(ต่อค่ะ)
18 ธันวาคมสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่...
อาทิตย์ทัศน์ก้าวออกจากประตูรถไฟฟ้าพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่าเพราะต่างคนต่างพากันหลบความหนาวอยู่ภายในบ้าน หรือเพราะปราศจากเงาของคนที่เคยยืนเคียงข้างกันแน่ จึงทำให้บรรยากาศบนสถานรถไฟฟ้าวันนี้เงียบเชียบกว่าปกติ ทั้งผู้คนและรถราบนท้องถนนดูบางตากว่าทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ให้ภาพสีหม่นราวกับถูกดึงให้หลุดเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งกาลเวลา เดินทางย้อนกลับไปสู่อดีต
ชายหนุ่มเดินลงมาตามบันไดที่ทอดยาวสู่ทางออกสถานี จากนั้นจึงแตะบัตรรถไฟฟ้าก่อนจะเดินผ่านประตูออกมาหยุดมองเจ้ามาสคอตหมีสีน้ำตาลสวมชุดเอี๊ยมที่กำลังยืนแจกลูกโป่งที่มีข้อความ Happy New Year ให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็คงจะมีแต่เจ้าหมีอ้วนนี่แหละที่ทำให้ภาพตรงหน้าพอจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง คิดได้ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงหยิบกล้องจากกระเป๋าออกมาเก็บภาพตามประสาคนที่เห็นอะไรแปลก ๆ เป็นไม่ได้
ตาคมมองพุงโต ๆ กับหน้าที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ ผ่านเลนส์กล้องก่อนจะกดชัตเตอร์ ในขณะที่ลูกโป่งสีสวยค่อย ๆ ลดจำนวนลงอาทิตย์ทัศน์ก็รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเจ้าหมีอ้วนกับเขาค่อย ๆ ลดลงตามไปด้วย จนในที่สุดเจ้าขนสีน้ำตาลในชุดเอี๊ยมก็เดินอุ้ยอ้ายมาหยุดอยู่ตรงหน้า ทำบิดซ้ายบิดขวาไม่ต่างอะไรกับสาวน้อยยามขวยเขินจนคนมองเผลอยิ้มให้กับท่าทางชวนขบขันของมัน
อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วจ้องมองเจ้าพุงโตที่กำลังพยายามหยิบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังอย่างทุลักทุเล เมื่อพบว่าสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมาให้คือดอกกุหลาบสีแดงสดก็ยิ่งประหลาดใจหนัก
“ให้ผมเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวพลางชี้ที่ตัวเอง ในขณะที่เจ้าหมีอ้วนหน้าเฉยพยักหน้ายืนยันและยังคงยื่นดอกไม้ให้ ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงรับกุหลาบดดอกนั้นมาถือไว้ก่อนจะกล่าวขอบคุณสั้น ๆ
กำลังจะเก็บกล้องลงกระเป๋า แต่เจ้าตัวกลมก็ทำให้ไม่อาจละสายตาไปไหนได้เมื่อมันยกไม้ยกมือที่ดูไม่ค่อยจะสมส่วนแสดงท่าทางคล้ายกับที่เห็นในรายการใบ้คำซึ่งก็ไม่ยากเกินกว่าจะเดาได้
“ถ่ายรูป?”
“คุณอยากถ่ายรูปเหรอ?”
เจ้าขนสีน้ำตาพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมกับชี้มือมาที่กล้องก่อนจะชูสองนิ้ว
“ลูกเสือสำรอง?”
ได้ฟังดังนั้นเจ้าหมีถึงกับส่ายหัวดิก
“สู้ตาย?”
เจ้าหมียังคงส่ายหัว
“สองรูป?”
เจ้าหมีทึ้งหัวตัวเอง
“อืม...สองคน?”
เจ้าหมีรีบพยักหน้า
“อยากถ่ายรูปคู่ ใช่ไหม”
ทันทีที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องด้วยการพยักหน้าจนหัวแทบหลุด อาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปยืนข้าง ๆ เจ้าตัวนุ่มพร้อมกับยกกล้องขึ้น
“ผมนับถึงสามนะ หนึ่ง สอง สาม” สิ้นเสียงของช่างกล้องหนุ่มหล่อเสียงชัตเตอร์ก็ดังรัวขึ้น จากนั้นทั้งหมีและคนก็พากันสุมหัวดูรูปที่ถ่ายได้จากจอ LCD
เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดอาทิตย์ทัศน์จึงเก็บกล้องลงในกระเป๋า เพิ่งสังเกตเห็นว่าก้านที่ไร้หนามของกุหลาบสีแดงมีการ์ดใบเล็ก ๆ ผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันกับสีของกลีบดอกติดอยู่ ในการ์ดมีข้อความเขียนว่า
‘สุขสันต์วันเกิดครับ’ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหมีอ้วนที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้ เขย่งเอื้อมมือถอดหัวโต ๆ ออกก่อนจะวางลงกับพื้น ทันทีที่ได้สบตากับครึ่งคนครึ่งหมีก็มีเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่กลางอก
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” กล่าวพลางใช้มือปัดปอยผมชุ่มเหงื่อที่ตกลงมาปรกหน้าผากของคนตัวสูงตรงหน้า
“ขนาดนี้น่ะขนาดไหน ผมก็แค่อยากทำให้วันเกิดปีนี้เป็นอีกปีที่น่าจดจำสำหรับคุณเท่านั้นเอง” ตฤณกรกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือหยิบแว่นสายตาในกระเป๋าหน้าท้องแต่ก็หยิบไม่ถึง “อยากเห็นหน้าคุณให้ชัด ๆ จัง แต่มันติดพุงน่ะ ช่วยหยิบแว่นตาให้ผมหน่อยได้ไหม”
อาทิตย์ทัศน์ยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะหยิบแว่นสายตาสวมให้ตามคำขอ “เห็นชัดหรือยัง”
“ชัดแล้ว”
คนฟังได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหยิบหัวมาสคอตหมีที่พื้นขึ้นมา เพิ่งได้รู้สึกว่ามันหนักไม่ใช่เล่น
“เดี๋ยวผมเอาชุดไปคืนเขาก่อนนะ” พูดจบตฤณกรก็รั้งเอาหัวโต ๆ มาถือไว้ก่อนจะหันหลังเดินอุ้ยอ้ายไปยังมุมหนึ่งของสถานี จัดการถอดชุดคืนให้คุณลุงที่เขารับอาสาช่วยแจกลูกโป่งตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น ซึ่งคุณลุงก็ตอบแทนน้ำใจนี้ด้วยลูกโป่งสีชมพูที่เหลืออยู่หนึ่งใบ
ตฤณกรเดินกลับมาพลางมองหาคนที่คิดว่าน่าจะยังรอเขาอยู่ที่เดิมแต่ก็ไม่พบ กระทั่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบแตะลงที่ข้างแก้ม
“ดื่มน้ำก่อน”
เจ้าของร่างสูงกล่าวขอบคุณจากนั้นก็รับกระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดดื่มอัก ๆ อย่างกระหาย
“เวลาแก้ตัวคอจะได้ไม่แห้ง”
ประโยคสั้น ๆ ทำเอาคนฟังสำลัก แต่ก็ยังไม่วายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้...
“แก้ตัวอะไรกันครับ”
“ไหนคุณบอกว่าจะกลับวันมะรืนไง” อาทิตย์ทัศน์กอดอกมองคนขี้เล่นอย่างคาดโทษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อุตส่าห์นัดกันเสียดิบดีว่าจะไปรอรับที่สนามบิน แต่จู่ ๆ ก็เลื่อนเที่ยวบินกลับโดยไม่บอกกันให้รู้สักคำ
“งานเสร็จแล้วผมก็เลยขอกลับมาก่อนไง นี่คุณไม่ดีใจเหรอที่ได้เห็นหน้าผมก่อนกำหนดตั้งสองวันน่ะ”
“แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”
“เมื่อวานคร้าบบบบ”
“แล้วเมื่อคืนคุณไปอยู่ที่ไหนมา”
“ผมไปนอนที่คอนโดไอ้พัฒน์มา”
“แล้วแผนการวันนี้ล่ะ เตรียมไว้นานหรือยัง”
“จ้าน่ะ ไม่เอาแล้ว เลิก ๆๆๆ ไม่ถามแล้ว” คนถูกซักแสร้งทำงอแงเมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังจะจนมุม
“ไหนบอกว่าจะไม่งอแงไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มน้อย ๆ พลางผ่อนลมหายใจยาว “เฮ้อ...ทั้งดื้อทั้งซนแล้วก็งอแง ไม่รู้ว่าผมนึกยังไงถึงยอมตกลงเป็นแฟนด้วย”
“ก็เพราะผมน่ารักไง” คนพูดทำหน้าทะเล้นก่อนจะยื่นลูกโป่งสีชมพูให้ “Happy Birthday ครับ”
อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจขณะรับเชือกลูกโป่งจากมือของอีกฝ่ายมาถือไว้ ทั้งที่ควรจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลงเลยสักที
เจ้าของมือหนาปล่อยมือจากเชือกลูกโป่งก่อนจะรั้งกระเป๋ากล้องจากบ่าคนตรงหน้ามาสะพายไว้เสียเอง “กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวสิ”
ตฤณกรจ้องมองคนตัวหอมที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ทั้งปรางแก้ม หน้าผาก หัวคิ้ว แพขนตา สันจมูก ริมฝีปาก กระทั่งทุกส่วนของของร่างกายที่ประกอบกันเข้าเป็นอาทิตย์ทัศน์ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคิดถึงและโหยหามาตลอดระยะเวลาที่ต้องห่างกัน วันนี้มันจึงเหมือนความฝันที่ได้กลับมาอยู่ใกล้ ๆ กันอีกครั้ง
“ผูกเชือกลูกโป่งก่อน” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็จัดการผูกเชือกเข้ากับหูกระเป๋า
“ผูกเสียแน่นเชียว”
“ผูกแน่น ๆ ไงจะได้ไม่หลุด”
ตฤณกรเอื้อมมือแตะที่ข้างแก้มนุ่มของคนตัวเล็กกว่า “ถ้ามันจะหลุดลอยไปไหนก็ช่างเถอะ แค่มือคุณจับมือผมไว้ไม่หลุดก็พอแล้ว” พูดจบมืออุ่นก็ผละออกจากปรางแก้มก่อนจะเลื่อนลงมาจับมือของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาผูกเชือกลูกโป่งไม่เสร็จสักที
“กลับบ้านกันเถอะ ผมอยากกอดคุณจะแย่แล้ว”
เจ้าของผิวหน้าร้อนผ่าวเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดและพบว่ารอยยิ้มกับดวงตาแสนอ่อนโยนของอีกฝ่ายมันช่างมีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจมากกว่าคำพูดที่เพิ่งจบลงไปเมื่อครู่เสียอีก
....
อาทิตย์ทัศน์ปิดหนังสือที่นั่งอ่านมาร่วมชั่วโมงก่อนจะวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา เมื่อเหลียวมองด้านหลังก็พบว่าตฤณกรยังคงนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ที่เดิม ได้ยินเสียงปลายนิ้วสัมผัสแป้นพิมพ์หนักบ้างเบาบ้างดังมาเป็นระยะ ลูกโป่งสีหวานถูกย้ายไปผูกที่พนักเก้าอี้ ในขณะที่กุหลาบดอกโตถูกปักอยู่ในแจกันแก้วทรงสูงซึ่งวางอยู่บนชั้นหนังสือ
นาฬิกาติดฝาหนังบอกให้รู้ว่าเหลืออีกเพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะก้าวเข้าสู่วันใหม่
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่กระทบปลายจมูกเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเขียนรายงานสรุปเมื่อกลับจากศึกษาดูงานในต่างประเทศ ครู่หนึ่งมือนุ่ม ๆ ก็วางลงบนบ่าทั้งสองข้างก่อนจะออกแรงนวดเบา ๆ
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
“อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วละ ถ้าคุณง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะไม่ต้องรอผม”
ตฤณกรกล่าวพลางก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่วางอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าจอก่อนจะเริ่มสัมผัสปลายนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อีกครั้ง ไม่ทันสังเกตว่าอาทิตย์ทัศน์หยุดนวดไปตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สองแขนนั้นโอบรัดรอบคอของตนเองเอาไว้ ลมหายใจอุ่น ๆ คลอเคลียไปตามแนวสันกรามก่อนที่ปลายจมูกโด่งรั้นจะแตะลงบนผิวแก้ม เพียงเท่านั้นก็แทบทำงานไม่เป็นสุขแล้ว
“นี่ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เจ้าของร่างสูงเอียงคอถามอย่างแปลกใจ
อาทิตย์ทัศน์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางยักไหล่ คลายวงแขนก่อนจะผละออก ตั้งใจจะขึ้นนอนแต่ก็โดนรั้งข้อมือเอาไว้
“น่าตีจริง ๆ เลย ทำผมทำงานไม่เป็นสุขแล้วรู้ไหม” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเลื่อนมือทั้งสองข้างประคองเอวสอบของคนตรงหน้าเอาไว้
“ทำงานไป ผมจะนอนแล้ว”
“ตอบมาก่อนว่าเมื่อกี้มันอะไร”
“ก็ให้รางวัลไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มน่ารัก รอยบุ๋มที่ข้างแก้มทำเอาคนมองแทบอยากจะกดปลายจมูกลงไปเสียให้แก้มช้ำ โทษฐานที่ทำตัวน่ารักจนน่าสงสัย “ให้รางวัลหมีอ้วน”
“แค่นี้เหรอ เล็กไปหรือเปล่า”
“แล้วจะเอายังไง”
ตฤณกรกดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ๆ “ผมอยากได้รางวัลใหญ่”
“ไม่ให้” อาทิตย์ทัศน์ตอบห้วน ๆ ไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจอยากจะแกล้งให้หนัก
เมื่อได้ฟังดังนั้นร่างสูงก็รวบตัวคนช่างเก็บความรู้สึกเข้ามากอดเอาไว้แน่นก่อนจะกระซิบ “ผมไม่ได้ให้คุณคิดว่าจะให้หรือไม่ให้ แต่ผมให้โอกาสคุณตัดสินใจว่าจะตรงนี้หรือข้างบนต่างหาก” พูดจบก็ระดมจูบไปทั่วดวงหน้าร้อนฉ่าโดยไม่ฟังคำทักท้วงใด ๆ
....
19 ธันวาคม
อาทิตย์ทัศน์ปรือตาตื่นขึ้นขยับตัวจ้องมองแผ่นหลังเปลือยของคนที่กำลังนอนหลับ พลันรอยยิ้มแรกของวันก็ผุดพรายแจ่มชัดบนใบหน้า สดใสไม่ต่างอะไรกับแสงอาทิตย์ในยามช้า เข้าใจแล้วว่าการที่ตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ว่ามีอีกคนอยู่มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเพียงไหน ดวงตาทอประกายทอดมองไปยังปลายนิ้วของตนเองที่แตะลงบนผิวเนื้อเนียนก่อนจะค่อย ๆ ลากเป็นตัวอักษร ยิ่งเห็นคนนอนหลับเริ่มขยับตัวก็ยิ่งชอบใจ พยายามกลั้นหัวเราะจนไม่ทันระวังตัวจึงโดนอีกฝ่ายที่พลิกตัวกลับมารวบรัดด้วยท่อนแขนแกร่งจนเนื้อตัวแนบชิดไม่ผิดจากค่ำคืนที่ผ่านมา
“คุณเขียนว่าอะไร อ่านให้ผมฟังได้หรือเปล่า”
“อยากรู้จริง ๆ น่ะเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ยังคงเขียนคำเดิมซ้ำ ๆ ลงแผงอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ
คนถูกถามพยักหน้าพลางก้มลองมองคนที่กำลังนอนซุกอยู่ที่ซอกคอของตนเอง “อยากได้ยินจากปาก”
“ได้ไหมครับ หืม?”
อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับขยับตัวขึ้นสบตาอีกฝ่ายก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน...
...แค่สองคน...
...
ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันอยู่นะคะ
สำหรับใครที่พลาดรอบก่อน ยังไงลองติดตามข่าวการรีปริ้นต์หนังสือจากเพจ Hermit Books นะคะ