【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59  (อ่าน 239531 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ยากเนอะ กับรักทางไกล ..... ความไว้ใจ เชื่อใจ มันคือสิ่งที่ต้องเป็น ต้องทำให้ได้ แต่จะทำได้มากแค่ไหนหล่ะ? ใจคน .... :katai5:

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สรุปเป็นรูปน้องมายด์ที่เข้ากรุงเทพแล้วไปโมหน้ามาใหม่

ฮาเลยนะะะ 5555555

หน่วงอ่ะ พี่เหนือสู้ๆ

ออฟไลน์ aoraor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จากคนขายอ้อยจะเปลี่ยนเป็นโรงงานมาม่ารึคะ 55555555

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ใครว่าความห่างไกล จะทำให้อ่อนไหวง่าย ถึงบางทีจะจริงแต่ก็ไม่เสมอไป
#นะจ้ะน้องธารพี่เหนือ
เพลงก็มา คิดถึงก็คิดถึง :mew4: :mew3:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 27
ตัวอย่างตอนนี้คือเฉลยความข้องใจของตอนที่แล้วเลยนะ
สปอยล์ไปเลยแล้วกันจะได้สบายใจว่าหน่องธาร สามีแห่งชาตินี่ใสสะอาดบริสุทธิ์ 555
บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันนิยายตลกกก มาม่าอะไรคือภาพลวงตา กร๊ากก
ตอนหน้าคือตอนสุดท้ายแล้วนะคะ อาจจะมาอัพไม่วันพรุ่งนี้ก็มะรืนเน้อ
จากนั้นก็จะอัพบทส่งท้าย 2 ตอน แล้วก็บรรดาตอนพิเศษค่ะ 
เจิมแล้วปูเสื่อรอได้เลย เดี๋ยวมาอัพให้นะ
-----------------------------------------------

“เพราะไอ้รูปบ้าๆ นั่นน่ะเหรอ พี่เลยหนีธาร”
“คือ...”
“ไม่เชื่อใจกันทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร เพราะไอ้รูปนี้เนี่ยนะ!” ธารเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

ผมเกรงว่าคนอื่นจะมาได้ยิน เลยรีบตรงเข้าไปจับมือธารไว้ แล้วปลอบให้ใจเย็นๆ
“พี่เหนือขอโทษครับ เห็นแล้วมันคิดมากน่ะ ก็พี่เหนือกับน้องธารอยู่ห่างกันอย่างนั้น มันก็อดคิดไม่ได้ ลองคิดกลับกันดูสิว่าถ้าน้องธารเห็นพี่เหนือถ่ายรูปคู่กับผู้ชายอื่นที่น้องธารไม่รู้จักแบบสนิทสนม น้องธารจะคิดยังไง”
ธารเงียบไป แต่ก็ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“แม่งเอ๊ย ทำไมพี่ดูไม่ออกวะ”
ไม่รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้ผมต้องย่นคิ้วเมื่อมันพูดขึ้นมาอีก
“ดูอะไรไม่ออกครับ”
“ก็ไอ้ผู้หญิงที่อยู่ในรูปไง พี่ดูไม่ออกเหรอว่าเป็นใคร”
“ใคร”

ผมยังไม่เข้าใจที่ธารพูดอยู่ดี ธารจ้องหน้าผม ยกมือขึ้นมาประคองซีกหน้าผมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่เหนือ ที่ธารไม่อธิบายอะไรเกี่ยวกับรูปนี้ เป็นเพราะธารคิดว่าพี่รู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นใคร แต่ไม่คิดว่าพี่จะดูไม่ออกถึงขนาดนี้ ไม่ได้เจอมันแค่สองปีเองนะ พี่ดูไม่ออกจริงๆ เหรอ”
“แล้วเป็นใครล่ะครับ”
ผมเริ่มระแวงขึ้นมาละว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหนึ่งในเพื่อนของธาร แล้วก็ดูท่าจะจริงซะด้วยเมื่อธารยกยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างขบขันที่เห็นผมทำหน้าเหมือนจะเข้าใจอะไรได้ขึ้นมา
“ยะ...อย่าบอกนะว่านั่น...น้อง...”
“เออ ไอ้ไม้” พูดยังไม่ทันจบ ธารก็โพล่งออกมาแล้ว

ผมอ้าปากค้าง นึกถึงหน้าใสๆ ของผู้หญิงทันใด
ดะ...เดี๋ยวนะ มึงน่ารักขึ้นมาขนาดนี้ได้ไง หมดไปกี่ล้าน ตอบ!

แต่ผมก็ไม่ได้คำตอบนั้นหรอก นอกจากธารที่หลุดหัวเราะลั่น แล้วเลื่อนมือมายีเส้นผมของผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่นี่แม่ง หึงใครไม่หึง ไปหึงไอ้ไม้ หนีธารไม่พอ ยังกลับมาไทยไม่บอก แถมเลิกติดต่อกับธารเพราะมันอีก สมองหมาฉิบหาย ขนลุกเลยเนี่ยเห็นมั้ย”
พูดไป หัวเราะไป ก็ด่าไปด้วย ส่วนผมเหวอกิน ทำหน้าไม่ถูก
สมองหมาจริงๆ หึงใครไม่ถึง ไปถึงอีตุ๊ดนรกนั่น แต่ก็แหม... ใครจะไปรู้ว่ามึงจะทรานส์ฟอร์มเป็นสาวน้อยหน้าใส ดูคิกขุอาโนเนะแบบนั้นได้ในเพียงเวลาแค่ปีสองปีล่ะวะ!
หมอสมัยนี้แม่งเก่งเทพเกินไปแล้ว

ธารหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล พอหยุดได้ก็คว้ามือผมไปจับแล้วออกเดิน
“ไปกันได้แล้ว”
“ไปไหนครับ” ผมถามด้วยจู่ๆ ธารก็ลากผมไปโดยไม่บอกกล่าว
ธารหันหน้ามามองนิดนึง ยิ้มให้ผมแล้วว่าสั้นๆ
“พาไปเจอคนที่ทำให้พี่หึงจนจะทิ้งธารนี่ไง ไปได้แล้ว อย่าถามมาก”



 
ลากผมขึ้นรถ โทรหาน้องมายด์ให้มาเจอกันที่ห้างใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เลือกร้านที่นัดเจอกันไว้เรียบร้อย ผมก็รอการมาถึงของน้องมายด์อย่างใจจดจ่อ ตื่นเต้นเหมือนกันที่ไม่ได้เจอน้องมายด์นาน ตาก็มองหาไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะมองเห็น เสียงของน้องมายด์ก็ดังลั่นร้านก่อนแล้ว
“ธารจ๋า เมียรักอยู่นี่จ้า”

ผมกับธารหันไปยังต้นเสียงทันที ไม่ใช่แค่เราทั้งคู่หรอกที่หันไปมอง คนอื่นในร้านก็หันไปมองเช่นกัน แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นน้องมายด์ที่ตัวล่ำบึ้กไม่ต่างจากตอนเรียน ปวช.แม้แต่น้อยเดินปรี่เข้ามาหา ต่างกันก็แค่มันไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มเด็กช่าง แต่ใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงแบบกระโปรงพลีทที่สั้นจนเป็นกระโปรงเซเลอร์มูน ใส่ส้นสูง ผิวขาวขึ้น หน้าตาดูคิกขุขึ้น แต่...

ทำไมตัวจริงมึงไม่เห็นใสเหมือนในรูปที่กูเห็นเลยวะ! ในรูปอย่างน่ารักเถอะ ตัวจริงที่แม่งกระเทยควายชัดๆ!

อภินิหารกล้องฟรุ้งฟริ้งล่ะสินะ

อะไรไม่ว่า พอมันเดินเข้ามาหาพวกผม สายตาผมก็มองไปที่หน้าอกดูมๆ ของมันที่เด้งไปมาซ้ายทีขวาทีทันใด

แหม ไม่เจอกันนาน นมโตขึ้นเยอะเลยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2016 20:38:03 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เคลียร์ด่วนเลยธาร!!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
รักระยะไกลมันก็มีอุปสรรคแบบนีัแหละค่ะ
ต้องอดทนใหมากๆ มั่นคงให้เยอะๆ
เคสนีัหวังว่าจะจบลงด้วยดี อิคนอ่านอยากดูการขายอ้อยอีก 555

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อภินิหารกล้องฟรุ้งฟริ้งช่างน่ากลัวนัก เกือบไปแล้วนะธาร แต่นั้นใช่นายไม้จริงๆ หรือนี่ แอ็บเดี๋ยวนี้ทำได้ทุกอย่างจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มีความฮา ฮ่าๆ

ออฟไลน์ แค่มะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอตัวไปบึ้มโรงงานอิกล้องฟรุ้งฟริ้งนี่ได้ไหมคะ  :katai1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
กล้องฟรุ้งฟริ้ง ..

ออฟไลน์ narakarr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนท่แล้วอ่านไปแล้วโครตหน่วงจิต พอมาเจอฉากนี้เข้านี่มัน..........

กร๊ากกกกกกก ขำอย่างแรง

 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ่าาา มีความเดาถูก

ฮาลั่นนนนนนนน

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อิน้องมายด์ ทำพิษ  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
5555555ฮาตัวอย่าง

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 27: เป็นแฟนธารนะพี่[1]

ส่งข้อความไป ผมก็รอธารติดต่อกลับมาอย่างใจจดจ่อ ทว่า...
ไม่ติดต่อกลับมา ข้อความขึ้นว่าเปิดอ่าน แต่ไม่ติดต่อกลับมา

ทำไม!?

นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาอธิบายว่ารูปที่ผมเห็นนั่นคืออะไร โทรไปก็ปิดเครื่องตลอด เกิดอะไรขึ้น?

ผมนั่งกำโทรศัพท์แน่น สายตามองหน้าจอโทรศัพท์อย่างหัวเสีย หงุดหงิดที่ติดต่อธารไม่ได้ ไม่ว่าจะโทรไป ส่งข้อความไป ก็ไม่สามารถติดต่อธารได้เลย ฝั่งนั้นปิดโทรศัพท์ลูกเดียว ส่งข้อความไปก็ไม่ขึ้นเปิดอ่าน พอไปติดต่อจอมแก่นกับโรมผ่านทางเฟซบุ๊ค ขอให้ช่วยติดต่อธารให้บ้าง พวกนั้นก็บอกว่าติดต่อธารไม่ได้เหมือนกัน แม้แต่ขอเบอร์คุณธีมา ขอร้องให้คุณธีโทรหาธาร คุณธีก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้

ทำไมกัน จู่ๆ หายไปแบบนี้มันแปลกๆ นะ ถ้าจู่ๆ ติดต่อไม่ได้แบบนี้ ผมคิดได้สองทางเท่านั้น คือโทรศัพท์ธารอาจจะหายหรือมีปัญหา อีกทางคือ ธารกำลังหนีผมอยู่
ตอนแรกผมก็คิดว่าอย่างแรก เลยได้แต่รอให้ธารติดต่อกลับ เพราะคิดว่าธารน่าจะมีเบอร์ผมที่นี่ ถ้าโทรศัพท์หาย ยังไงก็จำเบอร์ผมได้อยู่แล้ว แต่มันก็แค่การคาดเดาของผมเอง ไม่แน่ว่าอาจจะจำไม่ได้ก็ได้ ด้วยตอนที่ผมให้เบอร์ธาร ธารก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก นอกจากเซฟไว้ในโทรศัพท์ แล้วก็ไม่เคยโทรหาด้วยเบอร์นั้นด้วย โทรผ่านโปรแกรมแชทอย่างเดียวเพราะไม่ต้องเสียค่าโทร

หรือว่าจะหนี ไม่ยอมตอบคำถามจริงๆ หรือว่าสิ่งที่ผมคิดว่าธารคุยกับคนอื่น มันจะเป็นเรื่องจริง แบบว่าพอผมจับได้ ก็ถือโอกาสสลัดผมทิ้งไปเลยอะไรแบบนี้?

ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ ผมเลยพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง นั่งทำธีสิสต่อด้วยสองวันที่ผ่านมา ผมเอาเวลาไปกังวลเรื่องธารไม่หยุดหย่อนจนงานไม่เดินเลยแม้แต่น้อย ทว่าต่อให้พยายามทำแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับมันได้แม้แต่น้อย ต้องปิดไฟล์งานลง นั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมสมาธิ
สงสัยวันนี้คงจะต้องพักก่อน ดันทุรังไปก็เท่านั้น นอนเลยก็แล้วกัน

คิดว่าจะนอน แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้นอนเพราะจู่ๆ โทรศัพท์ก็ส่งเสียงข้อความเรียกเข้าจากเฟซบุ๊ค ผมกดดูก็เห็นว่าเป็นกั้งกับยีนส์ที่ดึงผมเข้าไปอยู่ในกลุ่มสนทนาส่งข้อความมา ผมเลยคุยกับพวกมันแก้เบื่อ เรื่องที่คุยก็ไม่มีอะไร คุยกันเรื่อยเปื่อยจิปาถะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียนของผม กับเรื่องงานของพวกมันมากกว่า ตอนนี้พวกมันทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งด้วยกัน แล้วก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดิมด้วยกันเช่นกัน
ทว่าผมก็ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พวกมันคุยกันมากเท่าไหร่ แวบมาดูกล่องสนทนา แล้วก็แวบไปดูเฟซบุ๊คชาวบ้านด้วย ก่อนจะฉุกใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เท่านั้น นิ้วมือก็พิมพ์ชื่อเฟซบุ๊คของธารลงในช่องค้นหาทันที

ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดูทำไม รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บ แต่อันที่จริงก็เจ็บน้อยลงแล้วล่ะด้วยไม่เห็นว่าเฟซบุ๊คนั้นมีการเคลื่อนไหวอะไร ก็ผมเข้าไปดูแทบทุกวัน ไม่เห็นจะมีโพสต์อะไรขึ้นเลย รูปก็ยังเป็นรูปเดิม
หากแต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม รูปโปรไฟล์เปลี่ยนไป จากรูปผู้หญิงผมสั้นระต้นคอคนนั้นกอดคอธาร วันนี้เปลี่ยนเป็น...หอมแก้ม

อะไรน่ะ!?

ผมชะงักเลย หัวคิ้วย่นยู่ ใจเต้นถี่เร็วด้วยตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ใจก็หายวาบด้วยเถอะ ไม่ใช่ใจหายอย่างเดียวด้วยแล้วตอนนี้ เห็นสีหน้าธารที่ดูหงุดหงิดขณะถูกผู้หญิงคนนั้นหอมแก้ม ผมก็ปวดหนึบในใจขึ้นมา อะไรไม่ว่า ตอนนี้เฟซบุ๊คนั้นเปิดเป็นสาธารณะ มีโพสต์ขึ้น ส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายของผู้หญิงคนนั้นคู่กับธาร

คู่กับธาร...ในห้องสองต่อสอง

รูปธารทีเผลอก็มี และอีกหลายๆ รูปที่ดูก็รู้ว่าส่วนตัวสุดๆ ที่สำคัญ ใต้รูปนั้นมีคำบรรยายด้วยถ้อยคำหวานหยดย้อย หากแต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่เท่ากับการได้เห็นรูปธารนอนหลับแบบถอดเสื้อ แล้วผู้หญิงคนนั้นไปถ่ายรูปคู่ด้วยบนเตียง

‘ขอบคุณที่มาอยู่ด้วยกันตลอดสองวันนี้นะจ๊ะที่รัก’

อ่านแล้ว มือผมก็สั่นเทาทันที สติแทบจะหลุดลอยไปเมื่อจับต้นชนปลายถูก
ที่ธารหายไป ไม่ติดต่อผมมาตลอดสองวันที่ผ่านมา คือไปอยู่กับผู้หญิงคนนี้เหรอ?
ต้องใช่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะมีรูปนี้หลุดมาได้ยังไง แถมรูปนี้ก็ขึ้นวันที่ว่าอัพวันนี้ รูปก่อนหน้าก็เป็นของสองวันก่อนทั้งนั้น
ผมรีบกดเข้าไปดูเฟซบุ๊คของผู้หญิงคนนั้นที่แท็กรูปธารมาทันที ทว่าเฟซบุ๊คนั้นปิดเป็นไพรเวท ทำให้ผมไม่สามารถเข้าไปดูข้างในได้แม้แต่ข้อมูลส่วนตัว เห็นแต่รูปโปรไฟล์ที่ถ่ายคู่กับธาร และชื่อของผู้หญิงคนนั้นเป็นภาษาอังกฤษบนหัวเฟซบุ๊ค

มาการ์เร็ต...

ถ้าหน้าตาไม่น่ารักจุ๋มจิ๋มประหนึ่งเน็ตไอดอลล่ะก็ ผมคงจะด่าว่ามาการ์เร็ตป้ามึงไปแล้ว แต่น่ารักไง ผมเลยต้องเก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้ ซ้ำจริงๆ แล้ว ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรด้วย ก็ธารไม่ได้เป็นของผม ไม่ได้เป็นแฟนผม ผมจะไปออกอาการหึงหวงแบบออกหน้าออกตาได้ยังไง

และสวรรค์คงจะยังไม่สาแก่ใจ เห็นรูปคู่ธารกับผู้หญิงคนนั้นแบบแนบชิดกับข้อความหวานหยดย้อยไม่พอ ยังมาเห็นคอมเม้นต์ของจอมแก่นกับโรมที่มาคอมเม้นต์ให้รูปคู่ที่ธารถอดเสื้อนอนบนเตียงอีก

‘สวีทกันจริงนะ ว่างๆ มาเจอกันหน่อยสิ คิดถึง’
อันนี้คอมเม้นต์ของจอมแก่น

‘เบื่อผัวเมียคู่นี้จริงๆ เลิกทะเลาะกันแล้วสินะถึงได้ไปอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้’
ส่วนอันนี้ของโรม

ไหนพวกมันสองคนบอกว่าติดต่อธารไม่ได้ไง แล้วทำไมถึง...

ผมไม่อยากคิดเลยว่าจอมแก่นกับโรมก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แบบว่าช่วยธารปิดผมว่าธารมีคนอื่นอะไรแบบนี้
จะปิดผมทำไม ปิดไปเพื่ออะไร มีคนอื่นก็บอกสิ บอกมาเลย ผมจะไปเอง

คิดแล้วความน้อยใจก็ประดังประเดเข้ามา น้ำตาที่ไม่ได้ไหลมาตลอดสองวันก็เริ่มไหลอาบหน้าอีกแล้ว หูไม่สนใจเสียงข้อความของยีนส์กับกั้งอีกต่อไป ผมวางโทรศัพท์ลง ปิดเครื่องแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด จากที่ร้องไห้เงียบๆ ก็กลายเป็นปล่อยโฮสุดเสียง สองมือยกขึ้นปิดใบหน้า ร้องไห้ราวกับจะขาดใจให้ได้

ไม่ได้ร้องไห้อย่างนี้ตั้งแต่จับได้ว่าแฟนเก่าคนล่าสุดนอกใจผมมานานแล้ว ไม่ยักจะคิดว่าสักวันผมจะต้องมาร้องไห้ให้กับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันได้

ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เราแค่รักกัน ทว่าตอนนี้... เหมือนผมจะเป็นฝ่ายเดียวที่ยังรักและซื่อสัตย์กับธารซะแล้วสิ

แต่ก็อย่างว่า ผมจะทำอะไรได้ล่ะ เป็นคนทิ้งธารมาเอง เลือกเอง บอกให้ธารไปเองถ้าเจอคนที่ดีกว่าผม แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากเดินออกมาและจากไปเงียบๆ
แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะว่าไม่มีที่ว่างให้ผมได้ยืนข้างธารแล้ว ในเมื่อธารเจอคนที่ดีกว่า ผมก็คง...

ต้องไป...

ร้องไห้จนตัวโยน ร้องจนแทบไม่มีเรี่ยวแรง พอตั้งสติได้ ผมก็แกะฝาโทรศัพท์ เอาซิมส์ออกแล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ไยดี ก่อนถอยกลับมานั่งนิ่งบนเตียง ปล่อยให้สายตาทอดมองไปอย่างไม่มีจุดหมาย
มันจบแล้วสินะ จบทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ผมมารู้เองอย่างนี้ ไม่อย่างนั้น ธารก็คงไม่ยอมบอกผม และกว่าผมจะรู้ความจริง มันก็คงจะสร้างบาดแผลให้ผมเจ็บปวดมากกว่านี้แน่นอน

ดีแล้วที่ถอยออกมา...

ปลอบใจตัวเองไปมา น้ำตาก็ไหลเอ่อขอบตาอีกครั้ง เจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องปล่อยมือคู่นั้น ผมอุตส่าห์ดูแลประคับประคองเด็กคนนั้น แต่ธารก็โตแล้วนี่นะ... โตพอที่จะเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีผมได้แล้ว ผมก็เดินกับธารมาได้แค่นี้แหละ

จากนี้...ก็คงจะต้องขอให้น้องธารของผมโชคดี
ผมเองก็คงต้องตั้งหลัก แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อตัดใจเหมือนกัน
 



ตัดใจ... ใครๆ ก็พูดได้ พูดน่ะมันง่าย แต่ทำจริงมันง่ายซะที่ไหน

ผมเลยปิดช่องทางการติดต่อทุกอย่างเพื่อที่ธารจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับผมให้ผมทำใจไม่ได้อีก แต่จะบอกว่าปิดช่องทางการสื่อสารมันก็ไม่เชิง ผมแค่เลิกเล่นเฟซบุ๊ค ปิดโทรศัพท์ตลอดเวลา จะติดต่อใครแต่ละทีก็มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายติดต่อไป แล้วก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตั้งใจทำธีสิสเพื่อให้ลืมธาร แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่นัก ขนาดผ่านมาหลายเรียนกระทั่งผมเรียนจบ รับปริญญาอะไรเรียบร้อย จนมีกำหนดวันกลับประเทศไทยแล้ว ผมยังลบภาพใบหน้าของธารออกจากใจไม่ได้เลย

หลับตาก็เห็น นอนก็ฝันเห็น สมองว่างจากการคิดเรื่องเรียนก็ดันไปคิดเรื่องมันอีก หลอกหลอนจนผมคิดว่าตัวเองจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

หลอกหลอนหนักกว่าเดิมอีกเมื่อผมโทรบอกกับพ่อแม่ว่าจะขึ้นเครื่องกลับบ้านเกิดอีกไม่กี่วันข้างหน้า แล้วพ่อกับแม่บอกว่าธารแวะมาหาที่บ้าน พร้อมกับมาโวยวายว่าติดต่อผมไม่ได้ ผมเลยต้องรีบกำชับพ่อกับแม่ไปว่า ต่อให้ธารมากอดขาอ้อนวอน ก็อย่าให้เบอร์ผมไปเด็ดขาด แล้วก็อย่าบอกธารด้วยว่าผมกำลังจะกลับไป

[แต่น้องธารน่าสงสารมากเลยนะเหนือ แวะมาหาแม่ที่บ้านทุกวัน ติดต่อน้องมันบ้างสิลูก]
แม่บ่นเมื่อได้ยินผมยืนกรานหนักแน่นว่ายังไงก็ให้ธารรู้ว่าผมจะกลับไปไม่ได้ ผมเลยถอนหายใจออกมาเต็มแรง
“ธารเค้ามีแฟนแล้ว อย่าให้เหนือไปยุ่งด้วยเลย”
[หมายความว่ายังไงที่ว่ามีแฟนแล้ว เหนือเป็นแฟนน้องธารไม่ใช่เหรอ]

ถามมาอย่างนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง ก็พ่อกับแม่เข้าใจว่าธารเป็นแฟนผมนี่นา จู่ๆ จะให้ไปบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เป็น แค่รักกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็แปลกๆ ผมเลยตัดบทเอาดื้อๆ
“ช่างเถอะแม่ อย่าไปสนใจเลย สนใจที่เหนือพูดเถอะ อย่าไปบอกธารนะว่าเหนือจะกลับไปวันไหน ไม่งั้นเหนือเจอเรื่องยุ่งยากแน่”
[ได้ๆ ไว้น้องธารมาหาอีก แม่จะบอกว่าเหนือยังไม่กลับ จะอยู่เที่ยวก่อนแล้วกันนะ ว่าแต่...เหนือโอเคนะลูก]
แม่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมฟังแล้วก็ใจสั่นขึ้นมา อยากจะร้องไห้คร่ำครวญความเจ็บปวดนี้ให้แม่ฟังเหลือเกิน ทว่าก็ทำได้แค่กลั้นน้ำตาและข่มน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“เหนือไม่เป็นไรครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
แม่ก็เออออไป ชวนคุยเรื่องอื่น ส่วนใหญ่ก็เตือนให้ผมอย่าลืมเก็บข้าวของกลับมาไทยให้หมด อย่าหลงลืมอะไรเอาไว้นั่นแหละ ผมก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ก่อนจะเอะใจขึ้นมา

เอ...ก่อนหน้านี้แม่บอกว่าธารมาหาที่บ้านทุกวัน บ้านผมอยู่กรุงเทพฯ บ้านธารอยู่พิษณุโลก แล้วธารก็เรียนอยู่ที่พิษณุโลก จะมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านทุกวันได้ยังไง อย่าบอกนะว่าโดดเรียนมา?

คิดแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าธารทำแบบนี้จริง ก็เท่ากับว่าขาดเรียนมาหลายวันเลยนะ นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากให้ธารทำมากที่สุดเลยด้วยไอ้การทิ้งการเรียนมาเพื่อผมเนี่ย ถึงในใจจะรู้สึกดีนิดหน่อยที่อย่างน้อยมันก็พอจะเห็นผมสำคัญบ้าง

แต่แล้วไงล่ะ สำคัญแล้วไง ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้ว
ผมก็เลยไม่คิดจะถามแม่ว่าทำไมธารถึงมาหาทุกวันได้ ได้แต่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นเลือนหายไปพร้อมกับการพยายามลืมผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดรองจากพ่อไปด้วย
 



กลับมาไทยได้ไม่ถึงวัน ผมก็ไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้แม้ว่าพ่อกับแม่จะคิดถึงผมมากแค่ไหนก็ตาม

ก็ใครมันจะไปอยู่ได้ล่ะ ห้องนอนของผม ครั้งหนึ่งมันเคยมีธารอยู่นี่นา ถึงตอนนี้ธารจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่นของไอ้เด็กเวรนั่นอบอวลอยู่ ทำให้ผมอยู่บ้านตัวเองไม่ได้ อยู่แล้วจะลงแดงตาย ผมเลยขอพ่อกับแม่ไปนอนที่คอนโดฯ ไอ้กั้งเป็นการชั่วคราว จากนั้นก็จะย้ายไปอยู่หอพักถ้าหากหาที่เหมาะๆ ได้ ถึงพ่อกับแม่ผมจะไม่เห็นด้วยที่ผมไม่ยอมอยู่บ้านทั้งที่เพิ่งกลับมา ทว่าก็เข้าใจว่าตอนนี้จิตใจผมไม่เป็นปกติ เลยยินยอมให้ไปแต่โดยดี

ยอมรับว่าอยู่กับไอ้กั้งทำให้ผมพอจะหายฟุ้งซ่านไปได้บ้าง เพราะมันมีคำแนะนำดีๆ ให้ผมเสมอ แม้ว่าคำแนะนำของมันจะมาพร้อมกับคำด่าก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านหรืออยู่คนเดียวแล้วปล่อยให้ฟุ้งซ่านแหละวะ

และเพราะกั้งรู้ว่าผมกับธารจบกันแล้ว ยีนส์ก็เลยรู้เรื่องด้วยอีกคน แวะเวียนมาหาผมที่คอนโดฯ กั้งทุกวัน บางวันก็มานอนค้าง มาอยู่คุยเป็นเพื่อนผมด้วย ทำให้ผมพอจะคลายความเศร้าไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะตอนที่พวกมันต้องไปทำงานและไปเรียน พออยู่คนเดียว ผมก็คิดมากอีก ยิ่งแม่โทรมาบอกไม่เลิกว่าธารแวะมาหาทุกวัน พวกมันก็เริ่มกังวลกันว่าผมอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า และอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ พวกมันเลยโทรไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาที่สนิทกันสมัยที่พวกเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยให้ช่วยแนะนำงานให้ผม ให้ผมได้มีอะไรทำ จะได้ไม่คิดมาก

อาจารย์ทราบปัญหาก็เลยชักชวนผมไปสมัครเป็นนักศึกษาช่วยสอน หรือที่เรียนกว่า TA ย่อมาจาก Teaching Assistant นั่นแหละ เพราะอาจารย์ขาดคนอยู่ ปกติแล้วจะรับนักศึกษาปริญญาโทที่เรียนอยู่ในเอกที่อาจารย์ดูแลอยู่เท่านั้น ทว่าผมสำหรับผมเป็นกรณีพิเศษ ก็อย่างที่บอกว่าสนิทกับอาจารย์ และโปรไฟล์การศึกษาผมก็ดีพอที่จะการันตีได้ว่าสามารถสอนหนังสือได้ดีและมีความรู้ในเรื่องที่จะสอนจริง ผมเลยได้กลับไปทำงานในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองจบ ป.ตรี มา ถึงจะเป็นงานพาร์ทไทม์ ไม่ได้เป็นงานประจำ แต่ผมก็เห็นด้วยว่ามันมีประโยชน์พอที่จะทำให้ผมลืมเรื่องของธารไปได้

ก็พอจะลืมไปได้บ้างน่ะ ไม่ได้ลืมไปทั้งหมดหรอก... ก็ยังคิดอยู่ ยังคิดถึง ยังอยากเจอ แต่ถ้าจะให้ไปเจอ ผมคงไม่ไปแล้ว ถ้าเจอแล้วต้องเจ็บปวดกว่านี้ สู้ปล่อยให้ผมคร่ำครวญอยู่คนเดียวให้พอ แล้วให้เวลาเยียวยาจนกว่าจะเลิกรักธารไปเองจะดีกว่า
ผมเลยใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการวางแผนการสอน เพราะผมต้องมารับหน้าที่ต่อจากทีเอคนเก่าที่เพิ่งออกไป วิชาที่ผมได้สอนก็คือภาษาอังกฤษสำหรับวิศวกร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอก หลักๆ ก็มีเรื่องการสอนสนทนา กับคำศัพท์ที่ใช้ในวงการนี้ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากนัก อาทิตย์หน้าก็พร้อมไปสอนแล้ว

ผมกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้กลับมาในฐานะนักศึกษา แต่กลับมาในฐานะผู้สอน อาจารย์ที่ปรึกษาโทรมาบอกผมว่าให้ผมไปใช้ห้องพักของเธอที่ตึกคณะได้ และเนื่องจากวันนี้เธอต้องไปสอนที่ศูนย์อื่นของมหาวิทยาลัย เธอจึงไหว้วานให้นักศึกษาของคณะวิศวะฯ ซึ่งรับหน้าที่เป็นตัวแทนของนักศึกษาในเซคชัน คอยประสานงานเรื่องต่างๆ มาช่วยงานผม

เรื่องที่ให้ช่วยก็ไม่มีอะไร แค่เอาใบรายชื่อนักศึกษาทั้งคลาสมาให้ กับวานให้เอาเอกสารที่ผมจะสอนไปถ่ายเอกสารสำหรับแจกให้นักศึกษาคนอื่นในห้องน่ะ

แต่ด้วยความที่ผมไม่เคยเจอนักศึกษาคนนี้มาก่อน ติดต่ออะไรก็ติดต่อผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสิ้น และวันนี้เธอไม่อยู่ เธอเลยนัดนักศึกษาคนนั้นให้มาหาผมก่อนคลาสจะเริ่มในตอนเช้าที่ห้องพักอาจารย์ที่ตึกคณะ ผมเลยต้องไปยังที่หมายแต่เช้าเพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว
เข้ามาในห้อง นั่งอ่านบทเรียนที่จะเอาไปสอนในคลาสแรกได้สักพัก เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตรงไปเปิดประตู ร่างใหญ่ของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ สวมเสื้อช็อปสีกรมท่าซึ่งเป็นสีเสื้อช็อปของคณะวิศวะฯ ประจำมหาวิทยาลัยก็ปรากฏให้เห็น ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าหากว่าคนตรงหน้าผมนั้น ไม่ใช่...

“นะ...น้องธาร”

ธารจริงๆ ธารใจตัวเป็นๆ ไม่ผิดเพี้ยน!

ผมอึ้งงัน แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น คนที่ผมคิดถึงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นตัวเป็นตนให้จับต้องได้ ผมเกือบจะพุ่งเข้าไปกอดธารอย่างลืมตัวแล้วถ้าหากว่าไม่ตั้งสติได้ก่อน ส่วนธารก็มองผมอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องด้วยความรวดเร็ว ผลักประตูปิดแล้วจัดการล็อคลูกบิด วางเอกสารที่ถือเข้ามาลงบนโต๊ะเต็มแรง

“รายชื่อนักศึกษา อาจารย์แพรวให้เอามาให้”
ว่าขึ้นมาห้วนๆ ส่วนอาจารย์แพรวก็คือชื่อเล่นของอาจารย์ที่ปรึกษาผมซึ่งสอนวิชาที่ผมกำลังจะไปสอนแทน
ผมไม่แปลกใจนักหรอกหากธารจะรู้จัก เพราะถ้าเป็นเด็กในคลาส ยังไงก็ต้องรู้จักอาจารย์ประจำวิชาอยู่แล้ว แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ ธารมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงต่างหาก!?
“น้องธาร... นี่มันอะไร” ผมครางออกมาราวกับสติหลุด
ธารตวัดดวงตาคมมามองผมอย่างเคืองๆ ปากก็เผลออ้า เปล่งคำพูดสวนมา
“ธารต้องเป็นงฝ่ายถามพี่ต่างหากว่าที่พี่ทำมันหมายความว่าไง ทำไมจู่ๆ ถึงเลิกติดต่อธาร แล้วทำไมถึงกลับมาไทยไม่บอก สั่งพ่อแม่พี่ไม่ให้บอกธารว่าพี่อยู่ไหนทำไม พี่มีคนอื่นเหรอ ทำไมถึงได้หนีธารแบบนี้ ถ้าธารไม่เห็นชื่อพี่ในคอร์สเอาท์ไลน์ใหม่ที่อาจารย์แพรวให้มา ธารจะรู้มั้ยว่าพี่มาเป็นทีเอที่นี่ พ่อแม่พี่ก็ปากแข็งเถอะ ถ้าไม่บังเอิญขนาดนี้ ชาตินี้ก็คงไม่ต้องได้เจอกันแล้วมั้ง แล้วนี่ธารทำอะไรผิด ทำไมถึงทิ้งกันไปแบบนี้!”

เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนคำถามที่มากขึ้น ผมตัวแข็งค้าง คำถามพวกนั้นควรจะเป็นสิ่งที่ผมถามมากกว่า แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเอ่ยปากออกไปไม่ได้ รู้สึกราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ สมองก็งงงัน เอ๋อกินไปชั่วขณะ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าธารมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมใส่เสื้อช็อปของมหาวิทยาลัยผม ไหนว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดพิษณุโลก

นะ...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?

“ยังไม่ตอบอีก จะต้องให้ถามซ้ำอีกกี่ครั้งว่าทิ้งธารทำไม! บอกมาสิพี่เหนือ พี่ทิ้งธารทำไม!”

คนที่ทิ้งกันน่ะ มึงต่างหากเว้ย!

อยากจะตะโกนใส่หน้ามันไปอย่างนี้ แต่เอาเข้าจริง ผมก็ไม่พูดอะไร ธารเลยตะเบ็งเสียงใส่ผมไม่หยุด
“บอกมาสิพี่เหนือ ธารผิดอะไร มีคนอื่นใช่มั้ยถึงจะทิ้งกันไปแบบนี้!” สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเจ็บปวดแค่ไหน
ผมสับสนขึ้นมาทุกขณะจิต อารมณ์หลากหลายปนเปในหัวกันไปหมด ทั้งดีใจที่ได้เจอธาร ดีใจที่รู้ว่ามันก็รอผมแล้วเป็นฝ่ายโวยวายผมแทนที่ผมจะโวยวายใส่มันเรื่องมีคนอื่นด้วย แต่ก็เจ็บที่ได้เห็นหน้ามันตรงนี้ เจ็บยิ่งกว่าเมื่อนึกถึงรูปของมันกับผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะพยายามตั้งสติ ถามสิ่งที่ผมควรจะรู้เป็นอันดับแรกออกไปก่อน
“ละ...แล้วทำไมน้องธารถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”
สิ่งนี้แหละที่ผมควรรู้
ธารหายใจแรงหลายครั้งติดกันราวกับพยายามควบคุมให้เป็นปกติ ก่อนจะว่าเสียงเขียว
“ก็เรียนอยู่ที่นี่ จะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะวะ”
ผมเบิกตาโตราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“เรียนอยู่ที่นี่? มาเรียนได้ไง ก็น้องธารมอบตัวไปแล้ว”

หมายถึงมอบตัวกับมหาวิทยาลัยที่มันสอบได้ในพิษณุโลกไปแล้วน่ะ วันที่มันไปมอบตัว ผมก็ไปด้วยเถอะ

ธารชักสีหน้าใส่ผมอีกครั้ง “ก็สละสิทธิ์แล้วมาสอบที่นี่ไง สอบรอบรับตรง เห็นมีเปิดรับสมัครอยู่ก็เลยมา เคยบอกพี่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ไม่เคย” ผมเถียงทันควัน
ก็ไม่เคยจริงๆ ผมเพิ่งจะรู้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละว่ามันสละสิทธิ์จากที่นั่นแล้วมาสอบเข้าที่นี่
ธารยู่หน้าโดยพลัน
“ก็เคยบอกแล้วว่าเรียนหลักสูตรนานาชาติ พี่นี่สมองหมาหรือเปล่าวะ หลักสูตรนานาชาติวิศวะฯ นี่มันมีกี่มหา’ลัยกันเชียว!”
คิดขึ้นมาได้ทันทีว่ามันเคยพูด มิน่าล่ะ ตอนปิดเทอมที่ผมมาหามันถึงได้ตรงกับปิดเทอมของมันพอดี ที่แท้ก็หลักสูตรนานาชาติมันปิดเทอมตรงกับผมนั่นเอง
แต่...ยังไงมึงก็ไม่เคยบอกกูเว้ย! เพิ่งจะมารู้ก็ตอนนี้เนี่ย!

“แต่น้องธารไม่เคยบอก” ผมเถียงอีก ทำเอาธารยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ก็พี่เคยเปิดโอกาสให้ธารได้พูดมั้ยล่ะ เจอหน้ากัน คุยกันก็เอาแต่พูดเรื่องตัวเอง ธารเห็นว่าพี่ไม่สนใจ ก็เลยไม่ได้บอก ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยเลยปล่อยๆ ไป กะว่าพี่กลับมาก่อนแล้วค่อยบอกทีเดียว”

อย่ามาหาว่ากูไม่เคยถามนะ กูถามเถอะเรื่องเรียนมึงเนี่ย ถามว่าเป็นไงบ้าง มึงบอกก็ดีๆ อยู่อย่างเดียว แล้วก็ถามแต่เรื่องของกู ใครจะไปตรัสรู้ฮะ! ที่สำคัญ ทำไมมันต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับที่กูจบมาด้วย!?

“ถ้าพี่คิดจะถามว่าทำไมธารถึงเลือกมาที่นี่ บอกเลยว่าแค่คิดว่าถ้าพี่กลับมา พี่คงไม่ได้ไปทำงานที่พิษ’โลก ธารก็เลยมาเรียนที่นี่ เราจะได้อยู่ใกล้ๆ กันก็เท่านั้น ไม่มีอะไร”
ยังไม่ทันจะได้ถามเลย มันก็พูดขึ้นมาแล้วประหนึ่งรู้ว่าผมจะถามอะไร ผมชะงักงันไป ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเด็กนี่จะคิดอะไรแบบนี้ด้วย ทว่าก็อึ้งได้ไม่นาน ก็โดนมันตวาดอีกแล้ว
“ว่าแต่พี่เถอะ เมื่อไหร่จะตอบธารสักทีว่าไอ้ที่หนีหน้าธารเป็นเดือนๆ ติดต่อไม่ได้ กลับมาก็ไม่บอก แถมสั่งให้พ่อกับแม่พี่ห้ามบอกธารอีกว่าพี่อยู่ไหนนี่หมายความว่าไง ธารไปทำอะไรให้พี่วะ!”
มองสีหน้ากราดเกรี้ยวของมัน ใจผมก็ปวดหนึบขึ้นมากะทันหัน
ยังจะต้องถามอีกเหรอว่าทำอะไรให้ผม ก็มันมีคนอื่นขนาดนี้ จะให้ผมอยู่ทำซากอะไร!
“น้องธารมีคนอื่น” ผมพูดออกมาเลย ถึงเสียงจะสั่นเครือเล็กน้อยด้วยควบคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่อยู่ แต่ก็กลั้นใจพูด
หัวคิ้วเรียวสวยของธารย่นยู่ทันควัน ก่อนว่าเสียงแข็ง
“ใคร ธารมีใคร พูดมา!”
“ก็ผู้หญิงคนนั้นที่น้องธารถ่ายรูปคู่ด้วยไง พอพี่เหนือส่งรูปไปให้ดู น้องธารก็ไม่ตอบ ไม่อธิบายว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไม่ติดต่อพี่เหนือกลับมาเลย จนพี่เหนือไปรู้เองว่าธารไปกับผู้หญิงคนนั้น แล้วแบบนี้จะให้พี่เหนืออยู่รอไปทำไม!”
ผมสติแตก ทั้งที่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทว่าผมก็ดันหลุดปากโพล่งออกไป ก็ตอนนี้ผมเก็บความอัดอั้นตันใจตลอดเวลาหลายเดือนไม่ไหวอีกแล้ว ลืมไปหมดว่าการเป็นทีเอต้องวางมาดให้สมกับเป็นผู้สอน ถึงจะไม่ใช่อาจารย์จริงๆ ก็ควรจะวางตัวให้ดี

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 27: เป็นแฟนธารนะพี่[2]

หากแต่ตอนนี้ เก็บอะไรไม่ได้อีกแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีต่อธารมันมากเกินไป... มากจนเอ่อล้นออกจากหัวใจไปหมด เกือบจะร้องไห้แล้วด้วยซ้ำถ้าธารไม่พูดออกมาก่อน
“ไอ้วันนั้นที่ธารโทรหาพี่น่ะ ธารไปสอบเสร็จใช่มะ ทีนี้ตอนออกจากห้องสอบ โทรศัพท์ดันหายไปไหนไม่รู้ จะติดต่อพี่ทันทีเลยก็ทำไม่ได้ ธารจำเบอร์พี่ไม่ได้ ต้องกลับไปดูที่ห้อง” ว่าไป น้ำเสียงก็อ่อนลง สีหน้าก็เช่นกัน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อคำพูดได้เลย ก็ตอนนั้น ผมเห็นธารเปิดอ่านข้อความที่ผมส่งไปนี่นา อ่านแล้วก็ไม่ตอบกลับมา เป็นใครก็คิดทั้งนั้นแหละ
“พี่เหนือเห็นน้องธารเปิดอ่านข้อความ...” คิดแล้วก็พูดไป
“สงสัยคนที่เก็บได้จะอ่านมั้ง ไม่ก็เอาโทรศัพท์ไปปลดล็อคขายล่ะมั้ง พี่ถึงเห็นข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว” ธารยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเองไปมา

ดูท่าทาง ธารก็ไม่น่าจะโกหก ผมดูออกว่าเวลามันโกหก มันจะไม่เนียนขนาดนี้ แต่ถึงยังไงก็เชื่อใจไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าโทรศัพท์หายจริง แล้วตอนกลับมาที่ห้อง ทำไมไม่รีบติดต่อพี่เหนือ ปล่อยให้คาราคาซังทำไมตั้งหลายวัน”
นี่แหละที่ผมสงสัย

ธารทำหน้าเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากหนาก็เริ่มโวยวาย
“ก็ไอ้ไม้น่ะสิ เลิกสอบแล้วก็มาเจอมันมาดักอยู่ที่หน้าหอ ธารเลยถูกมันลากไปอยู่เป็นเพื่อน จะปฏิเสธมันก็ไม่ได้ มันร้องไห้หน้าดำหน้าแดงมาอย่างนั้นก็ต้องไป”
เป็นผมที่เป็นฝ่ายย่นคิ้วบ้างแล้ว

เดี๋ยวนะ ถ้าธารบอกว่าน้องมายด์ลากไป งั้นก็แสดงว่าน้องมายด์เรียนอยู่แถวๆ นี้เหรอ

“ไอ้ไม้มันเรียนอยู่ ม.xxx เนี่ย เจอกันบ่อยอยู่”
ชื่อมหาวิทยาลัยเอกชนใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยผมดังเข้ามาในหู ผมเลยรู้เอาตอนนี้ว่าน้องมายด์ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากผมเลย เพียงแต่ผมไม่รู้เท่านั้นว่ามันเรียนที่ไหน แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารบอกว่าไปกับน้องมายด์ แต่ดันมีรูปคู่กับผู้หญิงออกมาให้เห็น
แบบนี้โกหกกันทั้งที่มีหลักฐานทนโท่นี่หว่า
“แต่พี่เหนือเห็นนะว่าน้องธารไม่ได้ไปกับน้องมายด์ น้องธารไปกับคนอื่น”
“ไปกับใครวะ ก็บอกว่าไปกับไอ้ไม้ ทำไมพี่ไม่เชื่อกันมั่ง”
“ก็จะให้พี่เหนือเชื่อได้ไง ปากก็บอกว่าไม่มีเฟซบุ๊ค แต่พี่เหนือก็เห็นว่ามี บอกว่าไปกับน้องมายด์ แต่ไปโผล่บนเตียงกับผู้หญิงที่ชื่อมาการ์เร็ตอะไรนี่ ไหนบอกพี่เหนือหน่อยสิครับว่าจะให้พี่เหนือเชื่อได้ยังไง!” ผมเผลอขึ้นเสียงไปบ้าง
ธารนิ่งฉับพลัน เอ่ยชื่อของบุคคลที่สามที่ถูกผมพาดพิงทันใด
“เฟซบุ๊คน่ะไม่มี ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าไม่ได้เล่น ส่วนมาการ์เร็ตนี่ใคร?”
“พี่เหนือไม่รู้ครับ หน้าตาน่ารักๆ ที่น้องธารไปถ่ายรูปด้วยน่ะ”
ธารทำหน้าสงสัยหนัก ถลาเข้ามาหาผมทันที
“ไหนเอารูปมาดูซิ”
ผมเลยจัดการเปิดเฟซบุ๊คตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง เข้าไปหาเฟซบุ๊คนั้น แล้วส่งให้ธารดู ธารรับโทรศัพท์ผมไปไว้ในมือแล้วก็เบ้หน้า
“ใครทำเฟซบุ๊คขึ้นมาวะ”

ดูท่าทางหัวเสียแล้ว ผมว่ามันไม่น่าจะรู้เรื่องจริงๆ อาจจะมีคนทำให้ แล้วก็เดาถูกซะด้วยเมื่อมันเห็นรูปคู่ที่ผมว่า พลันหันมามองผมทันควัน
“เพราะไอ้รูปบ้าๆ นั่นน่ะเหรอ พี่เลยหนีธาร”
ถามเสียงอ่อนขึ้นมาฉับพลัน ผมเลยพยักหน้าให้ธารได้ถามอีก
 “ไม่เชื่อใจกันทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร เพราะไอ้รูปนี้เนี่ยนะ!”
ตอนนี้เริ่มเสียงแข็งขึ้นมาอีกแล้ว ผมเกรงว่าคนอื่นจะมาได้ยิน เลยรีบตอบรับกลับไป
“ครับ เห็นตำตาอย่างนั้นแล้ว จะให้พี่เหนืออยู่ทำไม”
สิ้นเสียงผม เดดแอร์ก็หลั่งไหลมากลืนกินเราทั้งคู่ทันที ก่อนที่ธารจะเป็นฝ่ายหัวเราะลั่นโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะทำไม
“มีอะไรน่าขำเหรอครับ”
“พี่นี่แม่ง บ้าฉิบเป๋ง” ธารกลั้วหัวเราะขณะพูด ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
 “พี่เหนือขอโทษแล้วกันครับที่บ้า แต่เห็นแล้วมันทำให้พี่เหนือคิดมากน่ะ คิดว่าน้องธารมีคนอื่น แล้วเราก็อยู่ไกลกันขนาดนั้น จะไม่ให้พี่เหนือไม่คิดอะไรเลยมันก็ไม่ได้ ลองคิดกลับกันดูสิว่าถ้าน้องธารเห็นพี่เหนือถ่ายรูปคู่กับผู้ชายอื่นที่น้องธารไม่รู้จักแบบสนิทสนม น้องธารจะคิดยังไง”

ธารหยุดหัวเราะได้ หน้ายังยิ้มอยู่ ก่อนจะแสร้งส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม
“แม่งเอ๊ย ทำไมพี่ดูไม่ออกวะ”
ไม่รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้ผมต้องย่นคิ้วเมื่อมันพูดขึ้นมาอีก
“ดูอะไรไม่ออกครับ”
“ก็ไอ้ผู้หญิงที่อยู่ในรูปไง พี่ดูไม่ออกเหรอว่าเป็นใคร”
“ใคร”
ผมยังไม่เข้าใจที่ธารพูดอยู่ดี ธารจ้องหน้าผม ยกมือขึ้นมาประคองซีกหน้าผมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่เหนือ ที่ธารไม่อธิบายอะไรเกี่ยวกับรูปนี้ตั้งแต่แรก เป็นเพราะธารเคยบอกพี่ไปแล้วว่าธารไม่เคยถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงคนไหน แล้วก็ไม่เคยเห็นรูปนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าคิดว่าพี่จะดูไม่ออกว่านั่นเป็นใคร ไม่ได้เจอมันแค่สองปีเองนะ พี่ดูไม่ออกจริงๆ เหรอ”
“แล้วเป็นใครล่ะครับ”
ผมเริ่มระแวงขึ้นมาละว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหนึ่งในเพื่อนของธาร ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นที่ธารคุยอย่างที่ผมคิดไปเอง แล้วก็ดูท่าจะจริงซะด้วยเมื่อธารหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมทำหน้าเหมือนจะเข้าใจอะไรได้ขึ้นมา
“ยะ...อย่าบอกนะว่านั่น...น้อง...”
“เออ ไอ้ไม้” พูดยังไม่ทันจบ ธารก็โพล่งออกมาแล้ว
ผมอ้าปากค้าง นึกถึงหน้าใสๆ ของผู้หญิงทันใด

ดะ...เดี๋ยวนะ มึงน่ารักขึ้นมาขนาดนี้ได้ไง หมดไปกี่ล้าน ตอบ!

แต่ผมก็ไม่ได้คำตอบนั้นหรอก นอกจากธารที่หลุดหัวเราะลั่น แล้วขยับมาใกล้ผม ยกมือมายีเส้นผมของผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่นี่แม่ง หึงใครไม่หึง ไปหึงไอ้ไม้ หึงหน้ามืดจนหนีธารเนี่ยนะ โคตรบ้าเลย หนีไม่พอ ยังกลับมาไทยไม่บอก แถมเลิกติดต่อกับธารเพราะมันอีก สมองหมาฉิบหาย ขนลุกเลยเนี่ยเห็นมั้ย”
พูดไป หัวเราะไป ก็ด่าไปด้วย ส่วนผมเหวอกิน ทำหน้าไม่ถูก
สมองหมาจริงๆ หึงใครไม่ถึง ไปถึงอีตุ๊ดนรกนั่น แต่ก็แหม... ใครจะไปรู้ว่ามึงจะทรานส์ฟอร์มเป็นสาวน้อยหน้าใส ดูคิกขุอาโนเนะแบบนั้นได้ในเพียงเวลาแค่ปีสองปีล่ะวะ
หมอสมัยนี้แม่งเก่งเทพเกินไปแล้ว!
“ตะ...แต่ว่า...”
“เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วจะพาไปเจอมันโอเคมั้ย จะได้เชื่อว่าธารไม่ได้โกหก”
พูดยังไม่ทันจบ ธารก็สวนขึ้นพลางหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล พอผมพยักหน้ารับ ธารก็หยุด แล้วจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“ธารบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะรอ ไม่ว่าจะกี่ปีก็จะรอ รักพี่มากขนาดนี้ ทำไมไม่เชื่อใจกันอีก”
“คะ...คือ...พี่เหนือ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ยอมรับเลยว่าภูเขาก้อนยักษ์ที่ทับใจผมจนเจ็บปวดมาหลายเดือนถูกยกออกไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

ธารเห็นท่าทางอึกอักของผม ธารก็ส่งเสียงหัวเราะหึในลำคอ ก่อนถลาเข้ามาดึงผมเข้าไปกอดแน่น กระซิบเสียงเบามาให้ผมได้ยินด้วย
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ว่ายังไง ธารจะไม่ทำให้พี่เจ็บปวดเด็ดขาด เชื่อใจกันหน่อยสิ”
คำพูดในวันที่ผมกับธารทะเลาะกันแรงที่สุดเมื่อสองปีก่อนดังเข้ามาในจิตใต้สำนึกผมทันที เรียกให้หยาดน้ำตาสีใสไหลอาบใบหน้าผมได้
จริงของธาร เด็กนี่ไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลย มีแต่ผมนี่แหละที่คิดมากไปเอง คิดมากจนเกือบจะเสียคนที่ผมรักสุดหัวใจไปเพราะความเข้าใจผิดงี่เง่านี่แล้ว
“ธารรักพี่ขนาดนี้ จะทิ้งพี่ไปยุ่งกับคนอื่นลงคอได้ยังไง”
เสียงทุ้มกระซิบยืนยันอีกครั้ง ผมเลยยกมือขึ้นกอดตอบธาร ซุกหน้าลงไหล่กว้าง ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เผยด้านอ่อนแอให้เห็นอย่างลืมตัว
“พะ...พี่เหนือขอโทษครับ”

เป็นการร้องไห้และเผยด้านอ่อนแอของผมให้ธารเห็นเลยก็ว่าได้ ธารไม่พูดอะไร ลูบท้ายทอยผมเบาๆ เป็นการปลอบ จากคนที่ผมเคยปลอบเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเป็นฝ่ายปลอบผมแล้ว
“เลิกร้องได้แล้ว เจอหน้ากันทั้งทีแทนที่จะดีใจ มาร้องไห้แบบนี้ เหมือนไม่ใช่พี่เลย” ธารพึมพำ

ก็จริง... แต่มันก็อดไม่ได้นี่หว่า คิดดูสิ ปล่อยให้ผมเข้าใจผิด เจ็บช้ำน้ำใจอยู่ตั้งหลายเดือน ไม่จิตใจบอบบางก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดธารนะ ความผิดผมเองที่รีบถอยก่อนโดยไม่รอฟังคำอธิบายใดๆ ธารต้องติดต่อมาอยู่แล้วล่ะ ผมดันไปปิดช่องทางการสื่อสารก่อนซะนี่

ปลอบกันอยู่อย่างนั้นกระทั่งผมหยุดร้องไห้ได้เลยผละออกจากธาร ธารมองหน้าผมแล้วอมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นใช้นิ้วปาดคราบน้ำตาให้ พลางว่า
“พี่จะรู้มั้ยเนี่ยว่าธารคิดถึงพี่แค่ไหน โคตรคิดถึงเลย... คิดถึง”
ผมยิ้มขึ้นมาได้บ้าง ปากก็ว่าเสียงเครือ
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกัน...”

ยังไม่ทันจะได้พูดหางเสียง ธารก็ขยับเข้ามาใกล้ ฉกจูบริมฝีปากผมไปแล้ว

เป็นการจูบอย่างโหยหา จูบด้วยความคิดถึง จูบแนบแน่นราวกับว่ากลัวจะเสียไปอีก ทว่าก็ไม่ได้เป็นการจูบที่ยาวนานเท่าไหร่นักด้วยสถานที่ที่เราอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ที่ที่จะมาทำอะไรแบบนี้ได้สะดวกนัก
“ไว้จะไปต่อทีหลัง จะเอาให้หายคิดถึง พี่ก็เตรียมใจโดนลงโทษฐานสมองหมา แล้วก็หนีธารได้เลย” ธารที่ผละออกจากผมคาดโทษ
ผมพยักหน้ารับ ไม่เกี่ยงงอนกับการรับโทษใดๆ จะโดนลงโทษหนักหนาแค่ไหนก็เอาเถอะ ผมยอมทุกอย่าง แค่ผมได้คนที่ผมรักกลับมาเหมือนเดิม แค่นั้นก็คุ้มค่ามากพอที่จะแลกแล้ว
“ไปได้แล้ว ใกล้เวลาเริ่มเรียนแล้ว ไว้เลิกเรียนแล้วมาคุยกัน ธารมีเรื่องจะคุยกับพี่อีกเยอะ”
ธารชักชวน ผมเลยเก็บเอกสารทั้งหมดลงกระเป๋า ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องพักอาจารย์ ทว่ามือใหญ่ก็คว้ามือผมไปกุมไว้ซะก่อน
“พี่เหนือ...”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับสายตาจริงจังของคนตรงหน้า และตามมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้จากนี้เชื่อใจธารได้มั้ย ธารสัญญาว่าจะรักพี่ให้มากเท่าที่จะรักคนๆ นึงได้ ขออย่างเดียว อย่าหนีธารไปอีก ธารจับมือพี่แล้ว ธารจะไม่มีวันปล่อย พี่คือทุกสิ่งของธาร คือคนคนเดียวที่ธารต้องการ ขอร้อง ครั้งหน้าถ้ามีอะไร รอคุยกันก่อน อย่าวู่วาม โอเคมั้ย”

ผมหลุดร้องไห้ออกมาอีกจนได้ สัมผัสได้ถึงความจริงใจของมันที่โหยหามานาน ก่อนพยักหน้ารับเร็วๆ ธารยิ้ม ตรงเข้ามาดึงผมไปซบหน้าอกอีกครั้ง ประทับจูบลงบนหน้าผากผมเบาๆ
“ขี้แยเอ๊ย กลายเป็นคนขี้แยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็...ตั้งแต่ที่พี่เหนือรักน้องธารจนโงหัวไม่ขึ้นไงครับ” ผมตอบเสียงเครือ
ธารหัวเราะมาให้ได้ยินเบาๆ
“ธารก็รักพี่จนโงหัวไม่ขึ้นเหมือนกัน รู้ว่ารักขนาดนี้แล้ว ห้ามหนีกันไปอีกนะ”
เป็นการตอบรับกับคำพูดของธารอีกครั้ง จากนั้นก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ครอบคลุมพวกเราไว้จนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน
ถึงทุกอย่างจะยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ และเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเป็นอย่างมาก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ดีแล้วที่ผมได้เด็กน้อยปากคว่ำของผมคืน
ดีแล้วที่เรายังรักกันมากขนาดนี้

ดีแล้ว...
 



ธารเลิกเรียนปุ๊บ ก็จัดการลากผมไปขึ้นรถ มุ่งหน้าไปหาน้องมายด์ที่เพิ่งโทรนัดกันเมื่อกี้ว่าให้มาเจอกันที่ห้างใกล้ๆ มหาวิทยาลัยทันควัน
เอ่อ...จะเรียกว่าขึ้นรถก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าลากผมไปคร่อมรถดีกว่า ก็รถของมันน่ะใช่รถยนต์ซะที่ไหน คาวาซากินินจาคู่ใจคันเดิมที่มันเคยขับในพิษณุโลกน่ะ หมวกกันน็อคก็ใบเดิม แม้แต่หมวกกันน็อคของผมเอง...ก็ใบเดิม

ธารให้เหตุผลว่าที่ไม่ขับรถยนต์ เป็นเพราะมันต้องการรู้สึกว่าผมอยู่กับมันตลอดเวลาในตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่อเมริกา ส่วนที่มันเลือกมาสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับผม ไม่ใช่แค่เหตุผลว่ามันต้องการอยู่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้เจอผมบ่อยๆ ตอนผมกลับมาไทยแล้วเท่านั้น ยังมีเหตุผลอื่นอีก หนึ่งก็คือ มันต้องการให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ครั้งหนึ่งผมเคยอยู่เพื่อจะได้สัมผัสถึงผมได้ และสอง มันต้องการพิสูจน์ตัวเองว่ามันก็ไม่ได้โง่ภาษาอังกฤษถึงขนาดเรียนหลักสูตรนานาชาติไม่ได้

ได้ยินเหตุผลของมันแล้ว ผมก็อึ้งเลย ชื่นชมมันด้วยว่าถ้ามุ่งมั่นทำอะไรสักอย่างแล้ว มันก็ทำได้ง่ายๆ ไอ้ภาษาอังกฤษที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ตอนนี้เหรอ... พูดคล่องปรื๋อเลยทีเดียวแม้ว่าสำเนียงจะยังไม่เป็นเนทีฟสปีกเกอร์ก็ตาม

น่าภูมิใจชะมัด

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารพาผมมาถึงที่หมาย เดินไปยังร้านที่นัดเจอกับน้องมายด์ไว้ แล้วนั่งรอการมาถึงของน้องมายด์อย่างใจจดใจจ่อ ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่ไม่ได้เจอน้องมายด์มานาน แต่นอกเหนือจากความตื่นเต้น ผมอยากถามน้องมายด์มากกว่าว่าทำไมจะต้องสร้างเฟซบุ๊คธารขึ้นมา เพราะผมถามธารแล้ว แต่ธารไม่บอก ให้ถามน้องมายด์เองด้วยมันกลัวว่ามันอธิบายไป ผมจะไม่เชื่อ แล้วมันเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงด้วย แค่พอจะเดาๆ ได้จากการโพสต์และแท็กของน้องมายด์ในเฟซบุ๊คปลอมนั้น มีที่ผมสงสัยเพิ่มเติมด้วยคือ น้องมายด์ก็มีเฟซบุ๊คเดิมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นแอคเคาท์เดียวกับที่แอดเฟรนด์ผมเอาไว้ แต่ไม่เห็นมันจะอัพเดตอะไรเลย รูปโปรไฟล์ก็ยังเป็นรูปตอนสมัยเรียน ปวช. ด้วย

หรือว่าพอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะปกปิดอดีตของตัวเองกันนะ?

ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตัวการก็โผล่มาให้ถามแล้ว เห็นผมกับธารได้ ก็ส่งเสียงเรียกดังลั่นร้านขนมไปหมด
“ธารจ๋า เมียรักอยู่นี่จ้า”
ผมกับธารหันไปยังต้นเสียงทันที ไม่ใช่แค่เราทั้งคู่หรอกที่หันไปมอง คนอื่นในร้านก็หันไปมองเช่นกัน แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นน้องมายด์ที่ตัวล่ำบึ้กไม่ต่างจากตอนเรียน ปวช. แม้แต่น้อยเดินปรี่เข้ามาหา กล้ามมียังไงก็ยังมีอย่างนั้น ตัวงี้เป็นปล้องๆ เลย ต่างกันก็แค่มันไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มเด็กช่าง แต่ใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงแบบกระโปรงพลีทที่สั้นจนเป็นกระโปรงเซเลอร์มูน ใส่ส้นสูง ผิวขาวขึ้น หน้าตาดูคิกขุขึ้น แต่...

ทำไมตัวจริงมึงไม่เห็นเหมือนใสรูปที่กูเห็นเลยวะ! ในรูปอย่างน่ารักเถอะ ตัวจริงที่แม่งกระเทยควายชัดๆ!

กระเทยควายจริงๆ ดูจะตัวใหญ่ เนื้อแน่น กล้ามบึ้กกว่าเมื่อก่อนด้วย

อะไรไม่ว่า พอมันเดินเข้ามาหาพวกผม สายตาผมก็มองไปที่หน้าอกดูมๆ ของมันที่เด้งไปมาซ้ายทีขวาทีทันใด

แหม ไม่เจอกันนาน นมโตขึ้นเยอะเลยนะ

โตจริง โตแทบจะเอามาฟาดหน้าผมสลบได้อยู่แล้ว ผมนี่ไม่มองหน้ามันเลยเถอะ มองแต่นมมัน แม่งหมดไปกี่แสนกับนมวะ
“เจ้เหนือหวัดดีค่า เนี่ยรู้มั้ย พอธารบอกว่าเจ้กลับมาไทยแล้ว หนูก็รีบดิ่งมาหาเจ้เลยนะ คิดถึ้งคิดถึง”
ทักธารเสร็จ หันมาเจอผมก็ส่งเสียงแปร๋นๆ ออกมา
ผมก็ยิ้มรับไปตามเรื่อง สายตามองน้องมายด์ไม่หยุดกระทั่งมันทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วถามผมกลับ
“แหมๆ มองตาไม่กะพริบแบบนี้ หนูสวยล่ะสิ”

สวยป้ามึงเถอะ! ไอ้ในรูปที่กูเห็นนี่เป็นเพราะอภินิหารกล้องฟรุ้งฟริ้งล่ะสินะ ตัวจริงมึงนี่แม่ง... สุดจะเอ่ยจริงๆ

ทว่าผมก็รักษามารยาท ยิ้มกลับแล้วถามกลับไป
“แล้วน้องมายด์เป็นไงบ้างครับ สบายดีนะ”
“ว้าย น้องมายด์อะไรคะ หนูไม่ได้ชื่อนี้แล้ว ชื่อมาการ์เร็ต เรียกไม่ถนัด ให้เรียกสั้นๆ ว่ามาร์กี้” น้องมายด์สวนผมคืนทันที
ผมนี่เบ้ปากใส่มันรัวๆ

มาการ์เร็ตป้ามึงเถอะ!

ในที่สุดก็ด่าได้เต็มปากเต็มคำแบบไม่ตะขิดตะขวงใจแล้ว

เกือบจะด่ามันออกไปอีกด้วยถ้าหากว่าธารไปโพล่งขึ้นมาก่อน
“เอ้าพี่ สงสัยอะไรก็ถามมันไปเลย ถามให้เคลียร์นะ จะได้ไม่มาหาว่าธารโกหกอีก”
น้องมายด์ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าที่ผมมาเจอกับมันวันนี้ นอกจากเจอกันเพราะไม่ได้เห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ผมก็มีเรื่องสงสัยอื่นด้วย
เท่านั้น ผมก็เริ่มออกปากถามโดยไม่มีพิธีรีตองใดๆ
“น้องมายด์สร้างเฟซบุ๊คปลอมให้น้องธารทำไมเหรอครับ” เป็นคำถามแรกที่ผมอยากรู้โคตรๆ
ก็ไอ้นี่มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเข้าใจธารผิดนี่นา

“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่ทำออกมา ให้ธารแกล้งเป็นผัวในมโนเฉยๆ” น้องมายด์ว่าเสียงเรียบราวกับไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ผมกลับคิ้วกระตุกยิกในคำตอบของมัน
“หมายความว่าไงที่ว่าเป็นผัวในมโน”
“ก็ตอนนั้นหนูเพิ่งเลิกกับแฟนมา มันไปมีคนอื่น หนูเลยทำเฟซบุ๊คปลอมของธารขึ้นมา ให้ธารสมมติว่าเป็นเด็กใหม่หนู ประชดให้มันหึงบ้างน่ะค่ะ อุ๊ย ฮันนี่โทสต์มาแล้ว” พูดพลางหันไปกรี๊ดกร๊าดกับขนมหวานหน้าตาน่ากินที่ถูกเสิร์ฟมาตรงหน้า

ส่วนผม ได้ยินแค่นั้น ผมก็แทบจะกดหัวมันจุ่มกับฮันนีโทสต์ทันใด

มึงจะมโนใครเป็นผัวก็ได้ แต่มึงจะเอาน้องธารของกูไปมโนไม่ได้! เห็นมั้ยว่ากูเข้าใจผิดกันเลยเนี่ย!

“ส่วนเฟซบุ๊คเก่านี่ หนูเลิกเล่นไปแล้ว เล่นแล้วทำใจไม่ได้ เคยขึ้นรีเรชันชิปว่าเป็นแฟนกับแฟนเก่าอยู่ เลยสร้างใหม่เหมือนกันค่ะ แล้วพวกรูปที่เอาลงในเฟซของธารก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่แสดงให้ดูเฉยๆ ว่า ธารเป็นผัวหนูนะ ผัวปลอมๆ”
ยังไม่ทันจะได้ถาม มันก็อธิบายออกมาแล้ว
มิน่าล่ะทำไมเฟซบุ๊คอันนั้นถึงมีจอมแก่นกับโรมเป็นเพื่อนได้ แต่มึงจะมามโนเป็นตุเป็นตะโดยไม่ถามความสมัครใจของน้องธารกูไม่ได้ แล้วมาทำให้กูเข้าใจผิด จะลงแดงตายเพราะคิดว่าโดนเด็กทิ้งอยู่หลายเดือนก็ไม่ได้เหมือนกัน

อีน้องมายด์...มึง! เอามีดหั่นฮันนีโทสต์กระซวกไส้ซะทีดีมั้ง!

ทว่าผมก็ยังเก็บอารมณ์ ถามออกไปเสียงสุภ้าพสุภาพทั้งที่ใจอยากจะกระโดดถีบมันสองขารวดเต็มแก่
“แล้วทำแบบนั้น แฟนเก่าน้องมายด์กลับมาคืนดีมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ก็ไปเสพสุขกับชะนีใหม่ไปแล้ว เพลีย” ว่าอย่างไม่ยี่หระ มือก็จ้วงขนมหวานเข้าปากไปด้วย

ส่วนผม...

เพลียมึงมากกว่าอีกอีน้องมายด์! ไม่คิดเลยว่าที่กูเสียน้ำตาเป็นลิตรๆ ตั้งหลายเดือนนี่เป็นเพราะมึง

มึงนี่แม่ง เห็ดสดจริงๆ!

ธารเห็นหน้าผมกลืนไม่เข้า คายไม่ออก อยากต่อยหน้าอีตุ๊ดนรกนี่เต็มแก่แต่ก็ทำไม่ได้ แล้วก็หัวเราะขึ้นมา
“เคลียร์แล้วนะพี่ เห็นมั้ยว่าธารน่ะบริสุทธิ์ ก่อนหน้านั้นที่หายไปเพราะไอ้ไม้มาร้องไห้ลากธารไป ก็เพราะมันโดนแฟนทิ้งนี่แหละ แต่ธารไม่รู้ว่ามันทำให้พี่เข้าใจผิดแบบนี้ด้วย”
จ้า เชื่อแล้วจ้าว่าน้องธารของพี่เหนือบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยมาก

ส่วนอีน้องมายด์... มึงจะไปขึ้นอืดที่ไหนก็ไป ได้คำตอบแล้ว มึงไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมโลกกับกูอีกต่อไป!

กลั้นใจมาก กลั้นใจที่จะไม่เอาส้อมจิ้มมันทีเดียวสี่รูมาก แต่ก็พอจะตั้งสติได้ว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของน้องมายด์คนเดียว เป็นความผิดของผมเหมือนกันที่ไม่ดูให้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

ก็แหม มันก็หน้าตาเปลี่ยนไปนะ ไม่ใช่ว่าไม่เปลี่ยน ดังแหมบๆ ตอนนี้กลายเป็นโด่งปรี๊ด มีหยดน้ำ ริมฝีปากหนาก็กลายเป็นกระจับดูบางเบาน่าจุ๊บ ตาก็โตขึ้น ดูรู้เลยว่าไปกรีดตาสองชั้นมาแน่ ส่วนกรามก็ดูเล็กลงด้วย สงสัยจะโบท็อกซ์ ที่สำคัญ มีนม... นมจริงๆ ไม่ใช่นมแบบยัดนุ่น สงสัยจะใช้ซิลิโคนขนาดดีหลายซีซีแหงม

หมดไปเท่าไหร่ค่าโมหน้าโมตัวมึงเนี่ย!

แต่การที่มันโมหน้า โมตัวมา ก็ใช่ว่าจะทำให้มันดูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นี่นา

ทว่ารอไม่นาน ข้อสงสัยของผมก็ได้รับการคลี่คลายเมื่อน้องมายด์จัดการกับขนมหวานเสร็จ แล้วคว้าโทรศัพท์ออกมา เรียกผมกับธารไปถ่ายเซลฟี่ด้วย
“ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยค่า ไม่ได้เจอกันนาน ต้องเอาไปอวดจอมแก่นกับโรมให้อิจฉาเล่น”
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ่ายก็ถ่าย ถ่ายเสร็จ น้องมายด์ก็ยื่นมาให้ผมกับธารดูว่าโอเคมั้ย

มันก็ต้องโอเคอยู่แล้วล่ะ มึงใช้แอพฯ ลวงโลกถ่ายรูปนี่หว่า หน้าไม่มีรูขุมขนเลยเถอะ!

ลวงโลกไปอีกเมื่อผมกับธารบอกว่าโอเค มันก็นั่งกดๆ จิ้มๆ หน้าจออยู่พักใหญ่ เสร็จแล้วก็ส่งมาให้ผมดู
“หน้าหนูโอเคหรือยังคะเจ้”

นะ...นี่มัน…อีน้องมายด์เวอร์ชันโมหน้าเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมเข้าใจผิดธารนี่หว่า!

โอ้โห ฝีมือการแต่งรูปของมึงน่ากลัวมาก เห็นแล้วอยากแจ้งตำรวจโทษฐานหลอกลวงประชาชน ถ้ามึงจะแต่งรูปเก่ง เปลี่ยนจากผีเป็นคนได้ขนาดนี้ กูเข้าใจผิดก็ถือว่าถูกแล้ว!

ธารเห็นสีหน้าผมที่มองน้องมายด์ตัวจริงสลับกับรูปอย่างอึ้งๆ ก็หัวเราะร่วน โพล่งขึ้นมาทันที
“เป็นไง ฝีมือแต่งรูปของไอ้ไม้ อึ้งไปเลยดิพี่”
“คะ...ครับ เทพมาก” ผมคราง ส่งโทรศัพท์คือให้น้องมายด์ไปอัพโหลดตามอัธยาศัย
พอน้องมายด์เข้าสู่โลกโซเชียล ธารก็ดึงมือผมไปจับใต้โต๊ะ พลางว่า
“สบายใจขึ้นแล้วนะ”
“ครับ” ผมตอบรับ ให้ธารได้พูดขึ้นมาอีก
“สบายใจขึ้นแบบนี้ ทุกอย่างก็เคลียร์แล้ว แล้วตอนนี้พี่จะทำตามสัญญาที่ให้กับธารไว้ได้หรือยัง”
“สัญญาอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วสูงทันควัน
ธารยู่หน้า หงุดหงิดไปเล็กน้อย ก่อนเฉลย
“ก็สัญญาว่าถ้าพี่กลับมาแล้วจะเป็นแฟนธารไง ตกลงจะรักษาสัญญามั้ยเนี่ย”
ได้ยิน ผมก็ร้องอ๋อทันใด
“รักษาสัญญาสิครับ ใครจะไม่รักษากัน”

พูดอย่างนี้ ธารก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง ส่งสายตาหยดย้อยมาให้ราวกับว่าโลกนี้มีแค่เราสองคนทันที
“งั้น... เป็นแฟนธารนะพี่”
กลายเป็นว่ามันเป็นฝ่ายขอผมเป็นแฟนด้วย
หน้าผมร้อนเห่อขึ้นมา การขอเป็นแฟนในครั้งนี้ของมันไม่ใช่การบังคับ ไม่ใช่เพื่อการรั้งผมไว้อย่างที่เคยทำเมื่อก่อน แต่เป็นการขอเป็นแฟนเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของเราให้แนบแน่นขึ้นกว่าเดิม
เพื่อความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้น เพื่อสถานะที่ชัดเจน เพื่อที่ผมจะได้เป็นเจ้าของธาร ได้หึง ได้หวง ได้ห่วงโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ต้องคิดว่าแค่รักกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมเลยไม่ชั่งใจอะไรแล้ว นอกจากจะขยับริมฝีปากเอ่ย
“ครับ... เป็นแฟนกันนะ”
“คราวนี้หนีธารอีกไม่ได้แล้วเข้าใจมั้ย จับมือธารแล้วก็ห้ามปล่อยเด็ดขาด”
“รักมากขนาดนี้ จะยอมปล่อยไปอีกได้ไง”

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกหลังจากนั้น มีเพียงรอยยิ้มที่เรามอบให้แก่กัน และแรงกระชับฝ่ามือของธารที่จับผมแน่นขึ้นเท่านั้น เสียงของน้องมายด์หรือเสียงคนรอบข้างที่ดังมาก็ไม่เข้าหู ไม่รับรู้อะไรแล้ว
รู้อย่างเดียวว่าผมรักธาร... รักมากกว่าที่เคยรัก แล้วธารก็รักผมเช่นกัน

แค่นี้ก็เพียงพอต่อการเยียวยาหัวใจผมที่เจ็บปวดเพราะคิดไปเองคนเดียวตลอดหลายเดือนให้หายดีเป็นปลิดทิ้งได้แล้วล่ะ

สายน้ำชโลมใจของพี่เหนือจริงๆ น้องธาร...
 ------------------------------------
ตอนสุดท้ายแล้วจ้า ตอนหน้าก็บทส่งท้ายแล้วนะ บทส่งท้ายนี่อาจจะเหลือแค่ตอนเดียวละ เพราะหนูแดงรวบยอดมาตอนนี้หมดแล้ว พรุ่งนี้จะอัพบทส่งท้ายให้ แล้วก็รออ่านตอนพิเศษ ดำเนินเรื่องโดยหน่องธารใจ สามีแห่งชาติกันต่อโลดนะคะ จะปิดต้นฉบับแล้วล่ะ ดีใจ ฮือออ TvT
ใครที่ร้องไห้ไปกับพี่เหนือเมื่อตอนที่แล้ว หนูแดงต้องขออภัยแทนหน่องมายด์มานะที่นี้ด้วย หน่องมายด์เอง ไม่ใช่ใคร กร๊ากกกก หักมุมงี้ จะโดนตบมั้ย 555
ฝากฟีดแบ็คให้กันด้วยน้า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอัพตอนต่อไปให้จ้า
 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
น้องมาร์กี้กับแอปนรก 5555555

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น่าโดนซะทีนะน้องมาร์กี้อะไรเนี่ย มาทำให้พี่เหนือฉันต้องเข้าใจผิดแบบนี้

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อย่าว่าแต่พี่เหนือจะขาดใจตาย เราก็จะขาดใจตาย
ดีใจน้องธารโตขึ้น แล้วเค้าก็ดีกันแล้ว ปลื้มมมม
น้องมายด์นี่ขัดหูขัดตามากค่ะ 55555
จะจบแล้ว ฮืออออ ชอบเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด
รักพี่เหนือ รักคนเขียนนน  :mew1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ฝากตบอิน้องมายด์ มากาเร็ต หน่อยสิ
ทำพี่เหนือใจสลายอยู่หลายเดือน

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
น้องธารของพี่ น่ารักแท้ โอ้ยยย จิตใจจะวาย อยากแยกธารเลยแหละะะ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
5555 จบแฮปปี้ ตลกด้วย ชอบค่ะ

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขำนังมากาเรตตตต

ขำพี่เหนือกว่า ข้างนอกสุภ้าพสุภาพ ข้างในอีน้องมายด์!! 555

แต่โอ้ยยยยย ดี เราชอบความสัมพันธ์เรื่องนี้

จะจบแล้วจริงดิ้ เศร้าาาาาาา

จบก็ได้แต่ขอเรื่องใหม่ค่ะ 555555555

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เราไม่หลงอยู่หลุมไหนมาเนี่ยเพิ่งได้เข้ามาอ่าน. สนุกมากเลย ชอบๆๆ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทส่งท้าย

 “พี่เหนือ...”
“...”
“พี่เหนือ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”
“อีกห้านาทีนะครับ”

เสียงห้าวที่พยายามปลุกผมอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่ทำให้ผมหลุดออกจากนิทรา ทว่าก็ยังไม่อาจลืมตาขึ้นได้ ทำแค่พลิกตัว เอาหน้าซุกหมอนแล้วต่อรองด้วยน้ำเสียงอู้อี้ หากแต่การทำอย่างนั้น กลับเป็นการทำให้คนปลุกผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะกระชากผ้าห่มที่คลุมตัวผมอยู่ออก

“ถ้าไม่ลุก ธารจะทำให้หลับยาวเลยนะ”
ไม่ใช่กระชากอย่างเดียว ตอนนี้ทิ้งตัวลงมานอนคร่อมผมเอาไว้แล้วพร้อมกับน้ำเสียงทะเล้น ผมที่ทำท่าไม่อยากตื่นเมื่อครู่ถึงกับต้องปรือตาขึ้นมามอง พอเห็นใบหน้าหล่อของธารในชุดนักศึกษา ผมก็ยิ้มออกมา ก่อนจะแกล้งต่อรองอีกครั้ง
“ก็พี่เหนือง่วง เมื่อคืนเตรียมตัวดึกไปหน่อย ขอต่ออีกห้านาทีไม่ได้เหรอ”

เตรียมตัวที่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องอะไร เป็นการเตรียมเอกสารสำหรับการสัมภาษณ์งานน่ะ ผมใช้เวลาในการจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานวันนี้จนดึกดื่น จริงๆ ผมเตรียมไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วล่ะ เพียงแต่เมื่อคืนรีเช็คอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ขาดเหลือตรงไหน ธารเองก็รู้ว่าเมื่อคืนผมนอนดึกเพราะอะไร เลยไม่ว่าอะไร ซุกหน้าลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แล้วว่าเสียงนุ่ม

“ไว้ค่อยกลับมานอนต่อก็ได้น่า มีสัมภาษณ์เช้าไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวเข้าไป ม.พร้อมกันเลย ธารไปส่งที่หน้าตึกคณะให้”
“เข้า ม.ไปพร้อมน้องธาร เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอกว่าพี่เหนือกับน้องธารเป็นแฟนกัน”
“ปีกว่าแล้วนะพี่ แถมอยู่ด้วยกันงี้ ถ้าคนอื่นไม่รู้ก็แปลก ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวก็สายกันพอดี”

ผมหัวเราะกับคำพูดนั้น ก็จริงของธาร ตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากอเมริกาเมื่อปีก่อน และมาทำงานเป็นทีเอประจำคณะศิลปศาสตร์กับอดีตอาจารย์ที่ปรึกษา ผมก็ย้ายมาอยู่หอพักเดียวกับธารซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเป็นการถาวร เวลาผมมีคลาสสอน ผมก็จะเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมกับธาร หรือบางทีธารมีเรียน ผมก็นึกคึกไปรับที่ตึกคณะตอนธารเลิกเรียนบ้าง คนอื่นเลยรู้กันทั่วว่าผมกับธารเป็นแฟนกัน โดยเฉพาะเด็กคณะวิศวะฯ ที่มักเห็นผมไปนั่งรอธารเลิกเรียน ไม่ก็เลิกทำกิจกรรมที่ใต้ตึกคณะบ่อยๆ

ตอนแรกผมก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีคำครหาที่เห็นผู้ช่วยสอนกับนักศึกษาคบหากัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาอะไร คงเป็นเพราะทีเอไม่ได้เป็นอาจารย์จริงๆ ก็ได้ ทุกอย่างเลยราบรื่นจนผมคบกับธารอย่างเปิดเผยได้แบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าผมจะทำงานเป็นทีเออย่างเดียวนะ ผมยังรับงานอื่นด้วยเนื่องจากการเป็นผู้ช่วยสอน มันไม่ใช่งานประจำ มีคลาสไม่ตลอด บางเทอมมี บางเทอมไม่มี ทำให้ผมต้องไปรับงานล่ามฟรีแลนซ์ งานสอนภาษาอังกฤษตามสถาบันภาษา ไม่ก็ตามบริษัทที่หาคนไปอบรมภาษาอังกฤษให้พนักงานด้วย พูดง่ายๆ คือผมยังไม่มีงานประจำทำน่ะแม้ว่าจะเรียนจบมาปีกว่าแล้วก็ตาม ที่ไม่หางานประจำทำก็ไม่ใช่อะไร ผมกำลังรองานงานหนึ่งอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ การเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และมันก็คืองานที่ผมจะต้องเข้าไปสัมภาษณ์วันนี้นี่เอง

แต่ปัญหามันก็มีอยู่ว่า ถ้าผมผ่านสัมภาษณ์ขึ้นมา แล้วผมได้เป็นอาจารย์ประจำจริงๆ ความสัมพันธ์ของผมกับธารจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า นั่นทำให้ผมต้องเอ่ยปากออกไป
“แต่ถ้าพี่เหนือผ่านสัมภาษณ์ขึ้นมา น้องธารกับพี่เหนือก็คงอยู่ด้วยไม่ได้นะ อาจารย์คบกับนักศึกษามันไม่ถูก ไม่เหมาะสม ไม่ดีไม่งาม” พูดไปก็ใส่น้ำเสียงล้อเล่นไป แสร้งพูดไปงั้นด้วยแหละ เพราะถึงยังไง ผมก็จะไปสัมภาษณ์งานอยู่ดี ไม่มาสละสิทธิ์อะไรด้วยเรื่องบ้าๆ นี่หรอก กว่าจะผ่านการคัดเลือกมาได้ มันไม่ใช่ง่ายๆ นะ ผมจะมาตัดโอกาสตัวเองทำไม 

และการที่ผมพูดเล่นไปอย่างนั้น ธารก็ยื่นมือมาบีบจมูกผมบิดไปมาเบาๆ
“ธารเรียนปีสี่แล้วนะ นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้วเถอะ อีกแป๊บเดียวก็จะเรียนจบแล้ว พี่จะมากังวลไร้สาระทำไม”
นี่ไง ผมถึงบอกว่าผมไม่ตัดโอกาสตัวเอง ก็ผมรู้อยู่แล้วน่ะว่าธารใกล้จะเรียนจบแล้ว ต่อให้ผมเป็นอาจารย์ประจำ ยังไงก็ไม่มีปัญหาในการคบกับธาร เพราะอีกเดี๋ยวเดียว คนตรงหน้าผมก็จะเรียนจบแล้ว

ว่าแต่... เวลาผ่านไปเร็วจังเลยแฮะ ตอนผมกลับจากอเมริกามาเป็นทีเอ ตอนนั้นธารยังเรียนปีสามอยู่เลย เผลอแป๊บเดียว จะเรียนจบแล้ว เหมือนเพิ่งจะผ่านมาไม่นานด้วยซ้ำ

แต่เวลาผ่านไปไวก็ไม่น่าตกใจเท่ากับการที่ผมตระหนักได้ว่าคนที่อยู่บนตัวผมในตอนนี้โตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ภาพเด็กช่างเกเรคนนั้นถูกทับด้วยภาพของว่าที่บัณฑิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับพ่อแม่ที่กำลังจะได้เห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิตไปอีกขั้นหนึ่งยังไงก็ไม่รู้

รู้สึกปลื้มปริ่มจนเผลอมองหน้าธารนิ่งๆ ไปซะนาน กระทั่งธารเห็นว่าผมแปลกๆ เลยทักขึ้น

“จ้องหน้าทำไมนักหนาเนี่ยพี่ มีอะไร”
“ปีนี้น้องธารอายุเท่าไหร่แล้วครับ”
“ยี่สิบสอง ย่างยี่สิบสาม ทำไม” ตอบมาแล้วก็ถามกลับ พร้อมหัวคิ้วย่นยู่
โตขึ้นแล้วจริงๆ ด้วยเห็นมั้ย ตอนที่รู้จักกับผมครั้งแรก เพิ่งจะอายุสิบเก้าเอง
“ไม่มีอะไรครับ” ผมยิ้มให้แล้วปฏิเสธ ทำเอาธารหัวเราะในลำคอขึ้นมา
“ทำไมพี่ ปีนี้จะอายุยี่สิบหกเลยรู้สึกแก่หรือไง ไม่ต้องห่วง ถึงพี่จะแก่ ธารก็ไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นซะหน่อย พี่เหนือแค่รู้สึกว่าน้องธารโตขึ้นเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแก่” ผมท้วงเสียงขึ้นจมูก
ธารได้ทีก็หัวเราะใหญ่ แถมแกล้งหยอกผมอีก
“เอาน่า แก่ก็แก่ ไม่รู้หรือไงว่าเค้าว่ากันว่ายิ่งแก่ ยิ่งอร่อย ดูพี่สิ เห็นแล้วธารอดใจจะไม่ไหวแล้วเนี่ย ยิ่งตอนตื่นนอนใหม่ๆ ยิ่งน่ารัก เซ็กซี่เป็นบ้า”

ทั้งหยอก ทั้งหยอด ซ้ำยังซุกหน้าลงมาจูบซอกคอผมไปมา ทำเอาจั๊กจี้ไปหมดด้วย ผมก็หัวเราะไปตามเรื่อง ใจหนึ่งนี่อยากจะแซ่บกับมันเหลือเกิน แต่อีกใจก็ตระหนักรู้ได้ว่าต้องไปสัมภาษณ์งานเลยอดใจไว้

ก็แหม เดี๋ยวนี้มันขี้เล่นอย่างกับอะไรดี พอโตแล้วก็เสน่ห์แรงขึ้นอีก จะให้อดใจไหวได้ยังไง

“น้องธารไม่แกล้งพี่เหนือนะ เดี๋ยวพี่เหนือไปสายจนได้ พลาดงานนี้ไป ตกงานยาวเลยนะ” ผมระงับความหื่นของตัวเองด้วยการร้องห้าม
ธารที่กำลังงับลำคอผมอยู่ถึงยอมผละออกมาได้ ทำปากยื่นๆ ใส่ ก่อนว่า
“ตกงานก็ตกงานดิพี่ ไม่เห็นเป็นไร”
“เอ้า ตกงานก็ไม่มีเงินนะ ไม่เป็นไรได้ไง”
“งานอื่นก็มีให้ทำน่า เก่งๆ แบบพี่ หางานไม่ยากหรอก มีแต่พี่เนี่ยที่เรื่องมากเอง”

จริงของมัน ความจริงตลอดระยะเวลาที่ผมกลับมาไทย มีบริษัทหลายที่เข้ามาทาบทามผมให้ไปสัมภาษณ์งานด้วยนะ ก็ผมดันไปเผลอทิ้งโปรไฟล์ไว้ที่เว็บไซต์หางานแห่งหนึ่งตามคำแนะนำของไอ้ยีนส์ไอ้กั้ง แต่ผมไม่เคยไปเลยเพราะเป้าหมายหลักคือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างเดียว ไม่รู้ทำไมไอ้งานสอนที่ผมเคยคิดว่าตัวเองไม่ชอบถึงได้กลายเป็นงานที่ผมอยากจะได้โคตรๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้น

แต่ก็นะ คนเราโตขึ้น ความฝันก็ย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้

“ไม่เถียงงี้ แสดงว่ายอมรับว่าเรื่องมาก?” ธารเรียกสติผมอีกครั้ง ผมเลยพยักหน้ารับ
“ก็นิดนึงครับ น้องธารก็รู้นี่ว่าพี่เหนืออยากเป็นอาจารย์มหา’ลัยมากกว่าทำงานอื่น เรื่องมากมันก็เรื่องปกติน่า”
“แล้วถ้าพี่สัมภาษณ์งานไม่ผ่านขึ้นมา พี่จะเอาไงต่อ”
ถามเรื่องไม่เป็นมงคลขึ้นมาซะได้ มาพูดอะไรแบบนี้ตอนนี้ทำไมวะ!
“ถ้าไม่ผ่านที่นี่ พี่เหนือก็จะไปสมัครที่อื่น สมัครมันจนกว่าจะได้เป็นอาจารย์จริงๆ”
พอผมว่าอย่างมั่นใจ ธารก็ยิ้มกว้างออกมา ยื่นมือมายีเส้นผมของผมจนยุ่ง
“พี่นี่น้า หัวดื้อไม่มีใครเกิน ดื้อด้านกว่าธารอีกนะรู้ตัวมั้ย”

ไม่ได้ดื้อสักหน่อย แค่ผมตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ผมต้องทำให้ได้เท่านั้น

ผมอยากจะบอกธารแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนไม่ต้องบอก ธารก็น่าจะรู้นิสัยผมอยู่แล้ว และผมก็ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงด้วยเมื่อจู่ๆ ธารก็ประทับจูบริมฝีปากผมลงมาเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วว่าเสียงเรียบ
“แล้วแต่พี่ละกัน ถ้าไม่ได้งานนี้ก็ไม่เป็นไร พี่ก็สมัครไปเรื่อยๆ ถ้าสุดท้ายไม่ได้เป็นอาจารย์จริงๆ ก็ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวธารเลี้ยงพี่เอง”
ฟังแล้วก็เบิกตาโตใส่มันทันควัน
“จะเลี้ยงพี่เหนือเนี่ยนะ ตัวเองยังเรียนไม่จบซะหน่อย”
“อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วน่า นี่ก็เริ่มมีบริษัทมาติดต่อบ้างแล้ว จบอย่างเป็นทางการแล้วค่อยเลือกอีกทีว่าจะไปทำงานที่ไหน”
จะว่าไป ธารก็เก่งเหมือนกันนะ ยังไม่จบดีแท้ๆ มีบริษัทหลายที่มาทาบทามตัวบ้างแล้ว

ก็แหงล่ะ ดีกรีนักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งขนาดนี้ ไม่มีใครสนก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว

“งั้นถ้าพี่เหนือสัมภาษณ์ไม่ผ่าน น้องธารต้องเลี้ยงพี่เหนือด้วยนะครับ” ผมแกล้งหยอก
“เลี้ยงพี่คนเดียวไม่ยากหรอกน่า ให้เลี้ยงทั้งชีวิตยังได้ ถ้าพี่ไม่ได้เป็นอาจารย์ ก็มาเป็นแม่บ้านให้ธารแล้วกัน ธารเลี้ยงพี่เอง”
คำพูดทีเล่นทีจริงที่หลุดจากกลีบปากคู่สวยทำเอาผมยิ้มกว้างไม่หยุด ดึงตัวคนตรงหน้ามากอดแน่น กระซิบเสียงเบาด้วยหัวใจพองโต
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
ธารหัวเราะ กอดผมตอบแน่นราวกับเป็นการสัญญาว่าจะดูแลผมไปชั่วชีวิต
“บอกแล้วว่าจับมือกันแล้วจะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด เชื่อใจธารสิ”

เชื่อสิ ผมเชื่อ เชื่อว่าธารจะอยู่ดูแลและรักผมตลอดไปตราบเท่าที่คนคนนึงจะมอบความรักให้ใครสักคนได้

อา...ตอนนี้ผมเริ่มกลายเป็นคนถูกดูแลแทนที่จะเป็นคนดูแลเหมือนเคยแล้วสิ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราสลับฝั่งกันแบบนี้ อาจเป็นเพราะธารโตขึ้นก็ได้ ผมเลยไม่ต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่มากเหมือนเดิม

จำได้นะว่าครั้งหนึ่ง ธารเคยบอกว่าไม่อยากคบกันเป็นแฟนเพราะกลัวความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไป แต่พอมาถึงตอนนี้ ผมว่าเป็นแฟนกันน่ะดีแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเราเปลี่ยนไปก็จริง ทว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ดีซะจนผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือความจริง ไม่ใช่ความฝัน...

“ตกลงจะลุกไปอาบน้ำได้หรือยัง นอนกอดธารอยู่นั่นแหละ” ธารเตือนสติผม
ทว่าผมก็ยังไม่ยอมปล่อย ซุกหน้าลงบนไหล่ใหญ่ พึมพำเบาๆ
“ขอกอดอีกหน่อยนะ น้องธารน่ารักจนพี่เหนือไม่อยากลุกจากเตียงเลย”
“บอกแล้วนะว่าถ้าไม่ลุก ธารจะทำให้หลับยาว”
เป็นคำขู่เหมือนกับตอนที่ปลุกผมครั้งแรก แต่ดันเป็นคำขู่ที่ไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด ยินดีที่จะรับการลงโทษนั้นด้วย
“ทำให้หลับยาวก็ได้ แต่รีบทำหน่อยนะ เดี๋ยวพี่เหนือไปสัมภาษณ์ไม่ทัน” ว่ากะลิ้มกะเหลี่ย เปิดทางให้มันทันที
ธารหัวเราะลั่น เลื่อนใบหน้ามาจูบผมเบาๆ
“พี่นี่มันหื่นเกินคนจริงๆ”

ว่าผม แต่มันทำมั้ยล่ะ...ทำ

แหม แล้วมาทำเป็นพูด ตัวเองก็หื่นเหมือนกันเถอะ

แต่ก็ช่าง ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้ว ได้อยู่ในอ้อมกอดของธารใจนี่แหละ ความสุขสุดๆ แล้วล่ะ

“ธารรักพี่เหนือนะครับ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างหูระหว่างที่เราปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ ผมที่กำลังหอบหายใจหนักเหลือบมองใบหน้าคร้ามของคนตรงหน้าที่ส่งสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมาให้ แล้วก็อดที่จะพูดประโยคเดียวกันไม่ได้

“พี่เหนือก็รักน้องธารเหมือนกันครับ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ”

ธารพยักหน้าพลางยิ้มรับ ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีเพียงร่างกายของพวกเราเท่านั้นที่สื่อสารถึงกันว่าเรารักกันมากแค่ไหน

รักมากจนไม่อาจแยกจากกันได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน โดยเฉพาะเวลานี้... เวลาที่เราทั้งคู่อยู่บนเตียงด้วยกัน

ก็จะให้แยกได้ยังไง เข้าด้ายเข้าเข็มร้อนแรงขนาดนี้ อย่าเพิ่งรีบแยกเลยเนอะ

สะโพกครากไปสัมภาษณ์งานก็คงจะไม่มีใครสงสัยอะไรหรอกมั้ง?

ช่วยไม่ได้ รักขนาดนี้ จะอดใจไม่ให้กอดแน่นๆ ได้ยังไง

รักมากที่สุดเลย ธารใจของพี่เหนือ...
-----------------------------------
เนื้อเรื่องหลักจบอย่างเป็นทางการแล้วจ้า จำนวนหน้าต้นฉบับสิริรวมทั้งสิ้น ณ ตอนนี้คือ 322 หน้า (ยาวเหมือนกันนะ ฮรากกก 2 เล่มจบแน่นอนเพราะยังไม่ได้เขียนตอนพิเศษ ถ้ามีตอนพิเศษเข้ามาก็คาดว่าเกือบๆ 350 หน้าค่ะ)
เรื่องนี้เหมือนจะไม่ยาว แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ยาวเหมือนกันนะ ไม่รู้เขียนไรนักหนา ช่วงนี้เขียนต้นฉบับสั้นๆ ไม่เป็น ลำบากไตคนอ่านอื่น 555 อีกสักหลายๆ วัน หนูแดงจะมาอัพตอนพิเศษให้นะคะ เป็นตอนพิเศษที่หนูแดงจะเอาลงให้อ่านฟรีในเว็บ ในหนังสือจะมีตอนพิเศษเพิ่มอีก 3-4 ตอน เป็นพาร์ทพี่เหนือ ใครอยากอ่าน รอตามหนังสือเอานะคะ ส่วนเรื่องหนังสือ ไว้หนูแดงเขียนตอนพิเศษที่อยู่ด้านบนนี่จบเมื่อไหร่ เดี๋ยวส่งไปให้ สนพ.ที่นึงพิจารณาก่อน ถ้าไม่ผ่านก็พิมพ์เองเน้อ เดี๋ยวมาแจ้งอีกทีค่ะ (ส่วนเซ็ทพี่น้องสามจอมก็รอคิวก่อนนะคะ ตอนนี้ศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกมากๆ คิวงานเดดไลน์รอจ่อบี้เยอะมาก ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ อย่าใจร้อนวู่วามนะ ถ้าจะเขียน หนูแดงจะเขียนพี่ดื้อเป็นเรื่องแรก แต่ขอเวลาไปลาวก่อนค่ะ อยากไปเก็บข้อมูลอะไรนิดหน่อย คาดว่าราวๆ ส.ค.-ก.ย.จะมาเน้อ)

สุดท้ายแล้ว ขอคุยกันหน่อย  นิยายเรื่องนี้เขียนแบบไม่คิดอะไรเท่าไหร่ หลักๆ เลยคือตั้งใจจะเขียนส่ง สนพ.ที่อยากส่ง แล้วตั้งแต่เขียนวายมา ยังไม่เคยเขียนพล็อตแนวมหา'ลัยอะไรงี้ เลยลองดูหน่อย (ถ้าไปดูงานเก่าๆ ของหนูแดง จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นกึ่งแฟนตาซี แนวธรรมดาก็ไม่มีพล็อตแบบมหา'ลัย เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องแรก) มันก็พล็อตทั่วๆ ไปแหละนะ หนูแดงก็เลยเน้นความฟิน ความฮา อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจเป็นหลัก อาจจะไม่ได้เป็นงานสดใหม่อะไรมาก อ่านแล้วเดาเรื่องกันได้เพราะพล็อตเรื่องไม่ได้ซับซ้อน เป็นพล็อตทั่วๆ ไป แต่หนูแดงก็พยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง อาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็เต็มที่แล้วค่ะ (สกิลการเขียนตอนนี้คือได้แค่นี้ ฮาาา)

ต้องขอบคุณทุกคนมากที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้ ดีใจและปลื้มใจมากๆ ที่หลายๆ คนชอบและรักตัวละครของหนูแดงนะคะ หวังว่าจะติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ น้า สัญญาว่าจะพยายามพัฒนางานให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ ^^


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด