ตอนที่ 30
“สวัสดีค่าน้องแฟน แหม พาหนุ่มมาทำหล่อเพื่องานพรุ่งนี้เหรอคะ”
ช่างตัดผมร้านดังเอ่ยทักทายลูกค้าประจำด้วยความสนิทสนม ขณะสายตาวิบวับจับจ้องไปยังคนที่เคียงข้างมาด้วยกันไม่วางตา
ภายนอกหินเป็นผู้ชายรูปร่างสูง กล้ามเนื้อแน่นทำให้คนมองรับรู้ได้แม้มีเสื้อผ้าปกปิด ผิวสีแทนยิ่งขลับให้เจ้าตัวดูฮอตขึ้นอีกระดับ ใบหน้าซึ่งแม้ไม่ได้หล่อจัดแต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดน่าค้นหา
โดยรวมแล้วผู้ชายคนนี้สามารถเรียกน้ำลายได้จากเก้ง กวาง บ่าง ชะนี ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
“ครับ เอาให้คนสงสัยไปเลยว่านายแบบที่ไหนมาร่วมงาน” แฟนเย้าอีกฝ่ายกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“วรั๊ย ไม่ต้องตัดผมเสริมหล่อคนก็คิดว่าเป็นนายแบบอยู่แล้วค่ะ กล้ามแน่น หุ่นดี หน้าเข้มขนาดนี้”
คนถูกชมซึ่งๆ หน้าได้แต่ยิ้มรับ แม้จะไม่ชินกับสายตาของช่างตัดผมที่ตัวเป็นชายแต่ใจและภายนอกเป็นหญิงคนนี้นักแต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดอะไร
“ให้แทะโลมทางสายตาได้ แต่มากกว่านั้นไม่ได้นะ คนนี้แฟนหวง”
แขนเรียวยกขึ้นคล้องกับแขนของคนข้างตัว แสร้งพูดและแสดงท่าทางเป็นเจ้าของเพื่อกระเซ้าคนที่มองหินตาวาว
“ให้พี่ได้มองเป็นอาหารตาหน่อยเถอะค่ะ ถึงอยากจะแย่งแค่ไหนก็คงสู้ไม่ไหว น้องพี่สวยขนาดนี้”
“พี่เจมมี่ก็ชมเกินไป”
เสียงหัวเราะจากโซนของแขกวีไอพีดังก้องจนลูกค้าคนอื่นเหลือบมอง แม้แต่หินเองยังหลุดยิ้ม จากนั้นทั้งสามจึงคุยเรื่องรายละเอียดการทำผมกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนแฟนและหินจะต้องขึ้นเขียง เตรียมตัวสำหรับงานวันพรุ่งนี้
“ตายๆๆ ใครจะหวงใครกันคะเนี้ย คนนึงก็สวย อีกคนก็ฮอตขึ้นเป็นกอง”
แฟนเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างกันผ่านทางกระจก ผมซึ่งสั้นขึ้นของหินถูกเซ็ตเป็นทรงทำให้ใบหน้าอีกคนดูคร้ามคมกว่าเคย เมื่อกรอบหน้าโล่งขึ้นก็ราวกับมองเห็นบางอย่างในดวงตาคู่นั้นได้ดีกว่าเดิม
บางอย่างซึ่งทอความหยอกเย้าระคนเจ้าเล่ห์ และมันส่งผลให้คนมองใจเต้นจนต้องเรียกสติตัวเองด้วยการกระแอมไอ
“แค่ตัดผมกันเองครับ”
“ใครว่าคิ้วเป็นมงกุฎของหน้า ทรงผมต่างหากล่ะคะ แค่เปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว”
“แฟนกับพี่หินก็แค่ดูแปลกตาไปหน่อยเท่านั้นเอง พอแล้วครับ ไม่เม้าส์กับพี่เจมมี่แล้ว เดี๋ยวแฟนมีธุระต้องไปต่อ”
ร่างเล็กหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนหินจะลุกตามแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างกัน
ภาพที่ยิ่งทำให้คนเนรมิตลุคใหม่ให้ทั้งสองระบายยิ้ม
ช่างเข้ากันจริงๆ
“ว้า เสียดายจังที่คนหล่อจะจากพี่ไปแล้ว ไว้พามาตัดผมร้านพี่บ่อยๆ นะคะ หน้าแบบนี้ถ้าสกินเฮดรับร้องชะนีตายตรึม”
“งั้นแฟนไม่ให้ตัดหรอก” แฟนทำปากยื่นยามเอ่ยตอบทันควัน
“ขี้หวงจริงเชียว”
ช่างตัดผมเอ่ยพูดพร้อมทั้งหลุดหัวเราะเพราะเข้าใจดีว่าทำไมแฟนจึงหวงหนุ่มน่ากินตรงหน้านี้นัก
เป็นใครก็คงต้องหวงล่ะนะ...และเป็นใครก็คงต้องหวงร่างบางแสนสวยชนิดที่ผู้หญิงยังอายด้วยเช่นเดียวกัน
ดูได้จากสายตาเข้มๆ ที่ส่งไปยังคนแอบมองแฟน
“ไปตัดผมแล้ว เสื้อผ้าได้แล้ว รองเท้าได้แล้ว นาฬิกาได้แล้ว...ครบหรือยังนะ”
“ครบเถอะ”
หินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายอย่างไม่อาจปกปิด ตลอดทั้งวันคนข้างตัวพาไปจัดการนู้นนี่นั่นจนเวลาล่วงเลยถึงมืดค่ำ มีเวลาได้พักเพียงแค่ช่วงกินข้าวเที่ยงและนั่งรอในแต่ละร้านเท่านั้น
“เหนื่อยแล้วเหรอ ไหนบอกว่าตัวเองอึดไง” คนพูดยกยิ้มพร้อมทั้งยักคิ้วข่ม
หากอยู่ด้วยกันในพื้นที่ส่วนตัวคงไม่พ้นว่าหินจะพิสูจน์
ความอึดของตัวเองให้อีกฝ่ายดู เพราะแฟนคงจะลืมเลือนเรื่องเมื่อวันก่อนตอนที่เจ้าตัวเมาไป
“ขาเป๋นี่หายดีแล้ว?” เพียงเท่านั้นท่าทางเหนือกว่าก็พลิกกลับกลายเป็นฝ่ายตัวเล็กลง
เพราะความขี้ยั่วยามไร้การควบคุมของตัวเองแท้ๆ ที่ทำให้เช้าวันต่อมาแทบต้องลากขาไปทำงาน แม้วันนี้อาการจะดีขึ้นแล้วแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกล้าอยู่ไม่น้อย
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้เลย ครบก็ครบ เสร็จแล้วงั้นไปทานข้าวกัน คราวนี้กูตามใจมึง อยากกินอะไร?”
“สะ...”
“ส้มตำ” คนกำลังจะอ้าปากตอบถูกแฟนเอ่ยแทรกขึ้น “ถูกไหม”
“แน่นอน”
ใบหน้าสวยส่ายไปมาเบาๆ กับความกินอะไรไม่กี่อย่างของหิน ทว่าก็ไม่คิดขัดเพราะตัวเองก็ชอบกินส้มตำไม่แพ้กัน
แขนเรียวจึงยกขึ้นคล้องแขนคนที่ถือถุงของเต็มไม้เต็มมือ จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่ร้านส้มตำในห้างซึ่งหินเคยออกปากว่าอร่อย
--
“ใครส่งสายตาก็ห้ามมองกลับ ห้ามมองใครในงานนอกจากกู”
คนขี้หวงเอ่ยบอกเมื่อมองร่างสูงที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดมุ่น
เป็นความผิดของแฟนเองที่เลือกชุดแบบนี้ให้กับหินเพราะเมื่ออีกฝ่ายสวมใส่พร้อมทั้งเซตผมพอประมาณ เท่านั้นก็ส่งผลร่างสูงดูดีจนอยากเปลี่ยนใจไม่ให้ไปร่วมงานกะทันหัน
สูทซึ่งไม่เป็นทางการนักสีดำสนิทมีเพียงกระดุมสองเม็ด นั่นหมายความว่าในส่วนของด้านบนจะปรากฏให้เห็นอกแกร่งตามรอยแยก ส่วนข้างล่างหากขยับตัวโดยไม่ระวังก็จะได้เห็นกล้ามหน้าท้องแบบวับๆ แวมๆ
ตอนเลือกชุดนี้คิดเพียงแค่อยากให้หินไม่น้อยหน้าคนอื่น ตอนลองก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวลมากมาย แต่วันนี้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น
หินดูดี ดูหล่อ อาจเพราะทรงผมที่เพิ่งตัดมาใหม่ แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรแฟนก็หวงทั้งนั้น
“บริกรก็ไม่ได้เลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเย้า ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี
ชุดนี้แฟนเป็นคนเลือกให้แต่กลับหวงขึ้นมาเองซะงั้น
“จะยกเว้นให้ก็ได้ แต่คนอื่นไม่ได้”
“บอกตัวเองเถอะ กูให้ใส่ชุดนี้ได้ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว” คนขี้หวงไม่แพ้กันยกมือขึ้นไล้ลำคอของแฟนแผ่วเบา บ่งบอกให้รู้ว่าหวงเพราะตรงไหน
สาปเสื้อของแฟนเป็นแบบทับกันซ้ายขวา และเป็นการทับที่ต่ำกว่าปกติบริเวณคอเสื้อจึงมีร่องลึกปรากฏให้เห็นแผ่นอกขาวบางส่วน เพียงเท่านั้นก็มากพอที่จะให้คนมองจินตนาการต่อไปไกล และเพียงเท่านั้นก็มากพอจะให้เจ้าของร่างนี้รู้สึกหวง
“ของกูไม่ได้ครึ่งมึงเลยสักนิด”
“ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เท่าไหร่กูก็หวง...กูไม่สนใจใครอยู่แล้วไม่ต้องห่วง มึงต่างหากที่อย่าสนใจใครและอย่าให้ใครมาสนใจ”
คนพูดเอ่ยด้วยท่าทางเรียบเรื่อยคล้ายกับไม่ได้ติดอะไรมากมาย หากแต่ดวงตากลับวาวโรจน์ขึ้นมาแวบหนึ่ง ทั้งยังทอความจริงจังแตกต่างจากน้ำเสียงลิบลับ
ทว่าท่าทางนั้นทำให้คนที่ถูกหวงใจเต้นด้วยความเป็นปลื้ม หินไม่ค่อยแสดงความรู้สึกหวงแหนมากนักแม้จะรู้ว่ามีคนขยันทักแชทเฟซและไลน์มาจีบบ่อยครั้ง คราวนี้เมื่ออีกคนแสดงออกมาบ้างจึงอดดีใจไม่ได้
การถูกหึงถูกหวงมันให้ความรู้สึกว่าเราเป็นคนพิเศษและสำคัญสำหรับคนนั้น
“หวงกูด้วยเหรอ”
“ในเมื่อมึงหวงกูได้แล้วทำไมกูจะหวงมึงบ้างไม่ได้ เป็นเมียกูไม่ใช่หรือไง”
คนฟังใจเต้นยิ่งกว่าเดิมยามหินยอมรับทั้งยังเอ่ยคำว่าเมียตอกย้ำสถานะ เมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงไอร้อนตรงสองข้างแก้มจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
ร่างเล็กคว้ากระเป๋าไม่มีสายที่เตรียมเอาไว้แล้วติดมือมา จากนั้นจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องแต่งตัวไปโดยไม่รีรอ
หินยกยิ้มกับท่าทางของแฟนเล็กน้อยก่อนวินาทีต่อมารอยยิ้มจะหุบลงเป็นใบหน้าเรียบนิ่ง
ขอให้ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องหัวร้อน...โดยเฉพาะเจ้าของงานที่เป็นรุ่นพี่หน้าอ่อนของแฟนคนนั้น
มาเซราติคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดนิ่งตรงตำแหน่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้สำหรับแขกวีไอพี รถแต่ละคันล้วนหรูหราและราคาสูงลิ่วจนหินเข้าใจในสิ่งที่แม่พูดอย่างแจ่มชัด
เมื่อประตูรถถูกเปิดออกแล้วก้าวเท้าลงมา แฟนก็จัดความเรียบร้อยของชุดตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะยืนรอให้หินเดินอ้อมมาหา ทว่าเสียงเปิดประตูจากรถคันข้างๆ กลับดังขึ้นให้ต้องหันไปมอง
“พี่คอร์ส”
หินคงไม่คิ้วกระตุกหากการเอ่ยเรียกที่หลุดออกจากปากของแฟนนั้นไม่เจือไปด้วยความสนิทสนม อีกทั้งคนถูกเรียกยังหันมาหาด้วยรอยยิ้มพราย จะเบือนสายตามามองกันราวกับสำรวจอะไรบางอย่างแล้วแสยะยิ้ม
“มางานนี้เหมือนกันเหรอเรา”
เสียงสัญญาณล็อกรถสปอร์ตคาร์สัญชาติอิตาลีดังขึ้นไม่กี่ครั้ง จากนั้นร่างสูงเพรียวจึงเดินอ้อมมาหาแฟน ขณะที่หินยังยืนนิ่งอยู่อีกฝั่ง
“ครับ แล้วนี่มากับใคร”
“คนโสดก็ต้องมาคนเดียวสิ” ฝ่ายนั้นพูดทั้งยังหัวเราะน้อยๆ ด้วยท่าทางน่ามอง
คนชื่อคอร์สอะไรนี่มีความแตกต่างกับพี่กรณ์ของแฟนอยู่มาก คนหนึ่งดูสุภาพแต่อีกคนดูคูล สังเกตได้จากชุดและท่าทางที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง
“แล้วเราล่ะมากับใคร”
“มากับแฟน”
ใบหน้าสวยหันไปมองคนด้านหลัง คนถูกพูดถึงจึงก้าวอ้อมท้ายรถมาหยุดอยู่เคียงข้างแฟน ยืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายอย่างเหมาะเจาะ
สองสายตาสบประสานกันด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่คนรู้จักของแฟน หินรับรู้ได้ในทันที
“พี่คอร์สนี่พี่หิน แฟนของแฟน...ส่วนพี่หิน นี่พี่คอร์ส” แฟนแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“เป็นแฟนคนแรกของแฟนครับ”
คนพูดพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรขณะที่คนฟังนิ่งงันไปชั่ววินาที ก่อนรอยยิ้มซึ่งเป็นหน้ากากชั้นดีจะถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อสู้อีกฝ่ายกลับ
คิดจะปั่นหัวเขาเหรอ...โจ่งแจ้งไปหน่อยนะ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
หินตอบกลับเพียงเท่านั้น ยามบุคคลซึ่งอยู่ตรงกลางอย่างแฟนหน้าซีดเผือด แม้หินจะพูดด้วยรอยยิ้มแต่ขนอ่อนในกายกลับลุกชัน พะวงกับการแนะนำสถานะของพี่คอร์สจนอยากอธิบายให้อีกคนฟังเดี๋ยวนี้
“รสนิยมยังดีเหมือนเคยนะเรา” คอร์สหันไปพูดกับแฟนคล้ายกับเอ่ยแซว
“เรื่องนี้ผมเห็นด้วย...ทั้งยังดีขึ้น
กว่าเดิม” คำว่ากว่าเดิมถูกเน้นหนัก จงใจให้คนฟังรู้ว่าหมายถึงอะไร
หน้ากากแห่งรอยยิ้มยังคงถูกสวมใส่อยู่เช่นเดิม แต่คำพูดเริ่มสวนทางกับสิ่งที่อีกฝ่ายได้เห็น
แฟนเหลือบมองคนที่พูดประโยคนั้นออกไปแทนตัวเองที่กำลังจะพูด ในใจเกิดความปรีติเล็กน้อยเพราะราวกับว่าหินกำลังหวง ทว่าเมื่อมองเห็นกระแสบางอย่างในดวงตาคมแล้วกลับรู้สึกวูบโหวงได้มากกว่า
หินกำลังหงุดหงิด ไม่พอใจอย่างรุนแรง
“ฮ่ะๆ นั่นสินะครับ คนต่อไปก็คงยิ่งดีกว่าเดิมไปอีก” อีกคนตอบกลับได้ไม่แพ้กัน
“ไม่มีดีไปกว่านี้หรอกเพราะคงไม่มีคนต่อไป...ยังไงผมกับแฟนขอตัวก่อนนะครับ อยู่ดีๆ ก็อยากเข้าห้องน้ำไปปล่อย
ของเสียออกจากร่างกายซะงั้น”
“...”
“หวังว่าเราจะ...พบกันในงาน”
จังหวะซึ่งถูกเว้นว่างถูกเปล่งคำออกไปโดยไม่มีเสียง แม้มันจะรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาทีแต่คอร์สกลับอ่านออกได้ชัดเจนว่าหินพูดว่าไม่ในจังหวะนั้น
หวังว่าเราจะไม่พบกันในงานชายหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอดยามมองตามหลังของคนทั้งสองไปจนลับสายตา
“ห้ามโกรธกูนะ” ร่างเล็กโถมตัวเข้ากอดอีกคนทันทีที่เข้ามาในลิฟต์พลางรีบเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ทำไมคิดว่ากูจะโกรธ” หินพูดคล้ายกับไม่มีความขุ่นเคืองใดๆ ทว่าร่างสูงกลับยืนนิ่ง ไม่ยกแขนขึ้นมากอดตอบ
“มึงโกรธ มึงกำลังหงุดหงิด...กูกับพี่คอร์สคบกันตั้งแต่มอปลายแล้ว คบกันแค่ปีเดียว ไม่มีเยื่อใยอะไรต่อกันทั้งนั้น” แฟนรีบอธิบาย
“กูไม่ได้หงุดหงิดมึงแต่หงุดหงิดมัน”
ไฟกองเล็กในอกที่พยายามกดเก็บเอาไว้ไม่ให้ปะทุถูกกอดของแฟนประโลมให้มอดลง แต่ถึงอย่างนั้นอาการร้อนๆ ข้างในก็ยังไม่ได้หายไป
ไอ้แฟนเก่านั่นยังอยากได้แฟนอยู่
“ไม่ต้องหงุดหงิดนะ กูไม่มีทางกลับไปสนใจพี่คอร์ส...ก็รักแค่มึง” ใบหน้าสวยเงยขึ้นพูดกับคนตรงหน้า
หากกอดของแฟนเป็นน้ำ คำบอกรักนั้นคงเป็นน้ำแข็งที่สาดลงมาครั้งเดียวไฟร้อนๆ ก็มอดดับ
แต่บางอย่างในประโยคก็ยังทำให้รู้สึกไม่พอใจจนต้องโน้มใบหน้าลงไปจูบริมฝีปากบางแรงๆ
“กูไม่ชอบชื่อมันที่ออกจากปากมึง”
“...”
“ไม่ชอบให้มึงเรียกมันว่าพี่”
“ไม่เรียกแล้ว”
แฟนได้แต่รับคำเสียงเบาด้วยไม่คิดว่าเรื่องนี้ก็ทำให้หิน
หึงได้ด้วย รู้สึกเหมือนปากอยากจะยิ้มจนต้องพยายามกลั้นเอาไว้
ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ต้องผละออกห่างเนื่องจากลิฟต์เคลื่อนตัวมาจนถึงชั้นที่เป็นจุดมุ่งหมาย
งานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ระดับโลกถูกจัดขึ้นที่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เหล่าคนมีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซ ดารา และเซเลบริตี้ทั้งหลายมาร่วมกันอย่างคับคั่ง หินมองเห็นซุปเปอร์สตาร์หลายคนเดินผ่านหน้าไป หรือแม้แต่นักร้องบางคนที่ตัวเองติดตามผลงาน
เมื่อเซ็นชื่อเข้างานเรียบร้อยก็ต้องเดินตรงไปยังแบคดรอปให้ช่างภาพถ่ายรูป แสงแฟลชที่รัวเข้าตาทำให้หินต้องกะพริบตาถี่ พยายามกวาดมองกล้องทุกตัวแม้จะรู้สึกไม่คุ้นชินกับการยืนนิ่งให้ทุกคนจับภาพ ขณะที่คนข้างตัวดูจะเชี่ยวชาญกว่า
ใช้เวลาถ่ายรูปไม่นานนักจึงเดินต่อเข้าไปข้างใน ทว่ายังไม่ทันถึงทางเข้าส่วนของงานแฟชั่นโชว์ทั้งสองก็ถูกรั้งไว้ด้วยนักข่าวจากรายการหนึ่ง
“สวัสดีค่าน้องแฟน พี่มาจากรายการบางกอกซุบซิบนะคะ ขอสัมภาษณ์นิสสสนึง”
“ครับ” แฟนรับคำด้วยรอยยิ้มบาง
“ไม่ทราบว่าวันนี้ควงนายแบบที่ไหนมาเอ่ย ทำไมถึงได้แซ่บและน่ากินขนาดนี้คะ”
“ไม่ใช่นายแบบที่ไหนหรอกครับ นี่คนรักของแฟนเอง”
แฟนตอบคำถามพลางปรายตามองร่างสูงซึ่งถูกจับจ้องโดยคนหลายคนเล็กน้อย ส่วนคนถูกพูดถึงนั้นทำเพียงยืนนิ่งอยู่ข้างๆ
“อุ๊ยตาย ชะนีอิจฉาตาร้อนค่า ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่คะ”
“อันนี้แฟนขอไม่ตอบ ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ”
“แหม เรื่องส่วนตัวหรือว่าหวงเอ่ย”
นักข่าววัยกลางคนซึ่งดูเจนจัดในการสัมภาษณ์เอ่ยถามด้วยสายตาแพรวพราว ทั้งยังเหลือบมองหินไปด้วยตลอด
“ทั้งสองอย่างครับ” แฟนตอบด้วยความสัตย์จริง ไม่บ่ายเบี่ยง
“ค่า พี่ก็เข้าใจว่าทำไมถึงหวง...แล้วนี่ไม่ได้มากับเพื่อนๆ เหรอคะ”
“เพื่อนไม่ว่างครับ เลยไม่ได้มา”
“อ๋อ แล้วกับงานแฟชั่นโชว์วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ คิดว่าจะสอยเสื้อผ้า กระเป๋า หรือว่ารองเท้ากลับไปดี”
“คงต้องดูอีกทีว่ามีตัวไหนถูกใจบ้าง”
คราวนี้คนถูกถามหันไปมองหน้าหินเนื่องจากต่อให้อยากได้ทุกสิ่งแค่ไหนหากหินไม่อนุญาตก็ไม่มีสิทธิ์
สายตาซึ่งเจือมาด้วยความอ้อนขอทำให้หินเสมองทางอื่นเป็นการปฏิเสธกลายๆ แฟนจึงแอบยู่ปากใส่อีกคน
“โอเคค่า ขอให้สนุกกับงานนะคะ พี่ไม่รบกวนแล้ว”
แฟนกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเล็กน้อยขณะที่หินค้อมหัวลงให้ตามมารยาท เมื่อนักข่าวคนนั้นปรี่ตรงไปสัมภาษณ์คนอื่นจึงได้เวลาเดินเข้าข้างใน โดยมีพนักงานเดินนำไปยังที่นั่ง
หลังจากงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ต่างประเทศโดยมีบริษัทของกรณ์เป็นผู้ดูแลในส่วนของสาขาประเทศไทยเสร็จสิ้นลง จากนั้นจึงเป็นช่วงเวลาของการให้ผู้ถูกเชิญมาร่วมงานได้เข้าไปดูสินค้าในช็อป โดยใครจะซื้อชิ้นไหนก็สามารถเลือกได้ตามสะดวก
“อยากได้รองเท้า...กับกระเป๋า” มือบางจับชายเสื้อของหินแล้วกระตุกนิดๆ พลางกระซิบบอก
“ของประจำอาทิตย์ได้ชิ้นเดียว”
“ให้สองอันไม่ได้เหรอ”
คนข้างตัวซึ่งยืนมองรองเท้าอยู่เอ่ยออดอ้อน ไม่เหลือเค้าแฟนคนเดิมในวันแรกที่รู้จักกันเนื่องจากเจ้าตัวรู้ดีว่าถ้าทำแบบนี้แล้วหินอาจใจอ่อน
“กฎก็ต้องเป็นกฎ สองชิ้นก็ปาไปเกือบล้านเชียวนะ”
หินยังคงพยายามใจแข็งแม้ว่าจะกำลังถูกสายตาและท่าทางของแฟนเล่นงานก็ตาม
“ให้รางวัลเด็กดีบ้างสิ...นะๆ นะพี่หินนะ ขอรองเท้ากับกระเป๋า”
“...”
“ถ้าแฟนอยากได้ พี่จ่ายให้ได้นะ” ผู้ดูแลการนำเข้าเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังจนคนทั้งสองหันขวับกลับไปมอง
เนื่องจากไม่ได้สังเกตว่ามีคนอยู่ข้างหลังแฟนจึงอดตกใจไม่ได้ และยิ่งตกใจกว่าเดิมเพราะคำพูดของคนเป็นรุ่นพี่
“ไม่เป็นไรครับ แฟนแค่ขอพี่หินเล่นเฉยๆ” คนพูดส่งยิ้มฝืดเฝื่อน
“ไม่ต้องเกรงใจ สิทธ์ของผู้บริหารมันได้ลดเยอะกว่าน่ะ อยากได้อะไรเพิ่มอีกชิ้นก็เอาเลย”
กรณ์ยังคงพูดด้วยความสุขุมและดูสุภาพตามบุคลิก แต่หินกลับไม่รู้สึกว่าถึงความสุภาพเลยแม้แต่น้อย
เสนอหน้ามาซื้อของให้เมียคนอื่นไม่ได้เป็นคนที่สุภาพเลย
“ไม่เป็นไรพี่กรณ์ แฟนเอาแค่กระเป๋าก็ได้...โทษนะครับ เอาใบนี้”
แฟนรีบส่งเสียงเรียกพนักงานเมื่อคนข้างตัวเริ่มเปล่งรังสีความไม่เป็นมิตร ร่างเล็กหันไปยิ้มแหยให้รุ่นพี่ตัวเองจากนั้นจึงรีบเลี่ยงไปจ่ายเงิน
“กูจะไปเข้าห้องน้ำ”
หินเอ่ยบอกเพียงสั้นๆ ขณะที่แฟนเตรียมจะรั้งเอาไว้ ทว่าพนักงานกลับผายมือเชื้อเชิญเมื่อถึงคิวแล้วเรียบร้อย และอีกคนก็เดินออกจากช็อปไปโดยไม่รั้งรอ
ดวงตาคู่สวยมองตามร่างสูงไปด้วยความเป็นกังวล และเมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงบางคนมองตามหินยิ่งอยากวิ่งตาม
ทางด้านคนที่มาสงบสติอารมณ์อยู่ด้านนอกก็พรูลมหายใจกรุ่นร้อนออกมาดังเฮือก ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ฟ้าฝึกความอดทนของเขาโดยแท้ ถึงได้ให้เจอกับทั้งแฟนเก่าแฟนและรุ่นพี่หน้าอ่อน
หินไม่ใช่คนหึงเรี่ยราด แต่ใช่ว่าจะไม่ใช่คนขี้หึง...
ความรู้สึกหวงแหนมันเป็นความรู้สึกธรรมชาติของคนที่มีคนรัก และมันจะไม่อะไรหากทั้งสองไม่ได้แสดงออกถึงการ
อยากลองดีร่างสูงซึ่งเดินวนไปมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งกลับยิ่งขลับให้มีความฮอตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพราะไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างจึงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา กระทั่งผ่านไปหลายนาทีจนคิดว่าอารมณ์เย็นลงหินจึงเตรียมตัวเดินกลับเข้าไปข้างใน แต่แล้วคนสองคนที่เดินออกมาแล้วเลี้ยวไปอีกมุมกลับทำให้คนเริ่มเย็นลงต้องขบกรามแน่น
แฟนกับไอ้แฟนเก่านั่น!
โอเค เมื่อกี้ไอ้พี่กรณ์ คราวนี้ไอ้แฟนเก่า
Sh*t !!
แน่นอนว่าหินไม่รีรอในการก้าวตามจนเมื่อทั้งสองเดินไปหยุดคุยกันอยู่หน้าลิฟต์จึงหยุดแอบดูอยู่มุมหนึ่ง ระยะห่างนั้นมีมากพอประมาณจนไม่ได้ยินเสียงแต่ยังคงเห็นภาพชัดเจน
คนที่มีดวงไฟปะทุอยู่ในอกจากหลายเรื่องรวมกันกำลังบอกตัวเองให้ใจเย็น อย่าผลีผลามเข้าไปกระชากแฟนออกมา แม้ว่าคิ้วเข้มจะขมวดมุ่นจนหัวคิ้วแทบจรดเข้าหากัน
เนื่องจากทั้งสองยืนหันข้างจึงเห็นใบหน้าได้เพียงเสี้ยวเดียว และนั่นก็ทำให้เดาไม่ออกนักว่าแฟนกับฝ่ายนั้นกำลังคุยกันเรื่องอะไรหรืออยู่ในอารมณ์ไหน
แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำให้หงุดหงิดทั้งนั้น
กรามแกร่งบดเข้าหากันจนเกิดเสียงเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอื้อมมาจับมือของแฟน แม้แฟนจะสะบัดออกแต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยังยอมแพ้ กระทั่งสุดท้ายคอร์สจึงดึงแฟนเข้าไปกอดทั้งตัว
ปึก
“ทำอะไร!”
คนที่เฝ้าดูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรวดพราดไปผลักแฟนเก่าของแฟนออกอย่างรวดเร็วแค่ไหน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งการเรียกชื่อด้วยความตกใจของแฟนตัวเอง เหมือนสองหูดับไปเพราะความโมโหสุดขีด
นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกรุนแรงขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นหินก็คิดว่าตัวเองมีความอดทนมากพอที่จะไม่ตะโกนถามมึงว่าทำเหี้-อะไร!
“ถามว่าทำอะไร”
มือหนาที่เอื้อมไปกระชากคอเสื้อแล้วตะคอกถามอีกฝ่ายก็เป็นไปโดยไม่รู้ตัว หากดวงตามีสีเป็นประกายออกมาตอนนี้ดวงตาคมคงเต็มไปด้วยสีแดงเพลิงที่พร้อมเผาคนตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
แค่จับมือก็มากพอให้อยากตัดมือมันทิ้งแล้ว
“ทำอะไร ก็แค่คุยกัน...ตามประสาคนคุ้นเคย”
คอร์สตอบกลับด้วยรอยยิ้มมุมปาก ทั้งยังใช้ลิ้นดุนดันกระพุ้งแก้มยั่วโทสะคนกำลังร้อน
“คน
เคยคุ้นเคย” หินกระซิบเสียงรอดไรฟัน
“พะ พี่หิน” แฟนได้แต่เอ่ยเรียกคนรักเสียงสั่น ทว่าดูเหมือนว่าหินจะโมโหจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ถึงจะแค่เคยแต่ยังไงก็หมายถึงคุ้นเคยกันไปแล้ว”
“คุ้นเคยแล้วไม่ได้หมายความว่าจะได้คุ้นเคยกันอีก”
“ทำไมครับ ไม่มั่นใจในตัวเองเหรอว่าจะรั้งน้องแฟนให้อยู่กับตัวได้ถึงได้โมโหขนาดนี้ กลัวเขากลับมาหาผมหรือไง”
“พี่คอร์สอย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ” แฟนตวาดแหวยามนึกโกรธคนตรงหน้านี้จับใจ
พี่คอร์สเรียกออกมาคุยเพื่ออยากกลับมาคืนดี และแน่นอนว่าแฟนไม่มีทางยอมตกลง
“ฉันไม่ได้กลัวใจแฟน แต่กลัวใจแก...คนที่คิดยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้วมันเล่นสกปรกได้ทุกวิถีทาง โดยเฉพาะกับหน้าแบบนี้ที่จิตสำนึกคงไม่มี บ้านรวยและการศึกษาดีเสียเปล่าแต่ครอบครัวกลับไม่มีเวลาปลูกฝังเรื่องจิตสำนึกและมารยาท”
“มึง!”
“คนมีเป็นเป็นหมื่นเป็นล้าน แต่ไม่มีปัญญาหาแฟนเอง ไม่อายหมาหรือไง”
ปึก
คนถูกด่าจนหน้าชาผลักหินกลับรุนแรงแต่ร่างซึ่งหนากว่ากลับเสียหลักไปเพียงเล็กน้อย อีกทั้งมือที่จับคอเสื้อยังเปลี่ยนมาเป็นบีบคอเป็นการตอบกลับ
“อึก”
“รู้ใช่ไหมว่าที่คอมีจุดตาย” หินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแม้ถูกเล่นงานจะตะกุยมือให้ปล่อย
“แค่กๆ ”
“พี่หิน พอแล้วนะ กลับกันเถอะ”
แฟนรีบเข้ามาจับมือของหินเอาไว้เพราะคนถูกบีบคอเริ่มหน้าแดงทั้งยังสำลักลมหายใจจนน้ำตาคลอเบ้า สภาพดูไม่จืด
หินดูน่ากลัว ดวงตาคมแน่วแน่จนน่ากลัว
“แต่คนแบบนี้ตายไปก็หนักนรกเปล่าๆ ”
พลัก
มือหนาสะบัดอีกฝ่ายใส่ผนังทางด้านหลังจนคอร์สลงไปกองอยู่กับพื้น หากแต่คนทำไม่แม้แต่จะชายตามอง หินหันไปกดลิฟต์แล้วกระชากแขนแฟนให้ก้าวตามด้วยอารมณ์พุ่งขึ้นสูง รู้สึกราวกับมีไฟอยู่ในหัวเป็นร้อยลูก
ปึง!
เสียงปิดประตูคอนโดดังสะนั่นจนร่างเล็กสะดุ้ง ตลอดทางหินไม่ยอมพูดอะไรสักคำ มีเพียงกระแสความโมโหที่ไหลวนรอบตัวจนคนมีความผิดไม่กล้าเอ่ยปาก แต่ถึงอย่างนั้นรถคันหรูก็ไม่ได้เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียว หินสามารถแยกแยะความโมโหกับความปลอดภัยออกจากกันได้
เพิ่งเคยเห็นหินโมโหรุนแรงขนาดนี้
“พี่หิน...” แฟนลองเอ่ยเรียกอีกคนเสียงเบาแต่คนถูกเรียกทำเพียงแค่ยืนหันหลังนิ่ง
“...”
“ทุกเรื่องแฟนอธิบายได้นะ”
“ไม่ต้องอธิบายกูก็เข้าใจทุกอย่าง แต่สิ่งที่กูอยากรู้คือมึงคิดยังไงถึงได้ยอมออกไปคุยกับมันสองคน!”
ร่างสูงหมุนตัวกลับมาพูดด้วยเสียงอันดังจนแฟนเผลอกลั้นหายใจ ใบหน้าคมที่มักกรุ้มกริ่มตอนนี้ไม่เหลือเค้าในตอนปกติ มีเพียงความโกรธ ความถมึงทึง และความหงุดหงิดที่ได้เห็น
“พะ...เขาบอกแค่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย” เพราะจำได้ว่าหินไม่ชอบให้เรียกชื่อของแฟนเก่าจึงต้องรีบเปลี่ยนไปใช้คำอื่นทันที
“มึงไม่ใช่เด็กสามขวบ มึงเดาไม่ออกจริงๆ เหรอว่าเรื่องที่มันจะคุยคือเรื่องอะไร”
ริมฝีปากบางถูกขบกัดด้วยฟันซี่ขาวเมื่อสิ่งที่หินพูดมานั้นไม่อาจปฏิเสธได้
“กะ ก็รู้ แต่แฟนเองก็อยากเคลียร์ให้มันจบๆ ไป”
“แล้วมันจบไหม มันยอมฟังไหม ภาพที่กูเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้น”
“แต่แฟนก็ไม่ได้เต็มใจ แฟนจะผลักออกอยู่แล้ว” คนใจเสียละล่ำละลักบอก
“ผลักออกแล้วยังไง ผลักออกแต่สุดท้ายมันก็กอดมึงไปแล้ว ถ้ามึงจะเซฟตัวเองก็ไม่ควรจะออกไปคุยกับมันสองต่อสองตั้งแต่แรก!”
คำพูดที่บ่งบอกชัดว่าปัญหามันเริ่มจากการยอมออกไปคุยทำให้แฟนไม่รู้จะพูดคำไหน เสียใจกับสิ่งที่เกิด เสียใจกับการทำให้หินโกรธจนน้ำตาคลอหน่วย
ไม่อยากให้อีกคนโกรธกันเลย อยากให้หินเป็นหินแบบเดิมไม่ใช่แบบนี้
“แฟนคิดน้อยไป ขอโทษ ฮึก อย่าโกรธเลยนะ”
สุดท้ายก็ไม่อาจกลั้นไหวจนน้ำตารินรดลงบนแก้มโดยที่หินเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“มึงพูดง่ายเพราะมึงไม่ใช่กู ถ้ามึงเห็นแฟนเก่ายืนกอดกูมึงจะรู้สึกยังไง”
“อึก ขอโทษ”
มีเพียงคำเดียวที่เอ่ยแทนความรู้สึกทั้งหมด มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง พยายามไม่ให้มันไหลแต่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่
เสียงสะอื้นดังแผ่วในความเงียบ เสียดแทงใจคนฟังจนต้องกำหมัดแน่น
ไม่ว่าอย่างไรแล้วก็ไม่ชอบน้ำตาของแฟนที่สุด
“บอกมาซิว่ามึงจะทำยังไงให้กูลบภาพที่มึงโดนมันกอดออกไปได้ ทำยังไงกูถึงจะเลิกคิดเรื่องที่ตัวมึงถูกมันแตะต้อง”
ใบหน้าที่เอียงไปทางอื่นหันกลับมามองหน้าของแฟนด้วยความข่มกลั้นอารมณ์ กองไฟในอกไม่ได้โหมกระหน่ำขึ้นแต่ก็ไม่ลดน้อยลงสักนิด อีกทั้งควันมหึมาจากไฟกองนั้นยังอัดแน่นอยู่ข้างในจนหายใจแทบไม่ออก
ควันที่มาจากน้ำตาของแฟน
ประโยคที่ทำให้แฟนลงมือถอดเสื้อผ้าบนตัวออกทั้งส่วนบนและล่าง เหลือเพียงชั้นในติดกาย
“โดนแค่เสื้อผ้า อึก ถอดออกหมดแล้ว”
“มือมึงโดนมันจับ”
“ไปล้างออกก็ได้ ละ ล้างแอลกอฮอล์ด้วย”
แฟนตั้งท่าจะหมุนตัวไปล้างมือตามคำพูดทว่ากลับถูกแรงมหาศาลฉุดรั้งจนเซปะทะกับอกกว้าง จากนั้นหินจึงลากร่างเล็กตรงเข้าไปในห้องนอน
“จำเอาไว้ว่านี่คือบทลงโทษของการคิดน้อย”
TBC.
กรี๊ด พี่หินคนฮอตคนโหดมาแล้ววววว
ขอโทษที่บอกไว้ว่า NC มาตอนนี้แต่ไม่ได้มาค่ะ
แต่ตอนหน้านี้มาแน่นอน เปิดมาคนน้องก็โดนรังแก(หนัก)เลย งือ
ขอลงตอนนี้ก่อนเพื่อเช็กฟีดแบคว่าจะมีคนรอตอนหน้าแค่ไหน อิอิ
อย่าลืมไปหวีดคนโหดได้ที่ #พี่หินคนห่าม เด้ออออ