♥Loving Bear ʕ·ᴥ·ʔ คุณหมีที่รัก♥
[2] - Effect of action
“มาอีกแล้ว มาทุกวันเลย ไม่มีความเกรงใจกันบ้างเลยนะ”พี่เป็ดบ่นทันทีที่เห็นร่างกายสกปรกของคนเดิมที่เดินมาหยุดอยู่หน้าร้าน ร่างหนาก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้าสบตากับพี่เป็ด อดีตสาวโรงงานเดินเอาไม้กวาดไปเก็บแล้วกลับมาหน้าร้าน จัดการตักข้าวแกงราดข้าวใส่กล่องโฟม ใส่ถุงหิ้วอย่างดีพร้อมขวดน้ำและช้อนพลาสติก ก่อนจะเดินออกไปหน้าร้านแล้วยื่นให้กับคนจรจัดคนเดิมที่เดินมาขอข้าวกินในเวลาบ่ายสองของทุกๆวันเป็นเวลาเกือบเดือน
คนจรจัดก้มหัวให้พี่เป็ดจนหัวจะถึงพื้น ลูกจ้างสาวนึกขำกับท่าทางที่เหมือนเดิมในทุกๆวัน และมีแนวโน้มว่าจะก้มลงต่ำเรื่อยๆจนกลัวว่าถ้าปล่อยเวลาผ่านไปอีกซักเดือน หัวยุ่งๆนั่นคงจะก้มถึงพื้นแน่ๆ
เมตตามองตามการกระทำของพี่เป็ด เธอบ่นทุกวัน แต่ก็ยังคงตักข้าวใส่กล่องให้คนจรจัดอยู่ และทุกครั้งก็แอบเห็นรอยยิ้มของลูกจ้างของเขาแม้จะบ่น แต่ก็ยังยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้รับการขอบคุณ
“ยิ้มอะไรคะน้องเมต”พี่เป็ดท้าวสะเอวถามเจ้าของร้าน
“ป่าวครับ แค่มีความสุขดี ก็เลยยิ้ม”
“แค่นั้นหรอคะ ?”
“แค่นั้นแหละครับ”
“แปลกคนจริง” พี่เป็ดบ่นกับตัวเองแล้วเดินเข้าหลังร้านไป
วันนี้ร้านข้าวแกงป้าจุ๋มขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้งสามคนแทบจะไม่มีโอกาสได้นั่งพักเลย ขายาวรู้สึกอ่อนแรงไปหมด สองสาวแทบจะล้มทั้งยืนทันทีที่ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไป
“น้องเมต ทั้งข้าว ทั้งกับหมดเกลี้ยงเลย แล้วพี่จะกินอะไรละเนี่ยเย็นนี้”พี่น้อยบ่น เมตตาหันไปมองคนแก่กว่าก่อนจะหันไปยิ้มให้
“เดี๋ยวเมตทำให้กินครับ พี่น้อยอยากกินอะไรหละ พี่เป็ดด้วยนะ”
“พี่ขอต้มจืดเต้าหู้ไข่กับน้ำพริกกะปิค่า”พี่น้อยตอบด้วยเสียงร่าเริง
“พี่ขอไก่ทอดราดซอสแดงค่ะ”ส่วนพี่เป็ดก็เช่นกัน
เมตตายิ้มหล่อก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อเริ่มต้นทำกับข้าวที่สองสาวรีเควสมา ไม่ลืมที่จะหุงข้าวเผื่อตัวเองและน้องหมาจรจัดกับคนจรจัดที่รอกินข้าวอีกด้วย
เมตตาหมักไก่แล้วหันไปหั่นหมูใส่ในน้ำซุบต้มจืด ใบหน้าหล่อหันไปมองนาฬิกาเป็นระยะ เกือบห้าทุ่มแล้ว เป็นเพราะวันนี้ขายดีจนกับข้าวหมดทำกับข้าวไปเติมเท่าไหร่ก็ไม่พอ เวลาเลยล่วงเลยมาค่อนคืนขนาดนี้ คงต้องเร่งทำกับข้าวให้เสร็จแล้วแหละ
“อ้าว ผักหมดแล้วหรอ”เมตตาเปิดตู้แช่ผักก็ต้องตกใจเพราะเหลือผักเพียงแค่นิดเดียว คงจะไม่พอสำหรับทำกับข้าวพรุ่งนี้เช้า เดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จคงต้องขับรถยนต์ไปซื้อที่ตลาดดึกซะแล้ว
“พี่เป็ดพี่น้อยครับ เช็คของให้เมตหน่อย เดี๋ยวเมตออกไปซื้อของ”เมตตาตะโกนบอกพี่เป็ดกับพี่น้อยที่นั่งคุยกันอยู่หน้าร้าน ทั้งสองคนเดินเข้ามาในครัวแล้วเริ่มเช็คของที่ขาด ลิสใส่กระดาษสมุดอย่างคล่องแคล่ว ส่วนเมตตาก็ทำกับข้าวต่อจนเสร็จในเวลาเกือบเที่ยงคืน
“หูย น่ากินจังเลยค่ะ คุ้มเลยที่รอกินกับข้าวฝีมือน้องเมต”พี่น้อยเอ่ยชมแล้วเริ่มลงมือกินอาหารแสนอร่อยตรงหน้า
“น้องเมตจะไปซื้อของไม่ใช่หรอ รีบไปก็ดีนะ พี่จำได้ว่าตลาดมันปิดตอนตีหนึ่งนะคะ”พี่เป็ดเอ่ยเตือน เมตตาพยักหน้ารับแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถกระบะคันใหญ่ที่จอดอยู่หลังร้าน
ด้านหลังตึกเป็นลาดจอดรถเล็กๆที่พอให้จอดประมานห้าคันได้ถัดไปเป็นคลองที่มีน้ำสีขุ่นๆ เกือบจะเน่า วันไหนแดดร้อนๆหน่อยกลิ่นเหม็นๆก็จะลอยขึ้นมา ทำเอาเวียนหัวเลยทีเดียว
รถกระบะสีบลอนทองถูกขับออกไปโดยเมตตา เขาตรงไปยังตลาดดึกที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากร้านของเขา ขับผ่านสะพานข้ามแยกที่เขามักจะมาทุกวันก็ต้องแปลกใจ เพราะทั้งหมาและคนจรจัดกลับไม่อยู่ในที่ๆเดิม
หายไปไหนกันนะ ....
แต่ก็ได้แค่เก็บความสงสัยไว้แล้วตรงไปยังตลาดดึกอย่างรีบร้อน เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ตลาดจะปิดแล้ว
กว่าจะซื้อของได้ครบตามลิสที่พี่น้อยกับพี่เป็ดจดไว้ให้ก็ทำเอาร่างโปร่งแทบลงไปนอนกองกับพื้น ความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันบวกกับความง่วงและความล้าของร่างกาย ทำเอาเมตตาแทบจะไม่มีสติขับรถ เลยได้แต่ขับช้าๆ
และในที่สุดก็กลับมาถึงร้านในเวลาเกือบตีหนึ่ง กว่าจะแบกของเข้าไปเก็บในร้านเสร็จก็ปาไปตีหนึ่งครึ่งแล้ว เปลือกตาแทบจะปิดสนิท แต่ก็ต้องกลั้นใจปิดประตูเหล็กแล้วอาบน้ำเข้านอนบนชั้นสองของร้าน
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสี่ครึ่ง สายกว่าทุกวันนิดหน่อย แต่จะให้ตื่นเร็วกว่านี้ก็คงไม่ไหว มีหวังล้มทั้งยืนแน่ๆ
เมตตาล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง พักหลังๆมานี้รู้สึกว่าร้านเขาจะขายดีเสียจนเขาต้องค้างที่ร้านทุกคืน ถ้าวันไหนปิดร้านเร็วหน่อยก็จะกลับไปนอนบ้านกับพ่อแม่ แต่วันนี้คงกลับไม่ไหว คงต้องนอนที่ร้านนี่แหละ ถือว่าเฝ้าร้านด้วยละกัน หรือว่าควรจะจ้างคนเพิ่มดีนะ ไว้ให้ไปซื้อของยกของแบกของ ลำพังแค่พี่น้อยกับพี่เป็ดไม่น่าจะยกไหวถ้าเขาไม่ช่วย
เมตตานอนหลับและปล่อยให้ความคิดไหลวนไปเรื่อยๆ แต่เขาคงลืมไปว่ามีชีวิตอีกนับสิบที่รอกินข้าวอยู่ เมตตาคงจะลืมไปจริงๆ
แกร้ก.........แกร้ก..... เสียงเหมือนกับมีใครเอาก้อนหินมาปาใส่กระจกห้องนอนทำเอาเมตตาที่กำลังหลับสนิทต้องสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันที
“ใครวะ” หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาแล้วก็ต้องส่ายหน้าเซ็งๆ ตี4.29
ตี้ดๆๆๆ นาฬิกาปลุกดังคามือ ปิดทิ้งอย่างเซ็งๆแล้วลุกออกจากเตียงแล้วเดินลงมายังด้านล่าง เปิดประตูเหล็กขึ้นไปจนสุด แล้วก็ต้องตกใจแบบสุดๆ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘คนจรจัด’ ที่กำลังถือหินก้อนใหญ่ ข้างๆร่างหนามีน้องมาตัวเล็กๆอีกหนึ่งตัว
เมตตาผงะถอยกลับเข้าไปด้านใน เขาไม่รู้ว่าคนจรจัดตรงหน้าต้องการอะไร เพราะตลอดระยะเวลาร่วมเดือนที่เจอคนๆนี้ เมตตาไม่เคยได้ยินเขาพูดเลยแม้แต่คำเดียว
คนจรจัดที่เห็นท่าทีหวาดกลัวของผู้มีพระคุณก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็ปล่อยก้อนหินที่อยู่ในมือลงแล้วลูบท้องตัวเองไปมา
“.......กิน” เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาเพียงคำเดียว บ่งบอกจุดประสงค์ทั้งหมดของเขา เมตตารีบพยักหน้ารับแล้วเข้าไปในครัวทันที น่าจะพอมีต้มจืดเหลือบ้างแหละน่า
เมตตาเปิดดูหม้อต้มจืดที่เขาต้มให้พี่เป็ดกับพี่น้อยกิน เหลือเพียงเศษผักกับกระดูกหมูและน้ำซุบที่อยู่ก้นหม้อ จัดการเปิดเตาแก๊สแล้วเติมน้ำลงไปหน่อยเพื่อไม่ให้น้ำซุปเค็มเกินไป แล้วก็หันไปอุ่นข้าวสวยที่ค้างอยู่ในหม้อหุงข้าว พอเสร็จหมดแล้วก็ยกออกไปวางไว้โต๊ะตัวที่อยู่นอกสุดแล้วเรียกให้คนกับหมาจรจัดมากิน
“มีของกินเหลืออยู่แค่นี้ กินอันนี้ไปก่อนละกันนะ”บอกกับคนจรจัดแล้วเอาจานข้าววางไว้ให้สุนัขจรจัดตัวเล็ก “อันนี้ของแก กินซะสิ”
เจ้าตัวเล็กกล้าๆกลัวๆที่จะเข้าใกล้เขา แต่เพราะว่าจำได้ว่าคนนี้คือคนที่ให้อาหารมันเป็นประจำ มันจึงไว้ใจและก้าวเดินเข้ามากินข้าวคลุกน้ำซุบอย่างเอร็ดอร่อย เมตตามองสุนัขตัวเล็ก เขาจำได้ว่าเจ้าตัวนี้ตัวเล็กที่สุดในฝูงหมาจรจัด เวลาให้อาหารต้องแยกออกมาห่างๆจากตัวอื่น เพราะไม่งั้นจะโดนตัวอื่นแย่งกินหมด
ส่วนคนจรจัดที่กำลังซดน้ำซุบพรวดพราดคงต้องพูดถึงเยอะเลย เพราะตั้งแต่ที่เขาให้ข้าวกินวันละสองมื้อ ร่างกายที่เคยผอมแห้งก็มีเนื้อมีหนังขึ้นมาชัดเจน ถ้ามีคนมาเห็นตอนนี้แล้วตกใจว่าเป็นหมีก็คงไม่แปลก เขาเคยเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปให้ชุดหนึ่ง ดูเหมือนเจ้าตัวจะรักษาไว้เป็นอย่างดี ด้วยการใส่ถุงพลาสติกแล้วห้อยไว้ข้างตัวไม่ยอมสวมใส่ ร่างหนาตรงหน้าตอนนี้เลยมีแค่ชุดเดิมตั้งแต่ที่เคยใส่ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน ผมที่ยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยทำให้มันยุ่งยิ่งกว่าเดิมซะอีก
และเหมือนคนตัวใหญ่กว่าจะรู้ว่ามีคนกำลังจ้องอยู่ ดวงตาดำสนิทจึงมองขึ้นมายังใครอีกคนที่ยังยืนมองดูอยู่ ริมฝีปากหนาค่อยๆยกยิ้ม ยิ้มจนเปลือกตาชั้นเดียวนั้นแทบจะปิดนัยน์ตาสีดำสนิท
“ยิ้มอะไร หืม กินเสร็จก็กลับไปได้แล้ว ฉันต้องทำงาน”เมตตาแสร้งดุแบบไม่จริงจังนัก แต่กลับทำให้รอยยิ้มจากคนจรจัดจางหายไปในทันที ใบหน้าที่เปรอะไปด้วยคราบสีดำก้มลงแล้วหันไปมองเจ้าตัวเล็กเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาสำหรับอาหารแสนอร่อยแล้ว
ร่างหนาลุกขึ้นแล้วค้อมหัวลงจนหัวยุ่งๆนั่นกระแทกโต๊ะเหล็กเสียงดัง แต่ก็ไม่แสดงอาการเจ็บใดๆ ก่อนจะเดินผ่านเมตตาออกไปยังด้านนอกร้านพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่วิ่งตามไปติดๆ เมตตามองแผ่นหลังกว้างแล้วได้แต่สายหัว
“ตัวเริ่มเหม็นแล้วนะ อาบน้ำซะบ้างหละ”ตะโกนไล่หลังไปแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ
จับอาบน้ำทั้งคนทั้งหมาดีไหมนะ
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เมตตาต้องทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เริ่มตั้งแต่การทำกับข้าวมากกว่าสิบอย่าง พอทำเสร็จก็ต้องมาทำความสะอาดร้าน พอพี่เป็ดกับพี่น้อยมาก็เริ่มขายทันที พอช่วงเช้าคนเริ่มซาเมตตาก็ต้องปลีกตัวไปทำกับข้าวมาเพิ่มสำหรับตอนเที่ยงและตอนเย็น
“ทำไมวันนี้ยังไม่มาอีกนะ”พี่เป็ดบ่น เมื่อลูกค้าขาประจำยังไม่มาเอาข้าวกล่อง ทั้งๆที่เวลาก็ปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว ถ้าเป็นปกติในทุกๆวัน คนจรจัดคนนั้นจะต้องมาเอาข้าวตั้งแต่บ่ายสองแล้ว
“คิดถึงเขาหละสิ”เมตตาเอ่ยแซวคนที่บ่นทุกครั้งตอนเขามา แต่พอเขาไม่มาก็บ่นถึง
“บ้าแล้วน้องเมต พี่เป็นห่วงมันต่างหาก จะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”พอพี่เป็ดพูดแบบนั้นเมตตาก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาเหมือนกัน แต่จะให้ออกไปตามหาก็ใช่ที่ เพราะงานยุ่งเหลือเกิน
“ถ้าเย็นนี้เป็นแบบเมื่อวานอีก พี่คงไม่ไหวแล้วแน่ๆค่ะน้องเมต”พี่น้อยบ่นบ้าง
“งั้นวันนี้เมตไม่ทำกับมาเติมแล้วดีกว่า หมดแค่ไหนก็แค่นั้น เมตก็อยากพักเหมือนกัน”เมตตาตัดสินใจ วันนี้คงจะขายหมดเร็วหน่อย หกโมงเย็นก็น่าจะหมดแล้วถ้าไม่ทำกับข้าวมาเติม เสร็จแล้วคงจะเอาข้าวออกไปให้เจ้าพวกจรจัดทั้งหลาย คงจะหิวแย่แล้วเพราะเมื่อวานก็ไม่ได้กินข้าวกันซักตัว
“อ้าว หมดซะแล้วหรอ”ลูกค้าทำหน้าเสียดายเพราะเย็นนี้คงไม่ได้กินกับข้าวฝีมือพ่อครัวสุดหล่อ
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีวันนี้ของหมด เลยไม่ได้ทำเพิ่ม”เมตตาเอ่ยขอโทษอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่มากินพรุ่งนี้ดีกว่า”
“ขอบคุณนะครับ”เมตตายิ้มหล่อให้เธอ ลูกค้าสาวโรงงานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
เวลาหนึ่งทุ่ม ทั้งสามคนก็เก็บร้านเสร็จ ที่เหลือก็เป็นเวลาของพี่เป็ดกับพี่น้อยในการล้างจาน ส่วนเมตตาก็คลุกข้าวให้สุนัขจรจัด หยิบเตรียมของของคนจรจัดแบบที่เตรียมให้ทุกวันไปด้วย
วันนี้คงต้องเอากระบะไปเพราะลำพังแค่มอ’ไซต์คันเดียวคงจะแบกกะละมังข้าวหมาใบใหญ่กว่าปกติไม่ไหวแน่ๆ
ขับรถออกมาจากด้านหลังร้านแล้วตรงไปยังสะพานข้ามแยก ที่เดิมที่เคยไปทุกวันตั้งแต่ที่มาบริหารร้านข้าวแกงป้าจุ๋มแทนแม่และเป็นเวลาเกือบเดือนที่มีหัวหน้าฝูงของเจ้าพวกสุนัขจรจัดเข้ามาอยู่ใหม่
แต่ทันทีที่มาถึงจุดเดิมที่เคยมาทุกวันเมตตากลับต้องแปลกใจเพราะว่าปกติทันทีที่เขามาถึงเจ้าพวกลูกสมุนต้องรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับเขาแล้ว แต่ตอนนี้กลับเงียบเชียบ ไม่มีสุนัขแม้แต่ตัวเดียวที่วิ่งมาหาเขา เมตตารีบเดินข้ามถนนไปยังร้านค้าเล็กๆแล้วรีบสอบถามทันที
“พี่ครับ หมาที่อยู่แถวนี้ไปไหนหมดครับ”
“โอ้ย เขาจับไปหมดแล้วน้อง เมื่อวานคนที่ให้ข้าวมันทุกทีไม่ได้เอาข้าวมาให้ มันเลยไปไล่ค้นขยะตามถนน ขยะเต็มถนนไปหมด เขาเลยจับมันไปหมดแล้ว”ลุงร้านขายของชำบอกมาแบบนั้น ทำเอาเมตตาถึงกับนิ่งสนิท นี่เขาไม่ได้เอาข้าวมาให้แค่วันเดียว พวกมันกลับถูกจับไปหมดแล้วหรอ เมตตากลืนน้ำลายเหนียวๆลงในคอ ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในหัว
“แล้ว....คน..บ้า..ที่นอนอยู่ใต้สะพานนี่หละครับ”
“ไอ้เหม็นหนะหรอ เมื่อกี้เห็นมันเดินไปทางคลองนู่นแหนะ”ลุงชี้ไปทางคลองเส้นเดียวกับที่ผ่านหลังร้านของเมตตา เพียงแต่ส่วนนี้อาจจะเน่ากว่านิดหน่อยเพราะอยู่ใกล้ตลาดและเขตชุมชน เมตตารีบวิ่งกลับไปที่รถแล้วขับตรงไปยังถนนที่พาดผ่านบนคลองน้ำเน่า
ทันทีที่มาถึงทำเอาเมตตาต้องรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปยังราวกั้นสะพาน มีคนสองสามคนที่กำลังยืนอยู่และชี้ไปที่คลอง เมตตามองตามนิ้วของคนที่ชี้ไปก็เห็นเงาตะคุ่มๆที่กำลังกวักน้ำเน่าขึ้นมาถูตัว ราวกับว่ากำลังอาบน้ำอยู่
“เห้ย ขึ้นมานี่เลย !!”ทันทีที่สายตาชินกับความมืด เงาตะคุ่มๆนั่นก็ปรากฏเป็นร่างกายสูงของคนที่เป็นหัวหน้าฝูงของเจ้าพวกจรจัด
นี่เพราะเขาบอกว่าให้ไปอาบน้ำรึเปล่านะ ถึงลงไปอาบในคลองน้ำเน่าแบบนั้นหนะ
“ฉันบอกให้ขึ้นมานี่ไง !!”เมตตาตะโกนอีกครั้ง และครั้งนี้เหมือนจะได้ผล เพราะคนที่กำลังอาบน้ำเน่าอยู่หยุดชะงักการกระทำลงแล้วหันมามองยังต้นตอของเสียง ทันทีที่เห็นว่าเป็นคนที่ให้ข้าวให้น้ำกินทุกวัน แขนยาวก็ยกมื้อขึ้นแล้วโบกไปมาอย่างดีใจ
“มัวแต่โบกมือทำไม !! ขึ้นมานี่ !!”เมตตาตะโกนอีกครั้ง คราวนี้ร่างสูงที่อยู่ด้านล่างรีบปีนขึ้นมาจากคลองแล้วขึ้นมายืนอยู่บนถนน คนที่มามุงดูสองสามคนถึงกับเดินหนีเพราะความเหม็นของคนจรจัดนั้นมากเกินทนจริงๆ
“ทำอะไรของนายวะ มานี่เลย”แตกต่างกับเมตตา ถึงแม้จะเหม็นแค่ไหน แต่ความสงสารมีมากกว่า ร่างโปร่งเดินเข้าไปคว้าแขนของคนตัวสูงกว่าให้เดินตามไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล
พอเดินมาถึงรถ เมตตาก็เปิดท้ายกระบะแล้วบอกให้ใครอีกคนขึ้นไปนั่งอยู่หลังกระบะ แต่คนตัวสูงกว่ากลับยืนนิ่ง มีท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย เป็นเพราะว่ามันเคยเห็นเจ้าพวกลูกสมุนในฝูงของมันถูกจับและลากขึ้นหลังกระบะ
“กลัวอะไร ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก”เมตตาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ คนจรจัดลังเลเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆก้าวขาขึ้นหลังกระบะ เมตตาปิดท้ายกระบะแล้วเดินมาขึ้นรถ ขับออกมาจากสะพานคลองน้ำเน่าแล้วตรงกลับมาที่ร้าน
กลับมาถึงร้าน พี่เป็ดกับพี่น้อยก็วิ่งออกจากหลังร้านมามองดูว่าเจ้าของร้านพาใครกลับมาด้วย และพอเห็นว่าเป็นคนจรจัดพี่เป็ดก็เอ่ยถามทันที
“น้องเมต เอามันกลับมาด้วยทำไมคะ ?”
“มันลงไปอาบน้ำเน่ามาครับพี่”เมตตาตอบพร้อมกับเปิดท้ายกระบะออก “ลงมานี่” เมตตาคว้าแขนใหญ่ของคนที่อยู่ท้ายกระบะให้ลงมาด้านล่าง จูงไปยังก๊อกน้ำที่อยู่หลังร้าน
“เดี๋ยวผมฝากพี่ปิดหน้าร้านให้ผมหน่อยนะครับ”เมตตาพูดกับพี่เป็ดและพี่น้อย แล้วดันให้คนตัวสูงนั่งลงข้างก๊อกน้ำ
“ได้ค่ะ งั้นพี่สองคนกลับแล้วนะคะ”พี่น้อยเอ่ยรับแล้วเดินกลับเข้าไปทางประตูหลังร้าน สายตากังวลสองคู่ยังคงมองมาที่อีกสองคนไม่หยุด จนเมตตาต้องหันไปยิ้มให้ พี่เป็ดกับพี่น้อยถึงได้ละสายตาไป
“เห้อ เหม็นจริงๆหวะ ไปทำอะไรมา หึ”เมตตาเอ่ยถาม พร้อมกับเปิดน้ำล้างน้ำเน่าไปด้วย
“ขยะ.....ของกิน.............”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาไม่เป็นประโยค
“...............”
“หมา....หิว”พอถึงประโยคนี้เมตตาก็ต้องสะอึก เป็นเพราะเขาที่ไม่ได้เอาอาหารไปให้พวกมัน พวกมันถึงได้ทำเรื่องแล้วโดนจับไปแบบนั้น ไม่รู้ว่าจะมีชะตากรรมอย่างไรบ้าง
“ฉันขอโทษ.... ฉันผิดเองแหละ”
“............”
“แล้วจะลงไปในคลองทำไม น้ำมันเน่านะ”
“..............อาบน้ำ......กลัวเหม็น”
“ขอโทษอีกทีนะ”เมตตาเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
“........”และก็ได้รับมาเพียงความเงียบจากคนที่นั่งนิ่งๆให้เมตตาล้างคราบสกปรกออกจากตัวเท่านั้น
เมตตาจับชายเสื้อของคนจรจัดแล้วถอดออก โดยคนตัวใหญ่กว่าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เนื้อตัวของคนจรจัดภายใต้เสื้อมันเนียนใสเสียจนเมตตานึกแปลกใจ ช่างแตกต่างกับผิวคล้ำแดดบริเวณแขนและใบหน้า
“รออยู่นี่นะ อย่าไปไหน”เมตตาออกคำสั่งแล้วกลับเข้าไปในร้าน ขึ้นไปบนชั้นสอง หยิบผ้าขนหนูที่พับอยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาแล้วกลับลงมายังหลังร้าน คนจรจัดยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แม้ตัวจะเริ่มสั่นแล้วก็ตาม
“ยืนขึ้น”เมตตาออกคำสั่งอีกครั้ง และคนจรจัดก็ให้ความร่วมมือเช่นเคย ทันทีที่คนตัวสูงกว่ายืนขึ้น เมตตาก็ดึงกางเกงออกทันที นึกเขินอายอยู่ในใจหน่อยๆที่ต้องมาแก้ผ้าผู้ชายในที่โล่งแจ้งแบบนี้ แต่ก็เพราะตัวเองเป็นผู้ชาย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เมตตาใช้มือลูบไปตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายเพื่อไล่คราบน้ำเน่าออกไปจนหมด คนตัวสูงกว่าได้แต่ยืนนิ่งให้มือนิ่มลากผ่านเนื้อตัวโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เสร็จแล้วเมตตาจึงเอาผ้าขนหนูพันรอบตัวของอีกคนไว้แล้วจูงเข้าไปในร้าน ไม่ลืมที่จะหันมาล็อคประตูหลังร้านด้วย
คนตัวสูงกว่าได้แต่ปล่อยให้ผู้มีพระคุณจูงตัวเองขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน เมตตาดันร่างหนาให้เข้าไปในห้องน้ำ ลากเก้าอี้ตัวเล็กๆมาแล้วปล่อยให้คนจรจัดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น ส่วนตัวเองก็ออกจากห้องน้ำแล้วตรงเข้าไปในห้องเก็บของ เขาจำได้ว่าเขามีแบตตาเลี่ยนไร้สายอยู่อันหนึ่ง แม่เคยใช้ตัดผมของเขาสมัยยังเป็นวัยรุ่น
ค้นไปซักพักก็เจอแบตตาเลี่ยนเก็บอยู่ในกล่องอย่างดี พอเอามาลองเปิดดูก็พบว่ายังใช้ได้อยู่ เมตตาปัดฝุ่นเจ้าแบตตาเลี่ยนแล้วกลับไปยังห้องน้ำที่มีใครอีกคนนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
แก้ก อืดดด.... เสียงแบตตาเลี่ยนไร้สายดังขึ้น คนที่นั่งนิ่งมาแต่แรกถึงกับหันมามองด้วยความหวาดกลัว
“ไม่เป็นไรๆ ฉันจะตัดผมให้”เมตตาพูดปลอบใจ คนตัวใหญ่กว่าพยักหน้าแล้วนั่งลงที่เดิม ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ ได้แต่ปล่อยให้เมตตาไถผมยุ่งๆนั่นออกไปตามใจชอบ
เมตตาก็พอจะตัดผมเป็นอยู่บ้าง เขาใช้รองหวีในการไถข้างจนรอบหัว เสร็จแล้วก็เอื้อมไปหยิบกรรไกรเล็มหนวดของตัวเองที่อยู่บนอ่างล้างหน้ามา เล็มผมด้านบนให้สั้นลง พอเสร็จเป็นที่พอใจของตัวเองแล้วก็เทแชมพูลงไปบนหัวสกปรกนั่นเกือบครึ่งขวด เมตตาลงมือสระด้วยมือตัวเอง เพราะถ้าปล่อยให้เจ้าตัวสระเองคงจะไม่สะอาด
สระผมเสร็จก็ล้างฟองออก เมตตาหันมายืนด้านหน้าของคนที่ยังนั่งนิ่ง ใบหน้าคร้ามแดดเพียงแค่เงยขึ้นมามองเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปมองพื้นเหมือนเดิม
“ทำไม....ใจดี”เสียงทุ้มเอ่ยถาม เมตตายิ้ม
ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ยิ่งกับคนนี้ทำไมต้องใจดีถึงกับมาอาบน้ำทำความสะอาดให้ ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะอาบน้ำเสร็จคงจะปล่อยออกไปเดินดุ่มๆอยู่ข้างนอกไม่ได้แน่ๆ
“ไม่รู้สิ”ตอบกลับไปพลางหยิบโฟมล้างหน้ามาบีบใส่มือ เมตตานั่งลงบนพื้นห้องน้ำเปียกๆแล้วจ้องหน้าคนที่ยังคงก้มหน้านิ่ง สองมือถูให้โฟมขึ้นฟอง ค่อยๆถูไปยังแก้มกร้าน น่าแปลกที่ไม่มีการหลบหลีกใดๆ มีเพียงดวงตาสีดำสนิทภายใต้เปลือกตาชั้นเดียวที่มองมาด้วยสายตานิ่งๆ
เมตตามองกลับในขณะที่มือนุ่มก็ถูฟองไปทั่วใบหน้า เสร็จแล้วจึงใช้ฝักบัวล้างฟองออก พอคราบไคลสีดำเริ่มหลุดออกไป ผิวเนียนก็เริ่มปรากฏขึ้น แม้จะคล้ำแดดอยู่บ้าง แต่ผิวสัมผัสที่เมตตาได้รับก็รับรู้ได้ว่าผิวหน้ามันนวลเนียนเสียจนยากที่จะเชื่อว่าเป็นผิวของคนจรจัด
“อะ ถูเอง แต่ถูให้สะอาดทุกซอกทุกมุมด้วย”เมตตาบีบครีมอาบน้ำใส่มือใหญ่ ส่วนตัวเองก็ถอดเสื้อผ้าออกแล้วอาบน้ำให้ตัวเองบ้าง ห้องน้ำก็กว้างพอที่จะให้คนสองคนยืนหันหลังอาบน้ำให้กัน เมตตาอาบให้ตัวเองจนเสร็จหันหลังกลับมามองก็พบว่าอีกคนยังคงยืนถูตัว
กลัวจะไม่สะอาดหรือไงกันนะ
“พอแล้ว สะอาดแล้วแหละ”เมตตาดึงให้อีกคนหันมา จัดการเอาฝักบัวล้างฟองที่อยู่ตามตัวของคนตัวสูงกว่าออก มือนิ่มถูไปตามตัวแบบไม่คิดจะรังเกียจ จะรังเกียจทำไม ในเมื่อก็ผู้ชายทั้งคู่ ถึงจะมีอายๆอยู่บ้างก็เถอะ
การอาบน้ำเสร็จสิ้นไปด้วยดี อาบง่ายยิ่งกว่าอาบน้ำให้เด็กน้อยซะอีก ถึงแม้ว่าคนที่เมตตาอาบให้จะตัวใหญ่ไปซักหน่อยก็เถอะ ตอนนี้เลยมาอยู่ในห้องนอนของเมตตาทั้งสองคน เขาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้าให้คนที่ยังยืนเปลือยท่อนบนใส่
เมตตาพึ่งพบว่าตัวเองชอบใส่เสื้อตัวเล็กๆ ไซส์ใหญ่สุดที่เขามีคือไซส์M และคนตัวใหญ่ก็ใส่เสื้อตัวนั้นไม่ได้ด้วย เมตตาเลยต้องหยิบเอาเสื้อแขนสั้นมีฮู้ดออกมาแทน
นี่ตัวโปรดเลยนะ ลายริลัคคุมะด้วย แถมที่ฮู้ดก็มีหูหมีด้วย
พอให้คนตัวโตสวมเสร็จก็พบว่ามันพอดีตัวเลย ต่อไปก็หากางเกงอะไรก็ได้ให้ใส่ ได้เป็นกางเกงบอลสีขาว ส่วนชั้นใน..... ชั่งมันไปก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดูที่ตลาด
เมตตาหันมาดูคนที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว สังเกตดูดีๆใบหน้าของคนจรจัดมันค่อนไปทางหล่อเลยนะ คิ้วยาวได้รูป จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาและตาชั้นเดียว พอดูรวมๆแล้วมีสเน่ห์เหลือเกิน
คนจรจัดดูท่าว่าจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะผมที่สั้นลงเลยได้แต่ปัดผมไปมา สุดท้ายก็เอื้อมไปหยิบฮู้ดด้านหลังแล้วเอามาใส่บนหัวเพิ่มความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
“หมีมาก”เมตตาเอ่ยขึ้นแล้วมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ หมวกฮู้ดสีเหลืองที่มีหูของริลัคคุมะอยู่บนผมสีหม่นของคนตัวสูง โคตรจะเข้ากับหน้าตาแบบนั้นเลย
“โห......”เมตตาอึ้ง พูดไม่ออก และตัดจบด้วยการดึงผ้านวมลงจากเตียง ปูมันลงข้างๆเตียง เดินไปหยิบหมอนใบใหม่ออกมาจากตู้แล้ววางลงบนผ้านวม แต่ก็ต้องรีบวิ่งกลับไปที่ประตูเพราะหมีของเขากำลังจะเปิดประตูออกไป
“เห้ยยย หมี จะไปไหนนนน”เมตตารีบดึงแขนใหญ่ไว้
“หมี ?.... นอน...จะกลับไปนอน....ที่สะพาน”
“ไม่ต้องแล้ว ต่อจากนี้ไปให้อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ หมาจรจัดก็ไม่อยู่แล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องไปที่นู่นทุกวันไง นายจะได้กินข้าวครบสามมื้อด้วย”
“มีอยู่ตัวนึง”คนตัวสูงกว่าบอก เมตตาชะงัก ใช่ตัวที่มาด้วยเมื่อตอนเช้าหรือเปล่านะ
“งั้นรีบไปรับกันเถอะ เดี๋ยวจะโดนจับไปซะก่อน”
+++++++++++++++++++++++++
ที่แท้น้องเมตก็เป็นโรคคลั่งหมีนี่เอง
แต่เอ๊ะ เมต... แกเอาคนจรจัดมาอยู่ด้วยหรอ
เรื่องวุ่นๆคงจะยังไม่จบแค่นี้แน่ๆ
ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ
อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ไนท์ด้วยนะครับ
แท็กในทวิต #คุณหมีที่รัก