ตอนที่ 7 “ถ้ามึงแน่ใจว่าจะไม่ทำให้เพื่อนกูเจ็บอีก ก็ตามสบาย” ไอ้ยักษ์บอก แล้วกลับไปเล่นบาสต่อ
“อ้าว... ?”
ผมทำหน้างงที่อยู่ ๆ ไอ้ยักษ์ก็กลับลำง่ายขนาดนี้
“พากูไปหาอะไรกินหน่อยดิ”
“หืม? ทำไมมึงไม่ไปเองอ่ะ”
“กูไม่รู้นี่ว่าร้านไหนอร่อย” ไอ้ภพทำหน้าอ้อนวอน
“มาตั้งหลายวันแล้วนะ”
“ปกติโค้ชเค้าจะซื้อเป็นข้าวกล่องมาให้”
“แล้วทำไมไม่ไปชวนเพื่อนมึงไปอ่ะ?”
“กูจะชวนมึงอ่ะ จะไปหรือไม่ไป!”
เสี้ยววินาทีนึง ผมรู้สึกว่าไอ้ภพคนเดิมกลับมาแล้ว
“เออ ๆ” ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมผมต้องยอมมันเหมือนเคย
ผมพามันไปที่ร้านข้าวเจ้าประจำ ที่ผมเคยมานั่งกินกับน้องภู
“วันนี้กินอะไรดีครับ?” เด็กเสิร์ฟของร้านมารอรับออเดอร์
“ไก่กระเทียมสองจานครับ” ผมสั่ง เพราะเห็นไอ้ภพมัวแต่ลังเลว่าจะกินอะไร
“หืม? มึงกินสองจานเลยหรอ?”
“ก็กูเห็นมึงตัดสินใจไม่ได้ กูก็เลยสั่งให้”
“แล้วรับน้ำอะไรดีครับ” เด็กเสิร์ฟคนนั้นถามต่อ
“เอาน้ำอัดลม แล้วก็น้ำแข็งสองแก้วครับ”
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูจะกินอะไร?” ไอ้ภพถาม
“กูเคยมากินที่ร้านนี้กับน้องมึง แล้วมันบอกว่า เวลาไปร้านอาหารตามสั่งกับมึง มึงชอบสั่งไก่กระเทียมตลอด แถมบังคับให้มันกินเหมือนมึงด้วย เพราะแม่ค้าจะได้ทำพร้อมกัน จะได้ไม่ต้องรอนาน”
ไอ้ภพเปลี่ยนสีหน้ากลับไปทำหน้านิ่ง ๆ
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ข้าวไก่กระเทียมของเราก็มาเสิร์ฟ ไอ้ภพตักข้าวใส่ปากแล้วบ่น
“รสชาติโคตรเลว!” มันพูดออกมาโดยที่มันไม่ได้สังเกตว่าป้าแม่ค้าอยู่ตรงนั้นด้วย ทำเอาผมแทบจะมุดโต๊ะหนี
“ถามจริง?” ป้าแม่ค้าร้องถาม ไอ้ภพหน้าแหย ต้องรีบขอโทษ
“เอ่อ ผมล้อเล่นครับ ที่จริงอร่อยครับ แต่เพื่อนผมมันปากไม่ดี ผมก็เลยพูดไปแบบนั้น” ไอ้ภพรีบแก้ตัว
“เมื่อก่อนก็เห็นมากินกันออกบ่อย จะมาบอกว่าไม่อร่อยอะไรตอนนี้”
“เอ่อ..” ไอ้ภพเอ๋อ
“ไม่ใช่ป้า คนละคนกัน” ผมรีบอธิบาย
“อ้าว ก็หน้าอย่างนี้ไม่ใช่หรอ?”
ขนาดป้าแม่ค้ายังเข้าใจผิดว่าไอ้ภพคือไอ้น้องภูเลย
“บ่อยเลยหรอ?” ไอ้ภพหันมาถามผม
“หืม?”
“มึงมาที่นี่กับน้องกูบ่อยเลยหรอ?”
“แล้วจะทำไมอ่ะ?”
“กูถามก็ตอบ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง”
“เออ!”
“มึงนี่แรดจริง ๆ”ผมวางช้อนข้าวลงด้วยความโมโห แล้วลุกไปจ่ายเงินทันที ป้าร้านข้าวรับเงินแล้วมองแบบงง ๆ
“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ จะไปไหน?”
ไอ้ภพรีบวิ่งตามมาและดึงแขนผมไว้
“มึงจะรีบไปไหน?”
“มึงต้องการอะไรวะ?” ผมตวาด
“มึงหมายความว่าไง?”
“ก็ที่มึงทำอยู่เนี่ย มึงต้องการอะไร มึงชวนกูมากินข้าว ชวนกูคุยเรื่องไอ้ภู แล้วก็มาด่ากูแบบนั้น มึงคิดอะไรอยู่กันแน่!?”
“กูขอโทษ กูแค่พูดไปอย่างงั้นเอง”
“พูดไปอย่างงั้น? เหอะ!” ผมพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะมันรู้สึกจุกไปหมด
“กูขอโทษ”
“ปล่อยกู! กูจะกลับแล้ว”
“ไม่!”
“ปล่อย!” ผมบอกแล้วสะบัดแขนแต่ไอ้ภพยังจับเอาไว้แน่น
“กูก็ขอโทษแล้วไง”
“ถ้างั้นก็ปล่อยกูซะทีสิ”
“ไม่ปล่อย กูยังไม่ได้กินข้าวเลย”
“พี่ครับ ๆ !” น้องเด็กเสิร์ฟวิ่งหน้าตั้งมาแล้วยื่นถุงข้าวมาให้ผมกับไอ้ภพ
“อะไรหรอครับ?” ไอ้ภพหันไปถาม
“ป้าเค้าเห็นว่าพี่ยังไม่ได้กินก็เลยให้ผมใส่กล่องมาให้”
ไอ้ภพรับมาแบบงง ๆ ระหว่างนั้นผมจึงสะบัดมือมันออกแล้วเดินหลบออกมา
“มึงจะไปไหนอ่ะ?”
“เรื่องของกู ไม่ต้องตามมาแล้ว”
“ไม่เอา ไปกินข้าวกับกูก่อน” ไอ้ภพบอกแล้วรีบดึงแขนผมไว้
“ไปให้มึงนั่งด่ากูแบบนั้นอีกหรอ?”
“กูก็ขอโทษไปแล้วไง”
“ที่ผ่านมามึงก็ทำเป็นอยู่แค่นี้ มึงอยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะทำอะไรก็ทำ แล้วมาขอโทษทีหลัง มึงไม่เคยนึกถึงใครเลย”
ไอ้ภพดึงผมเข้าไปกอด ยิ่งผมพยายามดิ้นมันก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น จนคนแถว ๆ นั้นเริ่มมองมา
“ปล่อย!”
“ถ้ามึงไม่หยุดพูดก็กูไม่ปล่อย”
“กูบอกให้ปล่อย! คนอื่นเค้ามองกันใหญ่แล้ว”
“สัญญาก่อนว่าจะไม่เดินหนีกูอีก”
“เออ!”
“บอกก่อนว่าไม่โกรธกูแล้ว”
“เออ! ปล่อยได้แล้ว!”
ไอ้ภพยอมคลายกอด ปล่อยผม แต่ยังจับแขนผมเอาไว้
“เลิกจับได้แล้ว”
“ไปที่สนามบอลกัน”
มันพาผมมานั่งที่อัฒจันทร์ตรงสนามฟุตบอล แล้วแกะข้าวกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทีเมื่อก่อน กูทำมึงเจ็บตัวไม่เห็นโกรธกูแบบนี้เลย” ไอ้ภพบอก ผมจึงศอกเข้าไปตรงข้างตัวมันทีนึง จนมันสำลักข้าวออกมา
“ถ้ามึงทำใครเจ็บตัวอ่ะ แป๊บเดียวก็หาย แต่ถ้ามึงทำให้ใครเสียความรู้สึก มันไม่ได้หายง่ายขนาดนั้น”
ผมแอบแปลกใจนิดนึงเพราะปกติแล้วมันก็คงสวนผมมาบ้างแล้ว แต่ตอนนี้กลับทำหน้าทะเล้นใส่ผม
"ด่าคนอื่นว่าแรดเนี่ยนะ ใครจะไม่โกรธวะ"
“ขอโทษ ฮ่า ๆๆ”
“มึงก็แปลก ทีตอนนั้นทำกูแทบพิการ ไม่เห็นจะขอโทษซักคำ”
ไอ้ภพนิ่ง ทำท่าครุ่นคิด
“ขอโทษไปแล้วนะ”
“ขอโทษตอนไหน?”
“ก็คืนนั้นไง ตอนที่มึง...” ไอ้ภพไม่พูดต่อ ทำให้ผมนึกขึ้นได้ ถึงเรื่องเมื่อคืนนั้น ที่มันจูบผม ผมคงโฟกัสเรื่องนี้มากไปจนลืมว่ามันขอโทษผมไปแล้ว
เราทั้งคู่นิ่งเงียบกันไปประมาณ 10 นาที ไม่มีใครพูดอะไร ผมเดาเอาว่ามันเองก็คงจะยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ที่นึกถึงเรื่องนั้น
“เอาส้มอีกป่ะ? เดี๋ยวกูไปเอามาให้”
“ไม่เอาแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อน้ำก่อนนะ ห้ามไปไหนด้วย” ไอ้ภพสั่ง
“อืม”
ระหว่างนั้น ในหัวผมสับสนไปหมด ผมรู้สึกดีที่ไอ้ภพทำตัวแบบนี้กับผม แต่ก็ยังข้องใจว่าอะไรทำให้มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เพียงแค่เราจูบกันเพียงครั้งเดียวในตอนนั้นจะเปลี่ยนมันได้ขนาดนี้เลยหรอ
ไอ้ภพกลับมาพร้อมกับน้ำและไอศกรีมที่ซื้อมา
“กูซื้อมาให้ ไถ่โทษ” มันบอกแล้วยื่นไอศกรีมให้ผม
“มึงเห็นกูห่วงกินหรอ เอาของกินมาล่อ”
“กูเห็นตอนไอ้ยักษ์ซื้อขนมให้มึงทีไรมึงก็ไม่เคยปฏิเสธนี่”
“งั้นกูไม่กินละ”
“มึงนี่งอนบ่อยไปแล้วนะ”
“กูไม่ได้งอนโว้ย!”
“ฮ่า ๆๆ”
ผมรับไอศกรีมจากมันมา ในใจก็คิดว่ามันแปลกไปจริง ๆ จนผมอดรนทนไม่ไหวถามมันออกไป
“มึงเป็นอะไรป่ะเนี่ย? ทำไมถึงมาทำดีกับกูแบบนี้?”
“เปล่านี่ ปกติกูก็เป็นแบบนี้”
“เหอะ! ไม่เห็นเหมือนกับตอนที่อยู่ค่ายเลย”
“ก็ตอนนั้นมึงชอบกวนตีนกู”
“ตอนนั้นมึงยังบอกว่าเกลียดกูไม่ใช่หรอ?”
“ส่วนมึงก็ยังพูดมากเหมือนเดิม” ไอ้ภพเปลี่ยนเรื่อง
“เออ นี่แหละกู ถ้ารำคาญก็ไม่ต้องมายุ่งกับกูสิ” ผมบอกแล้วลุกหนีมัน
“งอนอีกแล้ว มึงนี่ขี้งอนเนอะ”
“ไม่ได้งอน แต่มึงก็กินข้าวเสร็จแล้วนี่ กูจะกลับแล้ว”
“กูไม่ให้กลับ!” ไอ้ภพดึงมือผมเอาไว้
ผมนั่งลงตรงที่เดิมเหมือนโดนมนต์ให้ทำแบบนั้นอย่างขัดขืนไม่ได้
“กูขอโทษเรื่องเมื่อตอนนั้นนะ” ไอ้ภพบอก
“อืม”
“จริง ๆ ก็ใจหายนิด ๆ ตอนที่กลับมาที่ค่ายแล้วไม่เจอมึง”
“ทำไมอ่ะ”
“ไม่รู้สิ” ไอ้ภพบอกแล้วยักไหล่
“กูก็ไม่คิดว่าตอนนั้นมันจะเป็นหนักขนาดที่ต้องใส่เฝือก”
“กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บตัวนะ”
“เลิกขอโทษได้แล้ว ที่จริงกูก็ผิดที่ปากไม่ดี”
“ใช่!”
ผมถอนหายใจ
“บอกได้มั้ยว่าทำไมตอนนั้นมึงถึงโกรธกูขนาดนั้นอ่ะ?”
ไอ้ภพนิ่งครู่นึง
“มันเป็นเรื่องในครอบครัวกู”
“งั้นไม่อยากรู้ก็ได้”
“ไม่เป็น มันผ่านมาหลายปีแล้ว”
ไอ้ภพเล่าว่า เมื่อประมาณ สิบกว่าปีก่อน พ่อมันเจ้าชู้มาก จนแม่มันทนไม่ไหว การที่ผมไปแซวมันว่า “ลูกเมียน้อย” อาจไปสะกิดปมที่ทำให้แม่มันตรอมใจจนป่วย และเสียชีวิตไป มันจึงโกรธผมจนทำอะไรแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
“เหตุผลแค่นั้นหรอวะ?”
"หมายความว่าไง?"
"กูหมายถึง แค่กูแซวมึงว่าลูกเมียน้อย มึงถึงกับโกรธกูขนาดนั้นเลยหรอ?"
"ก็ตอนนั้นกูหงุดหงิดอยู่นี่"
"แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่โกรธกูแล้วล่ะ?"
ไอ้ภพเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางสายตาก็มองลงไปที่สนามฟุตบอลเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“ที่กูทำกับมึง มันเหมือนที่พ่อเคยทำไว้กับแม่กู”
“??”
“ที่กูทำร้ายมึง มันทำให้กูนึกถึงพ่อกูในตอนนั้น แล้วกูก็ไม่ชอบ”
"อืม"
"แต่คำที่มึงพูดตอนนั้นกูโคตรเกลียดเลย"
ผมหน้าชาด้วยความรู้สึกผิด และเสียใจกับเรื่องที่ไอ้ภพเล่าให้ฟัง การที่มันได้เห็นสิ่งที่พ่อมันทำกับแม่มันแบบนั้น คงเป็นความทรงจำที่เลวร้ายมากแน่นอน และผมก็ดันปากไม่ดีไปตอกย้ำปมความรู้สึกของมันโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็สมควรแล้วที่มันจะโกรธขนาดนั้น
“มึงโอเคมั้ย?” ผมถามเพราะเสียงมันสั่นเครือ
“เฮ้ย โอเค มันผ่านมานานแล้ว กูกับพ่อก็เคลียร์กันรู้เรื่องแล้ว”
“อืม”
“ที่จริงมีอีกเรื่องนึง แต่ยังไม่บอกดีกว่า เอาไว้เล่าวันหลัง”
“อ้าว ทำไมอ่ะ?”
“มึงจะได้ยอมมาคุยกับกูอีก” ไอ้ภพยิ้มแล้วยักคิ้วกวน ๆ
“งั้นกูไม่อยากรู้แล้วก็ได้”
“จริงหรอ? เรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้ภูนะ”
พอได้ยินแบบนั้นผมก็หูผึ่งทันที
"ทีอย่างงี้สนใจขึ้นมาทันทีเลยนะ" ไอ้ภพบอก
"แล้วตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง?"
"มันก็เหมือนเดิม ปกติ ช่วงนี้ใกล้เข้ามหาลัยแล้วก็เลยติวหนักหน่อย"
"แล้ว..."
"ถึงยังไงกูก็ไม่ให้มึงกลับไปคุยกับมันหรอกนะ!"
ผมถอนหายใจ ไอ้ภพเหมือนจะมองผมออกไปซะทุกเรื่อง
"กูแค่อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงเฉย ๆ"
"ที่จริงกูก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามมึงหรอกนะ ถ้ามึงอยากจะคุย..."
ไอ้ภพหยิบโทรศัพท์ของมันออกมาแล้วกดเบอร์น้องภู ยื่นมาให้ผม
ผมไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจไหม ทั้งที่ผมควรจะหยิบโทรศัพท์มันมาแล้วเมมเบอร์โทรน้องภูเอาไว้ แต่ผมกลับเลือกที่จะไม่ทำ
"ไหน ๆ ก็เลิกกันไปแล้ว กูควรจะตัดใจแล้วอยู่ห่าง ๆ มันตามที่มึงต้องการนั่นแหละดีแล้ว"
"กูให้โอกาสครั้งสุดท้ายนะ"
"มึงเคยบอกกูทำให้มันเดือดร้อน งั้นกูขออยู่ห่าง ๆ แบบนี้ดีกว่า แล้วก็..."
"แล้วก็...?" ไอ้ภพบอกพลางเก็บโทรศัพท์ของมันกลับคืนไป
"กูไม่อยากให้มึงเกลียดกูเหมือนเมื่อก่อน" ไอ้ภพนิ่ง แล้วหัวเราะเบา ๆ
"มึงชอบกูแล้วละสิ"
"เปล่า!"
"แน่ใจหรอ?"
"ก็เออนะสิ! ขนาดน้องมึงเป็นเกย์ มึงยังแอนตี้ซะขนาดนั้น กูไม่ชอบมึงให้เสียเวลาหรอก!" ผมรีบปฏิเสธ และมันเหมือนเป็นการตอกย้ำกับตัวเอง ว่าสิ่งที่ผมเผลอคิดไปมันไม่มีทางเป็นไปได้
"ก็จริง เพราะกูไม่ได้ชอบผู้ชาย" คำยืนยันจากปากไอ้ภพเหมือนตอกตะปูปิดฝาโลงให้กับความรู้สึกของผม
"กูต้องไปแล้ว ป่านนี้ไอ้ยักษ์คงรอแล้ว"
"พรุ่งนี้จะมาอีกมั้ย?"
"อาจจะไม่! ไม่รู้สิ ไม่ได้ดูตารางซ้อมของไอ้ยักษ์"
"ทำไมวะ ถ้าไม่มีไอ้ยักษ์มึงมาไม่ได้หรอ?"
"ถ้าไอ้ยักษ์ไม่ได้ซ้อม กูก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องมาไง"
"มาหากูไง"
นาทีนี้ผมอยากจะกลายร่างเป็นเดอะฮัล์ค แล้วเหวี่ยงไอ้ภพให้กระเด็น เพราะผมเริ่มหงุดหงิดที่มันปั่นหัวผมอยู่แบบนี้
<---o--->
ในคืนนั้น"เป็นอะไรวะ? ดูแปลก ๆ" ไอ้ยักษ์ถามผมที่กำลังนั่งเปิดหนังสือไปมาด้วยท่าทีเหม่อลอย
"เปล่า แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"ไปคุยกับไอ้ภพเป็นไงบ้างอ่ะ?"
"ก็ไม่ยังไง"
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว กูละหวั่นใจว่ามันจะทำมึงเจ็บตัวอีก"
"แล้วพรุ่งนี้ไปซ้อมกี่โมง?" ผมหันไปถามมันบ้าง
"พรุ่งนี้ไม่มีซ้อม"
"ห๊ะ?"
"กูบอกว่าพรุ่งนี้ไม่มีซ้อม" ไอ้ยักษ์บอกแล้วมองผมเหมือนตำรวจกำลังจับผิดคนร้าย
ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นคนที่ดูออกง่ายมากขนาดนั้นเลยหรือ เพราะเวลาที่อยู่ต่อหน้ามัน ผมไม่สามารถโกหกมันได้เลย หรือด้วยความที่เราสนิทกันมากจนรู้ไส้รู้พุงกันไปหมดทุกอย่างก็ไม่รู้
"แต่ที่จริงพรุ่งนี้กูจะไปซ้อมว่ายน้ำ มึงจะไปด้วยก็ได้นะ"
"อืม"
"แล้วไอ้ภพมันมาซ้อมกีฬาอะไรหรอ" ไอ้ยักษ์ถามแบบไม่ได้ใส่ใจคำตอบสักเท่าไหร่
"ฟุตบอล"
ระหว่างนั้น เสียงเตือน วิดีโอคอล ของโปรแกรม "สไกป์" ในโน๊ตบุคผมก็ดังขึ้น
ไอ้แซค...
"ไอ้โซ่วววว!"
"ว่ายังไง"
"ปิดเทอมยัง?"
"อีกสองอาทิตย์ แล้วมึงอ่ะ?"
"ของกูปิดมาอาทิตย์นึงแล้ว"
"ดีจัง กูเพิ่งสอบเสร็จ ต้องรอกีฬามหาลัยจบถึงจะได้หยุด"
"งั้นช่วงปีใหม่มึงก็ว่างใช่มั้ย?"
"เออ"
"เดี๋ยวกูกลับไปหา"
"ห๊ะ? จริงดิ!"
"กูซื้อตั๋วเรียบร้อบแล้ว" ไอ้แซคบอกแล้วโชว์ตั๋วเครื่องบินให้ผมดู
ก่อนหน้านี้ ผมยังไม่เคยพูดถึงครอบครัวของผมมาก่อน เพราะคิดว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดถึงสักเท่าไหร่
“ไอ้แซค” เป็นพี่ชายฝาแฝดของผม เราถูกจับแยกกัน เพราะพ่อกับแม่ของเราแยกทางกันตอนผมอยู่ม.3 ผมอาศัยอยู่กับพ่อและพี่ชายอีกหนึ่งคน (พี่ชายคนโต ชื่อพี่แวน) ส่วนไอ้แซคต้องย้ายไปอยู่กับแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น สมัยที่ยังเด็ก ๆ เราสนิทกันมาก และเรียกได้ว่าเป็นตัวแสบประจำบ้านกันทั้งคู่
ผมยังจำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง ไอ้แซคทำความผิด และจะโดนพ่อตีด้วยไม้เรียว ผมกับมันก็จะถอดเสื้อ แล้ววิ่งวน สลับกันไปมา ตอนนั้นหน้าตาเราเหมือนกันจนบางทีพ่อกับแม่ก็ยังสับสน ผลคือ โดนตีกันทั้งคู่
เราได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อปีก่อนตอนงานศพของพ่อ แต่เราก็ติดต่อกันมาตลอด บางทีมันว่าง ๆ ก็มานั่งคุยกันผ่านโปรแกรมสไกป์แบบนี้ประจำ
"พี่แซค หวัดดี" ไอ้ยักษ์โผล่หน้าเข้ามาทักทายไอ้แซค
"เออ ไอ้ยักษ์มึงดูแลน้องกูดีเปล่า?"
"โคตรดีเลยพี่"
"ไม่จริงอ่ะ กูเกือบพิการ" ผมหลุดปากพูดออกไป ไอ้ยักษ์มองหน้าผมแบบเหวอ ๆ
"อะไรนะ?"
"กูล้อเล่นน่ะ ฮ่า ๆๆ"
ผมลืมนึกไปว่าไม่อยากให้ไอ้แซครู้เรื่องที่ผมบาดเจ็บ ผมไม่อยากให้มันเป็นห่วง แล้วก็ไม่อยากให้มันว่าไอ้ยักษ์ไม่ดูแลผมด้วย...
"ดูแลน้องกูดี ๆ นะ เดี๋ยวมีของดีให้" ไอ้แซคบอกแล้วยักคิ้วเป็นการรู้กันกับไอ้ยักษ์
"อะไรวะ?"
"ไม่บอก กูรู้กันแค่สองคน" ไอ้ยักษ์รีบบอก
ไอ้ยักษ์รู้จักกับพี่ผมมาตั้งแต่เราสนิทกัน แรก ๆ มันก็ตกใจที่รู้ว่าผมมีฝาแฝดอีกหนึ่งคน ไอ้แซคเองก็ดูจะไว้วางใจในตัวไอ้ยักษ์ไม่น้อย ถึงฝากฝังมันให้คอยช่วยเหลือผมอยู่เป็นประจำ
เราคุยกันต่อจนเกือบชั่วโมง ไอ้แซคก็วางสายไป พร้อมกับกำหนดวันเวลาว่าอีก 1 อาทิตย์มันจะมาหาผม
ซึ่งเป็นช่วงนั้นไอ้ยักษ์ก็ต้องกลับบ้านที่ภูเก็ตพอดี ส่วนผม หลังจากพ่อเสียไป ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเลย เพราะกลับไปก็อยู่คนเดียวอยู่ดี
<----O<<::::::======[ จบตอน ]======::::::>>O---->
สวัสดีวันจันทร์ พร้อมแปะรูปดอกไม้ 555
ไหน ใครหงุดหงิดไอ้ภพ มากองรวมกันตรงนี้
รอก่อนเถ๊อะ จะฟ้องไอ้แซคแม่ม! โดนแน่ 555