ก้าวที่สิบเก้า
คำสารภาพ
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... โฟร์แองจี้
งานดาวเดือนมอเสร็จแล้วก็กรุณาให้ความสำคัญกับงานละครเวทีมอด้วยนะค้า ทั้งมึงทั้งสายป่าน อิสัด!!!
เช้าวันหนึ่งขณะเดินมาเรียนตัวคณะเขาได้รับข้อความที่ส่งมาทางไลน์ซึ่งไม่ใช่ของใครที่ไหน เจ้าตำแหน่งเพื่อนรักตลอดกาลของเขา โฟร์ ศึกษาศาสตร์นั่นเองที่ตามจิกตามกัดให้เขากับสายป่านที่อู้มาเกือบสองวันแล้วหลังงานประกวดดาวเดือนจบสิ้นลงให้ไปซ้อมละครเสียที เพราะก่อนหน้านี้โฟร์ได้มีเมตตาให้เขากับสายป่านหยุดพักเพื่อไปทำหน้าที่ตามภาระของตนในงานประกวดดาวเดือนมอที่พึ่งจบลงไปสองวันที่แล้ว
แต่จนแล้วจนรอดเขากับสายป่านก็ยังไม่โผล่หัวไปซ้อมละครเลยจนมันต้องแชทจิกมาตามไลน์
จ้า จ้า
จ้า จ้าแล้วไม่มาสักทีนะคะ กูจะตามไปทุบหลัง ตามผัวมึงมาด้วย เดี๋ยวๆ เพื่อนกันครับ ทำไมทุกคน(ในกลุ่มเขา)ต้องคิดว่าเขากับสายป่านไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
ทั้งๆที่เราก็ยังเป็นแค่…เพื่อนกันอยู่ดี
เขาอาจจะมีเขินๆบ้างกับคำแซว แต่จริงๆแล้วตัวเขาเองรู้ดีในใจเสมอ ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบไหน
เพียงแต่วันนี้ ก้าวของเขาที่จะก้าวไปหามันไม่ได้เริ่มจากเลขศูนย์แล้ว
มันค่อยๆขยับทีละนิด ทีละนิด
เขาค่อยๆก้าวไปหามัน ทีละก้าว ทีละก้าว
แต่อย่าตั้งคำถามว่าเขาจะไปถึงจุดหมายหรือไม่…
เพราะหากเริ่มนับไปทีละก้าว เขาไม่รู้ว่าเท้าขวาหรือซ้ายของตัวเองที่จะไปถึงจุดหมายก่อน
แต่นั่นสำคัญด้วยเหรอ ?
หากว่าก้าวสุดท้ายของเขาจะไม่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ยิ่งเราใกล้ชิดกันมากขึ้น ความกลัวก็ยิ่งคุกคามเข้ามาเป็นเงาตามตัว
กลัวว่าใจเราจะไม่ตรงกัน…
กลัวว่าจะเป็นเขาที่คิดไปเอง…
กลัวมันไปทั้งหมดนั่นแหละ กับเรื่องของไอ้สายป่าน เขามันโคตรขี้ขลาดจริงๆ
“มด”
เขาละจากหน้าจอโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่เรียกชื่อเขา มายด์นั่นเอง เรานัดเจอกันตรงใต้ตึกสี่เพราะว่าวิชาอีกตัวที่เขาเรียนเทอมนี้เขาลงตัวเดียวกับมายด์
“มานานยัง” มายด์ถาม
“สักพัก มึงกินข้าวยัง” เขาถามมายด์กลับ เธอส่ายหัวบอกว่ายังไม่ได้กิน
“ไม่กินแล้วมึง”
“ข้าวเช้าสำคัญนะ” เขาท้วง
“จ้า พ่อคนรักสุขภาพ”
“…”
“อีกครึ่งชั่วโมงเลย นั่งรอขึ้นห้องละกัน”
มายด์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ไม่เจอมึงนานเลย เหมือนไม่ได้อยู่มอเดียวกัน”
นั่นสิ เขาเห็นด้วยกับคำพูดมายด์ที่ว่า เราเหมือนอยู่กันคนละมอ เพราะอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เขาแทบไม่ได้เจอเพื่อนคนอื่นๆเลย ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าหรือจิ๊บ พูดให้ถูกคือ ตั้งแต่งานศพแม่ของมามี่จบลง เขาก็ยังไม่ได้เจอพวกมันเลย
“ก็สบายดี แล้วมึงล่ะ”
ก่อนจะพบว่าคำถามของเขาไม่น่าถามออกไปเลยจริงๆ เพราะใบหน้าที่ฝืนแกล้งสดใสมาตลอดของมายด์อับเฉาลงทันที
เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขากัน
“ไม่สบายเลยว่ะมด”
“…”
“กูพึ่งเลิกกับแฟนมา”
!!!
“มายด์…”
เขาลูบไหล่ของเธอแผ่วเบา
“อยากกอดกูมั้ย”
“ฮือออออออออออ”
มายด์ปล่อยโฮออกมาแล้วโผเข้ากอดเขาแน่น ซบหน้ากับอกเขาแล้วร้องไห้อย่างไม่อายฟ้าดิน ร่างของเธอสั่นสะท้านตามการสะอื้นไห้ เขาทำได้เพียงลูบหลังเพื่อนรักเพื่อปลอบประโลม แต่เขารู้ดีว่ามันไม่สามารถช่วยคลายความเศร้าได้
“กู ฮึก จับได้ว่ามันมีแฟนใหม่ มันคบซ้อน อึก กับกูมาสองอาทิตย์แล้ว”
“…”
“กูเสียใจมาก ฮึก”
“ไม่เป็นไรนะมายด์ มายด์ยังมีเรา”
ไม่รู้ว่าน้ำเสียงอ่อนโยนของเขาจะส่งไปถึงมายด์หรือเปล่า เพราะเวลาที่คนเราเศร้า ความเสียใจมันเกาะกุมหัวใจหมดสิ้น
“กู ผิด ใช่ มั้ย ฮึก ที่ รัก มัน มาก ไป”
ไม่ผิดหรอกมายด์ มันไม่มีใครผิด
ความรักต่างหากที่ผิด
ผิดที่ทำให้เรารักใครบางคนจนหมดใจ และไม่เผื่อไว้เวลาจากลา
เขากอดปลอบมายด์แล้วเหม่อมองไปไกล…
หรือมันควรจะถึงเวลา ที่เขาจะดึงความกล้าออกมาเสียที
สุดท้ายยังไงก็ตาม…
ไม่เสียใจก็สมหวัง
ผลลัพธ์มีเพียงสองข้อเท่านั้น
เขาไม่อยากปล่อยให้มันคาราคาซังอีกต่อไปแล้ว
“ไม่เป็นไรนะมายด์ เวลาจะช่วยรักษาเราเอง”
ในขณะที่ปลอบมายด์ เขาก็ปลอบตัวเองให้เผื่อใจไว้
เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งได้จริงๆ
“มดดดดดดด วันนี้มีเลี้ยงนะจ๊ะ งานควันหลงจ้า”
มามี่เปิดบทสนทนาทันทีที่เธอเขวี้ยงกระเป๋าลงบนพื้นห้องกิจกรรมคณะอย่างไม่ไยดี
“ควันหลงงานไร” ลลิตาเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมาถาม
“เลี้ยงดาวเดือนมึง งานนี้ไปจอยผู้กันค่า”
“กูบวกหนึ่งค่ะ ออกรถ”
ออกรถของวินดี้ก็คือประมาณว่าเตรียมตัวออกรถไปงานได้เลย แปลว่าเธอจะไปงานแน่นอนนั่นเอง
“งานนี้ไม่พลาดจ้า” ลิลลี่
“บวกบวกบวก” อุมาพร
สรุปว่าทุกคนไป แล้วเขาล่ะ…
“มดว่าไงดี” ลิลลี่ถามเขา
“ไม่ๆ มึง อย่างลูกมดๆของเราต้องแบบนี้…” วินดี้หันไปแท็กทีมกับลลิตาแล้วเริ่มแสดงบทบาทสมมติ
“สายป่าน วันนี้มีนัดกินเลี้ยงควันหลงงานดาวเดือน มดไปได้มั้ยครับ” วินดี้ที่เล่นเป็นตัวเขาจีบปากจีบคอพูด
“ไม่ได้ครับ กูหวง” ลลิตาต่อบทเป็นสายป่านได้อย่างดีเยี่ยม
เหอะ ดีกับผีน่ะสิ
เขากับไอ้สายป่านไม่มีวันพูดอะไรแบบนี้แน่ๆอ่ะ
“มดอยากไป นะครับ นะครับ” วินดี้ยังเล่นต่ออีกนะ ฮึ่ยยยยย
“ถ้าอยากไปก็ต้องมีของมาแลก”
“…”
“คืนนี้จุดจุดจุดกันทั้งคืนนะครับ”
“พ่องงงงงง”
เขาตะโกนด่าพวกแม่งสุดเสียง เล่นอะไรทำเขาเขินหน้าแดงหมดแล้ว ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม
“อะไร มีคนเขินเพราะจินตนาการว่ะมึง” วินดี้ว่า
“เขิน เท่ากับ เคยทำ”
ตรรกะอะไรของมามี่วะ ไม่คุยกับพวกนี้แล้ว
“สรุปเราไปนะ”
เขาบอกทุกคน
“ต้องขอพ่อ…ทูนหัวก่อนมั้ย”
ยังไม่เลิกเล่นอีก
“ไม่ต้องขอแล้วค่ะ พ่อมาโน่นแล้ว”
มามี่ชี้ให้ทุกคนดู ไอ้สายป่านเดินหน้ายุ่งตั้งแต่หน้าประตูเข้ามาหาพวกเรา
“เป็นไรคะ สามีแห่งชาติ” วินดี้ถาม
“หงุดหงิดนิดหน่อย” มันตอบแบบขอไปที ก่อนจะเขวี้ยงกระเป๋าท่าเดียวกับมามี่ และไม่ไยดีมันอีกต่อไป
“เรื่องอะไร” เขาถามเพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน
ทีนี้ล่ะ เรียกเสียงแซว เสียงโห่มาเต็ม โอ๊ยยยย แค่ถามคำถามทั่วไปเอง
“จารย์แม่งปล่อยเลท แล้วยังมาด่าปิดท้ายอีก”
“เพราะพวกมึงไม่ฟังแก”
ฉึก
เรียกสายตาจิกกัดจากไอ้สายป่านมาเลยทีเดียว แง๊ แค่จะแกล้งเล่นๆเอง สงสัยอารมณ์ไม่ดีจริงๆครับ
“ไปซื้อน้ำกัน”
เฮ้ยยยยย
จู่ๆมันก็ผุดลุกขึ้น แล้วดึงคอเสื้อเขาให้ลุกตาม ไอ้เราจะไม่ลุกก็ยังไงอยู่ กลายเป็นว่าตอนนี้ถูกมันเอามือพาดคอไปแล้ว มีทางเดียวคือต้องไปส่งมันซื้อน้ำสินะ
“ยืมตัวแป๊บนะคร้าบ”
มึ๊งงงงง ทีงี้มาอารมณ์ดีเชียวนะ แกล้งเขานี่มันสนุกนักใช่มั้ยยยยยย
“เอาไปเลยจ้า ให้ยืมกี่วันก็ได้เลยจ้า ไม่ต้องเอามาคืนยิ่งดีจ้า”
แก๊งนางฟ้า พูดแบบนี้ได้ไง เขาก็เสียใจเป็นนะเว้ย แต่เขินมากกว่า อิอิ
“คอเสื้อกูย้วยหมดแล้ว”
เขาบอกมัน ที่จริงถ้ามึงยังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ใบหน้าเขาเองก็จะยิ่งเห่อแดงเรื่อยๆเช่นกัน
ใกล้เกินไปแล้ว ไอ้บ้า!
“สายป่าน คืนนี้ไปงานเลี้ยงมั้ยคะ” มามี่ถามสายป่าน พร้อมขยิบตาให้เขาหนึ่งที เดี๋ยว เธอจะเล่นอะไรของเธอ
“ไม่ครับ มีงาน”
“แต่คนแถวนี้ไปนะคะ” คนแถวนี้ที่มามี่พูดถึง มันก็รู้ว่าหมายถึงเขาเองเพราะหันมาจ้องหน้าทันทีเลย
มึงอย่านะ อย่าเชียว…
“งั้นไปก็ได้ครับ”
“เย้!!!”
ท่ามกลางเสียงเฮฮาของเหล่านางฟ้า มันคือความหายนะของเขาชัดๆ
“มดครับ…”
“…”
“งั้นคืนนี้ติดรถสายป่านไปนะครับ”
ไอ้เหี้ยยยยยย
อย่าเล่นแบบนี้ได้มั้ย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เอาสิ มีความสุขบนความเขินของคนอื่น จะขี้แกล้งให้หัวใจวายตายไปถึงไหนวะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด…
“กรี๊ดดดดด สายป่านไปงานแล้วโว้ย”
ท่ามกลางความดีใจของเหล่านางฟ้า
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และความยินดี
มีบางอย่างก่อเกิดขึ้น…
มันเป็นสิ่งที่ทุกคนเรียกว่า ลางสังหรณ์
ไม่รู้ทำไม ตาขวาของเขาถึงประตุกถี่รัวแบบนี้
“แต่ตอนนี้ กูหิวน้ำครับมด มดจะไปส่งพี่สายป่านมั้ยครับ”
มันว่าก่อนจะหิ้วคอเขาขึ้น เรียกว่าหิ้วคอจริงๆนะ
“แล้วกูมีทางเลือกมั้ย”
“ไม่มีครับ ตั้งแต่คุณคือคุณมด คุณก็หมดทางเลือกไปโดยปริยายแล้วครับ”
ฟวยยยยยยย
❤
เขาติดรถมากับมันจนได้…
“แหม ว่าแล้วววววว มาด้วยกันชัวร์”
เลยถูกเหล่านางฟ้าที่รออยู่หน้าร้านเอ่ยแซวไปหนึ่งดอก และยังไม่รู้เลยว่าตลอดทั้งงานเขาจะถูกแซวอะไรไปอีก เพราะวันนี้เขากับไอ้สายป่านดันใจตรงกันใส่เสื้อเฟรชชี่มหา’ลัยมาเหมือนกันอีก
“เอ๊ะ เสื้อคู่เปล้าว้า” มามี่ที่สังเกตเห็นเป้นคนแรกเริ่มโจมตี ที่จริงเขาได้มีการใส่เสื้อแขนยาวแฟชั่นปกปิดทับอีกตัวหนึ่ง แต่เธอก็ดันตาดีเห็นเสื้อข้างในเข้าจนได้
“บังเอิญน่ะ” เขาแก้ประโยคเข้าใจผิด แต่กลายเป็นว่าทุกคนมองด้วยสายตาล้อๆซะงั้น
ไม่คุยด้วยแล้ว พวกขี้แกล้งเอ๊ย
“เข้าข้างในกันค่า ไปกินไปดื่มให้ฉ่ำปอด บวกจอยผู้แบบยั่วๆ”
นี่สินะ จุดประสงค์ของการมางานนี้เพราะประโยคหลังที่ลลิตาบอกนี่เอง
วันนี้ทางสโมสรนักศึกษากลางปิดร้านหมูจุ่มชื่อดังแถวหลังมอฉลองงานควันหลงวันประกวดดาวเดือนที่ผ่านมา เป็นการเลี้ยงฉลองขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยงานสโมสรกลางอย่างเต็มใจ และถือเป็นการพบปะสังสรรค์และอำลากันของทีมงานชุดนี้ด้วย ซึ่งในปีถัดไปอาจจะเปลี่ยนหรืออยู่ดังเดิม เป็นเรื่องไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งของนักศึกษาที่จะเลือกพวกเขาหรือไม่
พูดแล้วก็ใจหาย ตอนนี้ระยะเวลาปีสองก็ได้เดินทางมาเกือบครึ่งเทอมแล้ว
“โอ๊ย ผู้ชายเต็มไปหมด พวกมึง วันนี้แยกโต๊ะกันนะคะ กูจะแอ๊บไปนั่งกับผู้ชาย”
วินดี้บอกจุดประสงค์แล้วเดินนวยนาดอย่างนางพญาเข้าไปในร้าน
พวกเราทั้งหมดตามเธอเข้าไป
“สายป่าน มาด้วยเหรอ”
มาแล้วจ้า
นินิว ทีมสโมกลางก็มาจ้า
“อ่า มดชวนมาน่ะ”
หืมมมม
ไอ้สายป่านทำไมโยนขี้มาทางนี้ได้วะ เรียกสายตาจิกกัดอย่างรุนแรงจากนินิวมาทางเขา
“งั้นเหรอ…”
“…”
“ไปนั่งโต๊ะนู้นกัน”
เธอถือวิสาสาะเบียดเข้ามายืนข้างสายป่าน แล้วควงแขนของมันจะพาลากไป แต่ไอ้สายป่านขืนตัวไว้
“มด กินโต๊ะไหน”
“ฮะ”
“ถามว่านั่งไหน”
นี่แปลว่ามันปฏิเสธนินิวทางอ้อมหรือเปล่านะ การที่ถามเขาว่านั่งโต๊ะไหนเนี่ย
“โต๊ะนั้นมั้ย ว่างอยู่”
ซึ่งเขาก็รีบชี้ไปทางโต๊ะมุมขวาของร้านทันที
“แต่มันไกลอาหารนะคะสายป่าน”
นินิวเอ่ยท้วง
“หล่อน สายป่านเขาจะนั่งไหนก็เรื่องของเขาสิยะ” จนวินดี้ต้องพูดขึ้น
“เอ๊ะ แล้วคุณพี่กะเทยยุ่งอะไรด้วยเหรอคะ” นินิวจีบปากจีบคอพูดขึ้น
“นิว!”
สายป่านปรามนินิว เพราะเธอใช้คำว่ากะเทยซึ่งอาจเป็นคำธรรมดาที่ไม่คิดอะไรหากแต่เป็นนินิวพูด เธอจึงจงใจใช้คำนี้เพื่อเหยียดวินดี้ในน้ำเสียง และไม่ใช่แค่สายป่าน คนอื่นๆยังรู้สึกได้เลย
“มด ไปนั่งโต๊ะที่มึงว่ากัน”
เขาพยักหน้า สายป่านแกะมือของนินิวออก แล้วเดินตามมา
“ขอโทษแทนนินิวด้วยนะวินดี้ เธอคงไม่ได้ตั้งใจ”
“แล้วมันกงการอะไรของสายป่านที่จะต้องมาขอโทษแทนด้วยเนี่ย แต่ไม่เป็นไร เจ๊ไม่ถือค่า”
สักพักวินดี้ก็เล่นตลกคลายเครียดไป เลยทำให้ประเด็นเหยียดเมื่อกี้เป็นเรื่องขำขันเสีย
แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า จะไม่มีทางลืมมันลง
“อย่ากินเหล้าเยอะนะ”
เขากระซิบบอกไอ้สายป่าน ที่เอียงหูลงมาฟังเพราะทางร้านเริ่มเปิดเพลงคลอแล้ว
“เป็นห่วงเหรอ”
“ปะ เปล่าซะหน่อย กะ กูแค่กลัวไม่มีคนขับรถ”
อันที่จริงเขาเป็นห่วงมันน่ะถูกแล้ว มึงนี่แสนรู้จริงๆเลย
“ยากอะไร ก็นอนข้างถนนด้วยกันเลย”
ชีวิตกูต้องมาลำบากอะไรแบบนี้กับมึงด้วยเหรอ สงสารตัวเองจัง แต่ก็คิดไว้ว่าถ้ามันเมาแล้วนอนข้างถนนจริงๆ ยังไงเขาก็ทิ้งมันให้นอนคนเดียวไม่ลงหรอก
“ฝันไปเหอะ”
“หึ”
มันครางแล้วจ้องมองตาเขา
“ถ้าตื่นมาแล้วเจอมึงนอนข้างๆล่ะน่าดู”
เหมือนมันรู้… ว่ายังไงเขาก็ต้องนอนข้างถนนกับมันอยู่ดี
“เออ อย่าดื่มเยอะแล้วกัน”
“ก็ดูกันไป”
เหอะ
ก็ดูกันไป…
ดูกันไปสักพัก
“สายป่าน ชนนนน” วินดี้มาชนแก้วกับมันเป็นคนแรก ทั้งที่อาหารยังไม่ตกถึงท้อง ล่อเบียร์กันแล้วเหรอ เขาแทบยกมือกุมขมับ
“ชนนนนน” มามี่มาเป็นรายที่สอง
“ชนจ้า” ลลิตาเป็นคนที่สาม
“ชนนนนนน” วินดี้เวียนกลับมาชนกับมันอีกครั้งหลังจากไปเติมมาใหม่ โอ๊ย เหนื่อยใจ
“ชนนนน” ลิลลี่
“ชนค่า” อุมาพร
เอาเป็นว่าตอนนี้ไอ้สายป่านไม่รู้กินไปกี่แก้วแล้ว เอาเถอะ แค่มึงยังคอแข็งอยู่ตอนนี้ก็พอ
สงสัยเขาคงจะได้ขับรถของมันพามันกลับห้องแน่ๆคืนนี้
เพราะดูแล้วไม่น่ารอด…
“สายป่าน เมายัง”
เขากระซิบถามมันข้างหู มันหันหน้ามามองเขาแล้วสะบัดหัวไปมาก่อนจะตอบว่า “ไม่มาวววว”
“เมาแล้วเนี่ย ยังบอกไม่เมาอีก เฮ้อ”
ช่วยไม่ได้ จนเขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ สรุปแล้วคืนนี้เขาได้ขับรถแน่ๆไม่ต้องถามหาสติคนเมาอย่างไอ้สายป่าน เพราะตอนนี้แทบไม่เหลือ
แค่ตอบคำถาม ฟังรู้เรื่องก็ดีแค่ไหนแล้ว
“พอแล้วมั้ง”
เขาบอกมัน แต่ร่างสูงกลับสายหัวพรืด ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ เข้าห้องน้ำแป๊บ”
แล้วมันก็เดินโงนเงนไปทางห้องน้ำ เขาช่างใจว่าจะตามมันไปดีมั้ย แต่คิดไปคิดมาตัวเองก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“มด เมื่อไหร่จะรุกสักทีค้า”
นี่ก็อีกราย เมาแล้วเรื้อนไม่หยุด วินดี้ปัดป่ายมือไปมาจนเขาต้องจับไว้ เพราะไม่งั้นปัดโดนขวดเหล้าบนโต๊ะหล่นลงแตกแน่ๆ
“ช่ายยยย ไม่รุกสักทีระวังหมาคาบไปแดกนะจ๊ะ” มามี่ก็กรึ่มๆไม่แพ้กัน
ไม่ใช่แค่มามี่ หรือวินดี้ เหล่านางฟ้าทั้งก๊กนั่นแหละ เมากันหมดแล้ววววว
ระหว่างที่เขาจับไม้จับมือเหล่านางฟ้าไม่ให้ดิ้นไปมา แล้วทำของตก นินิวก็ถือแก้วเหล้าเดินผ่านโต๊ะเขาไปอย่างเร่งรีบ
“มดดดดดด รุกเลยคืนนี้ เผด็จศึกสายป่านโลดดดดด”
วินดี้จะตะโกนให้คนอื่นได้ยินหมดหรือไง แต่โชคดีที่มีเสียงเพลงของร้านดังกลบเอาไว้
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอามือปิดปากเธอ เสียงกรี๊ดที่ดังจากในห้องน้ำก็เรียกความสนใจของทุกคนให้หันไป รวมถึงตัวเขาด้วย
เพลงถูกปิดลง ตามด้วยการเคลื่อนที่ของฝูงชนไปที่ห้องน้ำ
เขาตามไปติดๆ
ค่อยๆแหวกไทยมุงทั้งหลายเข้าไปดูสถานการณ์
!!!
“สายป่าน อย่านะคะ จะทำอะไรนินิว”
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป
ภาพที่ไอ้สายป่านกำลังกอดจูบนินิวอยู่ ทำให้หัวใจเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย
“สงสัยคงเมาน่ะค่ะ เดี๋ยวนินิวคงต้องพาไปเคลียร์อีกที”
เธอพยายามเบี่ยงคอหลบใบหน้าของสายป่านที่พุ่งจู่โจมซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างเมามัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
หรือเพราะถ่านไฟเก่ามันปะทุ
“ไปๆ ทุกคนแยกย้าย”
เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน และมันไม่ผิดอะไรเพราะนินิวกับสายป่านเคยเป็นแฟนกันมาก่อน การที่ไอ้สายป่านจะเกิดอารมณ์กับนินิวตอนเมามายเช่นนี้
คงไม่น่าแปลกอะไร
เขารู้สึกร้อนที่ขอบตา ก่อนที่น้ำตาจะไหล เขาต้องพาหัวใจอันเปราะบางของตัวเองออกไปจากจุดนี้ก่อน
เพราะเขาทนเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้ไม่ได้หรอก
ก้าวไปสักทีสิ ไอ้ขาบ้าๆนี่
กึก!
มีแก้วเปล่ากลิ้งมาชนที่เท้าของเขา
เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมาอย่างยากลำบาก เนื่องจากคนอื่นๆกำลังทยอยเดินออกจากห้อง เลยไม่มีใครสังเกตเห็นแก้วใบนี้ที่กลิ้งไปตรงพื้นห้องน้ำ
เขาจำได้ว่านินิวถือมันอยู่ตอนที่เดินผ่านโต๊ะเขาไป
และสิ่งที่เฉลยข้อข้องใจทั้งหมดของเขา ก็ดังขึ้นมาเป็นประโยคคำพูดของใครบางคน
ที่อ่อนแรงเต็มที
“มด กูไม่ไหวแล้ว”
!!!
มันเรียกชื่อเขา
ไอ้สายป่านเรียกชื่อเขาในขณะที่ตัวเองกำลังซุกไซร้ซอกคอคนอื่นอยู่
แล้วมันใช่เวลาที่เขาควรดีใจใช่มั้ย เพราะเท่ากับว่ามันกำลังคิดว่ามันกอดเขาอยู่
ฝูงชนที่จะทยอยออกไปหยุดชะงัก
นินิวเริ่มหน้าเสีย
“เธอ…”
เขาเดินเข้าไปหานินิว และเผชิญหน้าอย่างมาดมั่น
“วางยาสายป่าน”
ฮือฮา
“แกเอาอะไรมาพูด แกใส่ร้ายฉัน มันใส่ร้ายนินิวค่ะทุกคน”
เขาไม่โต้ตอบ แต่ออกแรงดึงร่างสูงที่กอดนินิวอยู่ให้เซมาทางเขา
“มด อึก…”
“เราจะพาสายป่านกลับห้อง ไว้ค่อยเคลียร์เรื่องนี้กันวันพรุ่งนี้”
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป รีบพยุงไอ้สายป่านออกมาจากห้องน้ำ
“เกิดอะไรขึ้นมด”
วินดี้ที่สร่างเมาผุดลุกขึ้นมาจากโต๊ะ
“ไว้บอกทีหลัง เรากลับก่อนนะ ฝากนางฟ้าคนอื่นๆด้วย”
วินดี้แม้จะยังงงๆแต่ก็พยักหน้าตอบตกลง
ซ่า ซ่า
ทันทีที่มาถึงห้อง เขาพาไอ้สายป่านเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัว เอาน้ำรดตัวมันให้สดชื่น ให้สร่างเมา และคลายความร้อนรุ่มลง แต่ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
ถึงจะน่าอาย แต่ไอ้ตรงเป้ากางเกงที่ดึงดันขึ้นมาก็บอกเขาได้เป็นอย่างดีว่า อารมณ์ของมันยังค้างอยู่ และที่สำคัญ จะไม่ให้เขาเขินหน้าแดงได้ยังไง ในเมื่อมันครางชื่อเขาตลอดเวลาอยู่แบบนี้
ตกลงแล้ว มึงคิดกับกูยังไงกันแน่ ไอ้สายป่าน
“มด อึก กูไม่ไหวแล้ว มด มด”
โอ๊ยยยยยย เขาจะทนฟังได้อีกนานแค่ไหนกัน
“มด ยอมกูเถอะนะ”
พรึ่บบบบ
“เฮ้ยยยย”
เขาที่ไม่ทันตั้งตัวเพราะถือฝักบัวรดน้ำมันอยู่ เลยถูกดึงให้ลงไปที่อ่างน้ำกับมัน
กลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังนั่งตักมันอยู่
และแน่นอนว่า เขารู้สึกได้อย่างดีเลยล่ะ อะไรแข็งๆที่ทิ่มอยู่ตรงก้น
โอ๊ยยยย กระดากปากชะมัดเลย
“ไอ้สายป่าน อย่า!”
มันจู่โจมให้เขาอ่อนระทวยด้วยการซุกไซร้ใบหน้าหล่อเหลากับวอกคอขาวของเขาลากลิ้นร้อนไปมาอยู่ตรงหัวไหล่ให้เขาสะดุ้งเป็นพักๆ
ไอ้บ้า กับเรื่องแบบนี้มึงจะเก่งเกินไปแล้วนะ
“เป็นของกูเถอะ…”
“…”
“กูทนไม่ไหวแล้ว”
น้ำเสียงนั้นนุ่ม เสียงมันทุ้มจนพาเขาเคลิ้ม
และสิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไปคือประโยคสุดท้ายที่มันพูด ก่อนเขาจะปล่อยให้อารมณ์ทั้งหมดนำพาไป
“
กูรักมึงนะ”
*TBC.......................................................
งื้อออออ อีกสองตอนแล้วนะคะ กับนิยายเรื่องนี้
รักและผูกพันธืกับตัวละครหลัก ไม่ว่าจะเป็นพระนาย หรือแก๊งนางฟ้า
และกลุ่มเพื่อนสนิทมดๆที่โผล่มาทักทายบ้างเป็นบางครั้ง
และขอบคุณคนอ่านทุกๆคนมากนะคะ