“ก็ไม่แล้วไง แค่จะบอกว่าพี่พลเก่งกว่า”
“เก่งกว่ายังไง”
คราวนี้นายเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนคิดหาคำตอบไม่ทัน จะว่าตลกก็ใช่แต่ติดตรงที่ตอนนี้ผมหงุดหงิดมากกว่า
“ตอบ”
“ก็เก่งกว่าอะ”
“เรื่องอะไรหละ”
นายยิ้ม แต่เป็นยิ้มเยาะเย้ยและผมรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร น้ำยั่วน้ำโหตอนนี้ขึ้นสมองไปหมดแล้ว การพูดชื่อพี่พลเป็นเรื่องที่น่ารำคาญที่สุดในชีวิตของผม พี่พลเป็นเหมือนเสี้ยนหนามอะไรบางอย่างที่ทิ่มแทงใจได้ตลอดเวลา “อยากให้พูดจริงเหรอ”
“พูดออกมา”
“เรื่องอย่างว่าไง”
เท่านั้นแหละ ความอดทนของผมจบสิ้นลง อีกทั้งความใจเย็นและสติที่มีก็หายไป ผมจับแขนนายทั้งสองข้างตรึงไว้บนที่นอน รุกไล่เขาด้วยจูบ นายเบี่ยงหน้าออกพยายามต่อต้านในช่วงแรกก่อนจะยอมให้ผมแลกลิ้นด้วย พักใหญ่กว่าผมจะผละจูบออกมา มองใบหน้าแดงระเรื่อของนาย ริมฝีปากแดงช้ำนิดหน่อยเพราะริมฝีปากของเรากระทบกันแรง แต่กระนั้นดวงตาของเขายังคงท้าทาย
“แล้วไงอะ จะทำแค่นี้เหรอ ถ้าเป็นพี่พลคงได้เราไปนานแล้ว”
“ได้ จะเอาแบบนั้นใช่ป้ะ”
“ไม่รู้ แล้วบุญทำได้เหรอ ไอ้นี่ยังไม่แข็งเลยอะแล้วจะเอาเรายังไง”
ผมยกยิ้ม ปล่อยมือที่จับแขน เปลี่ยนมาดึงรั้งศีรษะของเขาเข้ามาที่กลางลำตัว “ปากดี งั้นทำให้แข็งหน่อย” สิ้นคำผมจับไอ้นั่นที่ยังไม่แข็งตัวยัดเข้าปากของนายเต็มคำ โดยปกติแล้วผมไม่ชอบให้นายใช้ปากให้ การที่เราร่วมรักกันมันก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว ผมจึงพยายามลดความเสี่ยง อย่างน้อยก็พยายามแล้วถึงแม้ว่าความพยายามนั้นจะไม่ค่อยสำเร็จสักเท่าไหร่
นายดูพะอืดพะอมที่อยู่ๆก็ถูกท่อนเนื้อเหี่ยวๆยัดเข้าปาก ผมบีบกรามของเขาส่วนอีกมือคอยดันท้ายทอยไม่ให้หนีห่างออกไป ดวงตาของเขาคลอด้วยน้ำตาซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติไม่ใช่การร้องไห้แต่อย่างใด นายคงอึดอัดพอสมควร เขาเริ่มต่อต้านเมื่อท่อนเนื้อของผมขยับขยายตัว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อผมรั้งหน้าออกนายก็ยังคงทำปากเก่ง
“ไม่รู้ว่าเราห่วยหรือของบุญห่วยอะ ไม่เห็นแข็งสักที”
ผมจับท่อนเนื้อยัดปากของเขาอีก รู้แหละว่านายกำลังยั่วโมโหและบังเอิญว่าผมจะไม่อดทน ไม่นานนักท่อนเนื้อของผมก็ตั้งชันและแข็งขืนอยู่ในปากของนาย เขาพยายามผละหน้าออกเพราะขนาดสัดส่วนของผมคงทำให้เขาไม่สามารถรับทั้งหมดไว้ในปากได้ แต่เพราะนายปากดีผมจึงกดศีรษะของเขาและดันสะโพกไปข้างหน้า น้ำลายของเขาชโลมชุ่มจากการปิดปากไม่สนิท เสียงของนายดังครางเครืออยู่ในลำคอด้วยความอึดอัด
“แข็งหรือยัง” ผมถามแล้วดึงศีรษะของเขาขึ้น
“นี่แข็งแล้วเหรอ นึกว่าอมปีโป้อยู่อะ”
ปากก็พูดไปแบบนั้น แต่ดวงตายังคลอด้วยน้ำใสๆจากความยาวที่เข้าลึกจนทำให้เขาพะอืดพะอม ความโมโหกำลังครอบงำ ผมจับเขานอนหงาย นายเริ่มหวาดระแวงและฝืนแรงผมแต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้
“บุญจะทำอะไร”
“อย่าถามในเรื่องที่รู้เลยน่า” ผมท้าทายคืนบ้างพลางใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมส่วนหน้าของเขาไว้ “แข็งแล้วนี่”
“ถ้าไปจับมันก็ต้องแข็งอยู่แล้วป้ะ”
“ไม่ใช่ว่ามีอารมณ์เพราะอมของเราเหรอ ตอนอมของพี่พลเป็นยังไงอะ มีอารมณ์แบบนี้ป้ะ”
“เราไม่เคยทำ” นายเถียงกลับ เราจ้องตากันครู่หนึ่งก่อนนายจะยิ้มมุมปาก “บุญพูดมากอะ เมื่อไหร่จะใส่เข้ามาหละหรือว่าเหี่ยวไปแล้ว”
ทั้งที่พูดท้าทาย แต่แววตากลับหวั่นไหวอีกทั้งพยายามบิดข้อมือหนี ผมจับแขนเขาตรึงไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมหยิบเจลหล่อลื่น เปิดใช้งานอย่างรีบร้อน ชโลมบนท่อนเนื้อของตัวเองและป้ายไปที่ช่องทางด้านหลัง หากเป็นปกติผมจะเล้าโลมจนกว่านายจะฉ่ำแฉะ แต่เมื่อถูกท้าทายเข้ามาก โมหะครอบงำ พอกันทีผมไม่รออะไรทั้งนั้น ผมจับไอ้นั่นที่แข็งตัวเต็มที่จรดไปที่ช่องทางด้านหลังของเขา ค่อยๆสอดแทรกเข้าไปด้วยสติที่ยังพอมีอยู่ ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บหรือรู้สึกเหมือนถูกข่มขืนอะไร มือที่จับแขนนายตรึงไว้กับที่นอนผ่อนแรงลงเปลี่ยนมาประสานนิ้วมือกับคนรัก ผมมองใบหน้าของนาย คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ใบหน้าแดงระเรื่อ ได้ยินเสียงครางเครือในลำคอแบบที่ไม่ใช่ความเจ็บปวดใดๆ
“เหี่ยวป้ะ เราว่าไม่เหี่ยวนะ” ผมกระซิบติดชิดใบหูของนาย เขาย่นคอลงนิดหน่อยคงเพราะจั๊กกะจี้ ผมไม่ได้ขยับตัวเพราะรั้งรอให้ภายในของเขาได้รับสัมผัสแนบแน่นนี้ นายบีบมือผมแน่น หอบหายใจแรงขึ้น เรียวขาสองข้างอ้าออกกว้างก่อนจะออกคำสั่งให้ผมขยับสะโพก
“ขยับสักทีสิ เบื่อจะแย่แล้ว” ริมฝีปากสีสดตามธรรมชาติเผยออ้าเมื่อผมดันสะโพกไปข้างหน้าเข้าเต็มแรง ทุกส่วนสัดอยู่ในร่างกายของเขา มันคงอวบและยาวมากพอที่จะทำให้เขาร้องไม่ออก เสียงของนายกระเส่าเร้าอารมณ์ เขาทำให้ความอดทนที่มีหมดสิ้น ผมสอดใส่อย่างหนักหน่วง ดันกายเข้าก่อนจะลงแรงในตอนท้าย ร่างของนายเคลื่อนไหวบนที่นอน สองมือของเราประสานจับกันแนบแน่น ดวงตาของเขาไม่หวั่นไหวแล้ว อีกทั้งยังจ้องมองตากันขณะที่ส่วนล่างสอดประสานอย่างออกรส
“ได้แค่นี้เหรอบุญ ไม่รู้สึกอะไรเลยอะ”
ผมตกหลุมไปกับคำท้าทายของนาย ท่อนล่างบดเบียดเข้าหาจนสุดแล้วขยับออกก่อนจะสอดใส่กลับเข้าไปใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในจังหวะหนักแน่นยิ่งขึ้น นายหลับตาลงเมื่อช่องทางเร้นลับถูกกระทำรุนแรง ปากที่เคยท้าทายเม้มเข้าหากัน ผมรู้ว่าเขาคงจุกเสียดอยู่ภายใน เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้มันคลายตัวก่อน ผมยังไม่ยั้งเรี่ยวแรงในการโหมกระหน่ำลงไปสักนิด ช่องทางด้านหลังยังคงรองรับของผม บีบแน่น รัดรึงถึงอกถึงใจ ก่อนสุดท้ายเขาจะร้องครางออกมาเต็มเสียง ผมยิ้มแล้วจูบปิดเสียงครางนั่น เสียงของนายฟังอู้อี้สองมือเคลื่อนมาโอบกอดผมไว้ ลมหายใจของเราปะทะกันก่อนผมจะจับร่างนายคว่ำลง จับแขนสองข้างของเขาไพล่หลังแล้วกดใบหน้าแนบที่นอนด้วยมือข้างหนึ่ง
นายร้องครางลั่นยามไอ้นั่นของผมเสียดแทรกเข้าไปอย่างรุนแรง บั้นท้ายของเขาถูกย่ำยีอย่างที่ผมไม่เคยกระทำมาก่อน ไม่เคยกระทำแต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด ผมอยากทำแบบนี้มานานแล้วอยากรุนแรงกับนาย อยากทำให้เขาร่ำร้องอ้อนวอนให้ผมช่วยทะนุถนอมเขาสักหน่อย นายดูอ่อนแรงลงไป จากที่เคยต่อต้านกลายเป็นว่าเขามีอารมณ์ร่วมยิ่งขึ้น แต่กระนั้นเขายังคงปากดีเช่นเคย ผมไม่รู้ว่านายเมาหรือเพราะอะไรแต่เขาช่างสรรหาถ้อยคำมาท้าทายผมเสียเหลือเกิน
“ห่วยแตกหวะ” เขาพูดเช่นนั้นก่อนจะหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อผมดึงศีรษะของเขาขึ้นมา
“ไหนลองทำให้ดูหน่อยคนเก่ง” ผมเปลี่ยนมานั่ง ดึงร่างของนายเข้ามาให้เผชิญหน้ากัน เขายิ้มมุมปากก่อนจะบดเบียดบั้นท้ายเข้ามา แต่เป็นไปด้วยความเชื่องช้า “เร็วๆหน่อย” ผมกดสะโพกของเขาให้รับท่อนเนื้อเข้าไปจนสุด นายกอดผมแน่น ไอ้ท่าทางที่วางอำนาจก่อนหน้านี้ดูอ่อนกำลังลง นายเริ่มขยับสะโพก เขาก้มหน้าลงหมายจะจูบแต่ผมกลับดึงศีรษะของเขาไว้กระชากออก เผยลำคอซึ่งเห็นลูกกระเดือกชัดเจน “ก็ไม่เท่าไหร่นี่”
“บุญนั่นแหละห่วยแตก” เขาพยายามเถียงและกดสะโพกหนักหน่วงขึ้น “หมดแรงแล้วใช่ป้ะถึงต้องให้เรามาทำเอง”
นายเอนตัวไปด้านหลัง ขาสองข้างอ้าออกกว้างเผยสัดส่วนน่ารักที่ส่ายไปตามแรงขยับ ผมมองท่อนเนื้อของตัวเองที่ผลุบหายเข้าไปก่อนมันจะโผล่ออกมาทักทายอย่างเป็นจังหวะ “ปากดีให้ตลอดนะ” ผมผลักให้เขานอนหงายพร้อมๆกับทาบทับคร่อมเขาไว้ ท่อนเนื้อยังฝังอยู่ภายใน นายเบือนหน้าหนีเมื่อถูกผมโถมทับแรงกายเข้าไป รุนแรง หนักหน่วง เน้นย้ำจนเกิดเสียงหยาบโลน ผมแทบเรียกมันว่าเป็นการทารุณหากไม่นับว่าการกระทำนี้สร้างความสุขให้คู่นอนด้วยเช่นกัน
“บุญ ทำแรงๆอีก” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเพราะร่างกายกำลังโยกไหวจากการถูกชำเราที่เบื้องหลังอย่างรุนแรง นายเกาะแขนผมหากแต่ผมสะบัดแขนของเขาออกและจับมันตรึงไว้บนเตียง ทำราวกับว่ากำลังขืนใจเขา แต่มันไม่ใช่เลย มันเป็นเพียงการแสดงบทบาทที่ทำให้ผมดูเหนือกว่าเขา “ทำเบาแบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จวะ” นายจ้องตาขณะพูดประโยคนั้น
ผมบีบลำคอของนาย คงออกแรงมากพอจนทำให้เขาตกใจ สองมือผวาจับตามแขนของผม หากแต่เบื้องล่างยังยินยอมให้กระทำชำเราด้วยการอ้าออกกว้าง เปิดเผยทุกอย่างให้ผมได้ทำตามใจชอบ เรามองตากัน นายแสดงความท้ายทายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาพูดถึงชื่อพี่พล หูของผมอื้ออึงไปหมด รู้เพียงแค่ว่าอยากทำให้เขาหยุดพูดจึงใช้มือบีบที่คาง โหมแรงที่สะโพกจนน่ากลัวว่านายจะได้รับบาดเจ็บ
ผมมองนายที่ดูอึดอัดกับการถูกลิดรอนกำลัง แต่เป็นเขาเองไม่ใช่เหรอที่ยินยอมให้ผมรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ เนื้อตัวของเขามีรอยแดงเต็มไปหมดจากการถูกบีบจับไม่เบาแรง ทว่าท่อนเนื้อของผมยิ่งปวดหนึบ พึงพอใจที่เห็นนายอยู่ในกำมือ เขาดูทรมานมากขึ้น ผมรอฟังถ้อยคำร้องขอจากนาย ถ้อยคำที่บอกให้ผมหยุดรุนแรงกับร่างกายของเขา แต่นายไม่พูด เขาจ้องตาผมและพูดในสิ่งที่ทำให้ผมโมโหยิ่งกว่าเดิม ผมโถมแรงลงไปไม่ยั้ง เครื่องนอนร่วงหล่นไปหมด อีกทั้งผ้าปูที่นอนก็เริ่มยับย่นไปตามแรงกายของเราสองคน
บทรักครั้งนี้ดำเนินมาถึงปลายทาง ผมถอนกายออกมารั้งใบหน้าของนายให้รองรับน้ำเชื้อขณะที่มือรูดรั้งเพื่อให้ถึงฟากฝั่ง นายหลับตาแน่นพยายามเบือนหน้าหนีแต่เขาหนีผมไม่พ้น ผมไม่สนใจว่านายจะเสร็จสิ้นอารมณ์หมายด้วยกันหรือเปล่า ผมพรูลมหายใจเมื่อเห็นว่าน้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนอยู่บนหน้าของนาย มันไหลย้อยลงมาเลอะบนริมฝีปากของเขาก่อนจะหยดลงที่คาง เราเงียบกันไปพักหนึ่ง มองดูนายที่กำลังปาดเช็ดน้ำกามออกจากหน้า ดวงตาของเขาดูหยาดเยิ้มด้วยอารมณ์คุกรุ่น ผมคิดว่าเขาอาจจะไม่ถึงปลายทาง ทว่าเมื่อมองท่อนล่างกลับเห็นน้ำขาวขุ่นของนายไหลทะลักเลอะเทอะอยู่บนหน้าท้อง แม้ว่าจะเคยรุนแรงกันมาบ้างแต่นี่เป็นบทรักครั้งแรกที่ผมปล่อยกายปล่อยใจอย่างที่ต้องการมาตลอด บางที… ผมคิดว่าบางทีอาจเป็นนายที่ต้องสัมผัสแบบนี้เช่นกัน
เราหลับกันทั้งแบบนั้น เปลือยเปล่าภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่ คืนนั้นผมคิดว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่เราสองคนลาพักร้อนต่อหลังจากวันหยุดนักขัตฤกษ์
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สองของการเริ่มต้นศักราชใหม่ นายไม่อยู่บนเตียงแล้วแต่ผมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านนอก พอลุกขึ้นมาก็เห็นสภาพห้องเละเทะมากกว่าที่คิด โคมไฟหล่นอยู่บนพื้น ขวดน้ำสองขวดกลิ้งไปไกลถึงประตูระเบียงห้อง เตียงยับย่นถูกดึงทึ้งจนคิดว่าน่าจะต้องปูใหม่อีกครั้ง เสื้อผ้าเปียกๆยังกองอยู่บนพื้นที่เดิม ผมล้มตัวลงไปนอนอีก เป็นครั้งแรกที่หมดแรงจะเก็บกวาดห้องตัวเองให้กลับมาสะอาด พักหนึ่งได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดอยู่ด้านข้าง มืออุ่นๆแตะลงที่หน้าผากก่อนจะผละออกไป ผมปรือตามองตามอีกฝ่าย แต่ท่าทางของนายดูแปลกๆไปนิดหน่อยเหมือนลงน้ำหนักไม่เต็ม ซึ่งส่วนนี้ผมไม่ได้ฉุกคิดอะไรมากไปกว่าการครุ่นคิดว่าเขาจะทำอะไรต่อไปเมื่อเห็นว่าผมยังไม่ตื่นนอน เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนหนึ่ง ผ้าผืนนั้นเช็ดใบหน้าของผมอย่างแผ่วเบาราวกับว่าหากเช็ดแรงอีกนิดหนึ่งก็เกรงว่าผมจะตื่น มือของเขาอุ่นจัด ผมรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจึงลืมตาตื่นขึ้น
“ทำไมตัวอุ่นขนาดนี้หละ” ผมจับมือของเขาแล้วผุดลุกขึ้นนั่งโดยไม่ลืมคว้าแว่นสายตาขึ้นมาสวมใส่
นายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินไปยังกองเสื้อผ้าเน่าๆที่สุมไว้จากเมื่อคืน ผมลุกขึ้นไปจับแขนของเขาทั้งๆที่ตัวเองยังเปลือยเปล่า ส่วนนายอยู่ในชุดนอนยืดย้วย “อาหารเสร็จแล้วนะ”
“เดี๋ยวเราเก็บไปซักเอง” ผมดึงเสื้อผ้าเหล่านั้นมากองไว้ที่เดิม ในช่วงที่ผิวของเราสัมผัสกันจึงรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่าง ผมใช้หลังมือแตะหน้าผากก่อนจะทำทีเป็นสะดุ้งตกใจเหมือนในละครไทย “อุ๊ย! คุณบุรินทร์ตัวร้อนอย่างกับไฟแหนะ”
นายทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะค่อยๆเผยยิ้มในที่สุด “ทุเรศ ไอ้กฤตติน” ผมพิจารณาดูจากท่าทางและน้ำเสียงอู้อี้แล้วเขาป่วยแน่นอน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรนายก็ตัดบทด้วยการบอกให้ไปกินอาหารมื้อเช้าด้วยกัน
ผมคว้ากางเกงนอนมาใส่ก่อนจะจูงมือของเขาเดินออกมาจากห้องนอน โจ๊กง่ายๆเหมือนเดิมรออยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว นายรินน้ำผลไม้ให้เช่นเดิมก่อนจะนั่งลงที่ประจำ แต่คราวนี้ผมหยิบถ้วยโจ๊กมาคนให้ เป่ามันให้หายร้อนก่อนจะป้อนให้นาย เขาทำท่าจะไม่กินเพราะผมป้อนโจ๊กให้ นายก็เป็นเสียแบบนี้ สิบปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนอย่างไรก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย เขินอายในเรื่องไหนก็ยังอายในเรื่องนั้นเช่นเดิม เขาดูแลตัวเองได้ผมตระหนักในเรื่องนั้นดีแต่ผมอยากดูแลเขาบ้าง อยากเอาใจ อยากทำให้นายทุกอย่าง
“เรากินเองได้” นายว่าแบบนั้นแล้วเบือนหน้าหนีช้อน
“อย่าสะดิ้งให้มากนักเลย กินเดี๋ยวนี้”
“บุญเป็นบ้าเหรอวะ จะมาป้อนโจ๊กเราทำไม”
ผมแสร้งถอนหายใจ มองหน้าเขานิ่งๆ แค่นั้นนายก็รู้ตัวแล้วว่าผมจริงจัง เขายอมกินโจ๊กจากการปรนนิบัติของผมจนได้
“ทำไมบุญชอบว่าเราสะดิ้งวะ เราเหมือนสาวเหรอ”
“เหมือนสาวบ้าอะไร ตัวหนักยิ่งกว่าลูกช้างอีก”
นายเหมือนจะพูดอะไรออกมาแล้วก็เงียบลงไป
“รู้ไหมว่าเมื่อคืนทำอะไรบ้าง”
เขาพยักหน้าก่อนจะกินโจ๊กไปเรื่อยๆ คราวนี้ผมยอมปล่อยช้อนให้เขาได้กินเองเพื่อที่จะได้ตักกินในส่วนของตัวเองบ้าง
“เมาเหรอ”
นายส่ายหน้าแล้วกลืนโจ๊กลงคอหมดปากจึงค่อยพูดตอบ “เราไม่ได้เมาขนาดนั้น หลังๆก็สร่างแล้ว”
ผมส่งเสียงรับมองดูเขากินอาหารเช้าไปเรื่อยเปื่อย “เวลานายเมาก็งี่เง่าเหมือนกันนะ”
ถึงแม้ว่าจะคบหากันมานานแต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายเมาแล้วงี่เง่าทั้งที่ปกติเป็นพวกเมาแล้วง่วงนอน ในช่วงกินโจ๊กนั้นเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเป็นพิเศษ พอกินเสร็จผมเดินไปหยิบหาจัดยาให้นาย คาดว่าที่นายป่วยอาจเป็นเพราะการเข้านอนโดยไม่ได้สวมเสื้อผ้า อากาศจากเครื่องปรับอากาศก็เย็นพอสมควรเลยทีเดียวด้วย แต่ขณะที่กำลังรื้อค้นกล่องยาผมได้ยินเสียงร้องโอดโอยจากนาย เสียงของเขาไม่ได้ดังมากเพียงแต่ภายในห้องของเราเงียบสนิทจึงได้ยินเสียงร้องของเขาชัดเจน ผมเห็นนายยืนเท้ามืออยู่ตรงโต๊ะอาหาร สีหน้าไม่สู้ดีนักหรือว่าเขาจะป่วยมากกว่าที่ผมคิด
“เป็นอะไร”
นายเงียบไม่ยอมตอบ แต่สีหน้าดูซีดลงกว่าเดิม
“นาย อย่าให้ถามซ้ำ”
เขายอมสบตาด้วยก่อนจะหลุบตาลง “เราเจ็บ”
เพียงเท่านั้นผมก็เข้าใจได้ทั้งหมดว่าอาการแปลกๆของนายมีสาเหตุมาจากอะไร กลายเป็นผมที่เริ่มหน้าซีดลงบ้างเมื่อทบทวนว่าตัวเองได้กระทำรุนแรงถึงขั้นไหนจนทำให้นายเจ็บตัว ความต้องการของผมไม่สอดคล้องกับขีดจำกัดของร่างกายของนายเลย เมื่อนึกขึ้นได้ผมก็ช้อนร่างของนายขึ้นในท่าเจ้าหญิง เขาร้องประท้วงด้วยความตกใจแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนักเพราะผมชอบหยอกล้อเขาแบบนี้เป็นปกติ ผมวางเขาลงบนที่นอนซึ่งยังคงยับยู่ยี่ มือคว้าจับที่ขอบกางเกงหมายจะตรวจดูบาดแผล แต่นายกลับฝืนแรงมือไว้
“บุญไม่ต้องดู เรามีวิธีดูแลตัวเอง ถ้ายังเจ็บอยู่เราจะไปหาหมอ” เขาละล่ำละลักบอก
ผมจ้องหน้าเขา พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยินยอมทำตามที่นายต้องการ “เราขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษ” นายรีบพูดสวนแทรกขึ้นมา ใบหน้าดูร้อนรนขึ้น “เราสิต้องขอโทษ เราพูดเรื่องพี่พลกับบุญอีกแล้ว”
ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าการพูดชื่อพี่พลตอนนี้จะไม่ได้มีผลอะไรมากมายนัก อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นได้ปลดปล่อยพลังบางอย่างจนทำให้นายเจ็บตัว สิบปีที่ผ่านมาการร่วมรักของเราไม่เคยทำให้นายบาดเจ็บจนเขาทนไม่ไหวแบบนี้ ขณะที่คิดว่าจะทำอย่างไรต่อดีนายก็จับมือของผมเข้ามาแนบใบหน้า
“เราแค่อยากให้บุญทำอย่างที่บุญชอบ”
“โถ่ นาย เราชอบแต่นายเจ็บตัวแบบนี้เราไม่ชอบหรอก”
นายมองหน้าผม สายตาดูล่วงรู้ความรู้สึกแท้จริง และผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าชอบลักษณะการร่วมสัมพันธ์แบบเมื่อคืน “เมื่อคืนนี้ไม่ชอบเหรอ” นายคลึงนิ้วบนฝ่ามือ แม้ว่าสีหน้าจะซีดเซียวแต่เขายังคงยิ้ม
“ชอบ ชอบมากด้วย”
“เราก็ชอบ แต่บ่อยๆคงไม่ไหว จะตาย บุญแรงเยอะมาก”
“ก็มายั่วโมโหทำไมหละ”
เขาหัวเราะนิดหน่อย แล้วค่อยๆพิงหัวเตียง “ได้อารมณ์ดีเหมือนกันนะ”
“ไอ้บ้า” ผมบีบปากของเขาด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นก็ลุกไปจัดยามาให้ใหม่
นายรับยาไปกินอย่างว่าง่ายก่อนจะอ้อมแอ้มบอกให้ผมไปหยิบยาเหน็บจากในลิ้นชักส่วนตัวของเขา
“นี่มียาเหน็บด้วยเหรอ ทำไมไม่เคยรู้เลยวะ”
“เออ ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”
“ไม่สำคัญบ้าอะไร เรารู้หนะว่ายาเหน็บมันช่วยอะไร” ผมกล่าวพลางถลกกางเกงของเขาออก กระนั้นนายก็ยังทำท่าจะปัดมือไม่ให้ถอดกางเกง “จะอายอะไรอีกวะ”
“มันแปลกๆโว้ย”
ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากสวมวิญญาณหมอ ค่อยๆสอดยาเข้าไปในช่องทางด้านหลังที่บอบช้ำ เมื่อเห็นชัดๆแบบนี้ผมเห็นความบวมที่เกิดจากการเสียดสีอย่างรุนแรง นายคงจะเจ็บเขานิ่วหน้าลง กลั้นหายใจในตอนที่ผมสอดยาเข้าไปก่อนจะกลับมาหายใจปกติ
“กินยาลดน้ำมูกไปก่อนแล้วนอนพัก เดี๋ยวเราออกไปซื้อยาแก้อักเสบให้” เมื่อพูดเสร็จก็วางแผนว่าจะออกไปซื้อยา ซื้อของใช้เข้าห้องนิดหน่อยทั้งที่ตั้งใจว่าจะชวนนายออกไปด้วยกัน ทว่าเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมคิดว่านายควรงดขยับตัว แต่แล้วนายจับมือของผมไว้ มองด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหยุดและนั่งบนเตียงเพื่อรอรับฟัง “จะเอาอะไรครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เห็นดวงตาใสๆก็นึกเอ็นดู
“บุญอยู่กับเราก่อนนะ”
“ไม่ได้ ต้องกินยาแก้อักเสบ ข้างในมันเป็นแผลแล้ว”
“อยู่จนกว่าเราจะหลับอีกรอบก็ได้”
ตายห่า โดนอ้อนแบบนี้ผมจะไปไหนรอด ผมทำตามคำขอ ลูบศีรษะทำราวกับว่าเขาเป็นเด็กน้อย “นาย”
“อืม”
“เรื่องแต่งงานเราไม่เคยลืมนะ เรายังยืนยันเหมือนเดิม นายรอเราก่อนนะ”
“รอไม่ไหวแล้ว อยากแต่งงานกับบุญตอนนี้เลย” เขายิ้มทั้งที่ดวงตาปรอยปรือก่อนที่มือของเขาซึ่งจับมือของผมอยู่จะกระชับบีบแน่นกว่าเดิม “อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆก็ได้นะบุญ”
“แต่เราจะผิดสัญญานะ”
“เราให้ผิดสัญญา ขอแค่อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ” น้ำเสียงอู้อี้ของเขาฟังดูง่วงงุนหนักมากขึ้นคงเพราะยาออกฤทธิ์ นายเคลิ้มง่วงเต็มที่แล้ว แต่มือที่จับอยู่ยังไม่ยอมปล่อยแม้แต่น้อยนิด เพียงไม่นานจากนั้นเขาก็หลับไป
ผมจูบที่ขมับของเขาอย่างแสนรักและหยุดมองพิจารณาใบหน้าที่เริ่มเห็นเค้าลางตามวัย ส่วนตัวผมเองนายเคยบอกว่าผมมีรอยลึกตรงหัวคิ้ว ส่วนเขามีรอยที่หางตาค่อนข้างชัด ด้วยความซื่อตรงผมไม่เห็นถึงความแตกต่างนั่นเลย นายยังคงเป็นนาย ผมก็ยังเป็นผม ไม่ว่าเขาจะหัวเราะ ไม่ว่าเขาจะทำตัวขี้เกียจจนน่าโมโห หรือแม้แต่ยามตื่น ยามนอน มันอาจเป็นสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งผมไม่อยากนึกคิด ผมรู้เพียงแค่ว่าผมหลงใหลทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นตัวของเขา
ช่วงสายของวันนั้นผมคิดว่าผมตกหลุมรักคนรักของผมอีกครั้ง รักเหมือนเดิม รักครั้งแล้วครั้งเล่ากับคนเดิม คนที่ชื่อนาย
**********************************************