รถแทรมวิ่งออกจากสถานีไปแล้วพร้อมๆกับภาพชายหาดเซ็นต์กิลด้าห่างออกไปเรื่อยๆ ผมไม่แน่ใจนักว่าจะได้กลับมาเมลเบิร์นอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่คิดว่าจะชวนบุญมาเมลเบิร์นอีกครั้งในฤดูร้อนเพื่อซึมซับความสดใสของแสงแดดและมาเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกลูน่า เรานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองทิวทัศน์มืดสลัวรอบข้างไปเรื่อยเปื่อย
“ไปดื่มเบียร์ที่ห้องเรามั้ย” ผมยิ้มกริ่มในตอนที่ถามคำถามนั้น บุญคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไรมันเป็นประโยคสนทนาระหว่างเราในสมัยครั้งแรกที่เจอกัน เขาทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตาม
“เอาดิ เลี้ยงเบียร์เราขวดนึงด้วยนะ” บุญอมยิ้มและตอบรับ
“เออ ได้”
เราหัวเราะร่วมกันก่อนที่บุญจะโน้มตัวเข้ามาจูบเบาๆที่ริมฝีปากของผม “ล้อเราเหรอ”
“เปล่า จะชวนดื่มเบียร์จริงๆ”
“แต่ตอนนั้นเราไม่ได้จะชวนดื่มเบียร์จริงๆเนี่ยดิ”
“เรารู้”
บุญมองตาของผมด้วยรอยยิ้มและเราก็จูบกันอีกครั้ง “แต่สุดท้ายก็เมาเละ หลับสนิท”
“นั่นดิ แล้ววันนี้จะหลับอีกป้ะ” ผมกล่าวและในช่วงนั้นก็ถึงสถานีที่เราจะต้องลง
“หลับสิ แต่เราจะกินนายให้อิ่มก่อนหลับ” บุญตอบพลางโอบคอผมเดินไปยังร้านสะดวกซื้อร้านเดิมที่เคยมาครั้งแรก
บุญไม่ใช่คนพูดเล่น ไม่มีนิสัยทีเล่นทีจริง เพราะที่พูดก่อนหน้านี้เขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ ผมไม่ได้ยั่วยวนเขาแต่อย่างใดเพียงแต่ตอบสนองอย่างที่เขาต้องการ ผมชอบที่ได้เห็นบุญแสดงออกถึงความใคร่ในตัวผม เราทั้งคู่ค่อนข้างเปิดเผยเรื่องบนเตียง เขาชอบแบบไหน ผมชอบแบบไหน เรามักพูดมันออกมาตรงๆ แต่บางทีบุญก็พูดตรงเกินไป ไม่สิ เขาหื่นเกินไปต่างหาก ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันนั้นบุญสุดแสนจะอ่อนโยน เขากังวลกลัวว่าผมจะเจ็บ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมก็ชอบบุญในลักษณะแบบนั้น สิ่งที่เขาปฏิบัติกับผมมันค่อนข้างวาบหวามและละมุนละไมเหมือนล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ ความสุขปรี่ล้นอยู่ในอก เหมือนมีรังสีแห่งความอ่อนโยนโอบอุ้มเราไว้ เขาสารภาพว่ากังวลเกี่ยวกับสุขภาพกายของผม เราเข้าใจกันดีในเรื่องนั้น แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องบนเตียงของเราได้พัฒนามาจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ที่แปลกกว่านั้นเราต่างพึงใจกับระดับที่พัฒนามาไกลขนาดนี้ มันเริ่มจากจุดไหนผมไม่แน่ใจนักแต่น่าจะเป็นเพราะผมนี่แหละที่ต้องการให้บุญรุนแรงสักหน่อย อย่างในตอนนี้ก็กำลังเป็นอย่างนั้น เจ้านั่นของบุญแทรกกายเข้ามาไม่ยั้งแรงแม้แต่น้อย และแต่ละครั้งก็เสียดสีในจุดสะท้านจนผมร้องหลุดร้องครางออกมา บั้นท้ายของผมถูกบุญควบคุมอยู่ที่ด้านหลัง ใบหน้าของผมถูกกดแนบอยู่บนที่นอน เมื่ออยู่ในท่วงท่านี้ส่วนนั้นของบุญสามารถแทรกเข้ามาได้ลึก แต่มันไม่ใช่ท่าที่ผมชอบนักเพราะบอกตามตรงผมมักชอบมองใบหน้าของบุญตอนที่เสพสุขร่างกายนี้
ด้วยแรงอารมณ์ผมเรียกร้องให้บุญกระทำรุนแรงขึ้น หากแต่บุญกลับถอนกายออกไปและพลิกร่างของผมให้กลับมาเผชิญหน้า ผมมองดูเขาชะโลมเจลบนท่อนเนื้อรูดรั้งไปตามความยาว สายตาของบุญกำลังจ้องมองอย่างตรงไปตรงมาที่ช่องทางด้านหลัง ผมรู้สึกได้ถึงความเหยียดตึงที่ตรงนั้นซึ่งรองรับของๆบุญมานานพอควร มันบีบรัดเรียกร้องการถูกเติมเต็ม ผมเล่นกับส่วนหน้าพลางมองท่อนเนื้อที่เหยียดยาวตั้งชั้นของบุญ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าสรีระของบุญดูอลังการเตะตา ผมตื่นเต้นและรอคอยสิ่งนั้นอย่างใจจดใจจ่อ นิ้วยาวๆป้ายเจลเข้ามาเพิ่มอย่างไม่เบามือ มันหมุนวนเพื่อช่วยชะโลมช่องทางให้ทั่วถึง ในนั้นชุ่มฉ่ำกว่าเดิมจนเกิดเสียงตอนที่นิ้วขยับเข้าออก ขาของผมถูกยกสูงขึ้นพาดบ่าอีกฝ่าย ส่วนนั้นรองรับของบุญเข้ามาจนถึงที่สุด บุญมองตาผมในตอนที่ขยับกายและเผยยิ้มมุมปากที่น่าหลงใหล ผมจูบริมฝีปากนั่นอย่างใจต้องการดึงรั้งริมฝีปากล่างให้เผยออ้าก่อนจะใช้ฟันกัดเบาๆเพื่อหยอกล้อ เสียงครางในลำคอดังขึ้นอย่างพึงใจจากนั้นบุญก็มอบจูบให้ ผมชอบอยู่ในท่านี้ ผมสามารถมองเห็นใบหน้าของคนรักยามเสียวซ่าน ได้มองตาของเขา ได้สัมผัสลมหายใจยามที่เขาออกแรงโถมกายเข้ามา บุญโอบร่างของผมแนบชิดกระทั้นกายหนักหน่วง ผมเสียวซ่านจนต้องหลุดร้องคราง กอดรัดร่างอีกฝ่ายไว้แน่น หน้าท้องของตัวเองเกร็งเขม็งรู้สึกได้ว่าใกล้จะปลดปล่อยแล้ว ผมครวญเรียกชื่อของคนรักซ้ำไปซ้ำมา ร่างกายร้อนลุ่ม เหงื่อกาฬชื้นตัวไปหมด บุญเล่นกับด้านหน้าของผม เขาลูบไล้รัวเร็วจนท้ายที่สุดผมก็ถึงฝากฝั่ง บุญขยับสะโพกต่อไม่ปล่อยให้ผมได้พักหายใจ ช่องทางนั้นชุ่มโชกจนผมสะท้านขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ถึงกับแข็งตัว ผมสารภาพเลยว่าหมดแรงจึงได้แต่นอนระทวยให้บุญเสพสมต่ออีก ขาทั้งสองข้างถูกจับยกสูงชิดหน้าอก แผ่นหลังถูไถไปกับผ้าปูที่นอน ช่องทางด้านหลังถูกกระทำอย่างรุนแรง บุญสอดใส่เข้ามาลึกในตอนที่เสร็จสม เขาแยกขาของผมออกกว้างขยับสะโพกเชื่องช้าและมองดูส่วนนั้นที่เสียดสีเข้าออก น้ำใคร่ของบุญที่คั่งค้างอยู่ในช่องทางด้านหลังไหลเยิ้มออกมาข้างนอกจนผมรู้สึกได้ เสียงหอบหายใจของเราประสานกันกับเสียงเปียกแฉะ บุญถามว่าผมเหนื่อยหรือเปล่า ด้วยความสัตย์จริงผมเหนื่อยจนไม่มีแรงแม้แต่จะตอบ ผมพยักหน้ายินยอมในเรื่องนั้น บุญยิ้มมุมปากดวงตาวาบวับเจ้าเล่ห์จนผมหวาดหวั่น แต่แล้วบุญก็เพียงแค่โถมกายลงมานอนซบ พลางลูบไล้ไปตามผิวกายของผม ลมหายใจของเขาเป่ารดรินอยู่ที่หน้าอก ความสุขกำลังอบอวลอยู่รอบกาย
เรานอนอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งบุญก็ขยับพลิกตัวให้ผมขึ้นมานั่งบนตัก เขาดูดดุนเข้ามาที่ยอดอกมันทำให้ผมจั๊กจี้จึงดันหน้าของเขาออก แต่บุญกลับจับมือของผมไว้และจ้องมองด้วยสายตานิ่งๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะแค่ล้อเล่นแต่เปล่าเลยบุญตั้งใจที่จะทำอีกครั้งและไอ้นั่นของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาแล้วแม้จะยังไม่เต็มที่ก็ตามที ผมบอกเขาว่าเหนื่อยมากและคิดว่าไม่น่าจะมีอารมณ์อีกแต่บุญกลับหัวเราะลงคอ
“คนไข้อยู่นิ่งๆนะครับ”
บุญพูดติดตลกแต่ผมไม่ตลกตามสักเท่าไหร่ “เฮ้ย บุญจะบ้าเหรอวะ” ผมพูดแล้วพยายามดันหน้าอีกฝ่ายออกห่าง “เราไม่ไหวหรอก”
เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับลากนิ้วไปยังบั้นท้ายของผม นิ้วยาวๆสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลังซึ่งยังคงชุ่มแฉะจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ “คนไข้ไม่ไหวเหรอ ขอหมอลองประเมินอาการก่อนนะ”
หัวใจของผมเต้นรัวรู้สึกร้อนขึ้นเพราะคำพูดของเขา ไม่บ่อยนักหรอกที่บุญจะสวมบทบาทเป็นหมอหื่น เพราะโดยปกติเขาเป็นพวกหมอเนิร์ดๆและโคตรจะเนิร์ดต่างหาก
บุญยังคงเร้าอารมณ์ผมอย่างต่อเนื่องด้วยนิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มต้นจากจุดนี้ผมไม่แน่ใจนักว่าจะตัวเองจะมีอารมณ์หรือเปล่า ในตอนที่คิดแบบนั้นอยู่ๆผมก็เกร็งตัวขึ้นมาเมื่อนิ้วของบุญล้วงเข้าไปยังจุดอ่อนไหวด้านใน
“อยู่ตรงนี้นี่เอง” เขาพึมพำออกมา “หมอว่าคนไข้ยังไหวนะ” เขาพูดแล้วยิ้มมุมปาก
ผมไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ตรงไหนเพราะทุกครั้งบุญมักจะเจอจุดนั้นด้วยตัวของเขาเอง ผมจับแขนบุญเป็นที่ยึด อารมณ์วาบไหวก่อเกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้แข็งตัวเสียทีเดียว บุญรูดรั้งท่อนเนื้อให้แข็งมากพอก่อนจะค่อยๆสอดใส่เข้ามา เขาบังคับขยับสะโพกของผมอย่างง่ายดาย ส่วนนั้นของเขายังแข็งตัวไม่เต็มที่แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่พัฒนาอยู่ด้านใน เขาครางเสียงต่ำอย่างพึงพอใจขณะที่สวนแทรกกายขึ้นมา ผมเหนื่อยล้าแต่กระนั้นกลับมีความเสียวซ่านที่ช่องทางด้านหลังอย่างน่าประหลาดใจ เซ็กส์รอบนี้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในแบบที่คาดไม่ถึง เจ้านั่นของบุญค่อยๆตื่นตัวขึ้นจนคับแน่นอยู่ในบั้นท้าย
“บุญ เรา…” เสียงของผมคาดช่วงไปเมื่ออยู่ๆบุญก็กระแทกสวนกายเข้ามาแรงจนจุก เขามองหน้าผมแล้วยิ้มดวงตาวิบวับ “เราไม่ไหวจริงๆ” ผมบอกเขาไปตามตรง
“อืม งั้นคนไข้อยู่เฉยๆก็พอนะ”
บุญขยับสะโพกขึ้นโดยกดตัวผมให้รองรับแท่งเนื้อ ความแฉะชื้นทำให้ไอ้นั่นของบุญเข้ามาลึก ผมกอดคอเขาไว้และยินยอมให้บุญขยับสะโพกอย่างที่เขาต้องการ ของๆผมไม่แข็งตัวขึ้นมาเต็มที่แต่ในเวลานี้ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์อย่างว่าอีกครั้ง ผมไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแปลกใจอยู่เหมือนกันที่มีอารมณ์ร่วมมากขนาดนี้ ส่วนที่ถูกแทรกเข้าออกอย่างรัวเร็วนั้นฉ่ำเยิ้มทั้งเจลหล่อลื่นและน้ำใคร่จากบุญ ผมรู้สึกดีไปกับมันจนเผลอครวญครางเสียงแผ่ว บุญพลิกร่างให้ผมนอนตะแคงราบไปกับเตียง ขาทั้งสองข้างชันขึ้นอยู่ในท่าคุดคู้ บั้นท้ายถูกโหมกระหน่ำจาบจ้วงเข้ามาอย่างหนักหน่วง แขนของบุญคร่อมทับกักขังร่างของผมไว้ เราจูบกัน เขากระซิบบอกรักติดชิดอยู่ที่ริมฝีปาก ผมตอบรับถ้อยคำนั้น มองตาอีกฝ่าย ด้วยแรงอารมณ์ในช่วงนั้นผมสวมบทบาทเป็นคนไข้จอมลามกเรียกเขาว่าหมอ และบอกให้เขาเอาบั้นท้ายของผมแรงกว่าเดิม คนรักของผมไม่ทำให้ผิดหวัง เขาตอบสนองอย่างถึงใจจนผมไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นใดอีก
หลังจากสุขมสมอารมณ์หมายผมก็ไร้เรี่ยวแรงและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ บุญทำความสะอาดตัวให้ผมขณะที่อมยิ้มเป็นระยะเหมือนมีความสุขจนเก็บไว้ไม่อยู่ ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม เราสวมชุดนอนขายาวแขนยาวและซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาก่อนจะหลับผล็อยไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ตื่นมานั้นผมได้ยินเสียงเพลงแจ๊สเปิดอยู่ในห้อง เห็นบุญยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง ท้องฟ้าด้านนอกนั้นสว่างจ้า ฟ้าเปิดเหมาะแก่การออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ผมหยิบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพแบบย้อนแสง ในรูปนั้นเป็นเงาร่างสูงใหญ่ยืนท้าวแขนบนราวระเบียงโดยมีบุหรี่คีบติดอยู่ที่นิ้ว จะว่าไปทั้งผมและบุญต่างไม่เคยลงรูปคู่กันเลย ในกลุ่มแอพพลิเคชั่นโซเชี่ยลเนตเวิร์กต่างๆของผมนั้นมีเพียงรูปเพื่อนรูปอาหารรูปสถานที่ท่องเที่ยวและรูปผมแบบเดี่ยวๆ ไม่มีรูปของบุญแม้แต่รูปเดียว ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นจนกระทั่งวันนี้ที่รู้สึกอยากลงรูปของบุญโดยไม่มีเหตุผลใดสนับสนุนในเรื่องนั้น ขณะที่กำลังลังเลว่าจะลงรูปหรือไม่ลงรูป บุคคลที่วนเวียนอยู่ในสมองก็หันกลับเข้ามาในห้องพอดี เขาส่งสัญญาณมือเรียกผมให้เข้าไปหา ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปยืนด้านข้างอย่างว่าง่าย
“อากาศโคตรดี” เขาเอ่ยขึ้นสายตายังคงทอดมองออกไปยังทัศนีย์ภาพเมืองเมลเบิร์น แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วทุกหนแห่งทำให้สายลมฤดูหนาวที่พัดผ่านอยู่นี้ไม่เย็นยะเยือกมากเกินไป ฝูงนกบินว่อนอยู่บนท้องฟ้ามาพร้อมกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากเหล่ามนุษย์ที่ออกมาใช้ชีวิต “หิวยัง”
“หิว” ผมตอบสั้นๆแล้วขยับเข้าไปเพื่อเอนหัวซบลงบนลาดไหล่ เรายังคงอยู่ในชุดนอนฟังเสียงเพลงแจ๊สคลอเคล้าชวนให้บรรยากาศดูละมุนละไม อารมณ์ในตอนนี้คือเรื่อยเปื่อยยังไม่คิดจะออกไปไหน ผมคิดว่าอีกสักพักเราอาจจะออกไปเดินเที่ยวในเมืองหาอะไรกินและนั่งเล่นนอนเล่นในสวนสาธารณะที่ไหนสักแห่ง หรืออาจจะไปซื้อเดย์ทัวร์ออกนอกเมืองอีก แต่ขณะที่คิดอยู่นั้นบุญก็เปลี่ยนมาโอบไหล่ผมกระชับให้แนบแน่นขึ้นจนต้องหันไปมอง
“ที่นี่ดีเนอะ”
“อืม ดีมาก”
“เราอยากมาอยู่ที่นี่” เขาโอบผมแน่นขึ้นอีก “เราจะลองหางานทำ แล้วยื่นขอเป็นพลเมือง”
“..........” ในตอนนั้นผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะไม่แน่ใจว่าบุญกำลังคิดอะไรอยู่
“นายครับ”
“ครับ”
“ไว้มาแต่งงานกับเราที่นี่นะ”
ผมมองบุญที่กำลังยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ สายตาของเขายังคงจดจ้องทิวทัศน์เบื้องหน้า ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังงัวเงียจากการตื่นนอนหรือตกใจสุดขีด เราต่างเงียบปล่อยให้เสียงเพลงขับเคลื่อนไปตามท่วงทำนอง บุญไม่ได้เร่งเร้าด้วยการทำสิ่งใด เขาทำเพียงโอบกอดผมไว้เช่นเดิม ชื่นชมทิวทัศน์ของเมลเบิร์นและเพลิดเพลินกับกับการสูบบุหรี่ ผมได้ยินประโยคนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง ทั้งใจและสมองกำลังว้าวุ่นในการกลั่นกรองคำตอบออกมาเป็นคำพูด ความรู้สึกต่างๆรุมเร้าจนในที่สุดมันก็คลี่คลาย
“อืม แต่งดิ”
ผมรับคำด้วยสติพรั่งพร้อมแล้วจูบอย่างแผ่วเบาบนผิวแก้มของบุญ สบมองดวงตาของเขาที่ประกายความสุขอยู่ในนั้น เราไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก อารมณ์หลากหลายกำลังคับคั่งจนกลั่นกรองออกมาอย่างยากลำบาก หัวใจของผมมันเต้นแรงแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงบสุข บุญจูบผมที่แก้มอย่างนุ่มนวลในตอนที่เสียงของ Frank Sinatra ขับกล่อมเพลง It Had To Be You ก่อนที่เราจะโอบกอดกันไว้ในยามท้องฟ้าสดใสรายล้อมด้วยสายลมเย็น ผมซบใบหน้าลงบนแผ่นอกของเขา มันอบอุ่นและอิ่มเอม เขาบอกรักให้ผมได้ยินเพียงคนเดียวและผมก็ทำเช่นเดียวกัน
‘It had to be you
It had to be you
I wandered around
And finally found
The somebody who
Could make me be true
And could make me be blue
And even be glad
Just to be sad
Thinking of you’
ไม่มีสิ่งใดเพิ่มเติม ไม่มีสิ่งใดขาดหาย ที่ตรงนี้มีเพียงผมกับบุญและความรักของเรา ในเมลเบิร์น,ออสเตรเลีย
************************************
ลงครบหมดแล้วววว เย้ๆ
และขอฝากนิยายเรื่องอื่นของเราด้วยนะคะ
-หนึ่งมิตรชิดใกล้-- หนึ่งวันบนดาวพุธ -