[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 26
เอาตัวอย่างมาแปะไว้ก่อน ตอนเต็มอาจจะมาวันจันทร์ ไม่ก็วันอังคารนะคะ (ดูท่าจะวันอังคาร วันจันทร์นี่ หนูแดงมีธุระต้องออกไปข้างนอกทั้งวัน ไม่น่าว่าง)
ตัวอย่างยาวมาก มีความดราม่าควีน ถือตะเกียบรอรัวๆ แต่ไม่ต้องใจบ่ดีไปนะคะ จะจบแล้ว หนูแดงไม่ปล่อยให้ม่าเจ็บปวด ไม่ใช่สงสารพี่เหนือกับน้องธารนะ กลัวโดนพ่อยก-แม่ยกแหกอก 555
เจิมไว้ก่อนโลดค่ะ เดี๋ยวตอนเต็มจะมาเน้อ
ปล.มีคนถามถึงตอนพิเศษ มีนะคะ ตามนี้นะ
- บทส่งท้าย [1]
- บทส่งท้าย [2]
(มีบทส่งท้าย 2 ตอนค่ะ)
- ตอนพิเศษพาร์ทน้องธารดำเนินเรื่อง 3 ตอน
- ตอนพิเศษจอมแก่น-โรม 1 ตอน
- ตอนพิเศษน้องมายด์
ส่วนตอนพิเศษที่เหลือจะมาในแบบรูปเล่ม ไม่มีลงในเว็บให้อ่าน คาดว่ามีราวๆ 3 ตอน พี่เหนือดำเนินเรื่อง รอกันก่อนนะคะ
------------------------------------------------------
ผมวางโทรศัพท์ในมือลงราวกับไร้เรี่ยวแรง มือทั้งสองข้างสั่นระริก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายปวดหนึบจนชา อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ที่รู้ๆ คือ ผมเรียงลำดับเรื่องราวไม่ถูกว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นตอนไหน และเกิดขึ้นได้ยังไง
ธารมีเฟซบุ๊ค...สร้างไว้ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาราวๆ กับตอนที่ผมเจอธารที่ไทยตอนปิดเทอมกลางภาค แต่ผมไม่รู้ว่าธารมี
ปิดบังกันเหรอ หรืออะไร ทำไมถึงไม่บอกให้ผมรู้ว่ามีเฟซบุ๊คทั้งที่รู้ว่าผมก็เล่น?
หรือว่าจะกลัวว่าคนที่ถ่ายคู่รูปด้วยในรูปโปรไฟล์จะรู้ว่ามีผมอยู่?
ผมนั่งนิ่ง คิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ความจริงผมก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งนั้นที่กลับไปไทยแล้วล่ะว่าธารคุยกับคนอื่นนอกจากผม
เริ่มระแคะระคายตั้งแต่ที่ผมเห็นข้อความเข้าในโปรแกรมแชท แล้วธารไม่ยอมเปิดดูตอนที่ผมทักว่ามีคนส่งข้อความมาแล้วล่ะ แต่ธารจะรู้หรือเปล่าว่าผมเห็นว่าฝั่งนั้นส่งข้อความมาว่าอะไร
‘คิดถึงนะจ๊ะ’
ประโยคนี้ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดผม ยิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้ก็คิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ฟุ้งซ่านจนทำอะไรไม่ถูก นั่งนิ่ง มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พอตั้งสติได้ ถึงได้หยิบโทรศัพท์มาเข้าดูเฟซบุ๊คของธารอีกครั้ง
เฟซบุ๊คนั่นถูกตั้งเป็นไพรเวท ไม่มีการโพสต์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว และไม่แสดงว่าเป็นเพื่อนกับใครบ้าง มีเพียงวันที่สร้างเฟซบุ๊คเท่านั้นที่ยังเห็นอยู่ กับรูปโปรไฟล์ที่กดเข้าไปดูได้
รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บปวด แต่ผมก็กดเข้าไปดูรูปของธารถ่ายคู่กับผู้หญิงผมสั้น หน้าตาน่ารักสดใสวัยไล่เลี่ยกันในชุดลำลอง เธอยิ้มกว้าง กอดคอธารแน่น ขณะที่ธารทำหน้าหงุดหงิดราวกับไม่เต็มใจถ่ายด้วย แต่มันก็เป็นสไตล์ของธาร ถ่ายรูปกับผมยังทำหน้าแบบนี้เลย
เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ...
คิดแล้วก็วางโทรศัพท์ลงอีกครั้ง ในใจวูบไหวจนหัวสมองด้านชาไปหมด
ถึงจะมาก่อนก็เถอะ แต่ธารไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่รักกัน แถมตอนที่รักกันก็เป็นช่วงที่ธารว้าเหว่ ต้องการใครสักคนเข้ามาในชีวิต ซึ่งบังเอิญใครสักคนนั่นดันเป็นผม ซ้ำผมยังเป็นฝ่ายที่ทิ้งธารมาเรียนต่อเอง แล้วแบบนี้ผมจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร
ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด และธารมีแฟนจริงๆ แล้วผมควรทำยังไง ถอยออกมาอย่างนั้นเหรอ?
คงจะต้องอย่างนั้น ผมพูดเองนี่ว่าให้ธารชั่งใจตอนถูกธารขอเป็นแฟนเมื่อหลายปีก่อน และถ้าธารเจอใครใหม่ที่ดูแลได้ดีกว่าผม หรือรักมากกว่าผม ก็สามารถไปได้เลย พูดเองซะขนาดนั้น จะไปเรียกร้องโวยวายอะไรได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากให้ธารเป็นของใคร ไม่อยากให้ธารปันใจไปรักคนอื่น
ผมนี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย...
ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตกจนแทบทนอยู่ในห้องคนเดียวไม่ไหว เลยตั้งท่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้ผ่านคลาย ทว่าธารก็โทรวิดีโอคอลเข้ามาหาผมพอดี
ผมชะงัก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีมั้ย กระทั่งสายเรียกเข้าตัดไป ธารส่งข้อความมาบอกให้ผมรับสายแล้วโทรซ้ำมาอีก ผมเลยรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กดรับสายแล้วถอยไปนั่งพิงหมอนที่อิงอยู่กับหัวเตียง
[รับช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่]
น้ำเสียงหงุดหงิดของธารดังเข้ามาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หงุดหงิดไม่แพ้น้ำเสียงปรากฏให้ผมเห็น ผมยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนโกหกคำโต
“พี่เหนือเข้าห้องน้ำมาน่ะครับ”
[อ๋อ โอเค แล้วพี่กินข้าวหรือยัง ]
ธารถามสัพเพเหระเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมก็ตอบรับไปเหมือนทุกครั้งเช่นกัน สายตาก็สังเกตดูใบหน้าของธารไปด้วย
ผมเพิ่งสังเกตเห็นเอาในวันนี้ว่าธารดูโตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ภาพลักษณ์เด็กเกเรเมื่อเกือบสองปีก่อนเริ่มหายไป ก็นะ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วนี่นา ขึ้นปีสองแล้วด้วย จะไม่ให้โตขึ้นได้ยังไง
ทว่าถึงจะเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีเค้าของเด็กหัวดื้อเมื่อครั้งแรกที่ผมรู้จักให้เห็น
มองหน้าหล่อนั่นแล้ว ผมก็เกิดคิดถึงเด็กปากคว่ำ เอาแต่ใจ ขี้โวยวายคนเดิมขึ้นมา
ธารคนเดิม...คนที่รักผมสุดหัวใจ คนที่เห็นผมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนไม่อาจเสียผมไปได้
ผมคิดถึงธารใจคนนั้น... คิดถึงจริงๆ
เพราะความคิดถึงทำให้ผมเงียบ... เงียบไปดื้อๆ ไม่ได้ฟังเสียงธารที่ถามเรื่อยเปื่อยไปครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนธารเรียกชื่อผมซ้ำหลายครั้ง
“ครับ?” ผมขานรับเมื่อรู้สึกตัว
ธารย่นคิ้ว มองหน้าผมเขม็งก่อนจะถามเสียงเครียด
[วันนี้เหม่อๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำธีสิสมันหนักมากเหรอพี่]
“ก็...นิดหน่อยครับ” ผมตอบรับอย่างขอไปทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
แต่ธารก็ยังเป็นธาร ผมเปลี่ยนไปนิดเดียว มันก็รู้แล้ว
[พี่เป็นอะไร]
ธารถามเสียงเครียด สีหน้าก็ดูเคร่งเครียด จับผิดผมได้ทันตา
ผมรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดที่ผุดพรายในใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะข่มน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ปรับสีหน้าให้เป็นปกติด้วยแม้ว่าการยิ้มให้มันครั้งนี้จะเป็นการยิ้มที่ฝืนที่สุดเท่าที่ยิ้มให้มันมาเลยก็ตาม
“พี่...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรครับ”
ธารไม่เชื่อ เห็นหัวคิ้วย่นยู่ของอีกฝั่งผ่านจอโทรศัพท์ก็รู้แล้วว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด
[พี่เหนือ บอกมาว่าพี่เป็นอะไร] ถามย้ำออกมาอีกครั้งด้วย
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็ว่าจะไม่คิดเรื่องนี้แล้ว แต่พอถูกธารถาม ผมก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอฉับพลัน ภาพที่เห็นก่อนหน้าวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง ใจผมนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไปเห็นอะไรมา แต่ผมกลับไม่กล้าพูดออกไป
ก็ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ แค่รักกันแต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินจากมันมาเอง เป็นคนบอกมันเองด้วยว่าถ้ารอไม่ไหวก็ไม่ต้องรอ ผมจึงทำได้แค่...
“พะ...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไร”
ตอบด้วยประโยคเดิม...
ธารเงียบ มองหน้าผมนิ่ง พลันว่าเสียงเข้ม
[ถ้าพี่ไม่เป็นอะไร แล้วที่ร้องไห้อยู่ หมายความว่าไง]
อา...นี่ผมร้องไห้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ
ยกมือขึ้นปาดขอบตาก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของธารดังขึ้นมาอีก
[ใครทำอะไรพี่ ใครทำให้พี่ร้องไห้ บอกมา]
เป็นการข่มขู่อย่างไม่พอใจที่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ก็มันไม่เคยเห็นผมเศร้าเลยนี่นา ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา มันเห็นแต่ความปัญญาอ่อนของผมอยู่ฝั่งเดียว และผมก็รู้สึกได้ด้วยว่านี่ไม่ใช่การแสร้งทำ มันเป็นห่วงผมจริงๆ ห่วงจากใจ แล้วอย่างนี้ผมจะพูดได้ยังไงล่ะว่าผม...
ผมไปเห็นว่ามันมีคนอื่น...
นอกเหนือจากนั้น จะให้ผมพูดยังไงว่าผมหึง ผมหวง ผมไม่อยากให้มันปันใจไปให้คนอื่น ถึงจะไม่ใช่แฟน แค่คุยกัน ผมก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง ผมอยากรั้งมันไว้คนเดียว อยากให้มันรอ อยากให้รักแค่ผม มองแต่ผมเท่านั้น เป็นของผมตลอดไป
แต่ผมจะพูดยังไง...
จะให้ผมบอกไปยังไงว่าผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้...