คาถาที่ ๑๐ [100%]“ฉันมาทำแค่สามเดือนเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็เลิกแล้ว” เรียวจันทร์บิดปากไปซ้ายทีขวาที พูดแล้วก็หัวใจหวิวๆ ถ้านางทำไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะพูดกับเสี่ยจอมทัพยังไงเลย แจเร็ดขมวดคิ้วสีหน้าไม่เข้าใจ
[ไอไม่เก็ตเลย ทำไมยูจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย] คนถูกถามถอนหายใจแรงๆ
“อย่าเก็ตเลย เรื่องมันซับซ้อน…” เรียวจันทร์ปัดเรื่องรกสมองออกจากหัว ไม่อยากคิดเยอะแยะอะไรตอนนี้ นางเปลี่ยนเป็นยิ้ม ส่งสายตาแพรวพราวให้หนุ่มอิตาลี
“…หุ่นยังดีเหมือนเดิมเลยนะ” เรียวจันทร์ยิ้มตาหยี แจแร็ดยิ้มเขินแล้วลุกขึ้นนั่ง เลื่อนกล้องไปตามร่างกายท่อนบนตัวเอง เรียวจันทร์แกล้งทำเสียงซี๊ดจนแจเร็ดหัวเราะ
[ไอคิดถึงยูมาก กว่าจะได้เจอกันก็ตั้งปลายปี ทุกวันนี้ไอต้องช่วยตัวเอง] เรียวจันทร์อ้าปากค้างนิดหนึ่งก่อนจะรีบว่าต่อ
“เฮ้ ยูก็หาสาวสักคนสิ หรือหนุ่มหน้าตาดีๆ อย่างฉันสักคนก็ได้ ช่วยตัวเองให้เมื่อยแขนทำไม” แจเร็ดทำหน้าซื่อแล้วยักไหล่ทั้งสองข้าง
[ก็ตอนนี้ไอมีแค่ยู] เรียวจันทร์อ้าปากหวอค้างเติ่ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้โดนแจแร็ดด่าอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่นางกลับรู้สึกจี๊ดที่หัวใจ
“โอ้ว… เอ่อ… น่ารักจริงเชียวพ่อหนุ่ม” เรียวจันทร์พยายามฉีกยิ้มกว้าง แต่ก็ทำได้ไม่ค่อยดีนัก แจเร็ดยิ้มอบอุ่น มองเรียวจันทร์อย่างรักใคร่
[I miss you and I love you, Riew.] เรียวจันทร์ยิ้มค้าง ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ แววตาราวกับกวางน้อยสลดลงชั่วครู่ก่อนที่จะรีบฉีกยิ้มเรียกความสดใสคืนกลับมาให้ตัวเอง
“นี่ แล้วจะไปถ่ายแบบที่ LA วันไหนเหรอ”
[อาทิตย์หน้า ถ่ายชุดว่ายน้ำ] เรียวจันทร์อ้าปากยิ้มกว้าง ห่อไหล่อย่างมีจริตแล้วกรี๊ดเบาๆ
“ตายแล้ว แค่คอนเซ็ปต์ก็น่าชื่นชม ถ่ายรูปมาให้ดูเยอะๆ นะ” แจเร็ดหัวเราะอารมณ์ดี
[ยูเคยเห็นไอตอนไม่ใส่อะไรสักชิ้นมาแล้วนะ]
“โถ่ เธอไม่รู้อะไร ผู้ชายใส่กางเกงว่ายน้ำ เซ็กซี่กว่าตอนเปลือยทั้งตัวอีก” เรียวจันทร์บอกตาเป็นประกาย ยกมือขวาเท้าคางใบหน้าเคลิบเคลิ้ม มองแจเร็ดราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงจินตนาการอันล้ำลึก
[ไอใส่แล้วส่งให้ยูดูเลยก็ได้นะ แต่อย่าลืมตั้งเป็นรูปภาพหน้าจอล่ะ] แจเร็ดแซวยิ้มๆ เรียวจันทร์แสร้งมองค้อนน้อยๆ
[นี่ แล้วยูไม่คิดจะกลับไปนิวยอร์กอีกแล้วเหรอ]
“กลับสิ นิวยอร์กน่ะแหล่งทำมาหากินของฉันเลยนะ แต่ขอเคลียร์งานตรงนี้ให้เสร็จก่อน อีกอย่างตอนนี้ฉันก็มีงานในไทยเยอะเลยละ” ใบหน้าสวยหวานยิ้มภูมิใจ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณนายแกกำลังมีโอกาสกอบโกย กระแสในตัวนางกำลังมี งานเลยเข้ามาเยอะเป็นพิเศษ แต่เรียวจันทร์ก็ไม่ได้รับทุกงาน สกรีนเป็นงานๆ ไปว่าอันไหนน่าสนใจ และทำแล้วสบายใจหรือไม่
[ถ้ายูกลับไปอยู่นิวยอร์กเมื่อไหร่ ไอจะไปอยู่ด้วย] นายแบบหนุ่มหน้าหวานยิ้มกว้างเขินๆ
“ได้สิ ไป…”
“…ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ แต่ถึงเวลาทำงานแล้ว” เรียวจันทร์ชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมองคนพูด กำลังจะอ้าปากตอบรับ แต่พอเห็นว่าข้างๆ ไอ้เขี้ยวกุดเป็นยัยเอื้องเยื้องย่างเลยปิดปากเงียบและทำหน้าเฉยๆ
“นายพร้อมจะทำงานแล้วแน่นะ ส่งเพื่อนนายกลับก่อนมั้ย” คมเขี้ยวหันไปมองอัจฉราที่ยิ้มน้อยๆ
“วันนี้เอื้องจะอยู่ที่ฟาร์มจนถึงเย็นค่ะ วันนี้หยุดเลยจะมาช่วยเขี้ยวทำงาน” เรียวจันทร์ทำปากว่า อ้อ แล้วยิ้มอ่อน
“ถ้างั้นเต็มที่นะคะ เรียวจะออกไปช่วยคนงานด้านนอกแทนก็แล้วกัน” เรียวจันทร์ลุกขึ้นยืนโดยที่ยังไม่ได้กดวางสายจากแจเร็ด
“ไม่ต้อง ก็อยู่ทำด้วยกันนี่แหละ คุณก็มีหน้าที่ของคุณ” เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าตายไม่สนใจ
“ไหนว่าในฟาร์มนี้คือหน้าที่ฉันไง ก็ในเมื่อวันนี้นายมีคนช่วยงานในออฟฟิศแล้ว ฉันก็จะไปทำอย่างอื่นแทน…” ว่าจบก็ปรายตามองยัยช่อเอื้องที่กำลังวางสีหน้าไม่ถูก ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแจเร็ดในมือถือต่อ
“…เฮ้ เดี๋ยวฉันโทรหาใหม่นะ”
[โอเค รักยู จุ๊บ] นางส่งจุ๊บกลับไปพร้อมยิ้มแฉ่ง แจเร็ดกดตัดจบวีดีโอคอล เรียวจันทร์เก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้น
“แฟนคุณเรียวเหรอคะ”
ยุ่งนักนะยะ! อยากจะตอบกระแทกหน้าแรงๆ แต่เจอกันครั้งแรกและอีกฝ่ายยังไม่ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรมากเลยยังไม่อยากประกาศตัวชัดเจน
“แค่คนที่คุยๆ กันน่ะค่ะ ยังไม่ใช่แฟนหรอก จริงๆ เรียวมีคนที่แอบชอบอยู่…” ว่าเสร็จก็หันหน้าไปมองคมเขี้ยวที่ทำหน้าอึดอัด เรียวจันทร์ยิ้มเบ้ปาก หญิงสาวหนึ่งเดียวหันไปมองคมเขี้ยวตามสายตาของนายแบบหนุ่มแล้วก็ทำหน้างง เรียวจันทร์หันไปยิ้มอ่อนให้หล่อน ก่อนจะแสร้งทำท่าตกใจ
“…แหม เอาเวลาไหนไปทำคิสมาร์คกันคะเนี่ย” คราวนี้อัจฉรางงหนัก มองสลับคมเขี้ยวกับเรียวจันทร์ด้วยสายตาไม่เข้าใจ พ่อเครางามมองหน้าไอ้หน้าสวยด้วยท่าทีไม่เข้าใจเช่นกัน
“คิสมาร์คอะไรเหรอคะ” เรียวจันทร์แสร้งทำสีหน้าตกอกตกใจอย่างมีจริต
“อ้าว คุณเอื้องไม่ได้ทำหรอกเหรอ ก็…” นางชี้นิ้วไปที่แถวๆ ต้นคอของคมเขี้ยว
“…รอยแดงบนคอของนายเขี้ยวไม่ใช่รอยจุ๊บของคุณเอื้องเหรอคะ” หญิงสาวทำหน้าตกใจเล็กน้อย หันไปมองคมเขี้ยวที่พยายามซ่อนใบหน้าหงุดหงิดเอาไว้
“เขี้ยวมีรอยแบบนั้นด้วยเหรอ” เรียวจันทร์ยิ้มเยาะอ่อนๆ คนเดียว ท่าทางยัยช่อเอื้องจะขี้หวงใช่เล่น เพราะแม้จะพยายามซ่อนสีหน้าหึงยังไง แต่ก็ดูออกว่านางร้อนใจไม่น้อยเชียวล่ะ
“ยุงกัดน่ะเอื้อง ไม่ใช่รอยจูบสักหน่อย” คมเขี้ยวตวัดสายตาไปมองไอ้จันทร์ไรที่เลิกคิ้วขึ้นและทำปากจู๋กวนตีน
“ไหนขอดูหน่อย รอยยุงกัดจริงรึเปล่าเถอะ” อ่าฮ่า! นี่ถ้าคบกันเมื่อไหร่ บอกเลยว่าไอ้เขี้ยวกุดโดนยัยนี่คุมเข้มแน่ๆ เรียวจันทร์มองภาพที่ยัยช่อเอื้องแหวกคอเสื้อคมเขี้ยวดูรอยจูบที่นางทำไว้เมื่อเช้าแล้วพยายามกลั้นขำ คมเขี้ยวถลึงตามอง แต่คุณนายแกหาได้แคร์ไม่
“ยุงกัดไม่มีตุ่มเลยเนอะ” อัจฉราว่าหน้าง้ำนิดๆ เพราะดูยังไงที่เห็นมันก็ไม่ใช่รอยยุงกัดแน่ๆ คมเขี้ยวถอนหายใจเบาๆ
“อย่าคิดมาก รอยอะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ไม่ใช่รอยจูบหรอก” ชายหนุ่มพูดอย่างอดทน แต่ไม่ได้ต้องอดทนกับหญิงสาว แต่เป็นการอกทนที่จะไม่หันไปทำร้ายไอ้จันทร์ไรที่ลอยหน้าลอยตานั่นต่างหาก
อัจฉราถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้าสองที “เอื้องขอโทษนะคะที่แสดงกิริยาแบบนั้น”
คมเขี้ยวยิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้หล่อนเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร เรียวจันทร์หรี่ตามองยัยเอื้องเยื้องย่างอย่างประเมิน แล้วก็ได้ผลประเมินว่า ยัยนี่ต้องมีลูกเล่นในตัวที่ซ่อนเอาไว้อีกแน่ๆ ปรับท่าทีได้ต่างกันแบบนี้ ในคลาสแอคติ้งฉันเห็นมาเยอะย่ะ!
“ก็… ถ้าพระนางปรับความเข้าใจกันแล้ว ตัวเดินเรื่องอย่างดิฉันขอตัวนะคะ” เรียวจันทร์ยักไหล่ขวา เดินละล่องผ่านทั้งสองคนไป คมเขี้ยวมองตามด้วยสายตาไม่พอใจ
“เอื้องเคลียร์เอกสารที่เคยทำไว้ต่อได้เลยนะ เดี๋ยวเขี้ยวมา ไปสั่งงานลูกน้องข้างนอกก่อน” อัจฉรายิ้มรับ คมเขี้ยวเดินไปทางประตูออฟฟิศ
เขาทันเห็นเรียวจันทร์ที่กำลังเดินไปทางคอกม้า ขายาวๆ ก้าวตามอีกฝ่ายไปจนทัน คมเขี้ยวคว้าหมับเข้าที่แขนของคนตัวเล็กแล้วดึงให้กลับมาเผชิญหน้ากัน เรียวจันทร์เบ้ปาก เปิดฉากพูดก่อน
“ไม่ขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉันทำไปด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ!” ว่าจบก็บิดแขนตัวเองออกจากมือหนาของอีกฝ่ายทันที คมเขี้ยวขบกรามแน่น
“กลับไปทำงานของคุณซะ”
“โอ๊ย อย่าโชว์ตลก ก็ในเมื่อนายให้นางสาวเอื้องเยื้องย่าง หยดย้อยอร่อยเหาะมาทำหน้าที่แทนฉันวันนี้ ก็ให้นางทำไปสิ จะมาเอาฉันไปทำอีกคนทำไม ซ้ำซ้อน!”
“เอื้องอยู่ คุณก็ทำได้”
“ไม่ได้! ฉันไม่อยากทำกับคนอื่น ไหนว่าจะสอนงานฉัน ให้ฉันเป็นงานไง แล้วจะเอาคนอื่นมายุ่งวุ่นวายทำไมล่ะ?!” เรียวจันทร์จ้องตาคมเขี้ยวอย่างไม่ยอม คนตัวสูงกว่ามองอย่างหงุดหงิด
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อิฉันขอตัวนะคะคุณเขี้ยว อีเรียวมันเป็นไพร่ มันต้องไปทำงานเจ้าค่ะ”
คมเขี้ยวหรี่ตามอง แล้วยกยิ้มมุมปากขวาน้อยๆ “ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย คุณหึงผมกับเอื้องใช่มั้ย”
เรียวจันทร์อ้าปากหวอด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นประมาณว่า อื้ม ใช่ ใช่เลย “ใช่! ฉันหึง ฉันหวงนายมากกกก…” นางเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ยกสองมือขึ้นมาทาบอกตัวเอง
“…ฉันทำใจไม่ได้ที่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจตัวเอง มันเหมือนมีมีดกรีดเฉือนหัวใจฉัน จนมันแหลกเป็นชิ้นๆ!” แม่นักแสดงใหญ่บิดหน้าหลบสายตาคมวาวของคมเขี้ยวแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองด้วยสีหน้าเจ็บปวดต่อ
“ขอให้ฉันอยู่ห่างจากภาพอันแสนเจ็บนั้นเถอะนะ…” ว่าธรรมดาไม่ได้ด้วย เพราะตอนนี้คุณนายแกค่อยๆ เดินถอยหลังช้าๆ เอื้อมมือซ้ายมาด้านหน้า ราวกับจะไขว่คว้าคมเขี้ยวไว้ไม่ให้หลุดมือ หนุ่มเจ้าของฟาร์มขมวดคิ้วมองอย่างข้องใจ
“…ลาก่อนโกโบริ” ว่าจบไอ้จันทร์ไรมันก็หมุนตัววิ่งไปทางคอกม้าอย่างเร็ว ทิ้งให้คมเขี้ยวยืนเคว้งอ้าปากหวอ ชายหนุ่มมองตามชายเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคล่งที่พลิ้วสะบัดตามแรงวิ่ง
สรุปมันหึงกูจริงมั้ยเนี่ย?!“วู้ฮู้ววว! ดินๆๆ จับไว้ อย่าปล่อยๆ” เรียวจันทร์ส่งเสียงหัวเราะเริงร่าอยู่บนหลังม้า โดยมีดินเป็นคนควบคุมให้เจ้าม้าสีน้ำตาลเดินเหยาะๆ ไปรอบลานกว้างในคอก ส่วนแม่นางนั่งไขว่ห้างเกาะเอวดินเอาไว้ ทำท่าทางเชิดสมกับเป็นคุณนาย เหล่าคนงานที่ดูอยู่ต่างหัวเราะไปกับเรียวจันทร์
“รู้สึกถึงความเป็นราชนิกูล” นายแบบหนุ่มหัวเราะคิกคักอยู่บนหลังม้า ทั้งเสียวทั้งสนุก เสียวจะตกลงไปตายแล้วโดนม้ากระทืบซ้ำ เพราะทุกคนเตือนแล้วว่าอย่านั่งแบบนี้ ถ้าจะนั่งต้องนั่งด้านหน้าคนคุมม้า ตอนแรกนางก็จะนั่งนั่นแหละ แต่ดินเขินนางจนตัวแดงจากตัวดำๆ สุดท้ายเลยต้องมานั่งข้างหลังดิน ดินเลยพยายามบังคับม้าให้เดินช้าที่สุดเพื่อความปลอดภัยของคุณนายเรียวจันทร์
“นี่ๆ แล้วไอ้ชื่ออะไรนะ เดือนหงายเดือนแหงน มันไปไหนล่ะ” ว่าไปก็หันรีหันขวางมองหาเจ้าม้าตัวใหญ่สีดำขลับแสนสง่าตัวนั้น
“ออกไปกินหญ้าตรงทุ่งหญ้านอกฟาร์มครับ”
“อ๋อ ดีแล้วล่ะ ดูมันไม่ค่อยชอบฉันเลยอะ” ดินหัวเราะก่อนจะค่อยๆ เบรกม้าให้หยุดอยู่กับที่
“ดินว่าพอเท่านี้ก่อนดีกว่าครับคุณเรียว เดี๋ยวเราต้องไปอาบน้ำให้ม้าอีก” เรียวจันทร์พยักหน้าเร็วๆ
“โอ๊เข่” เรียวจันทร์ทำท่าจะลง แต่ก็จับทางไม่ถูกว่าจะต้องลงยังไง นางเก้ๆ กังๆ อยู่บนหลังม้าสักพัก ก่อนที่จะเห็นลูกน้องเสี่ยจอมทัพเดินมาตรงหน้าตัวเอง
“มาครับ เดี๋ยวผมรับ” เรียวจันทร์มองด้วยท่าทีมีระยะห่าง แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้มีพิรุธใดๆ ให้คนอื่นสงสัย นางเลยยื่นแขนให้อีกฝ่ายอุ้มรับตัวเองลงจากหลังม้าไปยืนบนพื้น
“เสี่ยฝากบอกว่าคิดถึง” ชั่ววินาทีที่ใบหน้าทั้งสองคนใกล้กัน ชายคนนั้นก็กระซิบอย่างรวดเร็ว เรียวจันทร์มองรอยยิ้มมุมปากของอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ชอบใจ แม็คยิ้มเลศนัยอีกทีแล้วเดินแยกตัวไปอีกทาง
“คุณเรียวไม่ชอบไอ้แม็คเหรอครับ” เรียวจันทร์หยุดทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หันไปมองดินที่ถามอย่างสงสัย นางยิ้มเหลอหลา
“ผมก็ไม่ชอบมันเหมือนกัน” เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มขำ
“ดินมีคนที่ดินไม่ชอบสองคนแล้วนะ ยัยเอื้องอะไรนั่นกับนายคนนี้” ดินทำตาโต รีบโบกมือเป็นพัลวัน
“กับคุณเอื้อง ดินแค่ไม่สบายใจที่อยู่ใกล้เธอครับ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเธอแต่งงานกับพี่เขี้ยว เธอก็คือเจ้านายของดิน” คุณนายเรียวจันทร์เบ้ปากทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“คุณเรียวไม่ชอบคุณเอื้องเหรอ” ดินถามหน้าซื่อ เรียวจันทร์ย่นจมูกเหมือนเหม็นขี้ แต่อันที่จริงนางก็เหม็นขี้จริงๆ นั่นแหละ ขี้ม้าไง
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ชอบยัยคนนั้น ดินจะไม่ชอบฉันมั้ยล่ะ” หนุ่มร่างบึ้กหน้าตาใสซื่อส่ายหัวรัวๆ
“ไม่ครับ ผมอยู่ข้างคุณเรียว” เรียวจันทร์ยิ้มเบ้ปากเขินๆ ยกมือผลักอกดินเบาๆ
“บ้า ดินอะ ทำให้เขินอีกละ เขินมากๆ เดี๋ยวฉันจับทำผัวนะ” พ่อหนุ่มผิวคล้ำเบิกตากว้าง ก่อนที่แก้มเข้มๆ จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเรียวจันทร์หัวเราะขำเสียงดัง แล้วยิ่งหัวเราะดังกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของดิน
“ก็… ก็ ถ้าคุณเรียว จับผม เอ่อ จับผมทำผัวจริงๆ ผมยอม”
“อ๊ายยย ดิน ฮ่าๆๆๆ” เรียวจันทร์ยกมือปิดหน้าปิดตาและกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความเขินไม่แพ้กัน คนงานแถวนั้นเห็นเรียวจันทร์หัวเราะก็ยิ้มตาม แล้วสักพักก็ส่งเสียงเฮกันครื้นเครงเมื่อเรียวจันทร์ล้มตัวซบอกแน่นๆ ของดิน ไอ้ดินตัวแข็งทื่อเพราะความเขิน
“เฮ้ยยย ไอ้ดินน้ำจะแตกแล้วววว” พวกคนงานผู้ชายหัวเราะกันเริงร่า เรียวจันทร์ผละตัวเองออกจากอกของดิน มองหน้าอีกฝ่ายที่แดงแจ๋แล้วหัวเราะร่วมไปด้วย แต่ไม่ได้เป็นการหัวเราะเยาะเย้ย คุณนายแกเอ็นดูเด็กหนุ่มคนนี้
“ดิน ถ้าจะมีแฟนนะ ต้องให้ฉันสแกนก่อนรู้รึเปล่า ห้ามตกลงปลงใจกับใครง่ายๆ” เรียวจันทร์ว่าอย่างไม่จริงจังนัก แต่ในใจนึกเป็นห่วงดินอยู่เหมือนกัน ผู้ชายคนนี้อาจโดนผู้หญิงหรือผู้ชายสักคนหลอกใช้ความรู้สึกได้ง่ายๆ ไอ้ดินพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เรียวจันทร์คลี่ยิ้มเอ็นดู
“ไม่ทำงานกันรึไง??!!” เสียงหัวเราะครืนๆ ค่อยๆ เงียบลงเมื่อเสียงตะโกนของเจ้าของฟาร์มดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าดุๆ เรียวจันทร์หันไปมองไอ้เขี้ยวกุดที่ยืนเกาะขอบรั้วคอกม้าอยู่
“เขาก็ทำกันย่ะ แค่หัวเราะนิดๆ หน่อยๆ” เรียวจันทร์แบะปากน้อยๆ แต่พองามเมื่อเห็นว่ายัยช่อเอื้องยืนอยู่ข้างๆ
ยิ้มอะไรนักหนา หล่อนเทคยาหนักไปเหรอ?!“อ้าวพี่เขี้ยว ไปควงสาวอื่น ไม่กลัวคุณเรียวจันทร์น้อยใจเหรอพี่?!” เสียงคนงานคนหนึ่งตะโกนถามขึ้น เรียกเสียงแซววี้ดวิ้วดังไปทั่วคอกม้า เรียวจันทร์อ้าปากหวอ แต่สักพักก็ฉีกยิ้ม พอหันไปมองหน้ายัยช่อเอื้อง แม่นั่นกำลังยิ้มงง
“เดี๋ยวมึงจะโดนหักเงินเดือน!” คมเขี้ยวชี้หน้าลูกน้องที่ตะโกนถามขึ้นมา
“อ้าว ก็เห็นจูบลูบคลำกันออกจะบ่อย”
“ฮิ้วววว ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะตอบรับดังลั่น คมเขี้ยวขบกรามแน่นทำหน้าเซ็ง มองไอ้จันทร์ไรด้วยสายตาวาววับ คนถูกมองยิ้มเย้ยนิดหน่อยแล้วยักไหล่อ่อนๆ พอมองหน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ ของยัยคนข้างๆ ไอ้เขี้ยวกุดก็แอบสะใจเบาๆ แม้จริงๆ จะสะใจแรง แต่ต้องบอกเบาๆ ไว้ก่อน เพราะไม่งั้นเราจะร้ายเกินไป
“อะไรกันเหรอคะเขี้ยว” แหม พอถามผู้ชาย สีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานงงๆ เชียวนะ
“มันก็แซวเล่น เรียวจันทร์มันก็ผู้ชาย จะไปมีอะไรได้ไง” คมเขี้ยวบอกอย่างอ่อนใจ แต่ไม่ได้อ่อนใจอัจฉรา เขาอ่อนใจกับไอ้พวกลูกน้องปากมากพวกนี้มากกว่า และที่ทำเขาอ่อนใจจนล้าก็คือไอ้เรียวจันทร์ตัวดี
“แต่คุณเรียวเธอเป็นผู้ชายที่สวยนะ” ต๊าย! แม่นี่พูดจาดี ยิ้มให้นิดนึงก็ได้
“เขี้ยวไม่ได้ชอบผู้ชาย โอเคมั้ยเอื้อง” เบื่อจริงจริ้ง อีคำพูดนี้น่ะ!
แม่ช่อเอื้องยังคงทำหน้าเง้าหน้างอ คมเขี้ยวเลยต้องพาเดินออกไปจากตรงนั้น เรียวจันทร์มองมือคมเขี้ยวที่จูงมือหญิงสาวด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนที่จะหันกลับไปยิ้มให้ดิน
“ไปอาบน้ำให้ม้ากันเถอะ”
ตกเย็น หลังจากที่ทำงานกันมาทั้งวัน ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว เรียวจันทร์เดินบิดขี้เกียจสลับกับเกาแขนขาตลอดทางเดินกลับออฟฟิศ วันนี้หลังจากอาบน้ำให้ม้าเสร็จ นางก็ไปช่วยพวกดินขนกองฟางขึ้นรถไถไปเก็บไว้ในโรงนา เลยทำให้เกิดอาการคันยุบยิบไม่หยุด
พอกลับเข้าห้องได้ นางก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หายคัน นางเลยกินยาแก้แพ้ไปสองเม็ด กะสู้กับอีผื่นแดงทั้งหลายเต็มสูบ ตอนที่เปิดประตูออฟฟิศเพื่อจะเดินไปกินอาหารเย็นกับพวกดินก็เจอกับคมเขี้ยวยืนอยู่ในชุดเดิม
“แม่เรียกให้ไปกินข้าว” คนถูกชวนส่ายหัว
“ไม่ล่ะ ฉันนัดกับดินไว้แล้วว่าจะไปกินข้าวด้วย ฝากบอกป๋ากับแม่ด้วยนะว่าขอบคุณ”
“ตกลงจะเอาไอ้ดินหรือกิ๊กฝรั่งกันแน่ ไหนบอกว่าชอบผมไง” คมเขี้ยวหรี่ตามอง เรียวจันทร์ยิ้มมุมปาก แต่ก็มิวายยกมือเกาตามเนื้อตามตัวไปด้วย
“เอ๊า ก็ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นชอบเฉยๆ ยังไม่ได้เสียกันซักหน่อย จะให้ฉันให้ใจนายไปหมดเลยเหรอ ใจทั้งดวงนะยะ เผื่อแผ่ให้หนุ่มอื่นบ้างสิ เออ ถ้าว่านายกับฉันเป็นผัวเมียได้เสียกันแล้ว อันนั้นน่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันให้นายได้แม้กระทั่งเส้นเลือดฝอยในหัวใจ” เรียวจันทร์ยกมือตบอกซ้ายตัวเองเบาๆ และเกายิกๆ ไปในตัว คมเขี้ยวขมวดคิ้วมองอาการนั้น
“ถามจริง คุณชอบผมจริงๆ หรือใช้เป็นข้ออ้างอะไรรึเปล่า” คมเขี้ยวกอดอกมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัยจริงจัง เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้นสูงและฉีกยิ้ม
“ฉันควรดีใจใช่มั้ยที่นายสนใจว่าฉันชอบนายจริงหรือเปล่า”
“คุณควรบอกความจริงผมมาว่าคุณต้องการอะไรกันแน่” คนหน้าสวยถอนหายใจเซ็งกับใบหน้าเคร่งเครียดของคมเขี้ยว
“นายจะทำหน้าแบบนี้ทุกครั้งเวลาอยู่กับฉันเลยรึไง…” คมเขี้ยวยังคงทำนิ่ง เรียวจันทร์กลอกตาแล้วเดินออกจากประตู ลงไปยืนบนพื้นด้านล่าง
“…ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น ฉันบอกว่าชอบก็คือชอบ เหมือนที่ยัยเอื้องชอบนายนั่นแหละ” คุณนายแกว่าสบายๆ แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดนิดหน่อยเพราะคันยิบๆ ไม่หยุด สองมือใช้ปลายนิ้วเกาตามผิวตัวเองเบาๆ
“สนิทกับเขาแล้วเหรอถึงเรียกเขาแบบนั้น” นายแบบหนุ่มทำปากยื่นพร้อมไหวไหล่
“ไม่สนิทและไม่คิดสนิท ถ้าฉันขึ้นไอ้ขึ้นอีกับว่าที่แฟนนายเมื่อไหร่ ค่อยโกรธแล้วกันนะ” เรียวจันทร์ยกมือขวาตบไหล่ซ้ายของคมเขี้ยวเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างสูงไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักกับคำถามของอีกฝ่าย
“แล้วถ้าผมตกลงเป็นแฟนกับเอื้อง คุณจะทำยังไง” คุณนายเรียวหันไปมองหน้าคนถามทันทีไม่มีชะงัก นางเบ้ปากเล็กน้อยพร้อมไหวไหล่เก๋ๆ
“ฉันไม่ชอบแย่งแฟนใคร คบกันเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน” เรียวจันทร์กลอกตาพร้อมเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป คมเขี้ยวมองตามร่างเล็กที่เดินไปทางหมู่บ้านคาวบอย เขาเห็นแม่ตัวดียกมือเกาแขน เกาคอ เกาหลังอย่างกับลิง
เรียวจันทร์มานั่งกินข้าวกับดินและคนงานอื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน จากการได้ทำงานกับลูกน้องคมเขี้ยวในฟาร์มวันนี้ ทำให้นางได้รู้จักกับอีกหลายคน ได้สร้างเพื่อนใหม่อีกมากมาย ทุกคนใจดี มีน้ำใจ ไม่รังเกียจผู้ชายดัดจริตอย่างนาง แต่ก็มีที่ไม่ได้มาสุงสิงกับนางด้วย ก็ใช่ว่าทุกคนจะอยากสุงสิงกับนางนี่นะ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก มีคนรักก็ต้องมีคนไม่รักเพื่อความสมดุลของชีวิต
“คุณเรียวตัวแดงหมดแล้ว” ดินพูดพลางมองตามแขนขาวๆ ที่ผื่นแดงขึ้นเป็นแถบยาว เรียวจันทร์โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
“กินยาแก้แพ้ไปแล้วละ เดี๋ยวนอนพักผ่อนก็ดีขึ้น” พูดจบก็อ้าปากหาววอด
“งั้นถึงห้องนอนก็นอนเลยนะครับ จะได้พักผ่อนเยอะๆ” เรียวจันทร์ยิ้มง่วงๆ ให้ดินที่เดินมาส่งหลังจากกินอาหารมื้อเย็นและลากยาวไปถึงอาหารกรุบกรอบหลังอาหารหลักกับพวกคนงาน นั่งไปได้สักพัก คุณนายแกก็อ้าปากหาวง่วงนอนเพราะฤทธิ์ยา เลยขอตัวออกมาก่อน
“ขอบใจดินมากนะ โอ๊ย ไม่น่ากินสองเม็ดเลยอะ นี่จะหลับหรือจะตายก็ไม่รู้” นางอ้าปากหาววอดๆ ตอนเดินมาถึงหน้าออฟฟิศ
“แน่ใจนะครับว่าไม่เอายาทา” เรียวจันทร์ส่ายหัวหน้ามุ่ย
“ม่ายยย เดี๋ยวนอนแล้วมันก็คงไม่คันแล้วละ ไปแล้วนะดิน ขอบคุณมาก” นางโบกมือให้ดิน ส่งยิ้มง่วงนอนให้อีกทีแล้วเปิดประตูเข้าไปในออฟฟิศ ตรงดิ่งไปที่ห้องนอน ฝืนใจเดินไปแปรงฟัน พอเห็นสภาพผิวตัวเองก็ตกใจนิดหน่อย เพราะมันแดงเข้มไปทั้วตัว
ก๊อกๆ
“ฮึ” ร่างบางกำลังจะล้มตัวลงนอนขมวดคิ้วมองประตูอย่างงงๆ แต่ก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้ พอเปิดออกก็เห็นคมเขี้ยวยืนอยู่ในชุดนอน
“อ้าว นายมีไรอีกอะ ฉันไม่ไหวจะเถียงด้วยแล้วนะ” พูดเสร็จก็เดินโงนเงนไปล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
“ทายาก่อน ตัวแดงอย่างกับลูกลิงแรกเกิด”
“ม่ายอาว ม่ายทา จานอนนน” คมเขี้ยวยืนมองร่างบางนอนคว่ำหน้าหลับสนิทแล้วถอนหายใจ
“จันทร์ไร ตื่นมาทายาก่อน”
“อื้อ… มั๊ย…” เรียวจันทร์ตอบเสียงอ่อน เป็นการบอกให้รู้ว่ากูง่วงแล้วจริงๆ ร่างสูงพ่นลมหายใจ เดินเข้าไปหา จัดการถลกเสื้อยืดตัวย้วยขึ้นจนเห็นผิวขาวละเอียดที่แดงเต็มหลัง
“โห… บอบบางอะไรขนาดนี้วะ” แม้จะรู้ว่าอาการแพ้มันจะเป็นลักษณะแบบนี้ แต่กับเรียวจันทร์ดูจะมีปฏิกิริยามากกว่า มันเหมือนคนตากแดดจนผิวใกล้ไหม้
“พ่อ… อุ้มๆ น้องเรียว… งืมๆ” คมเขี้ยวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของคนตัวเล็ก เขาเปิดฝาขวดยาแล้วเทใส่ฝ่ามือก่อนที่จะทาไปตามผิวเนียนนุ่มของเรียวจันทร์ เขาว่ามือตัวเองสากแล้วนะ แต่พอสัมผัสผิวเรียวจันทร์ยังรู้สึกถึงความนุ่มนวล
คมเขี้ยวจัดการทายาตามตัวเรียวจันทร์จนทั่ว นึกสงสัยว่าช่วงล่างของมันคันหรือเปล่า แต่ดูท่าทางแล้วก็ไม่มีอาการยุกยิกที่เบื้องล่างแต่อย่างใด เขาปิดฝาขวดยา วางไว้บนหัวเตียง เผื่อว่าเจ้าตัวจะรู้สึกคันกลางดึก เขาเห็นยาแก้แพ้วางอยู่บนหัวเตียง เลยรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมไอ้จันทร์ไรถึงง่วงนอนหนักได้ขนาดนี้
ตึ๊งตึ่ง~
เสียงข้อความแชทดังขึ้น คมเขี้ยวหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงนอนก็เห็นข้อความส่งมาบอกว่าฝันดีของอัจฉรา เขายิ้มมุมปากน้อยๆ สายตาเลื่อนไปมองเรียวจันทร์ที่นอนหลับสนิทหมดพิษภัยใดๆ อย่างครุ่นคิด
ฉันไม่ชอบแย่งแฟนใคร คบกันเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน มาต่อแล้วค่ะ ยาวๆ กันไป อย่างน้อยพี่เขี้ยวก็ยังมีน้ำใจเป็นห่วงแม่เรียวนะคะ เอายามาทาให้ถึงห้องนอน อย่างน้อยก็ไม่ได้เกลียดขุ่นแม่ชิมิล่ะพี่เขี้ยว
แต่เมื่อไหร่ขุ่นแม่จะชนะใจพี่เขี้ยวนี่สิ อีกนานแค่ไหนจะกว่าฉันจะใกล้เธอออ บอกที 55555
แต่ตอนท้ายนี่ยังไงคะ พี่เขี้ยวจะขอนังเอื้องคบหราาา เอาจริงหราาพี่ แบบนี้แม่เรียวต้องเร่งรัดแล้วนะคะคุณแม่
ขอบคุณคนอ่านที่ติดตามเรื่องนี้กันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่ชอบแม่เรียวกับพี่เขี้ยว เป้นอีกรเื่องที่ตั้งใจ ตอนนี้ทุ่มเทเรื่องนี้ได้เต็มที่แล้วค่ะ หุๆ ไม่หายไปนานๆ แล้นนนน