ตอนที่ 6 ทิวา x เดย์ =....... Upเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์แล้วฮับ
ความเดิมตตอนที่แล้ว
“ฮาๆ ฮาๆ”
“พี่.....”ผมหัวเราะจนลืมตัวแต่มานึกได้เมื่อเสียงไอ้เดย์มันเรียกผม ทุกครั้งที่มันเรียกผม ไม่รู้ทำไมว่าผมชอบฟังมันเรียกนักเสียงมันก็ไม่ได้หวานไพเราะ แต่เน้นกวนตรีนมากกว่าแต่ผมก็ยังรู้สึกชอบมันอีก ผมเป็นห่าอะไรเนี่ย!
“......มึงมองอะไร มองหน้าหาเรื่องรึไงวะ! สามสิบนาทีมึงต้องเสร็จแล้วไปเจอกรูข้างล่าง ช้ามึงโดน! ปัง!”
แม่งเสียหน้า บ้าจริง! ผมเผลอไปหัวเราะมันได้ยังไงน่าหงุดหงิดชะมัด ผมแค่เห็นมันน่ารักหน่อยเดียวงั้นเหรอ เฮอะ! แต่ทำไมรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยวะ! มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอีกแล้ว อะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด ไม่ได้อยากเป็นเลยไอ้ความรู้สึกงี่เง่าแบบนี้แต่มันอดไม่ได้!
ผมยอมรับว่ารีบออกมาเพราะความรู้สึกเสียหน้าและความรู้สึกอาย อยู่ดีๆ ไปหัวเราะให้มันดูเหมือนผมเป็นตัวตลกมันคงหัวเราะเยาะผมแน่ๆ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่มันจะได้ใจ ครั้งต่อไปมันขัดใจผมเมื่อไหร่ผมไม่ยั้งมือแน่ และแน่นอนว่าวันนี้คงมีอะไรสนุกๆ ให้ผมแก้มือสำหรับสิ่งที่เพิ่งผิดพลาด ฮึๆ อยากเห็นนักว่าอนาคตจะสนุกขนาดไหน
ผมจะโทรไปขอบคุณพ่อกับแม่มันดีมั้ย ที่ส่งมันมาเป็นของเล่นแก้เซ็งให้ผม ฮึๆๆ!
ต่อ
“ผมเสร็จแล้วครับ”ยี่สิบนาทีให้หลังผมก็จัดการกับตัวเองเสร็จเรียนร้อยครับ อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพราะกลัวพี่ทิวาจะรอ ถ้ารอแล้วด่าอย่างเดียวไม่เป็นไรหรอกครับแต่มีลงมือด้วยนี่สิผมล่ะไม่สบอารมณ์จริงๆ ครับ อยากบอกว่าตอนนี้ผมยังรู้สึกอายๆ อยู่เลยครับแทบไม่กล้ามองและสบตาพี่เค้า ตอนผมแต่งตัวผมเห็นรอยแดงเป็นจ้ำตรงต้นคอ ไม่รู้ว่าอะไรกัดตอนไหนครับอาบน้ำเสร็จแล้วก็เพิ่งจะเห็น ผมเลยเอาแซมบั๊คมาทาตามที่แม่เคยบอกว่ามันบรรเทาอาการแมลงกัดต่อยครับ เผื่อจะหายแดงไม่น่าเกลียด
“มึงมาเร็วดีนิ คิดว่าจะให้กรูรอจนครบสามสิบนาทีจริงๆ ไปขึ้นรถ”วันนี้พี่ทิวาดูดีอีกแล้วครับ คงเพราะเสื้อผ้าที่พี่ทิวาใส่มันชวนให้ผมเหลือบตามองแต่ไม่กล้าจ้องตรงๆ เดี๋ยวอาจโดนดีและผมก็ไม่อยากมีเรื่องครับ ถามว่าโกรธพี่เค้ารึเปล่าที่แกล้งผมแบบนั้น ผมขอตอบว่าผมไม่โกรธ........ก็จะดูเป็นคนดีตอแหลครับ คำตอบคือโกรธครับ และไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ทิวาทำด้วย แต่ถึงผมจะโกรธพี่เค้าคงไม่ยักมานั่งรับรู้หรอกครับว่าผมโกรธแล้วรู้สึกเสียใจ สำนึกผิดเทือกๆนั้น พี่เค้าสนผมซะที่ไหนล่ะครับ ผมโกรธเป็นเดือดเป็นร้อนไปก็เหมือนทำร้ายตัวเองไม่มีใครมากลุ้มด้วยครับ ผมเลยคิดซะว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ดูปลงกับชีวิตดีมั้ยล่ะครับ หึๆ -_-;
“มองอะไรกรูอีก ยังไม่รีบเดินตามมา”
“ผมมองพี่ครับ”ผมตอบตรงๆ อย่างที่คิดครับ เพราะไม่บอกพี่เค้าคงจะคาดคั้น
“เออ! -_-”พี่ทิวาตอบหวนๆ แล้วเดินลิ่วทิ้งผมเลยครับ เป็นอะไรของพี่เค้าตั้งแต่เช้าแล้ว
“พี่ครับแล้วเราะไปไหนกันเหรอครับ ก่อนออกจากบ้านต้องบอกคุณลุงด้วยรึเปล่าครับ”
“อย่าถาม”
ตอนนี้ผมเดินมาถึงรถสปอร์ตสีดำมันวาวซึ่งมีสองที่นั่ง รูปแบบรถตามสไตล์เจ้าของเลยตรับ ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวและดูร้อนแรง พี่ทิวากระโดดไปขึ้นอีกฝั่งของรถก่อนจะเอื้อมมือมาเปิดล๊อคประตูให้ผม ผมเข้าไปนั่งข้างในก่อนจะมองสำรวจภายในรถของพี่เค้าอย่างตื่นเต้น รถค่อยๆ ออกตัวอย่างช้าก่อนจะเร่งเต็มสปีดทะยานสู่ถนนใหญ่ กลิ่นในรถมันคือกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของพี่ทิวาครับ ผมสูดกลิ่นหน่อยๆ ก่อนจะรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาเอง มันกลิ่นเดียวกับที่ผมได้กลิ่นจากตัวพี่เค้าเมื่อวันนี้ครับ
-/////-ละแล้วทำไมผมถึงต้องรู้สึกวาบหวิวด้วยเนี้ย ผมกำลังจะไม่สบายรึเปล่า!
ในรถเงียบครับ มีแต่เสียงเพลงคลาสสิกคลอเบาๆ ให้พอฟังออก รู้สึกอึดอัดครับ พี่เค้าเงียบ ผมก็เงียบ ในใจอยากให้ถึงปลายทางไวๆ แต่ถ้ายิ่งไม่พูดกันตลอดทางแบบนี้ผมต้องบ้าเพราะอึดอัดตายแน่ ผมก็เลยตัดสินใจพูดขึ้นแทรกบรรยากาศเงียบงำครับ
“เอ่อ....พี่ครับเราจะไปไหนกัน?”
“ไปเที่ยว”
“ไปเที่ยวที่ไหนครับ?”
“เดี๋ยวถึงมึงก็รู้เอง”
“แล้วไปกันแค่สองคนหรือครับ?”
“เปล่า! เพื่อนกรูอีกสามคนไปด้วย”พี่เค้าตอบเหมือนคนทั่วไปตอบก็เป็นครับ ผมเพิ่งรู้
“ใครเหรอครับ?”
“เดี๋ยวเจอค่อยแนะนำ”
“เป็นเพื่อนเรียนหรือเพื่อนสมัยเด็กครับ?”
“ทั้งสอง”
“อายุรุ่นเดียวกับพี่หรือมากกว่าครับ?”
“เท่ากรู”
“เพื่อนพี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ?”
“ชาย!”พี่เค้าตอบผมสั้นลงเรื่อยๆ ว่ามั้ยครับ
“เราจะไปเจอกับเพื่อนพี่ที่ไหนเหรอครับ? แล้วผมไปด้วยจะไม่ลำบาก...”
“นี่! มึงจะเล่นเกมส์ถามตอบชิงเงินล้านกับกรูรึไงวะ!”จู่ๆ พี่ทิวาก็แผดเสียงออกมาดังครับ ผมตกใจสะดุ้งหน้าซีด
“ปะเปล่าครับ แม่คงไม่ยอมให้ผมเอาเงินเยอะขนาดนั้นมาเล่นไร้สาระ”
“อึ๊ย…..มึงบอกกรูมาหน่อยว่ามึงกวน(วอนท์)ตรีนหรือมึงบื้อกันแน่!”
“ผะผมเปล่าทั้งสองอย่างครับ ผมแค่ถาม!”ตรงพวกมาลัยรถผมเห็นพี่เค้าบีบมันแน่นจนเอ็นตรงหลังมือบวมปูดขึ้นมา น่ากลัวครับ หรือผมถึงเวลาต้องเงียบจริงๆ
“งั้นมึงก็หุบปากไปซะ! ก่อนที่กรูจะถีบมึงทิ้งไว้ข้างถนนแถวนี้ไปเดินเล่นกับหมา!”
“ผมแค่........”
“ยัง!”
“ครับ....”ผมถามแค่นิดเดียวทำไมต้องดุครับ ผิดหรือครับที่ถาม ก็พ่อบอกว่ามีอะไรสงสัยให้ถาม คิดอยู่คนเดียวไม่มีใครรู้ได้ ผมเอาคำสอนพ่อมาใช่มันผิดเหรอครับ! ฮึก! T^T น้ำตาตกใน
“ฮัดชิ่ว!”ผมจามอย่างแรงครับเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเข้าจมูกให้เคืองคันในขณะหลับสบายกับแอร์รถที่มันเย็นฉ่ำ ห๊า! ผมหลับงั้นเหรอ! งั้นตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้วสิครับ นั่งมากับพี่ทิวาแต่ทำไมผมถึงหลับได้ ผมน่าจะระแวงและระแวดระวังตัวให้มากกว่านี้ทั้งๆ ที่มากับพี่ทิวาแท้ๆ แต่กลับหลับเป็นตายไม่รู้เรื่อง ผมนี่มันบ้าจริงๆ !
“ตื่นแล้วเหรอ!”เสียงทุ่มๆ แต่ออกอาการตื่นเต้นแว่วมาในหูผมครับ ผมเลยปรือตาที่มันหน่วงหนักเปิดขึ้น สิ่งที่ผมเห็นคือชายแปลกหน้าสามคนที่กำลังก้มมองผมด้วยสีหน้าสงสัย ตื่นเต้น และเฉยๆ ทั้งสามคนผมไม่เถียงครับว่าหล่อ ทำไมผมต้องเจอมนุษย์ผู้ชายที่เหนือชั้นกว่าผมอยู่เรื่อยเลย ฉุนจริงๆ ครับ หรือพี่ทิวาจะเยาะเย้ยผมทางอ้อมว่าผมมันไม่สมชายชาตรี!
“คนนี้กรูถูกใจกรูขอว่ะไอ้ทิวา!”
“เห๋!!!! อะ อะไรกันครับเนี้ย”ผมถอยกรูติดเบาะครับ ที่ติดเบาะยู่แล้วก็แทบจะติดจนฝังตัวเองไว้ในเบาะ จู่ๆ ผู้ชายที่มีเรือนผมสีน้ำตาลแดงหน้าตาเกาหลีสุดๆ เพราะเค้าตาตี่หน่อยๆ ซึ่งผมไม่ทราบชื่อก็ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ผมครับน่ากลัวจริงๆ
“มึงพาหลานมึงมาเหรอเนี่ย แม่งทำไมตัวเล็กเท่าเม็ดถั่ว!”คนที่หน้าตาเจ้าสงสัยขมวดคิ้วหนามองผมตาไม่กระพริบ
“อืม”คนใส่แว่นที่หน้าตาบอกบุญไม่รับพูดไร้ความเห็นสุดๆ
แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ มาพูดอะไรที่มันแปลกๆ และหยามเหยียดกันแบบนี้ พวกเค้าเป็นใครครับเนี้ยเอาพวกเค้าห่างจากตัวผมบัดนาว!
“พวกมึงอย่าเชี่ย! กรูไม่ได้มาเปิดท้ายโชว์ของแปลกให้พวกมึงดู”เสียงพี่ทิวานี่ครับ แล้วตัวพี่เค้าล่ะอยู่ไหน
“เห้อ....คนหล่ออย่างกรูเซ็ง ห่วงอะไรของมึงนักหนา แม่งดูนิดขอจับหน่อยก็ไม่ได้”คนที่ผมสีน้ำตาลเบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์และในมือของเค้าก็มีดอกหญ้าครับ นั่นคงเป็นตัวการที่ทำให้ผมจาม แล้วตอนนี้ผมอยู่ไหนครับ?
“หลีก!”ดูเหมือนพี่ทิวากำลังแหวกคนเข้ามาและผมก็เห็นแล้วครับ เพราะพี่เค้ามายืนอยู่ข้างผมที่ไม่ลงจากรถสักที ก็ผมจะลงได้ไงครับดักทางหมดแบบนี้ !”ตื่นแล้วก็ลงมา รึมึงอยากให้กรูกระชากมึงลงมา”
“เปล่าครับ ทำไมต้องเสียงดังด้วยครับพี่!”ผมไม่ทันจะทำอะไร แถมเพิ่งตื่นหงุดหงิดครับ
“ฮาๆ ฮาๆ กูเพิ่งเคยเห็นฮีโร่ที่ใจกล้าปรามมึงก็วันนี้แหละ”คนหัวสีน้ำตาลพูดขึ้นมาอีกครับ ดูท่าจะอารมณ์ดีไม่เลือกเวลาครับ ผมลุกขึ้นตามแรงกระชากขอพี่ทิวาก่อนจะรู้สึกหดหู่ใจที่ตัวเองเหมือนจะต่ำต้อยอยู่ท่ามกลางเทพบุตรเสาไฟฟ้าทั้งหลาย
“หุบปาก.....คนปากเชี่ยๆ แบบนี้ชื่อ กรณ์ ไอ้แว่นนั่นชื่อวัช(คนหน้าบอกบุญไม่รับ) ส่วนไอ้นี่ชื่อดิน(ที่ว่าผมตัวเท่าเม็ดถั่ว)”นี่หรือครับเพื่อนพี่เค้า -O-; แต่ละคนดูดีครับ ผมหมายถึงภายนอกแต่ไม่เกี่ยวกับภายในจิตใจหรอกนะครับ
“เอ่อ....ผมชื่อเดย์ครับ”ผมแนะนำตัวเองบ้าง
“น้องเดย์กับพี่ชื่อคล้องกันเลยนะครับ เดย์กับกรณ์ เพราะอะไรอย่างนี้”
“=o=++”
“ชื่อมึงคล้องกับน้องเค้าเหรอวะ ตรงไหนแม่งมึงมั่วสัด!”คนชื่อดินพูดขึ้นครับทำเอาผมเกือบหลุดหัวเราะ แต่พอหันไปหาพี่ทิวา ไฟแทบท่วมตัวพี่เค้าแล้วครับ แต่? ผมอยู่ไหนครับ ตัวของพี่ๆ บังทัศนียภาพซะหมดเลยครับไม่เห็นเลยว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน แต่กลิ่นแบบนี้มันคุ้นๆ นะครับ ผมไม่ได้หมายถึงกลิ่นตัวใครแต่หมายถึงกลิ่นอายบรรยากาศครับ
“ขอโทษนะครับ”ผมสะบัดมือออกจากพี่ทิวาก่อนจะพยายามแหวกพี่ๆ ทั้งหลายให้พ้นทางและสิ่งที่ผมเห็นข้างหน้าคือทะเลครับ! ชายหาดสีขาวทอดยาวสุดตา พื้นน้ำกว้างไกลจรดขอบฟ้า เป็นภาพที่ผมประทับใจมากๆ ครับ ไม่นึกว่าพี่ทิวาจะรักการเที่ยวแบบธรรมชาติแบบนี้ด้วย ผมคิดไม่ถึงครับ
สายตาของผมตอนนี้คงเป็นประกายเลยครับล่ะครับ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้
“กรูซื้อบัตรไว้ให้พวกมึงเรียนร้อยแล้ว อย่าลืมจ่ายส่วนของพวกมึงด้วย แม่งชอบเบี้ยวกรูอยู่เรื่อย”เสียงพี่วัชพูดแต่ผมไม่สนครับ
“เออ...กรูไม่เบี้ยวแต่คืนนี้จัดหนักเลยใช่มั้ย หึๆๆ”พี่กรณ์หัวเราะสยองครับ แต่ผมยังชมธรรมชาติเฉย
“ไม่จัดหนักแล้วกรูจะชวนพวกมึงมารึไง บรรยากาศแม่งกรูไม่สนหรอกจะธรรมชาติห่าบ้าบออะไร กรูสนกิจกรรมอย่างอื่นที่นี่มากกว่า หึๆ”ประโยคนี่ของพี่ทิวาทำผมทรุดฮวบครับ ความฝันกับความจริงไปด้วยกันไม่รอดครับ ผมขอถอนคำพูด
“เฮ้ย! แม่งหลานมึงเป็นอะไรวะ!”พี่ดินชี้มาที่ผมที่นั่งทรุดลงบนทรายครับ แต่ผมไม่ใช่หลานพี่ทิวานะครับ!T^T
“กรูเห็นน้องเค้าเข่าอ่อน”ผมได้ยินพี่วัชพูดเสียงเรียบก่อนที่พวกพี่เค้าจะวิ่งกรูฝุ่นตลบมาทางผมครับ
ใครก็ได้เอาผมไปฆ่าโยนทิ้งทะเลทีเถอะ!!!!!! สิ้นหวังสุดๆ เลยครับ
.
.
.
.
.
เอาตอนที่เหลือมาส่งแล้วฮับ รอนานกันรึเปล่าเอ่ย แหะๆ
มาอัพให้เวลาตี 4 อย่างฮึดเลยฮับ เพื่อให้ได้อ่านกัน
:pig4:ขอบคุณทุกรีที่เป็นกำลังใจให้นะฮับ
ครั้งหน้าจะมาเสริฟตอนต่อไปให้นะฮับ
อย่าลืมมารับนะฮับ