดเขาเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ที่มีสองเมืองกำลังนั่งกุมขมับอยู่บนเตียง
“ไอ้เขียวมันส่งรูปหนูไมค์มาแล้วเว้ย” เพื่อนสนิทบอกด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับสองเมืองที่ลุกขึ้นยืนลืมความเหนื่อยล้าไปซะหมด รีบวิ่งเข้าไปดูรูปที่ไอ้เขียวส่งเข้ามาในสมาทืโฟนของเอกนธี
“มีรูปหน้าชัดๆไหมวะ” ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นรูปที่ส่งมา รูปถูกซูมจนดูไม่ชัด เห็นแล้วหงุดหงิดใจชะมัด
“เลื่อนไปเรื่อยๆสิวะ”
และแล้วก็มีรูปนึงที่หนูไมค์มองมาที่กล้องพอดิบพอดี เห็นใบหน้าหวานชัดแจน เจ้าตัวมีสีหน้าเหวอนิดหน่อย สงสัยคงจะตกใจที่เห็นไอ้เขียวมันแอบถ่ายรูปละมั้ง น่ารักเชียว นี่น่ะเหรอไอ้ตัวเล็กที่คอยดูแลเค้ามาตลอด น่าตาน่าหมั่นเขี้ยวชะมัดเลย เมื่อเอารูปที่ได้มามาเทียบกับรูปเก่าที่ได้ถูกถ่ายเก็บไว้ก่อนหนูไมค์จะโดนลักพาตัว ก็พบว่าโครงหน้าหวานเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ต่างไปแค่นิดหน่อยเพราะทรงผมที่สั้นขึ้นและสีผมเท่านั้น ไอ้เฟร็ดมันฉลาดที่แอบเปลี่ยนรูปลักษณ์ของหนูไมค์ แต่ก็คงไม่ฉลาดเท่าแผนการของไอ้เอกนธีหรอกนะ หึหึ
“มึงส่งรูปไปให้ที่บ้านมึงเลย ให้เค้าดูว่าใช่คนคนเดียวกันไหม”
“กูว่าใช่แน่ๆ นี่แหละไอ้ไมค์”
“มึงจะแน่ใจได้ยังไงมึงตาบอดนะตอนนั้น เอาไปให้ที่บ้านมึงยืนยันทุกคนก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที”
“อืม” สองเมืองจำนนกับแผนการอีกครั้งก่อนจะส่งรูปที่ได้มาจากไอ้เขียวคนสวน เข้าแอพแชทที่นิยมใช้กันให้กับทุกคนที่บ้านและเพื่อนๆของตัวเอง
ยังไงสองเมืองก็คงต้องรอคำตอบยืนยันจากทุกคนซะก่อนถึงจะดำเนินแผนการต่อไปได้
จากนี้คงต้องรอ......แค่รอเท่านั้น
ไมค์รอกูก่อนนะ อย่าพึ่งหายไปไหน ขอร้องล่ะ
ไม่กี่ชั่วโมงที่ทุกคนได้รับแชทรูปภาพจากสองเมือง ก็ตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคนคนเดียวกันกับหนูไมค์แน่นอน และตอนนี้ทางหนึ่งสยามพี่ชายคนโตก็ได้ดำเนินการส่งเอกสารและแจ้งความกับทางตำรวจเป็นที่เรียบร้อย เสาหลักของตระกูลทั้งสองท่านอย่างคุณท่านปิ่นฤดีและคุณหญิงหยกมณีเมื่อได้รับรู้ข่าวจากสองเมืองก็รีบบินกลับจากมัลดีฟส์ทันที
ทางด้านเอกนธีที่สนิทกับทางครอบครัวของเฟร็ดเดอริกก็ได้ติดต่อไปทางคุณท่านดาร์เดล คุณพ่อของเฟร็ดเดอริก แล้วได้เล่าวีรกรรมที่ลูกชายของคุณท่านดาร์เรลได้ฟัง พอได้รับรู้ว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองได้ลักพาตัวคนของบ้านคุณท่านปิ่นฤดีไปก็อดขายขี้หน้าไม่ได้ แต่ตอนนี้ท่านดาร์เรลอยู่ที่อเมริกาและจะรีบบินกลับกับมาเคลียร์คดีลูกชายให้เร็วที่สุด
“ทางพ่อของไอ้เฟร็ดบอกว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด แล้วจะรีบเคลียร์ให้ทันที่กลับมาถึง”
“เราแจ้งตำรวจไปแล้ว ก็บุกไปเอาตัวไอ้ไมค์เลยดิพี่เอก” สามภพออกความเห็น
“ไม่ได้ว่ะ ท่านดาร์เรลขอไว้ว่าอย่าพึ่งดำเนินคดี ขอให้ท่านได้กลับมาถึงก่อนจะเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง ไม่ต้องถึงมือตำรวจ เพราะท่านเองก็ไม่อยากให้ลูกชายเสียประวัติ”
“อะไรกันวะ นี่ต้องรอพ่อไอ้เฟร็ดกลับมาอีกเหรอ กูไม่ทนแล้วนะเว้ย!” สองเมืองโวยวายขึ้น
“เอาหน่ามึง ท่านดาร์เรลกับพ่อมึงก็เป็นเพื่อนกันนะ เรื่องนี้ไกล่เกลี่ยกันได้หน่า อย่าใจร้อนไป” เอกนธีปลอบ
“ใช่เฮีย อีกวันสองวันท่านดาร์เรลก็จะกลับมาไทยแล้ว ใจเย็นๆก่อน ถ้าดำเนินคดีแจ้งความจับเฟร็ดไป ครอบครัวเรากับเค้าก็แตกแยกกันนะ เป็นหุ้นส่วนบริษัทกันด้วย เรื่องมันคุยกันได้” สามภพปลอบพี่ชายคนกลางอีกแรง
“แต่เฮียหนึ่งแจ้งความไปแล้วหนิ เราไปเอาตัวไอ้ไมค์คืนตอนนี้ยังได้”
“ก็ใช่ที่เฮียหนึ่งแจ้งความไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ดำเนินคดีนะ รอท่านดาร์เรลกลับมาก่อน ถ้ายังไงคุยกันไม่รู้เรื่องก็ดำเนินคดีได้เลยพ่อบอกแบบนี้” สามภพหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้พี่ชายตัวเองเย็นลง
“ได้ กูจะรอ”
แค่รออีกไม่กี่วัน อดทนหน่อยไว้สองเมือง
TBC.
*************************************************************************************
ว่าจะลงตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอดีติดงานเลี้ยงงานวันเกิดคนเขียนจ้า
วันนี้เอามาเสิร์ฟแล้วน้าา ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อย่าว่าเก๊าเลยนะ เก๊าสำนึกผิดแล้ว
:mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
-
สุขสันต์วันเกิดนะคะคนเขียน มีความสุขมากๆ ร่างกายแข็งแรง
สงสารหนูไมค์จัง กว่าสองเมืองจะจำหนูได้น้าาา เฮ้อ
ขอให้น้องกลับมาไวๆนะคะ ไม่อยากมาม่าแล้ววว
:mew2:
-
สุขสันต์วัเกิดครับบบบ มีความสุขมากๆครับ
จะได้เจอกันแล้ววววว. สงสารหนูไมด์มากกกกก
-
รอเหมือนกัน
-
:HBD1: ค่ะคนแต่ง
รออ่านต่อนะคะ อย่าหายไปนานอีก คิดถึงหนูไมค์
-
ช่วยหนูไมค์ออกมาให้ได้เสียทีนะค้าา :sad4: ..
-
อดทนสองเมือง หนูไมค์ก็อดทนเหมือนกันนะ
รอตอนต่อไปนะะะะะ คนแต่งสู้ๆ
-
อยากอ่านต่อไวๆ หนูไมค์ หือออออ :ling3:
-
ช่วยหนูไมค์ให้ได้เร็วๆนะ
สุขสันต์วันเกิดค่ะ :L2:
-
สุขสันต์วันเกิดค่ะ มีควาทสุขทากๆนะคะ
มารอให้สองเมืองช่วยหนูไมค์ออกมาเร็วๆอยู่ค่ะ
-
อีกนิดเดียว ก้จะได้เจอแล้วใช่มั้ย? :impress2:
-
สุขสันต์วันเกิดจ้ะ :L2:
หวังว่าสองเมืองจะช่วยน้องออกมาได้อย่างปลอดภัย :กอด1:
-
สุขสันวันเกิดนะคะ
ฮือออออ จะได้เจอกันแล้ววว
-
ช่วยหนูไมค์ออกมาให้ได้นะ :hao5:
-
สุขสันต์วันเกิดนะค้า :mew1:
ขอบคุณมากๆๆๆที่มาต่ออ่ะ คิดถึงเรื่องนี้มากมายยย
อย่าทิ้งไปนานอีกน้าาา :impress2:
-
รอๆๆๆๆ รอทั้งหนูไมค์แล้วก็คนเขียนน้าาา :hao6:
-
กลั้นใจรอเหมือนกัน
-
ขอให้สองเมืองได้เจอไมค์เร็วๆน้า :hao5: :o12:
-
รอร้อรอ... แ :ling2:
-
อยากอ่านต่อแล้วสิค้าา~ :mew2:
-
:call: :call: :call:
-
รอน๊าาาาาาาาาาา :hao5: :hao5: :m5: :m5:
-
รอเหมือนกัน คนเขียนหายไปนานแล้วน้า แงๆๆๆๆ :ling1:
-
เข้ามารอน้องไมค์กับพี่สองด้วยคนค่าาาาา
-
H B D จร้ คนเขียนที่น่าร้อก
มาต่อไวๆเนอะ
:-D :mew1:
-
คิดถึงน้องไมค์จังเลยน้าา~ :กอด1:
-
:impress2: :impress2: :impress2:
-
หายเลยยยย :katai1: :katai1:
-
รอเช่นกัน :hao5: :hao5: ไม่มาต่อเรย
-
ค้างอ่ะ มาต่อเถอะ พลีสสส :z3:
-
มาต่อเถอะหนาาา
-
ต่อเถอะค่ะ พรีสสสสสสสสสส :hao5:
-
หายไปไหนคะะ ฮืออ มาต่อไวไวนะคะะ สนุกมาก :กอด1:
-
รอ :o12: