ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22  (อ่าน 331621 ครั้ง)

ออฟไลน์ M_April

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หวานๆ อุ่นๆ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

ขอบคุณมากค่ะ   หนังสือของเรายังกองอยู่ที่บ้านเพื่อนอยู่เลย  ต้องรอปีหน้าไม่ก็ตอนกลับเมืองไทยไปอ่านที

ป.ล  เราไม่ขู่เอาภาค 2  เราจะอ้อนเอาภาค 2 นะคะ คุณถ้าคุณเป็นท้องฟ้า


เดี๋ยว ๆๆๆๆ มันไม่ช่ายยยยย  :sad4:

ถ้าไม่ใช่ ก้อ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  สบายใจ


ในความคิดเรา ขอให้เป็น ผู้ชาย สองคน รักกัน แมนแมน ละกันนะครับ


ไงไง คุณ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า มาเฉลยนะครับ :mew1:


 

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ทำไมอ่านแล้ว
รู้สึกว่า
 :katai1: :katai1: :katai1:
อิจฉาขนาดนี้

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กรี๊ดดดดดดด หวานมากกกกกก
ตังเสี่ยวได้ใจ55555 :impress2:


ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
เรื่องความหวานต้องยกให้คู่นี้เลย น่ารักมากๆ
อ่านแล้วเขินนนนนนน :o8: อิจฉาด้วยยยยย
ชอบเรื่องนี้มาก หวานละมุนจริงๆ

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
รักกันหวานปานน้ำผึ้ง กรี๊ดเขิลแทนจ้า

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านตอนพิเศษวันวาเลนไทน์จบหลายวันแล้ว ลืมเม้นท์ค่ะ
สำนึกได้ตอนกลับมาอ่านรอบที่สาม ฮ่าๆๆ
อ่านเรื่องนี้ทีไร คำว่า น่ารัก น่ารัก น่ารัก มันผุดขึ้นมาในหัวตลอดเลย
เรื่องน่ารักจริงๆ อยอุ่นมุ้งมิ้ง จนต้องกระจายความมุ้งมิ้งให้เพื่อนๆด้วย
รักความเจ้าเล่ห์ ความอบอุ่น ของพี่ตัง
รักความใจอ่อน มุ้งมิ้ง ปากแข็ง น่ารักของพี่จ้า
รักเรื่องนี้จริงๆค่ะ
#ขอตอนพิเศษวันตรุษจีนค่ะ 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
หวาาาาาาาาาาาา น่ารักจังเลยค่ะ คิดถึงคู่นี้ที่สุดอ่าาาา ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะค่ะ^^

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ฮืออออออ~ ไม่ไหวแร้ววว
หวานเลี่ยนจนเราทนไม่ไหว
อิจฉาาาาาาา~

*วิ่งไปยืนแทรกตังกับจ้า*

#ล้องห้ายหนักมากมีแต่คนรักกัน

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

หวานไม่มีที่สิ้นสุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ยิ่งอ่านยิ่งอิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอบคุณที่มาแบ่งปันความหวานนะจ๊ะสองหนุ่ม
เป็นนิยายที่สัมผัสได้ถึงความงามของบรรยากาศ
ยิ่งตอนนี้มีการแชร์ภาพพรีเวดดิ้งสองหนุ่มที่เชียงใหม่
นึกถึงคู่นี้เลย

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
อ่านเรื่องนี้ทีไร อยากอ่านบทอัศจรรย์บ้างค่ะ อยากรู้ว่าจ้าเปนไง อิอิ

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เขินเลย  :z1: หวานตลอดเลยยยยย

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เจอนิยายเรื่องนี้ในกระทู้แนะนำนิยาย คนแนะนำเยอะมาก
ด้วยความที่ว่าเราอ่านเรื่องย่อที่คนในกระทู้แนะนำมาว่าพระเอกชอบนายเอกก่อน เราเลยมาอ่านดู
ชอบทั้งหมดในเรื่องนี้ คือไม่มีที่ติ เรื่องนี้ดีมาก
สำหรับเราให้เป้นเรื่องที่ประทับใจแห่งปีเลยค่ะ

ตอนแรกเราคิดว่าจ้าเป็นพระเอกดตังเป็นนายเอก

เราชอบบรรยากาศในเรื่อง เรียบง่ายแต่อบอุ่น มีหลายประโยคในเรื่องที่ชอบ
เราชอบตัวละครมากๆ โดยเฉพาะตัง เป็นคนที่ทำให้เราน้ำตาซึมอยู่ตอนนึงเลย
คือเป็นคนที่ดีมากๆจริงๆจนรู้สึกว่าจ้าโชคดีมาก

ถ้าได้อ่านเรื่องนี้เร็วกว่านี้อยากจะโหวตให้ตังเป็นพระเอกยอดเยี่ยมมาก

ขอบุคณที่แต่งค่ะ คุณมีพรสวรรค์มากจริงๆ ^^

เรื่องนี้สร้างแรงบรรดาลใจหลายๆอย่างให้เราเหมือนหนังดีๆเรื่องนึง หายากจริงๆในเล้าตอนนี้

ออฟไลน์ pp_psj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ละมุนละไมทั้งเรื่อง อ่านไปอมยิ้มไปตลอดๆ :o8:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ ryped

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนนิยายดีๆ อย่างเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นนิยายที่อบอุ่น ละมุนใจมากๆเลย ชอบการดำเนินเรื่องที่ไม่หวือหวา
ค่อยเป็นไปแบบสมจริง ภาษาดีมากเลยค่ะ ลื่นไหลอ่านไม่สะดุด ขอบอกเลยค่ะรักตัวละครอาทิตย์ทัศน์กับตฤณกรไปแล้ว
ขอให้คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าเขียนนิยายต่อไปนะคะ จะติดตามทุกเรื่องเลยค่ะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
จำได้ไหม..ตายายยังจำได้ไหม


ตอนพิเศษ : คนในอดีต



อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากเข็มนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาเกือบสี่โมงเย็น จากนั้นจึงเหลือบมองร่างสูงที่กำลังเดินเคียงข้างกันไปตามช่องทางเดินที่มีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินสวนทางมาและอีกจำนวนไม่น้อยที่พากับเดินแซงพวกเขาขึ้นไปอย่างรีบร้อน กลิ่นน้ำยาเคมีที่เจือจางอยู่ในอากาศแม้จะบ่งบอกถึงความสะอาด ยาหรืออะไรก็ตามแต่ กลับเป็นกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับชายหนุ่มผู้เข็ดขยาดต่อการมาโรงพยาบาลอย่างตฤณกรอยู่ดี


เมื่อตาคมภายใต้กระจกแว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีเข้มมองเข้าไปยังแผนกต่าง ๆ รายทางก็พบว่ามีคนจำนวนมากที่กำลังรอคอยเพื่อรับการรักษาให้หายจากอาการเจ็บป่วย หนุ่มสาวจำนวนหนึ่งกำลังยืนออกันอยู่ที่ที่หน้าประตูซึ่งเชื่อมกับห้องฉุกเฉิน สีของแต่ละคนไม่สู้ดีนัก นั่นพอจะทำให้เดาได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังประสบอยู่นั้นมันคือความหนักหนาในชีวิต


เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมถอนใจยาว อดคิดไม่ได้ว่าโรงพยาบาลคือที่ที่ให้หลายความรู้สึก บางคนมากับสิ้นหวังแต่กลับออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่บางคนมาด้วยความหวังแต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปพร้อมกับน้ำตาและร่างไร้ลมหายใจของคนที่รัก มือแกร่งกำหูหิ้วตะกร้าสานมีฝาปิดเอาไว้แน่นขณะเดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้น ตฤณกรเข้าใจดีเพราะเขาพบกับความรู้สึกแย่ ๆ เช่นนี้มาแล้วหนหนึ่ง มิหนำซ้ำครั้งสุดท้าที่มาโรงพยาบาลก็เพราะการแพ้แอลกอฮอล์ชนิดปางตายของตนเอง นึกถึงแล้วยิ่งให้รู้สึกขนพองสยองเกล้าเสียเหลือเกิน


ขายาวก้าวตามกันกระทั่งมาหยุดที่หน้าลิฟต์เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเหล็กหนาเปิดออกพอดี รอกระทั่งบุรุษพยาบาลเข็นเตียงเปล่าออกมา จึงพากันแทรกตัวเข้าไปยืนด้านใน อาทิตย์ทัศน์ที่ยืนอยู่ใกล้กว่าเป็นฝ่ายกดปุ่มเลือกชั้นจากนั้นบานประตูเคลื่อนเข้าหากัน แล้วกล่องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่มีแต่ความเงียบงันก็ค่อย ๆ พาพวกเขาขึ้นสู่ชั้นที่ 15 ของโรงพยาบาล ตฤณกรเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขดิจิทัลเหนือกรอบประตูที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้เลยว่าหน้าบอกบุญไม่รับของตนเองจะทำให้คนมาด้วยกันอดเป็นห่วงไม่ได้


“เป็นอะไรหรือเปล่า” ถึงจะรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรแต่อาทิตย์ทัศน์ก็ยังอยากจะถามให้รู้แน่


เจ้าของร่างสูงดึงสายตากลับมายังคนถามพลางส่ายศีรษะเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีสิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเขาก่อนจะตอบคำถามนั้น “ผมแค่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เฉย ๆ เห็นแล้วมันหดหู่ยังไงบอกไม่ถูก”


“เรามาดูเยี่ยมพิมพ์กับหลานนะ ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ หน้าขรึมแบบนี้ดูไม่เป็นคุณเลย อย่าคิดมากน่า” พูดพลางวางมือบนบ่ากว้างก่อนจะออกแรงบีบเบา ๆ ให้คลายความกังวล 


เมื่อคำพูดนั้นพอจะทำให้ความอึดอัดใจคลายลงได้บ้าง ตฤณกรจึงพยักหน้าน้อย ๆ คลี่ยิ้มขอบคุณความอุ่นใจที่อีกฝ่ายมอบให้


“ต้องแบบนี้สิถึงจะ...” อาทิตย์ทัศน์รีบชะงักเมื่อเกือบจะหลุดปากพูดสิ่งที่กำลังคิดออกมา ถ้าจะให้บอกว่า ‘ถึงจะสมกับเป็นตังของผม’ ก็คงไม่ใช่ ‘อาทิตย์ทัศน์ กิตติวรกุล’ แล้ว


“ถึงจะอะไร” คนฟังมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย


“ถึงจะ...ตัวจริงเสียงจริงไง ไปกันเถอะถึงแล้ว” พูดจบก็เลื่อนมือลงรั้งแขนแกร่งให้เดินตามกันไปเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก 
ชั้น 15 ของโรงพยาบาลเป็นที่ตั้งของหอพักผู้ป่วยหลังคลอดบุตร เมื่อสอบถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายทันที


“น่าจะห้องนี้แหละ” คนเดินนำกล่าวพลางชะลอฝีเท้าก่อนจะหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยซึ่งอยู่เกือบสุดทางเดิน ตรวจดูที่ป้ายชื่อจนแน่ใจว่าเป็นชื่อของ ‘พิมพ์ทอง กำธรธนเกียรติ’ จึงเคาะประตูแล้วหมุนลูกบิดดันแผ่นไม้เนื้อหนาให้เปิดออก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น


“จ้า!”


“เป็นยังไงบ้างคุณแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทักทายขณะเดินมาหยุดที่ข้างเตียง มองดูหญิงสาวใบหน้าซีดเซียวปราศจากเครื่องสำอาง


“ก็ยังเจ็บอยู่นะ” พิมพ์ทองที่อยู่ในท่านั่งตอบก่อนจะเบนสายตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งเดินตามเข้ามา “ขอบคุณตังกับจ้านะที่มาเยี่ยมพิมพ์”


“ยินดีด้วยนะครับคุณพิมพ์” ตฤณกรกล่าวพลางวางตะกร้าสานลงบนโต๊ะใกล้กับถาดอาหารที่รับประทานหมดแล้วตรงหน้าของหญิงสาว “นี่ครับของเยี่ยมสำหรับคุณแม่คนใหม่”


“อะไรเหรอจ๊ะตัง”


“แม่ฝากแกงเลียงหัวปลีมาให้ทานน่ะ กะแล้วเชียวว่าต้องมาไม่ทันพิมพ์ทานมื้อเย็นแน่ ๆ”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพิมพ์เอาไว้อุ่นทานตอนเช้าก็ได้ ฝากขอบคุณคุณป้าด้วยนะที่ทำให้ต้องลำบาก”


“ลำบากอะไรกัน แม่น่ะเต็มใจทำจะแย่ นี่เร่งให้จ้ารีบมาเยี่ยมพิมพ์ตั้งแต่วันที่คลอดยัยหนูแล้ว แต่จ้าไม่มีเวลามา ต้องพานักศึกษาออกไปถ่ายภาพนอกสถานที่เกือบทุกวัน มีวันนี้แหละที่พอจะว่างฝนก็ดันมาตกตั้งแต่เช้า” อาทิตย์ทัศน์บ่นอุบ “แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ” ชายหนุ่มถามเมื่อไม่ทันได้สังเกตว่ามีกระเป๋าสะพายของผู้หญิงที่วางอยู่บนโซฟา


“ยัยแพรพาพ่อกลับไปได้สักพักแล้วละ” พิมพ์ทองยังพูดไม่จบเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกก็ทำให้สองหนุ่มต้องหันมองเป็นตาเดียว


“พิมพ์อยากทานผลไม้ตบท้ายไหม เดี๋ยวตวงปอกให้ ล้างมือเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่เพิ่งเดินออกมาชะงักเล็กน้อยเมื่อพบว่าในห้องไม่ได้มีแค่เธอกับเพื่อน “...จ้า” ตวงสุดาเรียกชื่อของผู้มาใหม่ด้วยเสียงอันแผ่วเบาไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่นี่ ในขณะที่เจ้าของชื่อเองก็ยิ้มให้ราวกับไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจระหว่างกันมาก่อน


สำหรับอาทิตย์ทัศน์แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  เมื่อรู้ว่าไม่อาจเรียกวันคืนให้หวนกลับได้ เขาก็ยอมที่จะปล่อยให้เรื่องราวในอดีตจางหายไปตามกาลเวลา นั่นไม่ใช่เพราะมันไม่น่าจดจำหากแต่ไม่รู้จะจำไปเพื่ออะไร ยิ่งจำฝังใจก็รังแต่จะทำให้เป็นทุกข์ ชายหนุ่มเบนสายตาจากหน้าสวยหันกลับมาฟังคนที่นั่งอยู่บนเตียงซึ่งตอนนี้กำลังใช้มือลูบวนไปมาบนหน้าท้องของตนเอง


“พิมพ์ยังอิ่มอยู่เลยจ้ะตวง ตวงนั่งพักก่อนเถอะ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้นั่งเลย” พิมพ์ทองกล่าวพลางลากตาตามร่างระหงที่เดินอ้อมมาหยุดยังอีกฝั่งของเตียง


“ตวงมานานแล้วเหรอ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับหญิงสาวที่ไม่ว่าจะพบกันครั้งใดเธอก็ยังคงความงดงามดุจนางพญา หรือถ้าพูดว่าสวยวันสวยคืนก็คงไม่ผิด 


“สักพักแล้วละจ้ะ เห็นว่าพิมพ์อยู่คนเดียว พอดีผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะเข้ามาคุยเป็นเพื่อน”


คนฟังมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย “จริงสิ แล้วนี่พี่ดลไปไหนเสียล่ะพิมพ์ ตั้งแต่มายังไม่เจอกันเลย”


“รายนั้นมีเคสทำบอลลูนให้คนไข้จ้ะ เข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่บ่าย ป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย” พิมพ์ทองกล่าวก่อนจะหันไปสบตาเพื่อนสาว “จ้ามาก็ดีแล้วจะได้ชวนตวงไปเยี่ยมคุณพ่อของนนท์ด้วยกัน”


“พ่อของนนท์?” อาทิตย์ทัศน์ทวนคำ


“เห็นพี่ดลเล่าให้ฟังว่า นนท์พาคุณพ่อกลับมาร่วมงานแต่งงานของลูกชายเพื่อน จู่ ๆ ท่านก็เกิดหน้ามืดและแน่นหน้าอกรุนแรง นนท์ก็เลยพาท่านมาที่นี่เพราะรู้ว่าพี่ดลอยู่”


“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” แม้จะไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับครอบครัวของคนที่ถูกพูดถึงมากนักแต่ก็อดถามด้วยความห่วงใยไม่ได้


“ท่านมีโรคประจำตัวหลายโรคนะจ้ะ แต่อาการที่เกิดเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทัน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ตอนนี้พี่ดลให้ยาสลายลิ่มเลือดแล้วให้รอดูอาการในห้องซีซียู นี่พิมพ์ยังไม่เจอพี่ดลก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องผ่าตัดขยายหลอดเลือดด้วยไหม นนท์คงจะเครียดนะ จ้ากับตวงน่าจะไปดูนนท์ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ก็เป็นกำลังใจให้ก็ยังดี”   


ตฤณกรมองสองคนที่ยังคงยืนสบตากันนิ่งโดยมีเตียงขนาดหนึ่งคนนอนขั้นตรงกลาง สำหรับอาทิตย์ทัศน์แล้วมันคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเมื่อชายหนุ่มยังคงสถานะ ‘เพื่อนเก่า’ กับเขาคนนั้นเอาไว้ แต่ในส่วนของตวงสุดากลับยากเกินจะคาดเดาได้ อาจเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรืออะไรสักสร้างที่สร้างความกังวลให้เกิดขึ้นบนหน้าหวานอยู่ในขณะนี้ เพราะระหว่างเธอและณัฐนนท์นั้นถูกวงเน้นด้วยสถานะของ ‘คนรักเก่า’ ที่จนบัดนี้แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างพิมพ์ทองก็ยังไม่มีโอกาสได้รู้ถึงสาเหตุแห่งการเลิกรากัน 


ตวงสุดาลอบถอนใจเฮือกเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นได้ทำลายความเงียบงันที่แผ่คลุมไปทั่วทั้งห้อง ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่พยาบาลสาวที่กำลังเข็นรถเข็นเข้ามา เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่ถูกห่อพันด้วยผู้ขนหนูสีขาวทำเอาทุกคนแทบจะลืมเรื่องที่คุยกันค้างไว้เมื่อสักครู่ไปเลย


“พาน้องมาส่งค่ะคุณแม่” หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีขาวสะอาดตาเอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อย ๆ ช้อนร่างเล็ก ๆ ขึ้นมาอย่างระมัดระวังก่อนจะส่งให้ผู้เป็นแม่             


“หน้าตาน่าเกลียดน่าชังจังเลย” ตวงสุดากล่าวพลางยื่นหน้าเข้ามาดูหลานสาวใกล้ ๆ ด้วยท่าทีตื่นเต้นเช่นเดียวกับสองหนุ่มที่เพิ่งจะเคยเห็นทารกตัวแดง ๆ ในระยะประชิดเป็นครั้งแรก


“ห...หาวววววว” ตฤณกรพูดด้วยเสียงกระซิบเมื่อปากเล็กเปิดกว้างเพื่อระบายลมแห่งความง่วงเหงา เผลอใช้ลาดบ่าของคนตัวเตี้ยกว่าเป็นที่พักคางจ้องมองเปลือกตาใสที่ค่อย ๆ เปิดออกเผยให้เห็นดวงตาทอประกายสุกสกาว 


“แก้มเป็นพวงเชียว หลานลุงหรือหลานอานะ อืม...หลานต้องเรียกจ้าว่าอะไร” ขอความเห็นจากพิมพ์ทองแล้วก็ถือโอกาสขยับห่างจากคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างแนบเนียน


“เรียกลุงจ้าสิคะ เนอะลูกเนอะ หนูต้องเรียกลุงจ้าสุดหล่อสิคะ” คุณแม่มือใหม่กล่าวพร้อมกับยิ้มให้ชีวิตน้อย ๆ ในอ้อมแขน “ลุงจ้า ลุงตัง แล้วก็ป้าตวง”


“ตั้งชื่อหรือยังน่ะพิมพ์” สาวสวยถามขึ้น


“พิมพ์เรียกแกว่าแก้มหอม ส่วนชื่อจริงเอาไว้รอคุณพ่อเขามาตั้งจ้ะ”


“หนูชื่อแก้มหอมเหรอคะ” เจ้าของร่างสูงกล่าวพลางแตะที่หัวคิ้วของเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู พยายามจะเบามือที่สุดราวกับเนื้อนิ่มนั่นเป็นแก้วบาง 


อาทิตย์ทัศน์ลอบสังเกตเสี้ยวหน้าคมสันที่กำลังทอดมองเด็กน้อยไม่วางตา ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อย ๆ ผิดกับตอนที่ก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลครั้งแรก เป็นรอยยิ้มที่แสนสุดแสนจะอ่อนโยนส่วนคำพูดจากปากนั้นก็อบอุ่นไม่แพ้กัน


“ตังอยากอุ้มหลานไหม”


“ได้เหรอครับ” ตฤณกรทำตาวาว แต่แล้วประกายความตื่นเต้นนั้นวูบหม่นลง “ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวผมทำหลานเจ็บ” ชายหนุ่มกล่าวพลางใช้หลังมืออังกับผิวแก้มที่ใสเสียจนเห็นเส้นเลือดฝอยได้อย่างชัดเจนเพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้ว “เอาไว้โตกว่านี้อีกหน่อยลุงตังจะให้ขี่คอนะคะแก้มหอม


อาทิตย์ทัศน์มองภาพตรงหน้าเสียเพลินจนเผลอยิ้มออกมา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากอีกฝ่ายมีลูกสาวตัวน้อย ๆ เขาคงจะเป็นคุณพ่อที่ใจดีมาก ๆ เป็นแน่


“เดี๋ยวขอให้คุณแม่ให้นมน้องสักครู่นะคะ” พยาบาลสาวกล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปลากผ้าม่านผืนใหญ่ล้อมเตียงคนไข้เอาไว้เพื่ออำพราสายงตา เมื่อเห็นดังนั้นทั้งตฤณกร อาทิตย์ทัศน์และตวงสุดาจึงขอตัวกลับเพื่อให้แม่และลูกได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน


“คุณจะไปดูเพื่อนหน่อยไหม” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นเมื่อประตูห้องพักผู้ป่วยถูกดึงปิด คำถามนั้นทำเอาอาทิตย์ทัศน์ชะงักหันมาสบตาคนถามด้วยความแปลกใจ


“ณัฐนนท์ไง ไปดูเขาหน่อยไหม” ตฤณกรยังพูดคำเดิม “เขาไม่มีใครที่นี่เลยไม่ใช่เหรอ ผมว่าเขาน่าจะอยากคุยกับใครสักคนนะ โดยเฉพาะ...เพื่อนเก่าอย่างคุณ อีกอย่างเราก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหนนี่”


คนฟังผ่อนลมหายใจยาวพลางพยักหน้า อาทิตย์ทัศน์เข้าใจเจตนานั้นดี แม้ปัจจุบันสถานะระหว่างกันจะชัดเจน แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ตฤณกรแสดงให้เห็นว่าเขายังคงเป็นต้นหญ้าที่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่เปลี่ยน หลังจากสอบถามพยาบาลโดยใช้ข้อมูลเดียวที่มีอยู่ในมือก็คือนามสกุลของลูกชายผู้ป่วย จึงรู้ว่า ‘นที จิระตระกูล’ กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในห้องสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจอาการหนัก (CCU) ซึ่งอยู่ถัดลงไปที่ชั้น 6 ของอาคารเดียวกัน ทั้งคู่จึงไม่รั้งรอที่จะไปให้ถึงจุดหมาย 
   

“ผมรออยู่ตรงนี้นะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะเดินตามอาทิตย์ทัศน์ออกจากลิฟต์


คนนำไม่ฝืนใจเพียงแต่หันมาพยักหน้าก่อนจะสาวเท้าไปตามทางเดินเงียบสงัด ที่ปลายทางเชื่อมกับห้องโถงซึ่งมีเก้าอี้จำนวนหนึ่งไว้สำหรับบรรดาญาติ ๆ ของผู้ป่วยได้นั่งพักผ่อน ชายหนุ่มกวาดตามองหากระทั่งสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งก้มหน้าจ้องมือของตนเองที่ประสานกันแน่น   
 

“นนท์”
 

เจ้าของชื่อหันขวับ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าอิดโรยซีดเซียวนั้นดูจะมีสีขึ้นเล็กน้อย ขายาวก้าวเข้ามาใกล้จ้องดวงหน้านั้นอย่างไม่เชื่อสายตา


ใช่จริง ๆ ใช่เขาจริง ๆ


“จ้า” ริมฝีปากแห้งผากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแสนแผ่วเบาก่อนจะโอบรัดร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน นั่นทำให้อาทิตย์ทัศน์ถึงกันสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าเหตุการณืจะเป็นเช่นนี้ แต่กระนั้นก็ยังสามารถปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว มือเรียวทาบลงบนแผ่นหลังกว้างก่อนจะลูบขึ้นลงเบา ๆ อย่างปลอบประโลมจากนั้นจึงเลื่อนมาจับที่ท่อนแขนแกร่งพร้อมกับค่อย ๆ ขยับให้ห่างจากสัมผัสของอีกฝ่ายโดยไม่ให้เสียมารยาท


“นายรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่”


“เรามาเยี่ยมพิมพ์กับหลาน พิมพ์ก็เลยเล่าให้ฟังว่าคุณลุงไม่สบาย”


“จริงสินะ เราเองก็อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนชวนกันนั่งลง “คุณลุงเป็นยังไงบ้าง”


“ย...ยังไม่ได้สติเลย” ณัฐนนท์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพร้อมกับเบนสายตาไปยังประตูกระจกที่ปิดสนิท ข้างในนั้นนอกจากพ่อของเขาแล้วยังมีผู้ป่วยอื่น ๆ อีก 2-3 ราย ที่บรรดาญาติต่างก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล   


“ไม่เป็นไรนะ” มือบางวางลงบนบ่าลาดก่อนจะบีบเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ “เราว่าพี่ดลต้องรักษาคุณลุงได้แน่ ๆ อีกไม่นานคุณลุงก็จะหายเป็นปกติ”


วิศวกรหนุ่มดีกรีพีเอชดีหันกลับมาสบตาคนพูด นานเหลือเกินที่ไม่ได้เห็นเงาสะท้อนของตนเองอยู่ในดวงตาคู่นี้ วูบหนึ่งของความคิดอยากจะมีเวทมนต์เสกให้วันเวลาหวนคืนเพื่อที่จะสามารถกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเองในอดีตได้ ตอนนั้นต่อให้ต้องย้ายไปเรียนยังต่างประเทศก็จะรักษาความสัมพันธ์ที่เลยขีดขั้นของความเป็นเพื่อนเอาไว้ จะไม่ยอมให้คำว่า ‘ความเหมาะสม’ หรือ ‘ชื่อเสียงเกียรติยศ’ มามีอำนาจเหนือความต้องการของตนเองเป็นอันขาด ณัฐนนท์รั้งมืออุ่นมากุมไว้ จ้องลึกลงไปในดวงตาราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่แหวนทองคำขาวที่อาทิตย์ทัศน์ยังคงสวมติดนิ้วก็เตือนให้รู้ว่าทุกอย่างมันสายเกินไปเสียแล้ว 


“ขอบใจมากนะจ้า”


“ไม่ต้องขอบใจเราหรอก  ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน” พูดจบเจ้าของชื่อก็ดึงมือกลับ 


‘เพื่อน’ คำนี้ทำเอาคนฟังเจ็บร้าวไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ทั้งที่เป็นคำที่มีความหมายยิ่งใหญ่ แต่กลับทำร้ายจิตใจได้อย่างแสนสาหัส 


“นายกินอะไรหรือยัง อยากกินอะไรไหมเราจะไปซื้อให้”


สิ้นเสียงแห่งความห่วงใจ ภาพของหนุ่มน้อยในชุดนักเรียนที่มักจะนั่งถือขวดน้ำรออยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามก็แจ่มชัดขึ้นในความคิด นึกตำหนิตัวเองที่ตอนนั้นไม่เห็นค่าในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้เลยสักนิด ถึงตอนนี้จะมาเรียกหาเอาอะไรได้ 


“ไม่ต้องหรอกจ้า” พูดพลางส่ายหน้าน้อย ๆ “เรายังไม่หิว เราอยากไปดูหน้าหลาน นายช่วยพาเราไปหน่อยได้ไหม”


“ได้สิ” อาทิตย์ทัศน์ตอบกลับด้วยความยินดี ชายหนุ่มเดินนำมาที่หน้าลิฟต์พร้อมกับมองหาคนที่บอกว่าจะรออยู่ตรงนี้แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา


“มีอะไรหรือเปล่าจ้า” ณัฐนนท์ที่ก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบ ๆ เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนมาด้วยกันยังคงหันซ้ายหันขวาและไม่ทีท่าว่าตามเข้ามา


“ไม่มีอะไร” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบก่อนจะเดินเข้ามายืนเคียงข้างกัน



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2015 08:13:47 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


อาทิตย์ทัศน์เปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย หวังว่าจะพบตฤณกรที่นี่แต่ก็ต้องผิดหวัง ในห้องมีเพียงนายแพทย์ธนดลซึ่งเป็นทั้งสามีของพิมพ์ทองและรุ่นพี่โรงเรียนเก่ากับอีกคน...


“สวัสดีครับพี่จ้า” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวกับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา อาทิตย์ทัศน์ค้อมศีรษะรับไมตรีจากรุ่นน้องก่อนหันไปทักทายธนดลที่กำลังรับเด็กหญิงน้อย ๆ จากผู้เป็นแม่มาไว้ในอ้อมแขน สองสามีภรรยาดูจะแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็พบอดีตสองเพื่อนซี้ที่มาด้วยกัน


“พี่คิดว่าจ้ากลับไปแล้วเสียอีก เห็นพิมพ์บอกว่าออกไปได้สักพักแล้ว”


“พอดีผมแวะไปคุยกับนนท์มาน่ะครับ”


ชื่อนั้นทำเอาดนุพงษ์ต้องละสายตาจากคนพูดมองไปยังร่างสูงที่ตามเข้ามาทีหลัง ทั้งที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมโรงเรียนตั้งสมัยมัธยมแต่กลับไม่มีคำทักทายหลุดจากปากของผู้อ่อนอาวุโสกว่า ดีที่สุดที่เขาทำก็เพียงค้อมศีรษะให้อดีตศูนย์หน้าดาวยิงพอเป็นพิธีเท่านั้น นี่ถือเป็นเรื่องปกติที่ณัฐนนท์รับรู้มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นสมาชิกชมรมฟุตบอล แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายจึงแสดงทีท่าเมินเฉยกับตนเองเช่นนั้นทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้มีเรื่องที่ทำให้ต้องบาดหมางใจกัน แต่คนอย่างณัฐนนท์ก็หาได้ใส่ใจถามไถ่ให้รู้เหตุผลไม่ ต่างคนต่างอยู่จึงเป็นคำระบุความสัมพันธ์ที่น่าจะเหมาะที่สุดระหว่างเขาทั้งสองคน 


“ผมอยากมาดูหน้าหลานผมก็เลยขอให้จ้าช่วยพามาน่ะครับ” ณัฐนนท์เอ่ยขึ้น สีหน้าเคร่งขรึมของเขาทำให้พิมพ์ทองได้แต่ยิ้มบาง กล่าวขอบคุณเป็นการตอบแทนน้ำใจ อดถามถึงอาการของ ‘นที จิระตระกูล’ ด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ และนั่นก็ยิ่งเรียกความกังวลให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวิศวกรหนุ่มอีกครั้ง กระนั้นแล้วในห้องสี่เหลี่ยมชวนอึดอัดก็กลับชื่นมื่นเพราะเจ้าตัวแดงที่กำลังขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ เด็กแก้มหอมปรือตาคู่สวยให้คุณพ่อและบรรดาลุง ๆ อา ๆ ชื่นชมอยู่ได้ไม่นานก็ผล็อยหลับ  และนายแพทย์ธนดลส่งลูกสาวคืนให้พยาบาลเพื่อนำกลับไปยังหออภิบาลทารกแรกเกิด บรรดารุ่นน้องจึงถือโอกาสกล่าวคำอำลาก่อนจะพากันออกมาจากห้อง


“พี่จ้ามายังไงครับ ให้ผมไปส่งไหม” ดนุพงษ์กล่าวกับหนึ่งในสองคนที่เดินนำหน้า รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองยังคงพยายามทำตัวเป็นปกติแม้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้สู้หน้ากันแทบไม่ติดก็ตาม


อาทิตย์ทัศน์เองก็เช่นกัน ยังคงรักษาน้ำใจและรักษาระยะห่างเป็นปกติ  “ขอบใจมากนะดิว แต่พี่เอารถมาน่ะ”

 
“จอดรถไว้ชั้นไหนครับ ผมจะได้เดินไปส่ง” คำพูดเอาใจใส่ของดนุพงษ์ทำเอาณัฐนนท์ถึงกับต้องหันกลับมามองคนพูด


“ไม่เป็นไร นายสองคนไปกันก่อนเถอะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพลางกดลิฟต์ให้


“แล้วพี่จ้าจะ...” พูดยังไม่ทันจบอีกคนก็แทรกขึ้นเสียก่อน


“เขามาด้วยใช่ไหม” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขดิจิทัลเหนือกรอบประตูที่ค่อย ๆ นับถอยหลังเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบสัญญาณประตูเปิดก็ดังขึ้น


“เราไปก่อนนะ” เจ้าของดวงตาหม่นเศร้าหันมากล่าวอำลาก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์
บรรยากาศเช่นนั้นทำเอาดนุพงษ์ที่มองเหตการณ์อยู่ตลอดถึงกับพูดอะไรไม่ออก ที่แท้อาทิตย์ทัศน์ก็มากับใครอีกคน ได้แต่เดินตามรุ่นพี่โรงเรียนเก่าอย่างปลงตก   


...


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองป้ายที่ติดอยู่บนผนังสีขาวซึ่งชี้บอกทางไปยังแผนกอนุบาลทารก ขายาวก้าวไปตามทางเดินพร้อมกับมองหาจนกระทั่งสาตาสะสุดเข้ากับตะกร้าสานที่วางอยู่บนเก้าอี้ นั่นทำให้คิดแน่ใจว่าเขาเดาไม่มีผิดว่าคนที่กำลังตามหาน่าจะอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มคว้าตะกร้าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มพลางจ้องแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังยืนมองทารกแรกเกิดที่นอนอยู่ในเตียงผ่านผนังกระจกบานใหญ่   


“มาอยู่นี่เอง นึกว่าหนีกลับไปคนเดียวแล้วเสียอีก”


“ผมจะกลับได้ยังไงกันในเมื่อคุณยังอยู่ที่นี่”


ดวงตาคมที่หันมาสบกันอีกครั้งกับคำพูดแฝงความหมายทำเอาอาทิตย์ทัศน์ต้องเสมองไปทางอื่น ตาคู่สวยค่อย ๆ ไล่มองเด็กใน้อยในแต่ละเตียงกระทั่งมาหยุดที่ ‘เด็กหญิงกำธรธนเกียรติ’ ที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม   


“น่ารักเนอะ”


“ผมหรือหลาน”


“ไม่น่าถาม ก็ต้องแก้มหอมสิ” อาทิตย์ทัศน์หันมายิ้มให้ก่อนจะกลับไปสนใจหนูน้อยแก้มแดงอีกครั้ง


“หอมจริงหรือเปล่าต้องพิสูจน์หน่อยแล้ว” พูดจบเจ้าของร่างสูงยกมือขึ้นโอบไหล่แกล้งรั้งคนตัวเตี้ยกว่าเข้ามาใกล้กระทั่งถูกปรามจึงหยุดหัวเราะชอบใจ จากนั้นดวงตาสองคู่ก็พร้อมใจกันทอดมองไปยังบรรดาหนู ๆ ที่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในห้องกระจก ได้แต่เอาใจช่วยให้พวกเขาแข็งแรงและเติบโตขึ้นมาเป็นลูก ๆ ที่น่ารักให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ   
 

...


แววตาเศร้าสร้อยของชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟใต้ตึกโรงพยาบาลมองผ่านบานกระจกใสจับจ้องไปยังสองคนที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป ใบหน้านั้นมีแต่รอยยิ้มราวกับความสุขกำลังโอบล้อมทั้งสองร่างเอาไว้ผิดกับตัวเขาในขณะนี้ที่แม้แต่หัวใจก็แทบอยากจะร้องไห้ ณัฐนนท์ถอนใจยาวพลางดึงสายตากลับมองเงาสะท้อนของใครคนหนึ่งที่เดินมาจากทางด้านหลัง เขาวางกาแฟสองถ้วยบนโต๊ะก่อนจะดึงเก้าอี้และนั่งลงข้าง ๆ


“กาแฟเสียหน่อยสิพี่ ผมเลี้ยง”


วิศกรหนุ่มมองถ้วยกาแฟร้อนที่ถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า ทั้งที่เป็นกาแฟคั่วบดชั้นดี แต่เขากลับไม่รู้สึกว่ามันหอมละมุนเหมือนอย่างเคยเลยสักนิด นั่นคงเพราะอารมณ์ที่ไม่เป็นปกติรวมถึงไม่มีคนคุยถูกคอนั่งละเลียดลิ้มรสไปด้วยกัน ณัฐนนท์ละสายตาจากภาพตรงหน้าได้เพียงไม่นานก็จับจ้องไปยังร่างของอาทิตย์ทัศน์อีกครั้งก่อนจะที่ภาพนั้นค่อย ๆ ลับหายไป อดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายแล้วกระมัง     


“พี่รู้ไหม ผมลังเลหลือเกินตอนที่เด็กผู้หญิงจากชมรมถ่ายภาพมาขอให้ช่วยเอาบัตรละครเวทีของโรงเรียนไปให้พี่” ดนุพงษ์กล่าวพลางใช้ช้อนเล็ก ๆ คนของเหลวสีเข้มในถ้วย ไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนเองกำลังฉุดรั้งภาพความทรงจำเก่า ๆ ที่จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดมานานแสนนานให้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง


“บัตรละคร...”


“ใช่ บัตรละครเวทีใบนั้น เธอบอกว่ามีคนฝากเธอมาอีกที และก็ขอร้องให้ผมเอามันไปให้พี่ให้ได้ จนในที่สุดผมก็ตกลงรับปาก” เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งกดมุมปากยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงวีรกรรมในวัยเด็ก “ผมไม่รู้ว่าบัตรอีกใบอยู่กับใครจนกระทั่งเห็นพี่กับพี่ตวงนั่งคู่กันในหอประชุม” พูดจบดนุพงษ์ก็ยกกาแฟขึ้นจิบ


“นี่นายเองเหรอที่เป็นคนเอาบัตรละครเวทีใบนั้นมาให้ฉัน” ณัฐนนท์กล่าวพลางหวนนึกถึงบัตรเข้าชมละครเวทีของโรงเรียนที่ใครก็ไม่รู้เอามาเสียบไว้ที่หน้าล็อกเกอร์ในห้องชมรม จำได้ว่าตอนนั้นพยายามคาดคั้นเอากับเพื่อน ๆ ทุกคนแต่ก็ไม่มีใครปริปากบอกว่าบัตรละครใบนั้นมาจากไหน ตาคู่หม่นทอดมองถ้วยกาแฟตรงหน้า ความร้อนที่ส่งผ่านเนื้อเซรามิคมายังอุ้งมือทั้งสองเตือนให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ไม่ใช่ความฝัน จู่ ๆ ปริศนาก็ถูกเฉลยทั้งที่เขาเลิกล้มความคิดที่จะหาคำตอบไปตั้งแต่เห็นผลลัพธ์ของการรับบัตรละครเอาไว้ บัตรละครประจำปีที่มีเงื่อนไขว่าคนถือบัตรจะต้องชวนกันมาเป็นคู่ ในตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่ที่ยอมเสียเวลาไปดูละครก็เพียงเพราะใคร่จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเกิดจากการกลั่นแกล้งโดยฝีมือของใครบางคนกันแน่ และเมื่อพบว่าผู้ที่ถือบัตรอีกใบคือตวงสุดา ความตื่นเต้นเขินอายยามเมื่อได้นั่งใกล้ ๆ กันก็ทำให้ลืมความรู้สึกก่อนหน้าไปเสียสนิท ลืมแม้แต่จะนึกขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดเรื่องบังเอิญนี้ขึ้น     


คนอายุน้อยกว่าไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับผ่อนลมหายใจยาว วางถ้วยกาแฟลงแล้วจึงกล่าวต่อ “หลังจากนั้นพี่กับพี่ตวงก็คบกัน ตอนนั้นใคร ๆ ก็พูดว่าเห็นณัฐนนท์ที่ไหนต้องเห็นตวงสุดาที่นั่น แทนที่จะเป็นเห็นพี่นนท์ที่ไหนต้องเห็นพี่จ้าอยู่แถวนั้น และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ผมดีใจมาก แล้วผมก็พอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมา”


“แผนการ?” คนฟังมุ่นคิ้ว “แผนการอะไรกัน” 


“ผมนับถือพี่จ้าจริง ๆ ที่ยอมเจ็บเพื่อให้เพื่อนได้มีความสุข”


“จ้า...” ชื่อนั้นทำเอาใจหาย ภาวนาให้ดนุพงษ์คาดการณ์ผิด ท่าทางไม่แยแสของเจ้าของชื่อเมื่อครั้งที่ถูกขอให้ช่วยเรื่องตวงสุดาทำให้ไม่เคยคิดเลยว่าอาทิตย์ทัศน์จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุบังเอิญในครั้งนั้น


“ผมเคยบอกตัวเองว่าผมนี่แหละจะยืนแทนที่พี่ให้ได้ แต่สุดท้ายพี่จ้าก็ไม่เลือกผม เพราะอะไรรู้ไหม” ชายหนุ่มเว้นจังหวะเงยหน้าขึ้นสบตาคู่สนทนาที่ยังคงนิ่งเงียบ “เพราะพี่จ้าไม่เคยลืมพี่เลย แต่พี่กลับเป็นฝ่ายลบพี่จ้าออกจากชีวิต”


ณัฐนนท์ก้มหน้ายอมรับ ดนุพงษ์พูดถูกเรื่องที่ว่าเขาพยายามลืมภาพของอาทิตย์ทัศน์แล้วเริ่มต้นกับใครสักคนที่จะทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเขาพยายามลืมแม้กระทั่งความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง   


“สมัยเรียนผมเคยอิจฉาพี่ เพราะตอนนั้นสายตาของพี่จ้ามีแต่พี่คนเดียวเท่านั้น แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ พี่รู้ตัวไหมว่าพี่น่ะแทบจะไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของพี่จ้าอีกแล้ว ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าพี่น่าสงสารกว่าผมเสียอีก”


“เพราะแบบนี้ใช่ไหม นายถึงไม่ชอบหน้าฉัน” ริมฝีปากหยักฝืนยิ้มขื่น ๆ “ตอนนี้เราสองคนก็ไม่ต่างกันนักหรอก”


...มีตัวตนก็เหมือนไม่มี...


ตฤณกรเดินมาหยุดที่กรอบประตูมองแผ่นหลังที่ขยับไหวอยู่หน้าอ่างล้างจาน ร่างสูงเดินตรงเข้าไปก่อนจะสอดแขนทั้งสองเข้าข้างลำตัวทำเอาคนเผลอถึงกับสะดุ้ง เหลียวมองเจ้าของคางหนักที่วางพาดลงมาบนลาดไหล่จากนั้นจึงเอื้อมมือหมุนปิดน้ำก่อนจะวางจานใบสุดท้ายลงบนตะแกรงพัก รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกันแน่   


“ขอกอดคนนี้ให้แน่น ๆ ได้ไหมนะ โทษฐานที่วันนี้ยอมให้คนอื่นกอดง่าย ๆ”


อาทิตย์ทัศน์ได้แต่ยืนนิ่งยอมให้เขาทำตามแบบที่ต้องการแต่โดยดี ยกริมฝีปากสีเรื่อขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา


“แปลกจังทำไมวันนี้ยอมให้กอดง่าย ๆ ไม่เห็นบ่นสักคำ”


“ก็รู้ว่าทำผิด” คนพูดน้อยตอบเพียงสั้น ๆ


ตฤณกรยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกดปากลงบนรอยบุ๋มที่ข้างแก้มของคนในอ้อมแขนจากนั้นจึงเลื่อนขึ้นมากระซิบชิดใบหู “รู้ตัวด้วยเหรอ”


“แสดงว่าแอบดู” คนพูดเอียงหน้าหนีเมื่อจมูกอยู่ไม่สุขเริ่มลากวนอยู่บนลำคอ


“ไม่ได้...แ...อบ...สัก...หน่อย” ความง่วงเหงาหาวนอนทำให้ท้ายประโยคฟังแทบไม่เป็นภาษา


“ง่วงก็ไปนอนไป เดี๋ยวผมรอเอาขนมออกจากเตาอบแล้วจะตามขึ้นไป”


“ยังไม่ง่วงสักหน่อย อยากทำอย่างอื่นก่อน” 


เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาสองแก้มร้อนผ่าว กระนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็ยังฝืนต่อปากต่อคำ “ทะลึ่งแล้ว”


“ทะลึ่งอะไรกัน แค่จะอ่านหนังสือก่อนนอนเนี่ยนะ คนคิดทะลึ่งน่ะคุณมากกว่า” กล่าวพลางกระชับแขนแกร่งให้แน่นเข้า ลากปลายจมูกคลอเคลียซอกคอขาว “ตัวหอมจัง”


“ไปได้แล้วไป จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”


“ถ้าอย่างนั้นผมขึ้นไปรอคุณข้างบนนะ ถ้าอยากทำอะไรก่อนนอนก็รีบตามมาล่ะ”


“หืม?” คนฟังหันขวับ


“อ่านหนังสือไง คุณนี่คิดอะไร” ตฤณกรหัวเราะพร้อมกับคลายวงแขนออก


“รีบไปเถอะ” พูดจบมือเรียวก็รั้งมีดที่เสียบอยู่ในกล่องไม้มาถือไว้


“เฮ้ย! คุณหยิบมีดทำไม”


อาทิตย์ทัศน์หันมองร่างสูงใหญ่ (เสียเปล่า) ที่จู่ ๆ ก็ถอยกรูดจนชิดขอบโต๊ะอาหาร ซ้ำยังยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองราวกับกลัวว่าเขาจะนึกครึ้มขอยืมพุงมาเป็นที่เก็บมีด “จะปอกผลไม้ให้แม่” คนพูดส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างอิดหนาระอาใจแต่กระนั้นบนใบหน้าก็ยังฉาบด้วยรอยยิ้ม


“ตกใจหมด”


“ตกใจทำไมกัน”


“ก็นึกว่าพูดไม่เข้าหูหน่อยเดียวจะฆ่ากันให้ตายเสียแล้ว”


คนฟังทำจมูกย่นวางมีดลง “คุณมันพวกตายยาก ทำยังไงก็ไม่ตาย เป็นวัชพืช”


ตฤณกรคลี่ยิ้ม มองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบถุงผลไม้มาวางบนโต๊ะ ไม่วายสาวเท้าเข้าไปยืนซ้อนหลังก่อนจะกระซิบ “วัชพืชอย่างผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์นะ”


...เปิดตำนานความเสี่ยว...


“พูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้ว” คนพูดเสมองไปทางอื่นเมื่อรู้สึกร้อนวาบไปทั้งสองแก้ม


“ที่เลอะเทอะน่ะหน้าคุณต่างหาก ดูสิแก้มแดงไปหมดแล้ว เขินเหรอ”


ตัวต้นเหตุทำหัวเราะชอบใจในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ได้แต่ส่ายหัวดิก ทำอย่างไรก็ไม่ชินสักที ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนวันแรกที่เริ่มเปิดใจทำความรู้จักกันไม่มีผิด ชายหนุ่มปรายตามองคนหน้าทะเล้นพลางยกมือข้างที่ว่างอยู่โบกออกนอกตัวเป็นเชิงว่า ‘จะไปทำอะไรก็รีบไปเถอะ (รีบไปเสียก่อนที่มีดจะบิน)’ รอกระทั่งร่างสูงลับตาไปจึงเทผลไม้ลงในกะละมังยกไปวางในอ่างเปิดน้ำล้างแล้วพักไว้ในตะกร้า หูก็ยังคงได้ยินเสียงตฤณกรพูดถึงความน่ารักของเด็กหญิงแก้มหอมให้แม่ฟังไม่หยุดปาก อดคิดไม่ได้ว่าท่าทางผู้ใหญ่ตัวโตจะหลงรักเจ้าหนูน้อยแก้มแดงเข้าให้แล้วกระมัง


...



ตฤณกรเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนตรงไปคว้าหนังสือจากโต๊ะทำงานเดินไปทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียงแล้วจึงเปิดหนังสือหน้าที่ขั้นไว้ด้วยแถบกระดาษออกอ่าน มือหนาขยับกรอบแว่นพลางไล่สายตาไปตามตัวอักษรทีละบรรทัดอย่างตั้งอกตั้งใจ  กระดาษถูกพลิกเปลี่ยนหน้าแล้วหน้าเล่ากระทั่งเสียงเปิดประตูดังขึ้นจึงได้ละสายตาจากกระดาษอาร์ตมันที่เต็มไปด้วยรูปภาพมองร่างสูงที่กำลังเดินมานั่งลงยังข้างเตียง


อาทิตย์ทัศน์หยิบโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียงมาเปิดอ่านข้อความรวมถึงตรวจดูสิ่งที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้นจากปฏิทินก่อนจะกดปิดเครื่องแล้ววางเอาไว้ที่เดิม จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนโดยใช้แผ่นหลังของอีกคนแทนหมอนหนุน ตาคู่สวยทอดมองไปบนเพดานว่างเปล่า ฟังเสียงเสียดสีกันของแผ่นกระดาษที่นาน ๆ จะได้ยินสักครั้ง ลมหายใจอุ่นถูกผ่อนออกจากปลายจมูกก่อนที่จะขยับนอนตะแคง ริมฝีปากบางเม้มแน่นมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด     


“ตัง”


“หืม?”


“คุณอยากมีครอบครัวแบบคนอื่น ๆ ไหม”


คนฟังชะงักไปชั่วขณะก่อนจะพลิกกระดาษหน้าถัดไป “ทำไมถามแบบนี้ ผมก็มีคุณเป็นครอบครัวของผมแล้วไง”


“ไม่ใช่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงมีครอบครัวแบบคนทั่ว ๆ ไปแล้วก็มีลูก”


“แต่ผมอยากมีคุณมากกว่า” พูดจบก็ปิดหนังสือวางลงบนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับแว่นสายตาก่อนจะพลิกตัวนอนหงายรั้งคนช่างสงสัยขึ้นมาแนบอก ใช้มือลูบไปบนแผ่นหลังแบบที่เขาชอบ


“แต่คุณชอบเด็กไม่ใช่เหรอ”


“เปลี่ยนมาชอบผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วไม่รู้หรือไง”


“เลิกพูดเล่นก่อนได้ไหม ผมถามจริงจังนะ”


“ก็ผมไม่อยากให้คุณจริงจังนี่นา แค่อยากให้คุณสบายใจว่าเรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาเลย ถามผมแบบนี้แล้วคุณล่ะคิดอยากจะมีลูกบ้างหรือเปล่า”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตา “ไม่รู้สิ ก่อนหน้านี้คิดแต่จะอยู่กับแม่ ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย”


“แล้วตอนนี้ละ”   


หน้าหล่อแนบลงบนแผงอกอุ่นดังเดิม นอกจากหูจะได้ยินเสียงจากปากของคนที่ตนเองนอนก่ายกอดแล้วยังคงได้ยินเสียงก้อนเนื้อใต้อกเสื้อของเขาด้วย “แล้วแต่คุณก็แล้วกัน”


“ถ้าแล้วแต่ผม ผมก็จะบอกว่าผมอยากอยู่กับคุณไปแบบนี้ มีผมกับคุณแค่สองคน”


“ทำไมล่ะ”


“ผมอยากรักคุณแค่คนเดียว ไม่อยากเอาความรักไปแบ่งให้ใคร แล้วก็จะไม่ยอมให้คุณไปรักใครนอกจากผมด้วย”


“คุณนี่เอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้า”


ตฤณกรหัวเราะในลำคอก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาวางบนศีรษะของคนที่นอนทาบอยู่บนร่าง ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงโอบล้อม


“จ้า”


“หืม?”


“รักผมคนเดียวได้หรือเปล่า”


“ก็ถ้าคุณไม่ฝึกเคล็ดวิชานินจาแยกร่าง ผมก็รักคุณแค่คนเดียวนี่แหละ”


ประโยคกวนอารมณ์ทำเอาตฤณกรถอนหายใจเฮือก พลิกตัวกลับกดอีกฝ่ายลงกับเตียง “ผมควรจะทำยังไงกับคนไม่โรแมนติกเสมอต้นเสมอปลายคนนี้ดีนะ” พูดจบก็ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ขยี้เบา ๆ ที่ปลายจมูกของคนใต้ร่าง “แล้วแต่ผมอีกหรือเปล่า”


อาทิตย์ทัศน์สบตาคนพูด รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้หากตอบไปแบบนั้น ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้ม ๆ พลันภาพตรงหน้าก็กลับพร่ามัวเมื่อหน้าคมเคลื่อนใกล้เข้ามาจากนั้นปากบางก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักที่ทาบทับบดเคล้าดูดดึงอย่างหยอกเย้า เนิบนาบ เนิ่นนานราวกับเวลาถูกหยุด กลีบปากสีเรื่อเผยอออกเมื่อความอดทนเริ่มหมด สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาฉกชิมความหวานตามอำเภอใจ ไม่นานสัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นความหนักหน่วงเร่าร้อนชวนให้หัวใจหวามไหวจนแขนขาวต้องยกขึ้นเกี่ยวรั้งต้นคอหนาเป็นหลักยึด เปลือกตาบางปิดลงปล่อยให้มือหนาที่ลูบคลึงไปบนผิวกายฉุดรั้งร่างให้ดำดิ่งลงสู่กระแสแห่งความปรารถนาอันเชี่ยวกราก จะขอให้หยุดตอนนี้ก็คงสายไปเสียแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็...



‘แล้วแต่คุณก็แล้วกัน’





จบจ้ะ



สวัสดีค่ะ ลืม ดร.ณัฐนนท์กับอ.ดิวไปหรือคะ ส่วนเรา...ลืมแล้ว ต้องย้อนกลับไปอ่านในหนังสือใหม่ 555

สำหรับตอนพิเศษนี้ก็ยังดำเนินเรื่องต่อจากตอนพิเศษตอนสุดท้ายในหนังสือนะคะ สำหรับใครที่ไม่มีหนังสือก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ

เนื้อหาพยายามเท้าความอยู่แล้ว ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2015 09:20:47 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
'แต่ผมอยากมีคุณมากกว่า..' แอร๊ย~ :m3: ตังอ่ะูพูดอะไรก็ไม่รู้~ทำคนแอบฟังอย่างเราเขินจนตัวบิดไปหมดแล้วน้าา >\\\\\\< ไม่สงสารกันบ้างเลย.. หวานเจี๊ยบ >.<

ส่วนนนท์..เรายังเคืองนายเหมือนเดิมนั่นล่ะค่ะ เสียใจแค่ไหนเราก็ไม่เห็นใจหรอกนะ เพราะนนท์ยังเจ็บได้ไม่เท่ากับที่จ้าเคยรู้สึกมาตั้งหลายปีเลยสักนิดเดียว -*- น่าเสียดายแทนจริงๆ เลยนะคะเนี่ยที่ปล่อยให้ 'ความรักดีๆ' หลุดลอยออกไปจากกำมือ..

ขอบคุณนะค้าา.. o1

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนพิเศษตัวนนท์ดิว เอ๊ะ หรือดิวนนท์
 :z10: เห็นดิวนนท์นึกถึงอีโมนี้ไม่รู้ทำไม ฮ่าๆๆๆๆ
แต่เวลาอ่านตังจ้าทีไรบรรยากาศมันอบอุ่น น่ารักมุ้งมิ้งมากจริงๆ
ช๊อบชอบคู่นี้มากๆ เดี๋ยวเขียนตอนพิเศษหลายตอนแล้วเอามารวมเล่มนะคะ
อยากได้เล่มปกสวยๆ ขี้เกียจปริ้นท์แล้วมาเก็บกลัวยับ เวลาอ่านผ่านหน้าจอก็ไม่เหมือนผ่านกระดาษ
ความรู้สึกมันต่างกัน
ครบ1000 ไลค์ก็ขอให้มีคนชอบมากขึ้นๆไปอีกนะคะ ทุกคนชอบงานเขียนของคุณ ถธปทฟ. เลยเรียกร้องแต่ตอนพิเศษๆ
อย่าเบื่อเลยนะคะ เรียกร้องเพราะรักมากจริงๆ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เป็นนิยายที่อ่านกี่ครั้ง ก็เขิลลล หวานมากกก นี่ขนาดจ้าไม่ใช่คนโรแมนติกนะ ถ้าจ้าเป็นคนโรแมนติกด้วย นิยายเรื่องนี้คงทำให้คนอ่านเป็นเบาหวานตาย โอ้ยยย ตัวบิดเป็นเลขแปดไทย

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ผู้ชายอย่างตังที่ไหน เป็นคนที่อบอุ่นและโรแมนติก
จ้าโชคดีมาก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อบอุ่นละมุนที่สุดแล้วคู่นี้ พึ่งอ่านหนังสือจบไปอีกรอบ ไม่เบื่อเลย
อ่านแล้วก็อยากเที่ยว อยากถ่ายรูป อยากวาดรูป (ซึ่งความอยากไม่สัมพันธ์กับความสามารถใด ๆ)
นนท์...เฮ้อ...สุดท้ายเหลือเพียงความว่างเปล่า
เห็นใจดิวนะ รักมาตั้งนาน พยายามทุกอย่าง ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นดิวได้เป็นพระเอกแน่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้จ้ะ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
...เปิดตำนานความเสี่ยว....


คือกำลังคิดคำนี้ใจใจเลื่อนบรรทัดลงมาเจอนีขำก๊ากกกกกกกก
เราคิดว่าพี่ตังแอบเศร้าที่พี่จ้าไปหาเพื่อนเก่าซะอีก แล้วก็จะมีหึงหน้ามืดกะได้โมเมนต์ ฟิฟตี้เชดออฟตัง เต็มที่
แต่สายน้ำเชี่ยวกรากมาแค่นี้ก็ฟินตวแตกล่ะ555555555555

ปล.เรายังรอดิวนน์อยู่นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด