ตอนที่ 25 : ทำเพื่อรัก
-ผ้าใบ-
พี่ไปไมได้แล้ว พ่อพี่ให้ไปทำธุระด้วย พี่เลี่ยงไม่ได้ ขอโทษนะ ผมอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาก่อนพิมพ์ตอบกลับไป
ไม่เป็นไรครับ พี่คีรีตามสบายเลย อย่าคิดมาก ผมโอเค ผมถอนใจเฮือกใหญ่ ทำได้แค่เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง นั่งมองพื้นน้ำกว้างๆ ที่อยู่ตรงหน้า พี่คีรีนัดผมที่สวนการะเกด กะว่าจะมานั่งเล่นเพลินๆ แล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน เป็นอันพับโปรแกรมเข้ากระเป๋า แต่ผมเข้าใจดี พักนี้พ่อของพี่คีรีคงจับตาลูกชายเป็นพิเศษ วันอาทิตย์แบบนี้ไม่มีเหตุผลอื่นให้ออกจากบ้านมา
“ตรงนี้ว่างหรือเปล่า” ผมเงยหน้าขึ้นมอง คุณลุงในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอกสีสบายตายืนนิ่งรอคำตอบ ผมพยักหน้า
“เชิญเลยครับ” ผมขยับออกห่างเล็กน้อย คุณลุงไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกับผม แต่นั่งตัวอยู่ติดกัน ผมนั่งมองน้ำนิ่งๆ ก่อนถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“มีเรื่องไม่สบายใจอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ?” ผมหันไปมองคุณลุง ก่อนพยักหน้าเมื่อมั่นใจว่าท่านพูดกับผม “นิดหน่อยครับ”
“อายุเท่านี้คงกำลังเรียนอยู่ เรื่องเรียนใช่ไหม”
“แหะๆ ไม่ใช่ครับ เรื่องความรัก”
“ทะเลาะกับแฟนเหรอ”
“เปล่าครับ”
“ถ้าไม่เห็นว่าลุงยุ่งไม่เข้าเรื่องอยากได้คนคุยไหมเผื่อจะสบายใจขึ้น ลุงอาบน้ำร้อนมาก่อน อาจจะให้คำปรึกษาเราได้นะ”
“ขอบคุณมากครับคุณลุง แต่เรื่องของผมมันเล่าลำบากนิด”
“ว่ามาสิ ลุงมีเวลาฟัง”
“อืม..” ผมชั่งใจว่าจะเล่าให้คุณลุงแปลกหน้าฟังดีไหม แต่เพราะสภาพจิตใจที่มันแย่อยู่แล้ว ผมจึงตัดสินใจเล่าออกไป
“ที่บ้านแฟนผมไม่อยากให้คบกันครับ”
“บอกเหตุผลไหม”
“เพราะความแตกต่างครับ เพราะเราต่างกันมากเกินไป” สายตาของผมเศร้าสร้อย แต่เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่มองมา ผมจึงรีบปรับสีหน้ากลับมายิ้ม
“บ้านแฟนผมฐานะดี ท่านเลยอยากให้ลูกคบกับคนที่เท่าเทียมกัน คนที่ดีกว่าผม”
“เกลียดพ่อแม่ของแฟนหรือเปล่า” ผมยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่หรอกครับ รู้สึกผิดมากกว่า”
“รู้สึกผิด?” ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าในแววตาของคุณลุงเหมือนท่านแปลกใจ
“ครับ ผมรู้ว่าท่านคงลำบากใจเรื่องผม ต้องทำให้พ่อลูกทะเลาะกันมันไม่ดีเลยนะครับ”
“แล้วเราจะเอายังไง คิดไว้หรือเปล่า”
“ผมบอกแฟนไปแล้วว่าเราเลิกกันดีกว่า แต่เขาไม่ยอม”
“เขา?”
“ครับ แฟนผมเป็นผู้ชาย” ผมตัดสินใจบอกออกไป ไม่รู้คุณลุงจะรับได้หรือเปล่า
“เล่าต่อสิ”
“พี่คีรีอยากพยายามดูก่อน แต่ผมว่าพี่คีรีพยายามมามากพอแล้ว ผมคิดว่าเราเลิกกันน่าจะดีที่สุด”
“ทำไมตัดสินใจง่ายนัก ไม่รักแฟนเราเหรอ”
“ถ้าไม่ยอมสิครับถึงจะไม่รัก”
“หมายความว่ายังไง”
“ไม่มีใครอยากให้คนที่รักไม่มีความสุขหรอกครับ ผมไม่อยากให้พี่คีรีทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่อยากให้เครียดแบบที่เป็นอยู่ ถ้าพ่อแม่เสียใจคนที่เสียใจที่สุดคงเป็นพี่คีรี ดังนั้นผมถึงยอมถอยแต่โดยดี ถ้าเป็นคุณลุง คุณลุงไม่อยากให้คนที่คุณลุงรักมีความสุขเหรอครับ ถ้าเรารักใครจริงเราคงไม่อยากเห็นเขาเสียใจ”
“อืม นั่นสิ” ดูเหมือนคุณลุงกำลังคิดอะไรบางอย่าง เพราะสายตาของคุณลุงเหม่อมองไปข้างหน้า
“ผมเชื่อนะครับ เชื่อว่าในโลกใบนี้ต้องมีอีกแน่ๆ คนที่พี่คีรีจะรักได้เท่ากับผม คนที่พ่อแม่ยอมรับ คนดีๆ ยังมีอีกเป็นล้าน แต่พ่อแม่เราหาใครมาทดแทนไม่ได้หรอกครับ ผมเองก็หวังว่าสักวันผมจะเจอคนที่ผมรักได้มากเท่าพี่คีรี” ผมยกแขนขึ้นปาดน้ำตา ไม่รู้ว่ามันไหลออกมาตอนไหน ผมหันไปส่งยิ้มให้กับคุณลุง “ผมต้องเจอแน่ๆ ครับ พี่คีรีก็เหมือนกัน” คุณลุงมองหน้าผมเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรดี สายตาที่มองอ่อนโยนลง
“ก็อย่าเพิ่งรีบร้อน แฟนเราบอกว่าจะพยายามไม่ใช่เหรอให้โอกาสเขาก่อน”
“ครับ ผมก็กำลังทำอยู่”
“ดีแล้ว”
“แล้วนี่ไปรู้จักกันได้ยังไง ไหนบอกลุงว่าฐานะต่างกันมาก”
“ฮ่าๆ เรื่องมันยาวมากเลยครับ”
“ไหนๆ ก็คุยกันมาขนาดนี้ เล่ามาลุงอยากฟัง”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” ผมส่งยิ้มให้คุณลุง รู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด
“ไม่น่าเชื่อว่าผมคุยกับคุณลุงนานขนาดนี้ เพลินมากเลยครับ นี่ถ้าผมเพ้อๆ หน่อยจะนึกว่าคุณลุงเป็นพ่อพี่คีรี แบบในละคร บังเอิญเจอกัน ได้คุยกันแล้วเรื่องทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาซะอย่างนั้น” ผมมองไปที่ผืนน้ำข้างหน้า ก่อนยิ้มออกมาน้อยๆ ด้วยความขำตัวเอง “แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญแบบนั้นหรอกใช่ไหมครับ อีกอย่างผมไม่ได้ช่วยคุณลุงด้วย ไม่มีฉากประทับใจเหมือนในหนัง”
“ใช่ ไม่มีความบังเอิญ”
“ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเลือกคู่ชีวิตจากอะไร เงินทอง ชื่อเสียง ความสะดวกสบาย หน้าตาทางสังคม แต่ผมขอเลือกคนที่ผมมั่นใจว่าต่อให้ผมล้ม ถูกกระทืบ หมดเนื้อหมดตัว คนๆ นี้จะอยู่อยู่เคียงข้างผมไม่ไปไหน คนที่ผมไว้ใจได้ อุ่นใจได้ คนที่ทำให้ผมยิ้มได้ คนที่ทำให้ผมสงสัยว่าทำไมผมถึงรักเขาได้มากขนาดนี้ สำหรับผมขอแค่นั้นก็พอครับพ่อ”
“พ่อครับ ผมขอแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวจริงๆ พ่อให้โอกาสผ้าใบได้ไหมครับ ลองคุยกับผ้าใบสักครั้งแล้วพ่อจะรู้ว่าทำไมผมถึงรัก ถึงอยากใช้ชีวิตกับผ้าใบ ผมเชื่อว่าพ่อมองคนออก ผมเชื่อในความคิดของพ่อ” “คุณลุงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมเห็นคุณลุงเงียบไปนานจึงทักขึ้น
“ไม่มีอะไร ลุงแค่คิดถึงเรื่องที่คุยกับลูกชายน่ะ ฟังเรื่องของผ้าใบเลยคิดถึง”
“ลูกชายลุงต้องเป็นคนดีมากๆ แน่เลยครับ”
“หึๆ ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“ก็มีพ่อเป็นคนใจดีขนาดนี้นี่ครับ ช่วยรับฟังผม ให้เวลากับผม เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมากๆ”
“ไม่หรอก ลุงว่าลูกลุงดีกว่าลุงเยอะ อย่างน้อยก็ฉลาดกว่า”
“แสดงว่าลูกของลุงต้องเรียนเก่งมากๆ ใช่ไหมครับ น่าอิจฉา ผมเรียนคาบเส้นคาบดอกมาตลอด เพราะต้องทำงานไปด้วย” ผมยิ้มถึงชีวิตมันจะลำบากแต่มันก็ไม่ได้แย่
“แต่ชีวิตข้างนอกมันก็สอนประสบการณ์ที่ดีให้เราใช่ไหม ในแบบที่หาไมได้ในมหาลัย”
“ใช่ครับ ชีวิตมันสอนให้ผมรู้ว่าบางอย่างก็ต้องปล่อยมันไป เราทำได้แค่ทำในส่วนของเราให้เต็มที่ ไม่มีอะไรที่เรากำหนดเองได้ ทุกอย่างมีองค์ประกอบ แม้แต่เรื่องของความรัก”
“เชื่อลุงสิ พรุ่งนี้มันต้องดีกว่าวันนี้แน่“
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้
“สายแล้วลุงกลับล่ะ เจอแดดมากวัยนี้จะเป็นลมเป็นแล้งเอา”
“ครับ แล้วนี่ลุงมายังไงครับ”
“ลูกชายมาส่งแต่เดี๋ยวจะกลับรถเมล์”
“งั้นผมไปส่งลุงดีกว่า แต่เป็นมอเตอร์ไซด์นะครับ”
“เอางั้นเหรอ ลุงเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับผมว่าง ไปส่งลุงได้สบาย”
“งั้นลุงรบกวนด้วย”
“เต็มใจครับลุง”
“นี่ครับ” ผมยื่นหมวกกันน็อคให้คุณลุง ผมเห็นคุณลุงหยิบไปมองๆ เหมือนไม่แน่ใจ หรือลุงจะกลัวผมพาซิ่ง อาจไม่แน่ใจเด็กวัยผมขี่รถ
“ลุงสบายใจได้ครับ ผมขี่ไม่ซิ่ง ไม่ฉวัดเฉวียน เดี๋ยวพากินลมชมวิวไปเพลินๆ”
“ฮ่าๆ ขอบใจ”
“ลุงอยู่แถวไหนครับผมจะได้ไปส่งถูก”
“ลุงว่าจะแวะไปวัดหน่อย อยากกราบพระท่าน”
“แถวนี้มีหลายวัดเลยครับ เดี๋ยวผมพาไป ผมไปไหว้พระกับลุงด้วยได้ไหมครับ”
“ไม่รบกวนเราแน่นะ”
“ไม่ครับ วันนี้ผมว่างไม่มีนัดแล้ว คุณลุงเอาเสื้อคลุมผมไปใส่ก่อน แดดเริ่มแรง ตัวนี้ผมเพิ่งซักมาใหม่”
“ขอบใจ”
ผมรอให้คุณลุงขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วจึงออกรถแบบนุ่มนวล ไปไหว้พระก็ดีเหมือนกัน เผื่อจิตใจผมจะสงบขึ้นบ้าง
-คีรี-
ผมนั่งมองออกไปนอกร้านกาแฟสลับกับมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ เวลาผ่านไปนานจนผมเริ่มกังวล หลายชั่วโมงแล้วทำไมพ่อผมถึงไม่ติดต่อกลับมาให้ไปรับ เกิดอะไรขึ้น!
ผมกดโทรศัพท์โทรหาพ่อหลายครั้ง จนข้อความหนึ่งดังเตือนขึ้นมา
“ไม่ต้องรอ ไหว้พระอยู่กับลูกชาย”✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
มองตาปริบๆ อย่าเม้นต์ว่าสั้นเลยน้า เค้าใจแป้ว >< มันเป็นส่วนหนึ่งของตอนที่แล้ว ต้องตัดแยกจากตอนหน้าค่า
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin