10
แค่คิดก็กลัวแล้วผมนั่งรอพี่เชาอยู่ที่หน้าตึกตั้งแต่หลังเลิกเรียนจนตอนนี้ทุ่มกว่า เพื่อนกลับไปหมดแล้วแต่พี่เชาก็ยังไม่มารับผมสักที พยายามโทรไปพี่เชาก็ไม่รับสายอีกแล้ว
ถ้าผมยังรอพี่เชาอยู่ที่ตึกเรียนตัวเองพี่เชาคงไม่มาแน่ๆ ผมเลยรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปหาพี่เชาที่ห้องเรียนพี่เชา ปรากฏว่าที่ห้องว่างเปล่า คนกลับไปหมด
ผมเม้มปาก รู้สึกใจแป้วและเจ็บจี๊ดในอก รู้ตัวอีกทีน้ำตาไหลก็ซึมลงมาตามแก้ม.. อะไรเนี่ย ผมร้องไห้อีกแล้วเหรอ ไม่เอาสิฟิว.. เข้มแข็งไว้ พี่เชาไม่ชอบคนขี้แยนะ...
“ ฮัลโหล สวัสดีครับพี่เปิ้ล ” ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ทำเสียงปกติโทรหาพี่เปิ้ล รุ่นพี่เครื่องกลปี3 เซคเดียวกับพี่เชา
“ นี่ฟิวเองนะคับ...พี่เปิ้ลว่างคุยมั้ย? ”
ยากจัง ทำไมผมเก็บความรู้สึกไม่เก่งอย่างคนอื่นนะ
“ อ๋อจ้าน้องฟิว ว่างอยู่จ้า น้องฟิวโทรมามีอะไรรึเปล่าเอ่ย ” เสียงพี่เปิ้ลสดใส
“ พี่เปิ้ลพอจะรู้มั้ยครับว่าตอนนี้พี่เชาอยู่ไหน ”
“ เชาเหรอฟิว? มีอะไรรึเปล่า ” น้ำเสียงพี่เปิ้ลดูตกใจ “ เกิดเรื่องอะไรกับเชาเหรอ?! ”
“ เปล่าคับ คือฟิวมีนัดกับพี่เชา แต่ติดต่อพี่เชาไม่ได้ตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว ” พี่เชาบอกว่าจะมารับผมไปกินปิ้งย่าง พี่เชาบอกกับผมเอง เขาไม่มีทางลืมแน่ๆ
“ พี่เห็นหลังเลิกเรียนเชามันออกไปกับขวัญ.. เอ๊ย! ไม่ดิแซค โทษทีจ้ะ พี่เบลอ.. มันทะเลาะกับขวัญอยู่ ”
ทะเลาะกับพี่ขวัญ? หลังจากวันนั้นที่ผมไปหาพี่เชาที่ช็อป พี่เชากับพี่ขวัญยังไม่คืนดีกันอีกเหรอ
“ มีอะไรเหรอครับ? ” ผมถามเสียงแหบแห้ง
“ อ๋อ.. ก็วันนี้เชากับขวัญมันต่อยกันอ่ะน้องฟิว กลางห้องสโลปเลยนะ! ” เสียงพี่เปิ้ลตื่นเต้นขณะเล่า “ ตอนนั้นในช็อปก็ครั้งนึงแล้ว มีวันนี้อีก พวกพี่อย่างงง..มันเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปี 1 แต่เพิ่งจะมาทะเลาะกันตอนปี 3 ทำไมก็ไม่รู้ ”
“ ... ” ผมเงียบฟัง “ เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอครับ? ” และกลั้นใจถาม เผื่อว่าการทะเลาะกันครั้งนี้จะไม่เกี่ยวกับ ‘ พี่คิง ’
“ เหมือนขวัญคิดว่าเชาเป็นเกย์หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ ก็เลยทะเลาะกัน เนี่ยวันนี้ก็เพิ่งพาขวัญไปทำแผลที่ห้องพยาบาลมา ” พี่เปิ้ลเล่าเสียงเจื้อยแจ้วอย่างคนช่างพูดช่างคุย ผมรู้สึกโล่งอก
โชคดีจัง… ไม่เกี่ยวกับพี่คิง
ผมรู้ว่าพี่คิงเป็นพระเอกเกาหลีที่เอาแต่ใจและเพรียบพร้อมไปด้วยทุกอย่าง หน้าตาดี ผลการเรียนเยี่ยม และครอบครัวมีฐานะ ส่วนผมก็คงเป็นแค่คนใช้ตัวประกอบไร้บทบาท แม้ว่าพี่เชาจะเป็นแฟน ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับพี่คิงมากกว่าสนใจผม
ไม่กล้าเอาตัวเองไปเทียบกับพี่คิงหรอก พี่คิงห่างชั้นกับผมตั้งเยอะ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่ตัดพ้อในใจเท่านั้น...
“ แต่เชาเวลาโกรธนี่น่ากลัวมากเลยนะ! พี่นี่ขนลุก เสียวสันหลังวาบ ”
น้ำตาผมไหลผ่านแก้มหยดแหมะลงมาที่มือ..
เวลาที่พี่เชาโกรธ...ผมรู้ซึ้ง
ก็ทำพี่เชาโกรธมาแล้วรอบนึง…. ตั้งแต่ผมรู้จักกับพี่เชามา วันนั้นเป็นวันแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าพี่เชาน่ากลัว… และเมื่อผมบอกว่าน่ากลัว… มัน ‘ น่ากลัว ’ จริงๆ
พี่เชาเหมือนสิงโตป่าที่กำลังจะอาละวาด ตาสีน้ำตาลของพี่เชาดุดัน ริมฝีปากหยักที่ยิ้มให้ผมเสมอๆ กัดฟันเม้มเป็นเส้นตรง อารมณ์คุกกรุ่นปั่นป่วนรุนแรงเหมือนภูเขาไฟรอเวลาระเบิด
ตอนนั้นพี่เชาเกือบจะทำร้ายผมแล้ว… แต่เขายั้งมือไว้ทัน และระบายอารมณ์หงุดหงิดด้วยการปาโทรศัพท์มือถือตัวเองอัดใส่ผนัง…
ผมนี่อ่อนไหวชะมัด แค่นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นผมก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว…
“ น้องฟิว… น้องฟิว! ยังอยู่ป่ะจ๊ะ? ”
อ่ะ…!?
“ อะ..อยู่ครับ! ” ผมลนลานตอบพี่เปิ้ล เมื่อกี้เหม่อ ไม่ได้ฟังเลยพี่เปิ้ลพูดอะไร “ พี่เปิ้ลว่าอะไรนะครับ ”
“ พี่บอกว่า เมื่อกี้พี่บอกฟิวผิดจ้ะ พี่เพิ่งถามเพื่อนมา มันบอกว่าวันนี้สองคนทะเลาะกันเพราะรูมเมทเชาเป็นเกย์ แต่เชาไม่ได้เป็นนะจ๊ะ ไม่ต้องตกใจไป ”
ผมตกใจ.. อึ้ง.. พูดไม่ออก…
“ ค..ครับ…. ” ผมตอบรับพี่เปิ้ลด้วยเสียงเบาหวิว
พี่เชาไม่ได้เป็นเกย์ แล้วที่คบกับผม...คืออะไรเหรอ...?“ เอาเบอร์แซคมั้ยน้องฟิว เผื่อเชายังอยู่กับแซค? ”
“ อะ...เอา...ครับ ”
“ จ้า น้องฟิวจดนะ ศูนย์เก้า…. ” พี่เปิ้ลบอกเบอร์พี่แซคมา ผมเมมตามแล้วกล่าวขอบคุณพี่เปิ้ลไป บอกลาพี่เปิ้ลแล้ววางสาย
เบอร์พี่แซคอยู่ในมือถือผมแล้ว ผมอยากกดโทรออกเพื่อคุยกับพี่เชาให้รู้เรื่อง แต่ความกลัวที่มีมากกว่ากลับทำให้นิ้วผมไม่ยอมขยับแข็งค้างไว้อย่างนั้น
แค่คิดว่าคำตอบของพี่เชาคืออะไร ผมก็กลัวจนใจสั่นไปหมดแล้ว
“ อ้าวฟิว! ว่าไง ”
เสียงเรียกคนมาใหม่ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก หันกลับไปมองที่มาของเสียงแล้วก็คิดว่า…. ไม่น่าหันมาเลย…
“ อ่า.. หวัดดี..ไมค์... ”
ไมค์เรียนคณะครุศาสตร์ ไม่ได้ใกล้กันเลยกับคณะวิศวะของผม แถมตอนนี้ยังเป็นเวลาทุ่มเกือบ 2 ทุ่มแล้วด้วย เขามากับเพื่อนอีกสองคน ผมคุ้นหน้าเพื่อนไมค์ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กภาคคอมที่ผมเคยแข่งปิงปองเฟรชชี่เกมด้วย
“ มาทำอะไรแถวนี้? ” ไมค์ถามต่อ เขาเดินเข้ามาหา ผมกอดกระเป๋าตัวเองเสมือนเป็นเครื่องป้องกันอัตโนมัติ ผงะถอยหลังไปสองก้าว...
“ ระ..เรามาหาพี่... ไปก่อนนะ! ” รีบพูดเร็วๆ แล้วเดินหนีออกมา
ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้… ผมไม่ควรจะเจอไมค์อีก ไม่ว่ามันจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม เห็นเขาแล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก ทั้งที่จริงไมค์แค่เข้ามาทักทายและมองตามมาเท่านั้น… ไม่รู้สิ ผมกลัวเขาไปแล้ว มองหน้าไม่ติดด้วย...
ผมกับไมค์รู้จักกันตอนกีฬาเฟรชชี่ เขาเล่นวอลเล่ย์บอลให้กับคณะของเขา และมาดูทีมวอลเลย์บอลหญิงด้วย ปุ๊กลงแข่งวอลเลย์บอล ผมกับเห็ดเลยมาอยู่เป็นเพื่อนก็เลยเจอกับไมค์
การพบเจอกันของผมกับไมค์คล้ายกับนิยายสักเรื่องที่พระเอกเจอกับนางเอกด้วยอุบัติเหตุที่ไม่ทันคาดคิด ไมค์ซ้อมตบเสิร์ฟลูกบอลให้กับลูกทีมของเขาอยู่ข้างสนาม เดาเรื่องต่อได้ไม่ยาก... ลูกตบของไมค์กระแทกเข้าแก้มผมเต็มๆ จนหนห้าหัน ตอนนั้นมันเจ็บมากจริงๆ นะ ผมหน้าชา มึนหัว เห็นดาววิ้งๆ
แต่ความจริงแล้ว ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ไมค์ไกลจากคำว่าพระเอกนิยายไปมาก และพี่เชาต่างหากที่เป็นพระเอกในใจผม...
หลังจากนั้นผมเดินแก้มปูดไปาหาที่เชาที่คณะข้างๆ พี่เชาอยู่กับเพื่อนนิติฯ เขาขำผมใหญ่เลย แต่ก็กอดคอผมพาไปขอน้ำแข็งเพื่อนนักกีฬามาประคบเย็นที่แก้มให้ พี่เชาบ้า ชอบแกล้งผมก่อนค่อยโอ๋
นึกถึงตอนนั้นแล้วผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ เจ็บป่ะ? เจ็บอ่ะดิ ฮะๆๆ ” พี่เชาหัวเราะยิ้มกว้าง
ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากส่งสายตาน้อยใจไปให้ นั่นยิ่งทำให้พี่เชาหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
“ ฮ่าๆๆ มานี่มา โอ๋นะครับ ” พี่เชากอดคอผมและโยกหัวไปมา เขายิ้มมุมปากมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมเขินจนทำตัวไม่ถูก “ หันมาหน่อยครับเป็ดน้อย เดี๋ยวพี่ประคบน้ำแข็งให้ ”
งื้อออออออ…! โดนพี่เชาทำอย่างนี้ใส่ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว!!ผมชอบเวลาอยู่กับพี่เชาเมื่อก่อนจัง…
พี่เชาทั้งเท่ แสนดี ช่างเอาอกเอาใจผม เขามักมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ผมเสมอ เทียวรับ-ส่งผมตลอด ทั้งที่รถของพี่เชาก็เป็นรถใหญ่ ช่วงแรกก่อนที่พี่เชาจะขับมอเตอร์ไซค์พี่เขาใช้รถเบนซ์สีเทาของที่บ้าน จะเข้าออกทีก็ลำบากเพราะคันใหญ่ เจอรถติดอีก มีบ้างเหมือนกันที่พี่เชาหงุดหงิดกับรถติด แต่ถ้าผมนั่งไปด้วยเราก็จะคุยกัน พี่เชามักจะหยอกหรือแกล้งผม แล้วตัวเองก็จะอารมณ์ดีขึ้น ชอบบอกว่าผมเป็นเป็ดน้อยแต่ตัวพี่เชาก็เป็นสิงโตขี้แกล้งเหมือนกันนั่นแหละ ฮึ่ม!
คิดถึงพี่เชาเพลินผมเดินออกมาจะถึงประตูทางเข้าออกของคณะแล้ว เอาไงดีเนี่ย เห็ดกับปุ๊กก็กลับหอกันไปแล้ว พี่เชาก็ไม่อยู่… ผมได้เบอร์พี่แซคมาแต่ก็ไม่กล้าโทรไปรบกวนพี่เขา
ผมหยิบมือถือออกมาดูเบอร์พี่แซคอีกรอบ เอาไงดี… โทรดี… หรือไม่โทรดี…
อ๊ะ?!! ตายล่ะ!!!! ผมเผลอกดปุ่มโทรออกไปแล้ว!! ฮือออออ! รีบวางเลยดีมั้ย รีบวางดีกว่าผมกลัว…
“ ฮัลโหล ”
พี่แซครับสายแล้ว!!! โอย ทำไงดีๆ
“ ฮัลโหล… ได้ยินมั้ยครับ?? ”
“ คะ..ครับ! ได้ยินครับ... ” ผมลนลานตอบ ใจเต้นตึกๆ มือสั่นปากสั่น “ นี่... เอ่อ... เบอร์พี่แซคใช่มั้ยคะ...ครับ? ”
“ ใช่ครับ? นั่นใคร ”
“ ผม..ฟิว..เอ่อ... เครื่องกล ปี1 ครับ... ” ฮือ.. พี่แซคไม่น่ารู้จักผมหรอก กลุ่มพี่เชาไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมคณะเท่าไหร่นี่นา ส่วนพี่แซคถึงเขาจะเป็นนักบอล แต่ก็คุยรู้จักแต่กับพวกรุ่นน้องนักบอลด้วยกันเท่านั้น
“ อ่อ.. ครับ แล้วน้องโทรหาพี่มีอะไรเหรอ? ”
“ พี่แซค...อยู่กับ..เอ่อ... พี่เชามั้ยครับ..ตอนนี้.... ” ผมอุบอิบในลำคอ
“ ห๊ะ? น้องว่าไงนะ ขอใหม่หน่อย พี่ฟังไม่ถนัด ” เหมือนมีเสียงแตรรถยนต์ดังแทรกขึ้นมา “ พี่อยู่ข้างนอกว่ะ น้องพูดดังๆ กว่านี้ได้มั้ย ”
“ คะ..ครับ!! พี่แซคอยู่กับพี่เชามั้ยครับตอนนี้!!! ” ผมเผลอตะโกน... ง่ะ.. ก็พี่แซคให้พูดดังๆ นี่นา
“ อือใช่ มีไร? ”
“ ผม...พอดีพี่เปิ้ล ปี3 บอกเบอร์พี่แซคมา ผมจะติดต่อพี่เชาแต่..คือ.. ผมติดต่อไม่ได้.... ” พี่แซคจะว่ามั้ยนะ
“ อ๋อ! เหรอ งั้นคุยกับมันเองละกัน น้องชื่ออะไรนะ ”
“ ฟิวครับ ”
“ เฮ้ยเชา! ฟิว ปี1 ภาคเราโทรมาหามึงอะ ”
.
.
.
“ ฮัลโหล ”
ผมค่อยยิ้มออกมา พี่เชารับสายแล้ว
“ พี่เชา! ” ผมเพลอเรียกเขาเสียงดัง ก็ดีใจนี่นา “ ฟิวติดต่อพี่เชาไม่ได้อีกแล้ว... โทรติดแต่ไม่มีคนรับสายเลย... ”
“ อืม พี่ปิดเสียงเอาไว้ ฟิวมีอะไร ” เสียงพี่เชาห้วน อาจจะยังอารมณ์เสียเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปอยู่
“ เอ่อ.. คือว่า… ฟิว..คือฟิว... ” ผมอยากถามพี่เชาเรื่องนัดเย็นนี้ นี่ค่ำแล้ว ไม่รู้ว่าพี่เชาจะกินข้าวหรือยัง พี่เชาดูอารมณ์ไม่ดีด้วย แต่ว่า…
“ พี่เชาทะเลาะกับเพื่อนอีกแล้วเหรอครับ ฟิวได้ยินมา... ” ผมกำสายสะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองแน่น กล้าๆ เข้าไว้ฟิว! ให้กำลังใจตัวเอง ถ้ามัวแต่หงอไม่พูดไม่แสดงความคิดเห็นอะไรตลอดพี่เชาจะเบื่อ อยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ?
“ ทะเลาะกันเรื่องพี่คิงด้วย บอกฟิวได้มั้ยครับ ฟิวเป็นห่ว…... ”
“ ฟิว ตอนนี้พี่อยู่ข้างนอกไม่สะดวกคุย โทษที เดี๋ยวโทรกลับนะ ”
พี่เชาวางสายไปแล้ว พูดยังไม่ทันจบเลยว่าผมเป็นห่วงขนาดไหน ผมกลัวพี่เชาต่อยเพื่อน กลัวพี่เชาเป็นแบบนั้นอีก…
ในวันที่เราไปเลี้ยงฉลองวันสิ้นปีที่ผมโดนโกรธ พี่เชาต่อย.. ไม่สิ.. กระทืบไมค์ซะจนผมกลัวจนตัวสั่น
ผมไม่อยากเห็นพี่เชาเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เขาน่ากลัว… เหมือนไม่ใช่พี่เชาที่ผมรู้จัก…
มือถือผมสั่นอยู่ในมือ ผมพลิกมันขึ้นมาดูและกดรับสายด้วยอาการมึนเบลอ ผมรู้สึกแน่นในอก เสียงเห็ดและปุ๊กดังแว่วเป็นช่วงๆ จากโทรศัพท์ที่ผมถือแนบอยู่ข้างหู จับใจความไม่ค่อยได้แต่ผมก็รับปากทั้งคู่ว่าจะไปหาที่หอ
และหลังจากที่ผมถึงหอ เห็ดและปุ๊กก็เอาบางอย่างให้ผมดู สิ่งนั้นทำให้ในหัวผมตื้อไปหมด สติสัมปะชัญญะดับวูบไปอย่างสิ้นเชิง...
พี่เชาเบื่อผมแล้วจริงๆ--------------------------------------------
และแล้วก็ถึงเวลา ที่เธอได้รู้ความจริงงง..... อ้าว ยังอีกเหรอ 555 โอเคๆ พยายามตลกไปใน 9.5 กลับมาตอน10 โลกแสนสวยของน้องฟิวเป็นอันพังครืนลง จริงๆ น้องรู้ตัวตลอดนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ได้ตาบอดหูหนวกขนาดนั้น แหม..อีเชาออกจะชัดเจน
แต่น้องพยายามทำเป็นมองไม่เห็น ปิดตาข้างเดียวของตัวเพื่อยื้อความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมๆ ไว้ น้องไม่ได้กลัวเชาหมดรักหรอกค่ะ จริงๆ น้องกลัว 'การเปลี่ยนแปลง' ซึ่ง......เป็นนิสัยพื้นฐานของน้องเลย 55555555
จบประเด็นแรก มาประเด็นสอง หลังจากนี้ขออนุญาติอัพช้าลงนะคะ จากอาทิตย์ละครั้งเป็นสองอาทิตย์ครั้ง (หรืออาจเลทกว่านั้น........) เนื่องจากติดฝึกงานค่ะ
ขอบพระคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ