ตอนที่ 6 ลูกชุบ
วันนี้มีคุณได้รับโทรศัพท์จากเคารพแต่เช้าว่ามีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่จะต้องแจ้งให้ทราบและจะมาพบมีคุณด้วยตัวเองในช่วงสายๆ เคารพโทรมาแต่เช้าก็จริงแต่ก็ยังสายกว่านับตังค์ เพราะเมื่อเข้าลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นนับตังค์อยู่ในห้องแล้ว มีคุณลุกขึ้นอาบน้ำเพื่อรอการมาของเคารพ เขาไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญที่ว่ามันสำคัญขนาดไหน ในสัญญาเงื่อนไขการรับมรดกของคุณปู่ก็เซ็นกันเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถจะเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คิดว่าคงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้มีคุณต้องกังวลใจอีก
เมื่อมีคุณลงมาถึงห้องครัวก็เห็นนับตังค์กับขมิ้นกำลังขะมักเขม้นทำอะไรบางอย่างจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทั้งคู่กำลังปั้นอะไรสักอย่างให้เป็นรูปผลไม้บ้าง ผักบ้าง มีคุณหยิบขนมที่ขมิ้นปั้นขึ้นมาดูแล้วก็หัวเราะจนขมิ้นรู้สึกอาย
“ปั้นไม่เป็นก็ยังจะบังคับ ก็ออกมาเป็นพันนี้นิ” ขมิ้นฟ้องมีคุณที่โดนนับตังค์บังคับให้ช่วยทำ
“ทำเป็นหัวเราะคนอื่น มาลองปั้นบ้างดิบอส” นับตังค์ท้ามีคุณ
“ลูกชุบเหรอ นี่ไม่ใช่ถั่วเหลืองใช่ไหม” มีคุณถาม
“ไม่ใช่ ตังใช้อัลมอนด์ทำ แล้วลูกชุบไทยส่วนใหญ่เขาใช้ถั่วเขียวเลาะเปลือกนะ ไม่ใช่ถั่วเหลือง คิดจะเป็นนักวิจารณ์ต้องหัดเรียนรู้ด้วยนะ” นับตังค์เริ่มเปิดศึกปะทะฝีปากแต่เช้า
“เอ้า มันไม่เหมือนกันรึ พี่ก็คิดว่าเรียกว่าถั่วเหลืองนิ” ขมิ้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เห็นไหม พี่กับขมิ้นไม่มีใครมาสอนแบบตังนี่ จะได้รู้ไปหมด” มีคุณดีใจที่ได้ขมิ้นเป็นพวก
“ถั่วเขียวเวลาเลาะเปลือกออกมันจะมีสีเหลือง คนเลยชอบเข้าใจผิดเรียกมันว่าถั่วเหลือง แต่ย่าของตังเรียกว่าถั่วทอง ถั่วทองเนี่ยใช้ทำขนมหลายอย่าง ส่วนถั่วเหลือง ตัวเม็ดมันจะใหญ่กว่าถั่วเขียว ที่เอาไว้ทำน้ำเต้าหู้ไง” นับตังค์อธิบาย ทั้งมีคุณและขมิ้นจึงพยักหน้ารับรู้โดยพร้อมเพรียงกัน
“แล้วทำไมใช้อัลมอนด์ทำล่ะ” มีคุณหยิบขนมที่นับตังค์ปั้นเป็นรูปพริกขึ้นมาดม ได้กลิ่นหอมจึงอดไม่ได้ที่จะเอาใส่ปากชิม
“แต่เดิมขนมลูกชุบเป็นขนมที่มีต้นกำเนิดจากโปรตุเกส เขาใช้อัลมอนด์ แต่พอขนมมาถึงไทย อัลมอนด์มันหายาก บรรพบุรุษเราเลยใช้พืชผลที่เรามีมาดัดแปลงแทน แต่เราทำรูปลักษณ์ออกมาสวยกว่าเพราะคนไทยเรื่องงานฝีมือไม่แพ้ใคร มันก็เลยกลายเป็นขนมไทยที่มีสีสันสวยงามและเป็นที่รู้จัก เด็กก็ชอบ” นับตังค์เล่าไปก็หยิบขนมมาลงสี
“อยากทำหนังสือรวมภาพอาหารและขนมเป็นของตัวเองไหมตัง” มีคุณถาม เพราะเห็นว่าเวลาที่นับตังค์ทำอาหารหรือทำขนม รวมไปถึงเวลาพูดถึงอาหาร นับตังค์ดูมีความสุขและบ่งบอกว่ารักในการทำอาหารจริงๆ
“ก็อยากนะ” นับตังค์ได้ยินแล้วก็คิดตาม
“ใช้ได้แล้ว จุ่มเลยเหรอ” ขมิ้นยกหม้อวุ้นที่ตั้งไฟจนละลายดีแล้วมาตั้งบนโต๊ะ
“บอส ปั้นมังคุดต่อที พี่บ่าวมาลงสีขนมแทนตังหน่อย เดี๋ยวตังจะจุ่มวุ้นเอง”
“อ๋อ ขมิ้นนี่เองพี่บ่าว” มีคุณมองขมิ้นแล้วยิ้ม เพราะนับตังค์พูดถึงพี่บ่าวก็นึกว่าเป็นคนอื่น ที่แท้ก็คือขมิ้นนี่เอง แต่ขมิ้นงงว่าทำไมมีคุณถึงยิ้มให้แล้วพูดถึงอะไรกัน
“ต้องจุ่มสองรอบ” นับตังค์ไม่ได้สนใจว่ามีคุณกำลังทำหน้ายังไง มัวแต่ใจจดใจจ่อกับขนมที่ตั้งใจทำให้ไปให้เด็กน้อยคนเมื่อวานได้กิน
“นายหัว นั่นมันมั่งขุดหรือนาวโอ” ขมิ้นชี้ไปยังขนมในมือของมีคุณ นับตังค์ละสายตาออกจากหม้อวุ้นก่อนจะมองตามมือของขมิ้นไป
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของนับตังค์ดังลั่นครัว จะไม่ให้ขำได้ยังไง บอกให้มีคุณปั้นมังคุด ดันปั้นลูกโตจนขมิ้นยังร้องทักว่าเป็นส้มโอ
“ไหนว่าคนเราไม่ควรหัวเราะเยาะคนอื่นไง” มีคุณรู้สึกขายหน้าที่โดนหัวเราะเยาะ นึกบ่นในใจว่าก็คนมันปั้นไม่เป็นยังจะมาใช้อีก
“โทษทีๆ ไม่ขำแล้ว” นับตังค์พยายามกลั้นหัวเราะ ซึ่งมีคุณดูออกว่าเสแสร้งสุดๆ แต่มีคุณไม่ได้โกรธจริงจังเพราะรู้ว่านิสัยของนับตังค์เป็นคนกวนๆ ไปอย่างนั้นเอง
“โธ่ พี่ไม่แคร์หรอก อยากขำก็ขำไปเหอะ” มีคุณทำหน้าเมินใส่แล้วพยายามปั้นขนมในมือให้เป็นมังคุดให้ได้
“หัวเราะอะไรกันอยู่เหรอครับ” เสียงดังมาจากทางเข้าห้องครัว ทั้งสามคนที่อยู่ในห้องจึงหันไปมองพร้อมกัน
“อ้าว คุณเคารพมาแล้วเหรอครับ” มีคุณวางขนมลงแล้วยกมือไหว้เคารพ นับตังค์กับขมิ้นจึงยกมือไหว้ตาม
“ผมมาไวกว่าเวลานัดเพราะว่าเสร็จธุระกับคุณแล้วผมต้องกลับกรุงเทพเลย” เคารพชี้แจง
“ถ้าอย่างนั้นเชิญไปนั่งที่ห้องรับแขกดีกว่าครับ อ่า..ผมลืมแนะนำ นี่เชฟคนใหม่ของผม...นับตังค์ นับตังค์...นี่ทนายของคุณปู่ของพี่ ชื่อคุณเคารพ”
“สวัสดีครับคุณนับตังค์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เคารพยิ้มให้นับตังค์ นับตังค์ก้มหัวให้อย่างนอบน้อมแทนคำทักทาย
“ยินดีเช่นกันครับคุณเคารพ”
“สบายดีนะขมิ้น” เคารพทักขมิ้นบ้าง
“สบายดีครับ” ขมิ้นรู้ว่าเคารพมาที่นี่ทำไม เริ่มรู้สึกกังวลใจแล้วว่ามีคุณจะยอมรับคำขอสุดท้ายของคุณอนันต์รึเปล่า
“เชิญที่ห้องรับแขกเลยครับ” มีคุณเชิญเคารพออกไปก่อนที่เคารพจะเผลอพูดเรื่องเงื่อนไขของพินัยกรรมให้นับตังค์ได้ยิน
เมื่อเคารพเดินตามมีคุณออกมาถึงห้องรับแขกแล้วก็นั่งลงที่โซฟาตามคำเชิญของมีคุณ ไม่นานขมิ้นก็นำลูกชุบและน้ำชามาเสิร์ฟให้คนทั้งคู่ ขมิ้นแอบสบตากับเคารพด้วยสีหน้าหนักใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว เคารพเห็นขนมสีสดใสน่าตาน่ารับประทานก็หยิบขึ้นมาชิม ก่อนจะทำตาโตแล้วแสดงออกว่าพึงพอใจในรสชาติของขนมมาก
“อร่อยมาก คุณอนันต์ตาถึงจริงๆ ที่ให้จ้างคุณนับตังค์ รสดีมากเลย ไม่หวานมาก ตัวถั่วมันและหอมมาก ดูไม่น่าจะใช่ถั่วเหลืองนะ ตัววุ้นก็บางกำลังดี กัดแล้วหนุบหนับเล็กน้อย อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ” เคารพชมไม่หยุดปาก
“นับตังค์เขาใช้ถั่วอัลมอนด์แทนถั่วเขียวเลาะเปลือกครับ” มีคุณอธิบายให้เคารพฟังหลังจากที่ได้รับความรู้มาจากนับตังค์แล้ว
“ถึงว่า ทั้งหอมทั้งมัน เนื้อสัมผัสก็เนียนดีเหลือเกิน” เคารพมองขนมในมือแล้วพยักหน้าชื่นชม
”คุณเคารพพอจะทราบไหมว่าคุณปู่ผมรู้จักกับนับตังค์ได้ยังไง” มีคุณถามสิ่งที่คั่งค้างใจมานาน
“ผมไม่ทราบหรอกครับ” เคารพตอบโดยไม่มีพิรุธ มีคุณจึงหมดคำถาม ขนาดทนายประจำตัวของคุณปู่ยังไม่รู้ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง
“แล้ววันนี้มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอครับถึงต้องมาด้วยตัวเอง” เมื่อไม่ได้คำตอบเรื่องของนับตังค์ มีคุณเลยถามเข้าประเด็น
“ผมมาเพราะยังมีคำขอร้องสุดท้ายจากคุณปู่ของคุณ ท่านไม่ได้เขียนไว้ในเงื่อนไข แต่ท่านขอร้องผ่านผมด้วยตัวท่านเอง ผมจึงต้องมาทำหน้าที่ของผมให้สมบูรณ์”
“เรื่องอะไรเหรอครับ” มีคุณเริ่มรู้สึกว่าคำขอร้องสุดท้ายของคุณปู่นี้อาจจะน่ากังวลกว่าเงื่อนไขที่ได้รับในตอนแรกเสียแล้ว
“รอสักครู่นะครับ” เคารพบอกกับมีคุณเสร็จก็ลุกเดินออกไปข้างนอก หายไปพักหนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งมาด้วย
“อย่าบอกนะครับว่าคุณปู่มีลูก...” มีคุณร้องถามออกไปด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่หรอกครับ แต่จะว่าไป ก็เหมือนใช่ครับ” เคารพยิ้มเจื่อนๆ
“ผมซีเรียสนะคุณเคารพ” มีคุณถอนหายใจ
“ปี้จ๋า จะจินยูกอม” เด็กน้อยชี้ไปที่ลูกชุบ
“ค่อยๆ กินนะ เดี๋ยวติดคอ” เคารพหยิบลูกชุบให้เด็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามามองมีคุณที่นั่งหน้าเครียดอยู่
“สรุปคุณปู่อยากขอร้องอะไรผมครับ”
“ท่านรับหนูด้วงเป็นลูกบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเริ่มป่วย หลังจากท่านเสียผมก็เอาหนูด้วงไปฝากไว้กับคุณขจี เจ้าของรีสอร์ทที่เป็นเพื่อนสนิทของท่าน ท่านขอให้ผมบอกกับคุณว่าได้โปรดรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมแทนท่าน ได้โปรดให้ชีวิตน้อยๆ นี้ได้มีโอกาสเรียนและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ท่านไม่ได้บังคับแต่ท่านขอร้อง” เคารพพูดกับมีคุณ แต่สายตาก็มองหนูน้อยที่นั่งอยู่บนตักด้วยความเวทนา
“แล้วถ้าผมทำตามคำขอร้องของท่านไม่ได้ เด็กคนนี้จะอยู่ในความดูแลของใครเหรอครับ” มีคุณหวังในใจว่าคุณขจีอาจจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ต่อให้ หากเป็นอย่างนั้นจริงมีคุณคงจะสบายใจ มีคุณยินดีเป็นคนออกค่าส่งเสียเลี้ยงดูเด็กคนนี้จนโต แต่หากให้เขารับไปเลี้ยงเองคงจะลำบาก เขาไม่เคยมีลูก ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไหนจะต้องบริหารร้านอาหารของคุณปู่ให้ครบตามเงื่อนไข ตัวเขาเองก็เดินทางบ่อยๆ คงไม่สะดวกนักกับการต้องดูแลชีวิตหนึ่งอย่างถาวร โดยเฉพาะชีวิตเด็กน้อยที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย
“ผมต้องนำหนูด้วงไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าครับ” เคารพถอนหายใจอย่างแรงเมื่อเห็นท่าทีของมีคุณ เดาว่ามีคุณคงไม่พร้อมจะรับคำขอร้องของคุณอนันต์แน่ๆ
“เด็กคนนี้เป็นลูกใคร แล้วทำไมคุณปู่ถึงตัดสินใจรับมาเลี้ยงทั้งๆ ที่ท่านก็อายุมากแล้ว” มีคุณนึกสงสัย
“คุณจะได้ทราบรายละเอียดทั้งหมดในวันที่คุณทำตามเงื่อนไขในสัญญาครบตามกำหนดครับ” เคารพเองก็หนักใจที่พูดอะไรมากไม่ได้
“เฮ้อ ทำไมต้องทำให้ลึกลับยุ่งยากแบบนี้ด้วยนะ ผมก็สงสารเด็กคนนี้นะครับ แต่ลำพังผมเองก็ยังดูแลตัวเองได้ไม่ดีเลย ผมกลัวว่าจะไม่สามารถทำตามคำขอร้องของคุณปู่ได้ เราพอจะมีทางออกอื่นไหมครับ” มีคุณปรึกษาทนายความประจำตัวของคุณปู่
“ปี้จ๋า เย่นได้ไหม” ด้วงบิดไถตัวลงจากตักของเคารพก่อนจะเดินไปหยิบรถของเล่นเล็กๆ ที่ตั้งโชว์อยู่ที่โต๊ะกลาง แล้วเดินไปหามีคุณ ด้วงชูรถของเล่นส่งให้มีคุณแล้วมองตาปริบๆ
“อ้าว ด้วง มาได้ยังไง” นับตังค์หิ้วถุงขนมออกมาจากในครัว ตั้งใจจะเอาไปให้เด็กน้อยที่ได้เจอที่รีสอร์ทของคุณขจีเมื่อวานนี้ซึ่งก็คือด้วง แต่เมื่อออกมาก็มาเจอด้วงยืนอยู่ตรงหน้าของมีคุณเสียก่อน
“ปี้จ๋า ปี้จ๋าอุ้มหน่อย” ด้วงวิ่งดุ๊กๆ ไปหานับตังค์แล้วอ้อนให้อุ้ม นับตังค์อุ้มด้วงขึ้นมาก่อนจะหยิกแก้มเด็กน้อยเบาๆ
“รู้จักด้วยเหรอ” มีคุณถามด้วยความประหลาดใจ
“เมื่อวานไปเดินเล่นที่รีสอร์ทของคุณขจีแล้วไปเจอพอดี ลูกคุณเคารพเหรอครับ” นับตังค์ตอบมีคุณก่อนจะหันมาถามเคารพ
“ไม่ใช่ครับ แต่เป็นลูกบุญธรรมของคุณอนันต์” เคารพเห็นนับตังค์เอ็นดูหนูด้วงแล้วรู้สึกว่าความหวังที่ริบหรี่กำลังสว่างขึ้นในทันใด
“ลูกบุญธรรมนายปู่เหรอครับ” นับตังค์มองหน้าด้วงก่อนจะทำหน้าประหลาดใจไม่ต่างจากมีคุณตอนที่รับรู้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
“ใช่ครับ คุณอนันต์ขอร้องก่อนเสียชีวิตว่าให้คุณมีคุณช่วยดูแลหนูด้วงต่อจากท่าน” เคารพรีบบอก มีคุณแอบลุ้นว่าเคารพจะหลุดพูดเรื่องพินัยกรรมรึเปล่า พอเห็นว่าไม่ได้พูดก็โล่งใจ ถึงตอนนี้นับตังค์จะเซ็นสัญญาแล้ว แต่มีคุณกลัวว่านับตังค์จะโกรธที่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด
“แล้ว...” นับตังค์หันไปมองมีคุณ หน้าตาแสดงออกชัดเจนว่าอยากรู้ว่ามีคุณตัดสินใจยังไง
“คือพี่ว่า...พี่...” มีคุณรู้สึกหนักใจ แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของนับตังค์ที่มองมาแล้วทำเอาเขาไม่กล้าที่จะพูดออกไปว่าไม่พร้อมจะรับเลี้ยงเด็กน้อยคนนี้
“ว่า...” นับตังค์ขมวดคิ้วถามซ้ำ
“ปี้จ๋า หนูไม่ดื้อ หนูเย่นได้เปล่า” ด้วงส่ายหน้าเพื่อบอกว่าตัวเองไม่ดื้อแล้วก็ชูรถของเล่นให้นับตังค์ดู นับตังค์มองหน้าด้วงก่อนจะหันไปมองมีคุณอีกครั้ง สายตาของนับตังค์มีความคาดหวังว่ามีคุณจะไม่ใจร้ายปฏิเสธคำขอร้องของคุณปู่ เมื่อวานนี้แค่เห็นพี่เลี้ยงดุด้วงและเลี้ยงแบบขอไปที นับตังค์ยังรู้สึกแย่และสงสารด้วงมาก
“เอาก็เอาครับ ผมจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ก็ได้ แล้วผมต้องทำยังไงบ้าง” มีคุณถอนหายใจแล้วก็หันไปตอบเคารพ
“ผมเอาของใช้ที่จำเป็นของหนูด้วงมาจากคุณขจีให้แล้ว ส่วนเรื่องรับรองให้เป็นบุตรบุญธรรมผมจะจัดการให้ ขอบคุณมากนะครับที่ยอมทำตามคำขอสุดท้ายของคุณอนันต์ ท่านคงดีใจมากและภูมิใจในตัวของคุณมากนะครับ” เคารพแสดงท่าทางดีใจกับการตัดสินใจของมีคุณและสิ่งที่เคารพสังเกตเห็นก็คือ...นับตังค์ดูจะมีอิทธิพลกับมีคุณอยู่พอสมควร ซึ่งมันทำให้เคารพแปลกใจอยู่เหมือนกันกับสิ่งที่ได้เห็น
“ผมต้องดูเด็กคนนี้ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ถูกไหมครับ” มีคุณถามเสียงเบา ไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือถูกกับภาระหนักอึ้งที่ได้รับ
“ครับ ส่วนรายละเอียดของด้วงเท่าที่จำเป็น เช่นการฉีดวัคซีน แพ้ยาอะไร ประวัติการป่วย ผมทำเป็นเล่มเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ เรื่องค่าใช้จ่ายของหนูด้วงก็ไม่ต้องห่วง คุณอนันต์มีเงินก้อนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหนูด้วง เดี๋ยวผมจะออกไปเอาของใช้ทั้งหมดของหนูด้วงมาให้พร้อมกับสมุดบัญชีนะครับ แล้วก็คงต้องขอตัวกลับเลย มีธุระสำคัญที่ต้องไปทำต่อครับ” เคารพบอกกับมีคุณ
“สวัสดีครับคุณลุงก่อน” นับตังค์พูดกับด้วง ด้วงยกมือไหว้ตามจนเคารพต้องเดินมาลูบศีรษะด้วงเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ฉลาดจังนะเรา เป็นเด็กดีนะ ไม่ดื้อนะ แล้วลุงจะมาเยี่ยมบ่อยๆ” เคารพพูดกับด้วง
“ไม่ดื้อ ดื้อเยืองตี” ด้วงรีบยกมือขึ้นโบกไปมา
“เยืองตีเหรอ” เคารพหน้าเครียด
“ใครเหรอครับ” มีคุณถาม
“คงจะเป็นดาวเรือง เด็กรับใช้ของคุณขจี เฮ้อ...ต่อไปจะไม่มีใครตีหนูแล้วนะด้วง” เคารพถอนหายใจ
หลังจากที่เคารพ มีคุณและขมิ้นช่วยกันขนของของด้วงมาไว้ในบ้านเรียบร้อยแล้ว เคารพก็รีบกลับไปเพราะเรือรับจ้างรออยู่ มีคุณนั่งกอดอกมองด้วงที่อ้อนและติดนับตังค์เป็นตังเมแบบตาไม่กระพริบ นับตังค์เงยหน้ามาเห็นก็เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเอ่ยถาม
“เอาแต่นั่งมองแบบนี้เด็กมันจะติดไหม”
“ตังก็เลี้ยงไง เด็กติดตังมากกว่าพี่” มีคุณพูดพลางยักคิ้ว
“ไหงงั้น นี่มันว่าที่ลูกบุญธรรมของบอสนะ”
“แต่ตังเป็นคนอยากให้พี่รับเลี้ยงเด็กคนนี้นะ” มีคุณย้อน
“ตังไปพูดตอนไหน” นับตังค์โวยกลับ
“พูดทางสายตา พี่รู้...ถ้าพี่ปฏิเสธ ตังก็ต้องโกรธพี่ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เมตตาเด็ก”
“ก็มันจริงไหมล่ะ ถึงตังโกรธแล้วเกี่ยวอะไร ตังก็แค่คนอื่น เรื่องนี้มันเรื่องของบอส บอสตัดสินใจเองก็แปลว่าบอสก็ต้องรับผิดชอบเองดิ”
“ก็พี่ไม่ได้เห็นตังเป็นคนอื่นไง หมายถึง ตอนนี้เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน” มีคุณตอบกลับไปจนนับตังค์พูดไม่ออก
“เอาดีๆ สรุปว่าพี่คิดจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ต่อไป” นับตังค์ถามเพราะนึกห่วงอนาคตของด้วง
“คงต้องจ้างคนมาเลี้ยง”
“ถ้าได้คนไม่ดีล่ะ แบบพี่เลี้ยงที่คุณขจีจ้างมา ร้ายจะตาย ตังเห็นกับตาเลย เป็นลูกจ้างแท้ๆ แต่ดุเอาดุเอา” นับตังค์ยังนึกเคืองไม่หาย
“เหรอ เป็นลูกจ้างแต่ดุเอาดุเอาเลยเหรอ” มีคุณทวนคำ นับตังค์หันมาทำหน้าเอือมใส่มีคุณเพราะรู้ว่าโดนแขวะ
“เอาแบบนี้ ร้านของเราเปิดเดือนหน้า ระหว่างนี้ก็ช่วยกันเลี้ยงไปก่อน พอเปิดร้านแล้วคงยุ่ง ตอนนั้นค่อยจ้างพี่เลี้ยง แต่ตังขอเป็นคนเลือกเองนะ” นับตังค์ออกความเห็น แต่มีคุณเอาแต่ยิ้ม เพราะได้ยินคำว่า ร้านของเรา
“ตามนั้น” มีคุณก็เห็นดีด้วยกับความคิดของนับตังค์
“ปี้จ๋า” ด้วงร้องเรียกนับตังค์หลังจากที่นับตังค์ยอมปล่อยให้ลงไปเดินเล่นในบ้านแล้วไปเจอกับหนังสือรูปสัตว์
“เห็นไหม ลูกเรียกแม่แล้ว” มีคุณพูดแล้วหัวเราะ
“เอิดละ ฉ็องด้อง” นับตังค์ด่ามีคุณเป็นภาษาใต้ก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิข้างด้วงที่พื้น
“ด่าไปเหอะ ไม่เจ็บ เพราะฟังไม่ออก” มีคุณยักคิ้วให้ก่อนจะรู้สึกว่าเวลาที่เห็นนับตังค์อยู่กับด้วงนั้นดูเป็นภาพที่น่ารักดี รู้สึกเพลินจนลืมไปว่าเมื่อครู่เขายังเครียดแทบตายที่ต้องดูแลชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่งซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกันเลย ทุกอย่างมันเร็วไปหมด จู่ๆ เคารพบอกว่าต้องเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง แล้วจู่ๆ เขาก็ตัดสินใจรับเลี้ยงง่ายๆ เสียอย่างนั้น แล้วสุดท้ายเขาก็ยังสับสนว่าเขาต้องมาเป็นผู้บริหารร้านอาหารหรือมาเป็นคุณพ่อจำเป็น ไม่เข้าใจคุณปู่จริงๆ ว่าท่านคิดอะไรกับเรื่องราวทั้งหมด
“ทะลึ่ง เสียสติ บ้า พิเรนทร์ เดี๋ยวนะ...มีอีก นึกก่อน” นับตังค์เอามืออุดหูด้วงก่อนจะแปลศัพท์ใต้ที่ตัวเองเพิ่งพูดให้มีคุณเข้าใจ
“ปี้ ไม่เอา ไม่ทำ” ด้วงเอามือน้อยๆ แกะมือของนับตังค์ออกเพราะรำคาญ
“เห็นไหม จะด่าอะไรเกรงใจเด็กด้วยนะ” มีคุณได้ที
“มาเลี้ยงด้วงเลย ตังจะไปทำกับข้าว เดี๋ยวบ่ายนี้จะมีคนมาสมัครเป็นผู้ช่วยในครัว” นับตังค์บอกกับมีคุณ
“จะให้พี่เลี้ยงคนเดียวเหรอ” มีคุณทำหน้ากระอักกระอวนเพราะกลัวว่าจะเลี้ยงไม่ได้
“นี่บอส...ด้วงฟังรู้เรื่องทุกอย่าง แค่พูดไม่ชัด บอสก็ต้องใช้ความสามารถแปลเอาหน่อย แล้วด้วงก็ไม่ใช่เด็กทารก เลี้ยงไม่เห็นยากเลย โน้น บอสพาไปเดินเล่นในสวน เดี๋ยวตังทำกับข้าวเสร็จจะไปตาม ห้ามบ่น เดี๋ยวจะขอขึ้นเงินเดือนด้วยเพราะต้องเป็นทั้งพี่เลี้ยงเด็กและยังต้องมาเป็นพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ด้วย เฮ้อ เกิดเป็นไอ้ตังช่างน่าสงสารจริงๆ” นับตังค์เดินบ่นออกไปหลังจากที่รู้สึกว่ามีคุณเลี้ยงยากกว่าด้วงเป็นพันเท่า
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V