Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๗ (23-6-62)  (อ่าน 30141 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #120 เมื่อ03-05-2019 00:50:58 »

เชิญหึงหน้ามืดปวดหัวไปคนเดียวน้องไม่เหลียวแลไปเลยจ้ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #121 เมื่อ03-05-2019 03:58:02 »

ฝสมน้ำหน้า อิพี่ภพ

ออฟไลน์ PINE J.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #122 เมื่อ04-05-2019 11:54:44 »

หึงเก่งอ่ะคุณภพพพ :o8:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #123 เมื่อ04-05-2019 23:48:49 »

 :katai2-1:



หึงเก่ง

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #124 เมื่อ05-05-2019 10:10:45 »

ภพนิสัยแย่มาก ต่อให้ตะพูดหรือทำด้วยอคติแต่คำพูดและการกระทำนั้นมันบั่นทอนกดขี่ดูถูกไม่ให้เกลียดนทไปแล้ว ว่านทมีชู้ทั้งที่ไม่ได้มีแต่ไม่ย้อนมองดูตัวเองเลยว่าเป็นยังไง ต่อให้ข่าวจะไม่จริงแต่คนก็รู้ทั่วกันแล้วว่านทถูกสามีสวมเขา ภพเป็นสามีที่เฮงซวยมาก ความคิดโคตรโบราณ ให้เมียอยู่บ้านดูแลบ้านดูแลสามีความคิดชาย(ผัว)เป็นใหญ่สุดๆ ไปอยู่เมืองนอกตั้งนานแต่ความคิดอารยะไม่ได้ก้าวหน้าเลย แค่ตอนที่เถียงกับนทหาว่านทมีชู้นั่น ขนาดนทพูดว่าคุณก็ทำๆๆยังคิดว่าตัวเองถูกอะ เอาแต่ย้อนว่านทผิด เฮงซวย!!!

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๑ (2-5-62)
«ตอบ #125 เมื่อ06-05-2019 07:50:46 »

เชียเมฆกับนทมากค่ะ ถ้าเค้ารักกันก็ไม่ผิดหวังอ่า สะใจ แหะๆ :hao6: คิดถึงไรท์นะคะ มาทีสองตอนรวดๆเลย

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #126 เมื่อ07-05-2019 17:44:40 »

บทที่ ๑๒



 

นทีรินยืนหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ของห้องนอนสามีที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนของเขาเองด้วยใจหวั่นๆปนกับความกังวลใจไปถึงคนที่บอกว่าป่วยเมื่อช่วงเย็น สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูไม่ค่อยสู้ดีนักซึ่งเขาเองก็เดาไม่ได้ว่าเป็นเพราะไม่สบายหรือว่าไม่พอใจที่นภทีป์มาหาเขาที่บ้านกันแน่ รู้ตัวอีกทีนทีรินก็ตำหนิตัวเองในใจว่าเขากำลังแคร์ภวินท์มากเกินไปแล้วแต่เขาก็อดไม่ได้เพราะความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกฝ่ายนั้นมันเกินจะต้านทานแล้วจริงๆ

 

มือบางยกขึ้นเคาะบนประตูบานใหญ่สองสามครั้งแต่ยืนรอได้สักพักเจ้าของห้องก็ยังไม่มาเปิด จึงทำให้นทีรินยิ่งกังวลไปใหญ่ว่าคนป่วยจะอาการหนักหรือเปล่า มือบางที่กำลังจะโยกกลอนเพื่อเปิดเข้าไปดูต้องชะงักเสียก่อนเมื่อได้ยินเสียงของคนสนิทของสามีดังขึ้นจากข้างหลัง

 

“คุณภพไม่อยู่ในห้องนะครับคุณนท”

 

เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นโต๋ที่เดินมาพร้อมเสื้อสูทสีดำราคาแพงในมือที่ดูก็รู้ว่าเป็นของใครพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มสดใสตามฉบับคนอารมณ์ดี นทีรินยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะเอ่ยถามถึงเจ้าของเสื้อสูทที่ไม่ได้มาปรากฏตัวตรงนี้ด้วย

 

“อ่า.. แล้วคุณภพไปไหนเหรอครับพี่โต๋”

 

สีหน้าล้อเลียนของโต๋ทำให้ใบหน้าหวานของนทีรินแดงซ่านขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน พลางคิดไปในใจว่าลูกน้องกับเจ้านายนี่มีสายตาที่ชอบล้อเลียนเขาเหมือนกันไม่มีผิดเลยจริงๆ

 

“คุยงานอยู่ในห้องทำงานครับ”

 

“อ๋อ.. คุณภพไม่ได้นอนพักอยู่ในห้องเหรอครับ เห็นเขาบอกว่าปวดหัวนทก็นึกว่าจะนอนพักอยู่เสียอีก” นทีรินเอ่ยถามต่อขณะในใจนึกห่วงขึ้นมาเมื่อทราบว่าภวินท์นั้นดื้อดึงเพียงใดแม้แต่ตัวเองป่วยก็ยังมิวายดูแลตัวเองให้ดี

 

“คุณนทก็ทราบนี่ครับว่าถ้าเป็นเรื่องงานคุณภพจริงจังและเครียดมาก ต่อให้เป็นไข้ก็ไม่สนใจหรอกครับ”

 

โต๋เอ่ยบอกอย่างปลงๆเมื่อทราบดีว่าเจ้านายของตัวเองเป็นเช่นไร โต๋รับรู้มาตลอดเพราะอาศัยอยู่รับใช้ภวินท์มาตั้งแต่เด็กและยังตามเจ้านายคนนี้ไปในทุกๆที่ จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้ว่าเจ้านายของตัวเองเครียดและจริงจังเรื่องงานมากเพียงใด หากผู้ใดเอ่ยบอกว่าเจ้าสัวพีระนั้นมีความเป็นเลิศด้านการบริหารธุรกิจแล้วล่ะก็ ภวินท์เองก็ไม่ต่างจากอากงเลยทั้งการบริหารจัดการและความละเอียดนั้นภวินท์ได้รับดีเอ็นเอด้านนี้มาเต็มเปี่ยม

 

“ที่เดอะแกรนด์ฯมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้เครียดขนาดนั้น” นทีรินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามต่อเพราะเขาเองก็ไม่ทราบความใดๆเกี่ยวกับเดอะแกรนด์ฯทั้งสิ้นตั้งแต่คนเป็นสามีได้เข้าไปบริหารจัดการ

 

“ที่เดอะแกรนด์ฯเรียบร้อยดีครับแต่บริษัทซูเปอร์คาร์ของคุณภพมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ คุณภพคงกำลังเคลียร์กับดีลเลอร์ทางอเมริกาอยู่ครับ”

 

โต๋เอ่ยบอกตามที่เขารู้มา แน่นอนว่าเรื่องต่างๆของเจ้านายเขาย่อมรับรู้ได้ทั้งหมด อาจจะเป็นเพราะความใส่ใจที่มีต่อเจ้านายมันมากเกินจนบางครั้งเขาก็โดนภวินท์เอ็ดอยู่บ่อยครั้ง

 

สิ้นคำของโต๋นทีรินก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ เขาทราบดีแล้วว่าทำไมภวินท์จึงได้เครียดนักเพราะอีกฝ่ายไม่ได้กุมบังเหียนเพียงเดอะแกรนด์ฯหากแต่มีบริษัทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบอีกด้วยคงไม่แปลกหรอกที่จะเครียดจนป่วยได้ บางคราเขาก็ได้กลิ่นเมนทอลที่เจือกลิ่นสารนิโคตินจากกายของอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็ยิ่งทวีความห่วงใยที่เขามีต่อคนเป็นสามีขึ้นไปอีก

 

“นทวานพี่โต๋ไปบอกพี่นวลให้ทำอาหารสำหรับคุณภพให้หน่อยนะครับ แล้วก็วานเอายาแก้ไข้ขึ้นมาพร้อมเลยด้วย”

 

นทีรินไหว้วานคนสนิทของสามีด้วยน้ำเสียงเรียบที่คนฟังทราบถึงความห่วงใยที่นทีรินมีต่อภวินท์ได้เป็นอย่างดี โต่รับคำภรรยาเจ้านายอย่างแข็งขันก่อนจะรีบลงบันไดไปเพื่อไปทำตามคำสั่ง

 

นทีรินเดินไปทรุดนั่งที่ตั่งไม้สักที่ถูกแกะสลักเป็นลายมังกรสวยที่ถูกจัดตั้งไว้บริเวณหน้าห้องทำงานใหญ่ของเจ้าสัวพีระที่ตอนนี้ได้กลายเป็นของสามีเขาไปเสียแล้ว ร่างบางถอนหายใจยาวก่อนจะมองไปทางประตูห้องทำงานที่มีคนที่ทำให้เขากระวนกระวายอยู่ข้างใน พลางมองไปทางบันไดบ้างเพื่อรอว่าเมื่อไรโต๋จะนำสิ่งที่เขาไหว้วานขึ้นมาให้ด้วยจิตใจที่ร้อนรน เพราะกลัวว่าคนป่วยจะเป็นอะไรไปเสียก่อน

 

สักพักใหญ่ๆโต๋ก็เดินกลับขึ้นมาพร้อมถาดอาหารนทีรินเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะรับถาดมา ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเคาะประตูบานใหญ่ให้พอเป็นพิธีก่อนจะเปิดเข้าไป เท้าเล็กย่างก้าวเข้าไปด้วยเสียงที่เบาที่สุด เมื่อเดินเข้าไปก็พบร่างสูงของสามียืนคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางเคร่งเครียด

 

“It’s not my problem. Your shipment company hasn’t been delivered on time according to our commitment. So, that’s why you have to be responsible to all of the damages…”

 

เสียงทุ้มเปล่งเป็นภาษาอังกฤษกับใครสักคนทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงขึงขังและไม่พอใจ ซึ่งจากที่ฟังนทีรินก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังมีปัญหากับดีลเลอร์เกี่ยวกับเรื่องการขนส่งสินค้าที่มาไม่ตรงเวลาที่นัดหมายกันไว้

 

สายตาคมจับจ้องมาที่นทีรินขณะที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ ความเคร่งเครียดที่ปรากฏบนใบหน้าของคนเป็นสามีทำให้นทีรินรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับเข้าไปมากกว่านี้ นทีรินรอจนอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์เสร็จจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงประหม่าเล็กน้อยเพราะยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

 

“คุณภพ.. ผมเอาอาหารกับยามาให้คุณครับ”

 

“วางไว้ตรงโต๊ะนั้นก่อนก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกภรรยาโดยไม่มองหน้าขณะที่เลื่อนดูงานในแท็บเล็ตไปด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด

 

“เอ่อ... ไม่ทานข้าวก่อนเหรอครับ คุณป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ”

นทีรินไม่ได้วางถาดลงบนโต๊ะอย่างที่อีกฝ่ายเอ่ยบอกเพราะกำลังรวบรวมความกล้าในการเอ่ยในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในใจออกไปด้วยความหวั่นใจไม่น้อยว่าอีกฝ่ายอาจจะโมโหใส่เขาก็เป็นได้ แ

 

“งานผมยังไม่เสร็จ เดี๋ยวค่อยกิน”

 

ท่าทางเคร่งเครียดและรีบร้อนที่อยากจะจัดการให้งานที่กำลังมีปัญหานั้นให้เรียบร้อยของคนเป็นสามีทำเอานทีรินนึกเริ่มจะโมโหขึ้นมาที่อีกฝ่ายเอาแต่สนใจงานจนไม่ใส่ใจถึงสุขภาพของตัวเองสักนิด

 

“ไม่เสร็จก็ปล่อยมันไว้สักพักไม่ได้เลยเหรอครับ ทำไมคุณไม่ห่วงสุขภาพตัวเองเลยล่ะ”

 

เมื่อสิ้นเสียงหวานที่เจือปนไปด้วยความไม่พอใจจบลงภวินท์ก็เงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าหวานทันที น้ำเสียงหวานที่คนฟังสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยทำให้ภวินท์ลอบยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางจนนทีรินขยับกายออกห่างเล็กน้อย

 

“แล้วที่คุณมายืนบ่นเป็นคนแก่อยู่เนี่ย คุณห่วงผมหรือไงหืม?”

 

เสียงทุ้มเอ่ยล้อเลียนภรรยาพลางยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ส่งไปให้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาหวานก็เบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะแสดงท่าทีเลิ่กๆลั่กๆออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ซึ่งท่าทางน่ารักแบบนั้นเรียกรอยยิ้มของภวินท์ได้เป็นอย่างดี

 

“ผม… ผมเปล่านะครับ ก็แค่..”

 

“ถ้าไม่ได้ห่วงก็หยุดบ่นได้แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยเสียงล้อเลียนขณะที่มือหนาวางบนกลุ่มผมนิ่มของนทีรินแล้วขยี้เบาๆ

 

นทีรินสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างใด ฝ่ามือใหญ่ที่ประทับอยู่บนศีรษะของเขามันทำให้รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด

 

“ผมไม่ได้บ่นคุณสักหน่อย”

 

คนตัวเล็กกว่าเอ่ยบอกเสียงอุบอิบพลางยู่ปากใส่คนเป็นสามีที่ล้อว่าขี้บ่นเป็นคนแก่ทั้งๆที่มันคือความห่วงใยต่างหาก ท่าทางแบบนั้นของภรรยาทำให้ภวินท์ยิ้มขำเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำกับพูดนี่ตรงข้ามกันอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ

 

“งั้นเหรอ”

 

แววตาที่แฝงไปด้วยความล้อเลียนนั้นทำนทีรินอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีให้ได้

เขารู้สึกเกลียดความรู้สึกของตัวเองที่มันแสดงออกมาชัดเจนจนภวินท์สัมผัสได้เสียแล้ว

 

“ถ.. ถึงผมไม่ได้ห่วงแต่อากงก็เป็นห่วงนี่ครับ คุณกำลังจะทำให้อากงไม่สบายใจนะครับ”

 

นทีรินพยายามเบี่ยงประเด็นโยนไปให้เจ้าสัวพีระด้วยท่าทีตะกุกตะกักเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเขาเป็นห่วงอีกฝ่ายเพราะขืนเขาบอกว่าห่วงคนแบบภวินท์น่ะยังไงก็ต้องได้ใจแน่นอนเลย

 

“อากงไม่รู้หรอกเพราะผมจะทำตัวเป็นหลานที่ดีของท่านโดยที่ไม่ทำให้ท่านเป็นห่วง พอใจคุณแล้วใช่ไหมครับคุณภรรยา?”

 

ภวินท์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างยียวนด้วยท่าทีกวนประสาทจนนทีรินเข่นเขี้ยวในใจ

 

คนบ้า! คนเขาเป็นห่วงยังจะมากวนประสาทอีก
 

“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเลยครับ คุณจะป่วยหนักมากกว่าเดิมมันก็เป็นเรื่องของคุณ ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคุณนักหรอกครับ”

 

เมื่อจนใจจะคุยกับคนกวนประสาทแล้วนทีรินจึงประชดประชันใส่อีกฝ่ายโดยการวางถาดอาหารและยาลงบนโต๊ะดังตึงตังก่อนจะรีบสาวเท้าเตรียมออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มขัดขึ้นมาก่อน

 

“ไม่อยากยุ่งแต่ก็หาข้าวหายามาให้ แบบนี้หมายความว่ายังไงหืม?”

 

เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มล้อเลียนมาที่เขาอย่างพึงใจอยู่ นี่คงจะคิดแน่นอนเลยว่าที่เขาทำไปทุกอย่างเพราะเป็นห่วงน่ะ นทีรินกัดปากล่างแน่นก่อนชี้แจงด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 

“ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้นครับ ผมมีหน้าที่ดูแลทุกคนในบ้าน เห็นว่าคุณป่วยผมก็แค่หาข้าวกับยามาให้ทานเท่านั้นเอง”

 

นทีรินเสตามองไปที่อื่นเพราะยิ่งสบตากับภวินท์เขาก็ยิ่งหลุด นทีรินรู้ตัวดีว่าเขาเป็นคนโกหกและเฉไฉไม่เก่งเลยสักนิด ไม่อย่างนั้นภวินท์คงไม่ล้อเลียนเขาด้วยสายตากรุ้มกริ่มกลับมาเช่นนี้หรอก

 

“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนปากแข็ง ทั้งๆที่จริงแล้ว... นิ่มจะตาย”

 

“คุณภพ!”

 

นทีรินแหวออกมาเสียงดังเมื่อสายตาคมของอีกฝ่ายมาหยุดที่ริมฝีปากบางของเขาอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาหวานตวัดมองภวินท์ด้วยสายตาไม่พอใจแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอะไรนอกจากหัวเราะในลำคออย่างพึงใจที่กลั่นแกล้งเขาให้อายได้

 

“หึหึ”

 

“ทำไมคุณชอบกวนประสาทผมนัก สนุกมากเลยเหรอครับ” นทีรินเบื่อหน่ายที่จะทนกับคนขี้แกล้งแบบนี้แล้ว ขนาดป่วยอยู่ยังกวนประสาทเขาได้ถึงเพียงนี้

 

“อย่างน้อยการแกล้งคุณมันก็ทำให้ผมหายเครียดจากงานได้บ้าง”

 

สิ้นคำพูดของคนขี้กวนนทีรินก็นิ่งไปเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งฉุกคิดได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังเครียดกับปัญหาเรื่องงาน และการที่ภวินท์แกล้งเขาแบบนี้อาจจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายขึ้นก็เป็นได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นร่างบางจึงค่อยๆคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นออกก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ใจคิด

 

“ก็อย่าหักโหมเกินไปสิครับ ผมรู้ว่าตอนนี้คุณต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่างแต่คุณอย่ามัวแต่ห่วงงานอย่างเดียว สุขภาพของตัวเองก็ควรห่วงด้วย ร่างกายหักโหมใช้มันมากก็ต้องพักมันเสียบ้าง…”

 

ภวินท์ฟังเสียงหวานนั้นเอ่ยเจื้อยแจ้วด้วยใจที่พองโต สายตาหวานที่ส่งมานั้นมีแต่ความห่วงใยที่เขาสัมผัสได้ คำพูดที่เขาล้อเลียนว่าเป็นคำบ่นนั้นก็มีแต่ความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ ภวินท์รับรู้ได้เสมอว่านทีรินเป็นห่วงเขา เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ห่วงใยกันก็คงไม่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาหรอก ภวินท์ยอมรับว่าเขาดีใจที่ได้รับการสนใจจากนทีริน จากภรรยาที่เขาไม่ยอมรับตั้งแต่แรก แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกว่าเขากำลังขาดภรรยาคนนี้ไปไม่ได้

 

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” ภวินท์เอ่ยบอกเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม

 

นทีรินใจสั่นวูบวาบขึ้นมาเพราะรอยยิ้มนั้นไม่ใช่การแสยะยิ้มอย่างที่อีกฝ่ายชอบทำ แต่มันคือรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากใจจริงๆที่นทีรินสัมผัสได้ เมื่อปฏิเสธและกลบเกลื่อนไม่ได้ว่าเขาเป็นห่วงอีกฝ่าย นทีรินก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับว่าการที่เขาเข้ามาพบกับสามีในตอนนี้นั้นมันคือความห่วงใยที่เขามีต่ออีกฝ่ายทั้งสิ้น

 

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คุณเองก็อย่าลืมทานข้าวทานยานะครับ”

 

“ผมไม่อยากทานอาหารที่คุณเอามาให้เลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกติดอ้อนเล็กน้อยจนนทีรินทำหน้าสงสัย

 

“หือ? ทำไมล่ะครับ”

 

สายตาคมของภวินท์มองไปยังอาหารที่ถูกยกมาด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเบื่อหน่าย มือหนายกขึ้นมาเท้าคางอย่างเด็กเอาแต่ใจจนนทีรินแอบอมยิ้มขำและพลางคิดในใจว่าเวลาภวินท์ป่วยแล้วงอแงเหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด

 

“ผมอยากทานอาหารที่คุณทำให้มากกว่า”

 

ใบหน้าหล่อคมที่ทำหน้าออดอ้อนอย่างนั้นทำเอานทีรินวางหน้าแทบไม่ถูก ใช่ว่าไม่เคยโดนอีกฝ่ายอ้อนเสียหน่อยเพียงแต่ในตอนที่เขาโดนอีกฝ่ายออดอ้อนนั้นมันก็นานแสนนานมาแล้วแถมตอนนั้นก็ยังไม่ได้แต่งงานกันเสียหน่อย เจอแบบนี้เข้าไปหัวใจของนทีรินก็เต้นระรัวขึ้นมาอีกคราจนเขาต้องรีบเดินออกจากห้องนี้ไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่ทำให้หวั่นไหวที่ยิ้มกริ่มอยู่เลย ร่างบางรีบเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อตั้งหลักพลางนึกเอ็ดตัวเองในใจ

 

ชักจะหวั่นไหวกับเขาเกินไปแล้วนะนท…

 

 

***

ต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62) [ต่อ]
«ตอบ #127 เมื่อ07-05-2019 17:46:30 »

ในช่วงบ่ายของวันที่ภวินท์ยังป่วยอยู่นั้นร่างสูงไม่ได้ไปทำงานที่บริษัทเนื่องจากโหมงานหนักเกินไปจนไปไม่ไหว และนทีรินเองก็ออกปากห้ามไม่ให้อีกฝ่ายไป ถ้าหากอยากทำงานก็ให้สั่งผ่านโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเท่านั้น นทีรินรู้ดีว่าเขาอาจจะก้าวก่ายชีวิตของภวินท์มากเกินไปแต่หากเขาไม่ทำเช่นนี้ภวินท์ก็คงดื้อดึงไม่เลิกและเขาเองก็เป็นห่วงอีกฝ่ายไม่น้อยเลย

 

“คุณนทครับ คุณภพเรียนว่าวันนี้อยากทานผัดวุ้นเส้นกับแกงจืดลูกรอกเป็นอาหารเย็นครับ”

 

โต๋เดินเข้ามาบอกนทีรินในขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมเล่มโปรดอยู่ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของบ้าน นทีรินพยักหน้ายิ้มให้โต๋เล็กน้อยก่อนจะวางหนังสือในมือลง ร่างบางเดินเข้าไปในครัวขนาดใหญ่เพื่อพบกับพี่เลี้ยงคนสนิทที่กำลังอบคุ้กกี้ใส่โหลไว้เพื่อเอาไว้รับแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเจ้าสัวพีระ

 

“พี่นวลครับ เดี๋ยวนทขอตัวไปตลาดสักครู่นะครับ” นทีรินเอ่ยบอกพี่เลี้ยงคนสนิททุกครั้งที่เขาจะออกไปไหนเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้และคลายกังวลได้

 

“จะทำอะไรทานเหรอคะ”

 

พี่นวลเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะน้อยครั้งนักที่นทีรินจะออกไปเดินตลาดด้วยตัวเองหากไม่ได้จะทำอาหารในโอกาสพิเศษ

 

“คุณภพอยากทานแกงจืดลูกรอกน่ะครับ นทเลยจะไปซื้อมาทำให้เขาทานครับ”

 

พี่นวลนึกแปลกใจแต่ก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้ พลันนึกไปถึงภวินท์ที่กำลังป่วยอยู่พี่นวลก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากแต่ก็ยังคงความแปลกใจไว้ภายในอยู่ดี

 

“แล้วจะไปตลาดเองเลยเหรอคะคุณหนู พี่ว่าให้เด็กไปซื้อให้ดีกว่าไหมคะ อากาศข้างนอกร้อนขนาดนี้เดี๋ยวผิวพรรณเสียแย่เลยค่ะคนดี”

 

พี่นวลเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงเพราะช่วงนี้อากาศที่ประเทศไทยนั้นร้อนมากเสียจริง จนบางทีก็ไม่อยากจะออกไปไหนเลย ความเป็นห่วงโอเวอร์ของพี่นวลทำให้นทีรินอดจะยิ้มขำไม่ได้

 

“ไม่เป็นไรครับ นทอยากไปเลือกซื้อวัตถุดิบเองน่ะครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เด็กไปช่วยถือของนะคะ”

 

นทีรินยิ้มตอบรับคำของพี่นวลก่อนจะไปเตรียมตัวออกไปตลาดกับเด็กรับใช้อีกหนึ่งคนที่พี่นวลส่งมาให้เป็นผู้ช่วยถือของ

 

สถานที่ที่นทีรินเรียกว่าเป็นตลาดนั้นก็ถือเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งของเดอะแกรนด์ฯซึ่งเป็นตลาดสดที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกมีความปลอดภัยและความสะอาดที่ถูกการันตีโดยกรมฯที่เกี่ยวข้องกับอาหารมาเป็นอย่างดี ร่างบอบบางเดินเลือกวัตถุดิบต่างๆอย่างเพลิดเพลิน ที่จริงแล้วนทีรินไม่ค่อยได้มาที่นี่สักเท่าไรเนื่องจากวัตถุดิบทุกอย่างจะถูกเลือกซื้อโดยพี่นวลและแม่บ้านคนอื่นๆเสียมากกว่า แต่วันนี้เขาอยากจะมาเลือกทุกอย่างเองเพียงเพราะเขาอยากจะทำอาหารให้ออกมาสะอาดและดีที่สุดเพื่อให้คนที่จะรับประทานอาหารของเขานั้นได้รับความปลอดภัยจนเขาหายห่วงได้ในที่สุด

 

เมื่อกลับมาจากตลาดแล้วร่างบางก็เดินเข้าครัวอย่างตั้งใจ มือบางนำวัตถุดิบทั้งหมดมาล้างและทำความสะอาดก่อนจะเริ่มทำอาหาร นทีรินตั้งหม้อน้ำจนเดือดและใส่กระดูกซุป หัวหอม แครอทลงไปเพื่อให้น้ำแกงจืดนั้นหวานและกลมกล่อมมากขึ้น เมื่อต้มจนซุปเริ่มได้ที่แล้วจึงใส่กระเทียม พริกไทยและรากผักชีที่ถูกโขลกรวมกันแล้วลงไป จากนั้นค่อยๆใส่หมูบดทรงเครื่องลงไปจนหมูสุกก็ใส่ลูกรอกลงไปจากนั้นก็ปรุงรสจนได้ที่แล้วจึงตักใส่ชามกระเบื้องไว้ และนทีรินก็หันไปทำอาหารอีกอย่างที่ถูกรีเควสต์มานั่นก็คือผัดวุ้นเส้นนั่นเอง

 

ท่าทางตั้งใจของนทีรินนั้นไม่ได้เล็ดลอดไปจากสายตาของพี่นวลได้เลย พี่เลี้ยงคนสนิทอดคิดในใจไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของภวินท์และคุณหนูของเธอน่าจะกำลังดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว และเธอก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าภวินท์จะทำให้คุณหนูของเธอมีความสุขเฉกเช่นคู่สามีภรรยาอื่นๆได้ในสักวันหนึ่งจะได้ไม่ต้องจบด้วยการหย่าขาดจากกัน

 

เมื่อนทีรินจัดเตรียมอาหารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมที่จะนำไปเสิร์ฟให้ทุกๆคนในบ้านได้ นทีรินแยกถาดอาหารเป็นสองที่ สำหรับเจ้าสัวพีระและภวินท์อย่างละถาด ร่างบางเดินถือถาดอาหารไปให้เจ้าสัวพีระเป็นคนแรกและแจ้งว่าวันนี้จะมีเขามาทานอาหารกับท่านได้เพียงคนเดียวเนื่องจากภวินท์ไม่สบาย เมื่อจัดแจงทุกอย่างให้เจ้าสัวพีระเรียบร้อยแล้วนทีรินก็นำถาดอาหารมาให้ภวินท์ต่อที่ห้องทำงาน มือบางเปิดประตูเข้าไปเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอนุญาตของคนข้างตอบมา

 

ร่างบางเดินเข้าไปพบว่าคนเป็นสามีนั้นกำลังนอนเอามือเท้าคางหลับอยู่บนเก้าอี้ทำงานอย่างทุลักทุเลจนน่าเป็นห่วง ดวงตาหวานกวาดไปทั่วโต๊ะทำงานที่มีเอกสารต่างๆวางเกะกะไม่เป็นระเบียบ นทีรินวางถาดอาหารลงก่อนจะเดินเข้ามาปลุกคนเป็นสามี

 

“คุณภพ”

 

“…”

 

“คุณภพครับ” มือบางสัมผัสที่แขนแกร่งก่อนจะเขย่าเบาๆเพื่อให้คนป่วยรู้สึกตัว

 

“อือ..”

 

ภวินท์ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือเมื่อพบว่าเป็นภรรยาดวงตาคมก็เบิกขึ้นเต็มดวงพลางคิดในใจว่าเขาต้องโดนอีกฝ่ายดุแน่นอนเลย

 

“ทำไมคุณไม่ไปนอนพักที่ห้องนอนดีๆล่ะครับ”

 

ไม่ทันขาดคำดีเขาก็โดนภรรยาเอ็ดเสียแล้ว ภวินท์ยิ้มขำน้อยๆก่อนจะคว้าเอวบางของภรรยาให้รุดนั่งลงบนตักแกร่งของเขาจนนทีรินตกใจ

 

“อ๊ะ… คุณภพ! ทำอะไรของคุณครับ” คนโดนบังคับเอ่ยดุคนป่วยที่ชักจะเอาแต่ใจขึ้นทุกวัน

 

“อย่าเพิ่งดุนะนท.. ขอนั่งแบบนี้สักพักได้ไหมครับ”

 

มือหนากอดเอวบางไว้แน่นก่อนจะพิงหัวมาที่ไหล่บอบบางราวหาที่พักพิง น้ำเสียงออดอ้อนที่อีกฝ่ายเอ่ยบอกนั้นทำให้นทีรินถอนหายใจออกมาเบาๆกับคนเอาแต่ใจ

 

“ทำไมคุณไม่ไปนอนในห้องดีๆครับ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดตัวหรอก”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ขอพักสายตาแป๊บเดียวแล้วผมจะไปทำงานต่อแล้ว” ภวินท์เงยหน้าขึ้นจากไหล่เล็กพลางเอ่ยบอกคนในอ้อมกอดด้วยสายตาละมุน

 

“ไม่ครับ คุณป่วยขนาดนี้ทำไมถึงยังห่วงงานอยู่อีก” นทีรินขัดขึ้นมาทันควันเมื่อรู้ว่าตอนนี้คนป่วยกำลังดื้อกับเขาอีกแล้ว

 

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกน่า”

 

“ทั้งๆที่คุณตัวร้อนขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ”

 

นทีรินเอาหลังมืออังไปที่หน้าผากของคนป่วยก่อนจะไล่ลงมาที่แก้มสากและคอเพื่อวัดอุณหภูมิและก็พบว่าอีกฝ่ายยังตัวร้อนอยู่เลย

 

“แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง”

 

มือหนาจับมือบางของภรรยาไว้พลางเอ่ยบอกเสียงติดอ้อนจนนทีรินใจเต้นแรงอีกคราแต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นดุกลบเกลื่อนเพื่อไม่อยากให้คนป่วยได้ใจอีก

 

“คุณหยุดรั้นกับผมเลยนะครับ แล้วข้าวกลางวันก็ทานไปนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็เป็นหนักกว่าเดิมหรอก”

 

“ผมทานไม่ค่อยลง อยากทานอาหารที่คุณทำให้ไง”

 

“คุณจะได้ทานอาหารที่ผมทำให้แน่นอนครับ แต่คุณต้องหยุดโหมงานเสียก่อน”

 

นทีรินยื่นคำขาดเพราะเขาจะไม่ยอมให้ภวินท์ทำงานหนักขณะที่ป่วยเด็ดขาด แค่เจ้าสัวพีระทราบว่าหลานชายป่วยท่านก็เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว เกิดภวินท์โหมทำงานหนักจนร่างกายทรุดไปเจ้าสัวพีระน่าจะเกิดความกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียว นทีรินทั้งเป็นห่วงอากงและหลานชายจอมดื้อของอากงเสียจริง

 

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก คุณก็รู้ว่าการเป็นผู้บริหารเราจะอ่อนแอมากไม่ได้ ต่อให้ผมจะป่วยแค่ไหนผมก็ต้องทำ”

 

ภวินท์เองก็ยังคงดื้อดึง เขาทราบว่านทีรินเป็นห่วงแต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้นำและเป็นผู้ขับเคลื่อนและจัดการธุรกิจทุกอย่างเขาก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดต่อให้ป่วยมันก็ยังถือว่าไกลหัวใจสำหรับภวินท์

 

“ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยคุณทำงานเองครับ แต่ต้องแลกกับการที่คุณจะต้องทานข้าวที่ผมทำมาให้พร้อมกับกินยาให้เรียบร้อยก่อน.. ตกลงไหมครับ”

 

คราวนี้นทีรินยื่นข้อเสนอที่ประนีประนอมสำหรับเขาและภวินท์ ถ้าอะไรที่เขาสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายได้เขาก็จะช่วยทำให้ถ้ามันต้องแลกกับการที่ภวินท์จะหันมาดูแลตัวเองสักนิดก็ยังดี

 

“ครับ ตกลงก็ตกลง”

 

 

ภวินท์พยักหน้ายิ้มมุมปากตอบรับข้อเสนอของภรรยาในอ้อมกอด กลิ่นหอมจากกายของร่างบางนั้นทำให้เขาผ่อนคลายได้จริงๆจนบางทีเขาก็ชักจะเสพติดกลิ่นของอีกฝ่ายมากขึ้นทุกวัน หากวันใดที่ไม่ได้กลิ่นนี้เขาก็รู้สึกว่ามันวูบโหวงในใจแปลกๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นทานข้าวก่อนนะครับ” นทีรินลุกจากตักแกร่งก่อนจะเดินไปหยิบถาดอาหารมาวางไว้ตรงหน้าคนป่วย

 

ภวินท์มองไปยังถาดอาหารที่ประกอบไปด้วยอาหารที่เขาอยากทานทั้งนั้น ผัดวุ้นเส้นและแกงจืดลูกรอกส่งกลิ่นหอมจนเขาต้องสูดเข้าไปให้เต็มปอด นทีรินจัดแจงนำจานข้าวมาวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับแก้วที่บรรจุน้ำเปล่าอุ่นๆวางไว้ข้างกัน

 

“ไม่ทานล่ะครับ” นทีรินเลิกคิ้วสงสัยเมื่อคนป่วยไม่ยอมทานอาหารสักที

 

“ป้อนด้วยสิ”

 

“คุณภพ.. นี่คุณเป็นเด็กเหรอครับ” นทีรินกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาคิดไว้แล้วเชียวว่าภวินท์เป็นคนได้คืบจะเอาศอกเสียจริง

 

“มือผมไม่ค่อยมีแรง สงสัยจะเขียนงานมากไป” ภวินท์เอ่ยบอกพลางแกล้งสะบัดมือไปมาราวกับเมื่อยขบนักหนา

 

“เรื่องเยอะจังนะครับ ถ้าผมป้อนคุณต้องทานให้หมดด้วยนะ” เมื่อจนใจจะต่อล้อต่อเถียงนทีรินจึงยอมที่จะป้อนคนป่วยช่างเอาแต่ใจด้วยความจำใจ

 

“ครับๆ คุณนี่นับวันยิ่งทำตัวเหมือนหม่าม้าของผมไปแล้วนะ”

 

น้ำเสียงล้อเลียนและสายตาวาววับของสามีชักเริ่มทำให้นทีรินไม่แน่ใจแล้วว่าภวินท์นั้นป่วยจริงๆหรือเพียงต้องการจะแกล้งให้เขาเอาใจเท่านั้น

 

“ถ้าผมต้องมีลูกชายดื้อรั้นแบบคุณผมคงปวดหัวน่าดูเลยครับ”

 

ภวินท์เป็นคนเจ้าเล่ห์ กวนประสาทและเอาแต่ใจเรื่องนี้นทีรินทราบดี แต่เพียงแค่เขาไม่คิดว่าจะหนักถึงเพียงนี้โดยเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายป่วย

 

“ถ้าอย่างนั้นที่เขาบอกว่ามีเมียเหมือนมีแม่นี่ก็เรื่องจริงใช่ไหม”

 

สายตาคมเป็นประกายขณะพูดล้อเลียน คำว่าเมียที่ถูกเปล่งออกมาจากปากคนป่วยจอมเจ้าเล่ห์ทำให้ใบหน้านวลมีสีแดงขึ้นข้างแก้มนวลอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งนั่นก็สร้างความพึงพอใจให้แก่คนช่างล้อได้เป็นอย่างดี ยิ่งเห็นแววตาล้อเลียนของสามีนทีรินก็ยิ่งเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก

 

“ม.. มัวแต่พูดเล่นอยู่นั่นแหละครับ ทานข้าวสิครับจะได้ทานยา แล้วคราวนี้คุณอยากจะทำงานจนเสร็จผมก็จะไม่วุ่นวายกับคุณเลย”

 

เสียงหวานแสร้งเอ่ยดุอีกคราเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายก่อนจะตักอาหารป้อนคนป่วยจนหมดโดยมีสายตากรุ้มกริ่มของคนป่วยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา

 

 



“นี่ถ้าไม่ได้คุณนทนี่คุณภพคงไม่ยอมหยุดทำงานจริงๆนะครับ”

 

เสียงโต๋เอ่ยขึ้นขณะที่พาเจ้านายของตัวเองกลับมานอนที่ห้องนอนได้สำเร็จแล้ว ภวินท์หลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าถูกหิ้วปีกพามานอนที่ห้องนอนของตัวเอง

 

“นั่นสิคะคุณหนู นี่ทำยังไงคะถึงได้ยอมหยุดทำงานแล้วก็นอนพักแบบนี้” พี่นวลเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะทุกคนต่างรู้ว่าภวินท์ป่วยหนักแต่ก็ไม่ยอมพักผ่อน

 

“นทให้คุณภพทานยาแก้ไข้แบบมีฤทธิ์ง่วงซึมน่ะครับ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้คุณภพจอมดื้อของทุกคนก็ไม่ยอมพักผ่อนเสียที”

 

นทีรินยิ้มภูมิใจที่ในที่สุดแผนการของเขาก็ทำให้ภวินท์นอนหลับได้เต็มตาเสียที หากเขาไม่ให้อีกฝ่ายกินยาที่มีฤทธิ์ง่วงซึม คนป่วยจอมดื้อก็คงไม่ยอมพักผ่อนจริงๆจังๆเสียทีแล้วถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเมื่อไรจะหายขาดมีแต่จะทรุดลงเปล่าๆ ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกและในวันนี้เขาก็คงนอนหลับได้อย่างสบายใจเช่นกัน

 

ไม่เพียงแต่นทีรินเท่านั้นที่รู้สึกโล่งอกแต่พี่นวลและโต๋เองก็เช่นกันเพราะทุกคนก็ต่างห่วงใยภวินท์ด้วยกันทั้งนั้น

 

“ดีจังเลยนะครับ” โต๋เอ่ยขึ้นพลางมองไปที่นทีรินอย่างชื่นชม

 

“ดีอะไรเหรอเจ้าโต๋” พี่นวลเอ่ยถามโต๋เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่อถึงอะไร

 

“ก็การที่คุณภพมีคุณนทเป็นภรรยาไงครับที่ดีมากๆ ผมว่าไม่มีใครคู่ควรกับคุณภพของผมได้เท่าคุณนทของพี่นวลอีกแล้วครับ”

 

สายตาชื่นชมของทั้งโต๋และพี่นวลที่ส่งผ่านมาให้นทีริน ทำให้เจ้าตัวรู้สึกชื่นใจไม่น้อยแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้สึกหน่วงหนึบในใจไม่น้อยเช่นกัน

 

เพราะเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีภวินท์อาจจะไม่ได้คิดก็ได้ว่าเขาคู่ควรที่จะเป็นภรรยาของอีกฝ่ายก็เป็นได้ นทีรินตระหนักไว้เสมอว่าต่อให้เขามีผลทางกฎหมายในการเป็นภรรยาที่ถูกต้องของภวินท์

 

 



แต่เขาก็คงจะไม่มีผลทางใจของอีกฝ่ายเลย…

 

 

_________________________________________________________________________________________________

TALK WITH WRITER :: วันที่พี่ภพป่วยแต่ก็ยังหาเรื่องแต๊ะอั๋งเมียได้อยู่จ้า คนป่วยแบบนี้มันน่าโดนทุบสักทีสองที 5555555555555
เจอกันตอนหน้าค่า :)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2019 18:49:36 โดย yokindy »

ออฟไลน์ PINE J.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #128 เมื่อ07-05-2019 20:10:04 »

โอ๊ยเขินนนนนนน :o8:
เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #129 เมื่อ07-05-2019 20:31:18 »

ต่อจากนี้ก็ช่วยทำตัวดีๆกับน้องด้วยล่ะคุณภพ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
« ตอบ #129 เมื่อ: 07-05-2019 20:31:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #130 เมื่อ07-05-2019 21:40:49 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #131 เมื่อ07-05-2019 21:41:41 »

เริ่มมีฉากหวานๆบ้างแล้ว  :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #132 เมื่อ07-05-2019 22:32:00 »

ตามอ่านทันซักที555 สนุกมากค่ะ คุณภพชอบให้ความหวังนทอ่ะ มันเจ็บปวดนะเจ้าบ้า :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #133 เมื่อ08-05-2019 01:21:13 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #134 เมื่อ08-05-2019 02:24:03 »

บอกนทไปเลยว่ารักเขา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #135 เมื่อ09-05-2019 02:10:47 »

ได้แต่ตอดเล็กตอดน้อย เก็กไปเรื่อย
หันหน้าคุยกับน้องป่านนี้ได้มากว่าตอดแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #136 เมื่อ09-05-2019 03:42:03 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #137 เมื่อ10-05-2019 20:12:02 »

นทอย่าไปใจอ่อนน้า คนอ่านหมั่นไส้ภพมาก!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๒ (7-5-62)
«ตอบ #138 เมื่อ11-05-2019 22:15:00 »

ต้องทำยังไงให้หายเกลียดและหมั่นไส้คุณภพดี ตอนนี้กำลังหวาน ๆ กันอยู่คงไม่ใช่ว่ามีแฟนเก่าที่เคยคบกันตอนไปต่างประเทศเมื่อ 8 ปีมาทำให้เรื่องแย่จนหย่ากันนะ ถ้าเป็นยังงั้นเราจะได้เตรียมใจรอสมน้ำหน้าคุณภพค่ะ เราจะสรรหาคำมาด่าให้เยอะ ๆ เลยค่ะ

ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #139 เมื่อ14-05-2019 00:51:28 »

บทที่ ๑๓



“คุณแน่ใจแล้วนะครับว่าจะไปทำงานวันนี้ ทำไมไม่หยุดพักต่ออีกสักวันล่ะครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามความแน่ใจของสามีขณะกำลังผูกเน็กไทให้อีกฝ่ายอย่างที่ต้องทำอยู่เป็นนิจจนเริ่มชินเสียแล้ว เพราะการผูกเน็กไทให้สามีก่อนไปทำงานทุกเช้านั้นถือเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแล้ว

 

“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นด้วย ไม่ไปไม่ได้หรอก”

 

ร่างสูงเอ่ยตอบภรรยาโดยสายตาคมเอาแต่จับจ้องไปที่ดวงหน้าหวานอย่างนึกขัน เพราะกำลังคิดว่าวันนี้จะต้องโดนภรรยาดุเรื่องที่เขารั้นจะไปทำงานแน่นอนเลย

 

“ถ้าประชุมเสร็จแล้วรู้สึกไม่ไหวก็กลับมาพักนะครับ” นทีรินเอ่ยบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความห่วงใยทั้งสิ้น

 

ภวินท์เพิ่งจะลาป่วยไปได้แค่สองวันเท่านั้นเองทั้งๆที่อาการป่วยที่อีกฝ่ายเป็นนั้นมันควรจะพักผ่อนให้มากกว่านี้ แต่อย่างที่นทีรินรู้และเข้าใจมาตลอดก็คือภวินท์เป็นคนที่บ้างานมากๆเพราะเมื่อลืมตาตื่นทุกอย่างสำหรับภวินท์ก็ดูเป็นการทำงานไปเสียหมดไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์ดีลกับลูกค้าหรือแม้แต่การเช็กงานในแท็บเล็ตที่เลขาฯส่งมาให้ดู หากเขาไม่คอยหาข้าวหายามาให้ทานทุกมื้อทุกวันแบบนี้อาการป่วยของอีกฝ่ายคงไม่ทุเลาลงเลย

 

นทีรินถอนหายใจเล็กน้อยอย่างปลงๆกับคนป่วยที่ดื้อจนเขาไม่รู้จะปราบอย่างไรแล้ว

 

“เป็นห่วงเหรอ” เสียงทุ้มถามใบหน้าหล่อคมมีรอยยิ้มล้อเลียนประดับอยู่บนหน้าจนนทีรินรู้สึกหมั่นไส้

 

ชิส์! รู้แล้วยังจะถามอีก

 

“ผมก็ห่วงทุกคนนั่นแหละครับ ไม่ได้ห่วงแค่คุณ อ๊ะ..” นทีรินร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อมือใหญ่ของสามีรวบเอวเขาเข้าไปแนบชิดกายแกร่งจนไม่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างกันอีกต่อไป

 

“หลานสะใภ้อากงนี่ปากแข็งจริงๆเลยนะ”

 

ภวินท์เอ่ยล้อเลียนเสียงขันเมื่อพบคนปากไม่ตรงกับใจหนึ่งอัตรา แถมเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนในอ้อมกอดนั้นเป็นคนปากไม่ตรงกับใจที่น่ารักมากจริงๆ

 

“ผมเปล่าสักหน่อย” นทีรินยู่ปากใส่คนช่างล้ออย่างลืมตัว

 

ใบหน้านวลขึ้นสีแดงพาดที่แก้มเมื่อดวงตาคมจับจ้องมาที่หน้าเขาไม่วางตาจนเขาต้องเป็นฝ่ายหลบก่อน นทีรินแทบจะต้านกับความรู้สึกที่ก่อเกิดภายในใจไม่ไหว เวลาอยู่ใกล้ชิดกับภวินท์ทีไรเขารู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอกทุกครั้งไป ต่อให้พยายามต่อต้านหรือห้ามใจอย่างไรผลสุดท้ายเขาก็แพ้ให้กับการกระทำของคนเป็นสามีอยู่ดี

 

“วันนี้ไปเดอะแกรนด์ฯด้วยกันไหม” ภวินท์เอ่ยถามร่างบางในอ้อมกอดขณะที่ดวงตาคมจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย

 

“หือ?”

 

นทีรินเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไมจู่ๆภวินท์ถึงต้องชวนเขาไปเดอะแกรนด์ฯทั้งๆที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่เคยเอ่ยปากชวนเขาไปทำงานด้วยเลยสักครั้งจนบางทีเขาเคยแอบคิดว่าภวินท์คงไม่อยากให้เขาไปยุ่มย่ามภายในเดอะแกรนด์ฯซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของกิจจานนท์ จนเขาก็เคยคิดน้อยใจอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันเพราะภวินท์อาจจะคิดได้ว่าเขาหวังสมบัติของอีกฝ่ายทั้งๆที่เขาไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้ง

 

ใบหน้านวลหม่นลงเล็กน้อยจนภวินท์ต้องถามย้ำอีกครั้งเพราะไม่รู้ว่าภรรยากำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำหน้าลำบากใจเช่นนั้น

 

“ว่าไงหืม?”

 

“คุณภพจะให้ผมไปช่วยทำงานเหรอครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจทว่าก็ชัดเจนในความรู้สึกเพราะเขาอยากทราบเหตุผลที่สามีชวนเขาไปบริษัทในวันนี้ ใบหน้านวลมีสีหน้าลำบากใจอยู่เนืองๆจนภวินท์ไม่แน่ใจว่าภรรยาคิดอะไรไปถึงไหนแล้วจึงได้ทำหน้าแบบนี้

 

“ผมไม่ได้ให้คุณไปช่วยงาน ผมให้คุณไปดูแลผมต่างหาก”

 

เสียงทุ้มเอ่ยเฉลยให้คนที่มีสีหน้ากังวลให้หายคับข้องใจ เพราะการที่เขาออกปากชวนนทีรินไปที่ทำงานด้วยก็เพราะอยากให้ภรรยาไปคอยดูแลเขาเพื่อลดความกังวลใจที่อีกฝ่ายมีต่อเขา แต่ทว่าเหตุผลลึกๆลงไปในใจของเขา ภวินท์รู้สึกว่าอยากให้นทีรินไปกับเขาในวันนี้ด้วย

 

เพราะวันนี้มันเป็นวันทำงานที่ธรรมดาแต่กลับพิเศษในความรู้สึกของเขา…

 

สิ้นคำเฉลยของสามีนทีรินก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเลิกคิ้วสงสัยเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมภวินท์ถึงอยากให้เขาไปดูแลถึงบริษัท แต่ก็ต้องเข้าใจเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเหตุผลออกมา

 

“คุณจะได้ไปช่วยจัดอาหารจัดยาให้ผมด้วยไง ถ้าผมอาการทรุดลงเดี๋ยวคุณก็มาดุผมอีก ผมน่ะยังไม่อยากโดนแม่คนที่สองอย่างคุณดุหรอกนะ”

 

คำพูดช่างล้อเลียนกับใบหน้าคมที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มขำขันนั้นทำให้นทีรินขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากแดงฉ่ำยู่ขึ้นเพราะคำว่าแม่คนที่สองของภวินท์นั้นทำเขาหงุดหงิดใจไม่น้อยแต่ใบหน้าขาวนวลที่ขึ้นสีแดงพาดริ้วไปทั่วทั้งหน้ากลับทรยศความรู้สึกของเขาจนน่าโมโห

 

“ก็คุณทำตัวให้น่าดุเองนี่ครับ” นทีรินเอ่ยบอกพร้อมใบหน้ายุ่งๆจนภวินท์ยิ้มขำกับท่าทางแบบนั้น

 

“คุณถึงต้องไปดูแลผมไง”

 

“แล้วพี่อินล่ะครับ”

 

นทีรินเอ่ยถามไปยังอินทนิลอดีตเลขาฯของเขาที่คอยช่วยงานเขาตั้งแต่ครั้งที่เขาได้เข้าไปดำรงตำแหน่งแทนเจ้าสัวพีระ และในตอนนี้อินทนิลก็ได้กลายเป็นเลขาฯส่วนตัวของภวินท์ไปเสียแล้ว

 

“อินทนิลเขาดูแลผมแค่เรื่องงานเท่านั้น เรื่องส่วนตัวผมไม่ได้ให้เขาเข้ามายุ่ง”

 

ภวินท์ตอบภรรยาตามความเป็นจริงเพราะเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายหรือยุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก เพราะสำหรับเขาเลขาฯส่วนตัวมีหน้าที่ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระและอำนวยความสะดวกให้เขาในด้านการทำงานเท่านั้น

 

สิ้นคำตอบของสามีนทีรินก็พยักหน้าเข้าใจ เพราะเขาทราบดีว่าภวินท์ไม่ค่อยชอบให้ใครวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวเท่าใดนัก

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ผมขอตามไปทีหลังได้ไหมครับ ผมอยากดูแลอากงให้ทานอาหารทานยาให้เรียบร้อยก่อน”

 

นทีรินยินยอมที่จะไปดูแลอีกฝ่ายตามคำขอแต่หากเขาก็มีหน้าที่ต้องดูแลเจ้าสัวพีระให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะไปทำอย่างอื่นได้

 

“อืม ถ้าเสร็จแล้วก็ให้คนรถขับรถไปส่งนะ ไม่ต้องขับเองขากลับจะได้กลับพร้อมกัน” ภวินท์พยักหน้ารับคำเข้าใจแต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขนแกร่งจนนทีรินทักท้วงขึ้นมา

 

“ครับ.. ปล่อยได้หรือยังล่ะครับ”

 

เสียงหวานเอ่ยบอกเจ้าของอ้อมแขนแกร่งแต่ดูจากท่าทีของอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะปล่อยตัวเขาเลยสักนิดจนนทีรินชักอ่อนใจกับความขี้แกล้งของคนเป็นสามี

 

ภวินท์ยิ้มขำกับท่าทางของภรรยาก่อนที่จมูกคมจะฝังไปที่แก้มนวลพร้อมสูดดมความหอมไปเสียฟอดใหญ่จนคนโดนฉวยโอกาสเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ

 

“คุณภพ!” นทีรินแหวใส่เสียงดัง มือบางยกขึ้นมากุมแก้มของตัวเองไว้แน่นเพราะกลัวว่าคนนิสัยไม่ดีจะฉวยโอกาสกับเขาอีก

 

“หึหึ แล้วเจอกันนะครับ”

 

ภวินท์หัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจก่อนจะคลายอ้อมกอดและปล่อยร่างบางเป็นอิสระ เมื่อหลุดจากพันธนาการนทีรินก็รีบวิ่งแจ้นออกไปจากห้องนอนของสามีด้วยใจที่เต้นรัวราวกับว่ามันจะระเบิดออกจากอกเสียให้ได้

 

นทีรินเข่นเขี้ยวในใจไปถึงคนนิสัยไม่ดี เพราะการที่ภวินท์ป่วยไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูสลดหมองลงเลยสักนิดกลับกันยิ่งทวีความขี้แกล้งและเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีกจนเขาแทบจะรับไม่ไหวเสียแล้ว

 

มือบางกุมไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองราวกับปรามไม่ให้มันเต้นรัวเกินกว่านี้แล้ว เพราะนับวันหัวใจเขาก็ยิ่งร่ำร้องบอกว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อภวินท์มันยิ่งถลำลึกลงไปเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย และก็เป็นตัวของเขาเองที่ต้านทานมันไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งนึกเคืองคนเป็นสามีที่ชอบมาล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาอยู่เรื่อย การกระทำของคนเป็นสามีทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าภวินท์คงไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากอยากจะกลั่นแกล้งให้เขาได้อายและเสียการควบคุมจากอีกฝ่ายเท่านั้น

 

นทีรินสะบัดหัวไล่ความคิดเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้แล้วก่อนจะรีบลงไปเตรียมอาหารและยาให้เจ้าสัวพีระ เมื่อเตรียมเรียบร้อยแล้วนทีรินก็เข้าไปดูแลเจ้าสัวพีระอย่างที่ทำเช่นทุกวัน

ลมหายใจแผ่วเบาของเจ้าสัวพีระทำเอานทีรินใจหายแทบทุกครั้ง ถึงแม้ชายชราจะแสดงออกว่าอาการดีขึ้นแต่ลึกลงไปเขาก็รับรู้ได้ว่าเจ้าสัวพีระนั้นทรมานกับโรคที่เป็นอยู่เพียงใด จนอีกฝ่ายจะจากไปในตอนไหนเขาก็ไม่อาจทราบได้ และตามที่คุณหมอการุณเคยได้บอกไว้ว่าโรคชรานี้คนไข้มีสิทธิ์ที่จะจากไปได้ตลอดเวลา อีกอย่างคุณหมอก็สั่งให้เอาเครื่องช่วยหายใจออกตามคำร้องขอของเจ้าสัวพีระเพราะฉะนั้นมันก็ยิ่งจะลดระยะเวลาในการมีชีวิตของเจ้าสัวพีระได้ ที่จริงแล้วเขาและภวินท์ไม่เห็นด้วยกับการที่จะเอาเครื่องช่วยหายใจออกแต่หากเป็นความปรารถนาของเจ้าสัวพีระที่ทั้งคู่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถึงแม้จะเสียใจแต่เขาและภวินท์แคร์ความรู้สึกของเจ้าสัวพีระมากกว่าจึงยินยอม ร่างบางดูแลจนกระทั่งชายชราหลับไปเขาจึงปล่อยให้พยาบาลพิเศษดูแลและทำหน้าที่ต่อ

 

ร่างบอบบางเดินกลับมายังห้องนอนของตัวเองด้วยอารมณ์ที่หน่วงหนึบในใจไม่ใช่น้อย เมื่อตระหนักได้อยู่เสมอว่าเจ้าสัวพีระมีเวลาเหลืออยู่กับเขาได้น้อยเต็มทีแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร หากไม่มีเจ้าสัวพีระแล้วการหย่าขาดของเขากับภวินท์ก็คงใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน นทีรินปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกใจหายกับสถานะที่จะต้องเปลี่ยนไป ยิ่งในวันนี้แม้จะเป็นเพียงวันธรรมดาของใครหลายๆคนแต่สำหรับเขาวันนี้มันคือวันแห่งการตอกย้ำว่าในตอนนี้เป็นเวลาครบเก้าปีในการที่เขาได้ดำรงสถานะเป็นภรรยาที่ถูกต้องของภวินท์แล้ว

 

วันครบรอบแต่งงาน

 

สมาร์ทโฟนเครื่องหรูช่างรู้ใจเมื่อมันปรากฏแจ้งเตือนนี้บนหน้าจอตลอดในทุกวันที่และเดือนนี้ต่างกันแค่ปีที่เปลี่ยนไปเท่านั้น เวลาช่างผ่านไปเร็วจนบางครั้งเขาก็คิดว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานเท่านั้น นทีรินในวัยสิบเจ็ดปีและภวินท์ในวัยยี่สิบสองปีในวันนั้นได้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายมาเป็นระยะเวลาครบเก้าปีแล้วในวันนี้

 

กล่องของขวัญกล่องที่เก้าซึ่งเป็นกล่องล่าสุดได้ถูกนำไปวางบนชั้นวางของที่ในนั้นบรรจุกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่มากจำนวนแปดกล่องที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่แล้วซึ่งภายในกล่องของขวัญในแต่ละกล่องได้บรรจุสิ่งของที่มีรูปแบบต่างกันออกไปตามช่วงระยะเวลานับจากปีที่หนึ่งจนถึงเก้า นทีรินถอนหายใจยาวดวงตาหวานมีน้ำใสรื้นอยู่จนมือบางยกขึ้นมาปัดทิ้งลวกๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไรระหว่างดีใจกับเสียใจ ดีใจที่อีกไม่นานเขาก็คงได้เป็นอิสระในการเป็นภรรยาของภวินท์กับเสียใจที่เขาหลงรักสามีของตัวเองอยู่ข้างเดียว

 

“คุณหนูคะ รถพร้อมแล้วนะคะ…”

 

เสียงเรียกของพี่นวลทำให้นทีรินหลุดจากความคิดต่างๆ มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอไปมาพลางพยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุด

 

“ครับพี่นวล” นทีรินตอบรับพี่นวลพลางยิ้มบางๆไปให้ซึ่งใครๆก็ดูออกว่ามันเป็นการฝืนยิ้มทั้งสิ้น

 

“นี่มันของขวัญที่คุณหนูเคยซื้อให้คุณภพนี่คะ พี่จำได้ว่าคุณหนูซื้อให้คุณภพในวันที่ครบรอบแต่งงานใช่ไหมคะ แล้วทำไมยังอยู่กับคุณหนูอยู่ล่ะคะ”

 

พี่นวลเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นกล่องของขวัญในมือของคุณหนูของเธอ และเธอก็จำมันได้ทุกชิ้นว่านทีรินซื้อให้กับภวินท์ทุกๆวันครบรอบแต่งงานแต่เธอแปลกใจว่าทำไมมันยังอยู่กับคุณหนูของเธอในสภาพเดิมที่เหมือนไม่เคยได้ถูกส่งไปให้ภวินท์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

“นทเก็บไว้เพราะแต่นทไม่กล้าส่งไปให้เขาครับ”

 

นทีรินก้มหน้างุดพลางเอ่ยตอบเสียงอ่อย เพราะพี่นวลคงคิดมาตลอดว่าเขาส่งของขวัญทุกชิ้นไปให้ภวินท์ทั้งที่จริงแล้วไม่มีชิ้นใดถูกส่งไปสักชิ้นเพราะเขากลัว กลัวภวินท์จะไม่ยอมรับของขวัญที่ถูกส่งไปโดยภรรยาอย่างเขา

 

“คุณหนูยังรักคุณภพอยู่ใช่ไหมคะ”

 

พี่นวลเอ่ยถามทั้งที่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่าคุณหนูของเธอไม่เคยลืมภวินท์ได้เลย การกระทำที่คุณหนูมีแต่อีกฝ่ายมันชัดเจนขึ้นทุกวันจนพี่นวลเองก็สังเกตุได้อย่างแน่วแน่ เพียงแต่ที่ถามก็เพื่อความแน่ชัดเท่านั้น

 

คำถามของพี่นวลยิ่งทำให้นทีรินรู้สึกอึดอัดแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจที่เขาจะได้ระบายความรู้สึกนี้ออกไปบ้าง นทีรินเก็บความรู้สึกที่มีต่อภวินท์ไว้จนลึกล้นหัวใจจนเขาเองก็อึดอัดเพราะเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกที่เขามีต่อสามีนั้นมันยิ่งทวีคูณมากขึ้นทุกวัน

 

“นท... ไม่รู้สิครับ นทพยายามห้ามใจแล้วครับพี่นวลแต่มันก็ทำไม่ได้สักที ทั้งๆที่เขาเคยใจร้ายกับนทแต่ทำไมนทถึงยังรักเขาขนาดนี้ก็ไม่รู้ ที่จริงนทไม่เคยเลิกรักเขาได้สักครั้งหรอกครับ นทรักเขามาตลอดพี่นวลก็ทราบ เพียงแต่แค่มันแปรเปลี่ยนจากการรักแบบพี่ชายไปเป็นแบบคนรักเท่านั้นเอง”

 

นทีรินระบายความอึดอัดพร้อมดวงตาคู่สวยมีน้ำใสไหลอาบแก้มนวลจนพี่นวลรู้สึกสงสารคุณหนูจับใจจนน้ำตาของเธอก็ไหลตามเช่นกัน

 

“นทลืมความรักแบบพี่น้องที่เคยมีให้พี่ภพไปตั้งนานแล้ว จนในตอนนี้มันก็ยิ่งชัดเจนว่านทรักเขาแบบไหน นทไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลยครับ เพราะยิ่งรู้สึกนทก็ยิ่งเจ็บเพราะนทรู้ว่าคุณภพคงไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน ทั้งๆที่เขาใจร้ายกับนท นทก็ยังรักเขา ฮ่ะๆ ตลกดีนะครับพี่นวล”

 

นทีรินยิ้มทั้งน้ำตา เขาตลกตัวเองที่ดันไปหลงรักภวินท์ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรรัก ไม่ควรเลยสักนิด

 

“โถ.. คนดีของพี่ ความรักน่ะไม่ได้เลือกหรอกนะคะว่าเขาคนนั้นจะเป็นยังไง แค่เรารักเขาเท่านั้นก็พอแล้วค่ะ บางทีความรักก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเลยนี่ว่าทำไมถึงรัก”

 

พี่นวลโผเข้ากอดคุณหนูของตัวเองไว้แนบอกแน่นพลางลูบหัวลูบหลังเอ่ยปลอบประโลมไปด้วยทั้งน้ำตา นทีรินกอดพี่เลี้ยงตอบแน่นเพื่อหาความอบอุ่นพี่นวลคือความสบายใจที่เขามีและพี่นวลก็เป็นคนเดียวที่เข้าใจเขามากที่สุดในตอนนี้

 

“นทคงไม่เลิกรักคุณภพหรอกครับพี่นวล นทยังรักเขาเหมือนเดิมเพียงแต่… นทแค่อยากให้มันน้อยลงจนในวันหนึ่งนทสามารถกลับไปรักเขาแบบพี่น้องได้อย่างที่ผ่านมา”

 

นทีรินตั้งปณิธานไว้แน่วแน่เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาต้องกลับไปรู้สึกกับภวินท์แบบเดิมให้ได้ไม่เช่นนั้นมันก็จะยิ่งมีแต่ความเจ็บปวดก่อเกิดกับตัวและหัวใจของเขาไม่สิ้นสุดสักที

 

 

***
ต่อข้างล่างค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
« ตอบ #139 เมื่อ: 14-05-2019 00:51:28 »





ออฟไลน์ yokindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62) {ต่อ}
«ตอบ #140 เมื่อ14-05-2019 00:55:52 »

นทีรินเดินทางมาที่เดอะแกรนด์ฯด้วยใจที่ห่อเหี่ยวแต่กระนั้นเขาก็จะพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่างบอบบางในชุดไพรเวทแบรนด์ดังเป็นที่น่าแปลกใจสำหรับพนักงานที่พบเจอนทีริน ทุกคนในเดอะแกรนด์ฯต่างก็พากันทำความเคารพนทีรินกันยกใหญ่จนเจ้าตัวประหม่าเล็กน้อย เพราะการมาที่เดอะแกรนด์ฯของเขาคงสร้างความแปลกใจไม่น้อยเลยแก่พนักงานเพราะทุกคนต่างรับรู้แล้วว่าเขาไม่ได้ดำรงตำแหน่งในการทำงานในเดอะแกรนด์ฯอีกต่อไปหลังจากที่ภวินท์กลับมาบริหารงาน แต่กระนั้นทุกคนก็ยังปฏิบัติกับนทีรินอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

 

“สวัสดีครับคุณนท”

 

แม้กระทั่งอดีตเลขาฯส่วนตัวของนทีรินอย่างอินทนิลที่ได้ยกมือขึ้นไหว้ภรรยาของเจ้านายคนปัจจุบันของตัวเองอย่างนอบน้อม

 

“สวัสดีครับพี่อิน ไม่ไปหานทที่บ้านบ้างเลยนะครับ พี่นวลก็บ่นคิดถึงพี่อินจะแย่”

 

นทีรินเอ่ยบอกเชิงตัดพ้ออย่างไม่จริงจังเท่าใดนัก อินทนิลเป็นเลขาฯผู้ช่วยของเขาที่สนิทกันพอสมควรเพราะได้ร่วมงานกันอยู่เป็นเวลาหลายปีนับตั้งแต่ที่เจ้าสัวพีระล้มป่วย และในตอนนี้อินทนิลก็ได้กลายเป็นเลขาฯส่วนตัวของภวินท์แทนเขาไปเสียแล้ว

 

“ไว้ว่างๆแล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปหานะครับ -- คุณนทเชิญที่ห้องรับรองก่อนครับเดี๋ยวผมไปเอาของว่างกับน้ำผลไม้มาให้นะครับ”

 

อินทนิลผายมือเชื้อเชิญให้ภรรยาของเจ้านายเข้าไปพักที่ห้องรับรองแขกข้างห้องทำงานของภวินท์ที่ถูกสร้างขึ้นมาไว้เพื่อรับรองแขกคนสำคัญของผู้บริหารโดยเฉพาะ นทีรินรับคำก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรอที่โซฟาหลังใหญ่ ไม่นานนักอินทนิลก็เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับถาดอาหารว่างและเครื่องดื่มที่มีไว้รับรองแขก

 

“ตอนนี้คุณภพท่านกำลังคุยงานอยู่กับสถาปนิกที่ออกแบบโปรเจ็กต์ใหม่อยู่น่ะครับ แต่ท่านก็สั่งไว้นะครับว่าถ้าคุณนทมาให้คุณนทมารอที่ห้องนี้ก่อน ถ้าท่านคุยงานเสร็จจะรีบมาพบครับ”

 

อินทนิลชี้แจงให้นทีรินทราบถึงเหตุผลที่ให้นทีรินมานั่งรอในห้องรับรองแขกแห่งนี้ตามคำสั่งที่ภวินท์ได้สั่งเขาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะไปคุยงานกับสถาปนิก นทีรินพยักหน้าเข้าใจพลางยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย

 

“ช่วงนี้งานยุ่งมากหรือเปล่าครับพี่อิน”

 

นทีรินชวนคุยเนื่องจากเขาเองก็ไม่ได้เจออินทนิลเป็นเวลาร่วมหลายเดือนแล้วจึงอยากจะทราบถึงสารทุกข์สุขดิบของอดีตเลขาฯของตัวเอง

 

“ยุ่งพอสมควรครับคุณนท พอดีว่าคุณภพกำลังมีโปรเจกต์ใหม่เกี่ยวกับการสร้างห้างฯสำหรับสินค้าปลอดภาษีน่ะครับ เป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่พอสมควรเลยทุกฝ่ายก็เลยต้องตั้งใจเป็นพิเศษเพราะทางบอร์ดฯคาดหวังกับโปรเจ็กต์นี้ของคุณภพมากๆครับ”

 

อินทนิลเอ่ยบอกถึงความเป็นไปภายในบริษัทให้นทีรินฟังเพราะเขาคิดว่านทีรินคงยังไม่ทราบถึง โปรเจ็กต์เดอะแกรนด์อ็อฟสยามดิวตี้ฟรี ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ของเดอะแกรนด์ฯซึ่งไอเดียทั้งหมดเป็นของภวินท์ทั้งสิ้นซึ่งเป็นโปรเจ็กต์นี้เปรียบเสมือนผลงานมาสเตอร์พีซของภวินท์ที่จะสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้ทางบอร์ดฯบริหารเห็นว่าภวินท์เหมาะสมที่จะดำรงในตำแหน่งประธานกรรมการของเดอะแกรนด์อ็อฟสยามต่อจากเจ้าสัวพีระอย่างแท้จริง

 

“แล้วพี่อินทำงานกับคุณภพราบรื่นดีใช่ไหมครับ”

 

“ดีมากครับ คุณภพท่านเป็นคนเก่งจัดการอะไรทุกอย่างได้ฉลาดและรวดเร็วสมกับเป็นหลานของท่านเจ้าสัวเลยครับ”

 

“ดีแล้วครับ”

 

นทีรินฟังจากที่อินทนิลเล่าเขาก็ทราบถึงประสิทธิภาพการทำงานของภวินท์ได้อย่างถ่องแท้เลย เพราะขนาดภวินท์ได้เข้ามาทำงานได้ไม่เท่าไร แต่กลับสร้างผลงานที่ดีๆให้แก่เดอะแกรนด์ฯได้หลายอย่างแล้ว เขายอมรับเลยว่าภวินท์นั้นเก่งจริงๆ

 

“แล้วคุณนทเป็นยังไงบ้างครับ เอ่อ.. ผมหมายถึงกับคุณภพน่ะครับ”

 

อินทนิลเลือกที่จะถามสารทุกข์สุขดิบอดีตเจ้านายของตัวเองคืนบ้าง เพราะตั้งแต่เขาไม่ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยนทีรินแล้วเขาก็ไม่ได้ทราบความใดๆเกี่ยวกับนทีรินและภวินท์โดยสิ้นเชิง แต่ด้วยความที่เคยรับใช้กันมาก่อนก็ทำให้ความห่วงใยที่อินทนิลมีต่อนทีรินนั้นไม่ได้ลดลงตามเช่นกัน

 

“ก็ปกติดีครับพี่อิน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”

 

นทีรินเลือกที่จะเลี่ยงตอบความในใจเพราะเขาไม่ได้อยากให้ใครมาเป็นกังวลกับตัวเขาทั้งนั้น และเขาก็คิดว่ามันไม่สมควรเลยสักนิดถ้าจะต้องเอาความไม่สบายใจของเขามาเล่าให้ใครต่อใครฟัง

 

“นทฝากพี่อินดูแลคุณภพด้วยได้ไหมครับ ช่วงนี้คุณภพไม่ค่อยสบายเท่าไรคงเป็นเพราะจะโหมงานหนัก”

 

นทีรินไหว้วานอดีตเลขาฯด้วยน้ำเสียงเชิงวอนขอ เพราะถึงอย่างไรเขาก็คงจะไม่ได้ดูแลภวินท์ได้มากเท่าใดนักหากคนเป็นสามียังดึงดันที่จะทำงานหนักเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้มีโปรเจ็กต์ใหม่รออยู่ภวินท์ก็คงจะมีเวลาในการพักผ่อนได้น้อย

 

“จริงเหรอครับ นี่ผมดูไม่ออกเลยนะครับ ท่านดูปกติมากๆเลย”

 

อินทนิลเอ่ยบอกอย่างตกใจเพราะว่าภวินท์ไม่มีท่าทีเหมือนคนป่วยเลยสักนิด เพราะใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลานั้นทำให้เขาเองก็ยังจับไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเจ้านายป่วย

 

“คุณภพเขาไม่ค่อยแสดงออกว่าป่วยให้ใครเห็นหรอกครับ เขาเป็นคนจริงจังกับงานมากๆจนบางทีก็ไม่นึกถึงสุขภาพของตัวเอง”

 

“แล้วที่คุณนทมาในวันนี้ก็เพราะตามมาดูแลคุณภพเหรอครับ”

 

“ครับ นทกลัวว่าเขาจะดื้อจนไม่ยอมทานข้าวทานยาอีกน่ะครับ -- เอ่อ.. นทไม่ได้ห่วงเขานะครับ ก็แค่ทำตามหน้าที่”

 

นทีรินเอ่ยบอกก่อนจะรีบชี้แจงไปถึงเหตุผลของการมาของเขาในวันนี้ให้อดีตเลขาฯฟังเพราะแววตาเป็นประกายเชิงล้อเลียนอย่างเห็นได้ชัดของอินทนิลนั้นทำให้ใบหน้านวลขึ้นสีแดงพาดริ้วจนนทีรินมุ่ยหน้าใส่อดีตเลขาฯด้วยท่าทีแง่งอนจนอินทนิลยิ้มกว้างที่สามารถเย้าแหย่ให้นทีรินเขินอายได้

 

คุยเล่นกับอินทนิลไปได้สักพักใหญ่ๆเจ้าตัวก็รีบขอตัวไปทำงานต่อ นทีรินนั่งรออยู่ได้ไม่นานร่างสูงของสามีก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนนั้นทำให้นทีรินรีบกุลีกุจอจัดสำรับอาหารพร้อมยาไว้ให้สามีทันทีเพราะนี่เลยเวลาอาหารกลางวันมาได้สักพักแล้ว

 

ภวินท์กินข้าวและกินยาตามที่ภรรยาจัดไว้ให้ทุกอย่างโดยไม่ขัดใจอีกฝ่ายเลย นทีรินถือโอกาสช่วยภวินท์ดูงานในหลายๆอย่างในวันนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงานจากสามีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโหมงานหนักเกินไปเพราะอาการป่วยที่กำลังจะดีขึ้นอาจจะทรุดลงได้อีก

 

ภวินท์มองใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความตั้งใจขณะทำงานอย่างเพลินๆ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชอบมองใบหน้านวลของภรรยาขึ้นทุกวัน ร่างบางที่มีกลิ่นกายหอมละมุนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อยจนเขารู้สึกเสพติดกลิ่นของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว ห้องทำงานที่เคยมีแต่ใบหน้าตึงเครียดของเจ้าของห้องบัดนี้กลับมีแต่รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นมาแทนที่เพียงเพราะมีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วยกันเท่านั้นเอง

 

เมื่อเวลาผ่านไปจวบจนถึงเวลาเลิกงานแล้วทั้งภวินท์และนทีรินก็ได้จัดการเคลียร์งานทั้งหมดให้ผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันเพื่อจะกลับท่ามกลางสายตาแปลกใจของพนักงาน บ้างก็มองมาด้วยสายตาชื่นชมยิ่งเวลาที่ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันมานั้นทำให้พนักงานหลายๆคนอดคิดไม่ได้เลยว่าเจ้านายทั้งสองของพวกเขานั้นดูเหมาะสมกันมากจริงๆ นทีรินยิ้มสดใสรับความเคารพของพนักงานที่เดินผ่านไปมาอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าคมของภวินท์ที่เคยเคร่งขรึมและดุดันสำหรับลูกน้องหลายๆคนนั้นบัดนี้กลับมีแววตาที่อ่อนโยนขึ้นโดยเฉพาะเวลาที่จับจ้องไปยังนทีริน

 

“นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่ครับ” นทีรินทักท้วงคนขับขึ้นทันทีที่เริ่มไม่คุ้นทางกลับบ้าน

 

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ” คนขับเอ่ยตอบภรรยาด้วยท่าทีสบายๆจนนทีรินนึกสงสัย

 

“แล้วคุณจะไปไหนครับ”

 

“เดี๋ยวก็รู้น่า” คนขับหันมายักคิ้วให้กวนๆอย่างมีเลศนัยนั่นก็ยิ่งทำให้นทีรินอดหวั่นใจไม่ได้

 

“อะไรกัน.. คุณจะไปไหนบอกผมมาเดี๋ยวนี้นะครับ”

 

เสียงหวานติดดุของภรรยาทำเอาภวินท์ลอบยิ้มขำกับท่าทีหวั่นวิตกของอีกฝ่ายไม่ได้

 

“กลัวผมพาไปขายเหรอหืม” เสียงทุ้มเย้าแหย่จนคนถูกล้อแหวใส่เสียงเขียว

 

“ผมไม่ใช่เด็กนะครับ จะได้กลัวคุณพาไปขาย”

 

“ก็ใช่ไง แล้วคุณจะกลัวทำไม ผมแค่จะพาคุณไปทานข้าวเท่านั้นเอง” เสียงหัวเราะในลำคอของคนเป็นสามีทำเอานทีรินหน้ามุ่ย

 

นี่เขาไม่ใช่เด็กเสียหน่อยแต่อีกฝ่ายกลับล้อเลียนเขาราวกับว่าเขาเป็นเด็กที่กำลังถูกหลอกไปขายเสียอย่างนั้น เขาก็แค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปไหนเท่านั้นเอง แค่พาไปทานข้าวไม่เห็นจะต้องลับลมคมในอะไรกับเขาขนาดนั้นเลย

 

 

ซูเปอร์คาร์คันหรูที่ราคาเกือบเหยียบเก้าหลักทะยานมาจอดในที่จอดรถสำหรับลูกค้าวี.ไอ.พี.ของโรงแรมห้าดาวสุดหรูใจกลางเมือง ห้องอาหารชื่อดังที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นห้องอาหารยุโรปที่เสิร์ฟอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนสุดหรู นทีรินเคยมาทานอาหารที่นี่เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น ร่างบางนึกแปลกใจไม่น้อยเพราะครั้งที่เขามาทานอาหารที่นี่กับเพื่อนๆภายในร้านมีลูกค้าอยู่เต็มร้านทุกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงต่างไปขนาดนี้ เพราะว่านอกจากโต๊ะของเขากับภวินท์ภายในร้านไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลยแม้แต่โต๊ะเดียว

 

แปลกจัง… ทำไมไม่มีคนเลย
 

“เป็นอะไรเหรอ ทำไมคุณดูกังวลแปลกๆ” ภวินท์ถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้านวลมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

 

“เปล่าครับ ผมแค่สงสัยว่าทำไมไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลย”

 

นทีรินเฉลยความในใจและไม่ได้คลายความสงสัยเลยแม้แต่น้อย ภวินท์ลอบยิ้มกับท่าทางแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร เมื่อนทีรินพบว่าไร้ซื่งคำตอบจากคนเป็นสามีก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ทั้งคู่เริ่มสั่งอาหารกับบริกรไปตามปกติจนกระทั่งอาหารเริ่มมาเสิร์ฟก็ยังไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยจนนทีรินเลิกสงสัยไปโดยปริยายโดยที่ไม่ได้ฉุกคิดไปเลยว่าห้องอาหารชื่อดังแบบนี้จะไม่มีลูกค้าได้อย่างไรหากไม่มีคนมีเงินมหาศาลมาทำการปิดร้านเพื่อเซอร์ไพร์สใครสักคน

 

ภวินท์และนทีรินได้ออกมาชมวิวกลางคืนของเมืองกรุงหลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากบริเวณโซนภายนอกของร้านอาหารสไตล์รูฟท็อปที่เปิดโล่งให้สำหรับผู้ที่ชอบนั่งชมวิวบรรยากาศกลางคืน

 

“นท”

 

“ครับ?”

 

นทีรินตกใจเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่สามียื่นมาให้เป็นช่อดอกไม้ขนาดพอดีๆส่งมาให้ ช่อดอกไม้ราคาแพงระยับที่ประกอบไปด้วยดอกไม้ระดับพรีเมียมที่ภวินท์ตั้งใจสั่งมาให้ภรรยาโดยเฉพาะ

 

“รับไปสิ” นทีรินมองสิ่งที่อยู่ในมือของสามีสลับกับใบหน้าคมไปมาอย่างแปลกใจก่อนจะรับสิ่งนั้นมาด้วยท่าทีงงๆ

 

“ฟอร์เก็ตมีน็อต..” ดวงตาหวานเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มหวานเมื่อเห็นดอกไม้ที่ตัวเองโปรดปราน

 

“ชอบไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ชอบปลูกแล้วล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางดีใจของภรรยาที่ถูกแสดงออกผ่านรอยยิ้มหวานของอีกฝ่าย

 

“อากาศที่นี่ร้อนเกินไปครับ ปลูกยังไงมันก็ตายอยู่ดี ผมเลยปลูกอย่างอื่นแทน” นทีรินอธิบายให้ฟัง

 

ที่จริงเขาอยากปลูกเจ้าต้นฟอร์เก็ตมีน็อตให้เต็มสวนจนใจจะขาดหากเพียงแต่ว่าที่กรุงเทพฯในสมัยนี้นั้นร้อนเกินกว่าที่จะปลูกมัน เพราะนอกจากจะดูแลยากแล้วก็ยังทำให้คนปลูกนั้นท้อใจและเสียใจที่ต้องมาเห็นต้นไม้ที่ตัวเองรักมันเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุดนทีรินเลยเลิกคิดที่จะปลูกเจ้าต้นไม้นี้ไปเลย

 

“นท.. ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครา

 

“ครับ?”

 

เสียงหวานรับคำพลางละสายตาจากช่อดอกไม้มายังใบหน้าคมของสามีแทน แต่ก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสายตาคมจับจ้องมาที่ใบหน้าเขาอย่างมีความหมาย

 

“ขอบคุณที่ดูแลผมนะ”

 

เสียงทุ้มเอ่ยด้วยเสียงนุ่มจนนทีรินรู้สึกใจชื้นขึ้นราวกลับมีน้ำมาชะโลมจิตใจที่เคยห่อเหี่ยวของเขา นทีรินไม่เคยต้องการอะไรจากภวินท์เลยเพียงแค่ร่างสูงรับรู้ซึ่งถึงความห่วงใยที่เขามีต่ออีกฝ่ายเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว

 

“ไม่เป็นไรครับ มันคือหน้าที่ของภรรยาอย่างผมอยู่แล้วนี่ครับ”

 

นทีรินเอ่ยบอกพลางยิ้มบางๆก่อนจะเสตามองไปยังวิวกลางคืนตรงหน้า เขาไม่กล้าสบตากับภวินท์นานๆเพราะมันจะยิ่งทำให้การควบคุมหัวใจของเขายากขึ้น

 

“คุณยังชอบดูวิวตอนกลางคืนเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่สายตาไม่ได้ละไปจากดวงหน้าหวานเลยสักนิด

 

“ก็วิวตอนกลางคืนมันดูสงบกว่าตอนกลางวันนี่ครับ กลางวันมีแต่ความวุ่นวาย น่าเสียดายที่กรุงเทพฯไฟสว่างเกินไปจนมองไม่เห็นดาว”

 

นทีรินถอนหายใจยาวเมื่อมองไปบนฟากฟ้ามืดดำแต่กลับมองไม่เห็นดวงดาวเลยสักดวงอาจจะเพราะแสงไฟมากเกินไปจนบดบังแสงสว่างธรรมชาติจากดวงดาว

 

“แต่ต่อให้เรามองไม่เห็น แต่ก็สัมผัสได้ว่ามีไม่ใช่เหรอ บางอย่างไม่ต้องมองเห็นด้วยตาแต่ก็สัมผัสได้ด้วยใจไม่ใช่เหรอ”

 

นทีรินหันมองไปยังสามีทันทีขณะที่อีกฝ่ายมองมาที่เขาอยู่แล้ว ดวงตาคมจับจ้องลึกเข้ามาภายในดวงตาหวานของนทีริน และเขาก็ต้องรู้สึกวูบไหวในใจเมื่อใบหน้าคมขยับเข้ามาที่ใบหน้าเขาจนห่างกันเพียงไม่ถึงนิ้ว โลกเหมือนจะหยุดหมุนไปทันใดเมื่อริมฝีปากหนาประทับลงมาที่ริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวลและไม่มีการรุกล้ำใดๆ นทีรินหลับตาพริ้มไปด้วยอารมณ์ที่อ่อนไหวพลางในใจพลันอดนึกไปยังเหตุการณ์ในอดีตของเขาและภวินท์ไม่ได้

 

“ทำไมดาวที่บ้านพี่ภพถึงน้อยจังล่ะครับ”

 

น้องตัวเล็กเอ่ยถามขณะที่แขนเล็กพาดเกาะไปที่ระเบียง ดวงตาหวานจับจ้องไปบนฟากฟ้ามืดดำที่มีดวงดาวเพียงน้อยนิดประดับอยู่บนนั้น

 

“อาจจะเป็นเพราะแสงไฟมีมากเกินไปล่ะมั้งครับ เราเลยมองเห็นดาวได้น้อย”ร่างสูงของพี่ชายเอ่ยตอบเด็กตัวเล็กที่สูงเลยเอวเขาขึ้นมาหน่อยเดียวเท่านั้น

 

“ว้า.. เสียดายจัง”

 

“ตัวเล็กชอบดาวเหรอครับ”

 

“ที่บ้านคุณแม่ของนทมีดาวเยอะกว่านี้ครับ นทเลยชอบดู”

 

น้องตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ที่เชียงใหม่สถานที่ที่เป็นบ้านเกิดของคุณแม่น้องตัวเล็กนั้นอากาศดีนักแถมตอนกลางคืนยังสามารถมองเห็นดาวได้ชัดเจนกว่าในกรุงเทพฯอีกต่างหาก นทีรินชอบดูดาวยิ่งดาวเยอะๆเขายิ่งชอบ

 

“แต่ถึงที่บ้านพี่ภพจะมีดาวน้อยกว่าบ้านคุณแม่ของตัวเล็ก แต่อย่างน้อยเราก็สัมผัสได้นะครับว่ามันมี”

 

เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยบอกน้องตัวเล็กที่ทำหน้าฉงนไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายพูดนัก

 

“สัมผัสได้เหรอ?”

 

“ครับ อย่างตรงหน้าที่ภพก็มีดาวนะ”

 

คำพูดของพี่ชายทำเอาน้องตัวเล็กตื่นเต้นขึ้นมาทันใดพลางดวงตาหวานกวาดมองไปถ้วนทั่วอย่างตื่นเต้นเพื่อตามหาดาวอย่างที่พี่ชายบอก

 

“ดาวอะไรเหรอครับพี่ภพ! นทอยากเห็น”

 

“ก็ตัวเล็กไงครับ… ตัวเล็กคือดาวของพี่ภพ”

 

พี่ชายเอ่ยเฉลยพลางดวงตาคมก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของน้องตัวเล็กไม่วางตาจนน้องหน้าแดงแจ๋ราวกับลูกตำลึงจนพี่ชายอดที่จะก้มลงไปฟัดแก้มกลมของน้องตัวเล็กด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้

 

เหตุการณ์ในวันนั้นคล้ายคลึงกับวันนี้มากนักหากแต่มันช่างต่างไปในความรู้สึกของทั้งภวินท์และนทีริน ริมฝีปากหนายังคงวาดจูบไปทั่วริมฝีปากบางอย่างมัวเมาจากความหวานของอีกฝ่าย ความรู้สึกวูบไหวก่อเกิดภายในใจดวงน้อยของนทีรินอย่างห้ามไม่ได้ ร่างบางตัวสั่นเล็กน้อยลมเย็นพัดโชยยังไม่ทำให้หนาวกายจนสั่นเท่ากับตอนที่ริมฝีปากหนาประทับลงมาที่ปากของเขาเลย โลกที่เหมือนหยุดหมุนกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเมื่อภวินท์ถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่งก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยประโยคที่ทำให้โลกของนทีรินแทบจะหยุดหมุนอีกครา

 



 

“สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานนะนท”

 

 
To be continue
__________________________________________________________________________________________________

 TALK WITH WRITER :: พบคนหลงรักเมียตัวเองหนึ่งอัตราจ้า พี่ภพเป็นผู้ชายประเภทที่รักเค้าแต่ก็ชอบแกล้งเค้าอ่านะ ไว้วันหย่ามาเมื่อไรพี่ภพหนาวแน่ค่ะ! ทุกคนไม่ต้องห่วงว่าน้องนทจะไม่ได้เอาคืนนางนะคะยังไงพี่ภพก็ต้องได้รับบทลงโทษจากการกระทำของตัวเองอยู่แล้วค่ะ ไว้วันนั้นมาถึงเมื่อไรฝากสมน้ำหน้าพี่เค้าด้วยนะคะ 55555555555555 เจอกันตอนหน้าค่ะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2019 18:58:39 โดย yokindy »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #141 เมื่อ14-05-2019 01:22:39 »

 :L1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #142 เมื่อ14-05-2019 01:46:53 »

อะไร​ ยังไท่อนากให้หวานชื่นเลยนะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #143 เมื่อ14-05-2019 02:21:23 »

รุกซะไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #144 เมื่อ14-05-2019 02:30:40 »

ทำไมนี่อ่านแล้วน้ำตาไหล
มันสงสารนทอ่ะ   :hao5:
จริงๆอยากให้นทตัดใจได้สุดๆไปเลย เห้อ
คงรอวันที่สมน้ำหน้าภพ
แต่ว่าหย่าหลังอากงเสียจริงหรอ นี่ก็ไม่อยากให้อากงเสียเลน
อยากให้นททนไม่ไหวเอง แล้วหย่าเองแบบใครมารั้งก็ไม่อยู่

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #145 เมื่อ14-05-2019 03:13:33 »

 ตอนหย่ากันพระเอกของเราจะเป็นยังไงบ้างน้า

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #146 เมื่อ14-05-2019 07:57:49 »

 :katai2-1:
 :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #147 เมื่อ14-05-2019 17:14:27 »

รอสมน้ำหน้าพระเอกอย่างเดียวค่ะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #148 เมื่อ14-05-2019 18:41:52 »

ทำดีนิดหวานหน่อยอย่าคิดว่าจะให้อภัยนะอิพี่ภพ
รอซ้ำเติมนาง ปล่อยให้ได้ใจไปก่อน

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Husband-in-law {yaoi} ;up! บทที่ ๑๓ (14-5-62)
«ตอบ #149 เมื่อ14-05-2019 19:09:12 »

โหหหห หวานจนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้พระเอกเราผีบ้ายังไง :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด