[22] (ฉบับเต็ม)
อยู่กับตัวเอง
[/b]
ผมหอบหัวใจที่แหลกสลายกลับมาที่บ้านอีกครั้ง มันเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมร้องไห้อย่างหนัก จนทุกคนต้องคอยเป็นห่วงผมไม่จบไม่สิ้น ผมเจ็บจนรวดร้าวไปทั้งหัวใจ สูญเสียคนที่ผมรักสุดหัวใจไปทั้งที่เรายังคงรักกัน มันทรมานจนผมไม่อยากแม้แต่จะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ แต่ถ้าผมตาย...ทุกอย่างคงย่ำแย่ลงไปกว่านี้
อย่างน้อยก็มีมากกว่าหนึ่งคนที่ต้องเสียใจกับการตายของผม
ผมขดตัวอยู่บนเตียง เมินทุกเสียงที่เรียกผมอยู่ข้างนอกประตูนั้น ความบอบช้ำที่ผมได้รับมันมากจนในตอนนี้มันมากเหลือเกิน มากจนเกินกว่าจะสามารถพบหน้าใครได้ ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นคุณแม่หรือพี่มินก็ตาม
สองวันที่ผ่านมากับการอยู่โดยไม่มีดินแดน แม้มันจะเป็นเหมือนทุกวัน แต่ผมกลับทรมานยิ่งกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะหัวใจของผมตอนนี้ดื่มด่ำความสุขที่ได้รับในช่วงเวลาอันแสนสั้น ในตอนนี้จึงได้เจ็บปวดเพราะไม่อาจได้รับความสุขนั้นอีก
ดินแดนกำลังทำหน้าที่ ผมเองก็มีหน้าที่ของผมเช่นกัน
หน้าที่ของเขา คือการรับผิดชอบและดูแลชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก...
หน้าที่ของผม คือการหยุดเข้าไปในชีวิตของเขาเสียที
แม้จะคิดถึงเขามากแค่ไหนก็ได้
ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้ากำลังและแรงใจ เหนื่อยและหมดเรี่ยวแรงจะทำทุกสิ่ง ผมปรารถนาให้เขามีความสุข หวังว่าเด็กคนนั้นจะทำให้เขามีรอยยิ้มขึ้นมาได้ ให้เขาได้หลุดพ้นจากความขมขื่นที่เป็นอยู่
แกร็ก...“ไมน์...ทำไมไม่ออกไปทานข้าวละคะลูก” ใบหน้าของผมยังคงซุกอยู่กับหมอนใบใหญ่ แต่เสียงที่คุ้นเคยนี้ทำให้ผมรู้ดีว่าใครที่เข้ามา
“แม่ให้ป้าเนียนทำข้าวต้มปลามาให้ลูก ทานเสียหน่อยเถอะนะลูกนะ” ศีรษะของผมถูกมืออันแสนอบอุ่นลูบปลอบประโลมอย่างใจดี น้ำตาที่เริ่มเหือดแห้งค่อยๆ ไหลลงมาอีกครั้ง ไหล่ของผมสั่นไหวไปตามแรงสะอื้น
ทำไมผมถึงอ่อนแอขนาดนี้ ทำไมผมถึงได้ไม่มีความเข้มแข็งบ้างเลย
“คุณแม่ครับ ผม...เจ็บมากเลย” ผมบอกกับคุณแม่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ สองมือกำหมอนจนแน่นเพื่อระบายความทรมานที่กำลังกัดกินหัวใจของผม
“ฮึก ผมทรมาน หัวใจของผม...เหมือนจะแตกสลายเลยครับคุณแม่” ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะตัวผมที่เดินออกมาจากดินแดนในครั้งก่อนมันเป็นการตัดใจแล้วว่าเขาไม่รักผม
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ครั้งนี้...คือเราจากกันทั้งที่ยังรักกันอยู่
คุณแม่ถอนหายใจออกมา แต่มือของคุณแม่ก็ยังคงลูบศีรษะของผมอยู่ตลอดเวลา ความอบอุ่นและเอาใจใส่ของคุณแม่มันยิ่งทำให้ผมแสดงความอ่อนแอออกมา
ผมต้องทำ ต้องทนความเจ็บปวดครั้งนี้เพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ของเด็กคนนั้น เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องขาดความรักของพ่อหรือแม่ไป
“แล้วทำไมถึงเลือกเดินออกมาล่ะไมน์”
“...ฮึก...”
“ถ้าลูกเสียใจและเจ็บปวด แล้วทำไมถึงทิ้งเขาไปละคะ”
ไม่ใช่ว่าผมอยากจะทำ แต่ผมไม่มีทางเลือกต่างหาก สิ่งที่ผมทำคือความถูกต้องที่ต้องแลกกับความทรมานที่แสนสาหัส
“ผม เพราะผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้ครับ”
“เพราะอะไรคะ ทำไมลูกถึงบอกว่าเป็นความเห็นแก่ตัว” ผมเงยหน้าขึ้นมาจากหมอน ผมรู้สึกได้ถึงดวงตาที่มันคงแดงก่ำและช้ำมาจากการร้องไห้
“เพราะเธอกำลังท้องครับคุณแม่ เธอกำลัง ฮึก ท้องลูกของเขา ลูก ฮือ ของผู้ชายที่ผมรัก” ผมเจ็บปวดและทรมานมากมายเหลือเกิน หัวใจรวดร้าวราวกับจะขาดใจเสียตรงนั้น
ดวงตาปรือฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น มันไหลลงมาอาบสองแก้มไม่มีหยุด ทุกอย่างพังทลายลงไปแล้ว ทั้งความรัก ความฝัน มันได้สูญสลายไปจากหัวใจของผมแล้ว
โลกของผมที่ไม่มีเขา มันก็เหมือนกับความมืดที่ไร้แสงสว่าง
“ผม ฮึก ฮืออ ผมถึงจำเป็นต้องเดินออกมา ทั้งที่เราสองคนรักกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นอย่างนั้น ฮึก แต่ผมก็ไม่อยากปล่อยมือเขาเลยสักนิด”
“...”
“ผมอยากเห็นแก่ตัว แต่ผม ฮืออ ผมก็ทำไม่ลงจริง ๆ ครับ ผมแย่งเขา ฮึก มาจากเด็กคนนั้นไม่ได้ ฮือ ๆ” ไม่ได้ ผมทำไม่ได้
“โธ่ ลูกแม่” คุณแม่ดึงผมเข้าสู่อ้อมกอด ใช้ความอบอุ่นของความเป็นแม่ปลอบประโลมผมเอาไว้ ความอ่อนโยนที่แสนคุ้นเคยกอดกักความอ่อนแอของผมเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับว่าผมคือเด็กตัวเล็ก ๆ ที่คุณแม่ต้องปกป้องเอาไว้
ผมกระชับอ้อมกอดของคุณแม่แน่นขึ้น ใช้ความรักของคุณแม่มาลบความเจ็บปวดและทรมานในหัวใจตัวเอง แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย แต่ผมก็จะยึดทุกความหวัง เหนี่ยวรั้งทุกสิ่งที่จะทำให้ตัวผมเจ็บปวดได้น้อยลง ผมเองก็รู้ว่าแม่ทรมานใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้ เจ็บปวดกับการที่ผมเอาแต่ร้องไห้ ทรมานตัวเองด้วยการไม่ยอมทานข้าว
“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกร้องไห้เถอะนะคะไมน์ ถ้าลูกยังคงเศร้าเสียใจอยู่แบบนี้ เกิดเขาคนนั้นรู้เข้า เขาก็คงทิ้งทุกความรับผิดชอบ เพื่อมาปลอบโยนลูกของแม่”
ผมรู้... แต่ผมก็ไม่สามารถห้ามความเสียใจของตัวเองได้
ไม่สามารถสั่งหัวใจให้เลิกเจ็บปวดได้เลยสักครั้ง
ผมอยากเก่งให้ได้เหมือนปากที่พูดออกไปว่าจะยอมปล่อยเขา อยากจะทำได้ในทุกอย่างที่ดูเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเช่นเดียวกับวันนั้น แต่ใครจะไปรู้ดีกว่าตัวของผมเอง ว่าผมกำลังเสียใจมากมายแค่ไหน เจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร อยากจะร้องไห้ อ้อนวอนให้เขามาหาผม แต่ผมกลับต้องอดทน ต้องยอมกอดเอาความทรมานนี้ไว้กับตัวเอง เพื่อความถูกต้อง
“ลูกอยากให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่าคะ?” ผมส่ายหน้ากับอกของคุณแม่
“ไม่เลยครับ ถึงแม้ผมอยากจะรักเขามากมายแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดจะแย่งเขามา”
ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมไม่ได้ติดตามข่าวคราวของพวกเขาเลย โทรศัพท์ของผมถูกปิดลงตั้งแต่วันที่ผมเลือกจะเดินออกมาจากเขาทั้งสองคน ปิดรับทุกการติดต่อจากดินแดนโดยไม่สนใจเลยว่าเขาจะพยายามโทรเข้ามาที่บ้านของผมกี่ครั้ง เพราะต่อให้เขาโทรเข้ามาอีกสักพันครั้ง ผมก็จะไม่มีวันคุยกับเขา
เพื่อตัวเขาเอง และหัวใจของผมเอง
ผมไม่ใช่คนดีมากมายนักหรอก หากว่าต้องคุยกับเขาต่อไป ผมเองก็กลัวว่าจะใจอ่อนเข้าสักวัน ยอมกลายเป็นคนเลวที่แย่งพ่อของเด็กตาดำๆ คนหนึ่งเพราะความเห็นแก่ตัว ต่อให้เราสองคนจะรักกันมากมายแค่ไหน จะยิ้มให้กันสักกี่ครั้ง ผมก็ควรจะเก็บมันเอาไว้เป็นเพียงแค่ความทรงจำ ทำตัวเป็นแค่อดีตที่ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นคนที่รักกันมาก
คลิปถูกแชร์ในโลกโซเชียลต่อ ๆ กันหลายแสนครั้ง ผมได้แต่ดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูพร้อมกับหยดน้ำตาและหัวใจที่ถูกบีบให้เจ็บช้ำ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้งที่ผมเองก็รู้ว่ามันจะเจ็บมาก แต่ผมก็ยังไม่อยากจะหยุด คลิปนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าความรักของเขายังไม่ได้หายไปไหน มันเป็นเหมือนของขวัญที่เขามอบมันให้ผม เป็นเหมือนของขวัญชิ้นสุดท้ายก่อนที่เราจะไม่มีกันและกันอีกต่อไป
ชีวิตที่ไม่มีเขามันไม่มีอะไรง่ายดาย เพราะแค่หลับตาภาพของเราสองคนก็ถูกฉายซ้ำ ๆ ให้ได้เห็น แต่ในความฝันก็ยังมีเขาอยู่ในนั้นไม่เคยหายไป ยิ่งลืมตา...ผมก็ยิ่งคิดถึงเขา คิดถึงช่วงเวลาที่เราสองคนต่างมีด้วยกัน
มันไม่ง่ายเลยที่ไม่มีเขา ไม่ง่ายเลยที่จะไม่ใช่เราอีกต่อไป
จากนี้ไปจะมีแค่ผม แค่ผมเพียงคนเดียว
ไม่มีดินแดนของไมน์อีกต่อไป
วันเวลาผสานไปอย่างเชื่องช้าราวกับหนึ่งวันของทุกคนเท่ากับหนึ่งปีของผม ตอนนี้เวลาผ่านไปห้าเดือนแล้ว ลูกของดินแดนก็คงจะใกล้คลอดเต็มที ผมใช้เวลาในแต่ละวันกับการเข้าไปที่โรงแรม ใช้เวลาไปกับการช่วยดูแลกิจการของที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็มีพี่มินเป็นคนดูแลทุกอย่างอยู่แล้ว ผมเพียงถูกดึงให้ไปช่วยงานเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดมาก
ดินแดนติดต่อผมมาตลอด ทุกช่องทางที่จะทำได้ ผมเองก็หลบเลี่ยงเขาทุกทางเช่นเดียวกันเพื่อที่เขาจะได้ลืมผม และมอบความรักให้เด็กคนนั้นอย่างเต็มที่
พี่มินโกรธจัดหลังจากที่หายไปเป็นอาทิตย์ พอกลับมาแล้วรู้ว่าผมร้องไห้เสียใจเพราะดินแดน พี่มินแทบจะขับรถออกไปเพื่อต่อยหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่ผมดึงพี่มินเอาไว้ อธิบายเรื่องทุกอย่างให้พี่มินได้ฟังจนสุดท้าย พี่มินก็ต่อสายหาใครสักคน ทะเลาะและด่าทอจนเสียงดัง ผมไม่รู้ว่าพี่มินโทรหาใคร แต่พอจะคิดได้ว่าคงไม่ใช่ดินแดนอย่างแน่นอน
ผมนั่งอยู่ในสวนหน้าบ้าน ชิงช้าตัวน้อยที่ครั้งหนึ่งผมเคยชอบมัน เป็นสิ่งที่คุณพ่อซื้อมาไว้ให้ผมและพี่มินได้เล่นมันด้วยกัน เวลาผ่านไปหลายสิบปี แม้แต่สวนภายในบ้านก็ถูกจัดใหม่หลายครั้ง จนต่างออกไปจากความทรงจำ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือความรู้สึก ผมยังรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย เพราะผมอยู่ที่นี่มานานเหลือเกิน
อากาศแสนบริสุทธิ์ที่ถูกเจือไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่อยู่ไม่ไกล มันยิ่งชวนให้ผมนึกถึงวันที่ดินแดนไปง้อผมที่ร้านอาหาร ทั้งที่ถูกผมบอกว่าเราไม่รู้จักกันอีกแล้ว เขายังถือดอกกุหลาบมาง้อผม ยิ่งได้กลิ่น...ก็ยิ่งคิดถึง
“อยู่นี่เอง” เสียงของใครสักคนดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมต้องหันไปมองเขา เมื่อเห็นแล้วว่าเป็นใคร ผมก็ทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มไปให้เท่านั้น
“มึงมายังไงวะ” อนุรักษ์นั่งลงข้างๆ ผม สีหน้าของมันยังคงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพื่อนที่แย่มาก ทำให้มันเป็นห่วงไม่จบไม่สิ้นเสียที
“ขับรถมาสิ”
นั่นสินะ ผมเองก็ไม่น่าจะถามอะไรโง่ๆ ออกไปเลย
“มึงเป็นยังไงบ้าง...” ผมหลุบตาลงมองสองมือที่จับกันไว้ของตัวเองบนตัก ขยับปลายนิ้วถูกกันไปมาเล่นอย่างเบื่อหน่าย
“เหมือนเดิม”
ยังคิดถึงมันเหมือนเดิม
“นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้วนะ มึงยังไม่เลิก...” รักเงียบลง ผมหันไปมองจึงได้เห็นว่ามันเองก็กล้ำกลืนถ้อยคำลงคอไปอย่างยากลำบากไม่น้อย สีหน้าที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จะปลอบแบบไหนยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองแย่เพราะต้องให้คนอื่นมาเป็นห่วง
“ยังไม่เลิกคิดถึงแดนนะหรือ?” ในเมื่อมันไม่พูด ผมจะเป็นคนพูดออกมาเอง
“ใช่...” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาแหบแห้งเหลือเกิน ผมไม่ได้มองหน้าของมันแล้วว่ามันกำลังมีสีหน้าแบบไหน ผมเจ็บปวดเพราะความรักมากเกินพอที่จะต้องมาเจ็บปวดเรื่องอื่นอีก
“ยัง และคงเลิกไม่ได้ เหมือนที่กูไม่เคยเลิกรักเขา”
ต่อให้ตอนนี้ดินแดนกำลังทำหน้าที่พ่อของลูก กำลังรับผิดชอบต่อครอบครัวที่มีกันพร้อมหน้า แต่หัวใจของผมก็ยังคงไม่ลืมเขา ไม่เคยเลิกรักเขาได้เลยแม้สักวินาทีเดียว ผมยังคงจดจำความรักของพวกเราเอาไว้ในหัวใจ ยังคงมีแต่เขาที่เป็นเจ้าของหัวใจของผมเรื่อยมา ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน
“มึงกำลังรอหรือเปล่าไมน์ รอว่าวันหนึ่งมึงจะได้กลับไปคบกับมัน”
นั่นสินะ ผมเองก็ถามตัวเองทุกวันว่าผมกำลังรออยู่หรือเปล่า
แต่ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่การเฝ้ารอเลยกับสิ่งที่ผมกำลังทำ
“เรียกว่าห่วงดีกว่านะ กูแค่ห่วงเขาอยู่ในจุดที่กูยืนอยู่ จุดที่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย”
“มึงกำลังยึดติด” ผมได้ยินการวิเคราะห์ของมันก็เกิดรอยยิ้ม แหงนเงยใบหน้าขึ้นมองท้องห้าที่ถูกเมฆสีขาวเป็นปุยนุ่มปกคลุมอยู่
“ก็อาจจะใช่...”
การยึดติดของแต่ละคนต่างก็ไม่เหมือนกัน เหมือนที่ผมเองก็อาจจะยึดติดเขาเอาไว้ แต่ไม่ใช่การครอบครอง
“กูอาจจะยึดติดกับดินแดน เหมือนที่ดินแดนเองก็ยังยึดติดกับกู”
“แล้วมันดีแล้วหรือที่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามึงกับมันต่างก็ทรมานหรือ เพราะไม่สามารถรักกันต่อไปได้” ผมส่ายหน้าให้กับอนุรักษ์
“กูยึดติดเพราะกูรักแดนนะรัก แต่ไม่ใช่การครอบครอง”
“มันต่างกันตรงไหน ไม่ว่าจะอะไร กูก็เห็นมึงเจ็บเพราะมันอยู่ดี”
“...”
“ลืม...ไม่ใช่สิ่งที่มันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรือวะไมน์ การลืมมันไป อาจจะทำให้มึงเองเริ่มต้นใหม่ได้ง่ายกว่าหรือเปล่า” ลืมงั้นหรือครับ นั่นสิ การลืม...ย่อมเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
แต่อนุรักษ์คงลืมไปเช่นกันว่า การลืม...ไม่ใช่การลบ ไม่มีใครลืมมันไปได้จริงๆ หรอก
“มึงพูดถูก...ลืมไปคงทำให้อะไรดีขึ้นอีกมาก” อนุรักษ์ยิ้มออกเมื่อได้ยินผมพูดออกมาแบบนั้น
“ถ้างั้น...”
“แต่มึงอย่าลืมนะว่า ไม่มีใครลืมทุกอย่างได้ไปตลอด สักวัน...สิ่งที่เราลืมหรือพยายามลืม มันก็ต้องกลับมาอยู่ดี”
“...”
“มึงบอกให้กูลืมแดน ลืมความรัก ความผูกพันของกูกับแดน”
“...”
“มึงกล้ายืนยันไหมว่า ถ้ากูบังเอิญเจอแดน บังเอิญได้เห็นสิ่งที่คุ้นเคย ได้ไปในที่ที่กูกับแดนต่างก็เคยไปมา กูจะไม่กลับมาจำมันได้ ไม่กลับมาเจ็บปวดทรมานกับมันอีก มึงกล้าพูดได้เต็มปากหรือเปล่ารัก”
“...” ผมบอกแล้วไง การลืมไม่ใช่การลบทุกสิ่งออกไป เราแค่สร้างกลไกการป้องกันตัว เลือกจะสั่งให้สมองไม่ไปยุ่งกับความทรงจำนั้น แต่ถ้าหากถูกกระตุ้นด้วยสิ่งที่คุ้นเคย ไปยังสถานที่คุ้นตา ความทรงจำที่เราคิดว่าลืมมันไป ย่อมต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอน เพราะสมองของคนเราไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ที่จะสามารถลบทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ
“ถ้ามึงสามารถบอกกูได้เต็มปากว่าเมื่อกูลืมมันแล้ว กูจะไม่มาเสียใจอีกถ้าเจอแดน กูจะลืมมันให้มึงเอง”
“ไมน์...กูแค่เป็นห่วงมึง มึงไม่เข้าใจหรือ?” ทำไมผมจะไม่เข้าใจ เพราะผมเข้าใจดีถึงความหวังดีของมัน ผมถึงได้พูดกับรักตรง ๆ บอกความจริงว่าสิ่งที่มันคิดนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ผมหายจากความเศร้าได้ถาวร
“กูรู้รัก กูรู้ว่ามึงห่วงกูมาเสมอ กูรู้ดี”
และเพราะรู้ดีถึงทำไม่ได้ เพราะรู้ดีถึงได้ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยสักนิด
“เฮ้อ! เอาเถอะ ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึงเสมอ ต่อให้มึงจะเลือกทางที่ทำให้มึงเจ็บกว่านี้ กูก็จะอยู่ข้างมึง” อนุรักษ์ก็แบบนี้ เป็นแบบนี้มาเสมอ คอยห่วงผมมาตลอดไม่ว่าเมื่อไร
“ขอบใจนะ” ผมดีใจมากที่มีมันเป็นเพื่อน ดีใจมากที่ได้รู้จักมัน
“จริงสิ...กูมาที่นี่เพราะเรื่องของดินแดน”
“เกิดอะไรขึ้น?” ผมรีบหันหน้าไปมองรักทันที หัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมจะร้อนรนทุกครั้งถ้าเป็นเรื่องของดินแดน เป็นห่วงทุกอย่างที่เขาต้องเผชิญมัน
“มึงรู้ใช่ไหมว่าก่อนหน้านี้ ช่วงที่มึงตัดสินใจออกมาจากความสัมพันธ์ของมึงกับมัน มันพยายามติดต่อมึงทุกทาง แม้แต่กับกู” ผมหลุบตาลง เรื่องนั้นผมรู้ดีกว่าใครเลยล่ะ เพราะผมเป็นคนบอกกับอนุรักษ์เองว่าไม่ให้บอกว่าผมอยู่ไหน เป็นยังไง ไม่ให้ส่งข่าวคราวใด ๆ ของผมไปถึงดินแดน
“อืม กูรู้”
“หลังจากที่มันไม่สามารถหาทางติดต่อมึงได้ ไม่สามารถรู้ได้ว่ามึงเป็นยังไง เหมือนตัวมันจะถอดใจ ตัดสินใจตัดขาดกับครอบครัวตัวเอง บอกว่าจะไม่ยอมให้ใครได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของโชติญาณกุล นอกจากมึง”
“....” ผมเม้มปาก นัยน์ตาไหวระริกอย่างหวั่นใจ หัวใจของผมก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ แต่ก็ยังดีใจ ไม่ควรเลยสักนิด
“ได้ยินว่าเมีย ขอโทษที กูหมายถึงผู้หญิงคนนั้นน่ะ โกรธมันมาก ทะเลาะกันแทบจะทุกวัน”
เห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุข ดินแดนไม่มีความสุขเลยสักนิด ผมได้แต่หลับตาลง กำมือทั้งสองข้างจนแน่น ระงับความต้องการที่จะเรียกร้องเขาคืนมาก
ไม่ ไม่ใช่เรื่องของผมอีกต่อไปแล้ว มันเป็นเรื่องของครอบครัวของดินแดนแล้ว
“แล้วทางครอบครัวของดินแดน ยอมให้ดินแดนออกมาแบบนั้นงั้นหรือ?” คุณอาสมภพกับพี่อาณาเขต ยอมให้ดินแดนออกมาลำบากเพียงคนเดียวหรือ?
“ยอมดิวะ เห็นว่าทางพี่ชายของดินแดนไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้นเลยปล่อยให้มันตัดขาดออกไป” ความเป็นห่วงที่อยู่ในหัวใจยิ่งท่วมท้น ปวดใจแต่กลับช่วยอะไรคนที่ผมรักไม่ได้เลย
“แต่กูว่า...คงเป็นแผนที่ทางนั้นใช้บีบผู้หญิงคนนั้นมากกว่า ดูก็รู้ว่าอยากขึ้นมาชูคอเป็นสะใภ้โชติญาณกุลขนาดไหน แต่อย่างว่า...ทำตัวเองทั้งนั้นนี่”
ผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันจะคือแผนหรืออะไร ถึงผมจะรู้ดีว่าดินแดนเอาตัวรอดจากความยากลำบากหรือความจน เริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นได้เสมอ แต่ผมก็ยังกลัวและห่วงเขาอยู่ดี ดินแดนไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย แต่ใบบัวไม่ใช่...ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางทนกับการอดออมได้แน่นอน
แล้วไหนจะเด็กในท้องอีก ถ้าหากว่าเธอเอาแต่โมโห เอาแต่หงุดหงิด เด็กในท้องก็จะไม่เป็นผลดี ทุกอย่างมีแต่จะแย่ไปหมด ผมเป็นห่วงว่าเธอจะคิดทำอะไรบ้า ๆ ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นมาอีก
“กูได้ยินมาจากพี่มิน ว่ามึงจะบินไปอังกฤษ...จริง ๆ งั้นหรือ?”
“จริง กูจะไปพรุ่งนี้แล้ว” ผมยิ้มอ่อน ไม่ได้คิดจะปิดบังเพื่อนคนเดียวของผมเลยสักนิด
“มึงไปเพราะเรื่องของดินแดนหรือเปล่าไมน์”
“ไม่ใช่...” จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ จะใช่ก็ใช่
“ถ้างั้นมึงไปทำไมวะ ถ้าอยากไปเที่ยวทำไมไม่เห็นชวนกูสักคำ” ผมอดหัวเราะกับการกระเง้ากระงอดของอนุรักษ์ไม่ได้ เห็นความน้อยใจในแววตาของมันก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้เหมือนกัน
“แม่กูอยากจะไปชอปปิ้ง กูเลยจะไปเป็นเพื่อนแม่เสียหน่อย ถือโอกาสให้ตัวเองได้พักผ่อนด้วย เผื่อว่าไปที่นั่นกูอาจจะคิดถึงเรื่องของดินแดนน้อยลง”
ถ้าหากอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่พ้นผมต้องหาทางไปหาเขาสักวัน ตอนนี้แค่ได้ยินว่าเขาตัดขาดจากครอบครัวผมก็ห่วงเขาใจจะขาด อยากจะไปหาดินแดนเสียมันตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ติดก็ตรงที่ผมยังสามารถห้ามหัวใจตัวเองเอาไว้ได้ ผมไม่อยากผิดคำพูด บอกว่าจะถอยก็คือถอย ผมยอมหลีกทางเพื่อเด็กที่เป็นลูกของดินแดน เพราะงั้น...ผมจะไปพบเขาไม่ได้เด็ดขาด
“มึงจะไปนานแค่ไหน” ปมทอดสายตาขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีเพียงสีฟ้าเท่านั้น ไร้ก้อนเมฆมาบดบังความสว่างของมัน บางทีธรรมชาติก็ดูสวยงามน่ามองเหมือนกัน
“คงสักระยะ จนกว่ากูจะพร้อมมาเจอความจริง”
“มึงไม่อยากเห็นหน้าลูกของดินแดนใช่ไหม กูถามจริง ๆ ที่มึงต้องไปเพราะมึงทนรับความจริงที่ว่ามันกำลังจะมีลูกไม่ได้ใช่ไหมไมน์” ผมถอนหายใจออกมาก
“ถ้ากูจะรับไม่ได้ มันก็ควรจะตั้งแต่วันที่ใบบัวบอกว่าท้องกับแดนแล้วไหมวะ ที่กูไม่อยากอยู่ในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่เพราะกูรับไม่ได้ แต่กูทำใจไม่ได้ต่างหาก”
รับไม่ได้หรือ? ไม่ใช่เลย แต่ผมทำใจไม่ได้ต่างหากที่ต้องยินดีกับเขา ต้องยิ้มให้เขา
“มึงจะกลับมาใช่ไหมวะไมน์...”
“กลับสิ ยังไงที่นี่ก็บ้านกู หัวใจของกู...อยู่ที่นี่ กูต้องกลับมาอยู่แล้ว” แค่ขอเวลาเท่านั้น ขอเวลาให้หัวใจของผมได้เข้มแข็งพอจะเผชิญหน้ากับเขาในวันที่เขามีกันพร้อมหน้า
“กูจะรอมึงกลับมา”
“อืม...”
ผมจะกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อผมมั่นใจแล้วว่าวันไหนที่เจอหน้าของดินแดน ผมจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าเขาอีก
วันนั้น...ผมจะกลับมายืนยิ้มให้เขา แสดงความยินดีที่ลูกของเขาเกิดมา
ไม่นานหรอกนะดินแดน ไม่นานหรอกไมน์จะเข้มแข็งขึ้นเอง
น้องไปแล้วค่ะ หลบไปพักใจยาวๆเหมือนกับแมว แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวน้องก็กลับมาาาา อีกไม่กี่ตอนเราก็จะจบกันแล้วนะคะกับเรื่องราวความรักของไมน์กับดินแดน แต่บทสรุปจะเป็นยังไง ก็ต้องมารอดูต่อไปค่ะ สำหรับแมวที่วางเรื่องมาก แมวรู้สึกว่ามันมเหตุสมผล สมตัวละครตามนิสัยของพวกนางที่สุดแล้ว อาจจะไม่ตรงใจของใครหลายๆคน แต่ก็ขอให้มันเป้นเหมือนมุมมองหนึ่งเอาไว้เตือนตัวเอง อย่าก้าวพลาดเหมือนตัวละครของแมวนะคะ กราบแทบอกทุกคนค่ะ เป็นเจ้าของ