พิมพ์หน้านี้ - 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: NooDangzz ที่ 07-02-2016 23:47:40

หัวข้อ: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-02-2016 23:47:40
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะค่ะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค่ะ
สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*************************************************************************
::INTRO::

ถ้าคืนนั้นผมไม่เมา... ผมก็คงไม่ตื่นสายจนมาเลือกที่ฝึกงานไม่ทัน
          ถ้าคืนนั้นผมไม่พาใครไม่รู้กลับมามีอะไรด้วย... ผมก็คงจะไม่มายืนหัวโด่อยู่ในโรงเรียนช่างอย่างนี้!
          จะไม่ฝึกงานก็ไม่ได้เพราะดันเป็นวิชาสุดท้ายของนักศึกษาปี 4 ที่ต้องเรียนก่อนจบ ผมเลยต้องระเห็จจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรมาไกลถึงจังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง มารับมือกับไอ้พวกเด็กเวรแผนกช่างไฟปากไม่มีหูรูดในฐานะอาจารย์ผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษาแผนกทุกวี่ทุกวัน ที่รับมือยากหน่อยเห็นจะเป็นไอ้เด็กโข่งหัวโจกที่ชื่อ ‘ธารใจ’ ที่คอยกวนอวัยวะเบื้องล่างผมอยู่ทุกวินาที
          “น้องครับ นั่งที่ครับ พี่จะเริ่มสอนแล้ว”
          “หุบปากไปออโรร่า! คนจะนอน”
          ออโรร่าป้ามึง! กูชื่อ ‘แสงเหนือ’ เว้ย!
          กำมือแน่นมาก! ให้ตายเถอะ นี่ผมจะต้องรับมือกับความกวนประสาทของเด็กนี่อีกนานแค่ไหนกันนะ ไหนจะพวกเด็กเวรนี่จะมีเรื่องต่อยตีกันทุกวันอีก ว่าแต่ทำไมอาจารย์ฝึกสอนอย่างผมจะต้องไปคอยรับผิดชอบการกระทำของเด็กเวรพวกนี้ด้วยวะ!
          “มองไร’จารย์ มองหน้าหาเรื่องงี้ ต่อยมั้ย ไม่ต่อยก็ตุ๋ยได้นะ”
          นะ...หน็อย... ไอ้พวกเด็กโรงเรียนช่างนี่มันน่ากระทืบจริงๆ โว้ย!
*************************************************************************
::TALK::

เรื่องนี้แต่งสนองนี้ดค่ะ เรื่องนี้เขียนเพราะรู้สึกว่าอยากลองเขียนแนวคอมเมดี้ไร้สติ เกรียนๆ แบบเรียลๆ ผสม Feel Good บ้าง อารมณ์แบบอาจารย์ฝึกสอนกับนักศึกษา ก็เลยเปิดเรื่องนี้ขึ้นมา (แน่นอนว่าเมะต้องอายุน้อยกว่าเคะนะฮ้าาา กินเด็กกรุบกรอบ) อัพช้าเช่นเคยเพราะไม่มีเดดไลน์ ไม่มีที่ส่ง ถ้าเขียนจบก็คงจะลองหาที่ส่งล่ะนะ บอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ไม่เรตนะคะ ไม่หื่นด้วย PG-13 เราขายความฮากับความเกรียนอย่างเดียว บอกไว้แล้วนะ อย่ามาโวยวายว่าไม่สะหวีวี่วีเน้อ กร๊ากกกก XD

พูดคุยติดต่อได้ที่ -- https://web.facebook.com/NooDangzzz/
*************************************************************************
::สารบัญ::
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3302397#msg3302397)
ชั่งใจ ครั้งที่ 1: เปิดภาคเรียน [1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3302874#msg3302874)
ชั่งใจ ครั้งที่ 1: เปิดภาคเรียน [2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3302875#msg3302875)
ชั่งใจ ครั้งที่ 2: อาจารย์ฝึกสอน[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3304040#msg3304040)
ชั่งใจ ครั้งที่ 2: อาจารย์ฝึกสอน[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3304042#msg3304042)
ชั่งใจ ครั้งที่ 3: เด็กช่างข้างห้อง[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3307928#msg3307928)
ชั่งใจ ครั้งที่ 3: เด็กช่างข้างห้อง[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3307932#msg3307932)
ชั่งใจ ครั้งที่ 4: น้องธารโกรธแรง[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3310347#msg3310347)
ชั่งใจ ครั้งที่ 4: น้องธารโกรธแรง[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3310353#msg3310353)
ชั่งใจ ครั้งที่ 5: พี่เหนือเดลิเวอร์รี[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3311487#msg3311487)
ชั่งใจ ครั้งที่ 5: พี่เหนือเดลิเวอร์รี[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3311488#msg3311488)
ชั่งใจ ครั้งที่ 6: ออโรร่าแกรนด์โอเพนนิ่ง[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3313011#msg3313011)
ชั่งใจ ครั้งที่ 6: ออโรร่าแกรนด์โอเพนนิ่ง[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3313012#msg3313012)
ชั่งใจ ครั้งที่ 7: ธารขอโทษครับพี่เหนือ[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3314659#msg3314659)
ชั่งใจ ครั้งที่ 7: ธารขอโทษครับพี่เหนือ[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3314661#msg3314661)
ชั่งใจ ครั้งที่ 8: พี่เหนือได้ พี่เหนือโดน[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3316669#msg3316669)
ชั่งใจ ครั้งที่ 8: พี่เหนือได้ พี่เหนือโดน[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3316679#msg3316679)
ชั่งใจ ครั้งที่ 9: แตงกวากรุบกรอบ แต่เด็กหนุ่มกับคนอาวุโสกรุบกรอบกว่า[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3317104#msg3317104)
ชั่งใจ ครั้งที่ 9: แตงกวากรุบกรอบ แต่เด็กหนุ่มกับคนอาวุโสกรุบกรอบกว่า[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3317113#msg3317113)
ชั่งใจ ครั้งที่ 10: ฟิฟตี้เฉด ออฟ ธาร[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3319657#msg3319657)
ชั่งใจ ครั้งที่ 10: ฟิฟตี้เฉด ออฟ ธาร[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3319661#msg3319661)
ชั่งใจ ครั้งที่ 11: พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3321581#msg3321581)
ชั่งใจ ครั้งที่ 11: พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3321583#msg3321583)
ชั่งใจ ครั้งที่ 12: มันคงเป็นความรักที่ทำให้แสงเหนือยังหื่นอยู่อย่างนี้...[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3325886#msg3325886)
ชั่งใจ ครั้งที่ 12: มันคงเป็นความรักที่ทำให้แสงเหนือยังหื่นอยู่อย่างนี้...[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3325888#msg3325888)
ชั่งใจ ครั้งที่ 13: ปลา...ปลา...ปลา...ปลากฎว่าพี่เหนือเป็นแฟนน้องธาร[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3336482#msg3336482)
ชั่งใจ ครั้งที่ 13: ปลา...ปลา...ปลา...ปลากฎว่าพี่เหนือเป็นแฟนน้องธาร[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3336485#msg3336485)
ชั่งใจ ครั้งที่ 14: เซลขายอ้อยรายใหญ่[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3341182#msg3341182)
ชั่งใจ ครั้งที่ 14: เซลขายอ้อยรายใหญ่[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3341184#msg3341184)
ชั่งใจ ครั้งที่ 15: ถ้าชอบผม ก็มองแต่ผมคนเดียวสิวะ![1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3344470#msg3344470)
ชั่งใจ ครั้งที่ 15: ถ้าชอบผม ก็มองแต่ผมคนเดียวสิวะ![2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3344473#msg3344473)
ชั่งใจ ครั้งที่ 16: วิชาเพศศึกษา By อ.พี่เหนือ[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3346420#msg3346420)
ชั่งใจ ครั้งที่ 16: วิชาเพศศึกษา By อ.พี่เหนือ[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3346421#msg3346421)
ชั่งใจ ครั้งที่ 17: ของขวัญอำลาฝึกงาน[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3349390#msg3349390)
ชั่งใจ ครั้งที่ 17: ของขวัญอำลาฝึกงาน[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3349392#msg3349392)
ชั่งใจ ครั้งที่ 18: ชั่งใจรัก[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3350095#msg3350095)
ชั่งใจ ครั้งที่ 18: ชั่งใจรัก[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3350097#msg3350097)
ชั่งใจ ครั้งที่ 19: พี่เป็นของธารคนเดียว[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3352512#msg3352512)
ชั่งใจ ครั้งที่ 19: พี่เป็นของธารคนเดียว[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3352514#msg3352514)
ชั่งใจ ครั้งที่ 20: พี่จะดูแลเราเอง[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3353798#msg3353798)
ชั่งใจ ครั้งที่ 20: พี่จะดูแลเราเอง[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3353800#msg3353800)
ชั่งใจ ครั้งที่ 21: หนีไปกับธารนะ...[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3357214#msg3357214)
ชั่งใจ ครั้งที่ 21: หนีไปกับธารนะ...[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3357215#msg3357215)
ชั่งใจ ครั้งที่ 22: ธารรักพี่เหนือนะครับ[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3358663#msg3358663)
ชั่งใจ ครั้งที่ 22: ธารรักพี่เหนือนะครับ[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3358664#msg3358664)
ชั่งใจ ครั้งที่ 23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3360032#msg3360032)
ชั่งใจ ครั้งที่ 23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3360034#msg3360034)
ชั่งใจ ครั้งที่ 24: ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3362085#msg3362085)
ชั่งใจ ครั้งที่ 24: ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3362087#msg3362087)
ชั่งใจ ครั้งที่ 25: ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป ราบรื่นเกินไปจนผมกลัว[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3369140#msg3369140)
ชั่งใจ ครั้งที่ 25: ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป ราบรื่นเกินไปจนผมกลัว[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3369141#msg3369141)
ชั่งใจ ครั้งที่ 26: ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3371845#msg3371845)
ชั่งใจ ครั้งที่ 26: ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3371847#msg3371847)
ชั่งใจ ครั้งที่ 27: เป็นแฟนธารนะพี่[1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3373832#msg3373832)
ชั่งใจ ครั้งที่ 27: เป็นแฟนธารนะพี่[2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3373834#msg3373834)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3374179#msg3374179)
ธารใจ ตอนพิเศษ 1: Pre-wedding (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3377365#msg3377365)
ธารใจ ตอนพิเศษ 2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3379533#msg3379533)
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ #ช่างใจรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3379952#msg3379952)
ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3381569#msg3381569)
จอมแก่น-โรม ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3382380#msg3382380)
น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: มายเนมอีส ‘มาร์กี้’ [1] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3405225#msg3405225)
น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: มายเนมอีส ‘มาร์กี้’ [2] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3405226#msg3405226)

Pre-order หนังสือนิยาย #ช่างใจรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3408165#msg3408165)

[ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม]
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 6: วิชาเพศศึกษา By อ.แสงเหนือ & อ.ธารใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3432853#msg3432853)
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 7: อดีตของพี่ก็คือธาร ปัจจุบันของพี่ก็คือธาร อนาคตของพี่ก็คือธาร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3433794#msg3433794)
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 8: พยานรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3446002#msg3446002)
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 9: พี่เหนือ...แต่งงานกันนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3451437#msg3451437)
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 10: น้องธารแซ่บกว่า! พี่เหนือสาบาน! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3451965#msg3451965)

โหลด Ebook และซื้อหนังสือ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3511686#msg3511686)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦บทนำ♦P.1♦07/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-02-2016 23:48:10
ช่างใจรัก: หนูแดงตัวน้อย
 
บทนำ

เสียงดังกุกกักปลุกให้ผมต้องลืมตาตื่นหลังจากได้ยินเสียงนั้นดังอยู่พักใหญ่แล้ว หากทว่าพอเผยอเปลือกตาขึ้นเท่านั้น แสงสว่างจากด้านนอกก็พุ่งปะทะม่านตาผมทันที ทำให้ต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง พร้อมกับความมึนงงที่ประเดประดังเข้ามาอีกระลอกใหญ่
ไม่ใช่แค่ความมึนงงอย่างเดียว แต่มีความพะอืดพะอมด้วย

อา... เมื่อคืนนี้ผมคงจะเมามากเลยล่ะสินะ

เมามากหรือไม่มากก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ๆ คือภาพตัด ในภาษาบ้านๆ หมายความว่าเมาแรงมาก เสร็จปุ๊บทุกอย่างก็ดับวูบ จำไม่ได้แม้แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นด้วยซ้ำ ที่รู้อย่างเดียวก็คือ ตอนนี้ผมทั้งปวดหัว ทั้งปวดตัว ปวดจนแทบจะขยับตัวไม่ไหว อยากจะนอนต่อเป็นที่สุด

แต่ก็ไม่ได้นอนเพราะเสียงกุกกักยังคงดังมาให้ผมได้ยินเรื่อยๆ จนผมชักจะรำคาญขึ้นมาตงิดๆ ตัดสินใจปรือตาขึ้นมอง เท่านั้นร่างของผู้ชายคนหนึ่งสวมกางเกงบ็อกเซอร์นั่งยองๆ อยู่บนพื้นข้างเตียงก็ปรากฏเข้าสู่สายตา พอม่านตาปรับให้คุ้นชินกับแสงได้ ผมก็เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน พร้อมกับคำถามที่พร่างพรายขึ้นมาในหัวเช่นกัน
หมอนั่นเป็นใครวะ?

ใครก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือหมอนั่นนั่งต้มมาม่าด้วยหม้อหุงข้าวของผมอยู่ ผมเลยดันตัวขึ้นนั่ง ส่งเสียงร้องทักไป

“เฮ้ย”
คนถูกทักหันมาทันที ก่อนจะยิ้มให้ผม
“ไง ตื่นแล้วเหรอเหนือ”
รู้จักผมด้วยแฮะ แต่... หมอนี่เป็นใครวะ?
ไม่รู้จักจริงๆ ไม่ได้แกล้ง ไม่คุ้นหน้าเลยด้วยซ้ำ ผมเลยต้องถามออกไป
“นายเป็นใครน่ะ”
“เอ้า จำฉันไม่ได้เหรอ เต้ไง”
“เต้ไหน”
“เต้ที่เรียน ม.ใกล้ๆ ม.นายอะ เราเจอกันที่ผับเมื่อคืน จำไม่ได้เหรอ”

โอเค ตอนนี้ผมพอจะจับทางได้ละว่าหมอนี่มาอยู่ในห้องผมได้ยังไง คงจะเป็นผู้ชายที่ผมพากลับมาที่ห้องด้วยตอนเมาปลิ้นไร้สติแน่ๆ พแต่ผมก็ไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับผมบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะไปกับเพื่อนหรือไปคนเดียว ผมก็จะพาคนที่ถูกใจในผับกลับมามีอะไรที่ห้องด้วยเสมอ

เมื่อคืนก็คงจะเช่นกัน แต่เมื่อคืนนี้คงจะเมาจัดถึงขนาดจำไม่ได้สักนิดเลยว่าเจอหมอนี่ตอนไหน ช่างมันเถอะ ไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว

ผมทิ้งตัวนอนลงอีกครั้ง ก่อนความปวดเมื่อยจะปะทะเข้ามาอย่างจัง โดยเฉพาะบริเวณสะโพกและช่วงล่าง ผมเลยต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง

“เมื่อคืนนี้ฉันรุกหรือฉันรับ”
ที่ถามแบบนี้ก็เพราะผมเป็นเกย์โบทน่ะ เกย์โบทที่หมายถึงเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับนะถ้าไม่เข้าใจ

“รับ นายบอกว่านายอยากรับ ก็นายบอกเองนี่ว่านายเป็นเกย์โบทที่ชอบรับมากกว่าน่ะ” หมอนั่นตอบขณะเทมาม่าที่ต้มเสร็จแล้วลงถ้วย ก่อนจะยกไปนั่งกินที่โต๊ะอ่านหนังสือของผมราวกับเป็นห้องของตัวเอง

ผมก็ไม่สนใจนักหรอก หงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยตรงที่หมอนั่นทำรุนแรงกับผมเกินไปจนบั้นเอวปวดไปหมด แต่ก็เก็บอารมณ์เพราะผมคงจะเป็นฝ่ายเสนอเองจริงๆ หมอนั่นเลยทำถึงขนาดนี้

“กินเสร็จแล้วก็กลับไปซะนะ ฉันจะได้พัก”
“อืม” คนที่ชื่อเต้ขานรับโดยไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ เอาแต่โซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปาก

ผมเองก็ไม่สนใจ ยกแขนขึ้นพาดดวงตา กะว่าจะหลับอีกรอบเพราะมึนหัวเหลือเกิน เกลียดอาการแบบนี้หลังเมาปลิ้นชะมัด ถึงจะรู้สาเหตุและพยายามจะไม่เมาเป็นบ้าเป็นหลัง แต่พอหลังสอบเสร็จทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยผีทุกที

เมื่อคืนก็เช่นกัน พอสอบปลายภาคเทอมหนึ่งของชั้นปีสี่ตัวสุดท้ายเสร็จปุ๊บ ผมก็พุ่งไปผับปั๊บโดยไม่รอถามเพื่อนสนิทอย่างยีนส์และกั้งเลยแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าสองคนนั้นไม่ได้ไปด้วย ถ้าเกิดพวกมันไปด้วย ผมจะได้พาผู้ชายแปลกหน้ากลับมาที่ห้องอย่างนี้เหรอ

ว่าแต่พูดถึงยีนส์กับกั้งแล้ว... เหมือนเมื่อวานพวกมันจะบอกว่าวันนี้เป็นวันให้ไปเลือกที่ฝึกงานสำหรับวิชาฝึกปฏิบัติที่ต้องเรียนเทอมหน้านี่นา อาจารย์นัดห้าโมงเช้ามั้งถ้าจำไม่ผิด

“เต้ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” คิดได้ ผมก็ร้องถามใครอีกคนทันทีโดยที่ยังคงนอนอยู่ท่าเดิม ก่อนที่เสียงทุ้มจะดังกลับมา
“สี่โมง”
สี่โมงเช้าสินะ ยังมีเวลานอนต่ออีกหน่อย งั้นเข้าไปสายหน่อยแล้วกัน
“สี่โมงครึ่งแล้วปลุกฉันด้วยนะ ฉันจะงีบสักหน่อย”
พอผมสั่ง เสียงตะเกียบกระแทกบนถ้วยเซรามิกเบาๆ ก็ดังขึ้นทันที ก่อนตามมาด้วยเสียงของเต้อีกครั้ง
“ยังจะนอนต่ออีกเหรอเหนือ นายนอนมาเป็นสิบชั่วโมงแล้วนะ ตื่นได้แล้วมั้ง กินข้าวกินปลาได้แล้ว เย็นแล้ว”
เดี๋ยว! เย็นแล้ว? หมายความว่าไง!?

ผมเด้งตัวผลุงขึ้นมาเลย มองหน้าเต้อย่างไม่เข้าใจด้วย ก่อนที่เต้ซึ่งกำลังมองหน้าผมอยู่เช่นกันจะคว้าโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาชูหราให้ผมดู
“สี่โมงเย็น ไม่ใช่สี่โมงเช้า อย่าเข้าใจผิด”

ฉะ...ฉิบหาย! นี่กูนอนหรือตายวะเนี่ย!
อะไรก็ไม่รู้ล่ะ ผมได้ยินอย่างนั้นก็รีบคว้าโทรศัพท์โทรหาไอ้เพื่อนเวรสองคนนั่นทันที กะจะด่ามันโทษฐานที่ไม่โทรมาปลุกผมด้วย ทว่าพอผมกำลังจะกดโทรออกหายีนส์เพราะบันทึกเบอร์มันเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อมันเลยขึ้นให้เห็นก่อนไอ้กั้ง สายเรียกเข้าของเจ้าตัวก็ฉายขึ้นมาบนหน้าจอเสียก่อน ให้ผมรีบกดรับอย่างรวดเร็ว

“ไอ้ยีนส์!” ผมตะโกนกรอกสายไปเลย
[ไอ้เหนือ ทำไมมึงไม่มาเลือกที่ฝึกงานวะ!] อีกฝ่ายก็กรอกเสียงหงุดหงิดใส่ผมเหมือนกัน ผมเลยยิ่งหงุดหงิดไปใหญ่
“กูต้องถามมึงมากกว่าว่าทำไมมึงปล่อยให้กูนอนเป็นตาย ไม่โทรมาปลุกแบบนี้!”
[กูกับกั้งโทรไปจนโทรศัพท์แม่งจะระเบิดแล้วเถอะ มึงไม่รับเลยสักสาย นอนกินบ้านกินเมืองจนฝั่งธนฯ หายไปครึ่งนึงแล้วเว้ยมึงอะ!]

พูดมาอย่างนี้ ผมก็ดึงโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ
จะ...จริงด้วยแฮะ สายไม่ได้รับของมันสองคนขึ้นเป็นร้อยสายเลย ไม่ได้รับสักสาย เวรจริง ผมดันเปิดสั่นเอาไว้ก็เลยไม่ได้ยินน่ะ

“แล้วมึงได้เลือกที่ฝึกงานเผื่อกูมั้ยวะ” ผมดึงโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้งก่อนถามออกไป
[เลือกไม่ได้ อาจารย์ให้มาเลือกด้วยตัวเอง ห้ามเลือกให้กัน กูกับกั้งก็เลยเลือกไปด้วยกัน มึงก็ยังไม่มีที่ฝึกนั่นแหละ]

ได้ยินยีนส์พูดอย่างนั้น ผมก็ยกมือขึ้นลูบหน้า แผนการที่วางไว้ตั้งแต่ตอนต้นเทอมหนึ่งว่าจะไปฝึกงานกับพวกมันสองคนถึงกับสลายไปกับตา ให้ผมได้ครางออกมา
“เวรเอ๊ย แล้วเอายังไงดีล่ะวะทีนี้”
[ทำไงล่ะ มึงก็รีบไสหัวมาที่คณะสิวะ อาจารย์ยังไม่กลับ กูเห็นรถยังจอดอยู่ รีบมาเลือก วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ไม่มีที่ฝึกงาน เดี๋ยวก็ไม่จบหรอกมึง]

ผมจึ๊ปากเล็กน้อย หัวเสียสุดกำลังที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน หัวเสียหนักจนพาลไปยังวิชาฝึกงานที่บ้าจี้ลงเรียนตามพวกเพื่อนเวรนั่นไปด้วย อันที่จริงคณะศิลปศาสตร์ เอกอังกฤษที่ผมเรียนอยู่เนี่ย มันไม่จำเป็นต้องฝึกงาน แต่ผมกับพวกเพื่อนๆ ดันเหลือวิชาบังคับที่ต้องลงอยู่ตัวหนึ่งซึ่งก็คือวิชาเอกในคณะ แล้วดันไอ้วิชาของเอกที่เปิดสอนในเทอมสองก็ดันไม่มีวิชาอื่นนอกจากวิชาฝึกภาคปฏิบัติ พวกผมอยากจบภายในกำหนดเลยจำเป็นต้องลง แต่ไม่ยักจะคิดว่าทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้

แต่ตอนนี้ผมก็ไม่คิดอะไรมากแล้วล่ะ รีบพุ่งลงจากเตียงไปสวมเครื่องแบบโดยไม่สนใจล้างหน้าแปรงฟันแต่อย่างใด ความมึนงงจากการไม่สร่างเมาเต็มทีก็หายไปในพริบตาด้วย ปากก็ไล่เต้ที่กำลังยกถ้วยเปล่าไปล้างในห้องน้ำ
“ฉันจะเข้ามอ นายออกจากห้องฉันไปได้แล้ว”
“ครับๆ ตื่นมาก็ไล่เลยนะ”
ไล่สิวะ! มึงเป็นใครก็ไม่รู้ มามีอะไรกับกู กูยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าไปเจอกับมึงตอนไหน ยังไงก็ต้องไล่อยู่แล้ว!

เต้แต่งตัวเสร็จ ผมก็สั่งให้หมอนั่นเอาขยะไปทิ้งด้วยเพราะเหยียบไปเห็นถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วอยู่ในนั้น ผมไม่เอาไปทิ้งเองหรอก ใครใช้ก็เอาไปทิ้งเถอะ พอคนแปลกหน้านั่นหายออกจากห้องผมไปได้ ผมก็พุ่งไปยังลานจอดรถใต้หอพัก บึ่งเข้ามหา’ลัยอย่างรวดเร็ว
 



ตึกคณะศิลปศาสตร์ยังคงเปิดอยู่ แต่ไม่มีพนักงานคนไหนทำงานอยู่แล้ว ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้านกันแล้ว จะมีก็แต่เพียงชายหญิงในชุดนักศึกษาคู่หนึ่งที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์เท่านั้นที่รอการมาถึงของผม พอเห็นผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินหน้าตาตื่นเข้ามา ผู้หญิงนั่นก็ดิ่งเข้ามาตบกะโหลกผมทันที

“ไงมึง เอาผู้ชายมานอนที่ห้องอีกล่ะสิถึงได้นอนไม่สนโลกอย่างนี้เนี่ย”
มันคือไอ้ยีนส์ เพื่อนสนิทของผมเอง เข้าใจผิดล่ะสิว่ามันคือผู้ชาย... หึ เปล่าเลย ผู้หญิงทั้งดุ้น ส่วนผู้ชายที่ยืนทำหน้านิ่งๆ ใส่แว่นเป็นเนิร์ด ผูกไทเต็มยศท่าทางปัญญาอ่อนนั่นก็ไอ้กั้ง เพื่อนสนิทของผมอีกคน และเป็นแฟนของยีนส์

“เอาคนมานอนด้วยมันไม่เกี่ยวกับนอนตื่นสายเว้ย เมาต่างหาก”
“ทั้งเมาทั้งมั่วเลยนะมึง”
“จะด่ากูอีกนานมั้ย กูจะขึ้นไปหาอาจารย์เนี่ย!” ผมเริ่มโวยวาย ยีนส์ก็เลยหยุดทำท่าจะเทศน์ผม พยักหน้าเป็นสัญญาณให้กั้งกดลิฟต์

จากชั้นหนึ่งถึงชั้นเจ็ดที่เป็นห้องพักอาจารย์ ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ที่อึดอัดก็เพราะกลัวว่าจะไม่เหลือที่ฝึกให้ผมเลือก แล้วผมจะไม่ได้จบพร้อมพวกเพื่อนนี่แหละ

พอประตูลิฟต์เปิด ผมก็วิ่งสี่คูณร้อยไปยังห้องของอาจารย์ผู้รับผิดชอบการฝึกปฏิบัติทันที อาจารย์สาวใหญ่ซึ่งกำลังจะเก็บข้าวของออกจากห้อง เตรียมกลับบ้านถึงกับชะงักเมื่อผมเปิดประตูผางเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต

“อะ...อาจารย์ครับ” หายใจหอบด้วยความเหนื่อยด้วย
อาจารย์หรี่ตามองผมใต้กรอบแว่นสายตาหนาๆ ก่อนจะสวนกลับมา
“ครูกำลังรอคุณอยู่พอดี เห็นเมื่อเช้าไม่ได้มา อย่าบอกนะว่าคุณเข้าใจว่าครูนัดห้าโมงเย็น ไม่ใช่ห้าโมงเช้า?”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าบอกความจริง ก็ใครมันจะไปบอกล่ะ ให้บอกว่า ‘อ๋อ ที่ผมไม่มาเพราะเมาแล้วกลั้วอยู่กับผู้ชายอยู่น่ะครับ’ อย่างนี้น่ะเหรอ... เหอ บ้าไปแล้ว มีหวังได้ถูกเทศน์ตาย

“ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ” ผมก็เลยเลือกที่จะโกหกแทน

แต่อาจารย์ก็ดูรู้แหละว่าผมโกหก ก็ท่าทางผมไม่ได้ดูป่วยอะไรเลยนี่ มีแต่อาการเมาค้างเท่านั้น แถมกลิ่นเหล้าก็ยังคละคลุ้งอยู่บนตัวอยู่เลย ไม่ใช่แค่กลิ่นเหล้าด้วย กลิ่นบุหรี่ก็มี เรียกได้ว่าไอ้ที่ไปลุยมาเมื่อวานยังคั่งค้างอยู่บนตัวผมอย่างครบครัน

“ไม่สบายหนักสินะ กลิ่นละมุดหึ่งเชียว” อาจารย์ทักมาอีกให้ผมได้ยิ้มแห้งๆ ก่อนที่หล่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง หยิบเอกสารบางอย่างออกจากกระเป๋า แล้วเรียกผมไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “คุณมาช้า เลยไม่มีที่ฝึกงานให้คุณได้เลือกมากนัก เสียใจด้วยนะที่คุณไม่ได้ไปฝึกกับเพื่อน”

พูดจบก็เหลือบไปมองยีนส์กับกั้งที่เพิ่งเดินมาหยุดหน้าห้อง พวกนั้นยกมือไหว้อาจารย์เล็กน้อย ให้อาจารย์พยักหน้าแล้วพูดต่อ
“เพื่อนๆ คุณไปฝึกที่โรงเรียนเอกชนสหศึกษาที่กำแพงเพชร ครูรู้ว่าคุณอยากไปฝึกกับเพื่อน แต่ที่นั่นเค้ารับนักศึกษาไปฝึกงานแค่สองคน ก็เลยเลือกที่ใกล้ๆ ให้”

อาจารย์พูดประหนึ่งอ่านใจผมออก จริงๆ ไม่ได้อ่านใจออกหรอก แค่อาจารย์สนิทกับพวกผมมากเพราะเคยเรียนด้วยกันมาหลายปี หลายวิชาเลยรู้ว่าพวกเราสามคนสนิทกันดี

“ไม่เป็นไรครับ เอาที่ใกล้ๆ กันก็ได้ ผมโอเค” ผมตอบไปแบบนี้ ฝึกใกล้กันก็ยังดีกว่าไปกันคนละโยชย์ อย่างน้อยถ้ามีปัญหาอะไรก็จะได้บึ่งไปหากันได้
ทว่าอาจารย์ก็ทำให้ผมต้องใจหายวาบเมื่อขยับริมฝีปากขึ้น
“ใกล้ แต่คนละจังหวัดนะ จังหวัดใกล้ๆ กัน เพื่อนคุณไปฝึกที่กำแพงเพชร คุณไปฝึกที่พิษณุโลก”

แบบนั้นไปเรียกว่าใกล้แล้ว’จารย์! คนละจังหวัดแบบนี้ไม่ใกล้แล้ว! ห่างกันหลายสิบกิโลฯ เลยเถอะ!
แต่ไม่เป็นไร มีรถ ยังไงก็ขับไปหากันได้ ผมเลยพอสงบสติอารมณ์ได้ ถามกลับคืนไปแทน

“แล้วผมได้ไปฝึกที่ไหนเหรอครับ”
“ในพิษณุโลกมีที่ทางคณะไปติดต่อได้แค่ที่เดียว เป็นโรงเรียนเหมือนกันน่ะ ดังนั้นคุณกับเพื่อนก็จะไปฝึกงานในฐานะอาจารย์ฝึกสอนทุกคน”

เป็นอาจารย์ฝึกสอนก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก ผมพอจะมีประสบการณ์การสอนพิเศษเด็กตามบ้าน ตามสถาบันกวดวิชามาบ้าง เลยพอจะโอเคกับตำแหน่งที่ได้รับ มันก็ดีกว่าการไปเป็นเด็กฝึกงานที่มีหน้าที่ถ่ายเอกสารอย่างเดียวแล้วกันล่ะวะถึงผมจะไม่ค่อยชอบสอนหนังสือก็เถอะ บอกตรงๆ เลยคือเกลียดเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กๆ หรือเด็ก ม.ปลาย ผมเกลียดทั้งนั้นแหละ เด็กเล็กก็งอแงน่ารำคาญ เด็กมัธยมก็ปีนเกลียว บางทีก็กวนตีน ผมเลยเกลียดหมด เกลียดแบบเหมารวม
“งั้นโรงเรียนที่ว่านี่ เป็นโรงเรียนเอกชนสหศึกษาเหมือนกันใช่มั้ยครับ” ผมถามไปอย่างนี้ก็เพราะเพื่อนทั้งคู่ของผมได้ไปโรงเรียนประเภทนั้น

หากแต่อาจารย์กลับส่ายหน้าพรืด
“เปล่า”
“เอ้า” ผมร้องออกมาทันใด สีหน้าสงสัยสุดๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงงันเมื่ออาจารย์พูดออกมา
“โรงเรียนเด็กช่าง... วิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์”
“โหย ‘จารย์ ไม่เอาอะ โรงเรียนช่าง ผมไม่เอา” ผมครวญครางออกมาทันที

ที่ครวญครางเป็นเพราะพอจะเดาได้ว่าการฝึกงานมันจะต้องสาหัสสากรรจ์แน่ๆ รับมือเด็ก ม.ปลายยังง่ายกว่าเด็กช่างหลายขุม ถึงพวกมันจะกวนตีนแต่ก็อยู่ในระดับที่ผมปรามได้ แต่พวกเด็กช่างนี่คืออิมเมจไม่ดีอะ คิดภาพออกลางๆ เลยว่ามันจะต้องตีกันทุกวันแน่ๆ เมื่อไม่นานนี้ก็เพิ่งมีข่าวเด็กช่างโรงเรียนหนึ่งต่อยครูฝ่ายปกครองเข้าโรง’บาลไปด้วย ขืนผมไปฝึกงานที่นั่นแล้วพวกมันกวนตีนขึ้นมา แล้วพอผมไปปรามเข้า ผมโดนพวกมันกระทืบขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ!

ทว่าอาจารย์กลับจ้องหน้าผมเขม็ง แล็วก็ยื่นใบสถานที่ฝึกงานมาตรงหน้า
“งั้นคุณก็เลือกเอาแล้วกันว่าถ้าไม่ไปที่นี่จะไปที่ไหน ที่เหลือก็เป็นพวกโรงเรียนบนดอยน่ะ”
ดอยจริงๆ ดอยมาก ชื่อโรงเรียนบ้านป่านกแลงี้ โรงเรียนห้วยอะไรสักอย่างอีก ดูท่าจะหนักกว่าวิทยาลัยเทคนิคบ้าบอคอแตกนั่นอีกด้วยซ้ำ
“ที่อื่นไม่มีอีกแล้วเหรอครับ”
“มี แต่คุณเพิ่งมา คนอื่นก็เลือกไปหมดแล้วน่ะสิ ตัดสินใจเอาว่าจะไปแค่ภาคเหนือตอนล่าง หรือจะไปบนดอย”

ตัดสินใจไม่ได้หรอกเว้ย! จะให้คนที่โตมากับแสงสีเมืองกรุงอย่างผมไปตักน้ำบาดาลอาบ หรือหาบน้ำมาเติมโอ่งแบบนั้น ผมก็ไม่เอาหรอก จะว่าสำอางก็เอาเถอะ แต่ตั้งแต่เล็กยันโต ผมมีแม่บ้านทำให้ทุกอย่างนี่หว่า จะไปลำบากทำมะเขือเผาอะไร แต่จะให้ไปที่โรงเรียนช่างนั่นก็ไม่เอาเหมือนกัน!

เห็นหน้าผมที่ทำเหมือนจะร้องไห้แล้ว อาจารย์ก็หัวเราะในลำคอออกมาเล็กน้อย ดึงใบเลือกที่ฝึกงานกลับไปแล้วก็ปลอบโยน

“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณแสงเหนือ ถึงจะเป็นโรงเรียนช่าง แต่ก็เป็นเอกชน เด็กที่เข้ามาเรียนส่วนมากก็พวกบ้านมีเงินทั้งนั้นแหละ คงจะไม่เกเรให้คุณหนักใจเท่าไหร่ จะมีแต่คุณนั่นแหละที่น่ากลัวว่าจะเกเรกว่าเด็กนักเรียน” ตามมาด้วยเหน็บผมอีกต่างหาก
ผมก็ไม่ถือสาอะไรหรอกเพราะรู้ดีว่าผมเป็นนักศึกษาประเภทไม่ค่อยเข้าเรียนเท่าไหร่ เทอมนึงจะโผล่มาให้อาจารย์เห็นหน้าสักที ถ้าวิชาไหนไม่เช็คชื่อล่ะก็ ผมแทบจะไม่เข้าเรียนด้วยซ้ำ ไปผับบ่อยกว่าเข้าเรียนอีกต่างหาก แต่ถึงจะไม่เข้าเรียน ก็ต้องขอบอกก่อนเลยนะว่าผมกวาดเอมาเกือบทุกวิชา เห็นอย่างนี้ผมก็ไม่โง่นะครับ

ส่วนที่อาจารย์พูดเมื่อครู่ก็พอทำให้ผมคลายกังวลขึ้นมาได้บ้าง ทว่าก็ยังไม่พูดอะไร จนอาจารย์เป็นฝายถามอีกครั้ง
“ว่าไงคุณ ตกลงจะไปฝึกที่นี่มั้ย ถ้าไม่เอาที่นี่ก็ไปขึ้นดอยนะ”
ผมหันหน้าไปมองยีนส์กับกั้ง สองคนนั้นพยักหน้าเออออเป็นเชิงให้ผมตอบรับ ผมเลยพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะตอบรับอย่างจำนน
“ก็ได้ครับ ผมไปฝึกที่นี่แหละ”
“ดี งั้นคุณก็เตรียมตัวหาที่พักได้เลยนะ เดี๋ยวครูจะติดต่อไปทางนั้นให้ว่าจะส่งคุณไป ใกล้ๆ เปิดเทอมสอง คุณก็ไปที่นั่นเลย ไปล่วงหน้าก่อนหลายๆ วันก็ดี เดี๋ยวคุณจะเมาจนลืมวันลืมเวลาอีก” จบท้ายด้วยการแดกดันอีกจนได้ เรียกเสียงหัวเราะของยีนส์และกั้งได้เป็นอย่างดี ส่วนผมก็โอดครวญไปตามเรื่อง

“โธ่ อาจารย์ครับ ผมไม่ได้เมาทุกวันซะหน่อย”
“แต่ก็เกือบทุกวันใช่มั้ยครับ ครูรู้นะว่าเธอไปร้านเหล้าบ่อยกว่าเข้าเรียนอีก”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็เถียงไม่ออกเลย ก่อนอาจารย์จะยุติบทสนทนาด้วยการเก็บเอกสารลงกระเป๋า แล้วเชิญพวกผมออกจากห้อง
“เสร็จเรื่องแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ครูต้องไปจัดการเตรียมเอกสารประวัติของพวกเธออีก เดี๋ยวจะไม่ทันการ”

พูดจบ พวกผมก็ออกจากห้องพักอาจารย์ทันที ระหว่างลงลิฟต์ ผมก็ทำหน้าซังกะตายตลอด ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะไม่ได้ไปฝึกกับพวกมัน แต่เป็นเพราะต้องไปโรงเรียนเด็กช่างที่ผมคิดไปไกลแล้วว่าต้องไม่ต่างจากขุมนรกแน่ ยีนส์ก็เลยยื่นมือมาแตะบ่าผมทันทีที่พวกเราก้าวเดินออกจากลิฟต์

“ไม่เป็นไรหรอกเว้ย แค่ฝึกคนละจังหวัดเอง กำแพงเพชรกับพิษณุโลกมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก ขับรถชั่วโมงสองชั่วโมงก็ถึง”
กั้งพยักหน้าเห็นด้วยทันควัน ผมมองหน้าพวกมันแล้วพ่นลมหายใจพรืด
“ไม่ได้ซีเรียสเรื่องไม่ได้ฝึกงานกับพวกมึง แต่ซีเรียสตรงที่กูต้องไปรับมือกับเด็กช่างนี่แหละ พวกมันจะพกอีโต้มาเรียนกันหรือเปล่าวะ” พูดอย่างนั้นเพราะเคยเห็นข่าวออกบ่อยๆ ว่าพวกนักเรียนช่างพกอาวุธไปโรงเรียนไว้ป้องกันตัวเอง เลยคิดว่าโรงเรียนช่างที่อื่นก็คงไม่ต่างกัน

“มันจะเอามาหั่นหมูขายหรือไง มึงก็กังวลไม่เข้าเรื่อง” ยีนส์เริ่มย่นคิ้วละ ก่อนจะหยักยิ้มกวนประสาทออกมา “พวกมันต้องพกมีดสปาร์ตาเว้ย ไม่ใช่อีโต้ แบบฟันโชะเดียว เจี๊ยวมึงหายไรงี้”
“มึงนี่เป็นผู้หญิงแน่หรือเปล่าวะ พูดจงพูดเจี๊ยวกับผู้ชายคนอื่นได้หน้าตาเฉย แฟนมึงก็ยืนอยู่นี่เนี่ย” ผมบุ้ยปากไปทางกั้งที่ยังทำหน้านิ่งไม่แยแสกับคำพูดของแฟนตัวเองเล็กน้อย
“อย่างมึงน่ะไม่เรียกว่าผู้ชายหรอก” ยีนส์หัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน

ผมเห็นก็ไม่อยากจะคุยกับพวกมันละ ยกมือขึ้นยีผมอย่างหัวเสีย ปากก็พึมพำไปด้วย
“กูว่ากูกลับไปนอนดีกว่า อยู่คุยกับพวกมึงแล้วประสาทจะกิน ไปละ” พูดจบก็หมุนตัวไปเลย ไม่รอล่ำลาด้วย
ยีนส์ก็ไม่ห้ามเพราะรู้ว่าผมเป็นพวกไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ แม้แต่เพื่อนสนิทเอง ผมก็ไม่สนใจด้วยนะบางที
หากแต่พอผมเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฝ่ามือหนักๆ ก็แตะลงมาที่บ่าผม พอหันไปก็เห็นว่าเป็นกั้งที่เรียก

“อะไร” ผมชักสีหน้าใส่ด้วยรำคาญ ทว่าอีกฝ่ายทำหน้านิ่งใส่
“ก่อนไปที่นั่น เตรียมสนับมือไปด้วยก็ดี หรืออาวุธอะไรที่ใช้ป้องกันตัวเองได้ไปสักอย่าง”
ฟังแล้วผมก็ย่นคิ้วหนักเลย
“เอาไปทำไมวะ”
“กูได้ยินมาว่าเด็กโรงเรียนนั่นก็ร้ายไม่เบา ก่อนหน้าที่จะเลือกที่ฝึกงาน กูไปหาข้อมูลที่ฝึกทุกที่มาแล้ว ล่าสุดเห็นว่ามีข่าวท้องถิ่นของจังหวัดลงว่าเด็กโรงเรียนนั้นตีกับเด็กโรงเรียนช่างอื่นจนถึงตาย หาอาวุธติดตัวไปหน่อย อย่าไปฟังที่อาจารย์พูดมาก แกไม่ได้ลงพื้นที่กับเรา” กั้งพูดมาหน้าตาเฉย ให้ผมได้อ้าปากค้าง ก่อนมันจะเดินกลับไปหายีนส์ที่ร้องเรียกให้มันกลับหอ

มะ...มึงจะมาขู่ให้กูกังวลกว่าเดิมทำไมเนี่ย!

แล้วพวกมันก็เป็นฝ่ายทิ้งผมยืนอยู่ตรงนั้นแทน ส่วนผม ตอนนี้กังวลหนักละ แล้วคิดสภาพนะ คนที่เกลียดเด็กทุกช่วงอายุอย่างผมจะต้องไปเป็นอาจารย์ฝึกสอน แถมต้องไปเจอเด็กช่างที่มีแววว่าต้องกวนตีนแน่ๆ อีก โอย... รับรองเลยว่าเละ
ผมเนี่ยแหละเละ!

ถ้าไม่เมาเละเทะนะ มึงคงไม่ซวยได้ที่ฝึกงานเวรๆ แบบนี้หรอกไอ้เหนือ! เวรกรรมจริงๆ!

-----------------------------------------
บทนำมาแล้ว เป็นบทนำที่ยาวมาก 555
เป็นเรื่องแรกเลยค่ะที่เขียนให้นายเอกเป็นเกย์แต่เริ่ม เกย์โบทอีกต่างหาก กรั่กๆๆ
ตอนนี้ยังไม่ค่อยเกรียนมาก แต่ตอหน้าและหน้าเรื่อยๆ รับประกันว่าเกรียนหนักมาก แต่ไม่ถึงขั้นนังกวินทร์แห่งแก๊งเกรียนฯ นะคะ ขนาดนั้นก็เยอะไป ถึงขั้นบ้า ฮาาา
ตอนใหม่กว่าจะมาคงอีกหลายวันนะ อันนี้อัพสนองนี้ดเฉยๆ ขอเคลียร์ต้นฉบับเก่าก่อนเน้อ
 
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦บทนำ♦P.1♦07/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-02-2016 18:40:58
ชั่งใจ ครั้งที่ 1: เปิดภาคเรียน [1]

ไม่อยากฝึกงานเลย… ไม่อยากฝึก! ไม่อยากฝึกโว้ย!

ถึงจะไม่อยากฝึก แต่ผมก็มานั่งหัวโด่อยู่บนเตียงในห้องของหอพักแห่งหนึ่งใจกลางเมืองพิษณุโลกแล้วล่ะ ผมมาที่นี่ก่อนถึงเวลาเปิดภาคเรียนเทอมที่สองของวิทยาลัยเทคนิคฯ อะไรนั่นอาทิตย์นึงตามคำเสนอแนะของอาจารย์ผู้ดูแลวิชา

โอเค... จริงๆ คือตามพวกไอ้ยีนส์กับไอ้กั้งมาน่ะ เพราะโรงเรียนที่มันต้องไปฝึกงานเปิดเรียนก่อน พวกมันก็เลยขอให้ผมมาพร้อมกันไปเลย ประเด็นคือไอ้ยีนส์เสนอให้ผมขับรถไปส่งพวกมันก่อนด้วยจะไปพิษณุโลกก็ต้องผ่านกำแพงเพชรก่อน พูดง่ายๆ คือเป็นสารถีให้พวกมัน ผมเองก็ไม่อยากจะขับรถไปคนเดียวเหมือนกัน เลยยอมๆ ไป

แต่พอมาถึงที่แล้ว บอกเลยว่าคิดผิดถนัด!
แม่ง มาก่อนคือเหงาโคตรๆ มาหายใจทิ้งๆ ขว้างๆ แบบไร้เป้าหมายในชีวิตชัดๆ!

ผมเองก็ไม่รู้จะไปไหน สถานที่ใหม่ ผู้คนใหม่ๆ สำเนียงภาษากลางใหม่ที่จะเหน่อก็ไม่เหน่อ จะเหนือก็ไม่เหนือของคนที่นี่ ทำให้ผมไม่คุ้นชินกับที่นี่สักเท่าไหร่นัก มาอยู่ได้สามวันก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องตลอด มีออกมากินข้าวกินปลาบ้างตอนหิว ดีที่หอพักที่ผมมาเช่าอยู่ในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายสยามฯ เลยหาของกินง่าย แค่ลงมาด้านล่างก็เจอร้านอาหารตามสั่งละ แต่ไอ้ศูนย์การค้านี่เป็นสยามฯ เวอร์ชันป่าช้านะ พูดง่ายๆ ก็คือเป็นแหล่งชอปปิงเสื้อผ้าที่แม่งไม่มีคนมาเดินเลย มีแต่พ่อค้าแม่ค้าเดินกันเอง จะมีคนพลุกพล่านหน่อยก็ช่วงเย็นที่เด็กมาเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาที่เปิดเป็นดอกเห็ดในละแวกนี้

ถึงจะมีเด็กนักเรียนพลุกพล่านตอนเย็นก็เท่านั้นแหละ ผมไม่ได้สนใจนักหรอก กินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องไปเก็บตัวอย่างเดียวเท่านั้น พวกยีนส์กับกั้งก็โทรมาถามไถ่บ้างว่าผมเป็นยังไง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมันมากกว่าที่เล่าเรื่องฝึกงานที่โรงเรียนสหฯ ให้ผมฟัง
‘มีแต่เด็กผู้หญิงทั้งนั้น ไม่กระชุ่มกระชวยเลยว่ะ ลูกคุณหนูทั้งนั้น’

นั่นคือคำบอกเล่าของยีนส์ ส่วนกั้งก็ไม่ได้มีปากมีเสียงอะไร บอกมาแค่ประโยคเดียวว่า ‘ตุ๊ดเด็กเยอะมาก’ เท่านั้น
แน่นอนแหละว่ามันก็โดนตุ๊ดเด็กเต๊าะเยอะมากเช่นกันจนไอ้ยีนส์ต้องประกาศตัวว่าเป็นแฟนกับมันถึงได้เพลาๆ ลงไปบ้าง
ก็นะ ไอ้กั้งน่ะ ถึงมันจะเป็นไอ้แว่นเนิร์ดหน้าตาย แต่จริงๆ มันก็หน้าตาดีอยู่ เสียอย่างเดียวตรงที่บ้าเรียน บ้าวิชาการจัดจนดูเหมือนประสาทไม่ค่อยดีเท่านั้น

กระนั้นก็ดูเหมือนการฝึกงานของพวกมันเป็นไปด้วยดี มีบ่นบ้างเหมือนกันว่า ผอ.กับพี่ซุปฯ หรืออาจารย์ภาคสนามที่ย่อมาจากคำว่า Supervisor หรือแปลว่าผู้ดูแลเนี่ย ค่อนข้างจะระเบียบจัดไปหน่อย ก็อย่างว่า โรงเรียนเอกชนชื่อดังประจำจังหวัดนี่นา ระเบียบเยอะหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดา

พูดถึงพี่ซุปฯ ...พี่ซุปฯ ของผมก็โทรมาหาผมแล้วเหมือนกัน เพิ่งโทรมาเมื่อเช้านี้เอง เป็นอาจารย์ของวิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์ที่ผมจะไปฝึกสอนนี่แหละ เธอชื่อว่าสายสมร เป็นอาจารย์ที่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าอายุอานามนี่รุ่นแม่ผม แต่เธอไม่ยอมให้ผมเรียกอย่างเคารพว่าอาจารย์ ทว่าให้ผมเรียกเธอว่า ‘พี่สมร’ ด้วยเหตุผลว่าเป็นพี่เป็นน้องอาจารย์เหมือนกัน ผมก็เออออไปงั้นแหละเพื่อความสะดวกต่อการต่อรองขอให้เซ็นอนุมัติผ่านการฝึกงานให้ผม

อ้อ วิชาฝึกงานคณะผมไม่มีการให้เกรดแหละ มีแค่ให้ว่าผ่านหรือไม่ผ่านเท่านั้น

ส่วนพี่สมรก็ดีครับ มีนัดแนะกับผมว่าวันแรกของการไปฝึกสอน เธอจะพาไปทำความรู้จักกับ ผอ.ของวิทยาลัยและคนอื่นๆ เพื่อฝากเนื้อฝากตัว และเสนอให้ผมไปเป็นอาจารย์ผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษาประจำแผนกช่างไฟของเธออีกเพื่อจะได้ง่ายต่อการดูแล อีกเหตุผลก็คือแผนกที่เธอดูแลอยู่มีนักศึกษาจำนวนน้อย เธอเลยคิดว่าผมน่าจะควบคุมเด็กช่างได้ง่าย

คงจะพอเดาออกจากน้ำเสียงผมที่ถามไม่หยุดเรื่องเด็กเกเรมั้ยล่ะสินะ ถึงได้จับผมไปอยู่ด้วย แต่ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องรับศึกหนักมาก เอ...รู้สึกว่าแผนกช่างไฟที่เธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่จะเป็นนักศึกษา ปวช.ปีสามมั้ง เห็นว่ามีอยู่ราวๆ หกสิบกว่าคนได้
นอกจากนั้นก็เสนอให้ผมสอนวิชาภาษาอังกฤษอีกด้วย เป็นวิชาที่ผมถนัดและดีอย่างที่ผมไม่ต้องเตรียมบทเรียนหรือเนื้อหาใดๆ เพราะอาจารย์ที่สอนประจำเตรียมแผนการสอนไว้หมดแล้ว แต่เธอลาพักคลอดลูกเป็นเวลาสองเดือน ผมมาพอดีก็เลยได้เสียบเข้าไปแทนที่ ผมก็เลยไม่ปฏิเสธ ตอบรับทุกข้อเสนอของเธออย่างว่าง่าย

ทว่า... พอถึงคืนวันก่อนเปิดเทอม ผมกลับมีอาการวิตกจริตขึ้นมา จะว่าไปแล้วเด็กช่างกว่าหกสิบชีวิตที่ต้องรับมือเนี่ย มันก็ไม่ใช่น้อยๆ นะ แถมยิ่งเธอบอกว่าในแผนกช่างไฟที่เธอดูแลอยู่ไม่มีผู้หญิงเลยสักคน ผมก็ยิ่งกังวลหนักเข้าไปใหญ่อีก
มันจะต้องเป็นแหล่งศูนย์รวมแว้นของจังหวัดแน่ๆ ไม่ใช่แค่แผนกช่างไฟนี่ด้วย ต้องเป็นทั้งโรงเรียน
ยิ่งคิดก็ยิ่งนอนไม่หลับ นอนดิ้นไปดิ้นมาตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืน ดิ้นจนเหนื่อยก็เริ่มเพลีย ทีนี้เลยพอจะเคลิ้มๆ มาได้บ้าง
แต่...

พอเริ่มเคลิ้มใกล้จะหลับ เสียงผนังห้องถูกทุบดังปึงก็ดังมาให้ได้ยิน

ผมลืมตาขึ้นทันควัน ก่อนเสียงนั้นจะตามมาอีกหลายที คล้ายกับเสียงมีคนเอาถุงน้ำแข็งยูนิตมาทุบกับกำแพงอย่างไรอย่างนั้น
ทำไมผมถึงเดาว่าเป็นเสียงทุบถุงน้ำแข็งน่ะเหรอ? ก็มันไม่ได้มีแค่เสียงทุบน่ะสิ แต่มันมีเสียงอื่นตามมาด้วย

“บางระจันคืนพระจันทร์งามเด่น ฝนพร่างพรำฉ่ำเย็น เยี่ยมยุทธภูมิสงคราม!”

แม่ง เพลงเพื่อชีวิตดังทะลุกำแพงมาอย่างนี้ ตั้งวงกินเหล้ากันแน่ๆ แต่นี่มันเที่ยงคืนแล้วหรือเปล่าวะ เกรงใจห้องอื่นกันหน่อยเว้ย!
ผมหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าทำเป็นไม่สนใจเพราะเสียงทุบน้ำแข็งมันเงียบไปแล้ว มีแต่เสียงร้องเพลงนั่นแหละที่ดังมาให้ได้ยิน อีกเดี๋ยวมันก็คงจะเงียบไปเหมือนกัน

หากแต่...ผมคิดผิด
ไม่เงียบไม่พอ เสียงร้องดังขึ้นกว่าเดิมด้วย ตามมาด้วยเสียงเคาะหม้อไหจานชามเป็นวงดนตรีเต็มวงอีกต่างหาก
“บางระจัน! บางระจัน! บางระจัน! มิอาจยืนอยู่ถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง!”
พวกมึงนั่นแหละที่จะอยู่ไม่ถึงถ้าไม่หุบปากกันซะทีเนี่ย!

ผมเด้งตัวลุกจากเตียง หัวเสียสุดๆ ไปเลย ให้ตายเถอะ พรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้านะ วันจันทร์อีกต่างหาก ไม่ทำงานทำการกันหรือไงฮะ! แล้วไอ้วันอื่นที่นอนตื่นสายได้ ทำไมพวกมันไม่มาตั้งวงกันวะ!
ลุกจากเตียงอย่างเดียวไม่พอ เดินไปหยุดตรงกำแพง ฟังเสียงร้องเพลงที่ไม่ต่างจากเสียงหมาฉี่ใส่สังกะสีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจทุบกำปั้นลงบนกำแพงรัวๆ

ปึงๆๆ!

ได้ผล ไอ้ห้องข้างๆ เงียบปากไปครู่หนึ่ง เงียบทั้งเสียงร้องเพลง ทั้งเสียงเคาะชามไหกะละมัง แต่พอผมจะหันกลับมาทิ้งตัวนอนบนเตียงอีกครั้ง ก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก

ปึงๆๆ!

เสียงทุบกำแพง... หน็อย กวนตีนนี่หว่า
ไม่ใช่แค่เสียงทุบกำแพงอย่างเดียวด้วย เสียงร้องเพลงก็ตามมา ดังกว่าเดิมอีกต่างหาก

“เพื่อผองเพื่อน กูจะสู้หลังชนฝา! เพื่อลูกเมีย กูจะสู้สุดใจกล้า! เพื่อพี่น้อง กูจะสู้สุดแรงล้า! เพื่อบ้านเมือง กูจะสู้จนสิ้นเลือดหยดสุดท้าย! ฮ่าๆๆ!”
ไม่ใช่เสียงร้องด้วยเถอะ เสียงตะโกน

จะตะโกนหาเตี่ยมึงเหรอไอ้ Alligator!
ด่าว่าสัตว์เลื้อยคลานที่ชอบลากไก่ไปกินในน้ำยังน้อยไป ผมทุบกำปั้นรัวกลับไปด้วยเถอะ!

ปึงๆๆ!

ฝั่งนั้นก็ทุบกลับมาเช่นกัน

ปึงๆๆ!

ทุบมา กูก็ทุบกลับเว้ย ไม่โกง!

ปึงๆๆ!

อีกฝั่งเงียบไป ผมก็เลยทุบรัวๆ แม่งเลย ให้รู้เลยว่าผมเอาจริง

ปึงๆๆๆๆ!

มีเรื่องก็มีเรื่องวะ จะได้ด่าแม่งไอ้พวกไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเนี่ย!

อีกฝั่งยังเงียบกริบเหมือนเดิม ไม่มีเสียงทุบกลับมา จะมีก็แต่เสียงตะโกนของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ลอยมาให้ได้ยินเต็มสองหู

“กวนตีนเหรอมึง! แน่จริงมึงทุบมาอีกทีสิเว้ย!”
ปึ้ง!

ตามมาด้วยเสียงดังอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าครั้งที่ผ่านมาเลย ประหนึ่งว่าไม่ได้ใช้กำปั้นทุบ แต่ใช้ฝ่าเท้า ผมสะดุ้งเล็กน้อย แล้วก็ต้องสะดุ้งหนักเมื่อง้างมือขึ้นเตรียมจะทุบกลับไป ทว่าอีกฝ่ายตะโกนขึ้นมาก่อน

“มึงทุบกลับมาอีกที กูจะบุกไปถึงห้อง แทงแม่งให้ไส้ไหลเลยสัด!”

อะ...ไอ้ที่ว่ามีเรื่องก็มีเรื่องเนี่ย ลืมๆ ไปซะเถอะนะ ขู่แทงกันขนาดนี้แล้ว พี่ก็ตั้งวงกันต่อไปเถอะครับ ผมไม่กวนละ
ผมเลยต้องเป็นฝ่ายถอยมาแทน ไม่ลืมปรี่ไปเช็คประตูด้วยว่าล็อคดีแล้วหรือยัง เดี๋ยวตอนมันโผล่มาจริงๆ มันจะเข้ามาได้ง่ายเกิน แต่โชคดีที่พวกมันไม่มา แค่เงียบไปครู่แล้วก็บรรเลงวงหมาฉี่ใส่สังกะสีขึ้นมาอีก ปล่อยให้ผมยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เอาหมอนปิดหู ทนฟังเสียงพวกมันร้องเพลงไปตลอดคืน

บ้าชะมัด... ไอ้หอเวรนี่ไม่มีคนดูแลเหรอวะ ดึกๆ ดื่นๆ ถึงได้ปล่อยให้พวกแว้นนี่ส่งเสียงรบกวนคนอื่นเนี่ย!
 



กว่าพวกแว้นข้างห้องที่ผมไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งจะหยุดร้องเพลงก็ปาเข้าไปตีสามเกือบตีสี่ แน่นอนว่าผมแทบไม่ได้หลับเลย มาหลับเอาตอนเช้ามืดได้งีบนึงก็ต้องตื่นเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังตอนหกโมง จะไม่ตื่นก็ไม่ได้ ดันเป็นวันฝึกงานวันแรกอีก ผมก็เลยต้องสะโหลสะเหลไปแต่งเครื่องแบบนักศึกษาเต็มยศ ขับรถไปที่ฝึกงานในสภาพผีตายซาก

โชคดีที่การจราจรช่วงเช้าในตัวเมืองพิษณุโลกไม่น่าปวดหัวเท่ากรุงเทพฯ น่ารำคาญนิดหน่อยตรงที่มอเตอร์ไซค์เยอะ แต่ก็ถือว่าขับง่ายกว่าเมืองหลวงเยอะ ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ผมก็มาถึงยังที่หมายแล้ว

วิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลกเลย ผมไม่รู้หรอกว่าแถวนี้เรียกว่าอะไร แต่เท่าที่เห็น เหมือนจะมีโรงเรียนมัธยมและวิทยาลัยอาชีวะตั้งอยู่แถวๆ นี้ด้วย

นักศึกษา ปวช.ในเสื้อช็อปสีครีมอ่อนหลายสิบชีวิตจอดมอเตอร์ไซค์รอไฟเขียวอยู่หน้ารถผมตรงแยกไฟแดงเพื่อจะขี่เข้าโรงเรียน บางคันก็อัดสอง บางคันก็อัดสาม ผมกวาดตามองแล้วก็ถอนหายใจ

นี่ต้องมาสอนหนังสือพวกแว้นนี่จริงๆ เหรอวะ ไม่อยากฝึกงานแล้วแฮะ ดร็อปเรียนดีมั้ยนะ จบช้ากว่าเพื่อนปีนึงก็ช่างมันเถอะ ไม่อยากฝึกอะ

ยังไม่ทันจะตัดสินใจได้ว่าจะดร็อปดีหรือไม่ดี ไฟเขียวก็ขึ้นมาแทนที่ไฟแดงแล้ว พอตำรวจจราจรตรงแยกโบกให้สัญญาณ แว้นเด็กช่างพวกนั้นก็บิดคันเร่งออกจากจุดสตาร์ททันที พอข้ามฝั่งไปก็เป็นเขตวิทยาลัย ผมถูกยามหน้าวิทยาลัยดักถามนิดหน่อยว่ามาทำอะไร พอบอกว่าเป็นนักศึกษาฝึกงานก็ถูกปล่อยเข้ามาแต่โดยดี ตอนนี้เองที่ผมเห็นว่านักศึกษาที่นี่จะต้องลงจากมอเตอร์ไซค์ที่หน้าโรงเรียน แล้วเข็นเข้ามาให้อาจารย์ฝ่ายปกครองกับอาจารย์ผู้ชายคนอื่นๆ ตรวจร่างกายว่าเอาอาวุธเข้ามาในโรงเรียนหรือไม่ จากนั้นถึงจะปล่อยให้ขับต่อเข้าไปยังโรงจอดรถ

ก็มีระเบียบเหมือนกันนี่หว่า นึกว่าจะกเฬวราก อาจารย์ไม่ใส่ใจซะอีก
ผมเหยียบคันเร่งไป มองไปก่อนจะเอารถเข้าไปจอด พอดับเครื่องปุ๊บ สายเรียกเข้าของอาจารย์ภาคสนามก็ดังขึ้นทันทีราวกับรู้ว่าผมมาถึงแล้ว

“ครับพี่สมร” ผมกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป อีกฝ่ายก็กรอกเสียงกลับมา
[น้องเหนือใช่หนุ่มหล่อๆ ที่ขับเบนซ์หรือเปล่าคะ]
ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าลานจอดรถอาจารย์นี่จะมีรถเบนซ์คันไหนอีกนอกจากของผม ผมก็เลยตอบรับไป
“ใช่ครับ ผมเอง”

ตอบแค่นั้น เสียงเคาะหน้าต่างรถฝั่งที่ผมนั่งอยู่ก็ดังขึ้นเลย ผมสะดุ้งเฮือก หันไปก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนในชุดผ้าไทยสีเขียวอ่อนส่งยิ้มให้อยู่ พอลดกระจกลงปุ๊บ ฝ่ายนั้นก็วางโทรศัพท์ที่แนบหูลง ปากก็ทักผมด้วย

“พี่สมรเองค่ะน้องเหนือ”
“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ ลงจากรถและล็อคเรียบร้อย พี่สมรก็ปราดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ตอนแรกไม่คิดว่าน้องเหนือจะหน้าตาดีขนาดนี้ เห็นในรูปจากเอกสารที่อาจารย์ทางนั้นส่งมาให้ดูไม่เท่าไหร่ พอมาเจอตัวจริง...โอ้โห นายแบบเลยนะเนี่ย”

ผมยิ้มรับคำชม ไม่เขินเท่าไหร่นักเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้รับคำชมเรื่องหน้าตา ผมรู้ตัวแหละว่าตัวเองหน้าตาดี หน้าตาดีแบบไม่ศัลยกรรมด้วยนะ เรียกได้ว่าธรรมชาติพ่อแม่ให้มาสุดๆ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณไปที

“ขอบคุณครับ พี่สมรก็ยังสาวยังสวยเหมือนกันนะครับ” เพื่อคะแนนกับการฝึกงานแบบราบรื่น ยีนส์กับกั้งมันบอกมาว่าให้ชมๆ พี่ซุปฯ ไปถึงหน้าตาจะแก่คราวแม่ก็ตาม
พี่สมรยิ้มกว้างก่อนจะจับแขนผมเบาๆ “แหม ปากหวานตั้งแต่วันแรกเลยนะ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าชมพี่อย่างนี้ พี่ไม่ให้ผ่านง่ายๆ หรอกนะจ๊ะ รู้ทันน่า”
พูดมางี้ ผมก็ยิ้มแห้งเลย ยัยป้านี่อ่านออกสินะว่าผมคิดอะไรอยู่
“เดี๋ยวไปดูโรงเรียนกัน วันนี้น้องเหนือไม่ต้องทำอะไรมาก เป็นวันแรกก็ถือว่าแนะนำโรงเรียนก่อนแล้วกันเนอะ” พี่สมรพูดเองเออเอง ผมก็เออออห่อหมกไป

แค่แนะนำโรงเรียนอย่างเดียวก็ดี ผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะสอนหนังสือตั้งแต่วันแรกที่มาฝึกงานหรอก

ระหว่างทางที่เดินไปยังตึกเรียน พี่สมรก็อธิบายไปด้วยว่าแต่ละตึกแยกกันไปตามแผนก พวกนักศึกษา ปวช. ปวส. ถ้าเรียนแผนกเดียวกันก็เรียนตึกเดียวกัน ไม่มีห้องเรียนประจำ เพราะต้องเดินเรียนตามรายวิชา แล้วแต่ว่าแต่ละชั้นปีจะเรียนวิชาอะไร แล้วก็สลับๆ กันใช้ห้อง ผมเองก็เพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้แหละว่าวิทยาลัยเทคนิคฯ นี่เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่มาก มีอาคารเรียนไม่กี่อาคารถ้าเทียบกับโรงเรียนประจำจังหวัด นักศึกษาเองก็มีแค่พันต้นๆ พี่สมรบอกว่าเพราะเป็นเอกชน ค่าเทอมแพงเลยมีแต่ลูกหลานคนมีเงินเท่านั้นที่มาเรียน ส่วนพวกรายได้พอมีพอกินก็ไปเรียนวิทยาลัยเทคนิคฯ อื่นที่เป็นของรัฐ

ผมฟังแต่ก็ไม่ได้เข้าหูเท่าไหร่เมื่อพี่สมรพาเดินมายังสนามปูนซีเมนต์ซึ่งใช้เป็นที่เข้าแถวในตอนเช้า สายตาผมก็ปะทะเข้ากับบรรดานักศึกษาที่ต่างพากันแยกย้ายไปตามอาคารเรียน เท่านั้นความกังวลที่ต้องมารับศึกกับนักเรียนช่างในหลายวันที่ผ่านมาก็อันตรธานหายไปทันตา

โอ้...ละลานตามาก เด็กหนุ่มละลานตา ไม่ใช่เด็กหน้าตาแบบกากหมูด้วยนะ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเน็ตไอดอลกันมากๆ ผิวงี้ขาวโบ๊ะตามสไตล์เด็กเหนือ บางคนก็ไม่ขาวหรอก คมเข้มไทยสไตล์ แต่ก็ถือว่าหล่อคมคายเหมือนกัน

สวรรค์...นี่มันสวรรค์ของไอ้เหนือชัดๆ!

ทุ่งดอกไม้บานคืออะไรรู้ได้ในตอนนี้ อารมณ์หวั่นใจในการเริ่มฝึกวันแรกหายไปทันตา โชคดีจริงๆ ที่มาเลือกฝึกที่นี่ โรงเรียนเอกชนลูกคนมีตังค์นี่ดีจริงๆ คุณชายกันทั้งนั้น

"เป็นไง พอไหวมั้ยล่ะน้องเหนือที่นี่น่ะ" พี่สมรถามขึ้นหลังจากที่เห็นผมยืนนิ่ง กวาดตามองบรรยากาศรอบข้างอยู่พักใหญ่
ผมหันกลับไปยิ้มกว้างแล้วพูดอย่างลืมตัว
"ไหวครับ นี่มันสวรรค์ของผม... เอ่อ ผมหมายถึงสวรรค์ของอาจารย์ฝึกสอนน่ะครับ"
ดีนะที่รีบแก้คำพูดทัน พี่สมรเลยไม่ได้เอะใจอะไร
"น้องเหนือชอบที่นี่ก็ดีแล้ว พี่ล่ะกลัวว่าเหนือจะไม่ชอบแล้วขอย้ายที่ฝึกแทบแย่แน่ะตอนแรกน่ะ"

แหม...จะย้ายได้ไงล่ะครับ เด็กหนุ่มกรุบกรอบเยอะเป็นแพขนาดนี้ ผมไม่ย้ายหรอกครับ
อยากจะพูดแบบนี้เหลือเกิน แต่เดี๋ยวพี่สมรจะตกใจเลยได้แต่คิดในใจ ก่อนพี่สมรจะแตะแขนผม

"งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปพบ ผอ. จะได้แนะนำตัวกัน" พูดจบก็นำผมเดินนำไปยังอาคารตรงหน้าซึ่งเป็นอาคารวิชาการ ข้างกันเป็นอาคารของแผนกช่างไฟ

ทว่าพอผมกำลังจะก้าวเข้าไปในอาคารวิชาการ เสียงโวยวายของบรรดาเด็กหนุ่มๆ ก็ดังแว่วมาให้ได้ยิน ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นบนซึ่งเป็นต้นเสียง ก็พอจะจับทางได้ว่าเสียงนั้นมาจากชั้นบนของอาคารแผนกช่างไฟ ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างแตกดังตามมา

เพล้ง!

กระจกหน้าต่างแตก และตามมาด้วย...โต๊ะ
โต๊ะเล็คเชอร์หนึ่งตัวเพียวๆ บินลอยละลิ่วสู่เบื้องล่าง และตกกระแทกพื้นดังตึ้ง ทำเอาพี่สมรร้องอุทานลั่น

“อุ๊ย! แม่แหก!”
อะไรแหกก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ๆ คือเด็กหนุ่มๆ ที่เดินอยู่แถวนั้นวงแตกฮือเป็นผึ้งแตกรัง ก่อนจะพากันเงยหน้ามองไปยังชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคารหลังนั้นด้วย และตามมาด้วยเสียงดังอีกครู่ใหญ่ บ่งบอกให้รู้ว่าความโกลาหลบนนั้นทวีคูณมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนผมเหรอ...ก็อ้าปากค้างไปเถอะ!

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันโว้ย!

ผมเดาไปแล้วว่าชั้นบนนั้นจะต้องมีเด็กทะเลาะกันแน่ๆ เพราะหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเชียร์มวยดังกระหึ่ม
แม่ง ตีกันตั้งแต่วันเปิดเรียนวันแรกเลยเหรอวะ!?

ไอ้ทุ่งดอกไม้บานในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นทุ่งดอกไม้จันทน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหงื่อกาฬไหลพราก ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ความกังวลย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง ผมเลยรีบหันไปทางพี่สมรที่ลูบอกตัวเองให้หายตกใจทันที แต่ยังไม่ได้ส่งเสียงพูดอะไรสักแอะ พี่สมรก็ส่งยิ้มให้ พลางแตะบ่าผมเบาๆ

"เรื่องปกติน่ะน้องเหนือ เดี๋ยวก็ชิน"
ชินบ้าชินบออะไร! กลับกรุงเทพฯ ตอนนี้เลยได้มั้ย!?

ไม่ใช่แค่โต๊ะบินด้วยตอนนี้ ไอ้เด็กกลุ่มที่ตีกันเมื่อครู่ก็วิ่งกรูกันลงมาข้างล่าง... ไม่สิ ต้องเรียกว่าเด็กสองคนวิ่งหนีเด็กผู้ชายคนหนึ่งหน้าตั้งมาต่างหาก เด็กพวกนั้นมีสภาพใบหน้าฟกช้ำ มุมปากแตก หัวก็โน ดูก็รู้เลยว่าเพิ่งโดนต่อยมาหมาดๆ พอวิ่งมาเจอหน้าพี่สมรปุ๊บ ก็รีบวิ่งเข้ามาหาแล้วหลบหลังพี่สมรทันที

"'จารย์ครับ ช่วยพวกผมด้วยครับ มันเอาอีกแล้ว!"

'มัน' ในที่นี้คือเด็กผู้ชายรูปร่างสูงข้างหลังนั่นแหละ กะจากสายตา หมอนั่นน่าจะสูงราวๆ สักร้อยแปดสิบต้นๆ หากแต่ผมยังไม่ทันจะได้มองเห็นหน้าเด็กนั่นชัดๆ พี่สมรก็โพล่งเสียงแหลมขึ้นมาก่อนแล้ว

"ไอ้ตัวแสบ! หยุดรังแกเพื่อนเดี๋ยวนี้!"

เด็กนั่นเบรคเอี๊ยด มองหน้าพี่สมรอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะชี้หน้าพวกที่หลบอยู่ข้างหลังผู้หญิงวัยกลางคนอย่างเอาเรื่อง
"เห็นแก่ป้าหมอน กูจะปล่อยพวกมึงไปก่อน ครั้งหน้าอย่าซ่าอีกนะ!" พูดจบก็เดินหันหลังกลับประหนึ่งเห็นพี่สมรเป็นหัวหลักหัวตอ เพื่อนหมอนั่นที่ตามหลังมาก็ร้องเฮให้กับชัยชนะแล้วก็พากันแห่กลับเข้าไปในอาคาร

พี่สมรถอนหายใจ พึมพำพอให้จับใจความได้ว่า ‘ไอ้เด็กพวกนี้นี่มันจริงๆ เลย เอาตั้งแต่วันแรก’ ก่อนเหลือบมามองผมที่ยืนหน้าซีดกับสิ่งที่เห็นอยู่เล็กน้อย แล้วก็พูดขึ้นมาอีกพลางอมยิ้ม

"เดี๋ยวก็ชินนะคะน้องเหนือ เดี๋ยวก็ชิน"
ชินโพ่ง! กูจะกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้! ณ บัดนี้!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦บทนำ♦P.1♦07/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-02-2016 18:41:34
ชั่งใจ ครั้งที่ 1: เปิดภาคเรียน [2]

ถึงจะคิดอย่างนั้นก็กลับตอนนี้ไม่ได้ นอกจากให้พี่สมรพาไปแนะนำตัวกับ ผอ.เท่านั้น พอแนะนำตัวกับ ผอ.เสร็จ การแห่ไปสวัสดีและฝากเนื้อฝากตัวกับอาจารย์ทุกคนในแผนกช่างไฟก็เริ่มต้นขึ้น

ผมยกมือไหว้คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ปากพูดว่า ‘สวัสดีครับ ฝากตัวด้วยนะครับ’ มากกว่าสิบครั้งเห็นจะได้ กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาปาไปเกือบชั่วโมง ซึ่งได้เวลาเข้าแถวเช็คชื่อตอนเช้าพอดี

พี่สมรอธิบายคร่าวๆ ว่าที่นี่จะมีการเข้าแถวเคารพตอนเช้าเหมือนโรงเรียนอื่นตามปกติ แล้วก็มีการอบรมจากอาจารย์ฝ่ายปกครองเล็กน้อย ซึ่งผมฟังๆ ดูแล้วก็เป็นเรื่องการยกพวกไปตีกับโรงเรียนอื่น เรื่องระเบียบวินัยอะไรเทือกนี้นั่นแหละ หลังจากนั้นถึงจะให้พวกเด็กๆ แต่ละแผนกเช็คชื่อกันเองตามแผนกใคร แผนกมัน ชั้นปีใคร ชั้นปีมัน

จังหวะที่เช็คชื่อนี้เองที่พี่สมรลากผมไปแนะนำตัวกับเด็กๆ แผนกที่ผมต้องไปฝึกสอน ผมมาหยุดยืนหน้าแถวซึ่งมีเด็กผู้ชายกว่าหกสิบชีวิตนั่งเรียงรายกันอยู่แล้วก็ตัวเกร็งขึ้นมาฉับพลันเมื่อเด็กพวกนั้นจ้องหน้าผมเขม็งทันทีที่พี่สมรพูดขึ้น

“เอ้า ไอ้พวกตัวแสบ นี่อาจารย์แสงเหนือนะ เป็นอาจารย์ฝึกสอนที่มาจากกรุงเทพฯ จะมาเป็นผู้ช่วยของครู แล้วก็อาจารย์สอนภาษาอังกฤษของพวกเธอ มาแทนอาจารย์เก๋ชั่วคราวประมาณสองเดือน”
อาจารย์เก๋ที่ว่านี่คงจะเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่ลาพักไปคลอดลูกนั่นแหละ

แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญสำหรับผม นอกจากพยายามทำตัวเฟรนด์ลี่ด้วยการทักทายเด็กพวกนั้นด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“สวัสดีครับ พี่เหนือนะครับ จะเรียกว่าอาจารย์เหนือหรือพี่เหนือก็ได้ ตามสบายเลยนะ”

เงียบ... ไม่ได้รับสัญญาณแห่งความสนใจจากเด็กพวกนั้นตอบกลับมาสักนิด พวกมันยังเอาแต่มองผมด้วยอารมณ์แบบว่า ‘ไอ้กร๊วก พล่ามไรของมึง’ ผมเลยยิ่งทำหน้าไม่ถูก พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจนขึ้นมาในใจด้วย

กะ...กลัว กูกลัวไอ้เด็กพวกนี้
กลัวจริงๆ ไม่ได้โกหก ถึงหน้าตาเด็กพวกนั้นกว่าครึ่งจะดูดีไร้พิษภัยก็เถอะ แต่คือสัมผัสได้จากสายตาประหนึ่งหมาบ้านี่แหละที่ทำให้ผมรู้ว่าพวกมันไม่อยากจะรู้จักมัดจี่กับผมสักเท่าไหร่นัก ผมเลยได้แต่ยืนเกร็งๆ ไม่รู้จะวางตัวยังไงดีไปพักหนึ่ง และเกร็งหนักขึ้นไปอีกเมื่อมีอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผมจำได้ดีว่าชื่ออาจารย์ดิเรก เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองและเป็นคนที่พูดอบรมหน้าเสาธงเมื่อกี้เดินเข้ามาหาพี่สมร

“อาจารย์สมรครับ ผอ.เชิญอาจารย์ไปสอบถามเรื่องโต๊ะบินจากแผนกอาจารย์น่ะครับ ขอรบกวนหน่อย”
พี่สมรที่กำลังจะเช็คชื่อนักศึกษาชะงักไป พยักหน้าตอบรับก่อนจะยื่นใบรายชื่อนักศึกษามาให้ผม
“น้องเหนือช่วยเช็คชื่อให้พี่ที เดี๋ยวพี่มา”

อะ...เอ้าป้า! เดี๋ยวสิป้า! เดี๋ยว!

เดี๋ยวบ้าอะไร เดินดิ่งไปนู่นแล้ว ผมถือใบรายชื่อนักศึกษาพลางอ้าปากค้าง มือสั่นเทาขึ้นมาอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อเหลือบมาเห็นสายตากว่าหกสิบคู่จับจ้อง
กะ...กูจะโดนแดรกมั้ย

โดoมั้ยไม่รู้ ที่รู้ก็คือมีไอ้บ้าที่ไหนสักคนตะโกนขึ้นมาแล้ว

“เฮ้ย เช็คชื่อสักทีสิ จะได้ขึ้นเรียน”
ไอ้บ้านั่นก็คือไอ้เด็กเวรสูงโย่งที่โยนโต๊ะพุ่งทะลุหน้าต่างแล้วไล่กวดเพื่อนร่วมแผนกลงมานั่นแหละ ผมมองไปยังเด็กนั่นที่นั่งขัดสมาธิเอียงคอมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้เองที่ผมได้เห็นหน้าเด็กนั่นชัดๆ

เหย...หล่อเหมือนกันนี่หว่า หน้าตาแบบลูกคุณหนู มาดคุณชายมาก ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเด็กเกเรสักนิด สเป็คไอ้เหนือชัดๆ เห็นแล้วอยากจะสูบบุรุษเยาว์วัยขึ้นมารางๆ

“เอ้าๆ มอง จะเช็คมั้ยเนี่ยฮะชื่อเนี่ย!”
เด็กนั่นตะโกนขึ้นมาอีก ผมเลยได้สติ รีบคว้าปากกาจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาทันใด
“งะ...งั้นจะเช็คชื่อแล้วนะครับ สะ...สมชาย”

ตามมาด้วยเรียกชื่อนักศึกษาในใบรายชื่อขึ้นมา ชื่อแรกๆ แม่งก็อ่านง่ายดีอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสักสิบชื่อ ชื่อก็เริ่มเพิ่มความพิสดารมากขึ้น อ่านยากมากขึ้นด้วย จนผมที่อ่านตะกุกตะกักอยู่ตอนแรก อ่านตะกุกกะกักขึ้นไปใหญ่ เรียกได้ว่าชั้นปีสามของแผนกอื่นเช็คชื่อเสร็จ ทยอยขึ้นอาคารเรียนไปแล้ว ผมยังเช็คชื่อไม่ถึงครึ่งเลย

และเพราะความชักช้า กอปรกับชื่อที่ไม่คุ้นก็ทำให้เด็กเวรนั่นว่าเสียงดังขึ้นมาอีก

“อะไรของ’จารย์วะ แค่อ่านชื่อนักเรียนมันยากขนาดนั้นก็ให้นักเรียนด้วยกันเองอ่านไป!”
คนอื่นๆ ร้องเห็นด้วยขึ้นมากันเซ็งแซ่ ผมทำหน้าไม่ถูกเลย เห็นแต่เด็กนั่นทำหน้าไม่พอใจ ขณะที่มีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักซึ่งนั่งข้างๆ สะกิดมันเป็นพัลวัน ปากขยับให้พอจับใจความได้ด้วยว่า ‘ใจเย็นๆ สิ นั่นอาจารย์นะ’

แต่ถามว่าเด็กเวรนั่นฟังมั้ยล่ะ หึ...ไม่ ไม่ฟังอย่างเดียวไม่พอ หันไปพยักหน้าเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกฝั่งด้วย
“ไปจัดการซิหัวหน้าแผนก”

เท่านั้น เด็กผู้ชายร่างยักษ์ใหญ่มหึมา ผิวดำเกรียม หน้าเหี้ยมอย่างกับลูกพี่แก๊งโจรในหนังไทยก็ลุกออกจากที่ ตรงเข้ามาหาผมทันที มาหยุดตรงหน้าผมได้ก็ยื่นมือมาขอใบรายชื่อจากผม เห็นหน้าตาดุดันกับรูปร่างกำยำยิ่งกว่าบัวขาวของมันแล้ว ผมก็ไม่รอช้า รีบส่งให้ทันทีก่อนที่จะโดนก้านคอ

ทว่าในจังหวะที่ผมส่งใบรายชื่อให้นั้น นักศึกษาคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าก็โพล่งขึ้นมาให้ได้ยิน
“ให้ไอ้ไม้เช็คชื่อแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง”

น้องชายบัวขาวชะงักมือที่จะรับใบรายชื่อจากผมทันควัน หันขวับไปมองเพื่อนร่วมแผนกคนนั้นก่อนจะพุ่งไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายด้วยความเร็วแสง ผมเห็นภาพนั้นก็ตกใจแรงมาก รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดังเข้าหูแล้ว

“ไม้ป้อคิงหยัง ฮาบอกฮื่อฮ้องว่ามาย์ งามจะอี้ฮ้องไม้ เดี๋ยวฮายอกปากแตก (ไม้พ่อมึงสิ กูบอกให้เรียกว่ามายด์ สวยขนาดนี้เรียกว่าไม้ เดี๋ยวกูต่อยปากแตก)”

ผมชะงักงันไปทันควัน
สะ...เสียงไม่ห้าว แต่แหลมเล็กประหนึ่งดัดเสียง
ตะ...ตุ๊ดนี่หว่า

ตุ๊ดไม่พอ แม่งอู้กำเมืองด้วย ส่วนไอ้คนที่โดนกระชากคอเสื้อให้ยืนขึ้นก็ไม่ยอมให้ถูกกระชากฝ่ายเดียว ปัดมืออีกฝ่ายออก ทำหน้าไม่พอใจ ปากก็ร้องหาเรื่องทันที

“ไอ้เวรนี่! ทำแบบนี้หาเรื่องนี่หว่า!”
“ก่อคิงมาฮ้องว่าไม้เยี้ยะหยัง ไค่ต๋ายกา! (ก็มึงมาเรียกกูว่าไม้ทำไมล่ะ อยากตายหรือไง!)”
“เฮ้ยๆ! มากไปแล้วไอ้ตุ๊ด!”

คนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนฝ่ายที่ถูกกระชากเสื้อลุกพรึ่บขึ้นมาทันทีที่เห็นว่ากำลังจะมีเรื่อง คนที่ตัวใหญ่กว่าอย่างไม้... เอ่อ...น้องมายด์ถึงกับชะงักเมื่อถูกชายหนุ่มรุมล้อมเตรียมกระทืบ หากแต่แค่น้องนางชำเลืองตามองไปยังในแถว ไอ้เด็กเวรที่เป็นคนสะกิดให้ออกมาก็ลุกพรวดมา ตรงเข้ามาผลักคนที่ทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเพื่อนตัวเองออก แล้วเสนอหน้าเข้าไปยืนแทนจุดที่น้องมายด์ยืน

“พวกมึงอยากโดนเหมือนไอ้พวกนั้นใช่มะถึงได้มีปัญหากับเพื่อนกูเนี่ย”
“ถอยไปเลยไอ้ธาร ไม่เกี่ยวกับมึง”
“เรื่องของเพื่อนกูก็คือเรื่องของกู ไม่เกี่ยวก็ต้องเกี่ยวเว้ย!”

ไม่ทันไรมันก็ผลักกันอีกแล้ว ผลักกันไป ผลักกันมาจนเค้าความโกลาหลเพิ่มขึ้น ผมที่ยืนหัวโด่อยู่ก็ทำอะไรไม่ถูกหนักเข้าไปใหญ่ ก่อนจะร้องลั่นเมื่อเด็กที่ชื่อว่าธารอะไรนี่ถูกผลักมาโดนผมซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง

“โอ๊ย!...นะ...นี่ อย่าทะเลาะกัน” เตือนพวกมันไปด้วยในฐานะอาจารย์ฝึกสอนที่เพิ่งจะสำเหนียกได้เมื่อกี้ว่าเป็นตำแหน่งตัวเอง
หากแต่ไอ้เด็กนั่นหันมามองผมตาขวาง แล้วผลักอกผมเบาๆ
เบาของมันคือผลักกระเด็นเหมือนกันนะ

“ถอยไปยืนอยู่มุมๆ เลย’จารย์ เดี๋ยวโดนลูกหลง”
“นี่! บอกว่าอย่าทะเลาะกัน ได้ยินมั้ยเนี่ย...” ผมพยายามจะห้ามอีก ห้ามแบบกล้าๆ กลัวๆ แหละ

แต่พอสิ้นเสียงปุ๊บ ไอ้น้องมายด์ก็หันมามองผมด้วยใบหน้าถมึงทึง ผมชะงักขาที่จะก้าวเข้าไปห้ามทันที ใจเต้นตึกตัก กลัวว่าจะถูกมันผลักด้วยอีกคน ทว่าผิดคาด เด็กนั่นไม่ได้ผลักผม เดินเข้ามาคว้าข้อมือแล้วลากออกไปจากวงล้อมมาคุนั่นทันที
“มามอบตี้น้องเพี้ยะอ้ายเหนือ ปู้นมันตราย เดี๋ยวหน้าหล่อๆ ของอ้ายจะโดนลูกหลง ปล่อยหื้อธารจั๊ดก๋านไปเต๊อะเจ้า (มาหลบกับหนูตรงนี้เถอะค่ะพี่เหนือ ตรงนั้นอันตราย เดี๋ยวหน้าหล่อๆ จะโดนลูกหลง ปล่อยให้ธารจัดการไปเถอะค่ะ)”

“แต่...”
“มันเป๋นเรื่องธรรมดาเจ้าอ้ายเหนือ ใจจุ้มๆ สักกำก็เกยละ (เรื่องปกติค่ะพี่เหนือ ใจร่มๆ เดี๋ยวก็ชิน)”

พูดยังไม่ทันจะจบเลย ไอ้น้องมายด์ก็โพล่งขึ้นมาอีก ผมก็แปลได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พอเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร และทันทีที่สิ้นเสียงตุ๊ดยักษ์นั่น เด็กพวกนั้นก็พุ่งเข้าหากันพร้อมกับหมัดที่รัวใส่กันอย่างไม่บันยะบันยัง เด็กคนอื่นๆ ก็กรูขึ้นมาทั้งห้ามเพื่อน ทั้งร่วมวงวุ่นวายไปหมด คนที่ไม่ได้ร่วมวงก็ส่งเสียงเชียร์กันไปเรื่อย

ผมนี่ยืนเหวอไปเลย ไม่รู้จะทำยังไง โชคดีที่ต่อยกันไปได้ไม่นาน เหล่าอาจารย์คนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาห้ามได้ทัน ไม่เว้นแม้แต่พี่สมรที่วิ่งกลับมาหน้าตาตื่น พร้อมกับร้องถามผมเสียงลั่น

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยน้องเหนือ ทำไมแค่เช็คชื่อถึงได้วุ่นวายขนาดนี้!”
“พี่สมร...” ผมหันไปมอง ทำหน้าจะร้องไห้ทันควัน “ผะ...ผมอยากกลับกรุงเทพฯ แล้ว ไม่ฝึกแล้ว! ไม่เอา!” ตามมาด้วยการโอดครวญทันใด

สวรรค์สะเหวินบ้าอะไร ไอ้โรงเรียนเด็กช่างนี่มันนรกชัดๆ เลยโว้ย!
---------------------------------

กะว่าอีกหลายวันจะเอาตอนที่1มาเสิร์ฟ แต่วันนี้ไม่ได้อัพนักเขียนอุเคะก็เลยเอาเรื่องนี้มาปล่อยก่อน ตอนแรกนี่ พี่เหนือก็โดนรับน้องจากนักเรียนเลย 555 แก๊งเพื่อนพี่เหนือแต่ละคนนี่คิดว่าถุดถุยแล้วนะ แก๊งน้องธารนี่ถุดถุยกว่าอีก หนูแดงชอบน้องมายด์ (ไม้) มากเป็นพิเศษ เขียนนางแล้วรู้สึกว่านางฮา กร๊ากกก

แก๊งน้องธารมีทั้งหมด 4 คนนะคะ มีน้องธาร น้องหน้าตาน่ารักที่นั่งข้างน้องธาร (รายละเอียดยังไม่เปิดเผย) น้องมายด์ (ไม้) แล้วก็อีกคนที่ยังไม่โผล่มา แต่เดี๋ยวก็ใกล้ละ ตอนหน้านี่แหละ

คุยเรื่องชื่อเรื่องนิดนึง จะเห็นว่าหนูแดงใช้คำว่า ช่างใจ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเขียนให้ถูกต้องมันต้องเขียนว่า ชั่งใจ นะคะ แต่เนื่องจากว่าหนูแดงเล่นคำค่ะ ช่างใจรัก ก็มาจาก (เด็ก)ช่างใจรัก นั่นเอง ส่วนชั่งใจที่หมายความว่าโลเล คิดไม่ตกนี่ก็มีความหมายกับสถานการณ์หลักในเรื่องเหมือนกัน ยังไม่เฉลยนะว่ามีความหมายยังไง ไว้ตามอ่านกันน้า

ปล. อ่านแล้วส่งฟีดแบ็กกันได้นะคะ ตั้งแต่เขียนนิยายวายมา นี่เพิ่งเป็นเรื่องแรกที่หนูแดงเขียนแนวนักเรียน-มหา'ลัยเลยนะ รู้สึกแปลกใหม่สำหรับตัวเอง ฮาา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 08-02-2016 20:02:47
กำลังลุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
รอตอนต่อๆไปนะครับ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-02-2016 23:15:04
นี่ซินะคะที่ว่าจะมีหนึ่งหนุ่มที่ไม่ใช่สวรรค์ของสาววาย นางคือน้องมายด์นี่เอง น่ารักค่ะถึงเพิ่งออกมาแต่เรารู้สึกว่านางต้องมีบทเยอะแน่นอนชอบนางนะคะ จะรอคุณครูเหนือว่าจะจัดการเด็กแสบพวกนี้ยังไงให้อยู่มือต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 09-02-2016 00:09:14
น่าสนุกค่ะ ติดตามนะะะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 09-02-2016 00:11:02
มารอ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 09-02-2016 07:49:51
รออออออออ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 09-02-2016 19:25:46
จะรอดไหมเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 09-02-2016 23:42:39
ชั่งใจ ครั้งที่ 2: อาจารย์ฝึกสอน[1]

วันนั้นทั้งวัน เด็กในแผนกที่ผมมาฝึกสอนเลยถูกเทศนายกใหญ่ทั้งจาก ผอ. รอง ผอ. อาจารย์ฝ่ายปกครอง พี่สมร และอีกหลายคนจนนับไม่ถ้วน นี่ถ้าภารโรงเทศนาได้ก็คงลากมาเทศน์ด้วยอีกคนแล้วพูดจริงๆ ส่วนผมก็เสียขวัญสุดๆ ก็เอาแต่ร้องจะกลับกรุงเทพฯ โทรไปหาอาจารย์ผู้ดูแลการฝึกด้วยว่าผมขอย้ายที่ ขอไปอยู่กับพวกเพื่อนที่กำแพงเพชร แต่อาจารย์พูดกลับมาแค่ว่า ‘ถ้าคุณฝึกที่นี่ไม่ได้ก็ไปขึ้นดอย ไม่อยากขึ้นดอยก็ดร็อปแล้วรอไปลงเรียนวิชาอื่นเทอมหน้าค่ะ’

ให้ตาย... ดร็อปไปลงวิชาอื่นเทอมหน้า ผมก็จบช้ากว่าเพื่อนสิ อาจารย์อะไรเนี่ย ไม่สนใจเด็กเลย!

สุดท้ายผมก็ได้แต่โทรไปบ่นให้ยีนส์กับกั้งฟัง แต่พวกมันสองคนก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าไหร่ ทำผมหัวเสียขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะพอผมเล่าให้พวกมันฟังปุ๊บ มันสองคนก็เอาแต่หัวเราะเยาะ ตามมาด้วยเยาะเย้ยถากถางที่ผมเมาเรื้อนจนไม่ได้มาเลือกที่ฝึกงานในเวลาที่กำหนด

ถ้ารู้ว่ามันจะมาลงเอยแบบนี้ ผมก็ไม่ไปเมาเละเทะฉลองสอบปลายภาคเทอมหนึ่งตัวสุดท้ายเสร็จอย่างนั้นหรอก

ในเมื่อทางเลือกที่อาจารย์ให้ผมมีแค่ดร็อปเรียนกับย้ายไปสอนโรงเรียนบนดอยเท่านั้น ผมเลยต้องกัดฟันทนต่อไปแม้ว่าจะมองเห็นอนาคตขึ้นมารางๆ แล้วว่าผมอาจจะอยู่สอนที่นี่ได้ไม่ถึงวันฝึกงานวันสุดท้าย

ไม่ใช่ว่าย้ายไปฝึกที่อื่นก่อนหรอกนะ แต่กูจะโดนลูกหลงตอนไอ้พวกเด็กนี่ตีกันตายห่านก่อนนี่แหละ!

วันนั้นตลอดการอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคฯ ผมก็ทำหน้าอมทุกข์ทั้งวันจนพี่สมรไม่รู้ว่าสงสารหรือสมเพช เลยไล่ให้ผมกลับไปพักตั้งแต่ครึ่งวันแรก เพราะพรุ่งนี้ผมจะต้องเริ่มสอนเป็นครั้งแรก

พอได้รับอนุญาต ผมก็ไม่อยู่ครับ รีบบึ่งรถกลับมาที่หอทันที ตอนแรกก็กะว่าจะพักเฉยๆ ดันกลับมาแล้วปวดหัวไมเกรนซะได้ เลยต้องนอน... นอนลากยาวไปจนถึงช่วงเย็น

ไอ้พวกเด็กช่างที่มันเหลือเกินจริงๆ ไมเกรนกินกบาลต้องเป็นเพราะพวกมันแน่ๆ
เป็นเพราะพวกมันหรือเปล่าก็ไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ๆ ก็คือตอนนี้ผมเริ่มไมเกรนกินกบาลอีกระลอกเพราะไอ้ข้างห้องละ
ทำไมน่ะเหรอ?

ก็พอผมเตรียมจะเข้านอนตอนประมาณเที่ยงคืนหลังจากกินยาแก้ปวดไป เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังทะลุกำแพงห้องมาให้ได้ยินเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน คราวนี้ไม่ใช่เสียงการเอาถุงน้ำแข็งยูนิตทุบกำแพง แต่เป็นเสียงแหกปากร้องเพลงลั่นชนิดแทบไม่รู้ว่ามันร้องเพลงอะไรกันเพราะจับทำนองไม่ได้เลย ได้ยินแต่เสียงเนื้อร้องนี่แหละที่พอจะรู้มาได้บ้างว่าเป็นเพลงอะไร

“สายลมหนาวพัดโบกโบย พริ้มดูแล้วสวยใสๆ เย็นลมเย็นไหวๆ สวยงาม บ้านอยู่ไกลทุรกันดาร โรงเรียนอยู่หลังเขา มีแต่เรา พวกเราไม่มีใคร!”

ไม่ค่อยได้ยินเพลงนี้บ่อยนัก แต่เพราะพ่อแม่ผมเป็นแฟนเพลงพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ เลยรู้ว่าเพลงนี้คือเพลง โรงเรียนของหนู
แต่มันเป็นเพลงช้าไม่ใช่หรือไงวะ พวกมึงจะเคาะโน่นนี่เร่งจังหวะให้มันเป็นเพลงเร็วทำไม!

“ยามร้อนแสนร้อน ยามหนาวก็หนาวถึงใจ ไม่มีผ้าห่มคลุมกาย โรงเรียนมีครูหนึ่งคน ครูผู้เสียสละตน อดทนห่างไกลความสบาย!”
เสียงร้องดังไม่หยุดหย่อน ผมลุกขึ้นนั่ง มองกำแพงตรงปลายเท้าผ่านความมืดอย่างหัวเสีย ความปวดหนึบที่หัวข้างหนึ่งก็เต้นตุ้บๆ ไม่หยุด เต้นหนักกว่าเดิมตอนพวกมันตะโกนขึ้นมาอีก

“โรงเรียนของหนูอยู่ไกล๊ไกล อยากให้คุณคุณหันมอง! โรงเรียนของหนู!”
ก็ช่างหัวพวกมึงเว้ย! ตอนนี้กูจำเป็นต้องนอนเพราะกูต้องไปสอนหนังสือโรงเรียนของกูเนี่ย!

โอย... ประสาทจะกิน อยากจะบุกไปห้องพวกมันแล้วต่อยเรียงตัวฉิบเป๋ง ถ้าไม่โดนไอ้บ้าห้องนั้นขู่มาว่าจะแทงไส้ไหลเมื่อคืนล่ะก็ ผมคงจะไม่รอช้า บุกไปแล้ว

และเพราะกลัวมันจะแทงไส้ไหลนี่แหละ ผมเลยได้แต่ปล่อยให้พวกมันตั้งวงกินเหล้า ร้องเพลงรบกวนการนอนไปเรื่อยๆ ขณะที่ตัวเองก็พยายามข่มตานอนท่ามกลางบรรยากาศนั้น แต่ดูแววแล้ว คืนนี้คงจะไม่ได้นอนเหมือนเดิมแฮะ



ไม่ได้นอนจริงอย่างที่คาดเดาไว้ไม่มีผิด กว่าพวกมันจะหยุดแหกปากก็ล่อเข้าไปตีสามเกือบตีสี่ ผมก็อยู่ในสภาพผีตายซากไม่ต่างจากวันแรก พอขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางก็จะตายให้ได้ยิ่งกว่าเดิมด้วยเมื่อพี่สมรบอกว่าคาบแรกที่ผมต้องฝึกสอนเป็นคาบติดกัน พูดง่ายๆ ก็คือผมต้องสอนภาษาอังกฤษสองชั่วโมงรวดน่ะ

สอนสองชั่วโมงรวดกับนักศึกษาแผนกช่างไฟปีสามที่มันเพิ่งตีกันข้ามหน้าข้ามตาผมไปเมื่อวาน อา... เป็นการรับน้องฝึกงานที่หนักหนาอะไรอย่างนี้

“น้องเหนือไม่ต้องกังวลนะคะ น้องเก๋เตรียมแผนการสอนกับบทเรียนไว้หมดแล้ว น้องเหนือหยิบไปใช้ได้เลยนะ อะนี่ พี่เตรียมของคาบแรกมาให้แล้วด้วย แล้วก็ซีร็อกซ์เอกสารสำหรับแจกนักศึกษาไว้ให้เรียบร้อย นี่ก็ใบรายชื่อนักศึกษา ส่วนตารางสอน เดี๋ยวพี่จะเอามาให้ช่วงบ่ายนะ ขอพิมพ์ก่อน”

หูผมแทบไม่ได้ยินเสียงของพี่สมรที่อธิบายเรื่องการสอนหลังการโฮมรูมเสร็จสิ้นสักนิด เอาแต่นั่งเหม่อลอย ทำใจไม่ได้ที่จะต้องมาสอนเป็นคาบแรกของวัน อยากจะถามกลับจริงๆ ว่าใครจัดตารางสอน เอาวิชาภาษาอังกฤษมาไว้เป็นคาบแรกตอนที่ผมมาสอนด้วย

ทว่าความเหม่อลอยของผมก็ยุติลงเมื่อเสียงของพี่สมรดังขึ้นอีกครั้ง
“ทำใจให้สบายค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ที่พูดอย่างนี้คงเป็นเพราะเห็นผมทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้ล่ะมั้ง
“ขอบคุณครับ"

ผมยกมือขอบคุณ ยื่นมือไปรับเอกสารการสอนมาถือ กวาดตามองแวบเดียวก็รู้ว่ามันเป็นเนื้อหาพวก Tense พื้นฐาน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายสำหรับเด็กเอกอังกฤษอย่างผม แต่ที่ยากสำหรับผมก็คือการที่ไม่รู้ว่าจะสอนเด็กพวกนั้นยังไงให้ราบรื่น ไม่โดนพวกมันรุมกระทืบตายคาห้องเรียนนี่แหละ

“ถ้าน้องเหนือแล้วก็เข้าห้องสอนได้เลยค่ะ คาบนี้ปีสามเรียนที่ชั้นสี่นะ หน้าห้องเขียนว่าหมวดภาษาอังกฤษ หาไม่ยากค่ะ ลองเดินหาดู”
ยังไม่ทันที่ผมจะคิดหาวิธีออก พี่สมรก็ออกปากไล่ผมกลายๆ แล้ว ผมเลยได้แต่พยักหน้ารับ คว้าข้าวของทุกอย่างขึ้นเต็มสองแขน ทำท่าจะออกจากห้องพักครู ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะถามอะไ

“พี่สมรครับ คือว่า... ผมมีเรื่องอะไรที่ควรระวังมั้ยครับ”
ผมหมายถึงพวกเรื่องแบบ...อย่าไปกวนตีนนักเรียนถ้าไม่อยากตาย หรืออย่าไปแซวเรื่องบางเรื่องอะไรเทือกนี้น่ะ
พี่สมรทำท่าคิดไปแป๊บ ก่อนจะพูดออกมา

“เอ...ก็ไม่มีนะ ปีสามน่ะสอนง่ายจะตาย น้องเหนือไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ขี้กังวลนะเรา”
ก็ต้องกังวลสิวะ! เมื่อวานแค่เช็คชื่อ มันยังเปิดศึกกันเลย ไม่กังวลก็บ้าแล้ว!

“ไปสอนเถอะ ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรจริงๆ” พี่สมรไล่ผมกลายๆ อีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมไปสักที
ผมลอบถอนหายใจ คงจะต้องดูเองซะแล้วล่ะว่าควรระวังเรื่องอะไร ก่อนจะก้มหัวให้คนตรงหน้าเล็กน้อยเป็นการลา
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” สิ้นเสียง ผมก็หมุนตัวเตรียมก้าวออกจากห้องพักครู

ทว่าเสียงของพี่สมรก็ดังเรียกขึ้นก่อน
“เรื่องที่ต้องระวังน่ะไม่มีหรอก แต่ถ้าคนที่ต้องระวังน่ะ ก็มีอยู่นะ”
ผมชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองพี่สมรทันที

“พี่สมรหมายความว่า?”
“เจ้าหัวโจกที่ชอบสร้างเรื่องประจำชั้นปีน่ะ รายนี้ต้องระวังหน่อย ของขึ้นง่าย”
สมองผมประมวลทันทีว่าหัวโจกที่พี่สมรว่าคือใคร ก่อนจะนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ชื่อธารขึ้นมาได้
เห็นจากการกระทำเมื่อวานก็รู้แล้วล่ะว่าของขึ้นง่ายขนาดไหน

“แต่น้องเหนือก็ไม่ต้องเป็นห่วงอยู่ดีแหละค่ะ เจ้าตัวแสบนั่นเกเรของขึ้นกับพวกนักศึกษาด้วยกันเท่านั้นแหละ กับครูบาอาจารย์ ถือว่าเป็นเด็กที่น่ารักอยู่”
ถ้าพี่สมรหมายถึงหน้าตาล่ะก็ ผมเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยครับ แต่ถ้าหมายถึงนิสัยกับพฤติกรรมล่ะก็... อันนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยแฮะ

“ขอบคุณมากครับ งั้นผมไปสอนแล้วนะครับ” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ด้วยรู้สึกว่าการแนะนำของเธอไม่ช่วยอะไรเลย
“เอ้อ อีกเรื่องนะ น้องเหนือต้องคอยควบคุมเด็กๆ ให้ดีนะคะ อย่าปล่อยให้เด็กออกมาเตร็ดเตร่นอกห้องล่ะ เดี๋ยวจะถูกครูท่านอื่นดุเอา และถ้ามีเรื่องนี้แว่วมาถึงหูพี่เมื่อไหร่ บอกไว้ก่อนเลยว่าพี่ไม่เซ็นอนุมัติให้ผ่านการฝึกงานนะ”

พี่สมรขู่ผม ผมเลยพอจะรู้ว่าเด็กที่นี่เป็นยังไง แล้วแม่งคิดเหรอว่าการทำให้เด็กนักศึกษาที่อายุห่างจากตัวเองไม่กี่ปีเชื่อฟังอย่างนั้นมันเป็นเรื่องง่าย ขนาดตอนผมเรียนปีหนึ่งในมหา’ลัย ผมยังไม่ฟังพี่ ป.โทที่มาเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนในบางวิชา ผมยังไม่เชื่อฟังเลย แล้วนับประสาอะไรกับอาจารย์ฝึกสอน

ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องพยักหน้ารับแหละ ยังไงผมก็ต้องง้อพี่สมรอยู่ดีถึงจะอยากงอแงแค่ไหนก็ตาม




เดินออกมาจากห้องพักครูได้ก็ตรงขึ้นมายังชั้นสี่ที่ห้องเรียนที่พี่สมรบอก พลันหยุดยืนอยู่หน้าห้องหมวดภาษาอังกฤษเมื่อได้ยินเสียงคุยกันดังลั่นลอยออกมาจากห้องนั้นแม้ว่าห้องนั่นจะเป็นห้องแอร์ที่มีประตูกระจกปิดไว้สนิทก็ตาม เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเด็กปีสามแผนกช่างไฟคงจะมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว

เอาวะไอ้เหนือ ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย

ผมสูดลมหายใจเข้าปอด สะบัดคอสองสามทีประหนึ่งนักมวยเตรียมขึ้นสังเวียน หน้าก็ทดลองฉีกยิ้มเต็มที่ด้วย กะว่าจะสร้างความประทับใจแรกพบด้วยรอยยิ้มตัวเองนี่แหละ จากประสบการณ์ที่เล่าเรียนมาสอนให้ผมรู้ว่านักเรียนจะมีความรู้สึกบวกกับอาจารย์ที่ใจดีและเข้าใจนักเรียน ผมก็คงจะใช้วิธีนั้นนั่นแหละ เพื่อความสะดวกราบรื่นในการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

พอรู้สึกว่าตัวเองพร้อม ผมก็ก้าวขาเข้าไปในห้องทันที เสียงเอะอะมะเทิ่งเงียบลงทันควันเมื่อทุกสายตาหันมาจับจ้องยังผม
“สะ...สวัสดีครับ พี่เหนือเอง” ผมยิ้มชนิดที่รู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมาเลย

ร้ายกว่านั้นคือพอยิ้มแล้ว ไม่มีการยิ้มตอบกลับจากใครสักคนในห้องนั้นเลยแม้แต่น้อย บางคนพอเห็นว่าเป็นผมก็เลิกสนใจ หันไปคุยกับเพื่อนต่อ บางคนนี่แทบไม่ได้สนใจผมตั้งแต่ทีแรกด้วยซ้ำ เอาแต่ฟุบหน้าหลับกับโต๊ะเล็คเชอร์ราวผมเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน จะมีก็ต้องน้องชายบัวขาวนั่นแหละที่พอเห็นผมปุ๊บก็โบกไม้โบกมือให้เป็นการทักทาย

เอาเถอะ ถือว่าก็ยังมีคนสนใจอยู่บ้างแล้วกัน

ผมเดินมายังโต๊ะอาจารย์ซึ่งอยู่หน้าห้อง วางข้าวของในมือลงแล้วทำใจดีสู้เสือร้องทักขึ้นมาอีก ขณะที่เสียงจอแจเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง

“สวัสดีอีกครั้งนะครับน้องๆ พี่มาจากมหาวิทยาลัย xxx นะ จะมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนประจำวิชาภาษาอังกฤษ แทนอาจารย์เก๋ประมาณสองเดือน ขอฝากตัวด้วยนะครับ”

ความสนใจถูกเบนมายังผมอีกครั้งเมื่อทุกคนได้ยินว่าผมมาจากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังย่านชานเมืองกรุงเทพฯ แต่ไม่มีใครส่งเสียงโอ้โหอื้อหือกับความดังของมหา’ลัยผมอย่างที่ยีนส์กับกั้งบอกแต่อย่างใด พวกมันบอกว่าตอนแนะนำตัวเองว่าเป็นนักศึกษาจากที่ไหน บรรดาเด็กนักเรียนก็ให้ความสนอกสนใจกันเต็มที่เพราะต่างก็อยากจะเข้าเรียนที่นั่นหมือนกัน หากแต่พอผมเอาอย่าง กลับได้แต่ความเงียบเป็นการตอบรับแทน ร้ายกว่านั้นคือพวกมันดันจ้องผมตาไม่กะพริบ เป็นเชิงถามกลายๆ ว่า ‘แล้วไง’ อีกต่างหาก

บอกตามตรงเลยว่าผมประหม่าไม่น้อยที่ถูกจับจ้องอย่างนี้ จากที่ประหม่าอยู่แล้วก็ยิ่งเงอะๆ งะๆ ขึ้นไปใหญ่ แต่ในเมื่อเริ่มเรื่องแล้วก็ต้องดำเนินต่อ

“คือว่า...พี่ก็ไม่เคยมาสอนโรงเรียนแบบนี้นะ อาจจะสอนได้ไม่ดีเท่าอาจารย์ท่านอื่นๆ แต่พี่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด หวังว่าน้องๆ คงจะให้การต้อนรับพี่เป็นอย่างดีนะครับ”
อะไรก็ไม่รู้ล่ะ กูถ่อมตัวไว้ก่อน พวกเด็กมันจะได้ไม่รู้สึกถึงระยะห่างระหว่างครูกับนักเรียน ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับผม

และเพราะผมพูดอย่างนี้ พวกเด็กที่นั่งมองผมอยู่ก็โพล่งขึ้นมา
“งั้นเรียกว่าพี่เหนือเฉยๆ ก็ได้ใช่ปะ’จารย์” ใครสักคนพูดนี่แหละ

ผมรีบหันไปทางต้นเสียง ยิ้มรับให้ทันที
“ได้ครับ จะเรียกพี่เหนือหรืออาจารย์เหนือก็ได้ครับ ตามสบายเลยนะ”
พอผมตอบรับไปอย่างนี้ บรรยากาศในห้องเรียนก็ดูผ่อนคลายขึ้นทันตา ผมเดาเอาว่าเด็กพวกนี้ก็คงจะเกร็งเหมือนกันที่จู่ๆ ก็มีนักศึกษาฝึกงานโผล่มาสอนแทนอาจารย์คนเดิมของพวกมัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ผมจะได้เริ่มแผนการตะล่อมเด็กให้ว่านอนสอนง่ายขั้นต่อไป

“ทุกคนรู้จักพี่เหนือกันแล้ว แต่พี่เหนือไม่รู้จักทุกคนเลย พี่ขอให้ทุกคนแนะนำตัวเองให้พี่รู้จักหน่อยได้มั้ยครับ เอาแค่ชื่อเล่นก็ได้”
“จะแนะนำไงอะพี่ คนตั้งเกือบหกสิบคน จะจำได้หรือไง แนะนำไปก็ฟังแค่ผ่านๆ เปล่าวะ” ใครอีกสักคนพูดขึ้นมาอีก เสียงเพื่อนร้องเห็นด้วยดังขึ้นเซ็งแซ่ตามา

จริงอย่างที่เด็กนั่นพูด คนตั้งหกสิบกว่าคน ผมจำได้ไม่หมดหรอกแม้ว่าจะจำแค่ชื่อเล่นก็ตาม หัวผมรีบประมวลหาคิดวิธีแก้ตัวทันที โชคดีที่ยังไม่ทันคิดออกก็มีเสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งโพล่งเสนอวิธีขึ้นมา

“งั้นให้อาจารย์ขานชื่อตามใบรายชื่อ แล้วให้ลุกขึ้นบอกชื่อเล่นทีละคน ส่วนอาจารย์ก็จดชื่อเล่นลงไปดีมั้ยครับ จะได้จำได้”
ผมปราดมองไปยังต้นเสียงทันที ก็เห็นว่าคนที่เสนอความคิดคือเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ห้ามปรามไอ้เด็กหัวโจกที่ชื่อธารเมื่อวานนี้ เด็กนั่นจ้องผมด้วยดวงตากลมโต ยิ้มให้ผมบางๆ ราวกับกำลังถามความเห็นผมอยู่ด้วย

แล้วผมเห็นด้วยมั้ย? เห็นด้วยสิครับ จะรออะไรล่ะ
“ดะ...ดีเลย งั้นเริ่มที่เราคนแรกเลยแล้วกันนะ ชื่ออะไรครับ” ถามไปก็ตรงไปหยิบใบรายชื่อขึ้นมาด้วย ขณะที่เด็กนั่นตอบ
“จอมแก่นครับ”
“หืม?” ผมชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อแปลกๆ ก่อนที่เจ้าของชื่อจะย้ำขึ้นมาอีก
“ชื่อจริงชื่อจอมแก่นครับ ชื่อเล่นชื่อว่าจอม ในใบรายชื่อ ชื่อผมอยู่อันดับที่สามสิบน่ะ” ตามมาด้วยการบอกหมายเลขชื่อตัวเองอีก

ชื่อน่ารัก หน้าตาก็น่ารักด้วย อย่างกับหนุ่มน้อย ม.ต้น ยิ่งมาเห็นใกล้ๆ นี่ยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่ ประเมินจากสายตาคร่าวๆ หมอนี่น่าจะสูงราวร้อยเจ็ดสิบเองมั้ง ตัวเล็กน่ารักจังแฮะ แถมยังดูท่าจะนิสัยดีอีกต่างหาก ต้องเป็นมือเป็นเท้าให้ผมตลอดการสอนที่นี่ได้ดีแน่ๆ

ผมไม่รอช้า รีบจดชื่อลงไปทันที เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อเด็กคนอื่นๆ ร้องท้วงว่าไม่ยุติธรรมที่ผมขานชื่อจอมแก่นออกมาก่อนคนแรก ผมก็เลยยุติเสียงโวยวายพวกนั้นด้วยการพูดขึ้นมา
“งั้นเดี๋ยวพี่จะเริ่มเรียกชื่อเลยแล้วกัน คนที่ถูกเรียกลุกขึ้นแนะนำตัวเองนะครับ พี่ขอแค่ชื่อเล่นนะ เอ้า สมชาย...”
พอผมเรียกชื่อ เด็กคนแรกก็ลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเอง และไล่ไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงครึ่ง จนมาถึงชื่อ...

“มารุตครับ”
เด็กหนุ่มหน้าเหี้ยม ฉายาน้องชายบัวขาวที่ผมตั้งให้ หรือน้องมายด์ตุ๊ดยักษ์ที่นั่งถัดจากจอมแก่นก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนบีบเสียงเล็กเสียงน้อยออกมา
“จื้อเล่นมายด์เจ้า อ้ายเหนือจะฮ้องน้องมายด์ กะว่าหนูมายด์ก่อได้ ถ้าจะหื้อดีฮ้องตี้ฮักเลยก่อได้นะเจ้า (ชื่อเล่นชื่อมายด์ค่ะ พี่เหนือจะเรียกน้องมายด์ หรือหนูมายด์ก็ได้ ถ้าจะให้ดี เรียกที่รักก็ได้นะคะ)”

สิ้นเสียงนาง พวกเด็กคนอื่นๆ ก็โห่ฮากันขึ้นมาที่เด็กนั่นมันหยอดผมเอาซึ่งๆ หน้า ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหย กายหยาบยืนอยู่หน้าห้องที่เดิม ส่วนกายละเอียดที่วิ่งพุ่งเข้าไปกระโดดถีบมันสองขารวดด้วยความหมั่นไส้แล้ว
น้องหรือหนูโพ่ง ตัวมึงใหม่กว่าหมีควายอีก!

ส่วนน้องมายด์ พอเพื่อนร้องเชียร์ แม่งก็ได้ใจ หยอดผมไม่เลิกเลย
“อ้ายเหนือหล่อแต๊หล่อว่า หันละฮู้เลยว่าฟ้าส่งอ้ายเหนือมาหื้อข้าเจ้าแน่ๆ เปิงดีเตอะข้าเจ้าเลยโสดมาจนทุกวันนี้ ตี้แต้ก็ทำเนื้อกู้หยั่งอ้ายเหนือน่ะ (พี่เหนือล้อหล่อ เห็นแล้วก็รู้เลยว่าฟ้าส่งพี่เหนือมาให้หนูแน่ๆ มิน่าล่ะหนูถึงได้เป็นโสดถึงทุกวันนี้ ที่แท้ก็รอเนื้อคู่อย่างพี่เหนือน่ะเอง)”

มึงเอากระจกมั้ยอีน้องมายด์! เอากระจกไปส่องหนังหน้าตัวเองดูเดี๋ยวนี้ มึงจะได้เข้าใจว่าทำไมมึงยังโสด! แล้วก็อย่ามาเต๊าะกูเชียว กูก็รับเหมือนกับมึงเนี่ย ฟ้าผ่านะเว้ยบอกไว้ก่อน!

รู้ได้เลยว่าไอ้เด็กนี่ไม่ต้องเก็บเอาไว้เป็นมือเป็นเท้าเหมือนกับจอมแก่น แต่ควรเอาให้อยู่ห่างจากตัวเท่าที่จะห่างได้ เพราะไม่อย่างนั้นผมคงได้ถูกมันยัดเยียดความเป็นผัวให้แน่นอน
ผมพยักหน้าให้มันนั่งลง แล้วเรียกชื่อคนอื่นขึ้นมาแทน

“อะ...โอเคครับ งั้นคนต่อไปนะ ธะ...ธารใจ”
ชื่อเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ แต่เท่าที่ดู แผนกช่างไฟปีสามนี่จะไม่มีผู้หญิงนะ

“ธารใจครับ อยู่ไหนเอ่ย” พอเรียกแล้วไม่มีใครลุก ผมก็เรียกอีกครั้ง
ทุกคนหันไปมองยังเด็กเวรที่นอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะข้างจอมแก่นอีกฝั่งหนึ่ง เห็นหมอนั่นฟุบหน้าหลับตั้งแต่ผมเดินเข้าห้องมาแล้วล่ะ ผมก็เลยลองเรียกอีกที

“ธารใจครับ ลุกขึ้นบอกชื่อเล่นให้พี่ฟังหน่อยนะ”
ยัง...ยังนอนอยู่ จอมแก่นเลยสะกิดเรียกให้หมอนั่นเงยหน้าขึ้นมามอง พอเงยหน้างัวเงียขึ้นมา สายตาผมก็ปะทะเข้ากับแววตารำคาญของหมอนั่นเข้าอย่างจัง
อะ...ไอ้เด็กหัวโจกที่ชื่อว่าธารนี่หว่า! ทำไมชื่อจริงมันมุ้งมิ้งอย่างนี้วะเนี่ย!

“ระ...เราชื่อธารใจใช่มั้ย” ผมถามอีกครั้งเมื่อเด็กนั่นไม่พูดอะไรสักคำ
เด็กนั่นก็ยังไม่ตอบอยู่ดีนั่นแหละ ยืนขึ้น สะบัดคอสองสามทีแล้วเดินมาที่หน้าชั้น ผมสะดุ้งเล็กน้อย ในใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วว่ามันจะเข้ามาต่อยผมโทษฐานที่ปลุกมันหรือเปล่า หากทว่าพอมันเดินมาถึงที่ผมยืนอยู่ มันก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบ

“ปัญญาอ่อน นี่ไม่ใช่โรงเรียนประถมนะ’จารย์ มาให้แนะนำตัวอยู่ได้”
ก็ถ้าพวกมึงไม่ทำให้กูระแวงว่าจะรุมกระทืบกูเข้าสักวัน กูก็ไม่ทำตัวปัญญาอ่อนกับพวกมึงหรอกเว้ย!
ผมยิ้มแห้งขึ้นมาอีก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรด้วย เด็กนั่นก็ละสายตาจากผม ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง

ทว่า... ก่อนเริ่มคลาส พี่สมรบอกไว้ว่าถ้าผมคุมเด็กไม่ได้ เธอจะเอาไปบอกอาจารย์แล้วจะไม่ให้ผมผ่านประเมินฝึกงาน ถึงจะรู้ว่ามันเป็นการขู่ไม่ให้ผมงอแงกับการฝึกงาน แต่ผมก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามเพราะต้องการเรียนจบพร้อมเพื่อน
เท่านั้น ผมก็รีบตรงเข้าไปจะคว้าไหล่เด็กนั่น

“เดี๋ยวครับน้อง จะไปไหน...”
แต่เหมือนเด็กนั่นจะรู้ทันว่าผมจะจับตัว มันก็หันมาคว้ามือผมที่อยู่ในอากาศเสียก่อน ก็เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่ในสภาพถูกจับข้อมือเอาไว้

“จะไปเข้าห้องน้ำ ตามไปด้วยมั้ย” แล้วก็ตอบกลับมา
ส่วนผมก็นิ่งค้างไปเลยทันทีที่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือนุ่มนั้น
มะ...มือนุ้มนุ่ม... หน้าก็หล่อ มือยังนุ่มอีก เด็กหนุ่มนี่มันดีจริงๆ ด้วยแฮะ แล้วเมื่อกี้ชวนไปห้องน้ำด้วย อืม...ไปด้วยดีมั้ยนะเผื่อได้เผื่อโดน

เดี๋ยว! ไม่ใช่ เรียกสติกลับมาเดี๋ยวนี้ไอ้เหนือ นี่ไม่ใช่เวลามาอ้อยเด็ก!
“มะ...ไม่เป็นไรครับ รีบไปรีบมาแล้วกันนะ”

สุดท้ายผมเลยเป็นฝ่ายดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม ธารใจหรือธารมองหน้าผมอย่างรำคาญอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาเพื่อนๆ ที่มองตาไม่กะพริบเหมือนกัน และเพียงเสี้ยววินาที ผมก็ถูกเรียกความสนใจไปอีกครั้งเมื่อใครบางคนพูดขึ้น

“ธารนี่จะใด ก็บอกอยู่ลิ้นยังบ่ตันเข้าปากว่าอ้ายเหนือเป็นเนื้อกู้ของเปิ้ล ยังจะมาหยุบๆ ซวามๆ อ้ายเหนือแฮ๋มอยู่ บะเป็นหยังเน้อเจ้าอ้ายเหนือ ไว้ข้าเจ้าจะล้างมลมินหื่อเองเจ้า ตั๋วอ้ายเหนือจะได้สะอาดๆ บะมีกลิ่นหมู่ลึกหลึนติด จะซ่วยอ้ายกุซอกกุมุมเลยเจ้า (ธารนี่ยังไงนะ ก็บอกอยู่แหม็บๆ ว่าพี่เหนือเป็นเนื้อคู่ของเค้า ยังจะมาแต๊ะอั๋งพี่เหนืออีก ไม่เป็นไรนะคะพี่เหนือ ไว้หนูจะล้างมลทินให้เองนะคะ ตัวพี่เหนือจะได้สะอาดๆ ไม่มีกลิ่นนักเลงติด จะล้างให้พี่เหนือทุกซอกทุกมุมเลยค่ะ)”

พูดจบก็ทำท่ากัดปากประหนึ่งว่าเซ็กซี่เต็มประดาออกมา ส่งสายตายั่วยวนมาให้ผมอีก
“ซ่ายกับปาก ซวกกระชากกับลิ้น (ล้างด้วยปาก กระชากด้วยลิ้น)”
มึงก็ลองมาล้างกูด้วยปากกับลิ้นดูสิ กูจะเอามีดพร้าฟันลิ้นมึงฉับเลย!

เด็กคนอื่นๆ หัวเราะกันเสียงขรมที่ผมถูกนักเรียนตัวเองตอดนิดตอดหน่อยไม่เลิก ส่วนผมก็หัวเราะแห้งๆ ก้มหน้าลงดูใบรายชื่อ ทำราวกับว่าไม่ถือสา แต่มือนี่กำกระดาษแน่นมาก
แม่ง... ขนลุกไปทุกซอกหลืบแล้วขอบอก!

แต่ในสายตาน้องมายด์ที่เห็นผมก้มหน้าสะกดอารมณ์ มันดันเห็นว่าผมอายซะอย่างนั้น ก่อนจะพูดขึ้นมาอีก
“อายต้วย น่าฮักแต๊ (เขินด้วย น่ารักจัง)”
อายต้วยป้อคิงหยัง! ไม่ได้อายเว้ย กูเก็บอารมณ์ไม่ให้วิ่งไปศอกหน้ามึงอยู่เนี่ย!

“งั้นมาขานชื่อกันต่อนะครับ” ผมเหลือบไปมองตัวหนังสือบนกระดาษ ก่อนจะขานชื่อออกมา “โรมครับ”
“มาครับ”

เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาพอดี ไม่ได้บอกชื่อเล่นและไม่ได้มาจากในห้อง มาจากตรงหน้าประตูที่ถูกเปิดมาเมื่อกี้ พอหันไปมองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงพอๆ กับธาร ที่แขนขวาถูกพันด้วยเฝือกอ่อนและห้อยคออยู่ มืออีกข้างก็ยกขึ้นสูงเป็นเชิงบอกว่านั่นเป็นชื่อของตัวเอง แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับใบหน้าฟกช้ำเล็กน้อยที่ดูหล่อเหลาและยียวนในครั้งเดียว ผมมองแล้วก็นิ่งค้างไป

หืม... เด็กนี่ก็สเป็คไอ้เหนือเหมือนกันเลยแฮะ ทุ่งดอกไม้บาน ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันตา
ทว่าก็สดใสได้ครู่เดียวเท่านั้นแหละเมื่อน้องมายด์โพล่งเสียงวี้ดว้ายขึ้นมา

“ต๋ายแล้ว ผัวหลวงมา อ้ายเหนือเจ้า น้องขอสู่มาต้วยเน้อ ไว้ผัวเผลอแล้วก่อยปะกั๋น (ตายแล้ว ผัวหลวงมา พี่เหนือขา หนูขอโทษนะคะ ไว้ผัวเผลอแล้วเจอกันนะ)”

อีน้องมายด์! อีเมียสาธารณะ! มึงจะไปขุดหลุมฝังตัวเองที่ไหนก็ไป! แล้วนี่ไปตู่ว่าเป็นเมียเขา เขาตกลงกับมึงหรือยัง!?
ตกลงหรือไม่ตกลงก็ไม่รู้ แค่โรมหันหน้าไปยิ้มให้ ตุ๊ดบัวขาวก็ลุกจากเก้าอี้ วิ่งแรดๆ มาเกาะแขนล่ำๆ นั่นแล้ว
“โรมเจ้า ผัวของมายด์ กี๊ดเติงหาขนาด (โรมจ๋า ผัวของมายด์ คิดถึ้ง คิดถึง)”

เด็กที่ชื่อโรมหัวเราะร่วน ก่อนจะผลักหัวเด็กผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองซึ่งเอามาแนบอยู่ข้างแขนออก พลางพูด
“ไอ้ไม้ พูดแบบปกติ กูฟังไม่ออก”

เออ ผมก็อยากจะบอกแบบนี้เหมือนกัน ฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้างมานานละ ใช้สกิลเดาศัพท์จนสมองจะเป็นอัมพาตอยู่แล้ว
น้องมายด์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย แล้วก็ว่าออกมาเป็นภาษาไทยกลาง

“โรมนี่ไม่เข้าใจสาวเหนือเลย แล้วนี่เรียกไม้ อยากโดนจูบปากแตกใช่มั้ย”
เมื่อวานนี้มีคนเรียกว่าไม้ จะต่อยอีกฝ่ายปากแตก แต่พอโดนคนหล่อเรียกหน่อย จะจูบปากแตก มึงนี่มันแรดจริงๆ
“แล้วนี่ใคร” เด็กที่ชื่อโรมชี้นิ้วมาทางผม มองหน้าเพื่อนที่ลวนลามตัวเองไม่เลิกเป็นเชิงถามด้วย ผมก็เลยได้โอกาสแนะนำตัวเองแทน

“พี่เหนือครับ เป็นอาจารย์ฝึกสอนน่ะ น้องชื่อโรมใช่มั้ย”
อีกฝ่ายพยักหน้า ยิ้มให้ผมเป็นคำตอบ พลันพูดขึ้นมาเมื่อผมก้มหน้าจดชื่อเล่นลงในใบรายชื่อ
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันได้ตามข่าว มัวแต่ไปนอนเล่นอยู่ในโรง’บาล” ผมหันไปมองโรมทันที โรมยกแขนข้างที่ใส่เฝือกขึ้นเป็นการประกอบคำพูด “โดนเทคนิคอีกที่นึงเอาไม้หน้าสามฟาดมาน่ะ”

ผมยิ้มแหย เดาได้ทันทีว่าที่โดนฟาดก็คงเป็นเพราะทะเลาะกันนี่แหละ
เด็กพวกนี้น่ากลัวกันจริงๆ เลยแฮะ

แต่น้องมายด์ก็ทำให้ความขลาดกลัวของผมหายไปเมื่อน้องนางส่งเสียงแหลมๆ ขึ้น
 “ทำใจหน่อยนะผัวจ๋า มีเมียสวยก็งี้ ต้องทะเลาะกับชายหนุ่มคนอื่นแย่งมายด์แบบนี้บ่อยๆ แหละ”
โถ...อีน้องมายด์! ให้มึงฟรีๆ แถมรถแถมบ้าน กูยังคงคิดแล้วคิดอีกเลย!

โรมไม่ได้ว่าอะไร เอาแต่หัวเราะผสมโรงกับเพื่อนคนอื่นๆ ให้คำพูดของน้องมายด์ ผมก็เลยยุติความมโนเพ้อพกของน้องชายบัวขาวนี่ด้วยการโบกมือไล่ให้ไปนั่งที่แทน
“งั้นก็หาที่นั่งเลยครับ พี่จะได้ขานชื่อต่อนะ”

โรมตรงไปนั่งแทนที่ธาร ทักทายกับจอมแก่นเล็กน้อย ก่อนจอมแก่นจะถูกน้องมายด์ไล่ให้ไปนั่งที่ตัวเองในตอนแรกเพื่อที่จะได้นั่งข้างโรม
เห็นแล้วผมก็แอบขำไม่ได้
ความจริงแล้วเด็กช่างก็ไม่ได้น่ากลัวมากอย่างที่คิดแฮะ ก็เด็กวัยรุ่นอายุสิบแปดทั่วๆ ไปนี่แหละ ผมก็กังวลเรื่อยเปื่อยไปได้ บ้าจริงๆ
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่1♦P.1♦08/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 09-02-2016 23:43:25
ชั่งใจ ครั้งที่ 2: อาจารย์ฝึกสอน[2]

ไม่ได้น่ากลัว... ใช่ ไม่ได้น่ากลัว แต่มีความสามารถในการดูดวิญญาณผมมากกว่าเด็กสิบแปดที่เรียนสายสามัญ พวกนี้นี่เอะอะอะไรก็โวยวาย เอะอะอะไรก็ท้าต่อย ตลอดการสอนของผมเลยมีเด็กตะโกนด่าพ่อล่อแม่กันนับครั้งไม่ถ้วน ท้าต่อยกันนับครั้งไม่ถ้วนด้วย ดีที่มันไม่ต่อยกันจริงๆ ผมเลยไม่ต้องขวัญหนีดีฝ่ออย่างเมื่อวานอีก

ที่ไม่ต่อยกันจริงๆ คงเป็นเพราะหัวโจกอย่างธารไม่อยู่ล่ะมั้ง เพราะหมอนั่นออกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย
คงจะตกส้วมตายไปแล้ว...

แต่การคาดเดาของผมผิดพลาด พอผมสอนเสร็จ เดินมาเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างมือ ก็เห็นเด็กนั่นนั่งอยู่บนขอบอ่างล้างมือ พ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ หน้าตาเฉยอยู่ ทันทีที่สายตาเหลือบมาเห็นผม เด็กนั่นก็กลอกตาแล้วหันหนีไปทางอื่นด้วยท่าทางกวนประสาทสุดฤทธิ์

ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเด็กนี่มันเข้าถึงยากแปลกๆ ไม่เหมือนคนอื่นในชั้นปีเลย พวกนั้นถึงจะดูเกเรแต่ก็ยังคุยง่าย แต่ไอ้หมอนี่... แม่งเมินผมตั้งแต่ตอนที่ขานชื่อมัน ตอนนี้ก็ยังเมิน เห็นผมแล้วก็ไม่พูดไม่จา ทิ้งตัวลงมายืนดูดบุหรี่ต่อ ทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องสุขาเพื่อจะทิ้งก้นกรองบุหรี่แล้วกดชักโครกลงไป เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็หงุดหงิดขึ้นมา
ถึงจะกลัวแต่ก็หงุดหงิดอะ เด็กบ้าอะไร ไม่ได้มีความเคารพครูบาอาจารย์เลย

“ทำไมธารไม่กลับเข้าห้องเรียนครับ พี่เหนือบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รีบไปรีบมา” ผมก็เลยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรสุดๆ
ธารไม่สนใจอีกอยู่ดี อัดบุหรี่ฟอดสุดท้ายเข้าปอด ทิ้งบุหรี่ลงชักโครก กดลงไป แล้วหมุนตัวจะเดินกลับออกจากห้องน้ำ ผมก็เลยเข้าไปคว้าไหล่เด็กนั่นไว้

“น้องธารครับ”

เพียะ!
ธารปัดมือผมออกเต็มแรง ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าผมด้วย

“เป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน อย่ามาสั่ง” ตามมาด้วยส่งสายตากินเลือดกินเนื้อมา

เห็นแล้วผมก็ไม่อยากจะยุ่งขึ้นมา ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหน แต่ทำตัวเป็นหมาบ้าคอยจะแง่งผมตลอดเวลาอย่างนี้ ผมก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก ยิ่งพี่สมรบอกว่าของขึ้นง่าย ผมก็ยิ่งไม่อยากจะยุ่งเข้าไปใหญ่ ปล่อยมันไปตามยถากรรมแม่ง

“โอเค งั้นคาบต่อไปก็เข้าเรียนซะนะครับ” ผมพูดได้เท่านี้
พูดยังไม่ทันจะจบประโยคด้วยซ้ำ ธารก็เดินออกจากห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งให้ผมยืนมองไล่หลังแล้วก็บุ้ยปากใส่แทน




ผมกลับเข้ามาในห้องพักครูอีกครั้ง พี่สมรเห็นหน้าผมก็ละสายตาจากจอโน้ตบุ๊กขึ้นทักทันที
“เป็นไงบ้างคะน้องเหนือ สอนคาบแรกเป็นไปได้ดีมั้ย”

“ดีครับ เด็กๆ ให้ความร่วมมือดี” ยกเว้นไอ้เด็กบ้าที่ชื่อธารนะ มันไม่เข้าเรียนเลยเถอะ แต่ผมไม่ฟ้องพี่สมรหรอก เดี๋ยวจะมีปัญหาแล้วมันจะคิดว่าผมเอาไปฟ้อง มาดักตีผมตอนเผลออีก

“งั้นก็ดีแล้วจ้า เห็นมั้ยว่าพี่บอกแล้วว่าเด็กๆ น่ารัก” พี่สมรก็ดูโล่งใจที่ผมไม่มีปัญหาอะไร
ทว่าพอผมตรงมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เธอก็ทำจมูกฟุดฟิดขึ้นมา ก่อนจะจ้องหน้าผมเขม็ง
“น้องเหนือดูดบุหรี่ด้วยเหรอ”

ผมชะงัก มองหน้าเธอพลันตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ผมไม่ได้ดูดครับ คนอื่นดูดแน่ะ”
“ใครดูด นักศึกษาใช่มั้ย” เธอถามอีก ตอนนี้เองที่ผมสังเกตเห็นว่าใบหน้าใจดีของเธอเริ่มดูบึ้งตึงขึ้นมาแล้ว
ผมก็เดาได้อีกเหมือนกันว่าการดูดบุหรี่ในโรงเรียนเป็นเรื่องที่ผิดกฎ ถึงจะเป็นโรงเรียนช่างก็เถอะ แต่ก็คงจะมีกฎไม่อนุญาตให้นักศึกษาสูบบุหรี่เหมือนกับโรงเรียนสายสามัญทั่วๆ ไปเหมือนกัน แต่จะให้ผมบอกว่าธารดูด เดี๋ยวมันรู้ว่าผมฟ้อง มันก็มาดักทุบหัวผมอีก ผมเลยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไป

“ผมไม่รู้จักเหมือนกันครับ ไม่เคยเห็นหน้า”
พี่สมรทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ลุกจากเก้าอี้มาหยุดตรงหน้าผม ก้มลงดมใกล้คอเสื้อผมเล็กน้อย
“กลิ่นบุหรี่ยี่ห้อนี้มี ชั้นปีสามมีแค่คนเดียวที่ดูด บุหรี่นอก กลิ่นวนิลา ของธารแน่ๆ รายนั้นดูดอยู่ยี่ห้อเดียว”
วะ...เวรแล้ว รู้ได้ไงวะ!

“แสดงว่านี่คงจะโดดเรียนคาบน้องเหนือไปนั่งดูดบุหรี่ด้วยล่ะสิ” พี่สมรพูดขึ้นมาอย่างรู้ทันขณะที่ผมยังคงอึ้งกับความจมูกดีของเธออยู่
ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ทว่าด้วยความที่โดนถามแบบกะชั้นชิด ผมเลยไม่ทันได้ตั้งสติ เผลอบอกความจริงบางอย่างไปขณะที่โกหกด้วย

“มะ...ไม่ใช่ครับ แค่ไปดูดบุหรี่เฉยๆ แต่ไม่ได้โดดเรียน...อ๊ะ”
สีหน้าพี่สมรถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะว่าขึ้นมา
“ดูดบุหรี่จริงๆ ด้วยสินะ ไอ้เด็กคนนี้ คงต้องปรามกันหน่อยแล้ว” พูดจบก็เดินดิ่งไปนอกห้องทันที ทำเอาผมที่เพิ่งจะโกหกพลาดไปเมื่อครู่มองตามอย่างตกใจ

ดะ...เดี๋ยวสิป้า ถ้าป้าไปปรามมัน มันก็ต้องรู้น่ะสิว่าคนที่ทำมันโดนป้าเฉ่งเป็นผม คิดถึงสวัสดิภาพของผมด้วยสิเว้ย!
“เดี๋ยวครับพี่สมร!” ผมไม่รอช้า รีบวิ่งตามหลังหญิงวัยกลางคนมาทันที

ระหว่างทางที่พี่สมรเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนถัดไปของเด็กปีสาม ผมก็กรอกหูเธอไปด้วยว่าไม่เป็นไร เด็กวัยรุ่นก็งี้อะไรเทือกนี้ แต่พี่สมรฟังมั้ย? ไม่! ไม่ฟังไม่พอ ยังหันมาดุผมที่เข้าข้างเด็กด้วย

บอกเลยว่าไม่ได้อยากจะเข้าข้าง แต่คือกูกลัวมันเว้ย! ไม่เข้าข้าง เดี๋ยวมันก็มากระทืบกูข้อหาขี้ฟ้องหรอก!




พี่สมรกับผมมาหยุดยืนที่หน้าห้องหมวดคณิตศาสตร์ ก่อนที่เธอจะขออนุญาตอาจารย์ที่ทำการสอนอยู่ เดินตรงดิ่งมาหาธารที่นอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนจะจัดการกระชากคอเสื้อเต็มแรง

“เฮ้ย! อะไรวะ!” ธารที่หลับๆ อยู่ร้องลั่นทันควัน ลุกขึ้นยืน ง้างหมัดเตรียมต่อยด้วย พอเห็นว่าเป็นพี่สมรก็ลดมือลง “ป้าหมอนนี่เอง มีอะไรถึงได้มาถึงที่นี่เนี่ย”

ตามมาด้วยการเรียกพี่สมรอย่างนั้น ได้ยินธารเรียกสองครั้งแล้ว คงจะเป็นฉายาของพี่สมรที่นักศึกษาตั้งให้ล่ะมั้ง ตอนสมัยผมเรียนมัธยม ผมก็มีตั้งฉายาให้อาจารย์เหมือนกัน

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่พี่สมรตั้งหน้าตั้งตาดมเสื้อช็อปของธาร ดมได้พักหนึ่งก็ละใบหน้าออกมา
“ดูดบุหรี่จริงๆ ด้วย จะต้องให้โดนทัณฑ์บนอีกกี่ครั้ง เธอถึงจะเลิกดูดบุหรี่ในโรงเรียนฮะเจ้าธาร!”

“ใครไปฟ้องป้าเนี่ย” หัวคิ้วของธารย่นยู่ไปทันที มองพี่สมรอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเหลือบมามองยังผม “ไอ้เวรนั่นสินะ”
โอเค ตอนนี้ผมได้ฉายาเหมือนพี่สมรละ ฉายาว่า ‘ไอ้เวร’ แม่ง... มีใครตั้งฉายาให้อาจารย์แบบนี้บ้างวะ มันไม่สุภาพนะเว้ย!
สิ้นเสียง พี่สมรก็จัดการดีดหูเด็กนั่นทันที

“มาเรียกอาจารย์ว่าไอ้เวรนั่นได้ยังไง เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะโดน ให้ความเคารพอาจารย์เหนือด้วย”

“ก็แค่อาจารย์ฝึกสอนนี่ป้า ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไม่ใช่อาจารย์จริงๆ ซะหน่อย อายุก็ห่างกันไม่กี่ปีด้วย จะเอาอะไรนักหนา!”
“จะเป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน เธอก็ต้องให้ความเคารพ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าป้าหมอนๆ ซะที อาจารย์สมรน่ะเรียกเป็นมั้ย” พี่สมรเปลี่ยนจากดีดหูมาเป็นดึงหูแทนละ

“โอ๊ยๆ เจ็บๆ ทำอะไรของป้าเนี่ย!” ธารร้องโอดโอย ตัวสูงๆ ย่อต่ำลงตามแรงดึง ก่อนจะถูกป้าหมอนตีไหล่ไปอีกที
“บอกให้เรียกว่าอาจารย์ เธอนี่มันจริงๆ เลยนะธาร มานี่เลยมา ไปที่ห้องฝ่ายปกครองเลย สงสัยครั้งนี้คงจะต้องเรียกพ่อเธอมารับทราบวีรกรรมลูกชายตั้งแต่ต้นเทอมซะแล้วมั้ง”

พูดอย่างเดียวไม่พอ พี่สมรดึงหู ลากธารออกมาจากห้องท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมชั้นด้วย มีหันไปขอโทษอาจารย์ประจำวิชาหน่อยที่เข้ามารบกวน พอออกมาจากห้องถึงได้ปล่อยมือออก แล้วร้องสั่งเสียงเขียว

“ตามมาให้ไวเลย ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยเธอแล้ว ใจดีเกินไปทีไร ได้ใจทุกที”
ธารพ่นลมหายใจยาว กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนสายตาจะมาปะทะเข้ากับผมที่ยืนหน้าแห้งอยู่ เท่านั้นหมอนั่นก็แยกเขี้ยวใส่ พร้อมกับส่งเสียงต่ำทันที

“อย่าได้หวังจะฝึกสอนที่นี่ได้ราบรื่นเชียว”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกแทบจะในทันใด

นี่ไง ผมถึงต้องโกหกเพื่อเข้าข้างหมอนี่ก็เพราะแบบนี้นี่ไง!

แต่ขู่ได้ประโยคเดียว พี่สมรก็พุ่งเข้ามาตีธารอีก ก่อนจะลากแขนเด็กนั่นให้เดินตามไป
“ไม่ต้องไปขู่อาจารย์เลย เขาไม่กลัวเธอหรอก ไปได้แล้ว อย่าเสียเวลา”

ธารเดินตามพี่สมรไปอย่างว่าง่าย ทว่าก็ไม่วายหันมามองหน้ามอง ส่งสายตาอาฆาตมาให้พร้อมกับใช้มือข้างที่ว่างอยู่ทำท่าปาดคอตัวเอง ขยับปากเล็กน้อยพอให้จับใจความได้

‘ตาย’

แล้วก็เดินหายไปที่หัวมุมบันได ทิ้งให้ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้นราวกับถูกผีหลอกมา

กะ...กูว่ากูสมควรกลับกรุงเทพฯ กลับวันนี้เลยได้ยิ่งดี! อยู่ต่อนี่กูตายแน่ๆ ไม่ต้องฝึกมันแล้วงงงานแล้ว กลับด่วนๆ!
--------------------------------------------------------

พี่เหนือโดนน้องธารเปิดศึกซะแล้ว บอกเลยว่าตอนหน้านี่พี่เหนือแทบจะหนีกลับกรุงเทพฯ แล้วน้องมายด์เต๊าะพี่เหนือนี่คืออะไร 555

ตอนนี้แก๊งน้องธารโผล่มากันครบหน้าแล้วนะคะ มีน้องธาร น้องมายด์ จอมแก่น แล้วก็โรมนะ มารวมตัวกันครบแบบนี้แล้ว พูดได้คำเดียวว่าเกรียนมาก เกรียนแค่ไหน เดี๋ยวตอนหน้ารู้เลย

หลายคนถามหนูแดงว่าพี่เหนือเป็นเคะแน่เหรอ ทำไมนางแม้นแมน แถมยังโดนหนูแดงสปอยล์อีกว่าพี่เหนือเนี่ยแหละจะเป็นฝ่ายเต๊าะพระเอก ฮาา บอกไว้ก่อนว่าหนูแดงไม่ค่อยชอบเคะออกสาวน่ะค่ะ (แรกๆก็เคยเขียนนั่นแหละ แต่พักนี้เปลี่ยนละ) รู้สึกว่าเวลาเขียนให้เกรียนแล้วมันทำยาก พี่เหนือเลยจะดูแมนหน่อยนะ แต่มันก็มีโมเม้นต์จิกกัดตามปกตินั่นแหละเพราะพี่เหนือไม่ใช่ชายแท้เต็มร้อยตั้งแต่แรก เปิดตัวมาก็เป็นโบทแล้ว โบทรับด้วย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ฮาา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Fahkram ที่ 10-02-2016 01:22:41
ดูท่าเหนือจะรอดยากละแหละ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-02-2016 06:57:54
ติดตามค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-02-2016 08:29:34
มารอคะ
เราชอบสไตร์เคะไม่สาวคะ แบบนี้ชอบมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 10-02-2016 10:04:52
โหดจัง o22
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 10-02-2016 11:19:14
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยครับ
มาต่อบ่อยๆนะครับ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ

พี่เหนือ จะมีผัว ชื่อธาร ก็คราวนี้แหละ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-02-2016 13:31:19
โธ่ พี่เหนือ เตรียมรับมือให้ดีนะไม่รู้ว่าธารจะมาไม้ไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 10-02-2016 23:36:34
พี่เหนือแย่แล้ววววววววววววววววววววววววววววว  :mew5: :ling3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-02-2016 01:23:00
อีน้องธารอย่าทำอะไรจารย์เหนือนะ :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-02-2016 19:13:45
ติดตามต่อไป ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 13-02-2016 19:39:38
ที่ว่าเหนือเต๊าะธารก่อนนี่คืออะไร ติดตามนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 14-02-2016 21:00:11
ชั่งใจ ครั้งที่ 3: เด็กช่างข้างห้อง[1]
คำขู่เด็กนั่นเสมือนดั่งคำประกาศิต พอเลิกเรียนปุ๊บ ผลงานจากคำขู่ก็ส่งตรงชนิดเดลิเวอร์รีมาถึงผมรวดเร็วฉับไว
ก็ไม่ได้เกิดกับตัวผมโดยตรงหรอก ตอนแรกก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะโดนมันดักกระทืบหรือเปล่า เดินออกจากอาคารนี่ระแวงหนักมาก แต่จริงๆ ไม่ใช่ ไม่ได้เกิดกับตัวผม แต่ไปเกิดกับรถคันเก่งของผมแทน

โดนปล่อยยาง...

วิธีกลั่นแกล้งอาจารย์แบบเด็กๆ แต่ก็เล่นเอาผมยืนเอ๋อรับประทาน ไม่รู้จะกลับหอพักยังไงเหมือนกัน ดีที่พี่สมรเดินมาเอารถที่ลานจอดพร้อมกับผม เธอก็เลยโทรเรียกช่างจากอู่ใกล้ๆ ให้มาจัดการเติมลมให้ พร้อมกับบอกว่า...

‘เรื่องปกติค่ะน้องเหนือ ครูที่นี่โดนกันมาแล้วทุกคนแหละค่ะ ตอนพี่มาสอนใหม่ๆ ก็โดนบ่อย ตอนนี้ชินแล้วล่ะ ส่วนช่างอู่นี้ก็รวยเลย โดนเรียกมาบ่อยเหมือนกัน’

ถามพี่สมรว่ามีมาตรการแก้ไขมั้ย เธอก็บอกว่าไม่มี เคยขู่เด็กก็แล้วว่าใครทำจะโดนพักการเรียน แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยสักนิดเพราะจับตัวคนทำไม่เคยได้ ขนาดมีนโยบายติดกล้องวงจรปิด ก็ยังจะถูกเด็กพวกนั้นเอาสีมาพ่นเลนส์บ้าง พังกล้องบ้างจนใช้ไม่ได้อีก

ฟังแล้วผมก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ เด็กช่างพวกนี้มันเหลือเกินจริงๆ นั่นแหละ
เหลือเกินยิ่งกว่าเมื่อวันถัดมา ผมก็โดนเล่นงานอีกรอบ เมื่อวานแค่ปล่อยลมล้อเดียว วันใหม่ปล่อยสองล้อ

แล้วคิดเหรอว่าจะหยุดแค่นี้... แม่งเพิ่มวันละล้ออย่างกับล่าแต้ม ล่าสุดนี่โดนปล่อยทีเดียวสี่ล้อเลย จนช่างที่มาเติมลมให้ผมถึงกับแซวว่าผมคงเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักศึกษาที่นี่ เพราะยังไม่เคยมีอาจารย์คนไหนโทรตามช่างให้มาเติมลมติดๆ กันถึงสี่วันเลยสักคน ผมนี่แหละคนแรก

บอกเลยว่าแม่งไม่ได้ถูกใจอะไรพวกมันหรอก จะถูก Teen มากกว่า
แย่สุดก็คือวันนี้ พอถึงเวลาเลิกเรียน ผมลาพี่สมรกับอาจารย์คนอื่นๆ เสร็จแล้วเดินมาที่รถ ก็เห็นว่าล้อทั้งสี่ยังอยู่ดี มีลมยางเต็ม ไม่มีการถูกปล่อยใดๆ

แล้วทำไมผมถึงบอกว่าแย่สุดน่ะเหรอ?
มันไม่ปล่อยลมยาง แต่มันเอาหมากฝรั่งเคี้ยวแล้วมาอุดรูกุญแจรถแน่นเลยพับผ่าเอ๊ย!

เห็นแล้วผมก็หัวเสีย อยากจะพุ่งไปกระโดดถีบเด็กช่างหน้าไหนก็ตามที่เดินผ่านมาแถวนี้ชะมัด แต่ก็ไม่กล้าไง เดี๋ยวพวกมันมารุมกระทืบผมข้อหาพาล ผมเลยได้แต่บ่นอุบอิบที่จะต้องเอารถไปให้ช่างเอาหมากฝรั่งเวรนี่ออกอีก

แต่ถึงจะโดนแกล้งแบบนี้ ผมก็แอบแสยะยิ้มกับความโง่ของไอ้เด็กนั่นเหมือนกัน
มันไม่รู้หรือไงวะว่ารถผมมันปลดล็อคด้วยระบบรีโมท กดกริ๊กเดียวก็เปิดได้แล้วเว้ย ไม่ต้องไขเหมือนรถสมัยเก่า

ผมยืนหัวเราะในลำคอคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลัง สะใจที่มันทำให้ผมโทรเรียกช่างมาช่วยในวันนี้ไม่ได้ จังหวะเดียวกันก็เหลือบเห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งถูกเข็นผ่านมาข้างๆ พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นไอ้เด็กธารกับผองเพื่อนครบแก๊ง พวกนั้นเข็นมาแล้วก็มาหยุดมองผมห่างๆ แวบหนึ่ง

ส่วนผมน่ะเหรอ... ชูกุญแจรีโมทในมือขึ้นสูง ยักคิ้วให้มันไปทีประหนึ่งว่า ‘มึงไม่ได้แดรกกูร้อก!’ ก่อนจะกดรีโมท และเดินไปเปิดรถต่อหน้าต่อตามัน กะว่าจะให้มันเจ็บใจเล่น

ทว่าพอผมตรงเข้าไปจับที่เปิดประตูปุ๊บ ความเหนียวหนืดของวัตถุบางอย่างก็ติดปลายนิ้วผมทันที กลิ่นหอมรสผลไม้รวมอ่อนๆ ก็ลอยมาเตะจมูกให้ได้กลิ่นรางๆ ด้วย ผมชะงักกึกไป หัวคิ้วนี่ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ

ระ...หรือว่า...
ดึงมือออกมาดูก็เห็นว่าด้านหลังที่เปิดประตูมีหมากฝรั่งถูกเคี้ยวแล้วติดอยู่เป็นแพ
อะ...ไอ้เด็กเวร!

ผมอ้าปากค้าง หันไปทางตัวต้นเหตุ ขณะที่ธารมองหน้าผมแล้วหยักยิ้มมุมปาก คล้ายกับกำลังส่งเสียงหัวเราะดังหึมาทีนึง ยักคิ้วให้ผมตบท้ายก่อนจะเข็นมอเตอร์ไซค์ไปสตาร์ทที่จุดสตาร์ทหน้าวิทยาลัยเพื่อให้อาจารย์ผู้ชายคนอื่นๆ ตรวจอาวุธก่อนออกไป ทิ้งให้ผมยืนหัวเสีย วิ่งหาก๊อกน้ำมาล้างมือให้วุ่น

แม่ง เหนือชั้นมากไอ้ธาร...เหนือชั้นมาก!

มาอีกวัน...
เรียกว่าโคตรมหาแย่ เมื่อวานแค่หมากฝรั่ง ไปให้ช่างเอาน้ำมันเครื่องทาก็ลอกออกมาได้อย่างไร้ริ้วรอย แต่วันนี้...
กระจกมองข้างทั้งสองข้าง...โดนสีสเปรย์สีดำพ่นซะจนดำปิ๊ดปี๋เลย!

ผมไม่ทนละ ไปโวยวายกับพี่สมรว่ามันเกินไป หากแต่ได้คำตอบกลับมาว่า ‘รถน้องเหนือมีกล้องมั้ยล่ะคะ ถ้ามีกล้องก็เอามาเป็นหลักฐานได้ว่าเจ้าธารเป็นคนทำ แต่ถ้าไม่มีก็คงต้องไปติดนะ เด็กที่นี่น่ะเห็นเกๆ แบบนี้แต่หัวหมอจะตาย ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาก็ไม่ยอมรับหรอกค่ะ’

นั่นแหละประเด็น รถผมไม่มีกล้องไง เพิ่งจะเอาออกไปก่อนมาฝึกงานเพราะมันเสีย ตอนนี้มองเห็นประโยชน์ของการมีกล้องหน้ารถทันที ส่วนรถผมก็เอาเข้าอู่ไปเรียบร้อยโรงเรียนไอ้เหนืออีกวัน ช่างประจำอู่นี่ถึงกับเรียกผมว่าขาประจำเลยทีเดียว ไม่มีใครโดนเล่นงานติดกันชนิดทำลายสถิติกินเนสต์บุ๊กประจำวิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์เหมือนผมอีกแล้ว

“ถ้าไม่เปลี่ยนไปเลย ก็ต้องรอนานหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมให้ลูกน้องขัดสีสเปรย์ออกให้” ช่างใหญ่ประจำอู่เดินมาบอกผมที่นั่งพลิกนิตยสารเกี่ยวกับรถไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเบื่อหน่าย
ผมละสายตาได้ก็พยักหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”

“แต่ถ้าอาจารย์ไม่อยากรอ อาจารย์ก็ไปเดินเล่นแถวๆ นี้ก่อนก็ได้นะครับ ตั้งแต่มาอยู่นี่ เคยไปเดินเล่นแถวสวนชมน่านหรือยัง”
“ยังไม่เคยเลยครับ” ผมตอบไปตามความจริง

ก็ตั้งแต่มาที่นี่ วุ่นวายเรื่องฝึกงานอย่างเดียวไม่พอ ยังจะวุ่นวายเรื่องโดนไอ้เด็กธารแกล้งทุกวี่ทุกวัน ไม่เคยได้กลับห้องแต่หัววันเลยสักครั้ง แถมกลับมาก็ยังต้องมาทนฟังไอ้บ้าข้างห้องกินเหล้าโต้รุ่งส่งเสียงโวยวายทุกคืนอีก นอนไม่เคยพอสักคืนแบบนี้จะเอาเวลา เอาแรงที่ไหนไปเที่ยว

“วิวดี ลมเย็นนะแถวนั้น ของกินก็มีเยอะ สาวๆ ที่มาวิ่งก็แจ่มๆ ทั้งนั้น ไปเดินเล่นก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้ครับ ไม่ไกลจากอู่นักหรอก เดินข้ามฝั่งไปก็ถึงแล้ว” ฝ่ายนั้นเสนอมาอีกเมื่อผมตอบกลับไปแบบนั้น

ผมพอจะนึกออกว่าอยู่ตรงไหน อู่รถนี่อยู่ตรงริมถนนหน้าแนวแม่น้ำน่านด้านหลังวัดพระศรีมหาธาตุฯ หรือที่เรียกกว่าวัดใหญ่ เดินข้ามฝั่งไปก็จะเป็นสวนชมน่าน ที่พักผ่อนหย่อนใจชื่อดังของชาวสองแคว ผมเลยตกลงไปโดยแทบไม่เสียเวลาคิด

“งั้นเดี๋ยวผมกลับมาแล้วกันครับ เสร็จเมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกัน”
“ได้ครับ ค่ำๆ แหละ เดี๋ยวผมโทรหา”

จัดการฝากฝังรถคันเก่งเสร็จก็เดินไปข้ามสะพานลอยมาอีกฝั่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาราวๆ หกโมงเย็นเลยมีผู้คนออกมาเดินเล่นกันค่อนข้างหนาตา ทั้งมาออกกำลังกาย ทั้งพวกนักเรียนที่เรียนอยู่โรงเรียนแถวนั้น เดินกันให้ละลานตาไปหมด ผมมารู้อีกทีว่าถัดไปจากสวนชมน่านอีกแยกนึงก็มีไนท์บาซาสำหรับนักชอปฯ อีกด้วย ผมก็เลยตัดสินใจเดินไปแถวนั้นเพื่อหาอะไรลงท้องสำหรับมื้อเย็นก่อน

หากทว่า...พอผมเดินมาได้ครึ่งทางของสวน สายตาผมก็ไปปะทะเข้ากับแก๊งเด็กวัยรุ่นราวสิบชีวิตที่ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนกันชนิดลืมตายมาจอดห่างจากบริเวณที่ผมเดินอยู่ไม่กี่เมตร มองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกนั้นเป็นเด็กช่าง เห็นมีไม้ที ไม้บรรทัดฟุตเหล็กติดตัวมาด้วย แต่ไม่ใช่เด็กช่างวิทยาลัยที่ผมสอนอยู่หรอก พวกนั้นไม่ได้ใส่ช็อปสีครีมอ่อน แต่ใส่ช็อปสีเขียวขี้ม้า ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากที่ไหนเพราะไม่เคยเห็น

เพราะไม่เคยเห็น ก็เลยไม่สนใจ เดินไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงกลุ่มพวกเด็กนั่นที่จอดรถยืนมุงกันอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมก็ได้ยินเสียงโวยวายแว่วเข้ามาในหูทันที

“มึงนึกว่ามึงหล่อนักเหรอวะ มาจีบแฟนกูนี่ ไม่รู้หรือไงว่ามีเจ้าของแล้ว!”
“แล้วกูจะไปรู้เหรอว่าไม่มีแฟน แฟนมึงไม่ได้มีปลอกคอใส่ไว้นี่หว่า”
“มึงด่าแฟนกูว่าเป็นหมาเหรอ!”

แล้วพวกมันก็ผลักกันอุตลุต คนรอบข้างผมวงแตกกันทันที ส่วนผมก็รีบเดินเร็วๆ ด้วยสัญชาตญาณบอกว่าอีกเดี๋ยว มันจะต้องตะลุมบอนกันแน่ๆ
ผมเกือบจะสาวเท้าจ้ำอ้าวเดินผ่านไปเหมือนคนหูหนวกตาบอดอยู่แล้ว ถ้าหากว่าจู่ๆ หูไม่ดันไปได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้น

“มึงผลักเพื่อนกูเหรอ!”
พลั่ก!
ตามมาด้วยเด็กหัวโจกเสื้อช็อปสีเขียวที่โวยวายเรื่องแฟนโดนแย่งถูกผลักไปนั่งจุ้มปุ๊กบนพื้น เท่านั้นผมก็ตวัดหางตาไปมองทันที แล้วก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าไอ้ตัวการที่ผลักอีกฝ่ายคือ...

“ธารใจ!”
ตายหอง เผลอตะโกนเรียกชื่อมันไปอีก แม่งเอ๊ย ทำไมต้องมาเจอไอ้เด็กพวกนี้ตอนพวกมันมีเรื่องกันด้วยวะ!
ทีนี้เด็กพวกนั้น ทั้งวิทยาลัยอื่น วิทยาลัยที่ผมสอนอยู่ก็หันขวับมามองผมเป็นตาเดียว เท่านั้นน้องมายด์ก็ร้องวี้ดว้ายกระตู้วู้เสียงดังอีกคน
“อ้ายเหนือ! อ้ายเหนือ! (พี่เหนือ! พี่เหนือ!)” โบกมือเรียกประหนึ่งเห็นเพื่อนสาวที่พลัดพรากจากกันกว่าสิบปี
มึงจะทักกูทำมะเขือเผาอะไร! อย่าลากกูไปยุ่งกับเวทีมวยของพวกมึงนะเว้ย!

ผมใจสั่นวูบขึ้นมาที่จู่ๆ ก็ตกเป็นเป้าสายตา ตกเป็นเป้าสายตาอย่างเดียวไม่พอ จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกับไอ้เด็กพวกนั้นด้วยเถอะ พวกเด็กช่างเสื้อช็อปเขียวนั่นคงไม่คิดว่าผมเป็นอาจารย์ฝึกสอนหรอก ใส่ชุดนักศึกษาขนาดนี้ มันคงจะคิดว่าเป็นรุ่นพี่ ปวส.มากกว่า และที่ผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกมันก็เพราะสังเกตเห็นได้ตอนนี้ว่าพวกเด็กนั่นมีกันอยู่แค่สี่หน่อ ได้แก่ ธาร โรม น้องมายด์ และจอมแก่น ในขณะที่อีกฝั่งแม่งจะตั้งทีมฟุตบอลได้อยู่ละ

“เอ้า’จารย์ มาทำไรเนี่ย!” แถมโรมก็ร้องเสียงดังเมื่อเห็นผมยืนมองอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย

จะหนีก็ไม่ได้แล้วด้วยวุ้ย ผมเลยอ้าปากจะอธิบายว่าแค่เดินผ่านมาแล้วบังเอิญมาเจอพวกมันยืนประจันหน้ากับเด็กเทคนิคฯ วิทยาลัยอื่นอยู่ แล้วพอสบโอกาสก็จะชิ่งหนีแทน ทว่าแค่เผยอปากเท่านั้น จอมแก่นก็วิ่งข้ามฝั่งมาหาผมแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยน้องมายด์ พอเห็นเพื่อนวิ่งมา โรมก็วิ่งตาม

ดะ...เดี๋ยว! พวกมึงจะวิ่งมาหากูทำซากอ้อยอะไร! กูช่วยพวกมึงไม่ได้หรอกนะเว้ย! กูแค่มาซื้อข้าวกิน!

คิดไปก็เท่านั้นแหละ อีน้องมายด์เข้ามาจับไหล่ผมแล้วก็โพล่งขึ้นมาแล้ว
“อ้ายเหนือจั๊ดการเลยเจ้า จ้วยน้องมายด์กั๊บเปื้อนๆ ต้วย (พี่เหนือจัดการเลยค่ะ ช่วยน้องมายด์กับเพื่อนๆ ด้วย)”
ช่วยพร่อม! กูยังเอาตัวเองไม่รอดจากพวกมึงเลย โดนหัวหน้าแก๊งพวกมึงแกล้งทุกวัน จะไปช่วยได้ยังไง!

ยังไม่ทันจะได้พูด ธารที่ยืนประจันหน้ากับคู่อริอยู่ก็วิ่งมาทางผมเหมือนกัน ก่อนจะมาหยุดตรงหน้า ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังทุกคนเอาไว้
“นับหนึ่งถึงสามแล้ววิ่งเลยนะ วันนี้พวกมันมากันเยอะ สู้ไม่ไหวว่ะ” ธารกระซิบบอกโดยไม่หันมามอง จ้องอีกฝ่ายที่รอจังหวะรถหยุดเพื่อข้ามมาหาเหมือนกัน

เห็นก็พอรู้ พวกเด็กนี่มีกันแค่สี่คน นับผมด้วยก็ห้า ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ช่วย ส่วนพวกฝั่งตรงข้ามมีมากกว่าสิบ สู้ไหวก็กัปตันอเมริกาแล้ว!

ทุกคนพยักหน้ารับ ธารก็เริ่มออกปากนับ
“หนึ่ง...”
แค่หนึ่งเท่านั้นแหละ ผมก็ใส่เกียร์หมา วิ่งนำเพื่อนไปเลย พวกเด็กเวรนั่นหันมามองผมแล้วก็อ้าปากค้าง

“เฮ้ย’จารย์! ยังไม่ได้นับสามเลย! รอก่อน!” โรมร้องลั่นทันทีที่เห็นผมพุ่งตัวสุดแรงเกิด
จะรอป้ามึงมาตัดริบบิ้นเหรอ! วิ่งสิเอ๋! รอทำบ้าอะไร เดี๋ยวพวกมันก็เอาสปาตาร์มาเฉาะหัวมึงหรอก! วิ่งโว้ย วิ่ง!

โรมวิ่งตามมาคนแรก ก่อนน้องมายด์กับจอมแก่นจะวิ่งหน้าตั้งตามมาติดๆ
“ว้าย! อ้ายเหนือ ท่าน้องกำ! (ว้าย! พี่เหนือ รอน้องด้วย!)”

อีน้องมายด์นี่น่ารำคาญมาก วิ่งไปก็กรี๊ดไปจนธารที่ยืนกันท่าให้เพื่อนอยู่ต้องหันมามอง พอเห็นทั้งเพื่อน ทั้งอาจารย์วิ่งตูดเปิด มันก็วิ่งตามมาเลย แวบเดียวก็วิ่งมาขนาบข้างผม หันมาสบถใส่ผมเสียงดังด้วย

“เป็นอาจารย์ภาษาไรวะ! เผ่นแน่บก่อนนักเรียนอีก เดี๋ยวนักเรียนก็โดนรุมกระทืบตายหรอก เป็นอาจารย์ก็ต้องช่วยห้ามสิเฮ้ย!”
แล้วมันใช่หน้าที่กูมั้ย กูเดินผ่านมา จะไปหาซื้อข้าวกินนะเว้ย ไม่ได้มาห้ามทัพพวกมึง กูก็กลัวตายเป็นนะ!
“วิ่งไปน่า อย่าพูดมาก!” ผมอยากจะพูดมากกว่านี้นะ แต่พอได้ยินเสียงเฮโลจากทางด้านหลังก็วิ่งไม่คิดชีวิตทันที

นี่ถ้าแข่งวิ่งร้อยเมตรล่ะก็ บอกเลยว่าผมได้เหรียญทองมาครองแน่นอน ตอนนี้ผมวิ่งนำเด็กพวกนั้นไปแล้วเรียบร้อย ทิ้งห่างด้วย
โถ...ไอ้เหนือ วิ่งลืมตายแท้ๆ

“เล่นงานพวกมันอย่าให้เหลือ!”
ไอ้พวกเด็กเวรวิทยาลัยอื่นก็ตะโกนไล่หลังมา ผมหันไปมองก็เห็นพวกมันยกโขยงมาด้วยความเร็วแสงเช่นเดียวกัน ที่สำคัญ พวกธารที่วิ่งตามหลังผมมาตอนแรก ตอนนี้พวกมันแยกย้ายหนีเข้าตรอกซอกซอยกันเป็นที่เรียบร้อย เหลือผมคนเดียวนี่แหละที่วิ่งหนีคู่อริพวกมันอยู่

ดะ...เดี๋ยว! กูเป็นอาจารย์นะ ไม่ใช่คู่อริพวกมึง จงตั้งสติ! ตั้งสติกันเดี๋ยวนี้!
ส่วนไอ้พวกเด็กเวรแผนกที่ผมดูแลนั่น...

พวกมึงทิ้งอาจารย์หน้าตาเฉยได้ยังไงวะ! กูบอกว่ากูแค่เดินผ่านมา จะไปซื้อข้าวกินเฉยๆ! อะไรของพวกมึงเนี่ย!
พวกเด็กคู่อรินั่นก็บ้าเลือดจนไม่มีเวลามาตั้งสติแล้วล่ะ บุกมาประหนึ่งจะรุมกินโต๊ะผม ตอนนี้สายตาผมก็มองซ้ายมองขวาให้วุ่นเลย

ตะ...ตำรวจ ตำรวจอยู่ไหน! ห้ามไอ้เด็กพวกนั้นที!

ตอนขับรถผ่านมาก็เห็นอยู่ว่ามีสถานีตำรวจอยู่แถวนี้ แต่ตรอกซอกซอยที่นี่มันทะลุกันได้จนผมที่ไม่ใช่คนในพื้นที่งงไปหมด เลยวิ่งวนไปทั่ว หาทางไปสถานีตำรวจไม่ถูกสักที ผมเลยเอาแต่วิ่งหน้าตั้งจนเลยไนท์บาซาไป ถ้าให้ประเมินระยะทางที่วิ่งล่ะก็ บอกเลยว่าเกินสามกิโลฯ ไปแล้วเรียบร้อย วิ่งจนมาถึงหลังวัดอะไรสักอย่าง ไอ้เด็กเทคนิคจากวิทยาลัยอื่นก็ยังไม่เลิกวิ่งตามผมเลย
วะ...เวร กูวิ่งจนลมจะใส่แล้วนะเว้ย พวกมึงหยุดตามกันซะที กูเป็นอาจารย์! เป็นอาจารย์!

ไม่ใช่แค่คิด ตะโกนบอกไปด้วยว่าตำแหน่งตัวเองคืออะไร แล้วพวกมันฟังมั้ย...หึ! วิ่งหน้าตั้ง จะเอาแต่รุมกระทืบผมลูกเดียว
กูบอกว่าเป็นอาจารย์ ได้ยินมั้ยเนี่ย!

วิ่งจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ขาทั้งสองข้างเริ่มไร้เรี่ยวแรงจนความเร็วลดลง ฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ มองไปรอบข้างก็มีแต่หลังบ้านคนกับพงหญ้าที่พุ่งทะลุไปก็ตกแม่น้ำน่าน แถมแถวนี้ก็ไม่มีรถสวนไปสวนมาอีก คล้ายๆ กับถนนเส้นหลังเล็กอะไรประมาณนั้น

มะ...ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แถมจู่ๆ มาวิ่งมาราธอนลืมตาย แบบนี้โดนพวกมันรุมกระทืบแน่...

ทว่าในวินาทีที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรง สายตาผมก็เหลือบเห็นไฟสีส้มของรถมอเตอร์ไซค์ออโต้พุ่งเข้ามาหาตรงหน้า แล้วก็ปาดหน้าจอดชนิดเกือบชน ดีที่ผมเบรกฝีเท้าได้ทัน และก็ต้องตกใจที่เห็นว่าคนขับก็คือธาร

“’จารย์ขึ้นมา!” จอดได้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ร้องเรียกให้ผมขึ้นซ้อน
ผมยังเอ๋อกินอยู่เลยไม่ได้ทำตามโดยทันที หมอนั่นจึ๊ปากแล้วก็เอี้ยวตัวมาคว้าแขนผมกระชากเข้าไปหาเต็มแรง
“เดี๋ยวก็โดนพวกมันรุมยำหรอก ขึ้นมา!”

ได้สติเอาตอนนี้ ผมเลยปีนขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย ก้นยังไม่ทันจะสัมผัสกับเบาะเลย ธารก็บิดคันเร่งมิดออกตัวไปแล้ว ผมเลยรีบคว้าเอวเด็กนั่นเอาไว้เพราะเกือบจะตกรถ

“ขับช้าๆ หน่อย เมื่อกี้เกือบตกแล้วนะเว้ย!” เผลอวะๆ โว้ยๆ กับมันไปอย่างลืมตัวด้วย ก็แหม เมื่อกี้มันตกใจนี่หว่า
“ช้าเดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก เงียบปากแล้วเกาะแน่นๆ เถอะ!” ไม่พูดอย่างเดียว เพิ่มความเร็วด้วย

จากที่เกาะเอวมันอยู่แล้ว ตอนนี้ผมกอดเลย เอาหน้าซบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของมันด้วยตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดเพราะกลัวจะหงายหลังร่วงลงไป ตั้งตัวได้ก็หันไปมองข้างหลัง เห็นเด็กช่างอีกกลุ่มโยนไม้ทีในมือเข้าใส่ ต่อยเตะอากาศอย่างเจ็บใจที่ผมรอดไปได้

แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับผมแล้ว นอกจากพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงด้วยความโล่งอก ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ธารพาผมซิ่งรถมอเตอร์ไซค์มาเจอกับคนอื่นๆ ที่หน้าเซเว่นบนถนนเส้นหนึ่ง

พอจอดรถเทียบฟุตปาธได้ เสียงของธารก็ดังแว่วมาทันที
“จะกอดอีกนานมั้ย’จารย์ กอดแน่นจนเอวจะหักอยู่แล้ว”
ไม่ใช่แค่เสียงที่ขุ่น สีหน้าที่หันมามองก็บ่งบอกว่ารำคาญเต็มทน ผมเลยรีบปล่อยมือ ยกมือลูบต้นคอแก้เก้อไปด้วยที่แสดงท่าทางหวาดกลัวชนิดหางจุกตูดให้เด็กพวกนั้นเห็น

“อ่า...โทษทีครับ”
ธารไม่สนใจคำพูดของผมสักนิด พ่นลมหายใจใส่เต็มแรง แล้วก็เหน็บมา
“อาจารย์บ้าอะไร วิ่งเปิดก่อนเพื่อน”

ถ้ามึงเป็นกู มึงมาหาข้าวกิน จู่ๆ มึงก็ถูกลากไปให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้รุมกระทืบ มึงจะวิ่งมั้ยล่ะ!
อยากจะตะโกนใส่หน้ามันอย่างนี้เหลือเกิน แต่ก็ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้ ยิ้มยิงฟันให้ไป ทว่ามุมปากนี่กระตุกยิกๆ

“ธารบ่ท่าไปว่าอ้ายเหนือ อ้ายเหนือเปิ้ลบะเกี่ยว (ธารก็อย่าไปว่าพี่เหนือเลย พี่เหนือไม่เกี่ยวด้วยซะหน่อย)”
น้องมายด์ว่าขึ้นมา มือปลดสายรัดหมวกกันน็อคใต้คางขณะคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อเดียวกับธารไว้อยู่ ต่างกันแค่สี ของธารเป็นสีดำ ของน้องมายด์ไม่ต้องเดาหรอกมั้งว่าสีอะไร สาวน้อยสวยหวานอย่างนี้ก็ต้องสีชมพูอยู่แล้ว
ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่จอมแก่นคร่อมอยู่โดยมีโรมซ้อนก็เป็นยี่ห้อเดียวกันเหมือนกัน ทว่าเป็นสีน้ำเงิน
แก๊งเดียวกันก็เลยซื้อยี่ห้อเดียวกันหมดเลยสินะ

“ก็พูดเรื่องจริงนี่หว่า แม่งพอนับแค่หนึ่งก็ออกตัวแรงก่อนใครเพื่อน อาจารย์บ้าอะไร ไม่ปกป้องศิษย์เลย”
ยัง... มันยังเหน็บผมไม่เลิก ศิษย์อย่างมึงมันน่าปกป้องมั้ยล่ะ เอาสีสเปรย์มาพ่นกระจกรถกูเนี่ย ไอ้เด็กธาร!
“ฮั่น บอกว่าจะไปว่าอ้ายเหนือยังว่าแฮ๋มอยู่ เดี๋ยวมายด์ก็ยับแป๋งผัวดีก้า (แน่ะ บอกว่าอย่าว่าพี่เหนือก็ยังจะว่าอีก เดี๋ยวมายด์ก็จับทำผัวซะหรอก)” ตอนนี้น้องมายด์ชักสีหน้าใส่ธารเล็กน้อย ขู่ด้วย

ผมนี่ภาวนารัวๆ เลยว่าขอให้ได้ ขอให้โดน โดนแม่งสักที จะได้เลิกค่อนแคะผม
แต่ธารไม่แยแส ยักไหล่แล้วก็พูดหน้าตาเฉย

“มึงลองมายัดเยียดความเป็นผัวให้กูดูไอ้ไม้ จะกระทืบให้หายเป็นตุ๊ดเลย”
“ซาดิสม์แต๊ ชอบ เยี้ยะแฮ๋มลอเจ้า เยี้ยะแฮงๆ (ซาดิสม์แท้ ชอบ ทำอีกสิคะ ทำแรงๆ)” น้องมายด์ไม่สะทกสะท้านเช่นกัน ตอกกลับแล้วกัดปากประหนึ่งเซ็กซี่สุดฤทธิ์

ธารก็เลยชี้หน้าขู่พลางหัวเราะกับท่าทางนั้น สาบานเลยว่าทันทีที่ผมเห็นเสี้ยวหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเด็กนี่ แบบว่าใจเต้นเลยอะ เป็นคนที่ยิ้มแล้วโคตรจะน่ารัก มีเสน่ห์มากๆ แต่ก็มีโม้เม้นต์แบบนั้นได้แค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ พอจอมแก่นโพล่งขึ้นมา มันก็ทำหน้าโหดอีก

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อ กลับบ้านเลยมั้ย” ว่าแล้วก็หันไปหาโรมที่นั่งเล่นเฝือกบนแขนตัวเองอยู่ทางด้านหลัง
“ไงก็ได้ แล้วแต่ไอ้ธารมันอะ” โรมว่า ไม่ค่อยยี่หระกับคำถามของเพื่อนเท่าไหร่

จอมแก่นก็เลยหันไปทางธาร พยักหน้าให้เป็นเชิงถาม ก่อนธารจะออกปาก
“งั้นไปห้องกูก่อนแล้วกัน แล้วพวกมึงค่อยกลับบ้านกันดึกกว่านี้หน่อย ออกไปตอนนี้ เดี๋ยวไปเจอพวกมันระหว่างทางอีก”
ทุกคนตกลงรับคำทันใด ปล่อยให้ผมนั่งหน้าเหวอที่ไม่มีใครถามผมสักนิดว่าจะไปด้วยมั้ย จนผมต้องรีบออกปากเมื่อเห็นพวกมันสตาร์ทรถ

“เดี๋ยวๆ แล้วพี่เหนือล่ะครับ”
ทุกคนชะงัก หันมามองหน้าผมทันที มีแต่ธารเท่านั้นที่ว่าอย่างรำคาญ
“ถ้าไม่ไปด้วย ’จารย์ก็ลงเดินกลับไปเอง”
เอ้า! มึงพากูมา มึงจะมาปล่อยกูลงกลางทางได้ไง นี่แถวไหนก็ไม่รู้ด้วย พากูมาก็ต้องรับผิดชอบพากูไปส่งคืนที่เดิมสิวะ!

ผมตั้งท่าจะบอกอย่างนั้นแหละว่าให้พาผมไปส่งที่อู่ แต่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงออกมาสักแอะ ธารก็ว่าออกมาอย่างรู้ทัน
“ถ้าจะให้ไปส่งที่เดิมล่ะก็ ฝันไปเลย ป่านนี้พวกมันยังไม่กลับหรอก โผล่หน้าไป โดนกระทืบแน่”
นั่นแหละ ผมก็เลยหุบปากฉับ เบ้ปากให้มันรัวๆ ด้วย แน่นอนว่าไม่ให้มันเห็น ถ้าเห็น รับรองว่าหันมาต่อยผมแหง

ทว่าถึงธารจะไม่เห็น แต่จอมแก่นก็เห็นเข้าอย่างจัง ก่อนจะเสนอขึ้นมา

“อาจารย์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ แถวหอของธารมีรถรับจ้างเยอะ ทั้งสามล้อ ทั้งวินมอ’ไซค์ ไว้อาจารย์ค่อยนั่งกลับไปก็ได้”

“นั่นนะกะ อันเอาจะอี้ละเนาะเจ้าอ้ายเหนือ ไปแอ่วห้องธารกั๋น เผื่อเฮาจะได้สานสัมพันธ์อันแนบแน่นกั๋นต้วย (นั่นสิเนอะ เอาตามนี้แล้วกันนะคะพี่เหนือ ไปเที่ยวห้องธารกัน เผื่อเราจะได้สานสัมพันธ์อันแนบแน่นกันด้วย)” น้องมายด์โพล่งขึ้นผสมโรง

ได้ยินว่ามีรถรับจ้างมันก็เบาใจได้นั่นแหละว่าหาทางกลับไปเอารถที่อู่ได้ แต่ไอ้ที่เบาใจไม่ได้น่าจะเป็นอีน้องมายด์ที่เต๊าะกูไม่เลิกเนี่ย! ใครจะไปสานสัมพันธ์อันแนบแน่นกับมึง! หุ่นมึงอย่างกับนักมวย จะเอากูไปทำกระสอบทรายก็ว่ามา!
“งั้นก็ตามนี้”

ผมยังไม่ทันตอบตกลงเลย ธารก็พูดเองเออเองแล้ว ตามมาด้วยการที่ทุกคนสตาร์ทรถอีกครั้ง ผมเลยต้องเออออไปอย่างไม่มีทางเลือก

กูเลยกลายเป็นเด็กแว้นเหมือนพวกมึงโดยปริยายเลยเนี่ย

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่2♦P.1♦09/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 14-02-2016 21:02:06
ชั่งใจ ครั้งที่ 3: เด็กช่างข้างห้อง[2]

ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ธารไม่ได้บิดซิ่งดิ่งนรกเหมือนตอนแรก ขี่มาเรื่อยๆ แต่ก็เรียกได้ว่ารถที่มันขับผ่านด่าพ่อล่อแม่ ด่าไปยันโคตรเหง้าตลอดทาง

ก็พี่แกเล่นปาดหน้าชาวบ้านเค้าซะทุกคันอย่างนั้น ใครไม่ด่าบ้างล่ะ

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องเซอร์ไพรส์หนักกว่าฝีมือการขี่รถแบบไร้ความปลอดภัยของเด็กนี่ก็คือ หอพักที่มันมาจอดด้านหน้า ดันเป็นหอพักที่ผมอยู่

“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ น้องธารรู้เหรอครับว่าพี่เหนืออยู่ที่นี่” เรียกมันว่าน้องสักหน่อย เผื่อมันจะอ่อนโยนขึ้น
แต่ไม่... ไม่อ่อนโยนเลย เอาขาตั้งรถลงได้ก็ลุกพรึ่บโดยไม่บอกกล่าว จนผมเกือบจะไหลตกรถ
“จะไปรู้ได้ไง ผัวเมียกันหรือไงถึงต้องรู้เรื่อง’จารย์ไปทุกเรื่อง”
เอ้าไอ้นี่ ถามดีๆ ตอบกวนบาทา เดี๋ยวก็จับทำผัวจริงๆ ซะหรอก!

โอเค สติไอ้เหนือ สติ ลองพูดกับมันดีๆ ก่อน
“ก็พี่เห็นว่าเรามาที่หอพี่ถูก พี่เลยสงสัยน่ะ”

ธารกลอกตา ทำท่าไม่สนใจผม ถอดหมวกกันน็อคเต็มใบที่สวมอยู่ออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน ปล่อยให้โรมที่เพิ่งลงจากรถจอมแก่นเป็นฝ่ายตอบ
“ไอ้ธารมันพักอยู่นี่น่ะ’จารย์”
เท่านั้นผมก็กระจ่างแจ้งจางปางเลย
ทำไมกูจะต้องแจ็คพ็อตมาอยู่หอเดียวกับมันด้วยวะ!

ร้ายกว่านั้นก็คือพอเด็กพวกนี่จอดรถเสร็จ แล้วเดินตามธารขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งเป็นชั้นที่ธารพักอยู่ ผมก็ต้องอ้าปากค้างระลอกที่สองเมื่อเห็นว่าห้องของธารอยู่ข้างๆ ห้องผม ข้างแบบว่าติดกันเลย

ยะ...อย่าบอกนะว่าไอ้พวกขี้เหล้าที่โวยวายยันรุ่งสางเกือบทุกคืนนี่คือพวกมัน!?

พวกมันแน่นอน ไม่ต้องถามก็รู้ แค่เดินมาถึงหน้าห้องมันแล้วมองเข้าไปด้านใน ก็เห็นบรรดาขวดเหล้า เบียร์ โซดาเปล่าวางเรียงกันเป็นตับ ตัวผมชาวาบเลยทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าไอ้คนที่ขู่จะมากระซวกไส้ผมคือเด็กพวกนี้ ซึ่งผมโคตรจะมั่นใจเลยว่าไอ้คนพูดเนี่ย ต้องไม่พ้นธารแน่

“ว่าก็ว่าเต๊อะห้องอ้ายเหนือนี่อยู่จั้นไหนกาเจ้า เผื่อเวลาน้องมายด์ง่อมๆ จะได้ไปแอ่วหาพ่อง (ว่าแต่ห้องพี่เหนืออยู่ชั้นไหนเหรอคะ เผื่อเวลาน้องมายด์เหงาๆ จะได้ไปเที่ยวหาบ้าง)” จู่ๆ น้องมายด์ก็พูดขึ้นขณะที่ผมยังยืนค้างอยู่หน้าห้อง ส่วนคนอื่นๆ เดินเข้าไปข้างในกันหมดแล้ว
หาพ่องมึงสิ!

แต่ผมก็ทำได้แค่หัวเราะแห้งแล้วยกปลายนิ้วชี้ไปทางห้องด้านข้างช้าๆ
“ห้องนี้น่ะ”

สิ้นเสียง ธาร โรมกับจอมแก่นก็มองหน้าผมทันที มองน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่โดนธารมองแล้วทำหน้าเหี้ยมใส่นี่มันทำให้ผมเสียวสันหลังชะมัด
“อ๋อ ไอ้เวรที่เกือบจะไปแทงไส้ไหลนั่น ที่แท้ก็เป็น’จารย์นี่เอง”
มึงก็ยังจะจำได้อีก!
แล้วก็ตามมาด้วย “รู้ตัวแล้วว่าใครกวนตีน ทีนี้ก็สบายละ จะได้จัดการง่ายๆ”

กะ...กูจะย้ายหอ!

ย้ายไม่ได้ด้วยเถอะประเด็น ทำสัญญาเช่าแล้วก็จ่ายเงินเต็มๆ ไปสองเดือนแล้วด้วย ถ้าย้ายล่ะก็ โดนที่บ้านหักค่าใช้จ่ายรายเดือนย่อยยับแน่

“แล้วนี่จะยืนอยู่หน้าห้องอีกนานมั้ย’จารย์ จะเปิดแอร์ มันร้อน” โรมร้องเรียกผม
ผมน่ะไม่อยากจะเข้าห้องพวกมันหรอก แต่พอโรมพูดเท่านั้น น้องมายด์ก็คว้าแขนผมแล้วก็พุ่งเข้าไปในห้องเลย
“อ้ายเหนือเข้ามาเลยเจ้า (พี่เหนือเข้ามาเลยค่า)”

ไม่...กูไม่เข้า...
...เข้ามาแล้ว

มายืนหัวโด่อยู่กลางห้อง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เงอะๆ งะๆ จนจอมแก่นที่จัดการเคลียร์พื้นที่ซึ่งมีซากสมรภูมิวงเหล้าเสร็จเดินเข้ามาถามผม

“อาจารย์กินอะไรมาหรือยังครับ ถ้าหิวก็มีมาม่านะ เดี๋ยวผมต้มน้ำร้อนให้”
“ไม่เป็นไรครับ พี่เหนือกินมาแล้ว” โกหก กินซะที่ไหน ที่โกหกก็เพราะไม่อยากให้ไอ้เด็กธารมาทวงบุญคุณทีหลังน่ะว่ามันเคยทำให้ท้องผมไม่กิ่วด้วยมาม่ากระป๋องละสิบห้าบาทของมัน ก่อนจะยิ้มให้จอมแก่นที่พยักหน้ารับ

“เอ้อ แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าอาจารย์หรอกนะ เรียกว่าพี่เหนือเถอะ มันไม่ค่อยคุ้นน่ะ พี่ก็อายุห่างจากพวกเราไม่กี่ปี เพิ่งจะยี่สิบสองเอง” แล้วผมก็แสดงความเป็นมิตรขึ้นมาอีก ที่ทำนี่ไม่ใช่ว่าอยากจะเป็นมิตรหรอก แค่รู้สึกว่าการมาอยู่ในห้องที่มีแต่เด็กช่างซึ่งผ่านการกลั่นแกล้งผมมาอย่างโชกโชนนี่มันไม่ปลอดภัยเลยสักนิด

โดยเฉพาะกับอีน้องมายด์ที่ตอนนี้ถลาเข้ามาเกาะผมเป็นตุ๊กแกแล้ว
“เมื่อใดอ้ายเหนือจะอนุญาตหื่อฮ้องว่าผัวสักเตื้อ (แล้วเมื่อไหร่พี่เหนือจะอนุญาตให้เรียกว่าคุณสามีล่ะคะ)”
ผัวหลวงมึงก็ยืนอยู่โน่นแล้ว มึงจะมาอะไรกับกูอีก! โอ้โห... ขนลุกเลย มึงนี่คงอยากจะโดนฟ้าผ่าจริงๆ แหงๆ

“อะ...เอาไว้ก่อนนะ” แต่ผมก็ทำได้ดีที่สุดแค่หัวเราะเจื่อนๆ ตอบกลับไปเท่านั้น

ดีที่น้องมายด์ผละออกจากผมไปได้เพราะโรมเรียกให้ไปช่วยถอดเสื้อช็อป ผมเลยรอดพ้นจากการถูกตอดเล็กตอดน้อยมาได้
ทว่า... พอน้องมายด์ไปช่วยโรมถอดเสื้อช็อปปุ๊บ มันดันไม่หยุดที่เสื้อช็อปซะงั้น ดันถอดเสื้อยืดตัวในออกด้วย กล้ามแน่นๆ ของเด็กหนุ่มหน้าคมก็พุ่งปะทะสายตาผมทันที หน้ามืดกว่านั้นเมื่อจอมแก่นเองก็ถอดเสื้อเช่นกัน เห็นตัวเล็กๆ อย่างนั้น ก็มีกล้ามเหมือนเด็กหนุ่มคนอื่นพอตัว แต่ที่ทำให้ผมตาแทบบอดนี่คือธารใจ หันไปมองแวบเดียว กล้ามกับนมเป็นลอนคลื่นก็แล่นปราดเข้ามาในม่านตา ทำเอาผมเกือบน้ำลายหก

“มองไร’จารย์” ธารว่าอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่จ้อง
“ก็แบบว่า...” ขาวโบ๊ะ ขาวได้อีก หัวนมชมพูด้วย...
ผะ..ผิด! สติ ไอ้เหนือ สติ!

“แบบว่าพี่เหนือกำลังงงๆ น่ะครับว่าน้องๆ ถอดเสื้อกันทำไม”
“เหม็นเหงื่อขนาดนี้ก็จะเปลี่ยนเสื้อน่ะสิ จะให้นั่งดมกลิ่นตัวเองหรือไง” ธารตอบเสียงแข็ง แต่ก็ไม่ได้ไปหาเสื้อใหม่ใส่อย่างที่ว่า เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบถุงน้ำแข็งเทใส่กระติก คว้าเอาขวดเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งมานั่งบนพื้น ดูก็รู้เลยว่าอีกแป๊บนึงก็จะตั้งวงแน่
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อโรมกับน้องมายด์เดินมานั่ง ตามด้วยจอมแก่นที่ไปค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อน เอาเสื้อมาใส่เรียบร้อย

“แล้วอ้ายเหนือบ่ถ่ายเสื้อกาเจ้า (แล้วพี่เหนือไม่เปลี่ยนเสื้อเหรอคะ)” น้องมายด์ออกปากถามผมที่เห็นผมยืนอยู่เหมือนเดิม
ผมเลยชี้นิ้วไปยังกำแพงเป็นเชิงให้รู้ว่า... “เดี๋ยวพี่กลับไปเปลี่ยนที่ห้องได้ครับ”

“บะเอา กำอ้ายเหนือปิ๊กไป อ้ายเหนือท่าจะบ่ปิ๊กมาแฮ๋มแน่ เอาเสื้อธารไปถ่ายก็ได้เจ้า แล้วมานั่งจ๋นแก้วกั๋น (ไม่เอาอะ ถ้าพี่เหนือไป พี่เหนือก็คงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแน่ เอาเสื้อธารไปเปลี่ยนก็ได้นะคะ แล้วก็มานั่งก๊งกัน)” ตามด้วยชวนผมกินเหล้าด้วยหน้าตาเฉย

แต่เดี๋ยวนะ... มันเพิ่งจะหัวค่ำเองนะเว้ย มึงตั้งวงกันแล้วคืออะไร!?
“แต่ว่า...พรุ่งนี้พี่เหนือมีสอน น้องมายด์กับเพื่อนๆ สนุกกันไปเถอะครับ ถ้าเมาล่ะก็แย่แน่ เดี๋ยวพี่เหนือกลับห้อง...”
หากแต่พูดยังไม่ทันจบเลย อีน้องมายด์ก็เด้งตัวขึ้นยืน มาคว้าผมเข้าไปกลางวงแล้ว

“ข้าเจ้าก็มีเฮียนเหมือนกัน บ่ะหันจะเป็นหยังเลย เมาก็ไปสอนได้เจ้า เน้อๆ อ้ายเหนือ มาม่วลกันเต๊อะ (หนูก็มีเรียนเหมือนกัน ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เมาก็ไปสอนได้ค่า นะๆ พี่เหนือ มาสนุกกันนะคะ)”

ฟังแล้วเหมือนกำลังโดนชวนขึ้นเตียงด้วยฉิบเป๋ง ผมก็ตั้งท่าจะปฏิเสธอีกนั่นแหละ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโรมแทรกขึ้นมา

“เอาน่า’จารย์ ไม่สิ... พี่เหนือ ถือว่าเป็นเลี้ยงต้อนรับจากพวกผมแล้วกัน จะได้รู้จักกันมากขึ้น เลี้ยงตามสไตล์เด็กช่างน่ะ นั่งๆ”
จอมแก่นพยักหน้าเออออกับเพื่อนด้วยทันที หันมาพยักหน้าให้ผมด้วย

คือ...ผมก็อยากจะก๊งกับพวกมันเหมือนกันนะ ตั้งแต่มาที่นี่ แอลกอฮอล์ไม่ซึมเข้ากระแสเลือดสักหยด แต่พอมองไปยังหน้าเจ้าของห้องที่บอกบุญไม่รับแล้ว ผมก็ไม่กล้าจะรับปาก เลยต้องปฏิเสธอีกครั้ง

“พี่เหนือว่าพี่เหนือกลับห้องดีกว่า...”
พูดแล้วก็ทำท่าจะเดินไปยังประตู หากแต่ก็ต้องยั้งขาไว้พลันเมื่อเสียงห้วนๆ ดังขึ้น

“ถ้าก้าวออกจากห้องไปแม้แต่ก้าวเดียว มีเรื่องแน่ ชวนแล้วปฏิเสธนี่แม่งหาเรื่องชัดๆ”
กะ...กูกลัวว่าอยู่ในห้องมึงแล้วจะโดนมึงหาเรื่องนี่แหละเลยต้องรีบออกเนี่ย!

“ประเพณีของเด็กช่างวิทยาลัยเราน่ะครับ ใครถูกชวนกินเหล้าแล้วปฏิเสธ แสดงว่าหาเรื่อง ไม่รักษาน้ำใจ” เห็นผมทำหน้างงๆ จอมแก่นก็เลยเฉลยให้
ให้ตาย ประเพณีอะไรของพวกมึง!

“ตกลงจะนั่งดีๆ หรือจะเจ็บตัว เลือกเอา” ธารว่าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมอึกอักอยู่
แล้วผมจะไม่นั่งเหรอครับ นั่งลงทันใดด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่นั่งข้างมันนะ กลัวว่าถ้ามันเริ่มเมาแล้ว ผมไปทำอะไรขวางหูขวางตามัน จะโดนเล่นงานอีก

และพอผมยอมร่วมวงด้วย เท่านั้น วงเหล้าพร้อมวงดนตรีเพื่อชีวิตก็เริ่มบรรเลงทันที ผมมารู้เอาก็ตอนนี้แหละว่าพวกเด็กช่างน่ะชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตกัน เหตุผลก็คือฟังแล้วมันฮึกเหิม เหมาะกับการปลุกใจเวลาไปตีกับโรงเรียนอื่น
จ้ะ เอาเถอะจ้ะ ตามสบายเลย ทีหลังเวลาพวกมึงไปตีกับโรงเรียนอื่น มึงก็เอาเครื่องเสียงไปเปิดเพลงบางระจันวันเพ็ญขับกล่อมความฮึกเหิมของพวกมึงด้วยนะ

ถึงจะโดนบังคับให้ร่วมวงเหล้า แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ กระดกไปแก้วสองแก้ว บรรยากาศตึงเครียดระหว่างผมกับเด็กพวกนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ผมก็เลยพอจะกล้าเป็นฝ่ายชวนคุย
“พวกเราสนิทกันดีจังเลยนะ เป็นเพื่อนกันมานานแล้วเหรอ หรือเพิ่งจะมารู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่ง” ที่ถามแบบนี้ก็เพราะเห็นพวกมันกอดคอกันร้องเพลงลั่นนี่แหละ

โรมเงยใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์เหล้าขึ้นมอง ก่อนเป็นฝ่ายเปิดปากอธิบาย
“รู้จักกันมานานแล้วพี่”
“รู้จักกันมานาน?”
“ผม ไอ้จอมกับไอ้ธารเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ น่ะ แม่ผมเคยเป็นแม่นมไอ้ธาร ส่วนแม่ไอ้จอมเคยทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านไอ้ธาร ก็เลยรู้จักกันมาแต่เด็กน่ะ แต่ไอ้ไม้นี่มารู้จักกันตอนเข้าปีหนึ่ง มันมาจากเชียงใหม่เลยไม่มีเพื่อน แล้วก็โดนแกล้งบ่อย ตอนรู้จักมันครั้งแรก มันกำลังโดนแกล้งพอดี ไอ้ธารเลยเข้าไปช่วย จากนั้นก็สนิทกันมาถึงตอนนี้”

“อ๋อ...” ผมคราง ในหัวก็คิดไปด้วยว่าไอ้เด็กธารก็นิสัยดีเหมือนกันนะ ช่วยคนอ่อนแอเนี่ย แต่ที่น่าชวนคิดมากกว่าก็คือ บ้านของธารทำอะไร ทำไมถึงได้มีแม่นม แม่บ้านอะไรเทือกนี้
ทว่าก็ไม่กล้าถามเมื่อเห็นว่าธารที่กำลังถูกเพื่อนเล่าประวัติให้ฟังนั่งจิบเหล้าเงียบๆ ด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ จนจอมแก่นพูดขึ้นมานั่นแหละ ผมถึงเบนความสนใจไปอีกครั้ง

“แต่ไอ้ธารมันไม่ได้อายุเท่าผมกับไอ้จอมนะ เป็นเพื่อนกันก็จริงแต่มันแก่กว่าปีนึง”
“หมายความว่าน้องธารเรียนช้า?” เรียกน้องธารอีกละ เหมือนจะติดปากซะแล้วแฮะ แต่ช่างแม่ง เรียกไปก่อน เอาความน่ารักมุ้งมิ้งเข้าข่ม มันจะได้เลิกทำตาขวางใส่ผมสักที

“เปล่า” โรมว่าสั้นๆ ทำเอาผมย่นคิ้ว
“ธารหยุดเรียนไปปีนึงน่ะครับ” คราวนี้จอมแก่นเป็นคนตอบ
“แสดงว่าน้องธารอายุสิบเก้าแล้วน่ะสิ ส่วนคนอื่นก็สิบแปดใช่มั้ย”
ทุกคนพยักหน้ารับ ยกเว้นธาร

“แล้วทำไมถึงหยุดเรียนไปล่ะ” แน่นอนล่ะว่าผมไม่ได้ถามไอ้เด็กนั่น ทำหน้าเหม็นบูดขนาดนี้ ใครจะอยากเข้าไปคุยด้วย
แล้วโรมก็เป็นคนตอบ “มันทำผู้หญิงท้อง”

พรู่ด!

น้องมายด์ที่กำลังซดน้ำสีอำพันเข้าปากถึงกับพ่นใส่หน้าผมเต็มๆ ก่อนจะหันไปแหวใส่โรมเสียงดังลั่น
“เยี้ยะแม่ญิงต้องหาห่าหยัง แม่ต๋ายบะยะ แม่ต๋าย  (ทำผู้หญิงท้องบ้าอะไร แม่ตายต่างหากย่ะ แม่ตาย!)”

โรมหัวเราะลั่นพร้อมกับจอมแก่น ไม่สนใจเสียงแว้ดๆ ของน้องมายด์สักนิด ไม่สนใจแม้แต่ผมที่กำลังเช็ดน้ำเหล้าผสมน้ำลายของตุ๊ดนรกนี่ออกจากหน้าด้วย

“แม่ตายถึงกับต้องหยุดเรียนไปปีนึงเลยเหรอ” เช็ดเสร็จ ผมก็ชวนคุยขึ้นมาอีก
ทุกคนเงียบเสียงพลัน มองมาทางผมสลับกับธารด้วย ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุขึ้นมาได้ทันที พลันสายตาไม่พอใจของธารก็ตวัดมามองผม

“คุยเรื่องอื่น” มันว่าขึ้นมาสั้นๆ
ผมโล่งอกพลันที่มันไม่ทำอะไรนอกจากพูดแค่นั้น ทุกคนก็เลยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที
“จะอั้นก็ฮ้องเพลง เอ๊าะ ฮ้องเพลง (งั้นก็ร้องเพลง เอ้า ร้องเพลง!)”

คนเปลี่ยนหัวข้อก็ไม่พ้นน้องมายด์นี่แหละ จากนั้นก็แหกปากร้องเพลง I will survive ลั่น พร้อมเอาผ้าขนหนูมาพันรอบตัวประหนึ่งชุดเดรสเกาะอก สร้างเสียงเฮฮาให้เพื่อนๆ ไปตามประสา จะมีก็แต่ธารนี่แหละที่นั่งนิ่งผิดปกติ ผมแอบลอบมองเป็นระยะก็พอจะรู้ได้ว่าเด็กนี่จะต้องมีปัญหาอะไรในระหว่างที่หยุดเรียนไปนอกจากเรื่องการสูญเสียแม่แน่ๆ
แต่ก็ทำได้แค่มอง ปล่อยให้เวลาหมุนผ่านไป




ผ่านไปค่อนคืน... ค่อนคืนเท่านั้น ศพของเด็กช่างก็กระจัดกระจายให้เห็น

โพ่ง! แล้วคือกูก็ต้องทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อเก็บศพเลยไง! พวกมึงจะเมาไร้สติอะไรกันขนาดนี้!

รถอะไรนี่ไม่ต้องไปเอาแล้วล่ะจุดนี้ ช่างโทรมาตามหลายรอบว่ารถเสร็จแล้ว แต่ผมหาจังหวะออกจากวงเหล้าไปไม่ได้ ก็เลยบอกว่าจะเข้าไปเอาพรุ่งนี้แทน ก่อนผมจะถอนใจอย่างระอาเมื่อเห็นศพที่ต้องเก็บนอนกองอยู่บนพื้น

อีน้องมายด์นี่ไปนอนตายซากขึ้นอืดอยู่ที่ระเบียงหลังจากเล่นเดินแบบแรดๆ แล้วลื่นล้ม ก่อนจะหลับไป ส่วนโรมนี่ก็สภาพไม่ต่างกัน ก่อนหน้านี้บอกว่าจะตักน้ำแข็ง ไม่รู้ตักท่าไหน เอาหัวจุ่มลงไปในกระติกแล้วก็หลับไปเลย ดีที่ตอนที่จอมแก่นยังมีสติสัมปชัญญะพาหมอนั่นเอาหัวออกมา แล้วลากขึ้นไปนอนบนเตียงเสียก่อน ตามด้วยตัวเองที่ขึ้นไปนอนข้างๆ กัน ผมเลยไม่ต้องเหนื่อยกับพวกมันเพิ่ม จะมีก็แต่น้องมายด์นี่แหละที่ต้องไปลากมันเข้ามาในห้อง

ถามว่าผมลากมันขึ้นเตียงไปนอนรวมกับเพื่อนมั้ย?... ไม่ ปล่อยแม่งนอนขึ้นอืดอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ
ส่วนอีกราย... กอดชักโครกประหนึ่งเพื่อนรักอยู่ในห้องน้ำ

ผมเดินมาหยุดหน้าห้องน้ำแล้วก็กลอกตาเมื่อเห็นธารเอาซีกแก้มใสๆ ซบกับขอบชักโครกที่เพื่อนมันสักคนไปฉี่ก่อนหน้า ลำบากให้ผมต้องหาผ้าขนหนูมาชุบน้ำเช็ดหน้าให้อีก ก่อนจะลากออกมาจากห้องน้ำด้วยความลำบากลำบน
ลากไป เสียงพึมพำจากริมฝีปากสีชมพูเรื่อก็ดังไปด้วย

“เฮ้ย... เดี๋ยวแม่งก็ต่อย...คว่ำ”
งั้นกูปล่อยให้มึงหน้าคว่ำจมโถชักโครกทั้งคืนเลยดีมั้ย! ขนาดเมาแล้วยังจะปากดีอีก ในหัวคงจะมีแต่เรื่องต่อยตีสินะถึงได้ละเมอออกมาแบบนี้

ลากออกมากลางห้องได้ ผมก็หยุดยืนหายใจหอบด้วยความเหนื่อย จะลากมันขึ้นเตียงไปก็ไม่ไหว ตัวใหญ่กว่าผมอีก ผมสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบห้า แต่เด็กนี่น่าจะราวๆ ร้อยแปดสิบต้นๆ ไม่เกินร้อยแปดสิบห้า ยังไงก็ตัวใหญ่กว่าเห็นๆ แต่จะปล่อยให้นอนบนพื้นทั้งคืนก็เกรงว่าพอมันตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ แล้วรู้ว่าผมไม่สนใจไยดี ให้มันนอนพื้นเย็นๆ มันจะมาหาเรื่องแกล้งผมหนักกว่าเดิม ก็เลยยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำยังไงดี

จังหวะเดียวกับที่สายตาเหลือบไปเห็นที่นอนปิกนิกบนหลังตู้เสื้อผา ผมเลยเอาลงมาปูบนพื้น แล้วลากมันขึ้นไปนอน
“ฟู่ว เรียบร้อย” ลากเสร็จก็พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ทิ้งตัวนั่งบนฟูกให้หายเหนื่อนก่อนแล้วค่อยกลับห้องตัวเอง
นั่งไปก็มองเด็กพวกนี้ไปพลันนึกขำ แค่เหล้ากลมเดียว ดื่มกันตั้งห้าคน แต่ดันเมาปลิ้นกันขนาดนี้นี่เด็กน้อยชะมัด ผมนี่ดื่มเยอะกว่าพวกมันอีก ยังไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย แก่ประสบการณ์กว่าเห็นๆ

“พี่เหนือกลับห้องแล้วนะครับ” หายเหนื่อยแล้วผมก็ร้องบอก ทว่าไม่มีใครตอบรับ ผมเลยนึกสนุกขึ้นมา “กูกลับห้องแล้วนะเว้ยไอ้พวกเด็กเวร!”
ตะโกนเสียงดังแม่ง ฮ่าๆ สะใจ

ไม่มีใครตื่นมาฟังอยู่ดี ผมเลยตั้งท่าจะลุกออกจากห้อง หากแต่พอเอามือยันพื้นเตรียมจะลุกเท่านั้น วงแขนของคนที่นอนอยู่บนที่นอนปิกนิกก็คว้าเอวผมไว้

“อยากตายเหรอ’จารย์”
ยะ...อย่าบอกนะว่ามึงได้ยินที่กูพูดเมื่อกี้!?

ได้ยินแน่นอน ได้ยินแน่ ทำตาขวางกินเลือดกินเนื้ออย่างนี้คงหนีไม่รอด ผมแทบจะยกมือประนมกราบขอโทษมันเลยที่รู้ตัวว่าธารได้ยินเต็มๆ แต่แค่จะยกมือเท่านั้นแหละ แขนใหญ่ที่รัดรอบเอวผมอยู่ก็กระชากผมลงนอนเต็มแรง ผมที่ไม่ทันตั้งตัวล้มไปนอนข้างๆ ธารแทบจะในวินาทีนั้น หน้านี่ใกล้กันแค่คืบด้วย ขณะที่ธารมองหน้าผมด้วยสายตาปรือ แต่ก็ยังดูแข็ง

“อา...จารย์”
“พะ...พี่เหนือขอโทษครับ” อะไรไม่รู้ กูขอโทษไว้ก่อน

ธารไม่พูดอะไรต่อจากนี้ มองหน้าผมนิดนึงแล้วก็หลับตาลง
หลับตาอย่างเดียวไม่เท่าไหร่ ดึงกูเข้าไปกอดแน่นด้วย! แขนมาไม่พอ ขาก็ตวัดมาพาดเอวผมไว้ด้วย เฉียดเป้าไปนิดเดียวเอง
ฉิบหายแล้วไอ้เหนือ! ฉิบหายแล้ว!

นอนเกร็งเป็นท่อนไม้เลยจ้า ขณะที่ลมหายใจอุ่นๆ ของเด็กนั่นก็รดคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอ
สยิวกิ้วมากเลยแก เร้าใจมากด้วย เร้าใจว่าถ้ามันตื่นมาแล้วเห็นว่ากำลังนอนกอดผมตอนไม่มีสติอยู่ มันจะเปลี่ยนจากกอดมาเป็นกระโดดกัดแทนเหลือเกิน ผมเลยยกมือไปแตะแขนมันเบาๆ ปากก็ร้องเรียกไปด้วย

“นะ...น้องธารครับ ปะ...ปล่อยพี่เหนือก่อนนะ พี่จะกลับห้อง”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเด็กเวรที่ท่านเรียก เงียบสงบ เงียบทุกอย่าง มีแต่เสียงหายใจครืดคราดเท่านั้นที่ดังมาให้ได้ยิน ผมเลยอ้าปากเรียกอีก

“น้องธารครับ...”
“ลุกไป...ตาย”

พูดยังไม่ทันจะจบเลย เสียงทุ้มก็ดังมาให้ได้ยินเบาๆ เหลือบหางตาไปมองก็เห็นว่าตอนที่มันพูด มันไม่ลืมตาด้วยเถอะ พูดจบแล้วก็หลับคร่อก ส่งเสียงกรนมาให้ได้ยิน

ส่วนผม... ร้องไห้หนักมาก
นี่กูเป็นอาจารย์มึงนะ ช่วยให้ความเคารพด้วย! อันที่จริงไม่เคารพก็ไม่เป็นไร จะกอดก็ได้ตามสบาย แต่ช่วยใส่เสื้อก่อนกอดด้วย หอบหื่นมันกำเริบ!

อะ...ไอ้เหนือ...สติ...สติ

เจริญภาวนาสติพลัน...
-----------------------------------------------
พี่เหนือกวนทีนนนน 555
น้องธารกอดพี่เหนือนี่ อันนี้เรียกว่าเด็กมันยั่วหรือเปล่าอะ พี่เหนือนางก็หื่นแบบกล้าๆ กลัวๆ ป๊อดงี้เมื่อไหร่จะได้เต๊าะ!?!?!
ปล.สถานที่ที่เขียนในตอนนี้มีอยู่จริงนะคะ ใครเป็นเด็กพิด'โลกนี่นึกออกเลย โลเคชันจริงมากอะไรมาก แต่เด็กเทคนิคอีกโรงเรียนนึงนี่ไม่มีจริงนะ มโนล้วนๆ จ้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-02-2016 21:34:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: พี่เหนือสติคระ สติ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 14-02-2016 21:46:27
หอบหื่นกำเริบซะได้ แทนที่จะกลัวนะคนเรา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-02-2016 21:05:57
มารอจ้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 15-02-2016 22:05:03
พี่เหนือ อย่างฮา
น้องธาร มีปมสระงั้น

เรื่องนี้สนุกมากเลย รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 15-02-2016 23:55:45
แหมมมมมมมมม พี่เหนืออออออออออออออออออออออออ

ได้นอนอยู่ในอ้อมกอดน้องธารเข้าหน่อย ถึงกับต้องเจริญสติภาวนาลดความหื่นเลยหราาาาาาาาาาาาาาา 

:hao6: :m20:

ว่าแต่ธารนี่... เมา หรือ ละเมอ หรือ... อะไร

อยู่ๆไปคว้ามากอดคือ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Fahkram ที่ 16-02-2016 01:10:30
รักแบบฮาดคอร์มาก ขำเหนือ ยอมทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 16-02-2016 05:38:06
อ่าน2รอบแระ
ชอบมากๆ

มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 16-02-2016 13:20:37
อ่าน2รอบแระ
ชอบมากๆ

มาต่อเร็วๆนะครับ

เดี๋ยวคืนนี้อัพตอนใหม่ให้ค่า ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kjkjji ที่ 16-02-2016 13:38:46
กร๊ากกก สนุกๆ
ชอบคาแรคเตอร์ทุกตัวเลยค่ะ 555555
พี่เหนืออย่างแมน ส่วนน้องมายด์ตลกมาก เอ็นดู :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 17-02-2016 05:34:01
อ่าน2รอบแระ
ชอบมากๆ

มาต่อเร็วๆนะครับ

เดี๋ยวคืนนี้อัพตอนใหม่ให้ค่า ^^

คืนนี้?
เช้าแล้ว?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-02-2016 13:36:16
อ่าน2รอบแระ
ชอบมากๆ

มาต่อเร็วๆนะครับ

เดี๋ยวคืนนี้อัพตอนใหม่ให้ค่า ^^

คืนนี้?
เช้าแล้ว?

เมื่อคืนมัวทำงานอื่นอยู่ ขออภัยค่ะ แหะๆ ^^;;
เดี๋ยวอีกแป๊บมาอัพให้น้า แปลภาษาเหนือแป๊บจ้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-02-2016 13:53:27
ชั่งใจ ครั้งที่ 4: น้องธารโกรธแรง[1]
สภาพตอนนี้ บอกได้เลยว่า...ทุเรศทุรัง

ใครว่าโดนเด็กหนุ่มหน้าตาดี หัวนมอมชมพูกอดนอนทั้งคืนแล้วจะฟิน ขอบอกไว้ตรงนี้ เน้นข้อความตัวโตๆ ด้วยว่า ‘ความฟินไม่มีอยู่จริง!’

มันจะไปฟินได้ยังไงในเมื่ออีน้องมายด์ที่ตื่นมากลางดึกในสภาพยังไม่สร่างเข้ามานอนคั่นกลางระหว่างผมกับธาร ซ้ำยังนอนทับแขนเด็กนั่นที่กอดผมอยู่ เลยกลายเป็นว่าผมจะลุกหนีก็ไม่ได้เพราะโดนทั้งธารกอด โดนทั้งตุ๊ดยักษ์นี่ทับ ทับไม่พอ น้ำลายไหลใส่หัวไหล่จนเปียกชุ่มด้วย หน้าก็อยู่ห่างกันแค่คืบ เรื่องกลิ่นปากนี่ไม่ต้องถามเลย โอ้โห...นรกมาก ตอนนี้ยังไม่มั่นใจเลยว่านั่นกลิ่นปากน้องมายด์หรือกลิ่นขยะเปียกกันแน่

แต่การมาแทรกกลางระหว่างผมกับธารก็ดีอย่าง เพราะตอนที่ธารตื่นขึ้นมา มันเลยไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันนอนกอดผมแทนหมอนข้างทั้งคืน เข้าใจว่าตัวเองนอนกอดน้องมายด์ ผมก็เลยรอดจากการถูกเด็กนี่เหยียบหน้าทันทีที่ตื่นได้

ทว่า... พวกมึงทำไมตื่นกันเช้านักวะ! ตื่นมากันตั้งแต่ตีสี่เลยเถอะ เพิ่งจะเมาหลับไปกันตอนเที่ยงคืนนี่เองไม่ใช่เหรอ!?

ต้นเหตุก็มาจากจอมแก่นนั่นแหละ ก่อนจะเมา เด็กนั่นดันตั้งนาฬิกาปลุกที่โทรศัพท์เอาไว้ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก แค่ตั้งปลุกให้ตื่นไปเรียนให้ทัน

นี่ก็รักเรียนมาก เพิ่ม ก.ไก่ให้สักล้านตัว รักเรียนคนเดียวไม่พอ ยังปลุกบรรดาเพื่อนฝูงที่ยังไม่สร่างเมาดีกลับบ้าน กลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกด้วย โรมก็กลับไปกับจอมแก่นเพราะบ้านของทั้งคู่อยู่ใกล้กัน ส่วนน้องมายด์ก็กลับหอตัวเอง รู้สึกว่าหอนางจะอยู่แถวๆ วิทยาลัย

ผมมองเด็กพวกนั้นโบกมือลาด้วยท่าทางสะโหลสะเหลแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบอกให้พวกมันขี่รถดีๆ เดี๋ยวจะไปคว่ำตายกลางทางซะก่อน แล้วผมนี่แหละจะซวยข้อหาไม่ห้ามปรามพวกมันไม่ให้ดื่มเหล้า พอพวกมันออกจากห้องไป ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าพวกมันจะรักเรียนกันไปไหน หน้าตาท่าทางโคตรไม่ให้เลยเถอะ ขนาดผมหน้าตาเด็กเรียนจะตาย แต่พอเมาหัวราน้ำทีไร เรื่องเรียนอะไรก็ไม่เคยอยู่ในหัวทุกที

มารู้อีกทีว่าทีจากจอมแก่นว่าที่จำเป็นต้องไปเรียน เพราะวิชาช่างไฟอะไรสักอย่างมีสอบเก็บคะแนนย่อยเลยหยุดไม่ได้ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร อยากจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเต็มแก่ อยากจะนอนสักงีบด้วย เมื่อคืนน้องมายด์นอนกรนกรอกหูทั้งคืนจนหลับไม่ลงสักงีบ

ขนาดธารที่ว่ากรนๆ แล้วนะ เจอน้องมายด์เข้าไปนี่กรนแบบวงมโหรีเลย

ธารเองก็ไม่สนใจเพื่อนเช่นกัน ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาส่งเพื่อนด้วย แค่พยักหน้าเออออกับจอมแก่นที่บอกว่าให้ไปเรียนด้วยเท่านั้น ก่อนจะปีนขึ้นไปนอนต่อบนเตียง

“น้องธาร พี่เหนือกลับห้องแล้วนะครับ”

เงียบ... มีแต่เสียงกรนดังกลับมา ไม่สนใจผมเหมือนกันเถอะ ผมเลยเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง ถอดเสื้อผ้าที่เหม็นทั้งกลิ่นเหล้า กลิ่นน้ำลายน้องมายด์ออกแล้วไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมานอน

แต่ไอ้ที่ตั้งใจว่าจะนอนสักงีบแบบสองสามชั่วโมงอะไรงี้ เอาเข้าจริงแม่งดันนอนยาวไปยันโลกหน้า รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เกือบแปดโมงแล้ว แถมตอนตื่นนี่ไม่ได้ตื่นเองด้วยนะ พี่สมรโทรมาปลุกเพราะเห็นว่าผมยังไม่โผล่หัวมาสักที ผมเลยอ้างไปว่าไม่ค่อยสบาย แล้วรีบกุลีกุจอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วแสง

ปัญหาเหมือนจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่ เดินลงมายังลานจอดรถของหอพักแล้วไม่เห็นรถตัวเองก็เพิ่งจะระลึกได้ว่า... แม่งเอ๊ย รถอยู่ที่อู่!

ยืนถามตัวเองพักนึงเลยว่าไม่มีรถแล้วไง

แล้วไงล่ะ ก็ไปฝึกงานไม่ได้น่ะสิโว้ย!

ผมยืนทึ้งผมตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง นึกหงุดหงิดไอ้พวกเด็กเวรที่ทำให้ผมหาจังหวะแวบออกไปเอารถที่อู่ไม่ได้สักที พอถึงตอนนี้ปุ๊บ งานงอกเลย ไอ้พวกเด็กนั่นมันก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กลับหอ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปที่วิทยาลัยกันแล้ว มีแต่ผมนี่แหละที่ยืนอยู่ตรงลานจอดรถในหอตัวเองอย่างกับเด็กเอ๋อ

จ้างสามล้อไปก็ได้วะ!

หงุดหงิดมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไม่รู้ไอ้เด็กช่างพวกนี้จะทำให้ชีวิตผมวุ่นวายไปถึงไหน!

เดินออกไปหน้าหอ กะจะไปเรียกรถ สายตาก็ดันปะทะเข้ากับธารที่ยืนกินหมูปิ้งกับข้าวเหนียวอยู่ข้างๆ หอเสียก่อน ผมชะงักกึก หมอนั่นก็หันมามองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะย่นคิ้วใส่

“ยังไม่ไสหัวไปอีกเหรอ’จารย์”

สาบานว่านั่นคือคำพูดที่ใช้ทักคนเป็นอาจารย์น่ะฮะ!? กูก็ควรจะถามมึงเหมือนกันว่าป่านนี้แล้วทำไมมึงยังไม่ไปวิทยาลัย มายืนโซ้ยข้าวเหนียวหมูปิ้งสบายใจเฉิบอยู่ได้!

“พี่เหนือกำลังจะไปแล้วครับ” แต่ผมก็ส่งยิ้มพิมพ์ใจตอบมัน หน้าตาท่าทางยังดูไม่สร่าง ขืนพูดอะไรไม่ถูกหู มันได้เอาไม้เสียบหมูปิ้งวิ่งมาแทงแน่

“ไปไงน่ะ แล้วรถไปไหน”

ไปไหนล่ะ ค้างเติ่งอยู่ที่อู่ก็เพราะพวกมึงนี่ไง! นี่พวกมึงไม่สำเหนียกกันเลยสินะว่าทำกูลำบากขนาดไหนเนี่ย!

“รถอยู่ที่อู่น่ะครับ เมื่อวานพี่เอาไปซ่อม” สุดท้ายผมก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจอีกรอบ น้ำเสียงก็ฟังดูใจดี๊ใจดี

เกลียดตัวเองชะมัด มึงก็ป๊อดเหลือเกินไอ้เหนือ

ถามว่ารู้ว่าตัวเองป๊อดแล้วคิดจะแก้มั้ย... เหอะ เดี๋ยวได้ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ยอมได้ก็ยอมๆ มันไปก่อน ไว้ฝึกงานเสร็จแล้วค่อยหาทางเอาคืนทบต้นทบดอกเอา

“แล้วจะไปยังไง”

“เดี๋ยวพี่ไปเรียกสามล้อเอาครับ”

ธารไม่พูดอะไรตอบกลับมาอีก กัดหมูปิ้งที่ยังเหลืออยู่บนไม้เข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนโยนไม้ทิ้งถังขยะใกล้ๆ ผมเห็นมันเอาแต่สนใจหมูปิ้งก็เลยตัดบทเอาดื้อๆ

“งั้นเดี๋ยวพี่เหนือไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันที่วิทยาลัยนะ” โบกมือลามันด้วยท่าทางปัญญาอ่อน กำลังจะดิ่งตรงไปหาลุงขับสามล้อที่จอดทำหน้าง่วงอยู่ใกล้ๆ

ทว่าพอก้าวได้เพียงก้าวเดียว ธารก็ตรงเข้ามาคว้าแขนผมไว้

“ไม่ต้อง ไปด้วยกัน”

“หา?”

“บอกว่าไปด้วยกัน ขี่มอ’ไซค์ไปเนี่ย จะงงทำไม” เด็กนั่นย่นคิ้วใส่ผมทันที พยักปลายคางไปยังรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไบค์สีดำเงาที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่านินจา หรือชื่อเต็มๆ คือ Kawasaki Ninja เอาตรงๆ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรถพวกนี้หรอก ที่รู้ๆ ก็คือ... เด็กนี่มันบ้านรวยเว้ยเฮ้ย! มีรถแบบนี้ขี่ แสดงว่าไม่ธรรมดาแล้ว!

“เอ่อ แล้วรถน้องธารอีกคันไปไหนเหรอครับ” ผมหมายถึงรถมอเตอร์ไซค์ออโต้ที่มันขี่เมื่อวานน่ะ

มันเหลือบมองผมนิดหนึ่งก่อนจะเอาหมวกกันน็อคเต็มใบขึ้นสวมไปด้วย

“จอดอยู่ข้างใน วันนี้สาย ต้องใช้ความเร็ว”

มึงจะเอาเร็วแค่ไหนโปรดบอกกู! เมื่อวานยังเร็วไม่พออีกหรือไงฮะ!

ผมเผลอทำหน้าขยาดกับฝีมือการขี่รถของมันออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่น้ำเสียงหงุดหงิดจะดังขึ้นมาให้ได้ยิน

“จะมองอีกนานมั้ยเนี่ย ขึ้นมา”

ก็อยากจะขึ้นอยู่หรอกนะ เห็นว่าสายแล้วเหมือนกัน แต่ว่า...

“หมวกพี่เหนือไม่มีเหรอครับ” ผมถามหาหมวกกันน็อคบ้างเพราะจำได้ขึ้นใจว่าฝีมือการขี่รถของมันเป็นยังไง

แต่ธารกลับหันมาบอกผมหน้าตาเฉย “ไม่ต้องใส่ ไม่พาไปตายหรอกน่า”

ไม่พาไปป้ามึง! เมื่อวานที่โดนด่าพ่อล่อแม่ตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอยคืออะไร!?

ผมยืนบุ้ยปากใส่มันแป๊บนึง แต่ก็ต้องรีบปีนขึ้นซ้อนท้ายเมื่อมันเร่งขึ้นมาอีก

“ขึ้นมาซะที เดี๋ยวก็สายหรอก ยืนทำบ้าอะไรอยู่ได้”

ขึ้นก็ขึ้นวะ!

ขึ้นมาแล้วก็พยายามทรงตัวให้นั่งตัวตรง เพราะเบาะซ้อนท้ายของไอ้รถนี่ดันอยู่สูงกว่าเบาะคนขี่ ถ้าไม่ทรงตัวดีๆ ล่ะก็ ได้ไหลไปซบหลังมันแน่ แต่พอธารสตาร์ทรถแล้วออกตัวปุ๊บ ไอ้ความตั้งใจเมื่อกี้ก็อันตรธานหายไปกับสายลมทันทีที่มันบิดมอเตอร์ไซค์พุ่งออกไปสุดแรงเกิด

“เหวอ!” ผมร้องลั่นทันควันที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตกรถ สองแขนคว้าเอวคนข้างหน้าโดยอัตโนมัติ ก่อนจะได้ยินเสียงหงุดหงิดของธารดังลอยเข้ามาในหู

“อะไรของ’จารย์วะเนี่ย! นั่งดีๆ สิเว้ย!”

มึงก็ขี่ดีๆ สิโว้ย! จะรีบไปเยี่ยมยมบาลในนรกเหรอ!

อยากจะด่ามันฉิบเป๋ง แต่ตอนนี้กลัวตายมากกว่า เลยได้แต่บอกมันไปเสียงสั่น

“นะ...น้องธาร...ขี่...ขี่ช้าๆ หน่อย”

ถามว่าเด็กนั่นฟังมั้ย... ไม่ บิดไม่ลืมหูลืมตา บุพการีโดนจาบจ้วงเช่นเคย ส่วนผมก็ได้แต่ถามตัวเองว่า ‘กูจะเซ็ทผมมาเพื่ออะไร’ ตอนนี้แบบว่าไอ้ทรงที่เซ็ทไว้นี่ทรานส์ฟอร์มร่างตัวเองกลายเป็นทรงกระบังโต้ลมของคุณหญิงคุณนายไฮโซไปแล้ว

จะบิดจะอะไรก็ช่วยดูทรงผมกูด้วย! เหง้าหน้ากูมันเหมาะกับทรงนี้มั้ยฮะไอ้เด็กเวร!

คงต้องทำใจแล้วล่ะว่ามันคงจะไม่ชะลอความเร็ว ผมเลยเอาแต่กอดมันแน่น อย่าหาว่าลวนลามเด็กเลย ตอนนี้อารมณ์จะหื่นที่ได้กอดเด็กหนุ่มเอ๊าะๆ ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ กลัวตายอย่างเดียวอะบอกเลย ขณะซุกหน้าลงบนหลังมัน ผมก็ได้แต่ปลอบตัวเองว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงที่หมายแล้ว แต่จู่ๆ ธารก็ลดความเร็วลงกะทันหัน ทำเอาผมผละใบหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจ

“มีด่านแต่เช้าเลยวะ”

ได้ยินเสียงธารบ่นลอยมาตามลม ผมเลยมองไปด้านหน้าก็เห็นว่าบริเวณแยกไฟแดงมีตำรวจหลายนายยืนโบกรถมอเตอร์ไซค์อยู่ เห็นอย่างนั้นผมก็โล่งใจขึ้นมาทันควันว่าการบิดไร้สติจะได้รับการพักเบรกเพียงครู่

แต่ดูท่าทางธารจะไม่คิดอย่างนั้นเมื่อปากพูดขึ้นมาให้ผมได้ยิน

“จอดให้มัน เดี๋ยวได้โดนใบสั่งแหง”

ก็แน่ล่ะ กูไม่ได้ใส่หมวกนี่ ไม่ใช่ความผิดกูด้วย ถามมึงแล้วนะแต่มึงบอกไม่ต้องใส่น่ะ

และเพราะอย่างนั้น ธารก็เลยหันมาบอกผม

“เกาะดีๆ นะ’จารย์”

“ฮะ?”

แค่ฮะเท่านั้นแหละ ผมก็สัมผัสได้ถึงแรงสับเกียร์จากเท้าของเด็กนี่ ก่อนจะตามมาด้วยรถที่ออกตัวกระชากและพุ่งไปด้วยความเร็วแสง

มึงจะเพิ่มความเร็วหาเตี่ยมึงเหรอไอ้ธาร!

พุ่งเร็วอย่างเดียวไม่พอ แม่งปาดหน้าตำรวจที่ยืนโบกอย่างหน้าด้านๆ ทำเอาตำรวจหลายนายที่พยายามจะหยุดมันเมื่อกี้วงแตกกระเจิง บางคนมีการปาสมุดใบสั่งไล่หลังอย่างหัวเสียอีกด้วยที่เด็กนี่กระตุกหนวดถึงขนาดนี้

แต่การที่มันแหกด่านไม่ได้สำคัญสำหรับผม ที่สำคัญก็คือ... เมื่อไหร่กูจะถึงที่วิทยาลัยซะที! กอดมันแน่นจนจะได้เสียเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว!

กอดแน่นจริงๆ แน่นมาก แน่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หน้านี่แนบกับหลังมันประหนึ่งจะสิง จากที่นั่งอยู่บนเบาะตัวเอง ตอนนี้ก็ไหลลงมานั่งเบาะคนขี่แล้วด้วยเถอะ ปากก็ร้องไม่หยุด...

“อ๊าก! อ๊าก!”

สาบานว่ากลัวจริงๆ ไม่ได้สำออยเพื่อจะลวนลามเด็ก ธารก็คงจะรำคาญเลยชะลอรถแล้วจอดเข้าข้างทาง จอดรถได้ ผมก็รู้สึกได้ถึงความชาวาบบนใบหน้าหลังจากถูกลมตีอย่างหนักหน่วงเมื่อครู่ ก่อนจะได้ยินเสียงของเด็กนั่นลอยเข้าหู

“จะจิกเป้ากางเกงอีกนานมั้ย จิกจนแม่งจะโดนไข่อยู่ละ” เปิดกระจกหมวกกันน็อคมามองผมตาขวางด้วย

ผมได้สติพลัน รีบผละออกจากหลังมัน ชะโงกไปดูด้านหน้าก็เห็นว่ามือตัวเองทั้งสองข้างที่กอดเอวธารไว้ในตอนแรก บัดนี้มันเลื่อนลงมาอยู่ตรงเป้ากางเกงสแล็ก แถมยังจับแน่น โชคดีที่จับแต่เนื้อผ้า ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่าธารมันจะทำรถคว่ำตายอนาถน่าอดสูแค่ไหน

“พะ...พี่เหนือขอโทษครับ”

ขอโทษไปงั้นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมกูแอบยิ้ม

“ขอโทษก็เอามือออกสิเว้ย!” ธารชักสีหน้าใส่อีกที แผดเสียงใส่ด้วย ก่อนจะละมือจากแฮนด์มอเตอร์ไซค์มาดึงมือผมออกจากตัวเอง “แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนเบาะตัวเองด้วย ขาดความอบอุ่นหรือไงลงมานั่งติดขนาดนี้เนี่ย!”

ถ้ามึงไม่ซิ่งท้านรกอย่างนั้น กูก็ไม่ลงไปนั่งกับมึงหรอกเว้ย!

เบ้ปากใส่มันรัวๆ ขณะที่มันดึงกระจกหมวกกันน็อคลงดังเดิมแล้วขี่ออกไปต่อ

ส่วนผม... เมื่อกี้จับเป้ามาใช่มะ

...ดมมือตัวเองสักหน่อย

อา...

ความฟินนี้ไซร้ อยู่ยั้งยืนยง

 

กว่าจะถึงสี่แยกที่ต้องข้ามเข้าวิทยาลัย ผมก็ดมมือตัวเองไปหลายรอบจนงงตัวเองว่าจะไปฟินกับกลิ่นเป้ากางเกงทำไม มาได้สติก็ตอนที่พอมาถึงสี่แยก ธารจอดรถเทียบข้างทาง แล้วหันมาบอกผม

“ลงไป”

“หือ?”

“บอกให้ลงไปไง’จารย์”

“เอ้า ทำไมล่ะ” ผมทำหน้างงขึ้นมาที่จู่ๆ มันก็ไล่ผมลงจากรถ

ธารเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น ส่งสายตารำคาญมาให้ผม

“บอกให้ลงไปก็ลงไปเถอะน่า เดินแค่นี้เอง เดินไม่ได้หรือไง เป็นคนกรุงแล้วรักสบายเหรอวะ”

กูถามไปคำเดียว แม่งสวนกลับมาเป็นชุด กูผิดอะไรเนี่ย!

“เอ้า ลงซะที” เร่งให้ลงจากรถอีกรอบอีกต่างหาก “ถ้าไม่ลงเอง เดี๋ยวจะทำให้ลง”

ไม่พูดอย่างเดียว แม่งถอดหมวกกันน็อคออกมา ทำท่าคล้ายจะยกมาฟาดผมด้วย ผมไม่ใช่น้องมายด์ที่ชอบให้ทำแรงๆ เลยยอมทิ้งตัวลงมาแต่โดยดี พอเท้าสัมผัสกับพื้นปุ๊บ ธารก็บิดออกไปโดยที่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าจะให้ผมลงทำไม ทั้งที่ขี่ผมเข้าไปด้วยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ยังไงก็ต้องไปลงหน้าวิทยาลัย แล้วก็เดินเข้าไป ส่วนมันก็ต้องเข็นรถไปอยู่แล้ว

ผมย่นจมูก ด่ามันในใจนิดหน่อยแล้วก็เดินข้ามฝั่งมาเข้าวิทยาลัย ก่อนที่คลาสเรียนจะเริ่มต้นขึ้นอย่างทุกวัน

 

วันนี้ผมก็มีสอนเด็กช่างไฟปีสามเหมือนกัน แน่นอนว่าคลาสของผม ไอ้แก๊งเด็กเวรนั่นฟุบหน้าหลับบนโต๊ะทั้งคาบ จะมีก็แต่จอมแก่นนี่แหละที่พยายามจะเรียน แต่ก็ออกอาการสัปหงกมาเป็นระยะจนผมบอกให้ฟุบๆ ไปด้วยรำคาญสายตาเต็มที

แล้วถามว่าพอให้พวกมันนอนได้ด้วยเห็นว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนกันเต็มที่ แล้วคนอื่นเรียนมั้ย... ไม่ แม่งหลับกันยกคลาส คาบนั้นผมเลยได้พูดอยู่คนเดียว ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากเด็กนรกพวกนี้ทั้งสิ้น ยกเว้นเสียงกรนที่ดังมาให้ได้ยินเท่านั้น

เอาเถอะ คิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยผมก็ไม่เหนื่อยกับการรับมือและระวังเด็กพวกนี้มันตีกันระหว่างสอนแล้วกัน

แต่ถึงงานจะไม่งอกในตอนสอน มันก็มางอกเอาตอนพักเที่ยงนี่แหละเมื่อผมลงมาหาอะไรกินที่โรงอาหารในเวลาพัก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแก๊งเด็กเวรนั่งกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ตอนแรกว่าจะเลี่ยงเดินหนีไปทางอื่นเพราะเห็นว่าน้องมายด์นั่งอยู่ด้วย และป้อนข้าวป้อนน้ำให้คุณโรมผัวหลวงด้วยสีหน้าระรื่น ผมก็ไม่อยากจะเข้าไปขัด...

ไม่ใช่หรอก ไม่อยากจะเข้าไปให้มันเปลี่ยนเป้าหมายจากการเต๊าะโรมมาเป็นผมมากกว่า

หากแต่พอผมถือจานข้าว เตรียมตัวจะหมุนไปหาที่นั่งบริเวณอื่นปุ๊บ เสียงแจ๋นๆ ก็ลอยมาตามลมให้ผมได้ยินทันที

“อ้ายเหนือ! อ้ายเหนือเจ้า! (พี่เหนือ! พี่เหนือคะ!)”

ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ได้ยิน คนทั้งโรงอาหารก็ได้ยินเช่นกัน

หันกลับมาก็เห็นน้องมายด์โบกไม้โบกมือ ยิ้มโชว์ฟันขาวเรียกผมเป็นพัลวัน ตอนนี้ไม่ใช่แค่มันเห็นผมละ คนอื่นๆ ที่ร่วมโต๊ะกับมันก็หันมามองผม ทีนี้โรมกับจอมแก่นก็ร้องเรียกผมทันที

“พี่เหนือ มานั่งด้วยกันสิพี่!” นั่นเสียงโรมล่ะ ส่วนจอมแก่นก็เอาแต่พยักหน้าเรียกพลางส่งยิ้ม

ธารน่ะเหรอ... รายนั้นตักข้าวเข้าปาก เอาช้อนคาอยู่อย่างนั้น เหลือบมองผมครู่เดียวก็หันไปกินข้าว ไม่สนใจอีก

เห็นแล้วก็น่าเอาจานข้าวในมือไปเทราดหัวนัก ขนาดมันไม่ได้ทำอะไรเลย ผมยังรู้สึกว่ามันโคตรจะกวนประสาท โดยเฉพาะท่าทางของมันเนี่ย

และเพราะเห็นท่าทางไม่รับแขกอย่างนั้น ผมก็เลยยิ้มให้เด็กๆ แล้วปฏิเสธ

“เดี๋ยวพี่เหนือขึ้นไปกินที่ห้องพักครูครับ น้องๆ นั่งกินกันไปเถอะ” พูดจบก็ทำท่าจะเดินไป แต่ทว่า...

“สงสัยอยากจะเอารถไปนอนเล่นในอู่ยาวๆ”

เสียงไอ้ธารลอยตามมา พร้อมกับการหันมามองด้วยท่าทางกวนโอ๊ยสุดๆ อีกระลอก

กูเป็นอาจารย์มึงนะ มึงจะขู่กูไปถึงไหน!

แล้วถามว่าผมฟังมันมั้ย ฟังสิครับ จะเหลือเหรอ เดินดุ่มๆ เข้ามานั่งข้างน้องมายด์ที่เขยิบที่ให้ผมนั่งด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยนสุดๆ

จะไม่ให้กระมิดกระเมี้ยนได้ยังไง ก็ตรงหน้าผมน่ะไอ้ธารเลย ไอ้ธารจังๆ แม่ง มึงก็ช่างเลือกที่ให้กูจริง!

“ดีอ๊กอีใจ๋เป๋นแต้เป๋นว่า ตี้วันนี้ได้กิ๋นข้าวกั้บผัวหลวงผัวน่อย (ดีใจจังเลย วันนี้ได้กินข้าวทั้งกับผัวหลวงและผัวน้อย)”

กูไปได้เสียกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่!? การที่มึงมานอนน้ำลายไหลใส่กู ไม่ใช่การได้เสียเป็นผัวเมียนะเว้ย ตั้งสติ!

ผมหัวเราะแห้งๆ หย่อนก้นลงนั่งได้ น้องมายด์ก็หยอดมาอีกระลอก ก่อนจะวางช้อนที่ตักข้าวให้โรมกินอยู่ลงบนจานแล้วหันหน้ามาทางผม

“อ้ายเหนือจะหื่อข้าเจ้าป้อนเกาะ จะได้บ่ะน้อยใจ๋ตี้ดูแลก้าผัวหลวง บ่ดูแลผัวน้อย (พี่เหนือจะให้หนูป้อนข้าวให้ด้วยมั้ยคะ จะได้ไม่น้อยใจว่าหนูเอาแต่ดูแลผัวหลวง ไม่ดูแลผัวน้อย)”

“มะ...ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มแห้งๆ ให้

น้องมายด์ทำท่าจะตอแยขึ้นมาอีก โชคดีที่โรมโพล่งขัดขึ้นมาเสียก่อน

“มัวแต่หยอกพี่เหนืออยู่นั่นแหละไอ้ไม้ ข้าวกูนี่จะได้กินมั้ย ป้อนเร็วๆ”

“ฮั่นๆ หึงละก้า (แหมๆ หึงสินะจ๊ะ)” น้องมายด์เลยคว้าช้อนขึ้นมาอีกครั้ง ตักข้าวในจานเตรียมป้อนโรมไป ปากก็พูดไป

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกพูดเหนือเนี่ย กูบอกแล้วไงว่ากูฟังไม่ออก”

“เป็นผัวก็ทำตั๋วหื่อเกยนาเจ้าโรม (เป็นผัวก็ต้องพยายามทำตัวให้ชินสิจ๊ะโรม)” อีกฝ่ายตอบกลับหน้าระรื่น ตักข้าวไปจ่อตรงหน้าหล่อ

“ยังๆ ยังไม่หยุดพูดอีก ถ้าแขนยังดีๆ อยู่ กูจะตบมึงให้คว่ำเลย” โรมย่นคิ้วนิดหนึ่ง

แต่ขู่ไปอย่างนั้นมีเหรอที่น้องมายด์จะกลัว ทำหน้าตาเซ็กซี่ กัดปากแล้วพูดว่า...

“เยี้ยะแฮงๆ ช้อบ เอาแฮ๋มแฮงๆ (ทำแรงๆ ชอบ ทำอีกแรงๆ)”

คนขู่อย่างโรมก็เลยระเบิดหัวเราะลั่น แล้วเร่งตุ๊ดนั่นขึ้นมาแทน

“ป้อนเร็วๆ”

แล้วบทสองผัวเมียก็ดำเนินกันต่อไป ผมเลยก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองบ้าง ครู่เดียว น้องมายด์ก็ป้อนข้าวให้โรมเสร็จ แล้วก็ดึงจานข้าวของตัวเองที่ยังไม่ได้แตะสักนิดมาตรงหน้า ก่อนลงมือกิน ผมเห็นแล้วโคตรอยากจะถามเลยว่าจะไปป้อนข้าวให้โรมทำไม แขนมันหักข้างเดียว อีกข้างยังใช้งานได้ดีอยู่ แถมข้างที่หักก็เป็นข้างซ้าย ยังไงก็กินเองได้ แต่พอคิดว่าจะถามเท่านั้น โรมก็พูดขึ้น

“ถ้าไม่ได้มึงช่วยป้อนข้าวนะไอ้ไม้ คนถนัดซ้ายอย่างกูนี่ชีวิตลำบากโคตร”

โอเค มันถนัดซ้าย มันเลยตักข้าวด้วยมือขวาไม่คล่อง

ได้คำตอบแล้ว งั้นไม่ถาม ไม่ชวนคุยด้วย รีบๆ กินแล้วไปดีกว่า ไอ้ธารนี่เหลือบมองผมหลายรอบละ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่3♦P.1♦14/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-02-2016 13:56:36
ชั่งใจ ครั้งที่ 4: น้องธารโกรธแรง[2]
ทว่าในระหว่างที่ผมจ้วงตักข้าวเข้าปาก จอมแก่นที่นั่งไม่มีปากมีเสียงอยู่นานก็สะกิดธารเบาๆ

“ธาร กินแตงกวาให้หน่อยสิ”

ธารเหลือบไปมอง ยังไม่ทันได้พูดอะไร แตงกวาสองชิ้นก็ลอยมาอยู่ในจานมันแล้ว ผมเดาว่าเดี๋ยวมันต้องตบกบาลจอมแก่นแยกโทษฐานที่เอาของกินที่ตัวเองไม่กินมายัดเยียดให้

แต่เปล่า มันไม่พูดอะไรสักคำ เอาส้อมจิ้มแตงกวาส่งเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอน้องมายด์เห็นอย่างนั้น มันก็ชะโงกหน้ามามองจานข้าวผมแล้วถามบ้างเมื่อเห็นว่าแตงกวาประดับจานยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม

“อ้ายเหนือบ่ากินบ่าแต๋งกาเจ้า (พี่เหนือก็ไม่กินแตงกวาเหรอคะ)”

“อะ...อ๋อ ครับ” ผมยอมรับ

“ยะฮือบ่ากินเจ้า (ทำไมไม่กินล่ะ)”

ก็ลองถามเพื่อนมึงสิว่าทำไมไม่กิน! มาถามกูทำไม!

“คือ...มันเหม็นเขียวน่ะครับ พี่เหนือไม่ชอบ”

เกลียดตัวเองที่ทำได้แค่ตอบรับอย่างสุภาพนี่แหละ และไอ้การยอมรับเมื่อครู่ ก็ทำให้ตุ๊ดนรกนี่ถือวิสาสะเอาส้อมจิ้มแตงกวาในจานข้าวผม

“ถ้าอ้ายเหนือบ่กิ๋น ก็หื่อธารกิ๋นก็แล้วกั๋น (ถ้าพี่เหนือไม่กินก็ให้ธารกินแล้วกัน)” แล้วก็ส่งไปวางในจานข้าวธารทันที

ผมเห็นแล้วก็เบิกตาโต รีบเอาส้อมไปจิ้มแย่งกลับมาอย่างรวดเร็ว

“มะ...ไม่เป็นไรครับ”

“บ่ะถ้าเก๋งอ๊กเก๋งใจ๋เจ้าอ้ายเหนือ ธารกิ๋นขี้ซากจาวหมู่ตลอดอยู่ละ (ไม่ต้องเกรงใจค่าพี่เหนือ ธารกินของเหลือจากเพื่อนตลอดอยู่แล้ว)”

พูดอย่างนั้น ธารก็ตวัดดวงตามามองผมกับน้องมายด์ มองแค่อีน้องมายด์ยังไม่เท่าไหร่ มองผมตาขวางประหนึ่งกำลังบอกว่า ‘ถ้ามึงส่งมา มึงโดนกูเอาส้อมจิ้มทีเดียวสี่รูแน่’ ผมก็รีบห้ามตุ๊ดเวรนี่ก่อนที่มันจะตักแตงกวาไปใส่จานคนตรงหน้าผมอีก

“นะ...น้องธารกินไปเยอะแล้ว ทั้งของตัวเอง ทั้งของจอมแก่น เดี๋ยวของพี่เหนือ พี่เหนือกินเองได้ครับ”

“เอ๋อ ไหนบอกว่าบ่ะช้อบบะใจ้ (เอ้า ไหนบอกว่าไม่ชอบกินไงคะ)”

“ตอนนี้ชอบแล้ว”

“ไปช้อบตั้ดใดตอนไหนฮั่นเจ้า (ไปชอบตอนไหนคะเนี่ย)”

ชอบตั้งแต่ตอนที่มึงกำลังจะทำให้กูโดนไอ้เด็กธารกระทืบนี่แหละโว้ย!

ผมไม่ตอบคำถาม ยิ้มแหยแล้วจัดแตงกวาในจานให้เรียงเข้าที่เดิม ก็ไม่ได้กะว่าจะกินหรอก กะกินข้าวเสร็จแล้วก็ลุกหนีเอาไปเททิ้งแม่งเลย ทว่าการที่ผมทำอย่างนั้น ทำให้ธารที่นั่งมองอยู่นานย่นคิ้ว ก่อนจะยื่นส้อมในมือมาจิ้มเอาแตงกวาจากผมหน้าตาเฉย

“กินไม่ได้ก็ไม่ต้องทำเก่ง น่ารำคาญ” พูดจบก็ยัดแตงกวาเข้าปาก ก่อนจะตามมาด้วยการจิ้มแตงกวาที่เหลืออยู่อีกชิ้นในจานผมไป

ผมมองแล้วก็อ้าปากค้าง ธารก็เลยชูส้อมที่มีแตงกวาเสียบอยู่ขึ้นถาม

“มองไร จะกินหรือไง’จารย์”

“เปล่า...เปล่าครับ”

“ไม่กินก็ไม่ต้องมองตาละห้อย เดี๋ยวก็ไม่กินให้แม่ง”

หืม... เร้าใจ ดุๆ แบบนี้ จะยอมให้กระทำอย่างทารุณ... เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่ามันน่ารักต่างหาก ถึงจะห่ามๆ แต่มันก็น่ารักดี ส่วนเรื่องคิดหื่นนี่ เก็บเอาไว้ก่อนนะไอ้เหนือ

“ขอบใจมากครับน้องธาร” ผมเลยยิ้มให้

ธารไม่พูดอะไร กินข้าวของตัวเองต่อไป หากแต่ความสงบสุขก็มาเยือนได้เพียงครู่เดียวเมื่อจู่ๆ โรมที่กำลังจะยกจานข้าวตัวเองไปเก็บถูกใครบางคนกระชากคอเสื้อจากทางด้านหลังจนหงายหลังลงไปกองอยู่บนพื้น สายตาทุกคนที่โต๊ะหันไปมองตัวต้นเหตุทันที เห็นหน้าคนกระชากโรมกับผองเพื่อน ผมก็จำได้ว่าเป็นพวกเด็กเทคนิคที่วิ่งไล่พวกเราเมื่อวานนี้ แต่วันนี้พวกมันไม่ได้ใส่เสื้อช็อปของวิทยาลัยตัวเองมา ทว่าเป็นเสื้อช็อปของที่นี่ ก่อนคนกระชากจะร้องเสียงขุ่น

“มึงนึกว่าจะหนีกูพ้นเหรอไอ้โรม!”

“เฮ้ย! ทำอะไรเพื่อนกูวะ!”

เสียงห้าวๆ ดังขึ้น แต่สาบานเลยว่าไม่ใช่เสียงธาร เป็นเสียงน้องมายด์ที่ทรานส์ฟอร์มเป็นไอ้ไม้ ลุกพรวดจากเก้าอี้มาผลักเด็กนั่นออก

โหย... แมนมากแก แมนมาก ภาพน้องมายด์ตุ๊ดยักษ์นี่กลายเป็นน้องชายบัวขาวทันตา

แต่พอเด็กนั่นตั้งหลักได้ปุ๊บ แล้วผลักอกน้องมายด์คืน เสียงห้าวนั้นก็เปลี่ยนไปทันที

“ว้าย ไปยุบนมข้าเจ้า (ว้าย อย่าจับนมหนู)” ตามมาด้วยสองมือที่ปิดอกสะดีดสะดิ้งสุดชีวิต

เห็นแล้วอยากเข้าไปกระโดดถีบ หมั่นไส้!

“เมื่อวานพวกมึงแสบมากนะ วันนี้พวกกูจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย!” เด็กฝั่งนั้นพูดขึ้นมาอีก
ตอนนี้แหละที่จอมแก่นรีบลุกจากที่ตัวเองมาพยุงโรมขึ้นแล้วลากออกห่าง ขณะที่ธารก็ส่งจานข้าวบินลอยมาปะทะหน้าคนพูดเมื่อครู่ ตามมาด้วยปีนขึ้นโต๊ะและกระโดดถีบเด็กนั่นจนหงายหลังไปกองกับพื้น

“พวกมึงก็ลองดู มาหยามพวกกูถึงถิ่นแล้วคิดเหรอว่าพวกกูจะยอมง่ายๆ!”
หยามจริงๆ แหละ กล้ามากนะที่เด็กพวกนี้ไปเอาช็อปของวิทยาลัยอื่นมาใส่แล้วมาหาเรื่องถึงที่เนี่ย ถึงจะมากันเป็นสิบ แต่มันก็เสี่ยงจะโดนคนที่ไม่เกี่ยวข้องแต่เห็นเหตุการณ์อยู่ยำตะลุมบอนเหมือนกัน

ทว่าไม่มีใครสน เด็กคนที่ถูกโรมแย่งแฟนลุกขึ้นได้ก็ชี้หน้าธารอย่างเอาเรื่อง
“มึงอีกตัว หลายรอบแล้วนะ แม่งหมั่นหน้าฉิบหาย!”
“แล้วจะทำไมวะ! หมั่นหน้ากูแล้วมึงจะทำไม!” ตรงเข้าไปผลักอีก

ทีนี้แหละจ้า ไม่ใช่แค่ผลักอย่างเดียว ตามมาด้วยสะบัดหมัดพุ่งเข้ากระแทกหน้าฝ่ายตรงข้ามเต็มแรงจนฝ่ายนั้นเซถลาไปซบพรรคพวก ตั้งหลักได้ก็ประคองซีกหน้าตัวเอง ถามเสียงดัง
“มึงต่อยกูเหรอ!”
“เออ จะกระทืบมึงด้วย!”

เค้าแววความวุ่นวายลอยโชยมาทันที ผมรีบลุกขึ้นบ้าง ออกปากห้ามทันใด
“ดะ...เดี๋ยวน้องธาร อย่าทะเลาะกัน...”

เสียงดังเท่าตดมด เรียกว่ากระซิบยังไม่ได้เลย แทบไม่ได้ยินเถอะ ก็แหม คนมันกลัวนี่หว่า เด็กพวกนี้นี่มันต่อยกันจริงจังนะ ไม่ใช่ขู่กันไปขู่กันมาเหมือนคราวก่อนๆ แถมพวกมันก็ไม่สนใจจะฟังผมกันด้วยต่อให้ผมพูดดังแค่ไหน แค่สิ้นเสียงธาร ต่างฝ่ายก็ต่างโผเข้าใส่กันแล้ว

ธารเป็นคนแรกที่กระโจนเข้าไปในวง ตามด้วยน้องมายด์ร่างทรานส์ฟอร์ม  ทั้งต่อยทั้งเตะอย่างกับนักมวยอาชีพ จนผมที่ยืนมองอยู่แทบไม่เชื่อสายตาว่าตุ๊ดแรดๆ เมื่อกี้จะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ส่วนจอมแก่นก็ไม่ร่วมวงใดๆ ลากโรมออกห่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องเรียกเพื่อนร่วมแผนกที่กินข้าวอยู่ไม่ห่างให้เข้าไปช่วยธารกับน้องมายด์เพราะสองคนไม่มีทางสู้คนเป็นสิบได้ไหว

เท่านั้นแหละ มหกรรมต่อยตีสานสัมพันธ์ระหว่างวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นเลย โรมที่เป็นตัวต้นเหตุก็เข้ามาร่วมวงด้วยเหมือนกันทั้งที่แขนหัก เลยถูกทำร้ายเข้าที่แขนจนเพื่อนต้องลากออกมา ผมเห็นแล้วก็อยากจะตะโกนใส่หน้ามันเหลือเกินว่า ‘มึงจะแรดเข้าไปทำไม! สมน้ำหน้า!’

แต่เอาเข้าจริงก็ได้แต่ห้ามน่ะนะ ห้ามโดยที่ไม่มีใครฟังด้วย แถมยังกลัวโดนลูกหลงอีกเพราะเด็กพวกนี้ตีกันแบบเอาจริงเอาจังมากเหลือเกิน จนผมชักไม่เห็นความปลอดภัยของตัวเอง รีบถอยห่างมาจากวง จังหวะเดียวกับที่เหล่าอาจารย์ฝ่ายปกครองและอาจารย์ผู้ชายคนอื่นกรูกันเข้ามาห้ามพอดี

ทว่าใครก็ทำให้เด็กช่างแผนกผมหยุดไม่ได้ดีเท่ากับพี่สมรที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามา ก่อนส่งเสียงแหลมๆ ขึ้น
“ไอ้เจ้าธาร หยุดเดี๋ยวนี้ คนอื่นๆ ด้วย!”

ทุกชีวิตหยุดการเคลื่อนไหวพลัน ธารหันใบหน้ามามองยังพี่สมร ผมเลยได้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ ของเด็กนั่นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยแตก มุมปากมีเลือดไหลเล็กน้อย ส่วนเด็กช่างวิทยาลัยอื่นก็ถูกจับตัวไว้ สอบถามไปก็ได้ความว่าที่มาหาเรื่องถึงในนี้เป็นเพราะแค้นที่แฟนหัวโจกกลุ่มถูกโรมจีบ แถมเมื่อวาน โรมก็ยังไปดักรอแฟนตัวเองถึงหน้าโรงเรียน ผมเลยเข้าใจได้ทันทีว่าที่เมื่อวานพวกมันไปเสนอหน้าอยู่ที่สวนชมน่าน เป็นเพราะไปเกี้ยวหญิงที่โรงเรียนแถวนั้น และได้รู้อีกอย่างคือ เด็กคู่อริพวกนี้เป็นเด็กช่างจากวิทยาลัยเทคนิคที่อยู่รอบนอกตัวเมือง ค่อนข้างไกลพอสมควร ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ก็ร่วมชั่วโมงได้กว่าจะถึง

มิน่าล่ะ ผมถึงไม่เคยเห็นเด็กช่างใส่เสื้อช็อปสีเขียวขี้ม้าในเมืองสักเท่าไหร่เลย ส่วนเสื้อช็อปของที่นี่ พวกมันก็ได้มาจากการขอซื้อต่อมาจากตลาดมืดที่พวกเด็กช่างชอบเอาของประจำสถาบันไปขายกัน อย่างเช่นพวกหัวเข็มขัด หรือตราประจำสถาบัน แหวนรุ่นอะไรเทือกนี้

แต่อะไรก็ไม่สำคัญกับพี่สมรมากเท่าการได้ยินเสียงโรมที่นอนร้องโอดโอยหลบมุมอยู่กับจอมแก่น

“เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ยโรม ไปๆ เดี๋ยวไปโรง’บาลเลย อาจารย์เอารถออกเลยค่ะ” พี่สมรพูดพลางหันไปสั่งอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะรีบพยักหน้าให้จอมแก่นช่วยพยุงโรมออกไปจากบริเวณนั้น

ถ้ามันจบแค่นั้นคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พี่สมรดันเดินมาหาผมแล้วสั่งซะงั้น
“ส่วนทางนี้ น้องเหนือจัดการให้หน่อยนะคะ เดี๋ยวพี่กลับมา ดูแลเจ้าธารดีๆ อย่าให้หนีไปได้ล่ะ เอาเข้าห้องปกครองแล้วจับแยกไว้เลย ไม่งั้นก่อเรื่องอีกแน่”

เอ้าป้า! ทำไมต้องเป็นกูล่ะ!

ต้องเป็นผมอยู่แล้ว เพราะผมเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษานี่นา แถมพี่สมรสั่งเสร็จก็ไม่รอให้ผมได้แย้งด้วย เดินไปทันที น้องมายด์เลยรีบตามไปด้วยความเป็นห่วงผัวหลวงสุดชีวิต ส่วนผมก็ยืนประจันหน้ากับธารและเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังถูกจัดให้เข้าแถวเรียงหน้ากระดาน เด็กคู่อริก็มีอาจารย์ผู้ชายอีกกลุ่มเกณฑ์ไปรวมตัวยังมุมอื่น ได้ยินแว่วๆ ว่ากำลังโทรตามอาจารย์จากวิทยาลัยนั้นมารับทราบเรื่องด้วยเพราะการบุกเข้ามาในวิทยาลัยอื่นเพื่อมาหาเรื่องนี่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่

ผมยืนมองอยู่ได้ครู่หนึ่ง อาจารย์ดิเรกที่เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองก็เดินเข้ามาหาผม
“เดี๋ยวอาจารย์พาธารใจไปที่ห้องปกครองเล็กนะ ผมจะพาคนอื่นๆ ไปอบรมที่ห้องปกครองใหญ่ก่อน ตัวการใหญ่เอาไว้จัดการทีหลังตอนอาจารย์ฝั่งนั้นมาแล้ว อาจารย์ก็อบรมไปพลางๆ ก่อน”

ฟังแล้วก็เผลอพยักหน้า มาคิดได้อีกทีว่าถ้าผมพาธารไป ก็เท่ากับว่าผมต้องอยู่กับธารสองต่อสอง แถมให้อบรมมันอีก คงไม่โดนมันกระทืบคาห้องปกครองเลยเหรอ
เพราะคิดแบบนี้แหละเลยรีบโพล่งขึ้นมา
“อาจารย์ครับ คือผมอบรมไม่เป็น”
“ก็หัดๆ ไว้ เวลาเป็นอาจารย์จริงๆ แล้วจะได้คล่อง ถ้าไม่ทำ ผมจะบอกให้อาจารย์สมรให้กรอกว่าไม่ผ่านฝึกงานนะ” อาจารย์ดิเรกตอบอย่างไม่ใส่ใจ

แต่คือแบบ...ช่วยดูหน้ากูด้วยว่ากูอยากจะหัดมั้ย แล้วพอเรียนจบ กูอยากจะเป็นอาจารย์จริงๆ หรือเปล่า! แล้วไอ้การขู่ว่าไม่ให้ผ่านฝึกงานนี่คืออะไร!

อยากจะบอกให้แม่งเอาไปอบรมเองเหลือเกิน แต่ไม่ทันละ สั่งเสร็จก็เดินไปต้อนเด็กคนอื่นๆ เข้าห้องปกครองใหญ่เป็นที่เรียบร้อย เหลือแต่ผมกับธารที่ยืนมองหน้ากันอยู่

“มองอะไร ไปซะทีสิห้องปกครองน่ะ” แล้วธารก็ว่าขึ้นมาเสียงขุ่นให้ผมได้ยิ้มโง่ๆ
“พี่เหนือไม่รู้น่ะครับว่าห้องปกครองเล็กอยู่ไหน”
อันนี้ไม่รู้จริงๆ แล้วก็งงด้วยว่ามันจะแยกห้องปกครองใหญ่ ห้องปกครองเล็กกันทำไม อารมณ์เหมือนห้องขังรวมกับห้องขังเดี่ยวเหรอวะ

“ตามมา”

ไม่ทันจะได้คำตอบเลย ธารก็ออกปากเรียกแล้วเดินดุ่มๆ ไปแล้ว ผมเลยรีบก้าวตาม ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องฝ่ายปกครองซึ่งแยกออกเป็นสองห้อง เขียนหมายเลขกำกับไว้หน้าห้อง กลุ่มเด็กแผนกช่างไฟที่ร่วมวงด้วยความมั่วถูกพาเข้าห้องที่หนึ่ง ส่วนผมกับธารก็เข้าไปในห้องที่สอง เพิ่งมารู้ตอนเข้ามาในห้องนี่แหละว่าห้องปกครองเล็กที่ว่า เมื่อก่อนเคยเป็นห้องทำงานของ ผ.อ. แต่พอสร้างอาคารเรียนเพิ่มก็ย้ายไปใช้ห้องอื่น ห้องนี้ก็ถูกเอามาใช้งานอย่างอื่น

รู้นี่ก็ไม่ใช่ว่ารู้เองนะ ธารบอก

ธารเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เอาแขนพาดพนักพิงด้วยท่าทางซังกะตาย ผมเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม มองใบหน้าฟกช้ำนั่นแล้วก็เกิดเสียดายขึ้นมา

หน้าหล่อๆ อย่างนี้ไม่น่าเอาไปรับหมัดรับศอกแบบนั้นเลย เห็นแล้วเสียดายชะมัด เด็กนี่จะรู้มั้ยว่าเด็กที่กรุงเทพฯ พยายามกันแค่ไหนที่จะให้มีหน้าตาดูดีอย่างที่มันมีเนี่ย ทั้งเสริม ทั้งฉีดสารพัด แต่ไอ้คนที่หล่อธรรมชาติสร้างดันไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้ น่าด่าชะมัด

เอาวะ ไหนๆ ก็อบรมหน่อยแล้วกัน

“น้องธารครับ”
แค่เรียกชื่อ มันก็ตวัดหางตามามอง ผมเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเลย ชักลังเลละว่าควรอบรมมันดีหรือไม่ แต่ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ดิเรกไปฟ้องพี่สมร เอาเถอะ เอาสักหน่อยพอเป็นกระษัย

“วันหลังไม่เอาแล้วนะเรื่องต่อยตีน่ะ ไม่น่ารักเลย”
เป็นการอบรมนี่ฟรุ้งฟริ้งมาก นี่กูกำลังอบรมเด็กอนุบาลอยู่หรืออบรมเด็ก ปวช.ปีสามวะ!

ธารก็คงจะคิดว่าโคตรปัญญาอ่อน กลอกตาใส่ผมแล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น เห็นท่าทางไม่หือไม่อือของมันแล้วผมก็พอจะเบาใจขึ้นมาได้ว่ามันน่าจะฟัง เลยพูดขึ้นมาอีก

“ฟังพี่เหนือนะน้องธาร การที่น้องธารไปต่อยตีอย่างนั้น ถ้าน้องธารเป็นอะไรขึ้นมา คนที่คอยน้องธารอยู่ที่บ้านจะเสียใจนะครับ”
พูดแค่นี้ ธารก็หันกลับมามองผมอีก แต่รอบนี้จ้องเขม็ง
“เป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน อย่ามาทำเป็นรู้ดี อย่ามาสั่งด้วย”

“ถึงจะเป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน แต่พี่เหนือก็ถือว่าเป็นอาจารย์นะครับ เอาเป็นว่าสิ่งที่น้องธารทำมันไม่ดีนะ น้องธารทำแบบนี้ คนอื่นๆ ก็จะมองว่าเด็กช่างไม่ดีไปหมด ทำไมเราไม่ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆ และรุ่นน้องล่ะ พ่อแม่น้องธารกับอาจารย์จะได้ภูมิใจว่าน้องธารเป็นเด็กดีนะ”

“หุบปาก!” จู่ๆ ธารก็เสียงดังขึ้นมา ทำเอาผมที่พูดๆ อยู่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกมันตอกหน้ากลับมารัวๆ “ผู้ใหญ่แม่งก็เหมือนกันหมดแหละ ทำดีแค่ไหนก็มองว่าไม่ดี ไม่เคยเข้าใจด้วยว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ‘จารย์เองก็ด้วย ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเข้าใจเพราะอายุใกล้ๆ กัน แต่พอเอาเข้าจริงแล้วก็แม่ง ไม่ได้เข้าใจเวรอะไรเลย เข้าข้างผู้ใหญ่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาคุยเว้ย โคตรคิดถูกเลยที่ไม่ไว้ใจเต็มร้อยตั้งแต่ตอนแรก”

มะ...มึงพูดเรื่องอะไร เดี๋ยวๆ ให้กูตั้งสติแป๊บนะว่ากำลังคุยเรื่องเดียวกับมึงอยู่ กูไปเข้าข้างผู้ใหญ่อะไรที่มึงว่าตอนไหนวะ! แล้วไอ้เรื่องไม่ไว้ใจนี่คืออะไร หรือว่า... มันจะรู้ว่าผมเอามือที่จับเป้ามันเมื่อเช้าไปดม!?

เอ๋อกินพร้อมติดสตั๊นจริงๆ งงแรงด้วยว่าไปพูดอะไรขัดใจมันเข้า หากแต่ในระหว่างที่ผมคิดอยู่ ธารก็ลุกพรวดขึ้นมา ทำท่าจะเดินออกจากห้อง ผมเลยรีบลุกไปคว้าไหล่มันไว้

“เดี๋ยวครับน้องธาร จะไปไหน อาจารย์ดิเรกสั่งให้รออยู่ที่นี่นะ”

เพียะ!

ธารปัดมือผมออกเต็มแรง ไม่ปัดอย่างเดียว ผลักผมจนเซไปด้านหลังด้วย ผมหน้าเหวอ ตกใจที่ถูกกระทำโดยไม่ทันตั้งตัว ขณะที่เด็กนั่นมองหน้าผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ แล้วแค่นเสียงออกมา

“ไปตายไปไอ้เวร”
เอ้า!

“แล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้รถสภาพสมบูรณ์กลับกรุงเทพฯ ก่อนฝึกงานเสร็จ”
เอ้า!
ชูนิ้วกลางให้ด้วย

โอ้โห พาลหนักมาก รู้ชะตาชีวิตรถสุดที่รักเลยว่าจะต้องเข้าอู่อีกบ่อยแค่ไหน แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารเดินออกไปนอกห้องทั้งที่ผมยังไม่เข้าใจอยู่ว่าทำอะไรผิด ปิดประตูเลื่อนกระแทกใส่หน้าเต็มแรงด้วย

โหย โกรธแรง แรงมาก แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้มันโกรธ

บอกกูทีว่ากูไปทำอะไรให้มึงโกรธเนี่ย!
----------------------------------------
ว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อคืน แต่ดันติดงานแปลเอกสารด่วนอยู่
แงงง ขออภัยค่ะ อัพให้หัววันหน่อยแล้วกันเนอะ
ตอนนี้บอกเลยว่าน้องธารมีโมเม้นต์น่ารักมุ้งมิ้งเหมือนกันนะ แต่ก็น่ากระทืบเช่นเดียวกัน ชูนิ้วกลางให้พี่เหนือคืออะไร พี่เหนือไม่อยากได้นิ้ว อยากได้อย่างอื่น #ผิด
พี่เหนือทำน้องโกรธอย่างนี้แล้ว เดาดูกันค่ะว่านางจะไปง้อน้องมั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-02-2016 14:20:15
น้องธารเป็นอะไรมากไหมเนี่ย รุนแรงกับพี่เหนือตลอดเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-02-2016 14:52:00
มาแล้ววว ขอบคุณค่าชอบเรื่องนี้มากกก แต่กว่าจะอัพ ฮือออ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-02-2016 15:11:45
มาแล้ววว ขอบคุณค่าชอบเรื่องนี้มากกก แต่กว่าจะอัพ ฮือออ

รอหน่อยน้า เรื่องนี้อัพช้ากว่าเพื่อนหน่อยนิดนึง
ตอนนี้ติดต้นฉบับอยู่หลายเรื่องเลยค่ะ ไว้เคลียร์เรื่องอื่นครบแล้วจะมาอัพให้บ่อยๆเน้อ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-02-2016 15:20:44
น้องธารค่ะ อย่าทำร้ายรถพี่เหนือมากนักเลยค่ะ สงสารพี่เหนือเดี๋ยวจะกินแกลบจะก่อน
สงสัยน้องธารจะมีปัญหาเรื่องครอบครัวแน่ๆ เลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 17-02-2016 15:47:07
น้องธารจุดเดือดต่ำจางงง

ปล.อบรมได้ฟรุ้งฟริ้งมาก  :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-02-2016 18:52:13
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 17-02-2016 19:44:16
น้องธารปม เรื่องนี้ พี่เหนืออาจจะยังไม่รู้

รอตอนต่อๆไปนะครับ
อัพเร็วๆนะ ชอบเรื่องนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 18-02-2016 11:02:40
อยากให้พี่เหนือเข้าใจธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-02-2016 16:37:35
งอน งอน ง้อ ง้อ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 18-02-2016 18:08:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-02-2016 22:50:00
ชั่งใจ ครั้งที่ 5: พี่เหนือเดลิเวอร์รี[1]

ความฟินว่าอยู่ยั้งยืนยงแล้ว ความงงนี่อยู่ยั่งยืนกว่า

ยั่งยืนชนิดฝังรากแก้วลงไปในสมองผมเลยเถอะ จนตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าไปพูดอะไรให้ธารมันโกรธ อันที่จริงผมจะไม่สนใจก็ได้ว่าเด็กนั่นโกรธเรื่องอะไร แต่พอนึกถึงสวัสดิภาพของรถคันเก่งของตัวเองแล้วจะปล่อยผ่านก็เห็นทีจะไม่ได้ เลยต้องรีบเสนอหน้าไปถามพี่สมรว่าธารมีปัญหาอะไรที่บ้านหรือเปล่า ผมเดาเอาว่าอย่างนั้นเพราะตอนธารตอกกลับผม มันเน้นประเด็นเรื่องผู้ใหญ่ แต่ถามว่าพอไปถามพี่สมรที่เพิ่งดลับมาจากการพาโรมไปโรงพยาบาลแล้ว ถามว่าพี่สมรตอบคำถามผมมั้ย... ตอบ แต่ด่าก่อนตามด้วยเทศนาอีกหนึ่งชุดใหญ่ โทษฐานที่ผมปล่อยให้ธารหนีออกไปจากห้องปกครอง

บอกเลยว่ากูไม่ได้ปล่อยเว้ย มันก็ไม่ได้หนีด้วย แต่แม่งเดินออกไปเองหน้าด้านๆเลยต่างหาก!

สุดท้ายพี่สมรก็ตามกลับมาได้ แล้วก็พามันเข้าห้องเย็น พร้อมเชิญผู้ปกครองมารับทราบเรื่องอีกครั้ง ผมเลยได้รู้ในตอนนี้ว่าครั้งก่อนที่พี่สมรขู่ว่าจะเชิญผู้ปกครองตอนที่มันดูดบุหรี่ อันนั้นแค่ขู่ ไม่ได้ทำจริงเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เลยให้แค่เขียนสัญญาว่าจะไม่สูบบุหรี่ในวิทยาลัยอีก

แต่รอบนี้คือของจริง โทรตามจริง และผู้ปกครองมาจริง ตอนแรกที่ผมเห็นผู้ปกครองของธาร ผมอดตกใจไม่ได้เลยที่เห็นว่าพ่อของเด็กนั่นยังหนุ่มยังแน่นอยู่ อายุอานามไม่น่าจะเกินสามสิบห้าด้วยซ้ำ ทว่าผิด... ไม่ใช่พ่อของเด็กนั่น เป็นเลขาของพ่อต่างหาก มาแทนเพราะพ่อของธารไปประชุมที่กรุงเทพฯ เลยไม่ว่างมาเอง

มิน่า หน้าตาถึงไม่เหมือนกันสักนิด ธารหล่อกว่าเยอะ

แต่การมาของเลขาพ่อก็ทำให้ผมรู้ว่าพ่อของเด็กนั่นเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าตำแหน่งอะไรมารู้หลังไมค์จากพี่สมรอีกทีว่าเป็น ส.จ.

โหย ไม่แปลกใจละว่าทำไมเด็กเวรนั่นถึงได้มีรถมอเตอร์ไซค์แพงๆอย่างนั้น เรื่องแม่ของโรมกับจอมแก่นที่ไปเป็นแม่นมกับแม่บ้านก็ไม่สงสัยแล้วด้วย บ้านรวยชัวร์ไม่มั่วนิ่ม และดูท่าทางเป็นลูกคุณหนูโดนสปอยล์แน่นอนถึงนิสัยเสียแบบนี้

"แล้วพี่สมรพอจะรู้บ้างมั้ยครับว่าเด็กเวร...เอ้ย ธารใจมีปัญหาครอบครัวบ้างมั้ยครับ" ผมถามพี่สมรทันทีที่เคลียร์ปัญหาเด็กตีกันเสร็จและกลับเข้ามาในห้องพักครู นึกถึงตอนที่ธารพูดกับผมก็ถามออกไป ดีนะที่เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกมันได้ทัน ไม่งั้นพี่สมรต้องตกใจแน่ที่เห็นคนสุภาพเรียบร้อยอย่างผมพูดจาหยาบคาย

ก็นะ ฉากหน้าก็ต้องดูดีหน่อย ลับหลังก็ช่างมันเถอะ

"เท่าที่เห็นก็ไม่มีนะ เอาตรงๆ พี่ก็ไม่รู้หรอก ตั้งแต่สอนเจ้าธารมาตั้งแต่เรียนปี1 พี่ยังไม่เคยเจอพ่อของเจ้าธารเลยสักครั้ง" พี่สมรพูดโดยไม่มองหน้าผม มือก็ขยับเม้าส์สลับกับกดแป้นพิมพ์บนโน้ตบุ๊กไปด้วย

"เอ้า แล้วที่เชิญผู้ปกครองมาล่ะครับ"
"ไม่ส่งเลขามา ก็ส่งลูกน้องคนอื่นมาตลอด ไม่เคยมาเองเลย"
"งานปฐมนิเทศอะไรนี่ก็ไม่เคยมาเหรอครับ"
"ไม่เคย ส่งลูกน้องมาตลอดแหละ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีผู้ปกครองนักศึกษาคนไหนมานะ มีแต่นักศึกษาที่มา มีแค่ธารคนเดียวนี่แหละที่มีผู้ปกครองมาด้วย รายนี้มีผู้ปกครองมาด้วยตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ประชุมผู้ปกครองก็มีแค่คนของคุณพ่อเจ้าธารนี่แหละที่มาคนเดียว"

ตอนแรกผมเกือบจะเดาเอาแล้วว่าธารอาจจะมีปัญหากับพ่อ เพราะพ่อไม่ใส่ใจอะไรเทือกนี้ แต่ถ้าพี่สมรพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าการคาดเดาของผมผิดพลาดอย่างแรง

ถึงพ่อจะไม่มีเวลาให้ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจสักหน่อยนี่นา ส่งคนมาดูแลรับทราบพฤติกรรมของลูกชายตลอด กระนั้นผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ

“แล้วพี่สมรพอจะรู้มั้ยครับว่านอกจากคุณพ่อของธารแล้ว ยังมีผู้ใหญ่คนอื่นในครอบครัวด้วยอีกมั้ย” เดาว่าอาจจะมีปัญหากับสมาชิกในครอบครัวคนอื่น
พี่สมรละสายตาจากจอโน้ตบุ๊กมามองหน้าผม
“ไม่มีนะ เท่าที่เคยได้ยินจากคุณเลขา เห็นว่าเจ้าธารอยู่กับคุณพ่อแค่สองคน”
“อยู่แค่สองคน... หมายถึงธารอยู่บ้าน?” อันนี้ผมสงสัยขึ้นมากะทันหัน เพราะที่ผมรู้คือไอ้เด็กนั่นมันเช่าห้องอยู่ข้างห้องผม
ทว่าเหมือนพี่สมรจะไม่รู้ พยักหน้าแล้วพูดขึ้น

“อืม บ้านของเจ้าธารอยู่เลยวิทยาลัยไปหน่อยเดียวเอง ถัดไปถนนนึงน่ะ”
เอะใจขึ้นมาอีกแล้วแฮะ ในเมื่อบ้านก็อยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมถึงต้องมาเช่าหออยู่

หากแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ เอาแต่ยืนครุ่นคิด พี่สมรก็มองหน้าผมอย่างจับผิด แล้วเป็นฝ่ายถามผมบ้าง

“อยากรู้เรื่องเจ้าธารเยอะขนาดนี้นี่ มีอะไรหรือเปล่า ไอ้ตัวแสบทำอะไรน้องเหนือมาใช่มั้ย”
“เปล่าครับ เปล่าเลย” ...ยังไม่ได้ทำครับ แต่อีกเดี๋ยวมันใกล้จะทำแล้วล่ะ อยากบอกอย่างนี้ชะมัด
“งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะก่อปัญหาอะไรอีก แค่นี้ก็ก่อเรื่องไม่เว้นวันอยู่แล้ว รายนี้น่ะนะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง มีเรื่องได้ทุกวี่ทุกวัน ทั้งที่การเรียนก็ดี แต่เรื่องเกเรนี่เหลือรับประทานจริงๆ”

“เด็กนั่นน่ะนะครับเรียนดี?” ผมถามอย่างไม่เชื่อหู ก็จะให้เชื่อได้ไง ผมเข้าสอนทีไร มันหลับตลอดศกอย่างนั้น แถมหน้าตาก็ไม่ได้ดูฉลาดอะไรด้วย

พี่สมรก็เลยพิสูจน์ให้ผมเห็นด้วยการเปิดไฟล์ผลการเรียนของธารใจทุกเทอมขึ้นมา แล้วเลื่อนหน้าจอโน้ตบุ๊กให้ผมดู เห็นเลข 4.00 ทุกเทอมแล้วผมก็อ้าปากค้าง
โหย ฉลาดนี่หว่า มึงนอนเพื่อนิมิตความรู้เอาไปสอบแน่ๆ เหมือนกูเดี๊ยะ!

เหมือนหรือไม่เหมือนไม่รู้ แต่ผมเข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่าเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคล ผมเองก็ไม่เข้าเรียนเหมือนกันถ้าวิชานั้นไม่มีเช็คชื่อ อ่านหนังสือเอาเองแล้วเข้าไปสอบก็กวาดเอมาได้ง่ายๆ เช่นเดียวกันถ้าจับจุดถูก

หากแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากเท่าสิ่งที่พี่สมรพูดขึ้นต่อไป
“เจ้าธารเรียนเก่งมาก ได้ที่หนึ่งของแผนกทุกเทอม แต่พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเกเรนัก พี่พยายามเข้าหาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน สนิทน่ะมันก็สนิทอยู่นะ แบบพูดเล่นกันได้ แต่เจ้าธารก็ไม่ยอมเปิดใจเท่าไหร่ ถามเรื่องทางบ้านทีไร ถ้าไม่คุยด้วยก็เดินหนีทุกที พี่เองก็จนปัญญาจะไปยุ่มย่ามเหมือนกัน เคยแต่ได้ยินเพื่อนของพี่ที่เป็นครูโรงเรียนประจำที่เจ้าธารเคยเรียนบอกมาว่าเจ้าธารเริ่มเกเรตั้งแต่ที่คุณแม่เสียไปตอน ม.สาม ก่อนหน้านี้เป็นเด็กเรียบร้อยจะตาย”

โรงเรียนประจำก็คือโรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัดน่ะ ส่วนเรื่องธารเข้าถึงยาก ผมเห็นด้วยจังๆ รู้สึกตลอดว่าเหมือนมีกำแพงบางอย่างมากั้นขวางเวลาที่ผมคุยกับเด็กนั่นอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องแม่เสียชีวิตนั้น ผมรู้มาจากลูกสมุนธารใจแล้วเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ จะมีอยู่เรื่องเดียวนี่แหละที่ยังคาใจอยู่

“เห็นพวกเพื่อนๆ ธารใจบอกว่าตอนที่คุณแม่เสีย ธารใจหยุดเรียนไปปีนึง พี่สมรพอจะรู้มั้ยครับว่าเพราะอะไร”
พี่สมรส่ายหน้าแทบจะไม่ต้องเสียเวลาคิด “เรื่องละเอียดอ่อนแบบนั้น ถามไป เจ้าธารไม่พูดหรอก พี่เองก็ไม่อยากจะไปเซ้าซี้ถามด้วย เพราะพูดถึงแม่ทีไร เจ้าธารก็ของขึ้นทุกที เลยไม่อยากไปแตะเท่าไหร่”

“งั้นเหรอครับ” ผมคราง เข้าใจขึ้นมาอีกนิดว่าทำไมธารถึงสั่งให้เปลี่ยนเรื่องคุยตอนที่ผมถามเรื่องแม่
“แต่เท่าที่พี่รู้ คุณแม่ของธารเสียชีวิตเพราะถูกฆ่านะ”
“ฮะ!?” อันนี้เซอร์ไพรส์ผมอย่างจัง อุทานออกมาซะเสียงดังจนพี่สมรตีแขนผมเรียกสติเบาๆ เมื่อถูกสายตาของอาจารย์คนอื่นในห้องจับจ้อง
“ถูกยิงน่ะน้องเหนือ ถูกยิงค่ะ ไม่ใช่ฆ่าแบบชำแหละอะไรอย่างนั้น ตอนนั้นที่ออกข่าว เหมือนจะเป็นการยิงผิดตัวด้วย พูดง่ายๆ คือโดนลูกหลงน่ะ”

ผมพ่นลมหายใจออกมาเลย เกือบจะเข้าใจผิดไปแล้วว่าโดนฆ่าแบบโหดเหี้ยมอะไรอย่างนี้ แต่เอาจริงๆ โดนยิงนี่ก็ถือว่าโหดร้ายเหมือนกันนะแม้ว่าจะเป็นการโดนลูกหลงก็เถอะ

“น้องเหนือมีอะไรจะถามอีกมั้ยคะ ถ้าไม่มี เดี๋ยวพี่จะได้ขึ้นไปสอน” พี่สมรตัดบท ผมเลยส่ายหน้าให้เป็นพัลวัน ตามด้วยยกมือไหว้
“ไม่มีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากนะครับพี่สมร”

พี่สมรรับไหว้ เตรียมอุปกรณ์การสอนแล้วทำท่าจะออกจากห้องพักครูไป ทว่าไม่ทันจะได้ก้าวออกไปไหน เธอก็เดินกลับเข้ามาหาผม ยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆ พลางกระซิบบอก

“เจ้าธารน่ะเป็นเด็กดีนะจริงๆ แล้ว เป็นเด็กที่น่าสงสารมากด้วย ถึงจะเกเร แต่ก็ไม่ได้ดื้อด้านถึงขนาดจัดการไม่ได้ ถ้าน้องเหนือสามารถทำให้เจ้าธารไว้ใจได้ รับรองเลยว่าเอาเจ้าธารอยู่แน่ ฉะนั้น พี่ฝากให้น้องเหนือดูแลเจ้าธารเป็นกรณีพิเศษด้วยนะ”

อะ...เอ้าป้า! กูแค่มาถามหาข้อมูลเฉยๆ ไหงจู่ๆ ยัดงานช้างให้กูล่ะวะ!?

กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่พี่สมรก็ยกนิ้วชี้ขึ้นไหวไปมาในอากาศ พลางขู่
“ไม่ทำก็ไม่ผ่านฝึกงานนะจ๊ะ”

อีป้ามึง! กูเป็นนักศึกษาฝึกงานนะ ไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์ที่จะได้ให้ไปบำบัดไอ้เด็กมีปัญหาเนี่ย!

แต่ผมเถียงออกมั้ยล่ะ... ไม่ แถมป้านั่นก็เดินออกจากห้องพักครูไปสบายใจเฉิบแล้วด้วยหลังผลักภาระมาให้ผมได้

ทีนี้ผมจะเอาไงต่อล่ะ...

ปล่อยแม่ง ใครจะไปดูแลมันวะ แค่ตัวเองยังจะเอาไม่รอด แถมยังโดนมันขู่ตลอดเวลาอย่างนั้น คงน่าเอ็นดูตายล่ะ!
 



แม้จะคิดว่าปล่อยให้ไอ้เด็กเวรนั่นมันไปดี แล้วผมก็ทำเฉยๆ ตามปกติ เวลาพี่สมรถามว่าได้ดูแลมันมั้ย ผมก็กะจะเนียนๆ ไปว่าดูแลแล้ว แต่มันไม่สนใจผมไรงี้ จะได้ไม่ถูกปรับคะแนนฝึกงานตก ทว่าเอาเข้าจริงแล้ว ผมก็แอบเป็นห่วงเด็กนั่นเหมือนกันนะ ที่ห่วงนี่ไม่ใช่อะไรหรอก อันดับแรกเลยคือห่วงรถตัวเองเพราะมันประกาศไว้เรียบร้อยแล้วว่ารถได้เข้าไปนอนเล่นในอู่บ่อยแน่ และอันดับสองคือห่วงความปลอดภัยของตัวเอง วันดีคืนดีมันเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อไหร่ เอามีดมากระซวกผมจะทำยังไง ยิ่งอยู่ห้องข้างๆ มันด้วยนี่ยิ่งต้องระแวง

จริงๆ เอามีดมาแทงให้ตายทีเดียวเลยยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเอาอีน้องมายด์มาบุกห้องข่มขืนผมล่ะก็ เหย...นี่แหละนรกของจริง
เย็นวันนั้นพอไปเอารถออกจากอู่ได้ ผมก็โทรหาไอ้ยีนส์กับไอ้กั้ง บอกว่าจะขับไปหามัน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ด้วยเลยไม่ต้องไปฝึกงาน พวกมันแปลกใจนิดหน่อยที่ผมจะมาหาแบบกะทันหัน ผมเลยบอกพวกมันไปตามตรงว่าไม่อยากอยู่ห้อง จะไปขอค้างด้วยคืนนึง

ก็ใครมันจะกล้าไปอยู่วะ วันนี้เพิ่งไปขัดใจเด็กช่างนั่นมา อย่าหวังเลยว่าคืนนี้จะได้อยู่ในห้องตัวเองอย่างเป็นสุข
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงก็ขับรถมาถึงกำแพงเพชร ยีนส์กับกั้งอยู่ในตัวเมืองเลยหาหอพักพวกมันไม่ยาก ทันทีที่เจอหน้าผม พวกมันก็แสดงท่าทางเหมือนตายอดตายอยาก สั่งให้ผมขับรถพาไปตระเวนหาของกินซะทั่วเมือง โดยเฉพาะไอ้ยีนส์เนี่ย ไม่รู้ท้องมันมีหลุมดำหรือไง กินร้านนู้นร้านนี้แล้วก็ยังไม่พอ ยังจะชวนไปกินต่ออีก มารู้อีกทีก็ตอนไอ้กั้งกระซิบบอก
‘ยีนส์เป็นเมนส์’…

โอเค กูจะไม่ยุ่ง กูจะเอามึงวางบนหิ้ง ผู้หญิงมีวันนั้นของเดือนคือร่างทรานส์ฟอร์มที่น่ากลัวที่สุดแล้ว โดยเฉพาะไอ้ยีนส์เวลามันทรานส์ฟอร์มเนี่ย หงุดหงิดกับแฟนมันคนเดียวไม่พอ ยังพาลมาหงุดหงิดผมด้วย ยอมเลย ยอม

“ทำไมมึงไม่กินวะ”
เป็นคำถามรอบที่ล้านแปดหลังจากที่มันสั่งให้ผมแวะร้านน้ำแข็งไสเกาหลีบิงซู สั่งอย่างเดียวไม่พอ บังคับให้ผมกับไอ้กั้งช่วยมันกินอีก คอยดูเถอะ อีกเดี๋ยวมันต้องบ่นว่าปวดท้อง ผู้หญิงมีประจำเดือนเค้าให้กินของเย็นๆ แบบนี้ได้ด้วยเหรอวะ
“กินสิวะ นั่งมองหาสวรรค์วิมานอะไร กูกินคนเดียวไม่หมด”
มึงสั่งมา มึงก็รับผิดชอบสิโว้ย!

อยากจะตะโกนใส่หน้ามันแบบนี้ชะมัด แต่พอเห็นสีหน้าหงุดหงิดประหนึ่งป้าแม่บ้านโดนหวยกินหลายงวดติดกันแล้ว ผมก็เลยยอมหุบปากเงียบ มีแต่กั้งเท่านั้นที่ยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำแข็งไสเข้าปากแต่โดยดี ขณะที่มันกินไป มันก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของผมที่มาถึงก็เอาแต่เงียบ ไม่พูดมากเหมือนปกติ จนกั้งเป็นฝ่ายถามขึ้นมา

“ว่าจะทักหลายรอบแล้ว มึงเป็นอะไรไอ้เหนือ ไม่ค่อยร่าเริง มีเรื่องอะไรให้คิดไม่ตกหรือไง”
นี่แหละไอ้กั้ง คนสนิทมีท่าทีผิดแปลกไปนิดหน่อยก็ดูออกหมด
“ก็นิดนึงว่ะ”
“เรื่องฝึกงาน?”
“เออ” ผมตอบรับ มือก็หยิบช้อนเขี่ยน้ำแข็งไสไปมาจนมันละลาย

ยีนส์ละสายตาขึ้นมามองผมตอนนี้นี่เอง ก่อนจะว่าเสียงแหลม
“ถึงว่ามึงถึงได้ถ่อมาหาพวกกูได้ ทำไมวะ โดนเด็กช่างรุมตุ๋ยหรือไง”
“ไม่ใช่” ผมเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเพื่อนบ้านี่พูดไร้สาระ แถมพูดเสียงดังจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง
แต่มันก็ไม่หยุด พูดขึ้นมาอีก
“งั้นมึงก็ไปตุ๋ยเด็ก?”
“ป้ามึงเถอะไอ้ยีนส์ เห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย!”
“ขี้เมา ทุเรศ หื่นกาม มั่วไปเรื่อย” มันตอบมาหน้าตาเฉย ผมเลยรู้หมดเลยว่าพวกเพื่อนเวรนี่คิดกับผมยังไง
“มึงพูดไร้สาระอีก กูจะตบมึงด้วยช้อนเลยไอ้ยีนส์” ผมแยกเขี้ยวขู่

ยีนส์ยักไหล่ไม่ยี่หระ กินน้ำแข็งไสต่อ มีแต่กั้งเท่านั้นที่เข้าประเด็นแบบสาระเน้นๆ
“ตกลงมีเรื่องอะไร มึงถูกเด็กช่างทำอะไรมาหรือเปล่า”
“ก็ไม่เชิงว่ะ”
พูดแค่นี้ หัวคิ้วของกั้งก็ย่นยู่ทันตา “กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้หาอาวุธติดตัวไปด้วย”
“มึงเข้าใจผิดไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ย กูไม่ได้โดนทำร้ายร่างกาย แล้วไอ้เด็กที่วิทยาลัยมันก็ไม่ได้พกอาวุธ มีการตรวจทุกเช้าเย็นอย่างนั้น ไม่ต้องห่วงเลยว่ามันจะเอามีดมาฟันโชะเดียว เจี๊ยวหายอย่างที่ไอ้ยีนส์เคยพูด มีแต่รถนี่แหละที่โดน หมากฝรั่งป้ายบ้าง พ่นสีใส่บ้าง อะไรอย่างนั้น” ผมว่าไปตามความจริง สีหน้าของกั้งเลยดูผ่อนคลายลง

“งั้นก็ค่อยยังชั่ว ว่าแต่มึงไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนเล่นงานเข้าวะ”
“เรื่องมันไม่มีอะไรเลยมึง แค่เด็กคนนึงมันไม่ชอบขี้หน้ากู แล้วกูดันไปอบรมมันเพราะมันไปตีกับชาวบ้าน มันก็เลยขู่กูใหญ่เลยทีนี้ ไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้าจะโดนอะไรบ้าง กูล่ะเพลียเหลือเกิน” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นเท้าหน้าผากไปด้วย บ่งบอกให้รู้ว่าเพลียจริงๆ ไม่ได้เพลียร่างกายนะ เพลียใจ

“มึงก็ไม่ต้องเอารถไปฝึกงานสิ นั่งรถสามล้อ ไม่ก็นั่งรถมอ’ไซค์วินไป”
“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิวะ แต่ไอ้เด็กคนที่กูบอกดันอยู่หอเดียวกับกูด้วยเถอะ หอเดียวไม่ว่า ข้างห้องกันด้วย มึงจะให้กูหนียังไง”
พูดอย่างนี้ กั้งกับยีนส์ก็มองหน้ากันเลย เหมือนจะเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง อันที่จริงผมว่าพวกมันไม่สนใจมากกว่าว่าเรื่องมันเกิดขึ้นจากอะไร พวกมันสนวิธีแก้ปัญหาของผมต่างหาก

“แล้วทีนี้มึงจะเอาไง กูว่าโดนฆ่าหมกห้องแน่”
“ไอ้ยีนส์ ขอร้องเลยนะ ถ้ามึงไม่รู้จะพูดอะไรก็อย่าพูด สำรอกออกมาแต่ละคำนี่คำมงคลทั้งนั้น” ผมแขวะยีนส์บ้างหลังจากทนฟังมันกระแหนะกระแหนอยู่นาน
ไอ้ยีนส์ยักไหล่อีกที ส่วนกั้งในตอนนี้ก็ยกมือขึ้นประสานกันอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเปรยออกมาลอยๆ

“กูว่าเด็กที่มึงมีปัญหาด้วยน่าจะเป็นคนมีปัญหาอยู่แล้ว อย่างพวกปัญหาทางบ้านอะไรแบบนี้ เลยออกอาการต่อต้าน”
ใช่เลย! ฉลาดมากกั้งเพื่อนรัก ไอ้ยีนส์ มึงดูแฟนมึงเป็นตัวอย่างเลย!

“กูก็คิดแบบมึงนั่นแหละ แต่พอไปถามพี่ซุปฯ พี่เค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กนั่นมีปัญหาอะไรทางบ้านมั้ย ทั้งครอบครัวมีมันกับพ่อแค่สองคน แต่ก็ไม่ใช่ว่าพ่อมันจะไม่ใส่ใจนะ ถึงจะไม่มีเวลาให้ลูก แต่ก็ส่งคนมาดูแลตลอด เรื่องโดนเด็กจองล้างจองผลาญว่าแย่แล้วนะ โดนพี่ซุปฯ สั่งให้ดูแลมัน ถ้าไม่ดูแลก็ขู่ว่าจะไม่ให้ผ่านฝึกงานนี่แย่บรมเลยว่ะ” ผมบ่นยาว ขณะที่ยีนส์กับกั้งเองเบิกตาโต
“เออว่ะ แย่จริงด้วย แต่นะ ไอ้เด็กนั่นอย่างกับบ้านรวยเลยว่ะ พ่อมันทำงานอะไรวะ” ยีนส์เป็นคนถาม

“ได้ยินมาว่าพ่อมันเป็น ส.จ.นะ แล้วก็ไม่ใช่แค่บ้านรวยด้วย เรียนก็เก่ง ได้ 4.00 ทุกเทอม แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้เกเรงี้ กูพูดอะไรถามอะไรไป แม่งทำท่าเหมือนอย่างกับจะกินหัวกูตลอด”
ยีนส์กับกั้งแทบไม่ได้ฟังที่ผมพูดเมื่อกี้เลยสักนิด แถมยีนส์ยังหันไปถามกั้งหน้าตาเฉยอีกต่างหาก
“ส.จ.ย่อมาจากอะไรอะกั้ง”

กั้งยกมือขึ้นใช้นิ้วดันกรอบแว่นให้เข้าที่พลางพูด
“อสุจิ”
อสุจิบ้านมึงสิไอ้กั้ง! สมาชิกสภาจังหวัดเว้ย! ใครสอนสังคมมึงตอนมัธยม มึงกลับไปขอเรียนใหม่เดี๋ยวนี้!
“ไอ้กั้ง นี่มึงเล่นมุข?” ผมถามเสียงเครียด กั้งเลยพยักหน้า

“เออ กูเห็นมึงเครียด เลยหยอดไปนิดหน่อย”
ทีหลังมึงจะเล่นมุขแบบนี้ มึงเอากลับไปเล่นที่บ้านเลยไอ้กั้ง!

แม่งเครียดหนักกว่าเดิมอีก แทนที่มาหาเพื่อนจะได้ไอเดียอะไรไว้เอาตัวรอดจากไอ้เด็กธารบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องสักอย่าง เสียเวลาขับรถมาหาพวกมันจริงๆ เปลืองน้ำมันอีกให้ตาย!

“เหนือ กูพูดจริงๆ นะ” จู่ๆ ยีนส์ก็แทรกขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พอผมเงยหน้าไปมอง มันก็พูดต่อ “เด็กนั่นน่ะ จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก กูเคยเรียนวิชาของสังเคราะห์ฯ มาตัวนึง ว่ากันว่าพวกคนที่มีปมอะไรแบบกระทบกระเทือนจิตใจแรงๆ จะมีการต่อต้านคนหรือสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับต้นเหตุของปมที่ตัวเองเกลียด กูว่าถ้ามึงจับจุดได้ว่าเด็กนั่นเกลียดอะไร แล้วมึงใช้วิธีเข้าหาด้วยลักษณะตรงข้ามสิ่งที่เด็กนั่นเกลียด กูว่ามึงเข้าหาเด็กนั่นได้ไม่ยากเลย”

สังเคราะห์ฯ ที่ยีนส์ว่า หมายถึงคณะสังคมสงเคราะห์ที่มหา’ลัยผม แต่การที่มันเรียนวิชาแปลกๆ ต่างคณะก็ไม่น่าแปลกใจเท่ากับการที่คำพูดคำจาของมันมาในเชิงวิชาการ ร้อยวันพันปีเห็นไร้สาระตลอด วันนี้องค์เจ้าแม่ยีนส์ลงเพราะเป็นเมนส์แน่ๆ

“มึงมั่นใจได้ไงวะว่าจะได้ผลถ้ากูทำแบบนั้นน่ะ”
“กูก็ไม่มั่นใจ”
เอ้า!
“แต่ไม่ลองก็ไม่รู้” กั้งเสริมทันทีที่เห็นผมทำหน้าเหวอ “แต่มันก็แล้วแต่มึงจะเลือก เลือกเอาว่าจะปล่อยให้เด็กนั่นแกล้งมึงไปตลอดการฝึกงานแล้วมึงก็หนีอย่างเดียว หรือจะเป็นฝ่ายไล่กวดมันให้มันเลิกแกล้งมึงเอง ถ้ามึงจะเป็นฝ่ายไล่กวด มึงก็ต้องทำให้ได้อย่างที่ยีนส์พูด... เป็นคนที่เด็กนั่นไว้วางใจ”

ฟังแล้ว ผมก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้าเออออไป เข้าใจสิ่งที่พวกมันพูดอยู่แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไง
ก็จะให้ตัดสินใจได้ยังไงล่ะ วันนี้เพิ่งจะโดนพูดแสกหน้ามาเองว่า ‘โคตรคิดถูกเลยที่ไม่ไว้ใจเต็มร้อยตั้งแต่ตอนแรก’ แล้วอย่างนี้คิดเหรอว่าธารมันจะเข้าใกล้ผมอีก

จากนั้นพวกเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะจู่ๆ ไอ้ยีนส์ก็เกิดปวดท้องด้วยกินเยอะเกินลิมิต ลำบากผมต้องขับรถพามันไปหาหมออีก วุ่นวายกันทั้งคืนก็เพราะวันแดงเดือดของมันคนเดียวเลย แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าการมาหาพวกมันก็มีประโยชน์บ้างล่ะนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่4♦P.1♦17/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-02-2016 22:50:38
ชั่งใจ ครั้งที่ 5: พี่เหนือเดลิเวอร์รี[2]

ผมกลับมาที่พิษณุโลกในเช้าวันอาทิตย์ด้วยยีนส์กับกั้งต้องไปฝึกงานในวันอาทิตย์นี้ด้วย เหตุผลก็ไม่มีอะไร พี่ซุปฯ ของพวกมันขอให้ไปช่วยเตรียมเอกสารงานกิจกรรมวิชาการของอาทิตย์หน้าที่จะมาถึง ผมเองก็ไม่อยากรบกวนพวกมันเลยตัดสินใจกลับดีกว่า

ทันทีที่ถึงหอ ตอนแรกก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าถ้าเจอไอ้เด็กธาร ผมจะทำหน้ายังไง แต่พอมาถึงหน้าห้องมันปุ๊บ ก็เห็นว่าหน้าห้องมีแม่กุญแจคล้อง บ่งบอกว่ามันไม่ได้อยู่ ผมเลยโล่งใจไปว่าไม่ต้องเผชิญหน้ากับมันตอนที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายอย่างนี้ ทว่าก็อดอยากรู้ไม่ได้เลยว่ามันหายหัวไปไหน คอยเปิดประตูมาสังเกตการณ์ตลอด แต่ก็ไม่เห็นมันโผล่หัวกลับมาซะทีกระทั่งฟ้ามืด แล้วผมออกไปซื้อผัดไทกลับมาที่ห้อง ถึงได้เห็นว่าแม่กุญแจที่คล้องอยู่ข้างหน้า บัดนี้มันหายไปแล้ว

กลับมาห้องแล้วแหง... เพื่อความชัวร์ ก้มมองใต้ประตูมันด้วย หูก็เอาแนบประตู ฟังว่ามันกำลังทำอะไรอยู่

สภาพเหมือนพวกถ้ำมองไม่มีผิด แต่พอได้ยินเสียงเพลงดังลอยออกมาจากห้อง ผมก็ลุกขึ้นยืนเหมือนเดิม จากความอยากรู้ว่ามันไปไหน ตอนนี้กลายเป็นความหวั่นใจละว่าดึกๆ มันจะปีนระเบียงมาห้องผม แล้วจัดการเอาอีโต้สับโชะตายคาห้อง

เอาไงดีวะไอ้เหนือ ทำอะไรสักอย่างให้มันรู้สึกว่า...เออ ถึงวันก่อน มึงจะโกรธกู แต่กูยังหวังดีและเป็นห๊วงเป็นห่วงมึงอยู่นะ ทั้งที่ใจจริงจะไม่ใช่เลยก็เถอะ ทำเพื่อความอยู่รอดล้วนๆ

คิดอยู่พักนึง สายตาก็เหลือบไปเห็นผัดไทในมือตัวเองที่ซื้อมาสองห่อ
เอาวะ เสียสละให้มันไปห่อนึงแล้วกัน เอาของตัวเองออกมา เหลืออีกห่อที่อยู่ในถุงเอาไปแขวนบนลูกบิดประตู แขวนเสร็จก็เคาะเรียกสองสามที จากนั้นก็กะว่าจะวิ่งเข้าห้อง

แต่... เวรเอ๊ย กูลืมไขประตูห้องรอไว้ก่อน

มือไม้เป็นระวิงเลยทีนี้ โชคดีที่วิ่งเข้าห้องได้ทันก่อนที่มันจะเปิดประตูออกมา ที่รู้ก็เพราะได้ยินเสียงเปิดประตูน่ะ ตามมาด้วยเสียงขุ่นๆ ว่า ‘ใครวะ แล้วนี่ถุงเชี่ยไร’ ผมอยากจะตะโกนตอบกลับไปมากว่า ‘ถุงผัดไทเว้ย ไม่ใช่ถุงเชี่ย!’ แต่ก็ไม่กล้าพอ ยืนฟังมันอยู่ครู่หนึ่งกระทั่งได้ยินเสียงประตูปิด ถึงได้หายใจโล่งอีกครั้ง
ขะ...ขวัญเอ๊ย ขวัญมาไอ้เหนือ ครั้งแรกก็งี้แหละ ตื่นเต้นเป็นธรรมดา พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่



 
พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่จริงๆ พอถึงเวลาที่ผมไปซื้อข้าว ผมก็ซื้อเผื่อธารมาด้วย แล้วก็เอาไปแขวนหน้าห้องมันดังเดิม ทำแบบนี้ได้อยู่สามสี่วัน อาการหวาดผวาที่ต้องเคาะห้องมันก่อนแล้วหนีเข้าห้องตัวเองก็เริ่มหายไปละ แถมไปฝึกงานอย่างสบายใจด้วยถึงแม้รถจะโดนเล่นงานอยู่เนืองๆ ทุกวันก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หนักมากอย่างคราวก่อน ก็แค่โดนปล่อยยาง และล่าสุด...

เอ่อ...โดนถอดล้อ

ไม่หนักพร่อม! พวกมึงไปเอาเครื่องมือจากไหนกันมาถอดล้อรถกูวะ!

เอามาจากแผนกช่างยนต์แน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ปฏิบัติการทำลายกำแพงต่อต้านของเด็กเวรนั่นก็ยังดำเนินต่อไป ผมก็ยังซื้อข้าวไปแขวนหน้าห้องมันทุกเย็นอยู่ดี คิดเอาเองว่ามันน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนเอาไปแขวน แล้วอีกสักพักมันก็คงจะเลิกแกล้งผม

ทว่า... ผิดถนัด! ไม่รู้ไม่พอ แม่งติดกระดาษเขียนตัวหนังสือเบ้อเร่อว่า ‘อย่าเอาอะไรมาแขวนไว้หน้าห้อง ไม่กิน!’
โห ไอ้โหด ความหวังดีของกูนี่ปลิวไปกับสายลมเลย เดาออกทันทีว่าไอ้ที่เสียเงินซื้อๆ ให้มันไปนี่ มันเอาไปทิ้งหมดแน่
ได้! ในเมื่อมึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาไปแขวนก็ได้! เขียนชื่อแปะแม่ง!

เอาใหม่ เขียนชื่อแปะก็ดูจะอาจหาญไป เอาเป็นเขียนโน้ตเล็กๆ น่ารักมุ้งมิ้งก็แล้วกัน

‘กินข้าวหรือยังครับน้องธาร พี่เหนือซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝากนะ เจ้านี้อร่อย กินเยอะๆ นะครับ’

แขวนเสร็จ เคาะประตูแล้วหนีเข้าห้องเหมือนเดิม ตามด้วยธารที่เปิดประตูออกมาให้ได้ยิน ผมที่อยู่ในห้องลุ้นใจเต้นระทึกเลยว่ามันจะมาเคาะห้องผมเรียกออกไปกระทืบมั้ย แต่ไม่ มันแค่ตะโกนมาเท่านั้น

“บอกว่าไม่ต้องเอามาแขวนอีก ไม่เข้าใจหรือไงวะ!”

กูเข้าใจ... เข้าใจดีเลย แล้วมึงคิดว่ากูอยากทำหรือไง ถ้าพี่สมรไม่ขู่ว่าจะไม่ให้กูผ่านฝึกงานเพราะไม่ดูแลมึง กูก็ไม่ทำหรอกเว้ย!

ผ่านมาอีกวัน ผมก็ทำแบบเดิมอีก เพิ่มเติมคือมีโน้ตเล็กๆ ติดไปด้วย ทำแบบนี้มาได้สักอาทิตย์ จากที่ได้ยินเสียงธารตะโกนด่ามาทุกครั้งที่ผมเคาะประตูห้องมันแล้วหนีเข้าห้อง ก็เริ่มจะไม่มีเสียงละ มีแค่เสียงเปิด-ปิดประตูแล้วก็เงียบตลอดคืน เพิ่งสังเกตด้วยว่าพักนี้พวกลูกสมุนไอ้เด็กธารก็ไม่มารวมตัวกินเหล้าส่งเสียงโวยวายด้วย ผมก็เลยได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่

วันนี้ก็เลยตื่นเช้ากว่าปกติ กะว่าจะไปที่วิทยาลัยเร็วสักหน่อยเพราะอาจารย์จะมานิเทศการฝึกงานครั้งแรก
ทว่าพอเปิดประตูห้องออกไปปุ๊บ สายตาผมก็เหลือบเห็นถุงพลาสติกที่แขวนอยู่บนลูกบิดประตูด้านนอก พอเดินออกมาดูก็เห็นว่ามันเป็น...
“ข้าวเหนียวหมูปิ้ง...”

มีข้าวเหนียวอยู่ห่อนึงกับหมูปิ้งสามไม้ มองแล้วก็เอะใจว่ามันมาแขวนอยู่หน้าห้องผมได้ยังไง แถมยังร้อนๆ อีกด้วย ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นโน้ตที่เขียนลงบนกระดาษทิชชูเน่าๆ

‘หัดกินข้าวเช้าบ้าง เดี๋ยวก็ไม่มีแรงไปรับมือเด็กหรอก งี่เง่า!’

โอ้ สำนวนอย่างนี้ ใช่เลย น้องธารใจรูปหล่อแน่นอน แหม ตอบแทนกันอย่างนี้ แสดงว่าเริ่มมีไมตรีแล้วสินะ
แต่ถามว่าผมกินมั้ยละหมูปิ้งมันเนี่ย... ไม่ เกิดมันเอายาเบื่อหนูทาไว้ ผมก็ตายหองกันพอดี จะเอาทิ้งถังขยะก็กลัวว่าเดี๋ยวจะมีหมาไปคุ้ยแล้วกินโดนยาพิษตาย ฉะนั้นจึงเอาไปวิทยาลัยด้วย และให้... น้องมายด์

กินเลยจ้า กินเลย มึงตายไปจะได้เลิกเต๊าะกูซะที ขณะที่อีน้องมายด์รับข้าวเหนียวหมูปิ้งไปด้วยสีหน้าระรื่น
“อ้ายเหนือใจ๋ดีแต้ดีว่า ฮักเมาข้าเจ้าแล้วอะเนอะ (พี่เหนือใจดี๊ใจดี ตกหลุมรักหนูแล้วล่ะซี่)” ตามด้วยการยัดข้าวเหนียวเข้าปากอย่างเมามันส์

บอกเลยกูไม่ได้ตกหลุมรักมึงหรอก มีแต่มึงนี่แหละที่ลงหลุมถ้ามียาเบื่อน่ะ
เดชะบุญ อีน้องมายด์ดวงแข็ง ฟาดเรียบแต่ไม่ตาย แถมยังมาเต๊าะผมหนักกว่าเดิมด้วยเพราะคิดว่าผมเอ็นดูมัน

โอย กรรมของกูแท้ๆ
 



เย็นนี้เลยอ่อนล้าผิดปกติด้วยต้องรับมือน้องมายด์ตลอดทั้งวัน เหนื่อยถึงขนาดลืมซื้อข้าวเย็นทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะแวะก่อนกลับ แต่ก็ช่างเถอะ ลืมแล้วก็ลืมไป เข้านอนเลยแล้วกัน เหนื่อยเกินจะทนละ
หากแต่หลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้น ก่อนจะดังถี่รัวเมื่อผมไม่ลุกไปเปิดสักที

“ใครวะ!” ด้วยความหงุดหงิดที่โดนรบกวนเวลานอนเลยแผดเสียงออกไปขณะที่ขาก็เดินไปเปิดประตูห้องด้วย
พอเปิดออกมา เห็นว่าเป็นธารที่ใบหน้ายังมีรอยช้ำและใส่ชุดลำลอง จากที่งัวเงียๆ อยู่ ผมก็ตาสว่างทันควัน

ปัง!

ปิดประตูใส่หน้าแม่ง

คุณพระคุณเจ้า! มันมาเคาะห้องเรียกกูทำไมวะ! ไปทำอะไรไม่ถูกใจมันอีกหรือเปล่าเนี่ย!

เพราะปิดประตูใส่ มันก็เลยเคาะรัวหนักกว่าเดิม
“เปิดสิโว้ย! จะปิดใส่หน้าทำไมวะ!”
แล้วมึงพูดอย่างนี้ ใครมันจะไปอยากเปิดให้วะ! เปิดไปกูจะโดนมึงต่อยมั้ย ตอบ!
แต่ก็เปิดอยู่ดีนั่นแหละ ตามด้วยยิ้มแห้งๆ ใส่ด้วย
“วะ...ว่าไงครับน้องธาร มีธุระอะไรกับพี่เหนือเหรอ”

ธารไม่ตอบ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดเรื่องอื่นเฉย “อย่าบอกนะว่านอนทั้งชุดนักศึกษาแบบนี้?”
เออสิ มึงคิดว่าโดนเพื่อนมึงเต๊าะจนหมดแรงอย่างนั้น กูจะมีเรี่ยวแรงที่ไหนไปอาบน้ำอีก
“เดี๋ยวพี่เหนือค่อยอาบน่ะครับ งีบเฉยๆ” ตอบได้สุภาพมาก ขัดกับความในใจสุดๆ

ทว่าธารก็ไม่สนใจ กอดอกเอียงคอมองผมอย่างหาเรื่อง
“แล้วข้าวเย็นล่ะ”
“ฮึ?”
“ข้าวเย็น ถามว่าข้าวเย็นอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นเอามาแขวนหน้าห้อง”
เอ้า กูกลายเป็นคนส่งข้าวให้มึงตั้งแต่เมื่อไหร่! หน้ากูมีตัวหนังสือแปะไว้หรือไงว่า ‘พี่เหนือเดลิเวอร์รี รับส่งข้าวให้น้องธารทั่วราชอาณาจักร’!

กลายเป็นว่าการที่ผมทำอย่างนั้น ทำให้เด็กเวรนี่เคยตัวไปซะแล้ว พอไม่เอาของกินไปแขวนหน้าห้อง มันก็เลยมาทวงแบบนี้ เสียวสันหลังขึ้นมาเลยเมื่อตระหนักขึ้นมาได้ว่าลืมซื้อข้าวเย็นมา

“พี่เหนือลืมครับ” ยอมรับสารภาพไปตามตรงแล้วกัน ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
ธารชักสีหน้ารำคาญใส่ผมเล็กน้อย ปากก็บ่นไปด้วย
“หิวจนท้องกิ่วแล้วเนี่ย”
แล้วมึงมาบอกกูทำซากอะไร บอกกูแล้วมึงจะหายหิวมั้ย!

“อยากกินข้าวต้มกุ๊ย”
ยัง...ยังบอกกูอีก อยากกินก็ไปกินสิเว้ย!

“ข้าวต้มกุ๊ยกินคนเดียวไม่อร่อย”
“แล้ว?” ผมพยายามปั้นหน้าเป็นมิตรใส่มันสุดฤทธิ์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าเหวอเมื่อจู่ๆ มือใหญ่ก็พุ่งเข้ามาคว้าข้อมือผมก่อนจะกระชากผมที่ยืนหลบอยู่หลังประตูออกไปนอกห้อง

“ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย อยากกินหลายอย่างแต่สั่งมาแล้วเดี๋ยวกินไม่หมด”
“ฮะ?”
ฮะเฉยๆ ไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อเลยก็โดนลากไปตามระเบียงทางเดินแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ขณะที่ธารขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ออโต้ แล้วร้องเรียกให้ผมขึ้นซ้อน

“ขึ้นมาเร็วๆ หิว!”
เดี๋ยว... กูยังงงอยู่
งง... แต่แม่งปีนขึ้นรถไปซ้อนท้ายมันเรียบร้อย ก่อนจะ...
“อ๊าก! นะ...น้องธาร...ขะ...ขี่ช้าๆ หน่อย!”
“หุบปากน่า! อย่ามากวนคนหิว!”

หิวจริงหิวจัง หิวแบบไม่ได้พูดเล่น บิดมอเตอร์ไซค์พุ่งทะยานไปด้วยความเร็วแสง โชคดีที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยที่มันพาไปอยู่ไม่ไกลนัก แค่ลานขายของกินด้านหลังศูนย์การค้าที่ผมเช่าหอพักอยู่ ผมเลยไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงบนเส้นด้ายนาน
มาถึง ธารก็ไม่พูดกับผมสักแอะ สั่งอาหารมาสามสี่อย่างแล้วจัดการลงมือกินชนิดตายอดตายอยาก

ผมมองมันกินแล้วรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเทศกาลชิงเปรต
ถ้ามึงจะหิวขนาดนี้ มึงก็ไม่ต้องรอกูหรอกเว้ย!

ได้แค่คิดเช่นเดิม ก่อนผมจะลงมือกินบ้างเมื่อเด็กนั่นส่งสายตาขวางๆ มาเป็นเชิงสั่งว่า ‘ยัดเข้าปากซะที!’
กินข้าวทั้งน้ำตาเป็นยังไงก็ตอนนี้ กลัวมันเอาตะเกียบจิ้มตามากเลยกินไปได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนไอ้ที่ธารบอกว่าอยากกินหลายอย่าง สั่งมาแล้วกลัวจะกินคนเดียวไม่หมด เอาเข้าจริง เห็นมีแต่มันนี่แหละที่กินเรียบ

บอกเลยว่ากูได้กินแค่วิญญาณปลาเค็มในผัดผักบุ้งกับข้าวเนี่ย!

พอมันอิ่ม ผมก็รีบคว้ากระเป๋าตังค์มาเตรียมจ่ายให้มัน แต่ไม่ทัน มันเดินไปจ่ายก่อนแล้วเดินดุ่มๆ กลับไปที่รถโดยไม่สนใจผมสักนิด ทันทีที่ผมเดินตามมาถึง มันก็ถามเสียงเรียบอีก

“ขี่ให้หน่อย อิ่มจะอ้วก ขี่ไม่ไหว”
อะไรของมึงเนี่ย!

“พี่เหนือขี่มอ’ไซค์ไม่เป็นครับ” ผมว่าออกไปตามความจริง หัวคิ้วเด็กนั่นยู่ทันตา
“ขับรถยนต์เป็นแต่ขี่มอ’ไซค์ไม่เป็นเนี่ยนะ ตลกมากไปละ’จารย์” มันว่าเสียงขุ่น

ก็จะให้กูทำยังไง ขี่ไม่เป็นก็คือขี่ไม่เป็นเว้ย!
“แบบว่า...พี่เหนือหัดขับรถยนต์เลยน่ะครับเลยขี่มอ’ไซค์ไม่เป็น”
พอพูดไปอย่างนี้ ธารก็พ่นลมหายใจใส่ผมเต็มแรง

“ขี่จักรยานเป็นมั้ย” ถามแบบจับจุดไม่ได้อีกด้วยว่ามันจะพูดอะไร
“ขี่ได้ครับ”
“งั้นก็ขึ้นมา” แค่นั้นแหละ มันก็ลุกจากมอเตอร์ไซค์ ให้ผมขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับแทนมันเลย
“พะ...พี่เหนือบอกแล้วไงว่าขี่ไม่เป็น” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นประกอบการปฏิเสธ ก่อนจะถูกผลักเบาๆ
“ขี่ไม่เป็นก็เดี๋ยวจะสอนเนี่ย ขึ้นไปนั่งคร่อมเร็ว!”
ถามดีๆ ก็ไม่ต้องเสียงดังใส่ก็ได้!

แล้วขึ้นมั้ย...ขึ้น! ไม่ขึ้นก็โดนมันประทุษร้ายร่างกายอีก แม่ง เห็นกูเป็นน้องมายด์หรือไงวะ รุนแรงกับกูจังเนี่ย!
ทว่าพอผมขึ้นมานั่งคร่อมเท่านั้น ธารก็ตามขึ้นมาซ้อนหลัง ซ้ำยังออกแรงให้รถตั้งตรง เตะขาตั้งขึ้นแล้วถือวิสาสะจับมือทั้งสองข้างของผมวางบนแฮนด์

“สตาร์ทรถตรงนี้ เวลาสตาร์ทก็กำเบรกไว้ด้วย รถออโต้มันจะสตาร์ทไม่ได้ถ้าไม่กำเบรก พอเครื่องติดแล้วก็บิดออกไป ขี่ไม่ยาก ไม่เหมือนพวกมีเกียร์” ตามมาด้วยสอนอีกยืดยาว

แต่บอกตรงๆ ว่าไม่ได้เข้าหูผมเลย รู้สึกอย่างเดียวว่าลมหายใจอุ่นๆ ของเด็กนั่นที่ปะทะเข้ามาบนต้นคอ แผงอกแกร่งที่แนบหลังผมชนิดสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจ ร้ายกว่านั้นคือเด็กนั่นจับมือผมข้างขวาแล้วบังคับให้บิดมอเตอร์ไซค์ออกไปด้วย
อ่า...ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ใช่แค่นั้น เป้าก็ไหลลงมาติดอีกต่างหาก หูย... เหนือฟิน

รถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ บนถนนในเวลานี้รถน้อยแล้ว มือใหม่อย่างผมเลยขี่ง่ายไร้ปัญหา แต่การได้หัดขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรกก็ไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นเท่ากับการได้สัมผัสตัวของธารแนบชิดอย่างนี้เลย ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะแล้ว เต้นหนักกว่าเดิมอีกตอนที่ได้ยินเสียงธารดังขึ้นข้างๆ หูผม

“สอนขี่นี่ตอบแทนเรื่องข้าวนะ’จารย์ เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกัน”
จะ...จ้า เอาเลยจ้า ตอบแทนแบบนี้อีกบ่อยๆ นะ พี่เหนือชอบ

ครั้งหน้าเอาข้าวไปแขวนหน้าห้อง สงสัยต้องเอาถุงยางใส่ไปในถุงด้วยแล้ว

เผื่อได้เผื่อโดน...
-------------------------------------------
พี่เหนือนี่ เล็กๆ น้อยๆ ก็เอาหมดเลยนะ 555
น้องธารตอนนี้น่ารักมุ้งมิ้งมาก พี่เหนือก็ง้อน้องได้น่ารักมากๆ เช่นกัน เอาข้าวไปแขวนทุกวันนี่ น้องธารไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วเนอะ นี่แหละวิธีการเต๊าะของพี่เหนือ อันนี้เต๊าะแบบไม่ได้ตั้งใจนะ ถ้าตั้งใจเมื่อไหร่ล่ะก็ หืม... อ่อยหนักมาก กร๊ากกก
ปล.อ่านแล้วทิ้งฟีดแบ็กให้กันบ้างนะคะ ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะอัพดึก ไม่ใช่ช่วงเวลาฮ็อตฮิต เลยรู้สึกว่าคนอ่านน้อยจัง ใครอ่านอยู่ แวะมาทักทายกันได้นะคะ เก๊าเหงา ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-02-2016 23:27:16
มาต่อแล้ว ฟินเป็นพักๆ นะคะคุณพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-02-2016 00:18:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-02-2016 00:25:39
พี่เหนือ สู้ๆๆๆ อ่อยเลยๆ 55. แต่จะได้ไรกลับมาไม่ระประกันนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Fahkram ที่ 19-02-2016 00:55:45
โอ้ยจะตลกกันไปไหน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kjkjji ที่ 19-02-2016 05:20:35
พี่เหนือมาเหนือมาก 5555555
น้องธารก็ใจอ่อนกว่าที่คิด โถ เอ็นดู
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 19-02-2016 11:45:07
นี่ขนาดเต๊าะไม่ได้ตั้งใจนะเนี่ยยย น้องธารยังใจอ่อนเลย

ถ้าตั้งใจเต๊าะล่ะก็...  :hao6:

เมื่อไหร่พี่เหนือจะตั้งใจเต๊าะอ่ะ อยากเห็นพี่เหนืออ่อยเต็มๆ อ่อยแค่ในความคิดน้องธารจะรู้ได้ไง มันไม่ได้ไม่โดนหรอกพี่เหนือ  :laugh: :laugh: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-02-2016 13:44:01
โธ่ พี่เหนือ ถ้าเอาถุงยางไปแขวนจริงนี่อาจถึงแก่ชีวิตแทนหรือเปล่าค่ะ
เพราะตอนนี้น้องธารยังไม่หวั่นไหวกับพี่เหนือเท่าไหร่เลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: rutchi ที่ 19-02-2016 14:56:03
อยากอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-02-2016 19:27:05
เริ่มฟิน
เริ่มน่ารัก
มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 19-02-2016 20:57:21
 :z3: :z3: โอยพี่เหนือออออออ เต๊าะเด็ก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: rasblurry ที่ 19-02-2016 21:37:09
โงยยย นิดๆหน่อยๆก็เอาหมดนะพี่เหนือ ความคิดกับคำพูดพี่เหนือนี่ต่างกันมากค่ะ 5555555 นั่งอ่านที่นางคิดแต่ละอย่างแล้วขำมาก เค้าว่าเกรียนสุดก็อ้ายเหนือนี่แหละนา 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-02-2016 22:36:38
สนุกดี นายเอกแบบนี้ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่
แรดหลบใน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 19-02-2016 22:37:56
อ่านมาตั้งแต่เรื่องลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน

ขอบอกว่าพี่เหนือสายหื่น แต่ก็ชอบน้า

ดูจากนิสัยธารนะ  ถ้าตกหลุมพี่เหนือแล้วคงจะไม่บอกชอบตรงๆอ่ะ

นางแข็งกระด้างเกินไป 555  o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: pukkard ที่ 20-02-2016 01:13:52
เราชอบนะเนื้อเรื่องน่าสนใจ
ปล.เราว่าจะอ่านสบายตากว่านี้ถ้าเคาะเว้นบรรทัดดีๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-02-2016 12:10:10
555 เหนือตลกอ่ะ
ส่วนไอ้น้องธารเมื่อไรจะเลิกโหดเนี่ย!!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-02-2016 17:41:23
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 20-02-2016 19:47:58
มาต่อได้แล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-02-2016 21:45:32
 
ชั่งใจ ครั้งที่ 6: ออโรร่าแกรนด์โอเพนนิ่ง[1]

จากการหัดขับมอเตอร์ไซค์แบบไม่ได้ตั้งใจครั้งแรก และการฟินกับเป้าน้องธารที่แปะแหมะลงมาตรงบั้นท้ายผมพอดี ถามว่าคืนนั้นเป็นยังไง...

ยังจะถามอีก! เทกระจาดไม่เป็นท่าน่ะสิ ไม่อยากจะพูดว่าผมโดนไอ้เด็กเวรนั่นบ่นเรื่องทำมันรถคว่ำ แถมทำกระจกมองข้างรถมันหักไม่เลิก ดีนะที่ทั้งผมทั้งมันไม่เป็นอะไร ไม่งั้นล่ะก็ มันคงจะไม่บ่นผมอย่างเดียวแน่

ส่วนผมล่ะตอบโต้มันมั้ย... พูดได้อยู่ประโยคเดียว ‘พี่เหนือขอโทษครับๆ’ นี่ถ้ากราบมันเป็นเบญจางคประดิษฐ์ได้ คงจะก้มลงไปกราบแล้ว!

หึย...ทีมึงแกล้งรถกูทุกวัน กูยังไม่พูด ทำกระจกมองข้างรถมึงหักหน่อยเดียว บ่นอย่างกับกูทำพังทั้งคัน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน!

อันที่จริงไม่ควรจะถามหา มันไม่มีตั้งแต่ที่ผมรู้จักกับไอ้เด็กบ้านี่แล้ว ยิ่งพอมาวันใหม่ ความอยุติธรรมก็ยิ่งตอกย้ำผมมากขึ้น เห็นชัดเจนเลยก็ตอนที่เจอหน้าไอ้ธารที่วิทยาลัย แล้วมันเดินมาบอกว่า...

“เย็นนี้เอาสุกี้แห้งหมูนะ’จารย์ ไปซื้อร้านหัวมุมตรงร้านน้ำปั่น ร้านอื่นไม่เอา ไม่อร่อย”
ป้ามึง! กูเป็นอาจารย์นะ เปลี่ยนสถานะจากอาจารย์ไปเป็นเบ๊มึงตั้งแต่เมื่อไหร่!

แล้วซื้อมั้ย? ...ซื้อ

ออกจากวิทยาลัยได้ปุ๊บ ก็รีบบึ่งไปซื้อให้มันเลย ตอนเดินกลับหอนี่ก็มองถุงสุกี้แห้งในมือแล้วถามตัวเองในใจอย่างงุนงง
นะ...นี่กูทำอะไรอยู่!

ยีผมตัวเองแรงๆ จะไปยอมมันทำไมหนักหนาวะ!
จะว่ามันหล่อ น่ารัก แลดูกรุบกรอบก็ไม่เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลเท่าไหร่ถ้าเทียบกับสิ่งที่มันทำกับผมแล้ว เอาจริงๆ นะ ถ้ามันเป็นเด็กนิสัยน่าเอ็นดูสักหน่อย ผมคงจะจับตัวเองมัดโบว์แล้วถวายให้มันเลย แต่นี่...โอ้โห นิสัยนรกมาก พูดจาแต่ละทีก็สำรอกคำดีๆ ออกมาทั้งนั้น หาความเคารพในตัวคนอาวุโสกว่าไม่เจอ แล้วยังมีหน้ามาใช้ให้ทำโน่นทำนี่ให้มันอีก

เอาเถอะ ผมผิดเองแหละที่ไปเริ่มส่งข้าวส่งน้ำให้มันอย่างนั้น ทนๆ ไปแล้วกัน อีกเดือนกว่าๆ ก็ฝึกเสร็จละ

ผมเอาของกินที่มันสั่งไปแขวนหน้าห้องมัน เคาะประตูเรียกอย่างเคย ร้องบอกมันด้วย เดี๋ยวมันไม่ได้ยิน หิวท้องกิ่วแล้วมาโวยวายหน้าห้องผมอีก
“พี่เหนือเอาสุกี้มาส่งแล้วนะครับน้องธาร”
“เออ แขวนไว้นั่นแหละ เดี๋ยวออกไปเอา”
แม่ง พี่เหนือเดลิเวอร์รี ค่าอาหารที่สั่งก็ไม่ได้ ค่าบริการส่งก็ไม่มี ทิปไม่ต้องพูดถึง แค่จะโผล่หน้าออกมาขอบคุณสักคำก็ยังไม่มีเหมือนกัน

ผมยืนมองประตูห้องธารอยู่ครู่หนึ่ง พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงแล้วกลับเข้าไปในห้องตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ก็ทิ้งตัวนอนอย่างเหนื่อยล้า

วันนี้การเรียนการสอนเด็กช่างในแผนกช่างไฟปีสามก็ยังเป็นไปด้วยความหนักหน่วงเช่นเคย ช่วงนี้ได้ไปสอนแทนอาจารย์คนอื่นที่แผนกอื่นและชั้นปีอื่นด้วย บอกเลยว่านรกยิ่งกว่าแผนกของธารซะอีก พวกนั้นก็พอกัน เอะอะก็ด่าพ่อล่อแม่ ท้าต่อยกันข้ามหัวอาจารย์หน้าตาเฉย

เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมกับไอ้พวกนี้ไปซะทีนะ...

คิดไปคิดมาก็ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงเคาะประตูห้องรัวจนสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมานั่งได้ก็เหลือบไปมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ เห็นตัวเลขบอกเวลาห้าทุ่ม ผมก็ย่นคิ้ว

ปังๆๆๆ!

เคาะรัวแบบนี้นี่ ต้องเป็นไอ้เด็กธารใจแน่ๆ เป็นคนอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากมันเนี่ย
ผมทิ้งขาลงจากเตียง รอให้ความงัวเงียหลุดออกไปจากร่างกายครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนคนที่รออยู่หลังประตูจะรอไม่ได้ เห็นผมไม่มาเปิดซะที ก็เคาะรัวยิ่งกว่าเดิมจนผมต้องส่งเสียงดังกลับไป

“รู้แล้วโว้ย! ...ครับ” เกือบเปลี่ยนหางเสียงไม่ทัน
ตามมาด้วยเสียงของธารที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน
“เปิดเร็วๆ ยุงเยอะ!”
อยากจะปล่อยให้แม่งโดนกัดจนเป็นไข้เลือดออกตายไปเลย!
“ครับๆ ไปแล้วๆ” แต่สุดท้ายผมก็พูดแค่เนี้ย! โอ๊ย เกลียดตัวเอง!
“เร็วๆ!” มันเร่งมาอีกแล้ว

ผมบุ้ยปากขมุบขมิบใส่มันหลังประตูเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดแล้วเปิดออก ทว่าพอประตูเปิดปุ๊บ และเห็นเต็มสองตาว่าธารที่ยืนอยู่ข้างนอกสวมกางเกงขาสั้นผ้าร่มตัวเดียวที่สั้นอย่างกับกางเกงบ็อกเซอร์ และช่วงบนเปลือยโชว์กล้ามหน้าท้องกับผิวขาวผ่อง บนไหล่มีผ้าเช็ดตัวสีน้ำตาลเข้มพาดอยู่ ผมก็เบิกตาโตแล้วปิดประตูดังปัง กลับมาตั้งสติทันใด

 มะ...เมื่อกี้ของจริงหรือภาพลวงตาวะ หัวนมชมพูกระแทกตามาก

หากแต่พอเปิดประตูออกไปมองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และยังเห็นเด็กนั่นยืนเปลือยอกตามเดิม ผมก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาว่าคนตรงหน้าคือของจริง ชมพูจริง และไม่ใช่ภาพลวงตา

“ถ้าปิดประตูใส่หน้าอีก จะต่อยให้หน้าแหกเลย’จารย์” เด็กนั่นว่าเสียงแข็งอย่างรำคาญตามมาทันที ตอกย้ำให้ผมมั่นใจขึ้นไปอีก
คำพูดคำจาอย่างนี้ ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน อยากพิสูจน์ด้วยการจับหัวนมจัง คนอะไร หัวนมชมพู้ชมพู

บอกเลยว่าละสายตาจากตรงนั้นไม่ได้เลย มองจนเกือบจะลืมมองหน้า นี่ถ้าไม่เกรงใจ จะมองต่ำลงไปด้วย หูย...กระเป๋าหน้าตุ๊งตุง

ดะ...เดี๋ยวนะไอ้เหนือ เก็บความหื่นกามลงไปก่อน ประเด็นก็คือ ไอ้เด็กนี่มันโผล่มายืนเกือบจะแก้ผ้าอยู่ที่หน้าห้องผมทำไมต่างหาก

“มีอะไรเหรอครับน้องธารถึงได้มาเคาะห้องพี่เหนือดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”
หืม เก็บอารมณ์หื่นกามชั่ววูบเมื่อครู่ได้ดีมาก ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกและสุภาพสุดๆ
แต่เก็บได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ธารก็ทำให้ผมแทบจะวิ่งพุ่งไปฉุดมันเข้ามาในห้องภายในเสี้ยววินาที
“น้ำที่ห้องไม่ไหล จะมาขออาบน้ำที่ห้องหน่อย”

โอ้! งั้นจะรออะไรล่ะครับน้องธาร เข้ามาเลย! เข้ามาเดี๋ยวนี้!

เอ๊ะ ไม่สิ สติๆ ต้องถามมันก่อนว่าห้องน้ำเป็นอะไร น้ำถึงไม่ไหล

“ห้องน้ำน้องธารเป็น...”
“ถอย”
ถามยังไม่ทันจะจบประโยคเลย มันก็เดินเข้ามาในห้องผมหน้าตาเฉยแล้ว

เหวอกินคืออะไร ดูหน้าผมได้ในตอนนี้ ได้สติอีกทีก็ตอนมันทักขึ้นเนี่ยแหละ

“แล้วจะเปิดประตูค้างไว้ทำไม เดี๋ยวยุงก็เข้าหรอก”
“คะ...ครับๆ”
เอ... นี่ห้องกูหรือห้องมันวะ?

แต่อย่าไปเสียเวลาถามมันเลย แค่มันเดินเข้ามาในห้องผมได้ มันก็ตรงไปหน้าห้องน้ำ ปากก็ถามไปเรื่อยทั้งที่ผมซึ่งเป็นเจ้าของห้องยังยืนอยู่บริเวณประตู
“ในห้องน้ำมีสบู่กับแชมพูครบใช่มั้ย ถ้าไม่มีจะได้กลับไปเอา”
“มี...มีครับ น้องธารใช้ตามสบายเลยนะ” แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะไปยอมมันทำซากอะไรอีก

แต่ครู่เดียวก็ต้องเข้าใจว่ายอมมันทำไมทันทีที่จู่ๆ มันก็ทำผ้าเช็ดตัวที่พาดบ่าอยู่ตกพื้น แล้วก้มลงไปเก็บ กางเกงขาสั้นที่สั้นอยู่แล้วก็ยิ่งถลกสูงขึ้นไปอีก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ขาวทั้งตัวละ ตะ...ต้นขาก็ข๊าวขาว

ยะ...ยอมเลย ยอมตั้งแต่หน้าประตู

มือไม้อ่อนระทวย ความกระชุ่มกระชวยของชายแก่ประเดประดังเข้ามา น้ำลงน้ำลายนี่ไม่ต้องถาม ท่วมห้องจนเขื่อนก็เอาไม่อยู่แล้ว
“ขอรบกวนสักสิบนาที จะรีบอาบ” ธารหันมามองผมกะทันหัน ทำเอาผมรีบเก็บสีหน้าหื่นกามแทบไม่ทัน
“ตะ...ตามสบายเลยครับ มะ...ไม่ต้องรีบนะ”
ธารแค่พยักหน้าให้ แล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำ

ส่วนผม... บอกเลยว่าเวลาสิบนาทีที่มันใช้อาบน้ำแล้วผมต้องนั่งรอมันอยู่ข้างนอกโดยที่ในหัวมีแต่หัวนมชมพูกับต้นขาเด็กหนุ่มแวบไปแวบมาในหัว ทำเอาผมนั่งไม่ติดกับที่ เดินวนไปวนมาในห้องอย่างกับหนูติดจั่น

คือปกติก็เคยยมีคู่นอนเป็นคนอายุน้อยกว่านะ แต่ไม่เคยรู้สึกกระชุ่มกระชวย ตื่นเต้นกระสับกระส่ายเท่านี้ ทั้งที่กับธารใจ มันเข้ามาห้องผมก็ไม่ได้มีจุดประสงค์เรื่องอย่างว่าสักหน่อย แค่มาขอยืมห้องน้ำใช้ แต่บอกเลยว่า... ถ้าได้ก็ดี

สิบนาทีแห่งความทรมานสิ้นสุดลงเมื่อธารออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับหยาดน้ำพร่างพรายบนร่างกายเป็นแห่งๆ ผมหยุดยืนนิ่งหลังจากจัดเตียง จัดโน่นจัดนี่ในห้องสงบสติอารมณ์ หันไปมองเมื่ออีกฝ่ายทักมา
“ขอบคุณ”
แค่นั้น... แต่ถือเป็นคำขอบคุณแรกที่ได้ยินจากปากของธารใจ
“ไม่เป็นไรครับ” ผมก็ยิ้มหวานตอบให้

แล้วไงรู้มั้ย...ไอ้เด็กธารไม่โต้ตอบอะไรมาสักนิด เดินผ่านหน้าผมแล้วออกจากห้องไปเฉย ทิ้งให้ผมมองตามอย่างงงๆ

อะ...อ้าว แค่เนี้ย!? แล้วเผื่อได้เผื่อโดนของกูล่ะ?

ความจริงไม่ควรหวัง แต่หวังไปไกลเรียบร้อย
แม่งเอ๊ย แล้วเมื่อกี้กูจะจัดเตียงทำหอกอะไร!

ผมทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีที่ธารออกไป ซุกหน้าลงกับหมอนแล้วส่งเสียงร้องโวยวายอย่างขัดใจระคนละอายใจที่คิดกับเด็กบ้านั่นเกินกว่าอาจารย์กับนักศึกษา ถึงจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบก็เถอะ แต่ก็นะ ตั้งแต่มาฝึกงานก็อดอยากปากแห้งมาเป็นอาทิตย์แล้วนี่หว่า ภาพใบหน้าคู่ขาเก่าๆ ที่พอจะจำหน้าค่าตาได้นี่ลอยมาเป็นฉากๆ เลย

ทว่าขัดใจได้ครู่เดียว ผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นจากหมอนเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีก พอไปเปิดก็เห็นเป็นธารที่อยู่ในสภาพเดิม ใบหน้าก็ทมึงถึงเหมือนเดิม แต่รอบนี้ดูจะบอกบุญไม่รับกว่าเดิมสักร้อยเท่า ก่อนที่ริมฝีปากคู่สวยจะขยับขึ้นโดยที่ผมไม่ต้องถาม

“เข้าห้องไม่ได้”
“หือ?” ผมเลิกคิ้วใส่ ก่อนที่ธารจะอธิบายออกมาอีก
“เมื่อกี้ตอนออกจากห้องมาอาบน้ำ ล็อคห้องไปแล้วลืมเอากุญแจออกมา”

ด่าว่าโง่ได้มั้ย อยากด่าเหลือเกิน มึงบอกกู แล้วกูจะไปช่วยมึงแงะประตูห้องได้หรือไง ประตูมันเป็นแบบเปิดเข้า ถ้าไม่มีกุญแจสำรองก็ต้องงัดลูกบิดออกอย่างเดียวเว้ย!

แน่นอนว่าห้องผมไม่มีเครื่องมือสำหรับงัดลูกบิดแน่ ผมเลยเสนอทางเลือกอื่นให้มันไป
“แล้วคนดูแลหอ...”
“ถ้าจะให้ไปขอกุญแจสำรองจากคนดูแลหอ ไม่มี หอนี่เลิกจ้างคนดูแลมาพักนึงแล้ว มีแต่เจ้าของที่เข้ามาดูเป็นพักๆ” ตอบออกมาทั้งที่ผมยังถามไม่ทันจะจบอีกด้วย
จริงๆ ก็ไม่น่าถามแหละ มันกินเหล้าดังข้ามห้องขนาดนี้ ก็ไม่น่าถามถึงคนดูแลหอแล้ว
“งั้นจะขอมาปีนข้ามระเบียงที่ห้องพี่เหนือใช่มั้ย งั้นเข้ามาสิ” พอผมพูดอย่างนั้น ธารก็ชักสีหน้าใส่เลย
“ปีนอย่างนั้น ถ้าตกไปตายขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ เป็นอาจารย์ซะเปล่า โง่จริง”

แล้วที่มึงออกมาขออาบน้ำห้องคนอื่น แต่ล็อคประตูแล้วดันไม่เอากุญแจออกมานี่ไม่เรียกว่าโง่กว่าเหรอวะ!

กำมือแน่นมาก มุมปากที่ยกยิ้มนี่กระตุกยิกๆ เลย

“แล้วน้องธารจะให้พี่เหนือทำไงครับ”
“ช่วยไม่ได้ ขอนอนค้างด้วยคืนนึงแล้วกัน” ธารว่าอย่างเบื่อหน่าย
แต่เดี๋ยวนะ... ไอ้คำว่า ‘ช่วยไม่ได้’ นี่ ต้องเป็นกูที่พูดเว้ย ไม่ใช่มึงพูด!

ไม่ทันจะได้ตอบรับหรืออะไร ธารก็เข้ามาในห้องเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนถือวิสาสะไปทรุดตัวนั่งยังปลายเตียงในสภาพที่ผมมองแล้วก็...แง่ม เมื่อกี้ที่หงุดหงิดก็ช่างมันเถอะนะ เผื่อได้เผื่อโดนของเหนือกลับมาอีกแล้ว
ลั้นลาขึ้นมาทันที ขณะที่สายตาก็มองไปยังธารซึ่งคว้าโทรศัพท์ผมบนหัวเตียงขึ้นมา

“ขอรหัสปลดล็อคหน่อยสิ’จารย์ จะโทรบอกไอ้ไม้ให้มันเอาชุดนักศึกษามาให้ยืม”

ผมบอกรหัสไป ธารก็โทรหาน้องมายด์ไปตามที่บอกกับผมในตอนแรก พอวางสาย มันก็ทำหน้าเหนื่อยใจพร้อมกับวางมือลงบนเตียง เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นร่างกายกำยำของเด็กหนุ่มวัยรุ่นเต็มสองตา

ขะ...ขบเผาะ

น้ำลายจะไหลขึ้นมาอีกระลอก ทำไมหุ่นเด็กวัยสิบปลายๆ นี่มันน่าฟัดอย่างนี้นะ ถ้าเจอแบบนี้ในผับ บอกเลยว่าจะให้รุกหรือรับ ผมนี่ยอมหมด

“ห้อง’จารย์มีไรกินมั้ย” จู่ๆ มันก็พูดทำลายความหื่นของผมขึ้นมา ปลายคางพยักไปยังตู้เย็นที่อยู่เยื้องหน้าห้องน้ำ ผมเลยได้สติในตอนนี้
“มะ...มีเยอะแยะเลย น้องธารไปดูเอาเลยครับ”

พูดแค่นั้น ธารก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น พอเห็นขนมนมเนยที่ผมซื้อมายัดทิ้งไว้ ความสนใจของเด็กนั่นก็ถูกเบนไปทันที ก่อนมันจะก้มตัวลงเลือกขนม ขณะที่ขากางเกงสั้นๆ นั่นก็เลิกขึ้นให้เห็นต้นขาอ่อนอีกครั้ง คราวนี้เกือบจะเห็นแก้มก้นอีกต่างหาก

นะ...หน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลมเพราะหอบหื่น

มองแล้วก็ต้องรีบหาโต๊ะยึดตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม แต่สายตานี่มองขาอ่อนเด็กไม่หยุดเลย

หูย... ถ้าได้ถ้าโดนขึ้นมา จะเลียตั้งแต่ลูกบิดประตูห้องเข้าไปเลย

อะ...เอ๊ะ ไอ้เหนือ มึงเป็นอาจารย์นะ ถึงจะเป็นอาจารย์ฝึกงานก็เถอะ แต่คิดแบบนี้กับลูกศิษย์ตัวเองมันผิดศีลธรรมนะเว้ย แถมไอ้เด็กนี่ก็ชอบแกล้งมึงด้วย อย่าไปพิศวาสมันสิวะ!

สติสัมปชัญญะฝั่งดีทำงานกะทันหัน ผมเลยรีบละสายตาจากขาขาวโบ๊ะไปทางอื่น ใจก็เพิ่งกสินภาวนาไปด้วย
ใจร่มๆ ไอ้เหนือ สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง เห็นล่ำๆ น่าฟัดแบบนี้ ตายไปก็กระดูกผุพังไปตามกาลเวลานะเว้ย ปลง...ปลงเดี๋ยวนี้...

ใดใดในโลกล้วน ...อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง ...เที่ยงแท้

ท่องไว้ๆ...

อุตส่าห์สะกดจิตตัวเองให้เข้าทางธรรมแล้วแท้ๆ แต่เสียงของธารก็แว่วเข้ามาในหูให้ผมได้หันไปมองอีก

“มีแต่ของหวานๆ วะ”

จังหวะนี้แหละที่มันนั่งลงยอง กางเกงสั้นๆ ของมันนอกจากก้มแล้วเห็นขาอ่อนแล้ว พอนั่งปุ๊บ ขอบกางเกงก็เกิดเปลี้ยขึ้นมากะทันหันอีกต่างหาก ไหลลงมาเกาะต่ำกว่าบั้นท้ายเล็กน้อย จากขาที่ว่าขาวแล้ว มาเจอขาวๆ เนียนๆ ทางด้านหลังนี่ ผมถึงกับเบิกตาโตค้าง ไอ้ที่ปลงเมื่อกี้หายวับไปกับตา ก่อนที่บั้นท้ายขาวๆ นั่นจะหายกลับเข้าไปในกางเกงอีกครั้งเมื่อธารดึงขอบกางเกงขึ้น

ส่วนผม... ตบะแตกไปแล้ว

นะ...น้องธารทำใดใดล้วน ...น่ารักจัง
เห็นแล้วพี่เหนือฟินปังๆ ...ง่อว์ น้ำลายไหล
อยากให้หลุดตูดมากกว่านี้อีกครั้ง ...แต่กลัว โดนถีบ
แค่นี้ก็หื่นตาค้าง หืดหาดๆ ...บอกเลย เหนือ-จะ-ไม่-ทน

ไม่ทนก็ต้องทน แต่ใจอยากจะจับมันกดลงบนเตียงให้รู้แล้วรู้รอดเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่ามันผิดศีลธรรมกับกลัวโดนมันกระทืบก็คงทำไปแล้ว มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ธารคว้ากระป๋องน้ำอัดลมหันมาทางผม

“นี่กินได้มั้ย”
“ดะ...ได้”
“แล้วเนี่ย” ถือถุงขนมกรอบแกรบประกอบ
“ดะ...ได้ครับ อยากได้อะไร พี่เหนือเปย์ให้หมดเลย”
กิเลสเข้าครอบงำโดยสมบูรณ์ พูดอะไรออกไปนี่ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ เปย์เด็กแลกความฟินนี่วิถีเกย์แก่ชัดๆ

ธารก็ทำหน้างงๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร คว้าถุงขนมกับน้ำมานั่งกินบนเตียงเงียบๆ ส่วนผมก็นั่งมองมันจากโต๊ะที่อยู่ปลายเตียงเงียบๆ เหมือนกัน แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมันโพล่งขึ้นมา
“มองไรอยู่ได้’จารย์ อยากกินก็กิน” ว่าแล้วก็เอามือปัดๆ ถุงขนมที่วางอยู่ข้างตัวมาทางผมเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าให้ผมไปกิน
ผมส่ายหน้า ยิ้มแห้งๆ ให้ มันเลยพูดขึ้นมาอีก

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นว่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อคืนให้ ยืมกินก่อน”
เปลี่ยนจากซื้อขนมคืนมาเป็นเอาตัวเข้าแลกได้มั้ย... อยากจะพูดอย่างนี้จริงๆ แต่กลั๊วกลัวโดนมันเหยียบหน้า ผมเลยเปลี่ยนเรื่องแทน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องธารอยากกินอะไรก็กินเลยนะ ถือซะว่าเป็นห้องตัวเอง” ประโยคนี้พูดไปแบบไม่ได้คิดอะไรอกุศลเลยนะ สาบานได้

ธารไม่ได้สนใจ ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง
“แล้ว’จารย์จะให้ผมนอนไหน ที่นอนปิกนิกมีมั้ย”
อูย... เป็นครั้งแรกที่ธารเรียกแทนตัวเองว่า ‘ผม’ กับผมด้วยแหละ ไม่เคยได้ยิน รู้สึกตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่5♦P.2♦18/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-02-2016 21:49:20
ชั่งใจ ครั้งที่ 6: ออโรร่าแกรนด์โอเพนนิ่ง[2]

“ไม่มีหรอกครับ มีแต่เตียงที่น้องธารนั่งนั่นแหละ”
พอผมตอบกลับไปแบบนี้ ธารก็ย่นคิ้ว ผมเลยฉุกคิดได้ว่ามันต้องไม่โอเคแน่ๆ ที่จะนอนร่วมเตียงกับผม ผมเลยรีบโพล่งขึ้นก่อน
“เดี๋ยวน้องธารนอนบนเตียง พี่เหนือนอนกับพื้นก็ได้ครับ ไม่ต้องห่วงนะ”

เสียสละมากไอ้เหนือ เอารางวัลครูดีเด่นไปเลย!

แต่ถึงจะไม่เสียสละ ผมก็พอจะเดาออกว่ามันต้องไม่ยอมลงไปนอนบนพื้นกระเบื้องเย็นๆ แข็งๆ แน่
หากแต่พอผมพูดไปอย่างนั้น ความไม่คาดหมายก็บังเกิดเมื่อมันสวนขึ้นมา

“ก็นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ จะลงไปนอนกับพื้นทำไม เปิดแอร์งี้ เดี๋ยวก็หนาวตาย”

เบิกตาโตเลยเมื่อได้ยินมันชวนผมร่วมเตียง ถึงจะไม่ใช่การชวนร่วมเตียงเพื่อมีอะไรกัน แต่บอกเลยว่าเหนือฟินแรง
แต่จะให้แสดงอาการฟินออกนอกหน้าก็ไม่ได้ อีกอย่าง ผมกับเด็กนี่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมหรือถูกชะตากันถึงขนาดมานอนร่วมเตียงกันได้ ถ้าเกิดจู่ๆ มันเอาหมอนอุดหน้าฆ่าผมกลางดึกขึ้นมาล่ะจะทำยังไง

เพราะงั้นผมเลยถามออกไป

“แล้วน้องธารโอเคเหรอครับที่จะนอนเตียงเดียวกับพี่เหนือ”
“ผู้ชายเหมือนกันจะมีไร’จารย์ นอนกับไอ้โรมไอ้จอมก็ออกจะบ่อย ถ้านอนกับไอ้ไม้หรือ’จารย์เป็นเกย์ก็ว่าไปอย่าง แบบนั้นค่อยน่าเป็นห่วง”

เออ อันนั้นก็จริงของมัน แต่...มึงยังไม่รู้สินะว่ากูเป็นเกย์

“ไม่ได้เป็นใช่มั้ย” จู่ๆ มันก็ถามขึ้น ผมเลยส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ก็ดี งั้นก็ไม่น่าห่วง”
เห็นสีหน้ามันแล้ว รู้เลยว่าไม่สมควรบอกมันอย่างแรงในตอนนี้ ถ้ามันไม่ช็อกก็กระทืบผมแน่นอน ผมเลยเนียนๆ ยิ้มให้มันไป
“นั่นสินะ ไม่เห็นต้องห่วงเลย”

“แล้วนี่’จารย์จะนอนยัง เที่ยงคืนละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่ตื่น” มันว่าหลังจากเดินเอาเศษซากขนมกับน้ำไปทิ้ง
ผมเลยเออออพยักหน้ารับมันไป ก่อนจะมองมันทิ้งตัวลงบนเตียง ยึดหมอนใบเดียวที่ผมมีอยู่ไป แล้วก็ดึงผ้าห่มไปคลุมตัวอีก แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่มันสวมกางเกงสั้นๆ ตัวเดียวนั่นนอน

ไม่อยากจะคิดเลยว่าตื่นเช้ามาจะเป็นยังไง ความฟินอยู่สุดปลายทางรำไรแน่ๆ เหนือสัมผัสได้...

แต่ก็นะ ผมเป็นอาจารย์ที่แม้จะเป็นแค่อาจารย์ฝึกงาน ทว่าก็มีศีลธรรมสูง ถึงจะแอบคิดอกุศลกับมันไปหลายครั้งแล้วก็ตาม เอาเข้าจริง ผมก็แอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกันเรื่องความไม่เหมาะสม

“แล้วน้องธารจะนอนแบบนี้จริงเหรอ” ถามแย็บๆ ไป หมายถึงเรื่องการแต่งตัวนอนของมันนี่แหละ กะว่าถ้ามันไม่โอเค จะได้เอาเสื้อยืดมาให้ยืมใส่

หากแต่มันดันเข้าใจผิด ผงกหัวขึ้นมาแล้วดึงหมอนที่หนุนอยู่มาตรงกลาง
“ขี้งกจังวะ เออๆ นอนคนละครึ่งก็ได้”
กูไม่ได้หมายถึงเรื่องที่มึงยึดเอาหมอนไปนอนคนเดียวเว้ย กูหมายถึงมึงจะนอนยั่วกูทั้งคืนแบบนี้จริงๆ หรือไง!

ผมทำท่าจะอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่มันเข้าใจ แต่มันก็สวนขึ้นมาก่อน
“ปิดไฟซะที ง่วงแล้ว” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มลงต่ำมาที่หน้าอกหน่อยนึง เผยให้เห็นสีชมพูรำไร
กะ...กลืนน้ำลาย... เด็กมันยั่วจริงๆ เดี๋ยวก็อยู่ได้ไม่ถึงเช้าหรอก
“ครับๆ” สุดท้ายแล้วผมก็กลั้นใจปิดไฟก่อนตบะจะแตกรอบสอง แล้วกลับมานอนเตียง
บอกเลยว่าคืนนั้นคือนอนตัวแข็งมาก เว้นระยะห่างจากธารพอสมควรเลยทีเดียวทั้งที่หัวก็หนุนหมอนใบเดียวกัน เรียกได้ว่าหัวน่ะอยู่ข้างกัน แต่ตัวนี่แทบจะปีนลงจากเตียง

นะ...นอนไม่หลับ!

ใครมันจะไปหลับลงวะ ไอ้เด็กเวรนี่มานอนกรนคร่อกๆ ในสภาพยั่วเย้าสุดๆ อยู่ข้างๆ เนี่ย หนุนหมอนใบเดียวกันไม่พอ ยังจะผ้าห่มผืนเดียวกันอีก หรือนี่จะเป็นแผนการกลั่นแกล้งผมของมันในเลเวลที่สูงขึ้น อารมณ์แบบว่าหลอกล่อให้ผมทำผิดศีลธรรมแล้วเอาไปฟ้องพี่สมรอะไรงี้

คิดแล้วก็ไม่น่าใช่ เพราะทันทีที่หัวถึงหมอน ธารก็หลับไปแต่โดยดี สงสัยผมคงจะคิดมากไป อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เลยพยายามข่มตาให้หลับ ทว่ากว่าจะหลับก็เล่นเอาเกือบเช้ามืด ร้ายกว่านั้นคือพอฟ้าเริ่มสาง ผมก็กลายสภาพเป็นหมอนข้างให้ธารที่นอนกอดผมซึ่งนอนหงายอยู่ ไม่ได้กอดแค่แขนด้วย ขาก็ยกมาพาดบนตัวผมอีก มารู้สึกตัวตื่นว่าเป็นหมอนข้างให้มันได้ก็เพราะไก่ขัน ไก่ที่ว่าหมายถึงไก่ชนที่บ้านตรงข้ามกับหอพักเลี้ยงไว้ มันขันทุกเช้านั่นแหละ แต่วันนี้แปลก... มีไก่สองตัว

ไก่ตัวแรกคือไก่ตัวเดิมที่ขันทุกวัน ส่วนอีกตัว...

กะ...ไก่น้องธาร

มาขันอยู่ตรงต้นขากูเนี่ย! หูย ขันแรงมาก รู้สึกได้เลยว่าชูคอพร้อมตีสุดๆ

ผมใจเต้นตึกตักขึ้นมาตอนนี้ เมื่อคืนอุตส่าห์ระงับกิเลสตัณหาได้แล้ว เช้ามานี่ไร้ประโยชน์ไปเลย ยิ่งผงกหัวขึ้นมามองไก่น้องธารที่จิกต้นขาผมไม่เลิกแล้วก็ตาลุกวาว

แม่จ๋า เหนืออยากกินไก่เป็นๆ ทั้งขน ดูท่าทางแซ่บ...

มะ...ไม่ใช่สิ ต้องปลุกให้มันตื่นต่างหาก ไม่ใช่อยากไปกินไก่มัน
เท่านั้นผมก็ยื่นมือไปแตะแขนใหญ่ที่วางพาดบนตัวเบาๆ

“น้องธาร... ตื่นเร็ว เช้าแล้ว”
“อืม...” ธารส่งเสียงรำคาญออกมา ซุกหน้าเข้าไปซอกคอผมทันใด กอดแน่นกว่าเดิมด้วย
แล้วผมเป็นไงล่ะ ตัวค้างสิตัวค้าง โอ๊ย! แนบชิดเกินไปแล้ว!
“ธะ...ธารใจ ตื่น” สติสตังเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือไม้ที่สะกิดแขนมันเริ่มสั่น แต่ธารก็ไม่ยอมตื่น ซุกหน้าลงมาบนซอกคอผมอยู่นั่น

ดะ...เดี๋ยวกูก็กดซะหรอก!

หอบหื่นกำเริบหนักมาก โชคดีที่จู่ๆ โทรศัพท์ผมก็ร้องดังขึ้น ปลุกให้ธารตื่นขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

“ถึงเวลาตื่นแล้วเหรอ” ถามแบบคนเมาขี้ตาด้วย แต่ดูสภาพคือยังไม่รู้ตัวว่านอนกอดผมอยู่
ผมเลยคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาดูหน้าจอ เห็นเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามาเลยเดาว่าน่าจะเป็นเบอร์เพื่อนมัน
“น้องมายด์โทรมาน่ะครับ”

ธารปรือตา คว้าโทรศัพท์จากมือผมไปกดรับแล้วพลิกตัวไปอีกทาง
“ฮัลโหล...”

ผมหายใจโล่งได้ก็ตอนนี้แหละ เด้งตัวขึ้นนั่งผึง รีบกำหนดลมหายใจให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วโดยที่หูไม่ได้ยินบทสนทนาที่ธารคุยกับน้องมายด์เลยแม้แต่คำเดียว มาได้ยินอีกทีก็ตอนธารร้องเรียกผมแล้ว

“’จารย์ ไอ้ไม้อยู่หน้าห้องแล้ว ไปเปิดให้มันที”
ไอ้เด็กนี่... ตื่นขึ้นมาได้ก็ใช้กูเลยนะ!

แต่ผมก็เดินไปเปิดนั่นแหละ พอเปิดประตูปุ๊บ อีน้องมายด์ที่ถือถุงเสื้อผ้าที่เอามาให้ธารในมือก็โผล่พรวดเข้ามา

“อ้ายเหนือ มอร์นิ่งคิสเจ้า (พี่เหนือ มอร์นิ่งคิสจ้า!)”

มอร์นิ่งคิสป้ามึง! รีบเอามือดันหน้ามันที่ถลาเข้ามาหาผมรัวๆ สวรรค์ของไอ้เหนือจากความฟินเกือบขั้นนิพพานเมื่อครู่อันตรธานหายไปทันทีที่เห็นหน้าน้องชายบัวขาว

“นะ...น้องมายด์เข้ามาก่อนครับ” แล้วผมก็ตัดบทก่อนที่มันจะพยายามมอร์นิ่งคิสผมให้ได้ด้วย
น้องมายด์ทำปากยู่ขัดใจเล็กน้อย ว่าพึมพำก่อนจะเข้ามาแต่โดยดี

“อ้ายเหนือซวกปะล้ำ ซอบน้องมายด์แต่เล่นตั๋วเน้อ มอร์นิ่งคิสน้อยก็บ่ะได้ เป๋นเพราะธารอยู่ต้วยเหียก้า กลั๋วจะเป๋นข่าวแหละ (พี่เหนือนี่ใจร้ายจัง ชอบน้องมายด์แต่เล่นตัวนะ มอร์นิ่งคิสนิดหน่อยก็ไม่ให้ เพราะธารอยู่ที่นี่ด้วยล่ะสิ กลัวจะเป็นข่าวล่ะสินะ)”
อะไรของมึงเนี่ย! มโนเป็นตุเป็นตะ มึงไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลมั้ย!?

เข้ามาถึง พอเห็นธารนอนหันหลังให้อยู่บนเตียง ก็กระโดดขึ้นไปหา และ...

“มอร์นิ่งคิสเจ้าธาร อุ้ก! (มอร์นิ่งคิสจ้ะธาร อุ้ก!)”
ปากเกือบจะโดนหน้าธารอยู่แล้ว ดีที่ธารพลิกตัวมายกขายันหน้าอกไว้ได้ทัน

“ไอ้ไม้...มึงอยากโดนกระทืบจนหายเป็นตุ๊ดใช่มั้ย” เสียงเข้มดังลอยมาตามลม ก่อนจะออกแรงยันจากฝ่าเท้าให้น้องมายด์ถอยออกห่าง
“ซวกแต้ซวกว่า คนเฮาอุตส่าห์มอบความหวังดีหื่อแต้ๆ (ใจร้ายแท้ๆ อุตส่าห์มอบให้ด้วยความปรารถนาดี)” น้องมายด์กระเง้ากระงอดเมื่อถูกปฏิเสธอีกครั้ง

ผมนี่อยากจะวิ่งไปตะโกนใส่หน้ามันเลยว่า ‘เอาความปรารถนาดีของมึงกลับไปเลย จูบกับมึง กูจูบกับน้องธารดีกว่าเว้ย!’
ดีกว่าจริงๆ อันนี้เป็นความอยากลึกๆ จากใจ แต่อย่าพูดออกไปเลย เดี๋ยวผมจะโดนธารเอาฝ่าเท้ายันเหมือนน้องมายด์ด้วยอีกคน กลัวจะไม่ได้ยันแค่หน้าอกด้วย แต่จะเลยขึ้นมาถึงหน้า

“เอาเสื้อผ้ามา กูจะไปอาบน้ำ” ธารลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือขอถุงเสื้อผ้าก่อนน้องมายด์จะส่งให้
“เอ๊าะ เอาไป แล้วก่อเอาก้าจ้างตี้เอาผ้ามาหื่อจ่ายมาต้วย ขอแฮงๆ สักสองสามเตื้อ (อะ เอาไป แล้วเอาค่าจ้างที่เอาเสื้อผ้ามาให้จ่ายมาด้วยนะ ขอจัดแรงๆ สักสองสามที)”

“กระทืบใช่มั้ย ได้ เดี๋ยวกูจัดให้” ธารว่าเสียงเข้มอีกครั้ง แต่คราวนี้เหมือนจะพูดเล่นเพราะเห็นน้องมายด์หัวเราะร่วนไม่เลิก ก่อนที่จะหายเข้าห้องน้ำไป

ทีนี้ก็เหลือแค่ผมกับน้องมายด์ละ บรรยากาศมาคุลอยเข้ามาทันที จะให้อยู่ในห้องสองคนกับมันก็ดูท่าจะไม่ดี ไม่ใช่ว่าผมคิดจะทำอะไรมันอย่างที่คิดเลยเถิดไปเรื่อยกับไอ้เด็กธารนะ แต่มันนี่แหละที่จะทำมิดีมิร้ายผม

จะหนีเข้าห้องน้ำไปกับธารก็ไม่ได้ เดี๋ยวโดนกระทืบ จะไปตรงระเบียงก็ไม่ได้อีก ไม่มีทางหนีถ้ามันตามออกมา งั้นทำทีว่าจะออกไปซื้อข้าวแล้วกัน

“เดี๋ยวพี่เหนือไปซื้อข้าวก่อนนะครับ จะได้กินกัน”
“บะต้องเจ้า ข้าเจ้าซื้อมาแล้ว ตอบแทนตี้อ้ายเหนือซื้อข้าวนึ่งจี้นปิ้งมาหื่อข้าเจ้าเจ้า (ไม่ต้องจ้า หนูซื้อมาแล้ว ตอบแทนที่พี่เหนือซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเลี้ยงหนูน่ะค่า)” อีน้องมายด์ขัดคอผมทันควัน มือก็ชูถุงโจ๊กสามถุงขึ้นมา ทำเอาผมชะงักกึก
ละ...แล้วกูจะอ้างว่าไปซื้ออะไรดีล่ะทีนี้

ในหัวคิดเป็นพัลวันเลย ทว่าน้องมายด์ไม่สนใจแล้ว เดินไปหาจานชามมาเทโจ๊กประหนึ่งอยู่ในห้องตัวเอง ก่อนจะยกถ้วยโจ๊กร้อนๆ เข้ามานั่งบนเตียงแล้วตบที่ว่างข้างๆ เรียกผม

“อ้ายเหนือมานั่งเพียะเจ้า โว้ยๆ มานั่งกินต้วยกัน (พี่เหนือมานั่งนี่เร็ว มากินด้วยกัน)”
“คะ...ครับ” ผมไม่มีทางเลือกเลยต้องเดินไป

ทว่าพอเดินไปนั่งปุ๊บ แทนที่จะได้กินเอง น้องมายด์ก็แย่งถ้วยโจ๊กไปถือ ตักแล้วเป่าพรูดๆ ก่อนเอามาจ่อตรงหน้าผม
“อ้ายเหนือกิ๋นเน้อเจ้า อ้าม (พี่เหนือกินนะคะ อ้าม...)”

โอ้โห มึงเป่าน้ำลายกระจายอย่างนั้น ใครมันจะไปกินลงวะ!

“เดี๋ยวพี่เหนือกินเองดีกว่าครับ” ผมทำท่าจะแย่งช้อนในมือมันมา แต่มันสะบัดหนี ทำท่าสะบัดสะบิ้งจนน่าโดนตบให้คว่ำ
“บ่ะเอา เป๋นแฟนกั๋นก็ต้องเยี้ยะหื่อมันเปิงเป๋นแฟนกันกะเจ้า เดี๋ยวข้าเจ้าป้อนหื่อเน้อ (ไม่เอา เป็นแฟนกันก็ต้องทำตัวให้เหมือนแฟนสิคะ เดี๋ยวหนูป้อนให้นะ)”

กูไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่ตอนไหน!

อาการหนักมาก มโนแรงมาก ตั้งแต่ที่ผมเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ธารมาแขวนหน้าห้องไปให้ นอกจากเต๊าะผมไม่เลิกแล้ว ยังมัดมือชกเป็นแฟนมันอีก ไม่ใช่แค่คำพูดด้วย แต่การกระทำก็มาเต็ม อยู่ที่วิทยาลัยยังพอทนได้เพราะไม่ได้ใกล้ชิดอะไรเท่าไหร่ด้วยต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำเลยทำให้ไม่เจอกันมากนัก ทว่าพอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แถมยังอยู่ในห้องแบบนี้ บอกเลย...

ขยะแขยง!

“เอาเลยเจ้า อ้าม (เอาสิคะ อ้าม)” น้องมายด์ทำท่าจะป้อนผมอีกครั้ง คราวนี้ทำท่าบีบนมก้มต่ำๆ ลงมาด้วย ผมมองแล้วของเก่าที่กินเมื่อคืนก็แทบพุ่ง

มึงมันตุ๊ดไม่ได้กินยาคุม อย่ามาทำเป็นว่ามีนมนะเว้ย!

ไม่ได้การละ คงต้องบอกมันว่าผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้ ไม่งั้นได้ประสบการณ์ขนหัวลุกมากกว่านี้แน่นอน

“น้องมายด์ พี่เหนือมีเรื่องจะบอก” ผมรีบคว้าข้อมือมันที่พยายามจะยัดเยียดโจ๊กเข้าปากไว้ทันควัน
“อะหยังกอเจ้า (อะไรเหรอคะ)”
“พูดไทยกลางนะ พี่เหนือขอ”

ต้องขอล่ะ คุยเรื่องซีเรียสนี่ อย่ามาอู้กำเมืองใส่กูเลย กูขี้เกียจแปล

“ได้ค่ะ พี่เหนือว่ามาสิคะ” มันกลับมาพูดไทยกลางละ แต่ตัวนี่เอนมาจนแทบจะซบหน้าอกผม ผมเลยต้องดันมันออกให้ไปนั่งตรงๆ

สูดหายใจเข้าเต็มปอดได้ก็เริ่มพูด

“น้องมายด์ฟังพี่เหนือนะ คือ...ที่พี่เหนือทำดีกับน้องมายด์เนี่ย พี่เหนือไม่ได้ชอบน้องมายด์แบบอย่างที่น้องมายด์คิด โอเคมั้ย”
พูดตรงมาก ฟันประเด็นโชะ น้องมายด์ก็ดูตะลึงไปนิด ก่อนจะยักไหล่ ทำท่าไม่สนใจ
“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ถึงหนูจะไม่ใช่เมียพี่เหนือ แต่พี่เหนือก็เป็นผัวน้อยของหนู”

ฟังกูสิเว้ย! หยุดขี้ตู่ไปเองซะที!

ไม่ฟังไม่พอ ทำท่าจะมาซบผมอีกด้วย โห... มึงนี่พอลับสายตาคนแล้ว ทั้งเต๊าะทั้งพยายามจะลวนลามกูหนักมาก
ผมเลยต้องผลักมันออกไปอีก แล้วว่าเสียงเข้ม

“น้องมายด์... พี่เหนือไม่ชอบนะที่มาทำแบบนี้”
คราวนี้ได้ผล น้องมายด์ทำหน้าจ๋อย ยื่นปากเล็กน้อย

“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่เหนือไม่ชอบ น้องมายด์จะไม่ทำแบบนี้กับพี่เหนือในที่สาธารณะ แต่จะทำในที่ลับตาคนแทน”
กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น!

โอย ปวดหัวกับมัน สงสัยคงต้องบอกไปตรงๆ

“น้องมายด์... พี่เหนือบอกตรงๆ นะ คือพี่เหนือ...” จู่ๆ ก็ลังเลขึ้นมา กลัวว่าจะบอกไปแล้ว ถ้าธารที่อยู่ในห้องน้ำรู้ว่าเมื่อคืนผมไม่ได้บอกมันเรื่องเป็นเกย์ แล้วมันก็นอนกับผมด้วยความไว้ใจเต็มที่ มันจะมากระทืบผมมั้ย

แต่พอเกริ่นขึ้นมาอย่างนี้แล้ว น้องมายด์ก็อดอยากรู้ไม่ได้ เลยถามต่อ
“พี่เหนือทำไมคะ”
“รู้แล้วเหยียบไว้นะ” ผมกระซิบ พอเห็นน้องมายด์พยักหน้า ผมก็ยื่นหน้าเข้าใกล้มันแล้วว่าเสียงเบา “พี่เป็นเกย์”
“ว้าย! เป็นเกย์!”
อีน้องมายด์! กูบอกว่าให้เหยียบไว้ไง จะแหกปากหาเตี่ยมึงเหรอ!

แหกปากอย่างเดียวไม่พอ ทำท่าขนลุกขนชันใส่ผมอีก ผมเห็นแล้วอยากจะยกขาถีบมันเลย กูต่างหากเว้ยที่สมควรทำท่าทางนั้นน่ะ

พอมันเริ่มตั้งสติได้ มันก็ยื่นหน้ามากระซิบถามผมที่ส่งสายตาอาฆาตใส่มันอีก
“ว่าแต่พี่เหนือเป็นเกย์รุกหรือรับคะ”

ผมไม่เห็นประโยชน์ที่จะปิดอีกต่อไป เลยบอกไปตรงๆ
“พี่เหนือเป็นเกย์โบท แต่ชอบรับมากกว่า”
“ตายแล้ว! เกย์โบทรับนี่มันคุณแม่ชัดๆ! คุณแม่ออโรร่า!”

ออโรร่าอะไรเล่า! แล้วมึงจะเสียงดังทำไม กูบอกว่าให้เบาๆ เนี่ย เดี๋ยวไอ้ธารมันได้ยิน!

ไม่ทันแล้วล่ะ ได้ยินไปแล้ว จังหวะที่น้องมายด์โวยวาย ธารก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี แล้วก็ทำหน้าอึ้งๆ ที่ได้ยินว่าผมเป็นเกย์ด้วย ซ้ำน้องมายด์ยังตอกย้ำความจริงเข้าไปอีก

“ธารๆ พี่เหนือเป็นเกย์เว้ย เป็นเกย์รับด้วยมึง! กูก็เผลอไปลวนลามดอมดมตั้งนาน โอ๊ย ผิดผีแรง!” ภาษาไทยกลางสำเนียงเหนือหลุดออกจากปากน้องมายด์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ผมใจเต้นตึกทันทีเมื่อเห็นธารมองมายังผมตาไม่กะพริบ ลุ้นในใจว่ามันจะทำยังไงต่อจากนี้ แต่ไม่ทำอะไร มองผมอึ้งได้แค่นั้น พอตั้งสติได้ก็ปั้นหน้าเครียด เดินถือผ้าเช็ดตัวกับกางเกงขาสั้นที่ใส่นอนเมื่อคืนสวนผมออกจากห้องเท่านั้น หากแต่จังหวะที่มันเดินผ่านหน้า ผมก็ได้ยินมันพูดขึ้นมา

“เรื่องแค่นี้ยังไม่บอก เป็นพวกไว้ใจไม่ได้จริงๆ ด้วย”
แล้วก็ตามด้วยการเรียกน้องมายด์ออกจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งมองแบบงุนงงว่าทำอะไรผิดเพราะดูท่าทางเด็กนั่นจะโกรธผมอีกแล้ว แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเมื่อคืนมันอุตส่าห์วางใจถึงขนาดยอมนอนร่วมเตียงด้วย ซ้ำยังเกริ่นถามผมมาแล้วด้วยว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ผมดันปฏิเสธไปซะนี่

ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ตอนนั้นกลัวโดนมันกระทืบน่ะ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าถ้าย้อนกลับไปเมื่อคืนได้ ผมน่าจะบอกมัน รู้สึกแย่ชะมัด

ชะ...ช่างแม่งเถอะ จะไปแคร์อะไรกับแค่เด็กเกเรคนเดียววะ! ช่างหัวมัน!
--------------------------------------

โถพี่เหนือ อุตส่าห์ฟินมาเกือบทั้งตอน ตกม้าตายตอนท้าย โดนน้องธารงอนซะได้ อีน้องมายด์คนเดียวเลยแท้ๆ 555
กลายร่างจากพี่เหนือเป็นออโรร่าไปโดยเรียบร้อย น้องธารขี้งอนจังเนอะ แต่เดี๋ยวผ่านช่วงนี้ไป ความฟินก็จะมาเรื่อยๆ ละนะ
วันนี้ตอนแรกกะไว้ว่าจะมาไม่เกิน 3 ทุ่ม แต่เลทอีกละ ฮาาา ถือว่ามาแล้วกันค่ะ ใครอ่านแล้วส่งฟีดแบ็กให้กันด้วยน้า ตอนหน้ากว่าจะมาก็อีก 2-3 วันเน้อ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-02-2016 22:13:14
อร๊ายยยย จารย์เหนือแกรนด์โอเพนนิ่งแล้วอิอิ โบทถนัดรับด้วย 55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-02-2016 22:25:50
ขอขำนังน้องมายด์แป้บ 5555555555
ขุ่นแม่ออโรร่าาาาาา  :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 20-02-2016 22:26:45
 o22 o22 อดเต๊าะเด็กเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 20-02-2016 23:28:26
อะไรอ่ะ น้องธารงอนอีกแล้ววววววววววววววววววว  :mew5:

แค่พี่เหนือเปิดตัวเป็นคุณแม่ออโรร่าแค่เนี้ยะ อ้าว ไม่ใช่  :laugh:

รอนะ รอเมื่อไหร่พี่เหนือจะโดนเด็กกินซะที  :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 20-02-2016 23:30:04
น้องธารรรร โกรธง่ายจัง เมื่อไหร่จะรักกันล่ะเนี่ยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-02-2016 00:31:39
สวัสดีขุ่นแม่ออโรร่าคะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pariiza_Rocker ที่ 21-02-2016 01:03:00
ช่วงคำพูดหรือคำอธิบายช่วยเว้บบรรทัดให้หน่อยได้มั่ยค่ะ เนื้อเรื่องดีมาก แต่อักษรมันติดกับเป็นพืดมันทำให้เราไม่อยากอ่านเลยค่ะ แต่เราก็ชอบเนื้อเรื่องมากๆนะคะ เพราะงั้นช่วยเว้นบรรทัดด้วยเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-02-2016 01:14:12
ช่วงคำพูดหรือคำอธิบายช่วยเว้บบรรทัดให้หน่อยได้มั่ยค่ะ เนื้อเรื่องดีมาก แต่อักษรมันติดกับเป็นพืดมันทำให้เราไม่อยากอ่านเลยค่ะ แต่เราก็ชอบเนื้อเรื่องมากๆนะคะ เพราะงั้นช่วยเว้นบรรทัดด้วยเถอะค่ะ

ค่า ได้ค่า เดี๋ยวจะแก้ไขให้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pariiza_Rocker ที่ 21-02-2016 01:24:55
ช่วงคำพูดหรือคำอธิบายช่วยเว้บบรรทัดให้หน่อยได้มั่ยค่ะ เนื้อเรื่องดีมาก แต่อักษรมันติดกับเป็นพืดมันทำให้เราไม่อยากอ่านเลยค่ะ แต่เราก็ชอบเนื้อเรื่องมากๆนะคะ เพราะงั้นช่วยเว้นบรรทัดด้วยเถอะค่ะ

ค่า ได้ค่า เดี๋ยวจะแก้ไขให้นะคะ ^^

ขอบคุณมากค่ะ >○< รอตอนต่อไปอยู่น๊า
ชอบพี่เเสงเหนือแรดมาก #ชอบแรง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-02-2016 01:33:24
ช่วงคำพูดหรือคำอธิบายช่วยเว้บบรรทัดให้หน่อยได้มั่ยค่ะ เนื้อเรื่องดีมาก แต่อักษรมันติดกับเป็นพืดมันทำให้เราไม่อยากอ่านเลยค่ะ แต่เราก็ชอบเนื้อเรื่องมากๆนะคะ เพราะงั้นช่วยเว้นบรรทัดด้วยเถอะค่ะ

ค่า ได้ค่า เดี๋ยวจะแก้ไขให้นะคะ ^^

ขอบคุณมากค่ะ >○< รอตอนต่อไปอยู่น๊า
ชอบพี่เเสงเหนือแรดมาก #ชอบแรง


ีอีก 2-3 วันมานะคะ ตอนนี้เอาตัวอย่างตอนที่ 8 ไปอ่านเล่นพลางๆก่อนเนอะ

https://web.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/946995885356265/?type=3&theater

ปล.โพสต์รูปไม่เป็นค่ะ ขออนุญาตแปะลิงค์แทนแล้วกันน้า ^^;;
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Fahkram ที่ 21-02-2016 02:36:15
 :ruready   โอ้ย แกรนโอเพนนิ่งไปอีกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 21-02-2016 06:05:44
พี่เหนือ คงจะอีกนานสินะ กว่าจะเข้าถึง น้องธาร
งอนแล้ว งอนอีก


เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 21-02-2016 11:34:56
สงสัยว่าธารใจยังคงเป็นหนุ่มน้อยบริสุทธิ์ ยังเวอร์จิ้นอยู่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 21-02-2016 13:08:12
ชอบอ่ะ555(
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-02-2016 20:45:26
ธาร อิพี่เหนือมันก็มีเหตุผลที่ต้องปิดบังนะเฟ้ยยยย
ถ้าพี่มันง้อ ก็ยอมๆมันเหอะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 21-02-2016 22:05:14
ขำๆสนุกมาก พี่เหนือสู้ๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 22-02-2016 01:48:47
 :a5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-02-2016 09:05:59
กลายเป็นคุณแม่ออโรร่าไปซะแล้ว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-02-2016 16:49:28
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 22-02-2016 19:01:42
เป็นนายเอกที่หื่นกามและหวังเต๊าะเด็กที่สุดในชีวิตของการอ่านนิยาย แล้วเด็กมันไม่เล่นด้วยนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 22-02-2016 19:41:06
ชั่งใจ ครั้งที่ 7: ธารขอโทษครับพี่เหนือ[1]

ออโรรา เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีแสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน มักจะปรากฏให้เห็นในบริเวณแถบขั้วโลก โดยจะเรียกว่าแสงเหนือหรือแสงใต้ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิด

ซึ่งแน่นอนว่า... ไม่ใช่ชื่อกูเว้ย!

ถึงแสงเหนือในภาษาอังกฤษมันจะเรียกว่าออโรราก็เถอะ แต่ไอ้การที่เอามาเรียกแทนชื่อผมนี่ ผมว่าผมไม่โอเคเลยว่ะ แค่ครึ่งวันเช้า นักศึกษากว่าครึ่งวิทยาลัยก็รู้กันไปทั่วว่าผมเป็นเกย์จากฝีมือการโพนทะนาของน้องมายด์

จริงๆ ก็แค่มันเอาไปเล่าให้พวกแก๊งตุ๊ดแผนกอื่นที่มันรู้จักฟังเท่านั้น แต่หลังจากนั้น แก๊งตุ๊ดนั่นก็จัดการป่าวประกาศจนรู้กันไปทั้งบาง รู้กันยันกลุ่มอาจารย์ พี่สมรนี่เป็นคนแรกเลยเถอะที่เข้ามาถามผมทันทีที่ผมเข้ามาในห้องพักครูในตอนเช้า พร้อมกับคำถามที่ว่า... ‘น้องเหนือเป็นจริงๆ ใช่มั้ยคะ ไอ้เกย์โบทชอบรับเนี่ย’

แล้วผมปฏิเสธได้มั้ยล่ะ... ก็ไม่ได้น่ะสิ มันขัดกับความเป็นตัวเองเลยยอมรับไปให้จบๆ เท่านั้นแหละ บรรดาอาจารย์ผู้หญิงรุ่นป้าก็มารุมล้อมผมทันที ตามมาด้วยประโยคกึ่งเสียดายที่ต้องเสียทรัพยากรชายของประเทศไปให้ผู้ชายด้วยกันอีกหนึ่ง

“เดี๋ยวนี้ฮิตกันเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเนอะ”
“นั่นสิ น่าเสียดาย น้องเหนือหน้าตาหล่อขนาดนี้ ไม่ได้เป็นพ่อพันธุ์นี่น่าเสียดายแย่”
“ไม่คิดกลับมาชอบเป็นผู้หญิงเหรอคะน้องเหนือ ทั้งรุกทั้งรับนี่พี่คิดไม่ออกเลยว่าเป็นยังไง มันสนุกเหรอแบบนั้น”

อะ...อะไรของพวกป้าวะเนี่ย! กูแค่ชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่ได้เป็นตัวประหลาดนะเว้ย! จะตื่นเต้นกันไปทำไม!?

หงุดหงิดมาก หงุดหงิดโคตร แถมพวกป้านี่ก็โคตรจะไร้มารยาท เป็นถึงอาจารย์กันซะเปล่า ทำไมไม่รู้จักระวังคำพูดคำจากันบ้างเลยวะ จะชอบรุกหรือรับ สนุกหรือไม่สนุก มันก็เรื่องของกูเว้ย! ตอนนี้อยากจะตะโกนใส่หน้าพวกป้านี่ฉิบเป๋งว่า ‘ถึงจะเป็นผู้ชายแท้ๆ ก็ไม่เอาพวกป้ามาทำเมียหรอกเว้ย! เลิกยุ่งกับกูซะที’ ชะมัด

แต่ผมก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ตอบสักคำถาม กระทั่งพี่สมรเป็นฝ่ายมาดึงผมออกไป แล้วก็ขอโทษขอโพยที่เป็นต้นเหตุทำให้ผมถูกมนุษย์ป้ารุมยิงคำถามใส่จนอึดอัด

ทว่านั่นแค่เริ่มต้นเบาๆ มาหนักก็ตอนไปเข้าคลาสสอน นักศึกษาทุกคน ทุกแผนกที่ผมไปสอนนี่คือไม่มีใครเรียกผมว่าพี่เหนือแล้ว ถ้าเป็นพวกนักศึกษาชาย พวกนั้นจะเรียกผมห้วนๆ ว่า ‘ออโรรา’ นักศึกษาหญิงกับพวกชายใจหญิงจะเรียกผมว่า ‘เจ้เหนือ’ ไม่ก็ ‘คุณแม่ออโรรา’ แทน

ไอ้สองอันหลังนี่คือกำมือแน่นมาก ถึงกูจะชอบรับแต่ก็ใช่ว่ากูจะแต๋วแตกอะไรขนาดนั้น มาจ้งมาเจ้อะไร!

อีแกนนำก็น้องมายด์นี่แหละ แม่งเรียกเจ้ทั้งคาบ แถมจากที่สอนอะไรไปก็ไม่ค่อยฟังอยู่แล้ว พอกลายร่างมาเป็นคุณเจ้ออโรรา แม่งก็ไม่ฟังหนักกันเข้าไปใหญ่ ทั้งคาบเลยมีแต่ผมเท่านั้นที่พูดพึมพำกับกระดาน ส่วนเด็กพวกนั้นก็ล้อผมไม่เลิก

พวกมึงหลุดมาจากยุคไดโนเสาร์กันหรือไงวะถึงไม่เคยเห็นเกย์เนี่ย! จะตื่นเต้นกันไปทำไม! ส่วนอีน้องมายด์... มึงเหยียบยังไงของมึง! รู้กันไปทั่วอย่างนี้ เท้ามึงขนาดเท่าฝาหอยหรือไงวะ!?

หงุดหงิดอีกละ หงุดหงิดกว่าที่ธารใจไม่เข้าเรียนคาบของผม คือตอนที่ผมเข้าห้องเรียนมาเนี่ย ก็เห็นมันนอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะดีๆ แต่พอออกปากทักทายพวกนักศึกษาในห้องเท่านั้น มันก็ลุกพรวดแล้วเดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย จากนั้นก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลยจนหมดคาบ พอผมออกมาจากห้องแล้วถึงเห็นมันเดินกลับเข้าไปในห้อง

ไอ้นี่... จงใจหนีหน้ากันชัดๆ เลยนี่หว่า อย่าบอกนะว่าเป็นพวกเหยียดเพศ...

คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่ ถ้าเป็นพวกเหยียดเพศจริง มันก็คงจะไม่รับนังน้องมายด์เข้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทด้วยแน่ งั้นก็คงจะโกรธผมเรื่องที่ผมไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกว่าเป็นเกย์ล่ะมั้ง

แต่ว่า... มึงจะมาโกรธกูทำไมวะ! ไม่ได้เป็นอะไรกับมึงนะเว้ย แล้วที่กูไม่บอกก็เพราะมึงทำท่าเหมือนจะกระทืบกูตลอดเวลาเนี่ย มันใช่ความผิดกูมั้ย!

จะโวยวายกับใครก็ไม่ได้ เลยเอาแต่เก็บเงียบไว้กับตัวจนกลับมาถึงหอ โทรไปเล่าให้ยีนส์กับกั้งฟังว่าวันนี้ผมโดนอะไรมาบ้าง แล้วแทนที่พวกเพื่อนเวรนั่นจะเห็นอกเห็นใจ กลับหัวเราะร่าใส่แล้วอวยพรให้ผมโชคดีมีชัย ก่อนจะตัดสายไปเฉย

ความทุกข์ของเหนือ ใครเล่าจะเข้าใจเท่าตัวเหนือเอง เดี๋ยวกูก็ประชดด้วยการ แต่งหญิงไปฝึกงานแม่ง!

ไม่ทำจริงหรอก คิดไปงั้น ใครมันจะไปทำวะ ถึงจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้ใจหญิงขนาดนั้น ผมว่าผมยังมีความเป็นผู้ชายอยู่ โดยเฉพาะความหื่นกามตามธรรมชาติแบบผู้ชายเนี่ย อันนี้ชัดเจนทั้งในจิตใจ ทั้งระบบความคิด เพียงแต่มันไปหื่นกับผู้ชายด้วยกันเท่านั้น

ช่างมันเถอะเรื่องถูกเรียกว่าออโรราอะไรนั่น ไม่แน่ว่าพอเปิดตัวว่าเป็นเกย์แล้ว อาจจะฝึกงานได้ราบรื่นกว่าเดิมก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ถูกอีน้องมายด์เต๊าะล่ะวะ

คิดอย่างนั้นก็สบายใจขึ้นมาหน่อยนึง แต่ผมก็ยังกังวลนิดหน่อย ...ไม่หน่อยล่ะ ถึงขั้นเปิดประตูห้องออกไปวนเวียนดูว่าเจ้าของห้องข้างๆ กลับมาหรือยังนี่คือไม่หน่อยแล้ว ไอ้ที่กังวลก็เรื่องไอ้เด็กบ้าธารใจนี่แหละ อุตส่าห์รู้สึกว่าเกือบจะสนิทกันแล้วเชียว สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่มันโกรธแล้วบอกว่าผมไว้ใจไม่ได้อีก

แค่ไม่บอกว่าเป็นเกย์ มันยังบอกว่าไว้ใจไม่ได้ นี่ถ้ามันรู้ว่าผมคิดอะไรกับมันเมื่อคืนล่ะก็ สงสัยคงไม่รีรอที่จะจับผมโบกปูนแล้วเอาถ่วงน้ำแน่

ถึงอย่างนั้นผมก็ยังกังวล เกือบจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว ประตูห้องข้างๆ ก็ยังล็อคเหมือนเดิม ไฟในห้องก็ไม่ส่องแสงลอดใต้ช่องประตูมาให้เห็น ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนจากกังวลเป็นหงุดหงิดงุ่นง่านละ

หงุดหงิดตัวเองเนี่ย! จะไปเป็นห่วงมันทำไม!

พยายามสงบจิตสงบใจให้เลิกคิดถึงหน้าหล่อๆ ของเด็กนั่น แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องไปค้นเอาใบรายชื่อนักศึกษาในแผนกที่พี่สมรเคยให้ไว้มาเปิดดู ใบรายชื่อแผ่นนี้ต่างจากแผ่นที่เอาไว้เช็คชื่อหน่อยตรงที่มีเบอร์โทรศัพท์กับอีเมลของนักศึกษาทุกคน

ผมไล่สายตาหาชื่อของธาร พอเห็นเบอร์แล้วก็รีบคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์อย่างไม่รอช้า ทว่าพอจะกดปุ่มโทรออกเท่านั้น ผมก็เกิดเปลี่ยนใจ ลบเบอร์มันทิ้งไปเฉยๆ

โทรไปแล้วจะบอกว่าอะไรวะ ถามว่าทำไมยังไม่กลับเหรอ เดี๋ยวมันก็ได้สวนหน้าแหกว่าไปยุ่งอะไรกับมันหรอก แต่ถ้าโทรไปบอกว่าเห็นว่าไม่กลับมาซะทีเลยเป็นห่วง แบบนี้มันจะโอเคมั้ยวะ

ไม่... ไม่โอเคอยู่แล้ว มันต้องคิดว่าผมคิดอะไรกับมันเกินเลยกว่าอาจารย์กับนักศึกษาแน่ เพิ่งจะแกรนด์โอเพนนิงไป รุกไปอย่างนั้นจะได้โดนมันพาพวกมาบุกกระทืบกันพอดี

แต่สุดท้าย ผมก็กดเบอร์มันขึ้นมาอีก และแน่นอนว่าไม่ได้โทรออก ทว่าก็ไม่ได้ลบ บันทึกลงในสมุดรายชื่อแทน ก่อนจะไปปิดไฟ ทิ้งตัวนอนบนเตียง พยายามข่มตาให้หลับ หากแต่ใจมันงุ่นง่านจนหลับไม่ได้เลย

เป็นห่วงจริงๆ ด้วยแฮะ

ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง หัวคิดวุ่นว่าจะทำยังไงดีถึงจะรู้ว่าธารไปไหน ทำไมไม่กลับห้อง ก่อนจะคิดถึงหน้าพวกเพื่อนมันขึ้นมาได้ เท่านั้นผมก็รีบลุกเปิดไฟ หารายชื่อเพื่อนในแก๊งมันทันที

โรม... รายนี้ยังอยู่ในโรง’บาลตั้งแต่วันที่มันตีกันในโรงอาหาร คงจะไม่รู้หรอกว่าธารไปไหน
น้องมายด์... ช่างหัวแม่ง อย่าให้มันรู้เบอร์โทรตัวเองเป็นอันขาด อันตรายๆ ข้ามไป
จอมแก่น... อืม รายนี้น่าจะเข้าท่า ท่าทางคุยง่าย และดูท่าจะเก็บความลับอยู่ด้วย มาดเด็กดีขนาดนั้นน่าจะเชื่อฟังอาจารย์อยู่แล้ว

คิดแค่นั้น ผมก็กดเบอร์ของจอมแก่นแล้วโทรออกทันที รออยู่ครู่หนึ่ง ปลายสายก็มีคนรับ
[ฮัลโหล]
เสียงเพลงโฟล์คซองคล้ายกับดนตรีสดดังลอยเข้ามาให้ได้ยินด้วย ผมเอะใจนิดหน่อยว่าดึกดื่นป่านนี้แล้ว ทำไมเด็กนี่ยังอยู่นอกบ้านอีก แต่ก็ไม่ได้ถาม นอกจากแนะนำตัวเองออกไปเท่านั้น
“จอมแก่น นี่พี่เหนือเองนะครับ”
[พี่เหนือเหรอครับ มีธุระอะไรเหรอครับ โทรมาซะดึกเลย แล้วนี่เอาเบอร์ผมมาจากไหน ใบรายชื่อนักศึกษาเหรอครับ]
อีกฝ่ายมีน้ำเสียงประหลาดใจทันที คาดว่าจะประหลาดใจกว่าเดิมด้วยถ้าผมถามคำถามใหม่ออกไป

“อืม ขอโทษนะที่โทรมากวนดึกๆ คือ...พี่เหนือมีเรื่องจะถามหน่อยน่ะ”
[เรื่องอะไรครับ]
“เรื่องของธารใจ”
[ธารเหรอ ธารทำไมครับ หมอนั่นไปก่อเรื่องอะไรมา]
เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูประหลาดใจจริงๆ ด้วย ก็เพราะรู้อยู่แก่ใจน่ะว่าความสัมพันธ์ของผมกับธารใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แถมเดาไปแล้วด้วยว่าธารมันไปสร้างปัญหา
“เปล่าหรอก พี่เหนือแค่จะถามว่าธารอยู่...”
[เฮ้ย! ไอ้แก่น! ทำอะไรวะ อู้งานเหรอ เดี๋ยวฟาดด้วยถาด!]

ถามยังไม่ทันจบ เสียงห้าวของใครบางคนก็ดังแทรกเข้ามา ทำเอาผมชะงัก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของจอมแก่น

[คุยโทรศัพท์แป๊บนึงดิพี่ดื้อ เดี๋ยวกลับไปทำ] สิ้นประโยคที่คุยกับเจ้าของเสียงห้าวเมื่อครู่ เสียงของจอมแก่นก็ดังขึ้นให้ผมได้ยินอีกครั้ง [ขอโทษนะครับพี่เหนือ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ พี่เหนือมาหาผมที่นี่ได้มั้ยครับ จะได้คุยกัน]

จู่ๆ ก็เสนอมา ผมเลยรีบตอบรับไปทันใดด้วยรู้สึกว่าท่าทางจอมแก่นน่าจะยุ่งจริงๆ เพราะหลังจากนั้นก็มีเสียงคนโวยวายตามมาให้ได้ยินอีก ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่จอมแก่นคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จสักทีนี่แหละ
“ได้ครับ จะให้พี่ไปหาที่ไหน”
[ร้านนมน่ะครับ เดี๋ยวผมบอกทางให้]
พอบอกทางเสร็จและวางสายเป็นที่เรียบร้อย ผมก็รีบแต่งตัว คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง สตาร์ทรถได้ก็ขับไปตามทางที่จอมแก่นบอกไว้ทันที
 


ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็มาถึงยังที่หมาย ร้านนมที่จอมแก่นว่าอยู่ในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางเมือง ผมจอดรถด้านหน้าได้ก็เหลือบมองเข้าไปในร้าน มันเป็นลานกว้างคล้ายๆ ลานเบียร์ มีดนตรีสดเล่น  เพียงแต่ของที่ขายหลักๆ คือเครื่องดื่มจำพวกนมปั่น เลยกลายเป็นสถานที่รวมตัวของวัยรุ่นที่ยังไม่กลับบ้าน

ผมไม่ได้เข้าไปในร้านเพราะจอมแก่นบอกว่าให้รอ เดี๋ยวจะออกมารับตอนว่างเพราะวันนี้มีลูกค้าเยอะ ก็เลยขยับรถไปจอดห่างจากหน้าร้านนิดหน่อยเพราะไม่ได้มาเป็นลูกค้าที่นี่

ระหว่างรอ ผมก็กดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อย ก่อนหูทั้งสองข้างจะได้ยินเสียงใครบางคนเคาะกระจกฝั่งข้างคนขับ
จอมแก่นแน่นอน... ผมเลยรีบเก็บโทรศัพท์ ปั้นสีหน้าใจดีและเลื่อนกระจกลง

“หวัดดีครับน้องจอม...”
“ชั่วคราวห้าร้อย ค้างคืนแปดร้อยค่ะพี่”
จะ...จอมปลวก! ไอ้ตุ๊ดหน้าปรุเป็นหลุมอุกกาบาตนี่ใคร!?

เหวอรับประทานไปเลยสิบวิ มองหน้าตุ๊ดที่หน้าขาวกว่าคอประหนึ่งเพื่อนไม่ช่วยเลือกรองพื้นให้โผล่หัวที่มีผมยาวปะบ่าสีทองอร่ามเข้ามาในรถผมอย่างงุนงง สายตาก็ปราดมองไปยังตัวมันที่ใส่เสื้อเกาะอกสีดำเอวลอยกับกางเกงขาสั้นเสมอหู คือถ้าหุ่นดีหรือทรวดทรงแบบผู้หญิง แต่งแบบนี้มันจะดูดีมาก ทว่าไม่ใช่ นี่คือหุ่นผู้ชายชัดๆ เรียกได้ว่าหุ่นคล้ายกับนักมวยรุ่นน้องของน้องมายด์เลย ส่วนพุงที่มันโชว์ก็ปลิ้นออกมาซะเห็นก้อนขี้ไคลในสะดือ ก่อนจะได้สติอีกครั้งเมื่อมันพูดขึ้นอีก

“ว่าไงคะพี่ ไปมะ”
“ปะ...ไปไหนครับ” ผมถามกลับ ขณะที่ตุ๊ดนั่นกลอกตาใส่แล้วว่าเสียงแหลม
“แหมพี่ อย่าทำมาเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลยค่า มาจอดรถตรงนี้ มาหาเหยื่อกินก็บอกมา ตกลงเอาไง ชั่วคราวห้าร้อย ค้างคืนแปดร้อย แต่พี่หล่อ หนูจะลดให้ เป็นค้างคืนห้าร้อยแทน สนใจปะ”

กะ...กูจะยอมเสียเงินห้าร้อยไปเอาคางคกอย่างมึงไปเสพสมด้วยทำไม!

โอย น้องมายด์ก็ว่าแย่แล้ว มาเจอแบบนี้ บอกเลยว่าน้องมายด์นี่เป็นนางฟ้าไปเลย

“มะ...ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พะ...พี่มาหาเพื่อนน่ะ” ผมเลยรีบปฏิเสธไปก่อนที่มันจะไม่โผล่เข้ามาในรถผมแค่หัว
และพอผมปฏิเสธ มันก็ชักสีหน้าใส่ ก่อนจะแว้ดๆ ขึ้นมา
“โอ๊ยพี่ ห้าร้อยเอง หลับตาทำๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็เสร็จ ช่วงนี้หนูไม่มีงานโคโยตี้ งานวัดเค้าไม่ได้จัด ถือว่าช่วยๆ กันแล้วกัน คนไทยด้วยกันน่า”

หลับตาทำๆ ไป มึงก็พูดง่ายเนอะ กูเอาห้าร้อยไปกินบุฟเฟต์ดีกว่าเว้ย! แล้วนี่โคโยตี้บ้าบอคอแตกอะไร หุ่นมึงเหมือนนักมวยยิ่งกว่าโคโยตี้อีก!

ลมจะจับเลย เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอที่จู่ๆ ก็ถูกผีขนุนมุดเข้ารถมาแล้วพยายามจะสิงให้ได้ โชคดีที่พอผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธอีกครั้ง ร่างของเด็กหนุ่มในคุ้นตาก็โผล่มาข้างๆ ผีขนุนนั่น ก่อนจะสะกิดไหล่เบาๆ

“เลมอน พี่คนนี้ไม่ได้มาหาเด็กกิน มาหาเรา”
“อ้าว คนรู้จักของแก่นเหรอ” ผีขนุนที่มีชื่อว่าเลมอนหันไปมองจอมแก่นที่อยู่ในชุดเด็กเสิร์ฟของลานนมเมื่อครู่แล้วถามเสียงหลง พอจอมแก่นพยักหน้าให้ก็เบ้ปากออกมา “แล้วก็มาจอดหลบมุมมืดๆ เห็นแล้วก็นึกว่าเป็นลูกค้าสิยะ ฮ่วย เสียดาย หน้าตาหล่อ อุตส่าห์นึกว่าจะได้กินอะไรแซ่บๆ บ้างอะไรบ้าง”

บ่นเสร็จก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมหายใจโล่งคอ ก่อนจะมองตามแล้วขมุบขมิบปากใส่หลังมัน
หน้าตาอย่างมึงนี่ไม่ควรชื่อเลมอนเลย มึงควรชื่อลูกยอ! โอ้โห ผีหลอกวิญญาณหลอนเป็นยังไง รู้ได้ก็ในตอนนี้

“ไม่ต้องตกใจนะพี่เหนือ เรื่องปกติน่ะ แถวนี้มีมาเคาะกระจกเรียกประจำ ถ้ามาแถวนี้ครั้งหน้าก็อย่ามาจอดรถในที่มืดๆ นะครับ เดี๋ยวโดนเรียกอีก” ได้สติอีกครั้งก็ตอนจอมแก่นชะโงกหน้าเข้ามาบอกกับผมแทนอีผีเลมอนเมื่อครู่

นี่สิ ถ้าเมื่อกี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักแบบนี้ ค้างคืนคืนละแปดร้อยนี่จะเปย์ให้ไม่อั้น อ๊ะ...ไม่ใช่สิ หื่นลามปามละไอ้เหนือ นี่มึงมาคุยธุระเรื่องไอ้ธารนะ!

“เดี๋ยวเข้าไปนั่งคุยกันข้างในเถอะครับ โต๊ะเริ่มว่างแล้ว” จอมแก่นพูดขึ้นมาอีกพลางชี้นิ้วเข้าไปในลานนม
ผมเลยลงจากรถ พอล็อครถได้ก็เดินตามหลังเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อพนักงานของลานนมแห่งนี้ ก่อนจะถามออกมา
“จอมแก่นทำงานพิเศษที่นี่เหรอ”
“ครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่งานพิเศษจริงจังหรอก ผมแค่มาช่วยเป็นครั้งคราวน่ะ”
“แล้วทำงานดึกๆ อย่างนี้ ที่บ้านไม่เป็นห่วงเหรอ” ผมถามอีกด้วยเห็นว่านี่ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว
จอมแก่นหันมายิ้มแป้นก่อนตอบออกมา “ไม่ห่วงหรอกครับ ก็ร้านนี้มันเป็นร้านของพี่ผมน่ะ ทำเสร็จก็กลับพร้อมกัน พี่เหนือไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

ผมร้องอ๋อยาว ก่อนจะเดินไปนั่งยังโต๊ะที่มีเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งเพิ่งเคลียร์เสร็จ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดพนักงานเหมือนกัน แต่ท่าทางดูกร่างพอสมควร เพราะเห็นหมอนั่นดุพนักงานคนอื่นด้วยสีหน้าหงุดหงิด ผมจะไม่สนใจเลยถ้าไอ้กร่างนั่นหน้าตาไม่หล่อน่ะ

“แล้วนั่น...” แค่มองเท่านั้นแหละ ผมก็ออกปากถามเลย จอมแก่นที่กำลังจะไปสั่งของกินเล่นมาให้ผมชะงัก มองไปยังผู้ชายคนนั้นแล้วก็พูดขึ้น
“นั่นพี่ดื้อครับ พี่ชายผมเอง เจ้าของร้านน่ะ ดุหน่อยแต่จริงๆ ใจดีนะ”
ผมเลิกคิ้วสูง มองไปยังจอมแก่นทันใด ขณะที่จอมแก่นพยักหน้าพร้อมอมยิ้มน้อยๆ
“ผมมีพี่ชายสองคนน่ะครับ คนโตชื่อจอมแสบ เปิดร้านเหล้าอยู่แถวๆ ไนท์บาซา ส่วนที่พี่เหนือเห็นอยู่คือพี่จอมดื้อ”

ตอนนี้เข้าใจละว่าคนที่จอมแก่นเรียกว่าพี่ดื้อตอนที่คุยโทรศัพท์กับผมอยู่หมายถึงใคร และก็พอจะเดาได้ด้วยว่าชื่อเล่นของจอมแก่น จริงๆ คงจะเป็นแค่ ‘แก่น’ เฉยๆ เพราะได้ยินพี่ชายจอมแก่นเรียกอย่างนั้น แต่ที่เพื่อนๆ เรียกกันว่าจอม คงเป็นเพราะเป็นพยางค์แรกของชื่อจริงล่ะมั้ง
แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับมองจอมดื้อแล้วผมก็เกิดน้ำลายสอ ครางออกไปโดยไม่รู้ตัว

“พี่ชายแซ่บมาก...” แบดมากด้วย เข้มอีกต่างหาก ถึงน้องธารจะดูแซ่บกว่าก็เถอะ แต่เห็นแบบนี้แล้วเหนือก็อยากได้อยากโดน ท่าทางจะสายเอส
“อะไรนะครับ”
“อะ...อ๋อ เปล่าๆ แค่บอกว่าเอ็นไก่ทอดโต๊ะนั้นท่าทางจะแซ่บ” ได้สติก็ตอนจอมแก่นโพล่งถาม ก่อนจะชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อย
“งั้นเดี๋ยวผมสั่งมาให้นะ” จอมแก่นยิ้มรับแล้วเดินไปสั่งของกิน ปล่อยให้ผมนั่งลวนลามพี่ชายมันทางสายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมา

“ตกลงพี่เหนือมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
“ก็เรื่องของธารนั่นแหละ” ผมว่าขณะรับแก้วนมปั่นที่พนักงานเอามาเสิร์ฟให้วางบนโต๊ะ
“ธารทำไมครับ” จอมแก่นถามเสียงเครียดขึ้นมาเลย ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเพื่อนจากเด็กตรงหน้าทันที ก่อนจะรีบโบกมือเป็นเชิงให้คลายกังวล
“เฮ้ย ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น พี่แค่จะถามว่าจอมแก่นพอจะรู้มั้ยว่าวันนี้ธารไปไหน พอดีพี่ยังไม่เห็นกลับมาห้องน่ะ”

พอผมถามไปแบบนั้น สีหน้าของจอมแก่นก็ดูผ่อนคลายขึ้นทันตา
“อ๋อ วันนี้ธารกลับไปนอนบ้านน่ะครับ เห็นบอกว่าเข้าห้องไม่ได้ ต้องรอช่างมาเปิดให้พรุ่งนี้”
ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมันมาอาบน้ำที่ห้องผมแล้วดันล็อคห้องแต่ลืมเอากุญแจออกมา เท่านั้นก็เบาใจที่การที่มันไม่กลับห้อง ไม่ได้เป็นเพราะผมอย่างที่คาดคะเนไว้ในตอนแรก
“งั้นเหรอ”
“พี่เหนือจะถามแค่นี้เหรอครับ” จอมแก่นถามขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าจอมแก่นนี่บ่งบอกชัดเจนเลยว่าอยากจะพูดว่า ‘ถ้ามาถามแค่นี้ รู้งี้คุยทางโทรศัพท์ให้จบๆ ไปตั้งแต่แรกแล้วเว้ย!’

แต่แน่นอนว่าผมไม่ได้มาถามแค่นี้หรอก ยังมีเรื่องอื่นอีก
“คือ...พี่อยากรู้น่ะจอมแก่นว่าธารเนี่ย ไม่ค่อยชอบพวกเกย์อะไรแบบนี้เหรอ”
สิ้นเสียง จอมแก่นก็ทำตาโตขึ้นมา “พี่เหนือหมายถึงธารไม่ชอบพี่เหนือเพราะเป็นเกย์?”
โห ตรงประเด็นมาก เอาเถอะ พยักหน้ารับแล้วกัน

“ไม่ใช่หรอกครับ ธารไม่ได้ไม่ชอบเกย์ หมอนั่นไม่ใช่พวกเลือกคบคนเพราะเพศหรอก ไม่งั้นมายด์คงไม่ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มแน่ ธารแค่ไม่ชอบขี้หน้าพี่เหนือแต่แรกน่ะครับ”
นี่ก็ตรงอีก ไม่ต้องย้ำ กูก็พอรู้เว้ย ถ้ามันชอบหน้ากู มันคงไม่ประทุษร้ายรถกูอย่างนั้นหรอก!

ผมหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำพูดนั้น ออกจะไม่เข้าใจสักหน่อยที่ถ้าธารไม่ชอบหน้าผม แต่การชวนผมไปกินข้าว มาขออาบน้ำที่ห้อง ทำท่าทางเหมือนจะวางใจแต่ก็ไม่วางใจเนี่ยมันคืออะไร
และเพราะผมเงียบครุ่นคิดไปนาน จอมแก่นก็เลยว่าขึ้นมา

“พี่เหนือไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ธารน่ะไม่อะไรกับพวกเกย์หรอก ขนาดพี่ดื้อเป็นเกย์ ธารยังสนิทด้วยเลย อย่าไปคิดมาก”
“เดี๋ยวนะ จอมแก่นกำลังจะบอกว่าพี่ชายคนรองของจอมแก่นเป็นเหมือนกับพี่?”
“ครับ” จอมแก่นพยักหน้า “แต่เป็นรุกอย่างเดียวนะ ไม่ได้รุกๆ รับๆ เหมือนพี่เหนือ”

ความหมองหม่นในใจผมหายวับไปกับตาทันที ผมรีบหันไปมองจอมดื้อขณะที่หมอนั่นเองก็หันมามองผมเหมือนกัน แล้วก็ตามมาด้วยการยิ้มให้เป็นการทักทายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมเป็นแขกของน้องชาย

หูย... ยิ้มชวนละลายมาก นี่แหละไอ้เหนือ เผื่อได้เผื่อโดนของมึงล่ะ เอาไอ้เด็กธารเก็บลงไปก่อนรัวๆ

หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ส่งสายตาเชิญชวนให้พี่ชายจอมแก่น เด็กนั่นก็ขัดความอ่อยของผมขึ้นมาอีก
“แต่ถ้าธารทำอะไรให้พี่เหนือไม่สบายใจล่ะก็ ผมขอโทษแทนเพื่อนแล้วกันนะครับ จริงๆ ธารน่ะเป็นคนใจดี อ่อนโยนด้วย เพียงแต่ภายนอกดูกระด้างกระเดื่องไปหน่อยเท่านั้น”
“ไอ้เด็กเวร... เอ่อ ธารน่ะนะเป็นคนอ่อนโยน?” ผมเบ้หน้าทันใดเมื่อได้ยินคำนั้น แต่จอมแก่นยังคงพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด
“ครับ ก่อนที่คุณน้าจะเสีย ธารเป็นคนร่าเริงกว่านี้ แล้วก็อ่อนโยนกว่านี้มากๆ ด้วย เพิ่งมาเป็นคนแข็งๆ ก็เมื่อไม่นานนี่เองครับ”

ผมนึกขึ้นได้ทันทีว่าแม่ของจอมแก่นเคยเป็นแม่บ้านของเด็กนั่น จะเคยเห็นมันก่อนทรานส์ฟอร์มมาเป็นเด็กนิสัยเสียก็ไม่แปลก
เท่านั้นความสงสัยของผมก็ผุดพรายขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะไอ้เรื่องปัญหาของธารเนี่ย
“แล้วตอนที่แม่ธารเสีย หลังจากนั้นธารมีปัญหาอะไรกับผู้ใหญ่ในบ้านมั้ย”

พอผมถามไปอย่างนั้น สีหน้าของจอมแก่นก็ดูอึดอัดขึ้นมาทันที
“พี่เหนือจะอยากรู้ไปทำไมเหรอครับ”
“คือ... ในฐานะอาจารย์ผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษา พี่ก็อยากรู้น่ะ” ผมอ้างไปเรื่อย
“ป้าหมอนให้พี่เหนือมาสืบอะไรหรือเปล่า” จอมแก่นว่าอย่างไม่ไว้ใจ ทำเอาผมสะดุ้งไปทันที
“เปล๊า!” ปฏิเสธเสียงสูงด้วย “ไม่ได้ให้สืบเลย ไม่ได้ให้สืบสักนิด” แค่บังคับให้ดูแลไอ้เด็กเวรนั่นเฉยๆ เท่านั้นเอง

แต่ผมก็ไม่ได้พูดหรอก จอมแก่นเองก็ไม่ยอมบอกเช่นกัน ปฏิเสธแบบอ้อมๆ
“นึกว่าป้าหมอนให้มาสืบ รายนั้นน่ะส่งอาจารย์มาตีสนิทธารประจำ เห็นอาจารย์คนไหนสนิทกับธารก็วานให้มาสืบทุกที”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็เข้าใจเลยว่าวันที่ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์มากับเด็กนั่น ทำไมมันถึงปล่อยให้ผมลงหน้าวิทยาลัย คงจะกลัวว่าพี่สมรเห็นแล้วจะให้ผมมาเข้าหามันล่ะสิ บอกเลยว่าสายไปแล้วโว้ย

“ส่วนเรื่องของธาร ถ้าธารไม่เป็นคนยอมบอกเอง ผมก็ไม่บอกดีกว่า รายนั้นยิ่งโมโหง่ายอยู่ด้วย เดี๋ยวจะพาลมาโกรธผมอีกคน” จอมแก่นว่าพลางยักไหล่ให้ผมได้ย่นคิ้วจนได้
เอ้า! ไหงมึงเอาตัวรอดแบบนี้ล่ะไอ้จอมแก่น! แล้วจะปล่อยให้มันโกรธกูอย่างนี้เหรอ!

ไอ้เด็กพวกนี้นี่ปกป้องกันชนิดออกหน้าออกตาเลยวุ้ย ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อกับความรักเพื่อนตามสไตล์ของเด็กวัยรุ่น ลองให้พวกมันมาเรียนมหา’ลัยเมื่อไหร่ก่อนเถอะ เดี๋ยวรู้เลยว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนน่ะวงการมายาชัดๆ!

เห็นหน้าตาระอาของผมแล้ว จอมแก่นก็หัวเราะออกมานิดหน่อย แล้วว่าต่อ
“แต่พี่เหนือไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ ธารน่ะโกรธง่ายก็จริง แต่ก็หายเร็วเหมือนกัน รายนั้นขี้งอนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนคุณน้ายังอยู่นะ โหย เป็นเด็กขี้งอนสุดๆ”

ผมชักจะนึกภาพออกเลยว่าก่อนหน้านั้นธารเป็นเด็กแบบไหน แม่ง เด็กโดนพ่อแม่สปอยล์จริงๆ ซะด้วย ส่วนเรื่องขี้งอนนี่เห็นด้วยอย่างแรง ขนาดไม่สนิทกับมัน ยังโดนมันโกรธไปสองครั้งแล้วเนี่ย บ้าจริง
แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสนใจได้มากเท่ากับการที่จอมแก่นเลื่อนจานขนมปังปิ้งมาให้ผมพลางพูดไปด้วย

“แต่ที่ธารโกรธพี่เหนือคราวนี้เนี่ย เป็นเพราะพี่เหนือปิดบังธารเรื่องเป็นเกย์ต่างหาก ธารเป็นพวกจริงจังกับเรื่องความจริงใจน่ะครับ ถ้าใครมีความลับกับธาร ธารจะถือว่าเป็นพวกไว้ใจไม่ได้ทันที”
“เพราะมีคนทำให้ธารไม่ไว้ใจมาก่อนใช่มั้ย” ผมถามคืน
จอมแก่นพยักหน้า
“คนอายุมากกว่าด้วยใช่มั้ย”
“ครับ”
“คนในบ้านป่ะ”
“พี่เหนือไปถามธารเองดีกว่า” แล้วจอมแก่นก็เลี่ยงจะตอบอยู่ดีพอถามเข้าเรื่องประเด็นในบ้าน

ผมเลยถอนหายใจ ไม่สานต่อ
ช่วยไม่ได้ วันนี้เอาแค่นี้แล้วกัน

“งั้นพี่เหนือขอบคุณจอมแก่นมากนะครับ พี่เหนือว่าพี่เหนือไม่กวนแล้วดีกว่า ดึกแล้ว จอมแก่นจะได้รีบทำงานแล้วรีบกลับไปพักผ่อน” ผมตัดบทเอาดื้อๆ
จอมแก่นก็ไม่ห้าม พยักหน้าแล้วลุกขึ้นทำท่าจะไปส่งผมที่รถ ทว่าระหว่างที่เดินออกไปหน้าร้าน ใครบางคนก็ส่งเสียงร้องทัก
“มาแป๊บเดียวเอง จะกลับแล้วเหรอ”
หันไปมองแล้วก็เห็นว่าเป็นจอมดื้อที่เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ ส่วนจอมแก่นก็ตอบแทนผม
“กลับแล้ว พรุ่งนี้มีสอนเช้า”
“อ้อ นี่น่ะเหรอออโรราในตำนานที่ร่ำลือกัน ได้ยินกิตติศัพท์ว่าวิ่งไวเป็นม้า เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็ตอนนี้” จอมดื้อสวนขึ้นมาทันที

ไอ้ที่ผมยิ้มๆ ให้อยู่เมื่อกี้ถึงกับหน้าม้านไปเลย หน็อย... รู้มาจากไอ้เด็กช่างพวกนี้แน่
“อือ คนนี้แหละ แต่จริงๆ ชื่อพี่เหนือนะ ไม่สิ พี่ดื้อไม่ต้องเรียกพี่ เพราะพี่ดื้อแก่กว่า”

ผมเลิกคิ้วใส่จอมแก่นเป็นเชิงถามทันที หากแต่จอมแก่นยังไม่ทันตอบ จอมดื้อก็แทรกขึ้นมา
“พี่อายุยี่สิบสี่น่ะ เรียนจบแล้ว เหนืออายุน้อยกว่าพี่สองปีสินะถึงได้มาฝึกงานเนี่ย”
“ครับ” ผมตอบรับอย่างสุภาพ ใจก็เต้นตึกตักไปด้วยเมื่ออีกฝ่ายตบฝ่ามือลงมาบนไหล่ผมเบาๆ
“รับมือกับไอ้พวกนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ สู้ๆ ล่ะ ถ้าเบื่อก็แวะมานั่งเล่นที่นี่ได้”
“แหะๆ ครับ” ผมก็ตอบรับไปเรื่อย ก่อนที่จอมแก่นจะร้องเรียกผมอีกครั้ง
“ไปกันเถอะครับพี่เหนือ ดึกแล้ว ขับรถกลับคนเดียวมันอันตราย”

ผมเลยเดินตามหลังจอมแก่นไป ทว่าพอก้าวเท้า พี่ดื้อก็ตรงเข้ามาคว้าข้อมือผมไว้ พร้อมกับยัดกระดาษแผ่นเล็กๆ มาให้โดยที่จอมแก่นไม่ทันเห็น ก่อนจะขยับริมฝีปากเบาๆ
“ยิงมานะ เดี๋ยวโทรกลับ” พูดจบก็เดินจากไปทันที ปล่อยให้ผมมองว่าในกระดาษแผ่นนั้นเขียอะไรเอาไว้
พอเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ หัวใจก็เต้นรัวทันที

หืม... อยากได้อยากโดนของไอ้เหนือต้องเป็นคนนี้แหละ ถึงจะไม่ถูกสเป็คเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้หล่อเท่าธาร แต่ก็หล่อใช้ได้ แก้ขัดไปก่อนแล้วที่เหลือค่อยว่ากัน

ผมเก็บกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกมาจากร้าน บอกลากับจอมแก่นนิดหน่อยก่อนจะขับรถกลับหอด้วยความลั้นลาต่างจากตอนแรกเป็นปลิดทิ้ง

บอกเลย หล่อๆ อย่างไอ้เหนือ อยู่ที่ไหนก็ไม่อดตาย ไม่ได้เคี้ยวกระดูกเด็กกรุบกรอบก็ไม่เป็นไร คนอายุมากกว่าแก่ประสบการณ์ก็กรุบกรอบไม่แพ้กันหรอกน่า
 
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่6♦P.3♦20/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 22-02-2016 19:45:09
ชั่งใจ ครั้งที่ 7: ธารขอโทษครับพี่เหนือ[2]

ว่าจะโทรๆ สุดท้ายก็ลืมโทรไปหาจอมดื้อจนได้เพราะกลับมาถึงห้องได้ ผมก็เข้านอนเลยด้วยเหนื่อยล้าเต็มทน วันใหม่มาถึงก็หนักหนาสากรรจ์อีกเช่นเคย จากที่ต้องรับมือเด็กช่างแค่เฉพาะในคาบเรียน ตอนนี้ต้องรับมือตั้งแต่เหยียบเข้าวิทยาลัย ซ้ำไม่ใช่แค่พวกแผนกช่างไฟปีสามด้วย แต่เป็นทั้งวิทยาลัย เดินไปทางไหน แม่งก็ร้องเรียกกันแต่ออโรราๆ เดี๋ยวกูก็จับกดเรียงตัว แตกแถวให้เริ่มใหม่ซะนี่!

ร้ายกว่านั้นคือตอนเข้าสอนแผนกช่างไฟปีสาม พวกมันล้อเลียนผมไม่หยุดเลย ขนาดบอกพวกมันว่าจะมีสอบย่อย จะทบทวนให้ก่อน พวกมันก็ไม่ฟัง ร้องเรียกออโรรากันอยู่ได้ นี่ก็ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ไม่ใช่แค่ล้อเลียนผมอย่างเดียวด้วยแล้วตอนนี้ ถึงขนาดตั้งวงเล่นไพ่ เล่นบิงโกกันก็มี

ถ้าพวกมึงจะไม่ไว้หน้ากูขนาดนี้ล่ะก็ ไม่ต้องให้กูเข้าสอนก็ได้เว้ย!

ผมชักจะหัวเสียขึ้นมาละ เอาปากกาไวท์บอร์ดที่อยู่ในมือทุบกับกระดานให้เกิดเสียงเป็นการเรียกความสนใจ ก่อนจะร้องโพล่งขึ้น
“น้องครับ นั่งที่ครับ พี่จะเริ่มสอนแล้ว”
แล้วพวกมันฟังมั้ย... ไม่ แม่งเฮโลกันไม่เลิกจนผมต้องเคาะกระดานให้แรงขึ้นอีกครั้ง
“น้องๆ ครับ! นั่งที่ได้แล้ว!”

ไม่มีใครฟังอยู่ดี ทุกอย่างดำเนินไปราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น จะมีก็แต่จอมแก่นกับน้องมายด์ที่พยายามบอกเพื่อนๆ ให้ลุกขึ้นนั่งที่ แต่ก็ไม่มีใครทำตาม ส่วนธารที่นอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเงยหน้าขึ้นมาชักสีหน้ารำคาญใส่ผมเล็กน้อย แล้วก็ฟุบลงไปอีก
ตอนนี้เส้นความอดทนของผมมันถึงขีดสุดละ

“ไอ้พวกเด็กเวร! ลุกขึ้นนั่งที่แล้วตั้งใจเรียนได้แล้ว!” ตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัว มือก็ขว้างปากกาไวท์บอร์ดในมือออกไปด้วย ไปโดนหัวใครสักคนก็ไม่รู้ดังป๊อก แต่ได้ผล เงียบกันทั้งห้อง มองมาที่ผมอย่างตกตะลึงที่จู่ๆ อาจารย์ฝึกสอนผู้เรียบร้อย พูดจาสุภ้าพสุภาพมาตลอดแหกปากด่าอย่างลืมตัว

วินาทีนี้แหละที่ผมรู้สึกตัว ก่อนจะรีบยิ้มแหย แล้วว่าเสียงแผ่ว
“นะ...นั่งที่นะครับน้องๆ ที่น่ารักทุกคน”
หน้าไหว้หลังหลอกคือกูเองจ้า! รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน กลัวนะพูดเลย

ก็จะไม่ให้กลัวได้ไงวะ หกสิบกว่าคนกับผมคนเดียว บอกเลยนะว่าสู้ไม่ไหว โดนกระทืบขึ้นมานี่คือตายลูกเดียว
ทว่าพอผมพูดไปอย่างนั้น ก็ไม่มีใครลุกอยู่ดี นั่งอยู่ที่เดิม แค่เงียบไปสักพักแล้วก็เริ่มส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นมาอีกราวกับสิ่งที่ผมทำเมื่อครู่มันไม่ได้เกิดขึ้น

ผมถอนหายใจ ชักจะท้อละ แต่ก็ยังพยายาม
“น้องครับ... นั่งที่... จะต้องให้กราบมั้ย” อันนี้พูดเสียงแห้งมากจนแทบไม่ได้ยิน

จะมีก็แต่ธารล่ะมั้งที่ได้ยิน เพราะเด็กนั่นเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตารำคาญสุดฤทธิ์ แล้วว่าขึ้นมาเสียงดัง
“หุบปากไปออโรรา! คนจะนอน!”
ออโรราป้ามึง! กูชื่อแสงเหนือเว้ย!

กำมือแน่นมาก ไอ้เด็กพวกนี้มันกวนประสาทมากเกินไปแล้ว!
ผมมองจ้องหน้าธารอย่างหงุดหงิด เด็กนั่นก็จ้องหน้าผมเหมือนกัน แถมยังยียวนใส่อีก
“มองไร’จารย์ มองหน้าหาเรื่องงี้ ต่อยมั้ย ไม่ต่อยก็ตุ๋ยได้นะ”

เท่านั้น เสียงหัวเราะของเด็กคนอื่นก็ดังตามมาอย่างครื้นเครงทันที ผมก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอด พยายามสงบสติอารมณ์สุดชีวิต

เดี๋ยวเถอะๆ ท้างี้ เดี๋ยวกูเอาจริงขึ้นมาจะรู้สึก!

เมื่อรู้ว่าเรียกพวกมันให้สนใจสิ่งที่ผมจะสอนไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะให้สอบเลยจะได้จบๆ ทว่าพอเดินไปที่โต๊ะครู ก็ประจักษ์ได้ว่าตอนที่เดินออกมาจากห้องพักครู ผมลืมหยิบเอาข้อสอบออกมา

ต้องกลับไปเอาล่ะสินะ...

ไปแบบไม่ต้องบอกไอ้พวกเด็กนี่ด้วยว่าจะไปไหน บอกไปก็เท่านั้นแหละ พวกมันไม่ฟังกันหรอก

ผมเดินพรวดออกจากห้องหมวดอังกฤษไปอย่างรวดเร็วทันที ทว่าพอเดินลงมาชั้นล่าง เกือบจะถึงห้องพักครูอยู่แล้ว เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“’จารย์!”
หันไปแล้วเห็นว่าเป็นธารที่เรียก ผมก็ประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็ตอบรับ
“ครับ?”

เด็กนั่นหอบหายใจเล็กน้อย ดูท่าทางน่าจะวิ่งตามมา ก่อนเดินมาหยุดตรงหน้าผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยืนเอียงคอจ้องหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งจนผมชักจะเสียวสันหลังขึ้นมาว่าเมื่อกี้ผมทำอะไรให้มันไม่พอใจอะไรแล้วตามมาต่อยหรือเปล่า เลยถามออกไปอีก

“น้องธาร...มีอะไรกับพี่เหนือหรือเปล่า” ถามซะเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน บอกเลยว่าเสียงนี่นิ่งมาก แต่ใจนี่เต้นรัวยิ่งกว่ากลองยาวไปเรียบร้อยแล้ว
ธารยังจ้องหน้าผมอยู่ ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น
“โกรธเหรอ”
“ฮะ?” งงเต้กไปทันทีที่จู่ๆ มันก็พูดอะไรแปลกๆ ขึ้นมา

“ถามว่าโกรธเหรอเรื่องเมื่อกี้น่ะ”
เรื่องอะไรวะ?

ผมยืนระลึกชาติไปแป๊บ ยังไม่รู้ตัวเลยว่าไปทำท่าทางอะไรให้มันรู้สึกว่าผมโกรธ เมื่อกี้ก็ทำตัวปกตินี่หว่า มีหงุดหงิดก็แค่พูดอะไรไปแล้วพวกเพื่อนมันไม่ฟังก็เท่านั้น แต่ไม่ได้โกรธมันสักนิด ...ยอมรับก็ได้ว่าหงุดหงิดนิดนึง แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าขั้นโกรธล่ะนะ

และเพราะผมนึกไม่ออกซะที ธารก็เลยกลอกตาแล้วพูดออกมาอีก
“ที่เรียกว่าออโรราแล้วท้าตุ๋ยเมื่อกี้น่ะ โกรธใช่มั้ย จู่ๆ ถึงเดินออกมาจากห้องอย่างนั้น”

อ๋อ ที่แท้ก็เรื่องนี้ ไม่โกรธหรอกเว้ย ถ้าจะโกรธ แม่งก็โกรธยกวิทยาลัยไปแล้ว เรียกว่าออโรรากันทั้งบางอย่างนั้นน่ะ ออกมาเอาข้อสอบต่างหาก ส่วนเรื่องท้าตุ๋ย จะโกรธมากถ้าตกปากรับคำแล้วไม่ยอมให้ตุ๋ยเนี่ย บอกเลยนะจ๊ะว่าพี่เหนือเอาจริง
แต่ผมก็ไม่บ้าจะพูดไปหรอกว่าจะท้าตุ๋ยมันจริงๆ นอกจากอ้าปากปฏิเสธไปแทน

“พี่เหนือเปล่า...” แต่เดี๋ยว... ถ้าบอกไม่โกรธ มันก็จะเรียกต่อไปสินะ งั้นเปลี่ยนๆ “อืม โกรธ”

บอกแค่นั้น หัวคิ้วเรียวของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็ย่นยู่มากกว่าเดิม ก่อนที่จะส่งเสียงเครียดออกมา
“ทำยังไงถึงจะหายโกรธ”
เอ้า เวลามึงทำผิด มึงก็ต้องขอโทษสิวะ! ถามมาได้!

แต่ผมไม่บอกมันหรอก ไหนๆ ก็ได้โอกาสแล้ว ตามมาถึงขนาดนี้ ต้องแสดงว่าท่าทางของผมไปทำอะไรให้มันไม่สบายใจแน่ ดัดนิสัยมันหน่อยแล้วกัน
“แล้วน้องธารคิดว่าตัวเองควรจะทำยังไงล่ะครับ” ได้ทีผมก็กอดอก ถามกลับเลย
ธารเม้มปากเล็กน้อย แล้วว่าอุบอิบออกมา “ขอโทษ”

“อะไรนะครับ พี่เหนือไม่ได้ยิน” แกล้งเอามือป้องหู ทำเสมือนว่าไม่ได้ยินจริงๆ ธารเลยพูดขึ้นมาอีก
“ขอโทษ”

“ไม่มีหางเสียงเลย พี่เหนือไม่หายโกรธหรอกนะ”
“ขอโทษครับ”

“ใครขอโทษใครครับ?”
“ธารขอโทษครับ’จารย์”

“พี่เหนือบอกให้เรียกว่า’จารย์เฉยๆ เหรอ”
“ธารขอโทษครับอาจารย์”

“เรียกอาจารย์นี่ฟังดูไม่สนิทสนมกันเลยนะ”
“แล้วจะเอาไงวะ!”

แหก! ตกใจหมด มึงจะตะโกนทำไมวะ!

สงสัยจะเล่นลิ้นกับมันเยอะไป มันก็อุตส่าห์ขอโทษมาตั้งหลายทีแล้ว เอาเถอะ หยวนๆ ให้ไปแล้วกัน
“โอเคๆ งั้นพี่เหนือไปนะ” ผมเลยโบกมือลา ตั้งท่าจะไปห้องพักครูตามเดิม

ทว่าพอหันหลังให้เท่านั้น ธารก็รีบเดินเข้ามาคว้าแขนผมไว้แล้วดึงให้หันกลับไปหา
“ธารขอโทษครับพี่เหนือ” พูดไปก็ไม่ได้มองหน้าผมหรอก หันไปมองข้างๆ เสียงดังฟังชัดด้วย น้ำเสียงก็นิ่ง แต่หูทั้งสองข้างแดงเรื่อไปแล้ว

ฟะ...ฟรุ้งฟริ้ง...น้องธารเวอร์ชันฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว อูย... ขอปล้ำสักทีจะหายเคืองเป็นปลิดทิ้ง
ท้าตุ๋ยเมื่อกี้ยังมีผลอยู่มั้ย?

มะ...ไม่สิ เดี๋ยวมันจะเปลี่ยนจากตุ๋ยเป็นต่อย แล้วนี่คืออยู่ในวิทยาลัยนะ อย่าเพิ่งหื่น

“ไม่เป็นไรครับ พี่เหนือไม่ถือ น้องธารกลับไปรอในห้องเรียนนะ พี่เหนือไปเอาข้อสอบก่อนแล้วเดี๋ยวตามไป” ผมพูดแค่นั้นแล้วหมุนตัวกลับอีกรอบ

ทว่าธารก็ไม่ยอมปล่อยมือจากผม ดึงผมให้หันไปหาอีก
“ครับ?” พอผมถามไปแบบนี้ ธารก็ชำเลืองมามองผมเล็กน้อย แล้วก็เบือนสายตาหลบไปอีก
“เรื่องเมื่อวันก่อน... จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้โกรธหรอกนะ”
“หืม?”
“หมายถึงเรื่องที่ไม่ได้บอกว่าเป็นเกย์น่ะ บอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้โกรธ” ธารตวัดหางตามามองอย่างหงุดหงิดที่ผมทำให้มันต้องพูดอีกรอบเพราะดันไปทำหน้างงใส่

มาพูดเองแบบนี้ แสดงว่าจอมแก่นต้องไปเล่าให้ฟังแน่ว่าผมไปหาแล้วไปคุยเรื่องมันมา ไอ้เด็กกลุ่มนี้นี่เก็บเป็นความลับกันไม่เป็นเลยหรือไงนะ!

แต่ก็ดี รู้แบบนี้แล้วค่อยคุยง่ายหน่อย
“ถ้าไม่ได้โกรธ แล้วน้องธารเป็นอะไร ทำไมถึงหลบหน้าพี่เหนือ” ผมถามไปตรงๆ
 “ก็...ยังปรับตัวไม่ทัน คืนนั้นกอดซะแนบชิดเลยนี่หว่า ตรงนั้นก็ไปโดนด้วย” ธารก้มหน้าลงขณะพูด
ผมเกือบจะหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำว่า ‘ตรงนั้น’

แหม...หมายถึงพ่อไก่ชูคอชันขันรับอรุณน่ะสินะ

ผมกลั้นหัวเราะสุดชีวิต กระแอมไอสองสามที ก่อนจะเปล่งเสียง
“แล้วยังไงครับ”
“ก็ไม่แล้วไง แค่จะบอกว่าไม่ได้โกรธ ไม่ต้องคิดมาก” ว่าพลางเบือนหน้าไปทางอื่นอีก
คำพูดของจอมแก่นเมื่อคืนที่บอกว่าธารเป็นคนอ่อนโยนนี่แวบเข้ามาในหัวผมเลย

อืม... เป็นคนอ่อนโยนจริงๆ ด้วยแฮะ เพียงแต่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้น ดูท่าทางจะเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นซะด้วย ตามมาพูดอย่างนี้นี่แสดงว่าไม่ธรรมดาแล้ว

“มีอะไรอีกมั้ยครับ” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าธารจะพูดอะไรต่ออีก ทว่า...
“ไม่” ...ปฏิเสธกลับมา
“ครับๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยพี่เหนือสิ เดี๋ยวพี่เหนือไปเอาข้อสอบ” ผมแสร้งทำเป็นมองมือที่จับแขนผมแน่น ธารเลยรีบปล่อยออก ก้าวถอยไปข้างหลังเล็กน้อยเพื่อตั้งหลักด้วย
“กลับเข้าห้องไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่เหนือตามไป จะได้สอบกันซะที” ผมว่าเพราะเห็นว่าใกล้จะหมดคาบแล้ว ข้อสอบไม่กี่ข้อ ทำสักยี่สิบนาทีก็คงทัน

หากแต่พอจะเดินไป ธารก็ร้องเรียกผมขึ้นมาก่อน
“พี่เหนือ”
ขยี้หูแรงๆ เลย ไม่เรียกอาจารย์หรือ’จารย์เฉยๆ แล้ว เรียกพี่เหนือชัดถ้อยชัดคำมาก เอาโทรศัพท์มาอัดเสียงไว้ได้มั้ย รู้สึกเหมือนเป็นของหายาก

“ครับ?” ผมพยายามจะไม่ยิ้มกว้าง แต่ก็อดไม่ได้ ขณะที่ธารเม้มปากแน่น สีหน้าดูขัดใจสุดๆ
แล้วธารก็ทำให้ผมอึ้งงันไปอีกครั้งเมื่อมันพูดออกมา
“ความจริงแล้ว เรื่องที่พี่เป็นเกย์น่ะ ก็...ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ แต่คราวหลัง... มีอะไรก็บอกก่อนแล้วกัน” พูดติดๆ ขัดๆ แต่ชัดเจนดีมาก แถมคราวนี้ก็ไม่หลบตาแต่อย่างใด จ้องหน้าผมตรงๆ กลายเป็นว่าผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายเขินแทน

นะ...น่าร้าก มองซ้ายมองขวาหาซอกหลืบแป๊บ จะจับมันแทรกเข้าไปแล้วยัดเยียดความเป็นผัวให้มันเดี๋ยวนี้แหละ!
มะ...ไม่สิๆ โอ๊ย เผลอไม่ได้เลยนะความคิด เอะอะจะลวนลามเด็กอย่างเดียวเลยนะ!

“ถ้าอยากให้ไว้ใจ ก็อย่าปิดบัง เข้าใจมั้ย” เพราะผมไม่พูดอะไร ธารก็ออกปากสั่ง
“ครับ” ผมก็ตอบรับเหมือนหุ่นยนต์ จ้องหน้ามันไม่เลิก ก่อนจะหัวเราะออกมากับความน่ารักของมัน
“อะไรเล่า!” ตอนนี้ธารเขินบ้างละ ผมรู้เลย แก้มใสๆ นี่แดงเรื่อขึ้นมาเรียบร้อย ท่าทางกระสับกระส่ายด้วย อีกไม่นานคงจะได้ต่อยหน้าผมแหกแน่ถ้าไม่ยอมบอกมันซะทีว่ามีอะไร

งั้นตัดบทเลยแล้วกัน

“ไม่มีอะไรครับ”
“เออ งั้นไปละ”

ธารรีบเดินเร็วๆ กลับไปทางเก่าทันที ปล่อยให้ผมมองตามหลังแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มให้
น่ารักวุ้ย... น่ารักจริงๆ ไอ้ที่ว่าจะเผื่อได้เผื่อโดนเมื่อคืนนี้ก็ช่างมันเถอะนะ เหนือว่าเหนือเอาคนนี้นี่แหละ
เด็กๆ มันกระชุ่มกระชวยกว่าจริงๆ


-------------------------------------
ตอนนี้เราไม่เน้นเกรียน เราเน้นน้องธารมุ้งมิ้ง โผล่มาครึ่งตอนหลังแต่มุ้งมิ้งมาก แงงง เด็กๆ กรุบกรอบสินะคะพี่เหนือ งูยยย น้องธารเรียก 'พี่เหนือๆ' แล้วรู้สึกน่ารัก อีพี่เหนือนี่ก็คิดหื่นตลอด คิดหื่นทุกสถานการณ์ 555
ตอนหน้ากว่าจะมานี่อีกหลายวันนะคะ ความมุ้งมิ้งของน้องธารก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ละ ส่วนพี่เหนือก็จะเริ่มเต๊าะจริงจังละนะ เด็กเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว
อ่านแล้วส่งฟีดแบ็กให้กันหน่อยนะคะ จะได้มีแรงฮึดปั่นตอนต่อไปเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-02-2016 20:42:03
แวะมาอ่าน น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 22-02-2016 20:53:05
น้องธารน่ารักมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kjkjji ที่ 22-02-2016 21:05:27
น้องธารน่ารักกกกก แข็งนอกอ่อนในจริงๆเลย 555555
พี่เหนือก็ตลกเหมือนเดิม
นี่ว่าพี่เหนือต้องได้พี่ดื้อแล้วล่ะ กว่าจะได้กินน้องธารท่าทางจะอีกนาน 55555 ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าน้องธารใส๊ใส ไม่ทันพี่เหนือร๊อก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 22-02-2016 21:06:51
หนทางไม่ไกลแล้วพี่เหนือ

ธารเริ่มเปิดทางมาให้แล้ว

เต๊าะต่อเลยครับ รออะไร 55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-02-2016 21:08:32
ขยี้ตา3รอบ นี่น้องธารตัวจริงใช่ม๊ายยยย
น่ารักอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 22-02-2016 21:10:42
กรุบกรอบๆแบบธารใจหาที่ไหน(?)
ปัญญาอ่อนแบบแสงเหนือออโรรามีถมไป
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-02-2016 21:14:47
น้องธารเวอร์ชั่นนี้ น่ารักดีเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: paiongza1669 ที่ 22-02-2016 21:22:32
ธารตั้ลล๊ากกกก พี่ดื้อแอบแซ่บบบบ  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2016 21:24:53
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 22-02-2016 21:40:29
แวะกินพี่ดื้อก่อนก็ได้นะเหนืออออ  :z1:

เพราะเด็กกรุบกรอบดูท่าจะอีกนาน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-02-2016 22:11:46
พี่เหนือจะกินเด็กเหรอ เอ๊ะ หรือว่าจะให้เด็กกิน(น้องธารจะกินเป็นรึเปล่าหว่า)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-02-2016 22:19:16
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยาย บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ฮาาา พี่เหนือ He เป็นโรคหอบหื่น  :jul3: หวังได้หวังโดนตลอด 55555 น้องธารนี่ก็เริ่มมุ้งมิ้งละ พี่ดื้อก็แซ่บ น้ำลายท่วมปากขุ่นแม่ไปแล้ว เจ้เหนือจะอดใจรอน้องธารไหวไหมน้าาา ลุ้นๆ  ชอบๆ สนุก ฮาดีค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: luzileas ที่ 22-02-2016 23:47:04
ตอนนี้อ่านแล้ว น้องธารน่ารัก  มุ้งมิ้งมากกกกกกกกก   อ่านไปยิ้มไปเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-02-2016 00:04:04
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-02-2016 00:34:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 23-02-2016 01:53:43
เหยยย ติดใจพี่ดื้ออะ ให้พี่เหนือโดนสักครั้งก็ดีน้ออ55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-02-2016 07:04:50
แบบน้องธารน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 23-02-2016 07:13:32

เรื่องนี้นายเอกน่ารักมาก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 23-02-2016 13:17:56
 :o8: :o8: น้องธารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ในที่สุดน้องธารก็หลงกลพี่เหนือซะแล้วว อ้าว ไม่ใช่  :laugh:

น้องธารเริ่มเปิดใจให้อย่างนี้ จากนี้ก็ต้องเตรียมรับมือการเต๊าะแบบเปิดเผยจากพี่เหนือนะ พี่เหนืออยากได้อยากโดนนานแล้ว :laugh: :m20:

ว่าแต่พี่จอมดื้อก็ดีนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-02-2016 15:50:20
น้องธารมุ้งมิ้งจริง น่ารักอ่ะ
ว่าแต่พี่ดื้ออ่ะยังไง!?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-02-2016 15:52:55
ชอบนายเอกนะ แรดอยู่ข้างใน ทำให้นึกเห็นภาพเลย
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 23-02-2016 19:42:22
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-02-2016 20:18:23
วันนี้ไม่ได้อัพตอนใหม่ แต่เอาตัวอย่างตอนที่ 8 มายั่วน้ำลายกันก่อนค่ะ
ใครสนใจ ตามลายแทงไปเน้อ https://web.facebook.com/NooDangzzz/posts/948450411877479
ตอนเต็มมาพรุ่งนี้ ไม่ก็มะรืนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 23-02-2016 20:50:30
 :z3: :z3: :z3: น้องธารน่ารักกกกกกกก โอ้ยมุ้งมิ้งมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 23-02-2016 21:46:25
อูยยย ธารฟรุ้งฟริ้งมากอ่ะตอนนี้อ่ะ เจ๊ออโรร่าก้อเต๊าะเด็กอีกเช่นเคย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 23-02-2016 22:54:34
สงสารแทนขุณแม่จริงๆ
ของดีอยู่แค่เอื้อม แต่แตะต้องไม่ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 24-02-2016 10:24:01
หูยยยยย ตอนกอดรู้ตัวด้วยอ่ะ
แบบนี้ออกแนวตั้งใจกอดแน่น ทั้งๆ ที่รู้ว่ากอดแน่นแล้วไก่ขันจะโดนต้นขาอ่ะนะ อิอิ ร้ายไม่เบาน้าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-02-2016 13:21:04
น่ารัก มุ้งมิ้ง กันไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 24-02-2016 23:33:59
ชั่งใจ ครั้งที่ 8: พี่เหนือได้ พี่เหนือโดน[1]

อารมณ์ดีไปเลยทั้งวันตั้งแต่ไอ้เด็กธารมันเรียกผมว่า ‘พี่เหนือ’
กระชุ่มกระชวยเหลือเกิน ยิ้มหน้าไม่หุบเลย ไม่รู้จะรู้สึกดีอะไรหนักหนา เด็กคนอื่นก็เรียกผมว่าพี่เหนือเหมือนกันแท้ๆ
ไม่สิ ไม่ได้เรียกพี่เหนือ เรียกออโรรากับเจ้เหนือกันหมดละตอนนี้ น้องมายด์ยังไม่เว้น มีแต่จอมแก่นนั่นแหละที่ยังเรียกพี่เหนือเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้น ความหงุดหงิดที่ถูกเรียกด้วยฉายาใหม่แบบไม่ได้ตั้งใจก็หายเป็นปลิดทิ้ง

น้องธารใจ... สายน้ำชโลมใจของพี่เหนือ ได้สักทีจะวิ่งแก้บนรอบวิทยาลัยสักร้อยรอบ งือ...ทำไมฟิน

ฟินเป็นคนบ้า ตอนนี้ใครเรียกออโรราก็ยิ้มรับหมด ยิ้มจนพี่สมรยังทักว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ผมก็ได้แต่บอกปัดไปว่าสบายดี แค่มีเรื่องดีๆ เข้ามากะทันหัน แต่พอพี่สมรถามว่าเรื่องอะไร ผมก็ไม่ได้บอก บอกแค่ว่า ‘ไม่มีอะไรครับ’ แล้วรีบชิ่งกลับหอทันทีที่ถึงเวลาเลิก

รีบกลับมานี่ก็มาดักรอธารนี่แหละ พอได้ยินเสียงช่างมางัดลูกบิดประตูให้ปุ๊บ ผมก็รีบโผล่หน้าออกไปปั๊บ เห็นเด็กนั่นกับช่างช่วยกันประกอบลูกบิดประตูใหม่อยู่ ผมก็กุลีกุจอหาน้ำท่าไปให้ แล้วไอ้เด็กนั่นก็แทนที่จะตอบรับน้ำใจผม ดันเอาให้ช่างซะนี่ แถมบอกตามท้ายมาอีก

“กลัวโดนวางยา คนอย่างพี่มันไม่น่าไว้ใจ”
อะไรของมึงวะเฮ้ย! เมื่อกลางวันยังดีๆ อยู่แท้ๆ ตอนนี้กูกลายเป็นคนไม่น่าไว้ใจอีกละ

แต่ก็ช่างแม่ง แยกย้ายเข้าห้องกันไปเลยแล้วกัน

สรุปเย็นวันนั้น จากตอนแรกที่ผมกะว่าจะชวนคุยแล้วชวนไปกินข้าวเย็นเหมือนวันก่อนก็ไม่ได้ทำ เพราะธารเข้าห้องได้ก็ปิดห้องเงียบสนิท แอบฟังผ่านกำแพงแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเดาเอาว่าน่าจะนอนไปแล้ว

ก็คงจะอย่างนั้นแหละ เห็นหน้าตาท่าทางดูเหนื่อยๆ วันนี้คงจะนอนเร็วมั้ง ไม่เป็นไร เย็นนี้ไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเท่าไหร่ พรุ่งนี้ก็ยังมี

ทว่าพอวันใหม่มาถึง แทนที่ผมจะได้ทำอะไรตามที่ตั้งใจไว้ อาจารย์ดิเรกก็ดันประกาศเรื่องชวนงานงอกให้บรรดาอาจารย์กับนักศึกษาทุกคนรับทราบ นั่นก็คือการจัดงานแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ ครั้งที่ 1 ของวิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์ สาเหตุที่จัดก็ไม่มีอะไรเลย แค่พวกอาจารย์คิดว่าการจัดให้มีการแข่งกีฬาน่าจะทำให้พวกนักศึกษาสมานสามัคคีกันได้ ปัญหาการตีกันจะได้ลดน้อยลงไปด้วย

ผมเห็นแล้วก็บอกได้เลย... ไม่มีทาง มันจะทำให้ตีกันมากกว่าเดิมอีก นี่ประสบการณ์ตรงจากตอนเรียน ม.ปลายเลย ไม่เชื่อลองดูงานกีฬาสีสิ ขนาดโรงเรียนสายสามัญธรรมดา เพื่อนพี่น้องที่รักกันดี พอมีกีฬาสีเท่านั้นแหละ แข่งกันชิงดีชิงเด่นเอาเป็นเอาตายจนถึงขนาดเหม็นขี้หน้ากันไปเลยเถอะ เห็นชัดๆ เลยจากพวกการแข่งสแตนด์เชียร์กับเชียร์ลีดเดอร์ ดีที่ผมไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับส่วนนั้นตอนสมัยเรียน เลยไม่ต้องปวดกบาลกับเรื่องหยุมหยิม

แต่โรงเรียนเด็กช่างแบบนี้คงจะไม่มีปัญหาเรื่องสแตนด์เชียร์กับเชียร์ลีดเดอร์สักเท่าไหร่หรอกมั้ง กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเด็กผ็ชาย จะมีปัญหาก็แต่เรื่องคัดตัวนักกีฬาของแต่ละแผนกไปลงแข่งกีฬาประเภทต่างๆ นี่แหละ

“มึงลงวิ่งร้อยเมตรไปเลย เจออริทีไรแม่งวิ่งป่าราบก่อนเพื่อน กูว่ามึงได้แน่”
“ตลกละมึง ปากดีงี้ ต่อยกับกูเลยดีกว่า”
“หรือกูพูดไม่จริง?”
“มึงก็วิ่งป่าราบเหอะ ใช่กูคนเดียวที่ไหน!”

แล้วก็ตามมาด้วยเสียงโวยวายด่ากันไปมาระหว่างที่กำลังเลือกเฟ้นหานักกีฬาจากแผนกช่างไฟปีสามมาลงแข่ง ผมซึ่งได้ไหว้วานจากพี่สมรให้มาช่วยดูแลในส่วนนี้ถึงกับปวดหัวที่เกือบหมดชั่วโมงโฮมรูมแล้ว ยังหานักกีฬาลงแข่งไม่ได้เลยสักรายการ
เมื่อกี้หานักบอล พวกมันก็แย่งกันลง ไม่มีใครยอมเป็นตัวสำรองจนเกือบจะต่อยกันรอบนึงแล้ว พอหานักวิ่งแข่งร้อยเมตร มันก็เกี่ยงกันลงอีก โอย... เหนือปวดหัว

“โอเคๆ งั้นวิ่งร้อยเมตรเอาไว้ก่อนนะ เอาอย่างอื่นก่อนแล้วกันนะครับ” ก่อนที่พวกมันจะได้ต่อยกันจริงๆ ผมก็รีบเคาะกระดานเรียกความสนใจแล้วเปลี่ยนหัวข้อ

พวกเด็กนั่นเลยเงียบปากกันได้ ก่อนที่ใครบางคนจะร้องถามขึ้นมา

“รายการต่อไปแข่งอะไรอะออโรรา”
เม้มปากแน่นมาก... พวกมึงกลับไปเรียกอาจารย์เหมือนเดิม ไม่ก็พี่เหนือเถอะ เรียกออโรราๆ จนกูจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่แล้ว

ถึงอยากจะบอกพวกมัน แต่ผมก็ทำเป็นหูทวนลม ก้มหน้ามองกระดาษในมือแล้วอ่านตัวหนังสือออกมา
“มวยทะเลครับ”
สิ้นเสียง เสียงโห่อารมณ์ประมาณว่า ‘เอาไอ้การแข่งนี่เข้ามาทำไมวะ’ ก็ดังแว่วมาให้ได้ยินทันที ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องเสนอชื่อใครบางคน
“เอาไอ้ไม้ลงเลย บ้านมันเป็นค่ายมวย ชนะแน่!”

ผมมองไปทางน้องมายด์ที่ชักสีหน้าใส่คนพูดทันที ก่อนที่น้องมายด์จะแหวเสียงลั่น
“เฮือนเป็นค่ายมวยใจ้ว่าจะตีมวยทะเลจ้างนะบะ มวยบกก็ว่าไปอย่าง มวยปล้ำนี่ของแกว่นเลยเน้อจะบอก(บ้านเป็นค่ายมวยแต่ไม่ได้หมายความว่าจะต่อยมวยทะเลเก่งนะยะ! มวยบกก็ว่าไปอย่าง มวยปล้ำนี่ของถนัด)”

“แต่มึงก็เป็นนักมวยตามงานวัดนี่หว่า ฉายามึงนี่อะไรนะ... ไอ้ไม้ กะเหรี่ยงทมิฬ?”
“บะเดี่ยวนี้เปี่ยนเป๋นน้องมายด์ เข่ามฤตยูแล้วเว้ย (ตอนนี้เปลี่ยนเป็นน้องมายด์ เข่ามฤตยูแล้วย่ะ)”

พูดจบ เสียงหัวเราะครึกครื้นก็ดังตามมาทันที ส่วนผม ได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจเลยว่าทำไมน้องมายด์ถึงได้ดูถึกและบึกบึนเหมือนนักมวยนัก แถมตอนที่เด็กช่างวิทยาลัยอื่นบุกมาหาเรื่องโรมถึงที่แล้วน้องมายด์เข้าไปช่วย ท่าเตะหน่วยก้านดีก็คงเป็นเพราะเป็นนักมวยเก่านี่เอง คงจะเป็นนักมวยตามเวทีงานวัดนั่นแหละ

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการทำหน้าตาบูดบึ้งเมื่อเพื่อนคนหนึ่งว่าขึ้นมา
“จะอะไรก็เอาเถอะ มึงลงไปเลยไอ้ไม้ กูว่ามึงชนะแน่”
“บอกหื่อฮ้องน้องมายด์ๆ เดียวก็ยอกหนุมานถวายแหวน (บอกให้เรียกว่าน้องมายด์ๆ เดี๋ยวปั๊ดจับหนุมานถวายแหวน)”

คนอื่นๆ ก็ยังหัวเราะกัน แต่สีหน้าน้องมายด์บ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ ไม่พอใจทั้งถูกเรียกว่าไม้ และไม่พอใจที่ถูกยัดเยียดให้ลงแข่งมวยทะเลแบบไม่เต็มใจ

เต็มใจหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็นหน้าตอนเพื่อนเดินมาเขียนชื่อมันลงบนกระดานแล้วมันกลอกตา ผมก็เดาเลยว่ามันไม่โอเค เท่านั้นผมก็เดินไปลบชื่อมันออกท่ามกลางความแปลกใจของนักศึกษาคนอื่นๆ

“เอ้า ออโรรา ลบ’ไมเนี่ย” เด็กคนที่เขียนชื่อน้องมายด์แหวใส่ผม
ผมหันไปยิ้มเล็กน้อยก่อนว่า “น้องมายด์ยังไม่ตกลงเลยว่าอยากแข่งมั้ย ขอพี่เหนือถามก่อนนะครับ” แล้วผมก็หันไปมองน้องมายด์ “น้องมายด์อยากแข่งมวยทะเลหรือเปล่า”

น้องมายด์ส่ายหน้าพรืดแทบจะในทันใด “บะค่อยอยากละเจ้าปี้เหนือ โดนยอกตัดหน้ามา หน้าลุหมด บะงามละจะอั่น (ไม่อยากค่ะเจ้เหนือ โดนต่อยเข้าที่หน้าขึ้นมา หน้าก็ได้แหก เสียโฉมกันพอดี)” ตามมาด้วยยกมือขึ้นจับหน้าตาตัวเองราวกับว่ากลัวโหนกแก้มเหลี่ยมๆ จะโดนหมัดกระแทกจนคมบนโหนกลบหาย

ส่วนผม... กัดฟันแน่นมาก
เจ้าปี้บ้านมึงสิอีน้องมายด์! กูรู้นะว่าเจ้าปี้ใช้เรียกแต่กับผู้หญิง ถึงจะเป็นเกย์ แต่กูเป็นผู้ชายนะเว้ย เรียกอ้ายเหนือสิวะ!

ทว่าผมก็พยายามข่มใจ ถามน้องมายด์กลับไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด
“แล้วน้องมายด์อยากแข่งอะไร”
“ข้าเจ้าไค่อยากเป็นเซียร์หลีดเดอร์เจ้า (หนูอยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์)”

คนอื่นๆ ส่งเสียงฮาลั่นทันที ส่วนผมก็ก้มหน้ามองรายชื่อการแข่งกีฬาในมือทันทีว่ามีรายการเชียร์ลีดเดอร์ด้วยมั้ย แต่ไม่มี เลยเงยหน้าขึ้นมาบอกน้องมายด์กลับไป
“คือ...แข่งเชียร์ลีดเดอร์ไม่มีนะ”
“บ่เป๋นหยังเจ้า บ่ะถ้าแข่งแล้วก่อได้ ข้าเจ้าไค่อยากแต่งหน้าแต่งตั๋วงามๆ (ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องแข่งก็ได้ หนูแค่อยากแต่งตัวแต่งหน้าสวยๆ)” ว่าพลางสะบัดปลายผมที่สั้นเกรียนไปมาราวกับว่ามันยาวเสียเต็มประดา

“แต่ว่า...” ผมทำท่าจะอธิบายอีก แต่น้องมายด์ก็สวนขึ้นมาก่อน
“เน้อเจ้าปี้เหนือ ข้าเจ้าไค่แต่งตั๋วแต้ๆ (นะคะเจ้เหนือ หนูอยากแต่งตัวจริงๆ)” คราวนี้ทำหน้าทำตาอ้อนวอนมาด้วย

ถึงจะดูน่าโดนถีบมากกว่าน่าเอ็นดู แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของน้องมายด์นะ ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นสาวน้อย ยังไงก็ต้องชอบอะไรสวยๆ งามๆ อยู่แล้ว ผมเลยนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตกปากรับคำ

“โอเคครับ งั้นน้องมายด์เป็นเชียร์ลีดเดอร์นะ มอบหมายให้เป็นหัวหน้าเชียร์ฯ ไปเลยแล้วกัน ส่วนเรื่องเชียร์ลีดเดอร์คนอื่นๆ น้องมายด์ก็ไปคัดจากปีหนึ่งปีสองเอาเองเลย พี่เหนืออนุญาต ส่วนเรื่องเสื้อผ้า น้องมายด์ลองไปคุยกับเพื่อนที่เป็นเหรัญญิกนะว่าพอจะแบ่งเงินมาให้กับส่วนนี้ได้มั้ย ถ้าไม่พอก็คงต้องออกกันเองเพราะมันไม่มีส่วนนี้ตั้งแต่แรก พี่เหนือขอให้คนที่เข้ามาเป็นเชียร์ลีดเดอร์มาด้วยความสมัครใจนะ ไม่ใช่ถูกบังคับมาแล้วมาโวยวายเรื่องค่าใช้จ่ายทีหลัง ถ้ามีเรื่องนี้เมื่อไหร่ พี่เหนือขออนุญาตยุบเชียร์ฯ นะครับ”

พอผมพูดไปอย่างนี้ น้องมายด์ก็ส่งเสียงกรี๊ดลั่น พยักหน้ารับอย่างไร้ข้อโต้แย้ง พลันวิ่งถลาออกมาหาผมที่ยืนอยู่หน้าห้องก่อนจะกระโดดกอดแน่น
“ปี้เหนือน่าฮักตี้สุดเลย ถ้าปี้เหนือบ่ะใจ้อี้แม่ ข้าเจ้าจะหอมแก้มอีปี้แฮงๆ (เจ้เหนือน่ารักที่สุดเลย! ถ้าเจ้เหนือไม่ใช่คุณแม่ หนูจะหอมแก้มเจ้แรงๆ)”

ระ...รู้ว่าดีใจ แต่ไม่ต้องเว้ย! แล้วก็เลิกเรียกกูว่าคุณแม่ด้วย!

กว่าจะแงะน้องมายด์ออกได้ก็เล่นเอาเสียเวลาไปหลายนาที แถมพอแงะออกมาได้ก็ต้องเผชิญกับเสียงค่อนขอดของเด็กผู้ชายบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่น้องมายด์ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์แทนการลงแข่งมวยทะเลอีก

“แทนที่จะลงมวยทะเล กระแดะไปแต่งหญิงเต้นแร้งเต้นกา หุ่นแม่งก็อย่างกับนักมวย แต่งตัวอย่างนั้น เห็นแล้วได้อ้วกแตกพอดี”

ได้ยินแล้วผมก็ชักไม่พอใจที่คำพูดแสดงออกถึงการเหยียดเพศ ถึงคนพูดจะพูดออกมาแบบไม่ทันได้คิดก็เถอะ แต่สำหรับผมที่วิถีเพศไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวแล้ว ผมก็ไม่ค่อยพอใจเหมือนกันแม้จะเป็นการกระแหนะกระแหนน้องมายด์ และน้องมายด์มัวแต่ดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองทำจนไม่ทันได้ฟังก็เถอะ มันทำให้ผมอดพูดออกมาไม่ได้เลย

“ทำไมว่าเพื่อนอย่างนั้นล่ะครับ พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
เด็กนั่นชะงัก หันมาส่งสายตาเขียวๆ ให้ผมทันที
“ก็พูดเรื่องจริงนี่หว่า ตุ๊ดตัวเล็กๆ ก็ไม่ใช่ ตัวอย่างกับควาย แล้วนึกสภาพตอนใส่เสื้อผ้าผู้หญิง แม่ง อ้วกจะแตก”

ฟางเส้นสุดท้ายของผมเหมือนจะขาดสะบั้นเลย ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง พลางพยายามสงบสติอารมณ์แล้วใช้เหตุผลคุยด้วยอีกครั้ง
“พี่เหนือว่ารูปลักษณ์จะเป็นยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำเลยนะ อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ไม่ได้เดือดร้อนใครก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ อย่าไปว่าเพื่อนแบบนั้นสิครับ”
ใจเย็นสุดๆ ละ แต่แทนที่เด็กนั่นจะสำนึก กลับยอกย้อนผมด้วยท่าทางยียวน
“พวกเดียวกันก็เลยเข้าใจกันสินะออโรรา ตุ๊ดแม่งยังไงก็เป็นตุ๊ดแหละวะ”

กูไม่ได้เป็นตุ๊ดเว้ย! กูเป็นเกย์! แล้วมึงน่ะเป็นอะไร เหยียดเพศอยู่ได้ ถ้าไม่ติดว่ากูฝึกงานอยู่ล่ะก็ กระโดดถีบหน้าแล้ว!

แต่ไม่ต้องรอให้ฝึกงานเสร็จก็มีคนจัดการกระโดดถีบหน้าคนพูดให้ผมแล้วล่ะ

พลั่ก!

ไม่... ไม่ได้ถีบ ต่อยดีกว่า ต่อยเข้าข้างแก้มเต็มแรงโดยที่เด็กนั่นไม่ทันได้ตั้งตัวจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น พอปราดสายตาไปมองเจ้าของหมัดก็เห็นว่าเป็นธารใจที่นั่งฟุบหน้าหลับอยู่เมื่อครู่ลุกขึ้นมายืนจังก้า ส่งสายตาไม่พอใจให้คนนอนบนพื้น

“ปากดีนะมึง”
“ทำอะไรของมึงวะไอ้ธาร!” คนโดนต่อยโวยวายขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ช่วยกันพยุงขึ้นยืนก่อนที่ธารจะได้พุ่งเข้าไปประเคนหมัดใส่อีก

ส่วนธารก็ถูกจอมแก่นลากออกห่างจากเพื่อนที่โดนต่อยเหมือนกัน ป้องกันไม่ให้ธารเข้าไปทำร้ายอีกฝ่ายอีก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ธารหยุดพูดได้เลยแม้แต่น้อย
“กูฟังมึงพล่ามมานานละ มึงเป็นอะไรกับเพศอื่นนักหนา เหยียดอยู่ได้”
โอ้ พูดเหมือนที่ผมคิดเป๊ะๆ ราวกับอ่านใจออก ตอนนี้น้องมายด์ก็เริ่มได้สติ เลิกกรี๊ดกร๊าดแล้วเข้ามาห้ามธารบ้าง

“แล้วมึงเป็นผัวไอ้ไม้หรือไง หรือเป็นผัวออโรราถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเนี่ย!” ไอ้เด็กคนที่โดนต่อยก็ไม่ยอม ปากดีไม่เลิก เลยโดนธารที่สะบัดตัวหลุดจากการรั้งของจอมแก่นกับน้องมายด์พุ่งเข้าไปต่อยอีกรอบจนล้มไปอีกทาง

เท่านั้นความชุลมุนก็เกิดขึ้นทันที กว่าจะดึงธารออกห่างได้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร ผมรีบปรี่เข้าไปห้าม ทว่าธารก็พูดขึ้นมาก่อนพลางชี้หน้าคนปากไม่มีหูรูดอย่างเอาเรื่อง

“จะเป็นผัวหรือเป็นอะไรก็เรื่องของกู แต่ถ้ากูได้ยินมึงเหยียดเพศใส่เพื่อนกูอีก กูจะไม่ไว้หน้าทั้งนั้น” พูดแล้วก็หันมามองผมที่ทำหน้าเหวอๆ อยู่ ก่อนจะพูดออกมาอีก “แล้วถ้ากูได้ยินใครเรียกพี่เหนือว่าออโรราอีก กูก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน ใครในวิทยาลัยจะเรียกก็ช่าง แต่แผนกนี้ ชั้นปีนี้จะต้องไม่มีใครเรียก!”

อะ...อึ้งไปเลย นี่น้องธารกำลังปกป้องผมอยู่หรือเปล่า?

“อะไรของมึงวะ เมื่อวานมึงก็เรียกเหมือนกันแท้ๆ” เด็กคนเดิมพูดขึ้นอีก คนอื่นๆ เริ่มเห็นด้วยเหมือนกันเพราะจำได้ว่าในคาบผมเมื่อวานนี้ ธารร้องเรียกผมว่าออโรราซะเสียงดัง

ธารชักสีหน้าขึ้นมาแล้วว่าเสียงแข็ง “กูขอโทษพี่เหนือแล้ว เหลือแต่พวกมึงนี่แหละ ขอโทษเดี๋ยวนี้เลย!”

เด็กคนอื่นๆ เริ่มส่งเสียงบ่นด้วยงงกับการกระทำของธาร ผมเลยรีบแทรกก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้

“น้องธารครับ ไม่เป็นไรหรอกนะ เรียกออโรราก็ได้ พี่เหนือไม่ถือ”
“ไม่ได้!” ธารว่าเสียงดัง “ผมไม่โอเคกับคนที่เหยียดคนอื่นให้คนอื่นต่ำลงแล้วทำให้ตัวเองดูสูงขึ้น โดยเฉพาะคนที่โดนเหยียดเป็นพวกของผม ถ้าสนิทกันแล้วเรียกเล่นๆ เป็นบางครั้งยังพอรับได้ แต่นี่ไม่สนิท ผมไม่โอเคทั้งนั้น!”

ผมนิ่งไปเลย จับประเด็นไม่ถูกว่าธารหมายถึงอะไรก่อนจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาได้

แหม... นับรวมพี่เหนือเข้าไปเป็นพวกเดียวแบบนี้ แสดงว่ามีใจให้พี่เหนือแล้วล่ะสินะ
มะ...ไม่ใช่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากระลิ้มกระเหลี่ยเด็กนี่หว่า ต้องห้ามมันสิ ต้องห้าม!

“แต่ว่าพี่เหนือ...”
“ต่อไปนี้ถ้าใครเรียกเพื่อนกูว่าตุ๊ดหรือเรียกพี่เหนือว่าออโรราได้เจอกูแน่ ถ้าพวกมึงไม่อยากเรียกว่าอาจารย์ ก็เรียกพี่ อย่าปีนเกลียว!” ธารสวนขึ้นเสียงดังก่อนที่ผมจะพูดจบ

ทั้งห้องเงียบกริบราวกับยอมจำนนกับคำประกาศิตของธาร ส่วนผมก็เหลือบมองไปมา ปากพูดอะไรไม่ออก ตกอยู่ในสภาพยอมจำนนเช่นกัน

จะ...จ้ะ ยอมแล้ว น้องธารของพี่เหนือโหดมาก

บรรยากาศมาคุได้ครู่หนึ่งเพราะไม่มีใครพูดอะไร กระทั่งธารเดินกลับไปนั่งที่ ผมเลยรีบทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยเร็ว

“งะ...งั้นวันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนเนอะ ที่เหลือเดี๋ยวพี่เหนือให้อาจารย์สมรมารับช่วยต่อนะ”
ไม่ได้เรียกว่าทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิม เรียกว่าชิ่งหนีดีกว่าเถอะ พูดจบก็รีบคว้าข้าวของออกจากห้องนั้นไปเลย ปล่อยให้พวกมันไปเคลียร์กันเอง

จะ...ใจเต้นแรงมาก สั่นประสาทอะไรอย่างนี้ เห็นพวกมันตีกันมาก็บ่อยแต่ยังไม่ชินซะที แถมที่ทำให้ใจเต้นแรงกว่าเดิมก็คือไอ้เด็กธารนี่แหละ

จะว่าไปแบดๆ อย่างนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ โดนปกป้องแล้วรู้สึกดีชะมัดเลย
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่7♦P.3♦22/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 24-02-2016 23:41:58
ชั่งใจ ครั้งที่ 8: พี่เหนือได้ พี่เหนือโดน[2]

เพราะรู้สึกดี เลิกฝึกงานปุ๊บ ผมก็รีบกลับไปดักรอมันที่หอเหมือนเดิม คราวนี้ตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะชวนมันไปกินข้าวเย็นให้ได้ กะว่าจะอ้างเรื่องที่มันช่วยผมวันนี้นี่แหละไปเลี้ยงข้าว ทว่าพอมันโผล่หน้ามาปุ๊บ แล้วผมเข้าชาร์จปั๊บพร้อมคำชวนว่า... ‘วันนี้พี่เหนือจะพาไปเลี้ยงข้าว ตอบแทนที่ช่วยพี่เหนือเมื่อเช้านะ’

ไอ้เด็กธารมันกลับตอบมาหน้านิ่งๆ ขณะที่ไขกุญแจเข้าห้องว่า ‘กินมาแล้ว’

แล้วก็เดินเข้าห้องไปเลยราวกับผมไม่มีตัวตน เท่านั้นผมก็ทึ้งหัวตัวเองในห้องตามลำพังราวกับคนบ้า

โอ๊ย เปิดโอกาสให้หน่อยก็ไม่ได้ อยากจะเต๊าะจนตัวสั่นแล้วเนี่ย!

ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานว่าจะหาแผนอะไรหลอกล่อให้มันออกจากห้องดี ก่อนจะฉุกใจคิดขึ้นได้ว่ายังมีเพื่อนมันคนนึงที่เอามาเป็นข้ออ้างได้

โรมไงล่ะ! รายนั้นยังอยู่โรง’บาลอยู่เลย ถ้าอ้างว่าเป็นห่วงโรมเพราะไม่เห็นออกจากโรง’บาลซะที แล้วขอให้มันพาไปเยี่ยมก็คงจะได้ เอาตามนี้แหละ!

เท่านั้นผมก็รีบพุ่งไปหน้าห้องธารทันที เคาะประตูอยู่ครู่หนึ่ง ธารก็เปิดอกมาพร้อมกับสีหน้ารำคาญ ผมยิ้มให้แล้วรีบเข้าเรื่อง

“คือว่า... พี่เหนือได้รับคำสั่งจากอาจารย์สมรให้ไปเยี่ยมโรมน่ะครับ แต่พี่เหนือไม่รู้ว่าโรมพักอยู่อาคารไหนในโรง’บาล น้องธารพาพี่เหนือไปหน่อยได้มั้ย”
โกหกเต็มๆ เลยจ้า พี่สมรไม่ได้สั่งแม้แต่น้อย มีแต่หัวใจนี่แหละสั่งมาว่าให้ตอแหล

แต่แทนที่ธารจะยอมตกปากรับคำ กลับว่าเสียงเรียบ
“อยู่อาคารผู้ป่วยในชาย ทางไปก็ไปถามพยาบาลเอา” แล้วก็ทำท่าจะปิดประตู ผมเลยรีบถลาเข้าไปคว้าขอบประตูไว้ให้ธารได้ชักสีหน้าใส่อีก
“แต่พี่เหนือไม่เคยไปน่ะ พาไปหน่อยนะครับ”
“โรง’บาลก็อยู่ฝั่งตรงข้ามเนี่ย มันยากเย็นอะไรนักหนาวะ ก็แค่เดินเข้าไปแล้วไปถาม” ธารว่าเสียงเขียวตามมาทันที

ผมก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยได้แต่ยิ้มเท่านั้น โรงพยาบาลประจำจังหวัดอยู่ฝั่งตรงข้ามศูนย์การค้าที่หอพักผมตั้งอยู่จริง และการเข้าไปข้างในแล้วถามหาอาคารผู้ป่วยในชายก็ไม่ได้ยุ่งยาก แต่มันยุ่งยากตรงที่อยากจะล่อเด็กนี่ออกไปด้วยต่างหาก ถ้าไม่อยากให้ยุ่งยากก็ตามมาซะดีๆ สิเว้ย!

“จริงๆ แล้วคือพี่เหนือไม่อยากไปคนเดียวน่ะ” สุดท้ายผมก็เลยสารภาพไปตรงๆ แต่ไม่ได้บอกหรอกว่าหลังจากนี้ก็จะตะล่อมชวนมันไปกินข้าว
ทว่าธารก็ไม่ตอบรับอยู่ดี แถมพึมพำออกมาอีก
“ไร้สาระ” ทำท่าจะปิดประตูอีกรอบด้วย โดยไม่สนใจว่ามือผมจับขอบประตูอยู่แต่อย่างใด ผมเลยต้องรีบโพล่งขึ้นมา
“ถือว่าเป็นการตอบแทนที่พี่เหนือให้ยืมใช้ห้องน้ำแล้วกันนะ พาพี่เหนือไปหน่อย”

ธารชะงักทันควัน ตวัดหางตามามองผมอย่างขุ่นเคืองด้วย
“ทวงบุญคุณเหรอวะ”
ผมพยักหน้า ส่งยิ้มให้ ธารเลยพ่นลมหายใจใส่หน้าผมเต็มแรง
“เออๆ ไปก็ไป ให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงนะ”
ครึ่งชั่วโมงก็ครึ่งชั่วโมงจ้า เดี๋ยวพี่เหนือทำให้มันเป็นหลายชั่วโมงเอง


 
ธารพาผมขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในโรงพยาบาล เดินนำไปยังอาคารผู้ป่วยในชายแล้วตรงไปยังเตียงที่โรมนอนพักอยู่ ข้างกันมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งเฝ้า พอเดินมาถึง ธารก็ยกมือไหว้ผู้หญิงคนนั้น ผมไหว้ตามเพราะเดาเอาว่าน่าจะเป็นแม่ของโรม ส่วนโรมพอเห็นว่าเพื่อนมาเยี่ยมก็ดันตัวขึ้นนั่ง ร้องทักเสียงร่าเริง

“ลมอะไรหอบมาวะมึง พรุ่งนี้กูก็ออกจากโรง’บาลแล้ว มาทำไม”
“กูไม่ได้อยากมา นี่ต่างหาก” ธารบุ้ยปากมาทางผมทันที ส่วนโรมก็ทำหน้าสงสัย ผมเลยรีบชิ่งตอบก่อน
“อาจารย์สมรให้พี่มาดูน่ะครับว่าโรมเป็นไงบ้าง”

โรมร้องอ๋อนิดหน่อย แล้วชูแขนข้างที่ใส่เฝือกให้ดู
“ก็ไม่เป็นไรพี่ แค่กระดูกร้าวกว่าเดิม ตอนแรกว่าจะหายแล้วเชียว โดนตีเข้าไปอีกทีเลยยาว แต่มะรืนนี้ก็ไปเรียนตามปกติได้แล้วล่ะ”

ก็สมควรอยู่หรอก อยู่ดีไม่ว่าดีพุ่งเข้าไปร่วมวงต่อยตีอย่างนั้นน่ะ

คนที่เห็นด้วยกับผมก็เป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง พอโรมพูดจบก็ส่งเสียงขึ้นมาเลย
“สมควรแล้วไอ้แสบ ต้องให้เจ็บหนักๆ ถึงจะสำนึก”
“โถ่แม่ นี่ลูกนะ อย่าแช่งสิ” โรมทำท่าออดอ้อนทันที ส่วนคนเป็นแม่ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วหันมาหาธาร
“คุณหนูธารก็ด้วย อย่าเกเรให้มันมากนัก แล้วก็อย่าไปช่วยไอ้เด็กนี่นัก เดี๋ยวก็เจ็บตัวไปด้วยอีกคนหรอก”
“ครับป้าริน” ธารเกาหัวแกรกๆ ที่จู่ๆ ก็โดนหางเลข

แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับสรรพนามที่ใช้เรียกเด็กหนุ่มข้างๆ ผม

หืม... คุณหนูธาร น่ารักน่าชังซะไม่มี เกือบจะลืมไปแล้วว่าโรมเคยบอกว่าแม่มันเคยเป็นแม่นมของธาร

“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังคะคุณหนู ป้าทำหมูหวานกับข้าวเหนียวมานะ”
“ไม่เป็นไรครับ ธารกินมาแล้ว” ธารรีบปฏิเสธเมื่อเห็นว่าป้ารินกุลีกุจอเอาหมูหวานกับข้าวเหนียวที่แพ็คใส่กล่องพลาสติกมาส่งให้ อ้างไปเรื่อยเปื่อย แถมเรียกแทนตัวเองว่า ‘ธาร’ อีก

แต่ป้ารินก็ไม่ฟัง เปิดกล่องหมูหวานออก กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูกทันใด

“กินมาแล้วก็กินอีกได้ เนี่ยป้าทำมาให้ไอ้แสบแต่มันไม่ยอมกิน จะกินแต่ข้าวต้มโรง’บาล สงสัยติดใจ คุณหนูเอากลับไปกินที่หอนะคะ เผื่อดึกๆ จะหิว ของโปรดคุณหนูธารนี่นา เอาไปกินนะคะ” ไม่พูดอย่างเดียว โชว์หมูหวานหน้าตาน่ากินเสร็จแล้วก็จัดการปิดฝา จับลงถุงพลาสติกส่งมาให้อีกด้วย

ธารทำท่าจะปฏิเสธอีก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะจู่ๆ พยาบาลก็มาร้องบอกว่าใกล้หมดเวลาเยี่ยม เลยได้แต่ยกมือพนมขอบคุณไป
“ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวธารเอากล่องไปคืนที่ร้านวันหลังนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เก็บไว้ใช้เถอะ ป้ายังมีอีกเยอะ”

ธารพยักหน้ารับไป ผมก็ลอบมองสีหน้าเด็กนี่ไปด้วย เวลาอยู่ต่อหน้าป้าริน ธารดูมีความสุขยังไงไม่รู้ ยิ่งตอนใกล้จะกลับแล้วป้ารินเรียกธารไปกอดแน่นๆ แววตาของเด็กนั่นก็ยิ่งแสดงออกชัดเจนว่ามีความสุขแค่ไหน

ดูท่าทางป้ารินกับธารน่าจะสนิทกันมาก แต่ผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้อยากเปลี่ยนป้ารินเป็นผมมากกว่า

ผมเองก็อยากกอดน้องธารเวอร์ชันมุ้งมิ้งแบบนี้เหมือนกันนะ โฮ่ย น่ารัก!


 
ล่ำลาโรมกับป้ารินอีกแป๊บนึงก็กลับมาที่หอ ผมไม่พลาดที่จะชวนธารไปกินข้าว ทว่าเด็กนั่นกลับตอกหน้าผมหน้าตาเฉย

“มีหมูหวานกับข้าวเหนียวอยู่แล้วจะไปหาข้าวกินอีกทำไม ก็กินไอ้นี่ที่ห้องนั่นแหละ”
โอ้ว กินที่ห้องก็ดีนะ มาเลยจ้ามาเลย มาที่ห้องพี่เหนือเลย!

“งั้นน้องธารไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่เหนือเอาของกินไปในห้องก่อน” แย่งถุงหมูหวานกับข้าวเหนียวมาถือด้วย เดี๋ยวมันเอาเข้าห้องตัวเอง ไปที่ห้องมันนี่อันตราย เผื่อผมหน้ามืดจะทำอะไรมันขึ้นมา ไม่รู้อีกว่ามันซ่อนอาวุธอะไรไว้ตรงไหนบ้าง จะได้โดนมันเฉาะกบาลแยก

ธารมองผมอย่างงุนงงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมกลับเข้าห้องตัวเองไปอาบน้ำตามที่บอก ส่วนผมก็รีบปรี่เข้าห้องตัวเอง อาบน้ำอาบท่าบ้าง แล้วจัดแจงเอาของกินมาวางเรียงบนพื้น เตรียมตัวพร้อมกินสุดๆ

กินน้องธารนะ ไม่ใช่ข้าวเหนียวหมูหวาน...

แต่งตัวยั่วมันด้วย ปกติใส่เสื้อยืดนอน แต่วันนี้ใส่เสื้อกล้ามแล้วกัน เผื่อมันเห็นกล้ามล่ำๆ แล้วจะมองผมเซ็กซี่ อยากถูไถ อยากสัมผัสขึ้นมาบ้าง ถึงมันจะไม่ใช่เกย์ก็เถอะ แต่ก็นะ หวังลมๆ แล้งๆ นิดหน่อยคงจะไม่เป็นไร ส่วนกางเกง...จะใส่บ็อกเซอร์อย่างเดียวก็ดูใจกล้าเกินไป เอาเป็นขาสั้นธรรมดาแล้วกัน

ไอ้ชวนไปกินข้าวอะไร หวังจะค่อยๆ เต๊าะแบบนิ่มๆ เนิบๆ นี่มลายหายไปหมดแล้ว ตอนนี้คือถ้าเผลอเมื่อไหร่ โดนตะครุบแน่นอน
รอได้พักนึง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมรีบลุกไปเปิดก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่าธารในชุดลำลองปรากฏตัวอยู่หน้าประตู ไอ้ที่ผงะนี่ไม่ใช่อะไรเลย กางเกง! กางเกงมันสั้นครึ่งน่องอีกแล้ว!

โอย เลือดกำเดาจะไหล ขาอ่อนน้องธารมาอีกแล้วโว้ย!

เผลอตัวมองแต่ขาขาวๆ ไม่มองหน้าอยู่พักใหญ่จนธารทักเสียงเขียว
“มองอะไรอยู่ได้ ยุงมันกัดเนี่ย ให้เข้าไปได้ยัง”
“ขะ...เข้ามาเลยครับ” ได้สติในตอนนี้ เปิดประตูกว้างขึ้นให้มันเดินเข้ามา

เข้ามาได้ ธารก็จัดการทิ้งตัวลงบนพื้น นั่งจกข้าวเหนียวจิ้มหมูหวานโดยไม่รอให้ผมมานั่งก่อนแต่อย่างใด ผมเลยเดินมาทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ทำลายความน่าอึดอัดให้บรรยากาศผ่อนคลายเล็กน้อย

“น้องธารนี่ดูท่าทางจะชอบหมูหวานนะครับ” ทักอย่างนั้นเพราะเห็นมันจ้วงเอาๆ ทั้งที่บอกกับป้ารินว่ากินมาแล้ว
และเพราะผมทักไปอย่างนั้น ธารก็เลยว่าออกมา
“อือ ตอนเด็กๆ แม่ชอบทำให้กิน”
“แสดงว่าแม่น้องธารต้องทำอาหารอร่อยแน่”
“กินไปเถอะน่า พูดมากอยู่ได้” พอพูดถึงเรื่องแม่ ธารก็ตัดบทเอาเสียอย่างนั้น จ้องหน้าผมอย่างหงุดหงิดด้วย

โอเค งั้นไม่พูดเรื่องแม่ เรื่องอื่นแล้วกัน...เรื่องของเรา

“วันนี้พี่เหนือขอบคุณมากนะครับที่ช่วยพี่เหนือ”
“ช่วยอะไร” ธารชะงักมือที่กำลังปั้นข้าวเหนียว มองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ช่วยเรื่องที่เพื่อนในห้องเรียกพี่เหนือว่าตุ๊ดกับออโรราไง”

ธารทำหน้าเหมือนจะนึกขึ้นออก เอียงคอเล็กน้อยแล้วทำท่าไม่สนใจ
“ก็บอกแล้วว่าไม่ชอบเห็นใครมาเหยียดพวกของผม”

พวกของผม... พูดแบบนี้หมายถึงนับผมรวมเป็นพวกพ้องด้วย ก็แสดงว่าเริ่มไว้ใจผมแล้วล่ะสิ?

 “ยังไงพี่เหนือก็ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไร รู้อยู่ว่าคนอย่างพี่อย่างไอ้ไม้เป็นพวกอ่อนไหวง่าย ต่อไปนี้จะพยายามทำดีด้วยแล้วกัน”

หะ...หัวใจพองโตเลย เข้าอกเข้าใจคนอื่นอะไรอย่างนี้ ผิดกับท่าทางตอนแรกลิบลับ
น่ารักแรงมาก เต๊าะแม่งเลยแล้วกัน!

“งั้นพี่เหนือถามได้มั้ยว่าน้องธารมีแฟนหรือยัง”
“มีคุยๆ อยู่ แต่ยัง”
“แล้วชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”
ถามจบ ธารก็เงยหน้ามองผมอย่างตกใจ

เอ...นี่กูเต๊าะตรงไปหรือเปล่าวะ คือปกติเวลาเจอกับคนที่ถูกใจในผับก็เข้าไปคุยตรงๆ เลยไงว่าอยากนอนด้วยแล้วก็หิ้วกันไปเลย ติดนิสัยแบบนี้มาแล้วมันเลยปรับตัวยากหน่อยน่ะ

และแน่นอนว่ามันเป็นความผิดพลาดเพราะธารสวนคืนมาทันที
“ถามงี้ นี่พี่จะจีบผมเหรอ”
คราวนี้เป็นผมที่ตกใจบ้างละ เต๊าะตรงไปจริงๆ แหละ ไก่ตื่นหมดเลยเนี่ย!
“ปะ...เปล่าครับ ลองถามดูเฉยๆ เห็นเข้าอกเข้าใจพี่เหนือกับน้องมายด์ดีน่ะ” ผมเลยอ้างไปเรื่อย

ส่วนธารก็ไม่ตอบคำถามนั้น นั่งกินไปเงียบๆ จนกระทั่งความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่อีกครั้ง รอบนี้ปกคลุมหนักกว่าเดิมด้วย จนผมชักไม่รู้แล้วล่ะว่าจะคุยอะไรดีเลยลงมือกินบ้าง

แต่อยู่กันในห้องสองต่อสอง มือจกข้าวเหนียวโปะหมูหวานเข้าปากลูกเดียวแบบไม่มีใครพูดอะไรนี่ก็ทำให้อึดอัดเหมือนกันนะ แถมไอ้เด็กนี่ก็แต่งตัวเหมือนจงใจยั่วผมอีก ยิ่งทำให้อึดอัดเข้าไปใหญ่

บอกไม่รู้ฟังว่าอย่าใส่กางเกงตัวเดียวเข้ามาในห้องกูไง! หอบหื่นมันกำเริบ!

บอกมันในใจนี่แหละ ส่วนหอบหื่นก็กำเริบหนักมาก กางเกงขาสั้นที่ใส่ก็ขากว๊างกว้างเถอะ มือจกข้าวเหนียวเข้าปากไป แต่สายตานี่มองเข้าใต้ขากางเกง รอดูของดีโอท็อปจากน้องธารเป็นระยะๆ หวังจะได้เห็นวับๆ แวมๆ ให้กระชุ่มกระชวยจิตใจบ้าง
คือ...มันก็ไม่เห็นหรอก เห็นแต่ต้นขาอ่อนๆ แต่ในใจก็ภาวนาขอให้ได้เห็นแวบนึงก็ยังดีไง

พ่อไก่ชนชูคอขันจู้ฮุกกรูนี่ไม่ได้เห็นมาหลายวันแล้ว คิดถึ้งคิดถึง

จะว่าหื่นก็ยอมรับหน้าซื่อตาใส มาเจอแบบนี้ บอกตรงๆ แสงเหนือทำใจไม่ให้หื่นไม่ได้จริงๆ ยัดข้าวเหนียวเข้าปากแบบไร้สติสัมปชัญญะ ส่งข้าวเหนียวทิ่มเข้าแก้มเต็มๆ แถมข้าวเหนียวที่หยิบมาก็ก้อนเบ้อเร่อ เลยทำให้เศษข้าวเลยไปทิ่มหางตาด้วย

หื่นจนเหม่อ... ทุเรศทุรัง

“กินยังไงน่ะ ข้าวเหนียวติดตาแล้ว” ธารเองก็สังเกตเห็นความทุเรศของผมเหมือนกัน ละมือจากการกิน ยกนิ้วชี้ที่หางตาตัวเองเป็นท่าประกอบ

ผมเห็นแล้วก็ยิ้ม กะพริบตาปริบๆ ก็รู้สึกแหละว่ามีอะไรติดอยู่ที่ขนตา ก่อนจะนึกอะไรออกขึ้นมา

อ้อยเด็กไง อ้อยเด็ก ได้โอกาสแล้วต้องอ้อย! อ้อยยังไงก็ได้ให้เด็กมันไม่รู้ว่ากำลังโดนผมอ่อยอยู่ เมื่อกี้จู่โจมเร็วไปหน่อย เอาใหม่ๆ
อยากได้อยากโดนก็ต้องลอง เผื่อฟลุก!

“มือพี่เหนือเปื้อนทั้งสองข้างเลยอะน้องธาร หยิบออกให้พี่เหนือหน่อยสิ” เท่านั้น ผมก็ว่าขึ้นมาทันที พลางชูมือทั้งสองข้างเป็นการประกอบ

ไม่ใช่แค่นั้น ยื่นหน้าเข้าไปหามันด้วย วันนี้ใส่เสื้อกล้ามด้วยใช่มะ แกล้งทำเสื้อไหล่ตกนิดนึง โชว์ไหปลาร้าหน่อย เผื่อเด็กมันจะพิศวาสขึ้นมา งานปากเจ่อเซ็กซี่ก็มา อันนี้ทำออกมาเองโดยอัตโนมัติ สาบานว่าไม่ได้เลียนแบบน้องมายด์
สภาพตอนนี้ โหย... บอกเลย ขนอ้อย มะละกอ กล้วย ส้ม มาทั้งไร่ ไม่ได้ไม่โดนวันนี้ก็ไม่รู้จะไปได้ไปโดนวันไหนแล้ว!

แต่ทว่า แทนที่ธารจะหยิบข้าวเหนียวออกให้ตามที่ผมคาดหมาย เด็กนั่นกลับชักสีหน้าใส่ ขยับออกห่างก่อนจะว่าเสียงเขียว
“ก็เอานิ้วเขี่ยออกสิวะ”
“ก็นิ้วมันเปื้อนนี่ครับ เห็นมั้ย นิ้วพี่เหนือทั้งสิบนิ้วเปื้อนหมดเลย จะหยิบออกได้ยังไง เลอะแย่”
“ใช้นิ้วเท้าไง” ธารว่าไม่ยี่หระ มองผมด้วยสายตาดุจมองขยะเปียกก็ไม่ปาน

ไอ้น้องธาร! มึงคิดว่ากูเป็นแมวหรือไงถึงจะเอาเท้าหลังมาเขี่ยหน้าตัวเองถึงน่ะ!

กัดฟันกรอดแล้ว แต่ผมก็ทำใจดีสู้เสือ อยากได้ลูกเสือก็ใจต้องหนักแน่นเว้ย เดินหน้าอ่อยต่อไป ปั้นยิ้มเข้าไว้ เด็กๆ นี่ขี้ใจอ่อน กระเง้ากระงอดหน่อยเดี๋ยวก็เสร็จโจ๋

“น้องธารนี่ตลกเนอะ แต่อย่าเพิ่งเล่นได้มั้ยครับ เอาข้าวเหนียวออกให้พี่เหนือก่อนนะ จะพันกับขนตาพี่เหนืออยู่แล้วเนี่ย อีกนิดเดียวก็จะทิ่มเข้ามาในลูกตาแล้วด้วย ถ้าพี่เหนือตาบอดไปจะว่ายังไง ไม่สงสารพี่เหนือเหรอ” ว่าพลางกะพริบตาปริบๆ เป็นเชิงให้รู้ว่าข้าวเหนียวจะพันขนตากูจริงๆ นะ สกิลฉอเลาะก็มางัดมาใช้เต็มที่

ทว่า... ธารแค่มองเท่านั้น วางของกินในมือลง แล้วก็พูดขึ้นมาเนิบๆ
“ทำหน้าทำตา ทำท่าทางแบบไอ้ไม้เดี๊ยะ นี่พี่กำลังอ่อยผมอยู่ใช่ปะ”
อะ...เอ๊ะ! มันรู้! รู้ได้ไงวะ!?

ผมมองหน้ามันทันที ก่อนมันจะพูดขึ้นมาอีก
“ผมว่าพี่แม่งแรดว่ะ คิดจะกินเด็กล่ะสิ ฝันไปเถอะ”

โอ้โห ชัดถ้อยชัดคำ รู้ทันขนาดนี้ กูแทบจะเอาหน้าซุกกระติ๊บข้าวเหนียวที่วางอยู่บนพื้น แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว จะยอมรับก็ใช่เรื่อง แถเนียนๆ ไปแล้วกัน
“เปล่าซะหน่อย พี่เหนือแค่จะให้น้องธารช่วยเอาข้าวเหนียวออกให้เฉยๆ นะครับน้องธาร เอาออกให้พี่หน่อยนะครับ” อ้อนตบท้ายไปด้วย เป็นไงล่ะ แถได้เนียนมาก หน้าก็ยื่นเข้าไปใกล้อีก

แต่ไอ้เด็กธารไม่หือไม่อือ กลอกตามองบนแล้วหันไปทางอื่น
“เอาออกเอง”
ไร้เยื่อใยมาก หันไปจกข้าวเหนียวเข้าปากหน้าตาเฉยอีกต่างหาก

ช่างแม่ง เอาออกเองก็ได้วะ แผนนี้คงต้องพับเก็บลงไปก่อน ดูท่าจะไม่ได้ผลละ รถอ้อยของไอ้เหนือล้มคว่ำดับอนาถแล้ว พอๆ เลิก!

ผมย่นปากเล็กน้อย กลับมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม ยกมือขึ้นกะจะเอาหลังมือเช็ดข้าวเหนียวที่ตาออก ทว่าหลังมือก็ไปเปื้อนซอสจากหมูตอนไหนก็ไม่รู้ เลยกะว่าจะไปล้างมือก่อนแล้วค่อยล้างหน้าอีกที ทว่าท่าทางยึกยักของผมคงจะไปขัดลูกตาธารใจเข้า แค่ผมทำท่าจะลุกเท่านั้น ธารก็โพล่งขึ้นมา
“รำคาญว่ะ มา! เดี๋ยวเอาออกให้”

ไม่พูดอย่างเดียว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วด้วย จังหวะนั้นผมหันไปพอดีด้วยอารามแปลกใจ ริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็เลยโดนกันแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ประจวบเหมาะราวกับจับวาง

จะ...จูบ...

เผื่อได้เผื่อโดนของไอ้เหนือมาแล้วเว้ย!

จิตใต้สำนึกของผมลิงโลดทันที ขณะที่ธารเบิกตาโตไปทันใดที่รู้ตัวว่าปากของเราทั้งคู่ประกบกันอยู่ เหมือนจะช็อคไปเลยเพราะตัวแข็งค้างทำอะไรไม่ถูก ส่วนผมก็เริ่มได้สติหลังจากฟินไปแป๊บนึงเมื่อนึกได้ว่าหลังจากนี้ ชะตาชีวิตผมจะเป็นยังไง
ดะ...โดนมันกระทืบแน่ๆ โดนแน่ๆ ไม่น่ารอด

จูบอย่างนั้นก็คงจะไม่รอดนั่นแหละ แต่ถ้าจะโดนเท้าน้องธารเหยียบหน้าล่ะก็ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอเอาให้คุ้มหน่อยแล้วกัน

ดูดปากแม่ง... จ๊วบ!

ดูดจริง ไม่ได้พูดเล่น อาศัยจังหวะตอนที่มันยังช็อคอยู่ที่แหละเผยอริมฝีปากขึ้นแล้วขบเม้มเรียวปากคนตรงหน้าทันใด ไม่ดูดอย่างเดียว เอาลิ้นสอดเข้าไปด้วย ทะลวงสมองได้คือทะลวง บอกได้คำเดียวเลยว่า... แสงเหนือเวอร์ชันตะกรุมตะกราม ดังจ๊วบจ๊าบเป็นที่น่าเวทนาอย่างที่สุด

ทำอย่างกับไม่เคยดีพคิสกับใครมาก่อน แต่ฟินแรงมาก เกือบจะนิพพานแล้ว ส่วนน้องธารก็วิญญาณกลับเข้าร่างในตอนนี้ ถลึงตาใส่ผมแล้วรีบผละออก ก่อนตั้งหลัก ตามมาด้วยส่งฝ่าเท้ามาถีบเข้ากลางอกผมอย่างจังจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง

“ทำอะไรของมึงวะไอ้พี่เหนือ!” แล้วก็ตะโกนเสียงดังลั่น ทำหน้าตาตื่นๆ เหมือนกับเมื่อกี้เสียความบริสุทธิ์ให้ผมแล้ว พลันด้วยลุกขึ้นมาถีบผมที่นอนจุกอยู่อีกที ตามมาสบถด่าไปเรื่อย
“ไอ้พี่เหนือ! ไอ้เวรเอ๊ย!”

จะ...เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษเหนือไย เหนือทำอะไรให้ธารเคืองขุ่น...

ไม่ต้องถามมันก็น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะ สอดลิ้นเข้าไปในปากมันขนาดนั้น ไม่โดนมันกระทืบมากกว่านี้ก็บุญแล้ว
ส่วนธารก็ทำท่าเหมือนโลกจะถล่มให้ได้ ส่งเสียงฮึดฮัดเดินไปมาราวกับไม่รู้จะทำยังไงกับผมดี

“ไอ้พี่เหนือ...มึง...”

ดูจากสภาพแล้ว อีกไม่นานคงจะตามมากระทืบผมอีกรอบแน่ แต่มันไม่ทำ ฮึดฮัดอยู่อย่างนั้นก่อนจะปรี่ไปยังประตูแล้วหายออกไปจากห้องผมทันที ปล่อยให้ผมที่เพิ่งจะดันตัวขึ้นนั่งได้เอื้อมมือไปไขว่คว้าหามันเหมือนกับนางเอกละครที่กำลังวิงวอนพระเอกไม่ให้ไปกับนางร้าย

น้องธารของพี่เหนือ... อย่าเพิ่งไป!

ปัง!

ไปแล้ว ไปแบบโกรธๆ ด้วย แต่ไม่เป็นไร ค่อยตามไปง้อทีหลังถึงจะไม่รู้ว่ารอบนี้จะง้อได้หรือเปล่าก็เถอะ ดูท่าทางจะโกรธแรง ที่รู้อย่างเดียวคือ... คุ้ม!

ได้และโดนจนได้ ถึงจะโดนกระทืบไปสองทีก็เถอะ จุกแต่เหนือก็ฟิ้นฟิน

นั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า พอหายจุกก็ตั้งใจจะลองไปเคาะประตูเรียก เผื่อว่าจะง้อได้ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงเสียก่อน พลันนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้บันทึกเบอร์มันไป

ไปเคาะประตูเรียกมันก็คงจะไม่เปิดแน่ๆ งั้นเคาะแล้วโทรหาด้วยแล้วกัน ตื๊อสักหน่อย
ลุกไปคว้าโทรศัพท์มาแล้วก็เดินออกไปที่หน้าห้องมัน เคาะไปสองสามที ปากก็ร้องเรียกไปด้วย

“น้องธารครับ ออกมาคุยกับพี่เหนือหน่อยนะ”
สภาพคือเหมือนผัวตามง้อเมียไม่มีผิด แถมยังเสี่ยงกับการถูกมันเปิดประตูออกมาเอาอีโต้ฟันหน้าด้วย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกได้ว่าไม่กลัวมันเลยสักนิด มีแต่ความอยากจะแกล้ง

ก็แหม เห็นท่าทางไม่ประสีประสานั่นแล้ว ดูรู้เลยนี่หว่าว่าเป็นหนุ่มน้อยใสๆ อินโนเซ้นส์แบบนี้ ไอ้เหนือชอบ

“น้องธารครับ เปิดประตูให้พี่เหนือหน่อย” ผมเคาะเรียกอีกเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน
รอบนี้ก็ไม่มีเสียงตอบรับอีกเช่นเคย ผมก็เลยกดโทรศัพท์โทรออก อึดใจเดียว ปลายสายก็รับ ก่อนผมจะกรอกเสียงลงไป
“เปิดประตูมาคุยกันก่อนนะน้องธาร”
[เอาเบอร์มาจากไหนวะ!]
ธารตะโกนมาตามสาย ได้ยินทั้งจากในโทรศัพท์ ทั้งจากในห้อง ดูท่าทางจะตกใจมาก
“เป็นอาจารย์นี่นา ยังไงก็ต้องมีเบอร์นักศึกษาทุกคนอยู่แล้ว” ผมแกล้งว่า อีกฝ่ายเลยเงียบไปให้ผมได้พูดอีก “ออกมาคุยกันก่อนนะ”
[ไม่เอาเว้ย!]
“ทำไมล่ะครับ หรือว่าจะอายที่ถูกพี่เหนือจูบ” พูดไปตรงๆ แม่งเลย ฝ่ายนั้นยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ผมก็เลยนึกสนุกขึ้นมา “จูบแรกเหรอ เห็นห้าวๆ แบบนี้ ที่ไหนได้ เป็นหนุ่มซิงสินะ”
[พูดอะไรเนี่ย ไม่ใช่เว้ย!]
“งั้นก็จูบแรกกับผู้ชายแหง” ผมหยอกอีก คราวนี้อีกฝ่ายเงียบหนักมาก

เงียบจนน่ากลัวว่าอีกแป๊บนึงมันจะตัดสาย ผมเลยรีบชิงพูดก่อน
“พี่เหนือขอโทษแล้วกันครับ เห็นน้องธารใจดีกับพี่เหนือ พี่เหนือเลยเผลอตัวน่ะ นิสัยเก่า ลืมตัวไปหน่อย” ตอนนี้ยอมรับไปตรงๆ เลยว่าจริงๆ ตัวเองเป็นคนยังไง ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วนี่ มันก็รู้แล้วว่าผมเป็นเกย์ แถมมันยังเป็นคนบอกเองอีกต่างหากว่าคราวหลังถ้ามีอะไรก็ให้บอกก่อน

ความจริงการเปิดตัวว่าเป็นเกย์เลยก็ดีเหมือนกันนะ วางตัวได้สบายดี

แต่ไอ้ที่ทำให้ผมไม่สบายใจขึ้นมานิดนึงก็คือไอ้เด็กข้างในนั่นแหละ พูดไปอย่างนั้นมันก็เอาแต่เงียบจนผมต้องเรียกมันอีกครั้ง
“น้องธาร...”
[นิสัยเก่านี่ หมายความว่าพี่เป็นพวกมั่วเหรอ]

ถามตรงมาก ยอมรับไปแล้วกัน
“อือ เมื่อก่อนน่ะ”
เมื่อก่อนคือสองอาทิตย์ที่แล้วก่อนมาที่นี่ แต่ถ้าได้น้องธารขึ้นมา จะหยุดมั่วเลยพูดจริงๆ แต่เฉพาะในพิษณุโลกกับตอนที่น้องธารไม่รู้ไม่เห็นนะ กลับกรุงเทพฯ แล้วก็ไม่เกี่ยวกัน ...อันนี้อยากพูดแต่ไม่กล้า เดี๋ยวมีคดีติดตัวอีก

ธารไม่พูดอะไรอีก ผมเลยชักจะไม่สนุกละ ดูท่าทางมันจะช็อคหนักมาก งั้นวันนี้เอาเท่านี้แล้วกัน

“ถ้าธารรังเกียจที่พี่เหนือจูบ พี่เหนือขอโทษอีกครั้งแล้วกันนะครับ ถ้าหายโกรธแล้วก็ค่อยมาคุยกันนะ สัญญาว่าวันหลังจะไม่ทำแบบนี้อีก โอเคมั้ย” ธารก็ยังไม่พูดอะไร ผมถอนหายใจแล้วกรอกเสียงลงไปเป็นการสั่งลา “งั้น...พี่เหนือกลับห้องละ”

พูดจบ ผมก็ตัดสาย หมุนตัวจะเดินเข้าห้อง แต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด พอหันไปก็เห็นว่าเป็นธารที่โผล่หน้าออกมาครึ่งนึง แล้วตามมาด้วยว่าเสียงอุบอิบ
“ไม่ได้รังเกียจ แต่มันเหม็น”
“หือ?” ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินไม่ชัด ก่อนเด็กนั่นจะว่าเสียงดัง
“บอกว่าไม่ได้รังเกียจ แต่ปากพี่มันเหม็นหมูหวานเว้ย แล้วแม่งสอดลิ้นเข้ามาอีก! ไอ้นี่แหละที่รังเกียจ! โคตรขยะแขยง!”

ผมได้ยินก็เกือบจะหลุดหัวเราะ
เออจริง ปากมีกลิ่นหมูหวานจริง แต่ที่พูดแบบนั้นก็หมายความว่า...

“ไม่ได้รังเกียจจูบพี่สินะครับ งั้นไว้คราวหน้าพี่เหนือแปรงฟันแล้วมาลองกันอีกครั้งนะ” เต๊าะอีกรอบแม่งเลย ว่าจะไม่แล้วเชียว แต่เห็นแล้วก็อดไม่ได้

ธารทำหน้าเครียดขึ้นมา ก่อนที่แก้มใสๆ จะแดงเรื่อ
“พี่เป็นอาจารย์นะเว้ย ทำแบบนี้กับลูกศิษย์นี่อยากตายหรือไง”
“แค่อาจารย์ฝึกสอนเองน่า”
“ทำอีกครั้ง โดนกระทืบแน่” แค่พูดนิดเดียว ธารก็ขู่เสียงเข้มมาเลย ก่อนจะปิดประตูใส่ดังปัง ทิ้งให้ผมยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว

งูย... เด็กซึนเดเระว่ะ ถูกอกถูกใจไอ้เหนือแท้ๆ

เต๊าะแล้วก็เต๊าะยาว รถขนอ้อยนี่มาเป็นขบวนพาเหรด เดินวกกลับไปที่หน้าห้องมันอีกครั้ง ก่อนจะว่า...

“ฝันดีนะครับน้องธาร พี่เหนือกลับห้องจริงๆ ละ” ว่าจบก็เดินกลับเข้าห้องมา จังหวะเดียวกับที่เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ในมือดังขึ้น

เอามาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นข้อความจากแอพฯ แชท แล้วก็ต้องย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาเป็นชื่อไม่คุ้นเคย ทว่าพอเปิดดู ผมก็ต้องยิ้มออกมาอีกเมื่อรู้ว่าคนส่งมาเป็นใคร
 

ธาร พ่อทุกสถาบัน: เออ!

 
เออก็คือการตอบรับที่ผมบอกว่าฝันดีเมื่อกี้นั่นแหละ ส่วนไอ้ที่แอดเข้ามาในรายชื่อเพื่อนผมในโปรแกรมแชทนี่ได้ก็คงเป็นเพราะผมบันทึกเบอร์มันแล้วมันแอดให้อัตโนมัติสินะ

ผมส่งตัวการ์ตูนทำท่าส่งจูบกลับไป ธารอ่านแล้วก็ไม่ตอบอะไรกลับมา แต่ถึงจะไม่ตอบ ผมก็พอจะเดาได้แหละว่ามันทำหน้ายังไงอยู่

ทำหน้าเครียดแล้วหน้าแดงอยู่แน่ๆ ไอ้เด็กโมโหร้ายแต่ไร้เดียงสานั่นจะทำหน้าตายังไงได้อีก

บอกเลยว่าเหนือชอบมาก จะเอาคนนี้แหละ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ต้องได้ต้องโดนมากกว่านี้ให้ได้!

โดนให้ได้ ยกเว้น Teen…
-------------------------------------
มาเลทหน่อย แต่เก๊าก็มานะ
ตอนนี้น้องธารก็ยังน่าร้ากกก ตอนแรกว่าจะไม่เขียนเมะใสๆ แต่ไม่เคยเขียนไงเลยอยากลอง
น้องธารเมะใสๆ กับพี่เหนือเคะไสยๆ 555 อีพี่เหนือรุกหนักมาก ย้ำกันไปอีกทีว่าน้องธาร...เมะๆๆๆๆ นะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด กร๊ากกก
ใครร้องเรียกหาพี่จอมดื้อ บอกเลยว่ายนางไม่ได้โผล่มาแค่ฉากเดียว ยังมาอีกหลายฉากจ้า พี่จอมแสบก็จะโผล่มาด้วย บอกเลยว่าแซ่บไม่แพ้กันจ้า
ปล.น้องธารน่ารักเนอะ ได้แกล้งเมะมุ้งมิ้งแล้วรู้สึกฟิน ฮาา
อ่านจบแล้วส่งฟีดแบ็กกันหน่อยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 25-02-2016 00:11:20
เขินแรงตามขุ่นแม่ออโรรา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-02-2016 06:55:33
แหมมมม แสดงความยินดีกับพี่เหนือด้วยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kjkjji ที่ 25-02-2016 07:25:11
พี่เหนือมันร้ายยยยยยย สมแล้วที่เป็นขุ่นแม่ 5555555
น้องธารก็ใสแรง ทำไมน่ารักจังคะ :-[
นี่คิดว่าน้องมายด์เหมาะกับการมีเมียมากเลยนะ ความสะดิ้งนี้ 555555 เชียร์ให้หาเมียแมนๆให้น้องมายด์ค่ะ คอมาดี้สุดไรสุด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-02-2016 07:43:19
เพิ่งเคยมาเม้นท์ในนี้
หุหุ เมะใสๆ ดีเลยช๊อบชอบ เนื้อหวานกรุบกริบ ต่อไปก็ให้พี่เหนือเขาสอนไปทีละขั้นตอน ลีลา ท่าทางจะเรียนรู้ไว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-02-2016 09:53:17
พี่เหนือเวลาที่อยู่กับธาร เก็บอาการไม่ค่อยอยู่เลยนะ
เต๊าะตลอด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-02-2016 11:29:05
พี่เหนือได้(จูบ)และโดน(ตีน)สมใจ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-02-2016 12:21:15
พี่เหนืออ้อยน้องธารซะคนคิดว่าจะรุกแล้วให้น้องธารรับแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 25-02-2016 15:32:02
อ้อยไปอ้อยมา
ระวังเด็กจะจริงจังนะคะพี่เหนือ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 25-02-2016 16:19:10
ดีใจกับพี่เหนือจริงๆค่ะ ในที่สุดก็ได้(จูบ)ก็โดน(เท้า)ซะที  :katai2-1: :laugh: :laugh:

และความซึนของน้องธารนี่มัน...น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกอ่ะ  :impress2:

พี่เหนือเข้าใจนะ ว่าน้องไม่ได้รังเกียจจูบพี่นะ น้องแค่เหม็นกลิ่นหมูหวาน 555555

ว่าแต่...ล้างมือกันหรือยังคะ  :mew5: ลูกบิดประตู มือถือนี่เปื้อนหมดแล้วว ...อ๋อ ไม่เป็นไรเช็ดเสื้อได้เนอะ :laugh: (มาประเด็นไหน)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-02-2016 16:28:31
โอ๊ยยยยยย กูฮา อิเหนือ 55555 :jul3: แกอ่อยได้น่ารักมาก สมแล้วที่โดนถีบยอดอกมา 55555 ตอนแรกเห็นชื่อตอน เหนือได้เหนือโดน นี่นึกว่าสมหวังไปแล้ว ก็ว่าอยู่ เร็วไป๊ อยากเห็นนางเตาะน้องธารนานๆ ฮาดี ชอบๆ เอาแบบนี้ละ

แต่น้องธารนี่ยังไง? แลดูไม่รังเกียจ (แต่เหม็น) เกย์จูบเลยนะเว้ยยยย แถมยังใจกล้าใส่ขาสั้นตัวเดียวไปห้องเขาเนี่ย ยังไง? ยังไง? มีแววละ อิเหนือได้ใจรุกใหญ่แน่ๆ 5555 เสร็จแน่น้องธาร  :z2: ชอบๆ  o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: rasblurry ที่ 25-02-2016 18:12:05
#พีเหนือเคะไสยไสย 55555555555
เต๊าะหนักมากกก รถขนอ้อยมาเต็ม
ไม่คิดว่าน้องธารจะใสขนาดนี้คร่ะะ งืออออว
เด็กมันน่าเต๊าะจริงๆ ซึนได้อีกกกก //บิดตัวแรง
พี่จอมดื้อ กับพี่จอมแสบ กรี๊ดดดดดดดดด
เข็นมาออกเร็วนะคะะะ ชอบบพี่น้องตระกูลนี้จริงๆแซ่บบงะ 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-02-2016 18:14:57
อ้อมได้ทุกทางเลยนะ เหนือ
อย่างนี้ ธารจะหนีไปไหได้
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-02-2016 18:46:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-02-2016 18:53:02
ชั่งใจ ครั้งที่ 9: แตงกวากรุบกรอบ แต่เด็กหนุ่มกับคนอาวุโสกรุบกรอบกว่า[1]

บอกธารไปว่าเหนือชอบ!
อยากบอกแต่กลัวเดี๋ยวเด็กร้องไห้ไปฟ้องพี่สมรแล้วผมจะไม่ผ่านฝึกงานเอา มาคิดๆ ดูแล้วเป็นอาจารย์ฝึกสอนแต่ดันพยายามหลีลูกศิษย์ตัวเองนี่ก็เป็นเรื่องไม่สมควรเหมือนกันนะ มาคิดได้ก็ตอนนอนระลึกชาติฉากที่ฉกจูบไอ้เด็กธารนี่แหละ

ฟินแต่เสี่ยงเหลือเกิน ถ้ารู้ถึงหูคนอื่นล่ะก็ ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าไอ้เหนือเรียนไม่จบเพราะเต๊าะเด็กจนเป็นเรื่องแน่ แต่ใจมันรักว่ะ ยิ่งมาเจอเด็กนิสัยเสียอย่างธารใจที่จู่ๆ ก็มีมุมน่ารักโผล่มาให้เห็นแบบนี้ ผมก็ห้ามใจไม่อยู่จริงๆ

แต่ฟินได้ไม่นาน ชั่วโมงโฮมรูมวันใหม่ก็มีเรื่องให้ผมต้องปวดกะโหลกอีก

หนึ่งเลยก็คือ ผมโดนพี่สมรดุเรื่องที่มอบหมายหน้าที่ให้คัดเลือกเด็กในแผนกไปลงแข่งกีฬาไม่สำเร็จ แถมทำให้เด็กทะเลาะกันอีก โดนชมอยู่อย่างเดียวเรื่องที่ผมเปิดโอกาสให้เด็กกระตือรือร้นที่จะทำกิจกรรมเพราะปกติแล้ว เวลามีกิจกรรมอะไร พวกเด็กช่างพวกนี้มักจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
กิจกรรมที่ว่าก็คือการให้น้องมายด์ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์แล้วก็จัดทีมเชียร์นี่แหละ อนุมัติให้น้องมายด์ทำคนเดียว มีอยู่แค่แผนกเดียว พวกสาวน้อยร่างชายแผนกอื่นก็ไม่ยอม อาจารย์ผู้ดูแลกิจกรรมก็เลยมีมติให้ทุกแผนกมีเชียร์ลีดเดอร์ได้และเพิ่มเงินสนับสนุนสำหรับกิจกรรมให้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

มันก็ดีแหละถ้าหากว่าเรื่องชวนปวดกะโหลกอันดับสอง ไม่เป็นเรื่องที่ผมเพิ่งจะรู้ว่านอกจากจะมีการแข่งขันกีฬาสำหรับนักศึกษาแล้ว ยังมีการแข่งขันกีฬาสำหรับอาจารย์ด้วย เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรเลย คือต้องการให้อาจารย์แสดงความสมัครสมานสามัคคีเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ดูเท่านั้น

แล้วแข่งกีฬาของอาจารย์คืออะไรรู้มั้ย... กินวิบาก
เป็นการแข่งขันแบบไทบ้านมาก ปัญหาก็คือ ใครลงแข่งล่ะ?
จะใครล่ะ ผมนี่ไง! พี่สมรเอาตัวรอดด้วยการบอกว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว กระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยจะดีเลยส่งผมไปรับมือแทน
ปฏิเสธก็ไม่ได้ เอะอะก็ขู่จะไม่ให้ผ่านฝึกงานตลอด ผมก็เลยต้องรับปากไป ส่วนการแข่งขันอื่นๆ ของเด็กในแผนก พี่สมรก็มาช่วยคัดเลือกในชั่วโมงโฮมรูม แป๊บเดียวก็ได้คนลงแข่งครบทุกรายการ

ทำไมเวลาพี่สมรทำมันดูง่ายไปหมดเลยวะ ทีตอนกูทำนี่ กว่าจะได้แต่ละรายการ ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ขนาดธารยังได้ลงแข่งเลย รายนั้นแข่งวิ่งเพราะหาคนลงไม่ได้ ส่วนจอมแก่นก็ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการเลยไม่ได้ลงแข่งอะไร

ส่วนปัญหาของผมที่มากกว่าการถูกยัดเยียดให้ลงแข่งกินวิบากก็เพิ่มขึ้นมาอีกเมื่อรู้ว่ารายการของกินที่ต้องกินในตอนแข่งมีอะไรบ้าง
ขนมโก๋งี้ ฝืดคอจะตายแต่ยังพออะลุ่มอล่วยได้ ของดีพิษณุโลกก็มา กล้วยตากงี้ ไม่รู้ต้องกินกี่ลูก ที่พอจะเดาได้คือได้จุกก่อนแข่งเสร็จแน่ ร้ายสุดๆ เลยคือมีแตงกวาโผล่เข้ามาในรายการ

แตงกวา! ผักที่โคตรของโคตรไม่ชอบของไอ้เหนือ!

ถ้าเป็นผักอย่างอื่นจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่านี้เลย ทำไมต้องเป็นผักเหม็นเขียวนี่ด้วยวะ!

แน่นอนว่าผมไปร้องท้วงกับพี่สมรเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ขอให้เปลี่ยนผักอย่างอื่น แต่ไม่ได้รับความสนใจด้วยเหตุผลโง่ๆ ว่ามันเป็นผักที่หาซื้อง่ายและชาวบ้านเค้าก็กินกันไปทั่ว มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่กิน

ในเมื่อขอเปลี่ยนไม่ได้ก็ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม กะว่าตอนแข่งจะไม่กินแล้วก็ยอมแพ้ไปเลย แต่ไอ้เด็กในแผนกช่างไฟมันไม่ยอม โดยเฉพาะพวกที่รู้ว่าผมไม่กินแตงกวาอย่างแก๊งเด็กนรกนี่ ตอนกลางวัน พวกมันก็เลยลากผมไปกินข้าวด้วย นำทีมโดยน้องมายด์ จุดประสงค์ก็ไม่มีอะไร จะฝึกให้ผมหัดกินแตงกวานี่แหละ

โดนพวกมันลากไปกินข้าวด้วยนี่ไม่เท่าไหร่ แต่อยากรู้ว่าพวกมันรู้ได้ไงวะว่ารายการอาหารในแข่งกินวิบากมีอะไรบ้าง!? ไม่ได้ยินผมคุยกับพี่สมร ก็แอบเอากระดาษรายการอาหารในการแข่งไปดูแน่

 “เจ้เหนือต้องหัดกินนะคะ แผนกเราจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด” มาถึงโรงอาหารและนั่งลงได้ น้องมายด์ก็จัดการไซโคผมเลย ไม่พูดภาษาเหนือด้วยเพราะกลัวผมจะรับสาสน์ผิดพลาด พลันเลื่อนจานแตงกวาฝานเป็นแว่นที่ขอมาจากร้านข้าวแกงในโรงอาหารมาตรงหน้าด้วย ถึงจะมีอยู่ไม่ถึงสิบชิ้น แต่แค่เห็น ผมก็ขยาดแล้ว

“พี่เหนือไม่ชอบกินจริงๆ น้องมายด์ ผักอย่างอื่นยังพอได้ แต่แตงวานี่ไม่ไหวเลย” ผมรีบยกมือปฏิเสธขณะที่ถูกสายตาของเด็กพวกนี้จ้องมอง
จอมแก่นพยายามจะช่วยผมโดยการสะกิดบอกน้องมายด์เพราะเป็นคนไม่กินแตงกวาเหมือนกันเลยเข้าอกเข้าใจกัน แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรสักแอะ น้องมายด์ก็โพล่งขึ้นมาก่อน

“ไม่ได้ค่ะ หน้าที่ของประธานเชียร์คือต้องเชียร์ ประเดิมโดยการเชียร์เจ้เลยคนแรก มะเขือยาวของผู้ชายยังกินได้ แตงกวาก็ต้องกินได้เช่นกัน คุณแม่สู้ๆ ค่ะ หนูเป็นกำลังใจให้” แล้วมันก็เลื่อนจานแตงกวามาตรงหน้าอีก
มะเขือยาวก็ส่วนมะเขือยาวเว้ย แตงกวาก็ส่วนแตงกวา มันเอามาเปรียบเทียบกันได้ที่ไหน!

ปวดหัวมาก แค่ได้กลิ่นก็เหม็นหืนแล้ว ผมเบ้หน้า ก่อนที่น้องมายด์จะถอนหายใจ ดึงจานแตงกวากลับไป
“งั้นขอเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการกินแตงกวาสาธิตให้ดูค่ะ” พูดแล้วก็ส่งจานแตงกวาในมือไปตรงหน้าธาร

ธารซึ่งนั่งมองอย่างรำคาญอยู่นานกลอกตาเล็กน้อย ก่อนเอามือหยิบแตงกวาขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วเอาเข้าปากเคี้ยว
“เห็นมั้ยคะเจ้ ง่ายนิดเดียว เอาเข้าปาก เคี้ยวๆ แล้วกลืน ถ้าไม่เชื่อ ให้ธารทำให้ดูอีกทีค่ะ” แล้วก็พยักหน้าให้ธารอีกครั้ง
ธารพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง หยิบแตงกวาอีกชิ้นเข้าปากตามที่น้องมายด์สั่ง ก่อนน้องมายด์จะปรบมือรัว
“ง่ายนิดเดียวค่ะเจ้เห็นมั้ย ลองค่ะ เปลี่ยนจากมะเขือยาวมาเป็นแตงกวาอ้วนป้อมสั้นแต่หวานกรุบกรอบดู รับรองว่าจะติดใจ”
เดี๋ยวนะอีน้องมายด์ สาบานว่าไอ้อ้วนป้อมสั้นนั่นคือแตงกวา ไม่ใช่อย่างอื่น?

คิดอกุศลไปแล้ว ก่อนจะได้สติเมื่อน้องมายด์ยื่นจานแตงกว่ามาให้ผม
“เอาสิคะ ลองดู วันนี้เอาชิ้นเดียวก่อนก็ได้”
เห็นแล้วก็รำคาญ ผมเลยกลั้นใจหยิบแตงกวามาใส่ปากเคี้ยวๆ แต่คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบไง เคี้ยวไปได้ไม่เท่าไหร่ น้ำแตงกวาเหม็นเขียวก็ทำให้ผมต้องรีบมองซ้ายขวาหาที่คาย จอมแก่นซึ่งดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าผมคงทนไม่ได้เลยรีบเตรียมกระดาษทิชชูส่งมาให้ รับมาได้ ผมก็คายทิ้งทันที

น้องมายด์ส่งสายตาดุๆ มาให้ผมแล้วถือวิสาสะมาตีแขนเบาๆ ทีหนึ่ง
“นี่แน่ะเจ้เหนือ คายทิ้งได้ไงคะ แบบนี้ปรับแพ้นะ”
มึงก็ลงแข่งเองเลยมั้ยล่ะ! ไม่ชอบกินก็คือไม่ชอบเว้ย จะให้ฝืนได้ยังไง!

ผมอยากจะบอกมันอย่างนี้ฉิบเป๋ง แต่ก็ไม่อยากจะขัดวิญญาณประธานเชียร์ของมัน มีแต่ธารนี่แหละที่เห็นผมทำหน้าพะอืดพะอมแล้วก็ขัดขึ้นมา
“แตงกวามันไม่ได้ปลอกเปลือก มันเลยขม ไว้ค่อยลองกินใหม่ตอนที่มันปอกเปลือกแล้ว ถ้าปอกเปลือกแล้วเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนก็จะกินง่ายขึ้น”

ทุกคนหันไปมองหน้าธารทันใด จริงอย่างที่ธารว่านั่นแหละว่าแตงกวาที่ผมกินเมื่อกี้มันไม่ได้ปอกเปลือก ดูท่าทางน่าจะล้างแล้วก็หั่นเป็นแว่นเลย จอมแก่นพยักหน้าเห็นด้วยทันที น่าจะเคยกินแตงกวาปอกเปลือกแช่นเย็นมาก่อน ก่อนน้องมายด์จะร้องเสียงแหลม

“งั้นธารก็รับหน้าที่ดูแลเจ้เหนือไปเลย เย็นนี้ไปซื้อแตงกวาแล้วปอกให้เจ้เหนือลองกินด้วย เอ้านี่เงิน เบิกมาให้แล้ว” พูดจบก็วางเงินร้อยนึงลงบนโต๊ะ เงินที่ว่าเบิกมาคงจะเบิกมาจากกองสวัสดิการที่จอมแก่นเป็นคนดูแลนี่แหละ
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ยินดีหรอกเว้ย ถึงจะให้ธารมาช่วยดูแลก็เถอะ เรื่องกินของไม่ชอบนี่ขอบายเลย
“แต่ว่าพี่เหนือไม่ชอบ...”
“เป็นเด็กหรือไง กินๆ ไปเถอะ ก็แค่แตงกวา” พูดยังไม่ทันจบเลย ธารก็ว่าเสียงขุ่น ผมเลยชะงัก หันไปมองหน้ามันก็เห็นมันจ้องผมตาไม่กะพริบ ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่นแล้วว่าต่อ “เดี๋ยวเย็นนี้จะพาไปซื้อแล้วเดี๋ยวสอนกิน”

อูย... น่ารัก เปลี่ยนจากหัดกินแตงกวาธรรมดามากินแตงกวาน้องธารได้มั้ย
ไหนๆ ขอพี่เหนือดูหน่อยว่าน้องธารเป็นมะเขือยาวหรือแตงกวา... อ๊ะ หื่นอีกละ แหม ไม่ได้เลยนะไอ้เหนือ ไหลลงที่ต่ำตลอด

แต่มันก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ ไม่หนีหน้าผมที่ถูกผมจูบเมื่อคืน แถมยังอาสาช่วยผมแบบไม่เกี่ยงงอนด้วย
ส่วนน้องมายด์ พอได้คนรับหน้าที่ดูแลผมต่อแล้วก็ออกคำสั่งใหญ่
“ทำให้ได้นะคะเจ้ แผนกเราจะแพ้แผนกอื่นไม่ได้ ถ้าแพ้ล่ะก็ หนูจะปล้ำเจ้จริงๆ ด้วย”
เดี๋ยวนะอีน้องมายด์ ไหนมึงบอกผิดผีไง จะกลับมาปล้ำกูอีกแล้วคืออะไร!

ผมไม่ได้สนใจนักหรอก ดูน่าจะขู่ผมไปงั้นแหละ แถมพอรุ่นน้องแก๊งตุ๊ดมันมาหาเพื่อคุยเรื่องซ้อมลีด มันก็ทิ้งทุกคนแล้วไปแรดทันที ปล่อยให้ผมมองตามมันอย่างระอา ธารที่เพิ่งกินข้าวเสร็จก็ลุกเอาจานไปเก็บแล้วกลับขึ้นอาคารเรียนก่อนอีก เหลือแต่ผมกับจอมแก่นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“พี่เหนือว่าพี่เหนือไปบ้างดีกว่า” เห็นว่าไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมก็จะกลับห้องพักครู ทว่าจอมแก่นก็เรียกผมเอาไว้ก่อน
“พี่เหนือ ผมมีเรื่องจะบอก”

ผมชะงักกึก หันไปเลิกคิ้วให้จอมแก่นพูดต่อ
“พี่ดื้อฝากมาบอกน่ะครับว่ารออยู่”
ผมนึกถึงหน้าคมเข้มของพี่ชายคนรองจอมแก่นทันที

เออ ลืมไปสนิทเลยแฮะว่าพี่จอมดื้อสุดแบดนั่นบอกให้ยิงไปแล้วจะโทรกลับ ตอนนี้เอาเบอร์ไปไว้แล้วก็ไม่รู้ด้วยแฮะ สงสัยจะยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเดิมที่ใส่ไปวันนั้น
มัวแต่เต๊าะเด็กจนลืมไปแล้วว่าคนอายุมากกว่านั่นก็แซ่บเหมือนกัน

“งั้นฝากบอกพี่ดื้อหน่อยนะครับว่าเดี๋ยวพี่เหนือทำตามสัญญา” ผมบอกอ้อมๆ เพราะการที่พี่จอมดื้อพูดมาอย่างนั้นก็คงจะไม่ได้บอกจอมแก่นว่ากำลังจะสอยผม แต่ไม่บอกก็ดีแล้วล่ะ ผมขี้เกียจมาคอยระวังตัวถ้าหากจอมแก่นเอาเรื่องที่พี่จอมดื้อจีบผมไปบอกธาร ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ การเต๊าะเด็กนั่นคงหมดสนุกน่าดู

และก็จริงอย่างที่ผมคิดซะด้วยเมื่อจอมแก่นทำหน้างงแล้วพูดขึ้น
“บอกหน่อยได้มั้ยครับว่าสัญญาอะไร”
“ความลับน่ะ” ผมแกล้งแหย่ จอมแก่นเลยทำแก้มป่องใส่ ก่อนที่มันจะได้ถามอะไรขึ้นมาอีก ผมก็ตัดบทเรียบร้อย “เดี๋ยวพี่เหนือไปก่อนนะครับ อาจารย์สมรให้ไปช่วยงานน่ะ”
เอาพี่สมรมาอ้างแม่ง จอมแก่นก็เลยไม่ตอแย พยักหน้าให้ก่อนจะปล่อยผมไป
 


เลิกฝึกงานแล้ว ผมก็รีบดิ่งกลับมาที่หอ ถึงห้องได้ก็รีบไปคุ้ยกองเสื้อผ้าใส่แล้วในตะกร้า หากางเกงที่ใส่ไปลานนมคืนนั้นเป็นพัลวัน ก็กะจะเอาเบอร์โทรของพี่จอมดื้อมาโทรหาน่ะ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจนผมต้องหยุดการค้นหาด้วยรำคาญ
สงสัยกระดาษนั่นจะหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้มั้ง ไม่ก็หยิบเอาไปวางที่ไหนสักที่ในห้องนี่แหละ คิดดูดีๆ อีกทีซิว่าเอาไปไว้ไหน
ระหว่างที่ทบทวนความทรงจำ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ลุกไปเปิดก็เห็นว่าเป็นธารที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่หลังประตู

“หนีกลับมาก่อนทำไมวะ ก็บอกแล้วไงว่าจะพาไปซื้อแตงกวา” พูดพลางชูถุงแตงกวาในมือขึ้นเล็กน้อยด้วย
ผมนึกขึ้นได้ในตอนนี้เองว่ารับปากอะไรกับมันเอาไว้
ลืมไปสนิทเลยแฮะ มัวแต่คิดถึงเรื่องโทรหาพี่จอมดื้อนั่นจนลืมไอ้เด็กดื้อตรงหน้านี่ไปซะละ

“แล้วส่งข้อความมาก็ไม่เปิดอ่าน มีโทรศัพท์ไว้ปาหัวหมาหรือไง” ตามด้วยค่อนขอดมาอีกที
ผมเลยรีบล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ก็เห็นว่ามีข้อความจากธารเข้ามาเป็นสิบข้อความ ใจความก็ประมาณว่า ‘อยู่ไหนวะพี่เหนือ’ ‘แตงกวานี่จะไปซื้อมั้ย’ ‘โว้ย อ่านข้อความสิโว้ย’ อะไรประมาณนี้ แต่ผมไม่รู้ไงเพราะปิดเสียงอยู่ แล้วไม่ได้เปิดสั่นด้วยเพราะรำคาญเวลาพวกเพื่อนมันส่งข้อความมารัวๆ

แต่ไอ้เด็กธารมันไม่ใช่แค่ส่งข้อความมาอย่างเดียว โทรมาด้วยเถอะ ขึ้นมิสคอลเป็นสิบสายเลย

“แล้วนี่จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย ถอย”
ผมได้สติอีกครั้งเมื่อธารเดินเข้ามาในห้องผมโดยไม่รอให้ผมอนุญาต แถมยังเดินไปหยิบชามใบใหญ่มาชูหราอีก
“นี่ใช้ได้มั้ย”
“ใช้ได้ครับ น้องธารจะเอาไปทำอะไร”
“เอาไปใส่น้ำล้างแตงกวาน่ะสิถามได้ จะหัดกินมั้ยเนี่ยฮะ” ว่าเสียงขุ่นมาอีกละ

ดุอย่างกับหมาเลยน้องธารกู เอาเลยจ้ะ ตามสบายเลย ถือว่าเป็นห้องตัวเองเถอะนะ

ผมไม่พูดอะไร ธารก็ไม่พูด เอาถุงบรรจุแตงกวากว่าสิบลูกเทลงในชามแล้วหายเข้าห้องน้ำไปครู่หนึ่ง ก่อนกลับออกมาพร้อมกับมีดปอกผลไม้ที่ดูท่าทางน่าจะเพิ่งไปซื้อมาเหมือนกัน ออกมาจากห้องน้ำได้ก็เดินไปที่โต๊ะ จัดการปอกเปลือกแตงกวาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ จนผมต้องเดินไปดูใกล้ๆ

“ใช้มีดไม่เก่งล่ะสิ” ทักไปแบบนั้นเพราะเห็นท่าจับมีดแล้วก็พอจะรู้
ธารตวัดหางตามานิดนึงแล้วก็ส่งเสียง
“เออ ปกติอยู่บ้าน มีคนทำให้”
จ้า พ่อคุณหนู พ่อคุณชาย มีแม่บ้านก็มีคนทำให้ไม่แปลกอยู่แล้ว

“งั้นเอามานี่ พี่เหนือปอกให้ เดี๋ยวบาดมือ” ผมเสนอ แต่พอยื่นมือไปจะรับมีด ธารก็เบี่ยงตัวหนี
“ไม่ต้อง เดี๋ยวทำเอง”
“ทำเองแต่ทำไม่ได้ก็ให้พี่เหนือทำดีกว่า ปอกซะคว้านเนื้อเข้าไปจะถึงเมล็ดอยู่แล้ว” ผมว่าตามที่เห็น ธารก็เลยหันมามองผมตาขวาง
“ก็ไม่เคยทำนี่หว่า นี่ครั้งแรก”
“ครั้งแรก...กับพี่เหนือ?” ผมแกล้งหยอก ทำตาแพรวพราวใส่นิดนึงเพราะเห็นว่าเด็กนี่น่ารักดี
เท่านั้นใบหูของธารก็แดงเรื่อขึ้นมา
“ครั้งแรกที่ปอกแตงกวาเว้ย! ไม่ได้ซิงแล้ว เลิกพูดอย่างกับว่าผมไร้เดียงสาซะที!”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ขัดใจขึ้นมาประหลาดๆ แฮะ ไม่ซิงแล้วนี่คืออะไร หมายถึงเคยมีอะไรกับคนอื่นมาแล้วงั้นเหรอ?
หนุ่มน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ของพี่เหนือถูกใครพรากพรหมจรรย์ไป จงบอกพี่เหนือ พี่เหนือจะไปจัดการมัน จัดการมันไม่ได้ก็จะพลีกายกลบมลทินให้น้องธารเอง!

อยากจะขันอาสาอย่างผู้กล้าเหลือเกิน แต่กลัวมันจะเอามีดปอกผลไม้เสียบคอ เลยแกล้งถามกึ่งหยอกไป
“โอ้ ไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์แล้วสิ?” จะถามไปเลยตรงๆ ก็ดูน่าเกลียดไปหน่อย ทำเหมือนทีเล่นทีจริงนั่นแหละดีแล้ว
ธารพยักหน้ารับโดยไม่มองหน้าผม ทำให้ผมเผลอย่นคิ้วโดยไม่รู้ตัว
“ครั้งแรกกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วผ่านมาแล้วกี่คน” ผมรัวคำถามออกไปทันที อย่างกับว่าเป็นญาติผู้ใหญ่มันงั้นแหละ
คราวนี้ธารหันกลับมามองผมตาขวาง แล้วย้อนคืน
“จะไปเอากับใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่วะ”
เกี่ยวสิ เพราะกูกำลังเต๊าะมึงอยู่ไง!

เหตุผลดูปัญญาอ่อนและความจริง อายุสิบเก้าแล้วจะมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามันก็ไม่แปลก ขนาดผมยังมีประสบการณ์ครั้งแรกตอนอายุสิบแปดเลย

ผมเงียบไป ธารก็เงียบ ก่อนมันจะปริปากขึ้น
“ครั้งแรกตอนสิบแปด กับแฟนเก่า ที่ไหนไม่ต้องรู้หรอก ส่วนผ่านมาแล้วกี่คน... สาม”

ผมเบิกตาโตทันที อะไรวะ! ปีเดียวมึงผ่านมาแล้วสาม ดูกูซิ! ปีเดียว ผ่านมาแค่... เอ่อ... เกินสิบ
ขะ...ข้ามมันไปเถอะนะ ตอนนี้นับไม่หวาดไม่ไหวแล้ว บางคนก็ลืมไปแล้วด้วยเถอะ

“ผู้หญิงหมดเลยป่ะ” ผมแกล้งถามใหม่ ธารก็พยักหน้า เข้าทางพอดี ผมเลยถามต่อ “แล้วไม่คิดจะลองกับผู้ชายบ้างเหรอ”
“โอ๊ย!” ไอ้น้องธารทำมีดบาดนิ้วตัวเองทันใด ดีที่เป็นมีดปอกผลไม้ คมเลยเข้าไปลึกมาก แต่ก็เรียกเลือดได้พอควร
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมรีบเข้าไปคว้ามือเด็กนั่นข้างที่นิ้วถูกบาดมาดู ทว่าธารกลับสะบัดหนีแล้วส่งสายตาค้อนมาให้
“พี่เลิกพูดเรื่องไร้สาระซะทีเถอะว่ะ เมื่อคืนก็ทีนึงละ นี่กะจะเอาผมให้ได้เลยใช่ปะ”

โห มาเต็ม มาตรงด้วย อยากจะแก้ต่างนิดนึงว่าจริงๆ ไม่ได้อยากเอานะ อยากให้น้องธารเอา แต่ถ้าจะให้รุกก็ไม่เกี่ยง ขอให้ได้เถอะ

“พี่เหนือก็แค่สงสัยเฉยๆ” ผมแสร้งทำเป็นชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อย
ธารก็ทำหน้าไม่ไว้ใจผมขึ้นมา “พี่แม่งไม่น่าไว้ใจจริงๆ ด้วยว่ะ ยิ่งกว่าไอ้ไม้อีก”

ผมไม่รู้หรอกว่าน้องมายด์มันหื่นใส่เพื่อนมันยังไง แต่ดูท่าแล้วก็คงจะเล่นๆ ไม่ได้ดูอันตรายและลวนลามเหมือนผม ก็นะ กระดูกมันคนละเบอร์กัน จะมาเทียบกันได้ยังไง ของผมมือโปรฯ ก็ต้องดูอันตรายอยู่แล้ว

“ไม่น่าไว้ใจ แต่ก็แวะมาห้องพี่เหนือบ่อยนี่” ผมหยอดไปอีก
ธารเหมือนจะฉุกคิดได้ในตอนนี้ เม้มปากแน่นแล้วมองหน้าผมนิ่ง
“ถ้าไม่มีธุระก็ไม่อยากจะมาหรอก พี่ก็เลิกพูดจาบ้าๆ ซะที อยู่ที่วิทยาลัยไม่เห็นเป็นวะ อยู่ด้วยกันทีไร แม่งผีเข้าตลอด”
ก็เพราะอยู่ด้วยกันนี่ไง กูถึงได้กล้าลวนลามมึงเนี่ย อยู่ที่วิทยาลัยจะไปทำอะไรได้วะ เก็บกดมาทั้งวันก็ขอหน่อยเถอะ!

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้แกล้งเด็กนี่เล่นต่อ ธารก็ส่งมีดให้ผมพร้อมกับแตงกวาที่ปอกค้างไว้
“ปอกต่อที จะไปล้างแผล” ว่าจบก็หายเข้าไปในห้องน้ำ
ผมเลยปอกแตงกวาต่อ ใช้เวลาไม่นาน แตงกวากว่าสิบลูกก็ถูกปอกเสร็จสิ้น จังหวะเดียวกับที่ธารออกมาจากห้องน้ำพอดี มันทำหน้าอึ้งๆ ไปนิดหน่อยที่ผมใช้เวลาแป๊บเดียวก็ปอกเสร็จ ต่างจากมันที่เกือบห้านาทียังปอกไม่เสร็จสักลูก
“ปอกเสร็จแล้ว แล้วทำไงต่อครับ” ผมถาม

ธารตรงเข้ามาหยิบแตงกวาส่งให้ผมลูกนึง แล้วก็ยกชามไปแช่ตู้เย็นก่อนจะหยิบมาไว้ในมืออีกลูก
“จริงๆ แล้วถ้าแช่ตู้เย็นให้เย็นก่อนก็จะกินง่ายขึ้น แต่จะให้ลองกินแบบไม่เย็นก่อนสักลูก เผื่อจะกินได้ ถ้าได้แล้วค่อยไปลองกินแบบไม่ปอกเปลือกอีกที”

พอจะเดาได้ว่าธารคงจะให้ผมเพิ่มระดับความยากในการกินแตงกวาไปเรื่อยๆ แต่บอกเลยว่าจะปอกเปลือก จะแช่ตู้เย็นหรือไม่แช่ ผมก็ไม่กินทั้งนั้นแหละ

ธารกินให้ดูเป็นตัวอย่าง ปากก็อธิบายไปด้วยว่าถ้าไม่ชอบกลิ่นมันก็อย่าเคี้ยวนาน แป๊บเดียวก็กินหมดลูก ก่อนจะพยักหน้าให้ผม
“กินดิ”
ไม่อยากกินว่ะ แต่ก็ไม่อยากขัดศรัทธา น้องธารอุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปซื้อมาให้ แถมยังมาปอกให้ถึงที่แบบนี้ สนองน้ำใจหน่อยก็แล้วกัน

ทว่าขณะที่กำลังจะเอาแตงกวาเข้าปาก ผมก็นึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ หนีไม่พ้นเรื่องแกล้งมันนี่แหละ เลยเดินเข้าไปหามันใกล้ๆ แล้วเอาแตงกวามาจ่อที่ปาก
“กินแบบนี้เหรอ”
“พี่กินข้าวแบบไหนล่ะ ก็เอาเข้าปาก เคี้ยวๆ กลืนเหมือนกินอาหารทั่วๆ ไปนั่นแหละ” ธารว่าออกมาอย่างไม่ประสีประสา

ไม่รู้ด้วยว่าผมกำลังจะทำอะไร ผมก็เลยแกล้งเลียริมฝีปากนิดหน่อย แล้วเอาลิ้นแตะลงมาที่ปลายแตงกวาด้านหนึ่งเบาๆ
ไม่แตะอย่างเดียว เลียวนๆ ด้วย ส่งสายตายั่วยวนให้มันนิดนึง ขณะที่มันมองผมแล้วทำหน้าเบ้ขึ้นมา
“พี่ทำอะไรเนี่ย”
“ทำอะไรล่ะ ก็กินแตงกวาไงครับ” ผมตอบพลางเลียไปด้วย ธารยิ่งเบ้หน้าใหญ่
“กินก็กินสิวะ เลียทำไม”
“ชิมก่อนแล้วค่อยกินทีหลัง” ผมยักคิ้วให้ ก่อนจะค่อยๆ ดันแตงกวาเข้าปากทีละน้อย สายตาก็เหลือบมองสีหน้าธารไปด้วย
จากที่เบ้อยู่แล้วก็เบ้หนักเข้าไปใหญ่ ผมเลยอยากแกล้งมากขึ้น

แกล้งดันแตงกวาโดนกระพุ้งแก้มให้ดูป่องๆ เอาเข้า-ออกเป็นจังหวะ ส่งเสียงด้วยแล้วกันเพื่อความเร้าใจ
“อืม...อือ...อืม...” ส่งเสียงออกมาไม่หยุด จนธารเริ่มทนไม่ไหว แหวใส่ผม
“กินเข้าไปซะทีสิเว้ย! กัดได้แล้ว!” แหวไป หูก็เริ่มแดงไป

แหม เข้าใจแล้วสินะจ๊ะว่าพี่เหนือหมายความว่าอะไร เสียดายที่แตงกวาลูกเล็ก ไม่อย่างนั้นจะโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ เผื่อเห็นแล้วจะอยากรู้อยากลอง บอกเลยว่าพี่เหนือได้ฉายาคอลึกมานะ

มันสั่งมาอย่างนั้น ผมก็ยังไม่หยุด จับเอาเข้า-ออกต่อ เพิ่มความเร็วด้วย ส่งเสียงดังขึ้นอีก ทำหน้าทำตายั่วๆ นิดนึงเพื่อความสะใจ
“อุ...อือ...อืม...”
แต่แค่นี้ยังไม่พอ แกล้งทำเสียงจ๊วบจ๊าบนิด มาแล้วต้องมาให้สุดทางเว้ย! 

“พี่เหนือ! กัดซะที!” ธารทำท่าเหมือนจะประสาทเสียให้ได้
แล้วไงล่ะ ผมฟังมั้ย... ไม่ กำลังสนุก ขออีกหน่อย
“อืม...น้อง...น้องธาร...อุ...อือ...” เรียกชื่อมันแม่ง มือกับปากก็ยังทำอยู่ ตาก็เหลือบมองมันไปด้วย ตอนนี้ธารทำหน้าเลิ่กลั่ก จากแดงแค่หูก็เริ่มลามมาแก้มกับคอละ
“กินซะทีสิเว้ย!” ธารตะคอกใส่ผม ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วแสง และ...

ป้าบ!

ตีหลังมือผมที่กำลังยัดแตงกวาเข้าปากเต็มแรง
“อุ้ก!”
แตงกวาที่อยู่ในปากเกือบไหลลงคอจนผมเกือบจะขย้อนออกมาไม่ทัน

ไอ้น้องธาร! มึงเกือบทำแตงกวาติดคอกูดับอนาถแล้วนะเว้ย! เล่นอะไรวะ!

ขย้อนแตงกวาออกมาได้ ผมก็ไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดง ไอ้ตัวต้นเหตุมองแล้วก็ทำหน้าสะใจ ก่อนว่าเย้ยใส่
“สม กวนตีนอยู่ได้” แล้วก็เดินมาชนไหล่ผมเต็มแรงขณะที่ผมยังไอไม่หยุด “จะกลับห้องแล้ว หัดกินเองแล้วกัน กวนตีนงี้ ไม่อยากสอนแล้ว แพ้ก็ช่างแม่ง” พูดจบก็เดินออกไปเลย ปล่อยให้ผมร้องเรียกไล่หลัง
“นะ...น้องธาร...แค่ก...” เรียกไม่ไหวว่ะ มัวแต่ไออยู่
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-02-2016 19:03:41
ชั่งใจ ครั้งที่ 9: แตงกวากรุบกรอบ แต่เด็กหนุ่มกับคนอาวุโสกรุบกรอบกว่า[2]

เสียงประตูปิดดังขึ้น ผมพอจะเริ่มอาการดีขึ้นมาบ้างแล้วพยายามทรงตัวไปนั่งพักบนเตียง พอหายเป็นปกติก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คว้าโทรศัพท์มาเปิดโปรแกรมแชท ส่งข้อความหาธารทันใด

แต่เดี๋ยว ก่อนส่งข้อความ ขอเปลี่ยนชื่อไอดีตัวเองจาก ‘แสงเหนือ’ เฉยๆ เป็นชื่ออื่นก่อนแล้วกัน อยากจะแกล้งมันซะหน่อย
คิดอยู่แป๊บนึงว่าจะใช้ชื่ออะไรดี ก่อนจะพิมพ์ใส่แล้วจัดการบันทึก ตามมาด้วยส่งข้อความไป
 
พี่เหนือ คอลึกเป็นเมตร: น้องธาร
ธาร พ่อทุกสถาบัน: ชื่ออะไรของพี่วะเนี่ย!
 
ว่าแล้วว่ามันจะต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ตอบกลับมา ผมหัวเราะอยู่คนเดียวครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ข้อความไปอีก
 
พี่เหนือ คอลึกเป็นเมตร: ไว้มาสอนพี่เหนือกินแตงกวาอีกนะครับ
ธาร พ่อทุกสถาบัน: หัดกินเองสิเว้ย ไม่ไปแล้ว!
พี่เหนือ คอลึกเป็นเมตร: ถ้าไม่มา จะบุกไปถึงห้องเลยนะ
ธาร พ่อทุกสถาบัน: โผล่หน้ามา จะกระทืบให้กลับห้องไม่ทันเลย
พี่เหนือ คอลึกเป็นเมตร: โห๊ดโหด นี่อาจารย์นะ
ธาร พ่อทุกสถาบัน: อาจารย์พ่อง ทำถึงขนาดนี้ ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าอาจารย์แล้ว กวนตีน!
 
ได้ที มันด่ามาเป็นชุดเลย ผมเลยส่งตัวการ์ตูนรูปร้องไห้ไป ตามด้วย...
 
พี่เหนือ คอลึกเป็นเมตร: ใจร้ายจัง
 
ธารอ่านแล้วก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ผมเลยตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งไปอีก
 
พี่เหนือ คอลึกเป็นเมตร: ที่พี่เหนือแกล้งน้องธารแบบนี้ เป็นเพราะชอบหรอกนะ อย่างอนพี่เหนือเลยนะครับคนดี
 
แหย่ตบท้ายไปอีกที ธารอ่านแต่ก็ยังไม่ตอบ ผมเลยไม่ตอแย ปล่อยไปก่อน ไว้วันหลังค่อยแกล้งใหม่
สนุกดีเหมือนกันแฮะเวลาเปลี่ยนจากฝ่ายถูกแกล้งมาเป็นฝ่ายแกล้งเนี่ย ชอบเวลาเห็นมันเขิน น่ารักดี

ส่วนเรื่องที่บอกว่าชอบ... ผมพูดจริงนะ ชอบจริงๆ
ก็เด็กมันกรุบกรอบนี่นา กรุบกรอบกว่าแตงกวาอีก ได้สักครั้ง เหนือจะตั้งใจฝึกงานเลยจริงๆ
 


ถึงจะบอกว่าชอบธาร แต่เอาเข้าจริง ผมก็ทนรอกินเด็กไม่ไหวหรอก ชอบน่ะใช่ แต่มันไม่ได้เป็นการชอบแบบจริงจังถึงขนาดจะสานสัมพันธ์ยาวๆ อะไรแบบนั้น อย่างที่บอกว่าตั้งใจเต๊าะเผื่อได้เผื่อโดน กลับกรุงเทพฯ ก็จบกันเท่านั้น

ไอ้ความสันพันธ์ยาวๆ หลายๆ ปีนี่ไม่ใช่วิถีของผมว่ะ ยังรักสนุกอยู่ ยังไม่พร้อมผูกพันกับใคร ความสัมพันธ์ชั่วคราวนี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว

และเพราะอย่างนั้น ผมเลยตัดสินใจออกตระเวนราตรีใจกลางเมืองพิษณุโลกเป็นคืนแรก เท่าที่เสิร์ชหาข้อมูลในเว็บเสิร์ชเอนจิน ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีผับหรือบาร์สำหรับเกย์โดยเฉพาะ มีแต่ผับบาร์แบบปกติ คงต้องไปหาส่องเอาดาบหน้า
แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นนักหรอก ไม่ได้กลับมาก็ไม่เป็นไร ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาแล้วกัน ไม่ได้เที่ยวกลางคืนมานานแล้ว

ผมเลือกที่จะไปผับแถวไบท์บาซา เห็นว่ามีหลายร้านให้เลือกสรร แต่พอไปจริงๆ ไอ้ผับที่ว่าดันเป็นร้านนั่งกินเล็กๆ ธรรมดา คนก็ไม่ค่อยมี ต่างจากกรุงเทพฯ ลิบลับ ยังดีที่มีดนตรีสด ผมเลยเลือกเอาสักร้าน มาถึงที่แล้ว อย่างน้อยก็ผ่อนคลายสักหน่อยแล้วกัน
ร้านเหล้าเล็กๆ ที่มีดนตรีสดเน้นเล่นเพลงแนวร็อคเป็นร้านที่ผมเลือกเข้า ที่เลือกร้านนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย

นักร้องหล่อ... แค่นั้นจริงๆ

ทว่าพอเข้าไปนั่งแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้หล่อแค่นักร้อง เด็กเสิร์ฟก็หล่อจนเผลอสั่งเบียร์ไปหลายขวด นอกจากนั้น... เจ้าของร้านก็หล่อเถอะ! โหย... ตอนเดินเอาเบียร์มาเสิร์ฟผมแทนเด็กเสิร์ฟคนก่อนหน้านี่ ผมน้ำลายท่วมปากเลย แต่งตัวแนวสตรีท มีรอยสักเต็มแขนทั้งสองข้าง ดูแบดมากมายแต่มีเสน่ห์มาก คะเนจากสายตาน่าจะอายุยี่สิบปลายๆ ที่รู้ว่าเป็นเจ้าของร้านก็เพราะได้ยินเด็กเสิร์ฟเรียกกันว่าเฮียๆ เลยเดาเอาว่าอย่างนั้น

แต่เอ... เจ้าของร้านนี่หน้าตาดูคุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย

กระดกเบียร์เข้าปากไป สายตาก็จับจ้องเจ้าของร้านที่กำลังเดินไปคุยกับลูกค้าโต๊ะอื่นอย่างสนิทสนมไปด้วย ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเขาเดินไปทักผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามาใหม่ แล้วก็ต้องเบิกตาเมื่อเห็นชัดเจนว่าคนเพิ่งเข้ามาคือพี่จอมดื้อ

มาได้ยังไงวะนั่น! พิษณุโลกแคบเกินไปแล้ว!

พี่จอมดื้อเองก็ตาดี มองเห็นผมเหมือนกัน ละความสนใจจากการทักทายเจ้าของร้านแล้วยกมือทักผมทันที

“เหนือ!” ไม่ยกมือทักอย่างเดียวแล้ว ตอนนี้ร้องเรียกด้วย ก่อนจะเดินปรี่เข้ามาหา
ผมรีบยกมือไหว้ทันที “หวัดดีครับพี่ดื้อ”
“เฮ้ย ไหว้ทำไม ไม่ต้องไหว้” พี่จอมดื้อจับมือผมที่ประนมอยู่ลงทันใด ก่อนถือวิสาสะนั่งลงมาบนเก้าอี้ข้างผมหน้าตาเฉย “มาไงเนี่ย มาคนเดียวเหรอ แล้วทำไมไม่เห็นโทรหาพี่เลย รอให้โทรมาตั้งหลายวัน ขนาดบอกให้ไอ้แก่นไปบอกแล้วว่ารอก็ยังไม่โทรมา พี่ทำอะไรให้เหนือไม่ถูกใจหรือเปล่า”
นั่งลงได้ก็ใส่มาเป็นชุดจนผมไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนเลย

“เหนือมาคนเดียวครับ มาเดินเล่นแล้วก็แวะนั่งชมวิวไปเรื่อย ส่วนที่ยังไม่โทรหาพี่ก็เพราะทำเบอร์พี่หายน่ะครับ”
งานโกหกต้องมา บอกว่ามาหาผู้เกย์กินก็ตรงไป เดี๋ยวพี่จอมดื้อจะเตลิดซะก่อน งานแบ๊วก็มาด้วย เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อนี่แบ๊วสุดแล้วอะไรแล้ว

“งั้นบอกเบอร์เหนือมา เดี๋ยวพี่โทรเข้าไปเลย แล้วเหนือก็เมมตอนนี้เลยด้วย จะได้ไม่หายอีก” พี่จอมดื้อมัดมือชกผมเฉย
แล้วผมยอมมั้ย... แหม ยอมสิครับ รุกหนักขนาดนี้ แถมหล่ออีกต่างหาก มือไม้อ่อนระทวย บอกเบอร์อย่างว่าง่าย บันทึกเบอร์พี่จอมดื้ออย่างว่าง่ายด้วยเถอะ

บันทึกเสร็จ พี่จอมดื้อก็ส่งยิ้มกว้างให้
“คราวนี้ไม่หายแล้วนะ”
คร้าบ... ไม่หายแล้วครับ อยากได้อยากโดนนี่ รับรองว่าไม่หายแน่นอน

“แล้วพี่ดื้อมาได้ไงครับเนี่ย วันนี้ปิดร้านเหรอ” ผมได้ทีก็ถามกลับบ้าง
พี่จอมดื้อส่ายหน้าพรืด “ไม่ได้ปิดหรอก ฝากไอ้แก่นดูก่อนน่ะ พี่มาเอาของ”
ผมย่นคิ้วทันใด “มาเอาของในร้านเหล้าเนี่ยนะ”
“อือ ไอ้แสบให้มาเอาน่ะ ลังเบียร์เปล่า จะขนกลับไปไว้บ้าน เอาไว้ไปขายร้านรับซื้อของเก่า”
“ไอ้แสบ...” ผมไม่ได้ฟังที่พี่จอมดื้อพูดเลยแม้แต่น้อย สนใจแต่ชื่อของใครอีกคนที่แวบเข้ามาในหู
“คนนั้นไง” พี่จอมดื้อชี้นิ้วไปยังเจ้าของร้านที่ยืนคุยกับพนักงานอยู่ ก่อนจะว่าต่อ “นี่เหนือไม่รู้เหรอว่าพี่ชายพี่กับไอ้แก่นเป็นเจ้าของร้านเหล้า ร้านนี้เป็นร้านของมันน่ะ”

นึกออกทันใดว่าจอมแก่นเคยบอกผมเรื่องนี้ มิน่าล่ะ ทำไมถึงรู้สึกว่าคุ้นหน้าเหลือเกิน พี่น้องสามจอมนี่เอง

“จอมแก่นบอกเหนือแล้วครับ”
“เหรอ งั้นเอางี้ เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จัก” จู่ๆ พี่จอมดื้อก็พูดขึ้นมา ยังไม่ทันจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธก็โบกมือเรียกพี่ชายแล้ว ก่อนพี่จอมแสบจะเดินเข้ามาที่โต๊ะ
“อะไรของมึงวะ เดี๋ยวก็ทิ้งกู จู่ๆ ก็เรียกอีก”
“อย่าเพิ่งด่า จะแนะนำคนให้รู้จัก” พี่จอมดื้อว่า แล้วก็ชี้นิ้วมาทางผม “นี่แสงเหนือ อาจารย์ฝึกสอนที่โรงเรียนไอ้แก่นมัน”
“อ๋อ คนนี้นี่เองออโรรา” พี่จอมแสบดีดนิ้วเป๊าะทันใด ยิ้มกว้างให้ผมด้วย หน้าตานี่ถอดแบบกันมาทั้งพี่ทั้งน้องอย่างกับฝาแฝด เห็นแล้วนึกหน้าจอมแก่นตอนโตกว่านี้ออกเลย

ส่วนผมก็ยิ้มแห้ง ดูท่าทางจะรู้กันหมดแล้วสินะวีรกรรมของผมเนี่ย
“เออ คนนี้แหละ แล้วก็เด็กกูด้วย กำลังจะจีบ” พี่จอมดื้อน่าจะอายุไม่ห่างจากพี่จอมแสบนักเลยใช้คำพูดค่อนข้างสนิทสนม
แต่ไอ้ที่บอกว่าผมเป็นเด็กของพี่จอมดื้อนี่หมายความว่าอะไรวะ!?

ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลยที่จู่ๆ พี่จอมดื้อก็พูดแบบนั้น ส่วนพี่จอมแสบก็ยิ้มล้อเลียนใหญ่ พลันตบบ่าน้องชายเมื่อมีพนักงานมาเรียกให้ไปช่วยดูสต็อกสินค้าหลังร้าน
“เออ งั้นมึงก็ตามสบายเถอะ อย่าลืมเอาของกลับไปก็แล้วกัน กูจะไปทำงานต่อละ” พูดจบก็พยักหน้าให้ผมเป็นเชิงขอตัวก่อนจะหายเข้าไปหลังร้าน ปล่อยให้พี่จอมดื้ออยู่กับผมแค่สองคน

“พี่ดื้อกับพี่แสบดูสนิทกันจังเลยนะครับ” ได้ทีผมก็พูด ใจจริงคืออยากรู้อายุของพี่จอมแสบ
“อือ สนิทกันทั้งสามคนนั่นแหละ แต่กับไอ้แสบนี่จะสนิทมากหน่อยเพราะอายุไม่ห่างกันมาก พี่ยี่สิบสี่ มันยี่สิบเจ็ด”
ไม่ทันจะถามก็บอกออกมาเองแล้ว ตอนนี้ความสงสัยผมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นละ

“แล้วพี่แสบนี่เป็นเกย์เหมือนกันปะ” ที่ถามนี่ก็เผื่อว่าจะได้จะโดนทั้งพี่ทั้งน้องแหละนะ
“ไม่รู้มัน ไบฯ มั้ง เหมือนยังค้นหาตัวเองไม่เจอ บางทีก็ควงสาว บางทีก็หนุ่ม แล้วแต่อารมณ์มัน”

ผมพยักหน้ารับ เป็นเกย์โบทที่ได้ทั้งรุกและรับนี่ว่าน่ากลัวแล้วนะ เจอไบฯ น่ากลัวกว่าอีก นอนกับผู้ชายดีๆ วันดีคืนดีไปควงผู้หญิงแบบนี้ก็ไม่ไหว งั้นพี่จอมแสบข้ามไปเลยแล้วกัน

“แล้วพี่ดื้อจะกลับเมื่อไหร่ครับ” ถามไว้ก่อน จะได้วางแผนถูกว่าตอนไหนควรเล่นตัว ตอนไหนควรอ่อย
“เหนืออยากให้พี่กลับตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ” พี่จอมดื้อก็ท่าทางร้ายไม่เบา แทนที่จะตอบตรงๆ กลับย้อนถามผมซะนี่

เล่นลิ้นเหรอ เดี๋ยวเจอไอ้เหนือ!

ผมเลยยิ้มเผล่ แล้วส่งเสียงอ้อนแทน “งั้นอยู่กับเหนือ ไม่ต้องกลับเลยนะ”
พี่จอมดื้อหัวเราะ วางมือบนหัวผมโดยไม่ได้ขออนุญาต แล้วโยกไปมาเบาๆ “เอาสิ พี่เองก็อยากจะคุยกับเหนือเหมือนกัน กำลังจะจีบนี่เนอะ ต้องเรียนรู้กันหน่อย”

โอ้ พูดว่าจะจีบซ้ำสองแล้ว ตรงดีมาก งั้นลุยเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา บุกมาเลยครับพี่ดื้อ เหนือยินยอมพร้อมใจรับแล้ว!

เอาเข้าจริงก็ทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้หรอก ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีศิลปะ ไม่เร็วมาก แต่ก็ไม่ชักช้าและยุ่งยากเหมือนตอนเต๊าะไอ้เด็กธารที่มันไม่ได้เป็นเกย์ แค่เบียร์เข้าปาก มีบทสนทนาดีๆ แตะเนื้อต้องตัวกันนิดหน่อยก็ลื่นไหลแล้ว รู้สึกเลยว่าพี่จอมดื้อนี่มีประสบการณ์มาเยอะเหมือนกัน และดูท่าจะเอาใจเก่งซะด้วยเพราะผมแทบไม่ต้องขยับตัว เดี๋ยวเบียร์ก็มาเสิร์ฟ เดี๋ยวกับแกล้มก็มา ผมได้ทีก็เลยแกล้งเมาซะเลย ตอนนี้อยากไปที่ไหนสักที่แล้วทำอย่างอื่นมากกว่าดื่มเบียร์แล้วนั่งคุยกันเฉยๆ แล้วล่ะ

“พี่ดื้อ... เหนือเมาแล้วล่ะ พาเหนือไปนอนที” หาจังหวะได้ ผมก็เริ่มการอ่อยทันที ว่าพลางทำตาปรือ แกล้งซบไหล่นิดนึงเป็นการกระตุ้นว่า ‘ไปเถอะ พากูไปที แวะซื้อถุงยางกับเจลหล่อลื่นที่มินิมาร์ทก่อนด้วย’

แต่ทว่าพี่จอมดื้อกลับไม่พาผมไปนอน จะพากลับหอแทน
“งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งหอนะ ส่วนรถของเหนือก็ฝากไว้หน้าร้านไอ้แสบก่อนก็ได้ พักอยู่แถวไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
กูไม่ได้หมายความว่าอยากกลับไปนอนที่หอเว้ย! อยากไปนอนกับมึงต่างหาก ทำไมบื้องี้วะ!

ไม่พูดอย่างเดียว ทำท่าจะพยุงผมไปที่รถด้วย ปากก็ล้อผมอีกต่างหาก
“คออ่อนจัง แค่เบียร์สองขวดเอง”
ใครว่ากูคออ่อนวะ กูกำลังอ่อยต่างหาก ตรงๆ ไปเลยแล้วกันว่าต้องการอะไร!

“พี่ดื้อ” ผมคว้าแขนเสื้อของคนตัวใหญ่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยุงผมขึ้นยืน
พี่จอมดื้อชะงัก เหลือบมามองผมเป็นเชิงถาม ผมเลยปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วพูดขึ้นเสียงเบา
“เหนือไม่ได้อยากกลับหอ เหนือกำลังชวนพี่ดื้อไปนอนด้วย”

พี่จอมดื้อทำท่าตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินผมพูดตรงๆ แต่ผมไม่เห็นว่ามันแปลกไง เวลาจะหิ้วกันไปมีอะไรกัน ตอนอยู่กรุงเทพฯ ใครๆ ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ก่อนที่พี่จอมดื้อจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าขัดใจของผม

“รู้เว้ยว่าเหนือชวนพี่ไปมีอะไรด้วย ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้”
เอ้า รู้แล้วมึงจะลากกูกลับหอทำไมวะ!?

ยังไม่ทันจะได้ถามเลย พี่จอมดื้อก็พูดขึ้นมาอีก
“พี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปกับเหนือนะ แต่อดใจไว้อยู่ มาให้ท่างี้ ไม่ปล้ำกลางร้านก็บุญแล้ว”

แล้วทำไมไม่ทำวะ ซุกไซ้สักหน่อยก็ยังดี!
ผมทำหน้าไม่เข้าใจ ยิ่งมองหน้าหล่อที่ยิ้มให้ก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีกจนต้องถามออกมา
“พี่ดื้อหมายความว่า?”
“หมายความว่าพี่ไม่อยากให้เรื่องระหว่างพี่กับเหนือเป็นเรื่องชั่วข้ามคืนน่ะสิ พี่อยากได้ความสัมพันธ์ยาวๆ”
“งั้นก็เซ็กส์เฟรนด์แบบไม่ใช่วันไนท์สแตนด์” ผมว่า พี่จอมดื้อส่ายหน้าพลัน
“ไม่เอาแบบนั้น พี่หมายถึงพี่ความสัมพันธ์ยาวๆ แบบแฟนกันต่างหาก บอกแล้วนี่ว่าจะจีบน่ะ มันต้องจริงจังกันหน่อย”

นั่นไง มาแล้วไอ้ความสัมพันธ์ยาวๆ ยาวไม่ว่า มีความรักมาเกี่ยวข้องอีก เพิ่งจะคิดไปแหม็บๆ ว่าผมไม่เหมาะกับความสัมพันธ์แบบนี้เพราะยังรักสนุกอยู่ ถ้าเป็นเซ็กส์เฟรนด์ที่ไม่มีพันธะข้องเกี่ยวกันนอกจากความสนุกก็ว่าไปอย่าง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากมีแฟนนะ อยากมันก็อยาก แต่รู้ตัวไงว่ายังไม่พร้อม มีแฟนไปก็เป็นปัญหาเปล่าๆ

เอาเถอะ ทำนิ่ง ปล่อยให้พี่จอมดื้อจีบไปแล้วกัน เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ ก็จบกัน ถือว่าฆ่าเวลา ไม่ตกปากรับคำว่าเป็นแฟนก็พอแล้ว
รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดและทำมันเป็นนิสัยเสียมากๆ แต่ตอนนี้หน้าเสียกว่าว่ะ ไม่เคยเสนอตัวให้ใครแล้วโดนปฏิเสธตอกหน้าแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งนะ

“โอเคครับ งั้นถือซะว่าเมื่อกี้เหนือไม่ได้พูดแล้วกันนะ”
ทว่าผมคงจะเผลอทำหน้าเซ็งออกไป พี่จอมดื้อก็เลยดึงผมเข้าไปใกล้ แล้วประทับจูบลงบนหน้าผาก ก่อนจะตามมาด้วยหอมแก้มทั้งสองข้างโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

ผมอึ้งงันไปเล็กน้อย ขณะที่พี่จอมดื้อผละออกมาแล้วยิ้มกว้างให้

“วันนี้เอาแค่นี้ไปก่อน ชดเชยที่พี่ไม่สนองก็แล้วกัน แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าจีบเหนือติดเมื่อไหร่ พี่ไม่จบแค่หอมแก้มแน่”
วะ...โว้ว! เร้าใจเว้ย! มาแบบนิ่งๆ เนิบๆ แต่เร้าใจมาก เร้าใจแบบละมุน แกล้งทำเป็นว่าโดนจีบติดแล้วดีมั้ยนะ อยากรู้ว่าเวลาอยู่บนเตียงจะเร้าใจมั้ย

ยังไม่ทันจะได้จินตนาการต่อเลยว่าเวลาอยู่บนเตียงจะเป็นยังไง พี่จอมดื้อก็ขัดขึ้นมาอีกแล้ว
“กลับกันเถอะ ขับรถไหวมั้ย ถ้าไม่ไหว พี่จะได้ไปส่ง”
“ไหวครับ” ผมตอบรับ แล้วก็กลับไปขึ้นรถตัวเอง

พวกเบียร์กับกับแกล้มที่สั่งมาก็ไม่ต้องจ่าย พี่จอมดื้อให้ลงบิลของเขาไว้ และสั่งพี่จอมแสบไว้ด้วยว่าถ้าคราวหน้าผมมาอีก ให้ลงบิลตัวเองเอาไว้ แล้วเขาจะมาจ่าย

อูย... ชีวิตดี มีผู้ชายเปย์ นี่สินะความฟินของการเต๊าะคนอายุมากกว่า เต๊าะเด็กก็ต้องเลี้ยงเด็ก เต๊าะคนโตกว่าก็ถูกเลี้ยงอย่างนี้แหละเป็นสัจธรรม

และถึงจะบอกว่าผมขับรถกลับมาเองไหวเพราะไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเมาสักนิด แต่สุดท้ายพี่จอมดื้อก็ขับรถมาส่งผมถึงหอจนได้
ไม่ได้นั่งมาคันเดียวกันหรอก ผมขับรถตัวเอง ส่วนพี่จอมดื้อก็ขับตาม ผมถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพแล้วถึงแยกย้ายกลับ แต่ก่อนแยกก็ลดกระจกรถลง ร้องบอกเสียงดัง
“พรุ่งนี้พี่จะเริ่มจีบเหนือแล้วนะ เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดี”

ไม่อยากจะบอกว่ารอรับนานแล้ว บุกมาเลย

แต่ใครมันจะไปพูดอย่างนั้นวะ ความจริงก็ได้แต่บอกว่า...
“ครับ เหนือจะรอนะ”

แรดมากกู แต่เอาเถอะ ด้านได้อายอดเว้ย ของแบบนี้ต้องใจกล้าถึงจะได้กิน!

พี่จอมดื้อโบกมือลาก่อนจะขับรถออกไป ผมยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มองจนรถของพี่จอมดื้อหายไปถึงกลับขึ้นห้อง

ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าระหว่างไอ้เด็กธารกับพี่จอมดื้อ ใครทำให้ฟินมากกว่ากัน ตอนนี้ฟินมั่วซั่วสะเปะสะปะไปหมด อยากได้อยากโดนทั้งคู่

ทรีซัมได้มั้ย เหนือขอ กรุบกรอบทั้งคู่เกินจะทนไหวจริงๆ...
---------------------------------
ชื่อตอนอะไรของมัน 555
ตอนนี้รู้เลยค่ะว่าอีพี่เหนือนี่เป็นเจ้าของไร่อ้อย เร่ขายทั่วมั่วไปหมด ฮาาา พี่จอมดื้อแซ่บขนาดนี้ นังพี่เหนือมีหรือจะอดใจไหว
ส่วนน้องธาร... น่าสงสารแรงมาก โดนพี่เหนือแกล้งซะไปไม่เป็น โถ พ่อพระเอกใสๆ ของเรา โดนนายเอกไสยๆ ขายอ้อยซะพินาศ 555
ไม่รู้ทำไมชอบเขียนนายเอกนิสัยไม่ค่อยดี ใครเคยอ่านเอเลี่ยนก็จะรู้ว่ากวินทร์ก็เป็นนายเอกนิสัยไม่ดีนะ แฝดคนละฝาแท้ๆ (แต่พี่เหนือมีศิลปะการอ่อยอ้อยต้อยติ่งมากกว่าเยอะ)
 มาอัพถี่ค่ะ เมื่อวานอัพไปตอน วันนี้อัพให้อีกตอน เป็นสัญญาณให้รู้ว่า... เก๊าจะหายหน้าหายตาไปอีกหลายวันเลยนะ รอบนี้คือหายจริงๆ เดดไลน์ต้นฉบับอื่นใกล้เข้ามาแล้ว ขอหายยาวๆ เลยค่ะ ประมาณอาทิตย์หน้าอาจจะกลับมาอัพใหม่ ขอเวลาไปเคลียร์อย่างอื่นก่อน รุมเร้ามาก นี่แวบมาเขียนเพราะสนองนี้ดตัวเองอย่างเดียวเลย เขียนเรื่องนี้แล้วอิน ฮาา
ไปตามความเคลื่อนไหวได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/NooDangzzz/ นะคะ
หรือจะทวีตคุยกันก็แฮชแท็ก #ช่างใจรัก เน้อ
ปล.อย่าลืมส่งฟีดแบ็กกันน้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 25-02-2016 19:18:16
อัพไวมาก ฟินหัวทิ่มกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 25-02-2016 19:36:40
เดี๋ยวเหนือเดี๋ยวใจเยนๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-02-2016 19:45:11
รอตอนต่อๆไปนะครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-02-2016 20:45:24
 :z2: :z2:
แรด เริ่มออกลายแล้วนะเหนือ
ถามจริง ไม่เคยตกหลุมรักใครเลยหรือ
ถึงดูชิว ๆ สบาย ๆ จังเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-02-2016 20:49:48
แหม..ถ้าเป็นเดี้ยนนะ 2 ศรีพี่น้อง 2 จอม ดื้อแสบ แซ่บ! เร้าใจกว่าเย้อออ #ตบ เรื่องนี้พระเอกชื่อธารย่ะ! เจ้ออโรร่า นาทีนี้หน้ามืดใครมาใกล้นางเตาะหมด หื่นขึ้นตา 55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-02-2016 20:58:25
:z2: :z2:
แรด เริ่มออกลายแล้วนะเหนือ
ถามจริง ไม่เคยตกหลุมรักใครเลยหรือ
ถึงดูชิว ๆ สบาย ๆ จังเลย

เป็นปมพี่เหนือนิดนึงนะค้า เดี๋ยวจะค่อยๆเฉลยน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 25-02-2016 21:15:03
สุดท้ายพี่แสบคว้าเหนือไปกิน 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่8♦P.4♦24/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-02-2016 21:46:13
เม้นท์ตอน8ก่อนจ้าาาา
ตอนนี้ตลกไอ้พี่เหนือมากอ่ะ อ่านไปขำไป
ไม่รู้ห้องข้างๆจะหาว่าตูเมายารึเปล่า 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-02-2016 22:31:55
อุต๊ะ พี่เหนือมีตัวเลือก

ยิ่งอ่าน น้องธารยิ่งน่ารักอ่ะ
ทีแรกไม่ค่อยชอบนะ แบบว่าโหดเกิ๊นนน
หวังว่าคนเขียนคงทำให้เราเอ็นดูน้องธารขึ้นเรื่อยๆนะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-02-2016 23:37:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-02-2016 00:57:08
เข้าใจดี 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-02-2016 02:09:08
เอ่อมมม. จารย์เหนือแรงอะ. สงสารน้องธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-02-2016 07:09:20
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 26-02-2016 07:50:11
น้องธารน่าร๊ากกกกกกกกกกก เจอพี่เหนืออ้อยซะไปไม่เป็นเลยยยยยยยยยยยยยยยยย  :laugh: :laugh:

แต่พี่เหนือเริ่มน่ากลัวอ่ะ  :mew5: คอลึกเป็นเมตร ยังเป็นคนใช่มั้ยย :laugh:

ว่าแต่เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันมั้ย พี่จอมดื้อแย่งซีนสุดอ่ะ อ๊ายยยยยยย  :impress2:  ไขว้เขวไปหลายระดับเลยยยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-02-2016 09:21:57
อ่อยหนักมาก!!สงสารน้องธารนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 26-02-2016 11:57:56
นายเอกชั้น...ใสมากกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-02-2016 14:06:01
ใสๆ วัยรุ่น ชอบ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-02-2016 14:15:49
เลือกไม่ถูกเลยล่ะซิพี่เหนือ พี่ดื้อก็แซ่บ น้องธารก็น่ากิน แต่พี่เหนือบอกว่าชอบน้องธารแล้ว
แล้วยังไปอ่อยพี่ดื้ออีกแบบนี้เรียกว่าอะไรค่ะ ระวังโดนน้องธารแจก TEEN ให้นะคะพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 26-02-2016 14:47:42
แหม พี่ดื้อ น่าจะจัดซักดอกนะคะ
พี่เหนือคงจะฟินจนลืมเด็กไปเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】รักแมนๆของเด็กช่างvsอาจารย์ฝึกสอน♦ชั่งใจ ครั้งที่9♦P.5♦25/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 26-02-2016 17:55:13
วันนี้ไม่ได้อัพนะคะ มีตัวอย่างตอนที่ 10 มาแปะ
ใครสนใจ ตามไปที่นี่เน้อ https://www.facebook.com/NooDangzzz/posts/949886735067180
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-02-2016 18:51:18
กรี้ด ชอบพี่ออโรร่ามากเลยค่ะ ขุ่นแม่ดูน่ารักมากเวลาอยู่โรงเรียน

อยากเห็นตอนแข่งไวๆ จัง :-[
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 26-02-2016 19:34:51
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-02-2016 19:45:19
 :ling1:
มาเร็วๆ น้าาาา
อิพี่เหนือนี่ ก็หื่นเหลือเกินกิน
ถ้าน้องธารจริงจังขึ้นมาแล้ว
จะทำยังไงห๊ะ คิดสิคิด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-02-2016 21:12:22
น่าจะใช้หัวเรื่องว่า ตัวอย่าง  ดีกว่านะคะ

แบบนี้ มันดู "ล่อลวง" พิกล
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 26-02-2016 21:17:33
เลเวลในการเต๊าะน้องธารนี่ขั้นไร้เทียมทานมาก แต่พอเจอการเทกระจาดอ้อยแบบสุดฤทธิ์ในการอ้อยพี่ดื้อ อื้อหือ ขอคารวะ !! มันเหนือมาก !! เหนือสมชื่อพี่เหนือ !!!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 26-02-2016 21:37:21
น่าจะใช้หัวเรื่องว่า ตัวอย่าง  ดีกว่านะคะ

แบบนี้ มันดู "ล่อลวง" พิกล

เค้าก็ขึ้นหัวเรื่องว่าตัวอย่างตั้งแต่ตอนแปะลิงค์แล้วนะตัวเอง  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 26-02-2016 21:38:42
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 27-02-2016 14:22:01
เปิดครั้งล่าสุด ชั่งใจที่ 4 เปิดมาอีกที ชั่งใจที่ 10  โหวว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-02-2016 15:15:13
ตลกดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 28-02-2016 01:52:37
เข้ามานี่อ่านยาวๆรวดเดียวเลย ชอบบบค่ะ อ่านเรื่อยๆเฮฮาดี
คือแรกๆนี่ไม่นึกว่าจะมาแนวน่ารักขนาดนี้นะ นึกว่าจะแบบเถื่อนๆไรงี้
พอเจอน้องธารโหมดมุ้งมิ้งขึ้นเรื่อยๆนี่ฟินแทนอิพี่เหนือเลยค่ะ 555555
น้องธารน่ารักกกกกกกกกก ติ่งเด็กแรงค่ะ กระชุ่มกระชวยเหลือเกินนนน
ชอบน้องธาร แคร์คนอื่น ใส่ใจ น่ารักกกก อยากรู้ปมแล้ว เอาใจช่วยนะน้องธาร
มาหาเรามะ จะดูแลอย่างดีเลย 5555555
อิพี่เหนือก็หอบหื่นสุดดดดๆ ฮาและบ้าบออยู่ในหัว 55555 หื่นขึ้นทุกวัน เปิดเผยตัวตนสินะ
และอ้อยมาก อ่อยแรงงงง เต๊าะหนักมากและแสดงออกไปอีกกกก 55555
หมันไส้ความเผื่อได้เผื่อโดนของนางด้วย ขำนาง 555555 แต่ขอให้สำเร็จในซักวันนะพี่เหนือนะ
เวลาหอบหื่นกำเริบนี่สงสารน้องธารนะนั่น 55555 น้องธารก็เขินเรื่อยเลย น่ารัก เอ็นดูหง่ะะะ
เอาเป็นว่า หลงน้องธารค่ะ น้องธารเอฟซี 55555555

รอติดตามต่อค่าาา สู้ๆค่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 28-02-2016 22:30:14
ชอบพี่เหนือมากกกกกกก
ตลกนาง มีความแรดในตัวสูง 5555555
พี่ดื้อก็ดีจังเลย สงสารที่จะเป็นแค่พระรอง
 :hao5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 29-02-2016 00:49:05
ชั่งใจ ครั้งที่ 10: ฟิฟตี้เฉด ออฟ ธาร[1]

พี่จอมดื้อจีบผมในวันรุ่งขึ้นจริงอย่างที่ปากว่า พอวันใหม่ปุ๊บ ก็โทรมาหาปั๊บ ทำหน้าที่แทนนาฬิกาปลุกโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว โทรมาก่อนที่นาฬิกาปลุกในโทรศัพท์จะดังซะอีก
มิน่าล่ะ ทำไมเมื่อคืนถึงส่งข้อความมาถามว่าปกติผมตื่นกี่โมง ที่แท้ก็จะรับหน้าที่เป็นคนปลุกผมนี่เอง

หึย... น่ารัก

น่ารักจริงๆ ไม่โทรมา ก็ส่งข้อความมาตลอดทั้งวัน ไม่ได้ถามคำถามโง่ๆ อย่าง ‘ทำอะไรอยู่’ หรือ ‘อยู่ไหน’ ‘อยู่กับใคร’ อะไรเทือกนี้นะ ส่งมาแสดงความห่วงใยอย่างเดียวเลย เช่น ‘อย่าลืมกินข้าวนะ’ ไม่ก็ ‘ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ระวังพวกเด็กเวรมันแกล้งเอา’ แบบนี้มากกว่า
บอกเลย ได้ใจไอ้เหนือไปเต็มๆ เห็นห่ามๆ เถื่อนๆ แบบนี้ก็มีมุมมุ้งมิ้งเหมือนกันแฮะ

แต่ถึงอย่างนั้น พี่จอมดื้อก็ไม่ได้บุกจีบผมอย่างที่ผมคาดคิดไว้ ผ่านมาหลายวันก็ยังหนีไม่พ้นการส่งข้อความคุย ไม่ก็โทรมาส่งเสียงทักทาย หยอดมุขหวานๆ ให้หายคิดถึงบ้างเท่านั้น ไม่เคยโผล่หัวมาเลย ที่เป็นอย่างนั้นเพราะพี่จอมดื้อบอกว่าช่วงนี้เขายุ่งเรื่องการดูแลลานนม เลยไม่มีเวลาแวบมาหาผม

ก็เอาเถอะ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว แค่คุยแก้เบื่อเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น ที่น่าสำใจกว่าคือไอ้เด็กข้างห้องผมต่างหาก นับแต่วันที่ผมแกล้งมันโดยการอมแตงกวา มันก็หนีหน้าผมตลอดเลยเถอะ วันนี้เจอกันที่วิทยาลัย พอผมเรียก ก็เดินหนี
สงสัยจะยังตกใจกับฉายาพี่เหนือคอลึกเป็นเมตรไม่หาย จู่โจมมันเร็วเกินไปจริงๆ ด้วย แต่...สนุกดีแฮะเวลาเห็นมันทำท่าทางเงอะงะตอนที่ถูกผมแกล้งเนี่ย แกล้งคนมันสนุกอย่างนี้นี่เอง

เสียอยู่อย่างเดียวตรงที่มันหนีหน้าผมเกินไป อยู่วิทยาลัยว่าไม่คุยแล้ว กลับมาห้องนี่ไม่ต้องพูดเลย หนีหน้าสุดๆ ถึงห้องได้ก็ถลาเข้าห้อง ปิดประตูล็อค ไม่สนใจผมที่ดักรอมันอยู่หน้าห้องตั้งหลายชั่วโมงและกำลังเรียกมันสักนิด

“น้อง...”
ปัง!

วันนี้ก็เช่นกัน อุตส่าห์เฝ้ารอมันกลับมา พอเห็นหน้ามันและเรียกแค่น้องเท่านั้น มันก็รีบไขกุญแจห้อง แทรกตัวเข้าไปด้วยความเร็วแสงแล้วปิดประตูใส่หน้าผมขณะที่อ้าปากเรียกมัน

ฮ่วย! จะอายอะไรนักหนา อายมากเกินไปแล้วเว้ย!

แต่ก็ช่างมันเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่แล้วกัน

ทว่าเมื่อวันใหม่มาถึงก็เป็นแบบเดิมเถอะ แถมวันนี้มันกลับช้าซะด้วย ใกล้จะสี่ทุ่มแล้วยังไม่เห็นโผล่หัวมาที่ห้องเลย อุตส่าห์ไม่แวะกินข้าวเย็นก่อนเข้าห้องเพราะกลัวว่าจะมาดักรอมันไม่มัน ให้ตาย ถ้ารู้ว่าดึกดื่นป่านนี้ยังไม่มา รู้งี้แวะไปหาอะไรกินก่อนเข้าหอก็ดี

สุดท้ายแล้วความอดทนรอเต๊าะน้องธารผู้น่ารักก็สิ้นสุดลง ไอ้ที่สิ้นสุดลงก็เพราะท้องผมมันร้องประท้วงไม่เลิกนี่แหละ เลยตัดสินใจเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ กับหอ กะว่าจะซื้อข้าวแช่แข็งมากินด้วยร้านข้าวแถวนี้ปิดหมดแล้ว นี่ห้าทุ่มแล้วน่ะ จะเหลือก็แต่ร้านที่อยู่ไกลจากหอ ผมขี้เกียจขับรถไปก็เอาแบบนี้แล้วกัน ง่ายดี

หากแต่ระหว่างที่ยืนเลือกข้าวอยู่ สายตาก็เหลือบไปมองเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงเมื่อได้ยินเสียงดังติ๊งต่องจากประตูทางเข้าและเสียงร้องให้การต้อนรับจากพนักงานแคชเชียร์

โอ้ น้องธารใจที่รักกลับมาแล้ว!

ผมวางกล่องข้าวแช่แข็งที่กำลังจะส่งให้พนักงานอุ่นให้แทบจะในทันใด เกือบพุ่งเข้าชาร์จเด็กนั่นแล้ว ทว่าทันทีที่ธารใจเหลือบเห็นผม มันก็มองผมด้วยสายตานิ่งเฉยแล้วเดินเลยไปยังตู้น้ำ ทำให้ผมที่ตั้งท่าจะทักมันถึงกับชะงักกึก ไปต่อไม่ถูกทันใด

โอ้โห สายตาประณามหยามเหยียดดุจมองเห็นขยะเปียกมาก ไม่ทักแม่งละ เห็นแล้วไม่สบอารมณ์

มันนี่แหละที่ไม่สบอารมณ์กับผมล่ะ เห็นสีหน้าย่นยู่อย่างกับผ้าไม่ได้รีดของมันแล้ว ผมก็ไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงโดนฝ่าเท้ามันแต่อย่างใด เอาไว้ค่อยหาจังหวะเหมาะๆ คราวหลังแล้วค่อยเข้าไปคุยใหม่ก็แล้วกัน

เท่านั้น ผมก็ยืนเลือกข้าวอีกครั้ง แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นมันบ้าง ทว่าทันทีที่ผมจะเรียกพนักงาน ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างมายืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้มทักขึ้นมา
“กินแต่ของไม่มีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง มิน่าถึงได้บ้าๆ บอๆ”

หันไปก็เห็นว่าเป็นมันที่ยืนกอดอกมองอยู่นั่นแหละ เห็นอย่างนี้แล้ว ผมก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ยอมคุยกับพี่เหนือแล้วเหรอ”
ธารไม่ตอบ บุ้ยปากใส่เล็กน้อย แล้วก็เข้ามาแย่งข้าวแช่แข็งในมือผมไปวางที่เดิมหน้าตาเฉย
“เอ้า” ผมอุทาน มองการกระทำของมันอย่างงงๆ ก่อนมันจะหันมาพูดกับผม
“กินอย่างอื่น กินของใส่สารกันบูดเยอะๆ มันไม่ดี”
“โอ้ เป็นห่วงพี่เหนือสินะ” ผมได้ทีก็หยอดเลย
แต่เปล่า ธารมันไม่ได้เป็นห่วง มันหาเรื่องจะด่าต่างหาก
“เป็นห่วงตัวเองต่างหาก กินของแบบนี้เข้าไปเยอะๆ แล้วพี่บ้าๆ บอๆ ยิ่งกว่าเดิม มาระรานผมยิ่งกว่าเดิม ผมจะทำไง”

อ๋อ ที่แท้ก็เป็นห่วงสวัสดิภาพตัวเอง แต่ขอโทษเถอะ ถึงไม่กินของแบบนั้น มึงก็หนีการเต๊าะของกูไม่พ้นหรอก!

แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาเต๊าะมันแล้ว ท้องร้องประท้วงหนักกว่าเดิมตอนได้กลิ่นอาหารของลูกค้าคนอื่นที่เพิ่งอุ่นเสร็จ ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปหยิบข้าวแช่แข็งมาอีกครั้ง
“แต่ตอนนี้พี่เหนือหิวนะ กินๆ ไปก่อน ประทังชีวิต ไม่เป็นไรหรอก” แล้วก็ทำท่าจะส่งให้พนักงานอีกครั้ง
ทว่าไอ้เด็กนั่นก็เข้ามาแย่งไปวางที่เดิมอีกครั้ง เห็นการกระทำของมันแล้ว ผมก็เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่ามันทำอะไร
“เดี๋ยวพาไปกินอย่างอื่น” มันตอบ ทำให้ผมเลิกคิ้วสูงขึ้นไปใหญ่
“กินอะไรเหรอครับ ถ้าบอกว่ากินน้องธารล่ะก็ พี่เหนือจะกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวเลย” ว่าจะไม่เต๊าะแล้วเชียว มีโอกาสทีไรก็เอาจนได้
คราวนี้ธารทำหน้าแหยใส่ผม ก่อนจะว่าเสียงเข้ม
“ตามมา ไปถึงแล้วก็รู้” พูดแค่นั้นก็เดินออกไปเลย ผมไม่มีทางเลือกเลยตามไปซ้อนมอเตอร์ไซค์มันที่สตาร์ทเครื่องรออยู่
 


ธารพาผมขี่มอเตอร์ไซค์ชนิดชาวบ้านด่าสะเทือนไปยันบรรพบุรุษมายังตลาดใต้ซึ่งเป็นตลาดเทศบาลที่ผู้คนเอาผักผลไม้มาขายกันตั้งแต่เช้ายันมืดและเลยไปตลอดทั้งคืน ก่อนจะจอดที่หน้าตึกแถวหลังหนึ่ง จอดได้ก็ตรงเข้าไปเลื่อนประตูลูกกรงออกโดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าบ้าน ผมเกือบจะห้ามมันแล้ว แต่คนในบ้านก็โผล่หน้าออกมาก่อน คนในบ้านที่ว่านั่นก็คือโรม พอเห็นว่าคนที่มาเป็นธารก็ทักเสียงดัง

“เอ้าไอ้ธาร มาทำไมดึกๆ ดื่นๆ วะ โดนใครไล่กวดมาหรือไง”
“เปล่า”
“แล้วมึงมาทำอะไร แล้วนั่นพี่เหนือปะวะ” ปลายประโยคถามแล้วชะโงกหน้าออกมามองผมที่ยังนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์
ผมยกมือขึ้น ยิ้มทักเล็กน้อย ส่วนธารก็พยักหน้า
“เออ พาแม่งมาหา’ไรกิน”
ธารพูดแค่นั้น โรมก็ร้องอ๋อ ก่อนตามมาด้วย...
“งั้นมึงเข้ามาก่อน แม่กูกำลังทอดหมูอยู่เลย ข้าวเหนียวเพิ่งนึ่งเสร็จเมื่อกี้เอง กำลังร้อนๆ มาดิ” แล้วโรมก็เปิดประตูบ้านให้กว้างขึ้น ร้องเรียกผมด้วยอีกคน “พี่เหนือก็เข้ามาดิ”

ผมไม่ขัด เดินตามเข้าไป แม่ของธารก็โผล่หน้าออกมาจากครัว ผมเลยได้รู้ในตอนนี้ว่าบ้านของโรมมีอาชีพหลักคือขายข้าวเหนียวกับสารพัดหมู ตั้งแต่หมูทอด หมูหวาน หมูฝอย และอีกหลายเมนู และที่ยุ่งๆ กันอยู่นี่ก็คือการเตรียมตัวออกไปขายของน่ะ

“อาจารย์เอาอะไรก็เลือกเลยนะคะ เดี๋ยวให้ไอ้ตัวแสบมันตักให้ คุณหนูธารด้วย อยากกินอะไรก็เอาไปเลย กินไม่หมดก็แช่ตู้เย็นเอาไว้อุ่นกินวันหลังนะคะ ส่วนข้าวเหนียวก็ค่อยไปซื้อเอาใหม่ มันแช่ตู้เย็นแล้วกินไม่ได้” แม่ของโรมว่ายาวขณะที่ผมกำลังยืนจดๆ จ้องๆ สารพัดหมู

พอเลือกได้ โรมก็จัดการตักโปะข้าวเหนียวให้นั่งโซ้ยตรงนั้นเลยด้วยมือข้างเดียวอย่างชำนาญ คือโรมยังไม่ได้ถอดเฝือกน่ะ แต่สกิลการตักนี่อย่างเทพ ทั้งไว ทั้งคล่อง สารพัดหมูของแม่โรมยังคงอร่อยเหมือนเดิม มิน่า หมูหวานที่ให้ไปครั้งนั้นถึงได้อร่อยกว่าที่ผมเคยกินในกรุงเทพฯ เหลือเกิน ที่แท้ก็มืออาชีพมาทำให้กินนี่เอง แถมกินเสร็จแล้ว ป้ารินยังใช้ให้โรมแพ็คใส่กล่องให้เอากลับไปกินที่หออีกเพียบ ผมก็ปฏิเสธด้วยความเกรงใจไปตามมารยาท แต่ป้ารินก็ดึงดันให้เอาไป อ้างว่าเป็นการตอบแทนที่ผมช่วยดูแลลูกชายตัวดีให้

ไม่อยากจะบอกเลยว่าไม่ได้ดูแลเลยสักกะติ๊ด ขนาดพวกมันจะโดนอริรุม ผมยังเผ่นแน่บเป็นคนแรก ทิ้งลูกป้าให้โกยตามหน้าตั้ง แต่ใครมันจะพูดวะ พูดไปก็เสียภาพลักษณ์ตาย

กินเสร็จแล้ว ธารก็ขอตัวกลับเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำมาหากินของครอบครัวนี้ ผมยกมือไหว้พ่อแม่ของโรมแล้วเดินออกมารอข้างนอกก่อน ส่วนธารก็ถูกแม่ของโรมกอดรัดฟัดเหวี่ยงราวกับเด็กเล็กๆ เป็นการบอกลาไม่เลิก
“ป้าริน พอแล้วครับ” ธารร้องท้วงเมื่อคนอาวุโสกว่าลูบหัวลูบหางไม่หยุด
“พออะไร มาให้ป้าหอมให้ชื่นใจก่อน” ไม่ว่าเปล่า ยังโน้มคอเด็กนั่นไปหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่อีกด้วย

เห็นแล้วอิจฉาป้าแกชะมัด ผมก็อยากจะทำแบบนั้นเหมือนกัน ทำโดยที่ไม่โดนเด็กนั่นถีบเอาเหมือนครั้งก่อนนะ

“ธารโตแล้วนะครับ” ธารก็ยังร้องท้วงไม่เลิก
“คุณหนูธารเป็นเด็กตัวน้อยของป้าเสมอแหละค่ะ” ป้ารินยอมปล่อยก็ในตอนนี้ และคำพูดของเธอก็ทำให้ธารย่นจมูก
“ใครว่าล่ะ ธารโตแล้วจริงๆ ป้ารินเลิกกอดเลิกหอมธารได้แล้ว ไปกอดไปหอมไอ้โรมแทนเลย”
“ไม่เอาล่ะค่ะ ไอ้เจ้านี่มันไม่หอมเหมือนคุณหนูธาร ป้าไม่หอมมันหรอก”
“อะไรเนี่ยแม่ นี่ลูกนะ” โรมที่ยืนมองอยู่ร้องท้วงทันที เรียกเสียงหัวเราะให้ป้ารินกับธารได้เป็นอย่างดี ผมสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมระหว่างครอบครัวนี้กับธารอย่างชัดเจนทันใด ก่อนจะบอกลาอีกครั้ง

“ธารไปจริงๆ แล้วครับ ดึกแล้ว เดี๋ยวป้ารินไม่ได้ออกไปขายของหรอก มัวแต่คุยกับธารเนี่ย”
“ได้ค่ะ ขี่รถดีๆ นะคะคุณหนู แล้วก็อาจารย์เหนือคะ ฝากดูแลคุณหนูของป้าด้วยนะ” ประโยคหลังหันมาบอกผม

ผมได้แต่ยิ้มรับ แต่คิดในใจไปแล้วว่าจะไปดูแลมันยังไง กูยังเอาตัวเองไม่รอดเลย
ธารก็คงจะคิดอย่างนั้นแหละ เดินมาหาผมแล้วก็พ่นลมหายใจใส่พลางส่ายหน้าประหนึ่งว่าระอา

หน็อยๆ ไอ้เด็กเวร เดี๋ยวกูจะเต๊าะให้ไปไม่เป็นเลย เดี๋ยว!

ธารบอกลาโรมเสร็จก็ขึ้นมาคร่อมรถ ขี่ออกไปโดยมีจุดมุ่งหมายคือหอ ตอนนี้แหละที่ผมได้ทีเอาคืนการที่มันถอนหายใจใส่ผมเมื่อกี้

ในส่วนของการเอาคืน... แน่นอนล่ะว่าต้องถึงเนื้อถึงตัว

กอดแม่ง!

กอดเลย กอดแน่นด้วย ตะครุบหมับ แต่มือนี่ไม่ได้กอดช่วงเอวนะ ปะแปะโปะอยู่บนนมมัน เอานิ้วสะกิดหัวนมผ่านเสื้อเชิ้ตนักศึกษาบางๆ ด้วย

อูย...ฟิน

“เฮ้ย!” ธารสะดุ้งสุดตัว ที่ขี่ๆ รถอยู่ถึงกับเซเข้าข้างทาง ก่อนจะจอด เตะขาตั้งลงแล้วดึงมือผมออกอย่างรวดเร็ว หันหน้ามาได้ก็แหวใส่เลย “ทำอะไรของมึงวะเนี่ยไอ้พี่เหนือ!”
ถ้าจะขึ้นมึงขึ้นกูขนาดนี้ ไม่ต้องเรียกกูพี่ก็ได้นะ

แต่ถามว่าผมแคร์มั้ยล่ะ... ไม่ เอียงคอยิ้มรับมันราวกับไม่รู้สึกรู้สาว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรเหรอครับ จู่ๆ ก็จอด”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก!” ธารแผดเสียงลั่น ลงจากรถมายืนประจันหน้าผม หน้าตาโคตรเอาเรื่อง อีกนิดเดียวก็เดาได้เลยว่ามันคงจะต่อยผมแน่
ทว่าผมไม่กลัวแล้วล่ะ ด้วยรู้ว่าถ้ามันอายเมื่อไหร่ มันจะหนีหน้าผมลูกเดียว ไม่มีอารมณ์มาเตะต่อยหรอก เพราะรู้งี้ ได้ทีผมก็แกล้งใหญ่

“แล้ว...พี่เหนือทำอะไรเหรอ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” ทำไม่รู้ไม่ชี้อีก ธารก็เลยเสียงดังใหญ่
“ไม่รู้เรื่องบ้าอะไร มาสะกิดหัวนมแบบนี้ ยังทำไม่รู้อีก!”
พูดมาอย่างนี้ก็เข้าทางผมเลยสิ ผมยิ้มเผล่ขึ้นมาทันที
“อ๋อ มิน่าล่ะ นูนเชียว” แล้วก็แกล้งชำเลืองสายตาไปมองบริเวณหน้าอกมัน

เท่านั้น ใบหน้าขาวก็ค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมา ก่อนจะผลักหน้าผมให้หันไปอีกทางซะเต็มแรง
“กวนตีนละ”
หืม... ผลักขนาดนี้ ต่อยกูเลยก็ได้ คอกูจะเคล็ดมั้ย!?

กัดฟันฝืนความเจ็บปวดนิดๆ หันมามองหน้ามันอีกครั้ง ก็เห็นว่ามันยังคงทำหน้าไม่สบอารมณ์ แล้วก็ไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้นเมื่อจู่ๆ มันก็เข้าสู่โหมดเครียด
“ถามตรงๆ นะพี่ คิดอะไรกับผมอยู่”
ถามแสกหน้ามาอย่างนี้ ผมก็เลยกลายเป็นฝ่ายที่ไปไม่ถูกแทน ก่อนตั้งสติได้แล้วถามกลับ
“น้องธารถามแบบนี้ทำไมเหรอครับ”
“ก็พี่แม่งเล่นตอดเล็กตอดน้อยเป็นปลาสวายหน้าวัดตลอดเวลาอย่างนี้ ก็ต้องถามสิวะ”

มึงก็ช่างเปรียบเหลือเกินนะ แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าจริง ตอดมันเล็ก ตอดมันน้อยเป็นปลาสวายเลยจริง แต่ผมว่าอีกหน่อยจะพัฒนาไปเป็นปลาบึกละ เพราะผมจะไม่แค่ตอด จะงาบเข้าไปทั้งตัวเลย

“ตกลงนี่คิดจะเอาผมให้ได้จริงๆ เลยใช่ปะ” มันถามขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบ
ทีนี้ผมก็เลยพยักหน้า
“อื้อ”
ธารทำหน้าตกตะลึงไปทันใด ก่อนจะตามมาด้วยท่าทางเหมือนโลกจะแตก ปากก็พึมพำไม่หยุด
“ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ”

ยังจะถามอีก หล่อเหลาเขายายเที่ยง ดูกรุบกรอบเชลล์ชวนชิมขนาดนี้ ใครเห็นแล้วไม่อยากกินก็บ้าแล้ว

แต่จะให้บอกอย่างนั้นก็ตรงไป เดี๋ยวจะขวัญหนีดีฝ่อกว่าเดิม งั้นเอาเบาๆ แล้วกัน

“ก็พี่เหนือชอบน้องธารนี่ครับ อยากอยู่ใกล้ๆ อยากถึงเนื้อถึงตัวด้วยก็ไม่แปลก”
พูดแค่นี้ ธารก็เหลือบมามองหน้าผมอีกครั้ง ถามอย่างไม่เชื่อหู

“นี่พูดจริงใช่ปะ”
“พูดจริงเรื่อง?”
“ก็เรื่อง...” พูดแล้วก็หยุดไป ก่อนหูจะค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมา “เรื่องที่บอกว่าชอบผมเนี่ย” ท้ายประโยคนี่เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินเลย

มะ...มุ้งมิ้ง เขินแล้วน่ารักแฮะ ลากไปกินตรงหลังถังขยะตรงนั้นได้มั้ย มืดดี น่าจะไม่มีคนเห็น
มะ...ไม่สิ สติๆ เดี๋ยวก็ได้โดนข้อหาอนาจารจนได้ สงบสติอารมณ์แล้วตอบคำถามมันก่อน

“จริงสิ ถ้าไม่จริง พี่เหนือจะบอกว่าชอบน้องธารถึงสองครั้งเหรอ วันก่อนก็บอกในข้อความไปแล้วว่าชอบ เพราะไม่เชื่อเลยมาถามพี่เหนือกับตัวหรือเปล่าเนี่ย”
ผมแกล้งหยอกตบท้าย หูแดงๆ ของธารก็ยิ่งแดงมากขึ้นไปอีก ถึงจะอยู่ในที่ไม่สว่างมาก แต่ผมก็เห็นชัดเจนเลยทีเดียวว่าเด็กนี่กำลังเขินถึงขีดสุด

“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้น”
เอาเว้ย! มาเว้ย! ตอนนี้เขินจนมือไม้เริ่มหาที่วางไม่ได้ละ ตาก็ไม่มองผมด้วยเถอะ ได้ทีแล้วต้องไล่ต้อนแล้วล่ะไอ้เหนือ!
“เอาเป็นว่าพี่เหนือชอบน้องธารแล้วกัน ทีนี้ก็เลิกหนีหน้าพี่เหนือซะทีนะ ไม่เห็นหน้าน้องธาร ไม่ได้คุยด้วยแล้วพี่เหนือเง้าเหงา” พูดแล้วก็แกล้งกระแซะ เอาหน้าเข้าไปใกล้มันด้วย กะจะถูไถลวนลามให้เต็มคราบ แต่ธารก็ก้าวถอยหลังหนีซะก่อน
“พะ...เพ้อเจ้อสัด”
เอ้า ไม่ให้ลวนลามแล้วยังด่ากูอีก

“พี่เหนือพูดจริงๆ นะ” ผมเลยน้ำไปอีกครั้ง
ธารไม่มองหน้าผมเลย ไม่ใช่ไม่มองเพราะเหม็นขี้หน้าหรอก ผมสัมผัสได้ แต่ที่ไม่มองเพราะมันกำลังซ่อนพวงแก้มแดงแปร๊ดต่างหาก
“หุบปากแล้วกลับได้แล้ว”
มันตัดบทเอาดื้อๆ เดินกลับขึ้นมาคร่อมรถอีกครั้ง แล้วผมก็กอดมันอีกครั้งเช่นกัน ขยับเข้าไปชิดมันด้วย มันสะดุ้งสุดตัว หันมาส่งเสียงดังใส่ผมทันใด
“ไอ้พี่เหนือ!” เอามือมาจับแขนผมที่โอบรัดตัวมันอยู่ ตั้งท่าจะเอาออกอีก

อ๊ะๆ อย่าคิดว่าผมจะยอมให้มันเอาออกง่ายๆ นะ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเทกระจาดอ้อยวะ มีทั้งไร่ก็เททั้งไร่!

“พี่เหนือกอดเอวเฉยๆ นะ ไม่สะกิดแล้ว ไม่ต้องห่วง” ดักคอซะเลย แต่เด็กนี่ก็ไม่ยอมแต่โดยดี
“อย่ามากอดนะเว้ย ขยะแขยง!”
“นิดเดียวน่า ไม่ได้คุยเล่นด้วยตั้งหลายวันแล้ว มันคิดถึง”

บอกแค่นี้ จากที่จะดึงมือผมออกก็หยุดทันใด หน้าท้องกระเพื่อมเล็กน้อยให้รู้ว่ากำลังถอนหายใจเต็มแรง ก่อนจะได้ยินเสียงแว่วมาเบาๆ
“แค่วันนี้นะ วันอื่นห้าม”

โอ๊ย! มันยอมเว้ย! เจ้าข้าเอ๊ย น้องธารยอมได้เสียกับไอ้เหนือแล้ว!

ก็ไม่ได้ได้เสียจริงๆ หรอก แต่แค่มันยอมให้กอด ผมก็บรรลุความฟินขั้นนิพพานไปเรียบร้อย

ธารไม่พูดอะไรอีก สตาร์ทรถแล้วขี่ออกไป ปล่อยให้ผมกอดพร้อมเอาหน้าแนบอิงแผ่นหลัง ลวนลามมันไปตามเรื่อง แต่น่าแปลกที่พอมันยอมง่ายๆ ผมกลับไม่กล้าทำอะไรมากกว่านี้ ได้แต่กอดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงหอ
ถึงที่หมายก็ต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องตัวเองโดยไม่พูดอะไร

ไม่หรอก... จริงๆ มีผมที่บอกราตรีสวัสดิ์กับมัน มีแต่มันเนี่ยที่ไม่หือไม่อือ เข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ส่งข้อความไปก็ไม่เปิดอ่านด้วย

หึ! รู้อย่างนี้ล่ะก็ ตอนได้กอดมันน่าจะทำเป็นเมารถมอเตอร์ไซค์แล้วเลื่อนมือไปจับเป้ามันก็ดี

ว่าแต่... มอเตอร์ไซค์นี่มันเมารถได้หรือเปล่านะ ครั้งหน้าจะได้ลองใช้มุขนี้ดู ท่าทางจะฟินไม่ใช่น้อยทีเดียว
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦26/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 29-02-2016 00:55:01
ชั่งใจ ครั้งที่ 10: ฟิฟตี้เฉด ออฟ ธาร[2]

ถึงจะบอกธารว่าอย่าหนีหน้า เอาเข้าจริงๆ มันก็หนีหน้าผมอยู่ดีนั่นแหละ จนผมชักจะรำคาญละ ปล่อยๆ มันไป ไม่ไปตามตื๊ออะไรอย่างเดิมด้วยเหนื่อยหน่าย อีกอย่าง ช่วงนี้ผมมีพี่จอมดื้อมาดึงความน่าสนใจไปมากกว่าด้วย ก็เลยลืมๆ เด็กนั่นไประยะนึงก่อน เด็กนั่นก็ติดซ้อมวิ่งสำหรับการแข่งกีฬาที่จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้าด้วย เลยกลับหอค่อนข้างดึก เห็นว่าไม่ได้ลงแข่งแค่วิ่งร้อยเมตร แต่ลงแข่งวอลเลย์บอลซึ่งนำทีมโดยน้องมายด์อีกด้วย ที่ลงก็เพราะน้องมายด์อ้างว่าเอาไว้ใช้เป็นตัวล่อความสนใจตุ๊ดจากทีมอื่น

ก็นะ มันหล่อนี่นา ไปใส่ขาสั้นโชว์ขาอ่อนนิดๆ หน่อยๆ ใครเห็นก็ยอมให้ตบลูกวอลเลย์อัดหน้าแล้ว

และการที่ธารหายหน้าหายตาไปช่วงนี้ ผมก็เลยมีเวลาให้พี่จอมดื้อมากขึ้น กระนั้นพี่จอมดื้อก็ไม่มีเวลาให้ผมอยู่ดี ได้แต่โทรคุยจนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่พี่จอมดื้อทนไม่ไหว โทรมาคะยั้นคะยอให้ผมไปหาที่ลานนมแทน

[คืนนี้เหนือมาหาพี่หน่อยสิ ไม่ได้เจอหน้าเป็นอาทิตย์แล้ว พี่จะลืมแล้วเนี่ยว่าหน้าตาคนที่พี่จีบเป็นยังไง]
โห อ้อนๆ อ้อนมาอย่างนี้ มีเหรอที่จะไม่ใจอ่อน โคตรอยากไปหาเลย แต่ว่า...
“เหนือก็อยากไปหาพี่ดื้อนะครับ แต่ช่วงนี้เหนือยุ่งๆ เรื่องงานกีฬา”

แกล้งอ้างไปงั้นแหละ ที่จริงคือไม่อยากไปตอนที่จอมแก่นมันไปช่วยงานที่ร้าน ประเด็นก็คือ เดี๋ยวมันรู้ว่าพี่จอมดื้อจีบผมแล้วเอาไปบอกธาร ผมก็ได้อดลวนลามเด็กนั่นกันพอดี เมื่อวานเพิ่งจะบอกชอบมันไปแหม็บๆ

พี่จอมดื้อได้ยินก็หัวเราะร่วน ก่อนสวนกลับมา
[ยุ่งอะไร พี่รู้จากไอ้แก่นแล้วว่าช่วงนี้เหนือว่าง กลับหอเร็วขนาดนี้ ไม่เรียกว่ายุ่งแล้ว”
ได้ยินแล้วผมก็ชะงักไป สงสัยไปถามจอมแก่นมาแน่ถึงได้รู้ว่าวันนี้ผมกลับหอเร็ว

ไม่รู้จะแถไปต่อยังไง พี่จอมดื้อก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ขนาดไอ้แก่นมันยังว่างเลย ขอพี่หยุดงานไปเที่ยวเตร่วันนึง เหนือก็ต้องว่างเหมือนกัน นะ มาหาพี่หน่อย พี่คิดถึง]

เดี๋ยวนะ... จอมแก่นหยุดงาน งั้นมันก็ไม่อยู่น่ะสิ... แบบนี้ก็ไปได้น่ะสิไอ้เหนือ!
“ช่วยไม่ได้ ถ้าพี่ดื้อคิดถึง เหนือไปหาก็ได้ครับ” เทอ้อยแม่งเลย เทแบบมีชั้นเชิง
พี่จอมดื้อส่งเสียงดัง ‘เยส’ มาให้ได้ยินนิดนึง ก่อนจะตบท้าย
[มาเร็วๆ นะ พี่รอ]
“ครับ ไปมืดหน่อยนะ มีเรื่องให้ทำน่ะครับ” ว่าแค่นั้นก็ตัดสายไป

แต่ใครว่าผมจะไปมืดล่ะ เรื่องอะไรให้ทำก็ไม่มี พูดไปงั้นให้ดูไม่กระเหี้ยนกระหือรืออยากไปหามาก แต่ที่ไหนได้ วางสายปุ๊บ ก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่มาที่นี่ ไม่เคยแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้เลยเถอะ แต่งเสร็จก็รีบวิ่งมาเอารถที่ลานจอดรถใต้หอแล้วบึ่งไปหาพี่จอมดื้อทันที

มาถึงลานนมได้ พี่จอมดื้อก็แซวนิดหน่อยว่ามาไวกว่าที่คิด ผมก็เลยแกล้งบอกว่า...
“สงสัยเหนือจะคิดถึงพี่เหมือนกัน”

เท่านั้นทุกอย่างก็ราบรื่น ปฏิบัติการการเต๊าะก็เริ่มต้นขึ้นทันที ไม่ใช่ผมเต๊าะพี่จอมดื้อนะ รายนั้นแหละที่เต๊าะผม นั่งคุยกับผมไม่หยุดตั้งแต่มาถึงจนผ่านไปหลายชั่วโมง งานการไม่ทำเลยเถอะ ใช้ให้พนักงานดูแลอย่างเดียว กระทั่งฟ้าเริ่มมืด เสียงดนตรีสดเริ่มบรรเลง การสนทนาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ

ดีขึ้นมากถึงมากที่สุด ดีไม่ดีให้ดูผมนี่ แทบจะเลื้อยไปนัวเนียกับพี่จอมดื้อแล้วเถอะ รายนั้นก็คุยไป มือไม้ก็อยู่ไม่สุข จับมือผมบ้าง จับหน้าจับจมูกบ้าง เป็นการหยอกเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละ แต่บอกเลยว่าฟิน ถึงจะไม่ฟินเท่าไอ้เด็กธารเพราะพี่จอมดื้อไม่แสดงท่าทางขัดเขินให้ผมกระชุ่มกระชวย ทว่าก็ทำให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อย

หากแต่ความเพลิดเพลินนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อจู่ๆ เสียงคุ้นหูของใครบางคนดังขึ้นขณะที่ผมกำลังส่งเสียงกระเง้ากระงอดกับพี่จอมดื้ออยู่

“เอ้า พี่เหนือมาได้ไงน่ะ” จอมแก่นร้องถามทันทีที่เห็นหน้าผม

ผมถึงกับชะงัก มองตามต้นเสียงก็เห็นจอมแก่น น้องมายด์ โรม แล้วก็ธารเดินเข้ามากันอย่างพร้อมหน้า เท่านั้นผมก็รีบถอยห่างพี่จอมดื้อที่กำลังเอาดอกไม้พลาสติกประดับแจกันบนโต๊ะมาทัดหูผมทันใด ก่อนที่พี่จอมดื้อจะเป็นฝ่ายตอบ

“เหนือมาหากู”
“มาหาพี่ดื้อ... หมายความว่า?” จอมแก่นเว้นจังหวะไป ทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่ต่างจากคนอื่นๆ กระทั่งพี่จอมดื้อตอบ
“ก็กูกำลังจีบอาจารย์พวกมึงอยู่ แล้วกูก็ชวนเหนือมาหาที่ร้านเพราะคิดถึง เหนือก็คิดถึงกูเหมือนกันก็เลยมา มันแปลกตรงไหน”

“อะไรนะ!” เสียงห้าวดังตามมาทันที ไม่ใช่เสียงจอมแก่น โรมหรือธาร แต่เป็นเสียงของน้องมายด์ที่จู่ๆ ก็แมนขึ้นมากะทันหัน พอปรับอารมณ์ได้ก็ยกมือขึ้นทาบอก ว่าพึมพำออกมา “อะหยังน่ะ ข้าเจ้าเต๊ะท่าจะงาบอ้ายดื้อมาจั๊ดหลายปี อีปี้มากำเดวก้าบไปกินหน้าซื่อเลยเจ้า (อะไรกัน หนูจ้องพี่ดื้อมาตั้งหลายปี เจ้มาทีเดียว คาบไปกินหน้าตาเฉยเลยนะคะ)”

พี่จอมดื้อหัวเราะร่วนให้คำพูดของน้องมายด์ คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามด้วย มีแต่ผมนี่แหละที่หัวเราะไม่ออก ยิ่งเหลือบไปเห็นสีหน้าธารที่มีสีหน้านิ่งเรียบ มีเพียงหัวคิ้วย่นยู่ แถมทำหน้าตาน่ากลัว ผมก็ยิ่งหัวเราะไม่ออกใหญ่

นะ...ไหนไอ้พี่ดื้อบอกว่าจอมแก่นมันขอหยุดงานวันนึงไง! ไหงมันมากันครบแก๊งเลยวะ ถ้ารู้ว่าพวกมันจะโผล่มากันครบแบบนี้ กูไม่มาหรอกเว้ย!

“แล้วนี่พวกมึงมาทำไร ไหนว่าขอหยุดงานวันนึง ขนกันมาขนาดนี้ หรือพวกมึงจะมาช่วยงาน?” พี่จอมดื้อถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ออกมาจนได้ ก่อนโรมจะเป็นฝ่ายตอบ

“ผมให้ไอ้จอมมันพามาเลี้ยงที่ผมออกจากโรง’บาลน่ะพี่ ออกมาหลายวันแล้วแต่ยังหาโอกาสมาไม่ได้ พอมีโอกาสก็เลยมา ตอนแรกว่าจะไปที่อื่นแต่นึกขึ้นได้ว่ามาร้านพี่แล้วกินฟรีเลยมา วันนี้ก็ลงบิลไอ้จอมไว้นะพี่” ว่าพลางยกแขนข้างที่ยังมีเฝือกอ่อนพันอยู่ขึ้นให้ดู

พี่จอมดื้อไม่ถามต่อ เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าโรมไปโดนอะไรมา ไม่ถามด้วยว่าทำไมเรียกจอมแก่นว่าไอ้จอมทั้งที่เขาเรียกจอมแก่นว่าแก่นเฉยๆ คงจะรู้อยู่แล้วแหละว่าเพื่อนๆ ที่วิทยาลัยจะเรียกจอมแก่นแค่ชื่อจริงตัวหน้า มีแต่ผมนี่แหละที่อยากถามพวกมัน

ทำไมพวกมึงไม่ไปเลี้ยงกันที่อื่น! พาไอ้เด็กธารมาเห็นตอนกูกำลังเต๊าะกับคนอื่นอยู่ทำไม กูเพิ่งจะบอกว่าชอบมันไปแหม็บๆ เดี๋ยวก็ชวดหรอก!

อยากจะเดินเข้าไปจับจอมแก่นเขย่าชะมัดที่ยอมตามใจเพื่อน มาเลี้ยงฉลองออกจากโรงพยาบาลกันที่นี่ แต่พี่จอมดื้อก็พูดขึ้นมาก่อน

“เออ งั้นพวกมึงตามสบายเลย ไม่ต้องลงบิลไอ้แก่นหรอก เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง อยากกินไรสั่ง ให้โควตาเบียร์ลังนึง”

พอพี่จอมดื้อว่ามาอย่างนี้ โรมก็ตบบ่าจอมแก่น ปากพูดไม่หยุดว่าพี่จอมดื้อใจปล้ำ น้องมายด์ก็ทำฮึดฮัดที่พี่จอมดื้อมาจีบผมอีกนิดหน่อยก่อนจะพากันไปนั่งที่ มีแต่ธารนี่แหละที่ไม่พูดอะไร เดินออกจากบริเวณนั้นเป็นคนแรกด้วย

ถึงจะไม่แสดงท่าทางอะไรออกมา ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นั่งมองเด็กพวกนั้นเดินไปนั่งก่อนจะเริ่มตั้งวงกันแล้วก็อยากจะลุกขึ้นไปหาชะมัด ถ้าไม่ติดว่าพี่จอมดื้อนั่งอยู่ด้วยล่ะก็ ผมคงจะเดินไปหาธารแล้ว

นั่งคุยกับพี่จอมดื้อไป ตาก็เหลือบมองธารเป็นระยะๆ เกือบชั่วโมง พอลูกค้าเริ่มเยอะ พี่จอมดื้อก็ขอตัว
“เดี๋ยวพี่ไปช่วยพวกเด็กๆ มันดูแลลูกค้าก่อน เหนือรอพี่ก่อนนะ สักพักเดี๋ยวกลับมา”

ผมพยักหน้ารับ พี่จอมดื้อลุกไปได้ ผมก็จะเข้าไปหาธาร หากแต่ธารกลับลุกออกจากที่ ตรงไปที่ห้องน้ำ ผมเลยรีบลุกตามไป แต่พอใกล้จะถึงห้องน้ำ เด็กนั่นก็เดินเบี่ยงเข้าไปทางซอกเล็กๆ มืดๆ ที่อยู่ข้างห้องน้ำแทน ผมก็เดินตามเข้าไปอยู่ดีแหละ พอโผล่หน้าไปปุ๊บ ก็เห็นธารยืนกอดอกมองอยู่

“ตามมาทำไม” ยิงคำถามใส่ผมทันทีด้วย สีหน้าบ่งบอกชัดเจนเลยว่าไม่พอใจสุดๆ น้ำเสียงก็ด้วยเถอะ
ไปทำอะไรให้มันโกรธตอนไหนวะ?
แต่กระนั้นผมก็ส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะตอบออกไป
“พี่เหนือก็แค่อยากคุยกับน้องธารน่ะครับ ตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อกี้ ยังไม่ได้คุยกันเลยนะ”

ทว่าธารก็ยังคงทำหน้าเข้มเหมือนเดิม หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบ เมินผมซึ่งๆ หน้าอีกด้วย
การเมินของมันก็คือการยืนพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ เหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะ เห็นแล้วก็น่าหงุดหงิดชะมัด งอนล่ะสิ เฮอะ งอนอะไรก็ไม่รู้แต่ง้อก็ได้
“น้องธารกินข้าวมาหรือยัง...” 
“ไปคุยกับพี่ดื้อสิ”

กะจะชวนคุยก่อนแล้วค่อยตะล่อมเข้าการง้อ แต่พูดยังไม่ทันจบเลย ธารก็สวนขึ้นมาซะก่อนโดยไม่มองหน้า ทำเอาผมหยุดกึก
“หือ?”
“บอกว่าไปคุยกับพี่ดื้อสิ” คราวนี้หันมาบอกกับผมเสียงเรียบ แต่แววตาประกายวาวโรจน์อย่างไม่พอใจ

โอ๊ะ! เดี๋ยวๆ พูดอย่างนี้หมายความว่าหึงใช่มั้ยจ๊ะ? แหม มีใจให้พี่เหนือแล้วล่ะสิ มิน่าถึงได้ทำท่าเหมือนหมาไม่ได้ฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้า เข้าใจละว่าทำไมถึงโกรธ

ใช่หรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วล่ะ อารมณ์ดีมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วทำใจดีเข้าล่อต่อ

“แต่พี่เหนืออยากคุยกับน้องธารมากกว่า”
ทว่าธารกลับไม่แยแสความกะล่อนของผมสักนิด ยืนดูดบุหรี่จนหมดมวน บ้วนน้ำลายทิ้งแล้วทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น เอาเท้าขยี้ก้นบุหรี่พลางพูดไปด้วย
“พี่เคยทำให้ใครไว้ใจบ้างหรือเปล่าวะ”
“ฮะ?”
พูดอะไรแปลกๆ ขึ้นมาอีกแล้ว แต่รอบนี้ธารไม่ย้ำประโยคเดิมที่พูดเมื่อกี้ หันมามองหน้าผมแล้วพูดประโยคใหม่
“ไหนพี่บอกว่าชอบผมไง แล้วไปกับพี่ดื้อนี่หมายความว่าไง”

โอย... หึงแรง หึงแน่ๆ ไม่หึงก็หวงล่ะวะ ต้องมีสักอย่าง

ผมอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมอีกที่ธารแสดงออกแบบนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าที่มันทำท่าแบบนี้เป็นเพราะมีใจให้ผมจริงหรือเปล่า หรือผมแค่คิดไปเอง แต่แสดงออกแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าต่อจากนี้ผมจะล่อหลอกมันง่ายขึ้นแล้วสินะ

“ก็ชอบน่ะสิ ชอบน้องธารจริงจริ๊ง อยากได้อยากโดนมานานละ” ได้ทีก็บอกไปตรงๆ เลย
ธารทำหน้าตกใจไปนิด ก่อนจะกลับมาเคร่งเครียดเหมือนเดิม
“แล้วน้องธาร... ไม่ชอบพี่เหนือเหรอ” ผมหยอดกลับเมื่อเห็นว่ามันไม่พูดอะไร
ธารตวัดดวงตาเกรี้ยวกราดมามองทันที
“ไม่ชอบ! ไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย!”

เอ้า ไม่ชอบแล้วจะมาทำท่าทางเหมือนหวงกูทำไมเนี่ย เมื่อวันนั้นก็ทำท่าเขินอีก ตกลงจะเอาไง!

ผมย่นจมูกขัดใจเล็กน้อย ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่ได้เป็น แต่ก็แหม ไม่เห็นต้องดับฝันกันขนาดนี้ เอาเถอะ เต๊าะไปเรื่อยๆ มันก็ต้องมีสักวันที่อยากจะเปลี่ยนสายบ้างล่ะวะ

“น้องธารไม่ชอบพี่เหนือก็ไม่เป็นไร แต่พี่เหนือชอบน้องธารจริงๆ นะ วันนี้เห็นน้องธารไม่ร่าเริง พี่เหนือเห็นแล้วเป็นห่วงสุดๆ” นอกจากเป็นปลาสวายหน้าวัดที่เอาแต่ตอดเล็กตอดน้อยแล้ว ก็ยังเป็นปลาไหลอีกด้วย ไหลลื่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
แต่ธารก็ยังนิ่ง ถอนหายใจใส่ผมแล้วจ้องหน้าเขม็ง
“เพราะไม่ได้ไม่โดนกับผม ก็เลยไปกับพี่ดื้อใช่มะ”

จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง ทำเอาผมชะงัก พอตั้งสติได้ก็คิดหาคำพูดตอบมันทันใด
แหม จะยอมรับก็ตรงไป จะบอกว่าได้ทั้งน้องธาร ทั้งพี่จอมดื้อก็ดี นี่ก็ตรงไปอีก งั้นใช้ลูกแง่ลูกชนหน่อยแล้วกัน กล้าพูดมาอย่างนี้ แสดงว่าจริงๆ ก็มีใจให้ผมแหละวะ ถึงจะไม่พูดก็เถอะ

“ก็...นิดนึงนะ แต่ถ้าน้องธารยอมพี่เหนือล่ะก็ สัญญาเลยว่าจะไม่ยุ่งกับใคร” ชูสามนิ้วแสดงสัตย์ปฏิญาณด้วย
ธารก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายความย่นยู่บนหัวคิ้วแม้แต่น้อย
เอาวะ ง้อแบบปัญญาอ่อนซะหน่อยแล้วกัน จะได้หายทำหน้าบูดซะที
“ดีกันนะน้องธาร พี่เหนือเกเรไปนิดเดียวเอง แต่ยังชอบน้องธารเหมือนเดิมนะ นะๆ ดีกันนะ” ขยับเข้าไปหา ชูนิ้วก้อยไปง้อมันอีก บอกเลย...ปัญญาอ่อนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ทว่าเหมือนจะเข้าไปผิดจังหวะนิดหน่อย แค่เอานิ้วก้อยไปจิ้มแก้มมัน มันก็ชักสีหน้าใส่ ก่อนจะคว้าข้อมือผมแล้วเหวี่ยงเข้ากับกำแพงเต็มแรง หลังกระแทกปูนซีเมนต์จนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นธารเดินเข้ามาใกล้ เอามือข้างหนึ่งค้ำกับกำแพงไม่ให้ผมหนี หน้านี่ก็เข้ามาใกล้เพียงคืบ จากที่เล่นๆ เมื่อกี้ เจอแบบนี้ผมก็ตกใจจนไปไม่ถูกเหมือนกัน

อะ...อะไรของมันวะ จู่ๆ ก็โหด เป็นอะไรของมันเนี่ย!

คือไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไง ไม่เคยแสดงท่าทางกรุ่นโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อนด้วย อย่างดีก็แค่หงุดหงิดใส่ผมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ผมก็ตั้งท่าจะถามว่ามันเป็นอะไรเพราะเสียวจะถูกมันกระทืบเหลือเกิน สีหน้ามันตอนนี้กินหัวผมได้เลยเถอะ แต่ธารก็ขยับริมฝีปากขึ้นก่อน

“ทำไมพี่มั่วจังเลยวะ”
เดี๋ยว!? ด่าแบบไม่ทันได้ตั้งตัวคืออะไร!
“บอกว่าชอบผมแต่ทำแบบนี้ โคตรเป็นคนไว้ใจไม่ได้เลยนี่หว่า”
“...”

พะ...พูดไม่ออกเลยแฮะ โดนด่าแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้รู้สึกเหมือนโดนเอามีดพร้าฟันหน้า แต่โอเค้! ยอมรับก็ได้ว่าผมน่ะเป็นพวกไว้ใจไม่ได้ มันก็แค่เรื่องเดียวนี่หว่า ไอ้เรื่องเต๊าะไปทั่ว มั่วไม่เลือกเนี่ย แต่มันไปเกี่ยวอะไรกับเด็กนี่ล่ะ มันก็ไม่ได้ชอบผมนี่ แถมมันก็ไม่ได้เป็นเกย์อีก เวลาโดนผมแกล้ง มันก็ไม่เห็นจะทำท่าชอบใจสักนิด มีแต่ผมนี่แหละที่หยอกไปหยอกมาเป็นหมาหยอกไก่ มันก็น่าจะรู้ไง แล้วจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรถ้าผมจะไปเต๊าะคนอื่นด้วย

หรือว่า... ผมจะไปเต๊าะมันจนมันหวั่นไหวเข้าให้แล้ว? ถ้าเป็นแบบนี้นี่งานงอกเลยนะเว้ย ดูท่าทางไอ้เด็กนี่จะจริงจังซะด้วย มารู้ว่าผมเต๊าะมันเล่นๆ นี่ซวยหนักแน่

“น้องธาร...” ผมตั้งท่าจะถามเลยว่าอะไรยังไง กะจะเอาให้เคลียร์ไปเลย ถ้ามันหวั่นไหวจริง ผมจะได้รีบถอนตัว

แต่แค่อ้าปากเรียกชื่อมันเท่านั้น มันก็ใช้มือข้างที่ยังว่างอยู่มาบีบใต้คางผมให้เชิดขึ้นสบตา หน้าตามันตอนนี้ดูโคตรจะหาเรื่องเลย แถมยังว่าเสียงแข็งออกมาอีก

“พี่น่ะ...อยากได้อยากโดนมากใช่มั้ย” พูดไปก็ทำหน้าน่ากลัวไปด้วย ผมนี่เสียวสันหลังวาบเลย
มะ...ไม่อยากได้แล้วจ้า ปล่อยกูไปเถอะ

แทบจะกราบกรานมันแล้วตอนนี้ อารมณ์สนุกตอนแรกหายมลายสิ้นราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้มีแต่ความกลัวว่ามันจะบีบคอผมแรงกว่านี้แล้วเอาหัวโขกกำแพงตายชะมัด

แต่เปล่า... มันไม่ได้ทำ มันจ้องหน้าผมนิ่ง เม้มปากแน่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ว่าออกมา
“ได้ จัดให้”
แค่นั้นแหละ มันก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาเลย ใจผมคือคิดว่ามันต้องจูบแน่ ทว่าไม่ได้จูบ ซุกหน้าลงซอกคอแทน ก่อนผมจะสัมผัสได้ถึงแรงดูดแรงๆ บนผิวเนื้อก่อนที่จะได้ถามว่ามันคิดจะทำอะไร

สัมผัสคุ้นเคยทำให้ผมรู้ทันทีว่าสิ่งที่ธารทำอยู่ก็คือ...คะ...คิสมาร์ก! คิสมาร์กแน่นอน ไม่ผิดแน่!

ฟะ...ฟิฟตี้เฉด ออฟ น้องธาร อูย...เชิญธารลงทัณฑ์บัญชา จนสมอุรา จนสาแก่ใจ...

เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ความจริงผมต้องตกใจหรือเปล่าวะ ปกติมันหนีตลอด จู่ๆ วันนี้มันบุกเองนี่มหันตภัยแล้ว

“ดะ...เดี๋ยวก่อนนะน้องธาร...”
ผมพยายามจะดันมันออก แต่แค่ยกมือขึ้นวางบนหน้าอกมันเท่านั้น มันก็ผลักผมจนหลังกระแทกกำแพงเต็มแรง ริมฝีปากหนาที่ประทับบนลำคอผมก็ออกแรงดูดมากขึ้นไปอีก ชักจะรู้สึกได้ถึงแรงขบกัดแล้วด้วย

โอ้โห คิสมาร์กมาเต็ม ดูดแรงซะจนรู้สึกเลยว่าอีกไม่นาน เนื้อผมจะต้องหลุดติดปากมันไปแน่ๆ แถมมือก็ยังบีบใต้คางผมอยู่ด้วย ชักจะหายใจไม่ถนัดละ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ จากที่ฟินจะกลายเป็นสิ้นลมแน่นอน ผมเลยยกมือขึ้นดันหน้าอกมันเป็นเชิงให้ถอยออกไปอีกครั้ง

“นะ...น้องธาร ถอยไปก่อนนะ พี่เหนือหายใจไม่ออก”
แล้วออกมั้ย... ไม่ ดูดแรงกว่าเดิมอีก มือที่บีบใต้คางผมอยู่ก็ออกแรงมากขึ้น... แรงจนผมต้องเบ้หน้าเพราะชักจะเจ็บมากซะแล้ว เจ็บทั้งบริเวณที่ถูกทำคิสมาร์ก เจ็บทั้งใต้คางที่กำลังถูกบีบอยู่

“น้องธาร... พี่เหนือเจ็บ...”
เจ็บจริงๆ ไม่ได้สำออย แต่ธารก็ไม่ยอมปล่อยจนผมต้องเป็นฝ่ายดิ้นหนีทว่าก็สู้แรงมันไม่ได้ โดนมันจับล็อคแล้วดันเข้าชิดกับกำแพงอีก

เอ่อ...อย่าเรียกว่าดันเลย เรียกว่าจับกระแทกดีกว่า แรงมันจะเยอะไปไหน! เห็นตัวใหญ่กว่ากันนิดเดียว ใครจะไปคิดวะว่าแรงจะเยอะขนาดนี้ นี่สูงกว่าผมไม่เกินสิบเซ็นต์เองนะเนี่ย

“น้อง...น้องธาร...” ผมพยายามเรียกสติมันอีก แต่ก็ไร้ผลเลยตัดสินใจยืนนิ่งๆ ให้มันกระทำจนพอใจแทน
ขัดขืนไปก็เหนื่อยเปล่า งั้นก็เอาที่น้องธารสบายใจแล้วกัน

ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าธารจะผละออกมา แถมตอนผละก็ไม่ได้ถอยห่างเฉยๆ คือสะบัดน่ะ สะบัดผมทิ้งอย่างกับหมาสลัดหมัดก็ไม่ปาน ผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซเกือบล้ม ดีที่มีกำแพงรองรับอยู่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็หงายหลังแน่นอน

“ทำอะไรเนี่ย” ตั้งหลักได้ ผมก็ยกมือขึ้นประคบบริเวณที่ถูกดูดดึงเมื่อครู่เบาๆ รู้สึกว่าผิวเนื้อที่ถูกดูดเมื่อครู่จะบวมขึ้นมาหน่อยๆ ด้วย

ทว่าธารไม่ตอบ มองผมอย่างเหยียดๆ แล้วว่าเย้ย
“คนอย่างพี่น่ะ ไม่เหมาะกับพี่ดื้อหรอก”
“หือ?”
“พี่ดื้อเค้าไม่เคยจีบใครเล่นๆ จริงจังคือจริงจัง ขอร้องเลย อย่ามาทำให้พี่ดื้อเจ็บ ไม่งั้นผมไม่ไว้หน้าพี่แน่”

ตอนนี้ผมเข้าใจละว่าที่มันโกรธ ไม่ใช่เพราะมันหึงหรือหวงอะไรผมที่พี่จอมดื้อมาจีบ แต่มันไม่พอใจที่พี่จอมดื้อมาจีบคนอย่างผม ดูท่าแล้วมันน่าจะรู้ไปถึงตับไตไส้พุงแล้วล่ะว่าผมเป็นคนยังไง มารู้ชัดเจนเอาก็ตอนที่เห็นผมมากระหนุงกระหนิงกับพี่จอมดื้อหลังจากบอกชอบมันนี่แหละ ผมก็ลืมไปสนิทเลยแฮะว่าจอมแก่นบอกว่าไอ้เด็กนี่กับพี่จอมดื้อสนิทกัน มันจะโกรธก็ไม่แปลก แต่ผมนี่...ซวยแล้วสิ

“แล้วพี่ก็ไปแก้ตัวกับพี่ดื้อเองแล้วกันว่าโดนอะไรมา ถ้าบอกว่าเป็นฝีมือผมล่ะก็ ระวังตัวไว้ได้เลย อยู่พิษ’โลกไม่เป็นสุขแน่ อีกอย่าง เลิกยุ่งกับผมด้วย ผมไม่ชอบให้คนอย่างพี่มาถูกเนื้อต้องตัว เข้าใจนะ” พูดขึ้นอีกครั้งแค่นั้น แล้วก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ผมมองตามอย่างตระหนก

มาดูดคอกูอย่างนี้ พี่จอมดื้อก็ได้คิดว่ากูไปกินจานด่วนกับใครตอนพี่แกเผลอมาน่ะสิ!

พอมันเดินไป ผมก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ดูร่องรอยที่มันทิ้งไว้แล้วก็เบิกตาโต
โอ้โห ดูดกูขนาดนี้นี่ มึงดูดหัวกูไปเลยก็ได้นะ นี่รอยคิสมาร์กหรืออะไร ทำไมมันช้ำเลือดช้ำหนองอย่างนี้!

ธารคงจะตั้งใจให้พี่จอมดื้อเข้าใจว่าผมเป็นคนไม่ดีแล้วก็เลิกยุ่งกับผมน่ะ แผนแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้ แล้วคิดเหรอว่าพี่จอมดื้อจะไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไง แค่วันที่ผมเทกระจาดอ้อยใส่ พี่แกก็น่าจะเดาออกแล้วแต่ยังเดินหน้าจีบผม แสดงว่าไม่แคร์เรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน

กระนั้นผมก็ไม่มีหน้าเดินไปหาพี่แกแล้วทำเป็นลอยหน้าลอยตาบอกว่า ‘อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่รอยคิสมาร์ก ขายอ้อยและต้อยติ่งเหนือต่อเถอะ’ หรอก เป็นอย่างนี้แล้ว ชิ่งกลับเลยดีกว่า

ชิ่งกลับจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น ออกจากห้องน้ำมาได้ก็วิ่งพรวดพราดออกมาจากร้านท่ามกลางความแปลกใจของพวกจอมแก่นที่ร้องถามผมว่าจะไปไหน แม้แต่พี่จอมดื้อเองก็ร้องเรียกผมเหมือนกัน จะมีก็แต่ธารเท่านั้นที่นั่งดื่มเบียร์ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปปลุกปล้ำมันชะมัด

ไม่สิ... ต้องกระโดดถีบสินะ แต่เอาเถอะ ผมไม่อยู่แล้วล่ะ งานนี้ต้องกลับลูกเดียว

หนีหน้าไปพักนึงก่อนจนกว่ารอยนี่จะหายไปแล้วกัน ส่วนไอ้เด็กธาร...

มาทำให้อยากแล้วจากไป ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ได้ทีจะตอดให้ร้องขอชีวิตเลย!
---------------------------------------
มาดึกนิดนึงนะคะ วันนี้ฝึกงานเหนื่อยมาก กลับมาได้ก็เผลอหลับยาวเลย ตอนแรกกะว่าจะมาไม่เกินสี่ทุ่ม ฮาา
ตอนนี้บอกเลยว่าสปอยล์ดับฝัน อย่าไปหวังอะไรกับเมะอย่างน้องธาร บอกแล้วว่าน้องใสๆ ส่วนนังพี่เหนือ...ไสยๆ ตามเดิม กร๊ากกก
มีคนถามว่ามีอิมเมจสามพี่น้องจอมมั้ย หนูแดงแปะให้แล้วกันค่ะ แปะรูปไม่เป็น เอาลิงค์ไปแทนแล้วกันเนอะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/950705528318634/?type=3&theater

พี่ดื้อแซ้บแซ่บ หูยยย... ฟินปังๆ น้ำลายไหล 555

ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าสามพี่น้องนี้ หนูแดงไม่เขียนเรื่องออกมาต่อนะคะ ไม่อิน จะเขียนแต่เรื่องของพี่ดื้อเท่านั้น วางพล็อตคร่าวๆ ไว้แล้ว มีชื่อเรื่อง มีนายเอกแล้ว ชื่อเรื่อง #สะบายดีจอมดื้อ นายเอกของพี่ดื้อเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ลาว ชื่อ ปั้นรัก เหตุการณ์เกิดขึ้นในลาว โทนเรื่องเป็น Comedy-Feel good เช่นเคยค่ะ ไว้เขียนพี่เหนือกับน้องธารจบก่อนนะ แล้วจะเริ่มเขียนเน้อ

ปล. ฝากส่งฟีดแบ็กกันหน่อยน้าตัวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้เก๊าเอาตัวอย่างตอนใหม่มาแปะให้นะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-02-2016 02:34:59
อีพี่เหนือสมควรโดนน้องธารด่าแล้วละ.  เมื่อไหร่อีพี่เหนือจะรักใครจริงๆซะที. แร่ดร่านเป็นกะ....  แบบนี้ ไม่เหมาะสมกะน้องธารเลยอะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 29-02-2016 07:15:34
ฮากับอิเหนือ  :jul3: สกิลอ้อยแกนี่มัน.. ไฮเลเวลจริงๆ น้องธารเป็นคนจริงจังนะรู้ยัง มาอ้อยแก้ขัดแบบนี้ จะกลับกรุงเทพไม่ครบ 32 นะเหนือ 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-02-2016 08:11:26
ฟินเลยสิเจ้เหนือ~
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-02-2016 09:15:14
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 29-02-2016 10:36:33
โอยยยย ขรำแรงงงงงงงง อิพี่เหนือ ทำไมแรดขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะแรดเยี่ยงนี้ โอยยยยย เดะเจอหลุมรักน้องธารเข้าไป จะไม่อยากกลับ กทม นะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 29-02-2016 10:56:49
ไม่ชอบอิเหนือเลยยยยยย ถึงจะตลกแต่ไม่จริงใจอะ ดูอยากได้ผู้ไปหมด เราไม่ได้โลกสวยว่านายเอกต้องบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวนะแต่อิเหนือมันเกินไป ดูง่ายกับทุกคนที่จะเข้าหาหรือพอว่างก็เข้าหาเอง555 อินไปนิดเพราะเราชอบน้องธารมาก ธารดูมีสมองและเท่จริงๆ อิอิ  อยากให้ธารรักจอมแก่นหรือโรมอะ  เหนือควรกลับไม่มั่วที่กรุงเทพดีกว่ามาทำให้เด็กดีแบบธารเสียใจ กับการเต๊าะเล่นๆแบบเหนือ  :katai3: :z6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 29-02-2016 11:14:21
สรุปพี่เหนืออดเหมือนเดิมมมมมมมมมมมม  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 29-02-2016 13:08:23
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: เสียดายธารใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 29-02-2016 13:13:21
เอิ้กกก...มั่วจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 29-02-2016 17:41:39
ตัวอย่าง ชั่งใจ ครั้งที่ 11 นะคะ
ใครอยากโดนสปอยล์ก็ตามไปที่ลิงค์นี้เน้อ https://www.facebook.com/NooDangzzz/posts/951305031592017
ส่วนตอนเต็มๆ อีกหลายวันกว่าจะมาค่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 29-02-2016 18:24:52
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 29-02-2016 18:49:17
ยิ่งอ่านยิ่งมัน มาต่อเร็วๆ นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 29-02-2016 19:12:50
น้องธาร แสดงท่าทาง รังเกียจซะ ชัดเจน
พี่เหนือ ก็ยังทนและพยายามได้เนอะ คนอะไรจะทนขนาดนี้

ปล.เป็นกำลังใจให้คนแต่งและรอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-02-2016 20:24:04
น้องธารใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหวั่นไหวนะลูก
คือไม่อยากให้น้องธารกลับมาโหดแบบเดิมอีกอ่ะ เค้าไม่ชอบบบบ (T_T)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-02-2016 21:18:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-02-2016 21:21:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-02-2016 22:39:47
เหนือจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-02-2016 23:14:50
มารอจ้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 01-03-2016 00:00:01
จริง เห็นด้วยกับน้องธาร
พี่ดื้อเป็นคนเดียวที่ไม่ควรเสียจายยยย

ส่วนพี่เหนือจงเป็นนางเอกจำเลยรักน้องธารต่อไปค่ะ
เอสเอ็มดี เราชอบ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-03-2016 11:02:46
น่ารักเชียว ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-03-2016 12:20:28
ทำไมเหตุการณ์เป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 01-03-2016 17:04:47
รอเรื่องนี้ อย่างใจจด ใจจ่อเลย

 :hao6: กินเด็กให้ได้นะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 01-03-2016 19:37:27
มาต่อเร็วๆเน้อ  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 01-03-2016 21:30:36
พี่เหนืออย่ายอมแพ้ค่ะ
ทีมพี่เหนือ  :hao7:

อย่าไปแคร์ แรดให้สุดๆเลยค่าาา  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 01-03-2016 22:01:03
เป็นไงบ้างค่ะพี่เหนือ อยากได้อยากโดนของพี่
โดนดูดอย่างเดียวไม่ว่า โดนด่ามาด้วยยย โอ้ยย อยากอ่านต่อ ><
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 01-03-2016 23:47:49
เอ้า...ตอนอ่านตัวอย่างกับอ่านเต็มตอนนี่อารมณ์คนละเรื่องเลย 555+
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 02-03-2016 01:10:37
 o13 ชอบนะว่ากันจริงนี้แต่ได้ดู real มากๆ น่ะนิสัยนายเอกเนีย เกย์เป็นแบบนี้เยอะจริงๆ แต่ไม่ชอบน่ะนี้รอลุ้นให้เปลี่ยนนิสัยเลยจริง และดีใจที่คนมีรักจริงอย่าดื้อ ได้มีตัวจริงที่รักจริงในอีกเรื่อง ไหนๆชีวิตจริงมันหายาก ก็ต้องอาศัยได้แค่อ่านนิยาย เพื่อเจอคนดีๆบ้าง แล้วคนดีๆมีรักจริงตอบแทนความดีนี้ปลื้มชอบ เป็นกำลังใจน่ะชอบๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-03-2016 14:02:55
ชอบนายเอกที่ตลกนะ แรดบ้างไรบ้าง แต่ไม่เอาร่านได้ไหมอ่ะ สงสารพระเอก มันดูไม่คู่ควรกันยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 02-03-2016 21:44:56
ชั่งใจ ครั้งที่ 11: พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ[1]

หลังจากคืนนั้น ผมก็ไม่ไปเจอหน้าพี่จอมดื้ออีกเลย ที่ไม่ยอมไปเจอก็เพราะกลัวว่าจะเห็นรอยคิสมาร์กบนต้นคอนี่แหละ พี่จอมดื้อก็โทรมาถามตามประสาว่าเขาทำอะไรให้ผมไม่พอใจหรือเปล่า ผมถึงได้วิ่งทะเล่อทะล่าออกจากร้านมาอย่างนั้น ผมได้แต่ตอบปฏิเสธไปแบบโง่ๆ ว่านึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนต้องทำ แต่ไม่ได้บอกว่าธุระอะไร

ก็แหม มันคิดไม่ออกน่ะ จะบอกว่าไม่สบายกะทันหันหรือท้องเสียอะไรเทือกนี้ก็ไม่เมคเซ้นส์ พูดรวมๆ ไปแล้วกัน

ดีที่พี่จอมดื้อไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ นอกจากขอเจอผมอีกครั้ง จะให้มาหาที่หอก็ได้ แต่สุดท้ายผมก็ปฏิเสธ อ้างว่ายุ่งไปเรื่อย ก็อย่างที่บอก ต้นคอยังมีรอยคิสมาร์กอยู่ จะให้ไปเจอหน้าได้ยังไง ไปเจอในสภาพนี้มีหวังพี่จอมดื้อได้เทผมทิ้งแน่ ขนาดไปฝึกงานยังต้องหาแผ่นแปะบรรเทาปวดมาแปะไว้เลย แปะปิดรอยน่ะ ใครถามก็บอกว่านอนตกหมอนแล้วปวดคอ ทั้งที่จริงไม่ได้ปวดอะไรหรอก เดี๋ยวโดนพวกเด็กเวรเห็นก็ได้เป็นเรื่องกันพอดี ส่วนเรื่องเจอพี่จอมดื้อนี่ ไว้รอยมันหายไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน

แต่ถึงพี่จอมดื้อจะไม่เทผมทิ้ง ผมก็ต้องเป็นฝ่ายเทพี่จอมดื้อทิ้งทั้งที่ไม่ได้อยากจะเท ต้นเหตุมันก็มาจากไอ้เด็กธารเจ้าเดิม ตอนแรกที่มันบอกให้ผมเลิกยุ่งกับพี่จอมดื้อถ้าไม่จริงใจ ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเลิกยุ่งจริงๆ หรอก ยังกะว่าเผื่อได้เผื่อโดนเอาสนุกเหมือนกัน แต่ธารใจมันไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น ขู่ไม่พอ ลงไม้ลงมือกับรถผมด้วย การกลั่นแกล้งหวนคืนกลับมา แถมรอบนี้ไม่ได้เบาะๆ อย่างที่มันเคยทำ ทำใหญ่โตมาก ถึงขนาดพ่นสี...

ฟังไม่ผิด พ่นสีใส่ฝากระโปรงรถผมเลย ไม่ได้พ่นแบบมีศิลปะแบบกราฟฟิตี้อะไรด้วยนะ พ่นภาษาไทยนี่แหละ พ่นด้วยสีชมพูด้วยคำว่า...ออโรรา

ออโรราบ้านมึง! ไหนห้ามคนอื่นเรียกกูว่าออโรร่าไง แล้วไหงมึงถึงทำซะเองวะ!

แล้วผมก็ต้องแวะเข้าอู่จนกลายเป็นลูกค้าประจำอย่างเคย ที่สำคัญคือไม่ได้แกล้งแค่ประทุษร้ายรถอย่างเดียว เมื่อเช้านี้ก็เอาถุงหูหิ้วพลาสติกที่มีแมลงสาบเป็นๆ กว่าสิบชีวิตมาแขวนไว้หน้าห้องผมด้วย

โอย... ยอมแล้วจ้า กูไม่ยุ่งกับพี่จอมดื้อสุดฮ็อตอะไรนี่ก็ได้ เท...เทอย่างเดียว!

จากนั้นผมก็ตีตัวออกห่างพี่จอมดื้อเลย ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ กะหายไปเงียบๆ อะไรแบบนี้ ถ้าคุยล่ะก็ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมอดใจไม่ได้ อ่อยพี่แกอีก และแน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกธารว่าผมเลิกยุ่งกับพี่จอมดื้อแล้วเหมือนกัน แต่เด็กนั่นเชื่อมั้ยล่ะ... ไม่ ส่วนปฏิบัติการกลั่นแกล้งผมก็ดำเนินต่อไปเหมือนเคย

ปวดหัวชะมัด เด็กนี่สุดท้ายก็เป็นเหมือนอย่างตอนแรก หาความน่ารักไม่เจอจนได้

ตอนนี้เลยไม่ใช่แค่เลิกยุ่งกับพี่จอมดื้อเท่านั้น ผมก็เลิกยุ่งกับธารด้วย ถ้าไม่มีธุระก็ไม่คุยเลย เรื่องการโดนแกล้งนั่น ผมก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยไม่มีหลักฐาน และก็กลายเป็นว่าตอนนี้ไอ้พวกเด็กในแผนกที่เลิกเรียกผมว่าออโรราก็กลับมาเรียกอีกแล้ว เดาว่าไอ้เด็กธารคงจะไปยกเลิกคำสั่งกันแบบลับๆ โดยที่ผมไม่รู้แล้วล่ะ แล้วผมทำอะไรได้ล่ะ ก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมไป โทรไปเล่าให้พวกยีนส์กับกั้งฟัง ยังโดนสองคนนั้นซ้ำเติมด้วยการพูดมาประโยคเดียวว่า ‘สมน้ำหน้า แรดดีนัก โดนซะบ้าง!’ ไม่ได้ช่วยหาทางออกเลยสักนิด

เพื่อนเวร... ตอนฝึกงานเสร็จจะให้พวกมันนั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ กันเอง ไม่ไปรับแม่งแล้ว!

จนถึงวันนี้ก็โดนแกล้งผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว บอกเลยว่าทำเอากำลังใจในการไปฝึกงานเอามากๆ ตื่นเช้าขึ้นมานี่ไม่อยากจะลุกจากเตียงเลย

ทำไมเวลาผ่านไปช้าจังนะ...

ถึงไม่อยากไปก็ต้องไป ปลอบใจตัวเองว่าจะหมดเดือนแรกแล้ว อีกเดือนเดียวก็จะฝึกเสร็จแล้วเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้ หากแต่เดินมาถึงประตูก็ต้องชะงัก ในหัวคิดวุ่นเป็นพัลวัน

เอ...วันนี้ไอ้เด็กเวรนั่นเอาอะไรมาแขวนไว้หน้าห้องผมอีกหรือเปล่าหว่า? ถ้าเปิดมาเจอถุงใส่แมลงสาบห้อยไว้อีกนี่ สาบานเลยว่าผมจะกลับกรุงเทพฯ วันนี้เลย ไม่ฝึกมันละงานเนี่ย

ผมค่อยๆ แง้มประตูออกไปมอง ทว่าในจังหวะที่ผมสอดส่ายสายตาเช็คดูว่ามีอะไรแปลกปลอมมาแขวนอยู่มั้ย สายตาก็เหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์สามคนยืนอยู่หน้าห้องข้างๆ คนหนึ่งใส่ชุดสูทเต็มยศ อีกสองคนแต่งตัวคล้ายพวกทวงหนี้ ตัวก็ใหญ่ด้วยเถอะ
ระ...หรือว่าไอ้เด็กนั่นมันไปติดหนี้ปล่อยกู้รายวันแล้วเค้ามาทวงถึงที่วะ?

คิดยังไม่ทันจบเลย ผู้ชายคนใส่สูทก็โพล่งขึ้นมาก่อน เรียกความสนใจของผมให้จับจ้องไปอีกครั้ง
“แต่คุณพ่อของคุณหนูสั่งมานะครับ”
“บอกว่าไม่ไปไงโว้ย! ฟังไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!” ตามมาด้วยเสียงของธารที่ดังออกมาจากในห้อง
“งั้นก็ช่วยไม่ได้” ชายใส่สูทพึมพำ ส่ายหน้าแล้วหันไปมองชายอีกสองคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
จังหวะนี้เองที่ผมเห็นใบหน้าของคนใส่สูทชัดเจน

นั่นมันเลขาของพ่อไอ้เด็กธารใจนี่หว่า!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ออกไปเลย ชายฉกรรจ์สองคนนั่นก็หยิบเครื่องมือช่างที่อยู่ในกล่องบนพื้นออกมาจัดการตอกลูกบิดประตูห้องกันทันใด เสียงตอกดังขึ้นปุ๊บ เสียงของธารก็ดังมาปั๊บ

“ถ้าเข้ามาล่ะก็ จะกระโดดจากระเบียงลงไปเลย!”

ผมได้ยินแล้วก็ใจหายวูบ รู้แหละว่ามันเป็นคำขู่เพื่อไม่ให้คนข้างนอกเข้ามา ถ้าเป็นคนอื่นพูด ผมก็คงจะไม่ใจหาย แต่นี่ไอ้เด็กธารไง คนอย่างมันดูท่าจะไม่ได้พูดเล่นอยู่แล้วด้วย ก็ไม่เคยเห็นมันพูดเล่นอะไรกับใครที่ไหนเลยนี่ กับเพื่อนสนิท มันยังไม่พูดเล่นเลย

เท่านั้นผมก็รีบโผล่หน้าออกไปก่อนที่คนพวกนั้นจะพังประตูแล้วธารจะกระโดดจากระเบียงลงไปจริงๆ ก่อนจะร้องทัก
“สวัสดีครับคุณเลขา มาทำอะไรกันตั้งแต่เช้าเลยครับเนี่ย”
เลขาพ่อของธารชะงัก ชายฉกรรจ์สองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาตอกลูกบิดอยู่ก็ชะงัก หันมามองผมที่ส่งยิ้มให้อย่างแปลกใจ ก่อนคุณเลขาจะนึกขึ้นได้ว่าผมเป็นใคร
“อ้อ อาจารย์เหนือนี่เอง อยู่ห้องข้างๆ เหรอครับ”
ผมพยักหน้า ชะโงกหน้าไปมองยังประตูแล้วก็ถามอีกครั้ง
“แล้วนี่...ตกลงทำอะไรกันเหรอครับ”
“นี่เหรอครับ ก็ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่มาตามคุณหนูกลับบ้านตามคำสั่งของคุณธีน่ะครับ”
ผมเดาเอาเองว่าคุณธีอะไรนี่น่าจะเป็นพ่อของธาร ก่อนคำถามใหม่จะผุดพรายขึ้นมาในหัว
“ไอ้เด็ก... เอ้อ ธารใจไปก่อเรื่องอะไรมาหรือเปล่าครับ คุณพ่อเลยให้คุณเลขามาตามกลับบ้านแบบนี้” เกือบจะหลุดเรียกมันว่า ‘ไอ้เด็กเวร’ ออกไปแล้ว ดีนะที่กลับลำได้ซะก่อน
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณธีก็ให้มาตามแบบนี้บ่อยๆ แต่ปกติมาแล้วไม่เคยเจออยู่ห้องน่ะ รอบนี้ก็เลยมากันแต่เช้า”

ผมร้องอ๋อขึ้นมา ในใจก็สงสัยเข้าไปใหญ่ว่าทำไมเด็กนี่จะต้องต่อต้านการอยู่บ้านถึงขนาดนี้ด้วย ครั้งก่อนก็เห็นกลับไปนอนบ้านตอนที่มันเข้าห้องตัวเองไม่ได้แล้วนี่นา ตกลงมีปัญหาอะไรกับที่บ้านกันแน่นะ
ผมเกือบจะออกปากถามคุณเลขาอยู่แล้ว ถ้าหากว่าประตูที่ถูกตอกลูกบิดไม่ทำท่าจะถูกเปิดออกจนคนข้างในตะโกนออกมา
“บอกแล้วไงว่าให้ไสหัวกลับไป! ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือนนะเว้ย! ถ้าจะให้กลับบ้าน ก็เอาศพไปได้เลย!”
ฟังแล้วผมก็ใจหายหนักกว่าเก่า ไอ้ที่จะถามเมื่อกี้ลืมสิ้นไปทันใด ขณะที่คุณเลขาพ่นลมหายใจแล้วพูดขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณหนูไม่ทำจริงๆ หรอก รายนี้ขู่แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว”

คือก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเด็กนี่มันขู่อะไรไว้บ้าง แต่สัญชาตญาณมันบอกผมว่าครั้งนี้มันทำจริงแน่ถ้าไม่หยุด ผมก็เลยหมุนตัวกลับเข้าห้อง ก้าวเร็วๆ ไปยังระเบียง พอชะโงกหน้าออกไป ก็เห็นไอ้เด็กข้างห้องมันเปิดประตูระเบียงออกมาเหมือนกัน และเดินตรงมาจับขอบกำแพงระเบียงไว้ ขาข้างหนึ่งปีนขึ้นไปเรียบร้อย เท่านั้นผมก็ร้องลั่นทันที

“เฮ้ยๆ ไอ้น้องธาร อย่าโดดนะเว้ย!” ผมรีบร้องห้ามก่อนที่มันจะปีนขึ้นไป
นะ...ไหนบอกว่ามันไม่ทำจริงไงวะ! เอาขาพาดระเบียงแบบนี้ก็แสดงว่ามันเอาจริงแล้วเว้ย!

ธารหันหน้ามามองผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ผมไม่รอให้มันได้พูดอะไรก็สวนขึ้นซะก่อน

“อย่าโดดนะ เดี๋ยวพี่เหนือไปบอกคนพวกนั้นให้กลับไปก่อนโอเคมั้ย น้องธารรอแป๊บนึง เดี๋ยวพี่เหนือมา ลงมาก่อนๆ!”

มันก็ยังไม่ยอมลง ดีที่ระเบียงห้องติดกันชนิดปีนข้ามหากันได้ ผมเลยคว้าไม้แขวนที่แขวนอยู่บนราวตากผ้าไปตีขามันรัวๆ
“บอกให้ลงมาก่อนไง เดี๋ยวพี่เหนือไปไล่ให้ พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!” ผมว่ารนๆ ใจที่เต้นตึกตักเลย ใจนี่กลัวว่ามันจะโดดจริงๆ ชะมัด จากชั้นสามนี่ ถ้าโดดลงไป ดูยังไงก็พิการแน่นอน ไม่พิการก็ตายถ้าเอาหัวโหม่ง

แต่มึงจะต้องไม่มาพิการหรือตายข้างห้องกูเว้ย! กูยังต้องอยู่ต่ออีกเดือนนึงนะ!

ดีที่ธารใจมันฟัง ยกขาลงมาวางบนพื้นแต่โดยดี ผมเลยหายใจโล่งอกขึ้นมาได้บ้าง

“ระ...รอก่อนนะ เข้าไปรอให้ห้อง โอเค้?” ผมว่าเสียงสั่น

ธารเม้มปากแล้วยอมหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี เท่านั้นผมก็รีบวิ่งกลับเข้ามาในห้องบ้างแล้วพุ่งไปหาคุณเลขาทันใด

“คะ...คุณเลขาครับ ผมว่าวันนี้คุณกลับไปก่อนดีกว่า”
พอผมพูดอย่างนี้ คุณเลขาก็มองหน้าผมอย่างงุนงงทันใด

“ทำไมล่ะครับ”
“ผมว่าการที่คุณมากดดันธารใจแบบนี้ มันไม่เป็นผลดีเลยนะครับ ถ้าอยากให้ธารใจกลับบ้าน ทำไมไม่รอให้เขาอยากกลับเองล่ะ มาบังคับแบบนี้มันกดดันเกินไป จะยิ่งทำให้เด็กยิ่งหนีนะครับ” ผมให้เหตุผลไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าด้วยอารามตกใจ ผมจะกลายเป็นคนไหวพริบดีขนาดนี้
“แต่คุณธีสั่งผมมา และถ้าไม่ทำแบบนี้ คุณหนูก็ไม่กลับหรอกครับอาจารย์”
“ถ้าคุณเปิดห้องได้ แล้วยังไงต่อล่ะ จะลากธารใจไปเหรอ”
“ก็คงต้องอย่างนั้นแหละครับ”

คุณเลขาพูดมาอย่างนี้ ผมก็ถอนหายใจเต็มแรงเลย ก่อนจะว่าขึ้นมาอีก
“แล้วคุณคิดว่าพากลับไปในสภาพที่เด็กไม่ยินยอมมันจะเป็นผลดีหรือผลเสียกันล่ะ ผมว่าจะทำให้ธารใจเกลียดการกลับบ้านยิ่งกว่าเดิมเอานะครับ”
ตอนนี้เหมือนคุณเลขาจะฟัง มองหน้าผมแล้วหันไปส่งสัญญาณให้ชายฉกรรจ์สองคนหยุดตอกประตู หันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง
“ถ้าผมไม่พาคุณหนูกลับไปวันนี้ อาจารย์มีวิธีอะไรดีๆ ให้คุณหนูยอมกลับบ้านมั้ยล่ะครับ”
“เอ่อ...คือ...”

เอาล่ะกู งานงอกละ ไม่ได้คิดไว้ซะด้วย

ยืนคิดไปแป๊บนึงก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองมีสถานะอะไร เลยว่าขึ้นมาใหม่

“เอางี้ ผมว่าปล่อยให้ธารใจอยู่แบบนี้ไปก่อน ไว้ถ้าเขาอยากกลับแล้วค่อยให้กลับ กลับไปแบบเต็มใจกลับเองยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว ส่วนเรื่องอยู่หอ ความจริงก็ไม่ได้มีเสียหาย ผมเองก็อยู่ห้องข้างๆ ยังไงก็ดูแลได้ รับรองว่าไม่ทำให้คุณหนูของคุณเลขาออกนอกลู่นอกทางแน่ อยู่ข้างห้องอาจารย์ยังไงก็หายห่วงครับ” ทำท่าทางมั่นใจใส่ไปด้วย

คุณเลขาเงียบคิดไปนิดหนึ่งก่อนจะตกลง

“งั้นผมคงต้องไปคุยกับคุณธีอีกที รายนั้นก็ใจร้อน อยากให้ลูกชายกลับไปอยู่บ้านจะแย่อยู่แล้ว”

ผมยิ้มรับทันใด โล่งใจอย่างถึงที่สุดที่คุณเลขาช่างคุยง่ายเหลือเกิน ขณะเดียวกันผมก็เริ่มสงสัยขึ้นมาอีกแล้วว่าที่บ้านเด็กนั่นมีอะไรกันแน่ ทำไมถึงไม่อยากกลับนัก ทว่าคุณเลขาก็ตัดบทเสียก่อน

“ผมขอฝากคุณหนูให้อาจารย์ช่วยดูแลด้วยนะครับ วันนี้ผมจะกลับก่อน”
ผมรับปากแล้วบอกลา ไม่นาน ชายสามคนนั่นก็หายออกจากบริเวณหน้าห้องไป พอเสียงฝีเท้าเงียบลง ธารก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“ไสหัวกันไปหมดแล้วใช่มั้ย”
“อือ” ผมขานรับ
“วุ่นวายชะมัดเลยไอ้พวกบ้านี่ บอกแล้วไงว่าไม่กลับๆ แม่ง ตามอยู่ได้” ธารยกมือขึ้นยีผมตัวเองรัวๆ ท่าทางหัวเสียสุดๆ เห็นอย่างนั้นแล้ว ผมก็อดถามไม่ได้
“พี่เหนือถามได้มั้ยว่าทำไมน้องธารถึงไม่อยากกลับบ้าน เห็นคุณเลขาบอกว่ามาตามหลายรอบแล้วนี่ ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

แต่คิดว่าธารมันจะบอกมั้ยล่ะ มองผมตาขวางแล้วว่าเสียงแข็งใส่
“ไม่ใช่เรื่องของพี่ แล้วมายืนถามอะไรไร้สาระอยู่ได้ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ไสหัวไปวิทยาลัยซะที” แล้วมันก็ปิดประตูดังปัง เดินอาดๆ หนีผมลงไปข้างล่างหน้าตาเฉย

ไอ้เด็กเวรนี่... ไม่บอกก็ไม่ว่า แต่ขอบคุณที่ช่วยมันเมื่อกี้สักคำก็ไม่มี รู้งี้ปล่อยให้โดดตึกตายไปซะก็ดี ไม่น่าคุณธรรมกับจรรยาบรรณความเป็นอาจารย์สูงเลยกู ถึงจะแวบเดียวก็เถอะ

ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรก็ช่างแม่งแล้ว!
 


แม้จะคิดว่าช่างหัวมัน แต่เอาเข้าจริง ผมก็สลัดความอยากรู้เรื่องปัญหาที่บ้านเด็กนั่นไม่ได้เลยสักนิด

อยากรู้อะ...อยากรู้! โคตรอยากรู้เลย!

เกือบจะโทรไปหาพ่อของเด็กนั่นแล้วถามให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้ว แต่ทางนั้นก็โทรมาหาผมก่อน โทรเข้ามาหาพี่สมร แล้วพี่สมรส่งสายต่อมาให้ผมน่ะ

เรื่องที่คุยกันก็ไม่มีอะไร แค่มาถามเหตุผลที่ผมขอให้คุณเลขากลับไปเมื่อเช้านี้ ผมเลยต้องอธิบายอีกครั้ง แล้วคุณธีก็ขอฝากฝังลูกชายไว้กับผม

เหอะ... ไม่อยากจะบอกเลยว่าลูกชายแม่งน่ารับฝากมาก แกล้งกูทุกวัน เดี๋ยวก็เรียกค่าดูแลบวกค่าซ่อมรถซะเลย!

เอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้าเรียกค่าเสียหายหรอก แต่ดูเหมือนคุณธีจะรู้อยู่แล้วจากการรายงานของพี่สมร เลยเป็นฝ่ายออกปากก่อนว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งที่ผ่านมาและถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ผมเลยเบาใจไปอีกเรื่องว่าจะมีเงินใช้อย่างพอเพียงสักที ไม่งั้นก็ต้องเจียดไปจ่ายค่าซ่อมรถอยู่นั่นแหละ

และการที่คุณธีโทรมาอย่างนี้ ผมก็ได้โอกาส ถามมันเรื่องปัญหาของเด็กนั่นซะเลย

“คุณพ่อพอจะบอกผมได้มั้ยครับว่าธารใจมีปัญหาอะไรถึงไม่ยอมกลับบ้าน เผื่อผมจะได้ช่วยดูแลให้ได้ตรงจุดน่ะครับ” อ้างเรื่องดูแลซะเลย เป็นอาจารย์นี่เผือกโน่นเผือกนี่ง่ายดีชะมัด

[ก็...ไม่มีอะไรหรอกครับ ปัญหาคนต่างวัยไม่เข้าใจกันนิดหน่อย]
คุณธีไม่ตอบตรงๆ แต่ผมก็เดาได้ว่าคนที่ธารมีปัญหาด้วยก็น่าจะเป็นพ่อนี่แหละ

แต่เอ... พ่อก็เห็นใส่ใจดูแลดีนี่นา แล้วมีปัญหาอะไรกันนะ สงสัยที่มีปัญหาคงจะเป็นเพราะอารมณ์วัยรุ่นวุ่นวายของไอ้เด็กบ้านั่นล่ะมั้ง คงจะเกเรจนโดนพ่อด่า พอถูกด่าก็ทำประชดประชันแน่

[ฝากอาจารย์เหนือช่วยดูแลด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันแล้วเหมือนกัน ส่วนเรื่องกลับบ้านนี่ ไว้ให้มันอยากกลับมาเองก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้ ยังไงซะอยู่ข้างห้องอาจารย์ก็ไม่ต้องเป็นห่วงมาก]

คุณธีฝากฝังตบท้าย ผมนี่อยากบอกชะมัดว่าคนที่ควรเป็นห่วงน่ะคือผมเพราะอยู่ข้างห้องมันเนี่ย แต่ก็รับปากไปให้อีกฝ่ายสบายใจ

อย่างน้อยๆ การที่ผมทำแบบนี้ก็อาจจะทำให้ไอ้เด็กนั่นเลิกแกล้งผมไปได้สักระยะนึงล่ะ
 



ใครว่ามันจะเลิกแกล้งผมสักระยะกันล่ะ! ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว รถผมก็ยังโดนประทุษร้ายอยู่ดีเถอะ แต่วันนี้เบาหน่อย เหมือนถูกเอาเยลลีสีแดงมาละเลงหน้ารถจนทั่วเท่านั้น ผมเลยไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก แค่เอาน้ำราดๆ ก็ล้างออกแล้ว

ทว่ามันไม่จบแค่นั้น พอกลับมาถึงห้อง ผมก็เจอไอ้เด็กธารยืนกอดอก พิงประตูห้องผมอยู่

ผมชะงักขาทันใด มันเองก็เหลือบมามองผมด้วย ก่อนจะทำลายความเงียบขึ้นมาโดยไม่รอให้ผมถามว่ามันมายืนทำซากอะไรอยู่หน้าห้องคนอื่น

“วันนี้พ่อโทรมาคุยเหรอ”
“นะ...น้องธารู้ได้ยังไงเหรอครับ” ผมถามด้วยตกใจที่มันรู้
“พ่อโทรมาบอก บอกว่าจะอยู่หอต่อก็ได้ถ้ามีอาจารย์อยู่ห้องข้างๆ เพราะไม่ต้องเป็นห่วงมาก” มันว่า ก่อนกลอกตาแล้วพูดลอยๆ “จริงๆ น่าจะบอกพ่อว่าเพราะมีไอ้อาจารย์บ้านี่อยู่ห้องข้างๆ นี่แหละถึงน่าเป็นห่วง แม่งโดนลวนลามไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว อันตรายฉิบ”

ฟังแล้วน่ากระโดดถีบชะมัด แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็มึงอยากดูน่ากรุบกรอบเอง แต่ตอนนี้กูไม่ได้ตอดมึงเป็นปลาสวายแล้วซะหน่อย คุยยังไม่คุยเลยเถอะ อย่ามาหาว่ากูเป็นตัวอันตรายนะเว้ย!

ผมเกือบจะออกปากด่ามันอย่างลืมตัวซะแล้วถ้ามันไม่พูดขึ้นมาอีก

“แต่ก็ขอบคุณ”
ผมหยุดปากที่กำลังมุบมิบด่ามันเบาๆ ทันใด มองเด็กนั่นที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วถามอย่างสงสัย
“ขอบคุณเรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องเมื่อเช้าแล้วก็เรื่องที่พ่อตามให้กลับบ้าน” พูดซะเบาจนแทบไม่ได้ยิน หน้าก็ไม่มองเลยเถอะ
แต่ก็เอาวะ อย่างน้อยมันก็รู้จักขอบคุณแล้วกัน
“ถ้าเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเลิกแกล้งพี่เหนือจะดีมากเลยครับน้องธาร” ได้ที ผมก็ต่อรองซะเลย
ธารหันมามองหน้าผมในตอนนี้
“ถ้าพี่เลิกยุ่งกับพี่ดื้อ แล้วก็เลิกยุ่งกับผม ก็จะเลิกแกล้ง”

พี่จอมดื้อนี่กูเลิกยุ่งไปพักนึงแล้ว ส่วนมึง... เห็นแต่มึงนี่แหละที่มายุ่งกับกู! ไอ้เด็กนี่ ด่าสักทีดีมั้ย!

แต่ด่าไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า หัวดื้ออย่างมัน พูดอะไรไปก็ไม่ฟังหรอก

“ครับๆ งั้นจะถอยได้หรือยัง พี่เหนือจะเข้าห้อง” ผมเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ

ธารเลยถอยจากหน้าห้อง ให้ผมตรงเข้าไปเปิดประตู แต่ก็ยังไม่ยอมเดินไปไหน เอาแต่กอดอกมองผมไขประตูห้องอยู่อย่างนั้นจนผมต้องเป็นฝ่ายร้องถาม

“มีอะไรกับพี่เหนือหรือเปล่าครับน้องธาร” ถามด้วยน้ำเสียงระอาสุดฤทธิ์ ตอนนี้เหนื่อยจะเต๊าะมันละ เป็นเด็กที่ไม่น่ารักเอาซะเลย ดูสายตาที่มันมองผมสิ นี่ถ้าเขมือบผมได้ก็คงจะทำไปแล้ว

ทว่าคำพูดที่หลุดออกจากริมฝีปากหยักสวยกลับทำให้ผมต้องคลายความเหนื่อยพลัน กลายเป็นงุนงงแทน
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ จะได้ไปวิ่ง”
“ไปวิ่ง?”
“เออ ไปวิ่งสิ อาทิตย์หน้าก็งานกีฬาแล้ว อย่าบอกนะว่าจะลงแข่งโดยไม่ฝึกซ้อมน่ะ วิ่งไหวหรือไง” มันว่า ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่าอาทิตย์หน้าก็ถึงวันแข่งกีฬาสานสัมพันธ์อะไรนี่แล้ว

มัวแต่หนีพี่จอมดื้อจนลืมไปเลยแฮะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าผมถูกจับลงแข่งกินวิบากไว้ด้วย จะว่าไป เด็กนี่ก็ลงแข่งวิ่งร้อยเมตรไว้ด้วยนี่หว่า

และผมก็เพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้นี่เองว่าคนตรงหน้าใส่ชุดเตรียมวิ่งแล้วเรียบร้อย ก่อนจะได้สติอีกครั้งเมื่อถูกไล่
“มองอยู่ได้ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว จะได้ไปกันซะที จะลงไปรอข้างล่าง”

ว่าจบก็เดินลงไปเลย ทิ้งให้ผมเอ๋อรับประทานอยู่ว่ามันจะมาชวนผมไปวิ่งทำไม ก็ในเมื่อเมื่อกี้มันเพิ่งจะบอกว่าให้ผมเลิกยุ่งกับมันเองแท้ๆ แล้วตอนนี้ทำไมมันถึงเป็นฝ่ายมายุ่งกับผมแทนวะ ที่สำคัญ...ทำไมต้องเอาเวลาพักผ่อนไปวิ่งกับมันด้วย จะหลอกกูไปฆ่าหมกป่าที่ไหนล่ะสินะ!

ผมตัดสินใจในวินาทีนั้นเลยว่าจะไม่ไป เข้าห้องแล้วขังตัวเองอยู่ในนั้น หากแต่เด็กนั่นรู้ทัน ส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ผมก่อนที่ผมจะได้เดินเข้าห้องอีก
 
ธาร พ่อทุกสถาบัน: ถ้าไม่ลงมาหรือปล่อยให้คอยนานล่ะก็ จะพังประตูเข้าไปกระทืบแม่ง
 
โห ไอ้โหด นี่กูเป็นอาจารย์มึงนะ ถึงจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนก็เถอะ แต่มาขู่แบบนี้มันใช่เรื่องมั้ย! แล้วขู่มาแบบนี้ คิดเหรอว่ากูจะไป...

ไปสิเว้ย! กลัวแล้วจ้า รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร็วเลยทีเดียว

ลงมาข้างล่างได้ ผมก็เห็นเด็กนั่นนั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์ออโต้คันเก่งของมัน แต่ผมไม่ไปกับมันหรอก หนึ่งคือกลัวมันพาไปคว่ำและไม่อยากถูกด่าพ่อล่อแม่เพราะฝีมือการขี่ของมัน และสอง ถ้าผมไปกับมันแล้วมันพาผมไปฆ่าหมกป่าจริง ผมก็หนีไม่ได้น่ะสิ เอารถตัวเองไปดีกว่า

ธารไม่ว่าอะไร ทำท่าหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ยอมขี่รถนำให้ผมไปยังจุดหมาย
 

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่10♦P.6♦29/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 02-03-2016 21:45:49
ชั่งใจ ครั้งที่ 11: พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ[2]

สนามกีฬากลางประจำจังหวัดถูกเลือกเป็นที่หมายสำหรับการซ้อมวิ่งวันนี้ จอดรถได้ ธารก็พาผมมาที่ลู่วิ่ง ผมกวาดมองไปรอบๆ แล้วก็ใจหวิวแปลกๆ

นี่มันสนามกีฬาประจำจังหวัดจริงเหรอวะ ทำไมมันถึงร้างไร้ผู้คนอย่างนี้!

จริงๆ ก็ไม่ได้ร้างไร้หรอก มีคนนั่นแหละแต่ประปรายมาก แถมสนามก็ใหญ่ วิ่งกันทีก็น่ากลัวว่าจะถูกมันลากเข้าซอกหลืบข้างทางไปฆ่าชะมัด แต่ธารมันสนมั้ยล่ะ หึ...ไม่เลยสักนิด มาถึงได้ก็จัดการยืดเส้นยืดสาย ซ้ำยังมีหน้ามาสั่งผมอีก

“จะยืนอีกนานมั้ย วอร์มร่างกายสิ”

วะ...วอร์มก็วอร์ม รีบทำตัวให้เป็นปกติแล้วเหยียดแข้งเหยียดขาตามมันไป ใจก็อยากจะถามมันด้วยว่านึกบ้าอะไร จู่ๆ ถึงชวนมาวิ่ง แต่ไอ้เด็กธารก็คือไอ้เด็กธาร มันวอร์มร่างกายตัวเองเสร็จก็ออกวิ่งไปเฉยเลย ไม่รอผมที่ยังเหยียดขาตัวเองไม่เสร็จสักนิด แถมมันไม่ยอมวิ่งคนเดียวอีกต่างหาก ร้องเรียกผมเสียงลั่น

“วิ่งตามมาซะที จะยืนบื้ออีกนานมั้ย!”

นี่นักเรียนหรือพ่อ ตอบให้เหนือหายข้องใจที!

ขาสองข้างออกวิ่งไปตามคำสั่งมันโดยอัตโนมัติ ใช้แรงมากพอสมควรทีเดียวกว่าจะวิ่งไล่ตามมันได้ วิ่งไปก็หอบไป ตอนนี้รู้เลยว่าสังขารไม่เที่ยง วิ่งไปได้ครึ่งสนามเท่านั้นก็รู้เลย...หอบแดร๊ก!

“นะ...น้องธาร...พะ...พี่เหนือ...พี่เหนือไม่ไหวแล้ว...” ผมชะลอฝีเท้าลง พยายามแค่นเสียงบอกให้เด็กนี่หยุดวิ่งซะที แล้วก็ตีไฟเลี้ยวเข้าไปข้างสนาม หมายจะทรุดตัวลงนั่ง

“เพิ่งจะวิ่งได้ครึ่งสนามเองนะ ทีตอนวิ่งหนีไอ้พวกวิทยาลัยอื่นนี่วิ่งนำชาวบ้านชาวช่องได้เป็นกิโลๆ” เด็กนั่นหันมามอง ปากก็บ่นผมทันที

ก็ตอนนั้นมันตกใจนี่หว่า แถมถ้าไม่วิ่งเร็วก็โดนกระทืบอีกด้วย มันก็ต้องวิ่งเร็วเซ่!

ผมอยากจะเถียงใจจะขาด แต่ขนาดหายใจให้ปกติยังทำไม่ได้ เลยเอาแต่เงียบ แล้วตั้งท่าจะนั่ง แต่ไอ้เด็กเวรนั่นกลับไม่ยอมให้ผมทำตามใจ แค่หยุดยืนเท่านั้น มันก็ตรงเข้ามาผลักผมกลับเข้าไปในลู่วิ่งซะเต็มแรง

“ไปวิ่งต่อ อย่าทำสำออย”

กูไม่ได้สำออย! เหนื่อยจริงๆ เว้ย! ถ้าเป็นลมขึ้นมากลางสนาม มึงจะผายปอดให้กูมั้ยล่ะ!

“พะ...พี่เหนือไม่ไหวจริงๆ” ผมก็ทำได้ดีแค่โบกมือให้มันแล้วแค่นเสียงออกมาอีกรอบเท่านั้น
กระนั้น ธารใจก็ยังไม่ยอมหยุด เห็นผมทำท่าจะหนีไปนั่งพักอีกก็ถลาเข้ามากระชากแขนผมซะเต็มแรง
“วิ่งให้ครบรอบก่อนแล้วค่อยพัก”
“เหวอ!”

เสียงของมันไม่ได้เข้าหูผมเลยด้วยตกใจกับแรงกระชากแบบไม่ทันตั้งตัว แถมตอนถูกกระชาก ผมก็ไม่ได้ตั้งหลักอีกต่างหาก ทำเอาผมเซล้มลงไปกับพื้นทันใด ล้มอย่างเดียวไม่ว่า ข้อเท้าข้างหนึ่งดันพลิกในจังหวะที่ทิ้งตัวลงมาอีก ทำเอาผมเบ้หน้าออกมาเมื่อความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่ว

“โอ๊ย!” แล้วผมก็เผลอร้องซะลั่น

ตอนนี้ไอ้คนตัวการก็ทำหน้าตกใจ รีบเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างผมทันที
“เป็นอะไรมั้ย” สีหน้าโหดของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเป็นห่วงขึ้นมาทันตา
ผมเหลือบมองตอนที่มันก้มๆ เงยๆ มองข้อเท้าผมอยู่ แล้วก็คิดอะไรออกขึ้นมา

แกล้งสำออยแม่งเลยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องถูกลากไปวิ่งอีก

“พี่เหนือคิดว่าข้อเท้าน่าจะเคล็ดน่ะครับ” พูดจบก็แกล้งทำสีหน้าเจ็บปวดใส่เข้าไปด้วย ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย ไม่ได้พลิกแรงด้วย แต่งานสำออยเพื่อให้มันปล่อยผมกลับต้องมา

และนั่นก็ยิ่งทำให้คนตรงหน้าแสดงสีหน้ากังวลขึ้นมาฉับพลัน ก่อนบอกผมเร็วๆ
“รออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวจะไปซื้อผ้ายืดกับยานวดมาให้”
“เอาน้ำเย็นๆ มาขวดนึงด้วยนะ” ผมสั่งตามทันทีที่เห็นมันลุกขึ้น
มันพยักหน้าเร็วๆ แล้วก็รีบวิ่งไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ ขี่ออกไปด้วยความเร็วจนน่ากลัวว่ามันจะไปเสยท้ายรถบนถนนเข้าให้สักคัน

รอได้ไม่ถึงสิบนาที มันก็กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกในมือ เดินมาถึงผมที่ลุกไปนั่งบนม้านั่งแถวนั้นได้ก็ยื่นขวดน้ำดื่มเย็นเฉียบให้
“อะน้ำ แล้วก็ยื่นขามานี่ จะพันผ้าให้”

ผมยังไม่ทันจะได้ตอบรับเลย มันก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นตรงหน้าผม แล้วจัดการถอดรองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าของผมหน้าตาเฉย ทำเอาผมชะงักด้วยเกรงว่าถ้ามันได้กลิ่นเท้าผม มันจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้วหาเรื่องกระทืบผมแทนถึงผมจะมั่นใจว่าเท้าตัวเองไม่มีกลิ่นแรงอะไรขนาดนั้นก็เถอะ

“อะ...เอ่อ....น้องธาร เดี๋ยวพี่เหนือทำเองดีกว่า”
“เงียบน่า นั่งเฉยๆ ไป เดี๋ยวทำให้ ตอบแทนเรื่องวันนี้แล้วกัน”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็ไปต่อไม่ถูก เลยปล่อยให้มันทำตามใจโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก

ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคนชั่วขณะ บอกตรงๆ ว่าโคตรอึดอัดเลย อึดอัดจนผมต้องมองนกมองไม้ไปเรื่อย ได้สติอีกทีก็ตอนที่เด็กนั่นทำลายความเงียบขึ้นมา

“ถามอะไรอย่างนึงสิ”
ผมละสายตาจากสนามวิ่งตรงหน้าไปมองยังคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็เห็นมันจ้องหน้าอยู่ ก่อนผมจะพยักหน้า
“ถามมาสิครับ”
“ยังคุยกับพี่ดื้ออยู่มั้ย”

อะ...อะไรของมันวะ จู่ๆ ก็ถามไม่มีปี่มีขลุ่ย นี่มันยังคิดว่าผมยังไปยุ่งเกี่ยวกับพี่จอมดื้ออยู่ล่ะสินะ บอกไปแล้วแท้ๆ ว่าไม่ได้ยุ่งแล้ว แต่ดูท่าทางมันจะไม่เชื่อแฮะ งั้นตอบให้มันสบายใจไปอีกหน่อยก็แล้วกัน

“ไม่ได้คุยแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าพี่ดื้อไม่โทรมาเลยก็ดูจะโกหกไปหน่อย เอาเป็นว่าพี่ดื้อโทรกับส่งข้อความมาหาพี่เหนือแต่พี่เหนือไม่ได้ตอบรับก็แล้วกัน สบายใจได้แล้วล่ะ เลิกยุ่งแล้วจริงๆ”

ธารพยักหน้า ผมดูไม่ออกหรอกว่ามันเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่มันก็ไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก ครู่ใหญ่ทีเดียว มันก็ถามขึ้นมาอีก
“งั้นถามอีกเรื่องได้มั้ย”
“ครับ?”
“พี่เป็นคนมั่วอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ไอ้เด็กนี่... ยังไม่จบอีกเหรอวะเรื่องนี้เนี่ย!

“อืม ไม่รู้สิ” ผมเลือกตอบแบบขอไปที ทำให้ธารชักสีหน้าใส่ แล้วพ่นคำถามใหม่ออกมา
“จะไม่รู้ได้ไงวะ ไม่มีใครเกิดมาแล้วก็มั่วไม่เลือกหรอกเว้ย มีใครเคยทำอะไรให้พี่เป็นคนแบบนี้ล่ะสิ โดนหักอกแล้วถูกทิ้งมาจนต้องประชดชีวิตแบบนี้แหง เดาถูกใช่มั้ย”

คำถามนี้ทำเอาผมชะงักกึก ไปต่อไม่ถูกทันที มองหน้ามันที่จ้องผมอย่างเค้นเอาคำตอบแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี

เดาถูกเป๊ะเลย คือผมเคยโดนแฟนคนแรกนอกใจน่ะ จากนั้นพอมีแฟนอีก ก็โดนนอกใจอีก เรียกว่าแฟนทุกคนที่เคยคบนอกใจเลยดีกว่า ผมเลยไม่เชื่อว่าเกย์จะมีรักแท้ได้จริงถึงได้ไม่จริงจังกับใคร

แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมมันต้องให้ผมคิดถึงเรื่องเก่าๆ ด้วยนะ ไม่อยากพูดถึงเลยแฮะ ประเด็นคือไม่อยากเล่าให้เด็กนี่ฟังด้วย มันเรื่องส่วนตัวนี่หว่า ตอบเลี่ยงๆ ไปแล้วกัน

“โอ๊ย ไม่มีใครทำให้พี่เหนือเป็นแบบนี้หรอกครับ พี่เหนือเป็นแบบนี้เองมาตั้งนานแล้ว” ผมแสร้งว่าเสียงสูง ส่งเสียงหัวเราะปนไปด้วยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

แต่ดูยังไง ธารก็ไม่น่าจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด มองหน้าผมครู่หนึ่งแล้วก็ก้มไปมองข้อเท้า ตั้งหน้าตั้งตาบีบนวดให้ตามเดิม แล้วก็เงียบไปอีก

คราวนี้แหละที่ผมเงียบขึ้นมาบ้าง แต่เงียบได้ครู่เดียว เสียงทุ้มของเด็กนั่นก็ดังขึ้นมา

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่พี่จะเป็นคนมั่วแบบนี้โดยไม่มีใครมาทำอะไรให้ คนเราจะเป็นแบบไหน มันขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมทั้งนั้น เหมือนกับผมที่ไม่อยากกลับไปอยู่บ้าน พี่เองคงไปเจออะไรกระทบกระเทือนใจมาสินะถึงได้ทำตัวหลุดโลก ปัญญาอ่อนแถมแรดขนาดนี้” พูดโดยไม่มองหน้าด้วย

ผมมองมันอย่างอึ้งๆ ทันใด ไม่ใช่ว่าเพราะมันด่า แต่เป็นเพราะถูกมันรู้ทันต่างหาก และอึ้งหนักกว่าเดิมเมื่อตระหนักได้ว่าเด็กตรงหน้าเป็นคนใส่ใจคนอื่นกว่าที่ผมคิด ก่อนผมจะเผลอยิ้มออกมากับอากัปกิริยาน่ารักนั่น ทว่าไม่ได้ตอบคำถาม ธารก็เลยเงยหน้าขึ้นถามผมอีกครั้ง

“ว่าไงล่ะพี่ ตกลงมีใครไปทำอะไรพี่ พี่ถึงเป็นคนสันดานไม่ดีน่ะ”
ด่าอีกละ นิสัยก็พอมั้ง สันดานก็เยอะไป แต่ก็เอาเถอะ รู้ทันอย่างนี้แล้ว ตอบๆ ไปแล้วกัน

“น้องธารเคยได้ยินวลีที่ว่าความรักของเกย์มันไม่แท้จริงมั้ยครับ”
ธารไม่ตอบรับ เหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด พ่นลมหายใจแล้วพึมพำแทน “เหตุผลปัญญาอ่อนจริงๆ ด้วย”

เอ้า แล้วมึงจะเอาเหตุผลอะไรล่ะวะ ก็เหตุผลของกูมันเป็นเพราะเรื่องนี้น่ะ! ว่าจะเล่าลงรายละเอียดให้ฟังซะหน่อย ไม่เล่าแม่งละ ‘รมณ์เสีย!

“คนทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นแหละ จะปัญญาอ่อนหรือไม่มันก็คือเหตุผลนะ” ผมบุ้ยปากใส่มัน เสตามองไปทางอื่นอย่างนึกหงุดหงิดที่ได้ทีก็โดนมันด่าเอาๆ
หากแต่ธารกลับทำให้ผมหายหงุดหงิดเป็นปลิดทิ้งเมื่อพูดขึ้นมาใหม่

“ปัญญาอ่อนจริงนี่หว่า แค่เป็นเกย์ ไม่ได้หมายความว่าจะหารักแท้ไม่ได้จนต้องทำตัวแบบนี้ซะหน่อย อย่างน้อยก็ผมคนนึงล่ะที่มีรักแท้ให้พี่”

ผมอ้าปากค้างทันใด เหลียวใบหน้ากลับมามองมันอย่างตกใจที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น

ระ...รักแท้ มะ...เมื่อกี้ไอ้เด็กนี่มันบอกว่ารักผมงั้นเหรอ!?
โอ้! นี่คงเป็นผลของการขายอ้อยแบบเทกระจาดใส่มันบ่อยๆ ใช่มั้ย โถ...เด็กมันใจง่ายอย่างนี้นี่เอง แล้วไอ้ที่บอกว่าอย่าให้ผมไปยุ่งกับมันนี่คืออาการซึนเดเระสินะ!

มันก็คงจะรู้สึกตัวในตอนนี้ว่าพูดอะไรออกไป เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง แล้วก็ถือวิสาสะเอามือที่จับเท้าผมเมื่อครู่มาดันคางผมที่กำลังอ้าปากค้างอยู่ขึ้นทันใด

“จะตกใจอะไรวะ ไม่ได้หมายความว่ารักแบบนั้นเว้ย หมายถึงรักแบบเพื่อนพี่น้องต่างหาก เข้าใจผิดไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ย” มันว่าเสียงขุ่น

ส่วนผมก็มโนสลายไปทันตาทันที

โถ ก็อุตส่าห์คิดว่าจะเต๊าะเด็กติด แต่ก็ดีแล้วล่ะที่มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะผมรู้ตัวว่าไม่ได้ชอบเด็กนี่ถึงขนาดอยากเป็นแฟนด้วย ถ้าเกิดมันมามีใจให้ผมเข้าล่ะก็ ผมนี่แหละจะซวยยาว ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตีตัวออกห่าง ไม่ต้องมารู้สึกอะไรกันน่ะดีแล้ว

“พี่เหนือจะเป็นแบบไหนก็ไม่ต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนแทนหรอกครับ เอาเป็นว่าน้องธารวางใจได้ว่าพี่เหนือไม่ไปยุ่งกับพี่ดื้ออีกแล้วก็พอ”
สุดท้ายผมก็ตัดบท ทำให้ธารเม้มปากแน่น ก้มหน้าลงบีบนวดข้อเท้าผมต่อ เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำมาให้ได้ยิน

“รู้แล้วเรื่องนั้นน่ะ แต่ที่เตือนเรื่องมั่วก็เพราะ... เป็นห่วงต่างหาก”
ผมหลุดหัวเราะทันใด พลันถามกลับอย่างหยอกเย้า “น้องธารเป็นห่วงพี่เหนือจริงเหรอ ไหนวันนี้บอกว่าห้ามพี่ยุ่งกับน้องธารอีกงืแล้วมาเป็นห่วงพี่ทำไมล่ะครับ”
“กะ...ก็พี่เป็นอาจารย์ผมนี่หว่า ทำตัวแบบนี้ก็ต้องเป็นห่วงสิ เป็นอาจารย์ก็ต้องทำตัวให้สมเป็นอาจารย์สิเว้ย ถึงจะเป็นแค่อาจารย์ฝึกสอนก็เถอะ!” ธารว่าเร็วๆ ขณะที่หูก็ค่อยๆ เริ่มแดงขึ้นมา

ผมมองแล้วก็ใจเต้นตึกตักอย่างน่าประหลาด รู้แหละว่าอาการแบบนี้ของเด็กนี่มันน่ารักดี แต่ที่ทำให้ผมใจเต้นเป็นเพราะธารไม่เคยแสดงความเป็นห่วงอะไรผมให้เห็นน่ะ ปกติก็เอาแต่แกล้งตลอดเถอะ วันนี้ตอนก่อนกลับยังประทุษร้ายรถผมอยู่เลย แต่แล้วจู่ๆ ทำไมถึง...

“มั่วไปเรื่อยแบบนี้ ทุเรศจะตาย” ธารแทรกขึ้นมาเสียก่อน ด่าผมแต่หน้าก็ยังไม่มองอยู่ดี

ผมยิ้มออกมาอย่างลืมตัว รับคำสั่งสอนจากคนอายุน้อยกว่าไปด้วย
“คร้าบๆ คุณพ่อธารใจ แหม สอนพี่เหนืออย่างกับเป็นพ่อเลยนะ” …หรือจะสอนอย่างกับเป็นสามีก็ได้นะ ไม่ว่ากัน แต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้คงไม่เหมาะ เดี๋ยวมันจับข้อเท้าผมหักขึ้นมา มันจะเคล็ดเข้าจริงๆ จนได้

ธารเหลือบมองผมตาเขียวเล็กน้อย แล้วก็ก้มลงไปอีก
“ไม่ได้อยากสอนนักหรอกถ้าไม่เห็นว่าพี่ทำตัวทุเรศแบบนี้ ไม่อยากจะเข้าใกล้ด้วย พี่แม่งเป็นคนน่ารังเกียจเกินกว่าจะอยู่ใกล้”

ด่าอีก แล้วก่อนหน้านี้จะชวนกูมาวิ่งด้วยเพื่อ!?

บุ้ยปากใส่มันรัวๆ พลันกลั้นใจ ถามมันออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด

“แล้วน้องธารชวนพี่เหนือมาด้วยทำไมล่ะครับ”
“บอกแล้วว่าตอบแทนเรื่องวันนี้ไง” ธารว่า ผมเลยย่นคิ้ว
“เรื่องวันนี้?”
“เรื่องที่บ้านไงเล่า นอกจากเป็นปลาสวายหน้าวัดแล้วยังเป็นปลาทองด้วยหรือไง ความจำสั้นขนาดนี้น่ะ ย้ำตั้งหลายครั้งแล้วนะเว้ย!”

ด่าอีกละ มันทั้งด่า ทั้งเหน็บทุกคำพูดเลยแฮะวันนี้ แต่ผมก็ปั้นหน้ายิ้มให้มัน

“ถ้าจะตอบแทนด้วยการชวนมาวิ่งก็ไม่เป็นไรนะครับ นั่นมันหน้าที่ของพี่เหนืออยู่แล้ว เป็นอาจารย์นี่เนอะ”
“หึ รู้ตัวนี่ว่าเป็นอาจารย์ งั้นก็เลิกมั่วซะที”
ยัง...ยังไม่เลิกด่ากูอีก หนีกลับแม่งเลยดีกว่า ชักรำคาญละ
“เดี๋ยวพันผ้ายืดให้พี่เหนือเสร็จแล้วพี่เหนือขอกลับเลยนะ อยากพักสักหน่อย ข้อเท้าเจ็บแบบนี้แล้วก็คงวิ่งไม่ได้แล้วด้วย” ผมตัดบทเอาดื้อๆ

ธารไม่พูดอะไร เอาผ้ายืดมาพันให้ผมตามที่บอก พันเสร็จก็วางเท้าผมลงบนพื้น ลุกขึ้นยืนแล้วมองผมที่พยุงตัวเองยักแย่ยักยันไปที่รถซึ่งจอดอยู่ หากแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่คว้าข้อมือผมไว้ พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นธารที่รั้งไว้อยู่ ก่อนมันว่าเสียงเรียบ

“พี่เหนือ”
“ครับ?”
“เลิกนิสัยมั่วๆ แบบนั้นเถอะ”

รำคาญว่ะ ตอนแรกที่มันพูด ผมก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่พอมันพูดหลายๆ รอบเข้า ก็ชักจะไม่โอเคละ
กูจะมั่วหรือไม่มั่ว แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับมึงวะเฮ้ย!

อยากตะโกนใส่หน้ามันแบบนี้ชะมัด ทว่าธารก็พูดขึ้นมาก่อน
“จะว่ายุ่งก็ตามใจ แต่เป็นห่วงจริงๆ ถึงได้เตือน”

ผมนิ่งงันไป ตอนนี้เองที่ธารเริ่มกลอกตาไปทางอื่น มือที่จับผมอยู่ก็รีบปล่อยแล้วยกไปเกาต้นคอตัวเองไปมาด้วยท่าทางขัดเขิน แล้วผมก็หลุดยิ้มออกมาจนได้

ชื่นบาน... บอกเลยว่าชื่นบาน ทุ่งดอกไม้ก็บาน อุตส่าห์จะไม่เต๊าะต่อแล้วเชียว ทำไมเด็กนี่ต้องมายั่วกิเลสด้วยนะ!
แต่แล้วกิเลสผมก็ดับวูบเมื่อมันว่าออกมาเบาๆ แก้เขิน

“มะ...มั่วมากเกิน...ดะ...เดี๋ยวหูรูดเสีย”
ทุ่งดอกไม้กูเฉาอนาถเพราะคำว่าหูรูดเสียของมึงเนี่ยไอ้เด็กธาร! ยังไม่เสียเว้ย!

หงุดหงิดเลย หงุดหงิดอีกละ แต่เอ๊ะ มันเตือนแปลกๆ แฮะ หรือว่ามันจะคิดกับผมในเรื่องอย่างว่า...
“ไสหัวกลับไปได้แล้ว จะได้ไปวิ่งต่อ”

คิดยังไม่ทันจบเลย มันก็ออกปากไล่ผมเป็นที่เรียบร้อย ไล่เสร็จก็เดินหนีด้วย ผมเลยไม่ได้ถามมันว่าที่พูดเมื่อกี้นี้หมายความว่าอะไร เลยได้แต่โบกมือลาแล้วก็เดินกลับมาที่รถอีกครั้ง แต่หูก็ไม่วายได้ยินมันตะโกนไล่หลังมาอีก

“ขับรถดีๆ นะเว้ย อย่าไปเสยตูดใครกลางทางนะ!”
ไม่เสยใครหรอกน่า อยากให้น้องธารนี่แหละเสย หูย... วันนี้มันทำตัวน่ารักเว่อร์ ถึงจะห่ามๆ และดูเพี้ยนๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็น่ารัก ใจนี่ท่องยุบหนอ พองหนอให้สงบสติอารมณ์อยากจะแกล้งทำเป็นสำออยแล้วให้มันมาดู จากนั้นก็แอบลวนลามมันเลย

น้องธารหนอ อย่ายั่วหนอ...
พี่เหนือหนอ ไม่ลวนลามปล้ำเด็กหนอ...

กิเลสมารัวๆ ถึงขั้นเกือบจะระงับไว้ไม่ไหว ดีที่กลับมาขึ้นรถได้ก่อน ขึ้นไปแล้วก็นั่งสงบสติอารมณ์ไปครู่ สายตามองไอ้เด็กธารที่วิ่งอยู่ในสนามไปด้วย

จะ...ใจเต้นแฮะ

กลับไปเต๊าะมันอีกรอบดีมั้ยเนี่ย เด็กมันยั่วจริงๆ เลยพับผ่าเถอะ...

กว่าจะสงบสติอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงกลับมาได้ก็เล่นเอาเสียเวลาไปเป็นสิบนาที รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนโทรศัพท์ส่งเสียงเตือนข้อความเข้า หยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากเด็กนั่นที่อยู่ตรงมุมสนามอีกฝั่งหนึ่ง
 
ธาร พ่อทุกสถาบัน: กลับไปได้แล้ว นั่งทำอะไรอยู่ในรถน่ะ
พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ: เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ นั่งรอให้หายเจ็บข้อเท้าน่ะ
ธาร พ่อทุกสถาบัน: เออ แล้วนี่ชื่ออะไรของพี่เนี่ย เปลี่ยนมาแต่ละชื่อนี่ปัญญาอ่อนทุกชื่อ
 
ผมหัวเราะนิดหน่อยกับคำก่นด่านั่น ก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้เลิกมั่วน่ะ ก็จะทำตัวดีแล้วนี่ไง
 
พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ: งั้นพี่เหนือกลับแล้วนะ น้องธารก็อย่ากลับดึกรู้มั้ย มันอันตราย
 
พิมพ์ข้อความส่งไปเสร็จ เห็นมันก้มหน้าลงอ่าน ผมก็สตาร์ทรถ เตรียมจะขับกลับ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเสียงข้อความดังขึ้นมาอีก
 
ธาร พ่อทุกสถาบัน: พี่เหนือ
พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ: ?
ธาร พ่อทุกสถาบัน: เรื่องรักแท้น่ะ ถ้าพี่อยากได้จริงๆ พี่ทำตัวดีๆ ให้มีคุณค่าก่อน สักวันก็จะมาหาพี่เองแหละ ส่วนเรื่องที่บอกว่าอย่ามายุ่งน่ะ ถ้าอยากคุยก็คุย ไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่ามาตอดเป็นปลาสวายก็พอ
 
ผมอ่านแล้วก็ยิ้มกว้างออกมา ใจที่เต้นรัวก่อนหน้ายิ่งเต้นหนักเข้าไปใหญ่ และแทบจะระเบิดออกมาจากอกเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังบริเวณที่ธารยืนอยู่แล้วเห็นว่ามันก็มองผมอยู่เหมือนกัน ก่อนมันจะเป็นฝ่ายหันหนีก่อน แล้วพิมพ์ข้อความกลับมาอีก

ธาร พ่อทุกสถาบัน: กลับไปได้แล้ว! จะนั่งแช่อีกนานมั้ย!
พี่เหนือ จะทำตัวดีแล้วครับ: ครับ ไว้เจอกันที่หอนะ
 
ธารเริ่มออกวิ่งต่อทันที ส่วนผมก็วางโทรศัพท์ลง แขนทั้งสองกอดพวงมาลัยรถไว้ มองเด็กนั่นวิ่งไปรอบสนามด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ผมก็ไม่อยากจะกลับก่อนเลยแฮะ อยากจะนั่งมองเด็กนั่นแบบนี้ไปนานๆ จังเลย

วันนี้มันทำตัวน่ารักจริงๆ แฮะ น่ารักมากจนอยากจะบอกให้มันเปลี่ยนชื่อในแชทจาก ‘ธาร พ่อทุกสถาบัน’ เป็น ‘น้องธารใจ สามีพี่เหนือ’ เหลือเกิน

อยากได้อยากโดนกลับมาอีกแล้วสิ ถ้าได้ถ้าโดนขึ้นมา สาบานเลยว่าจะทำตัวดีจริงๆ

เอ...หรือว่าจะทำตัวดีตั้งแต่ตอนนี้เลยดีนะ เผื่อจะได้จะโดนเร็วขึ้น
-----------------------------------------------------------------------

น้องธารยังคงมุ้งมิ้งเช่นเคย เป็นห่วงพี่เหนือด้วย แต่เป็นห่วงหูรูดนี่คืออะไร 555
เจอแม่ยก-พ่อยกหลายคนเลยขัดใจนิสัยมั่วๆ ของพี่เหนือ อยากจะบอกว่าใจเย็นๆ นะคะ รอตัวละครเติบโตหน่อยนะ หนูแดงพยายามเขียนให้ตัวละครมีพัฒนาการด้านนิสัยกับความสัมพันธ์น่ะค่ะ ใจร่มๆ กันก๊อนนน อย่าเพิ่งตบพี่เหนือ ฮาา
อ่านแล้วส่งฟีดแบ็คกันหน่อยน้า ไว้พรุ่งนี้จะอัพตัวอย่างตอนที่ 12 ให้ค่า ส่วนตอนเต็มนี่ยังไม่แน่ใจว่าจะมาวันไหนนะ รอกันก่อนเน้อ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 02-03-2016 22:16:29
 :ling1:อยากกินเด็ก555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 02-03-2016 23:03:57
อิเหนือแกเกือบดีละแต่ก็แค่เกือบอะ ใจแกก็ยังคิดมั่วเหมือนเดิม เฮ้ออออออ สงสารน้องธารคนดีของเราจริงๆ ถ้าคนเรามั่วเพราะโดนคนที่รักไปมั่วคนอื่นแบบอิเหนือนี่คงแย่ๆนะ สติอะควรมีติดไว้มั่งนะอิเหนือ #ยังคงอิน555 #และยังรักน้องธารเหมือนเดิม  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-03-2016 23:42:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 02-03-2016 23:44:42
น่ารัก ... หมายถึงคนเขียนนะ ไม่ค่อยว่างยังแวะมาลงให้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-03-2016 00:01:17
น่ารัก ... หมายถึงคนเขียนนะ ไม่ค่อยว่างยังแวะมาลงให้

ใจสั่งมาค่ะ 555
จริงๆอยากเขียนเรื่องนี้ค่ะ ไม่ว่างแต่ต้องหาเวลามาเขียนสนองนี้ดตัวเอง แหะๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-03-2016 00:16:38
กรีดดดด น้องธารเริ่มกลับมาก้าวร้าวอีกแล้วอ่ะ ไม่อยากเลยยยย
แต่ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้น้องธารพูดจาดีมีหลักการอ่ะ สอนพี่เหนือด้วย

ส่วนพี่เหนือ ต้องบอกตัวเองเลยว่า ไม่ๆๆๆ เราไม่เชื่อพี่เหนือ
นิสัยที่สะสมมานานหลายปี ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนได้ในวันเดียว
แต่ก็น่าห่วงจริงๆนะ โรคมันเยอะนะค๊าาาาพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-03-2016 00:16:59
เหนือน่ารัก

ปล.แอบจิ้นว่า คุ่นี้เขาเคยเจอกันตั้งแต่เด็ก แล้วพี่เหนือดันจำน้องธาารไม่ได้ 555

เน่าๆ วัยป้าชอบ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 03-03-2016 00:26:36
ธาร...เริ่มมีใจแล้วหรอ เริ่มแสดงออกชัดเจนแล้วหรอ โอ่ยยย
พี่เหนือ...ทำตัวดีได้แล้วนะ น้องธารจะได้ไว้ใจ เนอะๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-03-2016 00:29:49
อีพี่เหนือเลิกมั่วเลิกแร่ดได้เเระ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 03-03-2016 01:05:01
น้องธารเป็นคนตรงๆ(ด่าตรงๆ) และเป็นห่วงเป็นใย(เรื่องหูรูด)พี่เหนือจริงๆ  :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:

เรื่องหูรุูดไม่ต้องเป็นกังวลแทนพี่เขาหรอกธารรรร  :laugh:

ตอนนี้น้องธารเพี้ยนๆเหมือนพี่เหนือคิดเลย แต่เราว่าน่าจะติดจากพี่เหนือนะ  :laugh: นี่ยังไม่ได้เสี้ยวพี่เหนือเลยนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-03-2016 07:59:47
แต่ยังไงก็ชอบความแรดของเจ๊อยู่ดี 5555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-03-2016 08:46:45
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-03-2016 10:19:30
สมเป็นพี่เหนือทุกตอน  แพ้ทางให้ธารเสมอ
ก็ธารมันน่ารัก ถึงจะขี้แกล้งไปนิดนึง(มั้ง)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 03-03-2016 10:31:24
รู้สึกอยากให้เหนือทำตัวดีๆ แล้วเป็นพี่น้องกันไปก่อน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-03-2016 13:07:34
ทำให้ได้จริงๆนะพี่เหนือ
เลิกมั่วเพื่อน้องธาร!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 03-03-2016 13:53:08
ชอบตรง ตอดเป็นปลาสวายนี่ละ  :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-03-2016 15:21:53
ธารน่ารักนะ ซึนตัวพ่อ เป็นห่วงเป็นใย

แต่ปากร้ายกาจมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 03-03-2016 16:46:50
พี่เหนือนี่ไม่มีเขินเลยเนาะ5555555 เมื่อไหร่จะสมใจพี่เหนือ คริ คริ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 03-03-2016 17:11:35
อ่านทีไร ฟินทุกทีเลย  :katai5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-03-2016 18:32:10
สนุกจังเลย เขินน้องธารใจแทนพี่เหนือจัง  :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-03-2016 18:40:25
ทำตัวดีๆ ก็พอ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 03-03-2016 19:10:17
พี่เหนือ เหลือเวลาฝีกสอนแค่ เดือนเดียว
ส่วนน้องทาน ก็ยังเหมือนจะห่างๆอยู่

พี่เหนือคงต้องกินแห้วกลับ กทม แน่นอน

ปล.เป็นกำลังใจให้คนแต่ง รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่11♦P.7♦02/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-03-2016 19:39:53
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่12

ยังไม่แน่ใจนะคะว่าจะมาวันไหน อาจเป็นอาทิตย์หน้าเลย ช่วงนี้ยุ่งมากเพราะหนูแดงจะไปออกบูธที่งาน Gen Y วันอาทิตย์นี้ ใครไปงาน แวะไปหากันได้ที่บูธ H-04 นะคะ หนูแดงไปเปิดจองแก๊งเกรียนเอเลี่ยนอยู่ มีตัวทดลองอ่านทำมือไปแจกด้วย ทำแค่ 100 เล่มเท่านั้น (ทำมากกว่านี้คือไม่ไหวง่ะ)
รายละเอียดอื่นๆ ไปดูเอาที่หน้าแฟนเพจนะจ๊ะ
ปล. แฟนเพจเค้าอยู่นี่นะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/
---------------------------------------


แปะตัวอย่าง
#แตงกวาแลกน้องธาร

 ผมวิ่งมาถึงด่านสุดท้ายก่อนใครเพื่อน พอทรุดตัวนั่งปุ๊บ เห็นแตงกวาดิบที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกขนาดเท่าฝ่ามือในตะกร้าห้าลูกเน้นๆ ขนมโก๋กับกล้วยตากที่กินไปเมื่อกี้ก็แทบพุ่งออกมาทางเดิม ยิ่งหยิบมันขึ้นมาหักครึ่ง ตั้งท่าจะกินด้วยแล้ว ผมก็เกือบจะสำรอกของในกระเพาะออกมาทันใด

หึย...เหม็นเขียวโคตร ขนาดปอกเปลือกก็แทบกินไม่ได้แล้ว นี่ไม่ได้ปอก แถมไม่ได้แช่เย็น ไม่ต้องถามเลยว่าจะกินได้หรือไม่
มันก็ต้องไม่ได้อยู่แล้ว!

ผมวางแตงกวาทิ้งลงในตะกร้าทันที ทำท่าจะยอมแพ้ด้วย กะว่าถ้ากรรมการหันมาก็จะยกมือขอแพ้ไปเลย ทว่าพอผมทำท่าละล้าละลังไม่ยอมกินอย่างนั้น เสียงน้องมายด์ที่ยืนเชียร์อยู่ข้างสนามก็ดังลอยมาให้ได้ยินทันที

“ทำอะไรน่ะเจ้! กินเข้าไปเร็วๆ เซ่! ตาแก่หัวล้านนั่นจะกินเสร็จอยู่แล้วนะคะ!”

ตาแก่หัวล้านคืออาจารย์สอนพละและอาจารย์ที่ปรึกษาแผนกช่างยนต์ปีสาม ผมหันไปมองก็เห็นตาหัวล้านนั่นวิ่งมาหยุดด่านข้างหลังผม ยัดกล้วยตากชิ้นแรกเข้าปากอย่างเมามันส์ ก็ใช่ว่าผมอยากจะยอมแพ้หรอก อุตส่าห์วิ่งนำชาวบ้านชาวช่องมาถึงขนาดนี้แล้ว มาจอดเอาตรงแตงกวานี่แหละ

“กินเข้าไปซะทีสิโว้ยอีเจ้!” น้องมายด์ตะโกนมาอีกเมื่อเห็นผมยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม แถมรอบนี้ยังตะโกนด้วยเสียงที่แมนโคตรๆ อีกด้วย

หันไปมองหน้ามันแล้วก็เสียวมันจะพุ่งเข้ามาตีเข่าใส่ชะมัด ท่าทางมันอย่างกับเชียร์มวยไม่มีผิด ชุดเชียร์ลีดเดอร์ที่ใส่นี่ไม่ได้ทำให้มันดูอ่อนโยนขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ผมกลั้นใจหยิบแตงกวาขึ้นมาอีก ตัดสินใจว่าจะหลับหูหลับตากินๆ ไป แต่สุดท้ายก็ต้องวางลงที่เดิม
มะ...ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ โคตรเหม็นเขียว...

“อีเจ้! กินสิยะ! กิน!” น้องมายด์ตะโกนมาอีกละ ส่วนผมก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้หันไปทางมัน
“แต่พี่เหนือ...”
“ถ้าเจ้กิน จะประเคนผัวหลวงโรมที่รักให้เอาไปปลุกปล้ำจนหนำใจเลยเอ้า!”

พูดยังไม่ทันจบ มันก็แหกปากมาอีก ทำเอาโรมที่ยืนเชียร์อยู่ข้างๆ ทำหน้าเหวอ เกือบจะพุ่งเข้าไปตบกะโหลกมันอยู่แล้วถ้ามันไม่โพล่งขึ้นมาอีก
“ถ้าไม่พอ แถมจอมแก่นเข้าไปด้วยอีกคนก็ได้ กินเร็วเข้าเจ้!”
คราวนี้จอมแก่นตกใจบ้างละ แต่...

เอาผู้ชายมาล่อ กูก็กระเดือกไม่ลงหรอกเว้ย! บอกแล้วไงว่ามันเหม็นเขียว พูดไม่รู้ฟัง!

ตอนนี้ธารเหมือนจะหงุดหงิดที่ผมไม่ยอมกินสักทีขึ้นมาบ้างแล้ว เลยตะโกนขึ้นมาด้วยอีกคน

“พี่เหนือ! กินสิวะ!” ท่าทางเหมือนจะเข้ามากระทืบผมให้ได้เลยด้วยเถอะ
หากทว่าการตะโกนนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้น้องมายด์ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้ผมอีกที

“ธารบอกว่าถ้าเจ้กิน ธารจะยอมได้เสียเป็นผัวเมียกับเจ้นะ!”
“เฮ้ย!”/ “อะไรนะ!”

ผมกับธารแหกปากขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ไอ้ที่ร้องด้วยความตกใจน่ะของธาร ส่วนผมนี่ฮึกเหิมขึ้นมา ฟีลอย่างกับชาวบ้านบางระจันเตรียมออกรบไม่มีผิด

แตงกวากูอยู่ไหน เอามาประเคนเดี๋ยวนี้!
---------------------------
เพื่อ(ได้เป็นเมีย)น้องธาร เหนือทำด้ายยยย 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 03-03-2016 20:13:57
พี่เหนือมีแรงผลักดันขั้นสุด

ถ้าชนะนี้ธารนี่ต้องระวัง  พี่เหนืออาจจะย่องเข้าห้อง

จะได้จะโดนก็คราวนี้ล่ะวะ :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-03-2016 20:19:15
เจ๊หนูขำ 5555555555555 สู้เพื่อผู้ชาย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-03-2016 20:52:12
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-03-2016 21:12:05
 :hao7: :hao7:
ครวนี้ยอมเห็น ๆ เลยนะเหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-03-2016 21:25:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 03-03-2016 21:53:56
ขรรมพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-03-2016 06:49:57
อิธารนี่... ปากแกจัดดีจริงๆ ตกลงเป็นเมะหรือเคะ กัดจิกถากถางขนาดนี้ 55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 04-03-2016 10:44:35
 :jul3: :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-03-2016 13:18:31
ต้องสู้ๆ จึงจะชนะ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 04-03-2016 16:55:13
กินแตงกวาเพราะอยากกินมะเขือยาวหรอค้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-03-2016 23:14:00
สนุกดี รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 05-03-2016 13:12:17
ฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 06-03-2016 00:22:51
ชอบเหนือ นางจริงใจ. มั่วก็ยอมรับว่ามั่ว. ไม่แอ๊บใสหลอกใคร. คิดว่าคงฝังใจกับอดีต. ตั้งสติใหม่นะเหนือ. รอรักแท้จากธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-03-2016 04:03:53
ชั่งใจ ครั้งที่ 12: มันคงเป็นความรักที่ทำให้แสงเหนือยังหื่นอยู่อย่างนี้...[1]

ว่าจะตีตัวออกห่าง แต่พอเด็กนั่นมาพูดว่า ‘อยากคุยก็คุยได้’ แถมยังชวนไปวิ่งทุกวัน หนำซ้ำ พ่อมันยังโทรมาถามไถ่ถึงมันด้วยความเป็นห่วงสามเวลาหลังอาหารอีกด้วยเหตุผลว่าเขาไม่อยากโทรหาธารใจเอง เพราะคุยกันทีไรต้องมีเรื่องไม่เข้าใจกันทุกที เลยวานผมเป็นสื่อกลาง วิ่งไปดูมันที่ห้องแล้วก็รายงานคุณธี คุยกับคุณธีเสร็จก็ต้องรายงานเด็กนั่นว่าคุยอะไรกับพ่อมันอีก ความสนิทสนมก็เลยเริ่มหวนกลับมา

สนิทหรือไม่สนิทก็ดูได้ ไปกินข้าวเย็นด้วยกันแทบทุกวัน คือ...ความจริงไปวิ่งด้วยกันทุกวัน พอขากลับก็แวะกินข้าวด้วยกันน่ะ ส่วนเรื่องแกล้งผมนี่ก็เพลาลงไปถึงขั้นหยุดละ ผมเลยไปฝึกงานได้แบบสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่ารถสุดที่รักจะถูกประทุษร้ายอีก แถมผมกับธารก็เริ่มคุยกันมากขึ้นอีกด้วย เรื่องที่คุยส่วนมากเป็นเรื่องทั่วไปมากกว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้สึกดีที่ได้คุยกับเด็กนี่นะ

รู้สึกดีอย่างเดียวไม่พอ อาการอยากเต๊าะเด็กก็กลับมาเช่นกัน ช่วยไม่ได้ ก็มันน่ารักนี่หว่า เห็นมันทุกวัน ทำอะไรด้วยกันทุกวัน ผมเลยได้เห็นด้านอื่นๆ ของธารใจที่ไม่ใช่ด้านเกเรด้วย บอกเลยว่ามันเป็นเด็กที่นิสัยน่ารักคนหนึ่งเลยนะ ดูแลเอาใจใส่คนอื่นดี ติดอย่างเดียวตรงที่การแสดงออกของมันดูแข็งๆ ไปหน่อย

แต่ถึงอย่างนั้นก็น่ารัก น่ารักจนผมอยากจะขายอ้อยมันให้รู้แล้วรู้รอด เแต่ก็ยังไม่กล้าทำไง ที่ไม่กล้าทำก็ไม่ใช่อะไร เกรงใจฝ่าเท้ามันที่จ้องจะประทับหน้าผมอยู่ร่ำไปถ้าผมแปลงร่างเป็นปลาสวายน่ะ

ตอนนี้เข้าใจเลยว่าฟีลหมาได้ปลากระป๋องเป็นยังไง คืออยากกิน แต่ไม่มีปัญญาจะกิน โอย...จะลงแดง

แต่คนอย่างไอ้เหนือมีเหรอที่จะยอมให้ปลากระป๋องมันหมดอายุแล้วขึ้นสนิมไปโดยที่ไม่แตะได้ แค่ได้เอาลิ้นเลียกระป๋อง ไม่ได้กินเนื้อข้างในก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

จะเลียให้กระป๋องลอก... นี่คือคำปณิธานของผม

และเพราะเหตุนี้ ผมจึงหาโอกาสเหมาะๆ ที่จะทำความสนิทชิดเชื้อกับมันทันใด โชคดีที่วันนี้ธารยกเลิกซ้อมวิ่งเพราะต้องอยู่ช่วยเพื่อนๆ ทำรายงานที่วิทยาลัยเลยว่าจะกลับช้า ผมเลยกลับมาก่อน และทันทีที่กลับถึงห้อง ผมก็ไม่ยอมเข้าไปในห้องตัวเอง ยืนรอธารใจกลับมาอยู่หน้าห้องกระทั่งฟ้ามืด ผ่านไปจนดึกและโดนยุงกัดเต็มตัวนั่นแหละ เด็กเวรนั่นถึงจะโผล่หัวมา

ทันทีที่เห็นผมนั่งยองๆ อยู่บริเวณหน้าห้องปุ๊บ มันก็ย่นคิ้วถามปั๊บ
“มานั่งทำบ้าอะไรตรงนี้เนี่ยพี่”
“เมื่อเช้าพี่เหนือลืมเอากุญแจออกมาน่ะครับ” ผมหันไปยิ้มไปแล้วบอกเสียงเบา ซึ่งแน่นอนว่าโกหก

ลืมบ้าอะไรล่ะ อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างเนี่ย ดีนะที่แม่กุญแจเป็นแบบกดล็อค ไม่ใช่แบบไขล็อค ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กนี่จะต้องสงสัยแน่ว่าตอนออกจากห้องเมื่อเช้า ผมล็อคห้องได้ยังไง ส่วนเรื่องทำไมถึงโกหกน่ะเหรอ...

หึๆ ก็จะได้ขอเข้าไปนอนค้างห้องมันยังไงล่ะจ๊ะ แผนการตีสนิทและลอบตอดนิดตอดหน่อยแบบไม่ให้มันรู้ตัวต้องมา ถึงจะถูกมันสั่งว่าห้ามตอดเป็นปลาสวายก็เถอะ

ธารยืนมองผมครู่หนึ่ง แล้วก็พึมพำ
“โง่ว่ะ ปลาทองจริงๆ ซะด้วย ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมกุญแจห้อง ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าของหอคงไม่ถ่อเอากุญแจมาให้แล้วด้วย ป่านนี้ร้านทำกุญแจก็น่าปิดแล้วด้วย”

มึงก็เคยลืมเถอะ อย่าทำมาเป็นแขวะกูหน่อยเลย จริงๆ คือกูไม่ได้ลืมด้วย กูแค่วางแผนขายอ้อยมึงเฉยๆ

ผมนี่ก่นด่ามันในใจไปเรียบร้อย แต่คิดถึงความฟินในอนาคตข้างหน้าก็ได้แต่ฉีกยิ้ม แล้วเออออห่อหมกกับมันไป
“ใช่ๆ พี่เหนือก็เลยรอน้องธารกลับมานี่ไง” แล้วก็กะว่าจะตามด้วยคำพูดว่า ‘คืนนี้พี่เหนือขอค้างด้วยคนนะ’
หากแต่ธารมันไม่รู้ว่าผมคิดอะไร เลิกคิ้วสูงกับประโยคนั้นแล้วถามกลับ
“รอผมกลับมาแล้วจะช่วยอะไรได้วะ ในห้องไม่มีเครื่องมือช่างหรอกนะเว้ย ตอกลูกบิดไม่ได้”

ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ช่วยตอกลูกบิดซะหน่อย จะขอไปนอนด้วยต่างหาก

แต่ก็ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ธารก็ไขประตูห้อง ปากก็ว่าไปด้วย
“งั้นคืนนี้พี่ก็ไปเช่าห้องพักรายวันนอนแล้วกัน หาไม่ได้ก็นอนหน้าห้องนี่แหละ” พูดจบ มันก็แทรกตัวเข้าห้องตัวเองไปหน้าตาเฉย

ฮะ...เฮ้ย นี่มึงจะไม่ชวนกูไปนอนด้วยหน่อยเลยเหรอ อย่างน้อยๆ ก็ถามหน่อยว่าคืนนี้กูจะไปนอนไหน ทีกูยังเคยให้มึงนอนด้วยเลยนะเว้ย!

เห็นมันทำท่าไม่เหลียวแล ผมก็รีบลุกพรวดมาคว้าขอบประตูไว้ก่อนที่จะถูกปิด ธารชำเลืองสายตามามองผมอย่างรำคาญ ตามมาด้วยการถามด้วยน้ำเสียงรำคาญเช่นกัน

“อะไร”
จะอะไรล่ะ มึงก็ชวนกูไปนอนด้วยเซ่!
“น้องธารไม่คิดจะถามพี่เหนือหน่อยเหรอครับว่าคืนนี้พี่เหนือจะนอนไหน” ผมว่าอ้อมๆ ไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าจะขอนอนห้องมัน
แต่การพูดอ้อมๆ นี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไอ้เด็กนั่นเอียงคอมองผมด้วยท่าทางกวนโอ๊ย แล้วก็ว่าออกมา
“เมื่อกี้ก็บอกแหม็บๆ ว่าให้ไปเช่าห้องรายวันนอน หาไม่ได้ก็ให้นอนหน้าห้อง แก่แล้วหูไม่ดีหรือไงวะ”

โดนมันด่าว่าแก่อีกต่างหาก ไอ้เด็กนี่... งั้นตรงๆ ไปเลยแล้วกัน
“ไปเช่าห้องก็เสียตังค์ตั้งหลายร้อยแน่ะ ช่วงนี้พี่เหนือแกล๊บแกลบ กว่าทางบ้านจะโอนเงินมาให้ใหม่ก็อาทิตย์หน้า แถมพรุ่งนี้ก็ต้องจ้างช่างมาตอกลูกบิดประตูอีก เอาเป็นว่าน้องธารช่วยพี่เหนือประหยัดด้วยการให้พี่เหนือนอนค้างด้วยคืนนึงนะ”
จู่โจมแม่ง ส่วนเด็กนั่นพอได้ยินผมพูดอย่างนั้นก็เบ้หน้าขึ้นมา
“ไม่เอาอะ ให้พี่มานอนด้วย เดี๋ยวพี่ก็ทำมิดีมิร้ายผมอีก ฝันไปเถอะ” แล้วมันก็กระชากประตูออกจากมือผม ทำท่าจะปิดอีกครั้ง
ผมรีบแทรกตัวเข้าไป ส่งผลให้ถูกประตูหนีบจนร้องดังแอ้ก ธารก็เลยดึงมือออกจากประตู ปั้นสีหน้าขุ่นๆ ใส่ผม
“อะไรของพี่เนี่ย บอกว่าไม่ให้นอนไง”
“นะครับน้องธาร คืนเดียวเองนะ พี่เหนือแกลบแล้วจริงๆ สาบานว่านอนด้วยอย่างเดียว เค้าจะไม่ทำอะไรตัวเองเลย” ปลายประโยคโชว์ความแบ๊วหน่อยนึงเผื่อมันจะเอ็นดู ชูสามนิ้วสัตย์ปฏิญาณด้วย กะพริบตาปิ๊งๆ ให้อีก

ขนอ้อยมาทั้งไร่ ทุ่มสุดตัวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

“นะน้องธาร พี่เหนือแกลบจริงๆ ถ้าเอาเงินไปจ่ายค่าห้องพักรายวันคืนนี้ล่ะก็ รับรองได้เลยว่าพรุ่งนี้แล้วก็วันถัดๆ ไป พี่เหนือลำบากแน่"

แถสุดฤทธิ์ อันที่จริงเงินในสมุดบัญชียังเหลืออีกบานเพราะผมไม่ได้เที่ยวไหนเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ถ้าไม่นับวันที่ไปร่อนแถวไนท์พลาซ่า ส่วนธารก็มองหน้าผมนิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรง

“เออๆ นอนก็นอน”
ได้ยินแล้ว ผมถึงกับร้อง ‘เยส’ ออกมาเบาๆ ทำให้มันที่เปิดประตูให้ผมเข้ามาในห้องตวัดหางตามามองแล้วก็บ่น
“พี่นี่แม่งนอกจากเป็นปลาสวายชอบตอดนิดตอดน้อยกับปลาทองขี้ลืมแล้ว ยังเป็นปลาไหลอีกนะ ไหลไปเรื่อย”

แหม ถ้าไม่ไหลลื่นแล้วจะได้นอนห้องน้องธารเหรอจ๊ะ

“แถมตอนนี้ก็ยังเป็นปลากระดี่ได้น้ำอีก แค่ได้นอนห้องผม ไม่ต้องดีใจเนื้อเต้นขนาดนั้นหรอกว่ะ แม่งความกามออกทางสีหน้าหมดละ”

ผมชะงักเอาในตอนนี้ รีบเก็บอาการระริกระรี้ที่เผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวทันใด หันไปมองไอ้เด็กนั่นที่ยืนจ้องผมตาไม่กะพริบแล้ว ผมก็กระแอมสองสามครั้ง พลันชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อย

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับน้องธาร พี่เหนือไม่ทำอะไรน้องธารหรอก เพราะเดี๋ยวพี่เหนือจะนอนพื้น มีที่นอนปิกนิกใช่มั้ยล่ะ พี่เหนือปูไอ้นั่นนอนข้างๆ เตียงนั่นแหละ” ผมว่าให้มันวางใจ เสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้นอนบนเตียงด้วยกัน แต่ไม่เป็นไร แค่ได้ร่วมห้องกันก็ฟินละ

ทว่าพอผมมองซ้ายขวาหาที่นอนปิกนิกซึ่งปกติมันจะเอาไว้บนหลังตู้ ก็ดันหาไม่เจอ กระทั่งธารใจพูดขึ้นมา
“ที่นอนปิกนิกไม่มี เอาไปส่งร้านซักเมื่อเช้านี้เอง”

งะ...งั้นก็แสดงว่า...ผมจะได้นอนเตียงเดียวกับเด็กนี่ล่ะสิ
อู้ว... ดี๊ดี

“แต่ไม่ให้นอนบนเตียงด้วยหรอกนะ”
เอ้า!

ความฟินเล็กๆ เมื่อครู่สลายไปทันตา ทำเอาผมร้องโอดครวญ
“แล้วจะให้พี่เหนือนอนพื้นกระเบื้องแข็งๆ เหรอ เปิดแอร์ด้วย หนาวจะตาย”
“ผ้าห่มมีสองผืน”

มันไม่ช่วยให้อุ่นหรอกเว้ย ต้องเนื้อห่มเนื้อ!

แต่ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโดนมันไล่กระทืบออกจากห้องไม่ทัน ได้แต่ย่นปากแล้วเดินไปทรุดตัวนั่งบนเตียงอย่างถือวิสาสะ
“เฮ้ยพี่ บอกว่าไม่ให้นอนบนเตียงไง” แล้วมันก็รีบร้องท้วงทันทีที่เห็นผมเริ่มเอนตัวนอนราบ

ทว่าผมก็ไม่ลุก ทิ้งหัวหนุนหมอนหน้าตาเฉย ทำให้ธารเดินมายืนค้ำหัวผมทันใด
“พี่เหนือ”
“ทีโรมกับจอมแก่นยังนอนเตียงน้องธารได้เลย น้องมายด์อีก พี่เหนือก็ต้องนอนได้สิครับ” ผมรีบแย้งขึ้นก่อนจะถูกมันกระชากขึ้นจากเตียง
“ก็นั่นมันเพื่อน แต่พี่เป็นอาจารย์นี่หว่า มันไม่เหมือนกัน ไม่สนิท” ธารให้เหตุผล ผมเลยเลิกคิ้วสูงใส่
“แต่เราก็สนิทเกินกว่าอาจารย์กับนักศึกษาแล้วนะ ไปวิ่งด้วยกันทุกวัน กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน แถมพ่อน้องธารก็โทรมาหาพี่เหนือทุกวันด้วย นี่มันพี่เลี้ยงเด็กกับเด็กที่ถูกพ่อเอามาฝากชัดๆ สนิทกันจนไม่รู้จะสนิทยังไงแล้ว”

ผมพูดมาอย่างนี้ ธารก็ไม่เถียง จึ๊ปากเล็กน้อย แล้วก็บ่นอีก
“เออ สนิทก็สนิท แต่ก็ไม่อยากให้นอนด้วย”
“เพราะพี่เหนือไว้ใจไม่ได้ในสายตาน้องธารล่ะสินะ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อนิดๆ รู้อยู่แก่ใจแหละว่ามันคิดแบบนี้กับผมตลอด ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งกับพี่จอมดื้อตามที่รับปาก แล้วก็ไม่ได้ลวนลามมันแล้ว แต่มันก็ยังไม่เชื่อใจผมอยู่ดี มีแต่ท่าทางเท่านั้นที่แสดงออกว่าเริ่มสนิทสนมด้วย แต่ในใจก็เหมือนเดิม

ทว่าสิ่งที่ผมพูดเมื่อครู่กลับผิดถนัด ธารเม้มปากไปครู่หนึ่งก่อนว่าออกมา
“ไม่ใช่เรื่องพี่ไว้ใจไม่ได้หรอก แต่ผมติดหมอนข้าง”
“ติดหมอนข้างแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ไม่อยากให้พี่เหนือนอนด้วยล่ะครับ” ผมทำหน้าสงสัย
“ก็ห้องผมไม่มีหมอนข้าง”
“แล้ว?”
“ก็คืนนี้พี่มานอนด้วยใช่มะ หมอนนั่นเป็นของผมใบนึง ส่วนอีกใบ พี่ก็ใช้หนุน ทีนี้ผมก็ไม่มีหมอนไว้กอด แล้วพี่คิดว่าผมจะทำยังไง”

ผมหันไปมองหมอนหนุนที่ตัวเองหนุนอยู่ ก่อนเหลือบไปมองหมอนใบข้างๆ แล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าไอ้เด็กนี่หมายความว่าอะไร ก่อนจะขำออกมา
มิน่าล่ะ ทำไมผมถึงถูกมันกอดตอนมันหลับถึงสองครั้งสองครา ดูท่าทางจะติดหมอนข้างขนาดหนักนะเนี่ย
“เหตุผลที่ไม่อยากให้พี่นอนด้วยคือเรื่องติดนอนกอดหมอนแค่นี้เนี่ยนะ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
ธารพยักหน้ารับอย่างไม่สบอารมณ์ ผมเลยหัวเราะหนักขึ้นไปอีก
“ขำอะไรวะ มีอะไรให้น่าขำหรือไง” ธารชักสีหน้าใส่เมื่อเห็นผมหัวเราะไม่เลิก
“เปล่า เห็นว่าน่ารักดี อย่างกับเด็กเล็กๆ” ผมว่า สีหน้าของธารใจเลยแดงเรื่อนิดๆ ก่อนที่มันจะเสมองไปทางอื่น

น่าเอ็นดูจริงว่ะเวลามันไม่แง่งๆ ใส่ผมเนี่ย เห็นแล้วอยากแกล้งแฮะ แต่คงไม่เทกระจาดอ้อยกระจุยกระจายอย่างตอนแรกละ เดี๋ยวไก่ตื่นอีก เอาเป็นขายอ้อยแบบละมุนละม่อมแล้วกัน

“งั้นเอางี้แล้วกันน้องธาร ในเมื่อไม่มีหมอนให้กอด ก็กอดพี่เหนือนอนแทนเนอะ” ผมแกล้งหยอดทันใด
ธารใจก็พึมพำทันควันเช่นกัน “ไอ้นั่นแหละที่โคตรไม่อยากทำ”
“เอาน่า นิดๆ หน่อยๆ พี่เหนือยอมเปลืองตัวก็ได้” ผมแกล้งอีก
ธารก็เลยเบ้หน้าใส่ผมรัวๆ “ผมว่าผมเปลืองตัวกว่าว่ะ ถ้าผมกอดพี่ คนได้กำไรก็คือพี่ ไม่ใช่ผม”

พูดอีกก็ถูกอีก และผมโคตรจะนี้ดเลย แต่ธารมันก็ดับฝันผมด้วยการหนีไปอาบน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไล่ให้ผมไปอาบต่อ มีการเอาเสื้อผ้าตัวเองมาให้ผมยืมใส่นอนด้วย

กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับกลิ่นน้องธารทำเอาผมสูดดมเสื้อกับกางเกงมันอย่างกับโรคจิต ดีนะที่มันไม่ได้ให้ยืมกางเกงในหรือบ็อกเซอร์ด้วย ไม่งั้นผมได้กลายเป็นโรคจิตอย่างสมบูรณ์แบบแน่

“แต่งตัวเสร็จก็มานอนได้แล้ว ง่วงจะตายอยู่แล้ว ปิดไฟด้วย”

ออกมาจากห้องน้ำได้ มันก็สั่งผมใหญ่ขณะที่มันนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง ผมไม่รอช้า ปิดไฟแล้วคลำทางมาปีนขึ้นเตียง ตอนขึ้นไปนอนนี่รู้สึกได้เลยว่าเด็กนั่นกระเถิบถอยห่างจากผมจนฟูกยวบ แต่ผมก็ไม่ถือสาอะไรด้วยคิดแผนอะไรบางอย่างออกขึ้นมา

ในเมื่อมันไม่กอด งั้นผมแกล้งทำเป็นหลับแล้วละเมอกอดมันแทนแล้วกัน

รอจังหวะให้เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง พอได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังออกมาจากคนข้างๆ ผมก็แกล้งทำเป็นนอนพลิกตัว แขนขาไปพาดบนร่างของเด็กนั่นทันที
ทว่าทันทีที่ผมพาด ฝ่าเท้าหนักๆ ก็กระแทกมายังร่างกายผมภายในเสี้ยววินาที ตามมาด้วยหลายต่อหลายครั้งจนผมแทบจะตกเตียง

“อย่ามาทำเป็นเนียนนอนละเมอกอดนะเว้ยไอ้พี่เหนือ!” แล้วเสียงโวยวายก็ดังขึ้น
มะ...มันรู้!?

ผมรีบดันตัวขึ้นนั่ง ขณะที่ธารเองก็รีบลงจากเตียง วิ่งไปเปิดไฟแล้วปั้นหน้าเครียดใส่ผม เห็นอย่างนั้น ผมก็ทำหน้าไม่ถูก ยิ้มแห้งๆ แล้วทักมันไป
“นะ...น้องธารยังไม่หลับเหรอครับ”
“ใครจะหลับลงวะ มีไอ้หื่นมือปลาหมึกมานอนข้างๆ เนี่ย”

สถานะปลาตัวใหม่มาอีกแล้ว โดนแขวะเป็นปลานู่นนี่จนจะกลายเป็นอควอเรียมแสงเหนืออยู่แล้ว
แต่ผมก็ไม่สนใจนัก ทำหน้าสงสัยแทน
“แล้วที่น้องธารนอนกรน...?”
“แค่เคลิ้มๆ แม่ง เผลอหน่อยเดียว โดนจนได้” ปลายประโยคนี่เหมือนจะบ่นคนเดียว

โด่ เซ็งเลย ทำไมไม่หลับให้สนิทไปเลยวะ จะมาเคลิ้มเพื่อ? ยังไม่ทันได้กอดจนหนำใจก็โดนมันถีบซะละ

ทว่าความเสียดายในการไม่ได้กอดมันก็ต้องอันตรธานหายไปเมื่อมันพูดขึ้นมาเสียงแข็ง
“ทำไมผู้ใหญ่นี่ไว้ใจไม่ได้สักคนเลยวะ รับปากอะไรแล้วทำไม่เคยได้”

ผมไม่เข้าใจที่มันพูดสักเท่าไหร่ แต่รู้สึกได้ว่าการกระทำของผมเมื่อครู่จะไปสะกิดปมอะไรของมันเข้า ก็เลยสีทำหน้าสลด แล้วเก็บกระจาดอ้อยลงไปก่อนด้วยอยากรู้สิ่งอื่นมากกว่าจะลวนลามเด็กนี่

จะว่าไปแล้ว จนป่านนี้ผมยังไม่รู้เลยนี่นาว่าตกลงมันมีปัญหาอะไรกันแน่ ทั้งที่สนิทกับทั้งคุณธี ทั้งกับเด็กนี่มากขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ผมก็ยังไม่รู้สักทีว่าอะไรที่ทำให้ธารใจเกเรไม่ยอมกลับบ้านอย่างนี้

และเพราะผมสงสัย ผมก็เลยลุกขึ้นนั่ง ตบฟูกข้างตัวเบาๆ ปากก็ร้องเรียกไปด้วย
“น้องธารครับ มานั่งนี่หน่อย”
“ไม่ พี่คิดจะทำอะไรแปลกๆ กับผมอีกแล้วล่ะสิ” ธารใจแสดงท่าทางระแวงออกมาทันที ผมเลยต้องรีบส่ายหน้า
“ไม่ได้คิดจะทำอะไร กอดเมื่อกี้นี้พี่เหนือละเมอจริงๆ แต่ที่ให้มานั่งนี่เพราะจะคุยอะไรด้วยสักหน่อยน่ะ” ผมไม่ยอมรับหรอกว่าที่กอดมันเป็นเพราะตั้งใจ ขืนรับไปตรงๆ ก็ได้โดนมันประเคนฝ่าเท้าให้อีกน่ะสิ

ธารยืนนิ่ง แสดงท่าทีไม่ไว้ใจออกมาสุดกำลังจนผมต้องตบฟูกอีกครั้ง
“มาเร็ว จะคุยเรื่องน้องธารน่ะ ไม่ได้จะทำอะไรจริงๆ”
“แน่นะ?”
“อื้ม”
พอผมรับปาก ธารก็เดินมานั่งแต่โดยดี ทว่าไม่ได้นั่งข้างๆ ผม นั่งอีกฟากหนึ่งของเตียง แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าอย่างน้อยมันก็ยอมทำตามแหละนะ

“จะคุยอะไร” ธารทำลายความเงียบขึ้น
ผมมองใบหน้าหล่อที่มีหัวคิ้วย่นยู่เล็กน้อย ก่อนจะพูด
“ทำไมน้องธารถึงไม่อยากกลับบ้านล่ะครับ บอกพี่เหนือได้มั้ย”
“ถ้าจะคุยเรื่องนี้ก็นอนเถอะ” ธารตัดบทแทบจะในวินาทีนั้น เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เวลาถูกผมถามไม่มีผิด แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมให้มันตัดบทแล้วทำเหมือนไม่ได้พูดอีกแล้ว

ขืนทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นในอนาคต มันก็ต้องมาหาว่าผมเป็นผู้ใหญ่ไว้ใจไม่ได้บลาๆๆ อะไรของมันอีก

ผมเลยรีบขยับเข้าไปหามัน คว้าข้อมือเอาไว้ก่อนที่มันจะเดินไปปิดไฟอีกรอบ
“น้องธาร พี่เหนือถามเพราะเป็นห่วงนะ ถึงพี่เหนือจะเป็นคนไว้ใจไม่ได้อย่างที่น้องธารพูด แต่อย่าลืมสิว่าที่น้องธารได้อยู่ที่นี่ต่อเป็นเพราะใคร” ได้ทีก็ทวงบุญคุณซะเลย

ธารเม้มปาก ทำหน้าขัดใจแล้วก็ส่งเสียงจึ๊จ๊ะ
“นอกจากไว้ใจไม่ได้แล้วยังชอบทวงบุญคุณอีกนะพี่น่ะ”
“ทวงสิ ก็อยากรู้นี่ว่าน้องธารมีปัญหาอะไรที่บ้าน แล้วทีนี้จะทดแทนบุญคุณพี่ได้หรือยัง” ผมหมายถึงการตอบคำถาม
ธารนิ่งคิดไปครู่ก่อนพยักหน้ารับช้าๆ ผมเลยตั้งท่าจะถาม ทว่าธารก็พูดขึ้นมาก่อน
“ให้ถามไม่เกินสามข้อ เกินกว่านี้จะไม่ตอบแล้ว”
“ได้ ไม่มีปัญหา งั้นคำถามแรกเลย ทำไมถึงไม่อยากกลับไปอยู่บ้าน”
“ก็มันไม่น่าอยู่ ...คำถามที่สอง”

เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิวะ ตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้ กูก็เสียกำไรสิเว้ย!

“น้องธาร คำตอบไม่เคลียร์นะ” ผมท้วง หากแต่เด็กนั่นย้ำคำ
“คำถามที่สอง...” ส่งสายตาดุๆ มาให้ด้วย ผมเลยต้องใช้สมองอย่างหนักว่าควรจะถามอะไรดีที่ได้มาซึ่งคำตอบที่ต้องการ
คิดได้ครู่ก็ถามออกไปอีก
“น้องธารมีปัญหากับพ่อเลยไม่อยากกลับไปอยู่บ้านใช่มั้ย”

อันนี้มาจากการสันนิษฐานของผม ถ้ามีปัญหากับผู้ใหญ่ ที่บ้านของมันก็มีคนที่เป็นผู้ใหญ่แค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น แต่ผมก็ไม่แน่ใจนักว่ามีปัญหากันแน่หรือเปล่า เพราะก็เห็นพ่อลูกยังคุยกันอยู่ถึงแม้ว่าจะคุยกันได้ไม่นานก็ทะเลาะกันตลอดเวลาก็เถอะ

คำถามนั้นทำเอาธารพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงแล้วพยักหน้า
“อืม”
“คุณพ่อทำอะไรให้เหรอถึงไม่อยากกลับไป” ผมกะว่าได้คำตอบมาก็จะเอามาประติดประต่อน่ะ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าคำตอบที่ได้จะมีประโยชน์เท่าไหร่

ทว่าก็คิดผิดเมื่อธารสบตาผมนิ่ง สายตาที่มองมาดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก นอกจากอึดอัดยังมีความเศร้าด้วย ก่อนที่ริมฝีปากหยักหนาจะเผยออก
“ถ้าเป็นพี่ พี่จะอยู่กับคนที่ฆ่าแม่ตัวเองได้โดยไม่รู้สึกอะไรมั้ยล่ะ ถึงจะคุยกันได้ก็เถอะ แต่ถ้าจะให้อยู่ด้วยนี่ทำไม่ได้ว่ะ เคยพยายามแล้ว แต่ทำไม่ได้”

ผมถึงกับชะงัก รู้อยู่ว่าแม่ของธารใจถูกยิงตายเพราะโดนลูกหลง แต่ที่ธารบอกว่าพ่อฆ่าแม่นี่หมายความว่ายังไง หมายถึงแม่ของเด็กนี่ไม่ได้โดนลูกหลงอย่างที่พี่สมรว่างั้นเหรอ? แล้วทำไมข่าวถึงออกมาแบบนั้นล่ะ

ผมอยากจะถามต่อเหลือเกิน แต่เห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่ดูสลดไปอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมก็ไม่อยากจะถามต่อ ความอยากรู้อยากเห็นกับความหื่นในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความสงสารขึ้นมา

ถ้าสมมติว่าพ่อฆ่าแม่จริงอย่างที่ธารว่า ผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กนี่ถึงทำตัวเกเร ไม่อยากกลับไปอยู่บ้านแบบนี้ มันคือการเรียกร้องความสนใจอย่างหนึ่งนั่นเอง

“ถามครบสามข้อแล้วก็นอนเถอะ” ธารตัดบท
แต่ผมไม่อยากให้เด็กนั่นเข้านอนด้วยอารมณ์แบบนี้เลย พอธารลุกขึ้น ทำท่าจะไปปิดไฟอีกครั้ง ผมก็รีบคว้าข้อมือใหญ่เอาไว้ ธารเหลือบมองผมอย่างสงสัย ผมเลยรีบพูด
“พี่เหนือขอถามอีกคำถามนึงได้มั้ยครับ”
“ถ้าถามเรื่องที่บ้านอีก ไม่ต้องถามเลย” มันดักคอผมอย่างรวดเร็ว

แต่ขอโทษเถอะ ผมไม่ได้จะถามเรื่องนั้น จะถามเรื่องอื่นต่างหาก

เท่านั้นผมก็ดึงให้มันนั่งลงเหมือนเดิม ขยับไปใกล้ๆ มันแล้วก็ยิ้มให้
“ขอโทษที่พี่เหนือถามอะไรแบบนั้นออกไปนะ พี่เหนือไม่รู้ว่าปัญหาของน้องธารกับคุณพ่อจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือจะไม่ถามเลย”
“ถามมาซะที” ตัดบทอีกแล้ว

วะ! อุตส่าห์จะเกริ่นให้รู้สึกดีก่อนแท้ๆ แล้วค่อยถาม งั้นก็ถามเลยแล้วกัน

“อยากให้พี่เหนือกอดมั้ย”
“ฮะ?” สีหน้าสลดเมื่อครู่หายไปทันตา กลายเป็นความตกใจที่จู่ๆ ผมก็โพล่งไปแบบนั้น
“พี่เหนือถามว่าอยากให้กอดมั้ย แบบว่ากอดปลอบน่ะ เอาปะ”
“กอดปลอบทำไม ไม่เอา”

ก็กะไว้อยู่แล้วล่ะว่าเด็กนี่จะต้องปฏิเสธ ทว่าผมไม่ยอมให้มันปฏิเสธง่ายๆ แล้วจบไปหรอก ผมเคยอ่านบทความมานะว่าการกอดทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นเวลาอยู่ในภาวะอารมณ์แย่ๆ โดยเฉพาะกับไอ้เด็กธารที่ผมบังเอิญไปสะกิดปมมันด้วยแล้ว ยิ่งต้องกอดปลอบใหญ่ รับประกันเลยว่าการเสนอตัวกอดมันครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะหอบหื่นกำเริบหรือจะลวนลามมันแต่อย่างใด แต่อยากจะปลอบใจจริงๆ

“นิดนึงน่า จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ไม่...”

ผมตอแย ธารก็ปฏิเสธ แต่แค่มันพูดได้คำเดียว ผมก็พุ่งเข้าไปรวบตัวมันมากอดแล้ว กดหน้ามันให้ซุกลงมาบนไหล่ตัวเอง มือที่กดท้ายทอยมันเมื่อครู่ก็ลูบไปมาเบาๆ ประหนึ่งกำลังโอ๋เด็กด้วย

“อะ...ไอ้พี่เหนือ!”
ธารโวยวายทันที ดิ้นออกจากอ้อมกอดผมด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ผมรู้ตัวแหละว่าสู้แรงมันไม่ได้หรอก แต่ก็ขืนตัวไว้ กอดมันแน่นแล้วก็พูดไปด้วย
“นิ่งซะนะ แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกแย่อะไรแล้ว ที่พี่เหนือถามไปเมื่อกี้ พี่เหนือขอโทษนะครับ อย่าคิดมากนะ” คราวนี้เอามืออีกข้างที่โอบหลังมันอยู่ลูบไปมา

ธารหยุดดิ้นได้ ตัวแข็งค้างราวกับตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็ได้รับความอ่อนโยนแบบนี้ แต่ครู่เดียวก็ค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วยอมให้ผมกอดแต่โดยดี

“อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปนะครับ พี่เหนือจะไม่ขอให้น้องธารยกโทษให้คุณพ่อหรอกนะ พี่เหนือเข้าใจ แต่อย่าเหมารวมว่าผู้ใหญ่ทุกคนไว้ใจไม่ได้ก็พอ ถึงพี่เหนือจะหื่น จะคิดลวนลามน้องธารบ่อยๆ แต่พี่เหนือเป็นที่พึ่งให้น้องธารได้เสมอนะ”
ได้ที ผมก็ปลอบไปอีก รอบนี้แอบพูดความในใจไปนิดนึง ทำเอาธารที่ซุกหน้าอยู่บนไหล่ผมว่าเสียงอู้อี้ออกมา

“พี่แม่งคิดจะกินเด็กจริงๆ ด้วย บอกแล้วไงว่าอย่าลวนลาม”
“ก็แค่คิดน่า ไม่ได้ทำจริงๆ ซะหน่อย ก็น้องธารน่ารักนี่นา พี่เหนือชอบ ชอบกว่าพี่ดื้ออีก” ผมหัวเราะ มือก็ยังไม่หยุดลูบหลัง แถมได้ทีก็หยอดใหญ่ หยอดประหนึ่งน้องธารเป็นหลุมขนมครก
“ยะ...หยุดพูดได้แล้ว” ธารว่าออกมาอีก คราวนี้พูดซะเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

ผมไม่เห็นหรอกว่าเด็กนั่นทำหน้าแบบไหน แต่พอจะเดาได้ว่าป่านนี้ต้องหน้าแดงหูแดงไปแล้ว ฟังจากน้ำเสียงตะกุกตะกักนิดๆ ก็รู้แล้วล่ะว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

“เอาเป็นว่าถึงพี่เหนือจะหื่นแต่ก็หวังดีกับน้องธารนะ ไม่ใช่แค่ในฐานะอาจารย์ แต่เป็นในฐานะ...อืม... พี่คนนึง”
 ธารไม่พูดอะไร พยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วก็ปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง พอผมผละออกมา ก็เห็นว่าใบหน้าขาวนวลของเด็กนั่นแดงเรื่อจนไม่มีพื้นที่ว่างให้สีเนื้อเลยแม้แต่เซนเดียว

โหย...น่ารัก ดาเมจความน่ารักแรงมาก เห็นแล้วอยากปกป้องจริงอะไรจริง

“มะ...มองอะไรเล่า นะ...นอนได้แล้ว”

ผมมองนานไปหน่อย ธารก็เลยโวยวายเบาๆ รีบเดินไปยังสวิตซ์ไฟ กดปิดอย่างรวดเร็ว ดูก็รู้ว่าตั้งใจจะซ่อนใบหน้าแดงๆ นั่นจากผม

ผมไม่ว่าอะไร ลอบยิ้มแล้วเอนตัวลงนอน กระทั่งธารเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนฟูก ผมเลยแกล้งแหย่ไปอีกนิดหน่อย
“ถ้าเมื่อกี้กอดไม่พอ น้องธารจะให้พี่เหนือกอดอีกก็ได้นะ เห็นทำท่าเหมือนชอบ” ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว ผมเอื้อมมือไปจะตวัดกอดด้วย

แต่ธารก็ยกเท้ามายันผมออกห่างได้ซะก่อน ตามมาด้วยการแผดเสียงใส่
“พอเลย เลิกตอด!”
แหม เขินก็เขินสิ ไม่ต้องทำร้ายร่างกายกันก็ได้

แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแหละนะ ได้แต่หัวเราะกับท่าทางกระด้างกระเดื่องนั้นแล้วก็ตวัดผ้าห่มมาคลุมตัวให้คนข้างๆ
“เฮ้ย” ธารร้องออกมาอย่างตกใจ ผมเลยรีบพูดก่อนที่มันจะได้ด่าผมอีก
“นอนในห้องแอร์ต้องห่มผ้าด้วย เดี๋ยวเป็นหวัด พี่เหนือเป็นห่วง”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา ผมไม่รู้ด้วยว่ามันทำหน้ายังไงเพราะปิดไฟมืดสนิทไปแล้ว เลยทิ้งตัวลงนอนบ้าง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงธารดังขึ้นเบาๆ ขณะที่มันพลิกตัวตะแคงไปคนละฝั่งกับผม

“ขอบคุณ”

ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้อีกแล้ว หัวใจกระชุ่มกระชวยเพียงแค่ได้ยินคำขอบคุณสั้นๆ ถึงวันนี้จะไม่ได้เต๊าะอะไรแบบดุเด็ดเผ็ดมันส์ชวนให้เร้าใจ แต่การเต๊าะด้วยความละมุนละไมกลับทำให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายผมเต้นแรงกว่าการเต๊าะแบบไร้สติซะอีก
อยากปกป้องมันแฮะ อยากเป็นคนที่เด็กนี่พึ่งพาได้

ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดอย่างนั้น แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

หรือผมจะชอบมันเข้าให้จริงๆ แล้ว?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦03/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-03-2016 04:08:47
ชั่งใจ ครั้งที่ 12: มันคงเป็นความรักที่ทำให้แสงเหนือยังหื่นอยู่อย่างนี้...[2]

คำตอบของคำถามเมื่อคืนก่อนจะผล็อยหลับมาชัดเจนเอาก็ตอนเช้าที่ตื่นมาแล้ว ตัวเองกลายร่างเป็นหมอนข้างให้ธารใจกอดนี่แหละ

ผมว่าผมชอบเด็กนี่เข้าแล้วล่ะ ไม่ได้ชอบแบบประเดี๋ยวประด๋าวซะด้วย ชอบแบบ...ชอบจริงๆ อยากดูแล อยากเป็นคนที่เด็กนี่มองหาก่อนคนแรกเวลามีปัญหาก่อนอะไรงี้

ยิ่งกว่าชอบน้องธารนั้น คือชอบไก่น้องธารยามเช้ามาก อู้หู ขันกระต๊ากอยู่ข้างขาแข็งขันเหลือเกิน งานดีมาก เหลือบไปมองแล้วอยากกินไก่เป็นๆ ทั้งขนอีกรอบ บอกได้เลยว่า...น้ำ-ลาย-สอ ดีที่ยังควบคุมสติได้ เลยได้แต่ลวนลามทางสายตา แล้วก็ต้องรีบทำตัวให้เป็นปกติเมื่อคนข้างๆ ตื่นขึ้นมามองผมทั้งที่ยังกอดผมอยู่

และโชคดีอีกอย่างคือตอนมันตื่นมา มันไม่ตกใจอะไรที่เห็นตัวเองเป็นฝ่ายกอดผมซะแนบชิด แค่พยักหน้ารับคำทักทายยามเช้าที่ผมทักไปเล็กน้อย แล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปวิทยาลัย ส่วนผมก็อ้างว่าจะไปตามช่างมาตอกลูกบิดประตู แต่พลาดท่าไปหน่อย ตอนที่ควานหาโทรศัพท์จากในกระเป๋าสะพายข้าง ไอ้กุญแจห้องตัวดีดันหล่นออกมาจากกระเป๋าด้วย ธารก็เลยรู้ว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้ลืมกุญแจไว้ในห้องอย่างที่บอกในตอนแรก แต่จงใจแกล้งทำเป็นลืมเพื่อมานอนห้องมัน

เท่านั้นแหละ... งานงอกเลย โดนด่ามาชุดใหญ่ ด่าชนิดไม่เกรงใจตำแหน่งผมเลยว่าผมเป็นอาจารย์ฝึกสอนของมันนะ แต่ไม่เป็นไร ถือว่าคุ้มค่ากับการถูกด่าอยู่

ก็ความฟรุ้งฟริ้งของน้องธารใจมันช่วยเยียวยาหัวใจแสงเหนือเหลือเกินนี่นา

แถมหลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับธารก็ดีขึ้นทีละน้อยอีกด้วย ที่ว่าดีขึ้นนี่ไม่ได้หมายถึงมีเรื่องชวนกิ๊บกิ้วมาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจหรอก แค่เด็กนั่นมันลดความแข็งกร้าวกับผมลงกว่าเดิมอีกระดับนึงน่ะ เราก็ยังคงทำทุกอย่างด้วยกันเหมือนเดิม กลับมาจากวิทยาลัยแล้วก็ไปวิ่ง วิ่งเสร็จก็ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ถึงหอก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน เป็นอย่างนี้ไปอีกอาทิตย์กระทั่งใกล้วันงานแข่งกีฬา

นั่นแหละจ้า ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไอ้น้องธารแม่งโหดมาก บังคับผมให้ซ้อมวิ่งหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ผมมารู้เอาตอนนี้ว่าการแข่งขันกีฬากระชับความสามัคคีอะไรนี่ จริงๆ แล้วเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของนักศึกษาแต่ละแผนกเลยทีเดียว

พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเด็กช่างมันจะประกาศศักดาว่าแผนกตัวเองแน่ แผนกตัวเองเจ๋งด้วยการกวาดรางวัลชนะเลิศจากกีฬาแต่ละประเภทให้ได้มากที่สุดน่ะ แล้วมันก็ลามมาซวยถึงผมที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่ปรึกษา มันบอกว่าแพ้การแข่งอะไรก็ไม่น่าอายเท่าแพ้การแข่งขันในเกมกีฬาที่อาจารย์ประจำแผนกลงแข่งด้วย เพราะมันหมายถึงการที่ตัวเป้งๆ ของแผนกมาประชันความแน่กันนั่นเอง
เด็กคนอื่นๆ ในแผนกก็เห็นด้วยเช่นกัน พวกมันก็เลยไซโคผมกันใหญ่ว่าถ้าผมแพ้ จะกระทืบให้จมดิน

เอ่อ...อันที่จริงไม่ควรเรียกว่าไซโค ควรเรียกว่าขู่ฆ่า

คือกูเป็นอาจารย์ฝึกสอนมั้ย! สติเว้ยสติ! ถ้ามึงอยากให้ตัวเป้งๆ ชนะจริง มึงก็ไปลากพี่สมรมาแข่งแทนกูโน่น!
แล้วพี่สมรลงแข่งมั้ยล่ะ...หึ ถ้าพี่สมรจะลงแข่งก็คงไม่ยัดเยียดให้ผมลงแข่งแทนหรอก

และเพราะเหตุนี้ผมเลยต้องฝึกวิ่งหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เรื่องวิ่งนี่ไม่น่าห่วง ที่น่าห่วงคือเรื่องกินแตงกวา ไม่ได้หัดกินแตงกวาเลยเถอะ ดูท่ายังไงก็แพ้แน่

แต่ผมก็ไม่บอกใครแม้แต่ธาร จนถึงวันที่จัดงาน ผมก็รู้ได้เลยว่าหายนะจะต้องมาเยือนอีกในไม่ช้าแน่ ทว่ามีใครสนผมล่ะ ไม่มี้! เอาแต่สนใจการแข่งกีฬาชนิดเอาเป็นเอาตายกัน น้องมายด์กับผองเพื่อนรุ่นน้องที่รับหน้าที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ซึ่งดูยังไงก็เหมือนใส่ชุดหางเครื่องมาเชียร์มากกว่ายังเชียร์กีฬาอย่างเอาเป็นเอาตายเลย

จริงจังแค่ไหนก็ลองดู มันถึงขนาดลงทุนไม่อู้กำเมืองเลยนะ พอถาม มันก็บอกเหตุผลว่า...

“การเชียร์นักกีฬาจะต้องสตรองค่ะ จะมาสวยหวานอย่างสาวเหนือไม่ได้ วันนี้จะละเว้นการอู้กำเมืองวันนึง”

สตรองจริงๆ เห็นตอนมันสั่งให้สแตนด์เชียร์ร้องเพลงเชียร์นี่ หาความอ่อนช้อยในน้ำเสียงไม่ได้เลย เสียงแมนโคตร อย่างกับครูฝึกทหารสั่งทหารเกณฑ์ให้ร้องเพลง

เห็นความมุ่งมั่นของมันแล้ว ผมก็ไม่อยากจะบอกเลยว่าถึงจะไม่พูดเหนือก็ไม่ได้ทำให้กูชนะขึ้นมาหรอก เพราะมันมีแตงกวาในแข่งวิบาก!

ทว่าผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากภาวนาขอให้แตงกวาถูกเปลี่ยนไปเป็นของกินอย่างอื่น แล้วก็เบนความกังวลไปสนใจการแข่งกีฬาของพวกนักศึกษาแทน โดยเฉพาะการแข่งที่มีน้องธารลงแข่งด้วย

แข่งวิ่งร้อยเมตร ธารชนะไปได้โดยไม่มีคู่แข่งสูสี ผมไม่แปลกใจนักหรอก ก็ซ้อมวิ่งทุกวันอย่างนั้นน่ะ แถมความยาวช่วงขาก็เป็นต่อคู่แข่งเห็นๆ เอาชนะไปได้แบบใสสะอาดมาก

อีกเกมที่ธารลงแข่งก็คือวอลเลย์บอล อันนี้ธารไม่ได้ตั้งใจจะลงแต่ถูกน้องมายด์จับยัด ซึ่งแน่นอนว่าน้องมายด์เองก็ลงแข่งเช่นกัน

พอถึงเวลาแข่ง เครื่องประดับขนนกที่เสียบหัวยาวเป็นหนวดตั๊กแตนก็ถูกถอดออก ชุดเชียร์ลีดเดอร์กรุยกรายก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นเสื้อทีมของแผนกช่างไฟ เชียร์ลีดเดอร์คนอื่นๆ ที่เป็นสาวน้อยร่างยักษ์เหมือนน้องมายด์ก็ลงแข่งด้วย เรียกได้ว่าในทีมของแผนกช่างไฟ มีแค่ธารใจคนเดียวที่เป็นผู้ชายแท้ๆ คนอื่นก็สตรีเหล็กกันหมด

ในเมื่อมีสตรีเหล็ก อีกฝ่ายก็เป็นสตรีเหล็กเช่นกัน ผมไม่แปลกใจละว่าทำไมน้องมายด์ถึงบังคับให้ธารลง เพราะดูเหมือนว่าธารจะเป็นคนดังของวิทยาลัยพอสมควร พูดง่ายๆ คือนอกจากจะเป็นอันธพาลอันดับต้นๆ แล้ว ยังเป็นหนุ่มป็อปอีกด้วย แค่เดินลงสนามไป อีกทีมก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดขึ้นมาทันที ไม่เว้นแม้แต่กองเชียร์ทั้งของแผนกตัวเองและแผนกอื่นๆ

แต่พอสัญญาณการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น จากเสียงกรี๊ดกร๊าดก็เปลี่ยนเป็นเสียงกรี๊ดเพราะความตกใจระคนเจ็บปวดแทน

ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ก็ไอ้ธารใจมันตบลูกวอลเลย์ฯ อัดตุ๊ดฝั่งตรงข้ามแบบไม่เบามืออย่างนั้น ไม่ร้องก็บ้าแล้ว

ตบอัดจริงๆ ตบอัดอย่างไร้เมตตา ถูกหามออกจากสนามกันไปหลายราย ส่วนน้องมายด์กับสมาชิกทีมที่เหลืออยู่ก็ตีมือกันด้วยความดีใจที่การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่น

อีน้องมายด์... แผนการมึงชั่วมาก เอาผู้ชายเข้าหลอกล่ออีกฝ่ายให้ตายใจแล้วจัดการเชือดทีเดียวตายหมดแผง

สรุปแผนกช่างไฟก็คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันวอลเลย์บอลไปครอง แข่งเสร็จ ก็ถึงทีของการแข่งขันของตัวเป้ง
แข่งกินวิบาก...

ผมเดินลงสนามมาประจันหน้ากับอาจารย์ที่ปรึกษาของแผนกอื่นๆ มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย รุ่นไล่เลี่ยกับผมและอายุมากกว่า โฆษกสนามซึ่งเป็นอาจารย์เหมือนกันแนะนำอาจารย์แต่ละแผนกให้นักศึกษาได้ร้องเชียร์ แผนกอื่นมันก็ร้องเชียร์ด้วยชื่ออาจารย์กันปกตินะ แต่พอถึงทีผมปุ๊บ เด็กในแผนกมันไม่เรียกอาจารย์เหนือกันว่ะ แต่มันเรียก...

“ออโรราสู้ๆ! ออโรราสู้ตาย! ออโรราไว้ลาย! อยากกินผู้ชายต้องสู้!”
“ออโรราน่ารัก คึกคักเวลาอ้อยเล่น ออโรราใจเย็นๆ เวลาอ้อยเล่นน่ารักๆ!”
“ซู่...ซ่า! ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังก้า ปาทังกี้ ซู่ๆ ซี่ๆ ปาทังกี้ ปาทังก้า ออโรราซู่ซา ออโรราเซ็กซี่ ผู้ชายมากมี ออโรราซู่ซ่า!”

ออโรราป้าพวกมึง กูชื่อแสงเหนือเว้ย! แล้วเพลงที่พวกมึงร้องเชียร์นี่มันอะไร!

ปวดหัวหนักมาก อีน้องมายด์แน่ๆ ที่เปลี่ยนเนื้อเพลงเนี่ย เห็นมันไปยืนเต้นเย้วๆ สั่งให้สแตนด์เชียร์ร้องใหญ่ ผมนี่อยากจะวิ่งไปกระโดดถีบมันเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่มันที่เชียร์ให้สแตนด์ร้องเพลง โรมกับจอมแก่นเองก็เช่นกัน ขนาดไอ้เด็กธารมันยังเอากับเค้าเลย

เดี๋ยวเถอะพวกมึง เดี๋ยวได้โอกาสเมื่อไหร่ กูจะเอาคืนให้แบบทบต้นทบดอก!

ผมทำหูทวนลม เข้าประจำที่เมื่อถูกเรียกให้เตรียมพร้อม พอกรรมการสั่งให้เริ่มแข่งขันปุ๊บ ผมก็ออกวิ่งจากจุดสตาร์ทอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ผมซ้อมวิ่งมาพอสมควรเลยทำให้คล่องตัวไม่น้อย กอปรกับอายุน้อยกว่าใครเพื่อนเลยออกตัวได้ไวกว่า มาถึงด่านแรกที่เป็นเป่าแป้งแล้วคาบเหรียญออกมา ผมก็จัดการผ่านไปได้โดยง่าย วิ่งไปจัดการยัดขนมโก๋อันเท่ากระเบื้องมุงหลังคาวัดเข้าปากในด่านที่สองทันที

เสียงร้องเชียร์ดังลั่นจนจับคำไม่ได้ ฟังออกอยู่คำเดียวคือออโรราๆ

อ้อ มีที่ฟังออกอีกอย่างคือ...

“ถ้าแพ้จะกระทืบให้จมเลยนะเว้ยออโรรา!”
“อย่าแพ้นะเว้ย ศักดิ์ศรีของแผนกช่างไฟอยู่บนบ่านะ!”
“ชนะอย่างเดียวนะออโรรา! กินเร็วๆ เข้า ยัดห่าเข้าไปเลย!”

ไม่รู้ใครต่อใครตะโกนบ้าง แต่เสียงของแผนกช่างไฟปีสามแน่
ส่วนผมอยากจะบอกกับพวกมันว่า... พวกมึงมาลงแข่งกันเองเลยไอ้พวกเด็กเวร!

เคี้ยวขนมโก๋ตุ้ยๆ ไป ตาก็มองค้อนพวกมันอย่างขุ่นเคือง แม่ง พี่สมรนะพี่สมร ลงแข่งกินวิบากนี่มันภารกิจระดับชาติชัดๆ!
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ผ่านมายังด่านต่อไปก่อนคนอื่นอยู่ดี ด่านต่อไปก็เป็นการกินกล้วยตาก ผมก็ยังผ่านไปด้วยดีแม้ขนมโก๋จากด่านก่อนจะทำฝืดคอไปมากโขก็ตาม

จัดการกับกล้วยตากห้าชิ้นเสร็จ ผมก็วิ่งไปยังด่านสุดท้าย ผ่านด่านนี้ก็ไปเคาะระฆัง ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น แต่ด่านสุดท้ายนี่มันด่านมหาหินสำหรับผม เพราะพอผมทรุดตัวนั่งปุ๊บ สายตาก็เหลือบเห็นแตงกวาดิบที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกขนาดเท่าฝ่ามือในตะกร้าห้าลูกเน้นๆ

เท่านั้นขนมโก๋กับกล้วยตากที่กินไปเมื่อกี้ก็แทบพุ่งออกมาทางเดิม ยิ่งหยิบมันขึ้นมาหักครึ่ง ตั้งท่าจะกินด้วยแล้ว ผมก็เกือบจะสำรอกของในกระเพาะออกมาทันใด

หึย...เหม็นเขียวโคตร ขนาดปอกเปลือกก็แทบกินไม่ได้แล้ว นี่ไม่ได้ปอก แถมไม่ได้แช่เย็น ไม่ต้องถามเลยว่าจะกินได้หรือไม่
มันก็ต้องไม่ได้อยู่แล้ว!

ผมวางแตงกวาทิ้งลงในตะกร้าทันที ทำท่าจะยอมแพ้ด้วย กะว่าถ้ากรรมการหันมาก็จะยกมือขอแพ้ไปเลย ทว่าพอผมทำท่าละล้าละลังไม่ยอมกินอย่างนั้น เสียงน้องมายด์ที่ยืนเชียร์อยู่ข้างสนามก็ดังลอยมาให้ได้ยินทันที

“ทำอะไรน่ะเจ้! กินเข้าไปเร็วๆ เซ่! ตาแก่หัวล้านนั่นจะกินเสร็จอยู่แล้วนะคะ!”

ตาแก่หัวล้านคืออาจารย์สอนพละและอาจารย์ที่ปรึกษาแผนกช่างยนต์ปีสาม ผมหันไปมองก็เห็นตาหัวล้านนั่นวิ่งมาหยุดด่านข้างหลังผม ยัดกล้วยตากชิ้นแรกเข้าปากอย่างเมามันส์ ก็ใช่ว่าผมอยากจะยอมแพ้หรอก อุตส่าห์วิ่งนำชาวบ้านชาวช่องมาถึงขนาดนี้แล้ว มาจอดเอาตรงแตงกวานี่แหละ

“กินเข้าไปซะทีสิโว้ยอีเจ้!” น้องมายด์ตะโกนมาอีกเมื่อเห็นผมยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม แถมรอบนี้ยังตะโกนด้วยเสียงที่แมนโคตรๆ อีกด้วย จากเดิมที่แมนอยู่แล้ว เพิ่มความแมนเข้าไปอีกสิบระดับ

หันไปมองหน้ามันแล้วก็เสียวมันจะพุ่งเข้ามาตีเข่าใส่ชะมัด ท่าทางมันอย่างกับเชียร์มวยไม่มีผิด ชุดเชียร์ลีดเดอร์ที่ใส่นี่ไม่ได้ทำให้มันดูอ่อนโยนขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ผมกลั้นใจหยิบแตงกวาขึ้นมาอีก ตัดสินใจว่าจะหลับหูหลับตากินๆ ไป แต่สุดท้ายก็ต้องวางลงที่เดิม

มะ...ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ โคตรเหม็นเขียว...

“อีเจ้! กินสิยะ! กิน!” น้องมายด์ตะโกนมาอีกละ ส่วนผมก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้หันไปทางมัน
“แต่พี่เหนือ...”
“ถ้าเจ้กิน จะประเคนผัวหลวงโรมที่รักให้เอาไปปลุกปล้ำจนหนำใจเลยเอ้า!”

พูดยังไม่ทันจบ มันก็แหกปากมาอีก ทำเอาโรมที่ยืนเชียร์อยู่ข้างๆ ทำหน้าเหวอจนเกือบจะพุ่งเข้าไปตบกะโหลกมันอยู่แล้วถ้ามันไม่โพล่งขึ้นมาอีก

“ถ้าไม่พอ แถมจอมแก่นเข้าไปด้วยอีกคนก็ได้ กินเร็วเข้าเจ้!”
คราวนี้จอมแก่นตกใจบ้างละ แต่...

เอาผู้ชายมาล่อ กูก็กระเดือกไม่ลงหรอกเว้ย! บอกแล้วไงว่ามันเหม็นเขียว พูดไม่รู้ฟัง!

ตอนนี้ธารที่มองอยู่เหมือนจะหงุดหงิดที่ผมไม่ยอมกินสักทีขึ้นมาบ้างแล้ว เลยตะโกนขึ้นมาด้วยอีกคน
“พี่เหนือ! กินสิวะ!” ท่าทางเหมือนจะเข้ามากระทืบผมให้ได้เลยด้วยเถอะ

หากทว่าการตะโกนนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้น้องมายด์ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้ผมอีกที
“ธารบอกว่าถ้าเจ้กิน ธารจะยอมได้เสียเป็นผัวเมียกับเจ้นะ!”
“เฮ้ย!”/ “อะไรนะ!”

ผมกับธารแหกปากขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ไอ้ที่ร้องด้วยความตกใจน่ะของธาร ส่วนผมนี่ฮึกเหิมขึ้นมา ฟีลอย่างกับชาวบ้านบางระจันเตรียมออกรบไม่มีผิด

แตงกวากูอยู่ไหน เอามาประเคนเดี๋ยวนี้!

แสงเหนือปอบลงทันที แตงกวาก็แตงกวาเถอะ ยัดทะนานเข้าไปแบบลืมไปหมดว่ากลิ่นมันเหม็นเขียวแค่ไหน ยัดครบห้าลูก กลืนลงท้องเสร็จก็รู้เรื่องเลย

จะ...จุก...

ไอ้ผักน้ำเยอะแถมเหม็นเขียวนี่จะเอามาใส่ในรายการทำไมวะ!

ผมค่อยๆ พาลุกขึ้น ลิ้นปี่จุกเสียดจนผมต้องกุมบริเวณนั้นไว้มั่น กัดฟันเดินเร็วๆ มายังระฆังที่อยู่ยังเส้นชัยอย่างยากลำบาก
ทั้งจุก ทั้งอิ่มจนอยากจะอ้วก ร่างกายบอกว่าไม่ไหวๆ แต่ใจผมนี่ท่องไว้ประโยคเดียว...

ได้เสียเป็นผัวเมียกับน้องธาร... ได้เสียเป็นผัวเมียกับน้องธาร...

ถึงธารใจจะไม่ได้พูด เป็นการยัดเยียดโดยอีน้องมายด์ก็เถอะ แต่บอกเลยว่าทำให้ผมฮึดมาก อึดใจเดียว ผมก็เข้าเส้นชัยพร้อมกับเคาะระฆังจนได้ กรรมการเป่านกหวีดปรี๊ดเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้ผู้ชนะแล้ว พวกเด็กแผนกช่างไฟร้องเฮกันอย่างกับจะออกศึกทันที

ส่วนผม...

เดินเซ... อยากจะลงไปนั่งอ้วกเต็มแก่
เพิ่งจะอายุยี่สิบสอง แต่สังขารแลดูจะไม่เที่ยง หน้ามืดตาลาย จะตายห่านกลางทางให้ได้

ท่าทางของผมทำให้โรมกับธารวิ่งเข้ามาประคองทันที โดยมีจอมแก่นวิ่งถือกล่องปฐมพยาบาลเข้ามาหา ประคองผมได้ก็พาไปนั่งข้างหลังสแตนด์เชียร์ จอมแก่นส่งแอมโมเนียให้ผมดม แล้วน้องมายด์ก็วิ่งแรดๆ เข้ามาถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“เจ้ เป็นไงบ้างคะ!”
มึงยังจะถามอีกเหรออีตุ๊ดนรก! กูจะท้องแตกตายเป็นชูชกก็เพราะมึงเนี่ย!

อยากจะด่ามันเหลือเกิน แต่ไม่มีแรง ดมแอมโมเนียลูกเดียวเลย โรมกับจอมแก่นก็เข้ามาบีบนวดมือกับขาผมเป็นการใหญ่ ธารเดินไปรินน้ำแดงชงมาให้ แต่ผมก็จิบได้นิดเดียวเท่านั้น จิบมากเกินกว่านี้ อ้วกได้พุ่งแน่

ส่วนอีน้องมายด์... ตั้งสติได้ มันก็ยิ้มเผล่
“แหม ตอนแรกทำท่าเหมือนจะไม่กิน แต่พอบอกว่าจะได้เสียเป็นผัวเป็นเมียกับธารก็ฮึดใหญ่เลยนะ”
“ไอ้ไม้ ถ้ามึงพูดอีก กูจะเทน้ำแดงราดหัวมึงเลย” ธารมองค้อนมันทันที

ส่วนผมก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าที่ชนะก็เพราะคำพูดประโยคนี้แหละ เลยมองหน้าธารเล็กน้อยด้วยสายตาประมาณว่า ‘ชัยชนะครั้งนี้เพื่อน้องธารคนเดียวเลยนะครับ’ แต่ธารไม่สนใจ สบตาผมเล็กน้อยแล้วก็หันไปมองขวางใส่น้องมายด์อีกเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น

“เอ้า ก็จริงนี่นา เจ้แกเล่นยัดแตงกวาพรวดๆ แบบนี้ แสดงว่ากำลังใจดีมาก แหม เจ้นี่ไม่ธรรมดานะคะ เอาผู้ชายเข้าล่อหน่อยเดียว ฮึดใหญ่เชียว”
แค่น้องธารคนเดียวเท่านั้นแหละเว้ย โรมกับจอมแก่นไม่เกี่ยว!
“ไปไหนก็ไปเลยไอ้ไม้ โน่น จะแข่งกีฬาใหม่แล้ว ไปเฝ้าสแตนด์มึงไป” ธารออกปากไล่ก่อนน้องมายด์จะได้พูดอะไรไร้สาระไปมากกว่านี้
“แหมๆ ไล่ใหญ่เลยนะ ใช่ซี่ เจ้เหนืออยู่ตรงนี้แล้วนี่ ของเก่าอย่างมายด์ก็ไม่สำคัญแล้วล่ะสิ”
“ยังไม่ไปอีก!”

ธารทำท่าจะสาดน้ำแดงในมือจริงๆ น้องมายด์เลยวิ่งกลับไปทางเดิม แต่ก็ไม่วายส่งเสียงหัวเราะคิกคักทิ้งท้าย ไม่ไปคนเดียวด้วย ลากโรมไปอีกเพราะโรมจะต้องลงแข่งกีฬาประเภทถัดไป เพิ่งถอดเฝือกออกแท้ๆ ความจริงไม่น่าลงแข่งอะไรเลย แต่ดีที่การแข่งขันรอบต่อไปคือฟุตซอล ผมเลยไม่เป็นห่วงมากว่าโรมจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะกระดูกแขนร้าวอีก

พอโรมกับน้องมายด์ไป จอมแก่นก็ขอตัวด้วยเมื่อเห็นผมมีอาการดีขึ้นเพราะต้องไปคอยดูแลฝ่ายสวัสดิการส่วนอื่น ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าไปไหนก็ไปเถอะ กูจะได้อยู่กับน้องธารใจที่รักสองต่อสองซะที แต่พอทุกคนไปปุ๊บ ไอ้เด็กธารมันก็จะไปบ้างทันใด

“ถ้าดีขึ้นแล้ว ผมไปเชียร์เพื่อนต่อนะพี่”
“เดี๋ยวสิน้องธาร” ผมรีบคว้าชายเสื้อมันเอาไว้ ธารหันมาเลิกคิ้วมอง ผมเลยได้ทีทวงรางวัล “พี่เหนืออุตส่าห์ชนะแล้ว น้องธารจะไม่ให้อะไรรางวัลพี่เหนือหน่อยเหรอครับ”
“อะไรของพี่เนี่ย อยากได้ก็ไปทวงไอ้ไม้โน่น ผมไม่ได้ตกลงอะไรด้วยสักหน่อย” มันโวยวายทันที ผมเลยทำปากยู่
“แหม แต่พี่เหนือฮึดขึ้นมาเพราะประโยคนั้นจริงๆ นะ”
“ได้เสียกับพี่นี่ไม่ไหวมั้ง อยากได้เสียก็ไปได้เสียกับไอ้ไม้เถอะ”

ทำอย่างนั้น ฟ้าก็ได้ผ่ากูพอดีน่ะสิวะ! แล้วดูเบ้าหน้าเพื่อนมึงด้วยว่าน่าได้เสียมั้ย พูดมาได้ไม่คิด!

“แต่พี่เหนือทำเพื่อน้องธารจริงๆ นะ น่าจะมีอะไรตอบแทนหน่อย นิดนึงก็ยังดี ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้พี่เหนือเกือบสำลักแตงกวาตายเลยนะ คนไม่ชอบกินแตงกวาอย่างพี่เหนือยอมกินแตงกวานี่ก็เพื่อน้องธารคนเดียวเลย” ผมเผลอเต๊าะมันอย่างไม่รู้ตัว ธารก็เลยทำหน้าแหยงๆ ใส่ผม
“เอาอีกละ เป็นปลาสวายอีกละ”
“ก็น้องธารน่ารักนี่นา พี่เหนือชอบ” ผมว่าไปตามตรง อันนี้ก็เต๊าะนะ แต่ผสมความจริงเข้าไปด้วย

และพูดแค่นั้น จากที่ทำหน้าแหยงๆ อยู่ก็กลายเป็นว่าหน้าแดงขึ้นมาทันใด
“อ๊ะๆ หน้าแดง” ผมได้ทีก็ล้อเลียน ชี้นิ้วไปที่หน้ามันด้วย ธารเลยปัดมือผมออกซะเต็มแรง
“ยะ...อย่ามาชี้หน้านะเว้ย!”
“ไม่ให้รางวัลแล้วยังจะมาตีเค้าอีก”
“ก็บอกแล้วไงว่าถ้าอยากได้รางวัลก็ไปเอาที่ไอ้ไม้!”
“นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ แบบว่าหอมแก้มอะไรงี้” ผมต่อรอง ทำให้ธารหน้าแดงจนลามไปยังหู
“ไม่! จะไปเชียร์ไอ้โรมแล้ว!”

 ผมย่นจมูกใส่ เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ ก็ธารไม่ได้เป็นคนยื่นข้อเสนอนี่นา น้องมายด์มันพูดเองเออเองคนเดียว ผมเองก็บ้าจี้ไปกับมัน จะมาทวงรางวัลกับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มันก็ไม่แฟร์

ผมเลยโบกมือเป็นเชิงบอกให้มันไป แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พลาสติก กะว่ารอให้หายเหนื่อยก่อน จะเข้าไปตากแอร์นอนเล่นในห้องพยาบาล

หากแต่ธารที่เดินไปแล้วเดินกลับมาอีกเรียกสายตาผมไป ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่ามันยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมาแตะแก้มผมเบาๆ

“อะ...เอาไป ให้ได้แค่นี้แหละ” พูดแบบไม่มองหน้าด้วย
ฟะ...ฟินแรงมาก! ไอ้เหนือแทบจะลงไปดิ้นพราดๆ บนพื้น ทำไมเด็กนี่มันน่ารักได้ขนาดนี้!

ผมยิ้มกว้างอย่างหุบไม่ได้เลย จังหวะที่ธารหันมามองพอดี ผมก็เลยถูกหยิกแก้มซะเต็มแรง
“ยิ้มบ้าอะไร เลิกยิ้ม!”
“โอ๊ยๆ เจ็บๆ!”

กว่ามันจะปล่อยได้ก็เล่นเอาแก้มผมแทบย้วย หน้าชาไปครึ่งซีกเลยให้ตาย ขณะที่ตัวการทำหน้าบึ้งแล้วก็เม้มปากแน่นครู่หนึ่ง ก่อนสั่งออกมา

“อย่าเอาไปบอกใครเข้าใจมั้ย”
“ทำไมล่ะ” ผมยียวนด้วยอยากจะแกล้งให้ธารเขินกว่าเดิม
แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายเขินแทน
“ถ้าอยากให้ทำอีกก็อย่าเอาไปบอกใคร”

จะ...จ้า! ไม่บอกจ้า เหยียบให้สนิท เหยียบให้มิดจมดินเลย ทำกับพี่เหนืออีกบ่อยๆ นะ ขอมากขึ้นกว่านี้ด้วย ชอบ!

พยักหน้ารัวเลย ธารมองผมแล้วก็ยกมือลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินนิดหน่อย แล้วก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊
“งะ...งั้นไปละ ไอ้โรมมันจะแข่งแล้ว”
“ครับน้องธารของพี่เหนือ” ผมยิ้มให้

เท่านั้นธารก็เดินไป จังหวะที่มันหันหลังให้ ผมแอบเห็นด้วยว่าซีกหน้าของเด็กนั่นมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นมา

ละ...หล่อโคตร

ละลาย... ละลายไปเลย ไหน หันกลับมายิ้มให้พี่อีกทีซิ

ไม่ทันละ มันเดินไปโน่นแล้ว มองตามหลังแล้วผมก็ใจเต้นตึกตัก

ชอบเด็กนี่จริงๆ ด้วย ไม่ใช่ชอบธรรมดาหรือชอบแบบอยากปกป้องแล้ว ตอนนี้คือชอบแบบอยากได้อยากโดน ไม่ใช่อยากได้อยากโดนแบบชั่วคราวแล้วก็จบด้วยนะ คือ...อยากได้เป็นแฟน

อา...  มันคงเป็นความรักที่ทำให้แสงเหนือยังหื่นอยู่อย่างนี้...

น้องธารนะน้องธาร ขโมยหัวใจพี่เหนือไปแบบไม่รู้ตัวซะแล้ว
-----------------------------------------------
ตอนนี้อันที่จริงซึ้งนะ แล้วดูนังพี่เหนือ 555 สักวันคงจะได้จะโดนนะคะพี่เหนือ กร๊ากกก
น้องธารยังคงมุ้งมิ้งเช่นเคย เป็นเมะที่น่ารักมากๆ แงงง ชอบผู้ชายขี้อาย แอบยิ้มด้วยคืออัลไลลล
ฮือ... ดีงามกรุบกรอบมาก ปมของน้องธารก็ค่อยๆ โผล่มาอีกนิดแล้วนะคะ อีกหลายตอนทีเดียวกว่าจะเฉลยทั้งหมด
ตอนนี้ที่จริงกะจะอัพไม่เกินเที่ยงคืน แต่ไม่ได้เขียนหลายวันเกิน อารมณ์มันไม่ต่อเนื่องเลยต้องบิวท์นานหน่อย อีกสัก 1-2 วันจะมาอัพตัวอย่างให้นะ ส่วนตอนใหม่ก็อาทิตย์หน้าเลยค่ะ ช่วงนี้หนูแดงวุ่นอยู่กับการทำหนังสือ ขอเวลาเคลียร์ภารกิจระดับชาติก่อนเน้อ ช่วงเดือนหน้าคงจะมาอัพให้ได้เต็มสูบค่า XD
ปล. ฝากส่งฟีดแบ็กกันหน่อยน้าตัวเอง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 08-03-2016 07:47:47
ฟินอีกแล้ว ฟินอย่างต่อเนื่อง คนเขียนเขียนเก่งมากๆเลย ทำคนอ่านยิ้มไม่หุบ ขอบคุณมากๆน้า รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :hao6: :katai4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 08-03-2016 08:12:01
กำลังสนุกเลย มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 08-03-2016 08:14:51
พี่เหนือดูท้นทนเนอะะะ  ทำทุกอย่างเลย เพื่อจะเต๊าะน้องธาร 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 08-03-2016 08:16:58
ฟินไปกะน้องธาร น่ารัก มุ้งมิ้ง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-03-2016 08:57:56
พี่เหนือถ้าได้กินธารยอมกินแตงกวาเลยเว้ย  ไม่ค่อยหื่นเลย
ธารเวลาอยู่กับพี่เหนือหลุดน่ารักมาหลายเรื่องแล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 08-03-2016 09:40:02
ตอนนี้ติดนิยายงอมแงมเลย อยากให้ถึงอาทิตย์หน้าไวๆจัง

น้องธารใจ น่ารักมาก ขอบๆๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 08-03-2016 09:42:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 08-03-2016 09:48:17
เอ้ยยยย  ฟินอ่า  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 08-03-2016 12:47:41
ฟินอะ น่าร๊ากกกก ทั้งสองเลย  :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-03-2016 13:11:03
มะนดีงามมากค่ะ น้องธารโคตรน่าแกล้งเลยยย  แต่ต้องแกล้งให้ถูกจังหวะหน่อยไม่งั้นอาจโดยเตะสลบได้ อ๋อยยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-03-2016 13:27:56
ข้อเสียของนิยายเรื่องนี้นะคะ

1. ทำให้คนอ่านติด
2. พอติดแล้วทิ้งระยะเวลาลงนาน
3. จากข้อ 2 ทำให้ผู้อ่านจะลงแดง

ฮืออออออออออออ Q Q
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-03-2016 14:06:54
ฟินนนน มากกก ขอบอก
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-03-2016 14:42:25
ฟินแรงมากสินะพี่เหนือ
เราก็ฟินนนน~
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 08-03-2016 14:51:37
โอ๊ยยยยย ตอนนี้ ฟินแทนออโรร่า 5555 นางได้คอมโบเซ็ท ทั้งกอด ทั้งลูบหลัง เด็ดสุด จุ๊บแล้วมาแตะแก้ม ฟินนน  :heaven 

นาทีนี้ออโรร่าจะแปลงร่างเป็นตู้ปลาละ เป็นมันหมด ปลายสวาย ปลาทอง ปลาไหล ล่าสุด ปลาหมึก (?) อิธารนี่ชั่งด่า ชั่งกัดจิกได้น่ารักน่าชังจริงๆ

จะผิดไหมถ้าปันใจให้....น้องมายด์  :jul3:  ชอบนาง นางแบ๊ว นางถึก นางมาดแมน นึกถึงเพื่อนสมัยเรียนเลอออ สุดท้ายตอนจบ น้องมายด์เป็นพระเอกได้กะออโรร่า ฮาาาาา :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-03-2016 15:05:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 08-03-2016 17:05:53
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-03-2016 17:56:33
พี่เหนือนี่ตลกจริงๆ
สู้ๆนะคะ หนทางกินเด็กยังอีกยาวไกล 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 08-03-2016 19:56:48
เรื่อยๆนะ พี่เหนือ น้องธารใจ

รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-03-2016 22:30:44
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-03-2016 23:45:19
ตลกดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-03-2016 07:35:50
ไม่ว่าจะเผื่อได้เผื่อโดนถาวรรึชั่วคราว อีพี่เหนือก็เต๊าะไม่ต่างกัน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 09-03-2016 09:43:47
นังพี่เหนือตกหลุมรักแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 09-03-2016 15:37:03
ฟินเลยยยยย  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-03-2016 20:23:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 09-03-2016 21:39:50
แสงเหนือนี่อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ แบบ ออร่าเมะมันพวยพุ่งมากก
หรือจะสลับกันในตอนท้าย กรี้ดดด นี่เจ้เหนือรุกหรอ !!! O.O
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 09-03-2016 22:01:00
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 09-03-2016 22:21:41
อ่านรวดเดียวหมดเลยยยยย ตอนหน้ามาต่อไวๆ นะคะ อยากเห็นพี่เหนือนางเต๊าะเด็กอีก อิ่มฤทัยมาก รู้สึกร้อนรุ่มกลุ้มฤดี
พี่เหนือเต๊าะ = เราเต๊าะไปด้วย ฮาาาาา ชอบหนุ่มขี้อาย น่าหยอดน่าแกล้งน่าเอ็นดู
เพราะงั้นเราจะปักธงให้พี่เหนือได้พี่เหนือโดนไวๆ นะ อรั๊ย ♥

 :-[
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 09-03-2016 23:37:24
ให้ตายเถอะ...น้องธารก็แอบขายอ้อยมั้ยล่ะเนี่ยแบบนี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 10-03-2016 00:46:32
ธารใจอ่อนไวๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-03-2016 11:05:06
ใกล้ได้ใกล้โดนแล้วแหละครับ พี่เหนื่อ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-03-2016 17:26:43
น่ารัก น่าใคร่ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่12♦P.8♦08/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 10-03-2016 23:07:59
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 13

เกือบจะลืมไปแล้วว่าวันนี้นัดอัพตัวอย่างให้ ฮาา ตอนเต็มๆ มาอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ
ตอนนี้หนูแดงอยู่ในภาวะวิกฤต เคลียร์ต้นฉบับแก๊งเกรียนฯ ให้ทันเวลาที่กำหนดตีพิมพ์อยู่
พี่เหนือกับน้องธารอาจจะต้องดองๆ ไปก่อนนะ มาถี่ๆ อีกทีก็เดือนหน้าเลยจ้า
ว่าแล้วก็แปะตัวอย่าง
---------------------------------------------
#น้องธารเป็นผัวพี่เหนือ

ผมนั่งรอการมาของธารใจด้วยอารมณ์ชื่นบานสุดฤทธิ์จนน้องมายด์กับจอมแก่นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ทว่าพอมันมาถึงพร้อมกับโรม สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกับสองคนนั้นเดินตามหลังมาด้วย ผมจะไม่อะไรเลยเพราะพอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นเด็กของโรม ก็รายนั้นน่ะเจ้าชู้จะตาย แต่เพราะเอะใจที่เห็นมันควงถึงสอง อารมณ์ชื่นบานของผมก็หายไปทันตา

หรือว่า...ไอ้ที่มันควงมาสอง จะเป็นของธารคนนึง?

แล้วผมก็คิดถูกเผง เพราะพอโรมเดินนำทุกคนเข้ามาได้ ก็แนะนำเด็กผู้หญิงสองคนนั้นให้ผมรู้จัก

"แป้ง แจน นี่พี่เหนือนะ เป็นอาจารย์ฝึกสอนที่วิ’ลัยเรา ส่วนนี่แป้งกับแจนครับพี่เหนือ แป้งเป็นเด็กผม ส่วนแจน..." เว้นจังหวะไปนิดนึงแล้วเหลือบไปมองธารที่ตามมาหลังสุดทำหน้าหงุดหงิดนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อ "...แฟนไอ้ธาร"

ว่าไงนะ! ไหนมึงบอกว่าไม่มีแฟนไง!

จากที่ยิ้มๆอยู่ ผมถึงกับหน้าตึง เบิกตาโตขึ้นทันควัน ในใจร้อนวูบวาบด้วย ส่วนธารก็ปรี่เข้าไปผลักโรมไม่แรงนักอย่างหัวเสีย

"แฟนอะไร ไม่ใช่เว้ย"
โรมหัวเราะทันใด "ตอนนี้ไม่ใช่ อีกหน่อยก็ใช่วะ มึงคุยกับแจนอยู่ไม่ใช่หรือไง กูว่าคงหนีไม่พ้นแล้วมั้ง"

แจนยิ้มอายๆ กับคำพูดนั้น ส่วนธารก็ทำหน้าหงุดหงิดหนักกว่าเดิม แต่คนที่หงุดหงิดกว่าก็คือผม

ยังไม่ใช่แฟน ก็อย่ามาทำเป็นอายม้วนต้วนนะเว้ยยัยเด็กหน้าแบ๊ว!

"หน็อย ไอ้ผัวเนรคุณ เปย์ให้ตั้งเยอะแต่เอาชะนีมาเย้ย คอยดูเถอะ มีนมเมื่อไหร่จะเชิดใส่ให้"
ไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นเสียงน้องมายด์ที่พึมพำมาให้ได้ยิน หันไปมองก็เห็นน้องมายด์ทำหน้างอ กอดอกอยู่บนโซฟ้าข้างๆ

อารมณ์มาเต็มกว่ากูอีก แล้วไอ้โรมนี่ไปเป็นสามีมึงตั้งแต่ตอนไหนวะ

อะไรก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ๆคือผมอารมณ์เสียมาก แต่เก็บอารมณ์ ยิ้มให้เด็กผู้หญิงสองคนนั้นที่ยกมือไหว้ผมทันทีที่โรมแนะนำเสร็จ

“สวัสดีครับ พี่เหนือฝากตัวด้วยนะ”
ส่งเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ แต่บอกเลย...ในใจนี่พุ่งไปหิ้วยัยเด็กพวกนั้นเหวี่ยงออกไปนอกห้องแล้ว โดยเฉพาะยัยน้องแจนที่พอยกมือไหว้ผมเสร็จ ก็ตรงเข้าไปหาธาร เกาะแกะด้วยประหนึ่งเป็นแฟนกันจริงๆ
หน็อย...แฟนน้องธารเหรอ น้องธารนี่ของพี่เหนือต่างหากเว้ย!

“แจน ขอเวลาแป๊บนะ” ธารคงจะรำคาญเลยยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้ยัยน้องแจนถอยห่าง
เด็กนั่นชะงักไปนิด พยักหน้าแล้วก็เดินไปนั่งกับเพื่อนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ น้องมายด์ ก่อนที่ธารจะออกปากเรียกโรม
“มึงมาคุยกับกูหน่อย” แล้วก็เดินออกจากห้องไป

โรมบอกแป้งกับแจนว่าเดี๋ยวจะกลับเข้ามา แล้วก็เดินออกไป เหลือเพียงสี่ชีวิตในห้องคาราโอเกะแห่งนี้ ความเงียบเข้าครอบงำ จอมแก่นก็เลยเป็นคนแรกที่ทำลายบรรยากาศมาคุด้วยการเลือกเพลงมาร้องด้วยน้องมายด์ยังคงนั่งทำหน้าบูดเป็นก้นลิงอยู่ ผมก็ทำเป็นร่าเริงไปตามประสานั่นแหละ แต่สายตานี่มองยัยเด็กแจนไม่เลิกเลย

เดี๋ยวเถอะ... แฟนเหรอ เดี๋ยว! เถอะ!

ไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว ผมยังเนียนเข้าไปร่วมวงร้องเพลงกับพวกนั้นด้วยเมื่อทั้งแป้งและแจนเริ่มสนุกไปกับจอมแก่น ส่วนน้องมายด์ก็เริ่มเลือกเพลงมาร้องบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงลูกทุ่งแนวอกหักแต่จังหวะสามช่า ร้องไปก็ปีนขึ้นไปเต้นบนโต๊ะสุดฤทธิ์ บรรยากาศชวนอึดอัดในตอนแรกจึงค่อยๆ บรรเทาลง

และแน่นอนว่าพอทุกอย่างเริ่มครื้นเครง ผมก็ได้ทีเริ่มแผนการชั่วร้ายในใจทันที

“น้องแจนรู้จักกับธารมานานแล้วเหรอ” ก็คือการตะล่อมถามเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กนั่นกับธารใจน่ะ
แจนหยุดปรบมือให้จังหวะคนอื่นๆ หันมามองหน้าผมที่ย้ายที่มานั่งใกล้ๆ เล็กน้อย ก่อนยิ้มให้
“รู้จักมาได้สี่ห้าเดือนแล้วค่ะ”
“แล้วรู้จักกันได้ยังไง”
“อ๋อ โรมแนะนำมาน่ะค่ะ พอดีโรมคุยๆ อยู่กับแป้ง”

ตอนนี้ผมชักจะหงุดหงิดไอ้โรมด้วยละ แม่ง จะแนะนำน้องธารของกูทำเพื่อ!?

“แล้วน้องแจนชอบธาร?”
“ก็...ค่ะ” ตอบแล้วก็ทำหน้าแดงจนใบหน้าน่ารักนั่นดูน่ารักมากขึ้นไปอีก เล่นเอาผมลอบหันไปกลอกตารัวๆ

ทำไมยัยเด็กนี่มันถึงได้ดูฟรุ้งฟริ้งจังวะ แล้วดูกูสิ เทียบกับเด็กนี่แล้วอย่างถึก เห็นแล้วก็หวั่นใจเลยว่าไอ้เด็กธารมันจะชอบอะไรนุ่มนิ่มน่ารักมากกว่าคนที่มีร่างกายเป็นผู้ชายอย่างผม

ทว่ามีเหรอที่ผมจะยอมให้เป็นอย่างนั้น ถึงตอนจบจะลงเอยอย่างนั้น แต่ผมก็ต้องลองขัดขวางก่อนล่ะวะ เผื่อยัยน้องแจนนี่จะเฟดตัวออกจากธารไปเอง

เท่านั้นผมก็เริ่มแผนการทันทีด้วยการแสยะยิ้มแล้วถามออกมา
“แล้วน้องแจนรู้หรือเปล่าว่าธารน่ะเป็น...”
เด็กนั่นหันมามองหน้าผมอย่างสนใจทันทีที่ผมหยุดพูด เห็นสายตาคู่นั้นที่มองอย่างขอคำตอบ ผมก็ยิ้มเผล่แล้วเล่นลิ้น
“อ่า... ไม่พูดดีกว่า เผื่อธารจะไม่อยากให้ใครรู้”
“เรื่องอะไรเหรอคะพี่เหนือ”
นั่นไง สะกิดต่อมความอยากรู้ของยัยเด็กนี่ได้ทันตาเห็นเลย
“คือ...ความลับของธารน่ะ”

ยัยน้องแจนทำท่าสนใจมากขึ้นไปอีก ส่วนผมก็แสร้งทำท่าลังเลแล้วก็ตัดบทเอาดื้อๆ
“ไม่พูดแล้วกัน ไว้ให้ธารบอกเองเนอะ”
“พี่เหนือคะ บอกมาเถอะค่ะ รับรองว่าแจนจะไม่บอกใคร”
“เอ...บอกดีมั้ยน้า” ผมทำเป็นคิด น้องแจนก็ยิ่งทำหน้าลุ้นเข้าไปใหญ่ว่าผมจะบอกมั้ย
ผมเว้นจังหวะไว้นิดนึงแล้วก็ตัดสินใจพูดโดยการกวักมือเรียกเด็กนั่นเข้ามาใกล้ๆ
“อย่าไปบอกใครนะ”
ยัยน้องแจนพยักหน้ารับรัวๆ ผมเลยกระซิบไปที่ข้างหู
“ธารน่ะ...เป็นเกย์”
“ฮะ!?” ยัยน้องแจนร้องลั่นขึ้นมาทันที

ยังดีที่ไม่ดังมาก ผมเลยรีบชิงกระซิบขึ้นมาอีกรอบก่อนที่ยัยเด็กนี่จะโวยวายไปมากกว่านี้
“ถ้าเสียงดัง พี่เหนือไม่พูดต่อนะ”
ยัยน้องแจนเก็บปากทันใด พยักหน้ารับแล้วกระซิบคะยั้นคะยอผมกลับ
“ไม่เสียงดังค่ะ พูดต่อสิคะพี่เหนือ”

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์จนไม่รู้จะยิ้มยังไงที่เห็นเด็กนี่ติดกับ ก่อนจะกระซิบออกมาอีกด้วยประโยคสั้นๆ
“แล้วธารก็เป็น...”
“เป็น...?”
“ผัวพี่”

น้องแจนเบิกตาโพลง ช็อคซีนีม่าไปเลย แต่ก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมได้ทีเลยรีบย้ำคำลงไปอีก สร้างความมั่นใจให้เด็กนั่น
“นอนด้วยกันมาหลายครั้งแล้วด้วย ไม่ต้องแปลกใจเลยนะว่าทำไมธารถึงไม่ได้เป็นแฟนน้องแจนสักที ก็มีพี่เหนือเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนี่ไง”

นอนด้วยกันคือนอนจริงๆ ก็นอนหลับไง ไม่ใช่หลับนอน

แต่ยัยน้องแจนไม่รู้ ได้ยินแค่นั้นก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่ผมยังยิ้มให้อยู่ ก่อนที่ยัยนั่นจะหันไปคว้ากระเป๋าตัวเองแล้วร้อนรนออกจากห้องคาราโอเกะไปโดยไม่ฟังเสียงของเพื่อนที่เรียกตามหลังสักนิด

“เฮ้ยแจน ไปไหนน่ะ รอด้วย!” น้องแป้งวิ่งตามออกไปด้วยอีกคน ไม่ลืมหันมาผงกหัวให้ผมเป็นเชิงขอตัวท่ามกลางสายตางุนงงของจอมแก่นและน้องมายด์

ส่วนผมก็โบกมือบ๊ายบายให้ด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข

แหม คิดจะเต๊าะเด็กพี่เหนือมันเร็วไปหลายสิบปีแล้วจ้ะยัยหนู
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-03-2016 23:30:48
ร้ายกาจมากๆ ทำร้ายชะนีเด็ก5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-03-2016 00:07:19
555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 11-03-2016 04:31:25
ตัวอย่างตอนต่อไปนี่แบบ เหนือไม่มีเก็บอาการเล้ยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 11-03-2016 05:48:33
ธารใจ จะโกรธ พี่เหนือ ?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-03-2016 12:04:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-03-2016 12:32:10
 :m12: :m12:
โห..กีดกันสุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-03-2016 22:24:28
ไม่เชื่อว่า แสงเหนือจะมีรักจริงให้ใครอีก เพราะว่าโดนหักอกหลายครั้ง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 14-03-2016 09:53:07
ถ้าธารรู้คงไม่ดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 14-03-2016 15:49:03
นอนรอ  :katai3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 14-03-2016 22:47:05
สนุกมากกกกกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-03-2016 21:50:51
คราวนี้หายไปหลายวันเลยนะ พี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-03-2016 01:23:49
ชั่งใจ ครั้งที่ 13: ปลา...ปลา...ปลา...ปลากฎว่าพี่เหนือเป็นแฟนน้องธาร[1]

จากความบ้าระห่ำของกองเชียร์ บวกกับความบ้าพลังของนักกีฬา และการข่มขู่อาจารย์ฝึกสอนอย่างผมทุกวินาที แน่นอนว่าแผนกช่างไฟก็ได้แชมป์ประจำงานกีฬาสานสัมพันธ์ ครั้งที่ 1 ไปครองในฐานะแผนกที่กวาดเหรียญทองได้มากที่สุด

นอกจากรอดจากการถูกเด็กในแผนกกระทืบกับความฟินที่น้องธารจุ๊บผมทางอ้อม ผมก็ยังได้ความปวดรวดร้าวทั้งร่างกายกลับมาเป็นของฝากอีกด้วย ดีที่อีกวันเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ผมเลยได้นอนยาว ไม่ต้องไปรับมือเด็กเวรในแผนกอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่นอนแห้งเป็นผักอยู่ในห้องทั้งวันหรอก เพราะวันนี้น้องมายด์เป็นตัวตั้งตัวตี วางแผนชวนเพื่อนๆ ในกลุ่มไปเลี้ยงฉลองกันที่คาราโอเกะของสวนอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน

แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่ไปล่ะ ก็น้องธารไปด้วยนี่ ถึงตอนนี้น้องธารจะหายหัวไปไหนไม่รู้ก็เถอะ

ผมใช้เวลาช่วงเช้าในการนอนเอาแรงจนกระทั่งถึงบ่าย รอเวลาเย็นย่ำแล้วค่อยไปตามเวลานัดหมาย หากแต่ไม่ได้นอนอย่างเต็มที่นักด้วยเอาแต่พร่ำเพ้อถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

เหตุการณ์ที่น้องธารหอมแก้มผมทางอ้อม...

อูย คิดแล้วก็ฟินไปสามชาติแปดชาติ ความชอบน้องธารในใจผมยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปใหญ่ ชัดเจนขนาดที่ว่าผมอดรนทนไม่ได้ที่จะโทรไปเล่าให้กั้งกับยีนส์ฟังว่าผมรู้สึกกับเด็กนั่นแบบไหน ซึ่งยีนส์ก็สกัดดาวรุ่งผมมาทันทีที่ผมพร่ำเพ้อจบว่า...

[มึงเป็นอาจารย์นะไอ้เหนือ มึงจะกินเด็กนักเรียนตัวเองได้ยังไง]

เท่านั้นแหละ ผมถึงกับได้สติ กลายเป็นครูผู้มีจริยธรรมขึ้นมาทันที

แต่กูเป็นแค่อาจารย์ฝึกสอนหรือเปล่าวะ! อีกสามอาทิตย์ก็จะฝึกงานเสร็จ กูก็ไม่ใช่อาจารย์แล้วเนี่ย ทำไมจะกินไม่ได้!

และกั้งผู้เป็นเพื่อนรักก็เห็นด้วยกับผมโดยการพูดแทรกเข้ามาในโทรศัพท์หลังจากที่ยีนส์พูดประโยคเมื่อครู่จบ

[ฝึกงานเสร็จก็ไม่ใช่อาจารย์แล้ว ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่รอให้ฝึกงานเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันแค่นั้น]
ใช่มั้ยๆ นี่สิถึงจะเรียกว่าเพื่อนรัก ไอ้ยีนส์มึงดูตัวอย่างเอาไว้ มึงควรสนับสนุนเพื่อนเว้ย ไม่ใช่สกัดดาวรุ่ง

หากแต่ยีนส์ก็ไม่จบ ส่งเสียงแหลมขึ้นมาประหนึ่งหมั่นไส้ที่แฟนมันเข้าข้างผมเต็มทน
[แหมๆ จ้า ฝึกงานจบก็ค่อยกินแล้วกัน แต่มึงมั่นใจเหรอว่าเด็กนั่นจะยอมให้มึงกิน แกล้งมึงมาเป็นเดือนๆ ขนาดนั้น มึงคิดว่าเด็กมันจะชอบมึงเหรอวะ]

“ชอบไม่ชอบไม่รู้ ที่รู้ๆ คือมีหอมแก้มกูทางอ้อมด้วย” ผมว่าด้วยน้ำเสียงระรื่น ทำเอายีนส์กรอกสารพัดคำหยาบใส่มาไม่หยุด
[ด่ามึงว่าแรด กูยังสงสารแรดเลยไอ้เหนือ โถ ระวังเถ๊อะจะโดนเด็กนั่นมันกระทืบหน้าหงายเอา ไปจีบมันสุ่มสี่สุ่มห้าน่ะ]
“โดนกระทืบ แต่ถ้าได้ถ้าโดนอย่างอื่นด้วย มันก็คุ้มเปล่าวะ มึงไม่รู้ซะแล้วว่าน้องธารของกูนี่กรุบกรอบขนาดไหน”
[มึงเพ้อเกินไปละไอ้เหนือ สติมึงยังมีมั้ย ถ้าไม่มีให้ไปหาซื้อ มั่นหน้าเหลือเกิน]
“มึงลองมาเจอน้องธารดูก่อนเถอะ แล้วมึงจะคิดเหมือนกูว่ากรุบกรอบจริง”
[เออๆ มึงนี่หลงเด็กจนสติไม่เหลือเลยนะ กูล่ะหมั่น]

ผมหัวเราะให้กับคำค่อนขอดของยีนส์ที่ดังมาไม่หยุด แต่ผมก็พูดจริงนี่ ให้มันลองมาเจอธารก่อน ไอ้กั้งก็ไอ้กั้งเถอะ ระวังจะถูกเขี่ยทิ้งแบบไม่ไยดีเพราะหลงความน่ารักของน้องธาร

แล้วผมก็หยุดพร่ำเพ้อถึงน้องธารได้เมื่อกั้งนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ก่อนแทรกเข้ามาอีกครั้ง
[ว่าแต่มึงสมัครทุนหรือยังวะ ตอนนี้เปิดรับแล้วนะ]
“ทุนอะไรวะ” ผมย่นคิ้ว ฉงนกับคำพูดของมันทันที ทำเอามันว่าเสียงแข็งหน่อยๆ

[ก็ทุนเรียนต่อ ป.โทที่อเมริกาไง มึงบอกว่าจะสมัครไม่ใช่เหรอ วันนี้เปิดรับวันแรกเนี่ย กูกับยีนส์สแกนเอกสารส่งไปแล้วนะ]

ผมนึกออกขึ้นมาทันที จำได้ว่าก่อนจะมาฝึกงาน ผมกับยีนส์และกั้งวางแผนกันว่าจะยื่นเอกสารสมัครชิงทุนเรียนต่อ ป.โทในอเมริกาที่มหา’ลัยเดียวกัน ตอนแรกกั้งกับยีนส์ไม่คิดจะสมัคร แต่เพราะผมบอกพวกมันว่าเป็นทุนที่ไม่ต้องสอบ เพียงแค่ยื่นเอกสารผลการเรียนเพื่อคัดเลือกอย่างเดียว พวกมันก็เลยสนใจ และที่ผมเป็นคนเสนอให้พวกมันสมัครไปก็เพราะผมอยากจะไปหาประสบการณ์พร้อมกับเพื่อนสนิททั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้รับคัดเลือกหรือเปล่า อีกอย่าง การไปเรียนต่อต่างประเทศก็เป็นความฝันสูงสุดฝันหนึ่งของผมด้วย ดังนั้นโอกาสมาแล้ว ผมก็ไม่พลาด

แต่ดั๊นนน...มาลืมเองซะนี่ มัวแต่พร่ำเพ้อถึงเด็กจนลืมเรื่องสำคัญไปหมดเลยแฮะ

[เป็นไงล่ะ หลงผู้จนลืมเรื่องเรียน] ยีนส์ไม่รอช้า แขวะผมขึ้นมาทันที ก่อนกำชับส่งท้าย [มึงรีบไปสมัครเลยนะ เดี๋ยวก็ลืมอีก]
“เออๆ รู้แล้วน่า สั่งเป็นแม่กูเชียว”

ผมขานรับไป พอวางสายก็จัดการเปิดโน้ตบุ๊ก ส่งเอกสารผลการเรียนที่สแกนเอาไว้ตั้งแต่ก่อนมาฝึกงานเข้าเว็บไซต์ของทุนทันใด

กว่าจะกรอกข้อมูลกับอ่านเงื่อนไขของทุนเสร็จก็เล่นเสียเวลาไปหลายชั่วโมง รู้สึกตัวอีกทีก็จวนจะได้เวลานัดหมายกับเด็กช่างพวกนั้นแล้ว ผมเลยปิดโน้ตบุ๊ก จัดการอาบน้ำแต่งตัวซะหล่อเนี้ยบแล้วมุ่งหน้าไปยังที่หมายทันใด
 


ที่หมายของการนัดหาไม่ยากนักด้วยอยู่ไม่ไกลจากหอพักของผมเท่าไหร่ ผมมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย และทันทีที่ผมลงจากรถได้ สายตาก็ปราดไปเห็นน้องมายด์กับจอมแก่นนั่งรออยู่ที่ด้านหน้าของทางเข้าคาราโอเกะ พอน้องมายด์เห็นผมก็รีบโบกไม้โบกมือเรียกเสียงแหลม

“เจ้ๆ! ทางนี้!”
เจ้บ้านมึงสิ! แต่งตัวอย่างแมนมาเรียกเจ้ คนอื่นมองกูหมดแล้วเนี่ย!

มองจริงๆ ตกเป็นเป้าสายตาไปโดยปริยาย ยิ่งตอนเย็นวันเสาร์ด้วยแล้ว ไม่ต้องถามเลยว่าสวนอาหารนี่คนเยอะขนาดไหน

ผมรีบก้าวเร็วๆ เดินเข้ามาหาเด็กสองคนนั่น ตั้งใจจะด่าน้องมายด์สักหน่อยที่เอาแต่เรียกผมเจ้ไม่เลิก จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นหัวหน้าแก๊งตุ๊ดเด็กประจำวิทยาลัยไปแล้ว หากทว่าจอมแก่นก็ยกมือไหว้ผมเสียก่อน ผมเลยต้องรับไหว้ ตามมาด้วยคำชมของจอมแก่นที่ดังขึ้นมาแบบไม่ให้ผมตั้งตัว

“วันนี้พี่เหนือดูแปลกตานะครับ หล่อเชียว”
“ระ...เหรอ หล่อจริงเหรอ” ผมเขินขึ้นมานิดหน่อย ยกมือลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินขณะที่จอมแก่นพยักหน้า
“หล่อจริงครับ ไม่เคยเห็นพี่เหนือแต่งตัวแบบนี้เลย เห็นแต่ใส่ชุดนักศึกษา วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า”
“พี่เหนือแต่งแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้วครับ” ผมว่าไปตามจริง เวลาอยู่กรุงเทพฯ ผมก็แต่งตัวแบบนี้นะ วงเล็บไว้นิดคือแต่งเวลาไปจับเหยื่อตามผับน่ะ วันนี้จะมาจับน้องธาร มันก็ต้องดูดีหน่อย

จอมแก่นพยักหน้าให้คำพูดผม สายตาก็ยังจับจ้องผมไม่เลิก แววตานี่บ่งบอกชัดเจนเลยว่าผมดูดีเป็นพิเศษจริงๆ แต่เด็กนั่นก็ทำให้ผมชะงักเมื่อจู่ๆ ก็พูดชื่อของใครบางคนออกมา

“ถ้าพี่ดื้อมาเห็นพี่เหนือตอนนี้ล่ะก็ รับรองเลยว่าต้องอ้าปากค้างแน่ ตอนที่แต่งตัวไปหาพี่ดื้อที่ร้าน ยังไม่เห็นหล่อขนาดนี้เลยนะเนี่ย”
ให้ตาย... ผมเกือบลืมไปแล้วว่าพี่ชายเด็กนั่นจีบผมอยู่ บล็อกเบอร์ บล็อกทุกช่องทางการติดต่อไปแล้วเลยไม่ได้คุยกันจนกลายเป็นบุคคลสาบสูญไปแล้วนะเนี่ย ยังมารื้อฟื้นอีก
“ว่าแต่ทำไมพี่เหนือถึงไม่ติดต่อพี่ดื้อเลยล่ะครับ พี่ดื้อมาถามผมหลายรอบแล้วว่าพี่เหนือไปไหน ผมก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไง เลยได้แต่บอกว่าไม่รู้”

ถามมาอย่างนี้ ผมก็ไปต่อไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วโกหกไป
“พี่เหนือไม่ค่อยว่างน่ะครับ”
ไม่ค่อยว่างอะไรล่ะ! ว่างฉิบหายเลย แต่ใครจะไปกล้าบอกว่าที่ไม่ติดต่อเป็นเพราะเพื่อนพวกมันที่ชื่อธารใจมาขู่ผมเรื่องพี่จอมดื้อน่ะ ขืนบอกไปก็ได้รู้กันหมดว่าผมโดนน้องธารเวอร์ชันฟิฟตี้เฉด ออฟ ธาร ดูดคอเป็นจ้ำมา แล้วก็ไม่ต้องถามต่อเลยว่าจะเป็นไงต่อ... ผมก็ต้องโดนธารมันกระทืบอยู่แล้ว

แต่จอมแก่นไม่ใช่คนโง่ ฟังก็รู้ว่าผมโกหกเลยถามออกมาตรงๆ อีก
“พี่เหนือไม่ชอบพี่ชายผมใช่มั้ยถึงได้หลบหน้า”
“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้น คือพี่เหนือ...” ผมตะกุกตะกักทันใด ไม่รู้จะพูดยังไง จะว่าไม่ชอบพี่จอมดื้อก็ไม่ใช่ ไอ้ชอบน่ะมันก็ชอบเพราะพี่จอมดื้อแซ่บเว่อร์ แต่ไม่ได้ชอบแบบคิดจะคบด้วยเท่านั้นเอง ก็ผมชอบธารใจมากกว่านี่นา

และเพราะผมไม่พูดสักที จอมแก่นก็เลยถามขึ้นมาอีก
“หรือว่าพี่เหนือจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?”
พะ...พยักหน้าก็ได้วะ พยักหน้ารับไปเลย ทีนี้จอมแก่นก็เลยร้องอ๋อ
“มิน่าถึงไม่สนใจพี่ผมเท่าไหร่ ก็ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้ไปบอกพี่ดื้อให้เลิกเพ้อซะที นี่มาพร่ำเพ้อถึงพี่เหนือกับผมไม่เว้นวันจนผมรำคาญแล้วเนี่ย”

ผมลอบถอนหายใจ เสียดายนิดๆ ที่จอมแก่นจะอาสาไปบอกพี่จอมดื้อให้ตัดใจจากผม แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องลำบากหนีหน้าอีก ที่สำคัญ จะได้ไม่ลังเลด้วยถ้าคิดจะเดินหน้าจีบธารใจจริงๆ

“แหม ทำเป็นสวยเลือกได้ หมั่นไส้” แล้วน้องมายด์ก็ทำให้ผมแทบอยากจะพุ่งเข้าไปตบปากมัน

ดู...ดูมันทำหน้า จีบปากจีบคอจนน่าโดนกระทืบ แต่ผมก็ข่มใจไว้ ถามเรื่องอื่นไปแทนด้วยเห็นว่าวันนี้มันดูแปลกๆ

“ทำไมน้องมายด์ไม่พูดเหนือแล้วล่ะครับ” ไอ้นี่แหละที่ผมคิดว่าแปลก
น้องมายด์ตวัดดวงตามามองผม พลันว่าเสียงแหลม
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้หนูเป็นสาวมั่นพร้อมลุย ไม่ใช่สาวเหนือผู้บอบบางก็เท่านั้น”

ผมไม่เข้าใจว่าสาวมั่นพร้อมลุยนั่นหมายความว่าอะไร แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยเมื่อจอมแก่นบอกว่าอีกสักแป๊บ โรมกับธารจะตามมาเพราะทั้งคู่ส่งข้อความมาบอกแล้วว่ากำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ ให้พวกผมเข้าไปรอให้ห้องคาราโอเกะก่อนได้เลย

เท่านั้น น้องมายด์ก็เข้าไปติดต่อเคาน์เตอร์ แล้วจอมแก่นก็นำผมเข้าไปในห้องที่จองไว้ ผมนั่งรอการมาของธารใจด้วยอารมณ์ชื่นบานสุดฤทธิ์จนน้องมายด์กับจอมแก่นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ที่จู่ๆ ผมก็มีสีหน้าระรื่นขึ้นมากะทันหัน แต่ผมก็ไม่ได้อธิบายอะไร เอาแต่นั่งรอน้องธารอย่างใจจดจ่อ

ทว่าพอโรมกับธารมาถึง พวกมันดันไม่ได้มากันแค่สองคน ดันพาใครก็ไม่รู้มาเพิ่มด้วยอีกคู่ สายตาผมปราดมองไปยังคนไม่คุ้นหน้าทันที ก่อนจะผงะไปนิดเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกับเด็กพวกนี้เดินตามหลังเข้ามา

เด็กผู้หญิง... ไอ้โรม ไอ้ธาร! มึงจะพาผู้หญิงมาทำไม!

สวรรค์ของไอ้เหนือมืดมนขึ้นมาทันตา แต่ดีที่ไม่มืดมนมากเพราะผมพอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นเด็กของโรมที่เต๊าะไว้ ก็รายนั้นน่ะเจ้าชู้จะตาย มีข่าวเรื่องผู้หญิงตลอด แถมไม่เคยซ้ำหน้า แต่เอ... มันจะควงทีเดียวสองคนก็ไม่น่าใช่แฮะ

ระ...หรือว่า...ไอ้ที่ควงมาสอง จะเป็นของธารคนนึง?

แล้วผมก็คิดถูกเผง เพราะพอโรมเดินนำทุกคนเข้ามาได้ ก็แนะนำเด็กผู้หญิงสองคนนั้นให้ผมรู้จัก

"แป้ง แจน นี่พี่เหนือนะ เป็นอาจารย์ฝึกสอนที่วิ’ลัยเรา ส่วนนี่แป้งกับแจนครับพี่เหนือ แป้งเป็นเด็กผม ส่วนแจน..." เว้นจังหวะไปนิดนึงแล้วเหลือบไปมองธารที่ตามมาหลังสุดทำหน้าหงุดหงิดนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อ "...แฟนไอ้ธาร"

ว่าไงนะ! ไหนมึงบอกว่าไม่มีแฟนไงไอ้เด็กธาร!

จากที่ยิ้มๆ ทักทายเด็กผู้หญิงพวกนั้นอย่างเป็นมิตรอยู่ ผมถึงกับหน้าตึง เบิกตาโตขึ้นทันควัน ในใจร้อนวูบวาบด้วย ส่วนธารก็ปรี่เข้าไปผลักโรมไม่แรงนักอย่างหัวเสีย

"แฟนอะไร ไม่ใช่เว้ย"
โรมหัวเราะทันใด "ตอนนี้ไม่ใช่ อีกหน่อยก็ใช่วะ มึงคุยกับแจนอยู่ไม่ใช่หรือไง กูว่าคงหนีไม่พ้นแล้วมั้ง"

แจนยิ้มอายๆ กับคำพูดนั้น ส่วนธารก็ทำหน้าหงุดหงิดหนักกว่าเดิม แต่คนที่หงุดหงิดกว่าก็คือผม

ยังไม่ใช่แฟน ก็อย่ามาทำเป็นอายม้วนต้วนนะเว้ยยัยเด็กหน้าแบ๊ว!

หน้าแบ๊วจริงๆ หน้าตาโคตรน่ารัก อย่างกับตุ๊กตาญี่ปุ่น ตัวก็เล็ก ดูนุ่มนิ่มน่ากอดอีกต่างหาก แล้วดูผมสิ โหย อย่างถึก เกย์กล้ามใหญ่แน่นไปทั้งตัวแบบนี้ ดูยังไงก็สู้ความน่ารักของเด็กนั่นไม่ได้ ยิ่งถ้าธารไม่ได้เป็นเกย์ด้วยแล้ว แนวโน้มที่มันจะเอนไปทางเด็กนั่นยิ่งมีมาก เห็นแล้วก็ใจแป้วเลยว่าผมจะแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบธารอย่างจริงจัง

ผมเผลอสลดไปนิดหน่อย ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงพึมพำหลุดมาจากน้องมายด์ที่นั่งข้างๆ

"หนอย ไอ้ผัวเนรคุณ เปย์ให้ตั้งเยอะแต่เอาชะนีมาเย้ย คอยดูเถอะ มีนมเมื่อไหร่จะเชิดใส่ให้ แล้วนังชะนีนั่น คิดเหรอว่าจะแย่งผัวหลวงกูไปง่ายๆ"

ไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นเสียงน้องมายด์ที่พึมพำมาให้ได้ยิน หันไปมองก็เห็นน้องมายด์ทำหน้างอ กอดอกอยู่บนโซฟาข้างๆ

อารมณ์มาเต็มกว่ากูอีก นี่สินะที่บอกว่าจะเป็นสาวมั่น ที่แท้ก็เตรียมตัวมาประจันหน้ากับยัยเด็กแป้งนี่น่ะเอง ว่าแต่ไอ้ที่บอกว่าโรมเป็นผัวเนี่ย มันไปเป็นผัวมึงตั้งแต่ตอนไหนวะ!?

อะไรก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ๆ คือผมอารมณ์เสียมาก แต่เก็บอารมณ์ ยิ้มให้เด็กผู้หญิงสองคนนั้นที่ยกมือไหว้ผมทันทีที่โรมแนะนำเสร็จ

“สวัสดีครับ พี่เหนือฝากตัวด้วยนะ”
ส่งเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ แต่บอกเลย...ในใจนี่พุ่งไปหิ้วยัยเด็กพวกนั้นเหวี่ยงออกไปนอกห้องแล้ว โดยเฉพาะยัยน้องแจนที่พอยกมือไหว้ผมเสร็จ ก็ตรงเข้าไปหาธาร เกาะแกะด้วยประหนึ่งเป็นแฟนกันจริงๆ

หนอย...แฟนน้องธารเหรอ น้องธารนี่ของพี่เหนือต่างหากเว้ย!

“แจน ขอเวลาแป๊บนะ” ธารคงจะรำคาญเลยยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้ยัยน้องแจนถอยห่าง

เด็กนั่นชะงักไปนิด พยักหน้าแล้วก็เดินไปนั่งกับเพื่อนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ น้องมายด์ ก่อนที่ธารจะออกปากเรียกโรม
“มึงมาคุยกับกูหน่อย” แล้วก็เดินออกจากห้องไป

โรมบอกแป้งกับแจนว่าเดี๋ยวจะกลับเข้ามา แล้วก็เดินออกไป เหลือเพียงสี่ชีวิตในห้องคาราโอเกะแห่งนี้ ความเงียบเข้าครอบงำ จอมแก่นก็เลยเป็นคนแรกที่ทำลายบรรยากาศมาคุด้วยการเลือกเพลงมาร้องด้วยน้องมายด์ยังคงนั่งทำหน้าบูดเป็นก้นลิงอยู่ ผมก็ทำเป็นร่าเริงไปตามประสานั่นแหละ แต่สายตานี่มองยัยเด็กแจนไม่เลิกเลย

เดี๋ยวเถอะ... แฟนเหรอ เดี๋ยว! เถอะ!

ไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว ผมยังเนียนเข้าไปร่วมวงร้องเพลงกับพวกนั้นด้วยเมื่อทั้งแป้งและแจนเริ่มสนุกไปกับจอมแก่น ส่วนน้องมายด์ก็เริ่มเลือกเพลงมาร้องบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงลูกทุ่งแนวอกหักแต่จังหวะสามช่า ร้องไปก็ปีนขึ้นไปเต้นบนโต๊ะสุดฤทธิ์

“น้อยใจตัวเองเหลืออนาถ อะๆๆ หนาด...ตกเป็นทาสความรักมันหนักสมอง...อ๋องๆๆๆ...”

เพลงตัดพ้อผัวมาพร้อมท่าเต้นประหนึ่งช้างตกมันของน้องมายด์ บรรยากาศชวนอึดอัดในตอนแรกจึงค่อยๆ บรรเทาลง
และแน่นอนว่าพอทุกอย่างเริ่มครื้นเครง ผมก็ได้ทีเริ่มแผนการชั่วร้ายในใจทันที

“น้องแจนรู้จักกับธารมานานแล้วเหรอ” ก็คือการตะล่อมถามเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กนั่นกับธารใจน่ะ
แจนหยุดปรบมือให้จังหวะคนอื่นๆ หันมามองหน้าผมที่ย้ายที่มานั่งใกล้ๆ เล็กน้อย ก่อนยิ้มให้
“รู้จักมาได้สี่ห้าเดือนแล้วค่ะ”
“แล้วรู้จักกันได้ยังไง”
“อ๋อ โรมแนะนำมาน่ะค่ะ พอดีโรมคุยๆ อยู่กับแป้ง”

ตอนนี้ผมชักจะหงุดหงิดไอ้โรมด้วยละ แม่ง จะแนะนำน้องธารของกูทำเพื่อ!?
“แล้วน้องแจนชอบธาร?”
“ก็...ค่ะ” ตอบแล้วก็ทำหน้าแดงจนใบหน้าน่ารักนั่นดูน่ารักมากขึ้นไปอีก เล่นเอาผมลอบหันไปกลอกตารัวๆ

ทำไมยัยเด็กนี่มันถึงได้ดูฟรุ้งฟริ้งจังวะ แล้วดูกูสิ เทียบกับเด็กนี่แล้วอย่างถึก เห็นแล้วก็หวั่นใจเลยว่าไอ้เด็กธารมันจะชอบอะไรนุ่มนิ่มน่ารักมากกว่าคนที่มีร่างกายเป็นผู้ชายอย่างผม

ทว่ามีเหรอที่ผมจะยอมให้เป็นอย่างนั้น ถึงตอนจบจะลงเอยอย่างนั้น แต่ผมก็ต้องลองขัดขวางก่อนล่ะวะ เผื่อยัยน้องแจนนี่จะเฟดตัวออกจากธารไปเอง

เท่านั้นผมก็เริ่มแผนการทันทีด้วยการแสยะยิ้มแล้วถามออกมา
“แล้วน้องแจนรู้หรือเปล่าว่าธารน่ะเป็น...”
เด็กนั่นหันมามองหน้าผมอย่างสนใจทันทีที่ผมหยุดพูด เห็นสายตาคู่นั้นที่มองอย่างขอคำตอบ ผมก็ยิ้มเผล่แล้วเล่นลิ้น
“อ่า... ไม่พูดดีกว่า เผื่อธารใจจะไม่อยากให้ใครรู้”
“เรื่องอะไรเหรอคะพี่เหนือ”
นั่นไง สะกิดต่อมความอยากรู้ของยัยเด็กนี่ได้ทันตาเห็นเลย
“คือ...ความลับของธารน่ะ”

ยัยน้องแจนทำท่าสนใจมากขึ้นไปอีก ส่วนผมก็แสร้งทำท่าลังเลแล้วก็ตัดบทเอาดื้อๆ
“ไม่พูดแล้วกัน ไว้ให้ธารบอกเองเนอะ”
“พี่เหนือคะ บอกมาเถอะค่ะ รับรองว่าแจนจะไม่บอกใคร”
“เอ...บอกดีมั้ยน้า” ผมทำเป็นคิด น้องแจนก็ยิ่งทำหน้าลุ้นเข้าไปใหญ่ว่าผมจะบอกมั้ย

ผมเว้นจังหวะไว้นิดนึงแล้วก็ตัดสินใจพูดโดยการกวักมือเรียกเด็กนั่นเข้ามาใกล้ๆ
“อย่าไปบอกใครนะ”
ยัยน้องแจนพยักหน้ารับรัวๆ ผมเลยกระซิบไปที่ข้างหู
“ธารน่ะ...เป็นเกย์”
“ฮะ!?” ยัยน้องแจนร้องลั่นขึ้นมาทันที

ยังดีที่ไม่ดังมาก ผมเลยรีบชิงกระซิบขึ้นมาอีกรอบก่อนที่ยัยเด็กนี่จะโวยวายไปมากกว่านี้
“ถ้าเสียงดัง พี่เหนือไม่พูดต่อนะ”
ยัยน้องแจนเก็บปากทันใด พยักหน้ารับแล้วกระซิบคะยั้นคะยอผมกลับ
“ไม่เสียงดังค่ะ พูดต่อสิคะพี่เหนือ”
ผมยิ้มเจ้าเล่ห์จนไม่รู้จะยิ้มยังไงที่เห็นเด็กนี่ติดกับ ก่อนจะกระซิบออกมาอีกด้วยประโยคสั้นๆ
“แล้วธารก็เป็น...”
“เป็น...?”
“ผัวพี่”

น้องแจนเบิกตาโพลง ช็อคซีนีม่าไปเลย แต่ก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมได้ทีเลยรีบย้ำคำลงไปอีก สร้างความมั่นใจให้เด็กนั่น
“นอนด้วยกันมาหลายครั้งแล้วด้วย ไม่ต้องแปลกใจเลยนะว่าทำไมธารถึงไม่ได้เป็นแฟนน้องแจนสักที ก็มีพี่เหนือเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนี่ไง”

นอนด้วยกันคือนอนจริงๆ ก็นอนหลับไง ไม่ใช่หลับนอน

แต่ยัยน้องแจนไม่รู้ ได้ยินแค่นั้นก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่ผมยังยิ้มให้อยู่ ก่อนที่ยัยนั่นจะหันไปคว้ากระเป๋าตัวเองแล้วร้อนรนออกจากห้องคาราโอเกะไปโดยไม่ฟังเสียงของเพื่อนที่เรียกตามหลังสักนิด

“เฮ้ยแจน ไปไหนน่ะ รอด้วย!” น้องแป้งวิ่งตามออกไปด้วยอีกคน ไม่ลืมหันมาผงกหัวให้ผมเป็นเชิงขอตัวท่ามกลางสายตางุนงงของจอมแก่นและน้องมายด์
ส่วนผมก็โบกมือบ๊ายบายให้ด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข

แหม คิดจะเต๊าะเด็กพี่เหนือมันเร็วไปหลายสิบปีแล้วจ้ะยัยหนู

“เอ้า! แป้ง! แจน! จะไปไหนน่ะ” เสียงของโรมที่ยืนคุยกับธารอยู่หน้าห้องดังแทรกเข้ามาทันที

ผมได้ยินเสียงยัยเด็กแป้งตะโกนมาให้ได้ยินว่า ‘ไม่รู้’ แล้วก็บอกให้โรมรีบตามมา โรมเลยลากธารที่ยืนงงอยู่ไปด้วย
จอมแก่นกับน้องมายด์เห็นอย่างนั้นก็เลยจะออกไปดูเพื่อนเช่นกัน แต่ผมเบรกสองคนนั้นไว้ก่อน แล้วเสนอตัวไปแทน

“เดี๋ยวพี่เหนือไปดูให้แล้วกันครับ เผื่อว่าพี่เหนือจะช่วยอะไรได้ จอมแก่นกับน้องมายด์อยู่ร้องเพลงต่อเถอะ”
เด็กสองคนนั้นเลยทรุดตัวนั่งลงเหมือนเดิม ปล่อยให้ผมเดินออกมาข้างนอก

มาด้านนอกได้ ผมก็ตรงไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ สายตาก็เหลือบไปเห็นน้องแจนที่ถูกผมเป่าหูมาเมื่อครู่ยืนร้องไห้อยู่โดยมีแป้งปลอบอยู่ข้างๆ ปากก็ถามไม่หยุดว่าเป็นอะไรถึงร้องไห้ โรมและธารก็ยืนมองหน้าเครียดเช่นเดียวกัน ทว่าทุกสายตาก็ต้องเบนมาทางผมเมื่อผมเดินเข้าไปหาและเอ่ยทักขึ้น

“เป็นอะไรเหรอครับน้องแจน ทำไมถึงวิ่งออกมาอย่างนั้นล่ะหืม?” ผมแสร้งถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
น้องแจนเงยใบหน้าเปรอะคราบน้ำตาขึ้นมองผมเล็กน้อย ก่อนจะรีบหลบตาแล้วกระซิบบอกแป้งเบาๆ

“เราอยากกลับแล้วล่ะแป้ง”
“ทำไมล่ะ นี่เราเพิ่งมาถึงเองนะ ไหนเธอบอกว่าอยากเจอธารไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงอยากกลับล่ะ” แป้งทำหน้าไม่เข้าใจ

ส่วนผมพอได้ยินว่าน้องแจนอยากเจอธาร มุมปากผมก็กระตุกยิกขึ้นมา ขณะที่ธารย่นคิ้วยู่จนแทบจะผูกกันเป็นโบว์

“ระ...เราอยากกลับแล้ว” แจนไม่บอกเหตุผลว่าทำไมถึงอยากกลับ พูดอยู่แค่ประโยคเดียว

ผมโล่งใจขึ้นนิดหน่อยที่แจนไม่บอกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ร้องไห้แล้ววิ่งพรวดพราดออกมาอย่างนั้น ทว่าโรมผู้เป็นเสือผู้หญิงตัวยงดูก็รู้ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรกระทบกระเทือนจิตใจสาวน้อยผู้น่ารักแน่ เลยหันไปหาธารแล้วว่าอย่างจับผิด

“ไอ้ธาร มึงไปทำอะไรให้แจนเสียหายหรือเปล่า”
ธารสะดุ้ง ทำหน้าเหวอไปนิดก่อนจะส่ายหน้าพรืด
“บ้านมึงเถอะไอ้โรม กูมาถึง กูก็ลากมึงออกมาคุยเรื่องที่มึงบังคับให้กูไปรับแป้งกับมึง แล้วมึงดันหลอกกูให้มาเจอแจนแล้วมาด้วยทั้งที่กูบอกแล้วว่าไม่เอา กูจะเอาเวลาไหนไปทำให้แจนเสียหายวะ”

เป็นคำแก้ตัวที่มีเหตุผล แต่ก็ตรงเกินไปว่าธารไม่ได้อยากเจอแจน ทำเอาแจนร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม ส่วนผมก็เข้าใจได้ตอนนี้ว่าที่ยัยเด็กนั่นมากับธาร ไม่ได้เป็นเพราะธารตั้งใจไปรับ แต่ถูกโรมหลอกไป ผมเลยเบาใจขึ้นมานิดหน่อยว่าอย่างน้อยธารก็ไม่ได้มีใจให้ยัยเด็กหน้าแบ๊ว

ทว่าเพราะธารทำให้แจนร้องไห้หนักกว่าเดิม โรมเลยแหวใส่เพื่อนเป็นการใหญ่

“มึงพูดตรงเกินไปแล้วไอ้ธาร”
“แล้วมึงจะให้กูพูดอ้อมๆ ยังไง ก็กูบอกแล้วว่าไม่ได้ชอบๆ ที่คุยกับแจนก็เพราะมึงยัดเยียด กูก็บอกแจนแล้วด้วยว่าไม่ได้ชอบ แค่คุยด้วยเฉยๆ เพราะแจนโทรมาหากู มึงจะให้กูทำยังไง”

ตรงมาก! ตรงแบบพี่เหนืออยากจะปรี่ไปหัวเราะดังๆ ใส่หน้ายัยเด็กแจนสักที แต่ก็ทำได้เพียงเก็บอารมณ์ไว้ เผลอหลุดอมยิ้มขึ้นมานิดหน่อย

ตอนนี้โรมหน้าเสียไปเลย ส่วนน้องแจนก็ร้องไห้หนักเข้าไปอีก บวกกับคำโกหกที่ผมบอกกับยัยเด็กนั่นว่าธารกับผมเป็นแฟนกัน แจนก็เหมือนจะสติหลุดหน่อยๆ ก่อนจะว่าออกมาเสียงสั่น

“พะ...พาเรากลับเถอะ เราไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใคร”
ทุกคนทำหน้างงขึ้นมาพลัน ไม่เข้าใจสิ่งที่แจนพูด แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไร แป้งก็หันไปขอร้องโรมเสียก่อน
“พาเรากับแป้งไปส่งหน่อยนะโรม ไว้วันหลังค่อยนัดกัน”
“อ่า โอเค” โรมปฏิเสธไม่ได้เลยตกปากรับคำไป พลันหันไปหาธาร “มึงพาแจนไปส่งนะ”

ธารยังไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ แจนก็ส่ายหน้าแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกโรม เราอัดสามไปกับแป้งกับโรมก็ได้ ปล่อยให้ธารอยู่กับแฟนไปเถอะ”
“แฟน? หมายถึงใครน่ะ” ธารขมวดคิ้วจนไม่รู้จะพันกันยังไงแล้ว

ตอนนี้ผมใจหายวาบเลย เสียวยัยเด็กนั่นจะบอกฉิบเป๋งว่าหมายถึงผม ดีนะที่มันไม่พูด เอาแต่สะกิดบอกให้แป้งเร่งโรม สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบเพราะโรมขึ้นไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ ให้สองสาวนั่งซ้อนท้ายแล้วก็ขี่ออกไปแล้ว

ทว่าก่อนจะขี่ออกไป ยัยน้องแจนก็วางระเบิดให้ผมซะลูกใหญ่ด้วยการหันมาบอกผมเสียงสะอื้นว่า...
“ขอโทษนะคะพี่เหนือ”

แล้วก็หายไปจากบริเวณนั้น ทิ้งให้ผมทำหน้าเหวอ ส่วนธารก็ปั้นหน้าเครียดขึ้นมา หันมาเล่นงานผมทันทีด้วยเมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้ว

“พี่เหนือ... ที่แจนร้องไห้เป็นเพราะพี่ใช่มั้ย”

งะ...งานเข้าแล้วไอ้เหนือเอ๊ย!

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.9♦10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-03-2016 01:24:31
ชั่งใจ ครั้งที่ 13: ปลา...ปลา...ปลา...ปลากฎว่าพี่เหนือเป็นแฟนน้องธาร[2]

ผมรีบปั้นหน้าให้เป็นปกติ หันไปฉีกยิ้มให้ดูธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“จะ...จะเป็นเพราะพี่เหนือได้ยังไง พี่เหนือไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”
“แล้วแจนจะร้องไห้ได้ยังไง แถมพูดอะไรแปลกๆ อีก พี่ไปหลอกยัยนั่นว่าเป็นแฟนผมหรือเปล่า ยัยนั่นถึงได้ร้องไห้เป็นบ้าแบบนั้นน่ะ”

โอ้โห... เดาได้ตรงเผงเลย ผิดไปนิดเดียวตรงที่ผมไม่ได้บอกยัยน้องแจนว่าธารเป็นแฟนผม แต่เป็นผัวต่างหาก
แต่ใครมันจะไปแก้ตัวล่ะ แก้ตัวไปล่ะก็โดนเหยียบหน้าแน่ ดูหน้าไอ้เด็กนี่ตอนนี้สิ โหย... ถ้าพุ่งเข้ามากระโดดถีบผมได้ มันคงทำไปแล้ว

ตอนนี้จะยิ้มให้เป็นธรรมชาติ ผมยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ หน้าแห้งเลย ยิ้มแหยอีก เผยพิรุธออกมาเต็มเปาจนธารถามซ้ำเสียงเข้ม

“พี่เหนือ... ตกลงไปพูดอะไรกับแจน”
“พะ...พี่เหนือ... คือ...คือว่า...” ไม่รู้จะบอกดีมั้ย ทำท่าเลิ่กลั่กแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรทำเนียน อย่าไปยอมรับ ยอมรับนี่โดนต่อยแน่นอน “พี่เหนือว่าเราไปสนุกกันข้างในเถอะครับ ป่านนี้น้องมายด์กับจอมแก่นรอแย่ละ”

นี่คือเนียนที่สุดแล้ว เปลี่ยนเรื่องคุยแม่ง ทำท่าจะเดินหนีด้วย
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้ขยับเขยื้อนไปไหน ธารก็คว้าแขนผมเต็มแรง ก่อนจะลากลู่ถูกังไปนั่งยังม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่มุมลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เหวี่ยงผมลงนั่งได้ ก็กอดอกว่าเสียงแข็ง
“จะบอกหรือไม่บอก ต้องให้โดนต่อยก่อนมั้ย”

นั่นไง! มันขู่มาแล้ว! ไม่รอดแน่ไอ้เหนือเอ๊ย!
ยะ...ยอมรับไปเลยแล้วกัน

“พี่เหนือก็แค่บอกว่าน้องธารเป็นแฟนพี่เหนือเท่านั้นเอง” ผมว่าเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ธารดันหูดี ได้ยินเต็มสองหู
พอผมพูดอย่างนั้น สีหน้าเคร่งเครียดของธารก็ดูตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนถูกตึงเครียดเข้าไปใหญ่ ตามมาด้วยการแผดเสียงใส่ผมลั่น
“พี่พูดแบบนั้นไปได้ไงวะ! มันเสียหายนะเว้ย!”

เป็นแฟนกับกูมันเสียหายตรงไหนวะ! ที่สำคัญ กูไม่ได้บอกว่ามึงเป็นแฟนด้วย บอกว่ามึงเป็น...ผะ...ผัว...

มะ...ไม่เถียงดีกว่า เดี๋ยวโดนมันกระทืบจริงๆ

“พี่เหนือขอโทษครับ” ผมเลยก้มหน้ายอมรับผิดไป
“ขอโทษแล้วมันทำให้คนอื่นเลิกเข้าใจผิดได้เหรอวะ! พี่นี่มัน... แม่งเอ๊ย!”
ธารยิ่งมีท่าทางหัวเสียหนัก ปากก็ก่นด่าผมไม่หยุด ผมมองท่าทางนั้นแล้วก็หงุดหงิดเล็กๆ จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา
“แต่น้องธารก็ไม่ได้ชอบน้องแจนไม่ใช่เหรอครับ”
“เออ ไม่ได้ชอบ!” ธารหันมากระแทกเสียงใส่ผม ให้ผมได้พูดต่อ
“งั้นพี่เหนือพูดไปอย่างนั้นก็ดีแล้วนี่ น้องแจนจะได้เลิกยุ่งกับน้องธารไง ไม่ดีเหรอ พี่เหนือเห็นนะว่าน้องธารดูรำคาญที่น้องแจนเกาะแกะน่ะ”

ธารเงียบ มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงราวกับว่าระงับอารมณ์ได้พอสมควรแล้ว
“เออ ก็ดี แต่ที่พี่พูดน่ะมันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เข้าใจมั้ย”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
“ไม่เป็นไรได้ไงวะ พี่เป็นอาจารย์นะเว้ย ภาพลักษณ์เสียหายหมดมาบอกว่าเป็นแฟนกับนักเรียนเนี่ย!” ตวาดใส่ผมอีกละ
แต่คราวนี้ผมไม่โกรธแฮะ เผลอยิ้มออกมาด้วนตระหนักได้ว่าที่มันพูดแบบนี้ คงเป็นเพราะห่วงผม
“หรือว่า...น้องธารไม่ได้ห่วงที่คนอื่นเข้าใจตัวเองผิดว่าเป็นเกย์ แต่เป็นห่วงพี่เหนือ?” ผมก็ปากเปราะ คิดอะไรได้ปุ๊บก็ดันพูดออกไปปั๊บ

คราวนี้สีหน้าตึงเครียดของธารเริ่มมีสีแดงเจือขึ้นมาเล็กๆ ก่อนมันจะเบนสายตาไปทางอื่น ว่าตะกุกตะกัก
“อะ...เออสิ พะ...พี่เป็นอาจารย์ฝึกสอนนี่หว่า ยิ่งรู้กันไปทั่วว่าพี่เป็นเกย์ด้วย ดะ...เดี๋ยวก็ไม่ผ่านฝึกงานหรอกถ้ามีข่าวแบบนั้นน่ะ”

ผมยิ้มกว้างออกมาเลย แหม... เป็นห่วงพี่เหนือก็ทำมาเป็นเก๊ก ห่วงก็บอกว่าห่วงสิจ๊ะ ซึนอยู่ได้
ตอนนี้ผมรู้สึกเลยว่าคิดถูกชะมัดที่ใช้แผนการนั้นกำจัดยัยน้องแจนไป ถึงจะดูชั่ว แต่ก็คุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้ไม่น้อย ถึงจะไม่มาก แต่ผมก็ว่าคุ้ม

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” ธารจบเรื่องด้วยการตัดบทง่ายๆ
ผมแกล้งทำแก้มป่องๆ ว่าเสียงกระเง้ากระงอดทันทีที่เห็นโอกาสเต๊าะเด็กลอยมา
“น้องธารก็อย่าทำให้พี่เหนือหึงอีกสิครับ เห็นน้องธารควงคนอื่นแบบนี้ พี่เหนือรู้สึกไม่ดีเลย”
ธารหน้าแดงขึ้นมาฉับพลัน เหวอด้วย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันมาเห็นผมนั่งยิ้มให้อยู่
“จะ...จะมาหึงทำไม ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่นะ!”

แหม ไม่ได้เป็นตอนนี้ แต่เป็นในมโนพี่เหนือไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
ทว่าผมไม่พูดหรอกว่าเอามันเก็บไปคิดทะลึ่งหลายรอบแล้ว ได้แต่ดำเนินการตามแผนเต๊าะไป

“ก็พี่เหนือชอบน้องธารนี่ครับ พี่เหนือเลยหึง”

คำว่า ‘ชอบ’ เข้าหูเท่านั้น ไอ้เด็กธารก็แปรเปลี่ยนสีหน้าจากเขินมาเป็นหงุดหงิดทันที

“พี่เลิกบอกชอบคนอื่นง่ายๆ สักทีเถอะว่ะ มันไม่ตลก”
“แล้วใครบอกว่าพี่เหนือตลกล่ะ พี่เหนือก็ไม่ตลกเหมือนกัน นี่จริงจังนะครับ” ผมว่า ทำเอาธารปั้นหน้าขรึม เรียกผมเสียงแข็งราวกับเตือนให้หยุดพูด
“พี่เหนือ...”
แต่ผมหยุดมั้ยล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องสารภาพความในใจแล้วล่ะก่อนที่เด็กนี่จะไปคุยกับใครที่ไหนอีก ถึงจะรู้แก่ใจว่ามันไม่ใช่เกย์ อย่างน้อยก็ถือว่าได้บอกวะ ถ้ามันคล้อยตามขึ้นมาก็ถือว่าเป็นกำไร
“พี่เหนือชอบน้องธารจริงๆ ครับ ครั้งนี้ไม่ได้พูดเล่น ชอบจริงๆ ชอบแบบ...อยากดูแล อยากเป็นคนแรกที่น้องธารคิดถึงเวลามีปัญหา ไม่ได้ชอบเพราะอยากจะมีอะไรด้วยแล้วจบไปอย่างตอนแรก” ผมว่าพลางจ้องตามันนิ่งราวกับย้ำว่าไม่ได้มาเล่นๆ
ธารเองก็จ้องหน้าผมนิ่งเช่นกัน ก่อนจะว่าต่อ
“แล้ว?”
“ก็...พี่เหนือแค่จะบอกว่าชอบน้องธาร เลยเป็นเหตุผลที่พี่เหนือต้องแกล้งบอกน้องแจนว่าน้องธารเป็นแฟนพี่ แบบว่า...พี่หวงน่ะ ไม่อยากเห็นน้องธารไปคุยกับใคร” พูดไป ใจผมก็เต้นไป จากตอนแรกที่มั่นใจ ตอนนี้กลายเป็นเริ่มอายขึ้นมาบ้างละ

ก็ผมไม่ได้บอกชอบใครแบบจริงจังอย่างนี้มาหลายปีแล้วนี่หว่า มีแต่บอกชอบ หลังจากนั้นก็หิ้วกันไปมีอะไรตามประสา ไอ้การสารภาพความในใจในรูปแบบความสัมพันธ์ยาวๆ นี่ห่างหายไปนานจนผมลืมไปหมดแล้วว่ามันรู้สึกยังไง

พูดจบ ธารก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เม้มปากแน่น จ้องหน้าผมนิ่งจนผมเป็นฝ่ายต้องเบือนหน้าหนีพร้อมกับความเห่อร้อนทั่วใบหน้าและร่างกาย

ถะ...ถ้าไอ้เด็กนี่มันบอกว่าไม่ได้ชอบผม แล้วบอกให้ผมตัดใจ บอกตรงๆ ว่าผมไปไม่ถูกเลยนะ

และเหมือนผมจะแห้วไวเสียด้วยเมื่อมันเอ่ยขึ้นมา

“แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอ”
“ครับ พี่เหนือรู้ แต่อยากบอกน่ะว่าที่พี่เหนือบอกชอบน้องธารครั้งนี้มันมาจากใจจริงๆ แล้วที่พี่เหนือหึง นั่นก็หึงจริงๆ”  ผมว่าเสียงเบา หน้าเด็กนั่นก็ไม่มองด้วย ทำใจยอมรับแล้วล่ะว่าคงจะอดกินเด็กตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบจริงจัง

ทว่าพอความเงียบเข้ามาครอบงำเราได้ชั่วครู่ ผมก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่วางแหมะลงมาบนหัวผม
“พี่นี่มันจริงๆ เลยให้ตาย”

ผมชำเลืองไปมองหน้าเจ้าของมือทันใด ธารขยี้เส้นผมของผมอย่างเบามือ หน้าก็ยังดูขรึมอยู่ แต่แก้มแดงไปทั้งสองข้างแล้ว
ผมตั้งท่าจะถามว่ามันมาจับหัวผมทำไม มันก็พูดขึ้นมาก่อน

“ต่อไปนี้ไม่ต้องไปพูดบ้าๆ แบบนั้นอีกแล้วเข้าใจมั้ย”
“น้องธารหมายความว่า?”
“หมายความว่าไม่ต้องไปพูดบ้าๆ กับใครเพราะหวงผมอีกแล้วไง”

ผมทำหน้างงขึ้นมา ธารเลยส่งเสียงจึ๊ในลำคอ แล้วผลักหัวผมออกห่างเต็มแรง ก่อนพูดขึ้นมาอีกที
“หมายความว่าต่อไปนี้ผมจะไม่คุยกับใครให้พี่หวงอีกแล้วไง แม่ง สมองหมาจริงๆ เว้ย!”

กระดูกคอเคลื่อนดังกร๊อบเลย อื้อหือ... ไอ้น้องธารเขินแรงมาก ส่วนผมก็ฟินแรงมากเช่นกัน เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าคนตรงหน้าหมายความว่าอะไร แม้ว่ามันจะอธิบายไป ด่าผมไปก็เถอะ แต่ก็ทำให้ผมยิ้มกว้างหน้าบานแฉ่งทันใด

“หมายความว่าน้องธารชอบพี่เหนือเหมือนกัน?”
“เปล่าเว้ย! บอกว่าจะไม่คุยกับคนอื่นให้หวงไม่ได้หมายความว่าชอบ แค่ไม่อยากให้พี่สร้างปัญหาเฉยๆ อย่าลืมสิวะว่าพี่ยังเป็นอาจารย์อยู่นะ” แก้ตัวอย่างรวดเร็วอีก หน้าก็แดงจนไม่รู้จะแดงไปไหนแล้ว

ผมเลยไม่เซ้าซี้ต่อ ได้แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ

“งั้นก็แสดงว่าถ้าพี่เหนือไม่ได้เป็นอาจารย์ฝึกสอนเมื่อไหร่ พี่เหนือก็เป็นแฟนน้องธารได้ใช่ปะ”
ธารปรี่มาผลักหน้าผากผมอย่างรวดเร็ว กระดูกคอเคลื่อนอีกรอบจนผมต้องสูดปาก ยกมือขึ้นประคองต้นคอโดยไว

“พูดอะไรบ้าๆ ขึ้นมาอีกประโยคเดียว รับรองได้เลยว่าพี่ลงไปกองกับพื้นแน่”
แค่นี้ก็ต้องทำร้ายร่างกาย ซาดิสม์จริงวุ้ย!

ผมก็เงียบปากตามที่มันสั่งด้วยไม่อยากโดนมันทำร้ายร่างกายอีก ส่วนธาร พอปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้แล้ว ก็ออกปากชวนผมกลับเข้าไปในห้องคาราโอเกะดังเดิม

“ไปกันเถอะไอ้หมาหวงก้าง ป่านนี้ไอ้ไม้กับไอ้จอมรอกันแย่แล้ว”

ผมสะดุดกับคำด่าใหม่ทันที ก่อนจะเลิกคิ้วสูง

“ไม่ด่าพี่เหนือว่าเป็นปลาแล้วเหรอครับ ปกติเห็นชอบด่าว่าพี่เหนือเป็นปลา ไหนจะปลาสวายหน้าวัด ปลาไหล ปลากระดี่ได้น้ำ ปลาทองอีก”
“แล้วปลาอะไรมันขี้หวงล่ะฮะ มีแต่หมาเนี่ย” ธารว่าเสียงขุ่น ขณะที่ผมยิ้มเผล่ด้วยคิดมุขเต๊าะเด็กออกขึ้นมา
“มีสิปลาขี้หวงน่ะ”
“ปลาอะไร” ธารที่กำลังจะก้าวไปเหลียวกลับมามองผมอย่างสงสัย
“ปลา...ปลา...ปลา...ปลาอะไรดีน้า” ผมทำเป็นคิด ก่อนว่า “ปลากฎว่าพี่เหนือเป็นแฟนน้องธารไง” แล้วก็ว่าหน้าระรื่น ลืมไปชั่วขณะว่าเมื่อกี้มันเพิ่งสั่งให้ผมหยุดพูดอะไรทำนองนี้ รู้ตัวอีกทีก็โดนสายตาเขม่นของมันจ้องมาแล้ว
“นั่นมันปรากฏมั้ย” ธารกระดกลิ้นเน้น ร.เรือชัดเจนตามมาด้วย
“พะ...พี่เหนือขอโทษครับ แค่ล้อเล่นน่ะ เห็นน้องธารเครียดๆ” ชิงขอโทษแม่ง เดี๋ยวมันต่อย
แต่มันไม่ต่อย มองผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ชี้นิ้วไปทางอื่น พร้อมกับว่าขึ้นมา
“ปาๆๆ ปาเล่งตงโน้นเลอนะ (ไปๆๆ ไปเล่นตรงโน้นเลยนะ)”

ผมหลุดหัวเราะเสียงดังทันทีที่เด็กนั่นเล่นมุขกลับด้วยการพูดภาษาไทยสำเนียงเด็กดอย ขณะที่มันเองก็หลุดหัวเราะออกมาเหมือนกัน เป็นครั้งแรกเลยที่มันยิ้มให้ผมกว้างขนาดนี้ หัวเราะกับผมด้วยเสียงดังสุดๆ แบบนี้ด้วย

ผมมองรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อนั่นไม่วางตา ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระทึกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับรู้สึกดีกับคนตรงหน้ามากขึ้นกว่าเดิม

ชอบ...ชอบจริงๆ อยากได้เป็นแฟนตอนนี้เลย

“ไปได้แล้ว มัวเล่นอยู่ได้” ธารพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต ตัดบทอีกครั้งแล้วเดินนำออกไป

ไม่รู้อะไรดลบันดาลใจให้ผมรีบเดินไปคว้าข้อมือมันไว้ มันหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะเปล่งเสียงออกมาพร้อมกับใจเต้นระส่ำ

“ทะ...ที่น้องธารบอกว่าเป็นห่วงภาพลักษณ์พี่เหนือเพราะพี่เหนือเป็นอาจารย์ฝึกสอน ถ้าเกิดว่าพี่เหนือฝึกงานเสร็จแล้ว พี่เหนือจีบน้องธารได้มั้ยครับ”

ธารตกตะลึงไปชั่วครู่ เหมือนสติหลุดไปหน่อย กระทั่งผมถามย้ำ มันถึงได้สติคืนมา
“ได้มั้ยครับ ตกลงพี่เหนือจีบได้มั้ย”

ธารดึงมือออกจากผมทันที ทำท่าอึกอักแล้วรีบหมุนตัวหนี ปากก็ว่าไปด้วย
“พะ...พูดอะไรไร้สาระอยู่ได้ เข้าไปข้างในได้แล้ว!”

ผมย่นจมูก ไม่ได้ดั่งใจเลยวะไอ้เด็กนี่ ถามตรงๆ ก็ดันเขินอยู่นั่น เขินจนน่าโดนตบ

หากแต่พอผมเดินตามมันมาจนถึงหน้าห้องคาราโอเกะที่น้องมายด์กับจอมแก่นอยู่ ธารก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูนั้น หันมาบอกผมเสียงเรียบ

“ที่ถามเมื่อกี้... ลองดูแล้วกัน”

อะ...อะไรนะ มันว่าอะไรนะ!?

อยากจะขอให้มันพูดอีกครั้งชะมัด แต่มันก็หยุดความคิดผมด้วยการว่าเบาๆ

“ทำให้ผมเชื่อใจให้ได้แล้วกันว่าพี่จริงใจ”

แล้วก็เปิดประตู หายเข้าไปในห้องคาราโอเกะหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมเหวอกินไปครู่ ตั้งสติได้ก็กระโดดโลดเต้นไปมาคนเดียวด้วยความดีใจจนพนักงานที่อยู่ละแวกนั้นมองด้วยสายตาแปลกๆ เลยต้องรีบเก็บอาการอย่างรวดเร็ว

อะ...ไอ้เหนือเอ๊ย ก้าวไปอีกขั้นแล้ว แค่นี้ไอ้การเป็นปลากฎว่าเป็นแฟนน้องธารคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะ
-----------------------------------
มาแล้วตามสัญญา ตอนหน้ามาอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ ช่วงนี้หนูแดงต้องขอดองเรื่องนี้ก่อนจริงๆ กำลังเร่งทำหนังสือให้ออกทันกำหนดที่รับปากไว้อยู่
ส่วนตอนนี้... นังพี่เหนือนี่ได้ทั้งขึ้นทั้งร่องเลยนะ หมั่นไส้ เบะปากใส่รัวๆ น้องธารนี่ก็ใช่ย่อย ทำเป็นซึน แต่อ่อยพี่เหนือทางอ้อมรัวๆ คืออัลไลลลล มีใจให้แล้วล่ะสินะ 555
หลังจากตอนนี้ น้องธารก็เริ่มอ่อยพี่เหนือมากขึ้น พี่เหนือก็เต๊าะรัวๆ แถมกั้งกับยีนส์ก็จะมีบทมากขึ้นด้วย แก๊งพี่เหนือมารวมกับแก๊งน้องธารเมื่อไหร่ บอกเลย... หรรษา กร๊ากกก
ตอนหน้านี่รอกันหน่อยนะคะ รับปากว่าเลยกลาง เม.ย.เมื่อไหร่ จะมาอัพเรื่องนี้ให้รัวๆเลยค่ะ XD
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-03-2016 01:43:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-03-2016 06:02:12
รอการอัพแบบยาวๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-03-2016 09:10:37
พี่เหนือสกัดชะนีจนวิ่งร้องไห้ไปเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 19-03-2016 09:12:35
“แหม ทำเป็นสวยเลือกได้ หมั่นไส้" พุ่งงงงงงงงงเลย 55555

 น้องมายด์ทำพี่เหนือดูแรดมากจีๆ

แหมะ น้องธารมัวเขินเยอะๆเดี๋ยวชวดนะ ซึนไปถึงไหน

มีห่วงภาพลักษณ์พี่เหนือไปอีกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-03-2016 10:02:11
แอร๊ยยยยย น้องธารน่ารักอ่ะ ชอบตอนนางพูดเด็กดอย ทำไปด้ายยยยย ฮาาาา อิพี่เหนือ ฟินไปเลย 3 โลก นางเป็นศูนย์รวมของปลา ได้อีกปลาละ ปลากดว่าได้เป็นแฟนธาร โง่วววววว ชอบๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 19-03-2016 10:14:25
ธารอ่อยพี่เหนือเยอะๆเลยเราชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-03-2016 10:17:36
รออัพแบบยาวๆ เลยค่ะ แหม น้องธารมีอ่อยก่อนเข้าห้องคาราโอเกะอีกนะ

แล้วแบบนี้พี่เหนือจะไม่รุกจีบน้องได้ไงล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 19-03-2016 12:08:51
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-03-2016 12:11:54
ลองดู ลองดู สู้ๆ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 19-03-2016 13:03:20
หาคนมาเต๊าะเหนือ. ยั่วให้ธารหึงหน่อยสิ.   เพื่อนเหนือมีอีกสักคนมั้ยคะ. หาคู่ให้พี่ดือหน่อย. น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-03-2016 14:28:44
ทำให้ได้นะเหนือ น้องธารจะได้ยอมเป็นสามีเสียที ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-03-2016 16:41:01
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 19-03-2016 19:10:03
สมกับที่รอคอย อ่านไปยิ้มไป ฟินๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่13♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-03-2016 19:17:31
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 14
เอามาแปะให้เจิมรอกันไว้ก่อน มาอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากมายจริงๆ ต้องขออภัยที่อัพๆ ดองๆ ด้วย แต่บอกเลยว่าตอนหน้านี้ น้องธารของเราเริ่มมีออร่าเมะพุ่งแล้วนะ ใครว่าน้องธารไม่เมะ เดี๋ยวดูๆ ตอนต่อๆ ไป ความเมะก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ความขายอ้อยก็เช่นกัน ใครว่าพี่เหนือขายอ้อยเก่งแล้ว มาเจอน้องธารค่ะ นี่ก็ตัวพ่อ เด็กมันยั่ว แสงเหนือจะไม่ทน 555
--------------------------------------

เอาตัวอย่างไปจ้า แจกความฟินกันล่วงหน้ารัวๆ


“ทำไมพี่แต่งตัวอย่างนี้อะ” ธารถามพลางมองผมที่ใส่เพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบ็อกเซอร์สีเข้มอย่างงุนงงทันทีที่เปิดประตูมาเจอผม
ผมเอียงคอยิ้มให้ ก่อนจะตอบไป
“ก็ชุดขายอ้อยไงครับ”
“ขายอ้อย?” เด็กนั่นทำหน้าไม่เข้าใจ จนผมหลุดหัวเราะแล้วก็อธิบายออกมา
“ขายอ้อยก็คือการอ่อยน่ะ เข้าใจหรือยังครับน้องธาร เนี่ย ตั้งใจแต่งมาอ่อยน้องธารเต็มที่เลยนะ”
สารภาพไปตรงๆ เลยว่าแต่งมายั่ว ใจกล้าหน้าด้านขนาดไหนถึงได้กล้าใส่บ็อกเซอร์มานอนกับไอ้เด็กนี่น่ะ

ส่วนธารก็ทำหน้าแหยทันทีที่เข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก่อนจะว่าเนิบๆ
“ผมว่าพี่ไม่ได้ขายอ้อยอย่างเดียวแล้วว่ะ ขายสตอรว์เบอร์รีด้วย แม่ง อย่างแรด”

เอ้า ด่าอีก! แหมๆๆ ด่าไม่ดูสารรูปมึงเลยนะ มึงเองก็ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นบางๆ มาขายอ้อยกูเหมือนกันล่ะวะ แถมขาสั้นกว่าของกูอีก เสื้อก็ไม่ใส่ ขายนมด้วย นมเย็นมั้ยล่ะมึง ชมพูซะ ยั่วสายตากูจนละไปไม่ได้แล้วเนี่ย

โอ้โห... ตอนนี้กูไม่รู้แล้วเนี่ยว่าใครขายอ้อยใครกันแน่!

ผมทำปากยื่นนิดหน่อยที่โดนด่าแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนปรายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็สังเกตได้ว่ากางเกงบ็อกเซอร์ที่เด็กนี่ใส่วันนี้มันดูบางกว่าปกติจนเห็นรูปทรงของอะไรบางอย่างใต้นั้นได้อย่างชัดเจน

พะ...พี่เหนือว่าน้องธารคงไม่ได้ขายอ้อยกับขายนมเย็นอย่างเดียวแล้วล่ะครับ พี่เหนือว่าน้องธารขาย...
“ขายมะเขือยาวด้วยก็ไม่บอก”
ผมเผลอครางออกมา ทำเอาธารย่นคิ้วทันใด

“มะเขือยาวอะไร”
“ปะ...เปล๊า” ผมรีบปฏิเสธเสียงสูงอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าถ้ามันรู้ว่าถูกผมลวนลามทางสายตา เดี๋ยวจะโดนไล่ตะเพิดออกจากห้องก่อนจะได้เข้า
หากแต่ครู่เดียว ธารก็รู้ตัวแล้วจากสายตาของผมที่จ้องไปยังสวนมะเขือยาวไม่เลิก ก่อนมันจะหัวเราะออกมา
“น้ำลายไหลแล้ว เลิกมอง!” แล้วก็พุ่งเข้ามาปิดตาผมโดยพลัน

ไม่พุ่งมาปิดตาผมอย่างเดียวด้วย ลากเข้ามานั่งบนเตียงในห้อง จัดการปิดประตูเสร็จสรรพอีก ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกจู่โจม แต่พอมองไปยังธารที่เดินหน้าแดงผ่านหน้าไปสวมกางเกงขาสั้นทับอีกชั้น ผมก็ยกยิ้มออกมาจนต้องหลุดแซว

“ไม่ขายมะเขือยาวแล้วเหรอครับ”
“พี่อยากโดนต่อยมั้ย” ธารว่าโดยไม่มองหน้า

ผมก็ยังหัวเราะไม่เลิกเพราะไม่รู้สึกว่าประโยคที่ธารพูดเมื่อกี้คือการขู่ กระทั่งธารสวมกางเกงเสร็จแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งข้างผม ผมถึงได้หยุดหัวเราะ

“ทะลึ่งเหรอฮะ” ธารเขกหน้าผากผมมาทีหนึ่งพร้อมกับผลักเบาๆ
ผมแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บทั้งที่มันไม่เจ็บสักนิด ทำให้ธารเม้มปากไปหน่อยแล้วยิ้มออกมา

ผมเห็นคนตรงหน้ายิ้มแล้วใจก็ชุ่มชื้นขึ้นมาพลัน ตั้งแต่ที่ผมสารภาพความในใจไปว่าชอบเด็กนี่จริงๆ แล้วพยายามแสดงออกว่าผมจริงใจ ผมก็รู้สึกเลยว่าธารเริ่มเปิดใจให้ผมมากขึ้น อ่อนโยนมากขึ้นด้วย ซ้ำยังพูดง่าย ขอร้องอะไรก็ยอมรับปากง่ายๆ ไปหมด ถึงจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่ก็นับว่าดีกว่าก่อนเยอะ ยิ่งเมื่อวานก่อนผมช่วยมันให้สบายใจขึ้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำดีกับผมมากขึ้น

ที่สำคัญ เริ่มไม่ค่อยเขินผมแล้วด้วยล่ะ ไม่เชื่อก็ดูตอนนี้ นั่งจ้องหน้าผมอยู่นานแล้วเนี่ย จนผมชักเป็นฝ่ายอึดอัดขึ้นมาแล้วด้วยไม่รู้ว่ามันจ้องอะไรนักหนา

“อะ...เอ่อ... น้องธารจะนอนเลยมั้ยครับ พี่เหนือว่าเริ่มดึกแล้วนะ”

เพราะอึดอัด ผมก็เลยทำลายความเงียบขึ้นมา แต่ธารก็ไม่ขยับ ผมเลยเป็นฝ่ายจะลุกไปเข้าห้องน้ำแทน หากแต่ไม่ทันจะได้เขยื้อนไปไหน ธารก็ยื่นมือมาแตะซีกหน้าผม ไล้ปลายนิ้วโป้งมาแตะยังมุมปากเสียก่อน

ผมเหวอไปนิดหน่อยที่จู่ๆ มันก็ทำแบบนี้ กระทั่งมันพูดขึ้นมา ผมถึงได้สติอีกครั้ง

“ก่อนมาที่ห้องผม กินขนมมาเหรอ ปากเปื้อนช็อกโกแลตเนี่ย”
“ฮะ? อะ...อ๋อ ครับ กินเค้กมาน่ะครับ” ผมว่าไปตามตรง คงจะมีคราบช็อกโกแลตเลอะมุมปากล่ะมั้งถึงได้พูดอย่างนี้
“งี่เง่า เป็นเด็กหรือไง กินเลอะเทอะแบบนี้น่ะ” ธารพึมพำขึ้นมา แล้วก็ใช้หัวแม่โป้งเช็ดคราบช็อกโกแลตออกให้ผม

สัมผัสแผ่วเบาและไออุ่นจากฝ่ามือทำให้ผมใจเต้นระส่ำอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าก็ร้อนรุ่มจนรู้สึกได้ด้วยเพราะถูกธารจ้องอย่างไม่วางตา แถมเริ่มไม่ใช่แค่ใบหน้า เริ่มลามไปทั่วตัวละเมื่อธารเริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ทีละน้อยจนท่าทางของเราสองคนในตอนนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังจะ...จะ...

จะ...จูบกัน...

ดะ...เดี๋ยว ไม่ทันตั้งตัว... เดี๋ยว!

ถึงในใจอยากจะให้ได้ให้โดน แต่พอมาแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งธารมาในเวอร์ชันนิ่งๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ผมยิ่งดูไม่ออกเลยว่ามันคิดอะไรอยู่

“อะ...เอ่อ...” เท่านั้น ผมก็รีบเรียกสติมันคืนมาฉับพลันด้วยการจะทัก
แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ธารก็เลื่อนหัวแม่มือที่ตอนแรกอยู่บริเวณมุมปากผมมาวางตรงกลางริมฝีปากแทนเสียแล้ว
“พี่เหนือ...” เรียกชื่อขึ้นมาอีก

ผมเลยเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ก่อนธารจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ชอบผมจริงหรือเปล่า”
“ถะ...ถามทำไมเหรอครับ” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนจะไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่าธารไม่สนใจแล้วล่ะ นอกจากตั้งหน้าตั้งตาถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้เท่านั้น
“ก็อยากรู้ ตอบหน่อยว่าชอบผมจริงหรือเปล่า”
“อะ...เอ่อ...จริงสิ ชอบจริงๆ... คือพี่เหนือ...ชอบน้องธารจริงๆ ครับ” สุดท้ายผมก็ตอบ ไม่ได้ตอบเพราะจำใจด้วยถูกดวงตาคู่สวยจ้องมองอย่างคาดคั้น แต่เป็นเพราะผมอยากพูดให้คนตรงหน้าได้ยินจริงๆ ว่าผมชอบมันแค่ไหน

สิ้นเสียงผม ธารก็กัดริมฝีปาก เผยอยิ้มแล้วเสมองไปทางอื่นเล็กน้อยราวกับเขิน ส่วนผมนี่ไม่ต้องถามว่าเขินมั้ย หน้าเห่อร้อนไปหมดแล้วเนี่ย!

แล้วมันก็ทำให้ผมเขินหนักกว่าเดิมด้วยการหันกลับมาแล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะจูบริมฝีปาก ทว่าจู่ๆ ก็ดันเปลี่ยนทิศทางไปประทับจูบลงบนแก้มผมแทนในวินาทีสุดท้ายแบบเร็วๆ แล้วก็ผละออกมา

แม้จะเกิดขึ้นไม่ถึงสิบวินาที แต่ก็ทำให้ผมอ้าปากค้างไปได้ทันควัน

มะ...เมื่อกี้อะไร! เมื่อกี้นี้มันอะไร! มองตามไม่ทัน ขออีกทีซิ! ขออีกทีแรงๆ!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-03-2016 19:39:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-03-2016 20:09:49
พี่เหนือนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ ดีนะที่น้องธารไม่โกรธมาก กลัวพี่เหนือโดนต่อยจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 19-03-2016 20:24:16
ต่อจากสัตว์น้ำก็เป็นพืชซินะ 555555 ว่าแต่น้องธารหอมแก้มนี่ฟินป่ะ เหนือชาวไร่อ้อย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 19-03-2016 22:29:26
น้องธารหอมพี่เหนือแล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 20-03-2016 00:24:31
อ้อยทั้งน้องธารทั้งพี่เหนือเลสจ่ะ  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 20-03-2016 01:55:16
เจ้ หนูรักเจ้สุด โครตแรด แรดได้ใจมาก
ชอบเรื่องนี้ กรี้ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 20-03-2016 12:23:26
คือฟิน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: แอลฟาฮาลา~ ที่ 20-03-2016 13:02:37
ตามอ่านทันแล้วววววว :hao7: ตอนต่อไปเค้าแข่งกันขายอ้อยล่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 20-03-2016 15:40:28
รอน้องธารมาขายอ้อย นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-03-2016 18:15:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 22-03-2016 02:41:08
 :hao3: :hao3: :hao3: ไม่เบานะธาร อืม คนขายอ้อยหรือจะสู้ โรงงานส่งออกอ้อย เหอะๆ รอธารเป็นฝ่ายอ้อยสุดๆอะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-03-2016 11:33:51
น้องธารน่ารักกกกกกกกกกก > /////// <
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-03-2016 17:01:06
โอย พัฒนาๆๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: T-A-N ที่ 22-03-2016 19:23:16
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ ชอบมากกก อ่านแล้วก๊าวใจมาก 5555555 เขินพี่เหนือกับน้องธารจีบกัน  :-[
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-03-2016 23:26:44
พัฒนาไกล แต่ว่าพี่เหนือจะหนีกลับก่อนป่าว???
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 23-03-2016 09:13:10
ต้องชมนะ คนแต่งแต่งได้ดี นาติดตามตลอดเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-03-2016 21:49:29
ชั่งใจ ครั้งที่ 14: เซลขายอ้อยรายใหญ่[1]

หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับธารใจก็ดีขึ้นทันตาเห็น ถึงผมจะบอกว่าจะเดินหน้าจีบมันอย่างเป็นทางการ แต่ช่วงนี้พอเห็นโอกาสปุ๊บ ก็เดินหน้าขายอ้อยมันปั๊บ

ไม่อยากจะบอก พี่เหนือขายอ้อยแบบฮาร์ดเซลมาก

เด็กนั่นก็ตามสไตล์มันน่ะ ไม่หือไม่อือ แล้วก็ทำสีหน้ารำคาญใส่ ส่วนเรื่องอายม้วนนี่มันเลิกอายไปบ้างแล้วล่ะ
ก็แหม โดนขายอ้อยทุกวัน ทุกสามเวลาหลังอาหารแบบนี้ มันก็ต้องด้านชาบ้างแหละ

แต่ผมไม่หยุดการขายอ้อยแค่เพียงเท่านั้น เปิดกระบะขายอย่างเดียวมันยังไม่พอ ต้องไปฮาร์ดเซลถึงที่ด้วย นั่นก็คือ... การขอไปนอนห้องมันไงล่ะ

ผมคว้าโทรศัพท์มาส่งข้อความไปหามันรัวๆ ทันทีที่ว่างจากการสอนและกลับมานั่งในห้องพักครูแล้ว
 
พี่เหนือ เซลขายอ้อยรายใหญ่: น้องธารครับ
 
ส่งข้อความไปแล้วก็นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียว รอพักหนึ่ง อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
 
ธาร พ่อทุกสถาบัน: ว่า?... แล้วชื่อพี่นี่อะไรอีกเนี่ย ที่บ้านทำไร่อ้อยหรือไง?
 
ผมถึงกับหัวเราะกับความใสซื่อของมัน คงจะไม่รู้สินะว่าขายอ้อยคืออะไร แต่ไม่บอกมันหรอก บอกไปตอนนี้ เดี๋ยวไก่ตื่น
พี่เหนือ เซลขายอ้อยรายใหญ่: อาชีพเสริมน่ะครับ ว่าแต่คืนนี้ห้องน้องธารว่างมั้ย พี่เหนือขอไปนอนด้วยคนสิ
 
อธิบายแบบลวกๆ แล้วก็จัดการรุกคืบอย่างไม่ปราณีปราศรัย
ธารเงียบไปพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าจะตอบกลับมา
 
ธาร พ่อทุกสถาบัน: ห้องตัวเองไม่มีนอนหรือไง
พี่เหนือ เซลขายอ้อยรายใหญ่: มีครับ แต่อยากนอนกับน้องธารมากกว่า
 
หยอดแบบรุนแรง หยอดแบบโหดเหี้ยม หยอดไปแล้ว ไอ้น้องธารก็เงียบกริบ หลังจากข้อความนั้นก็ไม่ส่งอะไรกลับมาอีกเลย ทำเอาผมย่นคิ้ว พิจารณาตัวเองทันทีว่ารุกมันมากเกินไปจนมันกลัวหรือเปล่า

ความจริงก็ไม่เห็นต้องกลัวเลยนะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าไม่นับเรื่องคิดหื่นกับมันตลอดเวลาแล้วล่ะก็ ผมแค่ลวนลามมันด้วยวาจากับสายตาทุกครั้งที่มีโอกาสเท่านั้นเอง

แต่...คิดๆ ดูแล้วมันก็ควรกลัว ขนาดผมยังกลัวตัวเองเลยเมื่อตระหนักได้ว่าผมรุกมากไปจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ได้จีบจริงจังยังเป็นเอามากถึงขนาดนี้  ถ้าจีบอย่างเป็นทางการแล้ว ผมไม่จับมันปล้ำเลยหรือไง? มันให้ไปนอนด้วยก็แปลกแล้ว!

ผมก็เลยตัดใจ เอาเถอะ ไว้ตอนจีบมันติดเมื่อไหร่ จะนอนด้วยกันเมื่อไหร่ก็นอนได้ เผลอๆ จะไม่ได้แค่นอนหลับอย่างเดียวด้วย แต่เป็น...เหอๆๆ... หลับนอน

นั่งหัวเราะในลำคอ ทำหน้าลามกอยู่คนเดียวเป็นพัก ได้สติอีกทีก็ตอนที่พี่สมรกลับเข้ามาในห้องพักครู แล้วร้องทักผมเสียงเข้ม

“เป็นอะไรน่ะน้องเหนือ ไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำหน้าตาแปลกๆ”
“อะ...อ๋อ ไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ นิดหน่อย” เพลินจริง เพลินมาก กำลังคิดถึงตอนน้องธารเหงื่อชุ่ม หายใจกระหืดหอบอยู่บนเตียงโดยมีผมอยู่ใต้ร่างพอดี

พี่สมรทำหน้าสงสัย จับพิรุธผมเป็นการใหญ่ ขณะที่ผมก็รีบปั้นหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มกว้างให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่สมรก็เลยไม่สนใจผมอีก เดินมานั่งยังโต๊ะทำงานแล้วบ่นเรื่องเด็กแผนกตัวเองชั้นปีอื่นเป็นการใหญ่ที่ไม่ตั้งใจเรียนในคาบของเธอ ผมก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง หัวเอาแต่คิดถึงหน้าน้องธาร

คิดได้เพียงครู่เดียว เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นที่หน้าห้องพักครู เรียกเอาทุกคนในห้องหันไปมอง
“อาจารย์สมรครับ ขอเชิญที่ห้องฝ่ายปกครองหน่อย”

พอเห็นว่าเป็นอาจารย์ดิเรก พี่สมรก็ย่นหน้าทันที

“มีอะไรหรือเปล่าคะ เด็กในแผนกดิฉันไปก่อเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า” เธอถามอย่างระอาด้วย ขณะที่อาจารย์ดิเรกส่ายหน้าปฏิเสธ
“คราวนี้ไม่ใช่เด็กในแผนกหรอกครับ แต่เป็นผู้ปกครองของเด็กในแผนกต่างหาก”

พี่สมรย่นหน้ามากขึ้นไปอีก ผมก็เผลอย่นคิ้วตามด้วยเดาไม่ถูกว่าผู้ปกครองของนักศึกษาในแผนกจะมาก่อเรื่องในวิทยาลัยลูกตัวเองทำไม กระทั่งอาจารย์ดิเรกโพล่งขึ้น

“เดี๋ยวขอเชิญอาจารย์เหนือด้วยนะครับ ผู้ปกครองอยากพบด้วย”
“ผมเหรอครับ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทันที

ทว่ายังไม่ทันจะได้คลายความงุนงง พี่สมรก็หันมาพยักหน้าเรียกผมแล้วเดินนำออกจากห้องไปแล้ว

ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องฝ่ายปกครอง หัวผมก็คิดวุ่นว่าเผลอไปทำอะไรไม่ดีกับเด็กในแผนกไว้หรือเปล่า จำพวกลวนลามทางสายตาหรือเผลอแต๊ะอั๋งแบบไม่ได้ตั้งใจอะไรงี้ พ่อแม่มันถึงได้บุกมาเจอผมแบบนี้ แต่คิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่มีนักศึกษาคนไหนเลยนะที่ผมไปทำรุ่มร่ามด้วย จะมีก็แต่...ธารใจ

ธารใจ! ระ...หรือว่าพ่อมันจะบุกมาเพราะมันไปฟ้องพ่อว่าผมเต๊าะมันแบบรุกคืบวะ!?

หนอย เมื่อกี้ที่เงียบไป คือมึงโทรไปฟ้องพ่อล่ะสินะ!

คิดฟุ้งซ่านไปทันที เผลอหัวเสียนิดหน่อยกับการเอาคืนของมัน และแปรเปลี่ยนเป็นใจหายวาบเมื่อประตูห้องฝ่ายปกครองเปิดออก พลันหน้าของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเลขาพ่อของเด็กนั่นก็โผล่มาให้เห็น

นะ...นั่นไง มันเอาไปฟ้องพ่อมันจริงๆ ด้วย

อะไรก็ไม่รู้ล่ะ ผมยิ้มให้นำไปก่อนเผื่อว่าคดีติดตัวจะบรรเทาลงถ้าอีกฝ่ายเห็นสีหน้ามีมิตรไมตรีของผม แต่แล้วผมก็ยิ้มไม่ออกทันทีที่ชายอีกคนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กับคุณเลขาเหลียวใบหน้ามามอง

ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับธารใจ หากแต่แก่กว่าและดูน่าเกรงขามทำเอาผมยิ้มไม่ออกไปชั่วขณะ สัญชาตญาณบอกทันทีว่าก่อนที่อาจารย์ดิเรกจะเรียกสติผมให้กลับมา
“อาจารย์สมรกับอาจารย์เหนือมาแล้วครับคุณธี”

พี่สมรยกมือไหว้อีกฝ่าย ผมก็รีบยกมือไหว้ตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน คุณธีรับไหว้แล้วร้องทัก
“สวัสดีครับอาจารย์สมร ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีบุกมาเองแบบนี้ แสดงว่าต้องมีธุระสำคัญอยู่แล้วถึงมาด้วยตัวเองได้” พี่สมรว่าราวกับประชด แต่เปล่า ไม่ได้ประชด มันคือความจริง เพราะพ่อได้เด็กธารไม่เคยโผล่หน้ามาที่นี่เลย มีแต่ส่งคนมาแทนไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

คุณธีเหยียดริมฝีปากยิ้มขึ้นมานิดหน่อย พลันเหลือบมองมายังผม
“นี่คงเป็นอาจารย์เหนือสินะครับ”
“คะ...ครับ” ผมรีบควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติขณะตอบรับ

หากแต่ก็เป็นปกติได้ไม่นานเมื่อคุณธีพูดขึ้นมาอีก
“ยังหนุ่มอยู่เลยนะครับ มิน่าชยุตถึงได้บอกว่าเข้ากับเด็กนั่นได้ดี”
ผมเดาเอาว่าชยุตคงจะเป็นชื่อของคุณเลขา แต่ผมก็ไม่ได้ถามกลับ ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ยกมือลูบต้นคอตัวเองป้อยๆ แก้เขิน ก่อนที่สมรจะเข้าเรื่อง
“ว่าแต่คุณธีมีธุระอะไรเหรอคะถึงได้ตามดิฉันกับน้องเหนือมาอย่างนี้”
“ผมว่าจะมาคุยเรื่องลูกชายตัวดีสักหน่อย”
ใจหายวาบขึ้นมาอีกแล้ว ลุ้นโคตรว่าจะคุยเรื่องอะไร แล้วก็ใจหายยิ่งกว่าเดิมเมื่อดวงตาคมเหลือบมามองผมนิ่ง
“แล้วก็จะมาคุยกับอาจารย์เหนือเรื่องเด็กนั่นด้วย”

คะ...เค้าไม่ได้ทำอะไรลูกชายตัวเองเลยนะ แค่ขายอ้อยให้บ่อยๆ เท่านั้นเอง!

ในใจแก้ตัวไปแล้ว แต่หน้าตานี่เตรียมพร้อมรับมือด้วยความจริงจังสุดๆ

พี่สมรก็ทำหน้าจริงจัง แต่เป็นตอนมองผมน่ะ ขณะที่ผมเป็นฝ่ายเปิดปากถามด้วยคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรสักที
“ตะ...ตกลงคุณพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
“ผมจะมาขอให้อาจารย์เหนือช่วย”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็โล่งใจทันควันที่สาเหตุการมาของพ่อไอ้เด็กนั่นไม่ได้เป็นเพราะมันไปฟ้องพ่อว่าถูกผมก้อร่อก้อติก ตอนนี้เลยกลับมาเป็นปกติได้อย่างสมบูรณ์
“ได้สิครับ คุณพ่ออยากให้ผมช่วยอะไรเหรอ”
คุณธีเงียบไปครู่ มองหน้าคุณเลขาชยุตเป็นเชิงให้ฝ่ายนั้นพูด
“คือคุณธีอยากจะให้อาจารย์ช่วยพูดกับคุณหนูให้กลับบ้านหน่อยน่ะครับ”

ผมได้ยินอย่างนั้นก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็พยายามให้ธารกลับไปอยู่บ้านอยู่แล้ว ผมเลยยิ้มร่า รับปากไป
“ได้สิครับ เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวผมช่วยพูดให้”
“วันนี้นะครับ” คุณชยุตพูดขึ้นมาอีก
ไอ้ที่ยิ้มๆ อยู่เมื่อกี้นี่หุบยิ้มไม่ทันเลย
“หมายความว่า?”
“ให้กลับบ้านวันนี้เลย” ประโยคนี้คุณธีเป็นคนพูด ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกฉับพลัน

วันนี้!? บ้าหรือเปล่า! นี่มันบังคับชัดๆ แถมยังดึงกูเข้าไปเอี่ยวอีก ก็เคยบอกอยู่ว่าเดี๋ยวก็ทำให้มันต่อต้านยิ่งกว่าเดิม ยังจะไม่ฟังอีก!

หากแต่ไม่ทันที่ผมจะได้เถียง คุณธีก็สวนขึ้นมาแล้ว

“ผมหมดความอดทนกับไอ้เด็กนี่เต็มทนแล้ว หาแต่ปัญหามาให้ทุกวี่ทุกวัน เมื่อวานมันก็ไปตีกับชาวบ้านจนถึงขั้นขึ้นโรงพัก ผมนี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
ได้ยิน ผมก็ตกใจทันควัน เหรอหราหนักด้วยไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้มันไปตีกับใครตอนไหน ก็ผมเพิ่งไปคาราโอเกะกับมันมาเองแท้ๆ แต่หลังจากกลับมาที่หอตอนหัวค่ำ ผมกับเด็กนั่นก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน หรือว่ามันจะไปตีกับคนอื่นตอนผมเข้านอนไปแล้วนะ?

“ช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยได้มั้ยครับ” ผมกลายเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาบ้าง รีบถามออกไปอย่างร้อนรน ในใจนึกเป็นห่วงธารขึ้นมาทันควัน
อึดใจเดียว คุณธีก็เป็นฝ่ายเล่าขึ้นมา
“มันก็ออกไปตีกันพวกเด็กกุ๊ยด้วยกันเพราะเพื่อนมันโทรตามให้ไปช่วย คราวนี้หนักหน่อยตรงที่โดนตำรวจรวบตัวได้ทัน น่าขายหน้าจริง”
“เพื่อนนี่ใครครับ” ผมถาม
“โรม รู้จักใช่มั้ยครับ”
ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ไม่ถามต่อด้วยพอจะเดาได้ว่าสาเหตุที่ตีกันคงจะเป็นเรื่องผู้หญิงอีก แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อคุณชยุตแทรกขึ้นมาโดยที่ผมไม่ได้ถาม
“เรื่องผู้หญิงเหมือนเดิมครับ”

นั่นไง... ไอ้โรมนะไอ้โรม ทำน้องธารกูแปดเปื้อนอีกแล้ว มึงนะมึง! ตั้งแต่เรื่องที่ทำให้กูต้องวิ่งสี่คูณร้อยหนีคู่อริมึงแล้วนะ เดี๋ยวก็ยุให้อีน้องมายด์จับทำผัวจริงๆ ซะหรอก จะได้เลิกแรด!

จะด่ามันแรดก็ไม่ได้ ผมเองก็ใช่ย่อย งั้น...จะได้เลิกเจ้าชู้ก็แล้วกัน

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ไอ้เด็กโรมนั่นทำให้น้องธารของผมต้องเดือดร้อน เพราะดูท่าวันนี้คุณธีจะเอาจริง ยังไงก็ยืนยันว่าจะพาตัวธารกลับไปอยู่บ้านให้ได้

“ผมอยากให้อาจารย์เหนือช่วยพูดกับมันให้หน่อย ถ้ากล่อมมันได้สำเร็จ ผมจะได้ให้คนไปขนของที่หอมันกลับบ้านเลย”
“แต่ผมว่าไม่ดีมั้งครับ ผมเคยบอกไปแล้วนี่นาว่าถ้าบังคับจะทำให้เด็กยิ่งหนี” ผมรีบให้เหตุผลก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด

และเพราะผมพูดอย่างนั้น พี่สมรก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันควัน เสริมทัพอีกต่างหาก
“นั่นสิคะ ธารใจยิ่งเป็นเด็กหัวแข็ง พูดด้วยยากแบบนั้น ถ้าไปบังคับ ดิฉันเกรงว่าจะทำให้เลยเถิดยิ่งกว่าเดิม”
“แต่ยังไงผมก็จะเอามันกลับบ้าน ไม่งั้นมันก็สร้างปัญหาให้ไม่เลิกสักที” คุณธีสวน
“ก็ใช่ว่าพาตัวกลับบ้านไป ธารใจจะเลิกสร้างปัญหานี่ครับ ผมว่าจะสร้างปัญหาให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกเพราะคุณพ่อไปบังคับแบบนั้น”
“ถ้ามันจะสร้างปัญหา อย่างน้อยก็ให้มันสร้างปัญหาในสายตาผม ไม่ใช่ออกมาก่อเรื่องนอกบ้านไปทั่วแบบนี้” คุณธีเผลอขึ้นเสียงมาหน่อยๆ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าหงุดหงิดที่ผมกับพี่สมรเข้าข้างเด็กนั่น

ตอนนี้ผมชักไม่สบอารมณ์ขึ้นมาบ้างละ รู้สึกได้เลยว่าพ่อของเด็กนั่นเป็นคนเผด็จการ แต่ก็เข้าใจอยู่ว่าเพราะเป็นหัวหน้าคน เป็นคนใหญ่คนโตเลยมีการวางท่าแบบนี้

“ผมว่าคุณธีใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าครับ ไว้รอธารใจมาก่อนแล้วค่อยคุยอีกที” อาจารย์ดิเรกเห็นท่าไม่ดีเลยรีบห้ามทัพ
ดีที่ทุกอย่างยุติลงแค่นั้น ต่างคนเลยต่างไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก รอกระทั่งธารใจที่ถูกพี่สมรโทรไปตามตัวมาที่นี่ บรรยากาศกดดันเมื่อครู่จึงเริ่มมลาย...

มลายกลายเป็นกดดันมากกว่าเดิมเนี่ย! มันโผล่หน้าเข้ามาได้ สีหน้าก็บอกบุญไม่รับเลย พ่อมันก็อีกคน หน้าตานี่เหม็นข้าวบูดถอดแบบกันมาเด๊ะๆ

บรรยากาศมาคุยิ่งกว่าเดิมด้วยเมื่อธารเห็นหน้าพ่อตัวเองแล้วเปล่งขึ้น
“มาทำไม”
“มาลากตัวแกกลับบ้าน”

ต่างคนต่างส่งสายตาดุๆ ให้กัน ต่างกันนิดเดียวตรงที่พอสิ้นเสียง ธารใจก็กัดฟันกรอด ขณะที่คุณธีมองหน้าลูกชายด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

ผมหันไปมองหน้าพี่สมรทันทีด้วยรู้ว่าอีกไม่นาน บรรยากาศจะแย่ลงกว่าเดิม พี่สมรเลยตั้งท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง หากแต่ไม่ทันเพราะไอ้เด็กธารมันแผดเสียงขึ้นมาก่อน

“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่กลับ จะอะไรนักหนา!”
“ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าอะไรนักหนา แกไปก่อเรื่องอะไรมาบ้างล่ะ ฉันถึงได้อยากจะลากแกกลับบ้านเนี่ย”
“แล้วพ่อจะมายุ่งอะไร พ่อก็อยู่ของพ่อไปสิ ไม่ต้องมายุ่ง!”
“ถ้าฉันไม่ยุ่ง เมื่อคืนแกก็คงได้เข้าไปนอนในซังเตแล้ว”
“ก็ช่างหัวผม!”
“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งนะไอ้เด็กสวะ!”

ผมตกใจแรงมากตอนได้ยินคุณธีด่าลูกตัวเอง ถึงจะไม่ใช่คำหยาบคายหลังจากเถียงกันจนไม่มีช่องว่างให้ใครเข้าไปแทรก แต่ก็ไม่คิดว่าคุณธีจะเผลอหลุดปากออกมาเร็วขนาดนี้ ตอนนี้รู้เลยว่าธารใจอารมณ์ร้อนเหมือนใคร

แม่พิมพ์แม่งอยู่ตรงหน้านี่เอง

คุณชยุตรีบปรามทันทีที่เห็นคุณธีระเบิดอารมณ์ด้วยการแตะมือลงเบาๆ ที่ไหล่แกร่ง ส่วนพี่สมรก็รีบตรงเข้าไปหาธารด้วยตั้งใจจะจับแยกเช่นกัน ทว่าไอ้เด็กนั่นกลับเอี้ยวตัวหนี เดินตรงมาหยุดที่หน้าพ่อตัวเอง แสยะยิ้มแล้วว่าอย่างยียวน

“ก็ต้องทำเป็นเก่งสิ ถ้าไม่เก่ง จะอยู่กับฆาตรกรที่ฆ่าแม่ตัวเองมาได้ตั้งหลายปีอย่างนี้เหรอ”

เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมได้ยินธารพูดแบบนี้ เกิดอยากรู้ขึ้นมากะทันหันเลยว่าคุณธีไปทำอะไร ลูกถึงได้ตราหน้าอย่างนั้น เท่าที่ได้ยินมา แม่ของธารถูกยิงโดยคนอื่นนี่

แต่ไม่ทันจะได้ถามอะไร มือใหญ่ของคุณธีก็กำแน่น ใบหน้าโกรธขึ้งจนดูน่ากลัว ก่อนเขาจะหุนหันลุกขึ้น ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของคุณชยุตที่ดังขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงดังเพียะเมื่อมือข้างหนึ่งสะบัดกระแทกซีกหน้าของธารอย่างจังจนเด็กนั่นเซไป

“อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะไอ้ลูกไม่รักดี!”
“ธารใจ!” พี่สมรโวยวายลั่น รีบปรี่เข้าไปจับเด็กนั่นไว้ทันที

ส่วนผมก็ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกด้วยไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ มือไม้สั่นขึ้นมาอีกทันทีที่เห็นว่ามีรอยเลือดไหลจากมุมปากสีชมพูเรื่อนั่นเล็กน้อย

คะ...ความรุนแรง...ความรุนแรงในครอบครัว!

ถึงจะไม่ได้เรียนวิชาสังคมแนวทางประมาณนี้มาก่อน แต่ผมก็รู้ถึงสาเหตุของการไม่อยากกลับบ้านของธารขึ้นมาทันที ในหัวคิดเป็นพัลวันว่าควรจะรับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไร

หากแต่ธารไม่รอให้ผมคิดออกเลยสักนิด ยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่มุมปากตัวเองลวกๆ ยกยิ้มเย้ยขึ้นมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่พ่อทำกับตัวเอง

“ทำไม ไม่รักดีแล้วทำไม พ่อไม่พอใจ ก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมสิ ตัดพ่อตัดลูกกันไปเลยก็ได้ ผมรอวันนั้นจะแย่อยู่แล้ว!”
ไอ้เด็กนี่! มึงจะไปยั่วโมโหพ่อตัวเองทำไม!

ยั่วโมโหจริงๆ คุณธีถึงกับกัดฟันกรอด แค่นเสียงดุดันออกมา
“ไอ้ธาร...”
ไม่แค่นเสียงอย่างเดียว ปรี่เข้ามาหาลูกชายตัวเองอีกต่างหาก เร็วชนิดที่คุณชยุตห้ามไม่ทัน พี่สมรเองก็ห้ามธารไม่ทันเช่นกันเพราะพอเด็กนั่นเห็นพ่อตรงเข้ามาจะทำร้ายตัวเอง ก็สะบัดพี่สมรออกแล้วเอาหน้าไปให้โดนตบอีกระลอกซะอย่างนั้น

ยะ...อย่าทำแบบนี้สิเว้ย! เดี๋ยวเสียโฉม!

ตอนนี้ทั้งผม ทั้งอาจารย์ดิเรกที่ยืนดูอยู่รีบปรี่เข้าไปห้ามทัพกันเป็นพัลวัน ความชุลมุนบังเกิดขึ้นเมื่อธารเอาแต่ว่ายั่วยุอารมณ์พ่อตัวเองให้เขาลงมือมากขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้ห้องฝ่ายปกครองเป็นสนามซ้อมมวยของคุณธีไปเรียบร้อย ต่างคนต่างดึงพ่อลูกคู่นั้นออกห่างจากกันเป็นพัลวัน แต่เหมือนคุณธีจะมีแรงเยอะจนคาดไม่ถึง ทุบตีธารจนผมเห็นแล้วใจไม่ดีทั้งที่คนถูกทุบไม่สู้เลยสักนิด

ผมรู้ว่าการทุบตีเป็นการเลี้ยงดูลูกหลานแบบไทยคร่ำครึ แต่ทุบตีถึงขนาดนี้มันก็เกินไปมั้ย ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยโดนพ่อแม่ตีอย่างนี้เลยนะ ถ้าจะทำโทษก็ใช้วิธีอื่นมากกว่า พอมาเห็นแบนี้ ผมก็ชักทนไม่ได้ ห้ามสุดแรงเกิด ปากก็ตะโกนห้ามไปด้วย

“หยุดเถอะครับคุณพ่อ! ใช้ความรุนแรงแบบนี้มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องนะครับ!”
แล้วหยุดมั้ย... ไม่ คุณธีพยายามตรงเข้ามาตีธารให้ได้ ผมเลยอาศัยจังหวะที่สองพ่อลูกนั่นเว้นห่างจากกันจากการถูกคนอื่นๆ ดึงแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง หากแต่แทรกผิดจังหวะไปหน่อย ฝ่ามือของคุณธีถูกส่งตรงมาพอดี พร้อมกับเสียงตะคอกของคุณธี
“ถ้าแกไม่กลับ ฉันก็จะตีแกให้ตายตรงนี้แหละไอ้ธาร!”

และตามมาด้วยเสียงอุ้งมือกระทบผิวเนื้อดังสนั่น

เพียะ!

นะ...หน้าผมเอง... เสียงนั้นเกิดจากผิวหน้าผมเอง

รสชาติคาวปะแล่มไหลอบอวลในปากท่ามกลางสายตาตะลึงงันของทุกชีวิตที่หยุดเคลื่อนไหวทันทีที่เห็นว่าคนถูกตบไม่ใช่ธาร แต่กลายเป็นผมที่เอาตัวเองเข้ามาขวางเอาไว้ ตอนนี้หน้าซีกหนึ่งของผมชาดิก อีกนิดเดียวก็จะไร้การตอบสนองแล้ว ทว่าก็ไม่สำคัญเท่ากับสีหน้าตกใจของทุกคน โดยเฉพาะคุณธีที่ยืนประจันหน้ากับผมอยู่

“อาจารย์เหนือ...” เขาครางออกมาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นด้วยว่าคนที่เขาตบจะเป็นผม

แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ข่มความเจ็บปวด แล้วบอกเขาด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะบังคับได้
“ยะ...หยุดทำร้ายธารใจเถอะครับ วันนี้คุณพ่อกลับไปก่อนเถอะ”
“แต่ว่าผม...”
“คุณพ่ออยากเอาลูกกลับบ้าน ผมรู้ครับ แต่ให้เวลาธารใจหน่อย เดี๋ยวผมคุยกับเขาให้เอง”

น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้สถานการณ์ตอนนี้แล้ว และเพราะผมพูดไปอย่างนั้น พี่สมรกับอาจารย์ดิเรกก็เลยรีบช่วยก่อนที่คนตรงหน้าผมจะระเบิดโทสะขึ้นมาอีก

“ทำตามที่อาจารย์เหนือบอกเถอะค่ะ ส่วนเรื่องธารใจ ดิฉันขอเชิญคุณพ่อไปคุยกันต่อที่ห้องแนะแนวนะคะ เดี๋ยวขอเชิญอาจารย์ดิเรกด้วยค่ะ เราจะได้หาทางออกด้วยกัน ส่วนน้องเหนือก็ดูแลเจ้าธารก่อนนะ เดี๋ยวพี่คุยธุระเสร็จแล้วจะกลับมา”

ผมพยักหน้าให้เร็วๆ คนอื่นๆ ไม่มีใครเสนอความเห็นใหม่ นอกจากพากันดึงคุณธีออกจากห้องฝ่ายปกครองไป พริบตาเดียวก็เหลือเพียงผมกับธารในห้องนี้เท่านั้น

ผมกำลังจะหันกลับไปมองว่าธารเป็นยังไงบ้าง แต่เด็กนั่นก็เรียกผมก่อนแล้ว
“พี่เหนือ เอาตัวเองเข้ามาขวางทำไม อยากตายเหรอ”

หันกลับไปมองเต็มสองตาก็เห็นเด็กนั่นอยู่ในสภาพสะบักสะบอมพอสมควร ขนาดโดนตีไปไม่กี่ที ใบหน้าก็มีร่องรอยการทำร้ายให้เห็นชัดเจนแล้ว แต่ไม่สงสัยนัก ด้วยสัมผัสมาด้วยตัวเองแล้วเรียบร้อยว่าแรงของคุณธีมีมากขนาดไหน
“พี่เหนือไม่อยากเห็นน้องธารโดนตีนี่ครับ” ผมยิ้มให้เด็กนั่นอย่างยากลำบากเพราะซีกหน้ายังชาและเจ็บแปลบอยู่

ธารยืนนิ่ง มองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก จะโกรธก็ไม่โกรธ จะเศร้าก็ไม่เศร้า ดูอึดอัดแปลกๆ ก่อนที่มันจะยุติความสนใจของผมด้วยการขยับริมฝีปากน้อยๆ
“โง่”
“ถึงจะโง่ แต่ก็โง่เพราะเป็นห่วงน้า” ยังมีหน้าหยอดมันอีก หยอดไป แต่บอกเลยว่าอารมณ์ตอนนี้ไม่อยู่ในฟีลอยากล้อเล่นสักนิด หน้าชาดิกขนาดนี้คงจะมีอารมณ์มาเล่นหรอก ที่พูดอย่างนั้นก็แค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่ลงไปกว่านี้

แต่ก็เสียเปล่า เพราะธารไม่ยิ้มออกมาสักนิด ก้มหน้าลง หลุบสายตาลงต่ำราวกับคิดอะไรสักอย่าง ผมเลยพ่นลมหายใจออกมายาว ดูท่าปัญหาของธารกับพ่อคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วล่ะ อยากรู้ชะมัดเลยว่าตกลงมันมีอะไรกันแน่ถึงได้ลามมาเป็นความรุนแรงอย่างนี้

ทว่าผมก็ไม่ถามออกไป เห็นหน้าเด็กนั่นแล้วก็รู้ว่ายังไม่เหมาะ สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดก็คือ...
“ไม่เป็นไรนะครับ”

...เดินแล้วไปกอดมัน แล้วลูบท้ายทอยเบาๆ เป็นการปลอบ

ธารสะดุ้งเล็กน้อย ผลักผมออกอย่างรวดเร็ว
“อะไรของพี่เนี่ย”
“เอ้า ก็กอดปลอบไง” ผมผละออกมา บอกหน้าตาเฉย มันเลยย่นคิ้ว
“นี่มันห้องฝ่ายปกครองนะ”
“ไม่ต้องกลัวมีคนมาเห็นหรอกครับ ถึงมาเห็นก็ไม่คิดอะไรหรอก สภาพแย่ขนาดนี้ก็คงจะเดากันได้แหละว่าที่พี่เหนือกอด เป็นเพราะกอดปลอบ ไม่ได้กอดเพราะอย่างอื่น” ผมว่าไปตามตรง

ธารก็ยังไม่ยอมให้ผมกอดอยู่ดี ตั้งท่าเหมือนแมวจรจัดขี้ระแวง ว่าเสียงขุ่นออกมาอีก
“แล้วพี่จะทำแบบนี้ทำไม”
“ทำอะไรครับ”
“ก็ที่เอาตัวมาขวาง แล้วก็มาปลอบผมเนี่ย จะทำแบบนี้ทำไม มันไม่ใช่เรื่องของพี่สักหน่อย”
“จะว่าไปก็ถูกนะ แต่ในฐานะอาจารย์ พี่เหนือก็ต้องปกป้องลูกศิษย์สิ ถูกมั้ย?”
“ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าอาจารย์อีก” ธารเบ้หน้าออกมาเลย

ผมเห็นแล้วหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ

หนอยๆ เมื่อกี้กูเพิ่งจะเสียสละตัวเองไปเจ็บตัวแทนมึงมาแหม็บๆ นะเว้ย ทำตัวน่ารักให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้!

ผมไม่อยากใส่ใจกับท่าทางกระด้างกระเดื่องเท่าไหร่นัก ตอนนี้ที่สนใจคือความรู้สึกของเด็กนี่มากกว่า
เห็นมันยืนนิ่งอยู่นาน ไม่พูดอะไรหลังจากนั้นสักที ผมก็เลยตรงเข้าไปกอดอีก มันก็ทำท่าจะผลักผมอีกนั่นแหละ แต่ผมรั้งมันเอาไว้ แล้วก็พูดขึ้นมาก่อน

“ให้พี่เหนือกอดเถอะนะ น้องธารจะได้รู้สึกดีขึ้น พี่เหนือบอกแล้วนี่ว่าพี่เหนืออยากเป็นคนแรกที่น้องธารคิดถึงเวลามีปัญหา ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่เหนือชอบน้องธารน่ะ แล้วน้องธารก็พูดเองนี่ว่าทำให้เชื่อให้ได้ว่าพี่เหนือจริงใจ พี่เหนือก็กำลังทำอยู่นี่ไง”
“ทำอะไร” มันว่าขึ้นมาจนได้
ผมยิ้มออก พูดทั้งที่กำลังกดท้ายทอยมันลงมาให้มันเอาใบหน้าซุกเข้าที่ไหล่ผม
“เป็นคนที่จะอยู่ข้างน้องธารเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามไง”

มันเงียบกริบเลยทีนี้ ตัวก็แข็งค้างด้วย ผมก็ไม่ว่าอะไรมันหรอก คงจะตกใจที่ผมแสดงท่าทางละมุนละไมแบบนี้ออกไป ผมยังแปลกใจตัวเองเลยว่าจะยอมเอาหน้าหล่อๆ ที่ใช้ทำมาหากินไปเสี่ยงเสียโฉมเพราะมันได้ ก็ตอนนั้นไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกว่าอยากปกป้องมันเหลือเกิน

...คงจะเป็นเพราะชอบมันเข้าจริงๆ น่ะ

ยืนนิ่งได้ครู่หนึ่ง ธารก็เริ่มคลายความเกร็ง ยกมือขึ้นโอบกอดผมตอบบ้างอย่างกล้าๆ กลัวๆ รู้ได้จากแขนทั้งสองข้างที่โอบแผ่นหลังผมเอาไว้สั่นน้อยๆ กับใบหน้าที่ซุกลงมาบนไหล่ผมน่ะ และผมก็รับรู้ได้ว่ามันเริ่มเปิดใจให้ผมแล้วด้วย เพราะมันเริ่มแสดงความอ่อนแอออกมาผ่านของเหลวอุ่นชื้นที่ซึมเข้ามายังเสื้อผมในบริเวณที่มันเอาหน้าแนบอยู่

ธารใจร้องไห้...

ไม่ได้ร้องไห้ฮึกฮักเป็นเด็ก เพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเท่านั้น ตัวก็ไม่ได้สั่นเทิ้ม แต่ผมสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยว ความน้อยใจ และความรู้สึกแง่ลบอีกมากมายจากมันได้ ทำเอาใจผมสั่นไหวไปอีกด้วยตระหนักได้ว่าตอนนี้ผมกลายเป็นคนเดียวที่มันไว้ใจแบบไม่ทันตั้งตัวซะแล้ว

“พี่เหนืออยู่ตรงนี้นะ”
ผมพูดแค่นั้น แล้วก็ไม่เอ่ยคำใดๆ ออกมาอีก ได้แต่ลูบหัวลูบหลังเป็นการปลอบใจเท่านั้น ปล่อยให้เวลาหมุนผ่านไปจนกว่าคนในอ้อมแขนผมจะรู้สึกดีขึ้น
 



หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.10♦19/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-03-2016 21:50:13
ชั่งใจ ครั้งที่ 14: เซลขายอ้อยรายใหญ่[2]

เนิ่นนานทีเดียวที่เรากอดกันอย่างนั้น ผละจากกันได้ก็ตอนที่พี่สมรกับอาจารย์ดิเรกกลับเข้ามาพร้อมกับข่าวดีว่าคุณธียอมกลับไปก่อน และจะให้เวลาธารใจปรับตัวและยินดีพร้อมใจกลับไปอยู่ที่บ้านเองอีกครั้งตามที่ผมได้ต่อรองในตอนแรก มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยคือถ้าธารไปก่อเรื่องอีก จะต้องกลับไปอยู่บ้านทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมเลยต้องให้ธารรับปากว่าจะไม่ก่อเรื่อง ถึงจะเป็นการฝืน แต่ธารก็ยอมให้สัญญาแต่โดยดีด้วยไม่อยากกลับไปอยู่บ้านมาก แล้วก็มีเงื่อนไขอีกข้อนึงคือ ทุกการกระทำของธารจะต้องอยู่ในสายตาผมตลอด และถ้ามีเรื่องอะไรผิดปกติ ผมก็ต้องโทรรายงานคุณธีทันที ไม่อย่างนั้น เขาจะมาลากตัวธารกลับไป

ผมก็รับปากด้วยไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างวันนี้เกิดขึ้นอีก ถึงเรื่องทุกอย่างดูจะจบง่ายๆ ด้วยการให้สัญญากันและกัน และปิดท้ายด้วยการที่คุณธีขอโทษขอโพยผมไม่เลิก เสนอให้ไปหาหมออีก ดีที่ใบหน้าผมไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพียงแค่กระพุ้งปากด้านในแตกเท่านั้น ผมเลยปฏิเสธ

แต่ถึงเรื่องทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี ผมก็ว่ามันไม่น่าจะจบแค่นี้ ดูท่าในวันข้างหน้า สองพ่อลูกนี่ต้องได้ประจันหน้าในสถานการณ์น่ากลัวเหมือนก่อนหน้ากันอีกแน่ๆ

ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ธารใจก็ดีกับผมขึ้นทันตา อธิบายยังไงดี... แบบว่าไว้ใจผมน่ะ เปิดใจให้มากขึ้นด้วย เริ่มเปิดปากเล่าเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องตัวเอง ยกเว้นเรื่องที่บ้านที่ยังไม่ยอมปริปากพูด
ก็ถือว่าดี อย่างน้อยๆ มันก็ไม่ทำท่ารังเกียจเวลาผมเต๊าะมัน เล่นกับผมมากขึ้นอีกต่างหาก การได้เห็นเด็กนั่นหัวเราะร่าเริงนี่ ผมมีความสุขมากเลยนะ มีความสุขกว่าตรงที่ผมได้ไปนอนห้องมันตั้งแต่วันที่พ่อมันบุกมาที่วิทยาลัยเป็นการตอบแทนการที่เอาหน้าตัวเองไปรับฝ่ามือแทนมันด้วย นี่ก็ไปนอนมาหลายคืนแล้ว... ไม่สิ เข้าอาทิตย์ที่สองแล้วเถอะ นอนด้วยกันจนจะได้เสียเป็นผัวเมียกันอยู่แล้วเนี่ย

แต่ก็ไม่ได้สักที บ้าจริง!
 
ธาร พ่อทุกสถาบัน: ถ้าคืนนี้จะนอนก็เอาหมอนห้องตัวเองมาด้วย อย่ามาแย่งหมอนคนอื่น ไว้กลับถึงห้องแล้วจะไปเคาะเรียก ไปเล่นบอลก่อน
 
ผมอ่านข้อความที่ธารส่งมาให้พลางยิ้มอยู่คนเดียว จากยิ้มก็เริ่มกลิ้งไปมาบนเตียงด้วยความฟิน

จะไม่ให้ฟินได้ยังไง ก็หลายวันที่ผ่านมา ผมไม่ได้เอาหมอนตัวเองไปเลยต้องไปใช้หมอนอีกใบของมัน แล้วตัวเองก็กลายเป็นหมอนข้างให้มันกอดทุกคืนเวลามันหลับอย่างนั้นนะ

แต่วันนี้มันบังคับให้เอาหมอนไปด้วย งั้นก็แกล้งทำเป็นเอาหมอนไปซักแล้วกัน

ไม่คิดอย่างเดียว เดินหิ้วหมอนไปราดน้ำในห้องน้ำเสียจนเปียกชุ่มแล้วเอาไปตากที่ระเบียง เป็นหลักฐานให้มันเห็นว่าผมซักหมอนจริงๆ คืนนี้จะได้แย่งหมอนมันนอนแล้วให้มันกอดผมแทนหมอนข้างอีก

อูย... คิดแล้วก็ฟิ้นฟิน ตื่นมาทีไร โดนไก่น้องธารขันปลุกที่ข้างขาทุกที

ชีวิตดีไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

ผมรอธารอยู่หลายชั่วโมงกระทั่งฟ้ามืด มันก็ส่งข้อความมาบอกว่าถึงห้องแล้ว ขออาบน้ำก่อนแล้วมันจะส่งข้อความมาเรียกให้ไปห้องมันอีกที ผมก็เลยไปอาบน้ำบ้าง วันนี้ผมคิดถึงมันเป็นพิเศษเพราะไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกันเหมือนวันอื่นๆ เลยตั้งใจจะฮาร์ดเซลขายอ้อย เลยขัดถูทุกซอกทุกมุม แอบพรมน้ำหอมหน่อยๆ แต่งตัวต่างจากทุกวันด้วย เตรียมตัวเสร็จก็นั่งกินขนมไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งมันส่งข้อความมาบอกว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมถึงได้เสนอหน้าไปเคาะประตูเรียกมันที่หน้าห้อง

เคาะได้ไม่นาน คนข้างในก็มาเปิดประตูให้ พอเปิดออกมาเห็นผม ใบหน้าหล่อที่มีร่องรอยฟกช้ำจางๆ เล็กน้อยก็ดูงุนงง ก่อนถามออกมาเสียงเข้ม

“ทำไมพี่แต่งตัวอย่างนี้อะ” พลางมองผมที่ใส่เพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบ็อกเซอร์สีเข้ม
ผมเอียงคอยิ้มให้ ก่อนจะตอบไป
“ก็ชุดขายอ้อยไงครับ”
“ขายอ้อย?” เด็กนั่นทำหน้าไม่เข้าใจ จนผมหลุดหัวเราะแล้วก็อธิบายออกมา
“ขายอ้อยก็คือการอ่อยน่ะ เข้าใจหรือยังครับน้องธาร เนี่ย ตั้งใจแต่งมาอ่อยน้องธารเต็มที่เลยนะ”

สารภาพไปตรงๆ เลยว่าแต่งมายั่ว ใจกล้าหน้าด้านขนาดไหนถึงได้กล้าใส่บ็อกเซอร์มานอนกับไอ้เด็กนี่น่ะ ปกติใส่แต่กางเกงขาสั้นสามส่วนเถอะ

ส่วนธารก็ทำหน้าแหยทันทีที่เข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร ดูท่าจะเข้าใจแล้วด้วยล่ะว่าชื่อในโปรแกรมแชทของผมไม่ได้หมายถึงอาชีพเสริมอย่างที่เคยบอก ก่อนจะว่าเนิบๆ
“ผมว่าพี่ไม่ได้ขายอ้อยอย่างเดียวแล้วว่ะ ขายสตรอว์เบอร์รีด้วยเหอะ แม่ง อย่างแรด”

เอ้า ด่าอีก! แหมๆๆ ด่าไม่ดูสารรูปมึงเลยนะ มึงเองก็ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นบางๆ มาขายอ้อยกูเหมือนกันล่ะวะ แถมขาสั้นกว่าของกูอีก เสื้อก็ไม่ใส่ ขายนมด้วย นมเย็นมั้ยล่ะ ชมพูซะ ยั่วจนกูละสายตาไปไม่ได้แล้วเนี่ย

โอ้โห ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าใครขายอ้อยใครกันแน่!

ผมทำปากยื่นนิดหน่อยที่โดนด่าแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนปรายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็สังเกตได้ว่ากางเกงบ็อกเซอร์ที่เด็กนี่ใส่วันนี้มันดูบางกว่าปกติจนเห็นรูปทรงของอะไรบางอย่างใต้นั้นได้อย่างชัดเจน

พะ...พี่เหนือว่าน้องธารคงไม่ได้ขายอ้อยกับขายนมเย็นอย่างเดียวแล้วล่ะครับ พี่เหนือว่าน้องธารขาย...

“ขายมะเขือยาวด้วยก็ไม่บอก”

ผมเผลอครางออกมา ทำเอาธารย่นคิ้วทันใด
“มะเขือยาวอะไร”
“เปล๊า” ผมรีบปฏิเสธเสียงสูงอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าถ้ามันรู้ว่าถูกผมลวนลามทางสายตา เดี๋ยวจะโดนไล่ตะเพิดออกจากห้องก่อนจะได้เข้า

หากแต่ครู่เดียว ธารก็รู้ตัวแล้วจากสายตาของผมที่จ้องไปยังสวนมะเขือยาวไม่เลิก ก่อนมันจะหัวเราะออกมา
“น้ำลายไหลแล้ว เลิกมอง!” แล้วก็พุ่งเข้ามาปิดตาผมโดยพลัน

ไม่พุ่งมาปิดตาอย่างเดียว ลากเข้ามานั่งบนเตียงในห้อง จัดการปิดประตูเสร็จสรรพอีก ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกจู่โจม แต่พอมองไปยังธารที่เดินหน้าแดงผ่านหน้าไปสวมกางเกงขาสั้นทับอีกชั้น ผมก็ยกยิ้มออกมาจนต้องหลุดแซว

“ไม่ขายมะเขือยาวแล้วเหรอครับ”
“พี่อยากโดนต่อยมั้ย” ธารว่าโดยไม่มองหน้า
ผมก็ยังหัวเราะไม่เลิกเพราะไม่รู้สึกว่าประโยคที่ธารพูดเมื่อกี้คือการขู่ กระทั่งธารสวมกางเกงเสร็จแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งข้างผม ผมถึงได้หยุดหัวเราะ
“ทะลึ่งเหรอฮะ” ธารเขกหน้าผากผมมาทีหนึ่งพร้อมกับผลักเบาๆ

ผมแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บทั้งที่มันไม่เจ็บสักนิด ทำให้ธารเม้มปากไปหน่อยแล้วยิ้มออกมา
ผมเห็นคนตรงหน้ายิ้มแล้วใจก็ชุ่มชื่นขึ้นมาพลัน ชอบมันจริงๆ ชอบยิ่งกว่าเดิมตรงที่เห็นว่ามันเริ่มไม่ค่อยเขินผมแล้วด้วย คงจะชินชากับการขายอ้อยของผมล่ะมั้ง ไม่เชื่อก็ดูตอนนี้ นั่งจ้องหน้าผมอยู่นานแล้วเนี่ย จ้องจนผมชักเป็นฝ่ายอึดอัดขึ้นมาแล้วด้วยไม่รู้ว่ามันจ้องอะไรนักหนา

“อะ...เอ่อ... น้องธารจะนอนเลยมั้ยครับ พี่เหนือว่าเริ่มดึกแล้วนะ แต่พี่เหนือไม่ได้เอาหมอนมานะครับ ซักอยู่ ยังไม่แห้ง คงต้องยืมหมอนน้องธารนอนไปก่อน”

เพราะอึดอัด ผมก็เลยทำลายความเงียบขึ้นมา แต่ธารก็ไม่ขยับ ผมเลยเป็นฝ่ายจะลุกไปเข้าห้องน้ำแทน หากแต่ไม่ทันจะได้เขยื้อนไปไหน ธารก็ยื่นมือมาแตะซีกหน้าผม ไล้ปลายนิ้วโป้งมาแตะยังมุมปากเสียก่อน

ผมเหวอไปนิดหน่อยที่จู่ๆ มันก็ทำแบบนี้ กระทั่งมันพูดขึ้นมา ผมถึงได้สติอีกครั้ง
“ก่อนมาที่ห้องผม กินขนมมาเหรอ ปากเปื้อนช็อกโกแลตเนี่ย”
“ฮะ? อะ...อ๋อ ครับ กินเค้กมาน่ะครับ” ผมว่าไปตามตรง คงจะมีคราบช็อกโกแลตเลอะมุมปากล่ะมั้งถึงได้พูดอย่างนี้
“งี่เง่า เป็นเด็กหรือไง กินเลอะเทอะแบบนี้น่ะ” ธารพึมพำขึ้นมา แล้วก็ใช้หัวแม่โป้งเช็ดคราบช็อกโกแลตออกให้ผม
สัมผัสแผ่วเบาและไออุ่นจากฝ่ามือทำให้ผมใจเต้นระส่ำอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าก็ร้อนรุ่มจนรู้สึกได้ด้วยเพราะถูกธารจ้องอย่างไม่วางตา แถมเริ่มไม่ใช่แค่ใบหน้า เริ่มลามไปทั่วตัวละเมื่อธารเริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ทีละน้อยจนท่าทางของเราสองคนในตอนนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังจะ...จะ...

จะ...จูบกัน...

ดะ...เดี๋ยว ไม่ทันตั้งตัว... เดี๋ยว!

ถึงในใจอยากจะให้ได้ให้โดน แต่พอมาแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งธารมาในเวอร์ชันนิ่งๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ผมยิ่งดูไม่ออกเลยว่ามันคิดอะไรอยู่

“อะ...เอ่อ...” เท่านั้น ผมก็รีบเรียกสติมันคืนมาฉับพลันด้วยการจะทัก

แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ธารก็เลื่อนหัวแม่มือที่ตอนแรกอยู่บริเวณมุมปากผมมาวางตรงกลางริมฝีปากแทนเสียแล้ว
“พี่เหนือ...” เรียกชื่อขึ้นมาอีก
ผมเลยเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ก่อนธารจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ชอบผมจริงหรือเปล่า”
“ถะ...ถามทำไมเหรอครับ” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนจะไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่าธารไม่สนใจ นอกจากตั้งหน้าตั้งตาถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้เท่านั้น
“ก็อยากรู้ ตอบหน่อยว่าชอบผมจริงหรือเปล่า”
“อะ...เอ่อ...จริงสิ ชอบจริงๆ... คือพี่เหนือ...ชอบน้องธารจริงๆ ครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาหน้าตัวเองไปให้คุณพ่อน้องธารตบหรอก” สุดท้ายผมก็ตอบ ไม่ได้ตอบเพราะจำใจด้วยถูกดวงตาคู่สวยจ้องมองอย่างคาดคั้น แต่เป็นเพราะผมอยากพูดให้คนตรงหน้าได้ยินจริงๆ ว่าผมชอบมันแค่ไหน

สิ้นเสียงผม ธารก็กัดริมฝีปาก เผยอยิ้มแล้วเสมองไปทางอื่นเล็กน้อยราวกับเขิน ส่วนผมนี่ไม่ต้องถามว่าเขินมั้ย หน้าเห่อร้อนไปหมดแล้วเนี่ย!

แล้วมันก็ทำให้ผมเขินหนักกว่าเดิมด้วยการหันกลับมาแล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะจูบริมฝีปาก ทว่าจู่ๆ ก็ดันเปลี่ยนทิศทางไปประทับจูบลงบนแก้มผมแทนในวินาทีสุดท้ายแบบเร็วๆ แล้วก็ผละออกมา

แม้จะเกิดขึ้นไม่ถึงสิบวินาที แต่ก็ทำให้ผมอ้าปากค้างไปได้ทันควัน

มะ...เมื่อกี้อะไร! เมื่อกี้นี้มันอะไร! มองตามไม่ทัน ขออีกทีซิ! ขออีกทีแรงๆ!

แต่มันไม่ทำอีกทีแรงๆ มันดันผละออกจากผมพร้อมกับใบหน้าแดงๆ แทน ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างไม่เลิก

กะ...กูบอกว่าขออีกทีไง!

ไม่ได้บอกด้วยคำพูด บอกด้วยสายตา เว้าวอนอ้อนวอนอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่ทำให้มันหอมแก้มผมอีกทีได้เลย นอกจากหันมามองแล้วว่าอย่างขัดเขิน

“มะ...มองอะไรเล่า!”
“อะ...เอาอีก” ผมพูดไปในวินาทีนั้นราวกับไร้สติ ธารก็เลยตีลงมาที่หน้าผากผมไม่แรงนักทีนึง
“เยอะละ แค่นี้ก็พอแล้ว ถือว่าชดเชยที่ครั้งก่อนไม่ได้ทำจริง”

ครั้งก่อนที่มันว่าคงจะหมายถึงตอนที่มันหอมแก้มผมผ่านมือในวันงานกีฬาแหง แต่เอ... ทำไมจู่ๆ มันนึกทำขึ้นมาหว่า? หรือว่าจะชอบผมเข้าให้บ้างแล้ว?
ทว่าในเวลาอย่างนี้ ผมไม่คิดจะหาคำตอบใดๆ อีกต่อไป ยิ่งเห็นมันเอาแต่ทำหน้าเขิน วางตัวไม่ถูก ผมก็ยิ่งอยากสัมผัสมันมากขึ้น

ทะ...ทนไม่ไหวแล้ว! กดมันแม่งเลย!
เพื่อน้องธาร พี่เหนือจะยอมเป็นรุกเอง!

กดจริงๆ พอมันเผลอปุ๊บ ผมก็ผลักมันลงนอนแบบไม่ให้มันตั้งตัว ปีนขึ้นไปคร่อมมันอีก ก่อนรีบโน้มใบหน้าเข้าใกล้ขณะที่มันทำหน้าเหวอราวกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง สติมันมาก็ตอนที่ผมแนบริมฝีปากหอมแก้มมันคืนไปฟอดใหญ่ กับซุกปลายจมูกต่ำลงไปยังซอกคอ อารมณ์คือกะจะเผด็จศึก หากแต่มันก็ตั้งตัวได้ก่อน รีบผลักผมออกสุดแรงเกิด ตามมาด้วยถีบเหยียดสุดขา ส่งผมลงไปนอนกองกับพื้นข้างเตียงด้วยความไวแสง

“ไอ้พี่เหนือ! มึงนี่เปิดโอกาสให้หน่อยก็เลยเถิดตลอดเลยนะ!”
ตามมาด้วยทิ้งตัวมาถีบเข้ามาสีข้างผมอีกที ขึ้นมึงขึ้นกูชนิดลืมไปแล้วว่าสถานะผมคืออะไรอีก

วะ...เวรกรรมหรือไร แต่ปางไหนนั่น สุขเพียงชั่ววัน แต่ช้ำทวีคูณ...

“นะ...น้องธาร...” ผมนี่ใจเสียเลย ไม่ได้ใจเสียว่ากลัวมันจะโกรธ ใจเสียตรงที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยเถิดอย่างที่มันก็ลงไม้ลงมือกับผมแล้ว

พี่เหนือร้องไห้เป็นเผาเต่า เมื่อไหร่กูจะได้เสียกับน้องธาร!?

ทำหน้าเว้าวอนอยากได้อยากโดนใส่มันรัวๆ แต่มันไม่สนใจผมแล้ว เดินไปยังสวิตซ์ไฟ ออกปากไล่ผมขึ้นเตียงรัวๆ
“เตรียมตัวนอนได้แล้ว วันนี้เหนื่อย จะนอนเร็ว”

มึงมาทำให้อยากแล้วจากกูไปอย่างนี้ได้เยี่ยงไร!?

อยากจะเดินเข้าไปกอดขาอ้อนวอนมันขอให้มันทำอีก แต่ก็ไม่กล้า เดี๋ยวจากที่มันเริ่มเปิดใจ กลายเป็นมันถีบส่งแทน เลยต้องระงับความหื่นแล้วปืนขึ้นเตียงด้วยความชอกช้ำ

พอเข้าประจำที่ตัวเองได้ ธารก็ปิดไฟ เดินกลับมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนโดยเว้นระยะห่างจากผมมากพอสมควร นอนได้สักพัก ผมก็แกล้งพลิกตัวไปมา ทำเป็นกระสับกระส่ายจนมันต้องว่าเสียงเขียว

“นอนนิ่งๆ สิวะ ดิ้นไปดิ้นมาแบบนี้ จะหลับลงได้ยังไง”
“แล้วน้องธารมาทำให้พี่เหนือกระสับกระส่ายทำไมล่ะครับ”
ไม่ต้องอธิบาย มันก็รู้ว่าที่ผมพูดหมายถึงอะไร

หึยๆ ได้ทีต้องเอาคืน! แกล้งทำเป็นกระฟัดกระเฟียดด้วย เผื่อมันจะสำนึกในความผิดแล้วจัดให้ผมสักดอก

แต่มันไม่พูดอะไร นอนนิ่งจนผมเป็นฝ่ายเลิกแรดไปเอง แล้วตั้งท่าจะนอนบ้าง ทว่าก็ไม่วายดุมันไปนิดหน่อย

“ทีหลังอย่าทำแบบนั้นกับพี่เหนืออีกนะ มันใจไม่ดี รู้นี่ว่าพี่เหนือชอบน้องธารน่ะ ทำแบบนี้แล้วเดี๋ยวพี่เหนือก็หยุดตัวเองไม่ได้หรอก”

มีเสียงหัวเราะในลำคอกลับมาให้ได้ยินราวกับสิ่งที่ผมพูดมันขบขันเสียเต็มประดา มันก็น่าตลกอยู่หรอก แต่คนที่ถูกกระทำอย่างผมไม่ตลกด้วยนี่สิ

มึงไม่รู้เลยใช่มั้ยว่ากูอยากได้อยากโดนขนาดไหน แล้วยังจะมาทำแบบนี้อีก! เดี๋ยวก็ไม่ทนซะหรอก!

ผมข่มความหงุดหงิดที่พร่างพรายขึ้นมานิดหน่อย ตัดสินใจว่าจะนอนหนีความหัวเสีย ทว่าธารก็ไม่ยอมให้ผมนอนด้วยการพูดอะไรแปลกๆ ออกมา

“ก็พี่น่ารักนี่หว่า”
หะ...หา!? อะไรนะ! เมื่อกี้พูดว่าอะไร!

ผมลุกพรวดขึ้นนั่ง มองไปยังเงาตะคุ่มของคนข้างเตียงที่พอจะเห็นเลือนรางภายใต้ความมืดด้วยใบหน้าร้อนผะผ่าว ใจเต้นระส่ำจนทำหน้าไม่ถูก แล้วก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อธารว่าขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“ตอนพี่อกหักครั้งแรก พี่เสียใจมากมั้ย”
ผมงงไปนิดที่จู่ๆ มันก็เปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ยอมตอบไป
“มากสิ รักแรกนี่นา”
“แล้วครั้งต่อมาล่ะ เห็นว่าเป็นฝ่ายโดนทิ้งตลอดไม่ใช่เหรอ”
“อืม ก็เสียใจมากเหมือนกัน โดนนอกใจ ใครจะไปยิ้มออก การรักคนที่หักหลังเราแบบไม่ทันตั้งตัวน่ะเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจสุดๆ แล้ว” ผมว่าไปตามจริง นึกถึงหน้าบรรดาแฟนเก่าที่สร้างบาดแผลให้ผมในอดีตขึ้นมาหน่อยๆ ถึงตอนนี้จะไม่ได้เจ็บปวดอะไรแล้ว แต่พอนึกถึงหน้าคนพวกนั้นขึ้นมา ผมก็อารมณ์เสียขึ้นมาพลัน

 “พี่แรดมากเกินไปปะ แฟนเก่าพี่เลยพากันนอกใจ” แล้วธารก็พูดขึ้นมาอีก
“ตลกละครับ คนมันจะนอกใจ มันก็คือนอกใจ ไม่เกี่ยวกับความแรด” ผมว่าเสียงขุ่น

ตอนนี้ไอ้น้องธารหัวเราะขึ้นมาอีกแล้ว แม่ง ได้ทีมึงก็หลอกด่ากูใหญ่เลยนะ เด็กเวร...

ทว่าธารก็แปรเปลี่ยนอารมณ์เสียของผมให้กลายเป็นอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อมันเงียบไปพักใหญ่ แล้วต่อด้วยประโยคที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินออกมา

“นั่นสินะ ถ้าผมมีแฟนอย่างพี่ก็คงจะไม่คิดนอกใจหรอก ถึงจะแรด แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งได้ถึงจะไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ก็เถอะ”

นะ...น้องธาร… น้องธารของพี่เหนือพูดมาอย่างนี้ แสดงว่าอยากได้อยากโดนพี่เหมือนกันใช่มั้ยครับ!?

ไม่ถงไม่ถามมันละ แค่ระงับหัวใจตัวเองให้เต้นเป็นปกติได้ ผมก็โถมตัวลงมาคร่อมมันไว้อีกรอบอย่างรวดเร็ว
มึงขายอ้อยขนาดนี้ งั้นกูเหมาทั้งไร่เลยแล้วกัน!

ได้เสียกันเถอะ!

ธารก็ยังคงเป็นไอ้เด็กเวรเหมือนเดิมแหละนะ มันยังแกล้งผมไม่เลิก แค่ผมล้มนอนทับมัน มันก็ถีบผมออกเต็มแรงอีกครั้ง ปากก็ร้องอย่างตกใจ

“เฮ้ย!”
ผมกลิ้งกลุกๆ ไปบนฟูกเตียง โชคดีที่ไม่ตก และเพราะไม่ตก ผมก็เลยไม่หยุด

ถีบได้ก็ถีบมา กูกดได้ กูก็ทำเหมือนกัน!

บุกอย่างไม่ลดละ พุ่งเข้าไปหามันอีก หากแต่คราวนี้มันเหมือนจะตั้งหลักได้ทัน ลุกขึ้นหลบผมได้ก่อนที่ผมจะโถมตัวเข้าใส่ เลยกลายเป็นว่าผมล้มหน้าคว่ำใส่หมอนที่มันนอนเมื่อครู่อย่างจัง พลิกตัวขึ้นมาจะพุ่งใส่มันอีก แต่ก็กลายเป็นฝ่ายโดนมันจับกดแนบไปกับฟูกไว้ก่อน

คือจับแบบ... กดข้อมือสองข้างของผมด้วยมือทั้งคู่ของมัน แล้วก็ขึ้นมานั่งทับผมไว้น่ะ
บะ...แบบนี้ก็ได้จ้า แบบไหนพี่เหนือก็ฟินทั้งนั้น เอาเลย กดเลย ยอม!

แต่มันไม่ยอมทำ อ้าปากโวยวายไปเรื่อย
“เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ย!”
ขัดใจว่ะ! ขัดใจโว้ย!

ทว่าสุดท้ายก็ทำได้แค่บอกมันถึงสาเหตุที่ผมรุกมันเอาๆ

“ก็พี่เหนือบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนั้น พี่เหนือใจบ่ดี”
“ใจบ่ดีบ้าอะไร เมื่อกี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย!”
“ไม่ได้ทำอะไรล่ะ ก็พูดอยู่ว่าถ้ามีแฟนอย่างพี่ก็จะไม่คิดนอกใจ แสดงว่ามีใจให้พี่เหนือเหมือนกันใช่มั้ย”
“แค่พูดเฉยๆ ไม่ได้คิดจริง! พี่อย่ามาเนียนสิวะ!”
“พี่เหนือบอกแล้วนี่นาว่าชอบน้องธาร น้องธารมาทำแบบนี้ พี่เหนือก็คิดเลยเถิดสิครับ”

มันเงียบเลย ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันทำหน้ายังไง คงจะขมวดคิ้วยุ่งกันเป็นปมไปหมดแล้วมั้ง

แต่ก็จริงนี่หว่า ถ้าไม่ได้คิดจริง ก็อย่ามาพูดสิ ตอนนี้จิตใจกูบอบบางมาก เห็นมึงหิ้วอ้อยมาขาย กูก็บุกไปยันโรงงานมึงพร้อมเปย์เต็มที่แล้ว

ไร้สติ บอกเลยว่าไร้สติ ผมต้องใช้ความพยายามครู่หนึ่งเลยทีเดียวในการสะกดกลั้นความเสียดาย แล้วพูดออกไปเสียงเรียบเพื่อยุติเหตุการณ์นี้

“งั้นพี่เหนือขอโทษแล้วกันนะครับ นอนเถอะ ดึกแล้ว” แล้วก็ทำเป็นขัดขืนเล็กน้อยเพื่อให้มันปล่อย ทั้งที่ไม่อยากจะหลุดจากการถูกตรึงนี้เลย

โถ...แสงเหนือผู้โชคร้าย แค่ขายอ้อยคนเดียวยังขายไม่ค่อยออก ยังจะโดนไอ้เด็กธารมาขายแข่งอีก เจอเด็กนี่ทำการตลาดหน่อยเดียว โรงงานเจ๊งทันตาเลยเพราะหลงไปเหมาอ้อยมันทั้งที่ของตัวเองก็ขายไม่ได้เนี่ย

มันนี่เซลขายอ้อยรายใหญ่ตัวจริงชัดๆ

ธารปล่อยผมให้เป็นอิสระในวินาทีนั้น ผมเลยกระเถิบกลับไปนอนที่ตัวเอง ปล่อยให้มันล้มตัวนอนลงเหมือนเดิม หากแต่มันไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อผมรู้สึกได้ถึงวงแขนใหญ่ตวัดมาพาดลำตัวผมเอาไว้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจากที่เต้นเป็นปกติแล้วก็ทำงานหนักขึ้นมาอีกครั้ง ผมหันหน้าไปทางมันทันควันก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ให้รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของมันก็อยู่ใกล้ผมเหมือนกัน

และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกมา เสียงห้าวก็ดังแทรกขึ้นมาแผ่วเบาเสียก่อน
“ขอโทษเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะทำให้รู้สึกไม่ดี งั้นคืนนี้จะชดเชยให้แล้วกัน”

ชดเชยให้ด้วยการนอนกอดแบบที่ไม่ได้กอดเพราะหลับแล้วละเมอมากอดน่ะเหรอ?
หูย... เอาจ้า! แบบนี้ก็ฟิน ได้อะไรก็เอาหมดเลยตอนนี้ รีบหาทุนคืนโดยไว

ผมหลุดยิ้มกว้างออกมาทันใด รู้สึกได้ด้วยว่าเด็กนั่นกอดผมแบบเกร็งๆ คือไม่ยอมทิ้งน้ำหนักแขนลงมาที่ตัวผมเต็มที่ ผมก็เลยคว้าแขนมันมากระชับแนบกับลำตัว มันสะดุ้งเล็กน้อย ซึ่งก็แน่นอนว่าผมไม่หยุดเพียงเท่านี้ ตอนที่มันสะดุ้ง ผมก็ฉวยโอกาสฉกจูบเข้าที่แก้มมันเต็มรัก

“พี่เหนือ!” โวยวายอีกละ
แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้ยิ้มไม่หุบจนไม่รู้จะยิ้มยังไงแล้วล่ะ
 “ฝันดีนะครับ” ชิงบอกราตรีสวัสดิ์ตัดหน้าด้วยความเนียนระดับปรมาจารย์ด้วยก่อนที่มันจะถีบผมอีก
ธารก็เลยไม่พูดอะไรต่อ ส่งเสียงฮึดฮัดมาให้ได้ยิน ตามมาด้วยคำพูดเบาๆ
“เออ ฝันดี”

แหม่... ฟินแท้ๆ คืนนี้

ได้ทุนคืนสักทีนะ
---------------------------------------------
นังพี่เหนือนี่กว่าจะได้กว่าจะโดนทีคือเล่นใหญ่มาก แต่โดนแล้วคือฟินถึงจะนิดๆ หน่อยๆ ก็เถอะ 555
ตอนหน้ามาอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ ส่วนตัวอย่างตอนหน้ามาพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวจะเอามาแปะให้เน้อ
ปล. ส่งฟีดแบ็กกันด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 23-03-2016 22:14:00
ธาร มาขายอ้อยแข่งกับพี่เหนือบ่อยๆนะ ฉันชอบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-03-2016 22:30:33
ตลกมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 23-03-2016 22:37:28
ชอบบบอะ! :o8: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 23-03-2016 22:43:40
มาต่อไวๆน้าาาา
 :mew2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-03-2016 23:08:04
พี่เหนือยอมเข้าไปห้ามพ่อทำร้ายลูก จนเจ็บตัวซะเอง  :katai1:
พี่เหนือรุกหนัก ขายอ้อยใหญ่เลย แต่ขายอ้อยคราวนี้ ได้ค่าน้ำอ้อย มาพอชุ่มชื่นใจ   :ling1:  :mew1:
รออออ มาต่ออีกน้าาา :mew1:   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-03-2016 23:10:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-03-2016 23:48:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-03-2016 00:03:35
ผลัดกันขายอ้อยหรือไงจ๊ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 24-03-2016 00:56:21
สงสารพี่เหนือ ไม่ได้ไม่โดนซะที ถถถถถ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 24-03-2016 00:58:05
ดูแล้วสองคนนี้ผลัดกันขายอ้อยป่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 24-03-2016 06:57:17
ขายอ้อยไม่เท่าไหร่

ขายมะเขือยาววววว หูยยยยยยย

บุกโรงงานทันทีเลยค่า 55555555

แย่งพี่เหนือซื้อ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-03-2016 08:26:03
โอ๊ยยยยยยยย อิเหนืออออ แกแรดได้น่ารักม๊ากกก ชอบนางจริงๆ  :m20:

คือระ?  “ผมว่าพี่ไม่ได้ขายอ้อยอย่างเดียวแล้วว่ะ ขายสตรอว์เบอร์รีด้วยเหอะ แม่ง อย่างแรด” ฮาาาาา ยก 3 ผ่านเลยน้องธาร มันใช่อ่ะ !!!  :jul3:

มุขสวนมะเขือยาวก็อย่างฮาอ่ะ ชอบๆ ปรบมือให้คนเขียนรัวๆค่ะ เก่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 24-03-2016 10:40:25
เค้าชอบเวลาน้องธารเขินนะ   
มันบับเด็กเอ้ยยเด็กน้อยไสยไสย  กรุบกรอบ 555555555
 
ถ้าเล้าเป็ดมีรางวัลนายเอกแร่ดปีนี้ 
คนอ่านสัญญาจะจิ้มโหวตให้อิพี่เหนือรัวๆ 
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-03-2016 11:53:07
อิพี่เหนือโครตหื่นอ่ะ
น้องธารเสียขวัญหมด โอ๋ๆๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-03-2016 12:27:49
ธาร ขายอ้อยแท่ง ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-03-2016 14:02:05
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-03-2016 15:54:52
ขายอ้อยแข่งกันน้องธารชนะใสๆ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-03-2016 16:35:34
อิพี่เหนือแรดมากกกกก 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-03-2016 17:23:02
สนุกจริงๆ ขำอีพี่เหนือแรดอย่างแรง น้องธารก็ขายอ้อยไม่รู้ตัว  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่14♦P.11♦23/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 24-03-2016 19:16:59
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 15
มาอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ ใจจริงก็อยากจะอัพนะ เรื่องนี้เขียนแล้วสนุก อยากเขียนต่อเหมือนกันค่ะ แต่หนูแดงเขียนไม่ไหว ตอนนี้รุมเร้าหลายอย่าง หลักๆ คืออยากจะเร่งทำหนังสือให้เสร็จตามกำหนดที่ตั้งใจไว้ก่อน ไว้เคลียร์เสร็จแล้วจะมาอัพเต็มตัวให้เน้อ
ส่วนคนที่ถามเรื่องทำหนังสือเรื่องนี้มา บอกตรงๆ คือหนูแดงตั้งใจเขียนเรื่องนี้มาลองส่งให้ทาง everY พิจารณาค่ะ ช้ำกับที่นี่มา 2 รอบแล้ว อยากลองอีก 555 ถ้าผ่านก็ดี ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร คงจะเอามาพิมพ์เอง ไว้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ ตอนนี้เอาให้จบก่อน ไม่จบสักกะอย่างเลยเนี่ย
แปะตัวอย่างเรียกน้ำย่อย ยั่วให้ฟินกันล่วงหน้าค่ะ น้องธารมาเต็มมาก แต่ย้ำกันอีกทีนะว่านิยายเรื่องนี้ไสๆ... ไสหัวพระ-นายไปให้มันได้กันสักที! กร๊ากกกก
------------------------------------

“พี่จะไปยุ่งกับพี่ดื้ออีกทำไม เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าไปยุ่ง!” ตวาดแล้วก็ผลักผมลงบนเตียง กระโจนขึ้นมานั่งทับผมไว้อย่างรวดเร็ว
“น้องธาร! เดี๋ยว!”
ผมตกใจ ดันมันออกสุดแรง แต่ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแรงมันเยอะกว่าผมมาก ตัวก็ใหญ่กว่า แค่ขึ้นมาคร่อมทับร่างผมไว้ ตรึงข้อมือทั้งสองไม่ให้ดิ้นได้ ผมก็ไม่มีแรงขัดขืนแล้ว

“น้องธาร... ตั้งสติก่อนนะครับ” ในเมื่อสู้ไม่ได้ ผมเลยร้องเตือนสติไปด้วยสีหน้าตื่นๆ ใจนี่กลัวจะโดนมันฆ่าฉิบเป๋ง
ทว่าธารใจคงไม่มีสติแล้วล่ะ จ้องตาผมด้วยดวงตาแข็งกร้าว หายใจแรงราวกับโกรธอย่างถึงที่สุดจนผมเสียวสันหลังวาบด้วยไม่เคยเห็นสีหน้ากราดเกรี้ยวอย่างนี้มาก่อน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ มันก็ตะคอกขึ้นมาเสียงลั่น
“ถ้าพี่ชอบผม ก็มองแต่ผมคนเดียวสิวะ! จะไปยุ่งกับพี่ดื้ออีกทำไม!?”

จากที่กลัวๆ อยู่ ตอนนี้เหวอรับประทาน ผมมองหน้าธารประหนึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจอะไรๆ ได้

อ๋อ ที่มันทำท่าเหมือนหมาบ้าอย่างนี้เป็นเพราะเห็นผมกับพี่ดื้อน่ะเอง ตอนแรกก็คิดว่าที่โกรธเป็นเพราะมันเข้าใจผิดว่าผมไม่รักษาสัญญาที่ว่าจะไม่ยุ่งกับพี่ดื้ออีก แต่พอได้ยินมันพูดแบบนี้แล้วก็นะ... แหมๆ หึงล่ะสิ

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาดีใจที่มันหึงหวงหรือเปล่าวะ ควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยในสวัสดิภาพชีวิตตัวเองดีกว่ากว่ามั้ย และสิ่งสำคัญที่มันควรรู้ก็คือ...

กูไม่ได้ไปยุ่งกับพี่จอมดื้อเว้ย รายนั้นมายุ่งกับกูเองต่างหาก!

ผมเลยรีบอ้าปากจะอธิบายก่อนที่มันจะได้ทำอะไรๆ ไม่คาดคิดขึ้นมา หากแต่ไม่ทันจะได้พูด มันก็แทรกขึ้นมาก่อนแล้ว
“ถ้าพี่ชอบผม... ก็มองแต่ผมคนเดียวไม่ได้หรือไง”
คราวนี้ไม่ได้ตะคอกหรือตวาด แต่เป็นการกระซิบเสียงแผ่วราวกับขอร้อง ซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ สายตาที่มันใช้มองผมก็เว้าวอนจนผมรู้สึกว่ามันไม่ปกติ
“น้องธาร...” เรียกมันอีกสักหน่อยแล้วกันเผื่อว่ามันจะรู้ตัวว่ากำลังจะทำอะไร

แต่ไอ้น้องธารมันไม่ฟังแล้ว แค่สิ้นเสียงผมเท่านั้น มันก็ประทับจูบลงมาบนริมฝีปากผมแล้ว ผมถึงกับเบิกตาโพลงที่จู่ๆ ก็ได้ก็โดนแบบไม่ทันตั้งตัว ซ้ำยังไม่ใช่จูบธรรมดา

นะ...นี่มัน...ดะ...ดีพคิส!

อะ...ไอ้เหนือ! ฟินไปสามโลกแปดโลก!

ดีพคิสมาก็ดีพคิสกลับ ไม่โกง หากแต่พอผมจูบตอบเท่านั้น ธารก็บดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วงจนผมหายใจไม่ออก ซ้ำยังเจ็บแปลบขึ้นมาที่ริมฝีปากนิดๆ อีกด้วย แล้วมันก็ทำให้ผมแทบขาดอากาศหายใจเมื่อมันสอดปลายลิ้นนุ่มเข้ามาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ตักตวงทุกอย่างที่ผมมีราวกับจะสูบให้แห้งกรอบยังไงยังงั้น

อื้อหือ... รู้เลยตอนนี้ว่าไอ้เด็กนี่มันไม่ธรรมดา ใครว่ามันใสๆ บอกเลย...ไสๆ

ไสหัวไปซุกไซ้ซอกคอพี่เหนือหน่อยซิ!

ยอมนอนนิ่งให้มันจูบอย่างไม่ขัดขืนเลย อูย... เอาอีก... เอามาอีก มีอะไร จัดมาให้หมด!

ร้องขอในใจ มันก็จัดให้ราวกับอ่านใจออก แค่ผมคิดจบไปครู่เดียว มันก็ผละริมฝีปากออกมามองหน้าผม ปรือตามองพลางกระซิบเสียงพร่า
“พี่เหนือจะมองแต่ธารคนเดียวได้มั้ย”
ระ...เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ...
ระทวย... อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว

เอาเลยจ้า อยากได้อะไรก็บอกพี่เหนือนะ เดี๋ยวพี่เหนือจัดการให้ จะเปย์ให้ทุกอย่างเลย มีบ้านขายบ้าน มีรถคือขายรถ แค่ตอนนี้ก็ขายไร่อ้อยทิ้งไปเปย์ให้หมดแล้วเนี่ย

ผมพยักหน้ารัวๆ จนคอแทบหัก อันที่จริงผมก็มองแต่มันอยู่แล้ว ในสายตาผมไม่มีใครเลยตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบมันจริงๆ แต่มันมองหรือเปล่าก็ไม่รู้เถอะว่าผมพยักหน้าตอบรับมันเมื่อกี้ เพราะพอมันพูดจบ มันก็เลื่อนมือที่ตรึงข้อมือผมอยู่ออก เปลี่ยนมาลากลูบบนเสื้อเชิ้ตผมแทน ก่อนจะกระชากสาบเสื้อออกจากกันจนกระดุมกระเด็นไปคนละทิศละทาง ซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอ พรมจูบไล้ไล่ต่ำลงไปจนถึงไหปลาร้า ทำเอาผมเกร็งตัวแข็งราวกับเป็นคนใสๆ ก็ไม่ปานทั้งที่ผ่านศึกมานักต่อนักแล้ว

“พี่เหนือ... มองแต่ธารนะ” ครางขึ้นมาอีก แล้วก็ฝังเขี้ยวลงบนไหปลาร้าข้างหนึ่งของผมอย่างแรงให้ผมสะดุ้งเฮือก

ฟิฟ...ฟิฟตี้เฉด ออฟ น้องธารของจริงมาแล้ว!

ทำตัวต่อไม่ถูกเลย ในหัวสับสนไปหมดว่าควรให้มันทำต่อมั้ย หรือควรจะห้ามดี แต่ระหว่างคิดนี่ก็คือปล่อยให้มันทำตามใจไปก่อน

ตะ...แต่ก็ต้องห้ามสินะ ผมยังอยู่ในสถานะอาจารย์ฝึกสอนนี่หว่า ถึงอีกสองอาทิตย์จะฝึกงานเสร็จก็ตาม แต่พูดตรงๆ คือถ้าจะห้าม ก็ขอให้ได้ให้โดนสักหน่อยเถอะวะ โอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆ

ขอเหนือฟินสักวิสองวิก็ยังดี...

ผมก็เลยปล่อยให้ริมฝีปากหนานั่นโล้มไล้ซอกคอตัวเองพักหนึ่ง แต่ก็ปล่อยให้มันพรมจูบได้ไม่นานก็ต้องร้องห้ามเมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มอยู่ไม่สุข วางนาบลงมาบนตุ่มไตที่หน้าอกข้างหนึ่งพลางบดเบียด ขณะที่มืออีกข้างของมันลูบต่ำลงไปใต้ท้องน้อยจนเกือบจะหายเข้าไปในขอบกางเกงผม

ดะ...เดี๋ยวไอ้น้องธาร! นี่มึงเอาจริงใช่มั้ยเนี่ย ตอนแรกกูก็นึกว่าเล่นๆ เหมือนกับที่เคยดูดคอครั้งก่อนโน้น! มาแบบนี้ กูยังไม่ได้เตรียมใจนะเว้ย!

“น้องธาร! สติ!” ผมลุกพรวด รีบคว้ามือมันทั้งสองข้างก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้

ตอนนี้ไอ้จากที่อยากได้อยากโดน เห็นมันทำท่าแปลกๆ จู่ๆ ก็เป็นฝ่ายบุกผมเอง ผมก็ไม่อยากได้ละ แม่ง เอาจริงแบบจริงจังมาก ถ้าปล่อยให้มันทำ คือได้เสียเป็นผัวเมียกันแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ

ธารมองหน้าผมด้วยสายตาขุ่นๆ สะบัดมือผมออกแล้วจับมาตรึงไว้บนฟูกอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้ตรึงมือฝ่ามือ ตรึงด้วยหัวเข่า ขณะที่มันใช้มือทั้งสองข้างปลดตะขอกางเกงตัวเอง ดึงกางเกงตัวนอกร่นไปอยู่ที่หัวเข่า เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์บางๆ ที่แทบจะปิดอะไรต่อมิอะไรไม่ได้ใน ณ เวลานี้

อะ...ไอ้น้องธาร! มึงจะมาขายมะเขือยาวหน้าด้านๆ แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย! กูยังไม่ได้ตั้งสติ ที่สำคัญคือกูยังไม่ได้ล้างตู้เย็น! มึงหยุดเดี๋ยวนี้!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-03-2016 19:21:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: retrot ที่ 24-03-2016 20:42:00
เหตุผมคืออันหลังใช่ไหมคะ พี่เหนือ 555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 24-03-2016 23:47:15
เดี๋ยวได้เจอโชคช่วยนะธาร สติลูกสติ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 25-03-2016 00:21:04
น้องธารใจเย็นลูก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 25-03-2016 08:05:31
หึย มายั่วกันนิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 25-03-2016 11:43:43
เฮ้ย! เขาจะได้กันแล้ว??? รีบมาต่อเลย!!

ไม่ใช่มาถึง พี่เหนือฝัน นี่จบเลยนะ 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-03-2016 14:08:27
มาเอาฮาว่างั้น ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 25-03-2016 18:47:38
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-03-2016 19:44:52
น่าจะไม่มีอะไร นอกจากจูบนั้น
กลับไปขายอ้อยที่ กทม เถอะนะพี่เหนือ อดทนนะอีกสองอาทิตย์เอง

ช่างใจมาราธอน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 25-03-2016 23:57:09
อธิบายซะทีสิ หรืออันที่จริงไม่อยากให้หยุดแต่หยุดเถอะธาร พี่เหนือยังไม่ได้ล้างตู้เย็นเลย 55
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-03-2016 20:37:15
ชั่งใจ ครั้งที่ 15: ถ้าชอบผม ก็มองแต่ผมคนเดียวสิวะ![1]

ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อจะหาเรื่องชวนน้องธารไปเที่ยว ตั้งแต่ผมมาอยู่พิษณุโลกจนเหลืออีกอาทิตย์กว่าจะฝึกงานเสร็จ ผมยังไม่เคยเที่ยวที่นี่แบบจริงจังเลยนะ เห็นว่ามีแหล่งท่องเที่ยวเยอะพอสมควรเหมือนกัน ก็เลยว่าจะให้ธารเป็นไกด์ส่วนตัวให้ซะเลย

แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ไป เพราะพอถึงวันเสาร์ ธารก็มาบอกว่าจะไปทำรายงานที่บ้านจอมแก่นกับพวกเพื่อนคนอื่น ด้วยจันทร์หน้าจะถึงกำหนดส่งและพรีเซ้นต์งาน ผมเลยต้องแห้วไปตามระเบียบ พร้อมกับสาปส่งอาจารย์ประจำวิชานั้นที่มากำหนดวันส่งงานตรงกับช่วงที่ผมอยากจะลากเด็กนั่นไปเต๊าะนอกสถานที่

จริงๆ แล้วคืออาจารย์สั่งงานตั้งนานแล้วล่ะ แต่ไอ้พวกเด็กนั่นมันเพิ่งจะมาสำเหนียกกันว่าต้องทำกัน เดี๋ยวจะไม่ได้คะแนน สำคัญกว่านั้นคือเดี๋ยวจะติดศูนย์ ติด ร. เรียนไม่จบกันอีก ผมก็เลยต้องนั่งเหงาอยู่ในห้องตัวเองไปตามระเบียบ

จะว่านั่งเหงาก็ไม่ใช่ เพราะพอเข้าช่วงบ่าย จู่ๆ กั้งกับยีนส์ก็มีเซอร์ไพรส์มาให้ผมชุดใหญ่ด้วยการโทรมาบอกว่าพวกมันอยู่ที่ขนส่งพิษณุโลกเรียบร้อยแล้ว ให้ผมไปรับหน่อย ผมเลยต้องตาลีตาเหลือกขับรถไปรับพวกมัน พร้อมกับด่าไปด้วยที่ดันสะเออะมาแบบไม่บอกกล่าว ส่วนพวกมันก็ได้แต่บอกว่า...

“มีแต่มึงที่เคยไปเที่ยวหาพวกกูที่กำแพงเพชร พวกกูก็อยากจะมาเที่ยวหามึงบ้างสิ อีกอย่าง กูกับกั้งก็เริ่มว่างแล้ว กูจะแรดเหมือนมึงบ้างไม่ได้หรือไง”

แน่นอนว่าคนพูดคือยีนส์ มันพูดแทนกั้งเรียบร้อย ขณะที่กั้งนั่งมองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ พลางว่า

“ครั้งก่อนที่มึงมา กูกับยีนส์พามึงเที่ยวแล้ว รอบนี้มึงพาพวกกูเที่ยวบ้าง”

ครั้งก่อนพวกมึงพากูเที่ยวอะไร ไอ้ยีนส์แม่งเข้าโหมดมนุษย์เมนส์แล้วลากกูไปกินแหลกลานจนปวดท้อง เข้าโรงพยาบาลน่ะเหรอที่เรียกว่าเที่ยวน่ะฮะ!

ทว่าผมก็รับปากพวกมันไปนั่นแหละ อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ห้องคนเดียว รอน้องธารกลับมาล่ะวะ

ผมพาพวกมันกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน กะว่าตอนเย็นๆ จะพามันออกไปเดินเล่นแถวสวนชมน่านที่ผมเคยวิ่งหนีอริกับพวกเด็กช่างนั่น ไปหาอะไรกิน แล้วก็พาไปเดินเล่นไนท์พลาซ่าเป็นการตบท้าย ส่วนเที่ยวที่อื่น ไว้พรุ่งนี้ค่อยตะล่อมให้ธารพาไป

นั่งๆ นอนๆ ในห้องผม ฟังพวกมันบ่นกันเรื่องพี่ซุปฯ ที่เข้มงวดเรื่องการฝึกงานได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ฤกษ์ออกไปร่อน กั้งขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนเพราะข้าศึกเข้าโจมตีกะทันหัน ผมเลยออกมายืนเล่นรับลมหน้าห้องกับยีนส์ระหว่างรอ ก่อนยีนส์จะหาเรื่องชวนผมคุยขึ้นมา

“แล้วไหนเด็กที่มึงจ้องเต๊าะอยู่วะ เห็นบอกอยู่ข้างห้องมึง ไม่เห็นจะโผล่หัวมาเลยเนี่ย กูอยากเห็นจะแย่ อยากรู้ว่าจะแซ่บอย่างที่มึงว่ามั้ย”
“กูก็อยากให้มึงเห็น แต่มันไม่อยู่ห้อง มึงเห็นมั้ยเนี่ยว่าประตูล็อค” ผมพยักปลายคางไปยังประตูห้องข้างๆ ที่คล้องแม่กุญแจอยู่
ยีนส์ส่งเสียงร้องอย่างเสียดายออกมาทันที
“ว้า อดเห็นความกรุบกรอบของเด็กมึงเลย ไม่ใช่ว่าเด็กของมึงกรุบกรอบไม่พอ แล้วพอมึงรู้ว่ากูกับกั้งมา มึงเลยรีบไล่เด็กไปข้างนอก ไม่อยากให้กูกับกั้งเห็นอะไรแบบนี้เหรอวะ”
“มึงนี่ก็พูดเป็นตุเป็นตะเลยนะ ทำอย่างกับกูสั่งมันได้อย่างนั้นแหละ มันออกไปทำรายงานบ้านเพื่อนเว้ย” ผมเริ่มรำคาญไอ้ยีนส์ขึ้นมาละ

คอยดูเถอะมึง เจอน้องธารกูขึ้นมาเมื่อไหร่ ไอ้กั้งก็ไอ้กั้งเถอะ มึงจะไสหัวมันกลับหลุมแทบไม่ทัน น้องธารกูน่ากินกว่าแฟนมึงเยอะ

แล้วมันก็ชวนผมคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย ก่อนมันจะร้องโวยวายเมื่อจู่ๆ ก็มีลมกรรโชกพัดเอาฝุ่นผงปลิวเข้าตามัน
“ไอ้เหนือๆ ผงเข้าตากู เอาออกให้หน่อย”
“กูใช่แฟนมึงมั้ยเนี่ย” รำคาญมากกว่าเดิมอีกระดับขณะที่ยีนส์หลับตา เอานิ้วขยี้ตาตัวเองไปมา อีกมือก็ควานหาทิชชูในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กข้างตัวเป็นพัลวันก่อนส่งให้ผม
“จะอะไรก็ช่างเถอะ เอาออกให้กูเร็ว!”
“เออๆ”

ผมขานรับไปอย่างจำยอม รับทิชชูมาเขี่ยเศษผงให้มัน ส่วนมันก็แหกตาตัวเองมองบนให้ผมเขี่ยผงให้ แต่เขี่ยเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที เพราะยีนส์อยู่ไม่สุขเลยแม้แต่น้อย แตะปลายทิชชูถูกขอบตานิดเดียว มันก็กะพริบตาปริบ เคลื่อนหัวหนีอีกต่างหาก จนผมต้องดุแล้วใช้มือข้างหนึ่งรั้งท้ายทอยมันไว้

“มึงอยู่นิ่งๆ สิวะ”
“ก็กูแสบตาอ้ะ!”
มันโวยวาย ผมจึ๊ปากอย่างหงุดหงิด นานทีเดียวกว่าจะเขี่ยไอ้เศษผงนรกนี่ออก พอเขี่ยออก ผมก็ผละออกมา ผลักหัวไอ้ยีนส์ไปทีหนึ่งเบาๆ อย่างหมั่นไส้
“เรื่องเยอะ”
“ทำให้แค่นี้ ทำมาเป็นบ่น”

ส่วนยีนส์ก็ปาดน้ำหูน้ำตา สวนผมคืน ผมเลยผลักหัวมันอย่างเบามือไปอีกที ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อหันกลับมาแล้วเห็นเด็กเวรสามคนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่หน้าประตูห้องของธาร และผมจะไม่ตกใจเลยถ้าหากว่าไม่เห็นสีหน้าอึ้งงันระคนสงสัยสุดๆ ของพวกมัน

อะ...ไอ้น้องธาร น้องมายด์ จอมแก่น... พวกมึงเห็นที่กูทำกับไอ้ยีนส์เมื่อกี้หมดเลยสินะ!

เดาได้เลยว่าเดี๋ยวพวกมึงต้องเข้าใจผิดกูแน่นอน แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อน้องมายด์เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบขึ้นมา
“เจ้... นั่นเมียเจ้เหรอ”

เมียเมออะไรเล่า! ได้เสียกับไอ้ยีนส์ กูได้คันคะเยอไปทั้งตัวพอดี เพื่อนต่างหาก เพื่อนเว้ย!

หากแต่ผมยังไม่ทันได้ตอบ น้องมายด์ก็ลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ บีบเสียงเล็กเสียงน้อยออกมาด้วย
“แหม ทำเป็นแอ๊บเป็นเกย์ ที่ไหนได้ แอบซุ่มเมีย อย่างเจ้เนี่ยเรียกเกย์โบทไม่ได้นะคะ ต้องเรียกว่าเสือไบต่างหาก”

ไบฯ ป้ามึง กูก็เป็นเกย์เนี่ย มึงอย่ามาใส่ความกูนะ

โอย... ผื่นขึ้นเลย คันไปทั้งตัว ยิ่งหันไปเจอหน้าแหยๆ ของไอ้ยีนส์ที่ดูเหมือนจะขยะแขยงผมเหมือนกันนี่ก็ยิ่งคัน ถูกเข้าใจผิดกับผู้หญิงคนอื่นยังพอรับได้ แต่กับไอ้ยีนส์เนี่ย... หูย ขนลุกชันไปทั้งตัว

สำคัญไปกว่าสีหน้าไอ้ยีนส์คือสีหน้าน้องธาร ตอนนี้แม่งทำหน้าเหมือนจะฆ่าผมให้ได้เลย ดีนะที่ยีนส์มันทนความขยะแขยงที่ถูกยัดเยียดให้เป็นเมียผมไม่ไหว โพล่งขึ้นมาก่อน

“น้องคะ ถ้าพี่เป็นเมียไอ้เหนือนี่ พี่คงผูกคอตายใต้ต้นหอมไปแล้วค่ะ เพื่อนค่ะเพื่อน เพื่อนสาว ส่วนแฟนพี่เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ เก็ทนะ”
“เอ้า เหรอคะ หนูก็นึกว่าเจ้ของหนูมีเมีย” น้องมายด์ทำหน้าเหมือนโล่งใจ

แต่คนที่โล่งใจกว่าน่าจะเป็นธาร ผมเห็นเด็กนั่นลอบถอนหายใจเล็กน้อย สีหน้าก็ดูผ่อนคลายขึ้นด้วย

แหม เป็นห่วงว่าพี่เหนือจะไม่เต๊าะต่อเหรอจ๊ะ ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ยังไม่ได้กินน้องธารหรือถูกน้องธารกิน พี่เหนือไม่เลิกขายอ้อยง่ายๆ หรอกจ้ะ

จากนั้น กั้งก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี พอเห็นพวกเรายืนประจันหน้ากับเด็กสามคนนั่น มันก็ทำหน้างงขึ้นมา
“นี่ใคร” ถามออกมาโต้งๆ ด้วย
ผมเลยได้โอกาส แนะนำตัวพวกมันให้เด็กนั่นรู้จักซะเลย
“นักเรียนกูเอง คนนั้นชื่อน้องธาร จอมแก่น แล้วก็น้องมายด์ ส่วนนี่เพื่อนๆ ของพี่เหนือนะครับ พี่ยีนส์กับพี่กั้ง”
ธารกับจอมแก่นยกมือไหว้กันตามมารยาท ส่วนยีนส์กับกั้งก็ยิ้มให้ไปตามประสา ยกเว้นก็แต่น้องมายด์ที่ยืนนิ่งอ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้ากั้งอย่างชัดเจน ก่อนจะครางออกมา
“กะ...กั้งอปป้า”

เดี๋ยวนะอีน้องมายด์ นั่นแฟนเพื่อนกูมั้ย หยุดความคิดที่จะเต๊าะเพื่อนและแฟนเพื่อนกูเลยนะ

กั้งย่นคิ้วทันที ขณะที่ยีนส์หัวเราะลั่น บอกออกมาหน้าตาเฉย
“แฟนพี่นะคะน้องมายด์ ดูได้แต่ตา มืออย่าต้อง”
น้องมายด์หุบยิ้มทันควัน บุ้ยปากอย่างขัดใจ ตามมาด้วยเสียงค่อนขอด
“ค่ะ ยังไม่ได้ทำอะไรกั้งอปป้าเลยนะคะ แหม ทำเป็นหวง”
“นิดนึงค่ะ ของแบบนี้ต้องออกตัวแรงไว้ก่อน” ยีนส์สวนคืน

ผมว่าน้องมายด์เจอคู่ปรับที่น่ากลัวเข้าให้แล้วว่ะ ไอ้ยีนส์นี่มันธรรมดาซะที่ไหน แต่ก็ดีละ อย่างน้องมายด์นี่ต้องเจอคนแรงๆ แบบไอ้ยีนส์

“แล้วนี่พี่เหนือจะไปไหนกันเหรอครับ”
ผมหันมาสนใจจอมแก่นอีกครั้งเมื่อเด็กนั่นถามขึ้นมา
“อ๋อ ว่าจะไปแถวสวนชมน่านน่ะครับ กะจะพาเพื่อนไปเดินเล่น แล้วก็ไปหาอะไรกินน่ะ จอมแก่นไปด้วยกันมั้ย พี่เหนือกำลังอยากได้ไกด์อยู่พอดี” ที่ชวนจอมแก่นก็เพื่อจะได้สบโอกาสลากธารไปด้วยน่ะ
แต่ไม่ทันที่จอมแก่นจะได้ตอบ แค่มันหันหน้าไปจะขอความเห็นธาร น้องมายด์ก็โพล่งมาแล้ว
“ไปค่ะ ไปกันหมดนี่เลยค่ะ ไหนๆ เพื่อนพี่เหนือก็มาแล้ว หนูก็อยากจะทำความรู้จัก ทำความสนิทสนมไว้เหมือนกัน” แล้วก็ส่งสายตาเป็นประกายให้กั้ง

กูว่ามึงไม่ได้อยากสนิทกับเพื่อนกูหรอก มึงอยากจะลวนลามไอ้กั้งมากกว่า

และผมเองก็ไม่สนด้วย มันจะไปลวนลามใครก็ช่างมัน ผมสนแค่ว่าควรใช้โอกาสนี้ลากน้องธารไปด้วย เลยกุลีกุจอขึ้นมาทันใด
“งั้นก็ไปกันเถอะครับ ไปรถพี่เหนือก็ได้ จะได้ประหยัดน้ำมันเนอะ”
ทุกคนก็เลยตกลงมารถผม แต่ด้วยความที่จำนวนคนเกินกว่าที่นั่งบนรถ ธารก็เลยเสียสละตัวเองจะขับมอเตอร์ไซค์ไป ผมขัดใจนิดหน่อย แต่ก็ยอมๆ ไปเพราะเห็นว่ามันมาด้วย ส่วนยีนส์ก็กระซิบชมน้องธารกับผมไม่เลิก
“เด็กนั่นแซ่บจริงๆ ด้วยว่ะ โคตรกรุบกรอบ”
“เห็นมะ กูบอกแล้ว”
“ต้องได้ต้องโดนนะเว้ยไอ้เหนือ ถึงกูจะเสียดายอนาคตน้องเค้าเพราะได้กับมึงก็เถอะ แต่แซ่บแรงแบบนี้ ปล่อยไปก็เสียดายแทนว่ะ”
ฟังแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะด่ามันหรือยิ้มรับดี แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็จะได้เลิกแซะน้องธารสักทีว่าเป็นเด็กกุ๊ยอะไรเทือกนั้น
ก็น้องธารของผมน่ะน่ารักจะตายนี่นา
 



ร้านนมฝั่งตรงข้ามกับสวนชมน่านเป็นที่หมายที่เรามาตามการเสนอแนะของน้องมายด์ เหตุผลมีข้อเดียวคือเจ้าของร้านหล่อ แต่พอมาเจอจริงๆ ผมก็ไม่เห็นว่าจะหล่อตรงไหนเลยหากเทียบกับเจ้าของร้านนมอย่างพี่จอมดื้อ แค่ดูดีพอประมาณ พอไปวัดไปวาได้เถอะ

หากแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือผมจัดการลากน้องธารมานั่งข้างๆ พลางหยอกกับเพื่อนไปมาระหว่างรอของกินเล่นที่สั่งไปมาเสิร์ฟ พอจานแรกมาปุ๊บ ผมก็จัดการเลื่อนจานขนมปังปิ้งมาตรงหน้าน้องธารปั๊บ ลืมตัวไปหมดสิ้นว่านอกจากกั้งกับยีนส์แล้ว คนอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าผมกำลังขายอ้อยให้น้องธารอยู่

“น้องธารกินเยอะๆ นะครับ จานนี้พี่เหนือสั่งมาให้เลยน้า”

ลืมตัวจริงๆ น้องมายด์กับจอมแก่นมองแบบเอ๋อกินทันที ส่วนธารก็ตวัดดวงตาคมมาทางผมอย่างดุๆ ราวกับเป็นการเตือนว่าอย่าทำอะไรกระโตกกระตากให้เพื่อนมันเห็น ผมเลยรีบวางตัวให้เป็นปกติ ยิ้มแห้งๆ ไปให้น้องมายด์กับจอมแก่นที่นั่งอยู่เยื้องๆ ด้วย
แต่น้องมายด์มันไม่หายสงสัย เซ้นส์มันดีมาก ประหนึ่งพอจะจับทางได้แล้วว่าผมคิดอะไรกับเด็กหน้าบูดข้างๆ อยู่ เลยโพล่งขึ้นมากลางโต๊ะ

“ของกินมาถึงแล้วเลื่อนให้ธารกินก่อนคืออะไร” หรี่ตามองผมอย่างจับผิดด้วยเถอะ ขณะที่ธารเอียงหน้าเสมองแม่น้ำน่านแบบไม่รู้ไม่ชี้ไปแล้ว
“คือ...พี่เหนือเห็นว่าน้องธารไปทำรายงานกลับมาเหนื่อยๆ พี่เหนือก็เลยบริการหน่อยน่ะครับ”
“จอมกับหนูก็ไปทำรายงานด้วยปะ ทำไมไม่เห็นบริการ”
“ก็น้องธารขี่มอเตอ์ไซค์มานี่ครับ น้องมายด์กับจอมแก่นนั่งรถมากับพี่เหนือ ไม่เหนื่อยเท่าน้องธาร พี่เหนือเลยไม่บริการ” ผมรีบว่าแก้ตัว

น้องมายด์เบะปากใส่ผมแรงมาก ปากก็บุ้ยบ่นอะไรไปด้วยก็ไม่รู้จนจอมแก่นที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวเราะร่วนแล้วห้ามทัพเป็นพัลวัน ผมก็ไม่สนใจหรอก สนใจน้องธารข้างๆ ดีกว่า ทว่าไอ้ยีนส์ก็ทำให้ผมชะงักกึกขึ้นมาด้วยมันมองอยู่นานแล้วมีความหมั่นไส้ในตัวผมสูง

“มีความแรด”
น้องมายด์ถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง ปรบมือให้ไอ้ยีนส์เป็นการใหญ่
“ดีงามมากค่ะเจ้ยีนส์ แบบนี้สิคะถึงจะเหมาะกับว่าที่เมียหลวงของกั้งอปป้า”

เดี๋ยวนะอีน้องมายด์... มึงกำลังจะบอกว่ามึงเป็นเมียน้อยไอ้กั้ง? ดูหน้าเพื่อนกูด้วยมั้ยว่ามันทำหน้ายังไงตอนนี้น่ะ

แต่กั้งมันก็คือกั้งนั่นแหละ เหลือบมองน้องมายด์นิดนึง แล้วก็เอาหลอดคนนมปั่นในแก้วตัวเองเงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา จะมีก็แต่ยีนส์ที่จู่ๆ ก็เข้าขากับน้องมายด์เป็นอย่างดี

“เห็นแล้วก็หมั่นไส้จริงๆ อะเนอะ แม่ง มีความแรดสูงมาก” เอาอีกละ มันเริ่มด่าผมอีกละ
ส่วนน้องมายด์ก็พยักหน้าหงึกหงัก เสริมทัพทันควัน
“ใช่ค่ะเจ้ มีความอ้อล้อด้วย”
“อืม มีความตอแหลอีก”
ยีนส์เริ่มสนุก ด่าอีก น้องมายด์ก็เลยได้ใจเลยทีนี้ ออกปากบ้าง
“แล้วก็มีความดอก...” พูดไปแล้วก็หยุดราวกับนึกขึ้นได้ฉับพลันว่าแรงไป ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดทันควัน “ดอกไม้...ดอกไม้จะบาน บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ... ”

ร้องเพลงออกมาเลยเถอะ ทำเอายีนส์งงเป็นไก่ตาแตก หันหน้าไปมองน้องมายด์ที่ยิ้มแหย ก่อนที่มันจะอธิบาย

“เห็นเจ้เหนือแล้วหนูคิดถึงดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์น่ะค่ะ เจ้เหนือเป็นคนน่ารักมาก บริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย ต้องชมสักหน่อย”

แต่เดี๋ยวนะอีน้องมายด์! กูรู้หรอกนะว่ามึงไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้ อย่ามาเนียนนะเว้ยไอ้ตุ๊ดดอกหน้าวัว!

แล้วมันก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อยราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้พูด ให้ยีนส์ได้เบ้หน้ากับคำว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง ก่อนจะสาธยายความชั่วของผมออกมาว่าตอนที่ผมอยู่กรุงเทพฯ เป็นยังไงอย่างลืมตัวว่าผมกำลังเต๊าะเด็กอยู่

แล้วมึงมาพูดเรื่องกูหิ้วผู้ชายกลับห้องในอดีตอะไรตอนนี้ ดูหน้าไอ้น้องธารข้างกูซิเนี่ย หน้าบูดเป็นตูดลิงแล้ว!

จะห้ามมันก็ไม่ได้ ไอ้กั้งแม่งผสมโรง เผาผมแบบกะไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอย่างเมามันเลย น้องมายด์กับจอมแก่นก็ดันสนุกอีก ผมเลยไม่สนใจพวกมัน หันไปทาง ตั้งใจว่าจะแก้ตัว ทว่าธารก็ลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนแล้ว
“เดี๋ยวผมมานะ” บอกสั้นๆ แล้วก็เดินไปทางระเบียงที่มุมหนึ่งของร้าน ทอดสายตามองไปยังแม่น้ำ จุดบุหรี่ขึ้นสูบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ไม่รู้ทำไมพอมองมันแล้ว ผมถึงได้รู้สึกว่าอีกไม่นาน งานจะต้องงอกแน่ๆ ก็เลยหาโอกาสลุกจากโต๊ะไปหามัน พอโอกาสมาถึงตอนที่จอมแก่นเสนอให้พวกเราไปต่อกันที่ร้านเหล้าของพี่จอมแสบหลังจากเดินไนท์พลาซ่าเสร็จ ผมก็รีบลุกเดินไปหาธารทันใดด้วยอ้างว่าจะมาบอกธารเรื่องนี้

เดินมาหยุดข้างๆ ได้ ธารก็ชำเลืองหางตามามองผม แล้วก็เมินขณะที่ปากพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ
“ปกติน้องธารติดบุหรี่เหรอครับ” ผมหาเรื่องชวนคุย หน้านี่ยิ้มร่าเลย
 “เปล่า สูบแค่ตอนมีเรื่องไม่สบายใจ”
“งั้นน้องธารไม่สบายใจเรื่องอะไร บอกพี่เหนือสิ เผื่อพี่เหนือช่วยได้”
มันหันมามองผมอีกรอบ แล้วจ้องเขม็ง
“เรื่องที่พี่มั่วไง ฟังแล้วไมเกรนจะขึ้น”

ผมหลุดหัวเราะร่วนแม้ว่าสีหน้ามันตอนพูดประโยคนั้นจะดูเครียดก็ตาม แต่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่จริงจังมาก ผมเลยโล่งใจที่งานไม่ได้งอกอย่างที่คิด ก่อนจะรีบแก้ตัวเมื่อเห็นว่าหัวคิ้วเรียวสวยของคนตรงหน้าเริ่มย่นยู่

“นั่นมันอดีตนี่ครับ พี่เหนือรับปากน้องธารแล้วนี่ว่าจะเลิกมั่วแล้ว ตอนนี้พี่เหนือกำลังรอจีบน้องธารเต็มตัวอยู่ด้วย จะมามั่วเหมือนเดิมอีกได้ไง จริงมั้ย”

ธารไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วก็อัดควันบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง บุหรี่กลิ่นฉุนผสมกลิ่นวานิลลาทำให้ผมแสบจมูกขึ้นมาไม่น้อย ผมชอบเที่ยวกลางคืนก็จริง แต่ก็ใช่ว่าผมจะชอบกลิ่นบุหรี่เท่าไหร่นัก และไม่ชอบมากกว่าเดิมเมื่อเห็นคนข้างกายทำให้ตัวเองมีกลิ่นบุหรี่ติด ผมเลยถือวิสาสะยื่นมือไปแตะมือข้างที่คีบบุหรี่อยู่ของมันเบาๆ

“ถ้าน้องธารไม่ได้ติดบุหรี่ ก็เลิกสูบเถอะครับ พี่เหนือขอ”
“ทำไม” มันหันมาถามเสียงขุ่นทันที ทำท่าจะดึงมือออกจากผมด้วย แต่ผมคว้าไว้แน่นก่อน
“ก็พี่เหนือไม่ชอบน่ะ มันเหม็น เหมือนกับที่น้องธารไม่ชอบให้พี่เหนือมั่วนั่นแหละ”
“มั่วก็ส่วนมั่ว สูบบุหรี่ก็ส่วนสูบบุหรี่ปะ มันคนละเรื่องกัน”
“แต่ก็ถือว่าเป็นความไม่ชอบเหมือนกันนี่ครับ ถึงพี่เหนือจะชอบน้องธาร แต่เวลาถูกน้องธารหอมแก้มแล้วมีกลิ่นบุหรี่ติดนี่ พี่เหนือก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ มันเหม็น”

พอว่าไปอย่างนี้ ซีกหน้าของเด็กนั่นก็แดงเรื่อขึ้นมา ก่อนมันจะโวยวายใส่ผม
“คะ...ใครจะไปหอมแก้มพี่กันวะ” โวยวายไม่ดังหรอก คงจะกลัวคนอื่นได้ยิน
“ใครก็ไม่รู้สิ ยืนอยู่แถวๆ นี้เนี่ย” ผมยิ้มเผล่ออกมา แกล้งหยอกมันเล่นให้มันได้หน้าแดงขึ้นไปอีก แล้วว่าขึ้นมาอีกระลอก “เถอะนะ แลกกัน พี่เหนือเลิกมั่ว น้องธารเลิกบุหรี่ โอเคมั้ย”

ธารนิ่งไปครู่กระทั่งหน้ามันเริ่มหายแดง พลันหันมามองหน้าผม
“ถ้าผมเลิกบุหรี่ แล้วผมจะได้อะไร”
“น้องธารอยากได้อะไรล่ะครับ”
“พี่เสนอมาสิ”
ผมเลยหยุดคิดไป ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มัน กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
“ถ้าน้องธารเลิกบุหรี่ มือน้องธารที่คีบบุหรี่ก็จะได้เอามาไว้ใช้จับมือพี่เหนือไงครับ ได้จับมือพี่เหนือ ดีจะตาย”
หืม... เป็นการขายอ้อยที่ถึงเนื้อถึงตัวมาก มือที่จับมือมันอยู่แล้วก็จับแน่นเข้าไปอีก ไอ้เด็กธารถึงกับคีบก้นกรองบุหรี่แน่น หน้าก็แดงแจ๋อย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนที่มันจะกระชากมือตัวเองออกจากผมอย่างรวดเร็ว
“ระ...ไร้สาระ!”
โวยวายตามมาอีก แถมเดินหนีกลับไปที่โต๊ะด้วย ทว่ามันก็ดับบุหรี่แล้วยอมทิ้งลงถังขยะแต่โดยดีน่ะนะ ผมเลยยิ้มไล่หลังมัน

เอาวะ อย่างน้อยมันก็เชื่อฟังแล้วกัน


หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦24/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-03-2016 20:39:01
ชั่งใจ ครั้งที่ 15: ถ้าชอบผม ก็มองแต่ผมคนเดียวสิวะ![2]

หลังจากพวกเรานั่งเล่นที่ร้านนมจนเป็นที่พอใจ น้องมายด์ก็อาสาพากั้งกับยีนส์ไปเดินเล่นที่ไนท์พลาซ่า จอมแก่นก็ขอให้ธารไปรับโรมที่บ้านเพราะโรมโทรมาบอกว่าอยากไปด้วย แล้วจอมแก่นก็จะติดรถกลับไปบ้านตัวเองด้วยเนื่องจากจะไปเอาเหล้าที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเสียค่าเหล้า พูดง่ายๆ คือฟรี ด้วยร้านของพี่จอมแสบมีโปรโมชันฟรีมิกเซอร์ทุกคืนวันเสาร์ เสียแค่ค่าเปิดเหล้า แต่ด้วยความเป็นน้อง เอาเหล้าไปเองก็ไม่เป็นไร และด้วยความที่ฟรีมิกเซอร์ โต๊ะก็เลยจะเต็มเร็วกว่าปกติ ผมก็เลยต้องรับหน้าที่ไปนั่งจองโต๊ะไว้ก่อน

ก็ไม่มีปัญหาหรอก ไนท์พลาซ่านี่ผมเดินรอบเดียวก็เบื่อแล้ว ก็แค่แหล่งชอปปิงเสื้อผ้าผู้หญิง ผมก็เลยไปส่งพวกเพื่อนๆ กับน้องมายด์ที่นั่น แล้วก็แยกตัวไปที่ร้านของพี่จอมแสบก่อน พี่จอมแสบเห็นผมแล้วก็ร้องทักเสียงดังด้วยจำผมได้ ความจริงจอมแก่นก็โทรมาบอกเขาก่อนแล้วล่ะว่าผมจะมาจองที่ไว้ก่อน ผมเลยได้ที่วีไอพีซึ่งเป็นเบาะโซฟา อยู่ด้านหน้าเวทีของร้าน เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะที่เด่นเป็นสง่า ดูดีมีราคาที่สุดในร้านเลยก็ว่าได้

และมันจะดีมากถ้าหากว่าระหว่างที่ผมนั่งรอคนอื่นๆ ให้มาเจอกันตามนัดอยู่ แล้วพี่จอมดื้อไม่โผล่หัวเข้ามาในร้านน่ะ

“ไอ้แสบ กูเอารถมาขนลังแล้ว มึงให้เด็กเอาไปใส่ไว้ท้ายรถเลยนะ” มาถึงก็ว่าลั่นร้าน

ผมเห็นพี่จอมดื้อที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานก็ใจเต้นระรัว ไม่ได้ใจเต้นเพราะเห็นพี่แกแต่งตัวสไตล์แบดบอยที่ดูยังไงก็โคตรจะดูดี เดินอาดๆ เข้ามาประหนึ่งนายแบบอย่างที่สาวๆ มองแล้วก็พากันกรี๊ดกร๊าดหรอกนะ แต่ใจเต้นเพราะกลัวว่าแม่งจะเห็นผมนี่แหละ
ผมเลยรีบมุดหน้าซ่อนหลังโซฟา แต่หลบไปก็เท่านั้น เพราะพอพี่จอมดื้อไปคุยกับพี่จอมแสบเสร็จ ไอ้พี่จอมแสบเวรก็ดันพยักเพยิดหน้ามาบอกว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ เท่านั้น พี่จอมดื้อก็พุ่งพรวดมานั่งข้างผม ผมเลยทำหน้าไม่ถูก ยกมือไหว้แล้วยิ้มแหยให้

“ว่าไงเหนือ หนีหน้าพี่ตลอดเลยนะ” เป็นคำทักทายแรกที่ทักผม ทำเอาผมปั้นหน้าไม่ถูก
“คะ...คือเหนือไม่ค่อยว่างน่ะครับ”
“ไม่ค่อยว่างเหรอ เห็นไอ้แก่นก็บอกว่าว่างดีนี่ ถ้าไม่ว่างจริงก็คงไม่มาเที่ยวแบบนี้หรอกมั้ง” พี่จอมดื้อว่าอย่างรู้ทัน

ส่วนผมก็พูดต่อไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ หน้าเกร็งจนตะคริวจะกินหน้าอยู่แล้ว ดีที่พี่จอมดื้อไม่ได้ซีเรียสมาก แถมยังพูดออกมาสบายๆ กับท่าทางของผม ผมเลยผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่รู้แล้วล่ะว่าเหนือไม่ได้ชอบพี่ เหนือชอบคนอื่นอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธพี่ยังไง ไอ้แก่นมันบอกแล้วล่ะ”
“แล้วพี่ดื้อไม่โกรธใช่มั้ยครับ” ผมถามเสียงแผ่ว ทำให้พี่จอมดื้อที่นั่งอยู่ข้างผมตบไหล่ผมทันใด
“เฮ้ย พี่จะโกรธเราทำไม ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ พี่มีสิทธิ์อะไรไปบังคับให้เหนือชอบพี่ได้ล่ะ ดีแล้วที่เหนือบอกตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าเหนือไม่ทำอะไรเลย ให้ความหวังจนพี่จนพี่ชอบเหนือไปมากกว่านี้ พี่ว่าแย่กว่านะ ตอนนี้ยังแย่เลยเนี่ย คิดถึงเหนือทุกวันถึงเหนือจะพูดและแสดงออกชัดเจนแล้วก็เถอะ เห็นตอนแรกทำท่าอยากจะมีอะไรกับพี่ พี่ก็หลงคิดว่าเหนือชอบพี่เหมือนกัน”

ไม่รู้ว่าแม่งจะปลอบหรือจะทำให้ผมรู้สึกผิดกันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือ ผมก้มหน้าสำนึกผิดไปแล้วเรียบร้อย

“ขอโทษนะครับพี่ดื้อ คือตอนนั้นเหนือไม่ทันคิด”
“ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพี่จะพยายามตัดใจจากเหนือให้เร็วที่สุดแล้วกัน เหนือจะได้ไม่ลำบากใจ”
“ขอโทษจริงๆ นะครับ” พูดไป หน้านี่ก็ก้มจนแทบจะซุกลงไปกับเบาะโซฟาอยู่แล้ว

ทว่าพี่จอมดื้อก็ยื่นมือมาช้อนปลายคางผมขึ้นให้ผมหันไปสบตา ใบหน้าหล่อคมฉาบไปด้วยรอยยิ้มใจดี ผมเกือบจะเบาใจแล้วว่าพี่จอมดื้อไม่ถือสาที่ผมหนีหน้ามาตลอด แต่ก็ตระหนักได้ในอีกไม่กี่วินาทีให้หลังว่ารอยยิ้มบนใบหน้าหล่อนี่ไม่ใช่รอยยิ้มของเทพบุตร แต่เป็นรอยยิ้มของมารร้ายต่างหาก

“ถ้าเหนืออยากขอโทษพี่จริงๆ ก็ให้พี่จูบทีนึงแล้วกัน จะได้เจ๊ากับที่ทำให้พี่คิดถึงจนเป็นบ้าไง”

เดี๋ยว! มึงมาขอจูบกูโต้งๆ แบบนี้ไม่ได้! โดยเฉพาะตอนที่กูสัญญากับน้องธารที่รักว่าจะไม่มั่วแล้วนี่ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ถึงมึงจะหล่อลากก็เถอะ ทำไม่ได้!

“เดี๋ยวนะครับพี่ดื้อ คือเหนือ...” ผมรีบดันพี่จอมดื้อออกทันทีที่อีกฝ่ายกระเถิบเข้ามาใกล้ ปากก็พูดข้ออ้างไปด้วย แต่พูดยังไม่ทันจบเลย พี่จอมดื้อก็คว้าข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ รั้งตัวผมที่ขยับออกห่างให้เข้ามาใกล้อีก
“นิดเดียว เอาปากแตะๆ โอเคมั้ย แป๊บเดียวก็เสร็จ”

จะเอาปากแตะๆ จะสูบ หรือจะดูดหัวกูก็ไม่ได้ทั้งนั้นโว้ย! ไอ้พี่จอมดื้อ มึงนี่เห็นนิ่งๆ แต่หน้าด้านโคตรๆ เลยนะ!

“พี่ดื้อ ไม่ได้ คือเหนือสัญญากับคนที่ชอบไว้แล้วว่าจะไม่...” ผมตั้งใจจะบอกว่าผมสัญญากับธารไว้แล้วว่าจะเลิกทำพฤติกรรมไม่ดีอย่างนั้น

แต่ก็เหมือนเดิม พูดยังไม่ทันจบ ใบหน้าหล่อระบายรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็โน้มเข้ามาใกล้แล้ว ชั่วพริบตาเดียว ริมฝีปากผมก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากอีกฝ่าย และแทนที่จูบแล้วจะแตะๆ อย่างที่บอกไว้ตอนแรก แม่งดันไม่แตะๆ ดันขบเม้มเข้ามา กลายเป็นดีพคิสอย่างที่ผมไม่ได้ตั้งตัวแทนซะนี่

ผมได้สติ เลยรีบผลักอกพี่จอมดื้อออก ใจนี่ไม่ได้กลัวสายตาคนอื่นๆ ภายในร้านที่มองมาเลยนะ ที่กลัวคือกลัวว่าไอ้พวกเด็กธารมันจะมาเห็นต่างหาก ถึงตัวธารจะไม่ได้มาเห็น แต่เพื่อนมันมาเห็นก็มีค่าเท่ากัน ยังไงมันต้องเอาไปบอกกันแน่

ทว่าความกลัวของผมดันเป็นจริงขึ้นมาเมื่อผมผลักพี่จอมดื้อออกได้ สายตาผมก็หันไปเห็นจอมแก่น โรมและธารเดินเข้าร้านมาพอดี เดินเข้ามาอย่างเดียวไม่พอ แม่งยืนมองผมกับพี่จอมดื้อด้วยสายตาตกตะลึงด้วยเถอะ โดยเฉพาะธารที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น ขณะที่ผมใจร่วงหล่นไปอยู่ยังตาตุ่ม

งะ...งานงอกของจริงแล้วไอ้เหนือ!

เหงื่อกาฬไหลอาบไปทั่วตัว มือไม้เย็นเฉียบด้วย อยากจะแก้ตัวกับธารชะมัดว่าไม่ใช่อย่างที่มันเห็น หมายถึงจูบน่ะใช่ แต่ผมไม่ได้ยินยอม ถูกบังคับต่างหาก ดูแค่ท่าทางที่ผมอยู่ใต้วงแขนของพี่จอมดื้อแค่นี้ก็รู้แล้วว่าถูกไอ้เวรนี่กดอยู่

หากแต่ไม่มีใครได้พูดอะไร จอมแก่นก็พูดขึ้นมาก่อน
“พี่ดื้อทำไรเนี่ย ทำไมพี่เหนือมีสภาพงั้น” ปรายตามองมายังผมด้วยใบหน้าย่นยู่อีก ดูท่าทางมันจะรู้ว่าผมขัดขืน

ผมนี่พยักหน้าให้มันในใจรัวๆ เลย

กูไม่ได้สมยอมนะ กูโดนบังคับจริงจริ๊ง! ไม่ฟินด้วย สาบาน!

“ไม่มีอะไร กูกับเหนือหยอกเล่นกันนิดหน่อย” พี่จอมดื้อแม่งก็เนียนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เนียนอย่างเดียวคงไม่สาแก่ใจ หนีขี้ที่มาโยนให้ผมเช็ดหน้าตาเฉยอีกต่างหาก
“เดี๋ยวกูเอาของไปไว้บ้านก่อน ต้องกลับไปดูร้านต่อ ไว้เจอกันนะพวกมึง... เหนือ พี่ไปแล้วนะครับ” หันมาโบกมือลาส่งท้ายให้ผมอีก แล้วก็เดินหายออกจากร้านไปเลย

ถ้ามึงจะทำแบบนี้ มึงไม่ต้องโบกมือบ๊ายบายกูก็ได้นะไอ้เวรพี่ดื้อ!

ผมไปต่อไม่ถูก บรรยากาศกระอักกระอวนหลั่งไหลเข้ามาทันใด หนักไปทางจอมแก่นที่เห็นพี่ชายตัวเองทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าต่อตา กับโรมที่เพิ่งออกจากบ้านได้ก็มาเห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นเข้า ส่วนธารตอนนี้นี่ทำหน้านิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็รู้แหละว่ามันไม่ชอบใจ ดูหัวคิ้วมันสิ โอ้โห... ผูกกันเป็นเงื่อนตายแล้ว

“สะ...สั่งมิกเซอร์เลยได้มั้ย” โรมเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ หันไปถามจอมแก่น
จอมแก่นเองพอได้สติก็พยักหน้ารัวๆ โบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟ จัดการสั่งของที่จำเป็นทันใด ปล่อยให้ผมนั่งมองธารพลางคิดวุ่นไปหมดว่าจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ายังไงดี มันก็ไม่สนใจผมเลยเถอะ มิกเซอร์มาได้ ก็นั่งชงเหล้าเอาๆ ไม่แม้แต่จะมองหน้าผมสักนิด

“เอ่อ...คือน้องธารครับ พี่เหนือ...” ผมได้โอกาสก็รีบจะแก้ตัว
ทว่ามันตวัดสายตาดุดันมามองผมครั้งเดียว แล้วก็กระดกเหล้าเข้าปากอึกๆ ผมเลยพูดต่อไม่ออก ปล่อยให้มันนั่งดวดเหล้าไปก่อน

ดูท่าทางพูดอะไรไปตอนนี้ก็เท่านั้น สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจแรงมาก นี่ถ้ามันคว้าขวดเหล้ามาฟาดหัวผมได้ คงจะทำแล้วมั้ง
นานทีเดียวที่บรรยากาศอึดอัดปกคลุมเราทั้งสี่คนแม้ว่าจอมแก่นกับโรมจะพยายามชวนคุยให้บรรยากาศดีขึ้นก็ตาม มาบรรยากาศดีขึ้นทันตาก็ตอนที่น้องมายด์ กั้งกับยีนส์โผล่มา เท่านั้นความครื้นเครงก็บังเกิดราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเป็นเพราะจอมแก่นกับโรมไม่ได้เล่าเรื่องที่พวกมันเห็นก่อนหน้าให้คนที่มาใหม่ฟังด้วยล่ะมั้ง บรรยากาศเลยผ่อนคลายขึ้น จะมีก็แต่ผมกับธารเท่านั้นที่ยังนั่งเงียบอยู่

ผมน่ะไม่เงียบเท่าไหร่หรอก มีฝืนเฮฮา คุยกับคนอื่นบ้าง ส่วนธารนี่เงียบจริงเงียบจัง ไม่พูดไม่จา ทำหน้าเครียดแล้วก็ชงเหล้ากระดกเอาๆ จนน่ากลัวว่าอีกไม่นานจะเมาไม่ได้สติ

ผ่านไปชั่วโมงกว่า โลกของน้องธารก็เริ่มไม่ตรงละ เริ่มเอามือเท้าโต๊ะ หัวโคลงเคลงราวกับจะตั้งหลักไม่อยู่ แต่มือก็ยังไม่หยุดชงเหล้าจนโรมที่นั่งข้างๆ ต้องปราม

“กูว่ามึงดื่มเยอะไปแล้ว พอได้แล้วมั้ง” แล้วก็แย่งขวดเหล้าออกจากมือธาร หากแต่ถูกผลักซะเต็มแรง
“อย่า...อย่ามายุ่ง!”
โรมทำหน้าเหยเก ปากก็บ่นไป
“เป็นอะไรของมึงเนี่ย ดื่มเยอะผิดปกติ อกหักมาหรือไงวะ”


ธารไม่พูดอะไรต่อ ตั้งหน้าตั้งตารินเหล้าเงียบๆ ผมก็อยากจะห้ามเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง แถมโรมที่ห้ามเพื่อนในตอนแรกก็ไม่สนใจธารอีกต่อไปเมื่อเพลงที่ตัวเองขอนักดนตรีไปเมื่อครู่เริ่มบรรเลง กลายเป็นว่าปล่อยให้ธารดื่มต่ออีก

ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ไอ้ความกลัวที่ว่ามันจะเมาก็ไม่ต้องกลัวละ ตอนนี้มันเมาเลยเถอะ เมาไหลไปกองกับโซฟา หมดสภาพจนดูไม่ออกว่านี่น้องธารใจที่รักหรือกองขยะเปียกกันแน่

“โห หมดสภาพเลยว่ะ เป็นหนักนะเนี่ย” โรมรำพึงทันทีที่เห็นสภาพไร้สติของเพื่อน
จอมแก่นเองก็พยักหน้าเห็นด้วย มีแต่น้องมายด์ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวโพล่งขึ้นมา
“แล้วนางเป็นอะไร ใครทำอะไรนาง ทำไมดื่มหนักขนาดนี้”

โรมกับจอมแก่นส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าไม่รู้ ก่อนที่ยีนส์จะมองหน้าผมอย่างจับผิด แล้วเรียกเสียงเขียว
“ไอ้เหนือ... มึงทำอะไรน้อง”
เท่านั้นทุกคนก็หันมามองผมทันควัน

พะ...พวกมึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ยฮะ!?

“กูจะไปทำอะไรมันวะ มาถึงได้ มันก็ซัดเอาๆ แล้ว!” ผมแก้ตัวเสียงดังทันที
ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนเชื่อใจผมได้เลย

แต่เดี๋ยวนะ... ไอ้โรม ไอ้จอมแก่น พวกมึงจะมาไม่เชื่อใจอะไรกูฮะ ก็เห็นอยู่ด้วยกันว่ามันนั่งดวดของมันชนิดไม่พูดไม่จาทั้งที่กูไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ย พวกมึงอย่ามารุมกูนะ!

ดีที่กั้งพูดขึ้นมาก่อน ผมเลยหลุดรอดจากการถูกมองอย่างจับผิดไปได้
“ใครจะทำอะไรน้องมันก็ช่างก่อนเถอะ ตอนนี้พากลับไปก่อนดีกว่า สภาพอย่างนี้ไม่ควรอยู่ต่อ เดี๋ยวพวกเราจะหมดสนุกเอา”
ทุกคนเห็นด้วยทันใด ก่อนโรมจะอาสาเป็นคนพาไปส่ง คือจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ของธารไปน่ะ แต่ผมก็เสนอตัวแทรกขึ้นมาด้วยเกรงว่ามันจะทำไอ้น้องธารไหลตกรถ ยิ่งมันเมาไม่ได้สติแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่ต้องถามถึงความเสี่ยงที่จะตกรถเลย ร่วงแน่ๆ

ผมก็เลยให้จอมแก่นกับโรมแบกธารไปขึ้นรถผมแทน แล้วก็ให้คนอื่นๆ พากั้งกับยีนส์กลับ จอมแก่นบอกว่าไม่มีปัญหา ร้านเลิกตอนเที่ยงคืนพอดี จะขอให้พี่จอมแสบไปส่ง ผมก็เลยพาธารกลับมาที่หอตามลำพัง



กลับมาถึงหอ กว่าจะแบกมันที่ไร้สติสัมปชัญญะขึ้นมาถึงห้องได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ ไขประตูห้องมันเข้าไปเรียบร้อย ผมก็โยนมันลงบนเตียงทันที พลันทรุดตัวนั่งหายใจหอบอยู่ปลายเตียง เริ่มหายเหนื่อยถึงได้ตัดสินใจลุกขึ้นไปค้นผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้าไปชุบน้ำ เอามาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เด็กนั่น

หากแต่ระหว่างที่ผมเช็ดหน้าให้ธารอยู่ จู่ๆ มันก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี
“ระ...รู้สึกตัวแล้วเหรอครับ” ผมทักออกไปแก้ตกใจ

มันเอาแต่จ้องหน้าผมเขม็ง ไม่พูดอะไร ซ้ำยังดูไม่เหมือนคนเมาแบบไร้สติก่อนหน้าอีก ดูคล้ายกับว่าเมาในระดับหนึ่งเฉยๆ
ผมก็ประมาณไม่ได้หรอกว่ามันเมาในระดับไหน รู้อย่างเดียวตอนนี้คือสายตาที่มันจับจ้องผมน่ากลัวโคตร จ้องเขม็งราวกับอีกไม่นานจะฆ่าผมแล้ว ผมเลยรีบผละออกจากมันทันใด

“เดี๋ยวพี่เหนือไปซักผ้าเช็ดตัวก่อนเนอะ เหม็นกลิ่นเหล้าหมดแล้ว” อ้างด้วย ทำท่าจะลุกจากเตียงอีก

ทว่าก็โดนเด็กนั่นคว้าข้อมือไว้ แล้วกระชากให้นั่งลงมาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ตกอยู่ในสภาพนี้ ผมก็ใจหายวาบ ยิ่งเห็นมันลุกขึ้นมาตวาดผมเสียงดัง ผมก็รู้เลยว่าถึงเวลาชำระโทษแล้ว

“พี่จะไปยุ่งกับพี่ดื้ออีกทำไม เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าไปยุ่ง!”
นะ...นั่นไง มันโกรธที่ผมบอกว่าจะไม่ยุ่งกับพี่จอมดื้อแต่ดันไปยุ่งจริงๆ ด้วย

แถมมันตวาดยังไม่พอ ผลักผมลงบนเตียงอีก ร้ายกว่านั้นคือกระโจนขึ้นมานั่งทับผมไว้ด้วย มือทั้งสองข้างก็รั้งข้อมือผมเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน

สภาพในตอนนี้บอกเลย...ล่อแหลมโคตรๆ

“เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าไปยุ่งกับพี่ดื้ออีก จะอยู่ที่นี่ไม่เป็นสุข ทำไมไม่ฟังฮะ!” ตะคอกมาอีกให้ผมได้สะดุ้ง

ระ...หรือว่ามันจะคิดฆ่าผมวะ
มึงจะห่วงไอ้เวรพี่ดื้อมากไปแล้ว! คือกูไม่ได้เป็นคนไปยุ่งมั้ย ไอ้เวรนั่นมายุ่งกับกูเองต่างหาก!

ผมจะแก้ตัว แต่เห็นสภาพมันที่ดูโกรธมาก ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เลยถูกมันตะคอกใส่อีก
“บอกแล้วใช่มั้ย! ไปยุ่งอีกทำไม!”
“น้องธาร! เดี๋ยว!”

จากที่คิดว่าควรเงียบแล้วรอให้มันใจเย็นก่อน ตอนนี้รอไม่ไหวละ ตกใจสุดแรงเกิดเมื่อมันออกแรงกดผมลงกับเตียงมากขึ้น ปากร้องห้ามมันโดยอัตโนมัติ ดันมันออกแรงเท่าที่พละกำลังตัวเองมี แต่ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแรงมันเยอะกว่าผมมาก ตัวก็ใหญ่กว่า แค่นี้ผมก็ไม่มีแรงขัดขืนแล้ว

“น้องธาร... ตั้งสติก่อนนะครับ” ในเมื่อสู้ไม่ได้ ผมเลยร้องเตือนสติไปด้วยสีหน้าตื่นๆ

ทว่าธารใจคงไม่มีสติแล้วล่ะ จ้องตาผมด้วยดวงตาแข็งกร้าว หายใจแรงราวกับโกรธอย่างถึงที่สุดจนผมเสียวสันหลังวาบด้วยไม่เคยเห็นสีหน้ากราดเกรี้ยวอย่างนี้มาก่อน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ มันก็ตะคอกขึ้นมาเสียงลั่น

“ถ้าพี่ชอบผม ก็มองแต่ผมคนเดียวสิวะ! จะไปยุ่งกับพี่ดื้ออีกทำไม!?”

จากที่กลัวอยู่ ตอนนี้เหวอรับประทาน ผมมองหน้าธารประหนึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจอะไรๆ ได้

อ๋อ ที่มันทำท่าเหมือนหมาบ้าอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะผมไปยุ่งกับพี่ดื้อแล้วไม่รักษาสัญญากับมัน แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ต่างหาก... แหมๆ หึงพี่เหนือล่ะสิ ชอบเค้าก็ไม่บอก เล่นตัวอยู่ได้

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาดีใจที่มันหึงหวงหรือเปล่าวะ ควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยในสวัสดิภาพชีวิตตัวเองดีกว่ากว่ามั้ย และสิ่งสำคัญที่มันควรรู้และกูควรจะย้ำอีกครั้งก็คือ...

กูไม่ได้ไปยุ่งกับพี่จอมดื้อเว้ย รายนั้นมายุ่งกับกูเอง! ไอ้ที่มึงเห็นน่ะ มันบังคับกูเว้ย

อ่านปากแสงเหนือนะครับ... ไอ้-เวร-พี่-ดื้อ-มัน-บัง-คับ!

ผมเลยรีบอ้าปากจะอธิบายก่อนที่มันจะได้ทำอะไรๆ ไม่คาดคิดขึ้นมา หากแต่ไม่ทันจะได้พูด มันก็แทรกขึ้นมาก่อนแล้ว
“ถ้าพี่ชอบผม... ก็มองแต่ผมคนเดียวไม่ได้หรือไง”

คราวนี้ไม่ได้ตะคอกหรือตวาด แต่เป็นการกระซิบเสียงแผ่วราวกับขอร้อง ดวงตาแข็งกร้าวก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาตัดพ้อ ซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ จนผมรู้สึกว่ามันไม่ปกติ

“น้องธาร...” เรียกมันอีกสักหน่อยแล้วกันเผื่อว่ามันจะรู้ตัวว่ากำลังจะทำอะไร
แต่ไอ้น้องธารมันไม่ฟังแล้ว แค่สิ้นเสียงผมเท่านั้น มันก็ประทับจูบลงมาบนริมฝีปากผมแล้ว ผมถึงกับเบิกตาโพลงที่จู่ๆ ก็ได้ก็โดนแบบไม่ทันตั้งตัว ซ้ำยังไม่ใช่จูบธรรมดา

นะ...นี่มัน...ดะ...ดีพคิส!

อะ...ไอ้เหนือ! ฟินไปสามโลกแปดโลก!

ดีพคิสมาก็ดีพคิสกลับ ไม่โกง หากแต่พอผมจูบตอบเท่านั้น ธารก็บดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วงจนผมหายใจไม่ออก ซ้ำยังเจ็บแปลบขึ้นมาที่ริมฝีปากนิดๆ อีกด้วย แล้วมันก็ทำให้ผมแทบขาดอากาศหายใจเมื่อมันสอดปลายลิ้นนุ่มเข้ามาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ตักตวงทุกอย่างที่ผมมีราวกับจะสูบให้แห้งกรอบยังไงยังงั้น

อื้อหือ... รู้เลยตอนนี้ว่าไอ้เด็กนี่มันไม่ธรรมดา ใครว่ามันใสๆ บอกเลย...ไสๆ

ไสหัวไปซุกไซ้ซอกคอพี่เหนือหน่อยซิ!

ยอมนอนนิ่งให้มันจูบอย่างไม่ขัดขืนเลย อูย... เอาอีก... เอามาอีก มีอะไร จัดมาให้หมด!

ร้องขอในใจ มันก็จัดให้ราวกับอ่านใจออก แค่ผมคิดจบไปครู่เดียว มันก็ผละริมฝีปากออกมามองหน้าผม ปรือตามองพลางกระซิบเสียงพร่า

“พี่เหนือจะมองแต่ธารคนเดียวได้มั้ย”
ระ...เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ...
ระทวย... อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว

เอาเลยจ้า อยากได้อะไรก็บอกพี่เหนือนะ เดี๋ยวพี่เหนือจัดการให้ จะเปย์ให้ทุกอย่างเลย มีบ้านขายบ้าน มีรถคือขายรถ แค่ตอนนี้ก็ขายไร่อ้อยทิ้งไปเปย์ให้หมดแล้วเนี่ย

ผมพยักหน้ารัวๆ จนคอแทบหัก อันที่จริงผมก็มองแต่มันอยู่แล้ว ในสายตาผมไม่มีใครเลยตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบมันจริงๆ แต่มันมองหรือเปล่าก็ไม่รู้เถอะว่าผมพยักหน้าตอบรับมันเมื่อกี้ เพราะพอมันพูดจบ มันก็เลื่อนมือที่ตรึงข้อมือผมอยู่ออก เปลี่ยนมาลากลูบบนเสื้อเชิ้ตผมแทน ก่อนจะกระชากสาบเสื้อออกจากกันจนกระดุมกระเด็นไปคนละทิศละทาง ซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอ พรมจูบไล้ไล่ต่ำลงไปจนถึงไหปลาร้า ทำเอาผมเกร็งตัวแข็งราวกับเป็นคนใสๆ ก็ไม่ปานทั้งที่ผ่านศึกมานักต่อนักแล้ว

“พี่เหนือ... มองแต่ธารนะ อย่าไปยุ่งกับใคร ธารขอ” ครางขึ้นมาอีก แล้วก็ฝังเขี้ยวลงบนไหปลาร้าข้างหนึ่งของผมอย่างแรงให้ผมสะดุ้งเฮือก

ฟิฟ...ฟิฟตี้เฉด ออฟ น้องธารของจริงมาแล้ว!

ทำตัวต่อไม่ถูกเลย ในหัวสับสนไปหมดว่าควรให้มันทำต่อมั้ย หรือควรจะห้ามดี แต่ระหว่างคิดนี่ก็คือปล่อยให้มันทำตามใจไปก่อน

ตะ...แต่ก็ต้องห้ามสินะ ผมยังอยู่ในสถานะอาจารย์ฝึกสอนนี่หว่า ถึงอีกสองอาทิตย์จะฝึกงานเสร็จก็ตาม แต่พูดตรงๆ คือถ้าจะห้าม ก็ขอให้ได้ให้โดนสักหน่อยเถอะวะ โอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆ

ขอเหนือฟินสักวิสองวิก็ยังดี...

ผมก็เลยปล่อยให้ริมฝีปากหนานั่นโล้มไล้ซอกคอตัวเองพักหนึ่ง แต่ก็ปล่อยให้มันพรมจูบได้ไม่นานก็ต้องร้องห้ามเมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มอยู่ไม่สุข วางนาบลงมาบนตุ่มไตที่หน้าอกข้างหนึ่งพลางบดเบียด ขณะที่มืออีกข้างของมันลูบต่ำลงไปใต้ท้องน้อยจนเกือบจะหายเข้าไปในขอบกางเกงผม

ดะ...เดี๋ยวไอ้น้องธาร! นี่มึงเอาจริงใช่มั้ยเนี่ย ตอนแรกกูก็นึกว่าเล่นๆ เหมือนกับที่เคยดูดคอครั้งก่อนโน้น! มาแบบนี้ กูยังไม่ได้เตรียมใจนะเว้ย!

“น้องธาร! สติ!” ผมลุกพรวด รีบคว้ามือมันทั้งสองข้างก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้

ตอนนี้ไอ้จากที่อยากได้อยากโดน เห็นมันทำท่าแปลกๆ จู่ๆ ก็เป็นฝ่ายบุกผมเอง ผมก็ไม่อยากได้ละ แม่ง เอาจริงแบบจริงจังมาก ถ้าปล่อยให้มันทำ คือได้เสียเป็นผัวเมียกันแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ

ธารมองหน้าผมด้วยสายตาขุ่นๆ สะบัดมือผมออกแล้วจับมาตรึงไว้บนฟูกอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้ตรึงมือฝ่ามือ ตรึงด้วยหัวเข่า ขณะที่มันใช้มือทั้งสองข้างปลดตะขอกางเกงตัวเอง ดึงกางเกงตัวนอกร่นไปอยู่ที่หัวเข่า เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์บางๆ ที่แทบจะปิดอะไรต่อมิอะไรไม่ได้ใน ณ เวลานี้

อะ...ไอ้น้องธาร! มึงจะมาขายมะเขือยาวหน้าด้านๆ แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย! กูยังไม่ได้ตั้งสติ ที่สำคัญคือกูยังไม่ได้ล้างตู้เย็น! มึงหยุดเดี๋ยวนี้!

“น้องธาร หยุดก่อน!”
ผมพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ด้วยตระหนักได้ถึงผลเสียที่จะตามมาอีกหลายข้อ

หนึ่งเลยคืออย่างที่บอกว่าตู้เย็นยังไม่ได้ล้าง พรวดพราดปล่อยให้มันทำตามใจแบบไม่คิด เดี๋ยวได้เกิดโศกนาฏกรรม

สองคือผมยังอยู่ในสถานะอาจารย์ฝึกสอน มาเผลอตัวเผลอใจกับลูกศิษย์ตัวเองอย่างนี้ ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องสมควร ยิ่งถ้าคนอื่นรู้ คนที่ซวยก็คือผม

และสามซึ่งอิงมาจากข้อสอง ถ้าคนอื่นรู้ ก็หมายความว่าอาจารย์ผู้ดูแลการฝึกงานก็จะรู้ไปด้วย คราวนี้แหละไอ้ที่อยากจะเรียนจบพร้อมเพื่อนก็จะไม่จบละ เผลอๆ จะโดนทำโทษตามวินัยด้วย อย่างดีก็พักการเรียน อย่างร้ายก็โดนไล่ออกทั้งที่เกือบจะจบ

แล้วใครมันจะไปยอมตัดอนาคตตัวเองอย่างนั้นเล่า! ถึงจะอยากกินไอ้เด็กนี่มากแค่ไหน แต่ถ้าผลเสียมันเยอะกว่าผลดีก็ควรจะอดใจไว้หรือเปล่าวะ!?

ทว่ามาถึงขั้นถอดกางเกงแล้ว ใครมันจะหยุดกัน แค่ผมแหกปาก ทำท่าจะลุก ธารก็ผลักผมลงนอนอีกครั้ง บดจูบลงมาบนเรียวปากอย่างหนักหน่วงราวกับบอกว่า ‘ยังไงก็ไม่ปล่อย เป็นตายร้ายดีก็ไม่ปล่อย’

ไอ้จูบน่ะมันก็ดี อยากจะจูบด้วยอยู่นานแล้วเหมือนกัน แต่มันต้องไม่ใช่ตอนที่มึงเมาเสียสติแล้วปล้ำกูแบบหน้ามืดตามัวอย่างนี้สิเว้ย!

ในหัวผมคิดเป็นพัลวันว่าควรจะทำยังไงเพื่อหยุดมันดี ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้
“นะ...น้องธารมีถุงยางมั้ยครับ เจลหล่อลื่นด้วย! ของสำคัญ ต้องใช้ๆ!”

ได้ผลแฮะ ธารเบรคจึ้ก ละจากริมฝีปากผมมามองหน้าอย่างงุนงง แต่ผมไม่มีอารมณ์จะมาอธิบายให้มันฟังแล้วว่าทำไมต้องใช้ ได้แต่พูดอย่างรนๆ
“จำเป็นต้องใช้นะ อันนี้สำคัญ ทำเลยไม่ได้ เดี๋ยวพัง”

พังแน่นอน ห้องเครื่องกูเนี่ยจะพังเอา!

ธารนิ่งไปนิดแล้วส่ายหน้า ผมเลยสบโอกาส ดันมันออกจากตัว กระเด้งลงไปยืนบนพื้นทันใด
“งั้นพี่เหนือวิ่งไปซื้อก่อนนะครับ เดี๋ยวมานะ”
พูดจบก็วิ่งพรวดออกจากห้องไปเลย ตรงไปสงบจิตสงบใจที่ร้านสะดวกซื้อ แม้จะถูกสายตาพนักงานมองแปลกๆ ที่ใส่เสื้อกระดุมไม่มีเดินวนเล่นรอบร้านอยู่นานสองนาน แต่ผมไม่ได้สนใจด้วยในหัวเอาแต่ขบคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
ควรจะให้มันกินเลยดีมั้ย หรือว่าควรจะอดใจไว้ก่อนดี

ขบคิดเรื่องนี้แหละ ก็โอกาสจะได้จะโดนมาแล้วนี่หว่า จะปล่อยไปก็เสียดาย
แต่สุดท้ายผมก็ต้องตัดใจด้วยฝั่งดีในหัวเอาชนะฝั่งชั่วได้

ทว่า... ตอนจะเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ
แวะเคาน์เตอร์สักหน่อย มองซ้าย มองขวา เอื้อมมือไปหยิบกล่องเล็กๆ กับขวดพลาสติกทรงเรียวบรรจุน้ำสีใสที่วางอยู่หน้าเคาน์เตอร์ไปจ่ายตังค์ ส่งซิกให้พนักงานรีบคิดเงิน ยัดใส่ถุงพลาสติกสีขุ่น แล้วรีบเดินออกจากร้าน

ของที่ว่า...ยี่ห้อดูเร็กซ์



 
กลับมาถึงหอ ไอ้ที่ว่าจะไม่เอาๆ ก็กลายเป็นว่าจะเอาๆ อีกละ ยิ่งมีอุปกรณ์ที่ต้องการอยู่ในมือด้วยแล้ว ยังไงก็ต้องทำวะ เดี๋ยวเสียเงินซื้อฟรี แล้วไอ้เรื่องล้างตู้เย็น... ไม่เกินสิบนาทีก็น่าจะเสร็จ

ผมเลยเดินกลับเข้ามาในห้องไอ้เด็กธารด้วยความฮึกเหิม ทว่าจินตนาการลามกของผมก็ต้องดับวูบลงทันทีที่เห็นว่าคนที่คึกเป็นม้าก่อนหน้าฟุบหน้าลงกับหมอน หลับคร่อกไปแล้ว

อะ...ไอ้เด็กเวร! มึงจะมาดับฝันกูอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!

ผมนี่ปรี่เข้าไปจะไปเขย่าปลุกมันเลย หากแต่พอทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง เอื้อมมือไปแตะข้างแก้มมัน ทำท่าจะร้องเรียกเท่านั้น มือใหญ่ก็คว้ามือผมหมับ ทำเอาผมตกใจเล็กน้อย แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่านั่นคือการละเม

“พี่เหนือ...” ละเมอเรียกชื่อผมด้วย ชื่นใจสุดๆ

ชื่นใจยิ่งกว่าเพราะธารไม่ได้หยุดพึมพำแค่นี้ ยังพึมพำออกมาอีกระลอกหนึ่งให้ผมใจเต้นแรง
“มองแต่ธารนะครับ... มองแต่ธารนะ...”

นะ...น่าร้าก! ไม่ให้มองน้องธารแล้วจะให้มองใครล่ะครับ
ลักหลับได้มั้ย แต่อายุสิบเก้านี่ พี่เหนือหนีคุกไม่พ้นแฮะ

ห้ามใจใครไม่ลำบากเท่าห้ามใจตัวเอง มือนี่จะเลื่อนไปถอดกางเกงบ็อกเซอร์ไอ้เด็กนี่ให้ได้ นานทีเดียวกว่าผมจะหายหื่นแล้วนั่งนิ่งๆ หยุดคิดถึงสวนมะเขือยาวน้องธารได้

โอ้โห หื่นจนเหงื่อแตกพลั่ก

หันไปมองเด็กนั่นที่หลับปุ๋ยแล้วก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมา

มึงนี่มันชอบมาทำให้อยากแล้วจากไปจริง! อย่างนี้ต้องเอาคืน!

คิดแผนชั่วได้ขึ้นมาเลย ก่อนจะยิ้มเผล่แล้วจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองให้เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์ ล้มตัวลงนอนข้างเด็กนั่น สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มพลันตวัดแขนกอดมันแน่น

คอยดูเถอะไอ้น้องธาร เล่นมาแกล้งกันแบบนี้ ต้องเจอเอาคืนชุดใหญ่

จะเอาให้ต้องรับผิดชอบพี่เหนือไปทั้งชีวิตเลย...
-----------------------------------------------
บอกแล้วว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจน้องธาร น้องมันเป็นคนใสๆ (หรือจะไสๆ ...ไสหัวไปจัดให้พี่เหนือสักดอกซิ หมั่นไส้นาง 555)
ถึงพี่เหนือจะอดถูกเด็กกิน แต่ตอนนี้น้องธารก็เริ่มเผยความในใจออกมาแล้วนะ ตอนหน้านี่กระซิบบอกไว้เลยว่าเตรียมหมอนใบใหม่มาให้ดีๆ งานจิกหมอนกว่านี้จะมาแล้วล่ะ น้องธารนี่ได้ไต่ขึ้นแท่นเป็นสามีแห่งชาติแน่นอน อิอิ
ไว้พรุ่งนี้จะอัพตัวอย่าง ชั่งใจ ครั้งที่ 16 ให้นะคะ
อย่าลืมฝากฟีดแบ็กกันด้วยน้า ^^

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 27-03-2016 20:49:59
 :z1: มาต่อเร็วๆ นะค้าฟ ฟินกันเลยทีเดียว  :m25:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 27-03-2016 21:02:59
 :haun4: : :mew4: :katai2-1:hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 27-03-2016 21:08:23
น้องธารตอนนี้ไสๆมากบอกเลย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 27-03-2016 21:33:41
น้องธารน่ารักมากกก เป็นพระเอกที่น่ารักที่สุดดด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: retrot ที่ 27-03-2016 21:47:06
น้องธารน่ารักกกกก เหมือนที่ยีนบอกเลยค่ะ
เสียดายธารที่ต้องมาได้กับพี่เหนือ // โดนเหนือตบ >__<
จะรอต่อไปนะคะ  :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 27-03-2016 22:10:50
โอ้ยยยยย น้องแทนตัวเองว่าธารอย่างงั้น ธารอย่างงี้
ขุ่นป้าอ่านแล้วใจละลายยยย
น่ารักเกินไปแล้วว ขอได้มั้ยน้องคนนี้ ป้าอยากได้อยากโดน >////<
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-03-2016 22:24:50
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์  สนุก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 27-03-2016 22:33:57
ธารใจนายแซ่บมากตอนนี้!! เกือบได้ละพี่เหนือ 555
หืมม อะไรนะ? ตอนหน้าฟินกว่านี้? //ไปซื้อหมอนใหม่ก่อน

#น้องธารคนใส?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-03-2016 00:17:07
แกล้งธาร เดี๋ยวก็โกนธหรอกพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-03-2016 00:27:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-03-2016 01:02:30
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 28-03-2016 01:41:00
พี่เหนือจะจัดฉากว่าโดนปล้ำละให้พระเอกรับผิดชอบบบบ!??

นี่มันบทนางร้ายละครช่อง7ยุคดึกดำบรรพ์เลยนะค้าาาา 55555

เกือบได้เกือบโดนละะ น้องธารหึง+เมาจนหน้ามืด หรือเก็บกด

จริงๆอยากทำมานานแล้วใช่มั้ยแต่ซึนนน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-03-2016 12:46:35
นั่นงะ!! สวรรค์อิเหนือล่มจริงๆ ฮาาาา สะใจวุ้ยยยย  แสงเหนือโหหหห ไหนว่า pro งะ ไม่พร้อมเลอ ตู้ยงตู้เย็นนี่ต้องหมั่นล้าง 3 เวลาหลังอาหาร เตรียมพร้อมไว้ไม่ใช่เหรอแก ฮาาาาา // ได้ข่าวตอนหน้านางจะสมหวัง หวังว่าคงไม่ใช่ พอเช้าน้องธารตื่นขึ้นมากำผัาห่มแล้วร้องไห้นะ โอ๊ยยยไม่อยากมโนอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 28-03-2016 13:08:50
ฮ่าๆๆๆ มันฮาตรงกลับมาแล้วธารหลับ   :m20:

เอานะ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน 5555555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-03-2016 13:10:02
อุ่ย...

ว่าแต่ตอนนี้น้องธารน่าร๊ากก ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-03-2016 13:12:28
น้องธารออกอาการหึงแบบนี้ เข้าทางพี่เหนือ
น้องธารสงสัยจะได้แรด เอ้ย เมียตอนเมา อิอิ

ปล. พี่เหนือก็ยังเป็นพี่เหนือจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-03-2016 13:54:21
บอกไม่ได้ๆแต่วิ่งลงไปซื้อถุงยางกับเจลคืออะไรพี่เหนือ!?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่15♦P.12♦27/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 28-03-2016 14:04:39
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 16
ตอนนี้เลือกไม่ถูกเลยว่าจะตัดฉากไหนมาให้อ่านเป็นตัวอย่าง ชอบหลายฉาก แต่เอาฉากนี้แล้วกัน รู้สึกถึงความหื่นของพี่เหนือกับความใสๆ ของน้องธารดี 555
ตอนเต็มๆ มาอีกทีประมาณวันพุธ ไม่ก็พฤหัสอาทิตย์นี้นะคะ ขอเวลาให้หนูแดงไปทำภารกิจระดับชาติก่อน เดี๋ยวหนังสือจะเสร็จไม่ทันกำหนดการเดิม ใจร่มๆ กันก่อนนะ เก๊ามาอัพจนจบแน่นอน
---------------------------------------------------------

“พี่เหนือบอกแล้วว่าพี่เหนือน่ะสะอาด ปลอดภัย ถูกหลักอนามัย ไม่เป็นอะไรอย่างที่น้องธารคิดหรอกครับ” ผมว่าเสียงขุ่น อยากจะเติมต่อท้ายไปด้วยว่า ‘อร่อยและแซ่บ’ แต่เห็นหน้าบูดๆ ของเด็กนั่นที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วก็หมดอารมณ์

มันเองก็คงหมดอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับผมเหมือนกัน แถมยังกังวลไม่เลิก ถามกลับมาไม่หยุด
“ซิฟิลิส หนองใน โรคติดต่อทางเพศอะไรก็ไม่เคยเป็นใช่มั้ย”
“ไม่เคยเป็นครับ” ผมกระชากเสียงในท้ายประโยคนิดหน่อย ชักรำคาญมันขึ้นมาละ

เห็นผมเป็นคนยังไงวะไอ้เด็กนี่ ถึงเมื่อก่อนจะเคยมั่ว แต่ก็เซฟเซ็กส์นะเว้ย!

การยืนยันของผมทำให้ธารมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น มันยกมือลูบหน้าตัวเอง คงจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกล่ะมั้ง ผมก็เลยไม่ได้สนใจ ตั้งใจว่าจะขอมันกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง ทว่ามันก็ทำให้ผมต้องยุติความคิดนั้นเมื่อเห็นมันตบที่ว่างข้างมันบนเตียงเรียกผม

“พี่เหนือมานั่งนี่หน่อย”
“ทำไมครับ” ผมเลิกคิ้วสูง
“มีเรื่องอยากถาม”

ผมเลยเดินไปนั่ง นั่งได้แล้ว ธารก็เงียบอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเอ่ยปากออกมา
“เมื่อคืน... ผมกับพี่ทำอะไรกันบ้าง” ถามไปก็ก้มหน้างุดไป หน้าแดงเรื่อขึ้นมาด้วย
“จำไม่ได้เหรอครับ” ผมลองแกล้งถามดู
ธารเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ว่าเสียงเบา “คลับคล้ายคลับคลา แต่ไม่ชัดเจน”

อ๋อ อยากให้ลงรายละเอียดนี่เอง งั้นเดี๋ยวพี่เหนือจัดให้

“ก็ทำไม่เยอะครับ แค่น้องธารกดพี่เหนือลงนอนบนเตียง แก้ผ้าพี่เหนือ แล้วก็ซุกไซ้ซอกคอ ขบเม้มติ่งหู ประกบปากจูบอย่างดูดดื่มจนพี่เหนือระทวย พยายามจะล้วงเข้าไปในกางเกงพี่เหนือ แล้วก็ถอดกางเกงตัวเอง ขายมะเขือยาว เสร็จแล้วก็...”
“พอ! ไม่ต้องพูดแล้ว” ฟังยังไม่ทันจบเลย ธารก็โวยวายเสียงดัง หน้านี่แดงไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ

ผมถึงกับหลุดหัวเราะที่เห็นท่าทางแบบนั้น
เด็กนี่มันเด็กน้อยจริงๆ เลยแฮะ เห็นแล้วก็อยากแกล้งอีกชะมัด

“แล้ว... ทำไมถึงไม่ได้กัน”
ระหว่างที่ผมคิดหาเรื่องแกล้งอีก ธารก็โพล่งขึ้นมาเสียงแผ่ว คราวนี้เหลือบมองผมด้วยสายตาสับสน เห็นแล้วก็สงสารมันขึ้นมา อารมณ์แบบวัยรุ่นว้าวุ่นมาก มันคงสับสนที่จู่ๆ มันก็ทำอะไรแบบนี้กับผมโดยที่ไม่ทันตั้งตัวล่ะมั้ง
 “ก็พี่เหนือไม่พร้อม”
“ทำไมไม่พร้อม” ถามกลับมาอีก
ผมมองหน้ามันที่ต้องการคำตอบแล้วก็ยิ้มน้อยๆ
“พี่เหนือไม่ได้ล้างตู้เย็นครับ”
“ล้างตู้เย็น?” หน้าตานี่งงหนักกว่าเดิมอีก

กูต้องมานั่งอธิบายให้มึงฟังด้วยใช่มั้ยว่าล้างตู้เย็นคืออะไรน่ะฮะไอ้เด็กธาร!

สูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างระอาใจ น้องธารใสๆ เกินไปจนละเหี่ย แต่สุดท้ายก็ต้องอธิบายออกมา
เอาวะ อธิบายให้มันฟังหน่อยแล้วกัน จะได้สบายใจ อีกอย่างมันโตขนาดนี้แล้วด้วย พูดไปก็คงไม่เป็นอะไร

คลาสวิชาเพศศึกษาเพื่อชาวสีรุ้ง โดยอาจารย์พี่เหนือ ณ แสงเหนืออะคาเดมีเริ่มได้!

“ล้างตู้เย็นมันเป็นศัพท์ของพวกอย่างพี่เหนือน่ะครับ ใช้กันกับเฉพาะฝ่ายรับ คือการทำความสะอาดก่อนมีเพศสัมพันธ์น่ะ อย่างที่รู้กันว่าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันมันไม่เหมือนระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ดังนั้นเรื่องความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มีโศกนาฏกรรมแน่นอน ส่วนวิธีการทำความสะอาดมันก็มีหลายวิธี วิธีแรกก็อดอาหารอย่างน้อยหกชั่วโมง จากนั้นก็เข้าห้องน้ำไป...”
“พะ...พอ! เข้าใจแล้ว ไม่ต้องอธิบาย!” ธารก็ทำหน้าแหยขึ้นมา ยกมือขึ้นเป็นเชิงให้ผมหยุดอธิบายต่อ

โถ นึกว่าจะแน่ นี่เพิ่งจะอินโทรคลาสเองนะ ยังไม่ทันได้เข้าบทเรียนแรกก็ใจฝ่อซะละ

ผมเลยจะจบคลาสแต่เพียงเท่านี้ ทว่าน้องธารเหมือนจะยังอยากรู้ไม่เลิก เพียงแค่อยากรู้เรื่องอื่นเท่านั้น
“พี่บอกว่าไม่พร้อม แล้วพี่ซื้อถุงยางกับเจลหล่อลื่นมาทำไม” ว่าพลางชำเลืองไปมองของที่ผมซื้อมาซึ่งวางอยู่บนหัวเตียง
“อ๋อ ก็เอามาใช้ เผื่อว่าจะเผลอตัวเผลอใจให้น้องธารอีกน่ะ”
“ปากก็บอกว่าไม่พร้อม แม่งซื้อของมาเตรียมแบบนี้ โคตรจะไม่พร้อมเลย” มันพึมพำประชดประชันออกมาให้ผมได้หัวเราะ
“ถามอีกเรื่องได้มั้ย”
ผมหยุดหัวเราะ พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงให้มันพูด ธารเงียบอยู่นานทีเดียว กว่าจะปริปากออกมา
“เวลาผู้ชายกับผู้ชายทำกัน...เอ่อ...ทะ...ทำยังไง ทำไมต้องใช้อุปกรณ์เยอะแยะ”

อื้อหือ ถามตรงมาก คลาสเรียนวิชาเพศศึกษาโดยอาจารย์พี่เหนือคลาสที่สองเริ่มได้!

“มันก็ไม่ยากนะครับ แต่ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์ของระหว่างเพศตรงข้าม คือที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ที่เอาไว้ทำเรื่องนั้นตามธรรมชาติเนอะ มันเลยต้องมีตัวช่วยหน่อย อย่างเจลหล่อลื่นเนี่ยก็เป็นตัวช่วยลดแรงเสียดทานให้ฝ่ายที่รับ ส่วนถุงยางก็เป็นตัวช่วยป้องกันให้กับฝ่ายที่รุก ไม่ใช่ป้องกันไม่ให้ผิดพลาดท้อง แต่เป็นไปเพื่อความสะอาด”

ไม่ต้องอธิบายเยอะ ธารก็เข้าใจ มันพยักหน้ารัวๆ หน้าก็แดงไปด้วย ผมเลยว่าจะหยุดอธิบายเพียงแค่นี้ หากแต่เด็กนี่เหมือนเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นเข้าไปใหญ่
“แค่นั้นเหรอ”
“จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่นั้น ใช่ว่าจะพรวดพราดเลยได้ ต้องมีจังหวะจะโคน”
“ยังไง”
ไม่รู้ว่าจะสาธยายขั้นตอนดีมั้ย แต่เห็นแววตาใสซื่อของมันแล้ว ผมก็อดไม่ได้ ต้องพูดออกมา
“คืองี้... สำหรับฝ่ายรุกน่ะไม่มีปัญหา แต่ฝ่ายรับต้องใช้เวลานิดนึง ไม่งั้นจะบาดเจ็บได้ มันก็แบบว่า...ต้องเปิดทางก่อน ใช้นิ้วค่อยๆ สอดไปขยายปากทางไรงี้ จนกว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นเริ่มคุ้นชินแล้วลดการหดเกร็งถึงจะเริ่มขั้นต่อไปได้"

อธิบายไปก็กระดากใจไป ไม่รู้เป็นไงมาไง การนั่งประจันหน้าคุยกับไอ้เด็กนี่ถึงได้กลายเป็นการสอนทฤษฎีวิชาเพศศึกษาแบบจริงจังซะได้

ไอ้เด็กธารมันก็คงจะกระดากใจเหมือนกัน ฟังผมอธิบายแล้วก็ทำหน้าตากระอักกระอ่วน เม้มปากแน่นไปครู่นึงแล้วเปล่งเสียงขึ้นมาเมื่อเห็นผมไม่พูดต่อ
"แล้วไงอีก"
"ก็ไม่แล้วไงครับ สอดใส่นิ้วเข้าไปเปิดทางเรียบร้อยก็ค่อยๆ ขยับเท่านั้น อย่างที่บอก ขยายช่องทางจนกว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะคุ้นชินแล้วลดการหดเกร็งไง"

ธารลอบเบ้หน้าออกมานิดนึง ผมสังเกตเห็นในตอนนี้ว่าใบหูทั้งสองข้างของมันแดงเรื่อนิดๆ จากที่กระดากใจที่ต้องมานั่งอธิบายปากเปียกปากแฉะเรื่องอย่างว่าสไตล์ชาวสีรุ้งกับมันเพราะมันใสๆ เกินจะเยียวยา ก็กลายเป็นว่าผมเริ่มสนุกขึ้นมาละ
นั่งอมยิ้ม พลางดูท่าทางขัดเขินของมันเพลินๆ ใจก็คิดหาเรื่องแกล้งฉับพลันด้วย ได้โอกาสตอนมันโพล่งขึ้นมาอีก

"แล้วหลังจากนั้นล่ะ"
"หลังจากนั้นก็ขยับนิ้ว...แล้วมันจะดังแจ๊ะๆ" ได้ทีผมก็เอาเลย
เด็กนั่นหูแดงแจ๋ ลามไปยังหน้าทันใด ก่อนจะส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้ผมพลางกดเสียงต่ำ
"พี่เหนือ"
"เอ้า ไม่ชอบเหรอครับ งั้นดังแจ๊บๆ ก็ได้"
"จะแจ๊ะๆ หรือแจ๊บๆ ก็ไม่ชอบทั้งนั้นเว้ย!"

มันถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ทันที ผิวเนื้อเริ่มแดงลามไปยังลำคอ
เห็นแล้วผมก็หัวเราะร่วน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันแล้วส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาอีก
"งั้นดัง...เจ๊าะแจ๊ะๆ"
"กวนตีน!" มันผลักหน้าผมออกสุดแรงเกิด

ผมนี่ผงะเกือบตกเตียง ตั้งหลักได้ก็ตั้งท่าจะอ้าปากด่ามันแล้วถ้าไม่เห็นว่ามันยกมือสองข้างขึ้นมาปิดหน้าแดงๆ ของมันไว้ด้วยเขินอายสุดกำลัง

"ทะ...ทุเรศชะมัด เสียงบ้าอะไรน่าเกลียดอย่างนั้นวะ" ว่าเสียงอู้อี้ตามมา
ส่วนผมก็ยิ้มเผล่

ถ้าไม่เชื่อก็ลองได้นะจ๊ะ ดูซิว่ามันจะดังแจ๊ะๆ แจ๊บๆ หรือเจ๊าะแจ๊ะๆ พี่เหนือยอมเป็นหนูทดลองให้แบบไม่มีเงื่อนไขเลย...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Zxjmm ที่ 28-03-2016 14:46:44
รอพี่เหนือกับน้องธารอยู่น้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-03-2016 15:54:05
5555555 โอ๊ยยยยย ขนาดอ่านตัวอย่าง ยังฮาขนาดนี้ ตายยๆๆๆๆๆ // น้องธารถ้าหนูจะศึกษาภาคทฤษฎีจริงจังขนาดนี้ แม่ว่าหนูไปไม่กลับแล้วนะลูกกกก // อิเหนือแกเอาน้ำมันพรายดีดใส่ลูกธารชั้นใช่ไหม ห๊ะ ตอบ!!!  // อิเหนือทำหน้าพริ้ม รอฟิน   :impress2:  :jul3:  :m20:  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-03-2016 16:01:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-03-2016 17:11:46
เหมาไร่อ้อย ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 28-03-2016 17:24:40
ไร่อ้อยขุ่นแม่นี่ปลูกประเทศไหนค่ะ ขึ้นได้ขึ้นดี แบบตัดหมดไร่แล้วก็ขึ้นไวขึ้นทน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 28-03-2016 17:34:44
พรีวิว ฮามากกกก 
ไม่รู้จะขำหรือสงสารน้องธารดี 555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 28-03-2016 18:28:26
ชอบง่าสาส
 :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-03-2016 02:03:51
ชั่งใจ ครั้งที่ 16: วิชาเพศศึกษา By อ.พี่เหนือ[1]

เหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์ยังไม่สาแก่ใจไอ้เหนือ ตื่นไปเข้าห้องน้ำกลางดึก ผมเลยจัดการถอดกางเกงบ็อกเซอร์น้องธารกับตัวเองด้วย แกะซองถุงยางอนามัยมาบ้วนน้ำลายใส่แล้วหย่อนลงข้างเตียงฝั่งที่ธารนอน ก่อนจะสอดตัวไปนอนใต้ผ้าห่ม คลุกวงในอุตลุต

แผนการนางร้ายจับพระเอกเหมือนในละครเด๊ะๆ แต่ไม่ใช่ ผมแค่จะแกล้งมันเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรมันด้วย แค่นอนข้างๆ มีตอนช่วงเช้าที่เด็กนั่นดิ้นมากอดผมตามปกติ

ตอนแรกก็ว่าจะไม่ฟินอยู่แล้วนะ แต่พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วเห็นสภาพตัวเองกับธารเนี่ย โอ้โห รู้เรื่อง

ศึกไก่ชนระหว่างไก่พี่เหนือกับไก่น้องธาร!

มุมน้ำเงิน ไก่ชนน้องธารชูคอชันพร้อมตีปีกพั่บๆ
มุมแดง ไก่ชนพี่เหนือเตรียมรอรับการจู่โจมจนแผงคอตั้ง

ฟินแรงมาก...

เห็นแล้วอยากจะจัดการฟาดงวงฟาดงาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่อดใจไว้ นอนนิ่งๆ รอให้มันตื่นมาเห็นวีรกรรมที่ผมสร้างอย่างใจจดใจจ่อ

ไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง เด็กนั่นก็เริ่มรู้สึกตัว มีเบ้หน้าเหยเกเล็กน้อยจากอาการแฮ้งค์ พร้อมกับปรือตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงผมที่ถูกมันกอดแน่นอยู่ร้องทัก

“อรุณสวัสดิ์ครับน้องธาร เอ๊ะ ไม่สิ ต้องสายัณห์สวัสดิ์ต่างหาก เที่ยงแล้วนี่เนอะ” ทำเป็นทักเสียงระรื่น ส่วนธารก็ย่นคิ้วยู่ทันทีที่สังเกตเห็นว่าผมไม่ได้ใส่เสื้อ
“พี่เหนือ...” ครางเรียกออกมาด้วย เริ่มคลายอ้อมแขนที่กอดผมละ
“อะไรเหรอครับ” ผมยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เผยอยิ้มแล้วถามกลับไป

ตอนนี้เองที่มันผละออกจากผมด้วยสีหน้าตื่นๆ คงจะตระหนักได้แล้วล่ะว่านอกจากผมที่ไม่ได้ใส่เสื้อ มันก็ไม่ได้ใส่เหมือนกัน ก่อนที่มันจะกระเด้งตัวถอยห่างจากผมมากกว่าเดิมเมื่อถลกผ้าห่มที่คลุมกายเราทั้งคู่ขึ้นแล้วเห็นว่าร่างกายเปลือยเปล่า เท่านั้นมันก็หายแฮ้งค์ กลายเป็นทำหน้าเหมือนเห็นผีแทน

“พี่เหนือ!” ตะโกนเรียกผมซะจนต้องยกมือปิดหู
“อะไรครับ โวยวายทำไมน้องธาร”
“นะ...นี่มันอะไร!?”

แม่ง ทำท่าเหมือนนางเอกละครที่เสียตัวให้พระเอกมาก ทั้งตกใจ ทั้งเหมือนจะร้องไห้ในคราวเดียว แต่ก็ดีแล้วล่ะ เข้าทางผมเลย

ได้เวลากูเอาคืนที่มาทำให้อยากแล้วจากไปละไอ้น้องธาร
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่นอนแก้ผ้าด้วยกัน”
“ไอ้นอนแก้ผ้าด้วยกันเนี่ย มันคืออะไร!?”

ตะโกนอยู่นั่น ตะโกนไม่หยุดจนผมต้องเบ้หน้า

ทำไมมึงเข้าใจอะไรยากงี้วะ!

“น้องธารคิดว่าคนที่จะมานอนแก้ผ้าด้วยกัน เค้าทำอะไรกันมาก่อนนอนล่ะครับ แค่นี้ไม่รู้เหรอ” ผมเลยยอกย้อนเข้าให้

ธารทำหน้าเหมือนโลกจะถล่มทันที ยกมือทั้งสองข้างขึ้นทึ้งหัว สลับกับเช็คร่างกายตัวเองไปมา ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อมันสังเกตเห็นถุงยางอนามัยที่ผมโยนทิ้งไว้เมื่อคืน

“ฉะ...ฉิบหายแล้ว!” มันโพล่งขึ้นมาสุดเสียง หน้าซีดเป็นไก่ต้ม
ผมนี่กลั้นหัวเราะจะเป็นจะตาย แต่ยังพอเก็บอารมณ์ได้ หยอกมันกลับไปไม่เลิก
“ฉิบหายอะไรครับ เมื่อคืนก็เห็นน้องธารชอบนี่ รุกพี่เหนือเอาๆ”

ตอนนี้ไม่ต้องอธิบายละว่าผมจัดฉากให้มันเข้าใจผิดว่าอะไร ธารมองหน้าผมอย่างตื่นๆ พลันกระเด้งตัวลงจากเตียง คว้าเสื้อผ้าตัวเองที่กองอยู่บนพื้นมาใส่ลวกๆ พลางตะเบ็งเสียงใส่ผมไปด้วย

“แต่งตัวเดี๋ยวนี้!”
“แต่งทำไมครับ เนื้อห่มเนื้อก็ดีอยู่แล้ว”
“มันใช่เวลามาเล่นมั้ยฮะ! แต่งตัว!” ธารตะคอกเอาๆ

ผมเลยถอนหายใจ ชักจะหมดสนุกละ อะไรของมันวะ แค่ตื่นมาเจอตัวเองนอนแก้ผ้าอยู่ข้างผม ทำไมต้องตกใจอะไรขนาดนี้ด้วย
แต่ผมก็ยังทำใจเย็นอยู่ ยกมือขึ้นเท้าหัว ตะแคงหน้าถามมันอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“แต่งทำไมล่ะครับ น้องธารจะพาพี่เหนือไปไหน”
“ไปโรง’บาล” มันตอบเร็วๆ ขณะที่คว้ากางเกงขึ้นสวมเป็นชิ้นสุดท้าย

ส่วนผมก็ย่นคิ้วไปแล้ว
“ไปโรง’บาลทำไม”
ตอนนี้มันหยุดกึก หันมาส่งสายตาเขียวๆ ให้ผม ก่อนจะตวาดตามมาอีกครั้ง
“ไปตรวจเอดส์ ลุก!”
ไอ้น้องธาร! กูไม่ได้เป็น!

กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว จะแก้ตัวก็ไม่ทัน ผมถูกไอ้เด็กนั่นลากลงจากเตียง คว้าเสื้อผ้ามายัดเยียดให้ใส่อีกต่างหาก แถมใส่ยังไม่ทันเสร็จ มันก็คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ ลากผมถูลู่ถูกังไปยังลานจอดรถ บิดคันเร่งชนิดหมาด่าพ่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ด้านหลังศูนย์การค้า

อธิบายหน่อยแล้วกันว่าในละแวกศูนย์การค้าที่ผมเช่าหออยู่เนี่ย มันแวดล้อมไปด้วยโรงพยาบาลทั้งของรัฐบาลและเอกชน ผมก็ถามมันนะว่าทำไมไม่ไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าศูนย์การค้า พาไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ด้านหลังทำไม มันตอบมาลวกๆ ว่าโรงพยาบาลรัฐมันช้า รอไม่ไหว เลยต้องไปเอกชนเพราะต้องการรู้ผลตรวจให้เร็วที่สุด

แต่กูไม่ได้เป็นมั้ยเอดส์น่ะ! ดูสภาพกูด้วย ขาวผ่องเป็นยองใยขนาดนี้ เอดส์บ้านป้ามึงสิไอ้ธาร!

ถึงอย่างนั้นก็ต้องตรวจ แต่ไม่ได้ตรวจเอดส์ เป็นการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งแน่นอนว่าออกมาเป็นเนกาทีฟ ไม่มีเชื้อใดๆ ในร่างกายผมทั้งสิ้น แล้วก็ยังต้องมาลำบากนั่งอธิบายให้มันฟังอีกว่าเอดส์เนี่ยจะเกิดขึ้นในกรณีที่ติดเชื้อเอชไอวีแล้วมีภาวะแทรกซ้อน มันก็ทำท่าไม่เชื่อจนต้องลากมันไปให้หมอกับพยาบาลอธิบายให้รู้แล้วรู้รอด ร้ายกว่านั้นคือไอ้ค่าตรวจน่ะ ผมก็ต้องออกเองด้วยเถอะ

มึงเป็นคนลากกูมาตรวจ ทำไมไม่จ่ายให้กูวะ!

แต่ก็ต้องยอมจ่ายโทษฐานเล่นพิเรนทร์จนเกือบทำมันหัวใจวายตาย กว่าจะกลับมาหออีกทีได้ก็เกือบเย็นอีกต่างหาก แล้วผมก็ต้องสารภาพกับมันว่าเมื่อคืนไม่ได้ทำอะไรกัน ถึงขนาดไปพิสูจน์ว่าของเหลวที่อยู่ในถุงยางน่ะคือน้ำลาย ไม่ใช่ธารใจน้อยที่ถูกฆาตกรรมหมู่กว่าพันล้านตัว ไม่งั้นมันก็จิตตกไม่เลิก

และเพราะผมสารภาพบาป ก็เลยโดนมันด่าไม่หยุด ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว มันยังด่าไม่เลิก แต่ผมก็ไม่ได้ฟังเท่าไหร่ มาแก้ต่างให้ตัวเองตอนที่มันนั่งอ่านใบยืนยันผลตรวจเลือดของผมอยู่บนเตียงกว่าหลายสิบนาที

“ไม่ได้เป็นก็คือไม่ได้เป็นครับ ผลตรวจไม่หลอกหรอก พี่เหนือน่ะสะอาด ปลอดภัย ถูกหลักอนามัย ไม่เป็นอะไรอย่างที่น้องธารคิด อย่าคิดมาก อีกอย่าง เมื่อคืนเราก็ไม่ได้กันสักหน่อย แค่แกล้งเล่นเฉยๆ” ผมว่าเสียงขุ่น อยากจะเติมต่อท้ายไปด้วยว่า ‘อร่อยและแซ่บ’ เข้าไปด้วย แต่เห็นหน้าบูดๆ ของเด็กนั่นที่ตวัดดวงตาดุดันมามองผม ผมก็เลยไม่พูดต่อ

มันเองก็คงหมดอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับผมเหมือนกัน แถมยังกังวลไม่เลิก วางผลตรวจเลือดได้ก็ถามเรื่องอื่นขึ้นมาแทนเพื่อความชัวร์
“ซิฟิลิส หนองใน โรคติดต่อทางเพศอะไรก็ไม่เคยเป็นใช่มั้ย”
“ไม่เคยเป็นครับ” ผมกระชากเสียงในท้ายประโยคนิดหน่อย ชักรำคาญมันขึ้นมาละ

เห็นกูเป็นคนยังไงวะไอ้เด็กนี่ ถึงเมื่อก่อนจะเคยมั่ว แต่ก็เซฟเซ็กส์นะเว้ย!กู ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่ากูผ่านการพาสเจอไรซ์มาแล้ว ถูกหลักอนามัยแน่นอน มึงอย่ามาทำเป็นขยาด!

การยืนยันของผมทำให้ธารมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น มันยกมือลูบหน้าตัวเอง คงจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกล่ะมั้ง ผมเลยไม่ได้สนใจ ตั้งใจว่าจะขอมันกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง ทว่ามันก็ทำให้ผมต้องยุติความคิดนั้นเมื่อเห็นมันตบที่ว่างข้างมันบนเตียงเรียกผม

“พี่เหนือมานั่งนี่หน่อย”
“ทำไมครับ” ผมเลิกคิ้วสูง
“มีเรื่องอยากถาม”

ผมเลยเดินไปนั่ง นั่งได้แล้ว ธารก็เงียบอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเอ่ยปากออกมา
“เมื่อคืนผมกับพี่ไม่ได้มีอะไรกันแน่นะ”
“แน่สิ”
“แต่ก็ถึงเนื้อถึงตัวกันใช่มั้ย”

ถามมาอย่างนี้ ผมก็พยักหน้า ธารนิ่งไปครู่ ก่อนถามออกมาอีก

“ผมกับพี่ทำอะไรกันบ้าง” คราวนี้ก้มหน้างุดไป หน้าแดงเรื่อขึ้นมาฉับพลันด้วย

แน่ะๆ ทำเป็นขยาดพี่เหนืออย่างโน้นอย่างนี้ จริงๆ ก็อยากทำกับพี่เหนือล่ะซี่
“จำไม่ได้เหรอครับ” ผมลองแกล้งถามดู
ธารเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ว่าเสียงเบา “คลับคล้ายคลับคลา แต่ไม่ชัดเจน”
อ๋อ อยากให้ลงรายละเอียดนี่เอง งั้นเดี๋ยวพี่เหนือจัดให้

“ก็ทำไม่เยอะครับ แค่น้องธารกดพี่เหนือลงนอนบนเตียง แก้ผ้าพี่เหนือ แล้วก็ซุกไซ้ซอกคอ ขบเม้มติ่งหู ประกบปากจูบอย่างดูดดื่มจนพี่เหนือระทวย พยายามจะล้วงเข้าไปในกางเกงพี่เหนือ แล้วก็ถอดกางเกงตัวเอง ขายมะเขือยาว เสร็จแล้วก็...”
“พอ! ไม่ต้องพูดแล้ว” ฟังยังไม่ทันจบเลย ธารก็โวยวายเสียงดัง หน้านี่แดงไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ
ผมถึงกับหลุดหัวเราะที่เห็นท่าทางแบบนั้น
เด็กนี่มันเด็กน้อยจริงๆ เลยแฮะ เห็นแล้วก็อยากแกล้งอีกชะมัด
“แล้ว... ทำไมถึงไม่ได้กัน”

ระหว่างที่ผมคิดหาเรื่องแกล้งอีก ธารก็โพล่งขึ้นมาเสียงแผ่ว คราวนี้เหลือบมองผมด้วยสายตาสับสน เห็นแล้วก็สงสารมันขึ้นมา อารมณ์แบบวัยรุ่นว้าวุ่นมาก มันคงสับสนที่จู่ๆ มันก็ทำอะไรแบบนี้กับผมโดยที่ไม่ทันตั้งตัวล่ะมั้ง

 “ก็พี่เหนือไม่พร้อม”
“ทำไมไม่พร้อม” ถามกลับมาอีก
ผมมองหน้ามันที่ต้องการคำตอบแล้วก็ยิ้มน้อยๆ
“พี่เหนือไม่ได้ล้างตู้เย็นครับ”
“ล้างตู้เย็น?” หน้าตานี่งงหนักกว่าเดิมอีก

กูต้องมานั่งอธิบายให้มึงฟังด้วยใช่มั้ยว่าล้างตู้เย็นคืออะไรน่ะฮะไอ้เด็กธาร!

สูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างระอาใจ น้องธารใสๆ เกินไปจนละเหี่ย แต่สุดท้ายก็ต้องอธิบายออกมา
เอาวะ อธิบายให้มันฟังหน่อยแล้วกัน จะได้สบายใจ อีกอย่างมันโตขนาดนี้แล้วด้วย พูดไปก็คงไม่เป็นอะไร
คลาสวิชาเพศศึกษาเพื่อชาวสีรุ้ง โดยอาจารย์พี่เหนือ ณ แสงเหนืออะคาเดมีเริ่มได้!

“ล้างตู้เย็นมันเป็นศัพท์ของพวกอย่างพี่เหนือน่ะครับ ใช้กันกับเฉพาะฝ่ายรับ คือการทำความสะอาดก่อนมีเพศสัมพันธ์น่ะ อย่างที่รู้กันว่าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันมันไม่เหมือนระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ดังนั้นเรื่องความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มีโศกนาฏกรรมแน่นอน ส่วนวิธีการทำความสะอาดมันก็มีหลายวิธี วิธีแรกก็อดอาหารอย่างน้อยหกชั่วโมง จากนั้นก็เข้าห้องน้ำไป...”
“พะ...พอ! เข้าใจแล้ว ไม่ต้องอธิบาย!” ธารก็ทำหน้าแหยขึ้นมา ยกมือขึ้นเป็นเชิงให้ผมหยุดอธิบายต่อ

โถ นึกว่าจะแน่ นี่เพิ่งจะอินโทรคลาสเองนะ ยังไม่ทันได้เข้าบทเรียนแรกก็ใจฝ่อซะละ

ผมเลยจะจบคลาสแต่เพียงเท่านี้ ทว่าน้องธารเหมือนจะยังอยากรู้ไม่เลิก เพียงแค่อยากรู้เรื่องอื่นเท่านั้น
“พี่บอกว่าไม่พร้อม แล้วพี่ซื้อถุงยางกับเจลหล่อลื่นมาทำไม” ว่าพลางชำเลืองไปมองของที่ผมซื้อมาซึ่งวางอยู่บนหัวเตียง
“อ๋อ ก็เอามาใช้ เผื่อว่าจะเผลอตัวเผลอใจให้น้องธารอีกน่ะ”
“ปากก็บอกว่าไม่พร้อม แม่งซื้อของมาเตรียมแบบนี้ โคตรจะไม่พร้อมเลย” มันพึมพำประชดประชันออกมาให้ผมได้หัวเราะ
“ถามอีกเรื่องได้มั้ย”
ผมหยุดหัวเราะ พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงให้มันพูด ธารเงียบอยู่นานทีเดียว กว่าจะปริปากออกมา
“เวลาผู้ชายกับผู้ชายทำกัน...เอ่อ...ทะ...ทำยังไง ทำไมต้องใช้อุปกรณ์เยอะแยะ”

อื้อหือ ถามตรงมาก คลาสเรียนวิชาเพศศึกษาโดยอาจารย์พี่เหนือคลาสที่สองเริ่มได้!

“มันก็ไม่ยากนะครับ แต่ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์ของระหว่างเพศตรงข้าม คือที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ที่เอาไว้ทำเรื่องนั้นตามธรรมชาติเนอะ มันเลยต้องมีตัวช่วยหน่อย อย่างเจลหล่อลื่นเนี่ยก็เป็นตัวช่วยลดแรงเสียดทานให้ฝ่ายที่รับ ส่วนถุงยางก็เป็นตัวช่วยป้องกันให้กับฝ่ายที่รุก ไม่ใช่ป้องกันไม่ให้ผิดพลาดท้อง แต่เป็นไปเพื่อความสะอาด”
ไม่ต้องอธิบายเยอะ ธารก็เข้าใจ มันพยักหน้ารัวๆ หน้าก็แดงไปด้วย ผมเลยว่าจะหยุดอธิบายเพียงแค่นี้ หากแต่เด็กนี่เหมือนเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นเข้าไปใหญ่
“แค่นั้นเหรอ”
“จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่นั้น ใช่ว่าจะพรวดพราดเลยได้ ต้องมีจังหวะจะโคน”
“ยังไง”
ไม่รู้ว่าจะสาธยายขั้นตอนดีมั้ย แต่เห็นแววตาใสซื่อของมันแล้ว ผมก็อดไม่ได้ ต้องพูดออกมา
“คืองี้... สำหรับฝ่ายรุกน่ะไม่มีปัญหา แต่ฝ่ายรับต้องใช้เวลานิดนึง ไม่งั้นจะบาดเจ็บได้ มันก็แบบว่า...ต้องเปิดทางก่อน ใช้นิ้วค่อยๆ สอดไปขยายปากทางไรงี้ จนกว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นเริ่มคุ้นชินแล้วลดการหดเกร็งถึงจะเริ่มขั้นต่อไปได้"

อธิบายไปก็กระดากใจไป ไม่รู้เป็นไงมาไง การนั่งประจันหน้าคุยกับไอ้เด็กนี่ถึงได้กลายเป็นการสอนทฤษฎีวิชาเพศศึกษาแบบจริงจังซะได้

ไอ้เด็กธารมันก็คงจะกระดากใจเหมือนกัน ฟังผมอธิบายแล้วก็ทำหน้าตากระอักกระอ่วน เม้มปากแน่นไปครู่นึงแล้วเปล่งเสียงขึ้นมาเมื่อเห็นผมไม่พูดต่อ
"แล้วไงอีก"
"ก็ไม่แล้วไงครับ เปิดทางเรียบร้อยก็ค่อยๆ ขยับเท่านั้น อย่างที่บอก ขยายช่องทางจนกว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะคุ้นชินแล้วลดการหดเกร็งไง"
ธารลอบเบ้หน้าออกมานิดนึง ผมสังเกตเห็นในตอนนี้ว่าใบหูทั้งสองข้างของมันแดงเรื่อนิดๆ จากที่กระดากใจที่ต้องมานั่งอธิบายปากเปียกปากแฉะเรื่องอย่างว่าสไตล์ชาวสีรุ้งกับมันเพราะมันใสๆ เกินจะเยียวยา ก็กลายเป็นว่าผมเริ่มสนุกขึ้นมาละ

นั่งอมยิ้ม พลางดูท่าทางขัดเขินของมันเพลินๆ ใจก็คิดหาเรื่องแกล้งฉับพลันด้วย ได้โอกาสตอนมันโพล่งขึ้นมาอีก
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ"
"หลังจากนั้น...มันก็จะดังแจ๊ะๆ" ได้ทีผมก็เอาเลย
เด็กนั่นหูแดงแจ๋ ลามไปยังหน้าทันใด ก่อนจะส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้ผมพลางกดเสียงต่ำ
"พี่เหนือ"
"เอ้า ไม่ชอบเหรอครับ งั้นดังแจ๊บๆ ก็ได้"
"จะแจ๊ะๆ หรือแจ๊บๆ ก็ไม่ชอบทั้งนั้นเว้ย!"

มันถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ทันที ผิวเนื้อเริ่มแดงลามไปยังลำคอ
เห็นแล้วผมก็หัวเราะร่วน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันแล้วส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาอีก
"งั้นดัง...เจ๊าะแจ๊ะๆ"
"กวนตีน!" มันผลักหน้าผมออกสุดแรงเกิด
ผมนี่ผงะเกือบตกเตียง ตั้งหลักได้ก็ตั้งท่าจะอ้าปากด่ามันแล้วถ้าไม่เห็นว่ามันยกมือสองข้างขึ้นมาปิดหน้าแดงๆ ของมันไว้ด้วยเขินอายสุดกำลัง
"ทะ...ทุเรศชะมัด เสียงบ้าอะไรน่าเกลียดอย่างนั้นวะ" ว่าเสียงอู้อี้ตามมา
ส่วนผมก็ยิ้มเผล่

ถ้าไม่เชื่อก็ลองได้นะจ๊ะ ดูซิว่ามันจะดังแจ๊ะๆ แจ๊บๆ หรือเจ๊าะแจ๊ะๆ พี่เหนือยอมเป็นหนูทดลองให้แบบไม่มีเงื่อนไขเลย...

เอาเข้าจริงผมก็ได้แต่หัวเราะร่วนกับท่าทางไร้เดียงสาของมัน คนบ้าอะไรวะ โตขนาดนี้แล้ว สื่อก็มีเยอะแยะ ยังจะไม่รู้อีกว่าชาวสีรุ้งมีกิจกรรมทางเพศกันยังไง

“ถามจริงนะ น้องธารไม่รู้จริงๆ เหรอครับว่าเกย์เค้าทำกันยังไง” คิดได้ก็ถามออกไปเลย
ธารดึงมือที่ปิดหน้าลงเล็กน้อย เสมองไปทางอื่นพลางว่า
“รู้ แต่ไม่คิดว่ามันจะรายละเอียดเยอะแบบนี้ ในหนังที่ไอ้ไม้เปิดดูไม่เห็นเป็นแบบที่พี่ว่า”
“ก็นั่นมันเป็นการแสดงนี่ครับ ของจริงถ้าทำแบบนั้น ได้เจ็บตัวกันพอดี ทำไม ถามแบบนี้ หรือว่าน้องธารอยากจะลองภาคปฏิบัติกับพี่เหนือ?” ผมว่าลอยหน้าลอยตา หน้ายังคงยิ้มอยู่
ธารดึงมือออก เก๊กหน้าถมึงทึงใส่ผมรัวๆ
“ขอร้องเลยว่ะพี่ อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกถ้าไม่อยากโดนกระทืบ”
“ทำมาเป็นเข้ม เมื่อคืนยังจะกดพี่เหนืออยู่เลยเถอะ”
ไอ้ที่เก๊กเมื่อกี้กลายเป็นเขินอายอีกละ

ไอ้เด็กนี่... น่าเอ็นดูแรงมาก!

ใจจริงผมก็อยากจะแกล้งต่อ แต่เห็นว่าเย็นแล้ว พวกยีนส์กับกั้งยังไม่ติดต่อมาหลังจากที่แยกกันไปเมื่อคืน ก็เกิดเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมา ไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ไหน เลยกะว่าจะขอตัวไปอาบน้ำแล้วโทรหาพวกมัน หากแต่พอผมตั้งท่าจะลุกขึ้น ธารก็โพล่งออกมาก่อน
“พี่เหนือ คือ...เรื่องเมื่อคืนน่ะ พี่ไม่ว่าอะไรใช่มั้ย”
“เรื่องอะไรครับ” ผมรู้แหละว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร แต่อยากให้มันพูดไง
“ก็เรื่องนั้นไง! จะต้องให้พูดซ้ำซากทำไมวะ!” แล้วก็โดนมันตะคอกใส่จนได้

แกล้งนิดแกล้งหน่อย พออายก็ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน เด็กน้อยเอ๊ย

ผมเลยเลิกเล่น ฉีกยิ้มให้มันกลับไป
“ไม่โกรธหรอกครับ ก็พี่เหนือชอบน้องธารนี่ แต่ตกใจนิดหน่อยนะตอนที่โดนน้องธารจูบ” ว่าออกไปตามตรง ธารก็เลยหน้าแดงขึ้นมาอีกระลอก ก่อนจะแค่นเสียงแผ่วเบาออกมา
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าน้องธารไม่ต้องกังวลนะ พี่เหนือกับพี่ดื้อไม่ได้มีอะไรกัน ยังไงสายตาพี่เหนือก็มองแต่น้องธารคนเดียวอยู่แล้ว”

พูดแค่นั้น เน้นประโยคหลัง ธารก็สบตาผมทันควัน หน้าแดงๆ ก็ยังคงแดงอยู่ ทว่าสายตากลับไม่ได้มีความเขินอายสักนิด ดูเป็นประกายจนผมเป็นฝ่ายใจเต้นตึกตักขึ้นมา

“มะ...มีอะไรเหรอครับ” สุดท้ายก็ต้องทำลายความเงียบด้วยมันเอาแต่จ้องผมไม่เลิก แถมยังไม่พูดอีก ผมก็เลยตัดบทก่อนที่จะอดใจไม่ไหว เป็นฝ่ายกดมันขึ้นมา “ถ้าไม่มีอะไร พี่เหนือกลับห้องก่อนนะ เดี๋ยวจะได้โทรหาพี่ยีนส์กับพี่กั้งด้วย ไม่รู้ป่านนี้ไปอยู่ไหนกัน”
ว่าจบก็ทำท่าจะลุก ทว่าธารก็ขยับเข้ามาคว้าแขนผมเอาไว้ ผมหันไปเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม แต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ใบหน้าของธารก็เข้ามาใกล้หน้าผมชนิดไม่ได้ตั้งตัว ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มของริมฝีปากหนาที่วางทับลงมาบนเรียวปากผม
จะ...จูบ!?

อะ...อะไร! ฝันอยู่ใช่มั้ย ตบหน้าตัวเองเดี๋ยวนี้ ปฏิบัติ!

แต่ไม่ตบก็รู้ว่าไม่ได้ฝัน... ไม่ได้ฝันแน่นอน ฝันบ้าบออะไรจะขบเม้มริมฝีปากได้ขนาดนี้

ผมเบิกตาโพลง มองหน้าคนที่ลิ้มรสริมฝีปากผมอยู่อย่างงุนงงด้วยไม่เข้าใจว่ามันทำอะไร งงถึงขั้นลืมไปสนิทเลยว่ามันเสนอมาอย่างนี้ ก็ควรสนองด้วยการดูดปากมันคืน ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นระส่ำราวกับจะระเบิดออกมาจากอกด้วยราวกับคนเพิ่งเคยจูบครั้งแรก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ธารถึงละริมฝีปากออก ยกมือทั้งสองขึ้นประคองหน้าผมไว้ขณะที่ผมยังอึ้งงันมองหน้ามันอยู่อย่างนั้น
“เมื่อ...เมื่อคืนรุนแรงไปหน่อย ขอโทษ” แล้วมันก็เรียกสติผมด้วยประโยคติดๆ ขัดๆ

นะ...น้องธาร... ฟินจนอยากจะร้องไห้คืออะไร รู้ได้ในตอนนี้!

ผมเผลอยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ ยิ้มเป็นคนบ้าจนถูกมันตีหน้าผากไปที
“ยิ้มบ้าอะไรอยู่ได้”
“ก็น้องธารทำให้พี่เหนือยิ้มทำไมล่ะครับ”
“ไม่ได้ทำ แค่จะขอโทษเฉยๆ” มันว่าเสียงขุ่น
ส่วนผมก็ทำปากยื่นใส่เป็นการล้อเลียน ทำหน้าทำตาไม่พอ ล้อเลียนด้วยคำพูดอีก
“ถ้าจะขอโทษก็พูดเฉยๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องจูบ ทำแบบนี้ แสดงว่าน้องธารก็ชอบพี่เหนือเหมือนกันล่ะสิ”
ธารถึงกับเลิ่กลั่ก ดึงมืออีกข้างที่ยังประคองซีกหน้าข้างหนึ่งของผมอยู่ทันควัน เสมองไปทางอื่นราวกับไม่ได้ยินที่ผมถามเมื่อครู่ด้วย

เอาเว้ย! มาแล้วเว้ย! แสงเหนือจะหลอกเด็กสำเร็จแล้ว!

เสมือนเอาธงชาติไทยไปปักบนยอดเขาเอเวอร์เรสได้ ยิ่งเห็นซีกแก้มใสแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง ผมก็ได้ทีหยอกไปอีก
“ตกลง...ชอบพี่เหนือใช่มั้ย”
ธารไม่พูด เหลือบมองหน้าผมนิดนึงแล้วว่า
“ไม่งั้นจะบอกให้มองแต่ผมทำไมล่ะวะ”

ถึงจะไม่พูดตรงๆ แต่ก็อื้อหือ! ดอกไม้บานสะพรั่ง
ขายอ้อยไม่ขาดทุนแล้วโว้ย!

“งั้นเป็นแฟนกันเถอะ!” ผมดีใจจนวางตัวไม่ถูก อยากจะกอดมันชะมัด
ไม่ใช่อยากกอดอย่างเดียว การกระทำก็ไวเท่าความคิด พุ่งหลาวเข้าไปแล้ว ทว่าก็โดนมันยกขายันหน้าอกเอาไว้ได้ทันท่วงที
“ยังฝึกงานไม่เสร็จ!”
“ไม่สนแล้ว!” ผมเสียงดังกลับไปบ้าง ทำท่าจะถลากอดมันอีกครั้ง มันเลยยันผมซะตกเตียง

นะ...ไหนว่าชอบพี่เหนือไงครับ แล้วมาปฏิเสธพี่เหนือทำไม เสียใจนะ

“ยังไม่ได้จีบผมเลยด้วยซ้ำ ใครมันจะไปยอมเป็นแฟนด้วยฮะ!”
มาเข้าใจก็ตอนนี้ว่าทำไมมันเล่นตัวจัง
ผมเลยดันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง ว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่มันทันใด
“งั้นถ้าพี่เหนือจีบแล้ว น้องธารต้องยอมเป็นแฟนพี่เหนือนะ”
“มะ...ไม่รู้!” มันเขินอีกละ
เอาเถอะ เขินเยอะแต่น่ารักก็พอแล้ว

ผมอยากจะเต๊าะมันต่อเหลือเกิน ไม่เคยขายอ้อยครั้งไหนแล้วรู้สึกใจชื้นอย่างนี้มาก่อนเลย ทว่ามารก็มาผจญเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เห็นเบอร์คนที่โทรเข้ามาเป็นยีนส์ ผมก็อยากจะด่าพ่อล่อแม่มันชะมัดที่โทรมาไม่รู้เวลาก่อนจะรับสาย ฟังมันพล่ามว่าเมื่อคืนพวกมันเมากันมาก พี่จอมแสบก็เลยเก็บศพพวกมันไปนอนที่บ้าน แล้วตอนนี้ก็จะให้ผมไปรับพวกมันไปส่งที่ขนส่งอีกเพราะพรุ่งนี้มีฝึกงาน

ผมก็เออออตกลงไป วางสายได้ก็รีบขอตัวกับธารไปอาบน้ำก่อน ไม่งั้นจะไม่ทันรอบรถตอนช่วงเย็น หากแต่ก่อนจะออกจากห้อง ธารก็ร้องบอกไล่หลังผมมา
“กลับมาแล้วอย่าเพิ่งหนีไปกินข้าวเย็นนะ ไว้ไปด้วยกัน”
แล้วแบบนี้ผมจะปฏิเสธเหรอ พยักหน้ารัวๆ อย่างรวดเร็ว
“ไว้เจอกันนะครับ”
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่าง:ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦28/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-03-2016 02:04:54
ชั่งใจ ครั้งที่ 16: วิชาเพศศึกษา By อ.พี่เหนือ[2]

ส่งยีนส์กับกั้งกลับกำแพงเพชรเสร็จ ผมก็รีบกลับมาที่หอเพราะตกลงกันว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ของมันไปกินหมู่จุ่มเจ้าอร่อย ส่วนตอนนี้มันแวะไปกดเงิน ผมก็เลยต้องมารอมันก่อน

ผมก็ไปยืนรอธารที่ทางเข้าหอด้วยคิดว่ามันคงจะไปไม่นาน หากแต่การยืนรอนั้นเป็นความคิดที่ผิดโคตรๆ เพราะยืนได้เพียงครู่เดียว รถยนต์คุ้นตาก็ขับมาจอดเทียบบริเวณฟุตปาธ มองไปยังตำแหน่งคนขับ เห็นผู้ชายรูปร่างสูงในนั้นก็ยิ่งคุ้นตาใหญ่

นะ...นั่นมันไอ้เวรพี่จอมดื้อนี่หว่า! มาทำซากอะไรของมันวะ!

ผมรีบหมุนตัวกลับจะหนีไปรอบนห้องทันที แต่ไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายตาไว มองเห็นผมซะก่อน
“จะไปไหนน่ะเหนือ”
ผมเบรกจึ้ก หันมามองเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าแหยๆ
“วะ...หวัดดีครับพี่ดื้อ มา...มาทำอะไรครับเนี่ย ถ้ามาหาธารล่ะก็ ตอนนี้ไม่อยู่นะครับ”

ผมทักด้วยประโยคโง่ๆ ออกไปเมื่ออีกฝ่ายลงจากรถแล้วเดินเข้ามาใกล้ รู้อยู่แก่ใจว่าพี่จอมดื้อไม่ได้มาหาเด็กนั่นหรอก มาหาผมนี่แหละ ลางสังหรณ์บอกด้วยว่าการมาของไอ้บ้านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่

แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อพี่จอมดื้อมาหยุดยืนหน้าผม ว่าด้วยสีหน้าระรื่น
“พี่มาหาเรานั่นแหละ ไม่ได้มาหาธาร”

นั่นไง! ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ!

“มาหาเหนือทำไมครับ” ผมข่มอาการตื่นตระหนกลงไป ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าปกติที่สุด
“มาจีบเหนือไง”
“ฮะ!?” ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตะโกนสุดเสียง

ไหนมึงบอกว่าจะตัดใจจากกูไง อะไรของมึงเนี่ย!

ไอ้ที่พยายามวางตัวเป็นปกติ ตอนนี้ไม่ปกติละ จู่ๆ ก็เจอคนที่ขโมยจูบตัวเองโผล่มาตื๊อถึงที่ เป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละวะ แล้วนี่แม่งมีแผนอะไรอีกเนี่ยถึงได้มาพูดแบบนี้ เมื่อคืนกูยังโดนฟิฟตี้เฉด ออฟ น้องธาร ไม่พออีกหรือไง เดี๋ยวมันมาเห็นก็งานงอกกูอีกหรอก!
“นะ...ไหนพี่ดื้อบอกว่าจะตัดใจจากเหนือแล้ว” ผมรีบถามออกไปด้วยน้ำเสียงรนๆ
 “แต่พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่ว่าพี่จะลองจีบเหนือใหม่อีกที” พี่จอมดื้อตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

ยิ้มได้หล่อโคตร แต่มึงไม่สมควรจะหน้าด้านมั้ยไอ้พี่จอมดื้อ!

“เหนือบอกพี่ดื้อไปแล้วนี่ครับว่ามีคนที่ชอบแล้ว” ผมเริ่มตั้งสติได้แล้วล่ะ ตอกกลับด้วยน้ำเสียงปกติได้แล้ว
“คนที่เหนือชอบ ไม่ได้หมายความว่าชอบเหนือ แล้วก็เป็นแฟนเหนือไม่ใช่เหรอ ดูยังไงๆ พี่ก็ยังมีสิทธิ์นะ”

พูดมางี้ ผมก็ไม่อยู่คุยด้วยต่อละ ที่ผมไม่ชอบที่สุดคือคนพูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่องไม่พอ ไม่ชอบคนช่างตื๊อด้วย ถึงผมจะเป็นคนขี้ตื๊อเหมือนกันก็เถอะ ก่อนผมจะรีบตัดบททันใดด้วยตระหนักได้ว่าถ้ามัวยืนคุยกับพี่จอมดื้ออย่างนี้ อีกเดี๋ยวธารจะต้องมาเห็นแน่

“งั้นเหนือขอตัวก่อนนะครับ เรื่องนี้ไว้คุยกันทีหลังนะ” สิ้นเสียงก็หมุนตัวหนีกลับเข้าหอ
ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อพี่จอมดื้อปรี่เข้ามารั้งแขนผมไว้
“พี่ยังคุยไม่จบเลย อย่าเพิ่งไปสิ ไม่ทันไรก็จะหนีหน้าพี่อีกแล้วหรือไง”

ใช่! ใครมันจะไปอยู่คุยกับมึงให้ไอ้เด็กธารมันมาเข้าใจกูผิดอีกรอบล่ะวะ!

แต่ผมก็ไม่ได้พูดประโยคนั้น แค่คิดจะพูด ไอ้คนที่ผมกลัวจะมาเห็นก็กลับเข้ามาแล้ว ผมถึงกับเบิกตาโต ขณะที่ธารขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอด เปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้นแล้วก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์เช่นกัน

ฉะ...ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะไอ้เหนือ!

“เอ้าไอ้ธาร ไปไหนมาวะ” พี่จอมดื้อแม่งก็เปลี่ยนเรื่องไปถามธารหน้าตาเฉยทันทีที่เห็นเด็กนั่น
หากแต่ธารไม่ตอบ ลงจากรถได้ก็ตรงเข้ามากระชากแขนอีกข้างของผมออกจากพี่จอมดื้อ ทำเอาอีกฝ่ายงงเต้ก
“อะไรของมึงเนี่ย” พี่จอมดื้อถามอย่างไม่พอใจ
แต่ธารก็ไม่สนใจแล้ว ดึงผมไปใกล้จนชิดอก ปากก็ว่าออกมา
“คนนี้ของผม”

คนฟังอ้าปากค้างไปหลายวิเลยทีเดียว ผมก็อ้าปากค้าง อยากจะถามมันด้วยว่ามันหมายความว่าไง แต่พี่จอมดื้อก็ชิงโพล่งขึ้นมาก่อน
“อะไรของมึงวะ มาถึงก็มาบอกเหนือเป็นของมึง สติยังดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“พี่ดื้อ... พี่เหนือเป็นของผม” ธารไม่ตอบคำถาม ย้ำประโยคเดิมขึ้นมา ทำเอาใบหน้าพี่จอมดื้อดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันตา ก่อนจะหันมาเล่นงานผม
“เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าคนที่เหนือชอบคือไอ้ธาร?”
ผมเลยไม่ปฏิเสธ พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนพี่จอมดื้อจะหันไปถามธารแทน
“แล้วนี่มึงเป็นเกย์เหรอวะ ทำไมกูไม่เคยรู้”
“แล้วมันสำคัญอะไรว่าจะเป็นเกย์หรือไม่เป็น ผมชอบพี่เหนือก็พอแล้ว”

กะ...กระชุ่มกระชวย ได้ยินแล้วกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันตา แหม ตอนอยู่ด้วยกันสองคนทำเป็นปากหนัก ไม่ยอมพูดนะ ตอนนั้นทำเป็นพูดอ้อมโลกอยู่ได้ อยากประกาศให้โลกรู้ล่ะสิถึงกล้ามาพูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้เนี่ย

ผมรีบเก็บอมยิ้มลงไปรัวๆ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของพี่จอมดื้อดูน่ากลัวไปชั่วขณะ ไม่ทันไร อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาอีก
“แต่เหนือเป็นอาจารย์ของมึง”
“แค่อาจารย์ฝึกสอน”
“ยังไงก็อาจารย์หรือเปล่าวะ มันไม่เหมาะสมนะเว้ย”
“แล้วที่พี่ทำมันเหมาะเหรอ พี่เหนือเคยบอกพี่ไม่ใช่เหรอว่ามีคนที่ชอบแล้ว แล้วยังจะมายุ่งอะไรอีก”

ตอนนี้ไม่ใช่แค่พี่จอมดื้อแล้วล่ะที่ทำหน้าหงุดหงิด ธารก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน แถมพี่จอมดื้อก็ยังไม่ยอมแพ้ โวยวายตามมา
“แต่เหนือเป็นอาจารย์นะ มึงทำแบบนี้ คนอื่นรู้ เหนือจะเดือดร้อนเอา”
“เป็นอาจารย์ก็เป็น เดือดร้อนแล้วจะทำไม ผมขึ้นครูไปแล้ว พี่ดื้ออย่ามายุ่ง!”
พี่จอมดื้อถึงกับเบิกตาโต ส่วนผมนี่ช็อคไปตามๆ กัน

ดะ...เดี๋ยว! มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย คนอื่นเข้าใจผิดหมด ยังไม่ได้ขึ้นสักหน่อย แค่ลูบๆ คลำๆ กันเท่านั้นเอง! แล้วนี่พูดมารู้หรือเปล่าว่าขึ้นครูมันใช้กับบริบทสำหรับคนที่เพิ่งเคยครั้งแรกน่ะ?
เอ หรือว่าเพราะยังไม่เคยกับผู้ชาย เลยใช้คำนี้?
งั้น... กลับขึ้นห้องกันเถอะ จะได้ขึ้นจริงๆ เนอะ เดี๋ยวพี่เหนือจะเป็นคุณครูที่ดีให้
เอ๊ะ! ไม่สิ ต้องห้ามทัพก่อนต่างหาก

ผมเลยตั้งท่าจะห้าม แต่พี่จอมดื้อที่ยืนทำหน้าโหดอยู่ก็พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง กลอกตาอย่างระอาด้วย
“เหี้ยเอ๊ย ทำไมมึงต้องมาชอบคนคนเดียวกับกูวะ แล้วกูจะแย่งคนที่น้องชอบได้ยังไง”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็เลิกคิ้วสูง แต่ครู่เดียวก็ตระหนักได้ว่าพี่จอมดื้อกับธารสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็จริง เพราะพอพี่จอมดื้อพูดอย่างนั้น สีหน้าเคร่งขรึมของทั้งคู่ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
“งั้นพี่ดื้อก็เลิกยุ่งกับพี่เหนือ ผมขอ”
“เออ กูไม่แย่งของของน้องหรอก แต่มึงอย่าเผลอแล้วกัน กูบอกเลยว่าเสร็จกูแน่”
ธารพยักหน้า ส่วนพี่จอมดื้อก็บอกลาผม ขึ้นรถขับกลับไปเฉยๆ ทิ้งให้ผมอ้าปากหวอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้

พวกมึงจบเรื่องกันง่ายๆ เลยเหรอวะ? จะไม่มีแบบต่อยกันเพื่อแย่งกูหน่อยเลยเหรอ?

ก็ไม่ได้อยากให้ต่อยกันหรอก แค่คิดว่ามันน่าจะมีมวยสักหน่อยอะไรงี้ แต่ประเมินค่าตัวเองผิดไป แม่ง มิตรภาพลูกผู้ชายที่แสงเหนือเข้าไม่ถึง สนิทกันถึงขนาดไหนวะถึงได้ยอมรามือกันง่ายๆ แบบนี้
“คิดอะไรอยู่”
ผมสะดุ้ง ละสายตาจากถนนที่ว่างเปล่าหันไปมองหน้าธารได้ พลันปฏิเสธเมื่อเห็นสีหน้าย่นยู่ของมัน
“ไม่มีอะไรครับ”
“ไม่มีอะไรได้ไง ก็เห็นว่ามองอยู่ เสียดายที่พี่ดื้อเลิกยุ่งกับพี่ง่ายๆ หรือไง”

รู้ทันเด๊ะ แต่ผิดไปหน่อยตรงที่ผมไม่ได้เสียดาย แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่จอมดื้อถึงได้ยอมเสียสละให้ธารง่ายๆ ต่างหาก

แต่ไม่ทันจะได้แก้ตัวให้ตัวเอง ธารก็ชักสีหน้าไม่พอใจ กำมือที่จับแขนผมอยู่แรงขึ้น กดเสียงต่ำออกมาด้วย
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าชอบผม ก็ให้มองแค่ผมคนเดียว”

อุ๊ยๆ หึงอีกแล้ว ฟิฟตี้เฉด ออฟ น้องธาร อีกรอบมั้ย? พี่เหนือเตรียมอุปกรณ์ไว้แล้ว ส่วนล้างตู้เย็น เดี๋ยวรีบจัดการให้นะถ้าจะจริงจัง

มะ...ไม่สิ ไม่ควรคิดเรื่องหื่น ตอนนี้ควรคิดเรื่องไอ้น้องธารที่จู่ๆ ก็เข้าโหมดโหดมากกว่า จ้องผมเขม็งอย่างเดียวไม่ว่า กระชากแขนอีกจนผมเจ็บแปลบที่ต้นแขน

“พี่เหนือเจ็บนะครับ” ท้วงมันไปหน่อย มันเลยผ่อนแรงลงได้ แต่ไม่ปล่อย ซ้ำยังลากผมกลับขึ้นห้องอีกต่างหาก
เอ๊ะอ๊ะ…อย่าบอกนะว่าจะฟิฟตี้เฉดจริงๆ?

จับผมเหวี่ยงเข้าห้องและปิดประตูได้ ผมก็รีบตั้งหลัก รอรับการจู่โจมของมันทันใด กะว่ามาก็มา พร้อมสุดพลัง แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะมันแค่เดินเข้ามาสวมกอดผมไว้ไม่ให้ตั้งตัว ซุกหน้าลงบนซอกคอแล้วพึมพำออกมา
“มองแต่ผมคนเดียวสิเว้ย อย่าเสียดาย ห้ามเสียดายพี่ดื้อ เข้าใจมั้ย”
ละ...ละมุน...

กูตามอารมณ์มึงไม่ทันแล้ว!

อารมณ์วัยรุ่นว้าวุ่นมาก แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรมันหรอก เข้าใจว่าเด็กนี่ยังมีความเป็นเด็กสูง สารภาพว่าชอบผมแล้วจะหวงแรงแบบนี้ก็ไม่แปลก ซึ่งผมก็ชอบซะด้วย

ยังดีกว่ามันผลักไส หรือไม่ก็กระทืบผมล่ะนะ

ผมเลยยกมือขึ้นจะกอดมันตอบ แต่พอโดนมันตวาดใส่ที่ผมไม่พูดอะไรสักที ก็ไม่มีอารมณ์จะอ่อนโยนกับมันละ
“พูดสิเว้ย! บอกว่าจะมองแค่ผมสิวะ!”

มึงตะคอกสั่งอย่างนี้ ใครจะไปเชื่อฟังมึงฮะไอ้เด็กเวร!

ยังคงเป็นไอ้เด็กเวรจริงๆ ผมพ่นลมหายใจใส่มันอย่างระอา
สงสัยคงต้องสั่งสอนกันหน่อย

แค่นั้นก็ผลักมันออก ปั้นหน้าไม่พอใจใส่มันทันที
“ถ้าตะคอกใส่พี่เหนืออีกครั้ง พี่เหนือจะไม่คุยด้วยแล้วนะ”
ไม่พอใจ แต่น้ำเสียงกับประโยคที่ใช้ดุนี่อนุบาลหมีน้อยมากๆ
คือก็ยังกลัวมันกระทืบอยู่เหมือนกันน่ะ

ธารเองก็ทำหน้าไม่พอใจเช่นกัน อารมณ์ขุ่นเคืองไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“พี่ก็พูดสิวะว่าจะมองแค่ผมคนเดียว มันพูดยากมากหรือไง ประโยคแค่นี้น่ะ!”
หืม...หึงหวงอย่างเปิดเผย ถ้าจะหวงขนาดนี้ มาเป็นผัวพี่เหนือเลยเถอะ!

ดะ...เดี๋ยว สติ กำลังสั่งสอนมันอยู่ สติจงมา

“แล้วพูดดีๆ กับพี่เหนือนี่ มันยากมากเหรอครับ มาตะคอกๆ แบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ ถ้าอยากให้พี่เหนือมองแต่น้องธาร ก็พูดเพราะๆ สิครับ” ผมวางท่าตอกมันกลับไปนิ่งๆ
ธารยึกยักขึ้นมา ดูอึดอัดแต่ก็คลายความแข็งกร้าวลงไปได้บ้าง และคลายจนเกือบหมดเมื่อผมว่าขึ้นมาอีก
“ดูพี่ดื้อเป็นตัวอย่าง รายนั้นไม่เคยเสียงดังใส่พี่เหนือเลยนะ ถ้าน้องธารไม่อยากให้พี่เหนือเสียดายพี่ดื้อ ก็ทำตัวดีๆ หน่อยครับ ไม่งั้นพี่เหนือไม่คุยด้วยจริงๆ”
“แล้วทำไมต้องเอาไปเปรียบเทียบกับพี่ดื้อด้วยวะ!” เสียงดังขึ้นมาอีกละ

รู้อยู่ว่ามันคงจะหงุดหงิดที่ผมพูดถึงพี่จอมดื้อขึ้นมา แต่ก็แค่อยากให้มันเอาเป็นเยี่ยงอย่างน่ะ ผมเลยยังทำเป็นนิ่ง ว่าเสียงเรียบ
“พูดดีๆ ครับ”
“ใครมันจะไปพูดดีๆ ด้วย ถ้าอยากให้พูดดีๆ ก็ไปหาพี่ดื้อเลยไป!”
โห งี่เง่าคูณสอง อยากจะปรี่ไปกอดขามันแล้วอ้อนเหลือเกินว่ากว่าจะขายอ้อยมันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ใครจะเทมันแล้วไปหาพี่จอมดื้อกัน แต่อยู่ในช่วงดัดนิสัยเลยต้องเก๊ก
“พูดดีๆ”
“ไม่!”
“พูดดีๆ”
“บอกว่าไม่ไงวะ!”
ในเมื่อมันดื้อ ผมก็เลยจ้องหน้ามันนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาช้าๆ
“พูด-ดี-ดี”
ธารชะงักไปที่เห็นสายตาดุๆ ของผม คงจะตกใจเพราะไม่เคยเห็นผมทำแบบนี้ล่ะมั้ง แต่มันก็ยังไม่ยอม ทำท่าฮึดฮัดออกมา ซ้ำยังต่อรองอีก
“ก็พี่แม่ง...”
“บอกให้พูดดีๆ”
“เวรเอ๊ย พี่จะเอาไง...”
“ถ้าอยากให้พี่เหนือมองแต่น้องธารก็พูดดีๆ”

ธารเงียบไป เม้มปากแน่น จนในที่สุดก็ยอมปริปากออกมา
“พี่เหนือมองแต่ธารนะครับ อย่าไปสนใจพี่ดื้อนะ” พูดไปก็เสมองไปทางอื่น หน้าก็แดงไปด้วย

ส่วนผม... ระทวยจ้า ไอ้ที่เก๊กดุเมื่อกี้นี่เก๊กแตกหมด ระริกระรี้เข้าไปกอดมันราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น
โถ... ความแรดนี้...

“แค่นี้ก็จบแล้ว”
ส่วนธารก็ยังทำหน้าบูดไม่เลิกถึงหน้าจะยังแดงเรื่อ ผมเลยผละออกจากมัน ยกมือขึ้นยีเส้นผมคนตรงหน้าให้ยุ่งนิดหน่อยอย่างหมั่นเขี้ยว
“ต่อไปนี้เรียกแทนตัวเองว่าธารเนอะ น่ารักดี พี่เหนือชอบ พูดแบบนี้กับพี่เหนือบ่อยๆ พี่เหนือจะได้ไม่ไปมองใครที่ไหนเนอะ”
ธารเหลือบมองหน้าผมนิดหน่อย แล้วก็พยักหน้ารับน้อยๆ
“ครับ...” ส่งเสียงขานรับที่แทบจะไม่ได้ยินตามมา

โอย มองใครที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ งานทาสน้องธารมาเต็มเหนี่ยว ได้แซ่บกันเมื่อไหร่ จะกราบเช้ากราบเย็นเลย

สาธุ!
---------------------------------------------------
เขียนไปแล้วคือหมั่นไส้นังพี่เหนือหนักมาก ความแรดนี้ไม่เป็นรองใคร 555 แล้วดูน้องธาร น่ารักน่าหยิกอะไรเยี่ยงนี้!!! #ยื่นใบสมัครเป็นทาสน้องธารด้วยอีกคน
พรุ่งนี้มืดๆ จะมาอัพตัวอย่างตอนต่อไปให้นะคะ เดี๋ยวจะเริ่มเข้าไคลแม็กซ์ละ ทำใจกับความดราม่าที่จะโผล่มาให้ปวดไตกันนิดนึง ดราม่าไม่มาก นิดๆ หน่อยๆ ที่เหลือก็ฟินกันปายยย อิอิ
ส่วนใครที่ถามไว้ว่าเมื่อไหร่พี่เหนือจะโดนเด็กกิน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะอีก 3-4 ตอนนะคะ แล้วก็ย้ำกันอีกทีว่าเรื่องนี้ไม่ขาย NC นะ อย่าไปหวังอะไรกับฉากอย่างนั้นมาก เรื่องนี้ใสๆ (?) ฟีลกู้ดเด้อ
อ่านแล้วอย่าลืมฝากฟีดแบ็กกันด้วยนะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-03-2016 02:55:18
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-03-2016 06:17:57
อ๊า..... มุ้งมิ้งกัน ชอบ  :katai2-1:
"คนนี้ของผม" :hao7:
"......."
“แล้วมันสำคัญอะไรว่าจะเป็นเกย์หรือไม่เป็น ผมชอบพี่เหนือก็พอแล้ว” :ling1:
สนุก ชอบ   :L1::mew1:
รอตอนต่อไป  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-03-2016 08:11:12
ฟินตายชัก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 30-03-2016 08:31:01
พี่เหนือแรดสุดๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-03-2016 09:02:42
โอ๊ยยยยยย ฉันละขำอิพี่เหนือมัน ค่ะดีใจด้วยค่ะที่งวดนี้ขายอ้อยไม่ขาดทุนนะคะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-03-2016 09:08:58
โอ๊ยยยยย กูยอม เซ็งเป็ดอวอร์ดปีนี้ ขอเพิ่มรางวัล นายเอกยอดแรดได้ไหม?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-03-2016 09:12:24
โอ๊ยยยยย กูยอม เซ็งเป็ดอวอร์ดปีนี้ ขอเพิ่มรางวัล นายเอกยอดแรดได้ไหม?

รอรางวัลนี้อย่างใจจดใจจ่อค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-03-2016 09:46:28
ธารหึงหวงชัดเจนมาก! อิจฉาพี่เหนือเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 30-03-2016 09:48:10
น้องธารน่าร๊ากกกก อิจฉาพี่เหนือออ  :-[
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 30-03-2016 10:42:59
น้องธารหึงแรงมาก อิจฉาพี่เหนือเลย :z3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-03-2016 12:26:58
พี่เหนือ มิเสียแรงที่ขยันขายอ้อย
น้องธารมันติดกับแล้ว เด็กมันขี้หึงด้วย
ระวังตัวให้ดี อย่าอ่อยคนอื่นเดี๋ยวงานเข้า
อ้อยหวานๆ จะกลายเป็นอ้อยขม
ปล. พี่เหนือสอนทฤษฎีแล้วอย่าลืมสอบปฎิบัติด้วย
       คุณครูพี่เหนือจะได้ให้คะแนนความแซ่บถูก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 30-03-2016 15:11:06
ชอบบบบ 555 พี่เหนือใกล้ความจริงแล้วเว้ยยย

น้องธารใส๊ใส น่าเอ็นดูววว

ขอรับใบสมัครทาสน้องธารด้วยคน

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 30-03-2016 16:03:14
ตอนแรกเหมือนเหนือจะอยู่ในโอวาส ไปๆมา แววกลัวเมียมาแต่ไกล 5555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 30-03-2016 16:39:42
อีกไม่นาน ความหวังจะได้แซ่บเด็กคงเป็นจริง
เด็กก็ดูน่ากินสะเหลือเกิน
5555555555 :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-03-2016 18:04:02
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 17

เอาตัวอย่างไปก่อน วันนี้แจกความฟินให้เร็วนิดนึง อันที่จริงไม่ใช่ฟินแค่ฉากนี้นะ แค่ชอบฉากนี้เป็นพิเศษเลยยกมา บอกเลยว่าตอนเต็มๆ นี่หื้มมมม... (อะไร? 555)
น้องธารเผลอตัวเผลอใจให้พี่เหนือแล้ว งานเด็กดื้อ เด็กขี้อ้อน เด็กขี้งอน เด็กขี้หึง เด็กใจแตก ฯลฯ ตามมาเป็นพรวน ส่วนเรื่องดราม่า บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวค่ะ แค่คลายปมน้องธารเฉยๆ นะ ไม่มีอะไรให้ปวดใจระหว่างพี่เหนือกับน้องธารทั้งสิ้น (ความจริงก็มีแหละ ท้ายๆ เรื่องโน่น นิดนึง แต่แฮปปี้เอ็นดิ้ง ไม่ต้องกลัวค่ะ หนูแดงสายสุขนิยม)
ใครรอเรื่องพี่จอมดื้อ ย้ำกันอีกครั้งว่าชื่อเรื่อง 'สะบายดีจอมดื้อ' เน้อ หนุ่มห่ามกับเด็กกุ๊ย ณ หลวงพระบาง เรื่องหน้าเอานายเอกอาเซียนเนอะ หนุ่มลาวเป็นตาฮักหลายอยู่
ว่าแล้วก็แปะตัวอย่างไว้ ตอนเต็มมาอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ ระบุวันยังไม่ได้ เพราะบางทีมันก็มาตามอารมณ์หนูแดง อยากเขียนก็อัพ  ขี้เกียจก็รอกันไปก่อนเน้อ 555 #อ่านตัวอย่างวนไปค่ะ
-------------------------------------------


“ทำไมอาบน้ำนาน”
ออกจากห้องน้ำมาในสภาพนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวได้ น้องธารที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงพร้อมเข้านอนก็ถามเสียงเรียบทันที ผมพอจะเดาได้ว่ามันคงหงุดหงิดที่ปล่อยให้มันรอเข้านอนพร้อมกันทั้งที่มันง่วงเต็มแก่แล้ว
แต่ไอ้เรื่องอาบน้ำนานนี่ก็เป็นเรื่องปกติของผมนะ เพียงแต่มันไม่รู้เท่านั้น และผมก็ไม่บอกให้มันรู้ด้วย เพราะอยากจะแกล้งมันสักหน่อย

“ก็ต้องอาบนานสิครับ พี่เหนือทำเรื่องสำคัญอยู่นี่” ว่าไปก็เอาผ้าเช็ดตัวเช็ดหยดน้ำที่ปลายผมไป
“ทำอะไร”
ถามมาอย่างนี้ก็เข้าทางผมเลย ผมชะงักมือที่เช็ดผมอยู่ ปีนขึ้นเตียงไปหามัน แล้วคลานเข้าไปใกล้ๆ พลางกระซิบ
“ล้างตู้เย็น”
บอกแค่นี้ สีหน้าธารก็ดูเหวอไปทันใด ก่อนมันจะค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมา ผมเลยหยอดไปอีกดอก
“อันที่จริงล้างไปยันห้องครัวเลยนะ รับรองว่าสะอาดเอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม สบายใจได้”
“อะ...ไอ้พี่เหนือ!” มันผลักหน้าผมออกห่างทันใด ก่อนจะเบือนไปอีกฝั่ง ปล่อยให้ผมหัวเราะใส่มันดังลั่น

ทว่าหัวเราะได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น กลายเป็นฝ่ายผมที่ชะงักแทนซะนี่เมื่อจู่ๆ สองหูก็ได้ยินมันพึมพำออกมา
“เดี๋ยวแม่งก็ทำจริงๆ ซะหรอก”
วะ...ว่าไงนะ!?
“อันนี้พูดเล่นหรือพูดจริง?” ผมถามกลับไปแทบจะในทันที หัวใจก็เต้นระส่ำไปด้วย ลุ้นเหลือเกินว่ามันจะตอบว่ายังไง
ธารตวัดดวงตามามอง จ้องหน้าผมนิ่งอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว ก่อนจะย้อนผมกลับหน้าตาเฉย
“พี่อยากทำมั้ยล่ะ”
“หะ...หา!?”

ไม่รอให้ผมตอบ ปล่อยให้ผมอึ้งกับการยอกย้อนอยู่อย่างนั้น พลันจู่โจมด้วยการพุ่งเข้ามาจับผมที่อยู่ในท่าคลานให้นอนราบไปบนฟูก โถมตัวขึ้นมาคร่อม ซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาซะใกล้
อะไรไม่ว่า มันดันพูดประโยคที่ทำให้ผมแทบคลั่งขึ้นมาอีกด้วย
“ถ้าอยากให้ทำก็จะทำ ไม่ต้องรอให้ฝึกงานเสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันเองนี่”

มะ...ไม่!

ไม่ปฏิเสธ! ถุงยางกับเจลหล่อลื่นอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงนะ

แหม มาถึงขั้นนี้แล้วก็จัดไปหลายๆ ดอกอย่าให้เสีย พี่เหนือผ่านการพาสเจอร์ไรซ์มาสดๆ ร้อนๆ เชิญกินตามสบายเลยจ้า ยอมน้องธารทุกทาง ทุกอย่าง ทุกท่วงท่าและลีลา

หูย... จะมีสามีเป็นตัวเป็นตนสักทีนะแสงเหนือ แต่ถ้าน้องธารอยากจะสลับบทก็ได้นะจ๊ะ ไม่ว่ากัน เดี๋ยวพี่เหนือจัดให้ เป็นภรรยาพี่เหนือก็แจ่มว้าวไปอีกแบบเน้อ

ทว่าธารคงจะไม่คิดมาสลับบทกับผมแล้วล่ะ แค่ผมเอาแต่อ้าปากค้างไม่เลิก มันก็หยักยิ้มเขินๆ ขึ้นมา ก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาจูบผมหน้าตาเฉย ผมหายอึ้งในตอนที่ปลายลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามาลิ้มรสหวานในโพรงปากผม บดจูบ อยู่เนิ่นนานและแผ่วเบากระทั่งผมเผลอเคลิ้มไปกับรสจูบนั้น เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นตอบไปตามสัญชาตญาณ พร้อมกับความรู้สึกที่พรั่งพรูขึ้นมาในใจจนอัดแน่นแทบระเบิด

เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันปลื้มปริ่ม ตื่นเต้น แล้วก็อิ่มใจไปพร้อมๆ กัน สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือผมรู้สึกว่าตัวเองชอบคนตรงหน้านี่มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวทุกวินาที มากขึ้นจนรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ความชอบเฉยๆ แล้ว

มันเป็น...ความรัก

แล้วผมก็มั่นใจขึ้นกว่าเดิมด้วยว่าใช่ความรักจริงๆ เมื่อธารผละออกจากริมฝีปากมาสบตาผมนิ่งๆ แล้วว่าออกมาเสียงเบา
“ธารชอบพี่เหนือนะ”

อา...ผมตกหลุมรักเด็กนี่เข้าเต็มเปาแล้วล่ะ

น่ารักขนาดนี้ จับกูทำเมียเลยเถอะ กราบแล้ว!

หากแต่มันก็ไม่ทำ เอาแต่มองหน้าผมแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่นจนผมเริ่มเขินแทนมันละ เบนสายตาไปทางอื่นแทน
“จะ...จ้องหน้าพี่เหนือทำไมครับ”
“น่ารักดี” มันว่าอุบอิบ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าไอ้น้องธารใสๆ มันเริ่มจะไม่ใสละ

ไม่ใสจริงๆ ด้วยเมื่อจู่ๆ มันก็ถือโอกาสฉกหอมแก้มผมซะอย่างนั้น พอผมหันกลับมามองหน้ามัน มันก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ดอมดมอยู่ข้างแก้มผมแล้วค่อยๆ ไล้ปลายจมูกต่ำลงไปยังลำคอ พรมจูบแผ่วเบา ซ้ำยังไล้ต่ำไปยังไหปลาร้าจนเกือบถึงหน้าอกกว้าง

เหย... มาแบบนี้คือจะจัดแล้วใช่มั้ย?
แล้วถามว่าผมขัดมันมั้ย? ...ไม่ ใส่พานถวายรัวๆ จะเอาไปต้มยำทำแกงอะไรก็เชิญจ้า

สองแขนตวัดโอบรัดแผ่นหลังกว้าง ตระกองกอดอีกฝ่ายแน่น ปล่อยตัวปล่อยใจให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
ยังไงก็ต้องได้ต้องโดนเว้ย! คืนนี้ยังไงก็ต้องได้! ถึงขั้นน้องธารเหมาไร่อ้อยพี่เหนือขนาดนี้แล้ว พี่เหนือขนอ้อยขึ้นรถบรรทุกส่งให้รัวๆ

ก๊อกๆๆ...

ฉิบหาย! ใครวะ!

ผมกับธารผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ สายตาจับจ้องไปยังบานประตูราวกับจะถามว่าใครที่มาขัดจังหวะ แต่ไม่ต้องรอให้มีใครถามใคร คนด้านนอกก็ส่งเสียงแหลมๆ เข้ามาให้ได้ยินแล้ว

“ธารจ๋า อยู่มั้ยจ๊ะ เมียมาหาจ้า”
อีน้องมายด์! มึงมาทำบ้าอะไรดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้! ที่สำคัญ มาทำบ้าอะไรตอนน้องธารกำลังจะเหมาอ้อยโรงงานกูวะฮะ! อ้อยกูเทกระจาดหมดเลยเห็นมั้ยเนี่ย!

ผมรีบมองหน้าธารแล้วส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่า ‘ไม่ต้องสะเออะไปเปิดประตูให้มันเลยนะ’ ทว่ายังไม่ทันที่ธารจะได้พยักหน้าตกลง เสียงไขลูกบิดก็ดังมาให้ได้ยิน พร้อมกับการโผล่หัวเข้ามาของน้องมายด์ จอมแก่น และโรมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีน้องมายด์เป็นคนแรกที่ส่งเสียงทักพร้อมกับชูขวดแอลกอฮอล์ในมือหรา
“คืนนี้ก่งก๊งจ้าที่รัก น้องจอม ผัวตำแหน่งที่สามได้เหล้าฟรีมาจากพี่...แสบ...”

แล้วมันก็นิ่งค้างไปทันทีที่เห็นเพื่อนมันคร่อมตัวผมอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เสื้อก็ไม่ใส่กันทั้งคู่ เท่านั้น ขวดเหล้ากับกุญแจที่น้องมายด์ใช้ไขประตูเข้ามาก็ร่วงลงสู่พื้นทันที ตามมาด้วยความอึ้งงันของทุกคนที่ได้เห็นภาพไม่คาดฝันเต็มสองตา

“นะ...นี่มันอะไร เจ้ทำอะไรเพื่อนหนู!?” น้องมายด์โวยวายทันที ปรี่เข้ามาดึงแขนธารให้ลุกออกจากตัวผมด้วย

กูไม่ได้ทำอะไรเพื่อนมึงเลย เพื่อนมึงคร่อมกูอยู่ก็แสดงว่าเพื่อนมึงทำกูต่างหาก!

แล้วมันฉุกใจคิดมั้ย...เหอะ! เอาแต่แว้ดๆ ใส่ผมประหนึ่งผมไปพรากพรหมจรรย์เพื่อนมันอย่างนั้นแหละ
“เจ้มาทำแบบนี้กับธารได้ยังไง เจ้เป็นอาจารย์นะ ถึงอีกไม่กี่วันเจ้จะเป็นคุณแม่เต็มตัว ไร้สถานะอาจารย์ก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันไม่สมควร!”

กูไม่ได้ทำ! ถึงกูจะสมยอม แต่กูก็เถียงว่าไม่ได้ทำ!

“น้องมายด์เข้าใจผิดแล้ว” ผมอยากจะด่ามันชะมัด ทว่าทำได้แค่ตั้งท่าแก้ตัว

หากแต่น้องมายด์ก็ไม่ฟัง หันไปพึมพำกับจอมแก่นและโรมที่ยังมองธารกับผมสลับกันไปมาอย่างตกตะลึงไม่เลิก
“ตายแล้วธารเอ๊ย ธารใจใสๆ ของกูแปดเปื้อนซะแล้ว มาเสียตัวให้อีเจ้ใสๆ เนี่ย” พูดพลางปัดเนื้อปัดตัวธารราวกับมันไปคลุกกับเชื้อโรคมา ก่อนจะชำเลืองสายตามาทางผมอย่างเหยียดหยาม “ไสจังแรน”

ไสจังแรน...

อ๋อ แสนจัง...

เดี๋ยว! นี่มึงด่ากูนี่หว่าอีน้องมายด์! บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ทำเพื่อนมึง เพื่อนมึงเป็นฝ่ายทำต่างหาก คดีที่มึงโผล่มาระหว่างที่พวกกูกำลังแซ่บกันยังไม่เคลียร์ อย่ามาสร้างคดีใหม่นะเว้ย!
--------------------------------

สนับสนุนมุข #ไสจังแรน โดยคุณ ไม่ได้เมา แค่มึน นักอ่านจากเด็กดีนะคะ
ชอบมุขนี้มากถึงขนาดต้องเอามาเล่น 555

 
 
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-03-2016 18:38:44
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 30-03-2016 18:52:33
ยังไม่ได้กันเลย จะดราม่าแระ

ไม่ขาย NC ?   มาขนาดนี้แล้ว จัด NC มาหนักๆเถอะ
รอ3-4ตอนข้างหน้านะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-03-2016 19:07:51
น้องธารใสๆของป้าาา จะเสร็จไอ้พี่เหนือแล้วรึ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 30-03-2016 19:11:39
มายเราไม่โอเคเลย หนูเด็กกว่าพี่เหนืออีกนะ ตั้งแต่เอาเรื่องความลับพี่เหนือไปบอกคนอื่นล้ะ เดี๋ยวตีเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่16♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-03-2016 19:12:12
ยังไม่ได้กันเลย จะดราม่าแระ

ไม่ขาย NC ?   มาขนาดนี้แล้ว จัด NC มาหนักๆเถอะ
รอ3-4ตอนข้างหน้านะ

ไม่ขายจริงจริ๊งงงง เราเน้นการแทะโลมพระเอก 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 30-03-2016 20:08:33
หะ ไม่ขายเอ็นซีนี่คือจะตัดมโนไปที่โคมไฟหรอคะะะะ ไม่อาววววววว
นี่ล้อเล่นใช่มั้ยยย55555 ชอบบบเรื่องนี้น่ารัก
ตอนแรกไม่ชอบเหนือเพราะดูอ่อนแอไปหน่อย แต่หลังๆนี่แบบนางแซ่บดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 30-03-2016 21:04:32
555555555555555 กำลังฟินเลย น้องมายมาทำม้ายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 30-03-2016 23:10:28
เซงเป็ดอะวอร์ดปีนี้ พี่เหนือเอาไปเลยนะ
 รางวัลนายเอกยอดแรดแห่งปี 55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 30-03-2016 23:27:00
โถ เจ้ ชวดอีกล้ะ 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-03-2016 01:08:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-03-2016 01:19:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-03-2016 09:46:43
ใสจังแรน... ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-03-2016 12:53:38
สนุกดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-03-2016 13:39:06
รอการขัดขวาง ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-04-2016 00:38:36
ชั่งใจ ครั้งที่ 17: ของขวัญอำลาฝึกงาน[1]

โดนผมดุเรื่องพูดไม่เพราะก็กลายเป็นหมาน้อย แต่พอผมกลับไปกระเง้ากระงอด มันก็กลายร่างเป็นหมาบ้าเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้อยากจะทำมันอารมณ์เสียนักหรอก ทว่าดันหลุดไปพูดเรื่องพี่จอมดื้อขึ้นมา เท่านั้นแหละ โอ้โห วิญญาณผีบ้าเข้าสิง แตะติดแตะหน่อยไม่ได้เลย แง่งใส่ตลอด กว่าจะทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นได้ก็ฟ้ามืดแล้ว ตอนแรกมันจะไล่ให้ผมกลับไปนอนห้องตัวเองด้วยเถอะ แล้วใครมันจะไปยอมล่ะ สารภาพว่าชอบผมมาอย่างนี้แล้ว มันต้องสานต่อ

สุดท้าย ผมก็ขนข้าวของมานอนห้องเด็กนั่น รวมถึงมาอาบน้ำด้วย จัดเตียงเสร็จ ปล่อยให้ธารเข้าไปอาบน้ำก่อนเสร็จ ผมก็หายเข้าไปในห้องน้ำอยู่นานสองนาน กลับออกมาอีกทีในนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวได้ ธารที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงพร้อมเข้านอนก็ถามเสียงเรียบทันที ผมพอจะเดาได้ว่ามันคงหงุดหงิดที่ปล่อยให้มันรอเข้านอนพร้อมกันทั้งที่มันง่วงเต็มแก่แล้ว

“ทำไมอาบน้ำนาน”
เรื่องอาบน้ำนานนี่ก็เป็นเรื่องปกติของผมนะ เพียงแต่มันไม่รู้เท่านั้น และผมก็ไม่บอกให้มันรู้ด้วย เพราะอยากจะแกล้งมันสักหน่อย โทษฐานที่งอนผมเป็นวันๆ
“ก็ต้องอาบนานสิครับ พี่เหนือทำเรื่องสำคัญอยู่นี่” ว่าไปก็เอาผ้าเช็ดตัวเช็ดหยดน้ำที่ปลายผมไป
“ทำอะไร”
ถามมาอย่างนี้ก็เข้าทางผมเลย ผมชะงักมือที่เช็ดผมอยู่ ปีนขึ้นเตียงไปหามัน แล้วคลานเข้าไปใกล้ๆ พลางกระซิบ
“ล้างตู้เย็น”
บอกแค่นี้ สีหน้าธารก็ดูเหวอไป ก่อนจะค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมา ผมเลยหยอดไปอีกดอก
“อันที่จริงล้างไปยันห้องครัวเลยนะ รับรองว่าสะอาดเอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม สบายใจได้”
“อะ...ไอ้พี่เหนือ!” มันผลักหน้าผมออกห่าง เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่ง ปล่อยให้ผมหัวเราะใส่มันดังลั่น

ทว่าหัวเราะได้เพียงครู่เดียว ก็กลายเป็นฝ่ายผมที่ชะงักแทนซะนี่เมื่อจู่ๆ สองหูก็ได้ยินมันพึมพำออกมา
“เดี๋ยวแม่งก็ทำจริงๆ ซะหรอก”

วะ...ว่าไงนะ!?

“อันนี้พูดเล่นหรือพูดจริง?” ผมถามกลับไปแทบจะในทันที หัวใจก็เต้นระส่ำไปด้วย ลุ้นเหลือเกินว่ามันจะตอบว่ายังไง
ธารตวัดดวงตามามอง จ้องหน้าผมนิ่งอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว ก่อนจะย้อนผมกลับหน้าตาเฉย
“พี่อยากทำมั้ยล่ะ”
“หะ...หา!?”
ไม่รอให้ผมตอบ ปล่อยให้ผมอึ้งกับการยอกย้อนอยู่อย่างนั้น พลันจู่โจมด้วยการพุ่งเข้ามาจับผมที่อยู่ในท่าคลานให้นอนราบไปบนฟูก โถมตัวขึ้นมาคร่อม ซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาซะใกล้
อะไรไม่ว่า มันดันพูดประโยคที่ทำให้ผมแทบคลั่งขึ้นมาอีกด้วย
“ถ้าอยากให้ทำก็จะทำ ไม่ต้องรอให้ฝึกงานเสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันเองนี่”

มะ...ไม่!

ไม่ปฏิเสธ! ถุงยางกับเจลหล่อลื่นอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงนะ

แหม มาถึงขั้นนี้แล้วก็จัดไปหลายๆ ดอกอย่าให้เสีย พี่เหนือผ่านการพาสเจอร์ไรซ์มาสดๆ ร้อนๆ เชิญกินตามสบายเลยจ้า ยอมน้องธารทุกทาง ทุกอย่าง ทุกท่วงท่าและลีลา
หูย... จะมีสามีเป็นตัวเป็นตนสักทีนะแสงเหนือ แต่ถ้าน้องธารอยากจะสลับบทก็ได้นะจ๊ะ ไม่ว่ากัน เดี๋ยวพี่เหนือจัดให้ เป็นภรรยาพี่เหนือก็แจ่มว้าวไปอีกแบบเน้อ

ทว่าธารคงจะไม่คิดมาสลับบทกับผมแล้วล่ะ แค่ผมเอาแต่อ้าปากค้างไม่เลิก มันก็หยักยิ้มเขินๆ ขึ้นมา พลันประทับริมฝีปากลงมาจูบผมในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง ผมหายอึ้งในตอนที่ปลายลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามาลิ้มรสหวานในโพรงปากผม บดจูบ อยู่เนิ่นนานและแผ่วเบากระทั่งผมเผลอเคลิ้มไปกับรสจูบนั้น เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นตอบไปตามสัญชาตญาณ พร้อมกับความรู้สึกที่พรั่งพรูขึ้นมาในใจจนอัดแน่นแทบระเบิด

เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันปลื้มปริ่ม ตื่นเต้น แล้วก็อิ่มใจไปพร้อมๆ กัน สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือผมรู้สึกว่าตัวเองชอบคนตรงหน้านี่มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวทุกวินาที มากขึ้นจนรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ความชอบเฉยๆ แล้ว

มันเป็น...ความรัก

แล้วผมก็มั่นใจขึ้นกว่าเดิมด้วยว่าใช่ความรักจริงๆ เมื่อธารผละออกจากริมฝีปากมาสบตาผมนิ่งๆ แล้วว่าออกมาเสียงเบา
“ธารชอบพี่เหนือนะ”
อา...ผมตกหลุมรักเด็กนี่เข้าเต็มเปาแล้วล่ะ

น่ารักขนาดนี้ จับกูทำเมียเลยเถอะ กราบแล้ว!

หากแต่มันก็ไม่ทำ เอาแต่มองหน้าผมแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่นจนผมเริ่มเขินแทนมัน เบนสายตาไปทางอื่นแทน
“จะ...จ้องหน้าพี่เหนือทำไมครับ”
“น่ารักดี” มันว่าอุบอิบ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าไอ้น้องธารใสๆ มันเริ่มจะไม่ใสละ

ไม่ใสจริงๆ ด้วยเมื่อจู่ๆ มันก็ถือโอกาสฉกหอมแก้มผมซะอย่างนั้น พอผมหันกลับมามองหน้ามัน มันก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ดอมดมอยู่ข้างแก้มผมแล้วค่อยๆ ไล้ปลายจมูกต่ำลงไปยังลำคอ พรมจูบแผ่วเบา ซ้ำยังไล้ต่ำไปยังไหปลาร้าจนเกือบถึงหน้าอกกว้าง

เหย... มาแบบนี้คือจะจัดแล้วใช่มั้ย?
แล้วถามว่าผมขัดมันมั้ย? ...ไม่ ใส่พานถวายรัวๆ จะเอาไปต้มยำทำแกงอะไรก็เชิญจ้า

สองแขนตวัดโอบรัดแผ่นหลังกว้าง ตระกองกอดอีกฝ่ายแน่น ปล่อยตัวปล่อยใจให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
ยังไงก็ต้องได้ต้องโดนเว้ย! คืนนี้ยังไงก็ต้องได้! ถึงขั้นน้องธารเหมาไร่อ้อยพี่เหนือขนาดนี้แล้ว พี่เหนือขนอ้อยขึ้นรถบรรทุกส่งให้รัวๆ

ก๊อกๆๆ...
ใครวะ!

ผมกับธารผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ สายตาจับจ้องไปยังบานประตูราวกับจะถามว่าใครที่มาขัดจังหวะ แต่ไม่ต้องรอให้มีใครถามใคร คนด้านนอกก็ส่งเสียงแหลมๆ เข้ามาให้ได้ยินแล้ว
“ธารจ๋า อยู่มั้ยจ๊ะ เมียมาหาจ้า”

อีน้องมายด์! มึงมาทำบ้าอะไรดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้! ที่สำคัญ มาทำบ้าอะไรตอนน้องธารกำลังจะเหมาอ้อยโรงงานกูวะฮะ! อ้อยกูเทกระจาดหมดเลยเห็นมั้ยเนี่ย!

ผมรีบมองหน้าธารแล้วส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่า ‘ไม่ต้องสะเออะไปเปิดประตูให้มันเลยนะ’ ทว่ายังไม่ทันที่ธารจะได้พยักหน้าตกลง เสียงไขลูกบิดก็ดังมาให้ได้ยิน พร้อมกับการโผล่หัวเข้ามาของน้องมายด์ จอมแก่น และโรมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีน้องมายด์เป็นคนแรกที่ส่งเสียงทักพร้อมกับชูขวดแอลกอฮอล์ในมือหรา

“คืนนี้ก่งก๊งจ้าที่รัก น้องจอม ผัวตำแหน่งที่สามได้เหล้าฟรีมาจากพี่...แสบ...”
แล้วมันก็นิ่งค้างไปทันทีที่เห็นเพื่อนมันคร่อมตัวผมอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เสื้อก็ไม่ใส่กันทั้งคู่ เท่านั้น ขวดเหล้ากับกุญแจที่น้องมายด์ใช้ไขประตูเข้ามาก็ร่วงลงสู่พื้นทันที ตามมาด้วยความอึ้งงันของทุกคนที่ได้เห็นภาพไม่คาดฝันเต็มสองตา
“นะ...นี่มันอะไร เจ้ทำอะไรเพื่อนหนู!?” น้องมายด์โวยวายทันที ปรี่เข้ามาดึงแขนธารให้ลุกออกจากตัวผมด้วย

กูไม่ได้ทำอะไรเพื่อนมึงเลย เพื่อนมึงคร่อมกูอยู่ก็แสดงว่าเพื่อนมึงทำกูต่างหาก!
แล้วมันฉุกใจคิดมั้ย...เหอะ! เอาแต่แว้ดๆ ใส่ผมประหนึ่งผมไปพรากพรหมจรรย์เพื่อนมันอย่างนั้นแหละ

“เจ้มาทำแบบนี้กับธารได้ยังไง เจ้เป็นอาจารย์นะ ถึงอีกไม่กี่วันเจ้จะเป็นคุณแม่เต็มตัว ไร้สถานะอาจารย์ก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันไม่สมควร!”

กูไม่ได้ทำ! ถึงกูจะสมยอม แต่กูก็เถียงว่าไม่ได้ทำ!

“น้องมายด์เข้าใจผิดแล้ว” ผมอยากจะด่ามันชะมัด ทว่าทำได้แค่ตั้งท่าแก้ตัว
หากแต่น้องมายด์ก็ไม่ฟัง หันไปพึมพำกับจอมแก่นและโรมที่ยังมองธารกับผมสลับกันไปมาอย่างตกตะลึงไม่เลิก
“ตายแล้วธารเอ๊ย ธารใจใสๆ ของกูแปดเปื้อนซะแล้ว มาเสียตัวให้อีเจ้ใสๆ เนี่ย” พูดพลางปัดเนื้อปัดตัวธารราวกับมันไปคลุกกับเชื้อโรคมา ก่อนจะชำเลืองสายตามาทางผมอย่างเหยียดหยาม “ไสจังแรน”

ไสจังแรน?
อ๋อ แสนจัง...
เดี๋ยว! นี่มึงด่ากูนี่หว่าอีน้องมายด์! บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ทำเพื่อนมึง เพื่อนมึงเป็นฝ่ายทำต่างหาก คดีที่มึงโผล่มาระหว่างที่พวกกูกำลังแซ่บกันยังไม่เคลียร์ อย่ามาสร้างคดีใหม่นะเว้ย! มึงก็ใสเถอะ!
ไสหัวออกไปเลย!

ผมย่นหน้าทันที ขณะที่ธารเองก็ชักสีหน้าใส่น้องมายด์ ตามมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“มึงเล่นมากเกินไปแล้วไอ้ไม้ ไปว่าพี่เหนืออย่างนั้นได้ไง ครั้งก่อนก็ว่าพี่เหนือทีนึงแล้วนะ”
“มากเกินอะไร ก็จริงนี่หว่า กูเห็นเจ้แกแทะโลมมึงมาตั้งแต่ตอนที่ไปร้านนมตรงสวนชมน่านกันละ กูก็ว่ามันแปลกๆ คิดจ้องจะกินมึงอยู่จริงๆ ด้วย แล้วอีกอย่างนะ ครั้งนั้นกูไม่ได้ด่าอีเจ้ กูแค่เกือบเฉยๆ”
น้องมายด์เถียงตาใส ท่าทางก็ไม่ยอมเหมือนกัน ทำหน้าทำตาน่าหมั่นไส้ใส่ผมอีก
ผมน่ะ ไม่ถือเท่าไหร่หรอกที่เห็นคนอายุน้อยกว่ามาทำแบบนี้ หนึ่งคือเข้าใจว่าเด็กพวกนี้เป็นเด็กช่าง สังคมเพื่อนอาจทำให้การพูดจาฟังดูห่ามๆ ไปบ้าง และสองคือน้องมายด์เป็นหนุ่มน้อยหัวใจสาว จะมีจริตจะก้านเยอะแบบนี้ก็ไม่แปลก

หากแต่คนที่ถือคือธารใจ แค่ได้ยินเพื่อนตัวเองพูดอย่างนั้น ก็สะบัดตัวหลุดจากมือของน้องมายด์ ถอยมายืนตรงหน้าผมพลางว่าเสียงแข็ง
“จะเกือบหรือไม่เกือบ พี่เหนือก็เป็นอาจารย์ มึงต้องขอโทษพี่เหนือเดี๋ยวนี้”
ไม่ใช่แค่เสียงที่แข็ง ดวงตาก็แข็งกร้าว บ่งบอกว่ากำลังโกรธเต็มที่ น้องมายด์ก็เริ่มหน้าตึงๆ ไปแล้วด้วยรู้ว่าธารเอาจริง ทว่าก็ยังต่อล้อต่อเถียงไม่เลิก
“ก็แค่อาจารย์ฝึกสอนหรือเปล่ายะ อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็ไม่ใช่แล้ว”
“แต่ยังไงพี่เหนือก็อายุมากกว่ามึง มึงมาปีนเกลียว มึงก็ต้องขอโทษ...ขอโทษเดี๋ยวนี้”

สั่งคำสั่งเดิมออกมาอีก คราวนี้เดินเข้าไปใกล้น้องมายด์เหมือนจะหาเรื่องด้วย ทำเอาโรมกับจอมแก่นที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ ทำท่าจะเข้ามาห้าม หากแต่ไม่ทัน แค่น้องมายด์บุ้ยปากพึมพำว่า ‘เรื่องแค่นี้ ทำเป็นจริงจังไปได้’ ธารก็พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อเพื่อนอย่างแรง พลันตะคอกใส่สุดเสียง
“กูบอกให้ขอโทษ! มึงจะต้องให้โดนกูกระทืบก่อนมั้ยถึงจะยอมพูดน่ะฮะ!”
น้องมายด์ส่งเสียงวี้ดว้ายด้วยตกใจ จอมแก่นกับโรมก็พุ่งเข้ามาดึงธารเอาไว้ก่อนที่มันจะได้ต่อยเพื่อนจริงๆ พลางร้องห้ามเสียงหลง
“เฮ้ยไอ้ธาร! มึงใจเย็นๆ ก่อน” อันนี้โรมพูด มือก็ดึงมือธารที่กำคอเสื้อน้องมายด์อยู่ออกไปด้วย
“อย่าวู่วามสิธาร มายด์คงไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยก่อน แล้วคุยกันดีๆ” จอมแก่นผสมโรงด้วยอีกคน

ธารก็ยังไม่ปล่อยมือ ท่าทางจะเอาเลือดหัวน้องมายด์ออกให้ได้ ใจหนึ่งผมก็อยากปล่อยให้ตุ๊ดนั่นโดนต่อยปากสั่งสอนไปเหมือนกัน แต่พอเห็นสีหน้าหวาดหวั่นระคนตกใจของมันแล้วก็นึกสงสารขึ้นมา เลยเป็นอีกคนที่ต้องเข้าไปช่วยห้าม
“น้องธารครับ ปล่อยน้องมายด์ก่อนนะ พี่เหนือไม่ถือหรอก ใจเย็นๆ”
“พี่ไม่ถือ แต่ผมถือ! ไม่ชอบ!” กลายเป็นว่าผมโดนมันหันกลับมาตวาดใส่
ผมเลยต้องปั้นเสียงดุใส่ขึ้นมา
“พี่เหนือก็ไม่ชอบเหมือนกันที่น้องธารทำตัวอันธพาลแบบนี้ ถ้าไม่ปล่อยน้องมายด์ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน”
พูดแค่นั้น ธารก็ทำสีหน้าขัดใจ แล้วยอมปล่อยมือจากน้องมายด์แต่โดยดี ทว่าก็ไม่วายสั่งส่งท้าย
“ขอโทษพี่เหนือเดี๋ยวนี้ไอ้ไม้”
มาอย่างนี้ แล้วมีเหรอที่น้องมายด์จะไม่ทำตาม ยกมือขึ้นไหว้ผมพร้อมกับสีหน้าสำนึกผิด เปล่งเสียงแหลมเล็กออกมาแผ่วเบา
“หนูขอโทษค่ะเจ้”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมก็ยิ้มรับให้ไปตามประสา ดีแล้วล่ะที่เด็กนี่สำนึกได้

 โรมกับจอมแก่นก็ทำท่าโล่งใจไปตามๆ กันที่ไม่เห็นเพื่อนตีกันอย่างที่คาดไว้ ผมก็เลยออกปากให้พวกมันเก็บกวาดของที่น้องมายด์ทำหล่นแตกเกลื่อนพื้น ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายถูกธารสั่งบ้าง
“แล้วนี่พี่จะยืนโชว์นมอีกนานมั้ย ไปใส่เสื้อ” สั่งไม่ดังนักหรอก แต่น้ำเสียงก็บ่งบอกว่าไม่พอใจ ผมเลยแกล้งหยอกไปด้วยอยากให้มันอารมณ์ดีขึ้น
“ทำไมครับ หวงพี่เหนือเหรอ”
เท่านั้น มันก็ชักสีหน้า ว่าเสียงกระแทก
“เออ! ไปใส่เสื้อได้แล้ว”

ไม่พูดเปล่า เดินดุ่ยๆ ไปคว้าเสื้อยืดตัวเองจากในตู้เสื้อผ้ามาโยนใส่ผม โยนแล้วก็ลากเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูลงกลอนโดยไม่สนสายตาเพื่อนๆ มันที่มองมาอย่างตะลึงงันไม่เลิก พลันจัดการเอาเสื้อยืดสวมให้ผมเป็นพัลวัน
“เดี๋ยวๆ น้องธาร ใส่ผิดด้านแล้ว นี่มันด้านหลัง”
ผมโวยเล็กน้อยที่มันเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตายัดเสื้อยืดลงมาบนตัวผมโดยไม่ดูว่าข้างไหนถูก ข้างไหนผิด มันก็เลยปล่อยมือออก ให้ผมได้จัดการถอดแล้วใส่เข้าไปใหม่เอง
ใส่เสร็จ ก็ต้องเผชิญกับสายตาไม่พอใจของมันที่จ้องผมเขม็งอีกครั้ง
“อะไรครับ” ผมถามเมื่อเห็นมันเอาแต่จ้องผมไม่เลิก
“อย่าโชว์ให้ใครเห็น ผมไม่ชอบ”
สัมผัสได้ถึงความหวงแรงมาก จนผมเผลอยิ้มออกมา
“ถ้าไม่อยากให้พี่เหนือโชว์ใคร ก็เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อก่อนสิครับ พี่เหนือบอกแล้วนี่ว่าพี่เหนือชอบให้น้องธารเรียกแบบนั้น ถ้าเรียกแทนตัวเองแบบนั้นล่ะก็ รับรองเลยว่าพี่เหนือยอมทำตามทุกอย่างแบบไม่มีเงื่อนไขเลย”

ธารนิ่งไปนิด ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา
“อย่าไปโชว์ใครอีก ธารไม่ชอบ” พูดไปก็หน้าแดงไป
ส่วนผมก็ใจอ่อนยวบเลยจ้า ยอมให้มันทุกทางจริงๆ
“น่าร้าก” ยกมือไปดึงแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้าให้ยืดออกแล้วโยกไปมาด้วย
ธารสะบัดหน้าหนี ก่อนว่าเสียงเขียว
“มัวเล่นอยู่ได้ ออกไปข้างนอกได้แล้ว” แล้วมันก็ปลดล็อคประตู เดินกลับออกไปก่อนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมมองตามหลังพลางอมยิ้มไม่เลิก


 
ถึงธารจะใจเย็นลงได้แล้วเพราะน้องมายด์ขอโทษผมเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มใจของบรรดาเด็กช่างสามคนตรงหน้าที่นั่งรายล้อมจานกับแกล้มที่พวกมันเพิ่งออกไปซื้อมาอยู่ในวงเหล้า จิบเหล้าไป สายตาก็มองผมกับธารที่นั่งอยู่ข้างกันสลับกันไปมาโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักแอะ จนผมชักอึดอัด ธารเองก็เช่นกัน สุดท้ายธารก็เป็นฝ่ายโวยวายที่เอาแต่โดนจ้อง แล้วก็เปิดปากอธิบายว่าทำไมพวกมันถึงได้เห็นผมกับตัวเองในสภาพนั้น

พวกเพื่อนมันแปลกใจนิดหน่อยที่เพิ่งรู้ว่าธารก็มีรสนิยมชอบผู้ชายอย่างนี้ด้วย แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะน้องมายด์ที่เหมือนจะเมาจากการดื่มย้อมใจเริ่มร้องไห้ออกมา แล้วเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาผม ขอโทษเรื่องที่ด่าผมไม่หยุดหย่อนจนผมชักจะรำคาญมันแล้วเนี่ย

มึงเมาแล้วร้องไห้คืออะไรฮะ!

แต่ก็ดีอย่างที่การเมาแล้วร้องไห้ครวญครางไม่เลิกของมันทำให้บรรยากาศอึมครึมผ่อนคลายลงได้ จอมแก่นกับโรมเลยวางตัวเป็นปกติเหมือนเดิม พร้อมกับเริ่มถามถึงความสัมพันธ์ของผมกับธาร โดยรับปากธารด้วยว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครถ้าธารไม่อยากจะแกรนด์โอเพ่นนิ่งในเร็ววัน ธารก็เออออไป ดูท่าทางไม่ได้ใส่ใจนัก หากแต่หูกับคอนี่แดงนำเพื่อนไปก่อนแล้วเรียบร้อย ปากก็เล่าเรื่องไปด้วย และแดงยิ่งกว่าเดิมเมื่อถูกถามว่าเป็นแฟนกับผมหรือเปล่า

“แฟนเฟินบ้าอะไร พี่เหนือเป็นอาจารย์นะเว้ย”

แหม ทำเป็นพูดไปเถอะ อีกไม่นานก็ใช่แล้ว

แน่นอนว่าพอมันพูดประโยคนี้ ก็ถูกจอมแก่นกับโรมรุมว่าคนเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน ไม่มานอนเนื้อแนบเนื้อกันอย่างที่พวกมันเห็นหรอก ยิ่งพวกมันเห็นถุงยางกับเจลหล่อลื่นบนโต๊ะข้างเตียง ก็พากันเข้าใจผิดไปไหนต่อไหนแล้ว ธารก็เถียงไม่ได้ เปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องกุญแจสำรองที่น้องมายด์ใช้ไขเข้าห้องมาทันที ก็ขอกุญแจห้องคืนน่ะ ผมเลยเพิ่งมารู้ตอนนี้ว่าจริงๆ แล้วธารให้จอมแก่นเก็บกุญแจห้องตัวเองไว้ เผื่อเวลามันตื่นสายหรือเมาไม่ตื่น จอมแก่นจะได้ใช้ไขเข้ามาปลุกง่ายๆ ส่วนเรื่องที่เอามาใช้บุกเข้ามายามวิกาลนี่ก็เป็นเรื่องปกติ บางทีพวกมันก็มาเซอร์ไพรส์ธารแบบนี้อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน

แต่จะอะไรก็ไม่สำคัญเท่าพวกมันเริ่มบรรเลงเพลงเพื่อชีวิตอีกแล้ว จนผมต้องคอยปรามพวกมันอย่าให้เสียงดังจนเกินไป แล้วไหนจะต้องแงะอีน้องมายด์ที่กอดผมร้องไห้ไม่เลิกออกอีก หลายชั่วโมงทีเดียวกว่าพวกมันจะเมาและเริ่มหมดแรงคอพับคออ่อนกัน หนักสุดคือน้องมายด์ขาประจำเจ้าเดิม เมาร้องไห้เสร็จปุ๊บก็เมากินกับแกล้ม กินเสร็จก็เอาหน้าไปจุ่มกับแกล้มอีก

จะว่ายังไงดีล่ะ คือมันกินๆ อยู่ แล้วก็ผล็อยหลับไปกลางอากาศน่ะ แล้วเอาหน้าจุ่มลงอะไรไม่จุ่ม เอาจุ่มลงจานลาบหมู ลำบากให้ผมต้องไปลากมันขึ้นมาอีก หากแต่ขณะที่พยายามดึงมันออกเป็นบ้าเป็นหลัง ธารที่นั่งพิงกำแพงอยู่ก็ร้องเรียกผมขึ้นมา

“พี่เหนือ... เถิบมา” กวักมือเรียกผมพร้อมปรือตาเซ็กซี่ใส่ด้วย
รายนี้ก็เมา แต่ยังไม่หลับ ที่สำคัญ พอเมาแล้วทำตาหรี่เล็กลงอย่างนี้โคตรดูเซ็กซี่เลย แถมร้องเรียกอย่างนี้ มีเหรอผมจะไม่ไป ทิ้งน้องมายด์ให้เอาหน้าจุ่มลาบหมูดังเดิม พลันปรี่เข้าไปหาธารทันที

น้องธารขายอ้อยก็ต้องรีบไปซื้อก่อน ของแรร์หายากอย่างนี้ ใครมันจะปล่อยให้หลุดมือไปล่ะ

เข้าไปใกล้มันได้ก็ยังไม่ทันจะได้ถามว่าเรียกผมมาทำไม ธารก็คว้าผมเข้าไปกอดแล้ว จับหมุนตัวให้นั่งเอาหลังพิงมัน ก่อนจะวางคางลงมาบนไหล่บนเต็มน้ำหนักอีก
อะ...อะไร!? ขายอ้อยแบบฮาร์ดเซลหรือยังไง หูย... เหมาหมดไร่จ้า!
 “กอดหน่อย”

เหมาจริงๆ เหมาแบบเปย์หมดตัว ยิ่งมันพูดประโยคถัดไปออกมา ผมนี่แทบจะเดินไปที่ตู้เอทีเอ็ม ถอนเงินมาให้มันหมดบัญชีเลย
บอกเลยว่าพี่เหนือน่ะหล่อไม่มาก แต่โอนไวนะ

พูดแล้วก็กอดผมแน่น กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึ้กลอยโชยเข้าจมูกผมอย่างชัดเจน ลมหายใจอุ่นๆ ก็ไล้คลอเคลียใบหูผมอย่างแผ่วเบาจนผมต้องเกร็งตัวเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
ตื่นเต้นยิ่งกว่าเมื่อได้ยินเสียงมันกระซิบมาระลอกที่สอง
“โคตรชอบพี่เลย...”

อะ...อ้อนเหรอ? อ้อนใช่มั้ย!? ที่กอดแล้วอ้อน มานัวเนียๆ นี่เพราะเมาหรือจากใจ ชี้แจงอย่างเป็นทางการที!

ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เอี้ยวใบหน้าจะไปมองมันก็ดันถูกจูบเข้าที่ใบหูซะก่อน แถมยังหลับตาพริ้ม นัวเนียคลอเคลียไม่เลิก
นะ...น้องธาร...
ลากมันเข้าห้องน้ำแม่งเลย ทนไม่ไหวแล้ว!

แต่ห้องน้ำมันเล็กไป ไปที่ที่มีเตียงๆ นอนสบายๆ ดีกว่า
งั้น...
“น้องธาร... ไปห้องพี่เหนือมั้ยครับ” ไม่ใช่แค่คิด ปากก็ร้องถามด้วยเถอะ

ธารปรือตามองผมเล็กน้อย แล้วก็ซุกหน้าลงบนไหล่ผมแทน
“ขออยู่แบบนี้ก่อน”
อยู่แบบนี้แล้วจะได้แซ่บเหรอ! ไปที่ห้องกูสิเว้ย!

ผมนี่แทบจะแกะมือมันออกจากตัว พุ่งไปคว้าถุงยางกับเจลหล่อลื่นแล้ว แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อมันเอาแต่พูดประโยคเดิมออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ผมได้ชื่นใจ
“ธารชอบพี่นะ...โคตรชอบเลย... ชอบ...”
ธารใจสมชื่อ เป็นสายน้ำชโลมใจพี่เหนือจริงๆ เลยลูกเอ๊ย...

“พี่เหนือก็ชอบน้องธารครับ” ผมบอกกลับไปบ้าง เผลอจรดริมฝีปากไปบนขมับของมันเสียเต็มรักด้วย
ธารปรือตาขึ้นมามองผมเล็กน้อย ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากแล้วก็ฝังหน้าลงบนไหล่ผม หลับตาพริ้มตามเดิม ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ปล่อยให้ผมอยู่ในอ้อมกอดมัน มองดูความน่ารักนี้เพียงลำพัง
เห็นแบบนี้แล้ว ชักไม่อยากให้การฝึกงานสิ้นสุดลงแล้วสิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.13♦30/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-04-2016 00:39:13
ชั่งใจ ครั้งที่ 17: ของขวัญอำลาฝึกงาน[2]

ไม่อยากให้สิ้นสุด แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา หลังจากวันนั้น ผมก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำรายงานฝึกส่งอาจารย์ผู้ดูแลการฝึกจนไม่ได้ไปนอนห้องธาร เอาแต่สิงอยู่ห้องตัวเองทุกวันหลังกลับมาจากวิทยาลัย นอนก็แทบไม่ได้นอนด้วยเถอะ ไปสอนพวกเด็กนั่นนี่สภาพซอมบี้เลย สอนไป เอ๋อกินไปจนถูกเด็กในแผนกทักบ่อยๆ ว่าได้นอนบ้างหรือเปล่า
ยิ่งกว่าการไม่ได้นอนก็คือการที่ธารไม่คุยกับผม ถามอะไรไปก็คว่ำปากเป็นสระอิให้ตลอด จนผมต้องตามตอแยมันถึงได้รู้คำตอบว่าเป็นอะไร
“ถ้ารายงานฝึกมันสำคัญมากนัก พี่ก็ไปทำสิ ไม่ต้องมาคุย”

อ้อ ที่แท้ก็งอนที่ผมไม่มีเวลาให้นั่นเอง นี่มันจะรู้มั้ยน่ะว่าถ้าผมทำไม่ทันกำหนดส่ง ผมก็ฝึกงานไม่ผ่านนะ
เสียเวลาไปนั่งอธิบายให้มันฟังอีก กว่ามันจะเข้าใจก็เล่นเอาเปลืองน้ำลายไปเป็นลิตร แล้วถามว่ามันหายงอนมั้ย...หาย แต่หายแล้วก็ดันไปงอนเรื่องใหม่อีก ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรขัดใจมัน เจอหน้ากันตอนเย็น มันก็กระฟัดกระเฟียดเป็นหมาบ้าใส่แล้ว

อะไรของมึงเนี่ย!

“ปากคว่ำอีกละ งอนอะไรพี่เหนืออีกครับฮึ?” ผมถามขณะที่ผมลากมันออกมากินข้าวเย็นด้วยกันเป็นการเอาใจ
หากแต่มันไม่ตอบ ซ้ำยังตักแตงกวาในจานตัวเองมาใส่จานผมเป็นการประชดอีกทั้งที่ปกติจะเป็นคนกินให้ผม
“ไม่ได้งอน”
ไม่ได้งอนบ้าอะไร หน้านี่บูดเป็นหมาปั๊กเลยเถอะ

“มีอะไรก็บอกสิครับ พี่เหนือจะได้เอาใจถูก งอนแล้วไม่พูดแบบนี้ พี่เหนือไม่รู้ว่างอนเรื่องอะไรก็ง้อไม่ถูกนะ” ผมแกล้งว่า
ธารละสายตาจากจานข้าวตัวเองมามองผมเขม็งให้ผมได้เลิกคิ้วสูง
“อีกกี่วันถึงจะฝึกงานเสร็จ”
“พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้วไง จำที่อาจารย์สมรบอกไม่ได้เหรอ โฮมรูมวันนี้ก็แจ้งอยู่นา” ผมว่าพลางรำลึกความหลังให้มัน

ก็วันนี้ในคาบโฮมรูม พี่สมรลากผมไปคุยกับเด็กๆ ในแผนกว่าพรุ่งนี้ผมจะไปสอนพวกมันเป็นวันสุดท้าย แล้วก็จะกลับกรุงเทพฯ เลยสั่งให้เด็กๆ เตรียมของขวัญมาให้ผมอย่างละชิ้นด้วย ความจริงผมก็ไม่อยากได้ของขวัญจากเด็กพวกนั้นหรอก ยิ่งเป็นพวกของกินด้วยแล้วยิ่งไม่อยากได้ใหญ่ กลัวพวกมันจะแกล้งส่งท้าย เอายาถ่ายอะไรใส่มาแบบนี้

ทว่าการเตือนความจำของผมกลับทำให้ธารหน้ายุ่งขึ้นไปอีก ก่อนมันจะวางช้อนกระแทกจานอย่างแรง
“จำได้ แล้วพี่จำที่ตัวเองพูดได้บ้างมั้ยวะ”
เรื่องอะไรวะ...

ผมเอ๋อไปเลย คิดอยู่พักใหญ่ทีเดียวว่าไปพูดอะไรกับมันไว้บ้าง มานึกออกอีกทีก็ตอนที่มันพ่นลมหายใจใส่ผมเต็มแรง แล้วว่าเสียงแข็ง
“พี่บอกว่าจะจีบผมตอนฝึกงานเสร็จไงเล่า!” พูดซะเสียงดังจนคนอื่นๆ ในร้านหันมามองเป็นตาเดียว
ผมรีบยกมือขึ้นจุปากเป็นสัญญาณให้มันเงียบทันใด พลางว่าปลอบ
“ก็จะจีบไงครับ รออีกวันเดียว พี่เหนือฝึกงานเสร็จก็จะจีบนะ อันนี้จริงจังเลย”
“แล้วพี่จะจีบยังไง ฝึกงานเสร็จก็กลับกรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอฮะ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าคิดจะจีบทางไกล ไม่ติด!”
เสียงดังขึ้นมาอีกแล้ว ผมกลอกตาเล็กน้อยกับท่าทางกระด้างกระเดื่องของเด็กนี่ แต่ก็เข้าใจชัดแจ้งแล้วล่ะว่าที่มันทำหน้าบอกบุญไม่รับตลอดทั้งวันนี่เป็นเพราะอะไร

ที่แท้ก็ไม่อยากให้พี่เหนือกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่บอก อมพะนำอยู่ได้ไอ้เด็กขี้ซึน

รู้ว่าการกระทำของเด็กนี่โคตรงี่เง่าง้องแง้งเลย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงหลุดยิ้มกว้างออกมาได้ จนมันที่มองผมอยู่เม้มปากแน่น แล้วว่าเสียงแข็ง
“ยิ้มอะไร”
“ไม่มีอะไรครับ” ผมว่า วางช้อนในมือลงบ้าง ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาถือ “ไม่อยากให้พี่เหนือกลับกรุงเทพฯ ใช่ม้า ได้... ไม่อยากให้กลับก็ได้ งั้นจะอยู่จีบน้องธารที่นี่แหละ”

พูดจบ ผมก็กดโทรออกหาใครบางคน คนคนนั้นคือแม่ผมเอง เจรจาอยู่นานทีเดียวว่าผมขออยู่พิษณุโลกต่อ โดยอ้างว่าผมยังเหลือเวลาว่างอีกหลายเดือนกว่าจะเข้ารับปริญญา เลยอยากจะพักผ่อนเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่ก่อนไปใช้ชีวิตหลังเป็นบัณฑิต แต่ถึงจะอ้างเหตุผลอะไรไป แม่ก็รู้ว่าที่ผมร้องขอแบบนี้เป็นเพราะเรื่องผู้ชาย ก็ผมกับแม่น่ะสนิทกันอย่างกับอะไรดี ไม่รู้ก็แปลกแล้ว ซึ่งแม่ก็ยอมด้วยผมรับปากว่าเรียนจบอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ จะเลิกเที่ยวโดยเด็ดขาด และถ้าได้ทุนไปเรียนต่อก็จะตั้งใจเรียนแบบไม่เที่ยว ไม่มั่วอย่างที่เคยทำมาด้วย

จริงๆ แม่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้นัก ทว่าถึงขนาดผมออกปากให้สัจจะอย่างนี้ แม่ก็ยอมให้อยู่ต่ออีกสองเดือน
แค่สองเดือนก็เหลือแหล่แล้วล่ะกับการจีบไอ้เด็กนี่ อาทิตย์เดียวก็น่าจะเรียบร้อยโรงเรียนไอ้เหนือแล้วมั้ง

วางสายจากแม่ได้ ผมก็หันไปยิ้มกว้างให้ธาร พลางว่าแหย่
“พี่เหนืออยู่จีบน้องธารต่อที่นี่แล้วนะครับ หายงอนนะ” ยื่นนิ้วก้อยไปง้อมันตรงหน้า
มันปัดทิ้งพลันเสมองไปทางอื่น
“ก็บอกว่าไม่ได้งอน”
ไม่ได้งอนบ้าอะไร พอได้ยินว่าผมอยู่ต่อก็แอบลอบยิ้มด้วยเถอะ

ไอ้เด็กนี่มันน่าเอ็นดูได้โล่จริงๆ

“แล้วพรุ่งนี้น้องธารจะให้ของขวัญอำลาฝึกงานอะไรพี่เหนือเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น
ธารหันกลับมามองหน้าผม พลันตอบนิ่งๆ
“ไม่ให้”
“เอ้า คนอื่นยังให้เลย ทำไมน้องธารไม่ให้ล่ะ อาจารย์สมรสั่งนะ” ผมโวยนิดๆ หัวคิ้วของธารเลยผูกกันยุ่งขึ้นมา
“คนอื่นให้ก็ให้ไปสิ ทำไมผมจะต้องทำตามด้วย ป้าหมอนไม่ใช่แม่”
แต่กูก็สนิทชิดเชื้อกับมึงม้ากมากหรือเปล่าวะ ให้หน่อยก็ได้ หัวใจพี่เหนือจะได้ชุ่มฉ่ำ

ทว่าจะให้หรือไม่ให้ ผมก็ไม่สนใจหรอก สนใจตรงที่มันกลับมาเรียกแทนตัวเองว่า ‘ผม’ อีกละ
“ผมๆๆ อะไรก็ผมๆๆ พี่เหนืออยากได้ยินธารอย่างโน้น ธารอย่างนี้มากกว่า” แกล้งทำแก้มป่องๆ ด้วย ให้รู้ว่างอนทั้งที่จริงๆ ไม่ได้งอน
ธารเลยทำปากยื่น ก่อนจะว่าออกมา
“ป้าหมอนไม่ใช่แม่ธาร ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่ง โอเคมั้ย”
“ครับๆ ไม่ให้ก็ไม่ให้นะ เรียกแทนตัวเองว่าธารให้พี่เหนือชื่นใจก็พอแล้ว” หยอดไปอีกหน่อยเพื่อความฟินของตัวเอง
ธารไม่พูดอะไรต่อ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว ก่อนเราจะแยกย้ายกลับห้องใครห้องมันด้วยผมยังต้องทำรายงานฝึกต่อ
 


เมื่อคืนผมไม่ได้นอนทั้งคืน สะโหลสะเหลไปสอนเป็นวันสุดท้ายด้วยสติไม่สมประกอบเท่าไหร่นัก ดีนะที่รายงานเสร็จทันส่งเย็นนี้ ผมเลยไม่ต้องฝืนง่วงยาวนัก แค่ฝึกงานเสร็จก็กลับไปนอนตายได้ และการฝึกงานวันนี้ก็ไม่ได้สอนเต็มเวลาด้วย เพราะพี่สมรให้สอนแค่ครึ่งชั่วโมงแรก ครึ่งชั่วโมงหลังให้ผมคุยกับเด็กๆ ในแผนก แล้วก็มีการให้ของขวัญตามที่สั่งไปเมื่อวาน ส่วนใหญ่ของขวัญที่ได้ก็เป็นขนมน่ะนะ คนละเล็กละน้อย ไม่ใช่ของมีมูลค่าอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้ตื้นตันใจได้ไม่น้อย

จะไม่ให้ตื้นตันได้ยังไง ก็ตอนผมมาสอนพวกมันวันแรก ยังจำได้อยู่เลยว่าพวกมันเกือบทำผมประสาทกินแค่ไหน กว่าจะมีมิตรภาพดีๆ กับพวกมันอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

ระหว่างที่เด็กๆ เอาของขวัญออกมาให้ผม ก็มีแต่ธารคนเดียวเท่านั้นที่นั่งมองอยู่กับที่ ทำเป็นเมินตลอดเวลาด้วย พี่สมรเองก็หลุดปากดุธารนิดหน่อยที่ไม่ให้ความร่วมมือ ผมเลยต้องรีบปรามเพราะไม่อยากให้ธารอารมณ์เสีย

กระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน ธารถึงได้ส่งข้อความมาบอกผมว่าถ้ากลับไปถึงหอแล้ว ให้ออกมารอที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของหอ มันมีอะไรจะให้

ที่แท้ก็อยากให้พี่เหนือแต่ไม่อยากให้ใครเห็นนี่เอง งานเด็กขี้อายก็มา

ผมก็ระริกระรี้ด้วยความอยากรู้เลยว่ามันจะให้อะไร รออยู่พักใหญ่ เด็กนั่นถึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดให้เห็น วันนี้มันไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ออโต้ แต่ขี่คาวาซากินินจา ผมแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นมันขี่คันนี้ เท่าที่จำได้ เห็นมันว่าจะใช้เวลาเร่งรีบอย่างเดียวนี่หว่า

ผมอยากจะถามเหมือนกัน แต่แค่มันขี่มาจอดตรงหน้าผมปุ๊บ ก็ยื่นถุงพลาสติกใบใหญ่ที่บรรจุหมวกกันน็อคเต็มใบ สภาพใหม่เอี่ยมแต่สีและยี่ห้อเหมือนกับที่มันใส่เด๊ะๆ มาให้ซะก่อน
“เอาไป”
ผมรับมาถือแล้วมองอย่างงุนงง
“อะไรเหรอครับ”
“หมวกกันน็อคไง”
“รู้แล้วครับว่าหมวกกันน็อค พี่เหนือหมายถึงเอามาให้พี่เหนือทำไมต่างหาก ไหนว่าจะให้ของขวัญไง”
ธารย่นคิ้วกับคำถามนั้น เม้มปากเล็กน้อย แล้วก็ทำท่าจะบิดมอเตอร์ไซค์กลับออกไปหน้าตาเฉย
“เอ้า ยังไม่ตอบคำถามพี่เหนือเลย จะไปไหน” ผมรีบร้องท้วง เรียกสายตารำคาญของมันให้หันมามองทันใด
“ก็นี่ไงของขวัญ”
“หืม?”
“ของขวัญอำลาฝึกงานไง ธารให้ เวลาซ้อนไปไหนจะได้ไม่ต้องมาบ่นเรื่องไม่มีหมวกกันน็อคกันตายอีก ยังอยู่ที่นี่อีกนานไม่ใช่เหรอ หัดใช้มอ’ไซค์มั่ง เอาแต่ขับรถยนต์ เปลืองน้ำมัน เปลืองแก๊สจะตาย” พูดไปก็หน้าแดงไป ทำเอาผมอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“ยะ...ยิ้มอะไรเล่า ถ้าไม่เอาก็เอาคืนมา” แล้วก็ยื่นมือมาทำท่าจะแย่งหมวกกันน็อคคืนจากผมด้วย
ผมเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ก่อนจะรีบยกหมวกขึ้นสวม เปิดหน้ากากหมวก แล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้มัน
“เป็นไง พี่เหนือหล่อปะ”
ธารเบ้หน้าให้ผมเล็กน้อย ทำตาหลุกหลิกครู่หนึ่ง พลันดึงแขนผมให้เข้าไปใกล้
“ไม่... แต่พี่น่ารัก”
โอ้...หน่องธารรร น่ารักงี้ ขึ้นไปที่ห้องพี่เหนือกันเต๊อะ!

แทบจะลากมันไปเลย ยิ่งสิ้นสุดสถานะอาจารย์ฝึกสอนด้วยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บความหื่นกามอีกแต่อย่างใด หากแต่ธารไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูด หันมาส่งสัญญาณให้ผมขึ้นคร่อมรถซะงั้น
“จะยืนมองอีกนานมั้ย ใส่หมวกเสร็จแล้วก็ขึ้นมาซ้อนสิ”
“ไปไหนเหรอครับ” ผมเลิกคิ้วสูง
“ขี่รถเล่น แล้วก็หาข้าวกิน เบื่อข้าวแถวนี้แล้ว”
ผมร้องอ๋อ แต่ก็ยังไม่ยอมปีนขึ้นไปนั่งด้วยนึกได้ว่าตอนที่ซ้อนไอ้นินจาคันนี้ ธารมันขี่เร็วทะลุนรกแค่ไหน
และมันคงจะอ่านท่าทางผมออก พ่นลมหายใจออกมาทีนึง ก่อนว่าเสียงรำคาญ
“ไม่ขี่เร็วหรอกน่า ขึ้นมาเถอะ”

ไม่ขี่เร็ว แต่ยังไงก็ถูกด่าพ่อล่อแม่ใช่มั้ย?
ใครเชื่อมึงก็บ้าแล้ว!

“ทำไมไม่เอาคันที่เป็นออโต้ไปล่ะครับ พี่เหนือว่ามันน่าจะขี่ง่ายกว่านะ” ผมต่อรอง ใจนี่โคตรไม่อยากให้มันขี่ไอ้นินจานี่ไปเลย
ทว่าก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อคนตรงหน้าให้เหตุผล
“คันนี้ไม่เคยให้ใครซ้อน มีพี่เคยซ้อนแค่คนเดียว ถ้าพี่ไม่อยากซ้อนก็ตามใจ เอาอีกคันไปก็ได้”
โอ้ อยากให้พี่เหนือซ้อนคนเดียวนี่เอง แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก เอาจ้า! พี่เหนือยอมเป็นสก๊อยบอยให้แว้นน้องธารทันทีเลย

“ซ้อนสิครับ ที่ของพี่เหนือนี่เนอะ” เสนอหน้าไปซ้อนท้ายมันรัวๆ แต่ถึงจะระริกระรี้ ผมก็ไม่ลืมย้ำมันอีกที “แต่ขี่ช้าๆ นะ แบบซิ่งท้านรกนี่ ไม่เอาแล้วเน้อ เดี๋ยวพี่เหนือตก”
เพราะพูดไปอย่างนั้น ธารเลยหัวเราะออกมาหน่อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้ามือผมไปเกาะเอวมันโดยไม่ทันให้ผมตั้งตัว
“กลัวตกก็กอดไว้”

นะ...น้องธาร... ขะ...ขึ้นห้องๆๆ ข้าวเขิ้วอะไรไม่ต้องไปกินแล้ว กินพี่เหนือเถอะ!
น้ำลายสอเลย ไม่ได้หิวข้าวนะ หิวมันเนี่ย โหย... งานดีมากจริงๆ ธารใจของพี่

หิวจนถึงขนาดกอดเอวมันไม่พอ พยายามเอาหน้าไปสูดดมกลิ่นมันด้วย ฟินแร้งแรง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะติดหมวกกันน็อค แถมมันยังขู่มาว่าถ้าผมทำอะไรแผลงๆ เช่นงับหู หรือหอมแก้ม หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้มันตกใจ มันไม่รับประกันว่าจะพาผมแหกโค้งหรือไม่ ผมเลยต้องระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยไม่อยากตายก่อนวัยอันควร

แต่ไม่เป็นไร กลับมาห้องเมื่อไหร่ ค่อยตอดมันอีกทีแล้วกัน
บอกเลยว่าพี่เหนืออยากได้น้องธารเป็นของขวัญอำลาฝึกงานมากกว่าหมวกกันน็อคอีก

ถ้าจะเมตตาล่ะก็นะ... คืนนี้ก็ให้พี่เหนือเนอะ
-------------------------------------
อัพครบ 100% แล้วจ้า หน่องธารน่าร้ากกกก ทำเป็นซึน ที่แท้ก็โรแมนติกเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ
ไม่แน่ใจว่าตอนหน้านี่จะมีเลิฟซีนมั้ยนะคะ หนูแดงกำลังเรียบเรียงทรีตเม้นต์ใหม่อยู่ คิดว่าตอนหน้านี่แหละ (ตัดเข้าโคมไฟหัวเตียงนะบอกไว้ก่อน ไม่อยากเขียน nc แรงๆ เรื่องนี้ขอให้มันใสๆ ไปเถอะนะ อย่าให้ผิดคอนเซ็ปต์เลย ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ค่ะ)
พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ จะมาอัพตัวอย่างตอนที่ 18 ให้น้า
ปล. อย่าลืมส่งฟีดแบ็กกันให้ชื่นใจหน่อยน้า สายน้ำชโลมใจของเก๊า (เลียนแบบพี่เหนือ 55)

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 03-04-2016 01:24:24
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ฝึกจบแล้วค่ะพี่เหนือปล่อยผีเลย
เทกระจาด มีบ้านขายบ้านมีไร่อ้อยขายไร่อ้อย เอาให้น้องธารติดกับ 555555

ปล.ใจเต้นตุ๊บตั้บ มีลางแปลกๆว่าอาจมาม่ากับทุนคุณพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2016 02:16:28
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-04-2016 02:16:39
รอก่อนเถอะอีพี่เหนือจะโดน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 03-04-2016 04:17:39
น่ารักกกก แต่อิพี่เหนือก็ยังไม่ได้ไม่โดน


โดนอย่างเดียว โดนเทกระจาดอ้อย 555555

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 03-04-2016 08:56:29
ไม่พ้นสามวัน หน่องธารเสร็จพี่เหนือแน่ล้าวววว 555555555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 03-04-2016 09:19:14
อยากได้อยากโดนของพี่เหนืิกำลังจะมา ในที่สุดอ้อยพี่อ้อยก็ขายหมดได้กำไรคืนแล้ววว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 03-04-2016 09:21:52
อิพี่เหนือนี่สุดท้ายจะได้จะโดนรึเปล่าเนี่ย 55555555
เอาใจช่วยนางนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-04-2016 09:26:11
 :laugh: :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 03-04-2016 09:57:40
มาต่อไวๆนะพี่
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 03-04-2016 10:38:48
ไสจังแลน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-04-2016 11:22:18
โอ๊ยยยยย... อิพี่เหนือหื่นได้ตลอดอ่ะ
ส่วนน้องธารของป้า ก็น่ารักน่าเอ็นดู น่าปล้ำ!!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-04-2016 12:50:54
ขอให้สมหวังดั่งใจปอง~นะพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 03-04-2016 13:49:40
ว่าไปนี้ธานนี้ก็น่าโดนกดน่ะ 555555ถ้าสลับกันทำนี้คงดี5555หื่นไปอีกเรา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 03-04-2016 14:12:13
น่ารักจัง ขอให้พี่เหนือสมหวังซะทีเน้อ :ling1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 03-04-2016 14:55:28
"พี่เหนือไม่หล่อ แต่โอนไวนะ" เกลียดแกมากอิเหนือ นาทีนี้ 55555  //  สงสารน้องธารรรร (สรรพนามคนละวรรณะมากกะอิเหนือ 55555) คนใสๆ (?) ตอนหน้าน้องท่าจะโดนอิเจ้เปิดซิงไม่รอดแน่ๆ ขอถ่ายทอดสด ไม่ตัดไปโคมไฟนะตะเอ๊งงงง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-04-2016 23:32:05
ชั่งใจ ครั้งที่ 18: ชั่งใจรัก[1]

ไม่ใช่แค่ผมที่ฝึกงานแล้วอีกสองเดือนจะเรียนจบอย่างเป็นทางการ ธารเองก็เช่นกัน อีกสองเดือนมันก็จะจบชั้น ปวช. แล้ว ที่ผมรู้ก็เพราะคุณเลขาชยุตโทรมาตามเด็กนั่นให้กลับบ้านทันทีที่รู้ว่าผมฝึกงานเสร็จ ซึ่งนั่นก็หมายถึงหน้าที่ในการดูแลไอ้เด็กธารก็สิ้นสุดลงเช่นกัน การปล่อยให้มันอยู่หอคนเดียวเป็นการไม่น่าไว้วางใจ มันอาจจะไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาทอีกตามที่พ่อมันเคยกังวล ผมเลยต้องโทรไปเจรจาว่าถึงฝึกงานเสร็จแล้วก็ยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ยังอยู่ต่อจนกว่าธารจะจบชั้นปีสาม และจะขอรับหน้าที่ดูแลธารต่อ

ดีที่คุณธีเชื่อใจผม กอปรกับพี่สมรสนับสนุนว่าอยู่กับผมไม่น่าจะมีปัญหาเพราะธารดูสนิทกับผมค่อนข้างมาก ทางนั้นเลยยอมให้ธารอยู่ต่อ โดยมีข้อแม้เหมือนเดิมว่าถ้ามันไปก่อเรื่องอีกเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็จะลากกลับบ้านทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ผมเลยเบาใจไปที่รั้งมันให้อยู่กับผมตามลำพังได้

คราวนี้แหละ สวรรค์ของไอ้เหนือชัดๆ เลยล่ะ หึๆ

แต่ถึงจะเป็นสวรรค์ ผมก็อดกังวลกับอนาคตของเด็กนี่ขึ้นมาหน่อยๆ ยิ่งเห็นเด็กโรงเรียนสายสามัญเริ่มทยอยมาเรียนพิเศษกันในย่านศูนย์การค้าละแวกที่ผมพักอยู่อย่างอุ่นหนาฝาคั่งแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องแผนการเรียนต่อของธาร

“น้องธารคิดหรือยังครับว่าเรียนจบ ปวช.แล้วจะเอาไงต่อ” ผมถามระหว่างที่นอนเล่นอยู่ในห้อง

เอ้อ ลืมบอก ตอนนี้ผมขนย้ายข้าวของทุกอย่างมาอยู่กับเด็กนี่เต็มตัวแล้วล่ะ ห้องที่ผมเช่าอยู่ก็ปล่อยให้หมดสัญญาเช่าไปแล้ว
ก็ช่วยไม่ได้ เด็กนี่มันเปิดโอกาสเองนี่หว่า มาออกปากชวนผมว่า ‘ยังไงก็นอนด้วยกัน จะไปเช่าอีกห้องทำไม เปลือง!’ แล้วผมจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยเหรอ หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ห้องมันรัวๆ แต่แน่นอนแหละว่าผมก็ช่วยมันออกค่าเช่าคนละครึ่งนะ ไม่ได้มาอยู่ฟรี มันยังเรียนอยู่เลยนี่หว่า ที่ใช้ๆ อยู่ก็เงินพ่อทั้งนั้น จะให้ผมที่โตกว่ามาเอาเปรียบได้ไง

หากทว่าธารไม่ใส่ใจกับคำถามผมมากนัก เดินใส่กางเกงตัวเดียวร่อนไปมา มือก็ใช้ผ้าเช็ดตัวซับหยาดน้ำที่เกาะบนตัวหลังจากการอาบน้ำอยู่ไปด้วย
“ไม่รู้”
“เอ้า จะไม่รู้ได้ไง ใกล้จะเรียนจบแล้ว ไม่ได้เตรียมแผนการอะไรไว้เหรอ”
ผมถามอย่างนั้นเพราะตอนที่ผมเรียน ม.หก ตอนนั้นผมเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัยตั้งแต่ ม.ห้าเลยเถอะ อย่างน้อยถ้ามันไม่เรียนต่อมหา’ลัย ก็น่าจะมีแผนเรียนต่อ ปวส.ไรงี้ปะ?

ทว่าคำตอบที่ได้กลับมาทำให้ผมหน้าหงายอีกรอบ
“ไม่ได้เตรียม ก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร ถ้าไม่มีอารมณ์ก็ไม่เรียน ดูก่อน”
“ถ้าไม่เรียนต่อ แล้วน้องธารจะทำอะไรล่ะครับ ทำงาน?”
“ไม่รู้”
อนาคตมึงมีแววอับเฉามาแต่ไกลเลยนะ เป็นห่วงมันขึ้นมาเลยแฮะ

งั้นลองถามถึงเพื่อนๆ มันดูหน่อยแล้วกัน เผื่อว่ามันจะมีแนวทางอะไรบ้าง เช่นไปเรียนตามเพื่อนไรงี้

“แล้วพวกน้องจอมแก่น น้องมายด์ โรมล่ะครับ พวกนั้นมีแผนอะไร”
ธารชะงักมือที่กำลังเช็ดตัวอยู่ นิ่งคิดไปแป๊บ ก่อนจะพูด
“พวกมันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

น่าเป็นห่วงทั้งแก๊งเลยนะพวกมึงเนี่ย!

ผมถอนหายใจอย่างระอา อดเสียดายเกรดเฉลี่ยคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างเสียมิได้ ถึงมันจะเรียนสายอาชีพ แต่ได้ 4.00 ทุกเทอม ทุกวิชาอย่างนี้ก็แสดงว่าหัวดีไม่น้อย ใจผมนี่โคตรอยากให้มันเรียนต่อเลย จะเรียนอะไรก็เอาเถอะ แต่อยากให้มันเรียนโคตรๆ

งั้นตะล่อมโดยการเอาตัวเองเข้าล่อแล้วกัน
“แล้วน้องธารไม่สนไปลองสอบแอดมิชชันดูเหรอ สอบมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ มั้ย จะได้อยู่ใกล้ๆ พี่เหนือ”
ธารหันมามองผมทันที ทำหน้าสงสัยด้วย ผมเลยรีบชิงอธิบายก่อน
“ก็พี่เหนืออยู่ที่นี่อีกแค่สองเดือนเองนี่ครับ ครบสองเดือน พี่เหนือก็ต้องกลับบ้านแล้วนะ ทีนี้เราก็จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ละ แต่ถ้าน้องธารไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ก็จะได้อยู่ใกล้ๆ พี่เหนือ เราก็จะได้เจอกันบ่อยๆ ไงครับ”
ธารพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ พลางว่าอุบอิบ
“เป็นอะไรกันถึงจะต้องไปอยู่ใกล้ๆ พี่วะ”

แน่ะๆ มาแล้ว มุขเปิดทางให้พี่เหนือได้ฮาร์ดเซลขายอ้อยมาแล้ว

“ก็เป็นสายน้ำชโลมใจของพี่เหนือไง มาอยู่ใกล้ๆ พี่เหนือนะ พี่เหนือจะได้ไม่แห้งแล้ง” ได้ที ผมก็เอาเลย ลุกจากเตียงไปดึงมันให้ทรุดตัวนั่งที่ปลายเตียง แล้วกระแซะเป็นการใหญ่
มันก็หน้าแดงไปตามประสา มีการเอี้ยวตัวหลบผมที่พุ่งเข้าไปจะกอดมันด้วย
“สายน้ำบ้าอะไร ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

อ๊ะๆ มาอีกแล้วมุขเปิดทางขายอ้อย โถ อยากให้พี่เหนือขอเป็นแฟนก็ไม่บอก จะว่าไปก็ย้ายมาอยู่กับมันหลายวันแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มจีบมันอย่างเป็นทางการเลยแฮะ

งั้น...
“น้องธารเป็นแฟนกับพี่เหนือมั้ย”
จู่ๆ ผมก็ถาม ทำเอาธารหันมามองหน้าผมตื่นๆ ราวกับเห็นผี พอผมยิ้มให้แล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าผมพูดจริง มันไม่ได้หูฝาด แก้มขาวๆ ก็แดงแจ๋ขึ้นมาจนลามขึ้นหูลงคออย่างรวดเร็ว

“ว่าไง ตกลงจะเป็นแฟนพี่เหนือมั้ยครับ ขอเป็นแฟนแล้วเนี่ย จะได้มาอยู่ใกล้ๆ พี่เหนือแบบไม่มีเงื่อนไข”
“มะ...ไม่” ธารตอบเสียงสั่นน้อยๆ หลบสายตาทันควันด้วย
ผมก็หมุนตัวตามสายตามัน ไปกระแซะตื๊อให้มันซื้ออ้อยอีก
“ปฏิเสธงี้ แสดงว่าไม่ชอบพี่เหนือ?”
“เปล่า”
“เอ้า แล้วปฏิเสธทำไมอะ”
“กะ...ก็...ไม่”

ยัง...ยังเล่นตัวไม่เลิกอีก

“ไม่อะไรอีก ชอบพี่เหนือขนาดนี้แล้วก็ยอมเป็นแฟนกับพี่เหนือเถอะ” ผมแสร้งว่า หน้าของธารยิ่งแดงเข้าไปใหญ่
“ก็พี่ยังไม่ได้จีบเลยนี่หว่า จะเป็นได้ไง”
“เนี่ย จีบแล้ว” ผมยกมือขึ้นจีบคว่ำจีบหงายใส่มันรัวๆ เลยโดนมันมองค้อนเข้าให้ ก่อนจะหลุดขำเสียงดังที่เห็นมันเริ่มออกปากด่า
“กวนตีน”
“ไม่อยากให้พี่เหนือกวนก็เป็นแฟนพี่เหนือสิครับ รับรองว่าถ้าเป็นแฟนพี่เหนือเมื่อไหร่ พี่เหนือจะดูแลอย่างดีเลยนะ” ผมเย้าอีก และคำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม
“ไม่”

ใจแข็งจังเลยแฮะ งั้นอ้อนหน่อยแล้วกัน
เท่านั้นผมก็ถลันเข้าไปหา เอาหัวไปไถๆ ต้นแขนล่ำนั่นเป็นการอ้อน
“เป็นแฟนกับพี่เหนือหน่อยน้า” ไม่ไถแค่หัว หน้าเหน้อก็ไถหมด
ธารหัวเราะกับท่าทางของผม ก่อนจะดันหน้าผากผมออก
“ไม่” ตอบปฏิเสธแต่หัวเราะไม่หยุดเลย

สงสัยจะเริ่มใจอ่อนแล้วล่ะ

ผมเลยไม่หยุด ดันออกแล้วก็เข้าไปไถอีก คราวนี้ไม่ไถอย่างเดียว แอบฉกหอมแก้มมันด้วย
“เป็นแฟนพี่เหนือนะครับ”
“เฮ้ย อย่าฉวยโอกาสสิวะ” ธารโวยวายไม่เสียงดังนัก ผมรู้ด้วยว่าไม่จริงจัง เพราะตอนนี้หน้ามันเริ่มแดงมากขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะ
“ไม่อยากให้พี่เหนือฉวยโอกาสก็เป็นแฟนพี่เหนือสิ คราวนี้พี่เหนือจะไม่ฉวยเลย แต่จะทำแบบไม่ต้องขออนุญาต” ผมว่าเย้าอีก ตอนนี้หน้าธารแดงไปไหนต่อไหนแล้ว
“นะครับ เป็นแฟนพี่เหนือนะครับ” ได้ทีก็เต๊าะใหญ่ งานนี้ไม่หลุดมือแล้ว
ซึ่งก็จริงซะด้วยเมื่อธารเริ่มเม้มปากแน่น สบตาผมที่มองอย่างเว้าวอนอยู่แล้วถามเสียงแผ่ว
“ถ้าธารเป็นแฟนพี่ พี่จะรักธารแค่คนเดียวหรือเปล่า”
“คนเดียวสิ ขนาดตอนนี้ยังไม่ได้เป็นแฟน พี่เหนือยังทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ ถ้าได้เป็นแฟน คงไม่ต้องถามแล้วล่ะว่าจะทั้งรักทั้งหลงขนาดไหน”
“จริง?” ธารทำหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่นัก
“พี่เหนือดูเหมือนคนโกหกเหรอครับ”
“เออ”

มึงต้องปฏิเสธต่างหากเว้ย!

“แล้วตกลงจะเป็นปะแฟนเนี่ย ถามจนปากจะฉีกแล้วนะครับ” ผมเริ่มเหนื่อยแล้วล่ะ กะว่าถ้ามันไม่ตอบวันนี้ก็จะไปตื๊อมันพรุ่งนี้แทน
ธารนิ่งไปครู่ ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแทบชิดกัน
“ถ้าธารเป็นแฟนพี่ แล้วพี่ไม่มั่วเหมือนเมื่อก่อน ธารก็...” จู่ๆ ก็หยุดพูดไป หลบตาผมซะงั้น
ก็อะไรของมึงเว้ย! พูดเร็วๆ ลุ้นเหงื่อไหลซ่กเป็นน้ำตกแล้ว!
“ก็อะไรครับน้องธาร” ผมพยายามสะกดความตื่นเต้นนั้นไว้ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ดูท่าจะเก็บไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ เพราะธารมองหน้าผมแล้วก็หัวเราะน้อยๆ
“ธารก็...”
“ก็...”
ก็อะไรก็ไม่พูด ขนาดผมทำหน้าอยากรู้สุดๆ มันก็ไม่พูด ยิ้มออกมาแล้วโน้มหน้ามาจูบผมแทน

ว้อท อีส ดีส!? นี่คืออะไร? ตอบรับหรือเบี่ยงประเด็น หรืออะไรยังไง แถลงเดี๋ยวนี้!

ผมใจเต้นรัวเลย หน้าก็ร้อนผะผ่าว และป่านนี้คงจะเริ่มแดงแข่งกับคนตรงหน้าแล้วล่ะ พอมันผละออกมาได้ก็รีบรวบรวมสติ เค้นเอาคำตอบจากการกระทำเมื่อครู่ด้วยความเร็วแสง
“ดะ...เดี๋ยวๆ นี่อะไร หมายความว่า?” ชี้ปากตัวเองที่ถูกจูบสดๆ ร้อนๆ ประกอบการพูดไปด้วย
ธารพยายามกลั้นยิ้มด้วยการเม้มปาก หลบสายตาไปทางอื่น ว่าพึมพำเบาๆ
“ก็ชอบพี่ แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือไงว่าอยากเป็นอะไรด้วย”

ฮะ...โฮ! หน่องธารรร! คือตกลงเป็นแฟนกับพี่เหนือแล้วใช่มั้ย!?

ถึงความหมายอ้อมๆ จะใช่ แต่ยังไงผมก็ยังอยากได้ยินมันพูดจากปากมากกว่าว่าตกปากรับคำเป็นแฟนผมแล้ว ผมเลยเข้าไปเอาหน้าถูๆ ไถๆ แขนมันอีกรอบ

“บอกพี่เหนือหน่อยสิครับว่าน้องธารเป็นแฟนพี่เหนือ แบบว่าอยากฟินอะ”
ธารหัวเราะลั่นกับความอ้อล้อของผมทันที มีการจับหัวผมออกห่าง แล้วตั้งท่าจะพูด
“เออ ธารก็อยากเป็น...”

กริ๊ง... กริ๊ง...

ปาโทรศัพท์ทิ้งแม่งเลยห่านเอ๊ย! มึงมาโทรอะไรตอนนี้!

ผมสะดุ้ง หันไปมองโทรศัพท์ตัวเองที่แหกปากร้องไม่หยุด หัวเสียแบบสุดขีดด้วย ธารเองก็ดูหงุดหงิดเหมือนกัน ทว่าความเขินอายมีมากกว่า สีหน้าเลยไม่แสดงชัดเจนว่าอารมณ์เสียเท่าไหร่ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมรับโทรศัพท์ก่อนเพราะมันดังไม่เลิกซะที

ผมคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูหน้าจอ เบอร์ไม่คุ้นตาทำให้ผมย่นคิ้ว และย่นคิ้วมากกว่าเดิมเมื่อกดรับแล้ว อีกฝ่ายก็กรอกเสียงห้าวไม่คุ้นหูตามมา
[ฮัลโหล เหนือเหรอ]
“ครับ ใครน่ะ”
[เราไง จำเราไม่ได้เหรอ]
“เราไหน?” ตอนนี้คิ้วผมขมวดกันเป็นปมแล้วเถอะ สายตาก็เหลือบมองธารที่นั่งเงียบ พยายามฟังเสียงที่เล็ดลอดจากโทรศัพท์ไปด้วยว่าผมคุยอะไรกับอีกฝ่าย
[เราก็เต้ไง จำได้หรือยัง]

ตอนแรกผมก็คิดว่าอีกฝ่ายคงโทรผิดเพราะผมไม่มีเพื่อนชื่อเต้ในสารบบชีวิตเลย ถึงมีก็ไม่ได้สนิทถึงขนาดโทรมาหาดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้ ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเคยมีคนชื่อนี้ผ่านเข้ามาในชีวิตผมอยู่

ก็ไอ้เต้ที่ผมหิ้วมันกลับมาที่ห้องจนทำให้ไปเลือกที่ฝึกงานสายไง!

มือไม้สั่นเทา เหงื่อกาฬไหลพลั่กขึ้นมาเลย ยิ่งมันพูดกลับมาเตือนความจำให้ผมด้วย ผมยิ่งทำตัวไม่ถูก

[ถ้าจำไม่ได้ก็นึกถึงวันที่เหนือพาเราไปเล่นสนุกที่ห้องสิ วันนั้นเหนือบ่นว่าเราทำเหนือปวดตัวน่ะ จำได้แล้วใช่มั้ย]

จำได้ชัดเจนเลยไอ้เวรเอ๊ย! มึงจะพูดมาทำซากอะไร ไอ้เด็กธารมันได้ยิน!

ได้ยินจริงๆ จากสีหน้าสงสัย ตอนนี้นี่โอ้โห ฆ่ากูได้เลยเถอะ อะไรจะบูดเป็นตูดลิงปานนั้น!

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าความอยากรู้ว่ามันเอาเบอร์ผมมาจากไหนมากกว่า ปกติแล้วผมไม่เคยให้เบอร์คู่ขาที่เจอกันแบบวันไนท์สแตนด์คนไหนนะ
หากแต่ไม่ทันได้ถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบมาแล้ว

[โทษทีนะที่โทรมาดึกๆ ส่วนเบอร์นี่เราเอาโทรศัพท์เหนือโทรเข้ามาเบอร์เราน่ะ]
“แต่โทรศัพท์เราตั้งล็อค?”
[เหนือปลดล็อคให้เราเอง เราขอตอนที่เหนือเมา]

ไอ้เวรจริงๆ! มิน่าล่ะเห็นมีรายชื่อแปลกๆ ขึ้นในโปรแกรมแชท ที่แท้ก็เป็นไอ้บ้านี่ที่ถูกแอดเข้ามาในรายชื่อผู้ติดต่อแบบอัตโนมัตินี่เอง

โอเค ได้คำตอบละ ที่เหลือคือต้องรีบไสหัวมันไปก่อน อีกนิดเดียว น้องธารจะพุ่งเข้ามากระซากไส้กูแล้วเนี่ย!

“ละ...แล้วนายมีอะไร คือเราไม่ว่างคุย”
[ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงน่ะ ตั้งแต่วันนั้นเราก็คิดถึงเหนือตลอดเลย อยากเจออีกครั้ง]
“อย่า...เจอเลย” พูดไปก็เหลือบมองหน้าคนข้างตัวที่จ้องผมเขม็งอย่างหวาดหวั่นไป ไอ้บ้าคู่สายก็ยังเร้าหรือไม่เลิกอีก
[ทำไมอะ เหนือไม่ชอบเราเหรอ]

เออ! ไม่ชอบ! สำคัญกว่าไม่ชอบคือกูกลัวตายเว้ย! ดูนั่น ไอ้น้องธารมันถลาเข้ามาแล้ว!

ถลาเข้ามาแย่งโทรศัพท์จากมือผมด้วย ผมอ้าปากค้างหน่อยๆ ขณะที่เด็กนั่นมองผมตาขวาง ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“วางสายไปไอ้บัดซบ เหนืออยู่กับผัว”

แล้วก็ตัดสายไปหน้าตาเฉย ไม่ตัดอย่างเดียว ปิดเครื่องแล้วโยนไปมุมไหนสักมุมของเตียงด้วย จัดการกับโทรศัพท์เสร็จ ก็หันมาเอาเรื่องผมแทนด้วยการจ้องหน้าผมนิ่งๆ จนผมเลิ่กลั่กขึ้นมา ร้อนรนแก้ตัวทันใด

“นะ...นั่นมันเป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนพี่เหนือมาฝึกงานน่ะครับ ก่อนจะเจอกับน้องธารอีก เรื่องมันนานมาแล้ว”
“เมื่อสองเดือนก่อนใช่มั้ย?”
“คะ...ครับ แต่ตอนนี้พี่เหนือไม่ได้มั่วแล้วนะ”

สิ้นเสียงผม ธารก็เม้มปาก พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง หน้าตาดูอารมณ์เสียสุดๆ ก่อนมันจะว่าเสียงแข็ง
“ใครจะไปเชื่อพี่ลงวะ เป็นแบบนี้แล้วธารจะรักพี่ได้ยังไง ไม่เอาหรอกนะเว้ยที่คบๆ กันแล้วมีคนอื่นมาวุ่นวายแบบนี้เนี่ย”

ผมหายเลิ่กลั่กทันที สบตามันกลับไปบ้าง พอจะเข้าใจความรู้สึกมันอยู่ว่ากลัวความไม่มั่นคง ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ก็ตอนที่คบกับแฟนเก่าแล้วแฟนเก่านอกใจ หลังจากกลับมาคบกันใหม่ ผมก็เชื่อใจไม่ลงเหมือนกันจนสุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไป และผมก็ไม่มีข้ออ้างใดๆ ไปทำให้มันเห็นด้วยว่าผมจะมั่นคงกับมัน ถึงความรู้สึกที่มีกับเด็กนี่ในตอนนี้จะมากล้นไปถึงขั้นรักแล้วก็ตาม ก็ประวัติมาไม่ดีขนาดนี้ เชื่อใจไม่ได้ง่ายๆ หรอก

“น้องธารไม่เชื่อใจพี่เหนือใช่มั้ยครับ” ผมเลยถามไปแบบนั้น
ธารพยักหน้าช้าๆ ให้ผมได้พ่นลมหายใจออกมาบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเพราะระอาใจ เป็นเพราะเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งต่างหาก
“งั้นก็ยังไม่ต้องเป็นแฟนพี่เหนือก็ได้นะ พี่เหนือรู้ว่าเมื่อก่อนตัวเองทำตัวไม่ดีนัก ถ้าน้องธารจะไม่เชื่อใจก็ไม่เป็นไร ดูๆ กันไปก่อน ชั่งใจคิดให้รอบคอบแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรักพี่เหนือหรือไม่รักนะ” พูดพลางตบไหล่มันเบาๆ

ธารไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ เอาแต่มองหน้าผมกระทั่งสีหน้าเริ่มคลายความกรุ่นโกรธ กลายเป็นความสับสนแทน
“พี่นี่แม่ง... มาทำให้ลังเลทำไมวะ” จู่ๆ มันก็ว่าขึ้น ท่าทางดูสับสนโลกสุดๆ

เห็นแล้วก็สงสารเลย ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี อยากจะรักแต่ไม่กล้าเพราะกลัวเจ็บเนี่ย เข้าใจอย่างชัดแจ้งเลยล่ะ
ผมก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากการขยับเข้าไปหาแล้วสวมกอดคนตัวโตกว่าเอาไว้

“พี่เหนือขอโทษครับ เมื่อก่อนพี่เหนือทำตัวไม่ดี แต่หลังจากนี้สัญญาว่าจะทำตัวดีๆ เพื่อน้องธารนะ แล้วที่พี่เหนือบอกว่าชอบน้องธารนี่ก็เรื่องจริง ไม่ได้โกหก ชอบจริงๆ จากใจเลย”
ธารดูเหมือนจะนิ่งขึ้นได้ ไม่ไหวติง ปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้น เงียบจนผมเริ่มหวั่นใจแล้วล่ะว่ามันจะเปลี่ยนใจ ทว่าผิดคาดเมื่อมันดึงผมออก มองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“งั้นธารจองไว้ก่อนได้หรือเปล่า”
“หืม?”
“ถามว่าจองไว้ก่อนได้หรือเปล่า”
ผมไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ปากนี่พูดออกไปแล้ว
“ได้สิครับ ความจริงไม่ต้องจองก็ได้นะ ยังไงพี่เหนือก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้วจนกว่าน้องธารจะปฏิเสธพี่เหนือจริงจังนั่นแหละ”

เพราะพูดออกไปอย่างนี้ ธารก็กระเถิบเข้ามาหาผม ยกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองใบหน้าผมไว้ พลันจรดจูบลงมาแผ่วเบา ไม่นานนัก จากแผ่วเบาก็เริ่มทวีความหนักหน่วงและดุดันขึ้น ทำเอาผมงงไปหมดว่ามันจะทำอะไรจนไม่ได้ตอบโต้กลับไปสักนิด

งงหนักกว่าเดิมด้วยเมื่อธารละริมฝีปากออกมา กระซิบแผ่วเบาทั้งที่ปลายจมูกเรายังชนกัน
“จองแล้วก็ห้ามไปเป็นของคนอื่นนะ”
“หมายความว่า...?”
ถามยังไม่ทันจบ เด็กนั่นก็ดันตัวผมลงนอนราบ โถมตัวขึ้นมาคร่อมไว้ โน้มใบหน้าลงมาจูบผมอีกทีขณะที่มือข้างหนึ่งก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อผม ลากไล้ไปบนแผงหน้าอกอย่างเบามือ

ตอนนี้ไม่ต้องให้มันตอบก็รู้แล้วล่ะว่าคำว่า ‘จอง’ ที่มันหมายถึงแปลว่าอะไร
ปะ...ประทับตราจองอย่างยิ่งใหญ่อลังการ! ควรขอบคุณไอ้เต้ดีมั้ยเนี่ย

แต่นี่ไม่ใช่เวลามาตลกรับประทาน ควรจดจ่อกับการกระทำของคนตรงหน้ามากกว่า ใครบอกว่ามันใสๆ นี่ไม่ใช่เลย แค่โดนจูบ โดนสัมผัสด้วยฝ่ามืออุ่นร้อน ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็ทำงานหนักราวกับจะออกมาเต้นข้างนอกให้ได้ จังหวะลมหายใจก็ผิดเพี้ยนไปจนนอกเหนือการควบคุม

ไม่...ไม่ใสแล้ว ชำนิชำนาญขนาดนี้ แม่งไม่ใสแล้ว!

สติผมเริ่มเตลิดเปิดเปิงเมื่อริมฝีปากหนาละจากเรียวปากผม ลากไล้ไปขบเม้มยังใบหูและลำคอ ก่อนลากต่ำลงไปยังไหปลาร้า อะไรๆ ที่ผมเคยสงสัยไว้ว่ามันจะหน่อมแน้ม มาเจอตอนนี้...โอ้โห ระทวยปวกเปียกไปทั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลือเสื้อผ้าบนตัวแล้วเถอะ

มะ...มือไวใจเร็วไปแล้ว!

“ให้ธารจองนะ”
สติผมกลับมาหลังจากได้ยินเสียงห้าวทุ้มของคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมก็ใช่ว่าจะไม่ยินยอมหรอก รอวันนี้มานานแล้วเถอะ แต่ว่า...

สอนไปแต่ทฤษฎี แถมยังไม่คล่องอีกต่างหาก ภาคปฏิบัตินี่จะรอดมั้ย!?

เท่านั้นผมก็รีบดันตัวลุกขึ้น ปากก็ว่ารนๆ ไปด้วย
“นะ...น้องธารแน่ใจนะว่าจะทำ”
“แล้วพี่ล้างตู้เย็นหรือยังล่ะ”

ถามมาซะหน้าม้านเลย หลังจากวันนั้น กูก็เตรียมตัวทุกวันเว้ย กลัวว่าจะมาเจอแบบกะทันหันอีกเหมือนวันนี้เนี่ย!
...บอกเลยว่าล้างไปยันห้องครัวแล้ว

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ควรเป็นห่วงเรื่องครั้งแรกของน้องธารมากกว่านะ”
ครั้งแรกของมันกับผู้ชายน่ะ พูดแบบนี้ก็เพราะครั้งก่อนมันยังถามผมอยู่เลยว่าผู้ชายกับผู้ชายทำกันยังไง แล้วนี่ไม่ได้มีการบรีฟงานอะไรสักอย่าง จะมากินหัวกินหางกันแบบนี้ มันก็ต้องวางแผนกันหน่อย เดี๋ยวงานจะมางอกที่ผม

ทว่าธารกลับตีหน้ายุ่งขึ้นมา
“พี่เห็นธารเป็นเด็กหรือไงวะ รู้งานน่า”
“แน่ใจนะว่ารู้?”
“เออ รู้”
“จำได้ใช่มั้ยว่าจะต้องเปิดทางก่อน จากนั้นก็ต้องป้องกันตัวเองด้วย แล้วค่อยจัดการ” ผมเผลออธิบายแบบรวบรัดออกไป ทำเอาธารผลักผมลงไปนอนดังเดิม ว่าเสียงดุทันที
“ไม่ต้องสอนเว้ย รู้แล้ว ทำเป็น!” ว่าจบ มือก็ควานหาอุปกรณ์ในการประกอบกิจกรรมในลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงเป็นการใหญ่

ผมเห็นแล้วก็ระแวงไม่เลิก ไม่รู้จะระแวงทำไม ทั้งระแวง ทั้งวิตก ทั้งที่คนที่ควรรู้สึกแบบนี้ควรเป็นธารมากกว่า ยิ่งถูกมันจูบอีกครั้ง มือไม้ผมก็เย็นเฉียบไปหมด

คะ...ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กเปิดบริสุทธิ์

ใจสั่น ตัวก็สั่นจนธารหลุดหัวเราะออกมา พรมจูบมากระซิบข้างหูผมเบาๆ
“ทำไม กลัวเหรอ ไม่รุนแรงหรอกน่า”

ดะ...ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง!

“ปะ...เปล่าครับ พี่เหนือไม่ได้กลัว” ผมแค่นเสียงตอบ
ธารมองหน้าผมยิ้มๆ “งั้นธารจะเบามือให้แล้วกัน แก่แล้วก็งี้ กลัวกระดูกกระเดี้ยวจะเดาะล่ะสิ”

ดูปากมึง! กูยังไม่แก่ แค่เกิดก่อน เดี๋ยวปั๊ด!

ผมบุ้ยปากใส่มันรัวๆ ทำให้มันหัวเราะดังขึ้นไปใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแทน
“ให้ธารจองแล้วห้ามไปยุ่งกับใคร เข้าใจใช่มั้ย”
“แต่ว่าน้องธารทำเป็นแน่นะ”
“เลิกชวนคุยได้แล้ว ถามว่าเข้าใจมั้ยก็ตอบสักที” ขึ้นเสียงใส่ผมเล็กๆ ทันทีที่ผมขัดคอมัน

ผมเลยคลายความกังวลขึ้นมาได้บ้าง ยกมือขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งแล้วพยักหน้ารับ
“ครับ จะไม่ยุ่งกับใครเลย แบบว่าพี่เหนือ...เอ่อ...รักน้องธารนะครับ ถึงจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ก็รักนะ รักขนาดนี้ ไม่ไปยุ่งกับใครหรอก สาบาน”
อีกฝ่ายกัดริมฝีปากพลางยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะประกบปากจูบผมอีกครั้ง พอผิวกายแนบชิดกัน ไม่นาน ทุกอย่างก็เริ่มดำเนินไปตามความต้องการทางธรรมชาติ
ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า...
และดำเนินต่อไปตลอดทั้งคืน...
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-04-2016 23:32:56
ชั่งใจ ครั้งที่ 18: ชั่งใจรัก[2]

‘ไม่รุนแรงหรอกน่า’

ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเช้ามืดของวันใหม่ด้วยจำได้ดีว่าก่อนที่จะได้จะโดนเนี่ย ไอ้เด็กนั่นมันพูดอะไรไว้ แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว...

ไม่รุนแรงบ้านป้ามึงสิ! กูลุกจากเตียงไม่ขึ้นเลยเนี่ย!

จะลุกไปเข้าห้องน้ำเองยังไม่ได้ ต้องให้มันพยุงไป แถมบอกมันแล้วว่าเหนื่อยๆ มันก็ไม่ยอมหยุด จากครั้งเดียวเลยกลายเป็นนับไม่ถ้วน ถึงขนาดต้องลงไปซื้อถุงยางอนามัยใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อเพิ่มนี่ กูว่ามึงไม่ได้ตีตราจองอย่างเดียวแล้วล่ะ มึงแก้แค้นโทษฐานที่กูทำให้ระแวงเพราะไอ้เวรเต้นั่นโทรมาด้วยเถอะ บอกเลยนรกมาก แค่ขยับตัวนิดเดียวก็ปวดจี๊ดสะท้านไปทั้งทรวง

ปวดมากสุดตรงสะโพก อารมณ์เหมือนเป็นออฟฟิศซินโดรม นั่งทำงานนานๆ แล้วเกิดอาการปวดยอกอะไรประมาณนั้น ความอยากได้อยากโดนที่มีมาตั้งแต่สองเดือนก่อนหายวับไปกับตาราวกับไม่เคยมีมาก่อน

ถ้ารู้ว่าพอได้พอโดนจริงๆ แล้วมันจะหนักหนาสาหัสขนาดนี้ ผมคงไม่กระเหี้ยนกระหือรือ อยากให้มันจัดหนักให้หรอก ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ

ร่างกายอ่อนล้ามากจริงๆ ผมเลยได้แต่นอนซุกใต้ผ้าห่มหลังจากการตีตราจองสิ้นสุดลงด้วยสภาพอิดโรยสุดๆ จะหลับก็ไม่ได้หลับอีก เพราะเด็กนั่นมันเกิดหิว จะพาไปหาอะไรกินที่บ้านโรมอีก

แม่งเอ๊ย... มึงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงวะ เด็กๆ นี่แรงดีจังเลยแฮะ ยิ่งมาเจอเด็กบ้าพลังแบบมันด้วยแล้ว คนเกิดก่อนอย่างผมอายุสั้นลงอีกหลายปีเลยทีเดียว

“เป็นไงพี่ ลุกไหวมั้ย” ธารถามหลังจากจัดการล้างเนื้อล้างตัวเสร็จแล้ว
ผมมองค้อนมันประหลับประเหลือก

เห็นสภาพกูแล้วยังมีหน้ามาถามอีก นอนเน่าเป็นขยะเปียกแล้วเนี่ย!

“ไม่ไหว น้องธารไปคนเดียวนะ พี่เหนืออยากนอน” ผมปฏิเสธแบบไม่คิดเลย
แล้วมันยอมให้ผมนอนมั้ย... ไม่ แม่งขุดขึ้นมาจากหลุมจนได้ เดินดุ่มๆ มาฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นนั่งหน้าตาเฉย
“พี่เหนือไปไม่ไหวจริงๆ ครับ” ผมกัดฟันแน่น ข่มความปวดร้าว ปฏิเสธไปแบบไม่คิด
ทว่าก็ต้องใจอ่อนเมื่อจู่ๆ มันก็เอาหน้ามาซบที่ไหล่ผมแล้วว่าเสียงกระเง้ากระงอด
“พี่เหนือไปกับธารหน่อยนะครับ ธารไม่อยากไปคนเดียว”

อ้อนแบบเปิดเผยครั้งแรก... อื้อหือ ใจละลายเป็นของเหลวเลยกู
ยอม...ยอมหมดเลยจ้า ไปก็ไป ไปแบบไม่ดูสังขารตัวเองเลยด้วย

มาแค่นี้ ผมก็พยักหน้าให้รัวๆ ก่อนจะถูกมันพาไปล้างเนื้อล้างตัวบ้าง โดนจับแต่งตัวด้วยเถอะ หนักกว่าคือมีการพยุงเดินลงบันไดมาข้างล่าง

อารมณ์เหมือนหลานพยุงอากงแก่ๆ ไปเที่ยวชะมัด
ถ้าแม่งจะลำบากขนาดนี้ ทิ้งกูไว้ที่ห้องเถอะ ขอร้อง!

แล้วพูดแย้งอะไรมั้ยล่ะ...ไม่ ปีนขึ้นรถมันในสภาพทุลักทุเล ตั้งท่าไปบ้านโรมเรียบร้อย ทว่าก่อนไป ธารโทรหาโรมก่อนเพื่อความชัวร์ว่าโรมยังช่วยป้ารินขายข้าวเหนียวหมูอยู่ที่หน้าตลาด ยังไม่ได้กลับบ้าน หากแต่พอปลายสายไม่ใช่โรม แต่เป็นจอมแก่น ความแปลกใจก็ประดังประเดเข้ามาหาธารทันที

“แล้วไอ้โรมมันเป็นอะไรถึงไปอยู่บ้านมึง” ธารถามหลังจากที่จอมแก่นอธิบายว่าโรมมาอยู่ที่บ้านตัวเองตั้งแต่เมื่อหัวค่ำแล้ว
[ตอนไปกินข้าวด้วยกัน โรมดันมีเรื่องน่ะ เราเลยโทรไปหาพี่แสบกับพี่ดื้อให้ไปช่วย โรมก็เลยมาอยู่บ้านเราก่อน กลับไปเดี๋ยวโดนป้ารินจวกเอา]

ผมได้ยินแว่วๆ มาอย่างนั้น

สีหน้าของธารดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันตา ก่อนมันจะว่าเร็วๆ
“งั้นเดี๋ยวกูไปหา อีกสิบนาทีถึง” แล้วก็กดตัดสาย เก็บโทรศัพท์แล้วหันมาบอกผม “เรื่องกินเอาไว้ก่อนนะพี่ ไปบ้านไอ้จอมก่อน”
อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่อยากไป ไม่อยากไปเจอพี่จอมดื้อน่ะ แต่ไม่ทันจะได้พูด ธารก็สตาร์ทรถ บิดคันเร่งออกไปแล้ว ผมเลยต้องไปอย่างไม่มีทางเลือก
 



บ้านของจอมแก่นอยู่ไม่ห่างจากบ้านของโรมมากนัก เรียกว่าอยู่บนถนนคนละเส้น บ้านจอมแก่นอยู่เส้นด้านหน้า ใกล้ๆ กับลานนมของพี่จอมดื้อ

ธารขี่รถไปจอดข้างหน้าบ้านเดี่ยวกลางเก่ากลางใหม่ ลงไปเลื่อนประตูรั้วเหล็กออก กลับมาขี่เข้าไปโดยไม่รอเรียกให้ใครมาเปิดราวกับคุ้นเคยสถานที่นี้เป็นอย่างดี ผมก็ไม่แปลกใจนัก รู้ว่ามันสนิทกับสามพี่น้องจอมนี่มาตั้งแต่เด็กแล้ว เลยได้แต่เดินตามหลังมันเข้าไปเงียบๆ ขณะที่มันนำเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางร้อนรน

มาถึงห้องของจอมแก่นบนชั้นสอง ธารก็เปิดประตูพรวดเข้าไป เห็นโรมนอนอยู่บนเตียงในสภาพบาดแผลชกต่อยเต็มตัว มีจอมแก่นนั่งอยู่ข้างเตียง ขณะที่พี่จอมดื้อกับพี่จอมแสบยืนกอดอกรุมบ่นอยู่ด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ใจความพอจับได้ว่าดุที่โรมกับจอมแก่นไปมีเรื่องกับคนอื่นทั้งที่ห้ามแล้วหลายรอบ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นทักทายเมื่อเห็นว่าพวกผมเข้ามา

“อะ ไอ้ธารมาแล้ว พวกมึงเล่าให้ฟังกันเองเลยนะว่าไปก่อเรื่องอะไรมา กูขี้เกียจพูดแล้ว ทั้งกู ทั้งไอ้แสบด่าพวกมึงไปแม่งก็ไม่ฟัง ไปคุยกันเอง กูจะได้ไปนอน”
พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องตามพี่จอมแสบที่เดินออกไปก่อน มีหันมายิ้มให้ผมนิดหน่อย ผมเลยยิ้มตอบ ก่อนจะเบนความสนใจไปที่ธารซึ่งยืนจังก้ามองหน้าเพื่อนทั้งสองอย่างเอาเรื่อง
“พวกมึงไปมีเรื่องกับใครมา”
“แฟนแป้ง” จอมแก่นหันหน้ามาตอบ ผมเลยสังเกตเห็นว่าไม่ใช่แค่โรมที่มีใบหน้าฟกช้ำ หน้าของจอมแก่นเองก็มีรอยแตกรอยช้ำเหมือนกัน ดูท่าทางจะโดนลูกหลงไปด้วยแน่
และพอบอกว่าเป็นแฟนแป้ง ผมก็นึกถึงเพื่อนของน้องผู้หญิงที่ชื่อแจนซึ่งครั้งหนึ่งผมเคยแกล้งจนร้องไห้ขึ้นมา

เด็กโรมนั่นเอง แต่เอ... ยัยนั่นมีแฟนอยู่แล้วเหรอ?

ธารเองก็สงสัยเหมือนกับผม เลยหันไปเค้นเอาคำตอบจากโรมแทน
“ไอ้โรม หมายความว่าไง”
โรมเปิดเปลือกตาขึ้น มองธารด้วยสายตารำคาญ
“มึงก็จะมาบ่นกูอีกคนเหรอวะ เมื่อกี้กูก็โดนพี่แสบ พี่ดื้อเทศน์หูชามาแล้วนะเว้ย”
“กูไม่ได้มาบ่น กูจะด่า เคยบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าจีบไปทั่ว ครั้งก่อนที่โดนกระทืบจนแขนร้าว มึงยังไม่เข็ดอีกหรือไง”

พูดถูกของธาร ผมระลึกได้ทันทีว่าทุกครั้งที่พวกมันมีเรื่องกับคนอื่น ล้วนมาจากความเจ้าชู้ของโรมทั้งสิ้น

“ถ้าแม่งมีแฟนอยู่แล้ว มึงก็ไม่ต้องไปจีบได้มั้ยวะ จะได้ไม่ต้องมีเรื่อง มึงทำอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้ตายเร็วกว่าเดิมหรอก” ธารพูดต่อ ทำเอาโรมกลอกตาอย่างรำคาญ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งโดยมีจอมแก่นช่วยพยุง
“เรื่องของกูเถอะน่า”
“เรื่องของมึงเชี่ยอะไร มึงมีเรื่องทีไร เพื่อนๆ เดือดร้อนกันทุกที ครั้งนี้ไอ้จอมก็โดนกระทืบกับมึงด้วยทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของมันเลย มึงยังมีหน้ามาพูดว่าเรื่องของมึงอีกเหรอวะ” ธารเริ่มอารมณ์ขึ้นนิดๆ ละ ผมเลยรีบเข้าไปรั้งไว้ก่อนเผื่อว่ามันจะเดือดกว่าเดิมแล้วห้ามไม่ทัน

หากแต่โรมก็ไม่สนใจกับท่าทางของเพื่อน เอาแต่พูดตามใจตัวเอง
“กูไม่ได้ขอให้พวกมึงมาช่วยนี่หว่า อีกอย่าง กูจะจีบใครมันก็เรื่องของกู จะมีแฟนหรือไม่มีแฟน ถ้ากูชอบแล้วแม่งเล่นด้วยกับกู กูก็ไม่เกี่ยง”

ฟังมันพูดแล้วผมก็อยากจะเดินเข้าไปตบกะโหลกมันให้แยกเหลือเกิน แต่ไม่ต้องทำก็ดูท่าจะมีคนลงมือให้ผมแล้วล่ะ

“ที่กูช่วยมึงครั้งก่อนๆ นี่มึงหาว่ากูเสือกเหรอไอ้โรม...”
ธารกัดฟันแน่นแล้วทำท่าจะปรี่เข้าไปต่อยเพื่อน ผมเลยรีบรั้งไว้ ขณะที่จอมแก่นเองก็เร็วไปแพ้กัน รีบลุกขึ้นมาขวางหน้าโรม ไม่ให้อีกฝ่ายโดนกระทืบซ้ำอีก
“ใจเย็นๆ ก่อนธาร โรมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
ไม่ได้พูด แต่สีหน้ากวนโอ๊ยมาก ล่อฝ่าเท้าน้องธารของพี่เหนือสุดๆ
ธารก็ยังไม่หยุด สะบัดตัวแล้วจะเข้าไปเอาเรื่องโรมให้ได้ เห็นแล้วผมก็ไม่อยากยุ่งนักหรอกด้วยเป็นปัญหาของเด็กๆ แต่พอคิดว่าถ้ามันมีเรื่องแล้วพ่อมันจะลากตัวกลับบ้านเนี่ย ผมเลยต้องรีบส่งเสียงดุให้หยุด

“น้องธาร ถ้าอยากอยู่กับพี่เหนือต้องห้ามมีเรื่องนะครับ”
ธารเลยนิ่งได้ มองหน้าผมอย่างขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ใจเย็นลง จะมีก็แต่โรมนี่แหละที่ทำลอยหน้าลอยตาไม่เลิกอย่างไม่สำนึกผิด จนธารต้องพูดออกมาอีกจนได้
“แม่มึงเป็นห่วงมึงมากนะ อย่าทำให้ป้ารินลำบากใจสิวะ มึงก็รู้นี่ว่าแม่มึงเค้ามีมึงแค่คนเดียว”
รู้เอาตอนนี้ว่าครอบครัวของโรมเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่ผมก็ไม่คิดจะถามในสถานการณ์อย่างนี้
สีหน้าของโรมดูกวนโอ๊ยน้อยลง ฉายแววสำนึกผิดนิดๆ ก่อนจะว่าอุบอิบออกมา
“รู้แล้วน่า มึงพาพี่เหนือกลับไปเถอะ เดี๋ยวกูให้ไอ้จอมไปส่ง กูไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจที่เป็นห่วงถึงขั้นปรี่มาด่ากูถึงที่”

ไม่แน่ใจว่าประโยคหลังนี่ประชดประชันหรือเปล่า ช่างมันเถอะ บรรยากาศผ่อนคลายลงมาได้ก็ดีแล้วล่ะ

โรมหันไปบอกจอมแก่นให้ขี่รถไปส่งที่บ้าน ธารเลยจะพาผมกลับด้วย ข้าวอะไรนี่ไม่กินแล้ว ทว่าก่อนกลับ ธารก็ยังเป็นห่วงเพื่อนไม่เลิก เดินไปคว้าแขนโรมที่กำลังปีนขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์จอมแก่นพลางว่าเสียงเรียบ

“ไอ้โรม เลิกยุ่งกับแป้งไปเลยนะมึง”
“เออ กูรู้แล้ว เลิกยุ่งแล้วน่า”
“แล้วก็เลิกจีบคนที่มีแฟนด้วย เข้าใจมั้ย”
“เทศน์ยิ่งกว่าแม่กูอีกนะมึงเนี่ย เออๆ รู้แล้ว”

โรมว่าส่งๆ ก่อนจะสะกิดให้จอมแก่นขี่รถออกไป ทิ้งให้ธารกับผมมองตามหลังเงียบๆ ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะธารที่เดินกลับมาหาผมดันพูดมาก่อนแล้ว

“เห็นมั้ยพี่ว่าความมั่วเป็นสร้างความเดือดร้อนแค่ไหน อย่ามั่วนะ”

มึงไม่ต้องมาพาลกูเลยนะ ด่าเพื่อนก็ด่าแค่เพื่อนสิเว้ย กูไม่เกี่ยว!

แต่ผมก็ไม่ได้แย้งอะไร ยกมือขึ้นตะเบ๊ะ รับปากเสียงระรื่น
“พี่เหนือจะทำตัวดีๆ ครับ”
ธารยิ้ม วางมือบนหัวผมแล้วออกแรงขยี้เบาๆ ก่อนจะพาผมขี่รถกลับไปบ้าง ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกรถ สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นพี่จอมดื้อเดินออกจากบ้านมาพอดี ดูท่าทางจะมาล็อคประตูบ้านมั้ง แต่ผิด เดินเข้ามาใกล้ผม แล้วออกปาก
“เหนือ... พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
“จองแล้ว”
พูดยังไม่ทันจบดี ธารก็สวนขึ้นทันใด ผมยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรด้วยเถอะ ทำเอาพี่จอมดื้อมองหน้าธารที่เชิดปลายคางขึ้นอย่างเหนือกว่าอย่างงุนงง
“จองอะไรของมึง”
“ถามพี่เหนือดูมั้ยล่ะ” ธารยอกย้อน ยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมอีก

ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะให้บอกว่า...อ๋อ เหนือโดนเด็กนี่แซ่บเรียบร้อยแล้วครับก็ไม่ได้อีก เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้
พี่จอมดื้อทำเป็นไม่สนใจคำพูดธาร พูดขึ้นมาอีก
“พี่อยากคุยกับเหนือหน่อย”
ผมเกือบจะถามแล้วว่าจะคุยเรื่องอะไร ทว่าธารดันพึมพำอยู่คนเดียวประหนึ่งพูดลอยๆ ออกมาก่อน
“ถ้าลืมว่าโดนจองแล้ว สงสัยอัมพาตคงไม่ไกลเกินเอื้อม”

นี่ขู่!?

โอ้โห ยอมจ้า มึงนี่ก็โหดไป!

“เหนือกลับก่อนนะครับ พอดีไม่ค่อยสบาย” ตัดบทแบบไม่คิดเลย
พี่จอมดื้อทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่สนแล้ว สะกิดหลังธารให้ขี่รถออกไปเลย รู้สึกได้ถึงแผ่นหลังกระเพื่อมเล็กน้อยราวกับกำลังหัวเราะ ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ออกไป ดึงมือผมให้ไปกอดเอวมันด้วย ทิ้งให้พี่จอมดื้อมองตามหลังด้วยสายตางุนงง

ขอโทษนะครับพี่ดื้อ แต่สังขารเหนือก็สำคัญ ปล่อยให้มันหึงนี่คงได้เป็นอัมพาตจริงๆ

ช่วยไม่ได้ ก็เด็กน้อยของพี่เหนือมันขี้หวงนี่นา...
---------------------------------
เอาล่ะค่ะ หมอนขาดกันหรือยัง 555
หน่องธารคนดีเป็นเด็กใสๆ ...ไสหัวไปแซ่บพี่เหนือรัวๆ กร๊ากกก
อยากได้อยากโดนก็จัดให้สักที ความอัมพาตนี้คงหนีไม่ไกลเกินเอื้อม อายุสั้นลงอีกหลายสิบปีเลยทีเดียว (แต่ไม่ตายง่ายๆ หรอกเนอะ เพราะพี่เหนือกินเด็ก พี่เหนือจะเป็นอมตะ ฮา)
บอกแล้วว่าไม่เขียน nc นะ เขียนเลิฟซีน ขอให้มันเป็นฟีลกู้ดใสๆ จิกหมอน จิกผ้าห่มไปเรื่อยเปื่อยเถอะ เรื่องนี้ไม่อยากเขียนจริงๆ ขออภัยรัวๆ ก้ะ (ระบอบนิยายปกครองด้วยเผด็จการคนเขียน แหะๆ)
ตอนต่อๆ ไปก็จะเริ่มคลายปมไคลแม็กซ์แล้วนะคะ มีให้สังเกตกันนิดนึงว่าเห็นอะไรแหม่งๆ มั้ย //ปล่อยเรดาร์สาววายรัวๆ เห็นอะไรมั้ยยยย
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นความปกป้อง เห็นความเป็นห่วง เป็นความยอมเจ็บตัวเป็นเพื่อนของใครบางคน 555 ถ้าเดาถูก เดี๋ยวมีตอนพิเศษมาให้สัก 1-2 ตอน (จริงๆ ร่างไว้แล้วแหละ แต่ไม่ได้ชัดเจนนะคะ สไตล์มิตรภาพลูกผู้ชาย โชเน็นไอ ชวนให้กร๊าวใจเล็กน้อย)
 ตอนหน้ามาอีกทีเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เดี๋ยวหนูแดงจะต้องไปเคลียร์ต้นฉบับที่จะต้องส่งเข้าโรงพิมพ์ก่อนสงกรานต์แล้ว อาจจะมาช้าเน้อ แต่เดี๋ยวจะมาอัพตัวอย่างตอนต่อไปให้ก่อนนะคะ
ปล.ฝากส่งฟีดแบ็คกันด้วยน้าคนดี ^^
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 03-04-2016 23:50:56
ยินดีกับพี่ดหนือ กิจการไร่อ้อยประสบความสำเร็จแล้ววว
555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-04-2016 01:24:23
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: retrot ที่ 04-04-2016 01:35:35
น่ารักกกกกก ชอบน้องธารที่พูดกับพี่เต้ 55555555
ตรงมากลูก -...- ยอมใจ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-04-2016 02:20:41
อีพี่เหนือ โดนสมใจอยากเลย อิอิ ถึงกับเดี้ยงเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 04-04-2016 02:50:22
เขาได้กันแล้วโว้ยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-04-2016 07:17:03
ถ้าอยู่ใกล้เหนือ จะชูมือขึ้น 2 ข้างแล้วร้องว่า ... ฮิ้วววววววววววว   #จุดพลุ  :a2:  เป็นไงหล่ะแกอิเหนือ อัมพาตแทบถามหา หายอยากไหม? 55555

รออีกคู่ โรมจอมแก่น ฟันธง!  :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 04-04-2016 09:49:08
รอพี่เหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-04-2016 12:23:23
ขายอัอยได้แล้วเย้ ได้กำไรมาเป็นกอบเป็นกรรมเลยสิ ถึงกับลุกไม่ขึ้น 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-04-2016 13:32:07
มารอค่า ธารน่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-04-2016 13:53:49
พี่เหนือโดนธารแซ่บแล้ว ถึงขนาดอัมพาตถามหา!! ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-04-2016 14:40:53
เรียบร้อย เด็กช่าง ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 04-04-2016 14:48:14
555555555555555555555

ไม่ลองหน่อยหรอเหนือ 555555555555555555555555555555555

อัมพาตท่อนล่างเนี่ย 555555555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-04-2016 16:45:42
โรมนี้  มีปัญหาอะไรในใจน้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 04-04-2016 17:19:38
พี่เหนือโดนเด็กแซ่บแล้ววว
อิ่มขั้นจุกจนลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 04-04-2016 21:21:55
โรมแลดูมีปมนะ

พี่เหนือตอนนี้ดูไร้บทบาท 5555 เจ็บอยู่สินะ

พี่ดื้อไหนว่าหยุดแล้วจะคุยไรอีก หยุดๆตื้อๆอยู่นั่น 5555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่18♦P.14♦03/04/59 {New EP. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-04-2016 23:04:38
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 19
แปะให้เจิมจองที่กันก่อนค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะมาวันไหน ดูอารมณ์ก่อนนะ แต่คงไม่นานหรอก
ช่วงนี้บอกเลยว่าน้องธารสารพัดขี้มาก ขี้หวง ขี้หึง ขี้อ้อน ขี้งอน ขี้โมโห ฯลฯ เป็นเด็กน้อยน่าตีจริงๆ (แต่พี่เหนือไม่กล้าตีหรอก เดี๋ยวโดนเอาคืน อิอิ)
ช่วงนี้น้องธารจะเริ่มงี่เง่ามากเป็นพิเศษหน่อยนะคะ แบบว่ามีคนเอาใจแล้วได้ใจไง ฮาาา
ไว้รออ่านตอนเต็มๆ กันเนอะ ใกล้เข้าไคลแม็กซ์แล้วล่ะ
-----------------------------------

“น้องธารจะขัดอะไรนักหนา ไม่เห็นเหรอว่าพี่เหนือกำลังคุยอยู่” ผมหลุดปากดุออกไปด้วยรำคาญเต็มพิกัด ทำเอาธารชะงักการลูบหัวลูบหางผมกึก ส่งสายตาเขียวๆ มาให้ทันควัน
“ทำไมธารจะขัดไม่ได้ มีอะไรสำคัญนักหรือไงถึงต้องคุยกับพี่ดื้อสองต่อสอง”

สองต่อสองอะไรกันเล่า! คนในร้านนมก็เยอะแยะ เพื่อนๆ มึงก็นั่งอยู่ตรงนั้น มึงก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วยเถอะ มันสองต่อสองยังไงวะ!

พี่จอมดื้อก็คิดเช่นเดียวกับผม ย่นคิ้วแล้วว่าเสียงขุ่น
“พูดอะไรของมึงไอ้ธาร มึงก็ยืนฟังอยู่แท้ๆ จะหวงอะไรนักหนาวะ”

เออ จะหวงอะไรนักหนา พี่เหนือไม่ไปไหนหรอก โดนตีตราจองขนาดนี้จะหนีไปไหนได้อีกฮะ!?

อยากจะถามมันเหมือนกัน แต่เห็นหน้ามู่ทู่เพราะถูกขัดใจของมันแล้ว ผมก็ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเด็กนี่มันจะงอนอีก สุดท้ายแล้วผมก็จะคุยกับพี่จอมดื้อไม่รู้เรื่อง นี่ยืนมาจะสิบนาทีแล้วเถอะ ยังจับประเด็นไม่ได้เลยว่าตกลงพี่จอมดื้อจะพูดอะไรกันแน่ ไม่ใช่ว่าเพราะถูกธารกวนอย่างเดียวด้วยนะ ไอ้พี่จอมดื้อแม่งก็พูดไม่รู้เรื่องด้วยเถอะ อ้อมโลกอยู่นั่น

“ตกลงพี่ดื้อจะพูดอะไรกับเหนือกันแน่ครับ พูดมาเลยเถอะ เหนือมีเวลาไม่มาก”
ผมเลยวกกลับเข้าเรื่อง ยิงตรงประเด็นทันใด ชักจะอึดอัดกับสถานการณ์ตอนนี้ละ ส่วนไอ้เวลาไม่มากก็ไม่ใช่อะไร ขืนทู่ซี่ยืนคุยกับพี่จอมดื้อต่อไป แม้ธารจะยืนอยู่ด้วย แต่ก็เดาได้เลยว่าถ้าผมไม่รีบยุติสถานการณ์นี้ มีหวังได้กลายร่างเป็นอากง ให้หลานอย่างธารมันพยุงลงบันไดเพราะสะโพกครากอีกแน่

พี่จอมดื้อพ่นลมหายใจ ก่อนจะว่าออกมาตรงๆ บ้าง
“ก็ได้ๆ พี่พูดตรงๆ ก็ได้ คือพี่จะถามว่าตกลงเหนือจะเอาไอ้ธารจริงๆ เหรอ”

ธารชะงักรอบสอง หน้าตาที่ยับยู่อยู่แล้ว ตอนนี้ต่อให้เอาเตารีดนาบก็ไม่เรียบเถอะ ย่นเป็นแหนมป้าย่นเลยพ่อคุณ!
“แล้วเกี่ยวไรกับพี่วะ” แถมชิงตัดหน้าเป็นคนตอบแทนผมด้วย ตอบแทนไม่พอ ยังพุ่งเข้าไปหาพี่จอมดื้อด้วยท่าทางเอาเรื่องอีก จนผมคว้าตัวไว้แทบไม่ทัน

“น้องธาร ใจเย็นๆ ครับ” ดีที่ดึงมันกลับมาได้ มันสะบัดตัว ทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ผมนิดหน่อย พอเริ่มนิ่ง ผมก็ตอบกลับพี่จอมดื้อ “เหนือน่ะชอบน้องธารจริงๆ ยังไงก็ต้องเอาอยู่แล้วล่ะครับถ้าน้องธารเอาเหนือเหมือนกัน”
“แต่มันเด็กกว่าเหนือหลายปีเลยนะ” พี่จอมดื้อไม่ยอมแพ้ ยกข้ออ้างมาอีก ทำให้ธารแหวกลับไปอีกระลอก
“เกี่ยวไรกับอายุ เด็กกว่าแล้วไงวะ พี่เหนือก็แค่เกิดก่อนผมไม่กี่ปีมะ”
“เออ ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่มึงทำตัวเด็กน้อยด้วยแบบนี้ กูสงสารเหนือว่ะ เหนือควรมาเจอกับคนอย่างกูมากกว่า ไม่ใช่เด็กอย่างมึง” พี่จอมดื้อก็ตอกกลับหน้าด้านๆ เช่นกัน ซ้ำยังยั่วโมโหธารอีก “อีกอย่าง เหนือยังไม่ได้เป็นแฟนมึงไม่ใช่เหรอ กูเห็นในเฟซบุ๊กเหนือขึ้นสถานะโสดอยู่เลยนี่หว่า แสดงว่ากูก็ยังมีสิทธิ์จีบ”

ธารถึงกับหน้าตึง จังหวะลมหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย ผมเห็นแล้วก็หวั่นใจขึ้นมาว่ามันจะต่อยหน้าพี่จอมดื้อเหลือเกิน ซึ่งถ้ามันทำแบบนั้น รับประกันได้เลยว่ามันโดนพี่จอมดื้อคว้าเก้าอี้มาฟาดคืนแน่ ผมเลยตั้งท่าจะห้าม ทว่าก็ถูกมันคว้าแขนแล้วกระชากอย่างแรง

“พี่เหนือ! กลับ!”
 “อ้าว เดี๋ยว!” ผมจะทัดทานเพราะเราเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง ยังไม่ทันจะได้ทักทายพวกเพื่อนๆ มันที่นั่งอยู่เลยด้วยซ้ำ
แต่ธารไม่สนใจแล้ว คว้าแขนผมได้ก็เดินดุ่มๆ ไปยังหน้าร้าน ไม่สนใจเสียงของเพื่อนๆ ที่ร้องทักขึ้นเมื่อเห็นเราทั้งคู่เดินเข้าไปหาด้วย

“นั่นไง เด็กช่างกับเมียแก่ของนางมาแล้ว มานั่งนี่สิ จะได้สั่งของกิน...อ้าว ไปไหนน่ะธาร”
น้องมายด์ที่กำลังพูดๆ อยู่ทำหน้างงทันใด จอมแก่นกับโรมก็เช่นกัน มองตามผมกับธารราวขอคำตอบ ผมทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ก่อนจะเดินไปชนกับแผ่นหลังของธารอย่างจังเมื่อจู่ๆ มันก็หยุดเดินกะทันหัน
“มีอะไรเหรอครับน้องธาร” ผมออกปากถามทันที
ธารหันมาหา แต่ไม่ได้พูดกับผม ออกปากเรียกน้องมายด์แทน
“ไอ้ไม้ ตามกูมานี่หน่อย”
“อะไรยะ กูไม่ได้ด่าพี่เหนือเลยนะ แค่เรียกว่าเป็นเมียแก่ของมึงเฉยๆ” น้องมายด์ร้อนตัว โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน
ธารไม่ฟัง ตะคอกใส่แทน “กูบอกให้ตามมา!”

ด้วยความกลัวโดนกระทืบ น้องมายด์เลยต้องตามมาอย่างไม่มีทางเลือก จอมแก่นกับโรมเห็นท่าไม่ดีเลยตามมาด้วย ขณะที่ธารเอาแต่ลากผมไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เดินมาถึงรถตัวเองได้ก็ออกปากสั่งผม
“ขึ้นไปนั่ง”
“หืม?”
“ธารบอกให้พี่ขึ้นไปนั่ง!” ชี้นิ้วไปยังถังน้ำมันที่อยู่หน้าเบาะคนขี่ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง
“นั่งบนนี้เนี่ยนะ?”
“เออ ขึ้นไป”

ผมไม่เข้าใจนักว่ามันจะให้ผมขึ้นไปนั่งบนนั้นทำไม แล้วมันก็ไม่ให้คำตอบด้วย เห็นผมไม่ทำตามคำสั่งสักที มันก็เดินพรวดพราดไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์เอาไว้ พยักหน้าเรียกผมอีกที
“ขึ้นมานั่งบนนี้แล้วหันหน้ามาหาธาร จะได้ถ่ายรูป!”

หะ...หา!? หมายถึงจะให้นั่งหันหน้าเข้าหากันบนไอ้รถแมงกะไซนินจานี่น่ะนะ

แหม เลียนแบบเน็ตไอดอลเหรอจ๊ะ เห็นช่วงนี้กำลังฮิตเลยนี่

ผมแอบลอบยิ้มน้อยๆ ครู่เดียวก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อถูกสั่งอีก
“มาเร็วๆ เข้า!”
จ้าๆ นั่งก็นั่ง
ปีนขึ้นไปนั่งบนถังน้ำมันอย่างยากลำบาก พอจัดท่านั่งได้เรียบร้อยแล้ว ธารก็ล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้น้องมายด์ที่ยืนมองอยู่อย่างงุนงง พลางออกปากสั่ง
“ถ่ายให้ที เอาหลายๆ รูป”
ส่งโทรศัพท์ให้น้องมายด์รับได้ ก็เอื้อมมือมาวางบนช่วงสะโพกผมแทน ทั้งยังสั่งไม่เลิก
“พี่เอามือมากอดคอธารด้วย”

ผมทำตามอย่างว่าง่าย ท่าทางของเราตอนนี้เลยดูเหมือนกำลังกอดกันก็ไม่ปาน อะไรไม่ว่า ไอ้คนสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่ดันหน้าแดงขึ้นมาเมื่อได้ยินน้องมายด์ที่เพิ่งตั้งสติได้แซว
“แหม ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร ที่แท้ก็คนอวดเมีย”
ผมเกือบหลุดหัวเราะอยู่แล้ว ทว่าธารดันหันไปแผดเสียงใส่เพื่อนซะก่อน
“ถ่ายเร็วๆ! พูดมาก เดี๋ยวกูก็ต่อยปากแตก”
“ย่ะ! ใช้คนอื่นแล้วยังจะมาขู่อีก ไอ้เด็กมารยาททราม” น้องมายด์บ่นอุบอิบ เรียกเสียงหัวเราะร่วนให้กับโรมและจอมแก่นที่โล่งใจไปเรียบร้อยว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ธารหน้าแดงตลอดการถ่ายรูปนั้น ตามองมาทางผม แต่ไม่ได้มองหน้าผม มองไปทางด้านหลังราวกับไม่กล้าสบตา กระทั่งน้องมายด์ร้องบอกว่าถ่ายเสร็จเรียบร้อย ถึงได้ผ่อนคลายความเขินอายลง
“แล้วพวกมึงจะอยู่ดูอะไรกัน เข้าไปข้างในได้แล้ว” ไล่เพื่อนเป็นพัลวันด้วยเมื่อเพื่อนหมดหน้าที่

จอมแก่นกับโรมยักไหล่ไม่ยี่หระ มีแต่น้องมายด์ที่บ่นกระปอดกระแปดไม่เลิก ผมลงมายืนกับพื้นได้ก็หมั่นเขี้ยวมันขึ้นมา ยื่นมือไปดึงแก้มขาวๆ นั่นขณะที่มันนั่งคร่อมบนรถเหมือนเดิม เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูรูปที่ถ่ายเมื่อครู่เงียบๆ
“เด็กขี้หวงของพี่เหนือเอ๊ย”
ธารสะบัดหน้าหนี ก่อนยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“เข้าเฟซบุ๊กพี่ดิ๊”
“เข้าทำไมอะ” ผมเลิกคิ้ว
“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์”

พูดมาอย่างนี้ก็รู้เลยว่ามันต้องการประกาศให้โลกรู้ละว่าผมเป็นของมัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก รู้อยู่ว่าที่มันทำแบบนี้เป็นเพราะรู้ว่าพี่จอมดื้อมีเฟซบุ๊กผม ผมเลยจัดการล็อคอินแอคเคาทน์ตัวเอง อัพรูปที่มันเลือกเป็นรูปโปรไฟล์ตามสั่ง
หากแต่นั่นก็ไม่พอสำหรับธาร แค่มันเห็นสถานะโสดบนหน้าข้อมูลส่วนตัว มันก็ย่นคิ้ว ว่าเสียงขุ่นออกมา
“เปลี่ยนสถานะด้วย”
“ให้เปลี่ยนเป็นอะไรล่ะครับ เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนี่” ผมแสร้งถามกลับ ใจจริงคือจะตะล่อมให้มันพูดว่าเป็นแฟนผมน่ะ
แต่ธารไม่พูด เอาแต่สั่งอย่างเดียว
“เปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่โสด”
“งั้นความสัมพันธ์แบบเปิดเนอะ” ผมว่าพลางเลื่อนหาสถานะที่ว่า
“มีอย่างอื่นมั้ยวะ ความสัมพันธ์แบบเปิดนี่เหมือนเชิญชวนให้คนอื่นมามั่วได้ตามใจชอบเลยนี่หว่า” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มองจอโทรศัพท์ด้วย ปากก็บ่นไปเรื่อย

ผมกลอกตา หันไปถามมันอย่างรำคาญนิดๆ
“แล้วน้องธารจะให้พี่เหนือขึ้นสถานะว่าอะไรล่ะครับ แฟนก็ไม่ได้เป็น แต่งงานก็ยังไม่ได้แต่ง ก็มีอันนี้แหละที่ตรงสุดแล้ว”
“มีผัวแล้วมีมั้ย อันนี้ตรงกว่า” ธารว่าเนิบๆ ทำเอาผมมองหน้ามันพลัน

มันจะไปมีได้ยังไงเล่าไอ้สถานะแบบนั้นน่ะ! ถ้ามี กูก็จัดรายการคนอวดผัวไปนานแล้วเว้ย!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-04-2016 23:14:07
แล้วถ้าพี่เหนือไปเรียนต่อนอก แล้วน้องธารล่ะ??
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่17♦P.14♦03/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-04-2016 23:25:14
แล้วถ้าพี่เหนือไปเรียนต่อนอก แล้วน้องธารล่ะ??

รออ่านนะค้า ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-04-2016 00:05:46
กรี๊ดดดดดดด เค้ากินกันแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ
พัฒนาการดีเกินคาด ไม่รู้ว่าพี่เหนือเสร็จน้องธาร รึน้องธารเสร็จพี่เหนือก็ไม่รู้ 555

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปจ้าา ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 05-04-2016 00:06:21
คิดถึงพี่เหนืออ อ่านตัวอย่างแล้วเขินอ่ะ ธารขี้หึงมากกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-04-2016 00:47:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 05-04-2016 07:46:06
 :z3: :z3:ชอบตอนธารขู่
มีหึงแรง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-04-2016 09:13:09
อะไรจะหวงเมียแก่ขนาดนั้นธาร ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-04-2016 12:41:43
ช่วง อวดกันไปมา ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 05-04-2016 14:37:29
หวงของ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-04-2016 14:43:42
อัยย่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: toncivil ที่ 05-04-2016 19:07:49
ยิ่งอ่านยิ่งมัน ยิ่งน่าติดตาม  :z10:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 05-04-2016 20:45:13
ธารยังเด็ก เหนือต้องเข้าใจ ดื้ออย่าแทรกกลาง กว่าเหนือจะขายอ้อยได้ เกือบตายนะ 5555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 06-04-2016 12:48:50
คือ้หนืออ่อยสุดตัวขายอ้อยไปเห็นไร่ แต่พอได้กันธารนี่หวงยิ่งกว่าเหนือเยอะ 55
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 06-04-2016 13:13:23
น้องธารใจของพี่เหนืออออ~
ทำไมน่ารักน่าหยิกแบบนี้ล่ะลูกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: PIang-gel ที่ 06-04-2016 16:01:50
อ่านแล้วชอบมาก
ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-04-2016 00:30:55
ชั่งใจ ครั้งที่ 19: พี่เป็นของธารคนเดียว[1]

นอนหลับเป็นตาย...

ทั้งธาร ทั้งผมเลย นอนกันเสมือนตาย ตื่นมาอีกทีก็ตอนบ่ายเกือบเย็น กลายเป็นว่าผมทำมันโดดเรียนไปโดยปริยายอีก ตอนแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ แต่พอมันบ่นๆ ให้ได้ยินว่าเป็นเพราะผมทำให้มันหมดแรง ผมก็เบ้ปากใส่มันรัวๆ

ใครทำใครหมดแรงกันแน่วะ โถ กล้าพูด!

แต่ยอกย้อนมันไปแล้วคิดว่ามันจะยอมรับมั้ยล่ะ เหอะ! ไม่มีทางซะหรอก โทษผมหมดแหละ แค่เกิดเป็นแสงเหนือก็ผิดแล้ว

“ไหนๆ ก็ไม่ได้ไปเรียนแล้ว นอนต่อเหอะพี่” ธารพึมพำ ตวัดแขนมาพาดบนลำตัว กอดแน่นไม่ยอมห่าง
ผมเหลือบไปมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ เห็นว่าใกล้จะสี่โมงเย็นแล้วเลยไม่อยากนอนต่อ ที่สำคัญคือเราทั้งคู่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยทั้งวัน เท่านั้นผมก็พยายามจะดึงตัวออกจากธาร แต่เด็กนั่นก็ไม่ยอมปล่อย รั้งผมเข้าไปกอดแนบชิดกว่าเดิม ซุกหน้าลงมาฝังที่ซอกคออีก

หูย... ขนลุกเกรียว อ้อนอะไรปานนั้น!

“พี่เหนือว่าไว้ไปนอนตอนกลางคืนบ้างก็ดีนะครับ ขืนนอนต่อ เดี๋ยวได้นอนไม่หลับ พรุ่งนี้ไม่ได้ไปเรียนอีกพอดี” ผมกลั้นใจท้วงขึ้นมา
“มีวิธีทำให้หลับอยู่น่า นอนไม่หลับก็ทำให้ไม่มีแรงก็แค่นั้น ตอนนี้ก็นอนๆ ไปเถอะ จะได้มีแรงไว้ทำตอนกลางคืน” ธารว่าไม่ยี่หระ ตายังปิดอยู่เลยด้วยซ้ำ
“เลิกเป็นหนุ่มน้อยขี้อายแล้วเหรอฮะถึงได้กล้าพูดทะลึ่งกับพี่เหนือแบบนี้เนี่ย” ผมเกิดหมั่นไส้ขึ้นมา ยื่นมือไปบีบปลายจมูกรั้นเบาๆ ทำเอาธารย่นหน้า สะบัดหน้าหนีแล้วว่าเสียงขุ่น
“ทีตอนพี่เป็นอาจารย์ พี่ยังพูดจาสองแง่สองง่ามกับลูกศิษย์ได้เลย ทำไมธารจะพูดไม่ได้ ถึงขั้นทำอะไรกันแล้วก็ไม่มีอะไรให้อายแล้ว”
“คร้าบๆ หายอายให้ตลอดนะ เวลาถูกพี่เหนือบุกบ้างก็อย่าอายเนอะ”

พูดอย่างนี้ ธารก็ค้อนผมวงใหญ่ ปล่อยให้ผมหัวเราะร่วน และที่บอกว่าจะบุกก็ไม่ใช่ว่าผมจะรุกมันหรอกนะ หมายถึงเผื่อเวลาผมอยากจะเริ่มก่อนบ้างอะไรงี้ แล้วผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเลิกเป็นคนขี้อายได้ แค่ประโยคที่ผมพูดเมื่อกี้ก็ทำหน้ามันแดงขึ้นมาน้อยๆ ได้แล้ว มันจะไปหายขี้อายได้ยังไงกัน
“พูดมาก! นอน!” โดนต้อนจนมุมเลยต้องเปลี่ยนเรื่อง
ผมยอมนอนต่ออีกหน่อยตามใจมัน ทว่าไม่ทันถึงสิบนาทีก็ต้องลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับเสียงของบรรดาแก๊งเด็กช่างที่ลอยเข้ามา

“ธาร! ธารเอ๊ย! ตายหรือยัง!”
เสียงน้องมายด์เจ้าเก่าเจ้าเดิม

ธารเปิดเปลือกตาพร้อมกับใบหน้ามู่ทู่ ดูท่าทางอยากจะหงุดหงิดที่โดนเพื่อนรบกวน แต่พอเห็นผมยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เป็นสัญญาณว่าให้ไปเปิดประตู มันเลยยอมลุกไปแต่โดยดี
ประตูเปิดออกได้ก็เห็นสามเด็กช่าง นำทีมโดยน้องมายด์ มีแบ็คกราวน์ข้างหลังเป็นโรมกับจอมแก่นที่สภาพใบหน้าช้ำพอๆ กันยืนอยู่ เท่านั้นธารก็ย่นคิ้ว
“อะไของพวกมึง”
“ยังมีหน้ามาอะไรของพวกมึงอีก มึงน่ะสิอะไร ทำไมไม่ไปเรียนยะ” น้องมายด์แหวเสียงแหลมทันที ให้ธารได้ยีผมตัวเองอย่างรำคาญ
“กูนอน”
“นอนกินบ้านกินเมืองแท้ ทำอะไรของมึงถึงได้นอนทั้งวัน” น้องมายด์บ่น เดินแทรกเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต ก่อนจะเบรกจึ้กทันทีที่สายตาเหลือบมาเห็นผมนอนเปลือยหน้าอก ซุกช่วงล่างอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง
ผมก็ยิ้มแหยทักทายไปให้ แต่น้องมายด์ไม่สนแล้ว อ้าปากค้าง ก่อนจะครางออกมา
“นะ...นี่มึงกับเจ้เหนือ...?” หันไปมองธาร ร้องถามแต่พูดไม่จบ
ความจริงไม่ต้องให้พูดจบ ทุกคนก็รู้ว่าน้องมายด์จะถามว่าอะไร โดยเฉพาะธารที่เม้มปาก แล้วเบือนหน้าแดงเรื่อหนีไปทางอื่น ยิ่งสภาพของมันเองก็มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวสวมอยู่ เท่านี้ก็รู้กันหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเด็กนั่น
“ตะ...ตายแล้ว เรียกเจ้เหนือไม่ได้แล้ว ต้องเรียกพี่สะใภ้!”

พี่สะใภ้อะไรเล่า! อย่าหาฉายาแปลกๆ มาเรียกกูได้มั้ย!

จอมแก่นกับโรมได้สติก็พากันหัวเราะคิกคัก ทำให้ธารหน้าแดงขึ้นไปอีก ก่อนมันจะเดินไปควานหาเสื้อจากตู้เสื้อผ้ามาให้ผมใส่ แล้วก็บ่นเพื่อนไปเรื่อย
“ถ้าพวกมึงมาแล้วจะมาแซวอย่างนี้ก็ไสหัวกลับไปเลย”
“มึงอย่ามาทำเป็นโมโหเพื่อนกลบเกลื่อนว่ะไอ้ธาร ปากก็ทำเป็นพูดว่าพี่เหนือไม่ใช่แฟน แล้วที่เห็นนี่อะไรวะ” คราวนี้โรมนึกสนุก ออกปากขึ้นมาบ้างละ เห็นแล้วก็เสียวหน้าช้ำๆ ของมันจะได้รอยช้ำเพิ่มเหลือเกิน

ธารหน้าม้าน แสร้งเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นแทน
“จะเป็นอะไรก็เรื่องของกู ว่าแต่พวกมึงมาหากูทำไม”
“เอาใบงานการบ้านมาให้ ส่งพรุ่งนี้น่ะ สิบคะแนน” จอมแก่นแทรกขึ้นมา เปิดกระเป๋าแล้วเอากระดาษสองสามแผ่นส่งให้ ปล่อยให้น้องมายด์กับโรมยิ้มกรุ้มกริ่มกันอยู่สองคน
“ภาษาอังกฤษเหรอวะ” ธารมองกระดาษแล้วก็พึมพำ
“อือ เป็นแบบฝึกหัดก่อนเรียน อาจารย์ให้จับกลุ่มสี่คนทำ เลยมาทำที่ห้องธารนี่แหละ จะได้เสร็จไวๆ” จอมแก่นอธิบายเพิ่ม ดูเหมือนที่มาหาธารก็เพราะคิดว่าธารคงจะทำได้
ธารยืนอ่านใบงานอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็บ่น
“ยากว่ะ กูก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องการอ่านด้วย ถ้าเป็นแกรมมาก็พอได้อยู่”

สงสัยพวกมันจะลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าผมเคยสอนวิชาอะไรพวกมันมา แค่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น ผมก็ออกปากอาสาทันใด
“งั้นให้พี่เหนือสอนมั้ยครับ พี่เหนือถนัดนะ”
ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังผมทันที พร้อมกับเสียงของน้องมายด์ที่ดังขึ้น
“มีเมียดีเป็นศรีแก่ตัวจริงๆ”
“เดี๋ยวกูก็ต่อยหน้าแหก” ธารแหวให้เพื่อนๆ ได้หัวเราะ

ครู่เดียว โต๊ะพับญี่ปุ่นก็ถูกกางออกกลางห้อง ขนมนมเนยที่มีก็ถูกขนออกมาให้พวกเด็กช่างกิน ผมก็รับหน้าที่สอนพวกมันไปตามระเบียบ เท่าที่สังเกต คนที่ตั้งใจเรียนสุดก็คือจอมแก่น แต่ดูท่าทางหัวจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต้องอธิบายช้าๆ เป็นพวกเข้าใจยากอะไรเทือกนั้น ส่วนธารก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ทว่าหัวไว ถามปุ๊บ ตอบได้ปั๊บ ส่วนน้องมายด์กับโรมนี่อย่าไปพูดถึงเลย หัวช้าไม่พอ แม่งไม่สนใจเรียนด้วย นั่งป้อนขนมกันไปมาจนผมชักจะหมั่นไส้
กินแรงเพื่อนจริงๆ ไอ้พวกนี้

ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ การบ้านของเด็กพวกนี้ก็เสร็จ จอมแก่นขอบคุณผม ขณะที่ธารขอตัวไปอาบน้ำเพราะพวกมันตกลงกันว่าจะไปหาอะไรกินที่ร้านนมของพี่จอมดื้อ ประเด็นก็คือจอมแก่นออกปากว่าจะเลี้ยงโดยลงบัญชีตัวเองเอาไว้ เลยไม่มีใครขัดออกมา
ระหว่างรอธารอาบน้ำ น้องมายด์ที่เล่นโทรศัพท์อยู่ก็โพล่งขึ้นมากลางโต๊ะ
“พี่สะใภ้คะ พี่สะใภ้มีเฟซบุ๊คมั้ย แอดหน่อยดิ”
“เรียกพี่เหนือเหมือนเดิมเถอะครับ” ผมสวน แหม่งๆ กับฉายาใหม่ของตัวเองเหลือเกิน

น้องมายด์ก็ไม่ได้แย้งอะไร เรียกผมเจ้เหนือเหมือนเดิม จัดการแอดเฟซบุ๊คผมเสร็จสรรพ ตามมาด้วยพวกจอมแก่นกับโรมที่ขอแอดบ้าง ทว่าพอผมถามหาเฟซบุ๊คของธาร พวกมันก็บอกกันอย่างพร้อมเพรียงว่าธารไม่เล่นเฟซบุ๊ค เหตุผลก็คือมันรำคาญพวกผู้หญิงที่ชอบทักมาคุย ผมเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ มีถามเรื่องน้องมายด์นิดหน่อยที่พักนี้ไม่เห็นมันพูดเหนือแล้ว ซึ่งคำตอบก็คือ...
“เรียนจบแล้ว หนูจะไปอยู่เมืองกรุงกับเจ้าคุณป้าค่ะ จะมาเป็นสาวเหนืออ่อนโยนบอบบางไม่ได้ จะต้องปรับตัวให้เป็นสาวมั่นสไตล์สาวชาวกรุง”

มึงก็เปลี่ยนสไตล์ตลอดแหละอีน้องมายด์! เปลี่ยนจนกูงงไปหมดแล้วเนี่ยว่ามึงจะเอาไงกับชีวิตแน่

แต่อย่างน้อยก็พอจะมองเห็นอนาคตของน้องมายด์แล้วล่ะว่าหลังเรียนจบจะเป็นยังไง มันบอกว่าจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอกชนในกรุงเทพฯ น่ะ จอมแก่นนี่เห็นว่าจะไปสอบเข้าคณะวิศวะฯ ของมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือที่ได้โควตาให้สอบก่อน ส่วนโรม... อนาคตมืดมนพอๆ กับธาร ยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าจะไปทางไหน นั่งจกขนมกินกับแชทคุยกับสาวอย่างเดียว
ได้คำตอบแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกมันนัก มางุนงงแทนที่พอรับแอดเฟรนด์จอมแก่นได้ไม่กี่อึดใจ ก็มีใครบางคนแอดมาหาผม คลิกเข้าไปดูแจ้งเตือนแล้วก็ต้องชะงัก

พี่ดื้อ...

ไวเป็นจรวดเลยแฮะ นี่จอมแก่นบอกพี่จอมดื้อหรือเปล่าเนี่ยว่ามีเฟซบุ๊คผมแล้ว
ผมไม่ได้คิดอะไรมาก รับแอดไปตามประสา อีกฝ่ายทักมาแค่ว่า ‘ขอบคุณที่รับแอดพี่นะเหนือ’ ตามมาด้วยอีโมติคอนตัวการ์ตูนยิ้ม แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกกระทั่งธารออกมาจากห้องน้ำ และไล่ผมให้ไปอาบน้ำบ้าง
 



แต่...ใครมันจะไปคิดล่ะว่าหลังจากที่ผมรับแอดเฟรนด์พี่จอมดื้อในเฟซบุ๊คไป มันจะกลายเป็นปัญหาเมื่อพวกเรามาถึงยังร้านนมของพี่จอมดื้อ

ตอนแรกก็ไม่เห็นเค้าแววปัญหาหรอก จนจอมแก่นพาพวกเราไปนั่งที่โต๊ะ แล้วพี่จอมดื้อเข้ามาทัก เท่านั้นแหละ ปัญหางอกเลย
“เหนือ พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย”
มาอีกแล้ว คุยอีกแล้ว มีเรื่องอะไรจะคุยนักหนาวะ

ผมชะงักมือที่จับหลอดในแก้วโกโก้ปั่นเตรียมดูดทันที ไอ้เด็กธารนี่ก็ตั้งท่าขู่เลย จากที่อารมณ์ดีๆ ก็กลายเป็นตาขวาง ตวัดไปมองพี่จอมดื้ออย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ ยังจะถามประโยคเดิมออกมาอีกเมื่อเห็นผมไม่พูด

“ได้มั้ย พี่อยากจะคุยอะไรด้วยหน่อย แป๊บเดียว”
ผมหันไปมองหน้าธารอย่างขอความเห็น แต่ไม่ต้องรอให้มันพูดก็รู้แล้วล่ะว่าคำตอบคืออะไร ก็มันเล่นวาดวงแขนมาโอบไหล่ผมเอาไว้ เสนอหน้าขึ้นมาโดยไม่แคร์สายตาเพื่อนฝูงเลยสักนิด
“มีอะไรก็คุยเลยพี่”
เรียวคิ้วสวยของพี่จอมดื้อย่นยู่ไปทันตา เพื่อนๆ คนอื่นก็หยุดการกินเหมือนกัน มองธารสลับกับพี่จอมดื้ออย่างลุ้นระทึกว่าทั้งคู่จะเอาไงต่อด้วยสายตาบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังเห็นเรื่องสนุก

แต่กูไม่สนุกด้วยไง แล้วไอ้พี่ดื้อนี่จะเอายังไงวะ ไหนบอกว่าจะไม่แย่งน้อง แล้วจะมาคุยอะไรอีก!

“กูจะคุยกับเหนือ ไม่ได้คุยกับมึงไอ้ธาร” แถมพี่จอมดื้อก็ไม่ยอม ตอกหน้าธารกลับ ทำเอาธารออกตัวแรงทันที
“คุยกับพี่เหนือก็เหมือนคุยกับผม พี่เหนือเป็นของผม จำไม่ได้หรือไง”

หืม...ออกตัวล้อฟรีมาก ดูท่าจะไม่หยุดแค่นี้ด้วยถ้าพี่จอมดื้อยังตื๊อผมไม่เลิก และพี่จอมดื้อเองก็คงไม่หยุดเหมือนกันถ้าผมไม่ยอมไปคุยให้จบๆ ผมเลยตัดสินใจตกปากรับคำโดยไม่ถามความเห็นธารด้วยไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย แค่ดูสายตาของไอ้พวกตัวประกอบที่เหลือก็รู้แล้วว่าพวกมันอยากรู้ว่าเพื่อนกับพี่มันจะทำอะไรกันต่อแค่ไหน

“งั้นเดี๋ยวเหนือไปคุยก็ได้ ห้านาทีพอนะครับ” พูดแล้วก็ดึงแขนธารออก ผุดลุกขึ้น
พี่จอมดื้อยิ้มออกมาได้ ทว่าไม่ได้ยิ้มให้ผม เป็นยิ้มเย้ยธารต่างหาก ธารก็เลยลุกขึ้นพรวด เดินตามมาบ้าง สุดท้ายจึงกลายเป็นว่าไอ้ที่จะคุยส่วนตัวกับพี่จอมดื้อ ตอนนี้มีกาฝากอย่างธารมาเกาะแกะฟังอีกคนเป็นที่เรียบร้อย

“มึงจะตามมาด้วยทำไมเนี่ย” คนอายุมากกว่าแหวเล็กๆ ที่เห็นธารเดินมาโอบไหล่ผมอีกระลอก
“เดี๋ยวหมามันคาบไป” ธารเลิกคิ้วสูง ตอบกลับด้วยสีหน้ากวนๆ

เห็นแล้วก็เสียวมันจะโดนพี่จอมดื้อเหยียบหน้าชะมัด

โชคดีที่พี่จอมดื้อไม่ทำ เพราะเขาแสร้งทำเมิน แล้วเปิดปากคุยขึ้นมาแทน
“ขอบคุณที่รับแอดเฟซบุ๊คพี่นะเหนือ คราวนี้อย่าบล็อกพี่อีกนะ ไม่งั้นพี่ก็ติดต่อเหนือไม่ได้ซะที แค่นี้ก็โดนบล็อกไปทุกทางแล้ว”
ผมยกยิ้มเล็กน้อย กำลังจะขอโทษที่ทำอย่างนั้น หากแต่ธารก็สวนขึ้นก่อน
“ก็เค้าไม่อยากคุยด้วย พี่ยังจะตื๊อทำไมวะ หน้าด้าน”

หน้าพี่จอมดื้อนี่บูดเป็นข้าวหมาเก่าเลย ดูก็รู้ว่ากำลังข่มอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่ ไอ้เด็กธารแม่งก็ยียวนจริง ด่ากลายๆ แล้วก็ทำเป็นลอยหน้าตาเหมือนไม่ได้พูด ดีที่พี่จอมดื้อไม่ใช่คนใจร้อนเหมือนมัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มีมวยแน่ๆ
“เอาเป็นว่าอย่าบล็อกพี่แล้วกัน เผื่อเหนือกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ พี่จะได้มีช่องทางติดต่อเหนือบ้าง”
ผมเผยอริมฝีปาก กำลังจะตอบว่าครับ เสียงห้าวก็ดังแทรกขึ้นมาอีก
“ถามเค้าหรือยังวะว่าอยากติดต่อด้วยมั้ย จีบไม่ติดแล้วตื๊อไม่เลิก นี่โคตรพวกขี้แพ้”

ฟังแล้ว ผมก็ชักหงุดหงิด ไม่ใช่หงุดหงิดที่มันแทรกตลอดเวลาอย่างเดียว ยังหงุดหงิดที่มันใช้คำพูดคำจาไม่เคารพคนอายุมากกว่า ที่สำคัญ พี่จอมดื้อเป็นคนที่มันรู้จักมาก่อนผมด้วย ดูท่าแล้วตอนมันเด็กๆ ก็น่าจะได้พี่จอมดื้อดูแลพอสมควร มาทำตัวกระด้างกระเดื่องอย่างนี้ ผมก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่จนหลุดปากดุออกไปด้วยรำคาญเต็มพิกัด

“น้องธารจะขัดอะไรนักหนา ไม่เห็นเหรอว่าพี่เหนือกำลังคุยอยู่”
ธารชะงักกึก หันมามองผมตาเขียวทันที
“ทำไมจะขัดไม่ได้ มีอะไรสำคัญนักหรือไงถึงต้องคุยกับพี่ดื้อสองต่อสอง”
สองต่อสองอะไรกันเล่า! คนในร้านนมก็เยอะแยะ เพื่อนๆ มึงก็นั่งอยู่ตรงนั้น มึงก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วยเถอะ มันสองต่อสองยังไงวะ!
พี่จอมดื้อก็คิดเช่นเดียวกับผม ย่นคิ้วแล้วว่าเสียงขุ่น
“พูดอะไรของมึงไอ้ธาร มึงก็ยืนฟังอยู่แท้ๆ จะหวงอะไรนักหนาวะ แล้วกูก็ไม่ได้คุยเรื่องไม่ดีด้วย แค่คุยเรื่องเฟซบุ๊ค มึงอย่ามาทำตัวเหมือนหมาบ้าว่ะ”

เออ จะหวงอะไรนักหนา พี่เหนือไม่ไปไหนหรอก โดนตีตราจองขนาดนี้จะหนีไปไหนได้อีกฮะ!?

อยากจะถามมันเหมือนกัน แต่เห็นหน้ามู่ทู่เพราะถูกขัดใจของมันแล้ว ผมก็ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเด็กนี่มันจะงอนมากขึ้นไปอีก ส่วนพี่จอมดื้อนี่ก็ยังไง จะพูดอะไรกันแน่ อ้อมโลกอยู่นั่น ผมรู้หรอกที่ลากผมมาคุย ไม่ได้จะคุยแค่เรื่องนี้
“ตกลงพี่ดื้อจะพูดอะไรกับเหนือกันแน่ครับ พูดมาเลยเถอะ เหนือมีเวลาไม่มาก”
ผมเลยยิงตรงประเด็นด้วยชักจะอึดอัดกับสถานการณ์ตอนนี้ละ ส่วนไอ้เวลาไม่มากก็ไม่ใช่อะไร ขืนทู่ซี่ยืนคุยกับพี่จอมดื้อต่อไป แม้ธารจะยืนอยู่ด้วย แต่ก็เดาได้เลยว่าถ้าผมไม่รีบยุติสถานการณ์นี้ มีหวังได้ถูกโกรธแรงแน่

พี่จอมดื้อพ่นลมหายใจ ก่อนจะว่าออกมาตรงๆ บ้าง
“พี่พูดตรงๆ ก็ได้ คือพี่จะถามว่าตกลงเหนือจะเอาไอ้ธารจริงๆ เหรอ เห็นว่าได้กันแล้ว”

มะ...มึงก็ตรงเกินไปมั้ยไอ้พี่ดื้อ! แล้วนี่ใครบอก อย่าบอกนะว่าจอมแก่น!?

ไม่งั้นก็เด็กเวรพวกนั้นสักคนนั่นแหละที่บอก

ผมทำหน้าไม่ถูกฉับพลัน ไอ้รอบแรกที่ธารบอกว่าขึ้นครูนั่น ที่ผมทำเป็นระรื่นนั่นเพราะไม่ใช่เรื่องจริงไง แต่รอบนี้มันของจริง จะเสนอหน้าไปยอมรับว่า ‘อ๋อ แซ่บกันเรียบร้อยแล้วครับ หลายครั้งทีเดียว กลายสภาพเป็นอากงให้หลานอย่างธารใจพยุงลงบันไดเลย’ มันก็ไม่ใช่เรื่องเปล่าวะ
ยิ่งพี่จอมดื้อถามมาอีก ผมก็ถึงกับหลบสายตา
“ตกลงได้กันแล้วจริงใช่มั้ย เป็นของไอ้ธารนี่คือเหนือจะเอามันจริงๆ?”

ธารชะงักรอบสอง หน้าตาที่ยับยู่อยู่แล้ว ตอนนี้ต่อให้เอาเตารีดนาบก็ไม่เรียบเถอะ ย่นเป็นแหนมป้าย่นเลยพ่อคู๊ณณณ!
“แล้วเกี่ยวไรกับพี่วะ” แถมชิงตัดหน้าเป็นคนตอบแทนผมด้วย ตอบแทนไม่พอ ยังพุ่งเข้าไปหาพี่จอมดื้อพร้อมท่าทางเอาเรื่องอีก จนผมคว้าตัวไว้แทบไม่ทัน
“น้องธาร ใจเย็นๆ ครับ” ดีที่ดึงมันกลับมาได้ มันสะบัดตัว ทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ผมนิดหน่อย พอเริ่มนิ่ง ผมก็ตอบกลับพี่จอมดื้อ “พี่ดื้อครับ เหนือชอบน้องธารจริงๆ ยังไงก็ต้องเอาอยู่แล้วล่ะครับถ้าน้องธารเอาเหนือเหมือนกัน”
“แต่มันเด็กกว่าเหนือหลายปีเลยนะ” พี่จอมดื้อไม่ยอมแพ้ ยกข้ออ้างมาอีก ทำให้ธารแหวกลับไปอีกระลอก
“เกี่ยวไรกับอายุ เด็กกว่าแล้วไงวะ พี่เหนือก็แค่เกิดก่อนผมไม่กี่ปีมะ แล้วพี่ทำไมไม่ดูตัวเองวะ แก่กว่าพี่เหนืออีก ทำไมไม่ไปหาคนอายุเท่าๆ กัน จะเลี้ยงต้อย?”
“เออ ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่มึงทำตัวเด็กน้อยด้วยแบบนี้ กูสงสารเหนือว่ะ เหนือควรมาเจอกับคนอย่างกูมากกว่า ไม่ใช่เด็กอย่างมึง ถึงกูจะแก่กว่าแต่กูก็มั่นใจว่าดูแลเหนือได้ ไม่ใช่ให้เหนือมาดูแลอย่างที่มึงทำ” พี่จอมดื้อสู้ไม่ได้ก็ตอกกลับหน้าด้านๆ ซ้ำยังยั่วโมโหธารตบท้าย “อีกอย่าง เหนือยังไม่ได้เป็นแฟนมึงไม่ใช่เหรอ พวกไอ้แก่นถาม มึงก็ปฏิเสธ แล้วกูก็เห็นในเฟซบุ๊คเหนือขึ้นสถานะโสดอยู่เลยนี่หว่า แสดงว่ากูก็ยังมีสิทธิ์จีบถึงมึงจะได้เหนือแล้วก็เถอะ”

ธารถึงกับหน้าตึง จังหวะลมหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย ผมเห็นแล้วก็หวั่นใจขึ้นมาว่ามันจะต่อยหน้าพี่จอมดื้อเหลือเกิน ซึ่งถ้ามันทำแบบนั้น รับประกันได้เลยว่ามันโดนพี่จอมดื้อคว้าเก้าอี้ใกล้ๆ มือมาฟาดคืนแน่ ผมเลยตั้งท่าจะห้าม ทว่าก็ถูกมันคว้าแขนแล้วกระชากอย่างแรง
“พี่เหนือ! กลับ!”
 “อ้าว เดี๋ยว!” ผมจะทัดทานเพราะเราเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง ยังไม่ทันจะได้ทักทายพวกเพื่อนๆ มันที่นั่งอยู่เลยด้วยซ้ำ

แต่ธารไม่สนใจแล้ว คว้าแขนผมได้ก็เดินดุ่มๆ ไปยังหน้าร้าน ไม่สนใจเสียงของเพื่อนๆ ที่ร้องทักขึ้นเมื่อเห็นเราทั้งคู่เดินเข้าไปหาด้วย
“นั่นไง เด็กช่างกับเมียแก่ของนางมาแล้ว ว่าไงยะ ตกลงพี่ดื้อคุยอะไร ...อ้าว ไปไหนน่ะธาร”
น้องมายด์ที่กำลังพูดๆ อยู่ทำหน้างง จอมแก่นกับโรมก็เช่นกัน มองตามผมกับธารราวขอคำตอบ ผมทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ก่อนจะเดินไปชนกับแผ่นหลังของธารอย่างจังเมื่อจู่ๆ มันก็หยุดเดินกะทันหัน
“มีอะไรเหรอครับน้องธาร” ผมออกปากถาม
ธารหันมาหา แต่ไม่ได้พูดกับผม ออกปากเรียกน้องมายด์แทน
“ไอ้ไม้ ตามกูมานี่หน่อย”
“อะไรยะ กูไม่ได้ด่าเจ้เหนือเลยนะ แค่เรียกเจ้ว่าเป็นเมียแก่ของมึงเฉยๆ ไม่ได้ด่า! กูชม!” น้องมายด์ร้อนตัว โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน

ชมบ้านมึงเถอะอีน้องมายด์ หาว่ากูแก่เนี่ย!

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦[ตัวอย่าง]ชั่งใจ ครั้งที่19♦P.15♦04/04/59 {Sample. UPDATE!!!}
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-04-2016 00:31:38
ชั่งใจ ครั้งที่ 19: พี่เป็นของธารคนเดียว[2]

ธารไม่ฟัง ตะคอกใส่เสียงดัง “กูบอกให้ตามมา!”
ด้วยความกลัวโดนกระทืบ น้องมายด์เลยต้องตามมาอย่างไม่มีทางเลือก จอมแก่นกับโรมเห็นท่าไม่ดีเลยตามมาด้วย ขณะที่ธารเอาแต่ลากผมไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เดินมาถึงรถตัวเองได้ก็ออกปากสั่งผม
“ขึ้นไปนั่ง”
“ฮะ?”
“ธารบอกให้พี่ขึ้นไปนั่ง!” ชี้นิ้วไปยังถังน้ำมันที่อยู่หน้าเบาะคนขี่ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง
“นั่งบนนี้เนี่ยนะ?”
“เออ ขึ้นไป”

ผมไม่เข้าใจนักว่ามันจะให้ผมขึ้นไปนั่งบนนั้นทำไม แล้วมันก็ไม่ให้คำตอบด้วย เห็นผมไม่ทำตามคำสั่งสักที มันก็เดินพรวดพราดไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์เอาไว้ พยักหน้าเรียกผมอีกที
“ขึ้นมานั่งบนนี้แล้วหันหน้ามาหาธาร จะได้ถ่ายรูป!”

หะ...หา!? หมายถึงจะให้นั่งหันหน้าเข้าหากันบนไอ้รถแมงกะไซนินจานี่น่ะนะ

แหม เลียนแบบเน็ตไอดอลเหรอจ๊ะ เห็นช่วงนี้กำลังฮิตเลยนี่

ผมแอบลอบยิ้มน้อยๆ ครู่เดียวก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อถูกสั่งอีก
“มาเร็วๆ เข้า!”
จ้าๆ นั่งก็นั่ง

ปีนขึ้นไปนั่งบนถังน้ำมันอย่างยากลำบาก พอจัดท่านั่งได้เรียบร้อยแล้ว ธารก็ล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้น้องมายด์ที่ยืนมองอยู่อย่างงุนงง พลางออกปากสั่ง
“ถ่ายให้ที เอาหลายๆ รูป”
ส่งโทรศัพท์ให้น้องมายด์รับได้ ก็เอื้อมมือมาวางบนช่วงสะโพกผมแทน ทั้งยังสั่งไม่เลิก
“พี่เอามือมากอดคอธารด้วย”

ผมทำตามอย่างว่าง่าย ท่าทางของเราตอนนี้เลยดูเหมือนกำลังกอดกันก็ไม่ปาน อะไรไม่ว่า ไอ้คนสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่ดันหน้าแดงขึ้นมาเมื่อได้ยินน้องมายด์ที่เพิ่งตั้งสติได้แซว
“แหม ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร ที่แท้ก็คนอวดเมีย”
ผมเกือบหลุดหัวเราะอยู่แล้ว ทว่าธารดันหันไปแผดเสียงใส่เพื่อนซะก่อน
“ถ่ายเร็วๆ! พูดมาก เดี๋ยวกูก็ต่อยปากแตก”
“ย่ะ! ใช้คนอื่นแล้วยังจะมาขู่อีก ไอ้เด็กมารยาททราม” น้องมายด์บ่นอุบอิบ เรียกเสียงหัวเราะร่วนให้กับโรมและจอมแก่นที่โล่งใจไปเรียบร้อยว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ธารหน้าแดงตลอดการถ่ายรูปนั้น ตามองมาทางผม แต่ไม่ได้มองหน้า มองไปทางด้านหลั ไม่กล้าสบตาด้วย กระทั่งน้องมายด์ร้องบอกว่าถ่ายเสร็จเรียบร้อย ถึงได้ผ่อนคลายความเขินอายลง

“แล้วพวกมึงจะอยู่ดูอะไรกัน เข้าไปข้างในได้แล้ว” ไล่เพื่อนเป็นพัลวันด้วยเมื่อเพื่อนหมดหน้าที่

จอมแก่นกับโรมยักไหล่ไม่ยี่หระ มีแต่น้องมายด์ที่บ่นกระปอดกระแปดไม่เลิก ผมลงมายืนกับพื้นได้ก็หมั่นเขี้ยวมันขึ้นมา ยื่นมือไปดึงแก้มขาวๆ นั่นขณะที่มันนั่งคร่อมบนรถเหมือนเดิม เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูรูปที่ถ่ายเมื่อครู่เงียบๆ
“เด็กขี้หวงของพี่เหนือเอ๊ย”
ธารสะบัดหน้าหนี ก่อนยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“เข้าเฟซบุ๊คพี่ดิ๊”
“เข้าทำไมอะ” ผมเลิกคิ้ว
“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์”

พูดมาอย่างนี้ก็รู้เลยว่ามันต้องการประกาศให้โลกรู้ละว่าผมเป็นของมัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก รู้อยู่ว่าที่มันทำแบบนี้เป็นเพราะรู้ว่าพี่จอมดื้อมีเฟซบุ๊คผม ผมเลยจัดการล็อคอินแอคเคาทน์ตัวเอง อัพรูปที่มันเลือกเป็นรูปโปรไฟล์ตามสั่ง
หากแต่นั่นก็ไม่พอสำหรับธาร แค่มันเห็นสถานะโสดบนหน้าข้อมูลส่วนตัว มันก็ย่นคิ้ว ว่าเสียงขุ่นออกมา
“เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ด้วย”
“ให้เปลี่ยนเป็นอะไรล่ะครับ เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนี่” ผมแสร้งถามกลับ ใจจริงคือจะตะล่อมให้มันพูดว่าเป็นแฟนผมน่ะ
แต่ธารไม่พูด เอาแต่สั่งอย่างเดียว
“เปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่โสด”
“งั้นความสัมพันธ์คบแบบไม่ผูกมัดเนอะ” ผมว่าพลางเลื่อนหาสถานะที่ว่า
“มีอย่างอื่นมั้ยวะ คบแบบไม่ผูกมัดนี่เหมือนเชิญชวนให้คนอื่นมามั่วได้ตามใจชอบเลยนี่หว่า” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มองจอโทรศัพท์ด้วย ปากก็บ่นไปเรื่อย
“หรือจะเอาค่อนข้างอธิบายยาก?”
“อธิบายยากยังไงวะ ไอ้นี่แม่งก็เชิญชวนคนอื่นมามั่วเถอะ”
ผมกลอกตา หันไปถามมันอย่างรำคาญนิดๆ
“แล้วน้องธารจะให้พี่เหนือขึ้นสถานะว่าอะไรล่ะครับ แฟนก็ไม่ได้เป็น แต่งงานก็ยังไม่ได้แต่ง ก็มีอันนี้แหละที่ตรงสุดแล้ว”
“มีผัวแล้วมีมั้ย” ธารว่าเนิบๆ ทำเอาผมมองหน้ามันพลัน

มันจะไปมีได้ยังไงเล่าไอ้สถานะแบบนั้นน่ะ! ถ้ามี กูก็จัดรายการคนอวดผัวไปนานแล้วเว้ย!

“เลือกอันที่บอกว่ามีผัวแล้วดิ๊”
ยัง...มึงยังไม่หยุดอีก!
“น้องธารครับ... อันนั้นไม่มีนะ” ผมกลั้นขำสุดฤทธิ์ หันไปบอกมันด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
หัวคิ้วธารผูกพันเป็นโบว์ แย่งโทรศัพท์จากมือผมไปดู ครู่หนึ่งก็เลือก ‘คบหาระหว่างเพศเดียวกัน’ กดบันทึกแล้วส่งให้ผม
“เลือกอันนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นแฟนกันแล้วนะ จองอยู่”
“รับทราบคร้าบ” ผมแกล้งลากเสียงยาว มือเผลอไปดึงแก้มมันอีกแล้ว ก่อนจะฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่ามันดูเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือตั้งแต่ที่ตีตราจองผม จนผมอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ต้องออกปากถาม “พี่เหนือถามจริงๆ นะน้องธาร ทำไมถึงได้หวงพี่เหนือเป็นหมาบ้าขนาดนี้ฮึ? กลัวพี่เหนือจะไปรักคนอื่นหรือไง”

ธารที่กำลังล็อกเอาท์เฟซบุ๊คผมออกมองผมตาขวาง ก่อนจะพยักหน้าให้ผมได้ร้องแซว
“ฮั่นแน่ เด็กขี้หวง มีพี่เหนือเป็นแฟนคนแรกเหรอจ๊ะ” เข้าไปกระแซะแหย่มันอีก ทำเอาหน้ามันมู่ทู่กว่าเดิม แถมแดงขึ้นมาด้วย
“แฟนคนแรกบ้าอะไร ไม่ใช่เว้ย แล้วพี่ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนธารเลยเถอะ อย่ามาหลอกให้เออออนะ!”
มันรู้ทันว่าถูกผมตะล่อม ผมหัวเราะร่วนใหญ่
จริงๆ ก็รู้แหละว่ามันเคยมีแฟนมาแล้ว แต่ก็เป็นผู้หญิงหมดเลยนี่หว่า ถ้ามันยอมรับว่าผมเป็นแฟนมัน ก็เท่ากับว่าผมเป็นแฟนผู้ชายคนแรกของมันนะ
“โอเค ไม่หลอกๆ แต่ถ้าน้องธารยอมรับว่าพี่เหนือเป็นแฟนเมื่อไหร่ ก็เท่ากับว่าพี่เหนือเป็นแฟนผู้ชายคนแรกของน้องธารไม่ใช่เหรอ” ผมแกล้งถาม
“ไม่ใช่”
“อ้าว ถ้าไม่ใช่ แล้วพี่เหนือเป็นอะไรล่ะ”
ธารสบตาผมเล็กน้อย ก่อนหลบตาแล้วว่าเสียงเบา
“เป็นทุกอย่างของธาร”

จะ...ใจเต้นแรงเลย

ไอ้เด็กนี่... นึกจะปากหวานก็มาไม่ให้ทันตั้งตัวเลยนะ
“พะ...พูดเว่อร์ไปมั้ย ทุกอย่างอะไร น้องธารยังมีพ่อมีเพื่อนนะ” ผมว่าแก้เขิน
ธารเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม หน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่มันก็พยายามไม่หลบตา คว้ามือผมแล้วดึงเข้ามาใกล้ พร้อมกับสารภาพออกมา
“ทุกอย่างจริงๆ อยู่กับพี่น่ะสบายใจที่สุดแล้ว พี่เหมือนกับ...ที่พักใจ ยังไงก็ไม่อยากเสียไป ไม่อยากให้ใครแย่งไป พี่เป็นของธารคนเดียว เป็นคนสำคัญของธารคนเดียว...”

ผมเผลอยิ้มกว้างออกมากับคำสารภาพตรงๆ นั้น พอจะเข้าใจได้ว่าที่มันรู้สึกแบบนี้คงเป็นเพราะมันมีปัญหาทางบ้านกับพ่อ ซ้ำยังขาดความอบอุ่นเพราะขาดแม่อีก อยู่กับเพื่อน มันก็ดันกลายเป็นที่พึ่งของเพื่อนอีก แทนที่มันจะเป็นฝ่ายพึ่งเพื่อนแทน พอมาเจอผม ได้ผมดูแล คอยเอาใจใส่จนมันค่อยๆ เปิดใจ มันถึงได้หวงผมขนาดนี้

บอกตรงๆ ว่าดีใจชะมัดแฮะ ได้เป็นคนสำคัญของเด็กนี่เนี่ย...

“เด็กน้อย พี่เหนือเป็นของน้องธารคนเดียวอยู่แล้วล่ะ” ผมดึงร่างใหญ่เข้ามากอดบ้าง ลูบท้ายทอยอย่างเบามือ
ถึงจะห่ามๆ ปากไม่ค่อยดี ขี้โมโห เอาแต่ใจ ขี้งอน และอีกสารพัดขี้ แต่ธารใจก็เป็นเด็กที่น่าเอ็นดูสำหรับผม เหมือนได้ทั้งคนรัก ทั้งน้องชาย แล้วก็ลูกชายมาดูแลพร้อมๆ กันในคราวเดียวเลยล่ะ ขณะเดียวกันก็เหมือนได้เจ้ากรรมนายเวรมาขี่คอด้วยเมื่อได้ยินเสียงห้าวดังอู้อี้มาจากคนที่ซุกหน้าอยู่กับแผงอกผมลอยมาตามลม
“ถ้าพี่ไปยุ่งกับพี่ดื้ออีก ถึงจะแค่คุย บอกเลยว่าโดนแน่”
“โดนอะไร โดนหึง หวง ห่าม หรือหื่น?” ผมแกล้งถามขำๆ
แต่ธารไม่ขำด้วย ผละออกจากตัวผม ยกมือมาโน้มลำคอผมให้เข้ามาใกล้จนหน้าแทบชิด พลันกระซิบเบาๆ
“โดนหาม...”
“หามนี่คือหามไปที่เตียง?”
หากแต่ไม่ใช่เมื่อมันเฉลย
“หามไปโรง’บาล จะกระทืบแม่งให้จมดินเลย”

โห ไอ้โหด! ถนอมกูหน่อยก็ได้มั้ย กูอายุมากกว่ามึงอีกนะ ใครบอกว่ากินเด็กแล้วจะเป็นอมตะวะ อายุสั้นลงทันตาต่างหาก มึงจะหึงโหดเกินไปแล้ว!

“โหดจังเลย นี่หึงโหดเหรอ” ผมเย้าเอาขำๆ ไม่ให้มันเครียด กลัวมันจะทำจริงขึ้นมา
ทว่ากลับเป็นการเปิดโอกาสให้มันดึงคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ ฉกจูบแผ่วเบา แล้วว่าเจ้าเล่ห์
“ถ้าพี่จะเอาหึงหื่นก็ได้ จัดให้”

มะ...แหม รุกพี่เหนืออย่างนี้ พี่เหนือจะปฏิเสธยังไงล่ะครับ งั้นกลับหอกันเลย ไม่ต้องกินแล้วเนอะ กลับห้องไปกินพี่เหนือแทนโลด
 


เสียงหายใจหอบอย่างเหนื่อยล้าดังออกจากปากของผมครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากที่ผมไปตกปากรับคำว่าอยากให้มันหึงหื่นมากกว่าหึงโหด ธารเลยลากผมกลับหอทันที ไม่บอกใครด้วยว่าร้อนรนกลับทำไม แค่บอกกับเพื่อนๆ ว่าจะกลับ ให้พวกมันเข้าใจผิดกันว่าผมกับมันทะเลาะกัน แถมมันยังมีหน้าไปเยาะเย้ยใส่พี่จอมดื้อด้วยการเดินไปบอกให้เช็คแจ้งเตือนเฟซบุ๊คหลังจากที่มันแท็กเฟซบุ๊คพี่จอมดื้อกับรูปโปรไฟล์ของผมที่เพิ่งถ่ายกับมันเสร็จหมาดๆ

เป็นการเยาะเย้ยที่แสบสันมาก เห็นหน้าพี่จอมดื้อที่ดูหงุดหงิดตอนเห็นภาพนั่นแล้วคือผมต้องรีบลากมันออกจากร้านรัวๆ ก่อนจะถูกมันกระทืบ

ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่า ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าถูกมันหึงหื่นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือผมเริ่มไม่ไหวแล้วล่ะ พอทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมก็ทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าบนฟูกนุ่มอย่างหมดแรง ขณะที่เด็กนั่นดูไม่เหนื่อยสักเท่าไหร่ ยังจะมากระแซะผมอีกทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งจะยุติการหึงหื่นรอบล่าสุดของมันไปหมาดๆ

“พี่เหนือไม่ทำแล้วนะ เหนื่อยแล้ว” ผมที่ซุกหน้าลงบนหมอนว่าอู้อี้เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือสากลากลูบขึ้นมาตามแผ่นหลัง
“แก่แล้วก็งี้” ธารว่า ก่อนหยุดมือบนสะโพกผมแล้วออกแรงกดเบาๆ ให้ผมได้ร้องโอดโอยเพราะเจ็บ “พรุ่งนี้ไปหาหมอมั้ย ดูท่าจะใกล้อัมพาต”

กวนตีน! ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะมึง!

“พี่เหนือห่างหายไปนานต่างหาก เนื้อตัวถึงได้ปวดน่ะ” ผมสวนกลับไปบ้าง ทำเอาไอ้คนขี้แกล้งตอนแรกหน้าตึง
“พูดงี้อยากเป็นอัมพาตจริงๆ ใช่มั้ย” ไม่พูดอย่างเดียว จับผมพลิกตัวนอนหงาย โถมตัวขึ้นมาคร่อมอีกต่างหาก

มาแล้ว หึงหื่นระลอกต่อไป ถึงกูจะหื่นแต่ร่างกายกูก็มีขีดจำกัดนะเว้ย!

“ยะ...ยอมแล้วครับ พี่เหนือขอโทษ” ผมชิงออกปากทันใด ทำเอาไอ้เด็กโหดหัวเราะอย่างมีชัย
“ปากดี” ด่าผมซ้ำอีก แต่ก็ปล่อยให้ผมได้นอนพัก ไม่หึงหื่นต่ออย่างที่ผมหวั่นใจ

กระทั่งผมเริ่มหายเหนื่อย ท้องก็เริ่มหิวขึ้นมาเพราะยังไม่ได้กินอะไร ตอนที่ไปร้านพี่จอมดื้อก็ดันมีเรื่อง ไม่ได้กินเต็มที่อีก ตอนนี้ท้องเลยร้องประท้วงเป็นการใหญ่เลย
“น้องธาร พี่เหนือหิว” ผมครวญด้วยทนกับเสียงท้องร้องไม่ไหว
“งั้นไปหาไรกินแถวสวนชมน่านกัน วันนี้มีมหกรรมอาหารวันแรก” ธารเสนอ แล้วก็ลุกไปแต่งตัว
ผมยังไม่ทันจะได้ถามด้วยซ้ำว่ามหกรรมอาหารคืออะไร แต่ก็ยอมไปด้วยหิวจนไม่อาจทนได้อีกแล้ว
ตอนไป ผมยืนยันว่าจะขับรถยนต์ไป อ้างว่าสี่ทุ่มแล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนมันอันตรายทั้งที่ก็เคยขี่ออกข้างนอกกลางดึกออกจะบ่อย แต่ใครจะไปยอมบอกความจริงมันล่ะว่าที่ผมจะไปรถยนต์ เป็นเพราะช่วงล่างผมไม่โอเคกับการนั่งเบาะมอเตอร์ไซค์แข็งๆ แล้ว

ขืนพูดไปอย่างนั้น ไอ้เด็กนี่ก็ได้ใจกันพอดี

นี่เลยเป็นครั้งแรกที่ธารได้นั่งรถผม ผมก็ได้รู้อีกอย่างด้วยว่าธารใจขับรถไม่เป็น มีล้อมันนิดหน่อย แล้วก็อาสาจะสอนให้ ก่อนบทสนทนาของเราจะยุติลงเมื่อมาถึงยังที่หมาย



งานมหกรรมอาหารก็คืองานที่ทางเทศบาลเมืองพิษณุโลกจัดให้พ่อค้าแม่ค้าเอาของมาขายนั่นเอง ทั้งของกิน ทั้งเสื้อผ้า แล้วก็มีการแสดงที่เวทีตรงลานข้างสวนชมน่านนิดหน่อย เห็นธารว่าส่วนใหญ่จะจัดเวลามีเทศกาลสำคัญอย่างสงกรานต์หรือปีใหม่ แต่บางครั้งก็จัดกลางปีบ้าง แล้วแต่ว่าจะทางเทศบาลจะมีโครงการอะไร

ผมค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับงานนี้พอสมควร โดยเฉพาะกับบรรดาอาหารสารพัดชนิด หาที่จอดรถ เดินเข้ามาในงานได้ ก็ปรี่ไปซื้อเสมือนเงินเป็นกระดาษจนธารต้องร้องบอกให้พอเพราะซื้อมาเยอะเกิน เกือบจะกินไม่หมดอยู่เหมือนกันถ้าธารไม่ช่วยกิน

กินไปก็บ่นผมไปเรื่องใช้เงินซื้อของกินไปหลายร้อยเนี่ย บ่นจนจะเข้าใจไปแล้วว่ามันเป็นพ่อผมคนที่สอง

“เสร็จแล้วจะกลับเลยมั้ย” ธารถามหลังจากเติมกระเพาะเราทั้งคู่จนเต็มแล้ว
“พี่เหนืออยากเดินเล่นสักหน่อย”
“แต่มันดึกแล้วนะ ร้านก็เริ่มเก็บกันแล้ว พี่จะเดินดูอะไรวะ”
จริงอย่างที่มันพูด ร้านรวงใกล้ปิดหมดแล้วล่ะ แต่ผมก็อยากดูนี่นา คนไม่เคยมาหรือเปล่าวะ เปิดหูเปิดตาไม่ได้หรือไง
“เอาน่า พี่เหนือเพิ่งเคยมาครั้งแรก พาพี่เหนือเดินเล่นหน่อยนะ อากาศกำลังดีเลย โรแมนติกออก ยิ่งได้เดินกับน้องธารริมน้ำนี่ ยิ่งโรแมนติก”
อ้อนมันเข้าไปหน่อย ส่งสายตาวิบวับให้ด้วย เท่านั้นมันก็ยอมอ่อนให้ผมแต่โดยดี
“เออ ไม่นานนะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียน”

เกิดขยันเรียนขึ้นมาเชียวเด็กนี่

ผมก็พยักหน้าเออออไป ไม่ได้ตั้งใจจะเดินนานอยู่แล้ว พอลุกขึ้นปุ๊บ ธารที่ยืนรออยู่ก็ตรงเข้ามาคว้ามือผมไปจับ ไม่ได้จับแบบธรรมดา จับแบบประสานนิ้วด้วย
“จะ...จับไว้ พี่จะได้ไม่หลง” มันว่าโดยไม่มองหน้า ซีกหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ

นะ...หน่องธารเวอร์ชันโรแมนติกโคตรๆ!

พี่เหนือบอกเลยครับว่าหลงแน่นอน... หลงน้องธารเนี่ย โอ้โห เด็กอะไร ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้!

ผมจับมือมันแน่น ส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนเราจะเดินทอดน่องเลาะริมฝั่งแม่น้ำ รับลมเย็นๆ ไปเรื่อยๆ
แต่เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงักพอมาถึงยังช่วงกลางทางของสวนชมน่านที่มีลานเบียร์ตั้งอยู่ ที่ชะงักไม่ใช่เป็นเพราะเห็นลานเบียร์แล้วธารเกิดจากจะซดขึ้นมา ทว่าเป็นเพราะเห็นใครบางคนที่คุ้นตาต่างหาก
"แจน...”

ใช่ ยัยน้องแจนเดินลั้นลาผ่านหน้ามาพอดี ก่อนจะเบรกบ้างทันทีที่เห็นผมกับธาร

“อะ...อ้าว ธาร เป็นไง” ยัยนั่นทักแบบเสียมิได้ หันมาเห็นผมก็ยกมือไหว้แบบเก้ๆ กังๆ “วะ...หวัดดีค่ะพี่เหนือ”
ผมรับไหว้ไปตามเรื่อง ธารก็เกือบจะไม่ได้สนใจยันนั่นแล้ว เพียงแค่ทักแล้วก็จบไป ทว่าแจนดันโพล่งขึ้นมาซะก่อน
“แล้วนี่มากันสองคนเหรอ”
“เห็นว่ามากี่คนล่ะครับ” ผมยอกย้อน แต่หน้านี่ยิ้มให้กว้างสุดพลัง
เด็กนั่นทำหน้ากลืนไม่เข้า คายไม่ออก ดูท่าไม่ค่อยอยากคุยกับผมเท่าไหร่ ก่อนจะว่าเสียงเบา
“ก็นึกว่ามากับโรม”
แค่นั้นแหละ ธารก็ขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเข้มออกมาเลย
“ไอ้โรมก็มาเหรอ”
“อือ นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ...กับแป้ง”

ได้ยินชื่อเด็กผู้หญิงอีกคน ธารก็มองตามไปยังทางที่แจนบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับโรมที่นั่งกระดกเบียร์อยู่กลางกลุ่มผู้หญิง มือหนึ่งโอบไหล่ของแป้งเอาไว้ ทำให้ธารเผลอกัดฟันกรอดออกมา
“ไหนว่าไม่ยุ่งแล้วไงวะ เชี่ยโรมนี่แม่ง”
“น้องธาร ใจเย็นๆ นะ” ผมรีบออกปากปรามก่อนมันจะสร้างเรื่อง

ทว่าไม่ทันแล้ว สิ้นเสียง มันก็ปล่อยมือผม เดินอาดๆ เข้าไปหาโรมด้วยความเร็วแสง

เฮ้ยๆ อย่าทะเลาะกันนะเว้ย ขี้เกียจตามเก็บกวาด
แต่ไอ้เด็กธารมันหัวเสียตอนเห็นโรมอยู่กับผู้หญิงอื่นนี่ เหมือนกับว่ามันกำลังหึงโรมเลยแฮะ

ระ...หรือว่า...!?

ผัวข้อยเป็นเมียเขาไม่เอานะเว้ย! กลับมานี่เดี๋ยวนี้ไอ้น้องธาร!
 -----------------------------------------
พี่เหนือนี่คือฉายาเยอะ #พี่เหนือร้อยฉายา มั้ยล่ะ 555
หน่องธารมีความน่ารักขึ้นเรื่อยๆ ยกตำแหน่งสามีแห่งชาติให้นางไปเลยค่ะ ขึ้นสถานะความสัมพันธ์ในเฟซว่ามีผัวแล้วรัวๆ กร๊ากกก
ตอนที่แล้วมีคนทายถูกหลายคนเลย มันคือรังสี โรมแก่น แก่นโรม นี่เอง แต่สองคนนี้ไม่ใช่คู่รองนะคะบอกไว้ก่อน เป็นแค่มิตรภาพลูกผู้ชายให้ได้จิ้นกันเบาๆ เฉยๆ เปิดเพลงไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหนรัวๆ ฮาา
ตอนนี้ก็ไม่มีความธารโรม โรมธารนะ อย่าเพิ่งตกใจกัน ขืนมี เดี๋ยวอีพี่เหนือได้มาแหกอกหนูแดงเอา
ตอนหน้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้นะ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ จะเอาตัวอย่างตอนใหม่มาแปะให้นะคะ เริ่มต้มน้ำร้อนเข้าสู่ช่วงมาม่าแล้วล่ะ XD (มาม่านิดเดียว ไม่เยอะ ไม่ตะเตือนไต ไม่ต้องกลัว)
ปล. ส่งฟีดแบ็กกันให้ชื่นใจด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: JARKISREAL ที่ 07-04-2016 00:41:08
"หน่องธารจะน่ารักไปไหนนนนนนน งู้ยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 07-04-2016 01:09:22
น้องธารรรร ทำไมช่างน่ารักกกแบบนี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-04-2016 07:46:32
กินเด็กแล้วจะอายุสั้น ฉันก็เห็นแต่แกนี่ละนังเหนือ นอกจากจะเป็นอัมพาตแล้ว มีแววว่าแกจะเป็นเบาหวาน กับหัวใจล้มเหลวด้วย  อันเกิดจากการบริโภคอ้อยน้องธารเกินขนาด!!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-04-2016 08:27:12
ธารขี้หวงมากก
ไม่อยากกินมาม่า แงๆๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 07-04-2016 08:33:04
อิพี่เหนือระวังเป็นอัมพาตนะแก ถ้าน้องธารหึงหื่นมากๆ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-04-2016 08:40:27
ทำไมโรมทำตัวแบบนี้ล่ะค่ะ เดี๋ยวก็ได้ตายเร็วหรอกค่ะ เพื่อนเตือนก็ไม่ฟังคงต้องให้โดนหนักๆ ซักครั้งถึงจะสำนึกมั้งค่ะ หรือคงต้องให้คนอื่นโดนลูกหลงแบบหนักๆ ถึงจะสำนึกกันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-04-2016 08:57:31
ธารหึงโหด หื่น มาก แต่เวลาอ้อยตกใส่
ก็หวานจน ฟิน #พี่เหนือคนหลงผัว(เด็ก)
ส่วนอิโรมไปรับปากอะไรธารไว้ ธารถึงได้โมโหแรง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 07-04-2016 09:42:16
ธารใจผู้น่ารักและอึดมากกกก 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-04-2016 10:30:51
หึงหื่นมากจ้าน้องธาร  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 07-04-2016 11:07:08
มาม่าอย่าเยอะ. เค้าเป็นพวกอ่อนไหวนะ.   คงมีมาม่า2 ซอง. มาม่าพ่อธาร. กับมาม่าพี่เหนือได้ทุน. 

ขอให้ธารเหนือรักกันหวานปนหื่น. อย่าได้มีมือที่สามสี่ห้า.

ขอบคุณนักเขียนนะคะ.  เรื่องนี้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-04-2016 11:41:18
ธาร x โรม

ก็น่าสนใจดีนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 07-04-2016 11:54:01
เหนืออย่าเพ้อเจ้อ เดี๋ยวได้อัมพาตจริงๆหรอก 55555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 07-04-2016 12:22:52
น้องธารทำโรงงานอ้อยระเบิดบู้มมมมมม  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-04-2016 12:31:00
หึงโหดมาน้องธาร แบบนี้พี่เหนือคงไม่กล้านอกใจหรอก ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-04-2016 13:19:42
ขยันมีเรื่องนะ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 07-04-2016 14:03:08
มีเรื่องอีกแล้ว พี่เหนือเข้าไปห้าม ด่วน!!! :mew4: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 07-04-2016 14:19:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 07-04-2016 14:45:21
ขำผัวข่อยเป็นเมียเขา 555555556

โอ้ยย น้องธารนางไมขี้หึงเบอร์ใหญ่งี้

พี่เหนือเลยดูดรอปไปเลยจริงๆ องค์เมียเข้าสิงสินะะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่19: พี่เป็นของธารคนเดียว♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-04-2016 18:31:37
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 20
ตอนเต็มๆ มาเมื่อไหร่ยังไม่รู้นะคะ ช่วงนี้เริ่มกลับมายุ่งวุ่นวายเรื่องเอเลี่ยนอีกละ เร่งทำหนังสือ (เร่งตลอด แต่ก็แวบมาเขียนเรื่องอื่นทุกที 555)
ตอนนี้ต้มน้ำร้อนกันได้แล้วนะคะ เตรียมจะมาม่าละ เบาๆ แค่ 2 ซอง 555
มาม่าไม่ปวดใจค่ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ (จริงๆ ก็มีแหละ ท้ายๆ เรื่องหน่อย นิดนึง แต่โดยรวมคือฟีลกู้ด) ไม่มีเรื่องมือที่ 3 ไม่มีเรื่องขุ่นพ่อน้องธารรับไม่ได้นะ ไม่ต้องห่วง
อันนี้ถามนอกเรื่องค่ะ พอดีหนูแดงไปเห็นหมอนไดคัทมาแล้วรู้สึกว่าน่ารักดี เลยมีไอเดียว่าจะเปิด Pre-order เป็นหมอนตัวจิบิน้องธารกับพี่เหนือ (ทำแยกกันนะ เผื่อบางคนอยากได้แค่น้องธารไรงี้ อีพี่เหนือคือเท 555)
รายละเอียดตามนี้นะคะ https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/975930272462826/?type=3&theater

ใครอยากได้ ยกมือให้ดูคร่าวๆ หน่อย ถ้ามีสัก 10-20 คน เดี๋ยวหนูแดงไปถามรายละเอียดเลย จะได้ได้ราคาถูกหน่อยเนอะ ส่วนตัวจิบินี่ ถ้าตกลงกันว่าเอาจริงแน่นอน เดี๋ยวหนูแดงไปทาบทามนักวาดค่ะ เห็นว่าตอนนี้ทางนั้นกำลังยุ่ง งดรับงานชั่วคราว ยังไงก็รอกันหน่อยเนอะ ^^

-----------------------------------------
[/b]

“หยุด! พอได้แล้ว!”
ผมร้องตะโกนสุดเสียง พยายามห้ามไม่ให้เด็กพวกนั้นมันตีกัน แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ตีกันนัวเนียกว่าเดิมอีก ขนาดผู้ใหญ่แล้วนั้นช่วยกันห้ามแล้วก็ยังไม่หยุด อะไรไม่ว่า ไอ้ฝั่งที่เสียเปรียบน่ะธารชัดๆ แค่มันสองคนกับโรมจะไปสู้อะไรเด็กวัยรุ่นตัวพอๆ กันเกือบสิบคนได้

ถึงอย่างนั้นธารก็ยังสู้ ผมเห็นทั้งหมัดทั้งฝ่าเท้าประทับลงมาบนตัวเด็กนั่นก็ปวดหนึบในใจขึ้นมา ความเป็นห่วงของพ่อแม่เวลาเห็นลูกเจ็บตัวเป็นยังไง ตอนนี้ผมรู้สึกคล้ายๆ อย่างนั้นเลย
“ธาร! พี่บอกให้พอ!” ผมปรี่เข้าไปจะห้ามอย่างลืมตัวว่ามันอันตราย
ธารหันมามองผมนิดหน่อย ก่อนจะออกหมัดใส่ใครคนหนึ่งพลางตะโกน
“อย่าเข้ามา!”

พลั่ก!

พูดยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ซีกหน้าข้างหนึ่งของเด็กนั่นก็ปะทะเข้ากับกำปั้นของหนึ่งในอีกฝ่ายเต็มๆ เลือดสดไหลกลบปากแลดูน่ากลัวนั่นยิ่งทำให้ผมแข้งขาอ่อนแรง ขณะเดียวกันก็โมโหที่ที่ธารไม่เชื่อฟัง

มีเรื่องอย่างนี้ เดี๋ยวพ่อมึงก็ลากกลับบ้านหรอกเว้ย!

ผมเลยตั้งท่าจะเข้าไปห้ามอีกครั้งด้วยเห็นว่าผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเรื่องราวได้บานปลายกว่านี้แน่ เมื่อกี้ได้ยินคนแถวนั้นร้องบอกว่าจะแจ้งตำรวจแล้วด้วย ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าควรเอาตัวเองไปแทรก ถึงจะเสี่ยงเจ็บตัว แต่ก็คิดว่าน่าจะหยุดธารได้

หากแต่พอผมตั้งท่าจะเข้าไป เด็กคนที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนแป้งก็ล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงมากวัดแกว่งในอากาศ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นมีดพก เท่านั้นผมก็ร้องสุดเสียง
“ธารระวัง!”
ธารหันมามองผมขวับ ก่อนหันไปยังเด็กนั่นที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง ก่อนจะร้องเฮ้ยด้วยความตกใจ รีบกระโดดหลบอีกฝ่ายพลาดเป้าแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามจะเข้ามาแทงธารอีก
“เก่งนักเหรอ! กูจะแทงมึงให้ไส้ไหลเลยไอ้เวร!”
ตอนนี้เหตุการณ์ชุลมุนมากกว่าเดิม จากที่ตีกันนัวเนียอยู่แล้ว ยิ่งอลหม่านเข้าไปใหญ่เพราะคนแถวนั้นพากันแตกตื่น หนีลูกหลงกันไปคนละทิศละทางด้วย

โรมพยายามจะดึงธารออกจากวงล้อม ปากก็ร้องบอกให้ผมหนีไปก่อน แต่ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยไม่หนี กะรอให้ธารได้โอกาสหนีก่อนแล้วค่อยออกวิ่ง
ทว่าพอธารสบโอกาส อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้หนี พุ่งเข้ามาอีก ธารเห็นพอดีเลยรีบเบี่ยงตัวหลบ ทว่าคราวนี้ไม่รอด โดนคมมีดครูดบนท่อนแขนจนเลือดไหลอาบเป็นทาง

มือไม้ผมสั่นเทาขึ้นมาทันที ไม่รู้จะช่วยยังไง ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมาอยู่ในวงล้อมเด็กตีกันอย่างนี้มาก่อนเลย ร้ายกว่านั้นคือพออีกฝ่ายทำให้ธารบาดเจ็บได้แล้วก็ไม่ยอมหยุด ปรี่เข้ามาหมายจะแทงอีก ดูท่าจะเอาถึงตาย โรมก็พยายามช่วยแต่ก็ถูกพวกเพื่อนๆ ของอีกฝ่ายสกัดไว้จนเข้าถึงตัวธารไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าธารกับเด็กที่ถือมีดนั่นปลุกปล้ำกันอุตลุต ล้มกลิ้งไปบนพื้น สิ่งที่ธารทำคือป้องกันตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายหมายจะเอาชีวิต
“เรียกตำรวจหรือยัง!? เรียกเร็ว!”
สิ่งที่ผมทำได้คือการตะโกนไปแบบนั้น มือก็คว้าโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์โรงพยาบาล กะจะเรียกรถพยาบาลมาเผื่อไว้เลย ยังไงก็ดูท่าจะต้องหามกันไปที่นั่นแน่ ดีที่มีคนร้องตอบกลับมาว่าเรียกตำรวจแล้ว ผมเลยเบาใจลงไปนิดหน่อยด้วยรู้ว่าสถานีตำรวจอยู่แถวนี้

หากแต่พอผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ธารที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกอีกฝ่ายขึ้นคร่อมอยู่ก็เป็นได้เปรียบขึ้นมาเมื่อธารตั้งท่าจะพลิกตัวมาคร่อมแทน ทว่าในจังหวะที่ธารพลิกตัวลุกขึ้น เด็กอีกคนก็ไม่หยุด จ้วงแทงมีดออกไปให้ธารต้องป้องกันตัวเองด้วยการใช้สองมือรับคมมีดนั้น

ของเหลวสีแดงสดไหลอาบฝ่ามือจนท่วม สีหน้าเหยเกปรากฏให้เห็นบนใบหน้าหล่อ ก่อนจะซัดกันอุตลุตอีกครั้งกระทั่งธารเป็นฝ่ายถูกผลักลงไปนอนแล้วโดนคร่อมไว้อีก

ผมขาสั่น ใจสั่น เป็นห่วงจนแทบทนไม่ไหว ภาวนาในใจขอให้ตำรวจหรือใครก็ได้รีบมาห้ามเด็กพวกนี้เร็วๆ แต่เหมือนคำอธิษฐานของผมจะไม่สัมฤทธิ์ผล เพราะแค่คิดเท่านั้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังลั่นไปทั่ว ดึงให้หัวใจผมร่วงไปอยู่ตาตุ่มพลัน
“โอ๊ย!”
“ไอ้ธาร!”
“ไอ้ซัน!”

เด็กหนุ่มพวกนั้นหยุดตีกันกะทันหันทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ผมเองก็ชะงักเช่นกันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรอยเลือดกองใหญ่บนพื้น ทั้งคู่หยุดนิ่ง สีหน้าตกใจพอๆ กัน แต่คนที่ตกใจมากกว่าคือผม เพราะทันทีที่ผมละสายตาจากกองเลือดบนพื้นไปมองยังตัวธาร ก็เห็นว่ามีรอยเลือดเป็นวงกว้างบริเวณสีข้างบนตัวเด็กนั่น

“ธาร!”
ผมโพล่งสุดเสียงทันที วิ่งเข้าไปหาชนิดทิ้งทุกอย่างที่ถืออยู่ในมือ ตั้งใจจะเข้าไปลากตัวมันออกมาจากเด็กอีกคน ขณะที่มันหันมามองหน้าผม พลางส่งเสียงเครือ
“พะ...พี่เหนือ...”
ผมคว้ามือเปื้อนเลือดมาจับไว้มั่น เห็นบาดแผลบนฝ่ามือแล้วก็อยากจะตบกะโหลกมันชะมัด แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ปลอบมันทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ใจเย็นไปกว่ามันเลยสักนิด
“มะ...ไม่เป็นไร พี่เหนืออยู่นี่แล้ว...พี่อยู่นี่แล้ว”

เด็กเวรเอ๊ย! มาให้ทำกูเป็นห่วงเจียนตายอย่างนี้ได้ยังไงวะ!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-04-2016 18:53:19
ตีกันอีกละ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2016 19:10:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 07-04-2016 19:27:03
กรี๊ดดด ม่ายยยยย น้องธารของพี่ :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-04-2016 19:32:12
เจอเด็กหึงหื่นถึงกับเป็นอัมพาต ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-04-2016 20:04:20
เด็กเอ๊ยเด็ก แต่ก็เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆนะน้องธาร ^^ #เด็กขี้หวง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 07-04-2016 23:49:05
อ่านรวดเดียวเลยฮะ บอกเลยว่าน้องธารน่าร้าก :กอด1:  หมั่นนังพี่เหนือมาก :laugh:  ส่วนโรม... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 08-04-2016 04:37:32
เกลียดไอ้โรม เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ทำให้เพื่อนเดือดร้อน น่าจะตายๆไปซะรกโลก ไม่ชอบคนแบบนี่ :angry2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-04-2016 10:37:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 08-04-2016 14:42:15
ไอโรมก่อเรื่องอีกละเซ็ง เหอะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-04-2016 15:57:46
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-04-2016 21:14:13
ชั่งใจ ครั้งที่ 20: พี่จะดูแลเราเอง[1]

ห้ามไม่ทันแล้ว แค่คิดจะเอ่ยปาก คนตัวสูงก็เดินอาดๆ เข้าไปที่โต๊ะนั่น เสียงหัวเราะพูดคุยครื้นเครงหยุดลงทันทีที่เห็นธารเดินไปยืนค้ำหัวโรมไว้ โรมหันมามองแล้วก็ยิ้ม แทนที่จะตระหนักว่าตัวเองผิดสัญญาที่เคยให้กับเพื่อนไว้ ซ้ำยังชวนธารอีก

“เอ้าไอ้ธาร มาไงวะ นั่งก่อนสิมึง กำลังสนุกเลย”
“ไอ้โรม กูว่ากูบอกมึงแล้วนะ” ธารไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย ว่าเสียงเข้ม พร้อมชักสีหน้าใส่
ถึงจะไม่พูดเต็มประโยคว่าบอกเรื่องอะไร แต่โรมก็เข้าใจได้ ปล่อยมือที่โอบไหล่แป้งอยู่มาตีแขนธารเบาๆ
“เฮ้ย ไม่มีอะไรหรอกมึง ไม่ต้องห่วง”
“ถ้าป้ารินไม่มีมึงแค่คนเดียว กูจะไม่ห่วงมึงเลย จะหาเหาใส่หัวอีกนานมะ คนที่ยังไม่มีแฟนก็มีตั้งเยอะ ทำไมมึงไม่ไปจีบวะ”

คราวนี้พูดออกมาโต้งๆ ทำเอาแป้งหน้าเสีย คนอื่นหยุดพูดคุยกันทันที มองหน้าแป้งที่ดูคล้ายจะร้องไห้พลันถลันเข้าไปปลอบล่วงหน้า โรมเองก็เริ่มทำหน้าไม่ถูกที่จู่ๆ ธารก็ว่าออกมาตรงๆ แบบนี้ แต่ก็ยังแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน ปลอบใจแป้งว่าธารพูดเล่น แต่ก็โดนสวนตอกหน้า

“กูไม่ได้พูดเล่น กูพูดจริง อยากรู้ฉิบหายว่าแป้งมีอะไรดีนักหนาวะ ทำไมมึงถึงตัดใจไปหาคนอื่นไม่ได้ คนที่ไม่มีแฟนน่ะ ทำไมมึงไม่มอง ไปยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้วทำไม นั่นก็เหมือนกัน มีแฟนอยู่แล้ว จะมายุ่งกับผู้ชายคนอื่นอีกทำไมฮะ”

แป้งน้ำตาไหลเลย พูดแรงไปจริงๆ ถ้าผมเป็นแป้งก็จุกเหมือนกัน

โรมเริ่มมีท่าทีไม่ชอบใจขึ้นมา ลุกขึ้นแล้วดันธารให้ออกห่างจากโต๊ะ
“มึงพูดเกินไปแล้วไอ้ธาร” ว่าเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ หากแต่โดนธารสะบัดตัวออก
“กูไม่ได้พูดเกินไป กูพูดเรื่องจริง”
“แต่นี่มึงไม่ไว้หน้าแป้งเลย แป้งเป็นผู้หญิงนะเว้ย มึงพูดกระทบกระเทือนจิตใจมากไปแล้ว”
“จะผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์กับคนรักก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องระวังคำพูดหรือเปล่าวะ คนประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติหรอกเว้ย”
“พอแล้วไอ้ธาร!” โรมชักทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงใส่หน้าเพื่อนดังลั่น

ผมรีบปรี่เข้ามาคว้าแขนธารไว้ทันทีด้วยกลัวว่ามันจะมีเรื่องกัน แต่เปล่า ไม่ได้มีเรื่อง ธารแค่มองหน้าโรมนิ่งๆ ก่อนจะถูกโรมลากไปคุยห่างจากโต๊ะกว่าเดิม
“เมื่อวานแป้งเลิกกับแฟนแล้ว ก็เท่ากับว่าโสด กูถึงกลับไปคุย ไม่ใช่ว่ายังมีแฟนอยู่แล้วกูกลับไปคุย มึงเลิกพูดอะไรแบบนั้นซะที”
“แสดงว่าแป้งเลิกกับแฟนเพื่อจะมาคุยมึง?”
“ประมาณนั้น มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ได้ผิดสัญญา รับปากก็คือรับปาก คนไม่มีเจ้าของ กูก็คุยได้ใช่มั้ย”
หัวคิ้วของธารย่นยู่ไปกว่าเดิม ดูก็รู้ว่าธารไม่ค่อยชอบแป้งสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ นอกจากบอกโรมด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“เออ เรื่องของมึง แต่ก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน กูว่าแฟนแป้งแม่งไม่จบหรอก”
ผมก็คิดอย่างนั้น เมื่อคืนยังโดนกระทืบมาหมาดๆ อยู่เลยนี่ ยิ่งแป้งมาเลิกกับแฟนเพราะจะมาคุยกับโรมด้วยแล้ว ผมว่าแฟนเก่าแป้งไม่หยุดราวีง่ายๆ แน่
ทว่าโรมกลอกตา ทำทีไม่สนใจ
“เออๆ กูจะระวังตัว ขอบใจที่เป็นห่วง มึงพาพี่เหนือกลับไปได้แล้วไป ดึกแล้ว กูก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
ธารพยักหน้ารับ ท่าทางหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ หันมาคว้ามือผมไปจับแล้วพึมพำ
“กลับเถอะพี่ อารมณ์เสียว่ะ”
ผมก็พยักหน้ารับคำมันไป ดีแล้วล่ะที่มันไม่ตีกัน คุยกันรู้เรื่องก็โอเคแล้ว

หากแต่แค่หมุนตัวจะเดินกลับไปทางเดิม เสียงเอะอะมะเทิ่งของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงหวีดร้องโวยวายของเด็กผู้หญิง พอหันกลับไปดู ก็เห็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นชายราวสิบชีวิตยืนล้อมรอบโต๊ะเบียร์ของโรมไว้ โดยที่เด็กผู้ชายรูปร่างแกร็นๆ ซึ่งดูท่าทางจะเป็นหัวโจกจับข้อมือแป้งเอาไว้ ปากก็โวยวายไม่หยุด
“บอกให้เลิกยุ่งมันไอ้เวรนี่ ทำไมยังไม่เลิกยุ่งอีกวะ!”
“เลิกกันแล้ว ซันจะมาวุ่นวายอะไรกับแป้งอีก!”
“ใครบอกว่าจะเลิก กูไม่เลิก!” ฝ่ายผู้ชายเริ่มขึ้นมึงกู สีหน้าดูโกรธดุดันน่ากลัว ซ้ำยังบีบข้อมือขาวๆ ของแป้งอย่างแรง ทำเอาอีกฝ่ายร้องลั่น
“เจ็บนะ! ปล่อย!”
โรมซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ เห็นคนที่ตัวเองชอบถูกทำอย่างนั้นก็อดไม่ได้ ตรงเข้าไปผลักอกคนที่ชื่อซันออก ดึงแป้งเข้ามาใกล้ตัวเองพลางตะคอก
“ผู้หญิงเค้าไม่เอามึงแล้วก็เลิกยุ่งไปสิวะ จะมาทำตัวเป็นขี้แพ้ชวนตีทำไม!”
“แล้วมึงเสือกอะไร!”
“ก็แป้งกำลังคุยอยู่กับกู กูก็ต้องเสือกสิ”
คำพูดของโรมไปกระตุกต่อมโมโหของอีกฝ่ายน่าดู ก่อนที่ซันจะตะโกนลั่น
“เมื่อวานยังโดนตีนไม่พออีกใช่มั้ยฮะ!”

พลั่ก!

ยังไม่ทันที่โรมจะได้ตอบ ก็โดนต่อยเต็มรักแล้ว

ผมเบิกตาโพลงทันทีที่เห็นโรมถูกตะบันหน้าซะหงายลงไปกองบนพื้น ก่อนที่บรรดาเพื่อนๆ ของซันจะกรูกันเข้ามาประเคนหมัดศอกให้ตามสไตล์หมาหมู่ ส่วนยัยน้องแป้งที่เป็นต้นเหตุกับเพื่อนๆ ก็พากันกรี๊ด วิ่งหนีออกจากวงล้อม ทว่าปากก็ร้องห้ามไม่หยุด

ผมเห็นแล้วก็เป็นห่วงโรมขึ้นมา เพราะเมื่อวานก็โดนยำไปหนักแล้ว มาโดนอีกรอบ มีหวังได้เข้าโรงพยาบาลแน่ แต่ที่เป็นห่วงยิ่งกว่าก็คือคนข้างผมที่จู่ๆ ก็ดึงมือออกจากการเกาะกุม แล้วพุ่งตัวเข้าไปหาเพื่อนด้วยความไวแสง
“น้องธาร! อย่าเข้าไป!” ผมออกปากห้ามไปโดยอัตโนมัติ

แล้วทันมั้ยล่ะ...หึ แม่งวิ่งเข้าไปคว้าขวดเบียร์ใกล้ๆ ตรงไปฟาดหัวไอ้เด็กที่ชื่อซันที่กำลังกระทืบโรมอยู่เรียบร้อยแล้ว เลือดไหลอาบหน้าเด็กนั่นชวนให้ผมจะเป็นลม ร้ายกว่านั้นคือมันยังถูกธารถีบกระเด็นอีกด้วย

“มีเรื่องกับเพื่อนกู ก็เหมือนมีเรื่องกับกูไอ้พวกสวะ!”

ประกาศศักดาอีกน้องธารกู แม่งเอ๊ย! ตีกันอย่างนี้ เดี๋ยวพ่อมึงรู้ก็ได้ลากกลับบ้านจนได้!

“โรม! ธาร! ถอยออกมา! ออกมาทั้งคู่เลย!”
ผมปรี่เข้าไปร้องตะโกนบอกใกล้ๆ คนอื่นๆ ที่นั่งกินลมชมวิวอยู่แถวนั้นก็วงแตก หนีลูกหลงกันอลหม่าน บางคนก็ลุกขึ้นมาช่วยกันห้ามเหมือนกัน ทว่าไอ้เด็กพวกนี้ไม่ฟังกันสักนิด ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุอีก ตีกันนัวเนียยิ่งกว่าเดิม ล้มลุกคลุกคลานจนน่ากลัวว่าจะเลยเถิดไปเป็นเรื่องใหญ่โต

“หยุด! พอได้แล้ว!”
ผมร้องตะโกนสุดเสียง เหมือนแม่บ้านที่พยายามแยกหมาที่กัดกัน นี่ถ้ามีน้ำร้อนจะเอาสาดเลยเถอะ

แต่ดูท่าแล้ว น้ำร้อนสาด มันก็ไม่หยุด ยิ่งธารกับโรมสู้แล้วด้วย ไอ้ฝั่งที่มีพวกเยอะกว่าก็ยิ่งไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีว่ายอมให้สองคนนั้น รุมกระทืบกันอีรุงตุงนัง ขนาดผู้ใหญ่แล้วนั้นช่วยกันห้ามแล้วก็ยังไม่หยุด อะไรไม่ว่า ไอ้ฝั่งที่เสียเปรียบน่ะธารกับโรมชัดๆ แค่มันสองคนกับโรมจะไปสู้อะไรเด็กวัยรุ่นตัวพอๆ กันเกือบสิบคนได้ถึงจะสู้สุดตัวก็เถอะ

ทว่าธารก็ยังสู้จนเกลือกกลิ้งไปบนพื้น ผมเห็นทั้งหมัดทั้งฝ่าเท้าประทับลงมาบนตัวเด็กนั่นก็ปวดหนึบในใจขึ้นมา ความเป็นห่วงของพ่อแม่เวลาเห็นลูกเจ็บตัวเป็นยังไง ตอนนี้ผมรู้สึกคล้ายๆ อย่างนั้นเลย

“ธาร! พี่บอกให้พอ!” ผมปรี่เข้าไปจะห้ามอย่างลืมตัวว่ามันอันตราย
ธารหันมามองผมนิดหน่อย ก่อนจะออกหมัดใส่ใครคนหนึ่งพลางตะโกน
“อย่าเข้ามา!”

พลั่ก!

พูดยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ซีกหน้าข้างหนึ่งของเด็กนั่นก็ปะทะเข้ากับกำปั้นของหนึ่งในอีกฝ่ายเต็มๆ เลือดสดไหลกลบปากแลดูน่ากลัวนั่นยิ่งทำให้ผมแข้งขาอ่อนแรง ขณะเดียวกันก็โมโหที่ที่ธารไม่เชื่อฟัง

ผมเลยตั้งท่าจะเข้าไปห้ามอีกครั้งด้วยเห็นว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเรื่องราวได้บานปลายกว่านี้แน่ เมื่อกี้ได้ยินคนแถวนั้นร้องบอกว่าจะแจ้งตำรวจด้วย ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าควรเอาตัวเองไปแทรก ถึงจะเสี่ยงเจ็บตัว แต่ก็คิดว่าน่าจะหยุดธารได้

หากแต่พอผมตั้งท่าจะเข้าไป ซันก็ล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงมากวัดแกว่งในอากาศ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นมีดพก เท่านั้นผมก็ร้องสุดเสียง
“ธารระวัง!”

ธารหันมามองผมขวับ ก่อนหันไปยังเด็กนั่นที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง ก่อนจะร้องเฮ้ยด้วยความตกใจ รีบกระโดดหลบอีกฝ่ายพลาดเป้าแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ตรงเข้ามาแทงธารอีก
“เก่งนักเหรอ! กูจะแทงมึงให้ไส้ไหลเลยไอ้เวร!”

ตอนนี้เหตุการณ์ชุลมุนมากกว่าเดิม จากที่ตีกันนัวเนียอยู่แล้ว ยิ่งอลหม่านเข้าไปใหญ่เพราะคนแถวนั้นพากันแตกตื่น ร้องโหวกเหวกกันใหญ่ ซ้ำยังผสมโรง เอาโต๊ะเก้าอี้มาขว้างใส่กลุ่มเด็กพวกนั้นด้วยหวังจะให้พวกมันหยุดอีก ซึ่งไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

โรมพยายามจะดึงธารออกจากวงล้อม ปากก็ร้องบอกให้ผมหนีไปก่อน แต่ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยไม่หนี กะรอให้ธารได้โอกาสหนีก่อนแล้วค่อยออกวิ่ง
หากแต่พอธารสบโอกาส อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้หนี พุ่งเข้ามาอีก ธารเห็นพอดีเลยรีบเบี่ยงตัวหลบ คราวนี้ไม่รอด โดนคมมีดครูดบนท่อนแขนจนเลือดไหลอาบเป็นทาง

มือไม้ผมสั่นเทาขึ้นมาทันที ไม่รู้จะช่วยยังไง ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมาอยู่ในวงล้อมเด็กตีกันอย่างนี้มาก่อนเลย ร้ายกว่านั้นคือพออีกฝ่ายทำให้ธารบาดเจ็บได้แล้วก็ไม่ยอมหยุด ปรี่เข้ามาหมายจะแทงอีก ดูท่าจะเอาถึงตาย โรมก็พยายามช่วยแต่ก็ถูกพวกเพื่อนๆ ของอีกฝ่ายสกัดไว้จนเข้าถึงตัวธารไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าธารกับเด็กที่ถือมีดนั่นปลุกปล้ำกันอุตลุต ล้มกลิ้งไปบนพื้น สิ่งที่ธารทำคือป้องกันตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายหมายจะเอาชีวิต

“เรียกตำรวจหรือยัง!? เรียกเร็ว!”
สิ่งที่ผมทำได้คือการตะโกนไปแบบนั้น มือก็คว้าโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์โรงพยาบาล กะจะเรียกรถพยาบาลมาเผื่อไว้เลย ยังไงก็ดูท่าจะต้องหามกันไปที่นั่นแน่ ดีที่มีคนร้องตอบกลับมาว่าเรียกตำรวจแล้ว ผมเลยเบาใจลงไปนิดหน่อยด้วยรู้ว่าสถานีตำรวจอยู่แถวนี้

หากแต่พอผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ธารที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกอีกฝ่ายขึ้นคร่อมอยู่ก็เป็นได้เปรียบขึ้นมาเมื่อธารตั้งท่าจะพลิกตัวมาคร่อมแทน ทว่าในจังหวะที่ธารพลิกตัวลุกขึ้น เด็กอีกคนก็ไม่หยุด จ้วงแทงมีดออกไปให้ธารต้องป้องกันตัวเองด้วยการใช้สองมือรับคมมีดนั้น
ของเหลวสีแดงสดไหลอาบฝ่ามือจนท่วม สีหน้าเหยเกปรากฏให้เห็นบนใบหน้าหล่อ ก่อนจะซัดกันอุตลุตอีกครั้งกระทั่งธารเป็นฝ่ายถูกผลักลงไปนอนแล้วโดนคร่อมไว้อีก

ผมขาสั่น ใจสั่น เป็นห่วงจนแทบทนไม่ไหว ภาวนาในใจขอให้ตำรวจหรือใครก็ได้รีบมาห้ามเด็กพวกนี้เร็วๆ แต่เหมือนคำอธิษฐานของผมจะไม่สัมฤทธิ์ผล เพราะแค่คิดเท่านั้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังลั่นไปทั่ว ดึงให้หัวใจผมร่วงไปอยู่ตาตุ่มพลัน
“โอ๊ย!”
“ไอ้ธาร!”
“ไอ้ซัน!”

เด็กหนุ่มพวกนั้นหยุดตีกันกะทันหันทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ผมเองก็ชะงักเช่นกันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรอยเลือดกองใหญ่บนพื้น ทั้งคู่หยุดนิ่ง สีหน้าตกใจพอๆ กัน แต่คนที่ตกใจมากกว่าคือผม เพราะทันทีที่ผมละสายตาจากกองเลือดบนพื้นไปมองยังตัวธาร ก็เห็นว่ามีรอยเลือดเป็นวงกว้างบริเวณสีข้างบนตัวเด็กนั่น
“ธาร!”
ผมโพล่งสุดเสียงทันที วิ่งเข้าไปหาชนิดทิ้งทุกอย่างที่ถืออยู่ในมือ ตั้งใจจะเข้าไปลากตัวมันออกมาจากเด็กอีกคน ขณะที่มันหันมามองหน้าผม พลางส่งเสียงเครือ
“พะ...พี่เหนือ...”
ผมคว้ามือเปื้อนเลือดมาจับไว้มั่น เห็นบาดแผลบนฝ่ามือแล้วก็อยากจะตบกะโหลกมันชะมัด แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ปลอบมันทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ใจเย็นไปกว่ามันเลยสักนิด
“มะ...ไม่เป็นไร พี่เหนืออยู่นี่แล้ว...พี่อยู่นี่แล้ว”

เด็กเวรเอ๊ย! มาให้ทำกูเป็นห่วงเจียนตายอย่างนี้ได้ยังไงวะ!

ผมรีบปราดสายตามองหาบาดแผลบนตัวธารนอกจากที่มือทันที ด้วยตั้งใจว่าจะประเมินว่าน่าเป็นห่วงแค่ไหน แต่พอมองไปยังสีข้างที่มีเลือดกลบอยู่ท่วมแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีร่องรอยอะไรสักอย่าง ไม่มีแม้แต่รอยเสื้อขาดด้วย มารู้ตัวอีกทีว่าธารไม่ได้ถูกแทงก็ตอนได้ยินเสียงเด็กอีกกลุ่มร้องโวยวายอยู่ใกล้ๆ
“ไอ้ซัน! อดทนไว้นะมึง!”
“กะ...กูเจ็บ...”
ซันยกมือกุมด้ามมีดที่ปักอยู่บริเวณสีข้างตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวดขณะที่เพื่อนๆ พากันประคองไว้ ไม่ให้ขยับเขยื้อนมาก ผมเลยโล่งใจเกือบจะเป็นปลิดทิ้งแล้วที่ธารไม่เป็นอะไรมากอย่างที่คิด หากไม่หันมาเห็นใบหน้าขาวซีดของธารที่ดูเหมือนจะช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
“ธาร...ธารไม่ได้ทำนะพี่” เสียงสั่นเครือหลุดออกมาจากปากของเด็กนั่น
ผมรีบพยักหน้ารับรัวๆ คว้าหัวมันมากอด ปลอบให้หายตกใจเป็นพัลวัน
“พี่เหนือเห็นแล้ว เดี๋ยวพี่เหนือเป็นพยานให้ ใจเย็นๆ นะ”
ปลอบใจไป ใจผมก็แป้วไปด้วย แต่ก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไร กวักมือเรียกโรมที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมให้มาอยู่ใกล้ๆ เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องกันอีก

ไม่นาน ตำรวจและรถพยาบาลก็มาถึงที่ ซันถูกพาตัวส่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดก่อน ขณะที่ธารถูกห้ามเลือดที่มือก่อนจะถูกส่งตัวตามไปทำแผล ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่บาดเจ็บนักก็ถูกกว้านไปที่โรงพักเพื่อลงบันทึกประจำวันก่อน และเรียกผู้ปกครองมารับทราบเรื่องและประกันตัว

ผมตามธารกับโรมไปที่โรงพยาบาล ตอนมาถึง ผมกะว่าจะไม่โทรบอกพ่อของธารว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าตำรวจที่ถูกส่งตัวมาดูดันรู้จักกับธาร แถมรู้อีกด้วยว่าเป็นลูกของผู้หรับผู้ใหญ่ในจังหวัด ทางนั้นเลยโทรไปรายงานเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่รอสอบปากคำธารก่อนเหมือนเด็กคนอื่นๆ

ผมไม่รู้จะทำยังไง รู้อย่างเดียวว่าถ้าพ่อธารมา ต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่ เลยตัดสินใจส่งข้อความทักพี่จอมดื้อที่เฟซบุ๊ก ขอเบอร์แล้วโทรเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง พี่จอมดื้อเลยรีบกุลีกุจอมาที่โรงพยาบาลในอีกไม่กี่สิบนาทีให้หลัง

โรมทำแผลเสร็จแล้ว เนื้อตัวมีเพียงแผลฟกช้ำเลยไม่น่าเป็นห่วงมาก ถูกพามานั่งรอธารที่ถูกส่งตัวไปเย็บแผลอยู่เพราะแผลที่ได้รับจากคมมีดค่อนข้างลึกพอสมควร จากนั้นก็จะโดนลากไปที่โรงพักเพื่อลงบันทึกประจำวันกัน
ผมเห็นสภาพโรมที่จ๋อยสนิทแล้วก็ต่อว่ามันไม่ออก คิดๆ ดูแล้วก็ไม่ใช่ความผิดมันด้วยที่ไปคุยกับแป้ง เพราะแป้งบอกเองว่าเลิกกับแฟนแล้ว โรมถึงกลับไปคุย ผมเลยได้แต่ตบไหล่มันเบาๆ ให้คลายกังวล ทว่าก็ต้องกังวลมากยิ่งขึ้นเมื่อพี่จอมดื้อกับพี่จอมแสบโผล่มาที่โรงพยาบาล พร้อมกับจอมแก่นและน้องมายด์ที่ทำหน้าตื่นๆ

“ไอ้ธารเป็นไงบ้างเหนือ” เป็นคำถามแรกที่หลุดจากปากพี่จอมดื้อทันทีที่เห็นหน้าผมบริเวณที่นั่งพักหน้าห้องฉุกเฉิน
“ทำแผลอยู่น่ะครับ อีกสักพักคงจะออกมา” ผมว่า
สีหน้าทุกคนเลยดูผ่อนคลายขึ้น ยกเว้นจอมแก่นที่มีสีหน้าผ่อนคลายครู่เดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้ง เดินเข้ามาหาโรม และ...

พลั่ก!

“ไอ้โรม!”
ต่อยหน้าโรมอย่างแรง ตะคอกใส่และตามมาด้วยอีกหลายหมัด ทำเอาทุกคนตกตะลึงไปครู่ ก่อนจะได้สติแล้วรีบลากจอมแก่นออกห่าง
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้แก่น! ต่อยมันทำไม!” พี่แสบที่ล็อคตัวน้องชายคนเล็กไว้ได้ร้องถามท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้าง
จอมแก่นสะบัดตัวออก สายตาแข็งกร้าวจับจ้องยังโรมที่บัดนี้มีบาดแผลบนใบหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
“จะต้องให้ธารเจ็บตัวอีกกี่ครั้ง มึงถึงจะพอใจวะ! เมื่อไหร่มึงจะเลิกสร้างเรื่องเพราะผู้หญิงซะที!”

ทุกคนรู้เอาตอนนี้ว่าที่จอมแก่นโกรธเป็นเพราะอะไร ผมว่าจอมแก่นคงจะโกรธจริงเพราะตั้งแต่ที่รู้จักเด็กนี่มา ไม่เคยเห็นมันพูดคำหยาบกับเพื่อนเลยแม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม ขนาดตัวเองโดนลูกหลงตอนถูกพวกซันมาหาเรื่องเมื่อวานก่อนยังไม่โกรธเลย แสดงว่าเป็นห่วงธารมาก ถึงขั้นขึ้นมึงขึ้นกูอย่างนี้ คงจะเหลืออดแล้วจริงๆ

“มึงจะด่ามันทำไมฮะไอ้จอม ไอ้โรมมันก็ไม่ได้ตั้งใจ คนที่ผิดน่ะยัยแป้งเปียกอะไรนั่นโน่น พี่เหนือก็เล่าให้ฟังหมดแล้วนี่ว่าไม่ใช่ความผิดมันเนี่ย!” น้องมายด์ที่ประคองโรมอยู่เถียงกลับขณะที่โรมมีสีหน้าจ๋อย ขยับปากส่งเสียงแผ่วเบา
“กูขอโทษ”
“ขอโทษแล้วยังไง! ถ้าธารเป็นอะไรขึ้นมา มึงรับผิดชอบได้มั้ย! มึงทำอย่างนี้ก็เท่ากับสร้างปัญหาให้ธารเพิ่ม รู้เอาไว้ซะด้วย!”
“ก็กูบอกว่าขอโทษ มึงจะให้กูทำยังไงอีก กูก็ไม่ได้อยากสร้างปัญหาให้มันหรอก แต่เรื่องมันเกิดไปแล้ว กูย้อนเวลาได้มั้ยล่ะ!” โรมเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว ออกทางสีหน้าชัดเจนเลยว่ามันก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน

หากแต่ไม่ได้ทำให้จอมแก่นฟังเลยแม้แต่น้อย ทำท่าจะเข้ามาต่อยอีกให้พี่จอมแสบกับพี่จอมดื้อรั้งกันไว้แทบไม่ทัน พี่จอมแสบถึงขั้นลากจอมแก่นออกไปสงบสติอารมณ์ด้านนอกด้วยกลัวว่าจะมีเรื่องกันอีก เหตุการณ์นี้ทำให้ผมฉุกใจคิดขึ้นมาว่าปัญหาของธารคงจะไม่ใช่เท่าที่ผมรู้

คือก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่น่ะ แต่ใหญ่ของผมคงจะไม่ใหญ่เท่าที่เด็กพวกนี้รู้ ดูท่าจะใหญ่กว่านั้น

อยากรู้ขึ้นมาอีกแล้วว่าตกลงธารมีปัญหาอะไรกับพ่อกันแน่ มันถึงได้เป็นเรื่องที่แตะไม่ได้ขนาดนี้...
ผมนั่งคิดไปเรื่อย มีหันไปคุยกับพี่จอมดื้อบ้าง น้องมายด์บ้าง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าให้ฟังโดยละเอียดอีกรอบ มาหยุดพูดเอาก็ตอนที่บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่มีธารนอนอยู่ออกมา

ผมลุกพรวด ตรงเข้าไปหาเด็กนั่นที่บัดนี้มีผ้าพันแผลพันทั้งสองมือและแขนข้างหนึ่งทันที
“เจ็บมั้ย” ถามพลางลูบกระหม่อมมันไป
ธารเม้มปาก พยักหน้ารับน้อยๆ
“เจ็บมากมั้ย” ผมถามอีก และคำตอบก็ยังเหมือนเดิม ผมเลยเสริมขึ้น “ แค่นี้น้องธารยังเจ็บมาก แต่พี่เหนือที่เห็นน้องธารเจ็บนี่เจ็บกว่าอีกนะ คราวหลังจะทำอะไรก็คิดถึงคนที่รักเราด้วยว่าจะเป็นห่วงแค่ไหน เข้าใจมั้ย”
ผมเผลอดุออกมาจนได้ ถึงจะไม่ใช่การดุที่จริงจังสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ธารสลดได้ทันตา พร้อมกับความกังวลและตกใจไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายถูกแทง

เห็นแล้วผมก็สงสารมันขึ้นมา ไม่อยากจะดุมันต่อ คงกลัวน่ะว่าตัวเองจะตกเป็นจำเลยทั้งที่ไม่ได้ทำล่ะสินะ แต่คือผมคุยกับตำรวจตอนที่มันเข้าไปทำแผลแล้วล่ะว่าเป็นมายังไง ซันถึงถูกแทงได้ และมีพยานในที่เกิดเหตุอีกหลายคนยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดในระหว่างเด็กทั้งคู่แย่งมีดกัน พูดง่ายๆ ก็คือซันมันพลาดทำมีดเสียบตัวเองนั่นแหละ

แต่ผมไม่อธิบายอะไรให้ธารฟังในเวลานี้ ตอนนี้มันต้องการคนปลอบใจมากกว่า ถึงใจผมอยากจะดุมันก็เถอะ
“ธารขอโทษครับพี่เหนือ”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ธารก็ว่าขึ้นมาก่อน น้ำเสียงแผ่วเบาระคนสั่นเครือเล็กน้อยทำให้ผมรู้ว่ามันสำนึกผิดจริงๆ

ผมพ่นลมหายใจ ยิ้มรับแล้วช่วยพยุงมันลงจากเตียงมายืนบนพื้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ในเวลานี้ผมมีแต่ความเป็นห่วงให้มันอย่างเดียวเท่านั้น แล้วก็ต้องเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิมทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นร่างของชายวัยกลางคนในชุดลำลองเดินอาดๆ เข้ามาด้วยสีหน้าตระหนก ด้านหลังเป็นชายอีกคนที่ผมคุ้นหน้าดี ตามมาด้วยตำรวจนายที่ผมจำได้ว่าเป็นคนโทรตามพ่อของธาร

คุณธี... คุณเลขาชยุต...

ถึงเวลาโดนเชือดเรียงตัวแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: [ตัวอย่าง]LOADING...♦P.16♦07/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-04-2016 21:14:52
ชั่งใจ ครั้งที่ 20: พี่จะดูแลเราเอง[2]

“ไอ้ธาร!” คุณธีเดินมาหยุดหน้าลูกตัวเอง ใบหน้าคร้ามฉายแววเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะหายไปทันตาเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองไม่เป็นอะไรนัก เดาว่าคงจะพอรู้มาจากคุณตำรวจนายนั้นแล้วล่ะว่าอาการเป็นยังไง
แต่เพราะรู้นี่แหละ ความเป็นห่วงที่ฉาบพรายบนใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้นมา
“ไอ้เด็กเวร!”

เพียะ!

“ธาร!” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นฝ่ามือใหญ่ปะทะเข้ากับซีกหน้าฟกช้ำของธารเข้าอย่างจัง
ธารที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มคว่ำไปบนพื้น ผมรีบเข้าไปพยุงพร้อมกับน้องมายด์ที่ตกใจไม่แพ้กัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าสร้างเรื่องอีก ทำไมไม่ฟัง หัวแกมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง!”

ส่วนคุณธีก็ทำท่าจะเข้ามาทุบตีอีกจนพี่จอมดื้อกับคุณชยุตต้องช่วยกันห้ามไว้ ผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่คุณธีทำแบบนี้ แต่ก็แสร้งทำเมิน สนใจแต่คนตรงหน้าแทนเพราะมุมปากบวมตุ่ยนั่นมีรอยแตกเลือดซิบมาให้เห็นอีกแล้ว
“ไม่เป็นอะไรนะน้องธาร”
ธารไม่พูดอะไรสักคำ ตวัดดวงตาแข็งกร้าวมองเลยผมไปทางพ่อ กระทั่งคุณธีสงบลงได้ ถึงได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เคลียร์เรื่องเสร็จแล้ว คืนนี้แกไสหัวกลับไปบ้านเลย ฉันจะไม่ปล่อยให้แกคลาดสายตาอีกแล้ว ไอ้ลูกไม่รักดี!”
“ใครจะกลับไปวะ!” ธารไม่ฟัง แค่ได้ยินคำว่า ‘กลับบ้าน’ ก็ตะคอกกลับไปบ้าง กระตุกต่อมโมโหของคุณธีให้ปะทุมากกว่าเดิม
“ถ้าไม่กลับ ฉันก็จะกระทืบแกให้ตายตรงนี้นี่แหละ!” คุณธีเดือดดาลจนใครก็ห้ามแทบไม่อยู่ หลุดมือเข้ามาหาธารได้อีกครั้ง จนผมเอาตัวเข้าไปบังแทบไม่ทัน
โรมก็เช่นกัน รีบแทรกเข้ามาขวางไว้ ปากก็ร้องบอกไปด้วย
“คุณธีอย่าทำไอ้ธารเลยครับ ความผิดผมเอง!”
คุณธีชะงัก มองหน้าธารด้วยสายตาตำหนิ พลางว่าเสียงเข้ม
“แกก็อีกคนไอ้โรม วันๆ สร้างแต่เรื่อง แม่แกจะเป็นยังไงก็ได้งั้นสิ แค่พ่อแกมันเฮงซวยคนเดียว ทิ้งแม่แกกับแกไปกับผู้หญิงอื่นยังไม่พออีกหรือไง จะต้องให้แม่แกช้ำใจไปถึงไหน หัดทำตัวดีๆ ให้คนเป็นแม่ชื่นใจซะบ้าง! เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอ่านทำตัวเจ้าชู้ มีผู้หญิงมากไม่ใช่ว่าจะเท่หรอกนะ!”

โดนตีแสกหน้าด้วยคำพูดตรงๆ อย่างนี้ โรมก็นิ่งไปเลย ผมรู้เอาในตอนนี้ด้วยว่าสาเหตุที่แม่โรมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะอะไร และที่คุณธีพูดตรงขนาดนี้ก็คงเพราะเห็นเด็กพวกนี้มาตั้งแต่เล็กน่ะถึงได้ไม่ระวังคำพูดเท่าไหร่
แต่จะอะไรก็ตามแต่ ตอนนี้คุณธีดันโรมออกห่าง ถลาเข้ามากระชากธารให้ลุกขึ้นในจังหวะที่ผมเผลอ อะไรไม่ว่า ดันจับเข้ามาที่แผลของธารเต็มๆ ทำเอาเด็กนั่นร้องโอ๊ยสุดเสียง

“คุณพ่อครับ เดี๋ยวก่อนคุณพ่อ! ปล่อยก่อนนะครับ!” ผมไม่รอช้า เข้าไปรั้งมือใหญ่นั้นไว้ทันทีด้วยทำใจไม่ได้ที่เห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บไปมากกว่านี้
คุณธีไม่ยอมปล่อย ตวัดดวงตาแข็งกร้าวมามองผม เห็นแล้วก็หวั่นใจไปนิด ทว่าก็กลั้นใจพูดออกมาอีก
“คือ...ผมว่าจับแบบนี้ ธารใจเจ็บนะครับ ปล่อยก่อนเถอะ”
“ถ้าพ่อมันจับแค่นี้แล้วเจ็บ มันก็ไม่ควรจะเสนอหน้าไปตีกับชาวบ้าน” อีกฝ่ายตอกหน้าผม ยังดีที่มีการคุมโทนน้ำเสียงอยู่บ้างให้ผมไม่รู้สึกว่าถูกตะคอก
ผมก็ทำใจดี สวนกลับไปอีก
“ธารใจแค่ช่วยเพื่อนเองครับ ไม่ได้เป็นคนหาเรื่องเอง”
“แต่ก็ไม่ควร ผมบอกไปแล้วว่าห้ามไปมีเรื่องอีก ไม่งั้นจะลากมันกลับบ้านทันที อีกอย่างนะอาจารย์เหนือ ผมว่าอาจารย์รับปากผมแล้วด้วยนะว่าจะดูแลมันแลกกับการให้มันอยู่หอ แล้วทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้”

สะอึกไปเลย ผมพูดต่อไปออก ได้แต่ก้มหน้ายอมรับไป
“ความผิดผมเองครับที่ดูแลธารใจไม่ดี ถ้าจะโทษก็โทษผมเถอะ แต่ช่วยปล่อยมือจากธารใจก่อนนะครับ”
ไม่ว่าอย่างเดียว ยังรั้งแขนของธารเอาไว้เป็นสัญญาณให้คุณธีปล่อย ธารเหลือบมองหน้าผมด้วยสายตายากจะอ่าน ผมพยักหน้าให้ไปทีเป็นสัญญาณให้อยู่เฉยๆ ผมจะจัดการเอง มันเลยไม่พูดอะไร

แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณธียอมปล่อยได้เลย ซ้ำยังจะกระชากแรงขึ้นกว่าเดิมอีก
“ผมไม่ปล่อย ต่อไปนี้ผมจะดูแลมันเอง ขอบคุณที่ช่วยดูแลมันนะครับ”
แล้วก็ลากธารไปเฉยเลย ผมอ้าปากค้างด้วยไม่ทันตั้งตัว ส่วนธารก็โวยลั่น ขืนตัวสะบัดออกสุดแรงด้วย
“ถ้าจะให้พ่อดูแล ตายตามแม่ไปยังจะดีกว่าอีกเว้ย!”
คุณธีชะงักกึก หันมาหาแล้วตะเบ็งเสียง “ไอ้ธาร!”

เพียะ!

ตบเข้ามาอีกทีอีกต่างหาก คราวนี้คุณตำรวจกับบุรุษพยาบาลเริ่มเข้ามาช่วยห้ามกันบ้างแล้ว ผมเองก็รีบเข้าไปกอดธารที่เซไปชนกับรถเข็นอีกครั้ง เห็นแล้วผมก็เริ่มทนไม่ไหว ถึงจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าตกลงพ่อลูกคู่นี้มีปัญหาอะไรกันแน่ แต่ผมก็ทนกับการเห็นบาดแผลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กนี่อีกต่อไปไม่ได้แล้ว เผลอหันไปเสียงดังใส่คุณธีที่ปรี่เข้ามาจะลากธารออกจากโรงพยาบาลไปอีก

“คุณเลิกแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรงสักที ที่ธารเกเรแบบนี้เป็นเพราะมีต้นแบบจากพ่ออย่างคุณนะ!”
“จะมีต้นแบบมาจากใครมันก็เรื่องของครอบครัวผม ไอ้ธารมันเป็นลูกผม ผมจะทำอะไรกับมันก็ได้ ผมทำให้มันเกิดมา ผมเป็นพ่อ ยังไงก็มีสิทธิ์!” คุณธีไม่ยอมแพ้ทั้งที่ถูกรั้งตัวไว้

ผมชักจะหมดความอดทนแล้ว เข้าใจชัดแจ้งเลยว่าทำไมครั้งหนึ่งธารถึงได้พูดว่าผู้ใหญ่ก็เป็นเหมือนกันหมด ชอบใช้อำนาจ ไร้ซึ่งเหตุผล เลยทำให้มันไม่ยอมเปิดใจกับคนที่แก่กว่า ทั้งหมดก็มาจากคนตรงหน้านี่เอง
“ถึงจะเป็นพ่อ ถึงจะทำให้เกิดมา แต่ธารใจก็มีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ คิดเองได้ เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ ไม่ใช่ให้คุณมาบงการแบบนี้ ที่สำคัญ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้าย ไม่ว่าธารใจจะเป็นลูกคุณหรือไม่ใช่ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเขา!”

ลืมสิ้นไปทุกความหวาดเกรงในใจแล้ว โพล่งไปทุกความคิดที่มี ทำเอาธารมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคนอย่างผมที่เห็นว่าอะไรยอมได้ก็ยอมมาตลอดสู้คนขึ้นมา ก่อนจะครางเสียงเบา
“พี่เหนือ...”
ผมชำเลืองมอง จับมือมันแน่ให้มันอุ่นใจว่าไม่ว่ายังไง ผมก็จะอยู่ข้างมันอย่างนี้

เอาจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่สู้คน ผมแค่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากเลยเลี่ยงที่จะมีปัญหากับคนอื่นมาตลอด แต่ถ้าเพื่อคนที่ผมรัก ต่อให้ต้องชนกับคนที่รู้ว่าสู้ยังไงก็ไม่มีทางชนะ ยังไงผมก็จะทำ แม้ว่าจะถูกคุณธีขัดขวางหลังจากรู้ว่าผมกับธารมีความสัมพันธ์กันแบบไหนก็เถอะ

ยืนสบตาประจันหน้ากับคุณธีอยู่นานมาก นานจนเหมือนเวลาหยุดหมุน กระทั่งคุณธีเริ่มใจเย็นลง โพล่งทำลายความเงียบขึ้นมา
“อาจารย์จะคิดยังไงก็ช่าง แต่ผมจะเอาลูกกลับบ้าน ยังไงลูกก็ต้องอยู่ใต้ความดูแลของพ่อแม่ และที่ผมทำมันก็ไม่ใช่ว่าไม่รักมัน แต่คนอย่างมันถ้าไม่ทำโทษให้หลาบจำ มันก็จะไปก่อเรื่องอีก”
“แต่ว่า...”
“ผมไม่อยากฟังเหตุผลของอาจารย์อีกแล้ว ยังไงซะ อาจารย์ก็เป็นคนนอก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ถ้าอยากเกี่ยว ก็ไปประกันตัวมันออกมาแล้วกัน ไม่อย่างนั้นผมจะปล่อยให้มันนอนคุก ส่งเข้าสถานพินิจไปเลย ไอ้โรมก็ด้วย หมดปัญญาจะดัดสันดานมันแล้ว แต่ถ้าไม่อยากให้มันติดคุก ก็บอกให้มันกลับไปอยู่บ้าน ไม่งั้นผมทำจริงแน่”

เป็นคำขู่ที่เหมือนจะเอาจริงแน่นอนถ้าผมยังดึงดันอีก แน่นอนล่ะว่าถ้าผมมีเงิน ผมก็จะไปประกันตัวธารเพราะการทะเลาะกันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แค่ลงบันทึกประจำวันเฉยๆ แล้วก็จบไป ถึงขั้นเลือดตกยางออกก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายแล้วล่ะ แต่ผมไม่มีเงินไง เงินก็ยังขอพ่อแม่อยู่ เรียนไม่ทันจบดีเลยด้วยซ้ำ จะไปเอาเงินมาจากไหนถึงจะรู้ว่าไม่กี่หมื่นก็เถอะ
ธารทำท่าจะขัดขืนอีกครั้งเมื่อ แต่ดูทรงแล้ว ถ้าทำอย่างนั้นไป มีหวังมันได้ไปนอนกินข้าวแดงในคุกคืนนี้เลยแน่ ผมเลยปรามมันไว้ก่อนที่มันจะได้พูด
“คืนนี้กลับบ้านไปก่อนนะน้องธาร”
“พี่เหนือ!” หันมาโวยอย่างที่ผมคาดเดา ตามด้วยอีกหลายประโยค “พี่จะให้ธารกลับไปอยู่กับคนอย่างนี้เหรอ พี่คิดอะไรอยู่!”
“แต่เขาเป็นคุณพ่อน้องธารนะ”
“เป็นพ่อแล้วไงวะ! แม่งฆาตกรนะเว้ย!”

เอาละ เริ่มเปิดฉากความวุ่นวายระลอกใหม่แล้ว ผมเลยต้องจ้องหน้ามันนิ่งๆ ว่าเสียงเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งที่ใจก็ไม่ได้อยากให้มันกลับไปหรอก

“กลับไปก่อน เชื่อพี่เหนือนะครับ”
“แต่พี่...”
“น้องธาร... เชื่อพี่เหนือ”
ธารทำท่าฮึดฮัด กัดริมฝีปากแล้วสบถหยาบคายออกมาชุดใหญ่ แต่สุดท้ายก็ยอม
“เออ”

ผมหยักยิ้ม ปล่อยให้เรื่องราวมันจบไปอย่างนี้โดยไม่คิดจะพูดอะไรต่อให้เป็นเรื่องยาว หากแต่ใจไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย
ถ้าธารโดนพ่อตีขึ้นมาอีกตอนผมไม่อยู่ ผมคงจะรู้สึกผิดมากเลยนะที่ยอมส่งมันกลับบ้านอย่างนี้



 
คืนนั้นผมอยู่กับมันกระทั่งเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้น มีเพียงตอนมันกลับบ้านเท่านั้นที่ไม่ได้ไปส่ง เพราะคุณธีไม่อนุญาตให้ใครตามไปด้วยเกรงว่าจะไปก่อเรื่องอีก ผมเลยฝากคุณชยุตให้ดูแลธารแทน ระวังไม่ได้คุณธีได้ทำร้ายร่างกายอีก คุณชยุตก็รับปาก แต่ผมว่าคงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะแค่เห็นธารขึ้นรถไปกับพ่อ ก็เริ่มเปิดฉากเถียงกันรุนแรงแล้ว
ส่วนโรมก็โดนป้ารินดุด่าไปตามระเบียบ ตามมาด้วยร้องไห้เพราะผิดหวังที่ลูกชายก่อเรื่องถึงขั้นนี้ด้วย โรมเลยจ๋อยสนิท ไปคุยกับใครก็โดนดุ ซ้ำยังเข้าหน้าจอมแก่นไม่ติดเลย กลายเป็นว่าผมต้องโอ๋มันอีก

ไอ้เด็กพวกนี้... ถึงจะโตกันแล้วแต่ก็ยังเด็กอยู่จริงๆ แฮะ

นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้วที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในห้องคนเดียว แต่ผมก็พยายามติดต่อธาร ความจริงติดต่อไม่ได้หรอก ได้ยินจากป้ารินที่คุณธีเรียกไปดูแลธารในฐานะแม่นมเก่าว่าธารโดนยึดโทรศัพท์ ไม่ให้ติดต่อกับใคร แถมยังไม่ให้ออกนอกบ้าน ไม่ให้ใครเข้าไปหาอีก เรียนก็ไม่ไปเรียนด้วย มีเพียงป้ารินเท่านั้นที่เข้านอกออกใน เอาข่าวมาบอกคนอื่นๆ ได้ และที่เรียกป้ารินเข้าไปดูแล เป็นเพราะตั้งแต่กลับไปอยู่บ้าน ธารไม่คุยกับใครเลย ข้าวปลาก็ไม่กิน คุณธีเลยคิดว่าถ้าคนสนิทที่เคยเลี้ยงธารมาไปดูแลก็น่าจะดีขึ้น

ทว่าไม่ ต่อให้เป็นป้าริน ธารก็ฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย ถึงจะเป็นป้ารินก็ยังไล่ จนป้ารินชักเป็นห่วง ต้องเอาเรื่องนี้มาคุยกับพวกพี่จอมแสบ พี่จอมดื้อ แล้วก็เพื่อนๆ ของธารให้หาทางช่วยเพราะนี่จะเข้าอาทิตย์นึงแล้ว ธารยังแตะข้าวเป็นแมวดมอยู่เลย

ผมเป็นห่วงมันมากกว่าเดิม ไม่รู้จะทำยังไง นั่งคิดอยู่หลายตลบก็นึกถึงหน้าพี่สมรขึ้นมาได้ ก่อนจะกดเบอร์โทรไปหาพี่สมรแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังทันที พี่สมรเลยได้รู้ว่าที่ธารไม่ได้มาเรียน ไม่ใช่เป็นเพราะไปต่างจังหวัดกับพ่ออย่างที่คุณชยุตบอกตอนโทรมาลาเรียนให้ แต่เป็นเพราะถูกขังอยู่ในบ้านต่างหาก

เท่านั้น พี่สมรก็จัดการโทรหาคุณธี พร้อมกับลากผมไปบุกบ้านธารในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาทันที ตอนแรกคุณธีก็ทำท่าจะไม่ยอมให้ไป ทว่าพอพี่สมรบอกว่ารู้ความจริงแล้ว และขู่ว่าเธอสามารถแจ้งความเขาได้ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว แม้ว่าจะเป็นลูกก็ตาม เขาเลยต้องยอมให้พวกเราเข้าไป

บรรยากาศกดดันไหลเวียนวนรอบตัวพวกเราทันทีที่มานั่งประจันหน้ากับคุณธีในห้องนั่งเล่นของบ้านได้ ผมแทบไม่ได้สนใจความโอ่โถงของบ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำ เอาแต่มองไปรอบๆ หาห้องที่เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นห้องของธาร

“ตกลงอาจารย์มาหาผมอย่างนี้ มีอะไรจะคุยเหรอครับ”
“มีแค่ดิฉันเท่านั้นค่ะที่จะคุยเรื่องของธารใจในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา ส่วนอาจารย์เหนือจะมาคุยกับธารใจ”
พี่สมรยังเรียกผมว่าอาจารย์ถึงผมจะไม่ใช่อาจารย์ฝึกสอนแล้ว เพราะเธออ้างว่าคุณธีจะได้เกิดความเกรงใจถ้าผมมีสถานะนี้ ซึ่งก็จริง คุณธีไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่พูดเลี่ยงๆ
“ไอ้ธารมันก็สบายดี ทำไมต้องคุย”
“ไม่ยอมกินข้าวกินปลาน่ะเหรอคะที่เรียกว่าสบายดี”
คุณธีพูดไม่ออกไปเลย ทำเอาป้ารินที่ยืนอยู่ด้านหลังลอบยิ้มน้อยๆ ที่เจ้านายของตัวเองโดนตอกกลับ และเผลอยิ้มมากกว่าเดิมเมื่อพี่สมรว่าขึ้นอีก
“ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณธีกับธารใจมีปัญหาอะไรกันแน่ แต่ยังไง ธารใจก็เป็นลูกศิษย์ในความดูแลของดิฉัน การที่คุณธีทำอย่างนี้จนธารใจประท้วงด้วยการทำร้ายตัวเอง ดิฉันเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับธารใจเท่าไหร่ ยังไงดิฉันก็จะต้องวานให้อาจารย์เหนือไปดู สองคนนี้สนิทกัน ถ้าให้อาจารย์เหนือไปคุย ธารใจอาจจะยอมอ่อนข้อลงก็ได้”

คุณธีเหล่มามองผมเล็กน้อย ดูท่าทางเขาจะแคลงใจกับคำว่า ‘สนิท’ อยู่พอสมควร ผมว่าเขารู้นะว่าสนิทกันในรูปแบบไหน แต่ก็หวังให้เขาไม่พูดออกมาในเวลาอย่างนี้
ซึ่งก็ไม่พูด ยอมเออออไปตามเรื่อง
“งั้นก็ให้รินพาไปแล้วกันครับ ห้องของเด็กนั่นอยู่ชั้นบน”

ผมลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่รอให้ใครสั่ง มีเอ่ยขอบคุณคุณธีเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปหาป้ารินให้เป็นคนพาผมไปยังที่หมาย ป้ารินพาผมออกจากห้องนั่งเล่น ขอแวะไปเตรียมสำรับอาหารมื้อกลางวันให้ธารก่อนเพราะอาหารมื้อเช้าที่ยกไปให้ถูกวางทิ้งไว้หน้าห้องจนเย็นชืดหมดแล้ว

ผมยืนรอคนอาวุโสกว่าเตรียมอาหารไป ใจก็คิดวุ่นวายไปหมด ผมโคตรเป็นห่วงความรู้สึกของธารเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง เป็นห่วงจนต้องออกปากเร่งป้ารินให้เตรียมเร็วๆ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ตามป้ารินไปชั้นบนทันทีที่ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเสร็จสิ้น

“ห้องคุณหนูอยู่นี่ค่ะอาจารย์เหนือ” ป้ารินผายมือไปยังหน้าประตูสีขาวบานหนึ่ง
ผมพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ พร้อมกับรับปากเมื่อเห็นสีหน้าป้ารินดูไม่ดีนัก คงจะเป็นห่วงว่าธารจะไม่ยอมเปิดประตูให้ผม
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ไม่ต้องห่วง”
คนอาวุโสกว่าเลยมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น ผมเลยยกมือข้างหนึ่งขึ้นเคาะประตู
ก๊อกๆ...
“ไสหัวไป! ไม่ต้องมายุ่ง!”
เสียงห้าวดังลอดออกมา ป้ารินทำหน้าไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าธารจะเปิดประตูให้ผม ผมเลยส่งยิ้มให้ไปที ก่อนจะส่งเสียงตอบ
“พี่เหนือเองครับ เปิดประตูให้หน่อยนะ”

อีกฝั่งไม่ตอบอะไร มีเพียงเสียงฝีเท้าก้าวเร็วๆ เข้ามาใกล้ อึดใจเดียว ประตูบานเขื่องก็ถูกกระชากออก เผยให้เห็นสภาพห้องนอนที่ถูกรื้อข้าวของกระจัดกระจายชนิดเรียกไม่ได้ว่าเป็นห้องนอน ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของคนที่โผล่ออกมายังอิดโรยจนผมอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรหรือเปล่า หากแต่นอกเหนือจากความเป็นห่วงแล้ว ก็ยังมีความคิดถึงที่ประดังประเดเข้ามาในใจให้ผมไม่อาจยืนมองธารนิ่งๆ ได้อีกต่อไป ก้าวเข้าไปหาโดยอัตโนมัติ ธารเองก็คงจะคิดถึงผมเช่นกัน เพราะทันทีที่เห็นหน้าผมชัดเจน เด็กนั่นก็โผเข้ากอดเต็มแรงโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ผมยกมือขึ้นกอดตอบ หันไปมองป้ารินเป็นสัญญาณว่าผมจะจัดการที่เหลือเอง ป้ารินเลยยกถาดอาหารมื้อใหม่เข้าไปวางบนโต๊ะในห้องให้ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมอยู่กับธารตามลำพัง

“เข้าห้องก่อนนะ มีอะไร ค่อยเล่าให้พี่เหนือฟัง โอเคมั้ย”

ธารพยักหน้าเร็วๆ ดึงผมเข้าไปในห้อง ปิดประตูห้องได้ ก็ดึงผมไปนั่งที่เตียง พุ่งเข้ามากอดอีก ไม่ปริปากพูดอะไรสักอย่าง เอาแต่กอดอย่างเดียวจนผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้มันโคตรเคว้งคว้างเลย ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจเท่านั้น
“ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่เหนืออยู่นี่แล้ว โอ๋ๆ”

โอ๋เหมือนเด็กเล็กๆ แต่เหมือนจะทำให้ธารใจเย็นลงได้เพราะอ้อมแขนแกร่งค่อยๆ คลายน้ำหนักออกจากตัวผม แต่ก็ใช่ว่าจะคลายออกเฉยๆ เป็นการคลายออกเพื่อเปลี่ยนเป็นยกมือที่ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่มาประคองใบหน้าผม ดึงเข้าไปจูบแทน

จูบของธารในครั้งนี้ทั้งหนักหน่วงและเต็มไปด้วยความโหยหา ผมสัมผัสได้ชัดเจนเลยว่าธารคิดถึงผมแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นยังสัมผัสได้ถึงความเหงาและความเจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน กระทั่งธารจูบผมจนพอใจ ถึงได้ยอมเอื้อนเอ่ยประโยคแรก

“พี่เหนือ... โคตรคิดถึงเลย”               
เป็นน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ แววตาแข็งกร้าวก็แวววาวไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส ผมเห็นแล้วก็ต้องเม้มปาก เป็นฝ่ายรั้งมันเข้ามากอดแน่นเสียเอง
“พี่เหนืออยู่ตรงนี้แล้วครับ ไม่เป็นไรแล้วนะเด็กน้อย”
ธารซุกใบหน้าลงบนไหล่ผม ตอนนี้เองที่ธารปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบใบหน้า ผมเลยตระกองกอดร่างใหญ่ให้แนบลำตัวมากขึ้นไปอีก

แน่นมาก...กระทั่งธารร้องไห้จนพอใจถึงเป็นฝ่ายผละออกมา

“ไม่ยักจะรู้ว่าเด็กน้อยของพี่เหนือจะขี้แยขนาดนี้” ผมหยอกพลางอมยิ้ม ยกปลายนิ้วซับคราบน้ำตาบนขอบตาแดงๆ ของคนตรงหน้า
ที่หยอกนี่ไม่ใช่ว่าล้อเลียนที่เห็นคนแข็งๆ อย่างธารเผยด้านอ่อนแอให้เห็น แต่ผมไม่ต้องการให้มันเครียดไปมากกว่านี้ต่างหาก ก่อนจะโน้มหน้าจูบลงบนซีกแก้มขาวซึ่งยังมีรอยฟกช้ำหลงเหลือ และจูบบนเปลือกตาแผ่วเบาเป็นการปลอบประโลม

“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย” ผมถามหลังจากถอยกลับมานั่งดังเดิม
ธารพยักหน้าช้าๆ เอ่ยคำที่ทำให้ผมสงสารมันหนักกว่าเดิมขึ้นมา
“พาธารกลับไปด้วยนะพี่ ธารไม่อยากอยู่ที่นี่”

แล้วผมอยากจะพามันไปมั้ยล่ะ... โคตรอยากเลยเถอะ แต่ผมทำไม่ได้ไง คดีมันยังไม่เคลียร์เลยว่าตกลงมันเป็นมือมีดหรือเป็นอุบัติเหตุกันแน่ เท่าที่ได้ยินคุณชยุตเล่ามา เหมือนว่าตอนนี้ตำรวจกำลังส่งมีดด้ามนั้นไปตรวจสอบลายนิ้วมือเพื่อพิสูจน์อยู่ ถ้าพามันไปแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาอีก ได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตกว่านี้แน่

“พี่เหนือพาไม่ได้ครับ น้องธารอยู่ที่นี่ก่อนจนกว่าคดีจะจบนะ เดี๋ยวคดีจบแล้ว พี่เหนือจะมาคุยกับคุณพ่อให้” ผมต่อรอง
หากแต่ทำให้ธารชักสีหน้า แววตาผิดหวังฉาบพรายขึ้นมาจนปิดไม่มิดทันใด
“ทำไมวะ ก็ธารไม่อยากอยู่ที่นี่ ทำไมพี่ถึงไม่พาธารไป”
“ไม่ใช่พี่เหนือไม่อยากพาไป แต่พี่เหนือพาไปไม่ได้ เดี๋ยวเกิดเรื่องอีก”
“พี่ก็เห็นธารเป็นตัวปัญหาเหมือนกันใช่มั้ย!” ไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มเสียงดัง
ผมพยายามข่มใจให้เย็นสุดฤทธิ์ ดึงตัวมันเข้ามากอดอีก
“ใช่ น้องธารเป็นตัวปัญหา เป็นตัวปัญหาที่ทำให้พี่เหนือเป็นห่วงแทบตายจนต้องหาวิธีมาหาถึงที่นี่ไง”
ธารเหมือนจะนิ่งได้ในพริบตา ตวัดแขนกอดผมแน่นอีกครั้ง ปากก็พึมพำไม่หยุด
“ไม่อยากอยู่ที่นี่ พาธารกลับไปด้วยนะ”
เป็นประโยคที่ผมได้ยินนับครั้งไม่ถ้วน ได้ยินจนผมปฏิเสธไม่ออกอีกต่อไป ต้องหาเรื่องคุยใหม่แทน ซึ่งแน่นอนว่าหนีไม่พ้นสาเหตุที่มันไม่อยากอยู่บ้าน

คราวนี้แหละ ผมต้องรู้ให้ได้สักทีว่าตกลงมันมีปัญหาอะไรกับพ่อกันแน่

“แล้วบอกให้พี่เหนือฟังได้มั้ยล่ะว่าทำไมถึงไม่อยากอยู่ที่นี่”
“เป็นพี่ พี่จะอยู่กับคนที่ฆ่าแม่ตัวเองได้มั้ยล่ะ”

มาอีกแล้ว วลีเด็ด

ผมผละออกจากมัน มองหน้าทันที
“เล่ามาสิว่าฆ่าแม่ยังไง พี่เหนือรู้เรื่องแล้วจะได้รีบพาออกไป โอเคมั้ย”
พูดมาอย่างนี้ ธารก็ปิดปากสนิทเลย หลบสายตา ไม่ยอมพูดอีกจนได้

ผมไม่เข้าใจอะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงไม่อยากพูดเรื่องแม่ เข้าใจอยู่ว่าแม่โดนลูกหลงจากการปองร้ายของศัตรูพ่อจนตาย แต่มันก็ไม่น่าใช่ประเด็นที่ทำให้ธารต้องโกรธกับพ่ออะไรขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ

“น้องธาร... เล่ามาสิครับ ไม่เล่าอย่างนี้ พี่เหนือก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ” จ้องหน้ามันอยู่นาน ผมเลยกระตุ้นอีกครั้ง
ธารเหลียวกลับมาสบตาผม ดวงตาปรากฏความเศร้าขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อมันโผเข้ากอดผม
“ไว้ค่อยเล่าตอนธารพร้อมกว่านี้ได้มั้ย ตอนนี้ขออยู่แบบนี้ก่อน”
ผมถอนหายใจ ไม่อยากไปเร่งอะไรมาก เลยได้แต่พยักหน้าแล้วกอดมันอยู่อย่างนั้น

ทั้งกอด... ทั้งจูบ... ปลอบประโลมให้เด็กผู้ชายตัวโตคนนี้อุ่นใจว่ายังไงก็ยังมีผมอยู่ข้างๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พร้อมกับตระหนักได้ถึงความจริงบางอย่างขึ้นมา...

บางครั้งคนที่ภายนอกดูแข็งกระด้าง จริงๆ ข้างในก็ไม่ได้เข้มแข็งหรอก ก็แค่เปลือกนอกที่ใช้เป็นเกราะกำบังไว้ปกป้องจิตใจอันบอบบางของตัวเองเท่านั้น

งั้นต่อไปนี้ พี่จะดูแลเราเอง ...ธารใจ

 ---------------------------------------
ไม่น่าเชื่อว่านังพี่เหนือจะมีมุมเป็นผู้ใหญ่กับเค้าด้วย เห็นดีแต่แรดอย่างเดียว 555
ตอนหน้าจะมาเฉลยปมน้องธารให้นะคะ อีกตอนกว่าๆ ก็จะผ่านมาม่าซองนี้ไปได้ละ มาม่ามีมาพัฒนาตัวละครให้เติบโตขึ้นเฉยๆ บอกแล้วว่าม่าเบาๆ เอ๊งงงง หนักหนาอะไรกัน น้ำตาไม่ไหลกันใช่มั้ย? แล้วโรมนี่โดนรุมตายหรือยัง ให้จอมแก่นจัดการให้แล้วนะ ใจร่มๆ อย่าเพิ่งด่าเยอะ สำนึกไม่ทัน ฮาาา
พรุ่งนี้จะอัพตัวอย่างตอนที่ 21 ให้นะคะ อาจจะเย็นๆ มืดๆ หน่อย กลับจากงานหนังสือก่อน รออ่านกันเน้อ
ปล.ส่งฟีดแบ็กกันให้ชื่นใจหน่อยนะคะ ตอนนี้เขียนย้ากยาก ปกติจะเขียนเร็วแต่ตอนที่พี่เหนือแรด พอเข้ามาม่าปุ๊บ นั่งหน้าคอมฯ ทั้งวันเลย บิวท์อารมณ์นานมาก แหะๆ ^^;;

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: retrot ที่ 08-04-2016 21:27:25
ขอสมัครเป็นแม่ยกจารย์สมร 5555555
ชอบนางมากค่ะ เป็นครูที่ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 08-04-2016 21:41:39
สงสารธารจังเลยยย  :o12:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-04-2016 21:52:48
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 08-04-2016 22:40:58
สงสารธารจังเลย. ถ้าผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้  พ่อธารจะขวางธารกับเหนืออีกมั้ยเนี่ย.  โรมก็นะ. หาเรื่องตลอด. เด็กกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 08-04-2016 22:45:21
โอ๊ยยยย น้องธารของพี่
ฉุดน้องธารจากอกอิพี่เหนือมากอดปลอบ :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 08-04-2016 23:01:04


โถ เด็กน้อย  :o12:
รอพี่เหนือก่อนนะ นางก็กำลังพยายามหาทางช่วยอยู่
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 08-04-2016 23:13:54
อยากรู้เรื่องแม่ของธารจริงๆ แล้วไอ้พฤติกรรมของคนเป็นพ่อนี่ก็ไม่ถูกไม่ควรเลยแหะ ไม่แก้ปัญหา ไม่แก้ไข ไม่แก้ตัว

จนมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ถูกๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-04-2016 00:28:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-04-2016 08:04:45
โหงววววว เจ้เหนือหล่อ(?)มากกกก ตอนนี้ มีไหล่ไว้เช็ดน้ำตาให้น้อง เริ่ดดดด นางไม่ได้แรดเป็นอย่างเดียวนะคร้าาาาคุ๊ณณณ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2016 09:35:52
สงสารธารจัง...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-04-2016 10:27:41
พี่เหนือก็มีสาระ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที
สงสารธาร เจ็บตัวตลอด ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-04-2016 10:42:10
อยากรู้เรื่องแม่ธารใจ ใจจะขาด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 09-04-2016 11:11:33
ตอนนี้พี่เหนือนางมาแบบสาระ แลดูมีความเป็นผู้ใหญ่
 :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 09-04-2016 13:45:26
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-04-2016 14:23:52
ทุกอย่างแก้ไขได้ ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-04-2016 14:52:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 09-04-2016 15:34:39
น้องธารของพี่ :hao5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 09-04-2016 17:19:44
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 21
มาแต่หัววันหน่อย เดี๋ยวตอนเย็นจะไปทำงานอื่น
หนูแดงมีแบบสอบถามเรื่อง Pre-order ของพรีเมี่ยมจากนิยายเรื่องนี้นะคะ เป็นหมอนไดคัทพี่เหนือกับน้องธาร สั่งนักวาดวาดตัว SD แล้วเรียบร้อย กำลังอยู่ในช่วงตัดเส้นและลงสี คาดว่าอาทิตย์หน้าจะเสร็จ ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่นะ >> จิ้ม (https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/976865992369254/?type=3&theater)

ส่วนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมาวันไหนนะคะ หนูแดงขอเร่งเรื่องแก๊งเกรียนเอเลี่ยนก่อน จะได้ส่งไฟล์งานเข้าโรงพิมพ์ทันตามที่ตั้งใจไว้ (ถ้านักวาดทำงานเสร็จทันน่ะนะ TT) คาดว่าอาจจะมาอีกทีราวๆ กลางอาทิตย์หน้า ไม่พุธก็พฤหัสไรงี้ เจิมแล้วปูเสื่อรอไว้ก่อนเนอะ ตอนหน้าไม่ค่อยม่าเท่าไหร่ละ (มั้ง?)

---------------------------------------------

“น้องธาร...” ผมครางอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นหน้าของคนที่ผมคิดถึงเมื่อครู่มาปรากฏอยู่ตรงนี้
ธารไม่เอ่ยทักอะไรออกมาสักคำ พุ่งเข้ามาสวมกอดผมแน่น ก่อนจะดันผมเข้ามาในห้อง ผละออกได้ก็จัดการปิดประตูลงกลอนเสร็จสรรพ ทำเอาผมอ้าปากค้างอย่างตะลึงงันไม่เลิก

“เดี๋ยวๆ นี่ออกมาจากบ้านได้ไง” ตั้งสติได้ ผมก็ร้องถาม
“ป้ารินพาไปล้างแผลที่โรง’บาล” ธารเหลือบมามองผมเล็กน้อยขณะตอบ ก่อนเดินลิ่วไปยังตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจผมอีก ปล่อยให้ผมถามไล่หลัง
“คือหนีจากโรง’บาลมาอีกทีเหรอ”
“เออ”
“เฮ้ย!” ผมร้องลั่น ตกใจที่ได้ยินมันยอมรับเอาซื่อๆ อย่างนั้น

ก็คิดอยู่แล้วว่าสักวันมันจะต้องทำแบบนี้ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะหนีมาเอาวันที่ผมเพิ่งไปคุยกับพ่อมันมาหมาดๆ
หนีมาอย่างนี้ มีหวังพ่อมันรู้ คงได้เป็นเรื่องเป็นราวอีกแน่ อุตส่าห์ไปต่อรองมาแล้วว่าขอให้เลิกขังมัน และอีกฝ่ายก็ตกลงแล้วแท้ๆ มาทำอย่างนี้ ถ้าพ่อมันรู้ มีหวังไอ้ที่ผมพยายามทำมาก่อนหน้าเละไม่มีชิ้นดีแน่

ผมเลยตรงเข้าไปคว้าแขนธารเอาไว้ขณะที่มันกำลังคว้ากระเป๋าเป้ในเขื่องมายัดเสื้อผ้าใส่อย่างรนๆ เห็นแล้วผมก็สงสัยว่ามันจะเก็บเสื้อผ้าทำไม แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการที่ผมต้องปรามให้มันได้สติว่ากำลังทำอะไรอยู่

“เดี๋ยวๆ น้องธาร หนีมาแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวป้ารินจะซวยเอา”
“ทำไมจะหนีไม่ได้ ป้ารินซวยก็ซวย ซวยแล้วไง นี่มันชีวิตของธาร เรื่องอะไรที่ธารจะต้องยอมให้คนอย่างนั้นกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย”
“ก็ไม่ใช่ว่าพี่เหนือจะบอกให้น้องธารยอมให้คุณพ่อกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่ว่าพี่เหนือเพิ่งจะไปคุยกับคุณพ่อมาเอง” ผมว่าไปตามความจริง กะจะเล่าให้มันฟังว่าผมไปคุยอะไรมา ทว่ามันรู้ทัน
“ไปต่อรองให้เลิกขังผมน่ะเหรอ เหอะ พี่ว่าเขาจะทำหรือไง”
“ทำแน่นอน พี่เหนือไปคุยมาแล้วนะ น้องธารใจเย็นๆ ก่อน” ดูท่าจะไม่ฟัง ผมเลยปลอบให้มันใจเย็น

ธารทิ้งกระเป๋าเป้ลงบนพื้น พุ่งเข้ามากอดผมแน่นอีกครั้ง
“จะให้เย็นยังไงอีกวะ คิดถึงพี่จนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คิดถึงจนรอจะเห็นหน้าไม่ไหวแบบนี้ จะให้เย็นยังไงอีก”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็นิ่ง เข้าใจความรู้สึกมันนะว่ามันเคว้งคว้างแค่ไหน แม้ว่าผมจะไปหามันที่บ้านเกือบทุกวัน แต่ก็คงไม่พอสำหรับคนที่ต้องการใครบางคนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาในเวลาแย่ๆ อย่างนี้ และมันก็เห็นผมเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวด้วย ไม่แปลกถ้ามันจะหายใจเข้าออกเป็นผม
ผมเลยยกแขนขึ้นกอดตอบ พึมพำออกมาเบาๆ
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกันครับ”

สองแขนใหญ่รั้งร่างผมให้แนบแน่นกับลำตัวมากขึ้นไปอีก กลิ่นไอของความโดดเดี่ยวของคนตรงหน้าลอยโชยมาให้ผมสัมผัสได้ กอดกันอยู่นานกว่าธารจะยอมผละออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นจรดริมฝีปากจูบผมแทน

“พี่เหนือ...” เสียงห้าวดังขึ้นหลังจากริมฝีปากของเราแยกออกจากกัน
“ครับ?”
“หนีไปกับธารนะ”
“ฮะ!?” ผมผงะไปเลยที่จู่ๆ ก็ถูกชวนหนีไปด้วย

ยะ...อย่าบอกนะว่าไอ้ที่มึงเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋ารัวๆ นี่คือคิดจะหนีออกจากบ้าน!?

ใช่แน่นอน มาถึงขั้นนี้แล้วคงจะไม่พ้นเรื่องนี้ ยิ่งเห็นแววตากับสีหน้ามันแล้ว บอกเลยว่ามันจริงจังชัวร์ป้าบ ยิ่งได้ยินประโยคต่อไปที่หลุดออกมาจากปากมัน ก็รู้เลยว่ามันเอาจริง

“หนีไปกับธาร ไปใช้ชีวิตด้วยกันที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่”

มะ...มนต์รักน้องธาร ณ พิษณุโลก ฟีลทองกวาวถูกไอ้คล้าวมาตะล่อมชวนหนีไปเป็นผัวเมียพุ่งพล่านรัวๆ ในใจหวั่นไหวหนักด้วยเมื่อธารเข้ามากอดผมอีกครั้ง อ้อนไม่เลิกว่าขอให้หนีไปด้วยกัน

ผมก็อยากจะไปนะ อยากอยู่กับมันตลอดเวลาเหมือนกัน แต่...กูจะมาใจแตกเพราะถูกเด็กชวนหนีไปอยู่ด้วยกันไม่ได้! อย่ามาพูดอย่างนี้ ใจอ่อนนะ!

ผมรีบสลัดอารมณ์ชั่ววูบนั้นออกไปทันทีที่ตระหนักได้ว่าถ้ายอมตกปากรับคำ จะต้องมีเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวตามให้มาแก้ไม่รู้จบแน่ เลยตัดสินใจจะปฏิเสธ
“น้องธาร... คือพี่เหนือ...”
หากแต่พูดได้แค่นั้น ธารก็คลายอ้อมกอดมาจูบผมอีกครั้ง จูบเสร็จก็จ้องตานิ่ง ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีพี่กับธาร ธารยอมทุกอย่าง หนีไปกับธารเถอะนะ”

หน้าชาไปเลย อึ้งงันกับสิ่งที่ได้ยิน และอึ้งหนักกว่าเดิมเมื่อมันพูดประโยคที่ทำให้ใจผมละลายกลายเป็นของเหลวออกมา
“ธารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ ไปกับธารเถอะ ธารขอร้อง”

กะ...
กระเป๋าอยู่ไหน! เดี๋ยวพี่เหนือจัดกระเป๋าเอง!

คุกก็คุกวะ โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ก็ยอม ทนความอ้อนบวกความน่าสงสารของมันไม่ไหวแล้ว

ขาข้างนึงก้าวเข้าไปในตะรางรัวๆ กูเอ๊ย...ความไร้สตินี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่20: พี่จะดูแลเราเอง♦P.17♦08/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2016 17:35:07
มีเรื่องได้ตลอด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 09-04-2016 17:51:39
น้องธารชวนพี่เหนือหนีตามกันนน  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 09-04-2016 19:43:40
สถานการณ์ไหนพี่เหนือก็ฮาได้ โอ้ยยย อยากให้ธารมันได้ยินเสียงในใจพี่เหนือจริงๆ  :laugh:

อ่านตัวอย่างแล้วอยากอ่านเต็มๆ ฮือออ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-04-2016 19:45:39
อาจารย์สมร แซบมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 09-04-2016 21:13:24
หนีไปอยู่บ้านพี่เหนือเลย กลับบ้านไปแนะนำตัวกับพ่อตาแม่ยายว่า ผมลูกเขยครับ 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2016 21:57:23
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-04-2016 22:04:32
จริงๆแล้ว ผู้เยาว์พรากพี่เหนือนะ แต่คงว่าไม่ได้ พี่เหนือยอมเองง555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-04-2016 22:24:56
ยกให้นิ้วให้ ป้าหมอน นอนมาเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-04-2016 11:19:43
ไร้สติด้านการควบคุม .. อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 10-04-2016 11:53:50
หนี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-04-2016 20:19:31
พี่เหนือให้แม่มาสู่ขอเลย :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 10-04-2016 21:13:51
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำค่ะ ไม่ผิดหวังเลยยย อ่านรวดเดียวเลยวันนี้
พี่เหนืออ้อยมาก น้องธารก็น่าแซ่บจริงๆ เด็ดดวง
ตอนนี้สงสารน้องธารมากเลยยยย ฮืออออ ไม่เป็นไรนะน้องธารของพี่ //โดนพี่เหนือกระโดดถีบ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 10-04-2016 21:30:30
น้องธารน่ารัก  :กอด1:
ปูเสื่อรอเลยค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 10-04-2016 22:33:49
เป็นกำลังใจให้นะ
รออ่าน ว่าพี่เหนือจะหนีไปกับน้องธารไหม
 :mew6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-04-2016 10:24:13
โอ๊ยยยยยยย ขำพี่เหนืออ่ะ ทุกสถานการณ์นี่พี่เหนือพาขำได้หมดอ่ะ
พี่เหนือระวังคุกค่ะคุก คุกนะคะ นั่นน่ะเยาวชนของแท้เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 12-04-2016 23:28:41
น้องธ๊ารรรรรรรร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 13-04-2016 01:08:23
ชั่งใจ ครั้งที่ 21: หนีไปกับธารนะ...[1]

การที่ผมไปปลอบธารทั้งวันในวันนั้น ธารจึงยอมกินข้าวกินปลา แม้ว่าผมจะต้องใช้เวลาอ้อนและคอยป้อนอยู่ในตอนแรก แต่ก็ยอมกินมากกว่าปกติ ซ้ำยังยอมออกจากห้องมาเดินสูดอากาศที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ป้ารินจึงขอร้องให้คุณธีอนุญาตให้ผมมาหาธารทุกวันด้วยเป็นห่วงว่าถ้าไม่มีใครอยู่ข้างธารในตอนนี้ ธารจะทำร้ายตัวเองเป็นการประท้วงอย่างที่เคยทำอีก ซึ่งมันจะทำให้สุขภาพแย่ คุณธีดูไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ทว่าก็ต้องยอมด้วยพี่สมรช่วยพูดอีกแรง เขาจึงยอมอนุญาตอย่างไม่มีเงื่อนไข ผมว่าจริงๆ แล้วเขาก็เป็นห่วงลูกชายเหมือนกันนะ ถึงการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางจะแทบหาไม่เจอเลยก็ตามทีเถอะ

และเพราะได้รับอนุญาตอย่างนั้น ผมเลยต้องไป-กลับบ้านธารทุกวัน หลักๆ คือไปป้อนข้าว กับให้มันอ้อนให้ผมพามันหนีออกจากบ้าน แน่นอนว่าผมอยากทำแต่ทำไม่ได้ ทำได้เพียงแค่หลอกถามคุณธีว่าเมื่อไหร่จะปล่อยให้ธารกลับไปเรียนตามปกติ ด้วยเขากักขังธารอยู่ในบ้านมาร่วมอาทิตย์แล้ว คุณธีตอบเพียงประโยคเดียวว่า ‘จนกว่าคดีของมันจะเคลียร์ แล้วจะให้กลับไปเรียนตามปกติ แต่ต้องอยู่ในสายตาของผมตลอด ไม่งั้นมันจะไปก่อเรื่องอีก’

ฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ได้ ก็นั่นพ่อแท้ๆ นี่นา แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกเท่าไหร่นัก แต่ผมก็เห็นด้วยเพราะถ้าให้ธารออกไปอยู่กับผมเหมือนเดิม ผมก็ไม่มีปัญหาจะไปห้ามมันอีก ก็มันฟังใครซะที่ไหนล่ะ ขนาดพ่อมันยังไม่ฟังเลย ผมจึงได้แต่ไปตะล่อมเด็กนั่นให้หยุดคลั่งเรื่องโดนขัง พร้อมกับคอยหลอกถามเรื่องแม่มันแทนเพราะตอนนี้ผมอยากรู้เหลือเกินว่าตกลงมันมีปัญหาอะไรกันแน่ ก็อย่างที่รู้กันว่ามันไม่ยอมพูด ผมเลยตัดสินใจว่าจะไปถามคนอื่นแทนด้วยทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวแล้ว

หลังจากกลับจากบ้านธารในวันนี้ ผมก็ตรงดิ่งไปยังร้านของพี่จอมดื้อทันที กะจะไปถามพี่จอมดื้อให้รู้ดำรู้แดงไป ที่ไม่เลือกไปถามพวกเด็กช่าง เป็นเพราะรู้ว่าไปถามไปก็เท่านั้น ยังไงพวกมันก็ไม่ยอมบอก เคยถามไปแล้วนี่นา บอกกันซะที่ไหน เลี่ยงกันไปเรื่อย

ผมจอดรถเทียบหน้าร้านพี่จอมดื้อ ลงจากรถได้ก็ตรงดิ่งเข้ามาในร้านที่เพิ่งจะเปิดเมื่อครู่ พี่จอมดื้อที่ยืนสั่งงานพนักงานอยู่หันมาเห็นผมก็ทำสีหน้าแปลกใจ
คือผมไม่ได้โทรบอกเขาก่อนน่ะว่าจะมา นึกจะมาก็มาเลย
“เอ้าเหนือ มาไงเนี่ย คิดถึงพี่เหรอถึงได้โผล่มา” รอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าคมปรากฏขึ้น พร้อมกับน้ำเสียงระรื่น
ผมยิ้มรับอย่างขอไปที ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่ นอกจากเดินเข้าไปใกล้ แล้วบอกจุดประสงค์ของตัวเองเท่านั้น
“เหนือมีเรื่องอยากถามพี่ดื้อครับ”
 “เรื่องอะไร อย่าบอกนะว่าเรื่องไอ้ธาร?” รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปทันควัน
ผมพยักหน้า พี่จอมดื้อพ่นลมหายใจยาว รอยยิ้มมุมปากเผยขึ้นเล็กน้อย
“ว่าแล้วว่าสักวันเหนือต้องมาถามพี่ ไอ้เด็กพวกนั้นไม่ยอมบอกล่ะสินะเรื่องแม่ไอ้ธารน่ะ”
ไม่ต้องบอกว่าจะถามเรื่องอะไร พี่จอมดื้อก็รู้ทันแล้ว
ผมพยักหน้าอีกครั้ง ให้พี่จอมดื้อได้พูดต่อ
“เรื่องเซ้นต์ซิทีฟก็งี้แหละ พวกมันเลยไม่กล้าพูด กลัวว่าไอ้ธารมันจะได้แผลใจมากกว่าเดิม ไอ้เด็กนั่นมันมีปมเยอะ เดี๋ยวเหนือไปนั่งรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่สั่งงานเด็กเสร็จแล้วจะตามไปเล่าให้ฟัง”

ผมรับคำ เดินไปหาที่นั่งรอ จอมแก่นที่มาช่วยงานพี่ชายและกำลังวุ่นวายกับการจัดเคาน์เตอร์เครื่องดื่มชำเลืองมาเห็นผมก่อนจะยกมือไหว้ ผมยิ้มรับแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งกดโทรศัพท์เล่นไปพลางๆ หากแต่รอได้ครู่เดียว เสียงแปร๋นๆ คุ้นหูของใครบางคนที่ร้องสวัสดีพี่จอมดื้อก็ดังมาให้ได้ยิน หันไปมองก็เห็นว่าเป็นน้องมายด์ที่มาพร้อมกับโรม ก่อนที่เด็กสองคนนั่นจะปรี่เข้ามาหาผม ถามไถ่เรื่องธารเป็นพัลวัน
“ดีแล้วค่ะที่มันไม่เป็นอะไรมาก ดีนะที่มีเจ้เหนือ ไม่งั้นไม่อยากจะคิดว่ามันจะคลั่งแค่ไหน” น้องมายด์ว่าหลังจากได้ยินผมเล่าว่าธารเป็นยังไงบ้าง
โรมก็มีสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ยังดูสลดอยู่ ท่าทางจะยังโดนคนอื่นรุมด่าไม่เลิกที่เป็นตัวต้นปัญหา จนผมอดไม่ได้ที่จะออกปากถาม
“แล้วนี่ยังโดนป้ารินดุอยู่อีกเหรอ”
โรมเหลือบมองผมเล็กน้อย พลันส่ายหน้า
“เอ้า แล้วซึมเป็นหมาหงอยทำไมล่ะ”
“จะอะไรล่ะคะ ก็ไอ้จอมมันงอนไม่เลิกเนี่ยถึงได้จ๋อยขนาดนี้ งอนมาเป็นอาทิตย์ละ ไม่ยอมพูดด้วยสักที วันนี้หนูก็เลยพามันมาง้อเนี่ย” น้องมายด์ชิงตอบแทน
ผมร้องอ๋อ แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก พยักหน้าเป็นสัญญาณให้โรมเข้าไปง้อหลังจากเห็นจอมแก่นยืนเช็ดแก้วอยู่ตามลำพัง

โรมลุกขึ้น สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนออกเดินเข้าไปหา ปากก็ร้องเรียกคนตัวเล็กกว่าให้หันมา
“ไอ้จอม”
จอมแก่นหันมามองยังต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นโรมก็หันไปทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไอ้จอม กูเรียกเนี่ย ได้ยินมั้ย”
อีกฝ่ายไม่ตอบ วางแก้วในมือลง พลันเดินหนีไปทำงานยังส่วนอื่น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากคุยกับโรมเท่าไหร่นัก โรมเองก็เช่นกัน เห็นอย่างนั้นก็ปั้นหน้าเครียด ส่งเสียงกระฟัดกระเฟียดอย่างหงุดหงิดใจออกมา
“จะโกรธกูอีกนานแค่ไหนเนี่ยฮะไอ้จอม”
“...”
“ไอ้จอม กูขอโทษ เลิกโกรธเถอะ”
“...”
“เฮ้ย กูบอกว่าขอโทษเนี่ย มึงจะเงียบทำไมนักหนาวะ เดี๋ยวกูก็ไม่คุยกับมึงเหมือนที่มึงไม่คุยกับกูด้วยแม่ง!”
ปากก็บอกว่าจะไม่คุยด้วย หากแต่กลับเดินตามจอมแก่นที่เดินหนีอีกครั้งต้อยๆ แล้วก็ต้องฮึดฮัดอีกระลอกเมื่อถูกเมินราวกับอากาศธาตุ ก่อนจะเดินไปดักหน้า
“ไอ้จอม เลิกโกรธได้แล้ว กูก็ขอโทษแล้วนี่ไง ขอโทษหลายรอบแล้วด้วยเนี่ย เมื่อวานก็ขอโทษ เมื่อวานก่อนก็ขอโทษ จะโกรธอีกนานแค่ไหนวะ”
“คนที่นายควรขอโทษคือธาร ไม่ใช่เรา” ในที่สุด จอมแก่นก็ยอมปริปากออกมาจนได้ ทว่าไม่แม้แต่จะมองหน้าคนตัวโตกว่า
“ก็กูยังไม่เจอมัน ไว้เจอแล้วค่อยขอโทษมันทีหลัง ตอนนี้มึงหายโกรธกูก่อน กูอึดอัด” โรมว่าไปตามตรง

จอมแก่นทำเพียงเหลือบมองเล็กน้อย แล้วก็ตั้งท่าจะเดินหนี ทว่าโรมไม่ยอม เอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวนั่นไว้
“ไอ้จอม”
“...”
“เลิกโกรธเถอะ กูขอ”
“ถ้าไม่ให้ล่ะ” จอมแก่นยอกย้อน สบสายตาอย่างเอาเรื่อง จนโรมต้องเบือนหนีไปครู่หนึ่ง
และเพราะโรมไม่พูดอะไร จอมแก่นเลยดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม ตรงเข้ามาหาผมกับพี่จอมดื้อที่ยืนมองอยู่ หากแต่โรมก็คว้าเอาไว้อีกครั้ง
“จอมแก่น” เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินโรมเรียกชื่อเพื่อนเต็มๆ แบบนี้ แต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่ากับการที่มันยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าจอมแก่น พลางว่าเสียงอ่อนโยน ไม่แทนตัวเองด้วยคำหยาบอีกต่างหาก “อย่าโกรธเลย ดีกันนะ เราขอโทษ”

ไอ้ความผัวง้อเมียนี่คืออะไร!

ซัมธิงรองแน่ๆ สองคนนี้มันมีซัมธิงรองกันแน่ๆ แสงเหนือสัมผัสได้!

ผมถึงกับหรี่ตาจับผิด ขณะที่หูก็ได้ยินเสียงของคนข้างๆ ลอยมาตามลม
“บะลังว่าผัวข้าเจ้าจะได้กึ๋ยกั๋นเหี้ยก๋า (มีความรู้สึกเหมือนผัวกำลังจะได้กันเอง)”
น้องมายด์นั่นเอง รายนี้ก็หรี่ตาลง จ้องจับผิดไม่แพ้ผม ปากก็บ่นเป็นภาษาเหนือออกมาไม่หยุดหย่อนราวกับลืมตัว เรียกเสียงหัวเราะให้กับผมเป็นอย่างดี

ตำตาตำใจขนาดนี้แล้ว คงได้กันเองแล้วล่ะ มึงไปหากินเอาข้างหน้านะน้องมายด์ ฮ่าๆ

หัวเราะน้องมายด์ได้ไม่เท่าไหร่ พี่จอมดื้อที่จัดการงานเสร็จก็เดินเข้ามาหา กวักมือเรียกผมให้ไปคุยมุมอื่น ทำเอาน้องมายด์เบ้ปากเป็นเลขแปดทันใด
“ค่า นี่ก็อีกคน กวาดไปให้หมดเลยค่ะผู้เนี่ย เดี๋ยวหนูไปสอยบ่ะก๊วยก๋า (ฝรั่ง) มากินก็ได้ เบื่อ!” กระแทกเสียงปิดท้ายอีกต่างหาก

อะไรของมึงอีน้องมายด์! กูแค่จะไปคุยเรื่องธารเว้ย อย่ามาทำเป็นประชดประชัน เดี๋ยวเสยหน้าแหก

ผมลอบกลอกตาใส่ ปล่อยให้มันบ่นไปคนเดียว ก่อนเดินไปหาพี่จอมดื้อ
พี่จอมดื้อพาผมไปนั่งหลบมุม ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดฉาก
“อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”
“พี่ดื้อว่าเหนือควรรู้เรื่องอะไรก่อนล่ะครับ”
ที่สวนคืนแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมกวนโมโห แต่ผมแค่รู้สึกว่าเรื่องของธารมันเยอะจนผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้อะไรก่อน
พี่จอมดื้อยิ้มเล็กน้อย ก่อนเปิดปาก
“งั้นตั้งแต่ไอ้ธารยังเด็กเลยเป็นไง”
“ถ้าปัญหาของธารเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นก็โอเคครับ”
คนตรงหน้าผมสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พลันเปิดปากเล่า
“พี่กับไอ้ธารรู้จักกันตั้งแต่มันอายุได้ห้าหกขวบ ตอนนั้นแม่พี่ไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านมัน พร้อมกับแม่ของไอ้โรมที่ไปเป็นแม่นมให้มัน ไอ้แก่นกับไอ้โรมเลยถูกลากไปเลี้ยงด้วยเพราะยังเล็กทั้งคู่ พวกมันเลยสนิทกัน เป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก”
“เรื่องนั้นเหนือรู้แล้วครับ”
“เหรอ? ก็เห็นบอกให้เล่าตั้งแต่ต้นปัญหา” พี่จอมดื้อกลั้วหัวเราะ พลันพูดต่อ “จริงๆ มันก็เป็นต้นเรื่องของปัญหานั่นแหละ เพราะที่คุณใจ แม่ของไอ้ธารจ้างแม่พี่กับแม่ไอ้โรมไปช่วยดูแลลูก ดูแลบ้าน สาเหตุมาจากคุณธีทำงานจนไม่มีเวลาดูแลครอบครัว ซ้ำยังลากคุณใจไปช่วยงานด้วย ตอนนั้นถ้าพี่จำไม่ผิด คุณธีกับคุณใจน่าจะเป็นตัวแทนส่งออกสินค้าไปต่างประเทศนะ”

“แล้วมันเป็นปัญหายังไงเหรอครับ หรือว่าเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่ของธารทำงานจนไม่มีเวลาให้ลูก ธารก็เลยเริ่มมีปัญหา?”
“ก็ไม่เชิง เรียกว่ามันเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงด้วยเงินดีกว่า แม่พี่กับแม่ไอ้โรมก็ไม่กล้าไอดุด่ามาก โอ๋อย่างกับไข่ในหิน พอเริ่มขึ้นชั้นประถม คุณใจเริ่มเห็นปัญหาว่ามันเริ่มเอาแต่ใจตัวเอง ขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้าย ชอบแกล้งไอ้แก่นกับไอ้จอม อารมณ์แบบหัวโจก มีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ คุณใจก็เลยตัดสินใจทิ้งงานที่ทำกับคุณธีมาเป็นแม่บ้าน ดูแลมันเต็มตัว ตอนนั้นแหละที่ไอ้ธารเริ่มติดแม่แจอย่างกับลูกลิง นิสัยดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นเด็กน่าโดนถีบอยู่ดี คิดดูนะ ตอนมันเรียน ป.หนึ่ง ตัวมันเท่าลูกหมา แต่มาท้าพี่ที่เรียน ป.หกต่อยอะ เหตุผลคือพี่ไม่ยอมทำตามคำสั่งมัน กวนตีนแค่ไหน เหนือลองคิดดู”
“แล้วพี่ดื้อรับคำท้ามั้ยครับ”
“ไม่รับ แต่ตบกะโหลกมันแยกไปทีนึง พอมันไปฟ้องคุณใจเท่านั้นแหละ กลับมาบ้าน พี่โดนแม่ตียกใหญ่เลย โทษฐานแกล้งมันทั้งที่มันน่ะเป็นฝ่ายแกล้งพี่”

ผมหัวเราะร่วนกับวีรกรรมในวัยเด็กของธารที่หลุดจากปากพี่จอมดื้อ เห็นสีหน้าพี่จอมดื้อที่ดูหงุดหงิดแล้ว ผมก็พอจะจินตนาการออกว่าเด็กนั่นตอนเด็กๆ แสบสันแค่ไหน แต่ผมก็ทำหน้าระรื่นได้ครู่เดียวเมื่อพี่จอมดื้อเริ่มเล่าปัญหาของธารอย่างจริงจัง

“แต่หลังจากคุณใจออกมาดูแลไอ้ธาร ปัญหาของบ้านมันก็เริ่มชัดเจนขึ้น คุณธีต้องแบกรับภาระงานคนเดียวเลยกลายเป็นคนขี้โมโห จริงๆ คุณธีก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วล่ะ เป็นคนเผด็จการด้วย ทุกคนต้องทำตามคำสั่งเขา แต่ก็เป็นเพราะเขาสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองเลยทำให้เป็นคนไม่ฟังใคร มีอีโก้สูง ประเภทยอมหัก ไม่ยอมงอ แถมพอมีเรื่องเครียด ก็ดันยิ่งไปกันใหญ่ หงุดหงิดอะไรมาก็มาลงกับคุณใจ ทั้งด่าทั้งว่าไปเรื่อยทั้งที่คุณใจไม่เกี่ยวอะไรเลย อารมณ์แบบพาล พักหลังที่ธุรกิจเริ่มระส่ำระสายก็ยิ่งเป็นหนัก เคยได้ยินแม่พี่เล่าให้ฟังเหมือนกันว่าถึงขั้นตบตีต่อหน้าไอ้ธาร ไอ้ธารมันเลยไม่ค่อยเข้าหาพ่อเลยหลังจากนั้น”
“พอจะบอกได้มั้ยครับว่าช่วงนั้นธารอายุเท่าไหร่”

พี่จอมดื้อนิ่งคิดไปครู่
“น่าจะเกือบๆ สิบขวบนะ พี่ก็จำไม่ค่อยได้”

เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้แล้วล่ะว่าทำไมธารถึงได้มีท่าทีห่างเหินกับพ่อนัก แต่เอ... มันก็น่าจะยังไม่ใช่สาเหตุที่มันต่อต้านพ่ออย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้นี่นา ก็แค่จุดเริ่มต้น มันต้องมีจุดพลิกมากกว่านี้อีกแน่

“แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณธีกับธารไม่ลงรอยกันครับ ใช่ตอนที่คุณแม่ของธารเสียหรือเปล่า”
พี่จอมดื้อจ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนพยักหน้าช้าๆ
“เล่าให้เหนือฟังได้มั้ย” ผมถามเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมพูดอะไรสักที
“จริงๆ พี่ก็ไม่อยากพูดเท่าไหร่ แต่ก็เอา นอกจากพี่แล้ว คงจะไม่มีใครกล้าเล่าให้เหนือฟังแล้วล่ะ” เขายิ้ม แล้วเริ่มเอ่ย “หลังจากที่มีเรื่องตบตีคุณใจ ครอบครัวไอ้ธารก็มีปัญหามาตลอด ยิ่งไอ้ธารโตขึ้นก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัวไอ้ธารเองที่เริ่มต่อต้านคุณธีแล้วปกป้องแม่ ทำให้มันโดนไปด้วยอีกคน มาหนักเอาตอนที่คุณธีตัดสินใจลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่นตามคำชวนของลูกค้าที่เป็นนักการเมืองน่ะ เขาเลยไปลงเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ พอก้าวหน้าเร็ว ก็เริ่มมีศัตรูมากขึ้น มากถึงขนาดครั้งนึงเคยจ้างมือปืนประกบยิงคุณธีตอนไปหาเสียงเลยนะ”

“คุณแม่ของธารก็เลยโดนลูกหลงจนเสียชีวิตเหรอครับ?”
“ยัง ยังไม่ใช่ตอนนั้น คุณธีรอดมาได้ หลังจากมีเรื่องนี้ คุณใจก็ขอร้องให้คุณธีเลิกเล่นการเมืองแล้วกลับมาทำธุรกิจเดิม แต่คุณธีไม่ยอม เดินหน้าลุยการเมืองต่อ พวกคู่แข่งก็เลยเล่นหนักมากขึ้นถึงขนาดมาป้วนเปี้ยนที่หน้าบ้าน พอคุณใจห้ามอีกก็ทะเลาะกันใหญ่โต คราวนั้นทะเลาะกันแรงเลยล่ะ เพราะไอ้ธารมันก็สิบห้าแล้ว มันสู้พ่อมันเหมือนกัน คุณธีเองก็หนัก ตบตีคุณใจกับลูกถึงขนาดคุณใจเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า จะพาไอ้ธารหนีไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ที่เชียงใหม่ แล้ววันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายด้วยที่คุณใจมีชีวิตอยู่”
“พี่ดื้อหมายความว่า?”
“คุณใจพาไอ้ธารออกจากบ้านมาตอนกลางดึก แต่ไปได้แค่หน้าบ้าน คุณธีก็มาตาม มาทะเลาะกันที่หน้าบ้านอีก ประจวบเหมาะกับที่คู่แข่งของคุณธีจ้างมือปืนมาเอาชีวิตพอดี คุณใจเลยโดนลูกหลง เสียชีวิตคาที่น่ะ จากนั้นมา ไอ้ธารกับคุณธีก็เป็นอย่างที่เห็น”

ผมเข้าใจชัดแจ้งเลยว่าทำไมธารถึงได้เรียกพ่อตัวเองว่าเป็นฆาตกรฆ่าแม่ตลอดเวลา สงสารมันขึ้นมาฉับพลัน เด็กที่มีชีวิตผูกพันกับแม่ตลอดเวลา แล้วจู่ๆ ต้องมาเสียไปแบบกะทันหัน ก็ไม่แปลกถ้ามันจะต่อต้านคุณธีขนาดนี้
เอาตรงๆ นะ พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากพี่จอมดื้อแล้ว ผมก็ชักจะเกลียดคุณธีขึ้นมาตงิดๆ ละ หัวหน้าครอบครัวประสาอะไร ทำร้ายได้แม้แต่คนในครอบครัวที่รักและเป็นห่วงตัวเองขนาดนั้น แย่จริงๆ

หากแต่ผมโกรธคุณธีได้ไม่เท่าไหร่ พี่จอมดื้อก็ทำให้ผมต้องหายขุ่นเคืองพลัน
“แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ คุณธีก็ดูแลใส่ใจไอ้ธารมากขึ้นนะ ยอมตามใจไอ้ธารทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะไม่ยอมไปเรียนต่อปีนึงเพราะทำใจเรื่องแม่ไม่ได้ คุณธีก็ยอม มีจ้างนักจิตวิทยามาดูแลมันถึงบ้านด้วยเพราะตอนนั้นไอ้ธารมันอาการหนักจริงๆ ก้าวร้าวไปเลย ไอ้แก่นกับไอ้โรมยังเข้าหน้าไม่ติด เรียกว่าตอนนั้นมีอะไรที่คุณธีทำเพื่อไอ้ธารได้ เขายอมทำหมดทุกอย่าง เพียงแต่การแสดงออกของเขามันไม่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง”
“พี่ดื้อเชื่อได้ไงครับว่าเขาเป็นห่วงธารจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เห็นทุบตีประจำไม่ใช่เหรอ”
“เชื่อได้สิ ก็แม่พี่กับแม่ไอ้โรมเป็นคนเล่าให้ฟังเองว่าคุณธีก็เสียใจไม่แพ้กัน มีครั้งนึงที่แม่พี่เคยแอบเห็นคุณธีไปยืนหน้าห้องไอ้ธารกลางดึก ร้องไห้แล้วก็พึมพำขอโทษคุณใจกับไอ้ธารน่ะ เขาเองก็อาการแย่ถึงขั้นพบจิตแพทย์นะ แต่ไม่เคยบอกไอ้ธารก็เท่านั้น แล้วก็เป็นห่วงความรู้สึกไอ้ธารด้วย สั่งห้ามทุกคนพูดถึงเรื่องคุณใจเป็นอันขาดตั้งแต่ไอ้ธารตัดสินใจกลับไปเรียนตามคำชวนของไอ้แก่นกับไอ้โรม”
“แสดงว่าที่กลับไปเรียนได้นี่เป็นเพราะตามเพื่อน?”
“เหนือคิดว่าในสภาวะอย่างนั้น มันตัดสินใจอะไรเองได้มั้ยล่ะ คล้ายๆ กับตอนนี้ที่เหนือเห็นน่ะ แต่มากกว่าหลายสิบเท่า แล้วพอมันมาสนิทกับไอ้แก่นไอ้โรมเหมือนเดิม ก็ดันเกเรหนักอีก แต่มันก็ทำไปเพื่อปกป้องเพื่อนมันน่ะนะ ไอ้นี่มันรักเพื่อนมันจะตาย ...ไม่สิ ใครที่เข้าใจมัน มันรักหมดแหละ”

ผมพยักหน้า เข้าใจทุกอย่างชัดเจน ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครเลยระหว่างคุณธีกับธารใจ แต่แน่นอนอยู่แล้วล่ะว่าผมต้องสงสารธารมากกว่า มิน่าตอนเจอมันแรกๆ มันถึงไม่เปิดใจให้ใครเลย ไม่ไว้ใจใครด้วย ซ้ำยังมีอาการต่อต้านทุกคนที่ออกคำสั่งกับมันอีกต่างหาก ก็เป็นเพราะพ่อมันเป็นคนลักษณะแบบนั้นไง เลยสูญเสียความไว้ใจในพ่อตัวเอง พอเจอใครที่มีพฤติกรรมคล้ายพ่อ มันก็ต่อต้านหมด ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะ ผมกลายเป็นคนที่มันไว้ใจที่สุดไปแล้ว เหมือนกับที่มันไว้ใจแม่มันไม่มีผิด
“ขอบคุณครับพี่ดื้อที่เล่าให้เหนือฟัง” ผมพึมพำหลังจากคลายความสงสัยทั้งหมดได้แล้ว

พี่จอมดื้อยิ้มให้เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผมเลยขอตัวกลับไปที่หอ กะว่าจะไปนั่งคิดนอนคิดสักหน่อยว่าจะหาวิธีช่วยมันยังไงดีให้มันรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม หากแต่พอลุกขึ้นยืนเท่านั้น มือใหญ่สากกร้านของพี่จอมดื้อก็คว้าข้อมือผมไว้
ผมเลิกคิ้วสูงให้เป็นคำถามว่ามีอะไร พี่จอมดื้อมองหน้าผมครู่หนึ่งกว่าจะพูดออกมา
“ตกลงเหนือเลือกไอ้ธารจริงๆ เหรอ”
“ทำไมถึงถามอีกล่ะครับ” ทีพูดอย่างนี้ก็เพราะผมคิดว่าผมพูดและแสดงออกชัดเจนแล้วน่ะว่าเลือกใคร
พี่จอมดื้อก็คงจะเข้าใจ พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ช่วยไม่ได้แฮะ พี่คงต้องยอมยกให้น้องจริงๆ ละ ไอ้ธารน่าจะต้องการเหนือมากกว่าพี่ ก็...ฝากดูแลมันด้วยก็แล้วกัน”
ผมยิ้มรับ สบายใจขึ้นมาหน่อยที่พี่จอมดื้อยอมวางมือง่ายๆ นึกว่าจะมีปัญหาเพิ่มซะแล้ว
“ขอบคุณครับ พี่ดื้อก็...ขอให้เจอคนดีๆ ที่เหมาะกับพี่เร็วๆ นะ”

พูดแค่นั้น ผมก็เดินออกมาเลย ไม่ได้หันกลับไปมองว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไงแม้แต่น้อย มือก็ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ โทรออกหาไอ้ยีนส์ไอ้กั้งอย่างรวดเร็ว
 
ที่โทรหาพวกมันในนาทีนั้นเป็นเพราะผมต้องการคนช่วยหาทางออกสำหรับปัญหานี้ ไอ้เรื่องทำให้ธารรู้สึกดีขึ้นน่ะ มันไม่ยากหรอกถ้ามีผมอยู่ด้วย แค่โอ๋มันนิดๆ หน่อยๆ มันก็ยอมแล้ว แต่ตอนผมกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วนี่สิ มันจะเป็นยังไง ยิ่งต้องอยู่กับพ่อด้วย เดาอนาคตได้เลยว่าทะเลาะกันยันแก่หง่อมแน่

แล้วผมก็คิดถูกซะด้วยที่โทรหาเพื่อนทั้งคู่ ไอ้ยีนส์ที่เคยเรียนวิชาของคณะสังคมสงเคราะห์ฯ แนะนำมาว่าให้ผมลองไปคุยกับคุณธี เกลี้ยกล่อมให้เขายอมไปพบนักจิตวิยาหรือนักสังคมสงเคราะห์เพื่อทำครอบครัวบำบัด ผมก็ไม่รู้เท่าไหร่หรอกว่าการทำครอบครัวบำบัดอะไรนั่นเป็นยังไง แต่ถ้าได้ผลไปในทางที่ดีขึ้น ผมก็จะทำ

ทำจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น โทรไปหาคุณธีหลังจากวางสายจากไอ้ยีนส์ไอ้กั้งเลย ก่อนขอให้คุณธีออกมาคุยกันที่ร้านคอฟฟีช็อปละแวกนั้น ที่ผมไม่เข้าไปคุยในบ้านเป็นเพราะกลัวว่าธารรู้ แล้วจะต่อต้าน ไม่ให้ความร่วมมืออะไรเทือกนี้ ผมเลยเข้าทางพ่อก่อน ไว้ทางพ่อโอเคแล้ว ค่อยไปตะล่อมทางลูก เพราะการทำครอบครัวบำบัดนี่ ทั้งพ่อทั้งลูกต้องเข้าร่วมรับการบำบัดด้วยกัน

คุณธีงุนงงนิดหน่อยที่ผมขอพบเขาทั้งที่เพิ่งออกจากบ้านเขาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดี ระหว่างที่เขางง ผมก็อธิบายถึงจุดประสงค์ที่ผมต้องการเจอเขาและประโยชน์ของการทำครอบครัวบำบัดตามที่ไอ้ยีนส์บอกมาให้ฟัง คุณธีเลยหายสงสัย และดีที่เขาไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก กอปรกับเขาเองก็เคยพบจิตแพทย์มาก่อน เลยเข้าใจอะไรๆ ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องอธิบายมาก ก่อนจะตกปากรับคำอย่างว่าง่าย แต่มีเงื่อนไขว่าจะไปหลังจากที่คดีของธารจบ ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ธารออกจากบ้านอยู่ดีจนกว่าจะมั่นใจได้ว่ามันจะไม่ไปก่อเรื่องอีก

ผมก็พูดอะไรต่อไม่ได้ ความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อนี่เนอะ ได้แต่หงุดหงิดใจนิดหน่อยเท่านั้นแหละ

แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะจู่ๆ คุณธีก็ทำให้ความหงุดหงิดนั่นหายไปด้วยประโยคที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินจากปากคนแข็งๆ อย่างเขา
“ผมน่ะไม่ใช่พ่อที่ดีเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้อาจารย์เหนือรู้ไว้ว่าผมก็รักไอ้ธารเองไม่น้อยไปกว่าแม่มัน ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่มานั่งโทษตัวเองอยู่ทุกวันนี้หรอกว่าที่ภรรยาผมตายเป็นเพราะตัวผมเองอย่างที่ไอ้ธารว่า ถึงผมจะไม่เคยบอกใครว่าผมรู้สึกผิด แต่บอกไว้เลยว่าผมเองก็เป็นห่วงมันไม่แพ้อาจารย์เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำในตอนนี้ก็เพื่อมันทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อผม ขอให้อาจารย์เข้าใจด้วย”
“ถ้าคุณพ่อเป็นห่วงธารใจจริงๆ งั้นคุณพ่อต้องปรับการแสดงออกนะครับ เรื่องทุบตีอะไรนี่ไม่เอาแล้วนะ ผมว่ามันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีเท่าไหร่ จะทำให้ธารใจยิ่งต่อต้านมากขึ้นไปอีก ผมเองก็เข้าใจคุณพ่อนะครับว่าที่ทำไปก็เป็นเพราะเป็นห่วงธารใจ แต่คุณพ่อก็ต้องเข้าใจธารใจด้วยว่าเขาก็มีปัญหาที่มีต้นเหตุมาจากคุณพ่อ”

ผมว่าออกไปตามตรง คุณธีไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขารู้แล้วล่ะว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มาขอให้เขาทำตามคำแนะนำหรอก
คุณธีพยักหน้ารับไปตามเรื่อง ดูเขาก็อึดอัดเหมือนกัน อยากจะพูดอะไรสักอย่างก็ไม่พูด ให้เดานะ ผมว่าเขาอยากจะบอกว่าเขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไงให้ธารเข้าใจว่าเขาก็ทั้งรัก ทั้งเป็นห่วงมันเหมือนกัน แต่ของแบบนี้มันใช่ว่าปุบปับจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ ผมเลยได้แต่ปลอบประโลมเขาให้สบายใจขึ้น

“ลองไปพบนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์อย่างที่ผมบอกดูนะครับ คุณพ่อน่าจะได้คำแนะนำอะไรมากขึ้นกว่าคุยกับผม”
“ครับ” คุณธีรับปากเสียงเบา

คุณธีก็เหมือนธารนั่นแหละ แข็งนอก อ่อนใน แสดงความรู้สึกไม่เป็น แต่คุณธีจะอาการหนักกว่าหน่อยตรงที่มีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สบายใจที่คุณธีรับปากว่าจะทำตามคำแนะนำของผม เหลือแค่ให้ผมไปคุยกับธารให้ยอมไปกับเขาเท่านั้น ซึ่งผมวางแผนแล้วว่าจะเข้าไปคุยพรุ่งนี้ ก่อนจะขอตัวกลับหอเพราะเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว

ทว่าพอผมยกมือไหว้เขา หันหลังจะออกไปนอกร้าน คุณธีก็เรียกผมไว้
“อาจารย์เหนือ ผมขอถามอะไรอาจารย์สักอย่างสิครับ”
“ครับ”
“อาจารย์เป็นแฟนลูกผมเหรอ ปกติอาจารย์ไม่น่าเป็นห่วงลูกศิษย์ขนาดนี้ แล้วก็ไม่สนิทสนมมากอย่างนี้ด้วย ผมว่าอาจารย์ต้องเป็นแฟนมันแน่ๆ”

ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเองที่จู่ๆ ก็ถูกถามอย่างนั้น เสียวสันหลังวาบเลยด้วยไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง จะบอกว่ายังไม่ได้เป็นแฟน ดูจากสายตาดุดันของคนตรงหน้าแล้วก็มีแววว่าเขาไม่น่าจะเชื่อ แต่ถ้าจะให้บอกว่าไม่ได้เป็นแฟน ก็พูดยากอีก แซ่บกันไปเรียบร้อยอย่างนั้นแล้ว แต่สถานะคลุมเครือนี่ บอกตำแหน่งตัวเองไม่ถูกเลยแฮะ จะบอกว่าเป็นผัวกับพ่อมันก็ใช่เรื่องหรือเปล่าวะ!?

ผมอึกอักไปครู่ใหญ่ทีเดียว จนคุณธีหัวเราะในลำคอ ก่อนจะขัดขึ้นมา
“จะเป็นอะไรกับมัน ผมก็ไม่สนหรอกนะ ขอแค่อาจารย์ช่วยผมดูแลมันได้ก็พอ บางทีความรักจากผมคงจะไม่พอ ยังไงก็ฝากอาจารย์ดูแลมันด้วย”

คะ...คุณพ่อ

เปิดทางมาอย่างนี้ ไอ้เหนือก็สบายแฮสิครับ! แหม ตอนแรกก็นึกว่าจะขัดขวาง ที่ไหนได้ สนับสนุนก็ไม่บอก ทำใจว่าที่ลูกสะใภ้อกสั่นขวัญแขวนเลยนะฮะ

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะช่วยดูแลให้” ผมว่าส่งท้าย บอกลาอีกครั้ง แล้วกลับหอพร้อมกับรอยยิ้มที่อาบพรายอยู่บนหน้า
บางทีผมอาจจะคิดถูกแล้วที่ทำแบบนี้
ทำให้พ่อลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้นี่ ตำแหน่งลูกสะใภ้สุดที่รักคงหนีไม่พ้นแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: ตัวอย่าง♦P.17♦09/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 13-04-2016 01:09:10
ชั่งใจ ครั้งที่ 21: หนีไปกับธารนะ...[2]

กลับมาถึงหอได้ ผมก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมนอนตั้งแต่ทุ่มนึงด้วยรู้สึกว่าวันนี้ใช้พลังงานมากกว่าปกติ หากแต่พอจะเดินไปปิดสวิตซ์ไฟ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นรัวๆ ทำเอาผมย่นคิ้วพลัน

ใครมาวะ หรือว่าจะเป็นพวกน้องมายด์? ไม่หรอกมั้ง พวกนั้นอยู่ร้านพี่ดื้อ เพิ่งจะแยกกันมาแป๊บเดียว ไม่น่าจะมาหาผมหรอก โรมยังง้อจอมแก่นไม่ได้เลยนี่

หรือว่าคนที่มาจะเป็น...?

คิดยังไม่ทันจบ ผมก็พุ่งไปเปิดประตูแล้ว ก่อนจะครางอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นหน้าของคนที่ผมคิดถึงเมื่อครู่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“น้องธาร...”
ธารไม่เอ่ยทักอะไรออกมาสักคำ พุ่งเข้ามาสวมกอดผมแน่น ก่อนจะดันผมเข้ามาในห้อง ผละออกได้ก็จัดการปิดประตูลงกลอนเสร็จสรรพ ทำเอาผมอ้าปากค้างอย่างตะลึงงันไม่เลิก
“เดี๋ยวๆ นี่ออกมาจากบ้านได้ไง” ตั้งสติได้ ผมก็ร้องถาม
“ป้ารินพาไปล้างแผลที่โรง’บาล วันนี้หมอนัดเย็น” ธารเหลือบมามองผมเล็กน้อยขณะตอบ ก่อนเดินลิ่วไปยังตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจผมอีก ปล่อยให้ผมถามไล่หลัง
“คือหนีจากโรง’บาลมาอีกทีเหรอ”
“เออ”
“เฮ้ย!” ผมร้องลั่น ตกใจที่ได้ยินมันยอมรับเอาซื่อๆ อย่างนั้น

ก็คิดอยู่แล้วว่าสักวันมันจะต้องทำแบบนี้เข้าสักวันถ้ามีโอกาส แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะหนีมาเอาวันที่ผมเพิ่งไปคุยกับพ่อมันมาหมาดๆ เนี่ย หนีมาอย่างนี้ มีหวังพ่อมันรู้ คงได้เป็นเรื่องเป็นราวอีกแน่ อุตส่าห์ไปตะล่อมเพื่อช่วยมันให้มีความสัมพันธ์กับพ่อดีขึ้นแล้วแท้ๆ มาทำอย่างนี้ ถ้าพ่อมันรู้ มีหวังไอ้ที่ผมพยายามทำมาก่อนหน้าคงได้เละไม่มีชิ้นดีแน่

ผมเลยตรงเข้าไปคว้าแขนธารเอาไว้ขณะที่มันกำลังคว้ากระเป๋าเป้ในเขื่องมายัดเสื้อผ้าใส่อย่างรนๆ เห็นแล้วผมก็สงสัยว่ามันจะเก็บเสื้อผ้าทำไม แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการที่ผมต้องปรามให้มันได้สติว่ากำลังทำอะไรอยู่
“จะหนีมาแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวป้ารินจะซวยเอา”
“ทำไมจะหนีไม่ได้ ป้ารินซวยก็ซวย ซวยแล้วไง นี่มันชีวิตของธาร เรื่องอะไรที่ธารจะต้องยอมให้คนอย่างนั้นกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย”
“ก็ไม่ใช่ว่าพี่เหนือจะบอกให้น้องธารยอมให้คุณพ่อกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่ว่าพี่เหนือเพิ่งจะไปคุยกับคุณพ่อมาเอง” ผมว่าไปตามความจริง กะจะเล่าให้มันฟังว่าผมไปคุยอะไรมา ทว่ามันดันพูดออกมาก่อน
“ไปต่อรองให้เลิกขังผมน่ะเหรอ เหอะ พี่ว่าเขาจะทำหรือไง”
“ทำแน่นอน แต่ต้องรอให้คดีน้องธารจบก่อน พี่เหนือไปคุยมาแล้วนะ น้องธารใจเย็นๆ อย่าทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้” ดูท่าจะไม่ฟัง ผมเลยปลอบให้มันใจเย็น

ธารทิ้งกระเป๋าเป้ลงบนพื้น พุ่งเข้ามากอดผมแน่นอีกครั้ง
“จะให้เย็นยังไงอีกวะ คิดถึงพี่จนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คิดถึงจนรอจะเห็นหน้าพรุ่งนี้ไม่ไหวแบบนี้ จะให้เย็นได้ยังไงอีก”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็นิ่ง เข้าใจความรู้สึกมันนะว่ามันเคว้งคว้างแค่ไหน แม้ว่าผมจะไปหามันที่บ้านเกือบทุกวัน แต่ก็คงไม่พอสำหรับคนที่ต้องการใครบางคนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาในเวลาแย่ๆ อย่างนี้ และมันก็เห็นผมเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวด้วย ไม่แปลกถ้ามันจะหายใจเข้าออกเป็นผม
ผมเลยยกแขนขึ้นกอดตอบ พึมพำออกมาเบาๆ
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกันครับ คิดถึงที่สุดเลย”

สองแขนใหญ่รั้งร่างผมให้แนบแน่นกับลำตัวมากขึ้นไปอีก กลิ่นไอของความโดดเดี่ยวของคนตรงหน้าลอยโชยมาให้ผมสัมผัสได้ กอดกันอยู่นานกว่าธารจะยอมผละออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นจรดริมฝีปากจูบผมแทน
“พี่เหนือ...” เสียงห้าวดังขึ้นหลังจากริมฝีปากของเราแยกออกจากกัน
“ครับ?”
“หนีไปกับธารนะ”
“ฮะ!?” ผมผงะไปเลยที่จู่ๆ ก็ถูกชวนหนีไปด้วยแบบไม่ทันตั้งตัว

ยะ...อย่าบอกนะว่าไอ้ที่มึงเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋ารัวๆ นี่คือคิดจะหนีออกจากบ้าน!?

ใช่แน่นอน มาถึงขั้นนี้แล้วคงจะไม่พ้นเรื่องนี้ ยิ่งเห็นแววตากับสีหน้ามันแล้ว บอกเลยว่ามันจริงจังชัวร์ป้าบ ยิ่งได้ยินประโยคต่อไปที่หลุดออกมาจากปากมัน ก็รู้เลยว่ามันเอาจริง

“หนีไปกับธาร ไปใช้ชีวิตด้วยกันที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่”

มะ...มนต์รักน้องธาร ณ พิษณุโลก ฟีลทองกวาวถูกไอ้คล้าวมาตะล่อมชวนหนีไปเป็นผัวเมียพุ่งพล่านเป็นน้ำเดือด ในใจหวั่นไหวหนักด้วยเมื่อธารเข้ามากอดผมอีกครั้ง อ้อนไม่เลิกว่าขอให้หนีไปด้วยกัน

ผมก็อยากจะไปนะ อยากอยู่กับมันตลอดเวลาเหมือนกัน แต่...
กูจะมาใจแตกเพราะถูกเด็กชวนหนีไปอยู่ด้วยกันไม่ได้! อย่ามาพูดอย่างนี้ กูใจอ่อนนะ!

ผมรีบสลัดอารมณ์ชั่ววูบนั้นออกไปทันทีที่ตระหนักได้ว่าถ้ายอมตกปากรับคำ จะต้องมีเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวตามให้มาแก้ไม่รู้จบแน่ เลยตัดสินใจจะปฏิเสธ
“น้องธาร คือพี่เหนือ...”
หากแต่พูดได้แค่นั้น ธารก็คลายอ้อมกอดมาจูบผมอีกครั้ง จูบเสร็จก็จ้องตานิ่ง ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีพี่กับธาร ธารยอมทุกอย่าง หนีไปกับธารเถอะนะ”
หน้าชาไปเลย อึ้งงันกับสิ่งที่ได้ยิน และอึ้งหนักกว่าเดิมเมื่อมันพูดประโยคที่ทำให้ใจผมละลายกลายเป็นของเหลวออกมา
“ธารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ ไปกับธารเถอะ ธารขอร้อง”

กะ...
กระเป๋าอยู่ไหน! เดี๋ยวพี่เหนือจัดกระเป๋าเอง!

คุกก็คุกวะ โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ก็ยอม ทนความอ้อนบวกความน่าสงสารของมันไม่ไหวแล้ว
ขาข้างนึงก้าวเข้าไปในตะรางรัวๆ กูเอ๊ย...ความไร้สตินี้
 



เป็นคนเก็บกระเป๋าเองไม่พอ ยังเป็นคนพามันขับรถออกมาจากหออีก

นะ...นี่กูทำอะไรลงป๊ายยย!?

มาคิดได้ว่าคนที่วู่วามไร้สติน่ะคือผม ไม่ใช่ไอ้เด็กนี่ก็ตอนที่ขับรถออกมานอกเมืองแล้ว ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดแถวนั้นฉับพลันเพื่อไปตั้งหลักก่อน โดยอ้างกับธารว่าวันนี้ผมเหนื่อยมาก ขอพักก่อนคืนนึงแล้วพรุ่งนี้จะพาขับรถเข้ากรุงเทพฯ ธารเลยยอมเพราะเห็นผมมีท่าทางอิดโรย

แต่บอกเลย...มันคือการแสดง! กูอิดโรยนี่ไหน กลุ้มใจว่าจะถูกพ่อมึงลากเข้าคุกข้อหาพรากผู้เยาว์จนไม่มีแรงจะขับรถต่างหากเว้ย!

คุก ตะราง ซังเตก็มา สามคำนี้ผุดพรายขึ้นในหัวเป็นคำขวัญประจำใจไอ้เหนือเลย แล้วพามันมาที่ไหนก็ไม่พามาด้วยนะ พาเข้าม่านรูด โอ้โห... ถ้าพ่อมันรู้นี่ ตำแหน่งลูกสะใภ้ที่รักนี่ชวดแน่ๆ

“ยืนทำอะไรอยู่น่ะพี่ มานั่งสิ” ธารร้องเรียกเมื่อเห็นผมยืนทึ้งหัวตัวเองเป็นบ้าเป็นหลังเพราะจินตนาการถึงชีวิตอันน่าอดสูในคุกอยู่นานสองนาน
ผมรีบปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ เดินไปนั่งข้างมันที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
“เหนื่อยก็นอนเถอะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องขับรถไกล” มันยังคิดเรื่องหนีไม่เลิก
ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง พลางว่าเสียงเครียด
“หนีมาอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ ทำแบบนี้ คุณพ่อกับป้ารินจะเป็นห่วงนะรู้มั้ย”

พูดแล้วมันฟังมั้ย เหอะ! ฟังกับผี! แม่งมองหน้าผมอย่างเคืองๆ แล้วก็บุ้ยปาก

“เป็นห่วงแล้วไงวะ ห่วงแล้วทำให้ธารมีความสุขมั้ยล่ะ พี่ไม่รู้หรือไงว่าอยู่บ้านกับคนพวกนั้นมันทำธารเครียดแค่ไหน”
ทำไมจะไม่รู้ล่ะ เห็นหน้ามึงตอนนี้ก็รู้แล้ว แต่กูก็กลัวคุกมั้ย คุกนะเว้ยคุก! ไม่ใช่สวนสนุกนะที่กูถูกลากคอเข้าไปแล้วจะไปลั้นลาได้น่ะ คิดถึงอนาคตกูบ้างได้มั้ย!

อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าผมกลัวอะไร ทว่าสีหน้าหมาเบื่ออาหารของมันก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโอ๋มันซะงั้น
“งั้นอยู่กับพี่เหนือคืนนี้ก็อย่าเครียดนะ เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว ไอ้เด็กปากคว่ำของพี่เหนือ” ระริกระรี้เข้าไปดึงแก้มทั้งสองข้างของมันให้ยืดออก ลืมกลัวคุกไปซะสนิท

แม่งเอย... ความน่ารักนี้ทำให้ขาอีกข้างก้าวเข้าแดนนักโทษไปอีกเซนแล้ว

ธารสะบัดหน้าหนี ปากยังคว่ำเหมือนเดิม ผมเลยไม่ตอแยอะไร กะปล่อยไปก่อน เพราะรู้ว่าเดี๋ยวมันก็อารมณ์ดีขึ้นมาเอง พลันตัดสินใจว่าจะไปอาบน้ำ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เออ วันนี้ไปอ่านบทความบนเน็ตมา เกี่ยวกับวิธีคลายเครียด”
“อืม” ผมขานรับไปตามเรื่อง มือก็เอื้อมไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่พับอยู่ปลายเตียง
“บทความบอกว่าวิธีคลายเครียดของผู้หญิงอะ ไม่ค่อยยุ่งยาก แค่ฟังเพลง ดูหนัง ชอปปิงก็ดีขึ้นแล้ว แต่ของผุ้ชายจำเป็นต้องมีผู้ช่วยว่ะพี่”
“ทำไมต้องมีผู้ช่วยอะ” ผมหันไปถาม
ธารเม้มปากไปนิด ก่อนว่าเสียงเบา
“แล้วพี่คิดว่าเวลามีเซ็กส์นี่มันทำคนเดียวได้เหรอ ถ้าทำคนเดียวก็ไม่เรียกว่าเซ็กส์แล้ว มันเรียกว่าช่วยตัวเอง”
ผมเบิกตาโตใส่มันเลย ส่วนมันก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาตอนพูดประโยคนั้นจบ ก่อนผมจะหลุดหัวเราะ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรนอกเหนือจากแกล้งถาม ด้วยอยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ
“แล้ว?”
“แล้วอะไรเล่า! พี่ก็ช่วยธารหน่อยดิ ธารเครียดเนี่ย”
“ช่วยยังไงล่ะครับ” คราวนี้ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบเสียงกระเส่าด้วย ทำให้หน้ามันแดงขึ้นไปอีก
ธารเหลือบมามองผมนิดนึง พลันทิ้งตัวนอนราบไปกับฟูก
“คะ...คิดว่าต้องช่วยยังไงล่ะ”

โอ้โห หน่องธารรร! ไม่เจอกันไม่กี่ชั่วโมง สกิลเซลขายอ้อยพัฒนาขึ้นมาก! ขายอ้อยยกไร่ขนาดนี้ ใจคอจะไม่ให้ช้างเชิ้งได้กินแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวรอแป๊บนะ พี่เหนือไปเอามีดมาตัดอ้อยแป๊บ

หูย...เชื้อเชิญขนาดนี้ ไม่ฟันให้ราบทั้งไร่ไม่ได้แล้ว!

อย่าเรียกว่าฟันให้ราบเลย เรียกว่าถางดีกว่า แสงเหนือผู้ถางไร่อ้อยจนเหี้ยนเตียน คุกเคิกอะไรลืมหมดแล้ว สติสตางค์อะไรก็ไม่มี พุ่งขึ้นไปคร่อมมันไว้ซะงั้น

แม่ครับ... เหนือขอโทษ ประกันตัวเหนือด้วยนะ เด็กมันยั่วจริงๆ ฮือ...

“งั้นวันนี้พี่เหนือรุกนะ” ผมแกล้งว่า ทำเอาธารที่หน้าแดงอยู่เมื่อครู่ผลักผมออกซะเต็มแรง
“ใครมันจะยอมให้บุกวะ อย่ามาสลับหน้าที่นะเว้ย!”
ดีนะที่ไม่หงายหลัง แต่ผงะไปนิดหน่อยเฉยๆ ตั้งหลักได้ก็ลุกขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวมันอีก ว่ากระเง้ากระงอดด้วย
“ก็พี่เหนือจะรุกจริงๆ นี่...รุกขึ้นมารับ”
“นั่นมันลุกปะ แม่ง ใช้ ล.ลิง ร.เรือ ผิดตลอด!” ธารกลับมาหน้าแดงอีกละเมื่อรู้ว่าผมเล่นมุข
“ก็พี่เหนืออยากให้น้องธารอารมณ์ดีนี่นา ทำปากคว่ำอยู่ได้ ไม่น่ารักเลย” ว่าจบ ผมก็ก้มหน้าลงจูบมันเบาๆ “เลิกทำปากคว่ำเนอะ ยิ้มๆ”
“แค่ได้อยู่กับพี่ก็อารมณ์ดีแล้ว ไม่ต้องทำตัวปัญญาอ่อน” ธารหน้าแดงหนัก

ดูๆ แหม ทำเป็นด่า ด่าก็ไม่มองหน้าด้วยเถอะ ทว่าจู่ๆ ผมก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“เอ๊ะ ที่ห้องของน้องธารไม่มีคอมฯ นี่นา แล้วคุณพ่อก็ห้ามใช้โทรศัพท์ด้วย ไปดูบทความมาจากไหนน่ะ”
เท่านั้นแหละ ธารก็ทำหน้าเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ก่อนจะเสียงดังใส่กลบเกลื่อน
“ดะ...ดูมาจากที่ไหนก็ช่างหัวมันเถอะ จะช่วยไม่เนี่ย ถ้าไม่ช่วยจะทำเอง!”

โถ... ไอ้เด็กซึนเอ๊ย จะมาลูกเล่นกับพี่เหนือนี่เร็วไปหลายสิบปีแล้ว

ผมหัวเราะให้กับการโกหกไม่ได้เรื่องของมันเล็กน้อย แล้วผลักอกแกร่งของคนใต้ร่างที่ทำท่าจะลุกขึ้นมาสลับที่ให้นอนลงไปอีกครั้ง ธารทำหน้าสงสัยนิดหน่อย ให้ผมได้พูด
“เดี๋ยวพี่เหนือจัดการเอง อยู่เฉยๆ อยากให้ช่วยไม่ใช่เหรอ”
“อะ...อืม แต่ถ้าไม่ได้เรื่องล่ะก็ ธารจะทำเองนะบอกไว้ก่อน”
คิดว่าคุยอยู่กับใครจ๊ะ นี่แสงเหนือคอลึกเป็นเมตรนะ เดี๋ยวรู้เลยว่าได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่อง
แต่ผมไม่พูดหรอก เดี๋ยวมันโกรธอีก นอกจากโน้มหน้าลงไปจูบมันแผ่วเบาแล้วทวีความดุดัน มือทั้งสองก็ดึงทึ้งเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและของอีกฝ่ายออกให้พ้นทางด้วย

ช่างเป็นการคลายเครียดที่... หอมหวานจริงๆ
 



ก่อนหน้านี้ไอ้ที่บอกว่าเดี๋ยวรู้เลยว่าได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่องน่ะ ผ่านไปชั่วโมงกว่า ผมบอกได้เลย... ได้เรื่อง

กูเนี่ยได้เรื่อง! สะพงสะโพกนี่สะกดคำว่า ‘คราก’ แทบไม่ทันแล้ว

“พอแล้วมั้ย หลายรอบแล้วนะ น่าจะหายเครียดแล้วมั้ง” ผมหลับตาพึมพำหลังจากที่เราเพิ่งจะยุติการคลายเครียดเมื่อครู่ไปหมาดๆ แต่ธารยังเกาะแกะ จูบหลังจูบไหล่ผมที่นอนหันหลังให้อยู่ไม่เลิก
“อีกนิดนึง ใกล้ละ” มันว่าเบาๆ ริมฝีปากหนาก็เลื่อนขึ้นมาจูบหลังต้นคอผม ทำเอาขนลุกชันไปทั้งตัว

สยิวมาก แต่คือไม่ไหวแล้วไง สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงมั้ย พอเถอะ!

“แต่พี่เหนือไม่ไหวแล้วครับ ไว้ค่อยต่อวันหลังนะ” ผมเมิน ดึงผ้าห่มที่คลุมอยู่ช่วงบั้นเอวขึ้นมาปิดตัว ทำเอาธารส่งเสียงจีจ๊ะในลำคอ ก่อนจะจับผมบังคับพลิกตัวมานอนหงาย แล้วขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้
“ไม่ไหวก็นอนเฉยๆ ธารจัดการเอง”

ดูมัน กูกินจนอิ่มแล้วนะอ้อยมึงเนี่ย ไม่ซื้อแล้วก็ยังจะหน้าด้านมาขายอยู่นั่น!

ผมเกือบจะเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้เด็กนี่ทำตามใจแล้ว ถ้าหากว่าตอนที่มันพรมจูบบนหน้าอกผมอยู่ เสียงสั่นเตือนเรียกเข้าของโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นมาซะก่อน
อุตส่าห์ปิดเสียงแล้ว ยังจะหูดีมาได้ยินจนได้!
ใจผมสั่นขึ้นมาเลยด้วยเข้าใจว่าจะเป็นสายของคุณธีที่โทรมาตามธารเพราะเห็นแวบๆ ว่ามีมิสคอลขึ้นเป็นร้อยสาย ทั้งเบอร์พวกเพื่อนมัน เบอร์คุณธี เบอร์คุณเลขาชยุต และเบอร์แปลกที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเบอร์ของป้าริน และที่โทรมานี่ก็คงจะรู้ว่าธารอยู่กับผมแน่

ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะไม่รับ ทว่าพอเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นพี่จอมดื้อ ผมก็ตัดสินใจรับสาย อย่างน้อยพี่จอมดื้อก็ไม่ใช่พวกโหวกเหวกโวยวาย คุยง่ายกว่าคนอื่น ถ้ามีเหตุผลอะไร เขาก็เข้าใจแล้วคงจะวานไปคุยกับคุณธีได้ว่าธารมาหาผมเพราะเครียด แล้วผมก็ขอให้เขาอนุญาตให้ธารอยู่กับผมคืนนึง พรุ่งนี้จะพาไปส่งบ้าน

ทว่าพอผมรับสายปุ๊บ น้ำเสียงร้อนรนของพี่จอมดื้อก็โพล่งขึ้นมาทันที
[เหนือ ไอ้ธารอยู่กับเหนือใช่มั้ย]
“คะ...ครับ”

ไอ้ที่ตั้งใจจะพูดเมื่อกี้หายวับไปกับตาเลย ยิ่งพี่จอมดื้อสบถอะไรสักอย่าง พร้อมกับเสียงโหวกเหวกของคนกลุ่มหนึ่งและเสียงรถหวอดังเข้ามาให้ได้ยิน ผมก็สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ผมเลยรีบชิงถามกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ดื้อ”
[เรื่องใหญ่เลยล่ะเหนือ ตอนนี้คุณธีอยู่โรง’บาล]

บอกผมแล้วก็คุยกับใครอีกก็ไม่รู้ สถานการณ์พอจะเดาได้เลยว่าวุ่นวายพอสมควร แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมใจไม่ดีเท่ากับการได้ยินว่าพ่อของเด็กที่นอนอยู่บนตัวผมเกิดเรื่อง
“คุณธีเป็นอะไรครับ ทำไมถึงอยู่โรง’บาล”
ถามออกไปแล้ว ธารที่รอฟังอยู่ถึงกับย่นคิ้วยู่เมื่อได้ยินชื่อพ่อตัวเอง ก่อนจะยู่หนักขึ้นไปอีกเมื่อผมเปิดโฟนให้ธารฟังด้วย
[ถูกยิง รีบพาไอ้ธารมาด่วนเลยนะเหนือ อาการสาหัสมาก มาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เข้าใจมั้ย]

ธารช็อคไปเลย หน้าซีดเผือด ตัวแข็งค้างจนผมต้องรีบตอบรับพี่จอมดื้อ ลุกขึ้นแต่งตัวด้วยความเร็วแสง ก่อนจะลากธารที่ช็อคอยู่ลุกขึ้นแต่งตัวด้วย แล้วรีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม มุ่งหน้าเข้าเมือง ไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันที

ทำไมมีแต่เรื่องวะ! บ้าเอ๊ย!
---------------------------------------------
เอาล่ะ เฉลยปมหน่องธารแล้ว แต่มาม่ายังไม่จบ มีต่ออีกนิด ใจร่มๆ ฮา
ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะอารมณ์ไหนดีเลยค่ะ แอบตั้งชื่อตอนยากด้วย จับอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน หลายอารมณ์เกิ๊นนน
ปล. ส่งฟีดแบ็กให้ด้วยนะจ๊ะ สงกรานต์นี่อยู่บ้านกันมั้ยเนี่ย เดี๋ยวปั่นตอนใหม่มาเสิร์ฟรัวๆ แต่พรุ่งนี้เอาตัวอย่างไปก่อนนะ XD
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 13-04-2016 01:49:28
สงกรานต์นี่นอนเฉาอยู่บ้านรัวๆเลยค่ะ
ขอน้องธารแก้ช้ำใจหน่อยนะคะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-04-2016 02:15:11
ทำไมเวลามีความสุข ต้องโดนกระชากตกลงมาทุกทีเลยยย น้องธารรรร~~ :hao5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-04-2016 03:29:52
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-04-2016 10:20:42
หลากอารมณ์จริงๆ
แต่พี่เหนือรีบพาธารไปหาพ่อที่โรง'บาลก่อน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 13-04-2016 11:35:26
ครึ่งแรกคะแนนคุณพ่อพุ่งปรี๊ดดดดดด ได้ใจมากค่ะคุณพ่อขา
กดบวกให้คุณพ่อพันแต้ม  :กอด1:
ครึ่งหลังถึงจะมีความหื่นของน้องธารมาแต่จบตอนแบบนี้นี่แทบจิกหัวลากน้องธารของพี่แล้วเหวี่ยงไปรพ.เลยทีเดียว :katai1:
คุณพ่อธีขาของน้องงงงงงงง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-04-2016 11:37:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-04-2016 11:44:45
อ่านแรกๆของตอน ก็ว่า..,เอออออ เหนือมันก็สาระ ธารพึ่งพาได้เว้ย สักพัก..หึหึ อิเหนือหื่นแตก กลับมาแล้ววว แหมะ ไม่ทิ้งคอนเซพต์ 5555  // คุณธีโดนยิง โอกาสนี้อาจทำให้สถานการณ์พ่อลูกดีขึ้น (มั๊ย)  สนุกๆ ค่ะ เรื่องนี้ คนเขียนเก่งมาก ชื่นชม :m24:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 13-04-2016 12:01:24
มาแล้ววววว สนุกสุดๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 13-04-2016 14:13:37
นี่ละน้า อยากขึ้นหลังเสือ ก็ธรรมดาที่จะต้องเจ็บตัว

ธารก็ใจเย็นๆบ้าง ครอบครัวนี้มีแต่ไฟ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-04-2016 14:25:08
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-04-2016 15:13:12
แหม่ๆๆๆๆ  เล่นถางกันจนพง "หมออ้อย"  ดกหนา  เตียนเป็นแถบๆ

55555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 13-04-2016 16:19:27
สนุกมากรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-04-2016 16:35:42
มีแอบแซ่บกันเบาๆคลายเครียด อิๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่21: หนีไปกับธารนะ...♦P.18♦12/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 13-04-2016 18:07:17
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 22
มาแปะไว้ก่อน ช่วงสงกรานต์นี้คงจะอัพตอนใหม่เพิ่มอีกตอน พรุ่งนี้หรือมะรืนก็ยังไม่รู้นะคะ มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละเนอะ //โดนตบ
เรื่องนี้อีก 6 ตอนก็จะจบแล้วค่ะ แต่มีบทส่งท้าย 2 ตอน/ พาร์ทตอนพิเศษที่น้องธารดำเนินเรื่อง 3 ตอน/ ตอนของโรมกับจอมแก่น 1 ตอน/ ตอนของน้องมายด์ 1 ตอน อันนี้จะเอาลงให้อ่านทั้งหมดนะ ถ้าผ่านพิจารณากับ สนพ.ก็จะมีตอนพิเศษเพิ่มอีก 3-4 ตอน (หรือถ้าพิมพ์เองก็จะมีเพิ่มเช่นกันค่ะ)
รออ่านกันเน้อ เจิมแล้วปูเสื่อรอ จับจองที่นั่งไว้ก่อนเลยค่า
----------------------------------------------------

ธารนั่งไหว้อยู่นาน นานจนผมลุกขึ้นไปเสี่ยงเซียมซีก็แล้ว เดินไปเอาใบเซียมซีมาอ่านก็แล้ว เดินวนดูรอบๆ โบสถ์ก็แล้ว มันยังไหว้ไม่เสร็จ ผมเลยคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไปมันที นานๆ จะได้เห็นอะไรแบบนี้ ถ่ายเสร็จแล้วก็จัดการอัพขึ้นเฟซบุ๊ค ให้พวกเพื่อนๆ ได้มาสครีมกันไปตามเรื่องหลังจากที่พวกมันสครีมกับรูปคู่ผมกับธารที่นั่งหันหน้าเข้าหากันบนคาวาซากินินจากันไปยกนึงแล้ว

ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคอมเม้นต์เหน็บระคนอิจฉาจากเพื่อนๆ ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงของธารดังขึ้นตรงหน้า
“ยิ้มบ้าอะไรอยู่”
“ไม่มีอะไรครับ” ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

ธารทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พยักปลายคางเป็นเชิงให้ออกไปข้างนอก ปากก็พูดไปด้วยว่าเดี๋ยวจะพาผมไปเดินเที่ยวรอบๆ วัดเพราะผมเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก

ผมเดินตามไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่มีร้านรวงขายของที่ระลึก ธารบอกว่าเผื่อผมอยากจะซื้ออะไร
ผมน่ะไม่ได้อยากซื้ออะไรหรอก ไม่ได้สนใจจะดูของพวกนั้นด้วย ที่สนใจก็คือ ผมอยากรู้ต่างหากว่าธารขออะไรกับหลวงพ่อ ถึงได้ขอนานเหลือเกิน

“น้องธาร พี่เหนือถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“อะไร” ธารชะงักมือที่กำลังหยิบดาบไม้ของเล่นขึ้นมาดู หันมามองหน้าผม
“เมื่อกี้น้องธารขอพรอะไรจากหลวงพ่อเหรอ ทำไมขอนานจัง” แค่คิดก็ถามเลย

ธารทำหน้ารำคาญ วางดาบไม้ลงที่เดิม ปากก็พูดไปด้วย
“พี่จะรู้ไปทำไม”
“อยากรู้เฉยๆ น่ะว่าขออะไร เผื่อจะเกี่ยวกับพี่เหนือบ้างอะไรบ้าง” ผมแกล้งทำหน้าทะเล้น
ธารเหลือบมองผมด้วยหางตาแล้วว่านิ่งๆ
“ไม่มีอะไร ก็แค่ขอให้พ่อหายดีไวๆ” แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง
“ถ้าไม่ใกล้จะเสียไป คงไม่รู้ว่ารักแค่ไหนเนอะ” ผมหยอก ให้ธารได้เอื้อมมือมาบีบปลายจมูกผมซะเต็มแรง
“พูดมาก ถ้าจะสอนก็หุบปากไปเลย”
“เจ็บๆ!” ผมรั้งมือธารออก บุ้ยปากใส่มันไปที ก่อนจะถามต่อ “แต่ขอแค่นี้เองเหรอ เห็นนั่งตั้งนาน นึกว่าจะขอเยอะ”

ธารเหลือบมองหน้าผมอีกครั้ง พลางปฏิเสธ
“เปล่า”
“เอ้า แล้วขออะไรอีกล่ะครับ บอกพี่เหนือหน่อย”
“บอกแล้วมันจะศักดิ์สิทธิ์มั้ยฮะ ใครเค้าให้บอกกันมั่ง”
“แล้วที่ขอนี่เกี่ยวกับพี่เหนือปะ?”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จะตื๊อทำไมวะ”

ธารกระชากเสียงนิดๆ ฟังก็รู้ว่ารำคาญ แต่เป็นการรำคาญที่เอามากลบเกลื่อนความเขินอาย เห็นหน้าแดงเรื่อของมันนิดๆ ผมก็พอจะเดาได้ว่ามันคงจะขอเรื่องผมเยอะกว่าเรื่องพ่อมันอีก ผมเลยไม่ตอแยต่อ ยื่นมือไปยีผมมันเบาๆ แทน
“โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก เดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์เนอะ ปะ ไปหาข้าวกินกันดีกว่า พี่เหนือเริ่มหิวละ” ผละออกมาได้ ผมก็เปลี่ยนเรื่อง ทำท่าจะเดินนำไป

หากแต่ธารคว้ามือผมเอาไว้ก่อน แล้วจับแน่น
“ถ้าพี่อยากรู้ ธารจะบอกก็ได้”
“เอ้า แล้วเมื่อกี้บอกว่าเดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์?”
“จะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อเว้ย มันอยู่ที่คนต่างหาก ขอพรก็แค่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเฉยๆ ที่พึ่งทางใจน่ะรู้จักมะ แค่นี้ต้องให้สอน”

โหๆ ร่ายยาวเชียว ปากดีเหลือเกิน แล้วเมื่อกี้ใครนะที่ทำท่าไม่อยากบอก

ผมทำปากยื่นใส่นิดหน่อย ก่อนจะถามต่อ
“แล้วตกลงน้องธารขออะไรไป”
ธารนิ่งไปครู่ เสมองไปทางอื่นพลางพูด
“ขอให้พี่เหนืออยู่กับธารนานๆ”

ฟังแล้ว ผมก็หลุดยิ้มกว้างออกมา ขณะที่ธารเริ่มหน้าแดงไปไหนต่อไหน
“แค่นี้?”
“ขอให้พี่รักธารมากๆ”
“แค่นี้ยังรักไม่มากพอ?”
“อยากได้อีก” ประโยคนี้พูดซะเสียงเบา

ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าเปย์ให้มันทุกอย่างและทุกครั้งที่มันมาขายอ้อยนี่ ยังไงผมก็รักมันมากอยู่แล้ว และการที่มันพูดประโยคนี้ ทำให้ผมยิ่งเอ็นดูมันขึ้นไปอีก ยกมือไปดึงแก้มมันไปมาทันใด
“เด็กขี้อ้อน”
“อย่าน่า คนมอง” ธารสะบัดหน้าหนี ผมเลยยอมดึงมือออกแต่โดยดี
“แล้วขออะไรอีก พี่เหนือว่าไม่ใช่แค่นี้แน่”
“อือ ก็ขอให้พี่เลิกแรด”
“ฮะ?” ทำท่าเหมือนไม่เชื่อหู แต่ก็ต้องเชื่อเมื่อมันย้ำมาอีก
“พี่จะได้เลิกไปยุ่งกับคนอื่นแบบถาวรซะที ลดๆ ไปบ้างความแรดน่ะ”

ด่าขนาดนี้ ต่อยกูเลยมั้ยจะได้สบายใจ!?

“คร้าบๆ เลิกแล้ว แล้วขออะไรอีก” ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถามต่อ
“ขอให้พี่มองแต่ธารคนเดียว มีธารในใจแค่คนเดียว คิดถึงแต่ธารคนเดียว” คราวนี้ธารตอบมาเป็นประโยคยาว

ผมนิ่งไปทันที ก่อนจะยิ้มกว้างเห็นฟันทันทีที่เห็นหน้าหล่อแดงเรื่อนั้นแดงมากขึ้นจนไม่เหลือพื้นที่ให้สีเนื้อ

ดีใจ... ดีใจโคตรๆ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นทุกอย่างของคนตรงหน้า แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองว่าเด็กนี่คิดถึงแต่ผม ผมก็อดดีใจไม่ได้ ทว่าก็เก็บอาการ หยอกมันไปอีก

“ฮั่นแน่ ขอเกี่ยวกับพี่เหนือมากขนาดนี้ แสดงว่าคิดอะไรกับพี่เหนืออยู่ใช่มะ”
ธารมองผมด้วยสายตายากจะอ่าน ริมฝีปากเม้มแน่นอยู่ขณะหนึ่ง ก่อนจะคลายตัวออกจากกัน เอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา
“แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าธารรักพี่แค่ไหน งี่เง่า”

ระ...รัก

นะ...น้องธาร กลับบ้าน... กลับบ้านเดี๋ยวนี้! ไปบอกรักพี่เหนือบนเตียงเถอะนะ

โหย มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าโคตรน่ารักเลย น่ารักจนอยากจะลากมันไปหาห้องพักรายวันแถวนี้แวะก่อนกลับบ้าน ไอ้บุญที่ทำมาเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นบาปทันตา

แสงเหนือเอ๊ย ตกนรกหมกไหม้แท้ๆ...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 13-04-2016 18:17:44
อ๊ายยน้องธารโคตรน่ารักเลยฮือออออ
จะเอาอ่ะ จะเอาๆๆๆ
รอฉบับเต็มค่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 13-04-2016 19:14:30
รออ่านนนน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-04-2016 13:17:41
หาเช่าที่พักรายวัน ทันที ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-04-2016 19:52:47
5555555 โอย ขำตอนเก็บกระเป๋า
อิพี่เหนือเอ๊ยยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: โชกุน ที่ 14-04-2016 22:09:48
บางทีเพื่อนบางคนเลิกคบแล้วชีวิตเจริญ ก็้ลิกไปเถอะนะธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-04-2016 01:00:45
ชั่งใจ ครั้งที่ 22: ธารรักพี่เหนือนะครับ[1]

ผมมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เป็นคนกึ่งลากกึ่งจูงธารไปที่ห้องฉุกเฉินอีกเพราะตอนนี้มันช็อคเกินกว่าจะตั้งสติได้ว่าควรทำอะไรเป็นอย่างแรกแล้ว แต่พอมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ปรากฏว่าคุณธีไม่อยู่ มีแต่พี่จอมดื้อที่ยืนรอผมอยู่พร้อมกับป้ารินที่มีสีหน้าตระหนก
พอเห็นหน้าธารได้ ป้ารินก็วิ่งเข้ามาโผกอดธารแน่น
“คุณหนู...คุณหนูทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
ผมว่าคนที่ควรจะทำใจดีๆ คือป้ารินมากกว่า ธารมันหน้าซีดเผือดก็จริง แต่คนที่ตื่นตูมยิ่งกว่าใครคือคนพูดต่างหาก
“คุณธีเป็นไงบ้างครับพี่ดื้อ” ผมเมินสองคนนั้นหันมามองพี่จอมดื้อ
เขามีสีหน้าไม่ดีนัก ก่อนตอบเร็วๆ
“ถูกยิงเข้าที่ลำตัวหลายนัดเลย ได้ยินแว่วๆ จากหมอว่าโดนไปสามนัด ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัด คุณชยุตตามไปแล้ว เดี๋ยวเราไปกันเถอะ”
พูดจบก็เดินนำไปทันที ผมเลยหันไปลากธารให้เดินตามไปด้วย ขณะเดิน ปากก็ร้องถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
“แล้วคุณธีไปโดนยิงได้ไง”
“คนที่เห็นเหตุการณ์เป็นพนักงานในร้านคอฟฟีช็อปนะ เห็นบอกว่าคนร้ายมีสองคน จอดมอเตอร์ไซค์รอคุณธีอยู่นานแล้ว พอคุณธีออกจากร้านหลังจากแยกกับเหนือได้ชั่วโมงกว่าๆ พวกนั้นก็ขี่รถมาจอดหน้าร้าน แล้วก็ชักปืนมายิง เหมือนรอโอกาสอยู่แล้ว”

ผมใจหายวูบเลย ไม่สงสัยว่าพี่จอมดื้อรู้ได้ไงว่าผมอยู่กับคุณธี คงจะเป็นพนักงานร้านบอกรูปพรรณสัณฐานผมน่ะว่าก่อนหน้านี้คุณธีอยู่กับใคร แต่กลับรู้สึกราวตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณธีถูกยิงยังไงก็ไม่รู้ ถ้าผมไม่ชวนเขาออกมาคุยเรื่องธาร เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

หากแต่ผมสะกดกลั้นความรู้สึกผิดลงไป ออกปากถามต่อ
“ใครเป็นคนยิง รู้มั้ยครับ”
“ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นศัตรูคู่แข่งการเมืองนะ พนักงานร้านจำป้ายทะเบียนกับลักษณะรถคนร้ายได้ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามตัวอยู่ เหนืออย่าเพิ่งไปห่วงเรื่องนั้น รีบไปที่ห้องผ่าตัดก่อนดีกว่า”

ผมเลยไม่ถามต่อ รีบเดินตามพี่จอมดื้อไปติดๆ กระทั่งถึงยังห้องผ่าตัดที่มีคุณชยุตยืนกอดอกรออยู่ด้านหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก และทันทีที่เห็นผมกับธาร คุณชยุตก็รีบเดินเข้ามาหาธารทันที
“ตอนนี้ยังไม่รู้อาการคุณธีนะครับ คุณหนูใจเย็นๆ ก่อน”

นี่ก็อีกคน ตระหนกมากกว่าธารอีก ขณะที่ธารยังช็อคไม่เลิก ป้ารินก็ร้องไห้ไม่เลิกเช่นกัน จนผมต้องกระซิบบอกพี่จอมดื้อให้ไปปลอบแกก่อน ไม่งั้นจะทำให้ธารจิตตกไปมากกว่าเดิม ก่อนผมจะเดินไปจับมือธารแน่น บีบเบาๆ ให้รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้

ธารไม่มองผมเลยด้วยซ้ำ สายตากลัดกลุ้มจ้องมองที่ประตูห้องผ่าตัดตลอดเวลา หน้าก็ซีดเผือด ริมฝีปากแห้งผากจนผมเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ขอร้องให้คุณชยุตซื้อน้ำมาให้ธารดื่ม ทว่าธารก็ไม่แตะ เอาแต่เงียบ และยืนนิ่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดเป็นชั่วโมงๆ

จากตอนแรกที่ผมยืนอยู่ข้างธาร ตอนนี้ก็ชักจะเมื่อยขา ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวแถวๆ นั้น รอการกลับออกมาของหมอผู้ดำเนินการผ่าตัดอย่างใจจดจ่อ ความอ่อนล้าและความกังวลในความปลอดภัยของคุณธีทำให้ร่างกายผมเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน เปลือกตาผมเริ่มหนักอึ้งจนผมต้องปิดตาลงเพื่อพักสายตา หากแต่ทำได้เพียงครู่เดียว ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ บนเก้าอี้ข้างๆ

ธารนั่นเอง...

ผมหันไปมองก็เห็นว่าธารมองผมอยู่พอดี สายตาของธารในเวลานี้อ่านไม่ออกจริงๆ ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามันคงจะเป็นห่วงพ่อมันไม่น้อย และผมก็ไม่ต้องถามให้เสียเวลา เพราะมองมันได้เพียงครู่เดียว ธารก็โผเข้ามาสวมกอดผมแน่น

“ธารไม่ไหวแล้วพี่” เสียงสั่นเครือหลุดออกจากริมฝีปากหนาแผ่วเบา
ผมยกมือขึ้นโอบกอดตอบ พึมพำปลอบใจไปด้วย
“คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่เหนือ น้องธารไม่ต้องกลัว พี่เหนืออยู่นี่นะ”
คือสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในเวลาอย่างนี้แล้วล่ะ

ธารกอดผมอยู่อย่างนั้นกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุด การรอคอยอันแสนทรมานก็สิ้นสุดลงเมื่อหมอโผล่หน้าออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับเตียงคนไข้ที่มีร่างคุณธีนอนไม่ได้สติอยู่ ดูเหมือนกำลังจะพาย้ายไปที่ห้องอื่น
“ใครเป็นญาติคนไข้ครับ” เสียงของหมอดังขึ้น
เท่านั้นธารก็ผละออกจากผม ลุกพรวดขึ้นไปตรงหน้าหมอทันที
“ผมเป็นลูกชายเขาครับ” ธารว่าอย่างร้อนรน สีหน้าดูแย่กว่าเดิมอีก ผมเลยต้องลุกขึ้นมาประกบมันไว้ ด้วยกลัวว่ามันจะช็อคไปอีกรอบ

หากแต่ไม่ รอยยิ้มบนใบหน้าเหี่ยวย่นและเหนื่อยอ่อนของหมอหลังจากหมกตัวอยู่ในห้องผ่าตัดมานานหลายชั่วโมงทำให้ความกังวลในตอนแรกอันตรธานหายไปเกือบหมด
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ มีกระสุนฝังในร่างสามนัด แต่ไม่โดนจุดสำคัญ ตอนนี้หมอผ่ากระสุนออกให้หมดแล้ว ที่เหลือก็รอให้อาการคนไข้ดีขึ้น แต่อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของหมอที่โรง’บาลนานหน่อยนะครับ เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพิเศษที่ทางญาติขอไว้ สบายใจได้แล้วครับ”
ธารเงยหน้าขึ้นมองเพดาน พ่นลมหายใจยาว สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นทันตา
“แล้วนี่ผมจะเข้าเยี่ยมพ่อได้มั้ย”
“ได้สิครับ แต่อย่ารบกวนคนไข้มากนะ ปล่อยให้เขาพักผ่อนก่อน ไว้รู้สึกตัว อาการดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ค่อยว่ากัน”
ธารเอ่ยขอบคุณสั้นๆ ไม่แปลกใจด้วยว่าใครเป็นคนจองห้องพิเศษ

ก็จะใครล่ะนอกจากคุณเลขาขยุต แต่ธารไม่สนใจแล้ว เดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงไปติดๆ ผ่านหน้าพี่จอมดื้อกับป้ารินโดยไม่สนใจจะมองสองคนนั้นด้วย คุณชยุตเลยต้องบอกให้พี่จอมดื้อกับป้ารินเดินตามมา พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าอาการของคุณธีเป็นยังไง หากแต่ป้ารินไม่สามารถคลายความกังวลได้เลย ยิ่งฟังก็ยิ่งร้องไห้แม้ว่าคุณธีจะปลอดภัยแล้ว คุณชยุตเลยเสนอให้พี่จอมดื้อพาป้ารินกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรบกวนคุณธีหากตามเข้าไปที่ห้องพักด้วย อีกทั้งจะทำให้ธารกังวลใจหนักกว่าเดิม พี่จอมดื้อเห็นดีด้วยจึงทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข ปล่อยให้ผม ธาร กับคุณชยุตตามคุณธีไปเท่านั้น



 
เรามาหยุดยืนหน้าห้องพักพิเศษ รอให้บุรุษพยาบาลและพยาบาลจัดอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่ ถึงทยอยเข้าไปด้านใน เว้นก็แต่คุณชยุตที่ต้องไปเป็นตัวแทนคุยกับตำรวจเรื่องการตามจับคนร้ายที่แวะมาประสานงานกับคุณชยุตถึงที่โรงพยาบาล ได้ยินแว่วๆ ว่าตอนนี้ตำรวจสกัดจับคนที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เห็นว่าที่ตามจับได้เร็วเป็นเพราะคุณธีเป็นคนใหญ่คนโตของจังหวัด ขั้นตอนทุกอย่างเลยเป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งบริเวณหน้าและในร้านคอฟฟีช็อปก็มีกล้องวงจรปิด จึงสะดวกต่อการตามหาตัว

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าทันทีที่ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง ธารก็เดินไปหยุดตรงหน้าเตียงที่มีร่างพ่อนอนหลับตาสนิทอยู่ สภาพเนื้อตัวมีผ้าพันแผลปิดและมีท่ออ็อกซิเจนต่อเพื่อช่วยหายใจทำให้ธารตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลใจว่าควรจะเข้าไปปลอบมันดีมั้ย แต่แล้วความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อเสียงของธารดังขึ้นมา
“พะ...พ่อ”

น้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ซึ่งใช่... ร้องไห้ ครู่เดียวเท่านั้น น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลอาบหน้าธารเป็นสาย

“พ่ออย่าทิ้งธารไปนะ... อย่าเป็นอะไรนะพ่อ”
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินธารเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อกับคุณธี ปกติได้ยินแทนตัวเองว่า ‘ผม’ ตลอด ผมเลยรู้เอาในตอนนี้ว่าลึกๆ แล้ว ถึงสองพ่อลูกนี้จะไม่ลงรอยกัน แต่ทั้งคู่ก็ผูกพันและรักกันมาก

มากจนไม่มีใครอยากเสียใครไป...

ผมเลยไม่เดินเข้าไป ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ มองดูการกระทำของธารแทน
ธารเดินไปหยุดข้างเตียงพ่อ ยื่นมือไปจับมือหนาที่มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ พูดประโยคเดียวไม่เลิก
“พ่อ... ตื่นขึ้นมาได้แล้ว”
ผมได้ยินแต่ประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... มีประโยคใหม่โผล่ขึ้นมานิดหน่อย
“อย่าทิ้งธารไปนะ ไม่มีพ่อ ธารจะอยู่ยังไง”

ผมฟังมันพึมพำวนไปวนมา จนคิดว่าถ้าปล่อยให้มันพูดต่อ ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นลมล้มพับไปก็ได้ ทั้งร้องไห้ ทั้งพึมพำไม่หยุดอย่างนี้ แถมร่างกายยังอ่อนเพลีย เข้าไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน
“น้องธาร ไปพักก่อนนะครับ ไว้คุณพ่อตื่นแล้วค่อยคุยนะ คุณหมอบอกแล้วนี่นาว่าอย่ารบกวนคุณพ่อมาก ให้คุณพ่อพักก่อนเนอะ” พยายามลากมันให้มานั่งที่โซฟาพลางโอ๋มันไปด้วย

ธารฟัง ทำท่าจะผละออกมา หากแต่มือใหญ่ของคุณธีที่ถูกลูกชายจับอยู่ก็ขยับเบาๆ เสียก่อน ทำเอาทั้งธารทั้งผมหยุดชะงัก ก่อนคุณธีจะปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย แค่นเสียงแหบแห้งออกมา
“แกเป็นเด็กอนุบาลหรือไง มาร้องเรียกพ่อๆ อยู่ได้ คนจะนอน”
“พ่อ!” คราวนี้ธารถึงกับโพล่งเสียงดัง น้ำตาที่เหือดหายไปแล้วไหลออกมาอีก ทว่าไม่โผเข้ากอดคุณธี เอาแต่ยืนมองอยู่ที่เดิม ขณะที่คุณธีเผยอยิ้มเล็กน้อย
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า” พูดไปก็สั่นไป น่าจะเป็นผลจากยาสลบที่ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำ
ธารหัวเราะทั้งน้ำตา ตรงเข้าไปกระชับผ้าห่มคลุมร่างหนาให้แน่นขึ้น พลางค่อนแคะพ่อตัวเอง
“ตาแก่หนังเหนียว”

มันใช่คำที่แสดงถึงความดีใจตอนพ่อฟื้นขึ้นมามั้ย!?

แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรมันหรอก ดีแล้วล่ะที่มันยิ้มออก เพราะคุณธีก็ยิ้มกับประโยคนั้นเช่นกัน ก่อนเขาจะหลับตาลงอีกครั้ง ขยับริมฝีปากเบาๆ
“ตราบใดที่ส่งแกขึ้นฝั่งไม่ได้ จะไม่ยอมตายเด็ดขาด”
เป็นประโยคที่ฟังแล้วเหมือนจะเตือนไว้ว่าถ้าเขาหายดีเมื่อไหร่ จะกลับมาบงการชีวิตของธารอีกแน่ แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นประโยคบอกรักตามสไตล์ของพ่อลูกคู่นี้
“นอนไปเลยไป พูดมากอยู่ได้”

อืม...สไตล์ของพ่อลูกคู่นี้จริงๆ

ธารเองก็หัวเราะในลำคอกับประโยคนั้น คลายมือออกจากพ่อ ถอยกลับมานั่งที่โซฟาพร้อมลากผมมานั่งด้วย คุณธีตะแคงใบหน้ามามองธารนิดหน่อย ยิ้มให้แล้วหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ปล่อยให้ธารนั่งเท้าคาง มองพ่อตัวเองด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนแรกอยู่โข
“คุณพ่อไม่เป็นไรแล้ว สบายใจได้แล้วเนอะ”
“อืม” มันขานรับเบาๆ
ผมเลยไม่พูดอะไรต่อ ยกมือขึ้นแตะไหล่มันแล้วนั่งดูคุณธีนอนหลับไปกับมันด้วย ขณะเดียวกันผมก็แอบลอบยิ้มออกมา
ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณธีจะเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์บางๆ ของพ่อลูกคู่นี้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมก็ไม่รู้ บางทีเหตุการณ์นี้อาจจะทำให้ทั้งคู่หันหน้ามาคุยกันมากขึ้นก็ได้...
 



พักรักษาตัวอยู่หลายวัน อาการบาดเจ็บของคุณธีก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ คนร้ายที่ลอบยิงคุณธีก็ถูกตำรวจรวบตัวได้ตั้งแต่วันแรกที่คุณธีถูกยิง ซ้ำยังสาวไปถึงตัวคนบงการได้ภายในไม่กี่วันให้หลังด้วย ซ้ำยังสาวไปถึงคดีเก่าที่เป็นคดีจ้างวานเอาชีวิตคุณธีจนแม่ของธารถูกลูกหลงเสียชีวิตอีก เพียงแต่ตอนนั้นไม่มีหลักฐานมัดตัวและจับคนร้ายไม่ได้อย่างนี้ มือปืนทั้งสองเลยรับโทษกันไปตามระเบียบ ส่วนคนจ้างวานก็อย่างที่คาดการณ์กันว่าเป็นคู่แข่งทางการเมืองของคุณธี รายนั้นก็ยื่นประกันตัว รอไปต่อสู้คดีในชั้นศาลหลังจากคุณธีออกจากโรงพยาบาลแล้วไปตามระเบียบ

ถึงเรื่องจะยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ แต่ก็ยังดีที่จับตัวคนร้ายได้ และดียิ่งกว่าที่ผมได้เห็นธารกับพ่อเริ่มพูดคุยกันมากขึ้นอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

“ฉันไม่กินผักกาดดอง”
“หรือพ่อจะเอาข้าวต้มคลุกน้ำปลา เรื่องมากจริง กินๆ ไปเถอะ”

คุยกันมากขึ้นนี่ ดูท่าจะออกแนวทะเลาะกันแฮะ ทะเลาะกันทุกมื้ออาหารเลยก็ว่าได้ ประเด็นก็คือคุณธีดื้อ ไม่ยอมกินอาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดมาให้ด้วยเหตุผลว่ามันไม่น่ากิน

ก็แน่ล่ะ เกือบทุกมื้อมีแต่ข้าวต้มชืดๆ ผักกาดดองแล้วก็พวกปลากรอบอะไรเทือกนี้ อยากกินก็แปลกแล้ว

“ตกลงพ่อจะกินมั้ยเนี่ย” ธารที่รับหน้าที่ป้อนข้าวให้พ่อชักหัวเสียเมื่อเห็นคนอาวุโสกว่าเรื่องมาก นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน ชูช้อนที่ตักข้าวต้มร้อนๆ จนพูนจ่อไปตรงหน้าพ่อ
“กิน แต่แกเอาผักกาดดองออกก่อน ฉันไม่ชอบ”
“กินไปเหอะพ่อ ก็แค่ผักกาดดองมั้ย ถ้าไม่กินก็ไม่มีอะไรให้กินแล้วนะ หรือพ่อจะกินไข่เจียวไหม้ๆ นี่” ว่าพลางบุ้ยปากไปยังซีกไข่เจียวแห้งๆ ที่ข้างหนึ่งมีรอยไหม้เป็นแถบ
คุณธีย่นคิ้ว ก่อนว่าเสียงแข็งน้อยๆ
“เอาผักกาดดองออก”
“งั้นพ่อก็กินข้าวต้มเปล่าแล้วกัน”
“เออ เอาออก”

ธารส่งเสียงจึ๊ในลำคอ ยอมเขี่ยผักกาดดองออกให้ ก่อนจะป้อนคุณธีด้วยสีหน้ามึนตึง คุณธีก็มึนตึง ตึงกันทั้งพ่อทั้งลูก แต่ภาพนั้นกลับทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา
“เรื่องมาก ไม่กินผักเหมือนใครบางคนไม่มีผิด”

มาหุบยิ้มเอาก็ตอนถูกมันแซะแบบไม่ทันตั้งตัวเนี่ย
กินเว้ย! ไม่ใช่ไม่กิน แค่ไม่กินแตงกวาเท่านั้นเอง!

ตอนนี้ผมบุ้ยปากใส่มันบ้างละ ธารก็ไม่ได้สนใจผมมากนัก ป้อนข้าวพ่อไปเงียบๆ อย่างทุกวัน กระทั่งเสร็จสิ้นถึงได้ลุกมานั่งข้างผม

และการป้อนข้าวพ่อก็กลายเป็นหน้าที่ เป็นกิจวัตรประจำวันของธารไปแล้ว นอกเหนือจากนั้น การพบนักจิตวิทยาเพื่อทำการบำบัดครอบครัวก็กลายเป็นอีกหน้าที่และกิจวัตรหนึ่งของธารเช่นกัน

ตอนแรกมันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมจะต้องพบนักจิตวิทยาด้วย มีอาการต่อต้านและโวยวายเล็กๆ ทว่าพอผมอธิบายว่าเป็นวิธีที่ทำให้มันกับพ่อได้เข้าใจกันมากขึ้น มันก็เลยยอมให้ความร่วมมือ ถึงการทำการบำบัดแต่ละขั้นตอนจะเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะทั้งคุณธี ทั้งธาร ต่างเผลอแสดงกิริยาแข็งๆ เข้าใส่กัน แต่ผ่านไปหลายครั้งเข้า บรรยากาศระหว่างชายต่างวัยคู่นี้ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

ดีขึ้น... ถึงขนาดเด็กนั่นกล้าพูดว่า...

“พ่อ... เรื่องแม่น่ะ คือ...ธารขอโทษนะที่โทษพ่อมาตลอด”

ผมแอบได้ยินตอนจะเดินเข้าห้องพักของคุณธีหลังจากที่นักจิตวิยาที่เข้ามาทำครอบครัวบำบัดให้ทั้งสองคนออกไปจากห้อง เลยหยุดยืนอยู่หน้าประตู แง้มเข้าไปมองนิดนึงว่าทั้งคู่ทำอะไรกัน
คุณธีก็ไม่พูดอะไร มองหน้าลูกชายอยู่ครู่หนึ่งถึงอ้าแขนทั้งสองข้างออก แล้วเด็กนั่นก็โผเข้ากอดพ่อ

อา... ช่างเป็นภาพที่น่าถ่ายรูปไว้แล้วอัดใส่กรอบแขวนผนังบ้านมันจริงๆ

กอดกันอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็ผละกันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ผมที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปก็ตัดสินใจถอยออกมา
ปล่อยให้พ่อลูกเค้าใช้เวลาอยู่ด้วยกันหน่อยแล้วกัน
 



หลายวันผ่านไป อาการของคุณธีดีขึ้นกว่าเดิมจนเดินเหินเองได้ แต่ก็ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เพราะยังไม่หายดี ส่วนคดีของธารที่ยังค้างคาอยู่ก็เป็นอันว่าเคลียร์แล้ว ธารไร้ความผิดติดตัวโดยสิ้นเชิง แต่ก็ต้องว่ากันตามตรงว่ามีประวัติเสียนิดหน่อยในเรื่องตีกัน ทว่าสุดท้ายก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปเรียนตามปกติ หากแต่ยังต้องอยู่บ้านตามคำสั่งของคุณธี
และเพราะมันถูกสั่งให้อยู่บ้านภายใต้ความดูแลของป้าริน มันก็เลยลากผมไปอยู่บ้านมันด้วยอีกคน อ้างกับพ่อมันว่าจะได้มีคนคุมความประพฤติเพิ่ม แล้วคุณธีตกลงมั้ย... ไม่เหลือ ถึงจะรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อกับลูกชายตัวเอง แต่ด้วยความที่ธารไว้ใจผม และภายนอก ผมดูเหมือนเป็นคนพึ่งได้ เลยตกปากรับคำแต่โดยดี

ถามว่าพึ่งได้จริงมั้ย... จริง!
จะดูแลลูกชายคุณพ่อไปทุกซอกทุกมุมเลยครับ สัญญา...

หลังจากนั้นผมก็ย้ายออกจากหอมาอยู่บ้านมันโดยสมบูรณ์ ฟีลเหมือนแต่งเข้าบ้านมันชัดๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมได้เห็นเด็กนั่นในมุมใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... การตื่นมาทำอาหารเช้าให้ผมกินก่อนจะไปเรียน ไม่ไปเรียนก็ทำให้ เสาร์-อาทิตย์ก็ไม่ขาด ตื่นมาทีไร เบรคฟาสต์อินเบดทุกที

อื้อหือ... คุณพ่อบ้าน พ่อศรีเรือน ถ้าจะมีเสน่ห์ปลายจวักขนาดนี้ พี่เหนือว่ามาสลับตำแหน่งกันเถอะ จะได้ไม่สับสนนะ

แต่อย่าไปถามเลย เดี๋ยวมันเอากระทะฟาดหน้าเข้าให้ ความจริงอาหารที่มันทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรด้วย ก็แค่ไข่เจียว ไข่ดาว แล้วก็ไข่ต้ม โปะขนมปังปิ้งนิด เหยาะซอสถั่วเหลืองหน่อย บางวันก็ซอสพริก แล้วแต่อารมณ์มัน...แม่ง ทำเป็นอยู่แค่นั้น ดีหน่อยที่วันนี้วันเสาร์ ป้ารินไปซื้อของจากตลาดเช้าเข้าบ้านทุกวันนี้พอดี เลยมีไส้กรอกทอดเพิ่มเข้ามาในเมนูอาหารอีกหนึ่งอย่าง

แต่ไอ้นี่มันก็กินวันเว้นวันหรือเปล่าวะ!? กินจนเริ่มสงสัยแล้วเนี่ยว่าที่มันทอดไส้กรอกให้กินบ่อยๆ เป็นเพราะคิดอะไรทะลึ่งอยู่หรือเปล่า มีนัยยะล่ะสินะ

ทว่าผมก็ไม่ถามมันหรอก แค่มองอาหารเช้าในจานที่มันเอามาวางบนโต๊ะตรงหน้าหลังจากผมอาบน้ำแปรงฟันลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวในครัวก็เลี่ยนแล้ว
“เป็นไรพี่ กินทุกวันแค่นี้เบื่อเหรอ” เห็นผมเอาแต่จ้องของกินในจานก็ถามเสียงเรียบ ขณะที่ตัวเองถอดผ้ากันเปื้อนไปด้วย

ดูมัน... ดูมัน! ยังมีหน้ามาถามอีก!

“ถ้าเบื่อก็มีปลากระป๋องนะ เอามะ” ไม่พูดเปล่า ทำท่าจะไปหยิบปลากระป๋องจากชั้นเก็บของเหนือเคาน์เตอร์มาเทใส่จานให้ผมด้วย ดีนะผมเบรกไว้ได้ทัน
“ไม่เอาดีกว่าครับ แค่นี้พี่เหนือก็อิ่มแล้ว เดี๋ยวเราไปกินกันต่อข้างนอกก็ได้”

ไอ้ปลากระป๋องนี่ก็กินเกือบทุกวันเถอะ กินจนได้รับแคลเซียมเกินพอดีแล้ว

ธารชะงักไป เก็บปลากระป๋องเข้าที่เดิมพลางว่า
“งั้นก็รีบกิน จะได้รีบไปแต่เช้า วันนี้วันเสาร์ คนไปไหว้หลวงพ่อเยอะ”
วันนี้ผมนัดกับมันว่าจะไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่น่ะ พอดีเมื่อวานก่อน ผมบอกมันว่าตั้งแต่อยู่พิษณุโลก ยังไม่เคยไปไหว้หลวงพ่อเลย มันเลยอาสาจะพาไปโดยอ้างว่าจะไปทำบุญ แล้วก็ขอพรให้พ่อมันหายไวๆ ด้วย
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ตัวอย่าง♦P.18♦13/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-04-2016 01:01:35
ชั่งใจ ครั้งที่ 22: ธารรักพี่เหนือนะครับ[2]

จัดการกับอาหารเช้าได้ไม่นานนัก ธารก็พาผมซ้อนคาวาซากินินจา มุ่งหน้าไปยังที่หมายทันใด ช่วงเช้านี้คนไม่เยอะเท่าไหร่นัก อากาศเย็นกำลังสบาย ผมเลยเดินดูโน่นดูนี่หน้าโบสถ์ไปเรื่อย ขณะที่ธารไปบูชาดอกไม้ธูปเทียนมาให้ผม
“ไปไหว้ตรงนั้นก่อน แล้วค่อยเข้าไปไหว้หลวงพ่อในโบสถ์ ข้างในเค้าไม่ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนเข้าไป ไปนั่งไหว้เฉยๆ ได้อย่างเดียว” มันร่ายยาว
ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก เดินไปไหว้พระพุทธรูปที่อยู่หน้าโบสถ์ ไหว้เสร็จก็เดินมาหาธารที่ยืนอยู่เข้าไปข้างในโบสถ์ พอเข้ามาได้ เราทั้งคู่ก็ต่างไหว้ขอพรหลวงพ่อกันไปตามประสา

ธารนั่งไหว้อยู่นาน นานจนผมลุกขึ้นไปเสี่ยงเซียมซีก็แล้ว เดินไปเอาใบเซียมซีมาอ่านก็แล้ว เดินวนดูรอบๆ โบสถ์ก็แล้ว มันยังไหว้ไม่เสร็จ ผมเลยคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันไปที นานๆ จะได้เห็นอะไรแบบนี้ ถ่ายเสร็จแล้วก็จัดการอัพขึ้นเฟซบุ๊ค ให้พวกเพื่อนๆ ได้มาสครีมกันไปตามเรื่องหลังจากที่พวกมันสครีมกับรูปคู่ผมกับธารที่นั่งหันหน้าเข้าหากันบนคาวาซากินินจากันไปยกนึงเป็นที่เรียบร้อย
ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคอมเม้นต์เหน็บระคนอิจฉาจากเพื่อนๆ ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงของธารดังขึ้นตรงหน้า
“ยิ้มบ้าอะไรอยู่”
“ไม่มีอะไรครับ” ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

ธารทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พยักปลายคางเป็นเชิงให้ออกไปข้างนอก ปากก็พูดไปด้วยว่าเดี๋ยวจะพาผมไปเดินเที่ยวรอบๆ วัดเพราะผมเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ผมเดินตามไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่มีร้านรวงขายของที่ระลึก ธารบอกว่าเผื่อผมอยากจะซื้ออะไร
ผมน่ะไม่ได้อยากซื้ออะไรหรอก ไม่ได้สนใจจะดูของพวกนั้นด้วย ที่สนใจก็คือ ผมอยากรู้ต่างหากว่าธารขออะไรกับหลวงพ่อ ถึงได้ขอนานเหลือเกิน

“น้องธาร พี่เหนือถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“อะไร” ธารชะงักมือที่กำลังหยิบดาบไม้ของเล่นขึ้นมาดู หันมามองหน้าผม
“เมื่อกี้น้องธารขอพรอะไรจากหลวงพ่อเหรอ ทำไมขอนานจัง” แค่คิดก็ถามเลย
ธารทำหน้ารำคาญ วางดาบไม้ลงที่เดิม ปากก็พูดไปด้วย
“พี่จะรู้ไปทำไม”
“อยากรู้เฉยๆ น่ะว่าขออะไร เผื่อจะเกี่ยวกับพี่เหนือบ้างอะไรบ้าง” ผมแกล้งทำหน้าทะเล้น

ธารเหลือบมองผมด้วยหางตาแล้วว่านิ่งๆ
“ไม่มีอะไร ก็แค่ขอให้พ่อหายดีไวๆ” แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง
“ถ้าไม่ใกล้จะเสียไป คงไม่รู้ว่ารักแค่ไหนเนอะ” ผมหยอก ให้ธารได้เอื้อมมือมาบีบปลายจมูกผมซะเต็มแรง
“พูดมาก ถ้าจะสอนก็หุบปากไปเลย”
“เจ็บๆ!” ผมรั้งมือธารออก บุ้ยปากใส่มันไปที ก่อนจะถามต่อ “แต่ขอแค่นี้เองเหรอ เห็นนั่งตั้งนาน นึกว่าจะขอเยอะ”

ธารเหลือบมองหน้าผมอีกครั้ง พลางปฏิเสธ
“เปล่า”
“เอ้า แล้วขออะไรอีกล่ะครับ บอกพี่เหนือหน่อย”
“บอกแล้วมันจะศักดิ์สิทธิ์มั้ยฮะ ใครเค้าให้บอกกันมั่ง”
“แล้วที่ขอนี่เกี่ยวกับพี่เหนือปะ?”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จะตื๊อทำไมวะ”
ธารกระชากเสียงนิดๆ ฟังก็รู้ว่ารำคาญ แต่เป็นการรำคาญที่เอามากลบเกลื่อนความเขินอาย เห็นหน้าแดงเรื่อของมันนิดๆ ผมก็พอจะเดาได้ว่ามันคงจะขอเรื่องผมเยอะกว่าเรื่องพ่อมันอีก ผมเลยไม่ตอแยต่อ ยื่นมือไปยีผมมันเบาๆ แทน

“โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก เดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์เนอะ ปะ ไปหาข้าวกินกันดีกว่า พี่เหนือเริ่มหิวละ” ผละออกมาได้ ผมก็เปลี่ยนเรื่อง ทำท่าจะเดินนำไป
หากแต่ธารคว้ามือผมเอาไว้ก่อน แล้วจับแน่น
“ถ้าพี่อยากรู้ ธารจะบอกก็ได้”
“เอ้า แล้วเมื่อกี้บอกว่าเดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์?”
“จะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อเว้ย มันอยู่ที่คนต่างหาก ขอพรก็แค่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเฉยๆ ที่พึ่งทางใจน่ะรู้จักมะ แค่นี้ต้องให้สอน”

โหๆ ร่ายยาวเชียว ปากดีเหลือเกิน แล้วเมื่อกี้ใครนะที่ทำท่าไม่อยากบอก

ผมทำปากยื่นใส่นิดหน่อย ก่อนจะถามต่อ
“แล้วตกลงน้องธารขออะไรไป”
ธารนิ่งไปครู่ เสมองไปทางอื่นพลางพูด
“ขอให้พี่เหนืออยู่กับธารนานๆ”
ฟังแล้ว ผมก็หลุดยิ้มกว้างออกมา ขณะที่ธารเริ่มหน้าแดงไปไหนต่อไหน
“แค่นี้?”
“ขอให้พี่รักธารมากๆ”
“แค่นี้ยังรักไม่มากพอ?”
“อยากได้อีก” ประโยคนี้พูดซะเสียงเบา

ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าเปย์ให้มันทุกอย่างและทุกครั้งที่มันมาขายอ้อยนี่ ยังไงผมก็รักมันมากอยู่แล้ว และการที่มันพูดประโยคนี้ ทำให้ผมยิ่งเอ็นดูมันขึ้นไปอีก ยกมือไปดึงแก้มมันไปมาทันใด
“เด็กขี้อ้อน”
“อย่าน่า คนมอง” ธารสะบัดหน้าหนี ผมเลยยอมดึงมือออกแต่โดยดี
“แล้วขออะไรอีก พี่เหนือว่าไม่ใช่แค่นี้แน่”
“อือ ก็ขอให้พี่เลิกแรด”
“ฮะ?” ทำท่าเหมือนไม่เชื่อหู แต่ก็ต้องเชื่อเมื่อมันย้ำมาอีก
“พี่จะได้เลิกไปยุ่งกับคนอื่นแบบถาวรซะที ลดๆ ไปบ้างความแรดน่ะ”

ด่าขนาดนี้ ต่อยกูเลยมั้ยจะได้สบายใจ!?

“คร้าบๆ เลิกแล้ว แล้วขออะไรอีก” ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถามต่อ
“ขอให้พี่มองแต่ธารคนเดียว มีธารในใจแค่คนเดียว คิดถึงแต่ธารคนเดียว” คราวนี้ธารตอบมาเป็นประโยคยาว
ผมนิ่งไปทันที ก่อนจะยิ้มกว้างเห็นฟันทันทีที่เห็นหน้าหล่อแดงเรื่อนั้นแดงมากขึ้นจนไม่เหลือพื้นที่ให้สีเนื้อ

ดีใจ... ดีใจโคตรๆ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นทุกอย่างของคนตรงหน้า แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองว่าเด็กนี่คิดถึงแต่ผม ผมก็อดดีใจไม่ได้ ทว่าก็เก็บอาการ หยอกมันไปอีก

“ฮั่นแน่ ขอเกี่ยวกับพี่เหนือมากขนาดนี้ แสดงว่าคิดอะไรกับพี่เหนืออยู่ใช่มะ”
ธารมองผมด้วยสายตายากจะอ่าน ริมฝีปากเม้มแน่นอยู่ขณะหนึ่ง ก่อนจะคลายตัวออกจากกัน เอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา
“แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าธารรักพี่แค่ไหน งี่เง่า”

ระ...รัก

นะ...น้องธาร กลับบ้าน... กลับบ้านเดี๋ยวนี้! ไปบอกรักพี่เหนือบนเตียงเถอะนะ

โหย มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าโคตรน่ารักเลย น่ารักจนอยากจะลากมันไปหาห้องพักรายวันแถวนี้แวะก่อนกลับบ้าน ไอ้บุญที่ทำมาเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นบาปทันตา

แสงเหนือเอ๊ย ตกนรกหมกไหม้แท้ๆ...

จะระงับกิเลสตัวเองก็ไม่ได้ด้วย ถลันแรดๆ เข้าไปกระซิบข้างหูมันด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“เนี่ย น้องธารรู้เปล่าว่าทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันแบบนี้ ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันอีกนะ ยิ่งรักพี่เหนือมากขนาดนี้ แถมยังมาทำบุญร่วมสาบาน ชาติหน้าคงหนีกันไม่พ้นแน่ๆ”
“ถ้าชาติหน้าพี่เกิดมาเป็นปลาสวาย ธารก็ถูกตอดไม่เลิกด้วยล่ะสินะ”
“ปลาสวายแล้วรักมั้ยล่ะ” อันนี้ผมแกล้งถาม
ธารหลบตาไปครู่ ก่อนจะพยักหน้า
“เออ”
“โหย พูดหน่อยก็ไม่ได้ บอกว่ารักพี่เหนือหน่อยน้า”
“ตอนนี้อยู่ในวัดหรือเปล่าวะ เดี๋ยวก็ได้ตกนรกหรอก!” มันเสียงดังใส่ทันควัน

ไม่อยากจะบอกเลยว่านอกจากจะเคยถลำเข้าไปในตะรางแล้ว ตอนนี้ขาผมข้างหนึ่งก็ถูกธรณีสูบลงนรกแล้วเหมือนกัน แต่ใครจะสนล่ะ ก็คนตรงหน้าผมมันน่ารักซะจนผมอดใจจะแกล้งต่อไม่ไหว ยิ่งมันทำท่าเขินอายแบบนั้นด้วยแล้วก็ยิ่งอยากแกล้ง

เด็กบ้าอะไร ขโมยหัวใจพี่เหนือได้ไม่รู้จักจบสิ้นได้ขนาดนี้

ผมเลยเข้าไปเกาะแขนมัน กระแซะหน้าเข้าไปใกล้ ถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางทะเล้น
“แล้วน้องธาร...รักพี่เหนือจริงเหรอ”
ธารเหลือบมามองหน้าผมอีกครั้ง หน้าแดงจนไม่รู้ว่าจะแดงยังไง หากแต่ส่งเสียงตอบออกมา
“อืม”
“รักแล้วเป็นแฟนกับพี่เหนือมั้ย” ได้ทีก็ตะล่อมเลย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมกับมันยังไม่ได้เป็นแฟนกัน
หากแต่ธารก็ยังยืนยันคำตอบเดิมอยู่ดี
“ไม่”
“เอ้า ทำไมอะ” ผมผละออกจากมันมาทำหน้าเง้างอดทันควัน

ธารมองหน้าผม ว่าเสียงแข็งๆ
“ก็บอกแล้วว่าจองไว้ก่อน ยังชั่งใจอยู่”
“ยังจะชั่งใจอีก ได้เสียกันขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องปากแข็งแล้ว แหม อยากสกิปมาเป็นสามีพี่เหนือเลยก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ให้ถามอยู่ได้”
“พี่เหนือ!” คราวนี้ตะโกนซะเสียงดังจนคนรอบข้างมอง

ทว่าผมไม่สนใจ หัวเราะแล้วยื่นมือไปดึงแก้มมัน
“รักพี่เหนือขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องชั่งใจอะไรแล้ว เป็นแฟนกันเถอะ นะๆๆ”
“มะ...ไม่รู้!” ธารสะบัดหน้าหนี เดินหนีด้วย ก้าวเร็วๆ นำหน้าไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าก่อนหน้านี้ ผมบอกมันว่าหิวไปแหม็บๆ
แต่ผมก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรหรอก นอกจากยิ้มไล่หลังมัน ยักไหล่ไม่ยี่หระแล้วเดินตามไป ทว่าพอขึ้นคร่อมรถ รอให้มันสตาร์ทเครื่องออกตัว จู่ๆ มันก็หันมาพูดกับผม
“ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าถ้าไม่ใกล้จะเสียไป ก็คงไม่รู้ว่ารักแค่ไหนใช่มะ”
“อืม ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่มีอะไร แค่ธารไม่อยากรอให้ถึงเวลานั้น”
“เวลาอะไรครับ”
“เวลาที่สูญเสียพี่ไง ธารไม่อยากจะมารู้ใจตัวเองตอนนั้น เพราะธารกลัวว่าถ้าเราเป็นแฟนกัน เราสองคนจะเปลี่ยนไป เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว”
“เป็นผัวพี่เหนือน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย! เป็นแบบสถานะไม่ชัดเจนแบบนี้ต่างหาก!”

ผมแกล้งร้องอ๋อ ลอบหัวเราะกับอาการเก้ๆ กังๆ ของมัน แต่ก็เข้าใจความรู้สึกมันนะ เพราะคนบางคู่ ก่อนคบกัน อะไรๆ ก็ดีไปหมด แต่พอคบกันกลับไม่ได้ดีอย่างที่หวัง แล้วสุดท้ายก็จบลงที่เลิกกันอะไรงี้

ผมเลยไม่ถามอะไรต่อ เออออห่อหมกไป ทว่าธารก็คว้ามือผมไปจับกะทันหัน ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย
“แต่ถึงจะยังไม่เสียไป ธารก็รู้ตัวว่าธารรักพี่นะ”
“อืม...ฮะ!? พูดอีกทีซิ”

ตอนแรกก็ไม่ตกใจ แต่เหมือนจะหูฝาด ธารเลยมองหน้าผมอย่างหงุดหงิด เม้มปากไปพักก่อนพูดอีก
“ธารบอกว่ารักพี่ แก่แล้วหูตึงหรือไง”

มาละๆ ไอ้อาการเขินแล้วด่าไปเรื่อยมันมาละ

“แหม จะบอกรักกันทั้งทีก็พูดเพราะๆ หน่อยสิครับ พี่เหนือจะได้ชื่นใจนะคนดี” ออดอ้อนมันเข้าไป ใช้ลูกล่อลูกชนหลอกเด็กเข้าไป
ธารเลยนิ่งไปนิด หลบสายตาจากผม แล้วพูดออกมาอีกครั้ง
“ธารรักพี่เหนือนะครับ”

ระ...ระเหยเป็นไอลอยไปในอากาศเลย ไม่ใช่มันที่เขินกับการพูดประโยคนั้นคนเดียวด้วย ผมก็เขินเหมือนกันที่ได้ยิน แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ได้ยินคำนั้นถึงสถานะเราทั้งคู่จะไม่ชัดเจนก็ตาม ก่อนผมจะใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการสะกดกลั้นตัวเองให้ไม่พุ่งหลาวไปจูบมัน

ในวัดนะไอ้เหนือ...ยังอยู่ในวัด ใจร่มๆ เอาไว้

ใช้เวลาสงบสติอารมณ์ไปหลายนาทีทีเดียว ก่อนจะตั้งสติ ฉีกยิ้มแล้วถามออกไป
“งั้นพี่เหนือขออะไรอย่างนึงได้มั้ย”
“อะไร” ธารเลิกคิ้วสูง
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบเสียงพร่า
“ก่อนกลับบ้าน... แวะห้องพักรายวันกันเถอะ ทนไม่ไหวแล้ว”
“พี่นี่แม่ง! เพิ่งทำบุญมานะเว้ย! นรกกินกบาลกันพอดี!”

แล้วใครใช้ให้มึงมาทำตัวน่ารักแถวนี้เล่า!

เนื้อเพลงละครเรื่องเปรตวัดสุทัศน์ ปี พ.ศ. 2546 ที่ร้องว่า ‘นรกหมกไหม้ ใต้เถรเทวทัต เหยื่อแร้งวัดสระเกศ เป็นเปรตวัดสุทัศน์’ นี่ดังลอยมาให้ได้ยินแว่วๆ รัวๆ

แสงเหนือเอ๊ย ไม่ต้องผุดต้องเกิดกันอีกแล้วในชาตินี้...
-------------------------------------
มาช้ากว่าที่นัดไว้นิดนึง แต่ก็มานะ 555
มัวแต่ไปคุยเรื่องแก้งานกับนักวาดปกอยู่ค่ะ เลยไม่ได้เขียนต่อซะที ตอนนี้เปลี่ยนชื่อตอนนิดหน่อยนะ ไว้พรุ่งนี้จะมาอัพตัวอย่างตอนต่อไปให้นะคะ
ปล. อย่าลืมฟีดแบ็คกันนะจ๊ะคนดี (เลียนแบบพี่เหนือ ฮา)

 

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-04-2016 03:13:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-04-2016 07:05:24
ดีใจกับธารด้วยคุณพ่อปลอดภัยและได้ปรับความใจกัน
ส่วนพี่เหนือชอบแกล้งธารให้หน้าแดง ให้เขิน และก็ดีใจด้วยที่ธารบอกรักแล้ว อาการหื่นพี่เหนือเลยออกมากไปนิด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-04-2016 08:25:10
ไปไหว้พระทำบุญด้วยกัน แถมธารยังบอกรักพี่เหนือได้เขินสุดๆ >///<
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-04-2016 09:06:39
นั่งขำคุณธีด่าธารมาก แกเป็นเด็กอนุบาลรึไง....
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 15-04-2016 09:13:43
ดีแล้วที่พ่อของธารไม่เป็นไร แต่แหม่ ไม่ให้เป็นแฟนตำแหน่งผัวพี่เหนือนั่นละถูกต้องที่สุด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 15-04-2016 11:10:20
เอะอะๆๆ เจ๊เหนือก็จะลากอีน้องธารขึ้นเตียงตันหลอดเลยย :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2016 11:34:54
 o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-04-2016 12:27:48
มันตัลล๊ากกกกกกก  :o8:  จวนจะจบแล้วสินะ ราบรื่นไปหมดเลย เออออออออ แล้วชีวิตพี่เหนือจากนี้ไปหล่ะยังไง?  จะเป็นสะใภ้พิดโลกทิ้งแสงสีกรุงเทพไปเลย หรือหอบหิ้วน้องธารไปเรียนต่อที่กรุงเทพพร้อมทำสัมปทานไร่อ้อยไปด้วย ช่วงโค้งสุดท้ายยังมีประเด็นให้ติดตาม  สนุกมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-04-2016 13:11:31
ชอบทุกตัวละครในเรื่องนี้ เอกลักษณ์เด่นมากกกกก ไม่น่าเบื่อเลย มาส่องเรื่องนี้บ่อยมากก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 15-04-2016 13:12:50
สนุกมากค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-04-2016 13:40:30
ธารใจแสงเหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-04-2016 14:18:52
บอกแล้ว แวะได้เลย ห้องพักรายวัน ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่22: ธารรักพี่เหนือนะครับ♦P.18♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-04-2016 15:11:43
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 23
มาเป็นตัวอย่างสั้นๆ มาวันไหน ยังไม่แน่ใจนะคะ ที่รู้ๆ คือเตรียมตัวชงน้ำร้อนรอต้มมาม่าระลอกต่อปายยยย 555 มาม่าไม่มาก จี๊ดๆ เหมือนมดกัดนิดเดียว บอกแล้วเรื่องนี้ฟีลกู๊ดนะ
ตอนหน้านี่ไม่รู้ว่าจะตัดฉากไหนมาแปะ เอาฉากนี้แล้วกัน กรุ่นกลิ่นมาม่าหอมชื่นจายยยย
เจิมรอรับมาม่าโลดดดด XD
----------------------------------

ธารเหวี่ยงผมเข้ามาในห้องสุดแรง ดีที่ผมตั้งหลักได้ทันเลยไม่ล้มลงไป หากแต่ตั้งหลักได้ก็เท่านั้นเพราะพอมันปิดประตูได้ มันก็ปรี่เข้ามาจับไหล่ผมด้วยสองมือไว้แน่น
“ที่พี่กั้งพูดหมายความว่าไง!” ตามมาด้วยตะคอกเสียงดัง

ผมรู้แหละว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร แต่บ่ายเบี่ยงที่จะตอบเพราะตอนนี้ สีหน้ามันนี่พร้อมจะฆ่าผมได้ทุกวินาทีมากๆ
“น้องธารใจเย็นๆ ก่อนนะ”
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก! ทำไมพี่ไม่บอกว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา!” หลุดพูดออกมาจนได้ ตะโกนใส่หน้าผมไป ตัวก็สั่นเทิ้มไป

ผมสบดวงตาแข็งกร้าวแล้วก็พ่นลมหายใจยาว ไม่ใช่ว่าผมไม่บอกนะ แต่ผมลืมไปว่าตัวเองก็ยื่นทุนไปเหมือนกัน ถ้าวันนี้ไอ้กั้งไม่เตือน ผมก็ลืมสนิทไปแล้วว่าเคยทำอะไรแบบนั้นด้วย ที่สำคัญ มันก็ยังไม่แน่สักหน่อยว่าผมจะได้ทุนไปเรียน ไอ้กั้งมันก็แค่บอกให้ผมอย่าลืมเช็คชื่อตัวเองตอนวันประกาศผลก็เท่านั้น

“พี่เหนือยังไม่ได้ไปนี่ครับ แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะได้ไปมั้ย คนสมัครไม่ใช่แค่คนสองคนนะ สมัครกันเป็นร้อย แต่เอาแค่สามคน เปอร์เซ็นต์จะได้ทุนมันไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น” ผมให้เหตุผล
ธารฟัง แต่ก็ยังไม่ระงับอารมณ์โกรธเลยแม้แต่น้อย โวยวายใส่ผมอีก
“แล้วถ้าพี่ได้ล่ะวะ! ธารจะทำยังไง จะทิ้งกันไปเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย! ห้ามไป!”

เห็นความแต่ใจของมันแล้วผมก็คิดว่ามันชักจะไม่มีเหตุผลละ ก็ผมบอกไปแหม็บๆ ว่าไม่รู้ว่าจะได้ทุนหรือเปล่า อันที่จริงผมก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะได้ด้วยเพราะโอกาสที่จะได้มันน้อย ถึงการเรียนต่อต่างประเทศจะเป็นความฝันหนึ่งของผมก็เถอะ ขนาดไอ้กั้งเก่งกว่าผมตั้งเยอะ มันยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะได้ 

“พี่ห้ามไปนะเว้ย! ยังไงก็ไม่ให้ไป!” ธารเขย่าผมจนตัวคลอน มือที่จับไหล่ผมอยู่ก็ออกแรงบีบจนรู้สึกเจ็บขึ้นมานิดๆ
ผมย่นคิ้ว ทำท่าจะปรามมัน หากแต่ก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อมันโผเข้ากอดผมแน่น พร่ำพูดไม่หยุดราวกับเด็กถูกขัดใจ แต่ครั้งนี้ไม่ตะคอกแล้ว
“ถ้าพี่ไปแล้วธารจะอยู่ยังไง ห้ามไป อยู่กับธารที่นี่ ยังไงก็ห้ามไป ธารรักพี่นะ ถ้าพี่รักธารก็ห้ามไป”
“น้องธาร...”
“อย่าทิ้งธารไปได้มั้ย ธารขอร้อง”

ผมเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นโอบกอดมันตอบ ลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เป็นการปลอบโยน พลางครางรับ
“พี่เหนือไม่ทิ้งน้องธารไปไหนหรอกนะ พี่จะอยู่ตรงนี้... อยู่ข้างๆ น้องธารแบบนี้”

ธารเริ่มสงบลงได้ กอดผมแล้วซุกหน้าเข้ากับไหล่ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงผมเท่านั้นที่เริ่มว้าวุ่นใจขึ้นมา

ถ้าเกิดได้ทุนขึ้นมา...ผมจะทำยังไงกับเด็กนี่ดี

สิ่งหนึ่งก็ความฝัน อีกสิ่งหนึ่งก็คนรัก... เลือกไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ทั้งคู่เลยแฮะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 15-04-2016 15:21:25
เด็กนี่มันพอบทจะตรงก็ตรงจนอิพี่เหนือหื่นแตกคาวัด  :mew5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-04-2016 15:22:00
เรียนต่อที่ไทยแล้วกัน .. เรียนจบก็มาช่วยงาน ของบ้านสามี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 15-04-2016 15:29:29
ไปเรียนต่อกันทั้งคู่เลยสิคะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2016 16:09:36
มันจะเป็นปัญหาก็ตรงนี้แหละ อีกคนจบแต่อีกคนยังต้อเรียนต่อ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 15-04-2016 16:25:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-04-2016 17:41:00
ไปเรียนต่อที่อเมริกาด้วยกันทั้งคู่เลย
ช่วยกันเรียน มีกำลังใจดีออกเนอะ

 :mew1:  :mew3:  :mew1: :mew3:

...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-04-2016 18:11:19
อิพี่เหนือไม่ได้ทุนแน่(แช่ง!)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-04-2016 18:31:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 15-04-2016 18:50:22
ลากน้องมันไปเรียนด้วยกันเลยค่ะอิพี่เหนือ
เรียนไปด้วยกกเด็กไปด้วย หน้าหนาวก็มีเนื้ออ่อนให้ห่ม
อิน้องธารคนติดเมียก็ได้ตามติดเป็นวิญญาณติดตามภาคคนหลงเมียด้วย
จบมาได้ปั๋วเป็นหนุ่มนักเรียนนอกไปอีก เก๋สุด ตัวแม่สุดนะยะ :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-04-2016 00:30:09
ชั่งใจ ครั้งที่ 23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย[1]

ออกจากวัดมาได้ก็ไม่ได้ไปหรอกห้องพักรายวันอะไรนั่น ธารมันลากผมกลับมาจัดการที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย ก็ลืมไปว่าบ้านมันกับวัดอยู่ห่างกันแค่นิดเดียว ขี่รถสิบนาทีก็ถึง ส่วนไอ้ความกระเหี้ยนกระหือรือของผมในตอนแรกที่อยากจะโซเดมาคอมกับมันเหลือเกิน โดนเหวี่ยงขึ้นเตียงและเจอฟิฟตี้เฉด ออฟ ธาร ไปเท่านั้นแหละ

...เดี้ยง

ซ่าไม่ออกไปทั้งวัน นอนแบ็บจนธารต้องเอาข้าวเย็นมาเสิร์ฟให้ถึงเตียง ขนาดวันใหม่แล้วก็ยังไม่มีแรง ตอนนี้นี่ไม่ต้องถามเลย ถึงจะแงะตัวเองขึ้นจากเตียงได้แล้ว แต่เดินลงบันไดที สะโพกสะเทือนถึงดวงดาว

แล้วถามว่าเข็ดมั้ย... ไม่ ความระริกระรี้นี้จะมาเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับความน่ารักของเด็กนั่น

แสงเหนือผู้ไม่พึงสังวรณ์ถึงสังขารตัวเอง ดูท่าอายุขัยจะหายไปหลายปีจริงๆ

หึย ใครว่ากินเด็กแล้วอมตะ เดินมาใกล้ๆ ซิ จะตบให้คว่ำ

“เช้านี้พี่อยากกินไร” ธารถามทันทีที่เห็นผมลากร่างตัวเองที่เดินกระเผลกๆ โผล่มาที่ห้องครัว ขณะที่มันถือกระทะกับตะหลิว เตรียมตัวทำเมนูไข่อะไรสักอย่าง ผมไม่ถามหาป้ารินหรอก รายนี้คงจะทำข้าวกล่องแวะไปให้คุณธีที่โรงพยาบาล ก็เมื่อวาน คุณธีเพิ่งจะบ่นแหม็บๆ ว่าเบื่ออาหารที่โรงพยาบาลจัดให้นี่นา
“น้องธารก็เลือกเอาแล้วกันนะครับว่าจะทำไข่ดาว ไข่เจียว หรือไข่ต้ม พี่เหนือโอเคหมด ยังไงก็ไข่เหมือนกันแหละเนอะ” ผมแกล้งว่า เหน็บไปนิดๆ เป็นเชิงว่ามันทำเป็นอยู่แค่นี้
ธารเลยมองหน้าผมเคืองๆ วางของในมือลงแล้วว่าเสียงแข็ง
“สงสัยอยากจะเดินไม่ได้จริงๆ ล่ะมั้ง ปากดีงี้”
“ทำไมครับ จะแซ่บพี่เหนืออีกแล้วเหรอ” ผมแกล้งถามหน้าระรื่น ทำให้ธารที่เพิ่งวางกระทะบนเตาหันมามองตาเขียว
“ไหวมั้ยล่ะ ถ้าไหวก็จะทำ คราวนี้จะเอาให้ลุกไม่ขึ้นเลย”
ไม่พูดอย่างเดียว ตรงเข้ามาช้อนปลายคางผมให้เชิดขึ้นสบตามันด้วย สายตาเขียวๆ เมื่อครู่ก็แพรวพราวเจ้าเล่ห์
“เอาปะ?”

ยะ...ยั่วเย้ายั่วยวน

ไป! น้องธาร ขึ้นห้อง!

หอบหื่นขึ้นจนคันคะเยอ ลืมเช็คไปสนิทว่าร่างกายตัวเองไม่อำนวยแล้ว เผลอทำหน้าหื่นใส่มันอีก จนมันต้องปล่อยมือจากปลายคางผมมาดีดหน้าผากดังเพียะ
“เลิกทำหน้าทะลึ่งได้แล้ว หื่นอยู่ได้ แค่เมื่อคืนก็พอแล้ว เดี๋ยวได้เข้าโรง’บาลตามพ่อไปอีกคนหรอก”
“น้องธารก็เบามือหน่อยสิครับ” ผมทำปากยื่น
“เบาแล้ว พี่แก่เอง อย่ามาโทษนะเว้ย”
แก่แต่ยังแซ่บ อร่อยและกรุบกรอบนะ ไม่งั้นน้องธารจะขอเบิ้ลเหรอ?
แต่ไม่พูดหรอก ส่งสายตากรุ้มกริ่มให้มันพอ เดี๋ยวมันเกิดคึกขึ้นมา ผมนี่แหละจะแย่เอา

เพราะผมไม่พูดอะไรต่อ ธารก็เลยผละไปยืนที่หน้าเตาอีกครั้ง ปากก็ว่าไปด้วย
“งั้นวันนี้ทำข้าวผัดแล้วกัน พี่เบื่อเมนูไข่แล้วนี่”
“ทำเป็นเหรอ”
“ทำเป็น แต่กินได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่อง”
ดูท่าวันนี้คงจะได้เข้าโรง’บาลจริงๆ แล้วล่ะ ไม่ใช่เข้าเพราะสะโพกหลุดหรืออะไรหรอกนะ เพราะท้องเสียเนี่ย!
จะให้ปฏิเสธน้ำใจมันก็ไม่ได้ เลยได้แต่นั่งเงียบ ดูมันก้มๆ เงยๆ ผัดข้าวด้วยท่าทางเงอะๆ งะๆ ไป กะว่าถ้ามันเอามาให้กิน ผมก็แกล้งทำเป็นอิ่มเร็วไรงี้ ชีวิตจะได้ปลอดภัย

รอไม่นาน ข้าวผัดไส้กรอกรวมมิตรผักเหลือๆ ในตู้เย็นก็มาวางส่งกลิ่นหอมอยู่ตรงหน้าผม หน้าตาก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ สภาพดูเหมือนจะกินได้ และมันจะดีมากถ้าเกิดเด็กนั่นมันไม่มาเสิร์ฟแล้วก็นั่งจุ้มปุ๊กข้างๆ ผม รอผมกินด้วยสายตาลุ้นระทึกเนี่ย
“เอ้า มองอะไร กินดิพี่”
“นี่กินได้แน่นะ?” ผมถามอย่างไม่มั่นใจนัก ความจริงคือแกล้งหยอกมัน ทำเอาธารคว้าส้อมมาตีข้างแก้มผมทีหนึ่ง
“กินได้ดิ ชิมแล้ว ไม่ตายหรอกน่า”
“ถ้าพี่เหนือเป็นอะไรขึ้นมา น้องธารผายปอดพี่เหนือนะ โอเคมั้ย”
ธารหัวเราะ วางส้อมลงแล้วยื่นมายีเส้นผมของผมแทน
“จะทำมากกว่าผายปอดอีก กินได้แล้ว พูดมากอยู่ได้”

ผมยิ้มให้มันนิดหนึ่ง ก่อนจะเริ่มตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวแล้วก็ทำท่าครุ่นคิดให้คนมองลุ้นนิดหน่อยว่าตกลงรสชาติเป็นไงแน่ แต่ผมไม่รีบบอกมันหรอกว่าจริงๆ ก็อร่อยนะ ถึงจะจืดไปนิดแต่โดยรวมก็ใช้ได้เลย
“อร่อยปะพี่”
พอเห็นผมไม่พูด ธารก็เลยถาม ผมเหลือบไปมองแล้วพยักหน้า ธารที่ทำหน้าลุ้นอยู่ในตอนแรกก็เลยยิ้มกว้าง
น่ารักชะมัด ทำแบบนี้นี่ผมรู้เลยนะว่ามันแคร์ความรู้สึกผมมากแค่ไหน เห็นแล้วก็อยากแกล้งเลยแฮะ
“แต่น้องธารอร่อยกว่าข้าวผัดนะ พี่เหนือชอบ”
ไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว พูดออกไปเลย ทำหน้าหื่นๆ ใส่มันด้วย ทำเอาธารยื่นมือมาหยิกแก้มผมทันที
“ปากดีอีกละ เดี๋ยวพอทำจริงๆ ก็บ่นว่าไม่ไหวอีก กินไปเลย ไม่ต้องพูด”
“คร้าบๆ สั่งใหญ่เลยนะ”

ผมก้มหน้าก้มตากินอีกรอบ ธารก็นั่งเท้าคางมองผมกินไม่เลิกจนผมรู้สึกว่าวันนี้มันทำตัวแปลกๆ ยิ่งเหลือบไปเห็นมันยกยิ้มน้อยๆ ด้วยแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“น้องธารมีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นนั่งจ้องหน้าพี่เหนือมานานแล้ว”
“มองพี่กินแล้วมีความสุขดี” ธารว่าเนิบๆ
อะไรไม่ว่า ไอ้การว่าเนิบๆ ของมันเนี่ย ทำเอาผมใจเต้นแรงขึ้นมา

มึงจะมามีความสุขอะไร! พูดอย่างนี้ หวั่นไหวนะ!

หวั่นไหวจริงๆ ใจเต้นตึกตักกะทันหันทั้งที่ปกติแล้ว ผมจะเป็นคนทำให้มันเขินแท้ๆ ก่อนผมจะรีบกลบเกลื่อนความเขินอายนั่นด้วยการเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น
“แล้วนี่กินข้าวหรือยัง ไม่ใช่ว่าทำให้พี่เหนือกินแต่ตัวเองไม่กินนะ”
“กินแล้ว ก่อนพี่ตื่น ธารกินขนมปังกับนมไปแล้ว”
“แล้วอิ่มเหรอ?”
“อิ่ม อย่าถามมากน่า กินๆ ไป” ธารชี้นิ้วมาที่จานข้าวผมอีกครั้ง
ผมจึงไม่ถามอะไรต่อ นั่งกินไปเงียบๆ จะมีก็แต่ธารนี่แหละที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาอีกแล้ว
“อร่อยจริงนะพี่”
“อร่อยครับ ทำไม กลัวพี่เหนือโกหกเหรอ”
“เปล่า แค่จะบอกว่าถ้าอร่อย ธารจะทำให้กินอีก แต่ต้องอยู่กับธารไปนานๆ นะ จะทำให้กินทุกวันเลย”

อะ...อะไรเนี่ย! วันนี้ผีเข้าหรือไง ทำไมโรแมนติก!?

ผมอ้าปากหวอด้วยความเหวอ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินมันพูดแบบนี้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เต้นตามปกติเมื่อครู่ก็กลับมาเต้นระทึกอีกแล้ว แถมพอผมมองหน้ามันอย่างอึ้งๆ มันก็ไม่หลบสายตาด้วย มองผมตอบพลางอมยิ้ม จนผมคิดว่ามันป่วยแน่ๆ
ยื่นมือไปอังหน้าผากมันแล้วด้วยเถอะ
ธารสะบัดหน้าออกทันที รอยยิ้มบนหน้าก็หายไป กลายมาเป็นสีหน้ารำคาญ พลางโวยวายใส่ผมนิดๆ
“อะไรของพี่เนี่ย”
“น้องธารป่วยเหรอ”
“ป่วยบ้าอะไร”
“ก็เห็นจู่ๆ มาพูดจาหวานใส่ เลยนึกว่าป่วย” ผมว่าไปตามจริง
ธารเม้มปากฉับพลัน เบือนสายตาไปทางอื่นก่อนแก้มทั้งสองข้างจะเริ่มแดงเรื่อขึ้นมา
“ก็แค่...อยากจะอ้อนบ้าง”

อ้อนหรืออ้อย ตอบ! ลากขึ้นห้องแม่งเลย ถ้าไม่ขึ้นห้องก็ที่ห้องครัวเนี่ย ป้ารินไม่อยู่ใช่มั้ย ไป! จัด!

ล้อเล่น ใครจะบ้าไปทำ แค่นี้ร่างกายก็รับไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ดื่มด่ำกับความน่ารักของมันก็พอ

“แล้วอ้อนแบบนี้ อยากได้อะไรจากพี่เหนือเหรอ” ผมเล่นลิ้นทันที กระแซะเข้าไปถามมันด้วยสีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย
ธารชำเลืองมองผมเล็กน้อย ก่อนว่าอ้อมแอ้ม
“อยากให้พี่รักธารมากๆ”
“โอ๊ย รักมาก รักจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเนี่ย ไอ้เด็กขี้อ้อน” หลุดเก๊กแตก ยื่นมือสองข้างไปดึงแก้มมันอย่างมันเขี้ยว
ธารทำหน้าบึ้ง แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา แล้วก็พูดกับผมหน้าตาเฉย
“ธารก็รักพี่นะ”

ฮือ... ไม่ไหวแล้ว น่ารักขนาดนี้ แซ่บกันเถอะ จะจังหวะสามช่า หรือหมอลำซิ่งก็ได้ แซ่บเถอะ

ทว่าผมก็อดใจไว้ เดี๋ยวได้ตายจริงๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายถูกเด็กนั่นดึงไปจูบแบบไม่ทันตั้งตัว

อา... ความฟินนี้
ถึงกินเด็กจะไม่ได้เป็นอมตะตามคำร่ำลือ แต่ก็ฟินไปสามโลกแปดโลกแหละวะ
 



ความสัมพันธ์ของผมกับธารเป็นไปด้วยดีจนน่าตกใจหลังจากที่ธารบอกรักผมในวันนั้น ที่เป็นไปด้วยดีก็ไม่ใช่อะไร แบบว่ามันอ้อนผมมากขึ้นน่ะ ตัวก็ติดกันด้วยเถอะ ไม่ใช่ผมติดมันด้วยนะ มันเนี่ยที่ติดผม ติดหนึบเป็นตังเมจนบางครั้งผมก็รำคาญ

ขนาดจะอาบน้ำ มันยังจะเข้ามาอาบด้วย

แม่งเอ๊ย แม่ลูกอ่อนแท้ๆ เลยกู

แล้วชอบมั้ย...

ชอบ... ทำหน้าหื่นใส่รัวๆ ความแซ่บในห้องน้ำก็มี อย่าให้พูด เดี๋ยวจะแซ่บหนัก

ความรักไม่ใช่เรื่องบนเตียง ไปที่ระเบียงบ้างก็ได้ ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นก็มี ไปเนอะน้องธาร พาพี่เหนือทัวร์บ้านหน่อย

แต่อย่าไปพูดกับมันเลย เดี๋ยวมันทำจริง ยิ่งตอนนี้มันใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว ให้มันตั้งใจอ่านหนังสือดีกว่า เดี๋ยวผมจะโดนกล่าวหาว่าทำเด็กใจแตกจนเรียนไม่จบเอา

และเพราะมันใกล้จะสอบมิดเทอม พวกจอมแก่น โรม น้องมายด์ก็เลยมารวมตัวกันที่บ้านธารเพื่อติวหนังสือทุกวัน คนที่ติวให้ก็ไม่ใช่ใคร ธารนี่แหละ เห็นเกเร ต่อยตีไปทั่ว ทะเลาะกับชาวบ้านมั่วไปหมดอย่างนี้ แต่ก็เรียนเก่งกว่าใครเพื่อนนะ ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษที่ผมรับหน้าที่ติวให้ เพราะธารเองก็ไม่ค่อยเก่งวิชานี้เหมือนกัน

ไม่กี่วัน การสอบมิดเทอมก็ผ่านไป ผมเลยสบโอกาสชวนพวกมันไปปลดปล่อยเพราะไอ้ยีนส์กับไอ้กั้งโทรมาบอกเมื่อหลายวันก่อนว่าจะแวะมาเที่ยวพิษณุโลก ด้วยเมื่อครั้งก่อนที่มายังเที่ยวไม่หนำใจ พวกเราก็เลยไปรวมตัวกันที่ร้านพี่จอมแสบอย่างเคย และแน่นอนว่าลงบิลของจอมแก่นเอาไว้

แหม ก็เป็นถึงน้องชายเจ้าของร้านทั้งที เรื่องกินฟรีก็ต้องมาสิ

“แล้วนี่คิดกันหรือยังว่าเรียนจบแล้วจะไปทำอะไร พวกเรียนสายอาชีพนี่เค้าสอบเข้ามหา’ลัยกันปะ?” จู่ๆ ยีนส์ก็เปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยขณะที่ก่อนหน้านี้ เราคุยเรื่องอื่นอยู่ดีๆ
จอมแก่นวางแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันลง พลางว่า
“ส่วนมากก็ต่อ ปวส.กันครับ บางคนไม่เรียนต่อก็ไปทำงานตามสายที่เรียนมา แต่ผมวางแผนว่าจะไปสอบโควต้าภาคเหนืออยู่ อยากเรียนวิศวะ”
ยีนส์ถึงกับร้องโอ้โห กั้งก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยที่เห็นจอมแก่นวางแผนชีวิตแบบนี้ ส่วนผมก็ไม่อะไร รู้อยู่แล้วว่าจอมแก่นตั้งใจจะทำแบบนี้
“ดีแล้วล่ะ ถ้ามีโอกาสเรียนก็เรียนๆ ไป มันเอาไปต่อยอดอะไรๆ ได้อีกเยอะในอนาคตน่ะ แล้วหล่อนล่ะยะ เรียนจบแล้วจะไปทำอะไร มีผัว?” ชมจอมแก่นแล้ว ยีนส์ก็หันไปทางน้องมายด์
น้องมายด์ทำหน้าง้ำ วางส้อมที่เพิ่งจิ้มเอ็นไก่ทอดเข้าปากลงบนจาน พลันทำท่าสะบัดสะบิ้ง
“ผัวเนี่ยเมื่อไหร่ก็หาได้ค่ะ หนูสวยขนาดนี้ โชว์ขาอ่อนหน่อยเดียว ผู้ชายก็มาสยบแทบเท้าแล้วค่ะ”
คำพูดของน้องมายด์เรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนเป็นอย่างดี ก่อนยีนส์จะหยุดหัวเราะเป็นคนแรก เหน็บกลับ
“จ้า ยัยคนสวย สวยควายตะลึง แล้วตกลงหล่อนจะเอายังไงยะ เรียนจบแล้วจะไปเรียนต่อมั้ย”
“เรียนสิคะ หนูจะไปอยู่กับเจ้าคุณป้าที่กรุงเทพฯ แล้วก็เข้ามหา’ลัยเอกชนแถวบ้านป้าอะค่ะเจ้ ไม่ต้องสอบเข้าอะไร แค่สอบวัดคะแนนตามรายวิชานิดหน่อย แต่ก็ต้องอ่านหนังสือไปสอบน่ะแหละค่ะ คะแนนไม่ถึงเกณฑ์เค้า เค้าก็ไม่รับ”
“งั้นก็ไปติวกับจอมแก่นเลยสิ เห็นจอมแก่นเริ่มอ่านหนังสือแล้วนี่” อันนี้ผมเสริม
น้องมายด์เลยพยักหน้าเออออไปตามเรื่อง ก่อนที่กั้งจะเป็นฝ่ายหันมาถามโรมแทนยีนส์
“แล้วเราล่ะ ตกลงยังไง”

โรมชะงักมือที่กำลังยกแก้วเหล้าซดเข้าปากทันใด ผมก็มองไปยังมันทันทีด้วย ก็มันน่ะเหมือนธารเลยนี่ อนาคตมืดมน ยังไม่รู้หนทางตัวเอง ผมก็เลยชิงตอบแทนมันไปก่อน
“ยังไม่รู้อนาคตเลยไอ้กั้ง มึงก็ไปถามน้องมัน เดี๋ยวมันก็เครียดหรอก ให้น้องมันได้คิดก่อน”
“ผมคิดได้แล้วพี่เหนือ” โรมโพล่งขัดขึ้นมา
ผมมองหน้ามันอย่างไม่เชื่อหู
“คิดได้แล้วคือ?”
“เรื่องเรียนต่อไง เรียนจบแล้วก็จะไปสอบเหมือนกัน”
“เดี๋ยว จะไปสอบที่ไหนยะ นี่จะทิ้งเมียไปเหรอ”

ประโยคนี้ ผมไม่ได้ถาม แต่เป็นน้องมายด์ที่เหมือนจะเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก และเดาว่าธารเองก็เช่นกัน เพราะทันทีที่มันได้ยินโรมพูดอย่างนั้น ก็หันไปมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทิ้งบ้าทิ้งบออะไร มึงใช่เมียกูมั้ยไอ้ไม้ เดี๋ยวถีบหน้าหงาย” โรมว่าขำๆ แต่น้องมายด์หน้าง้ำไปแล้ว
ส่วนผมก็สะใจนิดหน่อยที่น้องมายด์ถูกตอกแบบนั้น

ไงล่ะมึง อ้างตัวว่าเป็นเมียมันอยู่ตั้งนาน โดนย้อนแบบนั้น ไปไม่ถูกเลยล่ะสิ

“ถ้าเมียมึงไม่ใช่กูแล้วจะเป็นใครที่ไหนยะ อย่าบอกนะว่านังแป้ง” น้องมายด์เอ่ยชื่อตัวต้นเหตุที่ทำให้ธารเข้าไปพับพันกับเรื่องยุ่งยากขึ้นมา ทำเอาโรมทำหน้าแหย
“แป้งอะไร รายนั้นกูเลิกยุ่งไปนานแล้ว เมียเมออะไร ไม่มีทั้งนั้นแหละ”
“งั้นก็ค่อยยังชั่ว แล้วตกลงอะไรยังไง จะไปสอบเรียนต่ออะไร ไหนว่ามาสิคะ พูดค่ะพูด” น้องมายด์วกกลับเข้าเรื่องเดิมอีกครั้ง
โรมสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนว่าออกมาเนิบๆ
“ก็ไปสอบกับจอมแก่น จอมแก่นไปไหน กูก็ไปที่นั่นแหละ” พูดอย่างเดียวไม่พอ เหลือบมองหน้าจอมแก่นด้วย ขณะที่จอมแก่นทำเป็นเมิน คว้าแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่ม

เอ้อ ผมลืมบอกไปว่าสองคนนี้ดีกันแล้วล่ะ ดีกันตั้งแต่ที่โรมมาขอโทษธารต่อหน้าจอมแก่น จอมแก่นก็เลยยอมกลับมาพูดกับโรมด้วย

แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมระแคะระคายได้เท่ากับการที่ได้ยินมันเรียกชื่อจอมแก่นเต็มๆ เมื่อวันก่อนที่ผมติวหนังสือให้พวกมันไปสอบมิดเทอม ยังได้ยินเรียกว่าไอ้จอมๆ อยู่เลยนี่หว่า

เรดาห์จับผีด้วยกันทำงานอีกแล้ว...

ไม่ใช่แค่ผม เรดาห์น้องมายด์ก็เช่นกัน รายนั้นหรี่ตามองจอมแก่นกับโรมอย่างจับผิด ก่อนจะโพล่งขึ้นมากลางวง
“เดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวนะ อะไรคือเรียกน้องจอม ผัวอันดับสองของกูว่าจอมแก่น แล้วอะไรคือผัวอันดับหนึ่งของกูจะตามผัวอันดับสองของกูไป พวกมึงไม่ได้มีซัมธิงรองหรืออะไรที่กูยังไม่รู้กันใช่มะ?”

ถามออกไปซะตรงอย่างนั้น พวกมันจะตอบกันมั้ยเล่า!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: ตัวอย่าง♦P.19♦15/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-04-2016 00:30:42
ชั่งใจ ครั้งที่ 23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย[2]

แน่นอนว่าไม่ตอบ จอมแก่นเนี่ยที่ไม่ตอบ เฉไฉด้วยการมองไปทางอื่น ไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้โรมรับหน้าไป
“ซัมธิงรองอะไรของมึง กูก็แค่จะไปเรียนตามมันเฉยๆ ก็เห็นมันมีโควตาสอบภาคเหนือ กูเลยจะไปสอบที่ ม.ในบ้านเรา มึงคิดบ้าอะไรของมึงเนี่ย กูกับจอมแก่นไม่ได้...” จู่ๆ ก็หยุดพูด ทำเอาน้องมายด์หรี่ตาจับผิดมากกว่าเดิมอีก
“ไม่ได้อะไรของมึง”
“ไม่ได้...เป็นอะไรกันเว้ย” คราวนี้โรมพูดเสียงเบา สีหน้าก็ดูเขินอายขึ้นมาทั้งที่จอมแก่นยังนิ่งเฉย
แต่แค่นี้ผมก็รู้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร ถึงตอนนี้พวกมันจะยังไม่ยอมรับกัน ทว่าผมก็เข้าใจได้ว่าพวกมันก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน
น้องมายด์เองก็สัมผัสได้ หันมามองหน้าผมพลางพูด
“บีสองก็คิดเหมือนบีหนึ่งใช่มั้ยคะ”
ผมพยักหน้า กลั้วหัวเราะไปด้วย ทำให้ธารที่นั่งมองอยู่ถามแทรกขึ้นมากลางวง
“คิดอะไรเหมือนกันวะพี่”
“เดี๋ยวกลับบ้านแล้วพี่เหนือจะเล่าให้ฟังนะ” ผมบอกปัด ไม่อยากพูดในตอนนี้ เผื่อว่าสองคนนั้นจะยังไม่อยากให้ใครรู้ ไว้พวกมันเปิดตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ธารเองก็ดีที่ไม่ถามต่อ ที่ไม่ถามต่อก็เพราะถูกกั้งถามบ้างน่ะ
“แล้วเราล่ะเอายังไง เพื่อนๆ เค้าไปเรียนต่อกันหมด ติดไอ้เหนือเป็นตุ๊กแกอย่างนี้ ตามมันไปเรียนที่กรุงเทพฯ มั้ยล่ะ”

ไปว่ามันว่าเป็นตุ๊กแก เดี๋ยวมันก็ต่อยมึงแว่นแตกหรอกไอ้กั้ง!

ดีที่ไม่ต่อย แค่มองค้อนอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก ปากก็ขยับตอบออกมา
“ยังไม่รู้”
คำตอบเดิมๆ เมื่อถูกถามด้วยคำถามเดิมๆ ผมน่ะชินแล้วล่ะ เคยถามมันหลายรอบแล้ว คำตอบที่ได้ก็เป็นอย่างนี้ทุกที จะมีก็แต่ไอ้ยีนส์กับไอ้กั้งนี่แหละที่ทำหน้างงโลกขึ้นมา
“อะไร ไม่รู้ได้ไงคะน้องธาร อีกสองสามเดือนก็เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วโควตาภาคเหนืออะไรนี่ก็สอบปลายเดือนนี้นี่ ไม่คิดจะไปเรียนต่อหรือไง แบบมหา’ลัยหรือ ปวส.อะไรงี้” ยีนส์ถามบ้าง
ส่วนธารก็ส่ายหน้า
“ยังไม่ได้คิด” ตอบแบบห้วนๆ ด้วย
ไอ้ยีนส์กับไอ้กั้งก็ทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคนที่ผมคบอยู่พูดอย่างนี้ ซ้ำยังไม่แสดงสีหน้าในแง่ลบอย่างเดียว ไอ้ยีนส์ยังพูดออกมาด้วย
“เด็กมึงนี่แย่แล้วนะไอ้เหนือ อนาคตมืดมนมาก มึงดูแลน้องดีๆ หน่อย”
ธารชักสีหน้าทันที รู้เลยว่าไม่พอใจ ผมเลยรีบแทรกขึ้นห้ามทัพก่อนที่จะเกิดเรื่อง
“รู้แล้วน่า เดี๋ยวกูจัดการเอง ให้น้องได้คิดหน่อย ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้”
ยีนส์ก็เออออไปตามประสา จะมีก็แต่กั้งนี่แหละที่มองหน้าผมไม่เลิก จนผมต้องถามมัน

“มีอะไร มองหน้ากูอยู่ได้”
กั้งไม่พูดในทันที รินโซดาใส่แก้วก่อนแล้วถึงเอ่ยปาก
“ไม่มีอะไร กูแค่จะเตือนมึงว่าอาทิตย์หน้าอย่าลืมเช็คผลด้วย ดูท่าทางมึงจะลืม”
“ผลอะไรวะ”
“ทุน มึงสมัครไปนี่”

ลืมจริงๆ ด้วย ลืมไปสนิทเลยว่าผมสมัครทุนเรียนต่อ ป.โทของมหาวิทยาลัยในอเมริกาไป ถ้าไอ้กั้งไม่เตือนนี่ก็คิดไม่ออกแล้ว

ผมทำหน้าเหรอหรา กั้งก็เลยพูดขึ้นมาอย่างระอา
“กูว่าแล้วเชียวว่ามึงต้องลืม มัวแต่คั่วเด็กจนลืมอนาคตเลยนะมึงน่ะ”
“เออ มันก็มีลืมกันบ้างหรือเปล่าวะ ขอบใจที่เตือนแล้วกัน”
ผมบอกปัดๆ ด้วยไม่อยากให้ไอ้กั้งมันบ่น ถ้ามันได้บ่นเมื่อไหร่ รับรองเลยว่าหูผมชาแน่ บ่นทีนึงนี่ ขุดเรื่องจากในอดีตมาผสมโรงบ่นอีกต่างหาก
ทว่าการที่กั้งทักมาอย่างนี้ ทำให้ธารที่นั่งอยู่ข้างผมทำหน้าน่ากลัวขึ้นมา ยื่นมือมาคว้าแขนผมซะเต็มแรงกะทันหัน
“ทุนอะไร”
หันไปเห็นหน้ามันแล้ว ผมก็กลืนน้ำลายเอื้อก รู้เลยว่ามันกำลังของขึ้นแล้ว ผมเลยตัดสินใจว่าจะบ่ายเบี่ยง ไม่ตอบในตอนนี้ เดี๋ยวมันจะอาละวาด
หากแต่พออ้าปากเท่านั้น ยีนส์ก็โพล่งขึ้นมาซะก่อน
“ทุนไปเรียนต่อ ป.โท ที่อเมริกา ไอ้เหนือมันยื่นขอทุนกับพร้อมกับพวกพี่เนี่ย ทุนนี้ดีนะ ใช้แค่ผลการเรียนกับเขียนเรียงความส่งไปคัดเลือกเอง ไม่ต้องสอบ ถ้าได้นี่ก็ไปเรียนสองปี ฟรีทุกอย่าง สบายกระเป๋าพ่อแม่ไปอีก”

มึงจะมาอธิบายให้มันฟังทำบ้าอะไรเล่าไอ้ยีนส์! ไม่เห็นเหรอเนี่ยว่ามันบีบแขนกูแน่นจนจะห้อเลือดหมดแล้ว!

ผมกลืนน้ำลายจนแสบคอไปหมด ธารก็จ้องหน้าผมไม่หยุด ก่อนจะลุกขึ้นยืนพรวด กระชากผมให้ลุกขึ้นตามด้วย
“เดี๋ยวๆ อะไรเนี่ยน้องธาร เป็นอะไร” ยีนส์รีบร้องถามทันทีที่เห็นท่าทางแปลกๆ
ธารไม่พูด มองยีนส์อย่างขุ่นเคือง แล้วออกคำสั่งกับผม
“กลับบ้าน!”
พูดจบก็ลากผมออกไปจากตรงนั้นเลย ทิ้งให้เพื่อนๆ มันกับเพื่อนๆ ผมมองตามอย่างงุนงง ผมก็ได้แต่ร้องบอกพวกมันว่าไม่มีอะไร ไว้จะติดต่อไปทีหลัง



 
ธารขี่รถกลับบ้านด้วยความเร็วแสง ผมได้แต่กอดเอวมันแน่นเพราะกลัวตกรถลงไปตาย แค่มันดื่มนิดๆ หน่อยๆ ยังไม่เมาแล้วมาขี่รถน่ะไม่น่ากลัว แต่มันขี่รถด้วยอารมณ์โกรธจัดแบบนี้นี่สิที่น่ากลัว
ซ้ำกลับมาถึงบ้านแล้ว มันก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลากผมขึ้นบันไดไปที่ห้องมันบนชั้นสอง อันนี้แหละที่ทำให้ผมใจคอไม่ดี กลัวว่ามันจะทำอะไรผมชะมัด ร้ายกว่านั้นคือพอมันเปิดประตูห้องได้ ก็เหวี่ยงผมเข้ามาในห้องสุดแรง ดีที่ผมตั้งหลักได้ทันเลยไม่ล้มลงไป หากแต่ตั้งหลักได้ก็เท่านั้นเพราะพอมันปิดประตูห้องเรียบร้อย มันก็ปรี่เข้ามาจับไหล่ผมด้วยสองมือไว้แน่น
“ที่พี่กั้งพูดหมายความว่าไง! อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” ตามมาด้วยตะคอกเสียงดัง

ผมรู้แหละว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร ก็เรื่องทุนที่ไอ้กั้งมาหลุดปากพูดน่ะ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดไอ้กั้ง จะไปโทษมันก็ไม่ได้ และผมก็ยังไม่พร้อมที่จะตอบตอนนี้ ได้แต่บ่ายเบี่ยงเพราะธารอารมณ์ร้อนมาก สีหน้ามันนี่พร้อมจะฆ่าผมได้ทุกวินาทีอย่างนี้ ถ้าอธิบายอะไรไป มันก็ไม่ฟังหรอก
“น้องธารใจเย็นๆ ก่อนนะ” ผมเลยพยายามปราม
แต่ก็เสียแรงเปล่า มันตะโกนใส่หน้าผมซะดังลั่น
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก! ทำไมพี่ไม่บอกว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา!” ตะโกนใส่หน้าผมไป ตัวก็สั่นเทิ้มไป สีหน้าเหมือนคนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไปสุดๆ

ผมสบดวงตาแข็งกร้าวแล้วก็พ่นลมหายใจยาว ไม่ใช่ว่าผมไม่บอกมันเรื่องทุนนะ แต่ผมลืมไปว่าตัวเองก็ยื่นทุนไปเหมือนกันต่างหาก ถ้าวันนี้ไอ้กั้งไม่เตือน ผมก็ลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรแบบนั้นด้วย ที่สำคัญ มันก็ยังไม่แน่สักหน่อยว่าผมจะได้ทุนไปเรียน ไอ้กั้งมันก็แค่บอกให้ผมอย่าลืมเช็คชื่อตัวเองตอนวันประกาศผลก็เท่านั้น

แต่ยังไงก็ความผิดผมแหละ ถ้าผมฉุกใจคิดเตือนความจำตัวเองสักหน่อย ก็คงไม่ลืม แล้วไม่ได้บอกธารเองกับปาก ต้องให้มันมารู้จากคนอื่นอย่างนี้

ก็ช่วยไม่ได้ ผมมัวแต่เอาเวลาไปสนใจมันเป็นอันดับแรกนี่นา เรื่องตัวเองเลยกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญซะงั้น

“พี่เหนือยังไม่ได้ไปนี่ครับ แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะได้ไปมั้ย คนสมัครไม่ใช่แค่คนสองคนนะ สมัครกันเป็นร้อย แต่เอาแค่สามคน เปอร์เซ็นต์จะได้ทุนมันไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น” ผมให้เหตุผลอย่างใจเย็นที่สุด
ธารหยุดฟัง แต่ก็ยังไม่ระงับอารมณ์โกรธเลยแม้แต่น้อย โวยวายใส่ผมอีก
“แล้วถ้าพี่ได้ล่ะวะ! ธารจะทำยังไง จะทิ้งกันไปเหรอ แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย! ห้ามไป!”

เห็นความแต่ใจของมันแล้วผมก็คิดว่ามันชักจะไม่มีเหตุผลละ ก็ผมบอกไปแหม็บๆ ว่าไม่รู้ว่าจะได้ทุนหรือเปล่า อันที่จริงผมก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะได้ด้วยเพราะโอกาสที่จะได้มันน้อย ถึงการเรียนต่อต่างประเทศจะเป็นความฝันหนึ่งของผมก็เถอะ ขนาดไอ้กั้งเก่งกว่าผมตั้งเยอะ มันยังเคยบอกผมตั้งแต่แรกเลยว่ามันก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้

เขียนเรียงความไปขอทุนน่ะเรื่องง่าย แต่เขียนยังไงให้ฝั่งนั้นเลือกน่ะยาก แถมผ่านแล้วก็ยังต้องสอบสัมภาษณ์อีก มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

ผมอยากจะบอกธารเหลือเกิน แต่มันสติแตก เขย่าผมจนตัวคลอน โวยวายไม่หยุด
“พี่ห้ามไปนะเว้ย! ยังไงก็ไม่ให้ไป!”
มือที่จับไหล่ผมอยู่ก็ออกแรงบีบจนรู้สึกเจ็บขึ้นมานิดๆ
ผมย่นคิ้ว ทำท่าจะปรามมัน หากแต่ก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อจู่ๆ มันก็โผเข้ากอดผมแน่น พร่ำพูดไม่หยุดราวกับเด็กถูกขัดใจ แต่ครั้งนี้ไม่ตะคอกแล้ว
“ถ้าพี่ไปแล้วธารจะอยู่ยังไง ห้ามไป อยู่กับธารที่นี่ ยังไงก็ห้ามไป ธารรักพี่นะ ถ้าพี่รักธารก็ห้ามไป”
“น้องธาร...” ผมชะงักไป รู้สึกได้ถึงความว้าเหว่ของมันขึ้นมา
ก็ตอนนี้มันติดผมประหนึ่งติดแม่มันเลยนี่นา ถ้าขาดผมไปสักคน มันคงคลั่งแน่
แล้วผมก็มั่นใจว่าตัวเองคิดถูกเมื่อธารพูดออกมาอีก
“อย่าทิ้งธารไปได้มั้ย ธารไม่อยากอยู่ห่างจากพี่ อยู่กับธารนะ ขอร้อง”
ผมเม้มปากแน่น ใจอ่อนยวบ ยกมือขึ้นโอบกอดตอบ ลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เป็นการปลอบโยน พลางครางรับอย่างไม่มีทางเลือก
“พี่เหนือไม่ทิ้งน้องธารไปไหนหรอกนะ พี่จะอยู่ตรงนี้... อยู่ข้างๆ น้องธารแบบนี้ ไม่ต้องกลัวนะ”
ธารเริ่มสงบลงได้ กอดผมแล้วซุกหน้าเข้ากับไหล่ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงผมเท่านั้นที่เริ่มว้าวุ่นใจขึ้นมา

ถ้าเกิดได้ทุนขึ้นมา...ผมจะทำยังไงกับเด็กนี่ดี

สิ่งหนึ่งก็ความฝัน อีกสิ่งหนึ่งก็คนรัก... เลือกไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ทั้งคู่เลยแฮะ
 



กว่าจะทำให้ธารสบายใจหลังจากที่มันรู้ว่าผมสมัครทุนไปได้ก็เล่นเอาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน มันขอร้องแกมบังคับให้ผมไปถอนใบสมัครทุนออกมาไม่เลิก แต่ผมทำมั้ยล่ะ...

เหอะ ใครจะบ้าไปทำ นั่นมันความฝันตลอดชีวิตของผมเลยนะ ถึงผมจะรักเด็กนี่มากแค่ไหนก็เถอะ แต่อนาคตตัวเองก็สำคัญ ผมไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่มีแค่มันกับผมสองคนสักหน่อย

ผมก็เลยแกล้งบอกมันไปว่าสมัครแล้วถอนใบสมัครไม่ได้ บนเว็บไซต์ที่ใช้สมัครทุนไม่มีการยื่นเรื่องขอถอนใบสมัครคืน ต้องรอให้ประกาศผลก่อน ถ้าติดแล้วค่อยไปยกเลิกรับทุนอย่างนั้นน่ะได้ ทว่าธารก็ไม่เชื่อผมหรอก ให้ผมเข้าเว็บไซต์แล้วอ่านให้ฟัง โชคดีที่ธารไม่เก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ผมเลยโกหกบ้าง แกล้งแปลไม่ถูกบ้าง กระทั่งมันยอมเชื่อแล้วเลิกวุ่นวายไปเอง

เหนื่อยแฮะ ไม่คิดเลยว่าสักวันมันจะเป็นเรื่องที่สร้างปัญหาให้เราสองคนแบบนี้

ทว่าผมก็แสร้งทำลืมๆ ไป ทำเป็นไม่พูดถึงด้วยไม่อยากให้เป็นปัญหาขึ้นมาอีกจนกว่าจะประกาศผลทุน แต่สิ่งหนึ่งที่รบกวนใจผมนอกจากเรื่องนี้ก็คือ การเห็นธารทำตัวลอยชาย ไม่ทำอะไรเลยทั้งที่เมื่อวานก่อน มันเพิ่งจะรู้ไปแท้ๆ ว่าเพื่อนมันแต่ละคนมีหนทางในอนาคตไปแล้ว
เห็นแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ คอยเตือนมันให้อ่านหนังสือตลอดเวลา เพราะตอนนี้จอมแก่น โรม และน้องมายด์พากันจับกลุ่มไปติวหนังสือกันแล้ว มีแต่ธารที่ยังเฉย ไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิด

มึงจะไร้อนาคตมากเกินไปแล้ว!

ผมบ่นไม่หยุดเลยเรื่องให้มันอ่านหนังสือ แน่นอนว่ามันไม่ทำ วันนี้ก็บ่นตั้งแต่เช้า มันก็ยังเมิน สุดท้ายผมก็ชักหมดความอดทน เดินไปยืนค้ำหัวมันที่นอนกลิ้งเกลือก เล่นเกมในโทรศัพท์อยู่บนเตียง พลางบ่นด้วยความระอา
“พี่เหนือก็ไม่ได้อยากจะจู้จี้จุกจิกหรอกนะครับ แต่พี่เหนือว่าถึงน้องธารจะยังไม่รู้ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน อย่างน้อยก็ติวหนังสือเผื่อๆ ไปบ้างก็ดี ทิ้งเวลาเสียเปล่าไปแบบนี้ มันน่าเสียดายนะ”
ธารกลอกตาใส่ผมราวกับรำคาญเต็มทนที่ผมพูดเรื่องนี้ไม่เลิก ผมก็ไม่อยากจะทำนักหรอก แต่เป็นห่วงมันนี่หว่า จนป่านนี้แล้ว มี่แต่มันเนี่ยที่ยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะเดินไปทางไหน ขนาดโรมที่ดูไร้อนาคตกว่า เรียนก็ไม่เก่งยังเลือกทางเดินได้แล้วเลย ดังนั้น...

มึงจะมาทำตัวสบายใจเฉิบ ไม่รู้ไม่ชี้อย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย! อย่างน้อยถ้าจะไม่สอบเข้ามหา’ลัย ก็ควรเลือกว่าจะเรียนต่อ ปวส. หรืออะไรเทือกนั้นสิวะ! กระเตื้องได้แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็เรียนจบแล้วนะเว้ย!

“นะ น้องธาร ติวหนังสือเถอะ อ่านผ่านๆ ก็ได้ อ่านให้มันผ่านตา นั่งๆ นอนๆ ไม่ทำอะไรเลยแบบนี้ พี่เหนือเป็นห่วงนะ”
“เป็นห่วงอะไรวะ”
“ห่วงอนาคตสุดที่รักของพี่เหนือเนี่ย จะห่วงอะไรล่ะ ยังไงน้องธารก็ต้องเลือกนะว่าจะเลือกทางไหน จะมาปล่อยให้เวลาสูญเปล่าโดยไม่ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ อนาคตมันไม่แน่นอน ตอนนี้คุณพ่อของน้องธารมีเงินเลี้ยงน้องธารก็จริง แต่ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรขึ้นมาอีกรอบล่ะ น้องธารจะจัดการตัวเองยังไง ยิ่งถ้าพี่เหนือโดนน้องธารทำพิการ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตขึ้นมา น้องธารไม่เรียนต่อ ไม่ทำงาน หยุดอนาคตตัวเองไว้แค่นี้ แบบนี้จะเลี้ยงพี่เหนือได้เหรอ” ผมแกล้งเรียกมันด้วยสรรพนามหวานๆ หน่อย เผื่อมันจะเลิกดื้อด้านบ้าง ตามด้วยสอนอีกยาวเหยียด

กลายเป็นคนขี้บ่นโดยสมบูรณ์ แต่ครั้งนี้มันได้ผล ธารหันมามองผม ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปยืนเลือกหนังสือที่โต๊ะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบหนังสือรวมข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ออกมากางตรงหน้า
“อ่านก็อ่าน พอใจแล้วใช่มั้ย”
ผมพยักหน้า ยิ้มให้มันด้วยความโล่งใจที่ในที่สุด มันก็ยอมทำตามคำแนะนำของผมซะที ส่วนมันก็พ่นลมหายใจยาว คว้าดินสอกับกระดาษมานั่งแก้โจทย์ไปตามเรื่อง
เห็นแล้วก็ค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย ผมเลยไปยืนเมียงๆ มองๆ อยู่ใกล้ ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับหนังสือรวมโจทย์ข้อสอบภาษาอังกฤษเล่มหนาที่โชว์สันหนังสือให้เห็น ก่อนจะคว้ามันออกมาเปิดดู
“ถ้าน้องธารอยากให้ติวอังกฤษให้ก็บอกพี่เหนือนะ เดี๋ยวพี่ติวเข้มให้เป็นกรณีพิเศษเลย เห็นอย่างนี้พี่เหนือเคยรับจ็อบเป็นติวเตอร์มาก่อนเน้อ”
ธารชะงัก หันมามองผม ก่อนจะยกมือขึ้นคว้าหนังสือที่ผมดูอยู่ เรียกสายตาผมให้หันไปมองมัน
“ก็ได้ แต่มีข้อแม้นะถ้าอยากให้ธารตั้งใจเรียน”
“ข้อแม้ว่า?” ผมเลิกคิ้วสูง
ธารยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วว่าออกมา
“หนึ่งบท แลกกับหนึ่งครั้ง...บนเตียง ธารถึงจะตั้งใจเรียน โอเคปะ?”

โอ้โห...หน่องธารรร! ค่าแรงแบบนี้ พี่เหนือจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะครับ

ไปเลยไป ขึ้นเตียงเลย ขอเบิกจ่ายล่วงหน้ารัวๆ โปรโมชันแสงเหนือ พิเศษสำหรับน้องธารคนเดียว ชั่วโมงเดียว แถมติวเพิ่มอีกหนึ่งบท มากกว่าสองชั่วโมง ติวฟรีทั้งเล่ม ไม่คิดค่าแรง เป็นสมาชิกแสงเหนืออะคาเดมีฟรีตลอดชีพอีกต่างหาก

หูย... หนังสือหนังหาไม่ต้องเรียนมันกันละ

มีดีมานด์ก็ต้องมีซัพพลาย มีคนขายก็ต้องมีคนซื้อ น้องธารขายอ้อย พี่เหนือก็ต้องเหมา

ผมดึงหนังสือในมือธารออก วางลงบนโต๊ะทันที ก่อนพุ่งเข้าไปประคองใบหน้ามันมาจูบเบาๆ
“งั้นพี่เหนือขอค่าจ้างติวหนังสือเลยแล้วกัน งดเชื่อ เบื่อทวง”
“จ่ายก่อนแบบนี้ไม่แฟร์เลยว่ะ แต่ก็เอาเถอะ แล้วแต่” ธารว่า หน้าแดงเรื่อขึ้นมาน้อยๆ เป็นฝ่ายจูบผมกลับบ้าง

เอาล่ะ เปลี่ยนจากติววิชาภาษาอังกฤษมาเป็นวิชาเพศศึกษาก่อนนะ
โยนหนังสือทฤษฎีทิ้งรัวๆ ไม่ต้องเรียนแล้วทฤษฎี เข้าภาคปฏิบัติโลด

ตอนนี้ถ้ามันจะเสียอนาคตก็ไม่ใช่เพราะตัวมันแล้วล่ะ แต่เป็นเพราะผมเนี่ย

โถ หนทางอนาคตของหนุ่มน้อยมืดมนไปทันตากว่าเดิมทันที

พี่เหนือขอโทษนะครับ อดใจเหมาอ้อยไม่ไหวจริงๆ...
--------------------------------
ตอนนี้ยังไม่มาม่านะ กำลังชง โผล่มานิดๆ หน่อยๆ พอเกริ่น 555
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอัพตัวอย่างตอนที่ 24 ให้นะคะ ฝากส่งฟีดแบ็คกันด้วยน้า ^^

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-04-2016 04:30:48
เฮ้อออ ห่วงอนาคตน้องธารจริงๆ อีพี่เหนือนี้ก็เหมือนจะช่วยดันนะ แต่ไปๆมาๆ กลับชวนเสียเรื่องจนได้  :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 17-04-2016 07:52:53
รักกันก้อต้องคิดถึงอนาคตด้วย...

สมกับที่ได้เป็นทีมพี่เหนือ

Cheers. 

 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 17-04-2016 08:06:24
พาน้องธารไปด้วยดีไหมเหนือไม่งั้นได้ตีกันตายแน่เลย แนะนำให้น้องไปสอบเรียนที่นั่น

แต่ธารไม่ใส่ใจอะไรเลย แย่แหะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-04-2016 08:35:54
ติวแบบนี้อิพี่เหนือมีแต่ได้กับได้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-04-2016 09:10:24
อิพี่เหนือหื่นตลอดดด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-04-2016 10:27:31
เหมือนจะดีมีสาระนะพี่เหนือ สุดท้ายก็หื่นแตกอีกแล้ว
ถ้าได้ทุนเด็กขี้โมโหจะอาระวาดอะไรอีกไหมนี่ ช่วงนี้ตัวยิ่งติดกันตลอดด้วย ไหนเรื่องเรียนต่อของธารอีก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-04-2016 12:04:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-04-2016 12:11:11
ติว ติว ติว ...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-04-2016 12:47:40
สังหรณ์ใจว่าถ้าแสงเหนือตัดสินใจไปเมกา ธารจะตามไปแน่ ติดเหนือและพ่อรวยขนาดนี้  แต่อยากให้ธารแบ่งความทุ่มเทนั้น มาให้กับอนาคตตัวเองสักนิด เรียนไปด้วยรักไปด้วย อนาคตจะสดใสกว่านี้นะแจ๊ะ // ป้าก็บ่นเป็นยายแก่เลย  :katai5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 17-04-2016 14:09:08
พี่เหนือตลกกก น้องธารก็น่ารัก
สนุกมากเลยค่ะ เราอ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย
มาต่อเร็วๆน้าาา อยากอ่านตอนต่อไปแล้วว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-04-2016 14:16:46
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 17-04-2016 15:19:42
น้องธารสายซึนและยันมากกก. ถ้าพี่เหนือได้ทุนนี่โดนจับล่ามโซ่แน่เลย :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 17-04-2016 15:22:17
โอ้ยยยย อิพี่เหนือ หื่นเสมอต้นเสมอปลาย 555
 :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 17-04-2016 16:18:18
โอ๊ยยยยย อิพี่เหนือเหมือนจะดีเหมือนจะห่วงอนาคตของปั๋วเด็ก
สุดท้าย  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่23: หนทางอนาคตของหนุ่มน้อย♦P.19♦17/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-04-2016 17:20:49
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 24
มาแว้ววว มาม่า ตัดตัวอย่างตอนมาม่าเดือดมาให้ชิมลางด้วย เอาซี่ ร้อนแรงกันไปอีกกก 555
มาม่าไม่มากค่ะ จริงๆ สาบานได้ เจ็บเหมือนมดกันนิดเดียว (มดทั้งรัง 555 #โดนตบ) ส่วนที่หลายๆ คนบอกว่าให้น้องธารตามไปเรียนกับพี่เหนือนี่ หนูแดงกระซิบบอกได้เลยว่าสองคนนี้ก็มีแพลนค่ะ แต่ว่า...
ไปรออ่านเอาตอนเต็มๆ แล้วกันเนอะ สปอยล์ให้อยากแล้วจากปายยยย อิอิ
เจิมแล้วปูเสื่อรอเลยจ้า อีก 2-3 วันจะมานะ อาจมาเร็วกว่านั้น แล้วแต่อารมณ์และความสวยของคนเขียน XD
-----------------------------------------

“พี่เหนือ! สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
“น้องธาร ใจเย็นๆ ก่อน”
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้เลย!”

ธารไม่ฟังผมพูดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังลากผมให้มานั่งบนเก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊ค พยายามบังคับให้ผมเข้าเว็บไซต์ทุนแล้วไปยื่นขอสละสิทธิ์ แต่ใครมันจะไปทำวะ นั่นมันความฝันของผมนะเว้ย ตลอดยี่สิบสองปี ผมตั้งใจเรียนมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ถึงจะรักธารมากเช่นกัน ทว่าจะให้ผมทิ้งความฝันแล้วไปเลือกมันก็ไม่ได้ ถ้าในอนาคตเลิกกันขึ้นมาจะเป็นยังไง ไม่เท่ากับว่าผมเสียโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตไปเลยเหรอ?

ผมก็เลยขืนตัว ไม่ยอมนั่ง หลบมายืนอยู่อีกมุม ข่มใจให้ใจเย็นที่สุด เพราะตอนนี้คนที่เดือดกว่าใครเพื่อนก็คือคนตรงหน้าผม
“น้องธาร ฟังพี่เหนืออธิบายก่อนนะ”
“จะต้องให้ฟังอะไรอีก! ธารฟังพี่มามากแล้ว ตอนนี้พี่ต้องฟังธาร สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”

ความจริงมีแต่ผมต่างหากที่ฟังมัน เพราะผมเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยยังไม่รู้ผล และที่เลี่ยงก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเราสองคน แต่ตอนนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ในเมื่อรู้ผลแล้ว และผมก็ตัดสินใจว่าจะไป ดังนั้นก็มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ การอธิบายให้ธารเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

แต่ก็เท่านั้น ธารไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม มองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ปากก็ยังออกคำสั่งไปหยุด
“ธารฟังคำโกหกของพี่มามากแล้ว ไม่ไปอะไร อยู่ด้วยกันตลอดไปอะไร! แม่งโกหกทั้งนั้น!”
“น้องธาร ฟังพี่...” ผมอ้าปาก จะอธิบายอีกครั้ง
หากแต่ธารตรงเข้ามากระชากผมให้ไปที่โน้ตบุ๊คอีกรอบ แล้วบังคับให้ทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำอีก
“สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้! ถ้ารักกันจริงก็ทำซะ!”

ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเลย งี่เง่าเกินไปแล้ว หมดประโยชน์จะคุยแฮะถ้ามันยังอารมณ์ร้อนไม่เลิกอย่างนี้
ผมก็เลยสะบัดตัวออก ลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยคุยกัน ทว่าพอเดินไปถึงประตู ธารก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผม ดึงซะเต็มแรงให้ผมหันหน้าไปสบตามัน
“จะหนีไปไหน! บอกให้สละสิทธิ์ไงวะ!”

บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว ความงี่เง่าเอาแต่ใจของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกบีบคั้นเกินไป จนเผลอหลุดตะคอกใส่มันอย่างไม่รู้ตัว
“โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะเว้ย! นายเลิกทำตัวเป็นเด็กซะที ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว!”
ไม่ใช่แค่ตะคอก สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับธารก็เปลี่ยนไป ธารชะงักไปครู่ ดวงตาแข็งกร้าวฉายความผิดหวังออกมาให้เห็นชัดเจน ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ธารใจเย็นลงได้เลย รังแต่จะทำให้มันใจร้อนมากขึ้นไปอีก
“แล้วยังไงวะ! ก็สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว จะมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ไม่ได้! พี่เป็นแฟนธารแล้ว ห้ามไปไหนเด็ดขาด!”

ผมยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนเลยแม้แต่น้อย ธารเองก็เช่นกัน มีเมื่อกี้นี้แหละที่มันโพล่งขึ้นมาเอง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก วินาทีนี้อยากให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เพราะผมเองก็ไม่อยากจะเดือดดาล หลุดคำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักออกมาเพราะเราตกลงกันไม่ได้อีก

ผมเลยสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม เดินหนีอีกครั้ง แต่ธารก็ยังคงเป็นธาร ใจร้อนและไร้เหตุผลเหมือนเดิม แค่เห็นผมจะหนี ก็เข้ามาฉุดแขนอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ฉุดเปล่า ยังเหวี่ยงเข้าไปกลางห้อง หวังจะไม่ให้ผมออก ทว่าในนาทีที่เหวี่ยงร่างผมนั้น ธารคงจะลืมระงับแรงตัวเองไป ทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งหลักเซถลาล้มจุ้มปุ๊กไปบนพื้น หัวข้างหนึ่งกระแทกเข้ากับขาโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเสียเต็มแรงจนรู้สึกมึนไปชั่วขณะ

มึนอย่างเดียวไม่ว่า พอยื่นมือไปแตะบริเวณที่ถูกกระแทก ก็เห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาด้วย
ธารมองผมด้วยสายตาตระหนก คงจะตกใจที่เผลอทำร้ายผมโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบปรี่เข้ามาหาผมทันที
“พี่เหนือ เป็นอะไรมั้ย”

เป็น... เป็นมากด้วย มากกว่านั้นคือผมไม่อยากจะคุยกับมันในตอนนี้แล้ว ผมเองก็เริ่มโมโหเหมือนกัน แค่เห็นมันทำท่าจะประคองผม ผมก็ปัดมือมันออก

“อย่ามาถูกตัวฉัน”
“พี่...” ธารคราง ยื่นมือมาจะจับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี หลุดตะคอกมันไปอีก
“บอกว่าอย่ามาถูกตัวฉันไง!”

ธารนิ่งค้าง ไม่เชื่อสายตาว่าคนอย่างผมจะโกรธมันเป็นเหมือนกัน ทว่าผมก็ไม่ใส่ใจแล้ว ดันตัวขึ้นยืน แล้วพุ่งไปทางประตู ธารก็ทำท่าจะตามมาอีกนั่นแหละ ผมเลยรีบเบรกมันไว้ก่อนด้วยไม่ต้องการจะทะเลาะกับมันอีก
“อย่าตามมา ไว้นายหยุดความหมาบ้านี่ได้ แล้วพร้อมจะคุยก่อน ค่อยมาคุย ฉันเบื่อที่จะโอ๋เด็กไม่รู้จักโตอย่างนายเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาที่นายจะต้องฟังเหตุผลของฉันบ้าง”
“แต่พี่...” ธารทำท่าจะแย้ง สีหน้ารู้สึกผิดเต็มแก่

แล้วมันช่วยอะไรล่ะ ผมไม่ได้ต้องการจะโอ๋มันแล้ว ผมเองก็ต้องการแคร์ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน มันเหนื่อยนะที่จะต้องไปดูแลเทคแคร์ความรู้สึกคนอื่นตลอดเวลาทั้งที่อีกฝ่ายไม่แคร์ความรู้สึกหรือสนใจความต้องการของผมเลย

ผมเลยพูดดักเอาไว้ก่อนที่มันจะพูดจบ
“ฟังนะธาร ชีวิตฉันไม่ได้มีแค่นาย ฉันจะไม่ทิ้งโอกาสในอนาคตหรือความฝันของฉันเพื่อนายเด็ดขาด ยังไงฉันก็จะไป ส่วนนาย... ถ้ายอมรับกับการตัดสินใจของฉันได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกัน”

ธารทำท่าอึดอัดขึ้นมา ดวงตาก้าวร้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนมันจะเดือดขึ้นมาอีกครั้ง หันไปสบถเสียงดัง
“โธ่เว้ย! ทำไมเป็นอย่างนี้วะ!”
แล้วก็เริ่มทำลายข้าวของในห้องตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมจะเข้าไปห้าม เข้าไปปลอบประโลมให้มันรู้สึกดี ทว่าคราวนี้ผมทำได้แค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยออกมาจากห้อง พุ่งลงไปชั้นล่างและออกจากบ้านมันมาในเวลาอันสั้น

ใช่ว่าผมอยากจะทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่ เพราะผมเองก็รักธาร รักมากจนไม่อยากเสียไป แต่ความฝันของผมก็สำคัญมากจนไม่อยากเสียไปเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-04-2016 17:27:48
อยากอ่านต่อแล้วอ่า รีบๆมาต่อนะจ๊ะ พลีสสสส
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-04-2016 19:14:50
โธ่!น้องธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 17-04-2016 20:23:27
โอ๋ตลอดไม่ได้หรอก ธารต้องโตบ้างเเล้ว ไม่ใช่เด็กๆเเล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 17-04-2016 20:30:49
มาม่าแบบพอกรุบกริบก็พอนะคะแง อย่าจัดเต็มมาก ใจบ่ดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-04-2016 21:35:59
น้องธารหนูต้องโตได้แล้วนะคะ หนูก็ต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองด้วยนะ ในเมื่อพี่เหนือจะไปธารก็ตามไปเรียนที่นู่นด้วยซะซิจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 17-04-2016 21:57:10
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากค่า รอนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-04-2016 22:28:34
อยากอ่านนนนนมากกก อิพี่เหนือจริงจังอะแกรรรร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-04-2016 23:27:12
ก็คิดไว้ประมาณนี้เหมือนกัน

ความรักต่างวัย  ระดับการใช้เหตุผลเลยไม่เท่ากัน

แต่ก็คิดไว้อีกเหมือนกันว่า เหตุการณ์นี้ จะทำให้ธารโตขึ้น

ความรัก  มันมีมากกว่าการอยุ่ด้วยกัน

อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 18-04-2016 09:37:40
พี่เหนือทำถูกแล้ว ธารควรโตขึ้นอะ ควรใช้เหตุผลมากขึ้นนะเว้ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-04-2016 09:52:34
ก็เข้าใจนะว่า รัก ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-04-2016 11:08:58
ธารเอาแต่ใจมาก แต่เอาจริงๆพี่เหนือก็สปอยตลอด เราเข้าใจเหนือมีเหตุผลของเหนือ ความฝัน อนาคตนะเว้ย จะเอามาทิ้งแบบนี้ไม่ได้ ธารดูไม่ได้พยามจะทำอะไรเลย อยากยึดเหนี่ยวเหนือไว้ใกล้ แต่ความรักอย่างเดียวมันอดตายนะเห้ยย พี่เหนือไปเรียนไม่ได้เลิกกันซะหน่อย คอลแบบเห็นหน้าก็ได้ บินไปหาก็ได้ ใจเย็นๆธารเอ้ยย เหนือด้วย ปกติยอมตลอด บทอยู่จะไม่ยอมขึ้นมา ค่อยถูกสปอยงานหนักแน่  ใช่ซี้ จะไปแล้วนี่ ใช่ซี้ คงเริ่มเบื่อกันแล้วนิ ตอนแรกยังโอเคกับความสำพันธ์แบบไม่ผูกมัดอยุ่ คือเหมือนแฟนแค่ไม่เรียกแหนเท่านั้นเิง แต่พอมีปัญหาขึ้นมากับเอาข้อนี้มาอ้าง ว่าไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย  ไม่รู้สิ รอบนี้ทีมธาร ถึงจะงี้เง่าเอาแต่ใจ แต่ไม่ได้เปลี่ยนไปแน่นอนนนนน 



ปล พิมได้วนไปวนมา มากก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-04-2016 21:16:58
่ห่วงใยนะเด็กๆ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 19-04-2016 12:46:49
เหอะๆชีวิตคือความไม่แน่นอน คนเราเลือกอนาคต ที่สดใสกว่า พอมองไปอีกทีก็ตะวคนเดียวไปแล้ว หรือบางคนเลือกคนที่รักสุดท้ายก็อยู่ตัวคนเดียวได้เช่นกัน แค่เลือกและปรับเข้าหากัน แต่กรณีของคู่นี้ทางออกสว่างมากดีด้วยทั้งคู่ธารตามเจ้ไปเรียนต่อได้สบายบ้านไม่ได้ลำบาง แค่ต่างกันสองปี แต่เจ้ต้องต่อเอกน่ะจะได้อยู่เมกาเท่าๆกัน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 19-04-2016 16:14:20
 :z3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: โชกุน ที่ 19-04-2016 21:37:10
ธารไปเรียนด้วยเลย จบ 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-04-2016 23:40:31
เอาไงล่ะทีนี้. เรื่องชักจะวุ่นวายไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-04-2016 23:48:44
ชั่งใจ ครั้งที่ 24: ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย[1]

เผลอไปติววิชาเพศศึกษาให้มันแทนที่จะติวภาษาอังกฤษซะได้ แถมติวลากยาวยันมืด อีกวันก็ติว วันต่อๆ ไปก็ติว ติวแม่งแต่วิชานี้แหละ ส่วนวิชาอื่น... เหอะ มันไม่แตะเลยสักนิด

จะว่าไม่แตะก็ไม่เชิง ก็แตะแหละ หยิบขึ้นมาอ่านบ้างนิดๆ หน่อยๆ เวลาผมทักว่าทำไมไม่เห็นอ่านหนังสือ ทักที มันก็ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือที ทำเอาผมอดระอาใจระคนเป็นห่วงอนาคตมันไม่ได้ ผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้ว มันก็ยังทำอะไรไม่จริงจังสักที อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้างอยู่นั่น ขณะที่ตอนนี้จอมแก่นกับโรมพากันจูงมือไปเรียนพิเศษวิชาสามัญเพิ่มเติมตามโรงเรียนกวดวิชาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

แล้วดูเด็กนี่... ให้ตายเถอะ ผมเป็นห่วงมันจริงๆ นะ

เพราะเป็นห่วง ผมเลยอดเอาเรื่องนี้ไปบ่นกับไอ้ยีนส์ไอ้กั้งไม่ได้ ที่เอาไปบ่นก็ไม่ใช่อะไรหรอก คุยกับพวกมันตามปกติน่ะ แล้วก็เผลอหลุดปากออกมาเมื่อไอ้ยีนส์มันถามว่า ‘ผัวเด็กมึงเป็นไงบ้างล่ะ ตกลงเลือกได้หรือยังว่าจะเอาไงกับอนาคต’
เท่านั้นแหละ ผมก็เลยเผลอร่ายยาว ให้พวกมันได้ด่าผมกันยกใหญ่ว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ธารเสียคน

แต่กูก็ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้มันเลือกทางเดินในอนาคตตัวเองไม่ได้สักทีมั้ย!? กระตุ้นมันตั้งหลายครั้งแล้วเนี่ย มันไม่กระเตื้องเองเถอะ!

แล้วผมก็โดนพวกเพื่อนเวรนั่นด่าอีกว่าสปอยล์ธารมากเกินไป ธารเลยไม่มีความเกรงกลัวเวลาผมพูดหรือเตือนอะไร ซึ่งมันก็จริง แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็เด็กนั่นมันน่ารัก เห็นมันทำท่าทางออดอ้อนทีไร ผมก็ไม่อยากจะขัดใจมันทุกที ที่สำคัญ ผมไม่อยากทำให้มันหงุดหงิด เห็นมันทำปากคว่ำแล้ว อดใจชวนไปง้อบนเตียงไม่ได้ทุกที นั่นแหละที่ทำเสียงานเสียการ

และเพราะผมโดนไอ้ยีนส์ไอ้กั้งรุมด่ามา ผมก็อดไม่ได้ที่จะมาลงที่ธาร ก็ไม่ได้ลงด้วยการระบายอารมณ์หงุดหงิดอะไรงี้หรอก มาบ่นมันตามประสาน่ะ

“น้องธาร ไหนสัญญาว่าจะอ่านหนังสือก่อนนอนให้ได้วันละบทไง พี่เหนือว่าถึงเวลาที่เราต้องตั้งใจได้แล้วนะ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ อย่างนี้ไม่ได้นะครับ”
ผมเริ่มเปิดฉากบ่นอีกแล้วหลังจากที่เราทั้งคู่อาบน้ำอาบท่าเสร็จและเตรียมเข้านอน หากแต่ธารยังไม่นอน กลิ้งเกลือกเล่นเกมบนโทรศัพท์ไปมา ละเลยข้อสัญญาที่เคยตกลงไว้กับผมเมื่อหลายวันก่อน
การบ่นของผมทำให้ธารวางโทรศัพท์ในมือลง เหลือบมามองผมเล็กน้อยด้วยสายตารำคาญ
“พี่นี่บ่นเก่งจังวะ”
“จะไม่ให้บ่นเก่งได้ไง ก็ดูน้องธารทำตัวสิ ผิดสัญญากับพี่เหนืองี้ ใช้ได้ที่ไหน” ผมแสร้งทำเป็นงอน มีทำแก้มป่องเพิ่มความมุ้งมิ้งเข้าไปด้วย

ธารหัวเราะ ดันตัวขึ้นนั่งแล้วอ้าแขนทั้งสองข้างออก พยักหน้าเรียกให้ผมเข้าไปหา พอเดินเข้าไป ธารก็รวบตัวผมไปกอดแน่นจากทางด้านหลัง วางคางลงมาบนไหล่ผม พลางถามเสียงทะเล้น
“อะไร นี่งอนเหรอ”
“ก็...นิดนึง”

ตอนแรกกะจะบอกว่าไม่ได้งอน แต่เห็นท่าทางอ้อนๆ ของมัน... แหม งอนก็ได้ มีความน่ารักตะมุตะมิปิ๊กาจูเหลือเกิน

ธารก็เลยฉกหอมแก้มผมมาที ดูรอยยิ้มมุมปากที่โผล่มาบนใบหน้าหล่อนั่นแล้วก็รู้ได้เลยว่ามันรู้ว่าผมไม่ได้งอนหรอก แค่แกล้งมันเล่น แต่มันก็ยอมง้อผมเล่นๆ เช่นกัน
“วันนี้ธารเหนื่อยอะ ไว้อ่านวันหลังได้มั้ยพี่”
“เหนื่อยอะไร เมื่อวานก็ไม่ได้อ่าน วันนี้ก็แค่ไปเรียน มีแวะไปหาคุณพ่อที่โรง’บาลตอนเย็นแป๊บเดียว ไปทำอะไรมาเหนื่อย” ผมย้อนถาม ทำเอาธารทำปากยื่น
“อ้อนพี่จนเหนื่อยเนี่ย” แล้วก็ซุกหน้าลงมาบนซอกคอผม

อูย... อะไรยังไง อันนี้ขายอ้อยใช่มั้ย ถ้าขายก็บอก เตรียมตัวพร้อมเปย์แล้วนะ

ถึงจะพร้อมเปย์ก็ต้องอดใจไว้ก่อน เรื่องอนาคตของเด็กนี่สำคัญกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวผมได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำมันเสียอนาคตอีก

เท่านั้นผมก็ขืนตัวออกเล็กน้อย กะจะไล่ให้มันไปอ่านหนังสืออีก ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดเลย ธารก็รู้ทันซะก่อน
“ถ้าจะบ่นเรื่องอ่านหนังสืออีก หยุดบ่นเลย ไว้อ่านพรุ่งนี้ วันนี้ไม่มีอารมณ์”
“แต่มีอารมณ์ทำอย่างอื่นใช่มะ” ผมแกล้งถาม แก้มใสๆ ของธารแดงเรื่อขึ้นทันควัน
“พี่นี่แม่ง ในหัวมีแต่เรื่องนี้หรือไงวะ”

เอ้า ด่าอีก ก็มึงมาจุดประกายความหื่นทำไมล่ะ

“ไม่รู้สิ ก็เห็นน้องธารอ้อนทีไร สุดท้ายก็นัวเนียมะรุมมะตุ้มกันทุกที” ผมหยอกเข้าให้
ธารเลยปล่อยผม ทิ้งตัวลงนอนราบ
“ก็พี่เริ่มเองนี่หว่า ธารจะนอนแล้ว ปิดไฟด้วยนะ”

สุดท้ายก็จบลงโดยการไม่อ่านหนังสืออยู่ดี ผมมองแล้วก็ถอนหายใจ เสียดายความฉลาดของมันขึ้นมาฉับพลัน ถ้ามันเป็นคนมีความตั้งใจเหมือนจอมแก่นที่ไม่เก่งนักแต่ขยัน หรือมีความพยายามเหมือนโรมที่หัวขี้เลื่อยแต่กัดฟันสู้ ถึงจะสอบไม่ติดตามที่หวัง แต่ผมก็จะไม่ห่วงเลยเพราะยังไงก็พอจะมองเห็นเส้นทางในอนาคตว่าอีกต่อไปจะเป็นยังไง ขนาดน้องมายด์ที่ดูเหมือนไม่สนใจอะไร ยังมีเป้าหมายเป็นของตัวเองเลย แล้วดูเด็กนี่สิ มีพร้อมทุกอย่างแต่ไม่ขวนขวายนี่มันไม่ใช่เรื่องมั้ง

แต่บ่นไปก็เท่านั้นแล้วล่ะตอนนี้ เอาเป็นว่าลองถามมันหน่อยแล้วกันว่าตกลงมันเริ่มคิดได้หรือยังว่าเรียนจบแล้วจะเอายังไงต่อ
“พี่เหนือถามจริงๆ นะน้องธาร ตกลงตอนนี้ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะไปสอบกับพวกเพื่อนๆ มั้ย”
“ยัง” คำตอบก็เหมือนเดิม แถมตอนตอบก็ปิดเปลือกตาสนิท วางท่าทางไม่ใส่ใจใส่ผมด้วย
ผมเม้มปากมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามต่อ
“ถ้าไม่อยากไปสอบเรียนต่อกับพวกเพื่อนๆ งั้นไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ มั้ย”
คราวนี้ธารเปิดเปลือกตาขึ้นมาเหล่มองผม ย่นหัวคิ้วยู่ขณะถามไปด้วย
“ไปกรุงเทพฯ ทำไมวะ”
“เอ้า ก็จะได้อยู่ใกล้ๆ พี่เหนือไง”
“ได้อยู่ใกล้บ้าอะไร เดี๋ยวพี่ก็ไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วไม่ใช่หรือไง”

น้ำเสียงกึ่งประชดประชันของธารทำเอาผมชะงัก ผมอุตส่าห์ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วนะเพราะไม่อยากให้เรามีปัญหากัน แต่เอาจริงๆ พักหลังนี่เวลามีโอกาสทีไร ธารก็จะโพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาทุกทีทั้งที่ผมยังไม่รู้ผลเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะได้ทุนมั้ย ทว่าผมก็ไม่คิดอะไรมาก ฉีกยิ้มให้เด็กนั่นแล้วขยับเข้าไปใกล้
“พี่เหนือยังไม่รู้เลยว่าจะได้รับคัดเลือกหรือเปล่า คนเก่งๆ มีอีกตั้งเยอะ พี่เหนืออาจจะไม่ได้ก็ได้นะ ถ้าพี่กั้งไม่ได้ พี่เหนือก็หมดสิทธิ์แล้ว”
ที่เอาไอ้กั้งมาอ้างเป็นเพราะมันเรียนเก่งกว่าผมน่ะ เห็นมันอย่างนั้นนี่ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะเลยนะ ขณะที่ผมได้เพียงเกียรตินิยมอันดับสอง หวิดจะไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะเอาแต่โดดเรียนตลอด ดีที่ไม่ขาดเรียนจนเกินโควตา ส่งงานครบและทำคะแนนสอบได้ดี เกรดก็เลยพุ่งกระฉูดอย่างนั้น

หากแต่ผมพูดอย่างนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ทำให้ธารคลายหัวคิ้วย่นยู่ได้เลย ซ้ำยังคิดเลยเถิดขึ้นมาอีก
“พี่เหนือ ถามจริงๆ นะ ถ้าพี่ได้ทุน พี่จะไปมั้ย”
คำถามเดิมๆ ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้เหมือนเดิม ได้แต่มองหน้าคนข้างกายแล้วอึดอัก เฉไฉไปเรื่องอื่น
“ถามอะไรไร้สาระอีกแล้ว ไหนว่าจะนอนไงครับ นอนเนอะ เดี๋ยวพี่เหนือไปปิดไฟ” เลี่ยงได้ก็รีบลุกจากเตียง ตั้งใจจะพุ่งไปปิดไฟ แต่ก็โดนธารฉุดแขนเอาไว้ก่อน
ฉุดไม่พอ ดันตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วรั้งผมให้เข้าไปใกล้ด้วย
“ธารซีเรียสนะพี่ ตอบหน่อยว่าถ้าพี่ได้ทุน พี่จะไปมั้ย”
ผมอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง ความจริงแล้วเวลาถูกธารถามคำถามนี้ ผมก็ไม่เคยตอบ เอาแต่เลี่ยงไปเรื่อย แต่รอบนี้ท่าทางจะเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะพอผมไม่ตอบ ธารก็ถามย้ำมาอีก
“ว่าไง ตกลงจะไปมั้ย”
“คือ...มันเป็นความฝันของพี่เหนือ” ผมตอบเลี่ยงๆ อยู่ดี แต่มันก็ชัดเจนล่ะว่าผมคิดยังไง
ธารมีสีหน้าอึดอัดระคนขัดใจไปครู่ แล้วก็ยิงคำถามที่ผมคิดว่ามันจะต้องพูดออกมาแน่
“พี่ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย”

นั่นไง ไม้ตายเด็ด ว่าแล้วเชียวว่าต้องมาอีหรอบนี้ ผมเองก็เคยใช้กับบรรดาแฟนเก่าเวลาที่อะไรไม่ได้ดั่งใจเหมือนกัน แต่นั่นมันก็สมัยที่ผมยังอายุน้อยและความคิดความอ่านยังเด็กกว่านี้ ทว่ากับธารแล้ว ผมก็ไม่สงสัยเท่าไหร่ว่าทำไมมันถึงพูด ก็มันยังไม่โตเลยนี่นา โตแต่ตัวแต่วุฒิภาวะยังไม่โตตามตัวเท่าไหร่ก็ไม่แปลกหรอก
“ไม่ใช่ไม่รัก พี่เหนือรักน้องธารมากนะ ไม่งั้นจะขอแม่อยู่กับน้องธารต่อที่พิษณุโลกอย่างนี้เหรอ ถ้าไม่รัก ป่านนี้ก็กลับกรุงเทพฯ ไปตั้งนานแล้ว” ผมแก้ต่างให้ตัวเอง
แต่ธารก็ยังไม่พอใจ ถามย้อนกลับมาอีก
“ถ้ารัก แล้วพี่จะทิ้งธารไปทำไม”

กูยังไม่ได้ทุนเลยนะเว้ย มึงจะคิดมากไปไหนเนี่ย!

อยากจะตะโกนใส่หน้ามันอย่างนี้ฉิบ ชักจะรำคาญขึ้นมานิดๆ แล้วด้วย แต่ก็ต้องหายรำคาญเมื่อมันดึงผมให้ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ รวบผมเข้ามากอด พร้อมเอาหน้าซุกหน้าอกผม
“ถ้าพี่ได้ทุน พี่อย่าทิ้งธารไปได้มั้ย สละสิทธิ์เถอะนะ ธารขอ เคยบอกแล้วนี่ว่าธารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่”
ผมฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่ามันติดผมแค่ไหน ก็อย่างว่า ผมเป็นที่พึ่งทางใจให้มันอยู่นี่นา แถมมีผมคนเดียวที่มันตั้งเชื่อใจและไว้ใจด้วย มากกว่าพ่อมันด้วยซ้ำ จะกลัวว่าจะเสียผมไปก็เป็นเรื่องปกติ
ผมเข้าใจความรู้สึกคนตรงหน้าเป็นอย่างดี ผมเองก็ไม่อยากทิ้งไปเหมือนกัน ผมรักธาร... รู้ตัวและชัดเจนในความรู้สึกตัวเองมากขึ้นทุกวัน และรักมากขึ้นทุกวินาทีที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่เรื่องทุนนั่น... มันก็เป็นความฝันของผมที่ฝันมาตลอดชีวิตเหมือนกัน

ผมเลือกไม่ได้... ยอมรับเลยว่าเลือกไม่ได้

มือข้างหนึ่งของผมยกขึ้นกอดธารตอบ สับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่พักหนึ่ง กระทั่งธารเปล่งเสียงขึ้นมาอีก ผมถึงหลุดออกจากภวังค์
“พี่เหนือ ถ้าขาดพี่ไป ธารไม่รู้จะอยู่ยังไงจริงๆ นะ ถ้าได้ทุน ขอได้มั้ยว่าให้สละสิทธิ์ ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แล้วธารจะยอมทำตามที่พี่พูดทุกอย่างเลย อย่าทิ้งธารไปนะ”
จากที่สับสนอยู่ในตอนแรก ตอนนี้ใจเอนเอียงไปตามคำพูดของเด็กนั่นทันที

เนี่ย... เป็นแบบนี้แล้วจะให้ผมไม่ใจอ่อนด้วยได้ยังไง

“นะพี่ สละสิทธิ์นะ อยู่กับธารเถอะ” ธารขอร้องอีกเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบรับสักที
“แล้วน้องธารไม่คิดจะไปเรียนที่อเมริกากับพี่เหนือเหรอถ้าพี่เหนือได้ทุนน่ะ น้องธารหัวก็ดี คุณพาอก็มีตังค์ ถ้าบอกคุณพ่อ พี่เหนือว่าคุณพ่อต้องสนับสนุนแน่ๆ” ผมเปลี่ยนเรื่องถาม
ธารผละออกจากแผ่นอกผมเล็กน้อย ทำหน้าเซ็งๆ
“ไม่ใช่ว่าไม่คิด แต่พี่คิดดูสิวะ ถ้าพี่ได้ทุน พี่ก็ไปเรียนแค่สองปี แต่ถ้าธารไปด้วย ก็ต้องไปเรียนปูพื้นฐานภาษาก่อนหกเดือน ไม่ก็ปีนึง แล้วก็ต่อมหา’ลัยอีกสี่ปี พี่เรียนจบก่อน ธารเพิ่งจะขึ้นปีสองเองนะเว้ย พี่กลับมาก่อน ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก เรื่องนี้ธารก็หาข้อมูลมาแล้วเถอะ ภาษาก็ใช่ว่าจะเก่ง ไอ้แกรมม่าน่ะไม่เท่าไหร่ เรื่องฟังพูดนี่ดิ ปัญหาใหญ่ มหา’ลัยไหนๆ ก็ต้องปรับพื้นฐานทางภาษาก่อนทั้งนั้นถ้าไม่มีทักษะด้านภาษาน่ะ”

ผมร้องอ๋อ มิน่าเห็นนอนเล่นโทรศัพท์ ตอนแรกก็นึกว่าเล่นเกม ที่แท้ก็หาข้อมูลเรื่องนี้นี่เอง มันก็ใช่ว่าจะอยู่เฉยๆ ทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นี่หว่า

“ตกลงถ้าพี่ได้ทุน พี่จะสละสิทธิ์ได้มั้ย” วกกลับมาถามเรื่องเดิมอีกแล้ว
“น้องธารรอไม่ได้เหรอ” ผมลองแย็บถามดู
ธารส่ายหน้าพรืด “ไม่อยากรอ พี่ก็รู้ว่าธารไม่มีใคร พี่คิดว่าการที่ธารยอมเปิดใจกับพ่อมันเป็นเพราะใครถ้าไม่ใช่พี่ พี่รู้ตัวสักทีเถอะว่าพี่สำคัญกับธารขนาดไหน ถ้าขาดพี่ไปสักคน ชีวิตธารจะเป็นยังไง”

ผมรู้... รู้ดีเลยล่ะว่าผมสำคัญกับมันแค่ไหน ผมเหมือนคนที่ฉุดมันขึ้นมาจากหลุมดำเลยก็ว่าได้
แต่ว่า...นั่นมันความฝันของผม...

“สละสิทธิ์เถอะขอร้อง อยู่กับธารนะ ถ้าพี่ไม่ไป ธารจะไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ จะได้อยู่ด้วยกัน”
ในที่สุด ธารก็หลุดบอกแผนในอนาคตของตัวเองออกมา ผมเลยชะงักที่จะอธิบายต่อว่าการไปเรียนต่อคือความฝันของผมยังไง พลันดีใจขึ้นมาที่ได้รู้ว่าในที่สุด คนที่ผมเป็นห่วงก็รู้จักวางแผนกับอนาคตของตัวเองสักที เลยเผลอตอบรับไปซะอย่างนั้น
“ครับ ถ้าน้องธารไปจริงๆ พี่เหนือก็จะสละทุนนะ จะได้อยู่ด้วยกันเนอะ”
พูดไปอย่างนี้ สีหน้าย่นยู่ของธารก็ดีขึ้นทันตา ก่อนมันจะขยับตัวขึ้นมาจูบผมแผ่วเบา
“รักพี่เหนือนะครับ”
“พี่เหนือก็รักน้องธารเหมือนกัน รักมาก เป็นแฟนกันมะ?” ตลกตบท้ายไปอีก
ธารดีดหน้าผากผมมาทีหนึ่ง หัวเราะแล้วตัดบท
“ไร้สาระ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว นอนๆ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืด ไม่นานนัก ธารก็ผล็อยหลับไปโดยมีผมอยู่ในอ้อมแขน ขณะที่ผมนอนไม่หลับเลยเมื่อตระหนักได้ว่าไม่ควรหลุดปากพูดไปอย่างนั้น

แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง โอกาสในการได้ทุนมันก็ไม่ได้มีเยอะสักหน่อย คนเก่งกว่าผมมีตั้งเยอะตั้งแยะ

คงไม่โชคดีถึงขนาดได้รับคัดเลือกหรอกมั้งไอ้เหนือ...
 



หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น พวกเราก็ไม่พูดถึงเรื่องทุนกันอีกเลย ธารก็ทำตามอย่างที่ปากพูดว่าจะไปสอบ แต่เอาเข้าจริงก็แค่ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือมากกว่าเดิมก็เท่านั้น พอถามว่าตกลงจะไปสอบที่มหา’ลัยไหน คณะอะไร สรุปก็ยังไม่รู้เหมือนเดิม และไม่ใส่ใจที่จะค้นหาด้วย ขนาดผมนั่งเปิดโน้ตบุ๊ก ไล่หาคณะกับเอกที่มันเรียนได้ให้ก็แล้ว มันก็ยังไม่สนใจ

จริงๆ คณะกับเอกที่มันเรียนได้ก็มีแต่คณะวิศวะนี่แหละนะ เรียนสายอาชีพนี่นา

อะไรไม่ว่า ขนาดเพื่อนๆ มันมาชวนไปเรียนพิเศษ มันก็ไม่ไป ผมไปคุยกับพ่อมันมาก็แล้วว่าขอให้มันเรียนพิเศษพวกวิชาสามัญ จะได้ไปสอบสู้คนอื่นเค้าได้ พ่อมันอนุญาตแล้วก็สนับสนุน แต่มันก็ยังไม่ไปอยู่ดี เอาแต่อ่านหนังสือติวข้อสอบเท่าที่มีอยู่ในห้องอย่างเดียวเท่านั้น

ถ้าทำแค่นี้ มึงจะไปสอบติดได้ยังไงเล่า! เค้าสอบกันทั้งประเทศ ไม่ใช่มึงสอบคนเดียวนะ แล้วแต่ละที่ก็รับนักศึกษาใหม่กันแค่หยิบมือ มึงทำตัวชิลล์เกินไปแล้ว!

บอกตรงๆ ว่าการสอบเข้ามหา’ลัยน่ะมันไม่ยากหรอกถ้าตั้งใจจริงและจับจุดที่สมควรจะติวถูก ยิ่งมีทุนทรัพย์ที่จะเอาไปเรียนพิเศษและทุนมันสมองอยู่แล้วก็ยิ่งง่าย ซึ่งธารมีทั้งหมด แต่ได้เด็กเวรนี่ดันไม่เอาอะไรสักอย่าง พอบ่นก็ดันพูดอกมาว่า...
“แค่อ่านหนังสือก็พอแล้วน่า”

พอป้ามึง! ไม่พอเว้ย ต้องมีความตั้งใจ ความใส่ใจ แล้วก็ความมุ่งมั่นด้วย ซึ่งมึงไม่มีเลยสักกะอย่าง!

โอย ปวดหัวกับมัน บ่นจนแก่ขึ้นไปอีกหลายปีแล้วเนี่ย มันยังไม่สำนึกเลยจนผมเริ่มเครียดแทนละ
มีคนรักอายุน้อยกว่านี่ลำบากจังแฮะ เริ่มเหนื่อยแล้วนะ

อะไรไม่ว่า บ่นมันมากๆ เข้าก็เริ่มกลายจากการบ่นเป็นทะเลาะกัน

ก็ไม่เชิงทะเลาะหรอก แบบเถียงกันน่ะ มันก็คงจะรำคาญผมที่บ่นไม่เลิกเหมือนกัน ผมเลยเลิกบ่นมันไปพักหนึ่ง รู้ว่าบ่นไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า สุขภาพจิตเสียอีกต่างหาก ปล่อยให้มันตระหนักได้เองก็แล้วกัน จะมีก็แต่โทรไปบ่นให้กั้งกับยีนส์ฟังเหมือนเดิม ความเครียดของผมก็เลยผ่อนคลายขึ้นมา หากแต่ก็ต้องมาเครียดหนักอีกระลอกเมื่อถึงวันประกาศผลทุน ไอ้ยีนส์กับไอ้กั้งก็โทรมาเตือนให้ผมรีบเช็คชื่อตัวเองว่าได้ทุนมั้ยในตอนกลางคืนด้วยพวกมันไม่เห็นผมโทรไปบอกผลกับพวกมันสักที และที่พวกมันเช็คให้ไม่ได้ก็เพราะจำเป็นต้องล็อกอินเข้าไอดีกับพาสเวิร์ดของใครของมัน

ประเด็นคือ ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลทุน จะเข้านอนอยู่แล้วเชียว เลยต้องลุกขึ้นมาเปิดโน้ตบุ๊ก เช็คผลอีก ดีที่ตอนนี้ธารอาบน้ำอยู่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงได้เครียดมากกว่าเดิมแน่ๆ ถ้ามันมาเกาะติดขอบจอ รอลุ้นผลกับผมด้วยน่ะ
[มึงล็อกอินหรือยังเนี่ย ช้าจังวะ]
เสียงของยีนส์ดังทะลุโทรศัพท์ออกมา เร่งให้ผมรีบกรอกไอดีและพาสเวิร์ดของตัวเองลงไป ผมเลยบ่นมันกลับ
“พวกมึงใจเย็นๆ สิวะ”
[ก็กูอยากรู้ว่ามึงจะได้ทุนมั้ย]
ยีนส์ว่ามาอีก ทำเอาผมมุ่ยหน้า
“จะได้ได้ยังไงวะ ขนาดไอ้กั้งยังไม่ได้ แล้วกูจะเหลือหรือไง”
ที่พูดไปอย่างนี้ก็เพราะกั้งกับยีนส์บอกผมแล้วน่ะว่าทั้งคู่ไม่ได้ทุน ผมก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวเองมากนัก หากแต่โดนยีนส์สวนกลับมา
[มันก็ไม่แน่ เค้าไม่ได้คัดเลือกที่เกรดนะเว้ย ก็แค่ใช้ยื่นเป็นเงื่อนไขการสมัคร วัดกันที่เรียงความโน่น มึงอาจจะเขียนดี เขียนถูกใจทางนั้นก็ได้ เข้าไปดูเร็วๆ]
“เออๆ มึงนี่ก็เร่งจัง โหลดอยู่” ผมตอบรับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตาจับจ้องไปยังจอโน้ตบุ๊กที่กำลังเปลี่ยนเป็นหน้าเว็บใหม่

ผมเพ่งมองตัวอักษรภาษาอังกฤษที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอครู่หนึ่ง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อสมองประมวลภาพที่เห็นเป็นข้อมูลเข้ามาในหัว

Congratulations… ยินดีด้วย...

มะ...หมายความว่า... ผมได้ทุนเหรอ!?

โทรศัพท์ในมือแทบร่วงหล่นไปบนพื้น ขยี้ตาตัวเองก็แล้ว อ่านซ้ำก็แล้ว ยังไงก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิด และไม่ได้แปลภาษาอังกฤษผิดด้วย

ได้ทุน... ได้ทุนจริงๆ ด้วย!

ผมเงียบไปอึดใจใหญ่ ยังอึ้งงันกับความจริงที่มาเซอร์ไพรส์ไม่บอกไม่กล่าวอยู่ ก่อนจะได้สติเมื่อเสียงของยีนส์ดังเข้ามาในหูอีกครั้ง
[ว่าไงเนี่ยไอ้เหนือ ตกลงมึงได้ทุนมั้ย]
“ไอ้ยีนส์ ไอ้กั้ง...”
[ว่า?]
“กู...ได้ทุนว่ะ”
[อะไรนะ! ว้าย! คอนเกรทค่าแสงเหนือ มึงรีบกลับมากรุงเทพฯ เลย งานนี้ต้องมีฉลอง!]

ยีนส์ส่งเสียงดังไม่หยุด ดีใจมากกว่าผมซะอีก ผมเองก็ดีใจ ยิ้มออกมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมถึงดีใจไม่สุด เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างทำให้ใจพะวง ซึ่งบางอย่างที่ว่าก็คือคนที่อยู่ในห้องน้ำนั่นเอง

‘สละสิทธิ์เถอะขอร้อง อยู่กับธารนะ...’

ประโยคของธารที่เคยขอร้องผมดังขึ้นมาในภวังค์ ผมก็พานนึกถึงการตอบรับของตัวเองขึ้นมาว่าจะสละสิทธิ์ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นปุ่มที่ให้กรอกข้อมูลว่าจะยืนยันตัวเองเพื่อไปสู่ขั้นตอนสัมภาษณ์ทางไกล หรือจะสละสิทธิ์เพื่อให้ตัวสำรองขึ้นมารับช่วงต่อแทน

แน่นอนว่าตอนนี้...ผมลังเลใจ
ลังเลใจว่าควรจะสละสิทธิ์ดีมั้ย ก็ในเมื่อรับปากธารไปแล้วนี่ แต่... ไม่รู้ทำไม ไม่กล้ากดปุ่มนั้นเลยแฮะ

เงียบไปอีกระลอก จนยีนส์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของผม รีบโทรวิดีโอคอลล์มาหาอย่างรวดเร็ว
กดรับแล้ว หน้าของยีนส์กับกั้งก็โผล่มาให้เห็น ก่อนยีนส์จะทักทันทีเมื่อเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของผม
[เป็นอะไรของมึงน่ะไอ้เหนือ ได้ทุนแล้วไม่ดีใจเหรอวะ ทำหน้าเหมือนผัวทิ้งทำไม อย่าบอกนะว่าน้องธารไม่ตุ๋ยมึง?]
“มันใช่เวลาจะมาพูดเล่นมั้ยวะ” ผมเผลอหงุดหงิด ทำเอายีนส์ย่นหน้า
[เอ้า แล้วมึงจะทำหน้าเป็นหมาเหม็นเบื่อทำไม มึงได้ทุนก็ควรจะดีใจสิ]

ผมเงียบอีก ตอนนี้ยีนส์หันไปมองหน้ากั้งอย่างสงสัย กั้งก็เลยแย่งโทรศัพท์มาถือเอง แล้วเป็นฝ่ายถามผมบ้าง
[มึงเป็นอะไรไอ้เหนือ]
กั้งมีเซ้นส์ดีเสมอ รับรู้ได้ว่าผมมีปัญหาเวลาผมมีเรื่องลำบากใจ
ผมมองหน้ากั้งผ่านจอโทรศัพท์แวบหนึ่ง ก่อนจะว่า
“กูว่า...กูจะสละสิทธิ์ว่ะ” พูดไปจนได้
ยีนส์ส่งเสียงร้องโวยวายว่า ‘อะไรนะ นั่นความฝันมึงไม่ใช่เหรอ มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!’ มาทันที ดีที่กั้งปรามไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นมันต้องโวยวายใส่ผมต่อแน่
[สละสิทธิ์ทำไม มีปัญหาอะไร]
กั้งถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะบอกว่าเพราะเป็นห่วงธาร เดี๋ยวต้องโดนสองคนนี้บ่นปนด่าหูชาแน่
หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร กั้งมันก็ดูออกแล้วว่าผมกังวลอะไรอยู่
[เด็กมึงบอกให้มึงสละสิทธิ์ถ้ามึงได้ทุนใช่มั้ย]

ไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธ โดนรู้ทันขนาดนี้ ผมก็พยักหน้ารับช้าๆ ทำเอากั้งถอนหายใจพรืด ขณะที่ยีนส์โวยวายขึ้นมาอีก
[มึงจะมาสละสิทธิ์เพราะเด็กไร้อนาคตคนเดียวไม่ได้นะเว้ย]
“แต่กูไม่อยากทิ้งน้องธาร...”
[บ้านมึงเถอะไอ้เหนือ มึงเสียสละมากเกินไปแล้ว อีกอย่าง กูถามหน่อยว่ามึงเป็นอะไรกับเด็กนั่นถึงบอกว่าไม่อยากทิ้งมันเนี่ย แฟนก็ไม่ใช่ สถานะก็ยังคลุมเครือ อยู่กับเด็กนิสัยเสียอย่างนั้น มึงก็ต้องคอยเช็ดคอยล้าง ถึงมันจะกรุบกรอบแต่มึงก็ต้องคิดถึงตัวมึงเองด้วย ไม่ใช่อะไรๆ ก็หลงเด็กไปหมดอย่างนี้!]
ยีนส์ใส่มาเป็นชุด ทำเอาผมนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจขึ้นมา ว่าผมน่ะว่าได้ แต่ว่าธารนี่ผมรับไม่ได้แฮะ

“มึงพูดเกินไปแล้วไอ้ยีนส์ น้องธารไม่ได้แย่อย่างที่มึงว่าซะหน่อย”
[แต่ก็แย่ใช่มั้ยล่ะ กูถามหน่อยไอ้เหนือ ตั้งแต่มึงคบกับเด็กนั่นมา เด็กนั่นมันเคยทำอะไรให้มึงบ้างมั้ยนอกจากสร้างเรื่องน่ะฮะ แล้วนี่ยังจะมีเรื่องอนาคตมันมาให้มึงปวดหัวอีก ขนาดตัวมันยังไม่คิดถึงอนาคตตัวเองเลย แล้วมึงสละสิทธิ์งี้ มึงไม่คิดเหรอว่ามันก็ไม่คิดถึงอนาคตมึงเหมือนกัน อยู่ด้วยกันไป มีหวังล่มกับล่มแน่ๆ]
“แต่กูเป็นทุกอย่างของน้องธาร มึงก็รู้”
[ทุกอย่างบ้าอะไร ไอ้เด็กนั่นก็แค่เห็นมึงสำคัญเพราะมึงสปอยล์มันต่างหาก มึงอย่ามาพูดให้สวยหรูหน่อยเลย แม่ง ถ้าคนไร้หัวคิดอย่างมึงได้ทุนแบบนี้ กูน่าจะส่งเมลไปบอกให้กรรมการที่คัดเลือกไปเลือกคนอื่นก็ดี โง่ชะมัด]

ยีนส์ยังไม่หยุด ใส่มาอีกชุดใหญ่ กั้งเห็นท่าไม่ดีเลยส่งสัญญาณให้ยีนส์ไปสงบสติอารมณ์ที่มุมอื่นก่อน ส่วนมันก็เป็นฝ่ายคุยกับผมแทน
[ไอ้เหนือ มึงแน่ใจแล้วนะว่าจะสละสิทธิ์?]
“อืม กูรับปากน้องธารไปแล้ว” ผมคราง ในใจก็ยังลังเล แต่ความที่ไม่อยากทำให้ธารเสียใจมันมีมากกว่า ผมเลยพูดไปอย่างนั้น
กั้งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สายตายังจ้องผมเขม็งจนผมอึดอัด
“มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะมึง จ้องอย่างนี้ กูรำคาญ” ผมว่า กั้งก็เลยยอมปริปาก
[ถ้ามึงแน่ใจว่าจะทิ้งโอกาสตัวเองก็เรื่องของมึง กูคงห้ามอะไรไม่ได้ แต่กูก็หวังว่ามึงคงจะมีเหตุผลที่ดีพอ]
“กูรักน้องเค้าว่ะ ไม่อยากทำให้เสียใจ”

นี่แหละเหตุผลของผมล่ะ แต่ดูสีหน้ากั้งที่มองผมอย่างระอาแล้ว ผมก็รู้เลยว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอสำหรับคนฟัง ขนาดยีนส์ได้ยิน มันยังบ่นผมไม่เลิก แต่ผมไม่ได้สนใจมันแล้ว นอกจากกั้งที่พูดขึ้นมาอีก

[กูรู้ว่ามึงรัก แล้วธารก็ติดมึงมาก แต่มึงไม่ใช่พ่อแม่มันนะ สักวันมึงก็ต้องไปจากเด็กนั่นอยู่ดี]
“ก็แค่กลับกรุงเทพฯ หรือเปล่าวะ เดี๋ยวน้องธารเรียนจบแล้วก็ไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ถ้าไม่มา กูก็มาทำงานที่นี่ก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไร”
[กูรู้ และกูก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่กูกำลังหมายความว่า มึงจะรักกันชนิดไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปทำหน้าที่ของตัวเองเลยหรือไง ชีวิตมึงไม่ได้มีแค่มันคนเดียวนะ ชีวิตมันก็ไม่ได้มีมึงสำคัญแค่อย่างเดียวเหมือนกัน]

ข้อนี้ผมก็รู้ แต่ธารไม่เคยมีใครเข้าใจตั้งแต่ที่แม่มันจากไปไง มีแค่ผมเท่านั้น แล้วจะให้ผมทิ้งไปได้ยังไง

“แต่กูรัก...”
[รู้ว่ารัก แต่มึงตามใจเด็กนั่นมากเกินจนเคยตัวขนาดนี้ แล้วมึงยอมทิ้งโอกาสตัวเองแบบนี้ มึงกะจะไม่ให้เด็กนั่นโตเลยใช่มั้ย อายุมันไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ไม่คิดบ้างวะถ้าสักวันนึงมึงเป็นอะไรขึ้นมา เด็กนั่นจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีมึง พวกมึงรักกันก็ควรที่จะส่งเสริมกันไปในทางที่ดี ถ้ารักกันแล้วทุกอย่างมันแย่ลงอย่างนี้ ก็อย่ารักกันเลยว่ะ]

ที่กั้งพูดก็ถูก ผมตามใจธารมากไป ยอมมากไปด้วย แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมว้าวุ่นใจเท่ากับการพยายามคิดว่าธารจะอยู่ยังไงถ้าขาดผมไปสักคน ขาดไปแบบว่าไม่ได้จากเป็น ทว่าจากตาย ถ้าเป็นแบบนั้น มีหวังธารได้จมลงไปในหลุมดำอีกแน่

“แล้วกูควรจะทำยังไงดี” ผมครางออกมาอย่างไร้ทางออก
กั้งเงียบไปครู่ แล้วก็พูดออกมา
[กูแนะนำให้มึงไปเรียนต่อ สองปีที่พวกมึงห่างกันจะเป็นการฝึกให้คนที่มึงรักอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ยืมจมูกมึงหายใจตลอด มันควรโตได้แล้ว ไม่ใช่เด็กอมมือแล้ว มึงเองก็ไม่ใช่แม่มัน ความฝันของมึงก็ควรจะไปสาน ไม่ใช่ทิ้งทุกอย่างเพราะหลงเด็กหน้ามืดตามัวอย่างนี้]

สุดท้ายผมก็โดนแซะว่าหลงเด็กอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ เพราะมันก็จริง และผมก็เห็นด้วยกับเหตุผลของกั้ง

ธารควรโตสักที... แม้ว่าผมจะต้องทำให้ธารเสียใจเพราะผิดคำพูด แต่มันก็ควรจะโตได้แล้ว จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้

“งั้นกูยืนยันสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ก่อนแล้วกัน” ผมว่า

สีหน้าของกั้งเลยดูดีขึ้น ก่อนมันจะพยักหน้าให้ผมจัดการ ส่วนยีนส์ก็ยังด่าผมลอยมาตามลมไม่เลิก
ยืนยันสิทธิ์เสร็จ ผมก็วางสายจากพวกมัน ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า คิดหาหนทางต่อไปว่าควรจะบอกธารยังไงเรื่องนี้ดีที่ไม่ทำร้ายจิตใจธารมากที่สุด


หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24: ตัวอย่าง♦P.20♦17/04/59(5.30 p.m.)
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-04-2016 23:49:33
ชั่งใจ ครั้งที่ 24: ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย[2]

ทว่ายังไม่ทันจะคิดออก ธารก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องกะทันหันชนิดไม่ให้ผมตั้งตัว ซ้ำยังเดินเข้ามาเกาะที่พนักเก้าอี้ ชะโงกหน้ามองจอโน้ตบุ๊กอีกต่างหาก
“ดูอะไรอยู่”
“มะ...ไม่มีอะไร” ผมรีบคว้าฝาจอ เตรียมจะพับปิดทันที หากแต่ธารไวกว่า คว้าฝาจอเอาไว้แล้วดันขึ้น
มองหน้าจอได้ครู่เดียว ธารก็เริ่มย่นหน้า ถึงจะอ่านภาษาอังกฤษออกไม่หมด แต่ก็เข้าใจได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อเห็นชื่อ-นามสกุลจริงของผม พร้อมกับคำแสดงความยินดีบนหน้าจอหรา
เท่านั้น ธารก็โวยวายขึ้นมาเลย
“นี่มันอะไรเนี่ย!”
“คือ...” ผมคิดเป็นพัลวันว่าจะตอบยังไง ส่วนธารก็พุ่งเข้ามาดูหน้าจอโน้ตบุ๊กอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าที่เห็นเมื่อครู่ไม่ได้อ่านผิด

สีหน้าของธารดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมด้วยทันทีที่พอจะแปลได้คร่าวๆ ว่าผมยืนยันสิทธิ์การสอบสัมภาษณ์ไปแล้ว  ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้มาก่อนเพื่อมาตั้งหลัก ทว่าเดินถอยมาได้หน่อยเดียว ธารก็ตะคอกใส่ผมเสียงลั่น
“พี่เหนือ! สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
“น้องธาร ใจเย็นๆ ก่อน” ผมพยายามปราม ว่าจะค่อยๆ อธิบายให้มันฟังว่าทำไมผมถึงทำอย่างนั้น
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้เลย!”

แต่ธารก็ไม่ฟังผมพูดเลยแม้แต่น้อย คลิกเม้าส์มั่วไปหมด คงหวังว่าจะกดไปโดนปุ่มสละสิทธิ์อะไรเทือกนี้ล่ะมั้ง แต่น่าเสียดายที่ผมยืนยันสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ไปแล้ว ปุ่มสละสิทธิ์เลยหายไป จะสละสิทธิ์ได้อีกทีก็ตอนก่อนวันใกล้สัมภาษณ์ตามที่แจ้งอยู่บนหน้าเว็บ

พอไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอ ก็หันมาทางผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราด พุ่งเข้ามาลากผมให้มานั่งบนเก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊ก บังคับให้ผมขอสละสิทธิ์ไม่เลิก
“บอกให้สละสิทธิ์ไงเล่า! ทำเดี๋ยวนี้!”
ตอนนี้ธารไม่มีสติเลย ส่วนผมก็แสร้งทำนิ่ง

ก็ใครมันจะไปทำวะ โดนตะคอกใส่ไม่พอ ไม่ฟังเหตุผลอะไรด้วย แล้วความจริง การไปเรียนต่อนั่นมันความฝันของผมนะ ตลอดยี่สิบสองปี ผมตั้งใจเรียนมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ถึงจะรักธารมากและตอนแรกก็คิดว่าจะสละสิทิ์เพื่ออยู่กับมัน ทว่าในวินาทีนี้ ผมเห็นชัดเจนแล้วว่าธารไม่โตเลย และธารควรจะโตขึ้นโดยการที่ผมต้องเลือกความฝัน แล้วทิ้งมันไป ถ้าผมเลือกมันแบบไม่มีไอ้กั้งมาเตือนสติอย่างในตอนแรก ถ้าในอนาคตเราคบกันและเลิกกันขึ้นมา ผมจะเป็นยังไง ไม่เท่ากับว่าผมเสียโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตไปเลยเหรอ?

ผมก็เลยขืนตัว ไม่ยอมนั่ง หลบมายืนอยู่อีกมุม ข่มใจให้ใจเย็นที่สุด เพราะตอนนี้คนที่เดือดกว่าใครเพื่อนก็คือคนตรงหน้าผม
“น้องธาร ฟังพี่เหนืออธิบายก่อนนะ”
“จะต้องให้ฟังอะไรอีก! ธารฟังพี่มามากแล้ว ตอนนี้พี่ต้องฟังธาร สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ไป สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”

ความจริงมีแต่ผมต่างหากที่ฟังมัน เพราะผมเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยยังไม่รู้ผล จะมีก็แต่บ่นเรื่องที่มันไม่เอาจริงเอาจังกับชีวิตตัวเองเท่านั้นแหละที่มันฟังผม ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ฟังด้วย ถึงได้ทะเลาะกันจนผมเลิกบ่นไปเอง และที่เลี่ยงไม่บ่น ไม่คุยเรื่องทุนก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเราสองคน แต่ตอนนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ในเมื่อรู้ผลแล้ว และผมก็ตัดสินใจว่าจะไป ดังนั้นก็มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ การอธิบายให้ธารเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

แต่ก็เท่านั้น ธารไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เห็นผมปฏิเสธก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม มองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ปากยังออกคำสั่งไม่หยุด
“ธารฟังพี่มามากแล้ว ไม่ไปอะไร อยู่ด้วยกันตลอดไปอะไร! แม่งโกหกทั้งนั้น! มิน่าถึงได้ยุให้ไปสอบเรียนต่อนัก ทีแท้ก็จะหาข้ออ้างหนีไปเรียนเมืองนอกนี่เอง กะว่าถ้าธารไปเรียนแล้วก็จะอ้างว่าเรียนมหา’ลัยมันยุ่ง แล้วก็ห่างกันไปเองจนเลิกติดต่อกันใช่มั้ย!”
“น้องธาร ฟังพี่...” ผมอ้าปาก จะอธิบายอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันคิดเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย
หากแต่ธารตรงเข้ามากระชากผมให้ไปที่โน้ตบุ๊กอีกรอบ แล้วบังคับให้ทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำอีก
“สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้! ถ้ารักกันจริงก็ทำซะ!”

ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเลย งี่เง่าเกินไปแล้ว หมดประโยชน์จะคุยแฮะถ้ามันยังอารมณ์ร้อนไม่เลิกอย่างนี้

ผมก็เลยสะบัดตัวออก ลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยคุยกัน ทว่าพอเดินไปถึงประตู ธารก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผม ดึงซะเต็มแรงให้ผมหันหน้าไปสบตามัน
“จะหนีไปไหน! บอกให้สละสิทธิ์ไงวะ!”

บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว ความงี่เง่าเอาแต่ใจของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกบีบคั้นเกินไป จนเผลอหลุดตะคอกใส่มันอย่างไม่รู้ตัว
“โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะเว้ย! นายเลิกทำตัวเป็นเด็กซะที ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว!”

ไม่ใช่แค่ตะคอก สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับธารก็เปลี่ยนไป ธารชะงักไปครู่ ดวงตาแข็งกร้าวฉายความผิดหวังออกมาให้เห็นชัดเจน ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ธารใจเย็นลงได้เลย รังแต่จะทำให้มันใจร้อนมากขึ้นไปอีก
“แล้วยังไงวะ! ก็สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว จะมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ไม่ได้! พี่เป็นแฟนธารแล้ว ห้ามไปไหนเด็ดขาด!”

ผมยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนเลยแม้แต่น้อย ธารเองก็เช่นกัน ขนาดผมถามก็ยังไม่ตอบรับเลยว่าจะเป็นแฟนผม มีเมื่อกี้นี้แหละที่มันโพล่งขึ้นมาเอง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก วินาทีนี้อยากให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เพราะผมเองก็ไม่อยากจะเดือดดาล หลุดคำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักออกมาเพราะเราตกลงกันไม่ได้อีก

ผมเลยสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม เดินหนีอีกครั้ง แต่ธารก็ยังคงเป็นธาร ใจร้อนและไร้เหตุผลเหมือนเดิม แค่เห็นผมจะหนี ก็เข้ามาฉุดแขนอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ฉุดเปล่า ยังเหวี่ยงเข้าไปกลางห้อง หวังจะไม่ให้ผมออก ทว่าในนาทีที่เหวี่ยงร่างผมนั้น ธารคงจะลืมระงับแรงตัวเองไป ทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งหลักเซถลาล้มจุ้มปุ๊กไปบนพื้น หัวข้างหนึ่งกระแทกเข้ากับขาโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเสียเต็มแรงจนรู้สึกมึนไปชั่วขณะ

มึนอย่างเดียวไม่ว่า พอยื่นมือไปแตะบริเวณที่ถูกกระแทก ก็เห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาด้วย

ธารมองผมด้วยสายตาตระหนก คงจะตกใจที่เผลอทำร้ายผมโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบปรี่เข้ามาหาผมทันที
“พี่เหนือ เป็นอะไรมั้ย”

เป็น... เป็นมากด้วย มากกว่านั้นคือผมไม่อยากจะคุยกับมัน ผมเองก็เริ่มโมโหเหมือนกัน แค่เห็นมันทำท่าจะประคอง ผมก็ปัดมือมันออก

“อย่ามาถูกตัวฉัน”
“พี่...” ธารคราง ยื่นมือมาจะจับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ตะคอกมันไปอีก
“บอกว่าอย่ามาถูกตัวฉันไง!”

ธารนิ่งค้าง ไม่เชื่อสายตาว่าคนอย่างผมจะโกรธมันเป็นเหมือนกัน ทว่าผมก็ไม่ใส่ใจแล้ว ดันตัวขึ้นยืน แล้วพุ่งไปทางประตู ธารก็ทำท่าจะตามมาอีกนั่นแหละ ผมเลยรีบเบรกมันไว้ก่อนด้วยไม่ต้องการจะทะเลาะกับมันอีก
“อย่าตามมา ไว้นายหยุดความหมาบ้านี่ได้ แล้วพร้อมจะคุยก่อน ค่อยมาคุย ฉันเบื่อที่จะโอ๋เด็กไม่รู้จักโตอย่างนายเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาที่นายจะต้องฟังเหตุผลของฉันบ้าง”
“แต่พี่...” ธารทำท่าจะแย้ง สีหน้ารู้สึกผิดเต็มแก่

แล้วมันช่วยอะไรล่ะ ผมไม่ได้ต้องการจะโอ๋มันแล้ว ผมเองก็ต้องการแคร์ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน มันเหนื่อยนะที่จะต้องไปดูแลเทคแคร์ความรู้สึกคนอื่นตลอดเวลาทั้งที่อีกฝ่ายไม่แคร์ความรู้สึกหรือสนใจความต้องการของผมเลย

ผมเลยพูดดักเอาไว้ก่อนที่มันจะพูดจบ
“ฟังนะธาร ชีวิตฉันไม่ได้มีแค่นาย ฉันจะไม่ทิ้งโอกาสในอนาคตหรือความฝันของฉันเพื่อนายเด็ดขาด ยังไงฉันก็จะไป ส่วนนาย... ถ้ายอมรับกับการตัดสินใจของฉันได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกัน”
ธารทำท่าอึดอัดขึ้นมา ดวงตาก้าวร้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนมันจะเดือดขึ้นมาอีกครั้ง หันไปสบถเสียงดัง
“โธ่เว้ย! ทำไมเป็นอย่างนี้วะ!”
แล้วก็เริ่มทำลายข้าวของในห้องตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมจะเข้าไปห้าม เข้าไปปลอบประโลมให้มันรู้สึกดี ทว่าคราวนี้ผมทำได้แค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้ากุญแจรถตัวเองกับโทรศัพท์แล้วถอยออกมาจากห้อง พุ่งลงไปชั้นล่าง ออกจากบ้านมันมาในเวลาอันสั้น

ใช่ว่าผมอยากจะทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่ เพราะผมเองก็รักธาร รักมากจนไม่อยากเสียไป แต่ความฝันของผมก็สำคัญมากจนไม่อยากเสียไปเหมือนกัน

สำคัญยิ่งกว่านั้น... ผมอยากให้คนที่ผมรักดูแลตัวเองได้ถ้าสักวันไม่มีผมแล้ว

ผมไม่ได้ทำผิดไปใช่มั้ย?
 



ที่คิดว่าตัวเองทำไม่ผิด เอาเข้าจริง ผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายรู้สึกผิดมากจนคิดอะไรไม่ออก ขับรถมาจอดที่หน้าวิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์ ฟุบหน้าลงบนพวงมาลัย พยายามคิดอยู่ว่าควรจะทำยังไงต่อดี

ก็ผมไม่เคยทะเลาะกับธารเลยนี่นา อย่างดีก็แค่เถียงกันไปมาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นี่เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกและรุนแรงมากด้วย ทำเอาผมรู้สึกแย่จนหัวตื้อไปหมด อยากจะหาใครสักคนคุยด้วยชะมัด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่กั้งกับยีนส์ ถ้าคุยกับพวกมัน พวกมันต้องพากันบอกว่าผมทำถูกแล้วแน่นอน ซึ่งผมไม่ต้องการฟังคำพูดอย่างนั้น ผมต้องการทางออกสำหรับเราสองคนมากกว่า ธารก็ไม่โทรหรือส่งข้อความมาเลยด้วย รู้เลยว่าโกรธจัดอยู่

คิดอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าของบรรดาเด็กช่างเพื่อนๆ ธารฉายแวบขึ้นมา

แวะไปหาพวกเพื่อนมันดีกว่า เผื่อจะได้คำแนะนำอะไรดีๆ บ้าง คนที่รู้จักตัวตนของธารดีที่สุด น่าจะช่วยหาทางออกได้

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะไปหาจอมแก่น ซึ่งแน่นอนว่าจอมแก่นน่าจะอยู่กับโรม แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะถ้าผมไปหาจอมแก่น ก็เท่ากับว่าผมต้องไปที่บ้านมัน แล้วก็ต้องเจอพี่จอมดื้อ ถ้าหากธารมาตาม เดี๋ยวได้ตีโพยตีพาย พานไปหาว่าผมทิ้งมันไปเรียนต่อไม่พอ ยังจะกลับไปยุ่งกับพี่จอมดื้ออีก ทีนี้แหละจะเป็นเรื่องวุ่นวายกว่าเดิม

ผมก็เลยเปลี่ยนใจมาโทรหาน้องมายด์ รอสายอยู่ครู่หนึ่ง น้องมายด์ก็รับสาย ผมเลยขอไปนอนที่ห้องมันคืนนึง น้องมายด์ยังไม่ทันจะได้รู้เลยว่าทำไมผมขอไปนอนกับมัน มันก็ตอบตกลงแล้ว ก่อนจะบอกเส้นทางให้ผมไปที่หอพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยมากนัก

มาถึงหอพักน้องมายด์แล้ว ผมก็ส่งข้อความไปบอกธารว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เผื่อมันอารมณ์เย็นลง พร้อมจะคุยแล้วจะได้ตามมาถูก
น้องมายด์ลงมารับผมที่ชั้นล่างของหอ ไม่ถามอะไรเลยสักคำว่าผมมาทำไม จนผมต้องเป็นฝ่ายถามเองเมื่อพวกเราเข้ามาในห้องแล้ว
“จะไม่ถามพี่เหนือหน่อยเหรอครับว่าทำไมถึงมาหา”
“โอ๊ย ไม่ต้องถามหรอกค่ะ หน้าตาท่าทางนกขนาดนี้ ทะเลาะกับนังธารมาแน่นอน” น้องมายด์ว่าเสียงแหลมให้ผมได้หัวเราะเบาๆ

ก็จริงอย่างที่มันว่า ดูสีหน้าท่าทางผมตอนนี้สิ อย่างกับถูกทิ้งมาหมาดๆ ก็ไม่ปาน ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายหุนหันออกจากบ้านมันมาเองแท้ๆ
“แล้วเจ้ทะเลาะอะไรกับผัวเด็กมาคะ เล่ามาซิ” ทรุดตัวนั่งบนเตียงปูผ้าสีชมพูอ่อนได้ก็เปิดปากถาม

ผมเลยเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างหมดเปลือก น้องมายด์ทำท่าตกใจไปตลอดเวลาที่ผมเล่า ก่อนจะถอนหายใจพรืดเมื่อผมเล่าจบ

“ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่มันจะเหวี่ยงวีนสูงขนาดนี้ เจ้เป็นคนที่มันรักที่สุดรองจากพ่อแม่มันแล้วนี่นา ไอ้รักที่สุดไม่เท่าไหร่ แต่ติดสุดอะไรสุดมากกว่าพ่อนี่ ถือว่าไม่ธรรมดานะคะ จะเป็นจะตายตอนรู้ว่าเจ้จะไปหาผัวฝรั่งที่เมืองนอกก็ไม่แปลก”
“พี่เหนือไปเรียนครับ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ” ผมแย้ง ทำเอาน้องมายด์ส่งเสียงสูง
“ก็นั่นแหละค่า คนเราน่ะถ้าอยู่ไกลๆ กันมันก็ต้องมีระแวงบ้างแหละ ธารมันก็คงจะกลัวว่าเจ้จะลืมของดีถิ่นเมืองไทยไปฟาดฮ็อทด็อกฝรั่งนั่นแหละ ถึงได้มีความโวยวาย”

กูก็บอกอยู่แหม็บๆ ว่าไม่ได้คิด มึงก็ลากเข้าไปเรื่องอย่างนั้นเหลือเกิน! ถึงเมื่อก่อนกูจะเป็นคนมั่วไม่เลือก แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วมั้ย เดี๋ยวก็ถีบหงายหลัง!

ถึงจะไม่พอใจที่น้องมายด์พูดเองเออเองแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา จะมีก็แต่มันเนี่ยที่พูดไม่หยุด
“เจ้ก็เข้าใจมันหน่อย มันขาดความอบอุ่นมานาน โดนพ่อทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วย พอมีเจ้เข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดชนิดหลังเท้าเป็นหน้ามือ มันก็เลยติดเจ้แหง็ก ขนาดกับเพื่อน มันยังไม่เปิดใจเท่ากับอยู่กับเจ้เลย หนูว่ามันน่าสงสารนะ”
“พี่เหนือรู้”

รู้จริงๆ และผมก็สงสารมันเหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไง ถ้าผมยังอยู่ ธารก็ไม่โตสักที ย่ำอยู่กับที่แบบนี้เพราะผม ผมไม่เอาด้วยหรอก

“เจ้ก็คิดดีๆ แล้วกันค่ะว่าจะเอายังไง ถึงหนูจะเป็นเพื่อน แต่ยังไงก็เป็นคนนอก คงให้คำแนะนำเจ้ได้แค่ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คุยกันค่ะ เด็กช่างน่ะ ยังไงก็รักจริงอยู่แล้ว ธารเองก็เหมือนกัน มันรักเจ้จริงแน่ หนูคอนเฟิร์ม เดี๋ยวหนูไปเก็บผ้าก่อน ลมพัดแรงขนาดนี้ สงสัยคืนนี้ฝนจะตก”

น้องมายด์ตัดบทเอาดื้อๆ ก่อนพุ่งตัวออกไปที่ระเบียง หันไปมองก็เห็นลมพัดกรรโชกแรงอย่างที่มันว่า ไม่นาน ฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมา พร้อมกับเสียงบนของน้องมายด์ที่เกือบจะเก็บผ้าไม่ทัน

ผมไม่ได้สนใจอะไร ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ยกแขนขึ้นพาดหน้าผาก คิดเรื่องของธารไม่หยุดหย่อน พลันคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยตั้งใจว่าจะโทรหาธารดู ตอนนี้เป็นห่วงมันยิ่งกว่าอะไร กลัวว่ามันจะทำอะไรไม่คาดคิดเป็นการประชดผมฉิบเป๋ง ทว่าสุดท้ายก็ไม่กล้าโทร ได้แต่นอนมองจอโทรศัพท์ที่เปิดโปรแกรมแชทค้างไว้เท่านั้น

ไม่รู้จะพิมพ์อะไรแฮะ ข้อความที่ส่งให้ก่อนหน้าก็เปิดอ่านแล้วด้วย แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ จะเป็นยังไงก็ไม่รู้

ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตก น้องมายด์เห็นก็ปลอบให้ผมทำใจให้สบาย แล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำเตรียมนอนเพราะเริ่มดึกแล้ว ผมเลยจะนอนบ้าง

คืนนี้พักก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาทางออกใหม่

หากแต่ยังไม่ทันจะได้จัดท่านอน เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ก็ดังแทรกเสียงฝนที่เทกระหน่ำขึ้นมา ผมเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รับรู้ได้ทันทีว่าคนที่มาต้องเป็นธารแน่ จึงรีบพุ่งไปเปิดประตูห้อง
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ซะด้วย ธารที่เปียกฝนม่อล่อม่อแล่กไปทั้งตัวมองหน้าผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ผมเห็นก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง เลยเรียกแค่ชื่อมัน
“น้องธาร...”

แค่นั้น... เรียกเพียงแค่นั้น ธารก็ถลาเข้ามาสวมกอดผมไว้แน่น แน่นยิ่งกว่าครั้งไหนที่เราเคยกอดกัน ก่อนผมจะได้ยินเสียงสั่นเครือลอยมาให้ได้ยินเบาๆ

“ธารพร้อมจะฟังแล้ว พี่อย่าโกรธธารนะ ธารขอโทษ”

ผมนิ่งไปครู่ ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา ซบหน้าลงบนบ่าแกร่ง ยกมือขึ้นโอบกอดตอบแล้วพยักหน้ารับคำ
“พี่เหนือดีใจที่น้องธารมานะครับ”
 



น้องมายด์ออกจากห้องน้ำมาเจอธารก็ดูงุนงงไปเล็กน้อยที่เห็นธารมาง้อผมเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อะไรไม่ว่า งงด้วยที่ธารมาง้อ เพราะปกติแล้วมันไม่ใช่คนที่จะแสดงออกว่าแคร์ความรู้สึกคนอื่นชัดเจนเท่าไหร่ ถ้าแสดงออกก็จะมาในรูปแบบห่ามๆ แต่รอบนี้คือมาแบบสภาพหมาน้อยเลย

ไม่ใช่หมาน้อยธรรมดาด้วย หมาน้อยตกน้ำ เปียกซ่กจนผมต้องขอผ้าเช็ดตัวแห้งผืนใหม่จากน้องมายด์มาเช็ดหัวเช็ดหูให้เด็กชายตัวโตตรงหน้า

น้องมายด์เห็นว่าผมต้องการใช้เวลาเคลียร์กับธาร ก็เลยออกจากห้องไปก่อน บอกว่าจะแวะไปเม้าท์มอยที่ห้องเพื่อนคนอื่นซึ่งพักอยู่ในหอเดียวกัน อีกพักใหญ่จะกลับมา ผมก็เลยได้ที เปิดฉากอธิบายทุกอย่างให้ธารฟังอย่างหมดเปลือก ทั้งเรื่องที่ผมรับปากธารแล้วไม่ทำตาม ทั้งเรื่องเหตุผลที่ผมจะเรียนต่อ และแน่นอนว่าไม่พลาดเรื่องการดุปนบ่นที่มันไม่เอาจริงเอาจังกับอนาคตตัวเอง เรื่องที่ใจร้อน และเรื่องที่ไม่รู้จักโต

ธารก็ฟัง... ฟังโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงเสียงฝนเท่านั้นที่ดังแทรกขึ้นหลังจากที่สิ้นเสียงผม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบ จะมีก็แต่ดวงตาคมที่เหลือบมองหน้าผมด้วยสายตาสำนึกผิดเต็มกำลัง

ผมเห็นแล้วก็รู้ว่าธารยอมจำนนแล้ว หากแต่ไม่ปริปากอะไรก็เท่านั้น ผมเลยเป็นฝ่ายเริ่มแทน

“ที่พี่เหนือทำแบบนี้ น้องธารคิดว่าพี่เหนือเห็นแก่ตัวมั้ย”
“ยังมีหน้ามาถาม ทิ้งกันไปแบบนี้แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย” ธารตอบออกมาทันที เบือนสายตาหนี ยกขาที่ยกชันอยู่บนเตียงขึ้นมากอดเข่าแล้วซุกหน้าลง ทำให้ผมยิ้มรับกับท่าทางจ๋อยๆ นั่นเล็กน้อย
“แล้วที่น้องธารรั้งพี่เหนือไว้ บังคับไม่ให้พี่เหนือไปเพื่อความรู้สึกตัวเอง ไม่สนว่าพี่เหนือจะรู้สึกยังไง ไม่ฟังพี่เหนืออธิบายในตอนแรก นี่มันใช่ความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า”

พอผมถามอีกครั้ง ธารก็เงยหน้าขึ้นมามองผม
ไม่มีคำตอบจากกลีบปากคู่สวยนั่น มีแต่สายตาเศร้าสร้อยระคนสับสนที่ส่งมา ผมจึงยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปยีเส้นผมนุ่มที่เริ่มแห้งแล้วเบาๆ
“เด็กน้อย คนเราน่ะ รักกันมันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดหรอกนะ นอกจากหน้าที่ของคนรักแล้ว เราต่างคนก็ยังมีหน้าที่อื่นที่ต้องทำ ความรักสำคัญ คนรักก็สำคัญ แต่อย่างอื่นในชีวิตเราก็สำคัญเหมือนกัน ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย”
“แต่ธารไม่อยากให้พี่ไป” ธารยังคงยืนยันคำเดิม ทว่าคราวนี้ไม่ได้โวยวาย ไม่ได้อ้อน แต่ออกมาจากใจจริง

ผมเข้าใจ... แต่ผมบอกไม่ได้ว่าตัวเองไม่อยากไป
ผมอยากไปเรียนต่อ ทว่าลึกๆ ในใจเป็นห่วงคนตรงหน้า เลยทำให้ตัดสินใจแบบเด็ดขาดในตอนแรกไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

“ไปเรียนต่อกับพี่เหนือมั้ย เราจะได้อยู่ด้วยกัน” ผมเลยเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนไปอีก
ทว่าผมคงจะลืมไปว่าครั้งหนึ่งธารเคยพูดเรื่องเรียนต่อที่เดียวกับผมไว้ว่ายังไง มันเลยเตือนความจำให้
“ถ้าพี่ไปคนเดียว ธารก็จะรอพี่แค่สองปี แต่ถ้าธารไปด้วย ธารจะต้องอยู่คนเดียวถึงสามปี พี่คิดว่าธารจะไปมั้ย”

ผมยิ้มบางๆ ...แน่ล่ะว่าไม่ไปหรอก รอสองปียังดีกว่าจากกันสามปีนี่นา

“แล้วน้องธารจะอยู่ได้มั้ยถ้าพี่เหนือต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง” ถามทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้จะเป็นยังไง
ธารส่ายหน้าทันที ผมมองแล้วก็ท้อใจ ไม่รู้จะทำยังไง ทว่าก็ท้อใจได้ครู่เดียวเมื่อธารว่าออกมาเสียงแผ่ว
“แต่ธารจะรอพี่กลับมานะ”
ผมยิ้มออกทันที ไม่รู้ว่าทำไมการยิ้มในครั้งนี้ทำให้ผมอยากร้องไห้ไปในคราวเดียวกันด้วย แล้วก็เกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อธารเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ จ้องหน้าผมนิ่งๆ
“แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่มีใคร อย่าทำให้ธารเสียใจเหมือนตอนเรื่องพี่ดื้อ เข้าใจมั้ย”
“คร้าบๆ ขี้หึงนะเรา ถึงเมื่อก่อนพี่เหนือจะไหลไปเรื่อย แต่ตอนนี้พี่เหนือเป็นของน้องธารแล้ว จะให้ไปเป็นของใครได้อีก จริงมั้ยฮึ?” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เสแสร้งทำเป็นอารมณ์ดี ยื่นมืออีกข้างไปบีบปลายจมูกโด่งรั้นนั่น

ธารไม่หลบ ปล่อยให้ผมหยอกล้อปลายจมูกตัวเองเล่นกระทั่งผมเป็นฝ่ายละฝ่ามือออกมาเอง แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ธารก็พูดออกมา
“พี่เหนือ เป็นแฟนกันมั้ย”

เป็นครั้งแรกที่ธารขอผมเป็นแฟน ผมนิ่งงัน มองสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย ใจจริงอยากจะตอบรับเหลือเกิน แต่ว่า...

คิดๆ ดูแล้ว ถ้าผมตอบรับไป แล้วเราจากกันทั้งที่มีสถานะว่าเป็นแฟน แบบนั้นจะทำให้ธารเจ็บปวดกว่าการจากลาโดยมีสถานะไม่ชัดเจนอย่างที่เป็นอยู่หรือเปล่า
ผมชั่งใจไปว่าจะเอาไงดี ธารเลยถามอีกครั้ง
“พี่เหนือ เป็นแฟนกับธารมั้ย”
“น้องธาร... คือพี่...”

อยากตอบรับ อยากบอกว่าผมอยากจะเป็นแฟนมันใจจะขาด แต่ก็ต้องสะกดความปรารถนาของตัวเองลงไป แล้วตั้งสติ เปลี่ยนคำพูดไปพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามแทน

“ชั่งใจก่อนเถอะนะน้องธาร พี่เหนือไปตั้งหลายปี ถ้าวันใดวันนึงน้องธารเจอคนที่มาแทนที่พี่เหนือได้ เราสองคนจะมีปัญหานะ ถ้าเราจะจากหรือจะเปลี่ยนใจจากกัน จากแบบที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันแล้ว พี่เหนืออยากจากกับน้องธารด้วยความรู้สึกดีๆ มากกว่า เป็นแฟนกัน เวลาเลิกกันแล้ว มันเจ็บปวดมากกว่านะ”
ที่พูดอย่างนี้เป็นเพราะผมผิดหวังในความรักมานับครั้งไม่ถ้วนน่ะ เลยเข้าใจดี ธารเองก็เข้าใจ ได้ยินอย่างนั้นก็รีบโพล่งขึ้นมา
“แต่ธารรักพี่จริงๆ นะ รักจริงๆ ไม่มีวันทิ้งพี่ไปแน่ พี่อย่ากลัวสิวะ”
“ไม่ใช่ว่ากลัว แต่พี่...”

กลัวการเป็นแฟนกันจะทำร้ายน้องธารให้เจ็บปวดเวลาที่พี่เหนือไม่อยู่ด้วยต่างหาก ถ้าเป็นแฟนกัน น้องธารจะต้องโหยหาพี่เหนือมากกว่าที่เป็นอยู่แน่...

อยากจะบอกไปอย่างนี้ แต่ถ้าพูดไป ธารจะต้องหาข้ออ้างอีกสารพัดมาแย้งแน่นอน เลยเงียบไปดื้อๆ ธารจึงขยับเข้ามาใกล้ผม ยกสองมือขึ้นมาประคองใบหน้าผมไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเครียดทว่าแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

“ธารรักพี่จริงๆ เป็นแฟนกับธารเถอะ ธารสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่เจ็บเด็ดขาด”
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นไม่ให้สั่นระริก น้ำตาที่ว่าจะไม่ไหลแล้วเอ่อคลอปริ่มขอบตาจนได้ ธารเลื่อนปลายนิ้วหัวแม่มือมาซับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวให้ผม ปากก็ยังขอผมเป็นแฟนไม่หยุด
“ธารรู้ว่าพี่กลัวการมีคนรัก แต่ธารสาบานว่าจะไม่ทำร้ายพี่ จะไม่มีวันทิ้งไปไหนด้วย ถึงพี่จะขอเวลาไปทำหน้าที่ของตัวเอง ธารก็จะไม่ทิ้งพี่ไป แต่ขอร้อง รักธารให้มากกว่านี้ได้มั้ย รักแบบที่ชัดเจนว่าเราเป็นอะไรกัน ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่”
“ไหนน้องธารว่ากลัวว่าเราจะเปลี่ยนไปไงครับถ้าเราเป็นแฟนกัน” ผมสะกดกลั้นน้ำตา แกล้งถามออกไป
ธารนิ่งไปครู่ แล้วก็พูด
“ก็กลัว แต่กลัวว่าถ้าไม่คว้าพี่เอาไว้ก่อน คนที่จะเปลี่ยนใจคือพี่น่ะ ก็พี่แม่งแรดจะตาย ยังไงก็ต้องป้องกันไว้ก่อน”

ประโยคนี้ทำเอาผมหัวเราะพรืดออกมาเลย โธ่ อุตส่าห์โรแมนติกมาตั้งนาน ดันมาตกม้าตายตรงนี้ซะได้

“พี่เหนือไม่มีใครหรอก ถ้าน้องธารบอกว่าจะรอ พี่เหนือก็จะรอเจอน้องธารเหมือนกันนะ”
“สรุปจะเป็นแฟนมั้ยเนี่ย ถามหลายรอบแล้วแม่ง ลีลาอยู่ได้” วกกลับมาเรื่องเดิมแล้ว

ผมยิ้มกว้าง ยื่นหน้าเข้าไปจูบมันแผ่วเบา ผละออกมา ธารก็มองหน้าผมอย่างสงสัยว่าที่จูบเมื่อกี้หมายความว่าตกลงหรือยังไงกันแน่

ทว่าไม่ ผมไม่ได้ตกปากรับคำ ก่อนจะว่าออกมา
“รอพี่เหนือกลับมาก่อนนะ ถ้าตอนนั้นน้องธารยังไม่เปลี่ยนใจ เราค่อยมาคบกันจริงจัง”
“ยังจะต้องรออะไรอีก ไม่ต้องรอแล้ว เป็นแฟนกันเลย” ธารเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกแล้ว ผมเลยมองดุๆ นิดหน่อย อีกฝ่ายก็เลยค่อยๆ นิ่งไปราวกับรู้ตัวว่าตัวเองยังมีความผิดติดชนักอยู่ ก่อนผมจะอธิบายว่าทำไมต้องให้รอ
“ที่บอกให้รอน่ะ เพราะถ้าเป็นแฟนกันแล้ว น้องธารต้องกังวลเรื่องพี่เหนือไม่หยุดแน่ จะกังวลมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ  พี่เหนือรู้ว่าเด็กช่างอย่างน้องธารน่ะรักจริง แต่ชั่งใจก่อน ที่ให้ชั่งใจก็เพราะพี่เหนือไม่ได้เป็นคนดีอะไรเท่าไหร่ เมื่อก่อนก็ทั้งมั่วทั้งแรด ขนาดตอนนี้เพลาความแรดลงมาแล้ว ยังโดนน้องธารด่าว่าแรดเลย ไว้พี่เหนือกลับมา แล้วถ้าน้องธารยังไม่เปลี่ยนไป เราก็ค่อยมาคบกัน โอเคมั้ย”

ธารเข้าใจที่ผมพูด แต่ดูท่าทางไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ จากท่าทางฮึดฮัดก็รู้ได้เลย ผมเลยต้องถามอีกครั้ง
“ว่าไง โอเคมั้ย ถ้ายังไม่เปลี่ยนใจ พี่เหนือกลับมาแล้ว เราค่อยมาเป็นแฟนกันนะ”
“เออ ก็ได้” สุดท้ายก็ตกปากรับคำอย่างไม่มีทางเลือก
ผมโผเข้ากอดร่างใหญ่ ปากพึมพำไปด้วย
“เด็กน้อยของพี่เหนือเวลาไม่ดื้อนี่น่ารักที่สุด”

ธารตัวสั่นไหวเบาๆ เหมือนจะหัวเราะ ก่อนพรมจูบลงมาบนขมับผมข้างที่แตกเพราะถูกกระแทกเบาๆ แต่ถึงจะจูบเบาเพียงใด ผมก็สะดุ้งเพราะความเจ็บปวดอยู่ดี ก็ตอนนี้มันปูดโนขึ้นมาแล้วนี่
“ไม่เจ็บมากใช่มั้ยพี่”
“อื้ม นิดหน่อย แต่ก็เจ็บนะ กระแทกซะแรง สมองหมากว่าเดิมแล้วมั้งเนี่ย” ผมแกล้งด่าตัวเองด้วยคำด่าที่ธารเคยใช้กับผม
ธารเลยหัวเราะร่วนออกมา ก่อนกดผมลงนอนบนเตียง แล้วโถมตัวขึ้นมาคร่อมเอาไว้
“ขอโทษนะพี่...สำหรับทุกๆ อย่าง ธารก็แค่รักพี่มากเท่านั้นเอง”
“ครับ พี่เหนือเข้าใจ ขอโทษเหมือนกันนะที่ทำให้น้องธารรู้สึกไม่ดี”

พอสิ้นเสียงผม เราทั้งคู่ก็สบสายตากันอยู่นานทีเดียว กระทั่งธารโน้มหน้าลงมาจูบ และเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข ผมจึงต้องรีบปราม
“เดี๋ยวๆ นี่เราจะทำที่นี่จริงเหรอ ห้องน้องมายด์นะ”
ธารก็เหมือนจะตระหนักได้ในตอนนี้ มองไปรอบห้องที่มีแต่ข้าวของสีชมพูกับลายคิตตี้แล้วก็ทำหน้าแหยงๆ
“พี่จะไปห้องพักรายวันมั้ยล่ะ เห็นอยากไปไม่ใช่เหรอ”
ผมหัวเราะลั่น ทำเอาธารหัวเราะไปด้วย ก่อนผมจะรวบธารมากอด พลันกระซิบแผ่วเบาแทน
“กลับบ้านดีกว่า ห้องน้องธารดีที่สุดแล้ว ไปเคลียร์กันต่อที่นั่นเถอะเนอะ”

ธารไม่ปฏิเสธ ผละออกจากผม ดึงผมลุกขึ้นยืน แล้วโทรตามน้องมายด์ ฝากกุญแจมอเตอร์ไซค์เอาไว้ บอกว่าพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนจะแวะมาเอา ก่อนกลับไปกับผม

ดูท่าแล้วก็คืนนี้คงต้องเคลียร์กันทั้งคืน ทะเลาะกันแรงขนาดนี้ ต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจเยอะหน่อยล่ะ แต่จะให้ดี ขอให้การทะเลาะกันครั้งนี้เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเถอะ

ก็ผมรักเด็กนี่มากเกินกว่าจะเอาเวลาดีๆ ที่มีให้กันมาทำเรื่องไร้สาระอย่างนั้นนี่นา รักกันอย่างเดียวดีกว่า อย่าได้ทะเลาะกันอีกเลย


หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-04-2016 23:53:10
ตอนแรกว่าจะมาไม่เกิน 4 ทุ่ม เขียนจริงๆ แล้วแบบ โอ้โหหหหห บิวท์อารมณ์นานมากกก ไม่ถนัดเขียนฉากอย่างเน้!! 555 แต่ก็มาม่าเบาๆ นะ หนักเหนิกอะไร ใครว่ามดแดงทั้งรังกัด มดตัวเดียว กัดเจ็บจิ๊ดเดียวเอ๊งงงงง
เอาล่ะค่ะ เราผ่านมาม่านี้ไปได้แล้ว ก็สบายไตกันได้ละ ที่เหลือก็จะมีแต่ความละมุน ความกรุบกรอบ ความแรด ความขายอ้อย และความมาม่าตบท้ายอีกนิด(ว้อทททท? ยัง...ยังจะมีอี๊กกกก) ม่าตบท้ายนี่มีนิดเดียว โทนหลังของเรื่องนี่เน้นอบอุ่นละมุนละมุดละเมียดละไมแล้วค่ะ
ตัวอย่างตอนต่อไปมาพรุ่งนี้นะ อ่านจบแล้ว ฝากส่งฟีดแบ็กกันหน่อยน้า XD
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-04-2016 07:28:10
เป็นคนพิดโลก ดีใจที่ เขียนเรื่องนี้ในจังหวัดพิษณุโลก(คนแต่ง เป็นคนพิดโลก?)

เหนือ กับ ธาร ปรับความเข้าใจกันได้ :katai2-1:
ดีต่อทั้งสองฝ่าย ธารก็โตขึ้น เหนือก็ได้ทำตามความฝัน :mew1:
รอดู ทั้งคู่หลังจากนี้แหละ ว่าจะ :กอด1: ได้อย่างที่ตั้งใจ?
รอนะ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 20-04-2016 08:30:54
อ่านตอนนี้แล้วอารมย์สวิงเป็นคนวัยทองเลย
อิน้องธารนี่ทำตัวน่าตบน่าโอ้ มาโหมดลูกหมาน้อยตกน้ำตอนท้ายแล้ว
อยากจับมาตบตูดกล่อมนอนเหลือเกิน ฟิลแม่นมมามาก
แต่เรื่องนี้มันต้องอ้อยยยย โลเคชั่นของเรื่องต้องสวนอ้อยเท่านั้นนนนน  :hao7: :hao6:
ร่วมสนับสนุนกองทุนสายเปย์
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-04-2016 08:31:43
สรุปแล้ว ที่ธารง้องแง้ง เป็นเพราะเหนือตามใจมากนี่เอง ตีเลยตีเลย นี่นี่นี่ #หวดก้น  :laugh5:

2 ปีไม่นานหรอกจะน้องธาร แป๊บๆ เอง ขี้คล้านพี่เหนือจะรีบกลับมาซบอกล่ำๆของน้อง ถึงพี่เหนือจะแรด แต่พี่เหนือก็รักจริงนะจ๊ะ #ช่วยเหนือหรือซ้ำ?  เหนือตัดสินใจถูกแล้วที่ไป เป็นการสอนให้น้องธารเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย ตอนแรกยังเดาว่ายังไง น้องธารก็ต้องตามเหนือไปเมกาแน่ ติดหนึบขนาดนั้น ปรากฎว่าน้องธารลึกซึ้งมากกก มีคำนวณก่อนด้วยว่าถ้าไปเมกาพร้อมเหนือตัวเองต้องได้กลับทีหลังเหนือแน่ๆ อุ๊ยยยยย หล่อ ฉลาด รักจริง เริ่ดที่สุด :m3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nuttnutt ที่ 20-04-2016 08:33:51
#ไม่เสือกดิยีนส์ ทีตัวเองมาฝึกงานยังมากับผัวเลย อย่ามารู้ดีไปกว่าคนที่เค้าจะต้องห่างกันเลยว่ะ
#มงต้องลงให้น่องมายด์ ในส่วนของน้องมายด์นั้น เราว่านางทำถูกนะ รับฟังปัญหาพี่เหนือและบอกในส่วนที่รู้สึกไม่ได้ตัดสินชีวิตของธารหรือแสงเหนือ
#ขอให้คนอื่นสละสิทธ์จนกั้งได้ทุน ดูดิเมียแกจะปล่อยให้ไปมั้ย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 20-04-2016 08:56:28
2ปีนี่จะทำให้ธารโตขึ้นใช่มั้ยยย
รักกันนานๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-04-2016 08:59:32
เคลียร์กันได้ซะที เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 20-04-2016 10:26:10
ดีแล้วที่ธารยอมเข้าใจ.. ยังไงถ้ามั่นคงเสียอย่าง รักทั้งคู่ก็ผ่านไปได้แน่นอน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-04-2016 14:48:04
ปรับความคิด ปรับความเข้าใจ ...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 20-04-2016 15:07:46
ทำไมเรารู้สึกอยากหยิกทั้งพี่เหนือกับน้องธารเลยน่ารักไปแล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-04-2016 15:15:30
เป็นคนพิดโลก ดีใจที่ไร้ท เขียนเรื่องนี้ในจังหวัดพิษณุโลก(ไร้ท เป็นคนพิดโลก?)

เหนือ กับ ธาร ปรับความเข้าใจกันได้ :katai2-1:
ดีต่อทั้งสองฝ่าย ธารก็โตขึ้น เหนือก็ได้ทำตามความฝัน :mew1:
รอดู ทั้งคู่หลังจากนี้แหละ ว่าจะ :กอด1: ได้อย่างที่ตั้งใจ?
รอไร้ท :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นคนกรุงเทพฯนี่แหละค่า แต่ตอนสมัยเรียน ม.ปลาย ย้ายบ้านไปอยู่พิด'โลกเลยได้แว้นตามสไตล์วัยรุ่นพิดโลกค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-04-2016 17:40:24
ตอนนี้ดีค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 20-04-2016 19:52:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-04-2016 20:17:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่24:ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย♦P.20♦19/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-04-2016 20:18:27
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 25
ซัดมาม่ากันไปแล้ว ก็มาซัดอ้อยกันบ้างเนอะ บอกเลย น้องธารคนเดิม เพิ่มเติมคือความแซ่บ กรุบกรอบอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องแซ่บด้วยแล้วล่ะตอนนี้ 555
มาเมื่อไหร่ยังไม่รู้นะคะ ขอหนูแดงไปเคลียร์งานหลวงก่อน ที่รู้ๆ คือเหลืออีก 3 ตอนก็จะจบแล้วล่ะ ที่เหลือก็จะเป็นพวกตอนพิเศษเน้อ
เจิมแล้วปูเสื่อรอกันเลยจ้า ของกินไม่ต้องเตรียมมา เดี๋ยวมาเคี้ยวน้องธาร...เอ้ย อ้อยกับพี่เหนือเนอะ
------------------------------------

“ใกล้จะไปแล้ว ธารขอทำอะไรตามใจหน่อยได้มั้ย”
“เอาสิครับ น้องธารอยากทำอะไรล่ะ”

ธารไม่ตอบ ลุกจากเตียงไปตรงตู้เสื้อผ้า ค้นลิ้นชักอยู่นานก็หยิบเอาเนคไทนักศึกษาของผมออกมาถือ ผมเห็นแล้วก็เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่าคิดจะทำอะไร ทว่าธารก็ไม่พูด เพียงยกยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนเดินกลับมาปีนขึ้นเตียง

ปีนขึ้นเตียงอย่างเดียวไม่พอ ขึ้นมานั่งทับช่วงล่างของผมเอาไว้ คลายเนคไทที่อยู่ในมือออก ก่อนจัดการรวบเอาข้อมือทั้งสองข้างของผมไปมัดเข้าหากัน
“อยากทำอย่างนี้”
ตอนนี้พูดแล้ว พูดพลางยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยไปด้วย ส่วนผมก็เบิกตาโตกับความแปลกใหม่ของน้องธารใจ เวอร์ชันโซ่ แส้ กุญแจมือทันที

โอ้ว! เดี๋ยวๆ มัดอย่างนี้นี่อยากจะได้อะไรแปลกใหม่ใช่มั้ย โถ แล้วก็ไม่บอกพี่เหนือ จะได้ไปหาเชือกยาวๆ มาให้ มัดแค่ข้อมือมันไม่เร้าใจ อยากเร้าใจต้องมัดแบบ BDSM อย่างที่ในหนังผู้ใหญ่ทำกันโน่น!

“ฮั่นแน่ คิดจะทำอะไรลามกกับพี่เหนือล่ะซี่” ผมหยอก
ธารกัดริมฝีปากล่าง ยิ้มเขินๆ เล็กน้อย ขณะที่มือก็ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตบนตัวผมทีละเม็ด
ไม่แกะเปล่า พอสาบเสื้อพ้นจากร่างกาย ก็จับข้อมือผมที่ถูกพันธนาการไปวางไว้เหนือหัวผม ขณะที่อีกมือวางนาบลงมากลางแผ่นอก ลูบไล้จนบางอย่างที่ไวต่อการสัมผัสชูชันขึ้นมา
“พี่ไปอเมริกาเมื่อไหร่ จำไว้ว่าพี่เป็นของธาร” ธารว่าเสียงเข้ม จ้องหน้าผมเขม็ง

ไม่รู้ว่าทำไมธารในตอนนี้ถึงได้ดูหล่อกว่าเดิมสักสิบเท่าได้
หล่ออย่างเดียวไม่เท่าไหร่ เร้าใจและฮ็อทกว่าเดิมนี่ทำเอาผมระทวยไปเลยทีเดียว

“จำได้อยู่แล้วครับ ถ้าไม่เป็นของน้องธาร พี่เหนือจะเป็นของใครล่ะเนอะ”
ยังจะติดตลก แต่ธารไม่ส่งเสียงหัวเราะใดๆ ออกมา ทำเพียงเหยียดยิ้มมุมปาก สายตาก็ดูแวววาวมากกว่าเดิม
ผมรู้สึกแล้วล่ะว่ามันต้องคิดจะทำอะไรแน่ แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อจู่ๆ ริมฝีปากหนาก็จรดจูบลงมาบนปลายติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ให้ผมได้สะดุ้งเฮือกเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว

“ตรงนี้ก็ของธาร” กัดเบาๆ แล้วก็พึมพำให้ได้ยิน
เส้นขนทุกเส้นลุกชันไปทั้งตัวเลย แต่ผมก็กัดฟันตอบรับไป
“ครับ พี่เหนือเป็นของน้องธารอยู่แล้วนะ ไม่ต้องห่วง”

ไม่รู้ธารฟังผมมั้ย ไม่เห็นจะตอบรับอะไรสักอย่าง เลื่อนริมฝีปากมาจูบเรียวปากผมเนิ่นนาน ผละออกมาได้ก็พึมพำประโยคเดิมอีก
“ตรงนี้ก็ของธารเหมือนกัน”
“ครับ...” ผมครางรับ รู้สึกว่ามันแปลกๆ ละ

ทว่าก็ไม่ทักอะไรออกไป ดูไปเรื่อยๆ ว่ามันจะทำอะไรต่อ ส่วนธารก็เลื่อนลงไปจูบซอกคอ ไล่ต่ำลงไปยังไหปลาร้า ปากก็พึมพำๆ ว่า ‘นี่ก็ของธาร ตรงนี้ก็ของธาร’

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร กระทั่งมันเลื่อนตัวลงต่ำไปยังยอดอก ประทับจูบและดูดกลืนเสียเต็มแรงจนผมต้องบิดตัวหนี ถึงได้รู้ว่าคืนนี้มีความเสี่ยงเป็นอัมพาตมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“นี่ก็ของธาร”

ไม่มีแรงจะพูดแล้ว ยิ่งเห็นมันไล่จูบไปยังหน้าท้อง และค่อยๆ ต่ำลงไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มควบคุมลมหายใจไม่ได้ หายใจหอบหนักยิ่งกว่าเมื่อมือหนาคว้าขอบกางเกงขาสั้นบนตัวผมดึงต่ำลงไปจนกางเกงบ็อกเซอร์โผล่

ตอนนี้ผมใจเต้นระทึกหนักเลย ธารไม่เคยเป็นแบบนี้ นี่ขายอ้อยขั้นเลเวลแม็กซ์มากๆ ก่อนที่ธารจะชะงักไว้เพียงแค่นั้น เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม มองราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อ พร้อมกับบอกว่า...

“ตรงนี้...ก็ของธารด้วย”

ขะ...ของธารทั้งตัวและหัวใจเลยจ้า! จะเอาเท่าไหร่ ไหนบอกพี่เหนือซิ เดี๋ยวไปกดเอทีเอ็มมาให้

หูย... หน่องธารคนเดิม เพิ่มเติมคือขายอ้อยหมดประเทศ ฮันเดร็ดเฉด ออฟ น้องธารไปเลย เห็นแล้วอยากจะกดมันแทน ไม่อยากให้มันกดละ คนบ้าอะไรมีความยั่วยิ้มได้ขนาดนี้

กูเคี้ยวซากอ้อยจนคางทูมถามหาแล้วแม่งเอ๊ย...
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 20-04-2016 22:33:13
เอาเครื่องบดไหมพี่เหนือเดี๋ยวกรามพัง555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-04-2016 22:50:49
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-04-2016 22:54:11
แหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มีผัวเด็กก็ฟินตรงนี้

แรงดี  ปี้ไม่เลิก  555555

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์ อิจ.ขั้นแม็กซ์ค่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-04-2016 23:04:54
แหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มีผัวเด็กก็ฟินตรงนี้

แรงดี  ปี้ไม่เลิก  555555

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์ อิจ.ขั้นแม็กซ์ค่า

ทำไมหนูขำ แรงดี ปี้ไม่เลิก 55555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-04-2016 23:16:02
เตรียมร่างพังก่อนไปเรียนต่อได้เลย
ธารคงย้ำรักหนักแน่
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-04-2016 10:26:13
น้องธารจัดหนัก!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 21-04-2016 11:44:20
เจอ ฮันเดร็ดเฉด ออฟ น้องธาร  ไปพี่เหนือคงตายอย่างสงบ 55
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-04-2016 11:58:06
โดนกัดแบบ ตรงนี้ก็..ของธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-04-2016 20:40:21
5555..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 21-04-2016 20:50:06
หู้ยยยยยยย น้องธารเด็กดีของเพพพ่ :m25:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-04-2016 00:03:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 28-04-2016 09:20:03
รอน้องธารมาแซ่บต่อน้าาา :mew5: :mew6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-04-2016 18:55:30
ชั่งใจ ครั้งที่ 25: ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป ราบรื่นเกินไปจนผมกลัว[1]

ไม่กี่วันหลังจากผมปรับความเข้าใจกับธารเรื่องทุนได้ และธารก็ยินยอมให้ผมไปตามความฝัน ผมก็รับการสัมภาษณ์กับทางคณะกรรมการผู้ให้ทุนผ่านทางสไกป์ แน่นอนว่าการสัมภาษณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจะผ่านการคัดเลือกรอบสัมภาษณ์นี้โดยราบรื่น เพราะทางคณะกรรมการก็ไม่ได้ถามอะไรมาก หลักๆ ก็ถามเกี่ยวกับพวกทัศนคติทั่วๆ ไปอะไรเทือกนี้ จะมีก็แต่ธารเท่านั้นที่นั่งฟังผมสัมภาษณ์อยู่ทำหน้าอึ้งๆ ไปหลังได้เห็นผมพูดภาษาอังกฤษไฟแล่บชนิดเจ้าของภาษามาพูดเอง

ก็แหม เด็กเอกอังกฤษนี่เนอะ จะพูดไม่ได้หรือพูดไม่คล่องมันก็ไม่ใช่เรื่อง ถึงจะพูดไม่คล่อง อย่างน้อยก็ต้องพูดได้แหละวะ

“มองอะไรตัวดี ตกใจที่เห็นพี่เหนือพูดภาษาอังกฤษปร๋อเหรอ” ผมแสร้งถามขณะกำลังชัตดาวน์โน้ตบุ๊ก ทำเอาธารที่นั่งอยู่บนเตียงทำหน้ามุ่ย
“พี่จะหาผัวฝรั่งปะ”
ไม่ตอบคำถามผม แต่ดันถามแทรกขึ้นมาซะงั้น ส่วนผมก็หน้าตึงเลย
เห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย!

“พูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ได้หมายความว่าจะอยากแซ่บกันฝรั่งนะครับ มีน้องธารคนเดียวก็พอแล้ว พี่เหนือไม่มองใครแล้วล่ะ”
พูดไปอย่างนี้ ธารที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กๆ ก่อนพยักหน้าเรียกให้ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ พอนั่งปุ๊บ ธารก็คว้าผมเข้ามากอด เอาหน้าซุกลงบนไหล่ผม พึมพำพอให้จับใจความได้
“แต่เอาจริงๆ ธารก็ไม่อยากให้พี่ไปนะ”

ผมลอบถอนหายใจเล็กน้อย ก็รู้อยู่แหละว่ามันไม่อยากให้ผมไป หลายวันมานี้ถึงจะตกลงกันได้ แต่ธารก็ดูซึมไปทันตา จากที่ขี้เล่นบ้างเป็นบางครั้งก็เริ่มไม่เล่นละ อ้อนเยอะกว่าเดิมซะมากกว่า ซ้ำการอ้อนส่วนใหญ่ก็เป็นการอ้อนเรื่องไม่อยากให้ผมไปเรียนต่อด้วย
“แต่เราก็คุยกันแล้วเนอะ” ผมไม่พูดอะไรมาก กลัวว่าพูดมากไปแล้วเดี๋ยวจะทะเลาะกันอีก เลยว่าไปสั้นๆ แค่นี้
ธารพยักหน้า ไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ แต่ก็ไม่วายพึมพำ
“ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อยากให้พี่ไปอยู่ดี”

ยิ่งพูดก็ยิ่งกอดแน่น ผมก็ชักจะลำบากใจขึ้นมา ตอนแรกหลังจากที่ตกลงกันได้ ธารก็ถามผมนะว่าถ้าธารไปเรียนต่อด้วย แล้วผมเรียนจบก่อน ผมจะหางานที่นั่นทำแล้วรอจนกว่าธารจะเรียนจบ ค่อยกลับมาไทยพร้อมกันจะได้มั้ย มันดูเหมือนเป็นวิธีที่ง่าย แต่พอคิดสะระตะแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ

ก็ต้องยอมรับความจริงกันไปว่าเอกที่ผมไปเรียนต่อ เป็นเอกภาษาและวรรณคดีอังกฤษ แล้วจบทางด้านนี้มา คิดเหรอว่าจบทางด้านนี้มา จะไปทำอะไรกินได้ในอเมริกา มันไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ นะที่คนต่างชาติ ซ้ำยังไม่ใช่พลเมือง และไม่ได้จบสายที่ตลาดแรงงานอเมริกันต้องการจะหางานได้ แต่ที่ผมเลือกเรียนด้านนี้เป็นเพราะความชอบส่วนตัว และผมเห็นว่ามันเอากลับมาต่อยอดการทำงานในไทยได้ต่างหาก ดังนั้นเรื่องทำงานที่นั่นระหว่างรอให้ธารเรียนจบจึงถูกตัดออกไปเลย

และเพราะตัวเลือกในข้อนี้ถูกตัดออกไป ธารเลยซึมกะทืออย่างที่เห็น ซึมหนักกว่าเดิมด้วยเมื่อผมไม่พูดอะไรออกมา กระทั่งธารต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทน
"ไม่อยากให้พี่ไป...”
“พี่เหนือว่าช่วงนี้น้องธารฟุ้งซ่านไปนะครับ อ่านหนังสือเตรียมสอบดีมั้ย” ผมเปลี่ยนเรื่อง ทำเอาธารเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาขุ่นๆ
“แล้วใครทำให้ธารฟุ้งซ่านล่ะ”
“พี่เหนือนี่แหละ แต่พี่เหนือว่าเอาเวลาที่คิดมากเรื่องพี่เหนือไปเรียนต่อมาอ่านหนังสือจะดีกว่า เห็นจอมแก่นบอกว่าปลายเดือนนี้ก็จะสอบโควตาภาคเหนือแล้วนี่ อ่านหนังสือเตรียมสอบดีกว่าเนอะ”

ธารมุ่ยหน้า ผมรู้ว่าธารยังไม่มีแผนการเรียนต่อ หรือจริงๆ อาจจะมีแล้วก็ได้ เพียงแต่มันไม่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนก็เท่านั้น
“ว่าไงครับ ตกลงจะอ่านมั้ยหนังสือ ควรเตรียมตัวได้แล้วนะ เสียเวลามามากแล้ว”
“รู้แล้วน่า พี่นี่ก็บ่นจัง” ธารคลายอ้อมกอดจากผม ยกมือขึ้นยีผมด้วยท่าทางรำคาญสุดๆ
“พี่เหนือเป็นห่วงหรอกนะถึงได้เตือนได้บ่น พี่เหนือก้าวไปข้างหน้าแล้ว เพื่อนๆ ก็ก้าวไปกันแล้ว น้องธารจะยืนอยู่ที่เดิมเหรอ เดี๋ยวตามคนอื่นไม่ทันเอานะ”
“โดยเฉพาะพี่ใช่มะ พี่จะไปเรียนต่อโท แต่ธารยังไม่จบ ปวช.ด้วยซ้ำ พี่จะพูดว่าธารไร้อนาคตงั้นสิ” ธารสวนมา

ผมก็ไปต่อไม่ถูกสิ
ไอ้เด็กนี่... กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักนิด แค่พูดกระตุ้นให้มึงกระตือรือร้นขึ้นมาเฉยๆ
แต่ผมไม่ปล่อยให้มันเข้าใจผิดหรอก ตั้งท่าอ้าปากจะอธิบายทันที
“คือพี่เหนือ...”
“ไปโรง’บาลกันเถอะ”

พูดยังไม่ทันจบ ธารก็แทรกขึ้นอีกครั้ง ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะไปทำไม ธารที่ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อหันมามองผมเล็กน้อย แล้วว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กๆ
“ไปหาพ่อ จะไปขอตังค์เรียนพิเศษ โง่ดักดานอย่างนี้ เดี๋ยวตามความแรดของพี่ไม่ทัน สอบก็สอบวะ”
ฟังแล้วผมก็หลุดยิ้มออกมา ดีใจที่มันเริ่มคิดได้แล้ว แต่จะดีกว่านี้มากถ้ามันไม่ด่าผมกลายๆ แบบนี้เนี่ย!
 



ตอนพาธารไปขอตังค์พ่อเพื่อเรียนพิเศษที่โรงพยาบาล บอกเลยว่าคุณธีทำหน้าเหมือนเห็นผีมากตอนได้ยินเหตุผลว่าธารจะเอาเงินไปทำอะไร ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดีใจ แล้วสั่งให้คุณชยุตจัดการโอนเงินให้ลูกชายทันทีด้วยเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ธารจะได้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว
ธารหงุดหงิดเล็กน้อยที่เห็นทุกคนทำท่าดีใจเพียงเพราะมันจะเรียนพิเศษเพื่อทบทวนความรู้แล้วเอาไปสอบเข้ามหา’ลัย
“ทำอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง”
แล้วมันก็บ่นประโยคนี้ไม่เลิกตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา บ่นไม่เรื่อย บ่นไม่หยุด กระทั่งผมพามันไปสมัครเรียนตามสถาบันต่างๆ ในศูนย์การค้าตรงข้ามกับโรงพยาบาลประจำจังหวัดเรียบร้อย มันก็ยังพูดไม่เลิก ทำเอาผมหัวเราะไม่หยุดกับความขี้บ่นของมัน

ก็แหม จู่ๆ เด็กเกเรอย่างมัน แถมอนาคตมืดมนชนิดมองไม่เห็นแสงพูดออกมาเองว่าอยากเรียนพิเศษ แล้วจะไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา คนเป็นพ่อเป็นแม่ คนที่เป็นห่วงมัน ยังไงก็ดีใจกันทั้งนั้นแหละ

และด้วยความที่มันหงุดหงิดกับท่าทางดีใจของคนรอบข้าง มันเลยยังไม่ยอมกลับบ้าน ที่ไม่กลับบ้านเป็นเพราะวันนี้ป้ารินจะกลับมาดูแลมันทั้งที่ปกติจะไปดูแลคุณธีที่โรงพยาบาลในช่วงกลางวัน แล้วกลับบ้านไปขายของในช่วงกลางคืน ดูก็รู้ว่าต้องการหลบหน้าป้าริน ซึ่งเหตุผลก็ไม่ใช่อะไร แค่...
“เดี๋ยวป้ารินก็ทำเว่อร์ ทำกับข้าวฉลองยกใหญ่ที่ธารไปเรียนพิเศษอีก แม่งดีใจกันเว่อร์ไปหมด”

ก็ควรเว่อร์อยู่หรอก มึงมันไม่มีอนาคตนี่หว่า จู่ๆ มาคิดได้ ใครๆ ก็ดีใจทั้งนั้น ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก

ธารเลยพาผมไปที่ร้านพี่จอมดื้อ กะว่าจะไปหาอะไรกินที่นั่น แล้วก็ไปนั่งคุยเล่นกับพวกเพื่อนๆ ด้วย ไปถึงที่ร้าน ก็เจอพวกเพื่อนๆ มันพร้อมหน้า ความจริงก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเจ้าพวกนี้แท็คทีมกันไปติวหนังสืออยู่แล้ว ทว่าวันนี้แปลกหน่อยตรงที่พอเข้าร้านพี่จอมดื้อมา กลับไม่เห็นจอมแก่น โรม และน้องมายด์นั่งสุมหัวติวหนังสือกันเหมือนเคย แต่ใส่เสื้อเครื่องแบบพนักงาน ช่วยกันจัดเตรียมร้านมือเป็นระวิง ซ้ำพี่จอมแสบที่น่าจะไปอยู่ร้านตัวเองยังมาโผล่อยู่ที่นี่ด้วย ทำเอาธารย่นคิ้วทันที
“มีอะไรกันวะ ทำไมดูวุ่นวาย” เอ่ยทักกับจอมแก่นที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ตรงเคาน์เตอร์
จอมแก่นหันมามองอย่างหัวเสีย แล้วว่าออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดสุดกำลัง
“จะอะไรล่ะ พี่ดื้อน่ะสิ แม่งไม่รู้เป็นบ้าอะไร จู่ๆ เมื่อคืนก็หายหัวไปจากบ้าน โทรตามก็ไม่ติด เพิ่งจะมาติดเมื่อตอนบ่าย บอกว่าอยู่ชายแดนหนองคาย กำลังจะข้ามฝั่งไปลาว”
เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินจอมแก่นพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ อะไรไม่ว่า คำตอบของจอมแก่นทำผมกับธารเบิกตาโตทันควัน
“อะไรนะ พี่ดื้อไปลาว? ไปทำไมวะ”
“ไม่รู้แม่ง ติสก์แตกมั้ง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าให้ดูแลร้านให้ด้วย อย่าปิดร้าน ขาดรายได้ ทิ้งร้านไม่พอ ยังมาสั่งโน่นสั่งนี่อีก กวนตีนฉิบหาย”
“แต่ปกติพี่ดื้อไม่เคยเป็นแบบนี้นะ จะไปไหนก็บอกก่อนไม่ใช่เหรอวะ ที่สำคัญ กูไม่เคยเห็นพี่ดื้อทิ้งร้าน...”
“ก็บอกว่าไม่รู้ พูดมากอยู่ได้ มาช่วยกันทำงานเร็ว!”

จอมแก่นขึ้นเสียง พลางบ่นกระปอดกระแปด เห็นแล้วก็น่ารักดี ถ้าหากว่ามันไม่ทำท่าทางเหมือนหมาบ้าขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ธารที่เห็นเพื่อนของขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ยื่นมือยื่นไม้ไปช่วยทำงานแต่โดยดี ทว่าก็ยังอดสงสัยไม่ได้ ถามเรื่องพี่จอมดื้อไม่เลิก ผมเองก็สงสัย กระทั่งพี่จอมแสบสังเกตเห็นพวกเรา แล้วเดินเข้ามาทัก นั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าพี่จอมดื้อไปลาวทำไม
“มันอกหัก หนีไปพักใจ”
ผมกับธารมองหน้ากันทันควัน รู้ฉับพลันว่าพี่จอมดื้อไปลาวเพราะใคร
“แหะๆ พี่เหนือไม่เกี่ยวนะครับ ไม่ได้ทำอะไรสักกะติ๊ด”

อะไรไม่รู้ ผมชิ่งก่อนเลย ทำให้ธารมองผมด้วยสายตาดุๆ เชิงระอา ก่อนจะถอนหายใจออกมาโดยไม่พูดอะไร
เดี๋ยวๆ ทำท่าแบบนี้หมายความว่าไง กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย!
จอมแก่นก็รู้สาเหตุที่พี่ชายคนรองหนีไปไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเอาตอนนี้ ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าตามออกมาเช่นกัน แล้วก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ปากก็บ่นไม่หยุด ส่วนธารก็ปลีกตัวไปช่วยงานเพื่อน ทิ้งให้ผมมองพวกมันอย่างหัวเสีย

อย่ามาทำเหมือนกูเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกมึงต้องทำงานชนิดมัดมือชกสิวะ ไปโทษไอ้พี่ดื้อโน่น กูไม่เกี่ยว!

ไม่เกี่ยวก็คงต้องเกี่ยว เพราะหลังจากนั้น โรมกับน้องมายด์ก็รู้ถึงสาเหตุที่พี่จอมดื้อทิ้งร้านไป เท่านั้นแหละ ผมก็โดนอีน้องมายด์แซะทันทีว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกมันตกระกำลำบากอย่างโน้นอย่างนี้ ประโยคเด็ดก็คือ...
“นึกว่าตัวเองหน้าตาดีแค่ไหนถึงได้กล้าหักอกพี่ดื้อของน้องมายด์”

ขอโทษเถอะ...

ถ้ากูไม่หักอกพี่ดื้อสุดหล่อของมึง แล้วน้องธารสุดแซ่บของกูล่ะ เอาน้องธาร เจ้าของไร่อ้อยหลายร้อยไร่ของกูไปไว้ที่ไหน!

แน่นอนว่าน้องมายด์ก็โดนธารจวกไปตามระเบียบ แล้วจากที่ทำท่าเหมือนไม่พอใจผมในตอนแรก พอกลับมาที่บ้าน ดันพูดออกมาว่า...
“ดีแล้วล่ะที่พี่ดื้อไป ธารจะได้ไม่ต้องคอยหึงพี่เวลาพี่ดื้ออยู่ด้วยอีก”

แหม ชอบก็ไม่บอก ทำมาเป็นแอ็คอาร์ต นี่ก็กังวลจริง บอกแล้วไงว่าพี่เหนือเป็นของน้องธารคนเดียว กังวลอยู่ได้

แต่ก็ดีจริงๆ แหละที่พี่จอมดื้อไปลาว เพราะการที่มันไม่ต้องกังวลหรือหึงหวงผม ทำให้มันได้อ่านหนังสือเตรียมสอบอย่างเต็มที่ ความตั้งใจก็มาเต็มเปี่ยมเมื่อผมเริ่มไปรับ-ไปส่งมันถึงที่เรียนพิเศษทุกวัน ตอนเย็นกลับมาก็มาติวให้ต่ออีก ถึงจะได้แค่วิชาภาษาอังกฤษก็เถอะ แต่วิชาอื่นๆ ผมก็กระตุ้นให้มันติวด้วยตัวเองได้

ยิ่งกระกระตุ้นอย่างหนักหน่วง ก็ยิ่งตั้งใจ และพอผมจับมันมาถ่ายรูปเซลฟี่คู่กัน แล้วจัดการปริ๊นท์ออกมาแปะที่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือมัน ใกล้ๆ กับพวกปฏิทินกำหนดการสอบของมหา’ลัยทางภาคเหนือต่างๆ พร้อมกับโควทคำพูดให้กำลังใจมัน มันก็ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว

น่ารัก... เป็นเด็กดีแบบนี้แล้วน่ารักกว่าตอนหัวดื้อ ไม่ฟังใครเป็นหมาบ้าจริงๆ

การเตรียมตัวของธาร ถึงจะเป็นการเตรียมตัวในระยะเวลาอันสั้น แต่พอมันเอาจริงเอาจังแล้ว ปรากฏว่านำหน้าเพื่อนๆ มันที่เตรียมตัวสอบก่อนเสียอีก จนพวกจอมแก่น โรม และน้องมายด์ต้องระเห็จมารวมตัวกันที่บ้านธารทุกเย็นจนเกือบจะนอนค้างด้วยแทบทุกคืนเพื่อให้มันช่วยติวสอบให้

ก็เคยบอกแล้วว่าธารน่ะมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งเงิน ทั้งมันสมอง ติดอยู่อย่างเดียวตรงที่มันไม่เอาจริงนี่แหละ

ยิ่งใกล้สอบ การติวก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น ธารถึงขนาดอ่านหนังสือไม่หลับไม่นอนจนผมเริ่มเป็นห่วงสุขภาพมัน ตอนแรกก็อยากให้มันอ่านหนังสือเยอะๆ แหละ แต่ตอนนี้อยากให้อ่านน้อยลงละ เครียดเกินไปแล้ว!

“น้องธารครับ พี่เหนือว่าคืนนี้พักก่อนดีมั้ย ต้องพักผ่อนสมองบ้างนะ เครียดไปก็ไม่ดีรู้เปล่า”
ผมเอ่ยทักหลังจากเอนหลังรอมันอ่านหนังสือให้เสร็จอยู่บนเตียง แต่ดูท่าแล้วมันคงจะไม่เลิกอ่านง่ายๆ นี่ก็ปาไปตีหนึ่งกว่าแล้ว ยังจดจ่ออยู่กับหนังสือติวสอบเล่มหนาเตอะอยู่เลย ถ้าไม่ทัก คงจะไม่เลิกอ่านแน่
“ถ้าพี่ง่วงก็นอนไปก่อนเลย ทำข้อสอบชุดนี้จบแล้ว เดี๋ยวนอนเอง” ธารตอบโดยไม่ใส่ใจจะหันมามองผมด้วยซ้ำ
ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมย่นคิ้ว
เอาจริงเอาจังเกินไปจริงๆ แฮะ งั้นหลอกล่อหน่อยแล้วกัน มันจะได้ยอมพัก
“แล้วน้องธารไม่เหนื่อยเหรอครับ พี่เหนือเห็นแล้วเหนื่อยแทน นี่พี่เหนือเข้านอนก่อนคนเดียวมาหลายคืนแล้วน้า เง้าเหงา”
ได้ผลทันควัน ได้ยินน้ำเสียงกระเง้ากระงอดของผมเท่านั้น ธารก็ละสายตามามองผม ผมมองใบหน้าอิดโรยของมันแล้วก็ตกใจเล็กๆ

ไอ้ตาโบ๋ๆ ใต้ตาคล้ำนี่มันอะไร วันๆ นึงนอนกี่ชั่วโมงกันเนี่ย!?

อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เพิ่งมาสังเกตเอาตอนนี้ว่าธารดูเหนื่อยอ่อนแค่ไหน และมันก็ทำให้ผมต้องรีบตบฟูกข้างเตียงเป็นพัลวัน
“เข้านอนพร้อมพี่เหนือวันนึงเนอะ อย่าปล่อยให้พี่เหนือเหงานะ ไม่ดีๆ”
ธารยกยิ้ม ยอมลุกจากโต๊ะมาทิ้งตัวนอนข้างผมจนได้ ก่อนจะตวัดวงแขนมาโอบกอดผมเอาไว้ เอาหน้าซุกซอกคออย่างออดอ้อนด้วย
“ก็ใครทำให้ธารเป็นแบบนี้ล่ะ”
“พี่เหนือเอง” ผมยอมรับหน้าด้านๆ ให้ธารได้ยกมือขึ้นมาลูบแก้มผมแผ่วเบา
“อือ รู้ก็ดี แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าที่ธารทำไปทั้งหมดก็เพื่อพี่ทั้งนั้น”
“เอ้า ที่ตั้งใจติวหนังสือนี่ไม่ใช่เพื่อตัวน้องธารเองหรอกเหรอ อนาคตของตัวเองนี่” ผมยอกย้อน ทำเอาธารผละออกมามองหน้าผมเคืองๆ
“มันก็ใช่ แต่ที่สำคัญคือทำให้พี่สบายใจต่างหาก อีกอย่าง ถ้าธารมัวแต่ยืนอยู่ที่เดิม แล้วพี่ก้าวไปข้างหน้า สักวันพี่ทิ้งธารไป ธารจะทำยังไง พี่ก้าว ธารก็ต้องก้าว บอกเลยว่าถึงจะก้าวช้ากว่า แต่จะไม่ยอมปล่อยให้พี่ไปไหนเด็ดขาด

ผมยิ้มรับ ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ลูบแผ่นหลังกว้างของคนที่ตระกรองกอดผมอยู่เบาๆ เท่านั้น ก่อนธารจะขยับตัวขึ้นมาจูบผม แล้วว่าเสียงเข้ม
“พี่เป็นของธารคนเดียว”
“ครับ เป็นของน้องธารคนเดียวนะ สัญญา”
ธารยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนหลับตาลงและผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ปล่อยให้ผมมองใบหน้าคมนั่นอย่างพินิจเพียงลำพัง
ในที่สุดก็โตขึ้นมาอีกนิดนึงแล้วนะเด็กน้อย...
 

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ตัวอย่าง♦P.21♦20/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-04-2016 18:56:35
ชั่งใจ ครั้งที่ 25: ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป ราบรื่นเกินไปจนผมกลัว[2]

เวลาอาทิตย์สุดท้ายของการสอบโควตาภาคเหนือเข้ามาใกล้ชนิดหายใจรดต้นคอ คนที่รนมากกว่าใครเหมือนจะเป็นจอมแก่นที่จัดการลากโรมมาติวที่บ้านธารประหนึ่งย้ายสำมะโนครัวมา เว้นก็แต่น้องมายด์ที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน เลยไม่ได้มาด้วย

จากการประเมินคร่าวๆ ดูท่าแล้ว ธารน่าจะสอบติดโดยไม่มีปัญหาอะไร จอมแก่นนี่ไม่แน่ใจ เห็นความตั้งใจแล้วก็มีสิทธิ์ลุ้น ส่วนโรม... แม่งหัวช้ายังไงก็ช้าอย่างนั้น ถึงจะตั้งใจก็เถอะ แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะไหว แค่ทำข้อสอบชุดเดิมซ้ำๆ ยังคะแนนไม่กระเตื้องเลย อย่าไปหวังอะไรมากก็แล้วกัน

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ผมก็ไม่พูดให้พวกมันเสียกำลังใจ กระทั่งพวกมันไปสอบ และรอผลสอบออกหลังจากนั้นสองอาทิตย์ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ผมคาด ธารติดเข้าไปในคณะวิศวะฯ ของมหาวิทยาลัยในจังหวัดอย่างลอยตัว ส่วนจอมแก่นก็ติดเข้าไปเช่นกัน จะมีก็แต่โรมที่พลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ได้เพื่อนๆ ปลอบว่ายังมีรอบแอดมิชชันอีก ถ้าไม่ได้รอบแอดมิชชัน ก็ยังมีรอบพิเศษภาคค่ำด้วย โรมเลยพอจะคลายความเครียดที่มาพร้อมกับความผิดหวังไปได้บ้าง

ทว่าผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องของโรมสักเท่าไหร่นัก นอกจากเรื่องของธาร ติดเข้าไป มีที่เรียน รายงานตัวเรียบร้อย ผมก็สบายใจแล้ว กลับมาจัดการเรื่องของตัวเองบ้าง ซึ่งมันก็คือการที่ผมต้องกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปดำเนินการเรื่องเอกสารเพื่อขอวีซ่าไปเรียนต่อ
ความจริงผมไม่ต้องไปดำเนินการเรื่องขอวีซ่าเองหรอก มีเอเจนซี่ดูแลเรื่องนี้ให้ แต่ที่ต้องไปดำเนินการก็คือพวกเรื่องเอกสารหลังเรียนจบที่จะต้องไปขอจากทางมหาวิทยาลัย เพราะผมต้องเอาไปยื่นกับทางมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนด้วย ผมเลยต้องกลับกรุงเทพฯ

พอบอกเรื่องนี้กับคุณธีและคนอื่นๆ ทุกคนก็พากันใจหายไปตามๆ กันที่ผมจะไป แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยรู้ดีว่าสักวันผมก็ต้องกลับ จะมีก็แต่ธารที่ไม่ใจหายไม่พอ ยังทำปากคว่ำตลอดเวลา ยิ่งใกล้วันที่ผมจะต้องกลับด้วยแล้ว ก็ยิ่งฟาดงวงฟาดงา หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด แม้กระทั่งผม

ก็จะให้ทำไงได้วะ มันจำเป็นต้องกลับไปจริงๆ นี่หว่า

ผมเลยหยุดคุยกับธารไปก่อน ไว้ใกล้จะกลับแล้วค่อยไปปะเหลาะมันอีกที ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้เริ่มอะไร มันก็จัดการเปิดฉากพูดกับผมก่อนแล้ว
อะไรไม่ว่า เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองด้วย พร้อมกับคำประกาศิต...
“ปิดเทอมแล้ว ธารจะไปกรุงเทพฯ กับพี่ด้วย”

เพิ่งจะปิดเทอมได้ไม่กี่วัน แต่ก็นั่นแหละ... ผมเลยต้องพามันกลับมาบ้านด้วยอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็ดี ผมเองก็ไม่อยากแยกกับมันตอนนี้สักเท่าไหร่ ตัวติดกันน่ะดีแล้วล่ะ เพราะอีกเดือนสองเดือน ผมก็ต้องไปเรียนต่อแล้ว

การกลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ ของผมในครั้งนี้จึงไม่ได้มาแค่ตัวคนเดียว แต่มีของฝากจากพิษณุโลกมาฝากพ่อกับแม่อีกด้วย
ทันทีที่พ่อกับแม่ผมเห็นหน้าธาร ก็ทำหน้าสงสัยทันทีขณะที่ธารยกมือขึ้นไหว้อย่างเกร็งๆ
“หนุ่มที่ไหน อย่าบอกนะว่า...?” แม่เปิดฉากเป็นคนแรก ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ ก่อนจะพูดออกมาหน้าตาเฉย “ผัวของเหนือ?”
“แม่! ไม่ใช่ แฟนก็พอ” ผมโวยลั่น ขณะที่พ่อกับแม่ได้แต่หัวเราะร่วน
“เอ้าเหรอ แต่แหม ของฝากจากพิษณุโลกนี่กรุบกรอบน่าดูชมเลยนะ ขอแม่ลองชิมบ้างได้ปะ”
“แม่ พอเลย เหนือกับธารเพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ แม่ก็เล่นอยู่ได้”
“เล่นอะไร แม่พูดจริง เออนี่ธาร เดี๋ยวแม่แนะนำน้องแสงใต้ให้รู้จัก เรายังไม่ได้เจอน้องแสงใต้เลยนี่เนอะ”
“แสงใต้?” ธารหันมามองผม ครางออกมาอย่างสงสัย
ผมยังไม่ทันจะได้ตอบเลยว่าแสงใต้เป็นใคร แม่ก็แทรกขึ้นมาแล้ว
“น้องของไอ้เหนือมันไง เดี๋ยวแม่ไปตามแป๊บ จะได้แนะนำให้รู้จัก” แล้วแม่ก็เดินหายออกไปจากห้องนั่งเล่น ทิ้งให้ธารหันมาถามผมอีกครั้ง
“พี่มีน้องด้วยเหรอวะ ไม่เคยเห็นบอก”
“ไม่มี มีที่ไหนล่ะครับ”
“ก็แม่พี่บอกว่าแสงใต้อะไรนี่เป็นน้องพี่”
“น้องที่ไหน นั่นมัน...”

ยังไม่ทันจะพูดจบ แม่ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมไอ้แสงใต้ที่ส่งเสียงโหวกเหวกมาแต่ไกล ยิ่งเห็นผมยิ่งโหวกเหวกหนักจนแม่ต้องปล่อยมันลงพื้น ให้มันระริกระรี้กระดิกหางเข้ามาหาผม
“นี่ไงน้องแสงใต้ ทำความรู้จักกับพี่ธารสิลูก ผัวพี่เหนือ” ได้ทีแม่ก็แนะนำตัวหมาชิสุห์เป็นการใหญ่ ทำเอาธารที่มองหมาตัวนั้นวิ่งเข้ามาดีใจจนฉี่ราดตรงหน้าผมทำหน้าปูเลี่ยน
“แสงใต้นี่หมาเหรอพี่”
“อือ หมา ก็บอกแล้วว่าพี่เหนือไม่มีน้อง”
ผมทำหน้าเซ็งๆ ธารได้หัวเราะ ก้มลงไปทักทายไอ้แสงใต้ ขณะที่แม่ยังหยอกธารไม่เลิก ซ้ำยังเข้าไปแหย่ธารด้วยการหยิกแก้มอีก

มีความก้อร่อก้อติกแฟนลูกสูงมาก ทำเอาธารทำหน้าไม่ถูก ดูอึดอัดพร้อมกับหน้าแดงขึ้นมา ให้พ่อได้แก้ต่างให้

“แม่เค้าก็ขี้เล่นแบบนี้แหละ อย่าไปถือสา”
ธารเลยดูผ่อนคลายขึ้นมาบ้างที่พอจะเข้าใจได้ว่าครอบครัวผมเป็นยังไง ก็พ่อแม่ผมน่ะขี้เล่นกันอย่างกับอะไรดี  ไม่เคยปิดกั้นอะไรผมทั้งนั้น หนำซ้ำยังเป็นคนหัวสมัยใหม่ เข้าใจหัวอกวัยรุ่นเป็นอย่างดี พวกเพื่อนๆ ผมอย่างไอ้กั้งกับไอ้ยีนส์ถึงได้ชอบมาเที่ยวเล่นบ้านผมกันนัก ส่วนธารที่ไม่เคยสนิทสนมชิดเชื้อกับครอบครัวจะรู้สึกประหลาดก็ไม่แปลก พอปรับตัวได้ ถึงได้กระซิบกระซาบกับผม
“รู้เลยว่าพี่เพี้ยนได้ใครมา แม่พี่นี่เอง”
ผมหัวเราะร่วน ก่อนจะถูกแม่ไล่ให้เอาข้าวของขึ้นไปเก็บบนห้อง แล้วพักผ่อนกันก่อน ตอนเย็นจะพาไปกินอาหารนอกบ้าน
 



ธารใช้ชีวิตอยู่บ้านผมร่วมอาทิตย์ จากตอนแรกที่ดูเกร็งไปหมดทุกอย่างในช่วงแรก โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ผมที่ทำตัวสนิทสนมกับมันเกินเหตุ ทั้งที่เป็นการกระทำโดยปกติของพวกท่าน พอเริ่มคุ้นชิน ธารก็กลายเป็นลูกรักพอๆ กับไอ้แสงใต้ทันที ส่วนผมก็ตกกระป๋องดังเดิม ดูท่าจะมากกว่าเดิมด้วยเมื่อพ่อแม่ผมเริ่มเรียกธารว่า ‘น้องธาร’

เรียกหมาว่าน้องแสงใต้ไม่พอ เรียกธารว่าน้องธารด้วย ส่วนผมนี่เรียกจิกหัวว่าไอ้เหนืออย่างนั้นอย่างนี้

ตกลงใครเป็นลูกบ้านนี้กันแน่วะ!

แต่ผมก็ไม่อะไร ดีซะอีกที่ได้เห็นธารยิ้มออก ได้รับรู้ความอบอุ่นของการเป็นครอบครัวบ้าง ธารเลยมีท่าทีเอนอ่อนลงกว่าเดิมโดยพลันแม้ว่าผมจะไม่ค่อยมีเวลาให้เพราะต้องเดินเรื่องเอกสารเกือบทุกวันก็ตาม กว่าจะเดินเรื่องเอกสารเสร็จทั้งหมดก็ใช้เวลาร่วมสองอาทิตย์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เคลียร์ทุกอย่างได้เสร็จสิ้น ผมเลยเริ่มว่าง พลันตั้งใจว่าจะให้เวลาธารมากเป็นพิเศษ

ทว่าไม่ต้องรอให้ผมเป็นฝ่ายให้เวลามันแล้วล่ะ แค่มันรู้ว่าผมว่างแล้ว ก็เปิดฉากออดอ้อนทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้าน และเตรียมตัวอาบน้ำเข้านอน ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย แค่เดินเข้าห้องมาเท่านั้น ธารก็คว้าตัวผมไปกอดแล้วลากไปที่เตียงเป็นที่เรียบร้อย
“เป็นอะไรครับ คิดถึงพี่เหนือเหรอ” ผมหยอกเมื่อเห็นธารกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย กอดอย่างเดียวไม่พอ ยังเริ่มรุงรัง มีความซุกไซ้ซอกคอด้วย
“อือ คิดถึง” ตอบทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่ที่เดิม ซ้ำมือก็อยู่ไม่สุข เริ่มดึงชายเสื้อนักศึกษาของผมออกนอกกางเกง สอดมือเข้าไปด้านใน ลูบไล้ส่วนอ่อนไหวแผ่วเบา

อูย... อยู่ห่างกันครึ่งวันเอง อะไรจะคิดถึงมากปานนั้น

“เดี๋ยวนะน้องธาร พี่เหนืออาบน้ำก่อนได้มั้ย เหม็นนะ” ผมรีบท้วงก่อนอะไรๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านี้
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะนัวเนียกับมันหรอกนะ แต่ตัวเหนียวเกินกว่าจะให้มันแตะเนื้อต้องตัวต่างหาก
ทว่าธารไม่สนใจแล้ว ดึงผมเข้าไปจูบริมฝีปาก สบตานิ่ง พลางว่าออดอ้อน
“ไม่เป็นไร ต่อให้พี่ตกส้วมมา ก็ไม่รังเกียจ”

ว่าตกส้วมมันก็เกินไป แล้วที่พูดมานี่มันใช่เรื่องเป็นไปได้มั้ยฮะ!?

แต่ผมก็ไม่ได้ท้วงอะไร เมื่อธารเริ่มไล่พรมจูบไปที่ใบหู แล้วกระซิบแผ่วเบา
“ใกล้จะไปแล้ว ธารขอทำอะไรตามใจหน่อยได้มั้ย เลิกสั่ง เลิกบ่ายเบี่ยง เลิกให้ธารรอ ธารอยากจะทำตามใจตัวเองบ้าง”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็ใจอ่อนยวบ ปกติผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก แต่พักหลังๆ เวลามันเอาแต่ใจอะไร ก็จะถูกผมเบรกๆ อยู่บ้าง แต่วันนี้คงต้องยกให้วันนึง อ้อนขนาดนี้ ไม่ใจอ่อนก็ไม่ใช่แสงเหนือแล้ว
“เอาสิครับ น้องธารอยากทำอะไรล่ะ”
ธารไม่ตอบ ลุกจากเตียงไปตรงตู้เสื้อผ้า ค้นลิ้นชักอยู่นานก็หยิบเอาเนคไทนักศึกษาของผมที่ผมไม่ได้ใส่ไปออกมาถือ ผมเห็นแล้วก็เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่าคิดจะทำอะไร ทว่าธารก็ไม่พูด เพียงยกยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนเดินกลับมาปีนขึ้นเตียง
ปีนขึ้นเตียงอย่างเดียวไม่พอ กดผมให้นอนราบลงไป ขึ้นมานั่งทับช่วงล่างของผมเอาไว้ คลายเนคไทที่อยู่ในมือออก ก่อนจัดการรวบเอาข้อมือทั้งสองข้างของผมไปมัดเข้าหากัน
“อยากทำอย่างนี้”

ตอนนี้พูดแล้ว พูดพลางยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยไปด้วย ส่วนผมก็เบิกตาโตกับความแปลกใหม่ของน้องธารใจ เวอร์ชันโซ่ แส้ กุญแจมือทันที

โอ้ว! เดี๋ยวๆ มัดอย่างนี้นี่อยากจะได้อะไรแปลกใหม่ใช่มั้ย โถ แล้วก็ไม่บอกพี่เหนือ จะได้ไปหาเชือกยาวๆ มาให้ มัดแค่ข้อมือมันไม่เร้าใจ อยากเร้าใจต้องมัดแบบ BDSM อย่างที่ในหนังผู้ใหญ่ทำกันโน่น!

รัดให้ทุกซอกทุกมุม พร้อมกับฟาดแบบไม่รุนแรงด้วยนะ เร้าใจดี

แต่ต้องเก็บความหื่นลงไปก่อน มันกำลังหื่น ผมจะมาหื่นกว่ามันไม่ได้ เลยหยอกไปทีเล่นทีจริง
“ฮั่นแน่ คิดจะทำอะไรลามกกับพี่เหนือล่ะซี่”
ธารกัดริมฝีปากล่าง ยิ้มเขินๆ เล็กน้อย ขณะที่มือก็ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อนักศึกษาบนตัวผมทีละเม็ด
ไม่แกะเปล่า พอสาบเสื้อพ้นจากร่างกาย ก็จับข้อมือผมที่ถูกพันธนาการไปวางไว้เหนือหัวผม ขณะที่อีกมือวางนาบลงมากลางแผ่นอก ลูบไล้จนบางอย่างที่ไวต่อการสัมผัสชูชันขึ้นมา
“พี่ไปอเมริกาเมื่อไหร่ จำไว้ว่าพี่เป็นของธาร” ธารว่าเสียงเข้ม จ้องหน้าผมเขม็ง

ไม่รู้ว่าทำไมธารในตอนนี้ถึงได้ดูหล่อกว่าเดิมสักสิบเท่าได้
หล่ออย่างเดียวไม่เท่าไหร่ เร้าใจและฮ็อทกว่าเดิมนี่ทำเอาผมระทวยไปเลยทีเดียว

“จำได้อยู่แล้วครับ ถ้าไม่เป็นของน้องธาร พี่เหนือจะเป็นของใครล่ะเนอะ”
ยังจะติดตลก แต่ธารไม่ส่งเสียงหัวเราะใดๆ ออกมา ทำเพียงเหยียดยิ้มมุมปาก สายตาก็ดูแวววาวมากกว่าเดิม
ผมรู้สึกแล้วล่ะว่ามันต้องคิดจะทำอะไรแน่ แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อจู่ๆ ริมฝีปากหนาก็จรดจูบลงมาบนปลายติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ให้ผมได้สะดุ้งเฮือกเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“ตรงนี้ก็ของธาร” กัดเบาๆ แล้วก็พึมพำให้ได้ยิน
เส้นขนทุกเส้นลุกชันไปทั้งตัวเลย แต่ผมก็กัดฟันตอบรับไป
“ครับ พี่เหนือเป็นของน้องธารอยู่แล้วนะ ไม่ต้องห่วง”
ไม่รู้ธารฟังผมมั้ย ไม่เห็นจะตอบรับอะไรสักอย่าง เลื่อนริมฝีปากมาจูบเรียวปากผมเนิ่นนาน ผละออกมาได้ก็พึมพำประโยคเดิมอีก
“ตรงนี้ก็ของธารเหมือนกัน”
“ครับ...”
ผมครางรับ สายตาก็จับจ้องไปที่มัน ดูไปเรื่อยๆ ว่ามันจะทำอะไรต่อ ส่วนธารก็เลื่อนลงไปจูบซอกคอ ไล่ต่ำลงไปยังไหปลาร้า ปากก็พึมพำๆ ว่า ‘นี่ก็ของธาร ตรงนี้ก็ของธาร’
ผมไม่ได้ว่าอะไร กระทั่งมันเลื่อนตัวลงต่ำไปยังยอดอก ประทับจูบและดูดกลืนเสียเต็มแรงจนผมต้องบิดตัวหนี ถึงได้รู้ว่าคืนนี้มีความเสี่ยงเป็นอัมพาตมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“นี่ก็ของธาร”
ไม่มีแรงจะพูดแล้ว ยิ่งเห็นมันไล่จูบไปยังหน้าท้อง และค่อยๆ ต่ำลงไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มควบคุมลมหายใจไม่ได้ หายใจหอบหนักยิ่งกว่าเมื่อมือหนาคว้าขอบกางเกงขาสั้นบนตัวผมดึงต่ำลงไปจนกางเกงบ็อกเซอร์โผล่
ตอนนี้ผมใจเต้นระทึกหนักเลย ธารไม่เคยเป็นแบบนี้ นี่ขายอ้อยขั้นเลเวลแม็กซ์มากๆ ก่อนที่ธารจะชะงักไว้เพียงแค่นั้น เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม มองราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อ พร้อมกับบอกว่า...
“ตรงนี้...ก็ของธารด้วย”

ขะ...ของธารทั้งตัวและหัวใจเลยจ้า! จะเอาเท่าไหร่ ไหนบอกพี่เหนือซิ เดี๋ยวไปกดเอทีเอ็มมาให้

หูย... หน่องธารคนเดิม เพิ่มเติมคือขายอ้อยหมดประเทศ ฮันเดร็ดเฉด ออฟ น้องธารไปเลย เห็นแล้วอยากจะกดมันแทน ไม่อยากให้มันกดละ คนบ้าอะไรมีความยั่วยิ้มได้ขนาดนี้

กูเคี้ยวซากอ้อยจนคางทูมถามหาแล้วแม่งเอ๊ย...

“ตรงไหนก็ของน้องธารทั้งนั้นแหละครับ อย่ามัวลีลา ทำเลย!”
ในที่สุดก็ข่มความหื่นของตัวเองไม่ได้ หื่นกว่ามันซะอย่างนั้น ธารหัวเราะร่วน ก่อนจะจัดการทุกอย่างให้ดำเนินไปอย่างที่ควรเป็น ปากก็พึมพำไปตลอดว่า...
“พี่เหนือเป็นของธาร... เป็นของธารคนเดียวตลอดไป”
“ครับ พะ...พี่เหนือรู้แล้ว” ผมครางขณะที่ร่างของเราทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่ง
ธารยิ้มให้ผม ก้มลงจูบเนิ่นนาน ก่อนจะผละมากระซิบบอกผม
“ธารรักพี่เหนือนะ รักมาก ดังนั้น ไม่ว่านานแค่ไหน ธารก็จะรอ”

ผมไม่พูดอะไรต่อ รู้สึกได้ลางๆ ว่าอีกครู่เดียว อัมพาตคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ยินดีกับการได้ยินคำพูดนั้น และยินดีกับการได้รับทุกความรู้สึกของธารที่มีต่อผมเหลือเกิน มันทำให้ผมมั่นใจได้ว่า ไม่ว่ายังไง ธารก็จะรักและรอผม ซ้ำทุกการกระทำของธารในทุกวันนี้มันก็บ่งบอกชัดเจนว่าธารรักผมมากเพียงใด แม้ว่าเราจะไม่มีหลักประกันอะไรเลยก็ตามว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ฝัน แต่ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป ราบรื่นเกินจนผมกลัว

กลัวว่าผมต้องเสียธารไปสักวัน

คิดๆ ดูแล้ว ผมนี่โคตรเห็นแก่ตัวเลยนะ ถึงจะเคยเป็นฝ่ายให้ธารมาก่อนก็เถอะ แต่ตอนนี้มีเพียงผมที่เอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว ทว่าถึงอย่างนั้นผมก็ยังหวัง…

หวังว่าน้องธารจะอดทนรอพี่เหนือได้ ไม่เปลี่ยนใจไปจากกันก่อนน่ะนะ
หวังว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้มันจะไม่ใช่แค่ความฝันที่นอนหลับและพอตื่นขึ้นมาก็หายไป
หวังว่าจะไม่ใช่ความสุขเพียงชั่วข้ามคืนที่เข้ามาแล้วก็หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
หวังว่าคำพูดของธารที่บอกว่ารักกันในวันนี้มันไม่ใช่เพียงลมปากเปล่าๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องจริง

หวังจากใจจริงๆ...
----------------------------------------
กลับมาแล้วค่ะ มาตามคำเรียกร้อง จริงๆ ที่หายไป หนูแดงไปวุ่นวายกับการเคลียร์ต้นฉบับและเรื่องอื่นๆ ของหนังสือเซ็ทแก๊งเกรียนเอเลี่ยนอยู่ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่มีความดอง ไม่มีเวลาเขียนจริงๆ TT
ตอนนี้ปูทางมาม่าระลอกสุดท้ายไว้แล้วล่ะ มีอีกระลอก เดี๋ยวจะจบละ แรกๆ มีความตลกรับประทาน หลังๆ เริ่มมีความม่า กร๊ากกก
จริงๆ ก็ไม่ได้ม่าอะไรหรอกนะ ช่วงหลังเป็นโทนอบอุ่นมากกว่าค่ะ จะจบแล้ว อีก 2 ตอนเท่านั้น ส่วนพี่ดื้อของเรา...หนีไปลาวแบ้วววว น่าสงสารเหลือเกิน เจอประธานสมาคมรักษาพันธุ์แรดอย่างพี่เหนือหักอก 555
ส่วนใครที่เข้ามาถาม เข้ามาคะยั้นคะยอ เข้ามาบีบคอบังคับ ขอร้องวิงวอน ฯลฯ เรื่องของจอมแก่นกับโรมที่หนูแดงบอกว่าจะเขียนแค่ตอนพิเศษเท่านั้น คือบั่บว่า...

เขียนก็ล่ายยยย เอาไปเลยเซ็ทพี่น้องสามจอม ถ้าเขียนก็คงจะเขียนไล่ตามเรื่องแบบนี้นะคะ มาเมื่อไหร่ไม่รู้ ตอนนี้คิวงานเยอะมาก จะทยอยๆ กันมา สลับกับเรื่องอื่นๆ ไปแล้วกันค่ะ มีความเขียนไม่ทัน แต่เขียนแน่นอน ส่วนเรื่องตีพิมพ์อย่าเพิ่งไปพูดถึง ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่มีหนังสือแน่นอนค่ะ ไม่ออกกับ สนพ. ก็ออกเองนี่แหละ เดี๋ยวจะมาอัพเดตข่าวอีกทีน้า XD
ปล. อ่านแล้วส่งฟีดแบ็คกันให้หายคิดถึงด้วยเน้อ หลังจากนี้หนูแดงคงหายหน้ากันไปอีกสักอาทิตย์ถึงจะมาอัพตอนใหม่ ขออภัยในความดองด้วยค่ะ TT
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: retrot ที่ 30-04-2016 19:45:07
ชื่อตอนไม่ส่อถึงความมาม่าไปหรอคะ 55555555 TT
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 30-04-2016 20:07:47
น้องเหนือคือความดีงามมมม ทำไมมันแจ่มแบบนี้ อูวววว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-04-2016 20:43:21
จะว่าไปเราไม่ค่อยกลัวว่าธารจะมีใครนะแต่เรากลัวพี่เหนือจะนอกใจธารมากกว่าอ่ะ เพราะความแรดของพี่เอง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-04-2016 21:16:51
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-04-2016 21:42:31
หน่องธารมาแว้วววววว  :oni1: กลิ่นมาม่าโชยมาเป็นลางตั้งแต่เห็นชื่อตอนเบยย มาหลังๆความหนักแน่น มั่นคง จริงจังเริ่มเทไปอยู่ที่น้องธารนะเราว่า ต้องลุ้นดูว่าเหนือจะ strong ได้แค่ไหน?

ตั้งตารอวีคหน้าตอนต่อไปนะจ๊ะ สนุกมากกกกเรื่องนี้ :110011:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 01-05-2016 02:12:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-05-2016 08:28:21
อีกแค่ 2 ตอนเองหรอ. ไม่นะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-05-2016 08:45:07
รอพี่เหนือเป็นเพื่อนธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-05-2016 10:34:57
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-05-2016 10:54:38
กรี๊ดดดดดดด จะต้องห่างกันแล้ววววว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 01-05-2016 15:24:30
น้องธารรรรรรรรรรรรร~
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-05-2016 15:35:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่25:ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปฯ♦P.21♦30/04/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 01-05-2016 15:38:36
 
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 26
เอาตัวอย่างมาแปะไว้ก่อน ตอนเต็มอาจจะมาวันจันทร์ ไม่ก็วันอังคารนะคะ (ดูท่าจะวันอังคาร วันจันทร์นี่ หนูแดงมีธุระต้องออกไปข้างนอกทั้งวัน ไม่น่าว่าง)
ตัวอย่างยาวมาก มีความดราม่าควีน ถือตะเกียบรอรัวๆ แต่ไม่ต้องใจบ่ดีไปนะคะ จะจบแล้ว หนูแดงไม่ปล่อยให้ม่าเจ็บปวด ไม่ใช่สงสารพี่เหนือกับน้องธารนะ กลัวโดนพ่อยก-แม่ยกแหกอก 555
เจิมไว้ก่อนโลดค่ะ เดี๋ยวตอนเต็มจะมาเน้อ
ปล.มีคนถามถึงตอนพิเศษ มีนะคะ ตามนี้นะ
- บทส่งท้าย [1]
- บทส่งท้าย [2]
(มีบทส่งท้าย 2 ตอนค่ะ)
- ตอนพิเศษพาร์ทน้องธารดำเนินเรื่อง 3 ตอน
- ตอนพิเศษจอมแก่น-โรม 1 ตอน
- ตอนพิเศษน้องมายด์
ส่วนตอนพิเศษที่เหลือจะมาในแบบรูปเล่ม ไม่มีลงในเว็บให้อ่าน คาดว่ามีราวๆ 3 ตอน พี่เหนือดำเนินเรื่อง รอกันก่อนนะคะ
------------------------------------------------------

ผมวางโทรศัพท์ในมือลงราวกับไร้เรี่ยวแรง มือทั้งสองข้างสั่นระริก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายปวดหนึบจนชา อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ที่รู้ๆ คือ ผมเรียงลำดับเรื่องราวไม่ถูกว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นตอนไหน และเกิดขึ้นได้ยังไง

ธารมีเฟซบุ๊ค...สร้างไว้ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาราวๆ กับตอนที่ผมเจอธารที่ไทยตอนปิดเทอมกลางภาค แต่ผมไม่รู้ว่าธารมี

ปิดบังกันเหรอ หรืออะไร ทำไมถึงไม่บอกให้ผมรู้ว่ามีเฟซบุ๊คทั้งที่รู้ว่าผมก็เล่น?
หรือว่าจะกลัวว่าคนที่ถ่ายคู่รูปด้วยในรูปโปรไฟล์จะรู้ว่ามีผมอยู่?

ผมนั่งนิ่ง คิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ความจริงผมก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งนั้นที่กลับไปไทยแล้วล่ะว่าธารคุยกับคนอื่นนอกจากผม
เริ่มระแคะระคายตั้งแต่ที่ผมเห็นข้อความเข้าในโปรแกรมแชท แล้วธารไม่ยอมเปิดดูตอนที่ผมทักว่ามีคนส่งข้อความมาแล้วล่ะ แต่ธารจะรู้หรือเปล่าว่าผมเห็นว่าฝั่งนั้นส่งข้อความมาว่าอะไร

‘คิดถึงนะจ๊ะ’

ประโยคนี้ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดผม ยิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้ก็คิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ฟุ้งซ่านจนทำอะไรไม่ถูก นั่งนิ่ง มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พอตั้งสติได้ ถึงได้หยิบโทรศัพท์มาเข้าดูเฟซบุ๊คของธารอีกครั้ง

เฟซบุ๊คนั่นถูกตั้งเป็นไพรเวท ไม่มีการโพสต์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว และไม่แสดงว่าเป็นเพื่อนกับใครบ้าง มีเพียงวันที่สร้างเฟซบุ๊คเท่านั้นที่ยังเห็นอยู่ กับรูปโปรไฟล์ที่กดเข้าไปดูได้

รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บปวด แต่ผมก็กดเข้าไปดูรูปของธารถ่ายคู่กับผู้หญิงผมสั้น หน้าตาน่ารักสดใสวัยไล่เลี่ยกันในชุดลำลอง เธอยิ้มกว้าง กอดคอธารแน่น ขณะที่ธารทำหน้าหงุดหงิดราวกับไม่เต็มใจถ่ายด้วย แต่มันก็เป็นสไตล์ของธาร ถ่ายรูปกับผมยังทำหน้าแบบนี้เลย

เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ...

คิดแล้วก็วางโทรศัพท์ลงอีกครั้ง ในใจวูบไหวจนหัวสมองด้านชาไปหมด
ถึงจะมาก่อนก็เถอะ แต่ธารไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่รักกัน แถมตอนที่รักกันก็เป็นช่วงที่ธารว้าเหว่ ต้องการใครสักคนเข้ามาในชีวิต ซึ่งบังเอิญใครสักคนนั่นดันเป็นผม ซ้ำผมยังเป็นฝ่ายที่ทิ้งธารมาเรียนต่อเอง แล้วแบบนี้ผมจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร
ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด และธารมีแฟนจริงๆ แล้วผมควรทำยังไง ถอยออกมาอย่างนั้นเหรอ?

คงจะต้องอย่างนั้น ผมพูดเองนี่ว่าให้ธารชั่งใจตอนถูกธารขอเป็นแฟนเมื่อหลายปีก่อน และถ้าธารเจอใครใหม่ที่ดูแลได้ดีกว่าผม หรือรักมากกว่าผม ก็สามารถไปได้เลย พูดเองซะขนาดนั้น จะไปเรียกร้องโวยวายอะไรได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากให้ธารเป็นของใคร ไม่อยากให้ธารปันใจไปรักคนอื่น

ผมนี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย...

ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตกจนแทบทนอยู่ในห้องคนเดียวไม่ไหว เลยตั้งท่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้ผ่านคลาย ทว่าธารก็โทรวิดีโอคอลเข้ามาหาผมพอดี
ผมชะงัก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีมั้ย กระทั่งสายเรียกเข้าตัดไป ธารส่งข้อความมาบอกให้ผมรับสายแล้วโทรซ้ำมาอีก ผมเลยรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กดรับสายแล้วถอยไปนั่งพิงหมอนที่อิงอยู่กับหัวเตียง

[รับช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่]
น้ำเสียงหงุดหงิดของธารดังเข้ามาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หงุดหงิดไม่แพ้น้ำเสียงปรากฏให้ผมเห็น ผมยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนโกหกคำโต
“พี่เหนือเข้าห้องน้ำมาน่ะครับ”
[อ๋อ โอเค แล้วพี่กินข้าวหรือยัง ]

ธารถามสัพเพเหระเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมก็ตอบรับไปเหมือนทุกครั้งเช่นกัน สายตาก็สังเกตดูใบหน้าของธารไปด้วย
ผมเพิ่งสังเกตเห็นเอาในวันนี้ว่าธารดูโตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ภาพลักษณ์เด็กเกเรเมื่อเกือบสองปีก่อนเริ่มหายไป ก็นะ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วนี่นา ขึ้นปีสองแล้วด้วย จะไม่ให้โตขึ้นได้ยังไง
ทว่าถึงจะเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีเค้าของเด็กหัวดื้อเมื่อครั้งแรกที่ผมรู้จักให้เห็น

มองหน้าหล่อนั่นแล้ว ผมก็เกิดคิดถึงเด็กปากคว่ำ เอาแต่ใจ ขี้โวยวายคนเดิมขึ้นมา
ธารคนเดิม...คนที่รักผมสุดหัวใจ คนที่เห็นผมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนไม่อาจเสียผมไปได้
ผมคิดถึงธารใจคนนั้น... คิดถึงจริงๆ

เพราะความคิดถึงทำให้ผมเงียบ... เงียบไปดื้อๆ ไม่ได้ฟังเสียงธารที่ถามเรื่อยเปื่อยไปครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนธารเรียกชื่อผมซ้ำหลายครั้ง
“ครับ?” ผมขานรับเมื่อรู้สึกตัว
ธารย่นคิ้ว มองหน้าผมเขม็งก่อนจะถามเสียงเครียด
[วันนี้เหม่อๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำธีสิสมันหนักมากเหรอพี่]
“ก็...นิดหน่อยครับ” ผมตอบรับอย่างขอไปทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
แต่ธารก็ยังเป็นธาร ผมเปลี่ยนไปนิดเดียว มันก็รู้แล้ว
[พี่เป็นอะไร]
ธารถามเสียงเครียด สีหน้าก็ดูเคร่งเครียด จับผิดผมได้ทันตา

ผมรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดที่ผุดพรายในใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะข่มน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ปรับสีหน้าให้เป็นปกติด้วยแม้ว่าการยิ้มให้มันครั้งนี้จะเป็นการยิ้มที่ฝืนที่สุดเท่าที่ยิ้มให้มันมาเลยก็ตาม
“พี่...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรครับ”
ธารไม่เชื่อ เห็นหัวคิ้วย่นยู่ของอีกฝั่งผ่านจอโทรศัพท์ก็รู้แล้วว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด
[พี่เหนือ บอกมาว่าพี่เป็นอะไร] ถามย้ำออกมาอีกครั้งด้วย
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็ว่าจะไม่คิดเรื่องนี้แล้ว แต่พอถูกธารถาม ผมก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอฉับพลัน ภาพที่เห็นก่อนหน้าวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง ใจผมนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไปเห็นอะไรมา แต่ผมกลับไม่กล้าพูดออกไป

ก็ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ แค่รักกันแต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินจากมันมาเอง เป็นคนบอกมันเองด้วยว่าถ้ารอไม่ไหวก็ไม่ต้องรอ ผมจึงทำได้แค่...
“พะ...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไร”
ตอบด้วยประโยคเดิม...

ธารเงียบ มองหน้าผมนิ่ง พลันว่าเสียงเข้ม
[ถ้าพี่ไม่เป็นอะไร แล้วที่ร้องไห้อยู่ หมายความว่าไง]
อา...นี่ผมร้องไห้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ

ยกมือขึ้นปาดขอบตาก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของธารดังขึ้นมาอีก
[ใครทำอะไรพี่ ใครทำให้พี่ร้องไห้ บอกมา]
เป็นการข่มขู่อย่างไม่พอใจที่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ก็มันไม่เคยเห็นผมเศร้าเลยนี่นา ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา มันเห็นแต่ความปัญญาอ่อนของผมอยู่ฝั่งเดียว และผมก็รู้สึกได้ด้วยว่านี่ไม่ใช่การแสร้งทำ มันเป็นห่วงผมจริงๆ ห่วงจากใจ แล้วอย่างนี้ผมจะพูดได้ยังไงล่ะว่าผม...

ผมไปเห็นว่ามันมีคนอื่น...

นอกเหนือจากนั้น จะให้ผมพูดยังไงว่าผมหึง ผมหวง ผมไม่อยากให้มันปันใจไปให้คนอื่น ถึงจะไม่ใช่แฟน แค่คุยกัน ผมก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง ผมอยากรั้งมันไว้คนเดียว อยากให้มันรอ อยากให้รักแค่ผม มองแต่ผมเท่านั้น เป็นของผมตลอดไป

แต่ผมจะพูดยังไง...

จะให้ผมบอกไปยังไงว่าผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้...
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 01-05-2016 22:11:46
หน่วงอะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 01-05-2016 23:02:36
ถ้าคนตรงนั้นไม่ใช่ธารเราอาจเชื่อว่ามีคนอื่น แต่นั่นคือธารนะ ผู้ชายที่รักพี่เหนือขนาดนั้น ทำไมพี่เหนือคิดไปเองงี้อ่ะ นี่แค่ตัวอย่างนะเราก็อยู่ทีมธารแล้ว ธารสู้นะ พี่เหนือมันคิดมากกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-05-2016 13:03:32
รอตอนต่อไป ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 02-05-2016 21:21:29
ตอนแรกก็กำลังอินเลิฟสุดๆ พอมาอ่านตัวอย่างละเครียดเลย - -
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-05-2016 22:58:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-05-2016 07:18:00
ชั่งใจ ครั้งที่ 26: ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ[1]

ยิ่งใกล้วันที่ผมจะต้องไป ธารก็ยิ่งอ้อนหนัก ทั้งอ้อนทั้งตัวติดกันตลอดเวลาจนผมเป็นฝ่ายไม่อยากไปเรียนต่อเองแล้ว ด้วยกลัวว่าถ้าไปอยู่อเมริกา ผมจะลงแดงตายเพราะไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ ของเด็กนี่
แต่จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้เรียบร้อย อีกไม่กี่วัน ผมก็ต้องเดินทางแล้วด้วย จึงได้แต่ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับธารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองสามวันก่อนจากกัน พวกเราเลยไม่ได้ไปไหน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง นอนกอดกันโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เวลาผ่านไปเท่านั้น

กระทั่งถึงวันที่ผมต้องไป ธารก็เริ่มดูซึมผิดปกติจนผมต้องเป็นฝ่ายชวนคุยตลอดเวลาเพื่อไม่ให้มันรู้สึกแย่ แต่ก็เสียแรงเปล่า สายตาคู่นั้นที่มองมาที่ผมดูเศร้าตลอดเวลา ปกปิดไม่มิดแม้แต่น้อยเลยว่าไม่อยากให้ผมไปแค่ไหน เพียงแต่ไม่พูดก็เท่านั้น เห็นมากๆ เข้า ผมก็ชักจะทำหน้าไม่ถูก
แต่ก็พูดไม่ได้อีกอยู่ดีว่าตอนนี้ก็เริ่มชักจะไม่อยากไปแล้วเหมือนกัน

มาถึงสนามบิน กั้งกับยีนส์ก็มาส่งผมด้วย พวกมันก็เฮฮากันไปตามประสา เข้าขากับพ่อแม่ผมได้เป็นอย่างดี มีการชวนธารคุยด้วยเพราะผมโทรเล่าให้พวกมันฟังก่อนหน้าแล้วว่าถ้าได้เจอหน้าธาร อย่าพูดอะไรให้ธารเสียความรู้สึกเด็ดขาด พวกมันก็เลยค่อนข้างระมัดระวังคำพูดเป็นพิเศษ ธารก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง หลักๆ คือเอาแต่นั่งจับมือผมระหว่างที่เรานั่งอยู่ในร้านอาหารในสนามบิน ไม่พูดไม่จาตลอดการสนทนาฆ่าเวลาก่อนที่ผมจะบินมากกว่า

“ไม่เป็นไรนะ” ผมอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นหลังจากที่เพื่อนๆ เบนความสนใจพ่อแม่ผมไปคุยเรื่องอื่นแทนผมได้
ธารเหลือบมองหน้าผม พลันว่าเสียงเบา
“พี่เห็นหน้าธารแล้ว พี่ว่าโอเคมั้ยล่ะ”
แน่นอนล่ะว่าไม่โอเค ตาคู่เรียวฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาอย่างนั้น ถ้ามันไม่กลั้นไว้ก็ไหลเป็นเขื่อนแตกแล้ว
ผมเลยยิ้มให้ บีบมือมันเป็นการปลอบ
“เดี๋ยวพี่เหนือกลับมานะ เทอมนึงเรียนแค่สี่เดือน เดี๋ยวก็ได้เจอกันตอนปิดเทอม”
ปิดเทอมของผมนะ ไม่ใช่ปิดเทอมของธาร ก็ช่วงปิดเทอมของเราทั้งคู่ไม่ตรงกันนี่นา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับมาเจอกันแหละเนอะ
“พี่จะกลับมาแน่นะ” ธารถามอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ทำให้ผมยกมือขึ้นไปดึงแก้มคนตรงหน้าเบาๆ
“หัวใจของพี่เหนืออยู่ที่นี่ จะไม่กลับมาได้ยังไงล่ะครับ” ว่าแกมหยอก ธารจึงมีสีหน้าดีขึ้นมานิดนึง

นิดนึงจริงๆ เพราะพอสิ้นเสียงผม แม่ก็ดันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันมาเรียกผมเสียงดัง

“เอ้า ได้เวลาแล้วเหนือ ไปรอที่เกตได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็ตกเครื่อง ไม่ต้องไปกันพอดีหรอก”
ไม่พูดเปล่า ยังพยักเพยิดให้พ่อส่งกระเป๋าเป้ผมที่ไม่ได้โหลดเข้าใต้เครื่องมาให้ด้วย ผมเลยหันไปมองธารแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าผมจะไปแล้วนะ
ธารลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งดูไม่ดีมากขึ้นเมื่อทุกคนไปส่งผมให้เข้าไปรอขึ้นเครื่องที่เกต พ่อกับแม่ก็กอดล่ำลาผมตามประสา ก่อนกั้งกับยีนส์จะมาลาบ้าง เหลือแต่ธารเท่านั้นที่ยืนนิ่งอยู่ ผมเลยขอเวลาส่วนตัวกับทุกคนเพื่อจะคุยกับธารสองต่อสอง ทุกคนก็เข้าใจดีว่าตอนนี้ธารกับผมอยู่ในอารมณ์ในเลยไม่กวนใดๆ ปลีกตัวไปอีกทาง เหลือเพียงผมกับเด็กนี่เท่านั้นที่ยืนประจันหน้ากัน

“น้องธาร...” ผมเปิดฉากขึ้น ทว่าธารก็สวนขึ้นมาก่อน
“พี่ไม่ไปได้มั้ย”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็ลำบากใจทันที ก็อย่างที่บอกว่าตอนแรกผมอยากไป แต่พออยู่กับธารนานๆ เข้าและต้องจากกันจริงๆ ผมก็เริ่มไม่อยากไปแล้ว แต่จะมายกเลิกอะไรตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่อง ในเมื่อเลือกจะเดินมาแล้ว ผมก็ต้องก้าวไปต่อ
“เดี๋ยวพี่เหนือกลับมานะ”
การไม่ตอบคำถามของธาร ทำให้ธารเม้มปากแน่น ก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ถ้าพี่ไป ธารจะอยู่ยังไง”

ประโยคเดิมๆ หลุดออกจากริมฝีปากหนาคู่นั้นอีกแล้ว ผมลอบถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าระอา แต่เอ็นดูมากกว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เด็กนี่ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมของผมเสมอ
“ไม่พูดอย่างนี้ซี่ น้องธารต้องโตขึ้นได้แล้วรู้มั้ย นี่จะกลายเป็นหนุ่มมหา’ลัยแล้วนะ ไม่งอแงแล้วนะครับ” ผมใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าคนตัวโตให้หันมาสบตาผม
หัวคิ้วเรียวสวยย่นยู่ ฉายความไม่พอใจออกมา
“ไม่ได้งอแง แค่ไม่อยากให้พี่ไปเฉยๆ”
“แต่พี่เหนือไปเรียนนะ เราคุยกันแล้วนี่”
“รู้ว่าคุยกันแล้ว แต่ถ้าพี่ไป... ธารต้องคิดถึงพี่มากแน่ๆ”

ฟังแล้ว ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จนต้องเป็นฝ่ายโผเข้ากอด
“พี่เหนือก็ต้องคิดถึงน้องธารมากๆ เหมือนกันแน่ รอก่อนนะครับ อีกสี่ห้าเดือนก็ปิดเทอมหนึ่ง พี่เหนือจะกลับมานะ”
ธารกอดตอบผมเช่นกัน ซุกหน้าลงมาบนไหล่ผมแล้วพึมพำ
“ต่อให้ต้องรอถึงสองปี ธารก็จะรอ”
ผมลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เป็นการปลอบ ประโยคนี้ผมได้ยินนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ และก็ค่อนข้างจะมั่นใจด้วยว่ายังไงธารก็จะรอผมแน่ ทว่าผมก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ธารก็พูดขึ้นมาอีก
“ดังนั้น... พี่เป็นแฟนธารเถอะ เป็นแฟนกันก่อนจะไป ธารรอให้พี่กลับมาแล้วค่อยเป็นแฟนกันไม่ไหว”
คงจะเป็นเพราะกังวลว่าผมจะไปยุ่งกับคนอื่นล่ะมั้งถึงได้อยากผูกมัดผมไว้ก่อนอย่างนี้ ก็ใช่ว่าผมไม่อยากเป็นแฟนมันหรอกนะ แต่รักระยะไกลมันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเป็นแฟนกันแล้ว ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ที่มีปัญหาเรื่องระยะทางมาเกี่ยวข้องจะทำให้ความรู้สึกระหว่างเราแย่ไปกว่าที่คิดน่ะ

หนึ่งละ มันต้องมีเรื่องหึงหวงแน่ และสอง ผมว่าธารจะไม่ไว้ใจผมมากกว่าเดิม แค่ไม่ได้เป็นแฟนกัน ธารยังไม่ไว้ใจผมเลย ขืนเป็นแฟนกันแล้วไปอยู่ไกลๆ กันอย่างนั้น มีหวังได้ระแวงจนทะเลาะกันตาย อะไรไม่ว่า ธารจะมาตามหึงหวงผมจนเสียการเรียนด้วยนี่สิ ไอ้นี่แหละที่ผมไม่อยากให้เกิดที่สุดล่ะ

“พี่เหนือเรียนจบเมื่อไหร่ กลับมาแล้วถ้าน้องธารยังไม่เปลี่ยนใจ เราค่อยมาเป็นแฟนกันนะครับ”
พูดไปอย่างนี้ ธารก็ผละออกจากผม ตั้งท่าโวยวายทันที
“แต่ธาร...”
“พี่เหนือไม่อยากทำร้ายน้องธารนะ ถ้าเป็นแฟนกัน พี่เหนือว่าน้องธารต้องวิตกจริตมากกว่านี้แน่ แล้วพี่เหนือก็ไม่อยากเห็นน้องธารมาคอยกังวลเรื่องพี่จนเรียนไม่รู้เรื่องหรอกนะครับ ที่พี่เหนือพูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รักน้องธารหรอกนะ รัก รักมากด้วย แต่หวังดีมากกว่า”
ผมโพล่งขึ้นมาก่อนที่ธารจะพูดจบ แน่นอนว่าธารยังคงมีความดื้อ สิ้นเสียงผมก็ทำท่าจะเถียงขึ้นมาอีก ผมเลยคว้ามือใหญ่มากุมไว้ ลูบไปมาอย่างแผ่วเบา
“พี่เหนือยังอยู่กับน้องธารตรงนี้เสมอ แต่ตอนนี้น้องธารทำเพื่อตัวเองก่อนได้มั้ย แล้วพอเวลากับทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ถึงวันนั้นแล้วเราค่อยมาคบกันนะถ้าน้องธารไม่เปลี่ยนใจไปก่อน เวลาสองปีมันแค่แป๊บเดียวเอง เราก็ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันในระหว่างสองปีนี้สักหน่อย ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อนเถอะนะ”
คราวนี้เหมือนธารจะฟัง กัดริมฝีปากก่อนพยักหน้ารับอย่างจำใจ
“ก็ได้ ธารจะรอนะพี่ กี่ปีก็จะรอ”

ผมยิ้มรับให้กับคำพูดนั้น ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าถ้าผมตอบรับไป ธารจะเอาแต่รอจริงๆ จนไม่เป็นอันทำอะไร ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนก็เถอะ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว พอผมไปถึงอเมริกาและวุ่นวายกับการเรียน ธารจะต้องมีปัญหาแน่

ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่ควรที่จะผูกมัดธารไว้

“ถ้าวันไหนน้องธารรอไม่ไหวขึ้นมาก็ไม่เป็นไรนะครับ พี่เหนือเข้าใจ ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตน้องธารดีขึ้นนอกจากพี่เหนือ น้องธารก็ตัดสินใจได้เลยนะครับว่าจะยังอยู่รอพี่มั้ย”
แม้ใจจะไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็พูดไปก่อน ทว่ากลับทำให้ธารที่ซึมกะทือในตอนแรกมองผมตาเขียวทันควัน
“พี่พูดแบบนี้ได้ไง บอกว่าจะรอก็รอสิวะ อย่าพูดอย่างนี้อีก”
“แต่พี่เหนือกลัวว่าพี่เหนือจะเป็นตัวถ่วงให้น้องธารทำอะไรไม่ได้เต็มที่” ผมว่าไปตามตรง ธารเลยดึงผมเข้าไปจูบท่ามกลางสายตาคนมากมายฉับพลัน
ถอนริมฝีปากออกมาได้ ก็เอ่ยเสียงแข็งสำทับ
“บอกว่าจะรอก็คือรอ อย่าบอกให้ธารไปหาคนอื่น ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
แทนที่ผมจะขัดใจที่มันไม่ฟังคำแนะนำของผม แต่ผมกลับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่ได้ยินประโยคนั้น พลันสวมกอดมันอีกครั้ง
“ไม่พูดแล้วครับ งั้นรอพี่เหนือนะ”

รู้สึกได้ถึงแรงสั่นเบาๆ จากการพยักหน้าของคนตัวใหญ่ ก่อนธารจะกอดตอบผมแน่น เราอยู่ในท่าทางนั้นครู่ใหญ่กระทั่งพ่อกับแม่เดินมาบอกผมว่าได้เวลาไปแล้ว ผมจึงคลายอ้อมกอดออกจากธาร ขณะที่ธารมองผมด้วยสายตาคล้ายลูกหมาที่กำลังจะถูกเจ้าของทิ้งไป
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ใจหายเหมือนกันที่จะต้องจากกันแล้ว หากแต่ทำได้แค่ฝืนยิ้มให้ พลางโบกมือลา
“งั้น...พี่เหนือไปก่อนนะ”
แล้วก็หันไปบอกลากับคนอื่นๆ ก่อนหมุนตัวหันไปอีกทาง ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ต้นแขนก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาของใครบางคนที่พุ่งมาคว้าผมเอาไว้ หันมาก็เห็นว่าเป็นธารที่บัดนี้มีหยาดน้ำสีใสเอ่อคลออยู่ที่ขอบตา
“พี่เหนือ...”
เสียงห้าวสั่นเครือร้องเรียกชื่อผมทำเอาผมปวดหนึบในใจขึ้นมา จะอ้าปากขานรับก็ทำไม่ได้ ขืนเอ่ยอะไรออกไป ผมต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ ก็ดูธารตอนนี้สิ ทำเหมือนกับว่ากำลังจะเสียของรักไปยังไงยังงั้น
ธารเองก็ดูพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติเหมือนกัน ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะยอมเอ่ยประโยคถัดไปออกมา
“ธารจะรอพี่นะ”
ไม่พูดเปล่า ยังโผเข้ามากอดผมอีกครั้ง เป็นการกอดที่แน่นกว่าครั้งไหนๆ แน่นจนเกือบจะได้ยินเสียงกระดูกผมลั่น ก่อนผมจะยกมือขึ้นโอบกอดตอบขณะที่อีกฝ่ายพร่ำบอกไม่หยุดว่าจะรอผมกลับมา
“อะ...อื้ม”
ตั้งสติได้ก็ควบคุมน้ำเสียงเอ่ยออกไป ส่วนธาร... ตอนนี้ร้องไห้ออกมาแล้ว ร้องแบบไม่อายว่าใครจะมอง กอดผมแน่นราวกับว่ากลัวจะเสียไปตลอดกาล จากการพร่ำบอกว่าจะรอก็กลายเป็น...
“ธาร...ธารรักพี่นะ รักพี่...”
บอกรักไม่หยุด...

ขอบตาผมร้อนผะผ่าว น้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ ไม่จะไหลสิ... ไหลเลยล่ะ แต่ก็หยุดได้เสียก่อนที่ธารจะเห็น ในเวลาที่ธารอ่อนแออย่างนี้ ผมควรจะเข้มแข็งให้ธารได้อุ่นใจมากกว่า
“พี่เหนือก็รักน้องธารนะ รักมาก รอก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่เหนือกลับมาหานะ”
หน้าที่ปลอบใจก็เป็นผมเช่นเคย โอ๋อยู่พักใหญ่ทีเดียวกว่าธารจะยอมปล่อยอ้อมกอดจากผม แต่ก็ไม่ยอมให้ผมไปง่ายๆ อยู่ดี ดึงผมเข้าไปจูบเนิ่นนาน ไม่สนใจเสียงโห่ร้องแซวของยีนส์กับแม่ที่ดังมาให้ได้ยิน หรือสายตาของใครๆ ที่มองมาเพราะเห็นผู้ชายสองคนจูบกันด้วย
ละริมฝีปากได้ก็จ้องหน้าผมนิ่งด้วยสายตาเว้าวอนที่บอกชัดเจนว่า ‘อย่าไป’ หากแต่ผมก็ต้องทำใจแข็ง แล้วตัดบทก่อนที่จะยกเลิกแพลนทั้งหมดเพราะสายตาคู่นี้จริงๆ
“พี่เหนือไปก่อนนะครับ”
สิ้นเสียงก็ค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของธาร ยิ้มกว้างที่สุดให้ โบกมือลาทุกคนแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปขึ้นเครื่อง
จังหวะที่ผมหันหลังให้ธารนั้น รอยยิ้มบนหน้าผมก็หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ก่อนน้ำตามากมายจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ถ้าผมไม่ได้เจอหน้าธารใจทุกวันอย่างนี้แล้ว ผมเองก็คงจะคิดถึงธารมากเหมือนกัน

คนที่ลงแดงเพราะไม่ได้เจอกันคงไม่ใช่มีแค่ธารคนเดียวแล้วล่ะ
 



ในตอนแรกของการใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาค่อนข้างจะลำบากสำหรับผมมาก แม้ว่าผมจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่ก็ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด ทั้งสังคม ทั้งการเรียน ไหนจะการใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดแผกไปจากเดิม คือมหาวิทยาลัยที่ผมมาเรียนต่ออยู่ที่นิวยอร์ก เวลากลางคืนของที่นี่เท่ากับเวลาตอนเช้าของไทย ผมเลยปรับเวลานอนไม่ค่อยได้ ก็เวลาที่นิวยอร์กช้ากว่าไทยตั้งสิบเอ็ดชั่วโมงนี่นา ห่างกันมากขนาดนี้ จู่ๆ ให้มาปรับเลยมันก็ยาก

ยากไปกว่านั้นคือ ผมจัดสรรเวลาสำหรับการคุยวิดีโอคอลกับธารไม่ค่อยได้ ไม่ใช่แค่เรื่องเวลา แต่เป็นเพราะเรื่องเรียนที่ผมต้องตามเพื่อนให้ทันด้วย มันไม่ใช่การเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีแล้ว ปริญญาโทมันยากและหินกว่ากันเยอะ ธารเองก็เริ่มไปเรียนแล้วเช่นกัน กิจกรรมก็เยอะ ซ้ำยังต้องปรับตัวเรื่องเรียนไม่ต่างกัน ทำให้พวกเราไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่นักในช่วงแรก กระทั่งเริ่มมีปัญหากันขึ้นมา

ก็แบบว่าทะเลาะกันไปตามประสาน่ะ ฝ่ายนั้นก็หาว่าผมไม่มีเวลาให้ ไม่สนใจ ผมจะไปมองคนอื่นอะไรประมาณนี้ ผมเลยต้องค่อยๆ อธิบายให้ฟังว่าชีวิตของผมในช่วงนี้มันยุ่งยากขนาดไหน กว่าจะเข้าใจกันได้และปรับทุกอย่างให้ลงตัวก็เกือบจะหมดเทอมหนึ่ง หลังจากนั้นถึงได้ตกลงเรื่องเวลานัดคุยกันว่าเราจะคุยกันตอนกี่โมงบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้คุยกันแน่ ก็ธารน่ะมักจะโทรมาหาผมตอนเลิกเรียน ไม่ก็ก่อนนอนตามเวลาเมืองไทย ซึ่งมันเป็นเวลากลางดึก ไม่ก็ใกล้เช้าของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเวลาที่ผมหลับอยู่ สุดท้ายเราเลยเลือกช่วงเวลาที่เราทั้งคู่ว่างที่สุดมาคุยกัน วันนึงคุยหลายครั้งแต่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพราะเวลาที่ว่าง บางครั้งมันก็ไม่แน่นอน

กว่าจะผ่านเทอมหนึ่งไปได้ เรียกว่ารากเลือดเลย โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ส่วนที่ผมเคยรับปากกับธารว่าหมดเทอมแล้วผมจะกลับไทย เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ เพราะมันปิดเทอมแค่สองถึงสามอาทิตย์ ไม่คุ้มกับค่าตั๋วที่ซื้อแน่ และที่สำคัญ ถึงจะปิดเทอม ผมก็ไม่ได้ว่าง ยังคงวุ่นวายกับการเตรียมบทเรียนสำหรับเทอมสอง แรกๆ ธารก็โวยวายไปตามประสา ทว่าพอผมมีเวลาคุยด้วยมากขึ้น อาการงี่เง่าก็ทุเลาลง ดูเหมือนว่าธารเองก็มีกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยให้ทำฆ่าเวลาระหว่างที่ผมไม่มีเวลาให้ด้วย ทุกอย่างเลยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนัก

ยิ่งพอเปิดเทอมสอง ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เราไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ซ้ำธารยังดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย ยิ่งตอนโทรวิดีโอคอลมาหาผมทั้งที่ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่นะ บอกเลยว่าอื้อหือ... หล่อมาก เด็ดมาก คราบเด็กช่างเกเรอะไรนี่แทบไม่หลงเหลืออยู่เลยสักนิด

เห็นแล้วมีความอยากแซ่บ แซ่บผ่านโทรศัพท์ได้ก็ทำไปนานแล้ว ที่ทำได้ก็มีแต่ตอดมันเล็กๆ น้อยๆ ด้วยคำพูดนี่แหละ ได้ข่าวว่ามันได้รับเลือกเป็นเดือนคณะด้วย หูย บอกเลยว่าความแซ่บนี่ยกกำลังกว่าเดิมมากๆ

ที่สำคัญ ไม่ได้โตแค่รูปลักษณ์ นิสัยก็ดูโตขึ้น จากที่ชอบโวยวาย หงุดหงิดง่าย ปากคว่ำบ่อยๆ ก็ดูใจเย็นขึ้น ทำเอาผมหลงมันหัวปักหัวปำมากกว่าเดิม เป็นฝ่ายติดมันแจ โทรหามันทุกครั้งที่ผมว่าง บางครั้งก็โทรไปตอนมันเรียนบ้าง ตอนมันนอนบ้าง ลืมไปสนิทเลยว่าก่อนหน้าเคยตกลงกับมันว่าจะโทรหากันตอนที่เราว่างทั้งคู่เท่านั้น

ก็แหม มันหล่อขนาดนี้ก็ต้องตามติดกันหน่อยแหละ ทั้งหล่อ ทั้งฮ็อต ไม่ระวังไว้ให้ดี เดี๋ยวก็มีคนสอยไปตอนผมเผลอจนได้

แต่ธารก็ยังเป็นธาร เคยบอกว่ารักผมยังไงก็ยังแสดงออกเหมือนเดิม ผมเลยเบาใจได้ว่ายังไงธารก็จะรอผมกลับไป

และวันที่ผมได้กลับไทยเป็นครั้งแรกหลังจากมาอยู่ที่อเมริกาก็มาถึง มันเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของผมน่ะ ตอนแรกที่ผมบอกธารว่าจะมาไทย ผมคิดว่าจะไม่มีเวลาได้เจอธารเท่าไหร่ซะแล้วเพราะเข้าใจว่าตอนผมปิดเทอม ธารยังเปิดเทอมอยู่ ทว่าไม่ใช่ ธารเองก็ปิดเทอมเช่นกัน มารู้อีกทีว่าที่ปิดเทอมตรงกันเป็นเพราะธารเรียนนานาชาติ

เอ... ตอนไปมอบตัวก็จำได้ว่าเรียนภาคปกติไม่ใช่เหรอ แล้วมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดที่พิษณุโลกนี่ คณะวิศวกรรมศาสตร์มีหลักสูตรนานาชาติด้วยหรือไง?

อดสงสัยไม่ได้ ทว่าความสงสัยก็หมดไปเมื่อผมลงจากเครื่องที่นั่งต่อมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาหาธารถึงบ้านเกิด ธารซึ่งมายืนรอรับผมอยู่หน้าทางออกผู้โดยสารขาเข้า พอเห็นผมก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ามากอดผมเต็มแรง
“พี่เหนือ! โคตรคิดถึงเลย”
ไม่กอดอย่างเดียว ร้องซะเสียงดังจนคนข้างๆ มอง ผมรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย แบบว่าเขินน่ะ ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ ตั้งปี จู่ๆ มากอดกันแบบนี้ มันก็ต้องรู้สึกแปลกอยู่แล้ว
“น้องธารครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะ คนมองใหญ่แล้ว”
“ก็คิดถึงนี่หว่า ทำไงได้”
ธารผละออกจากผม ปากยิ้มกว้างไม่หยุดจนผมต้องยิ้มออกมาบ้าง
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกัน คิดถึงกว่าก็ธารน้อยนี่แหละ” ได้ทีก็เต๊าะมันแม่งเลย
ธารถึงกับย่นคิ้วทั้งที่ยิ้ม ก่อนยื่นมือมาดึงจมูกผม
“เจอหน้ากันไม่ถึงห้านาทีนี่ออกลายทะลึ่งเลยนะ ได้เจอแน่ธารน้อยน่ะ ไม่ต้องห่วง”
ผมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ก่อนธารจะมาแย่งกระเป๋าเป้ผมไปถือ แล้วคว้ามือผมไปจับ
“ไปที่บ้านก่อนเถอะ ธารมีเรื่องจะคุยกับพี่เยอะแยะเลย”

ไม่รอให้ผมตอบรับก็ออกลากผมไปแล้ว คาวาซากินินจายังคงถูกใช้เป็นพาหนะคู่ใจเหมือนเดิม การซ้อนมอเตอร์ไซค์และบรรยากาศของพิษณุโลกทำให้ผมคิดถึงวันวานเก่าๆ สมัยยังเป็นนักศึกษาฝึกสอนขึ้นมา คิดถึงยิ่งกว่าเมื่อธารพาผมมาที่บ้าน และได้เจอหน้าทั้งคุณธี คุณชยุต และป้าริน แต่ไม่ได้เจอจอมแก่น โรม และน้องมายด์ ได้ยินว่าจอมแก่นกับโรมไปเช่าหอพักอยู่ด้วยกันใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย เสาร์-อาทิตย์ถึงจะกลับบ้านมาที น้องมายด์ก็ไปอยู่กรุงเทพฯ กับป้าแล้ว ส่วนพี่จอมดื้อ... ได้ยินว่ามีแฟนแล้ว

อันนี้ผมไม่ได้อยากรู้ แต่ธารพูดขึ้นมาเอง สงสัยจะกลัวผมไปหาพี่จอมดื้อล่ะมั้งถึงได้ดักคออย่างนี้ แต่ยังไงก็ต้องเจออยู่แล้วล่ะ ผมมาอยู่บ้านธารตลอดช่วงปิดเทอมเลยนี่นา ไม่เจอวันนี้ก็ต้องเจอเข้าสักวัน

หากแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก อยากรู้เรื่องธารมากกว่า ทว่าธารก็ไม่ได้เล่าอะไร นอกจากจะทำให้ผมหายคิดถึงธารน้อยจนลุกจากเตียงแทบไม่ขึ้นอยู่หลายวันติดกัน

เรียกว่าทุกวันเลยก็แล้วกัน โอย... อะไรจะคิดถึงปานนั้นลูกเอ๊ย พี่เหนือแก่แล้วนะ กระดูกกระเดี้ยวยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ เดี๋ยวก็กลับไปเรียนต่อไม่ได้หรอก!

ยิ่งไปกว่านั้น ธารก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ถามอะไรเรื่องที่มหาวิทยาลัยเท่าไหร่ด้วย ถามทีไรก็บอกว่า ‘ก็ดี’ แล้วก็ดูไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่นัก ทำเอาผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าชีวิตที่มหาวิทยาลัยของมันก็ดีจริงอย่างที่ปากว่าหรือเปล่า แล้วก็กลายเป็นว่ามีแต่มันด้วยนะที่เอาแต่ถามเรื่องของผมว่าเรียนเป็นไง ใช้ชีวิตที่นั่นเป็นไงอะไรเทือกนี้ หลักๆ เลยคือกลัวว่าผมจะตุกติกแอบมีใครอยู่ที่โน่น คำถามที่ว่า...
“พี่แอบมีคนอื่นหรือเปล่า”
จึงถูกเอามาถามผมทุกวัน อยู่กับมันมาได้เดือนกว่าแล้ว จนจะกลับไปอเมริกาอีกรอบ มันยังถามเรื่องนี้ไม่เลิกเลย

“พี่เหนือจะไปมีได้ยังไงล่ะครับ รักและคิดถึงน้องธารขนาดนี้ แถมตอนนี้น้องธารก็ล้อหล่อ ไม่กล้ามองใครหรอก น้องธารของพี่เหนือแซ่บลืมที่สุดในโลกละ”
ผมเลยบอกมันไปแบบนี้หลังจากที่ผ่านการกรำศึกบนเตียงมาอย่างหนักหน่วง วันนี้หนักผิดปกติเพราะธารพาผมไปเจอพวกจอมแก่นกับโรมที่ร้านนมของพี่จอมดื้อมา แล้วบังเอิญเจอพี่จอมดื้อที่นั่น ถึงพี่จอมดื้อจะพาแฟนมานั่งคุยกับพวกเราด้วย แต่ธารก็ออกอาการหวง อ้อนพร้อมยอมันหน่อย มันจะได้ทำท่าจับผิดผมสักที
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิครับ ถ้าไม่แน่ใจ พี่เหนือไม่ยอมให้น้องธารทำพี่เหนือเสี่ยงเป็นอัมพาตอย่างนี้หรอกน่า”
เสี่ยงเป็นอัมพาตจริงๆ นอนแผ่หลาในสภาพเปลือยเปล่า แถมสะโพกกับเอวก็ปวดจี๊ดอย่างนี้ ไม่เสี่ยงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
คำพูดของผมทำให้ธารหัวเราะในลำคออย่างพึงใจ พลันตวัดวงแขนกว้างมากระชับเอวผมให้เข้าไปแนบลำตัว
“งั้นก็รักธารให้มากๆ เพราะธารรักพี่เหนือมาก ถ้าจับได้ว่าพี่ไปมีคนอื่นล่ะก็ ธารจะเย็บปิดให้หมดเลย”
“เดี๋ยวๆ เย็บปิดอะไร”
“ตรงไหนที่ธารน้อยเข้าไปวิ่งเล่นได้ ก็เย็บปิดตรงนั้นนั่นแหละ ระวังตัวไว้ให้ดี” ขู่พลางยื่นริมฝีปากมาจูบปลายจมูกผม
“จะโหดไปถึงไหนเนี่ยคร้าบน้องธาร กลัวจะแย่แล้ว” ผมหัวเราะ ขำในมุกตลกปนความขี้หึงของธาร

ธารก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากกอดผม เอาหน้าซุกไซ้ จูบใบหน้า จูบลำคอผมไปเรื่อยเหมือนทุกวัน กระทั่งเสียงท้องผมร้องประท้วงขึ้น ธารจึงหยุดการนัวเนียไม่เลิกได้
“หิวแล้วล่ะสิพี่น่ะ”
“ก็ควรจะหิวแหละครับ ตั้งแต่กลับมาจากร้านพี่ดื้อ พี่เหนือก็นอนติดเตียงตลอดเลยนะ ถูกสูบพลังงานไปแบบนี้ ไม่หิวก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวธารไปล้างตัวก่อน แล้วจะพาไปหาอะไรกิน ธารล้างตัวเสร็จแล้ว พี่ก็ไปล้างตัวด้วยล่ะ เหม็นๆ แบบนี้ไม่ให้นั่งซ้อนท้ายมอ’ไซค์นะบอกไว้ก่อน”
“ปากก็บอกว่าเหม็น แต่เมื่อกี้ใครน้า กอดจูบพี่เหนือไม่ห่างเลย”
โดนผมล้อไปแบบนี้ ธารก็ชี้หน้าอย่างเอาเรื่องแบบขำๆ ก่อนจะผละไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ผมนอนอยู่ที่เดิม ยิ้มให้กับตัวเองด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข

เปี่ยมสุขจริงๆ ไม่เคยมีความสุขอะไรแบบนี้มาก่อน นี่สินะที่เค้าว่ากันว่าพอยู่ห่างกันจะทำให้รักกันมากขึ้น

ความจริงผมก็เคยมีแฟนที่อยู่ห่างกันนะ แต่มันไม่ใช่แบบนี้ มีปัญหากันตลอด ทว่ากับธาร... การอยู่ห่างกันระยะนึงเป็นเรื่องดีชะมัด มันทำให้ผมรู้สึกว่าธารรักผมมากขึ้นยังไงไม่รู้แฮะ และแน่นอนว่าผมเองก็รักธารมากขึ้นเช่นกัน
รักมากจนไม่อยากจะรอให้เรียนจบ กลับมาก่อนแล้วค่อยเป็นแฟนกันแล้ว
หรือผมจะยอมตกลงเป็นแฟนกับธารตั้งแต่ตอนนี้เลยดีนะ? อีกปีเดียวก็จะจบแล้ว เป็นแฟนกันไปเลยก็แล้วกัน
คิดแล้วก็ตั้งใจว่าถ้าธารออกจากห้องน้ำมา จะพูดเรื่องนี้ หากแต่คิดได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ตัวเองเมื่อเสียงโทรศัพท์ของธารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น
มันเป็นเสียงเรียกเข้าข้อความ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นจอมแก่น ไม่ก็โรมส่งมาอะไรแบบนี้ ทว่ามันไม่ได้ดังแค่ครั้งเดียว ดังหลายครั้งติดกันจนผมชักรำคาญ ทำเสียมารยาทไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอจนได้

โทรศัพท์ธารไม่ได้ตั้งล็อคจึงทำให้เห็นกล่องข้อความขึ้นมาบนหน้าจอ กล่องข้อความนั้นไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นใคร มีแต่อีโมติค่อนรูปดอกไม้ที่ใส่แทนชื่อ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจ กระทั่งเริ่มเห็นข้อความแปลกๆ

‘ธาร’
‘ธารใจจ๋า’
‘ทำอะไรอยู่’

แล้วก็ตามมาอีกหลายข้อความซึ่งผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าเป็นข้อความจากผู้หญิง เท่านั้น ใจผมก็สั่นขึ้นมาทันที เผลอกดเข้าไปดูอย่างลืมตัว และพออีกฝ่ายเห็นว่าข้อความขึ้นมาอ่านแล้ว ก็ส่งข้อความใหม่มาทันใด
‘คิดถึงนะจ๊ะที่รัก’

คะ...ใคร? ยัยนี่เป็นใคร? อย่าบอกนะว่าตอนที่ผมไม่อยู่ ธารจะคุยกับคนอื่นด้วย?
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ตัวอย่าง♦P.22♦01/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-05-2016 07:18:32
ชั่งใจ ครั้งที่ 26: ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ[2]

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ใจสั่นแล้ว มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่น เกือบจะพิมพ์ถามกลับไปอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เกือบจะกดไปดูรูปโปรไฟล์ด้วย ทว่าธารก็เดินออกจากห้องน้ำมาก่อน พร้อมกับร้องเรียกผม
“เสร็จแล้ว พี่เข้าไปล้างตัวสิ”
ผมสะดุ้ง โทรศัพท์ในมือร่วงลงบนเตียงทันที ธารมองหน้าผมอย่างสงสัย
“เป็นอะไร ตกใจทำไม”
“ปะ...เปล่าครับ” ผมรีบปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทว่าก็ไม่เป็นปกติสักเท่าไหร่นัก ทำให้ธารย่นคิ้วยู่
“มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ...เพื่อนน้องธารส่งข้อความมาน่ะครับ แล้วเมื่อกี้พี่เหนือเผลอไปเปิดดูน่ะ”
ผมตัดสินใจพูดไปตามตรง เผื่อว่าจะจับผิดธารได้ ก็ตอนนี้ผมสงสัยว่าธารกำลังคุยกับคนอื่นนี่นา และการที่ผมพูดไปอย่างนี้ก็ทำให้เรียวคิ้วสวยของธารย่นยู่
“ใคร”
“ไม่รู้ครับ น้องธารดูเองเถอะ” ผมคว้าโทรศัพท์ยื่นให้

หัวคิ้วของธารย่นหนักกว่าเดิมอีกเมื่อสายตาจับจ้องไปยังหน้าจอ ก่อนจะกลายเป็นสีหน้าหงุดหงิด แล้วปิดโทรศัพท์ซะอย่างนั้น
เห็นแล้วก็สงสัย พิรุธชัดเจนขนาดนี้ ผมเลยโพล่งถามไปทันที
“ใครเหรอครับ”
“อย่าไปสนใจเลย ไร้สาระ ออกไปหาไรกินเถอะพี่ หิวแล้ว”
ผมนิ่งค้าง... ทำไมอะ ทำไมถึงไม่บอกว่าใคร ที่ไม่บอกเพราะกลัวว่าผมจะรู้ว่าคุยกับคนอื่นเหรอ หรืออะไร บรรยากาศกับเหตุการณ์นี้เหมือนตอนผมจับได้ว่าแฟนเก่านอกใจไม่มีผิด มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย
รู้สึกไม่ดีมาก... อึดอัด สับสน อยากจะให้ธารทำให้เคลียร์ ทำให้ผมสบายใจว่าไม่มีอะไร
และสายตาขุ่นข้องใจที่ผมมองยังธารทำให้ธารรู้สึกตัวว่าทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นมา ก่อนมันจะรีบถลาเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างผม แล้วยกมือขึ้นมาวางไว้บนกระหม่อมผมก่อนออกแรงยีเบาๆ
“ไม่มีอะไรนะพี่เหนือ ไม่ต้องไปสนใจ”
“แต่ว่าเมื่อกี้...บอกว่าคิดถึงธาร” ผมหมายถึงข้อความในโทรศัพท์
ธารพ่นลมหายใจออกมายาว ก่อนจ้องหน้าผมนิ่ง
“ไม่มีอะไรจริงๆ ธารไม่ได้คุยกับใคร ไม่เคยสนใจใครเลย พี่ก็รู้ว่าธารรักและคิดถึงพี่แค่ไหน ธารไม่มองคนอื่นหรอก เชื่อใจธารนะ เคยบอกแล้วนี่ว่าจะไม่ทำให้พี่เสียใจเป็นอันขาด”

พูดเหมือนรู้ทัน และยืนยันมาขนาดนี้ ผมก็ไม่กล้าถามต่อ ยิ่งเห็นแววตาจริงจังด้วยแล้ว ความข้องใจก็มลายไปหมดสิ้น ความตั้งใจที่จะยอมตกปากรับคำเป็นแฟนมันก็เช่นกัน
ที่บอกว่าความข้องใจหายไปนี่ไม่ใช่ว่าเพราะผมเชื่อมันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ ไอ้เชื่อน่ะมันก็เชื่อ แต่ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนตั้งหลายครั้ง ไอ้ที่ว่ารักว่าคิดถึง ถ้ามันเป็นเรื่องจริง สุดท้ายมันก็จะเป็นแค่ลมปากที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น ที่สำคัญ ตอนนี้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าธารคุยกับคนอื่นจริง ก็แสดงว่าผมอาจจะไม่ได้ดีสำหรับธารสักเท่าไหร่ แล้วผมก็เป็นฝ่ายบอกเองนี่นาว่าถ้ามีคนที่ดีกว่าผมเข้ามาในชีวิต ก็ให้ตัดสินใจเลือกเอาได้เลย

ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะอยู่ในช่วงตัดสินใจก็ได้ ผมไม่ได้เจอธารมาตั้งเกือบปี ธารจะมีหวั่นไหวไปบ้างมันก็ไม่แปลก งั้นผมก็ไม่ควรจะผูกมัดธารในตอนนี้ เพราะถ้าธารมีใจให้คนอื่นแล้วมาคบกับผม ไม่แน่ว่าในอนาคต ผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเจ็บปวด

ผมทำใจกับเหตุผลนี้ได้ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ้มกลับให้คนตรงหน้า ขณะที่ธารยังย้ำคำเดิม

“พี่เหนือ ธารจะไม่ทำให้พี่เสียใจ โอเคมั้ย อย่าคิดมาก นั่นก็แค่เพื่อนแกล้ง เชื่อธารได้มั้ย”
“ครับ” ผมตอบรับ ใจไม่ได้สงบเท่าไหร่หรอก
แต่ธารก็ทำให้ผมนิ่งขึ้นได้เมื่อมันโน้มหน้าเข้ามาจูบผม พลางกระซิบบอก
“ธารรักพี่มากขนาดนี้ จะไปมีคนอื่นได้ยังไง เชื่อใจกันหน่อยสิ”
เชื่อใจก็ได้...

เชื่อก็ได้...
 


ก็คงจะไม่ได้มีคนอื่นอย่างที่ธารว่า เพราะหลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครส่งข้อความแปลกๆ มาหาธารอีกเลยทั้งที่มันก็ไม่ได้บอกให้ฝ่ายนั้นห้ามส่งมาแต่อย่างใด ซ้ำพอผมแอบดูโทรศัพท์ธาร ก็เห็นว่าธารบล็อกและลบรายชื่อของคนที่ส่งข้อความมาเมื่อวันก่อนไปแล้ว ไปเช็คดูรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ ก็ไม่เห็นว่าจะมีชื่อของผู้หญิง มีแค่เบอร์ของคนใกล้ตัวที่ผมรู้จักเท่านั้น รวมๆ แล้วมีสิบกว่ารายชื่อเอง

คงจะไม่ได้คุยกับใครจริงๆ อาจจะเป็นพวกผู้หญิงที่มหาวิทยาลัยส่งมาตื๊อ แต่ธารไม่สนใจก็เป็นได้

ผมเลยสบายใจขึ้นกว่าเดิม ซ้ำธารยังทำให้ผมสบายใจจนไม่คิดแล้วว่าธารมีคนอื่นด้วยการดูแลเอาใจผมเป็นอย่างดี กระทั่งความสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นขึ้น ผมจึงกลับไปเรียนอีกครั้งด้วยความมั่นใจสุดๆ ว่าธารยังคงรักผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

จนกระทั่ง... ผ่านเทอมหนึ่งปีสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาปริญญาโทไป ไอ้ที่เคยมีเวลาว่างให้ธาร ก็เริ่มไม่มีอีกแล้วเมื่อผมต้องทำธีสิสนรกแตกนี่ส่งเพื่อทำเรื่องขอจบในเทอมสอง
พอไม่มีเวลา เราก็คุยกันน้อยลง ธารเองก็ขึ้นปีสองแล้ว ไม่มีเวลาเช่นกันเพราะเห็นธารเล่าว่าถูกเลือกไปเป็นประธานรุ่นในการรับน้องอะไรสักอย่าง แล้วงานก็ดูยุ่งตลอดปี เพราะนอกจากรับน้องแล้ว ธารยังต้องไปทำค่าย ไปทำหน้าที่อดีตเดือนคณะ และอะไรต่อมิอะไรที่เด็กกิจกรรมควรทำ ไหนจะยุ่งเรื่องเรียนอีก เลยกลายเป็นว่าตอนผมว่าง ธารก็ไม่ว่าง ตอนธารว่าง ผมก็ไม่ว่าง จากที่คุยกันเกือบทุกวัน ก็กลายเป็นอาทิตย์นึงคุยกันแค่ครั้งสองครั้ง ยิ่งตอนนี้ ธารใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย ยิ่งไม่มีเวลาให้กันเข้าไปใหญ่

แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่เดือน ผมก็จะเรียนจบแล้วกลับไปอยู่ไทยเป็นการถาวรแล้ว ยังไงก็ได้เจอกันแน่นอน

ถึงจะอย่างนั้น...ก็คิดถึงแฮะ ยิ่งตอนวุ่นหัวปั่นกับธีสิสจนสมองล้าด้วยแล้ว กำลังใจที่ทำให้ผมหายเหนื่อยคือการได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงธารนี่แหละ

คืนนี้ไม่ได้เห็นแล้ว ไม่เป็นไร นั่งดูรูปในเฟซบุ๊คก็ได้

ผมนั่งดูรูปคู่ของตัวเองกับธารที่เคยอัพไปตั้งแต่เมื่อปีก่อนพลางอมยิ้มคนเดียวเงียบๆ ไหนจะรูปใหม่ๆ ที่ถ่ายไว้เมื่อตอนเจอกันครั้งล่าสุดอีก

รูปของธารนี่ไม่มีรูปไหนยิ้มเลยแฮะ มีแต่ทำหน้าโหดๆ ทั้งนั้น เด็กปากคว่ำของพี่เหนือนี่ ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหนก็ยังปากคว่ำไม่เลิกเลยแฮะ ตอนนี้ธารอายุเท่าไหร่แล้วนะ... ใช่กำลังจะยี่สิบเอ็ดหรือเปล่า?

นั่งนับอายุธารไปก็เลื่อนดูรูปอื่นไปเรื่อยๆ ทว่าพอผมกลับมายังหน้าฟีดข่าว รายชื่อเฟซบุ๊คที่ผมไม่ได้เป็นเพื่อนด้วยก็ขึ้นมาตรงลิสต์แนะนำเพื่อนให้เห็น ถ้าเป็นปกติ ผมก็คงจะมองข้ามไป ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก หากแต่ครั้งนี้ข้ามไม่ได้เมื่อสายตาปะทะเข้ากับชื่อโปรไฟล์ของคนใกล้ชิด

‘ธาร ธารใจ’

ผมชะงักทันที ก่อนจะเพ่งมองดูรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ ผมอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้ถ้าเห็นเพียงผู้หญิงผมสั้น หน้าตาน่ารักสดใสในรูปนั้นคนเดียว ทว่าผู้ชายในรูปข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นคนที่ผมคุ้นหน้าดี ผมเลยรีบกดเข้าไปดูแล้วก็ต้องชะงักทันควัน

นะ...นี่มันธาร
ธารกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้!

ไม่ใช่รูปถ่ายคู่กันธรรมดาด้วย เป็นรูปถ่ายคู่แบบแนบชิดสนิทสนมเหมือนตอนผมถ่ายรูปกับธารไม่มีผิด ผู้หญิงคนนั้นกอดคอธารแน่น เอาข้างแก้มมาชนกับแก้มธาร ขณะที่ธารทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
ก็ทำหน้าเหมือนกับเวลาถ่ายรูปกับผมนั่นแหละ แต่พอผมเห็นธารไปถ่ายคู่กับคนอื่นแบบนี้ ผมก็เกิดหัวสมองมึนงงขึ้นมากะทันหัน วางโทรศัพท์ในมือลงราวกับไร้เรี่ยวแรง มือทั้งสองข้างสั่นระริก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายปวดหนึบจนชา อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ที่รู้ๆ คือ ผมเรียงลำดับเรื่องราวไม่ถูกว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นตอนไหน และเกิดขึ้นได้ยังไง

ธารมีเฟซบุ๊ค...สร้างไว้ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาราวๆ กับตอนที่ผมเจอธารที่ไทยตอนปิดเทอม แต่ผมไม่รู้ว่าธารมี
ปิดบังกันเหรอ หรืออะไร ทำไมถึงไม่บอกให้ผมรู้ว่ามีเฟซบุ๊คทั้งที่รู้ว่าผมก็เล่น?
หรือว่าจะกลัวว่าคนที่ถ่ายคู่รูปด้วยในรูปโปรไฟล์จะรู้ว่ามีผมอยู่?

ผมนั่งนิ่ง คิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ความจริงผมก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งนั้นที่กลับไปไทยแล้วล่ะว่าธารคุยกับคนอื่นนอกจากผม

‘คิดถึงนะจ๊ะที่รัก’

ประโยคนี้ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดผม ยิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้ก็คิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ฟุ้งซ่านจนทำอะไรไม่ถูก นั่งนิ่ง มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พอตั้งสติได้ ถึงได้หยิบโทรศัพท์มาเข้าดูเฟซบุ๊คของธารอีกครั้ง
เฟซบุ๊คนั่นถูกตั้งเป็นไพรเวท ไม่มีการโพสต์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว และไม่แสดงว่าเป็นเพื่อนกับใครบ้าง มีเพียงวันที่สร้างเฟซบุ๊คเท่านั้นที่ยังเห็นอยู่ กับรูปโปรไฟล์ที่กดเข้าไปดูได้

รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บปวด แต่ผมก็กดเข้าไปดูรูปของธารถ่ายคู่กับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ... ตอนแรกก็อาจจะแค่ผู้หญิงคนนี้ตื๊อก็ได้ สุดท้ายธารก็ใจอ่อนอะไรแบบนี้

คิดแล้วก็วางโทรศัพท์ลงอีกครั้ง ในใจวูบไหวจนหัวสมองด้านชาไปหมด
ถึงจะมาก่อนก็เถอะ แต่ธารไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่รักกัน แถมตอนที่รักกันก็เป็นช่วงที่ธารว้าเหว่ ต้องการใครสักคนเข้ามาในชีวิต ซึ่งบังเอิญใครสักคนนั่นดันเป็นผม ซ้ำผมยังเป็นฝ่ายที่ทิ้งธารมาเรียนต่อเอง แล้วแบบนี้ผมจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร

ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด และธารมีแฟนจริงๆ แล้วผมควรทำยังไง ถอยออกมาอย่างนั้นเหรอ?

คงจะต้องอย่างนั้น ผมพูดเองนี่ว่าให้ธารชั่งใจตอนถูกธารขอเป็นแฟนเมื่อหลายปีก่อน และถ้าธารเจอใครใหม่ที่ดูแลได้ดีกว่าผม หรือรักมากกว่าผม ก็สามารถไปได้เลย พูดเองซะขนาดนั้น จะไปเรียกร้องโวยวายอะไรได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากให้ธารเป็นของใคร ไม่อยากให้ธารปันใจไปรักคนอื่น
ผมนี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย...

ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตกจนแทบทนอยู่ในห้องคนเดียวไม่ไหว เลยตั้งท่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้ผ่านคลาย ทว่าธารก็โทรวิดีโอคอลเข้ามาหาผมพอดี
ผมชะงัก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีมั้ย กระทั่งสายเรียกเข้าตัดไป ธารส่งข้อความมาบอกให้ผมรับสายแล้วโทรซ้ำมาอีก ผมเลยรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กดรับสายแล้วถอยไปนั่งพิงหมอนที่อิงอยู่กับหัวเตียง
[รับช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่]
น้ำเสียงหงุดหงิดของธารดังเข้ามาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หงุดหงิดในชุดนักศึกษาไม่แพ้น้ำเสียงปรากฏให้ผมเห็น ผมยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนโกหกคำโต
“พี่เหนือเข้าห้องน้ำมาน่ะครับ”
[อ๋อ โอเค แล้วพี่กินข้าวหรือยัง]
ธารถามสัพเพเหระเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมก็ตอบรับไปเหมือนทุกครั้งเช่นกัน สายตาก็สังเกตดูใบหน้าของธารไปด้วย

ผมเพิ่งสังเกตเห็นเอาในวันนี้ว่าธารดูโตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ภาพลักษณ์เด็กเกเรเมื่อเกือบสองปีก่อนเริ่มหายไป ก็นะ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วนี่นา ขึ้นปีสองแล้วด้วย จะไม่ให้โตขึ้นได้ยังไง
ทว่าถึงจะเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีเค้าของเด็กหัวดื้อเมื่อครั้งแรกที่ผมรู้จักให้เห็น
มองหน้าหล่อนั่นแล้ว ผมก็เกิดคิดถึงเด็กปากคว่ำ เอาแต่ใจ ขี้โวยวายคนเดิมขึ้นมา
ธารคนเดิม...คนที่รักผมสุดหัวใจ คนที่เห็นผมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนไม่อาจเสียผมไปได้
ผมคิดถึงธารใจคนนั้น... คิดถึงจริงๆ

เพราะความคิดถึงทำให้ผมเงียบ... เงียบไปดื้อๆ ไม่ได้ฟังเสียงธารที่ถามเรื่อยเปื่อยไปครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนธารเรียกชื่อผมซ้ำหลายครั้ง
“ครับ?” ผมขานรับเมื่อรู้สึกตัว
ธารย่นคิ้ว มองหน้าผมเขม็งก่อนจะถามเสียงเครียด
[ธารบอกว่าให้กำลังใจธารหน่อย วันนี้สอบตัวแรก โทรมาหาก่อนสอบก็จะมาขอกำลังใจเนี่ย แล้วนี่มัวเหม่ออะไรอยู่ วันนี้เหม่อๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำธีสิสมันหนักมากเหรอพี่]
ธารใส่มายาวเหยียด ผมเลยตระหนักได้ในตอนนี้ว่าเวลานี้มันเป็นช่วงบ่ายของประเทศไทย ส่วนที่นิวยอร์กก็เป็นเวลาห้าทุ่ม ธารบอกผมไปเมื่อหลายวันก่อนแล้วนี่นาว่าวันนี้มีสอบ อาจจะโทรมาขอกำลังใจ ผมก็ลืมไปสนิทเลยแฮะ
“ก็...นิดหน่อยครับ” ตั้งหลักได้ ผมก็ตอบรับอย่างขอไปทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
แต่ธารก็ยังเป็นธาร ผมเปลี่ยนไปนิดเดียว มันก็รู้แล้ว
[พี่เป็นอะไร]
ธารถามเสียงเครียด สีหน้าก็ดูเคร่งเครียด จับผิดผมได้ทันตา
ผมรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดที่ผุดพรายในใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะข่มน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ปรับสีหน้าให้เป็นปกติด้วยแม้ว่าการยิ้มให้มันครั้งนี้จะเป็นการยิ้มที่ฝืนที่สุดเท่าที่ยิ้มให้มันมาเลยก็ตาม
“พี่...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรครับ”
ธารไม่เชื่อ เห็นหัวคิ้วย่นยู่ของอีกฝั่งผ่านจอโทรศัพท์ก็รู้แล้วว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด
[พี่เหนือ บอกมาว่าพี่เป็นอะไร] ถามย้ำออกมาอีกครั้งด้วย
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็ว่าจะไม่คิดเรื่องนี้แล้ว แต่พอถูกธารถาม ผมก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอฉับพลัน ภาพที่เห็นก่อนหน้าวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง ใจผมนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไปเห็นอะไรมา แต่ผมกลับไม่กล้าพูดออกไป
ก็ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ แค่รักกันแต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินจากมันมาเอง เป็นคนบอกมันเองด้วยว่าถ้ารอไม่ไหวก็ไม่ต้องรอ ผมจึงทำได้แค่...
“พะ...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไร”
ตอบด้วยประโยคเดิม...
ธารเงียบ มองหน้าผมนิ่ง พลันว่าเสียงเข้ม
“ถ้าพี่ไม่เป็นอะไร แล้วที่ร้องไห้อยู่ หมายความว่าไง”
อา...นี่ผมร้องไห้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ
ยกมือขึ้นปาดขอบตาก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของธารดังขึ้นมาอีก
“ใครทำอะไรพี่ ใครทำให้พี่ร้องไห้ บอกมา”
เป็นการข่มขู่อย่างไม่พอใจที่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ก็มันไม่เคยเห็นผมเศร้าเลยนี่นา ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา มันเห็นแต่ความปัญญาอ่อนของผมอยู่ฝั่งเดียว และผมก็รู้สึกได้ด้วยว่านี่ไม่ใช่การแสร้งทำ มันเป็นห่วงผมจริงๆ ห่วงจากใจ แล้วอย่างนี้ผมจะพูดได้ยังไงล่ะว่าผม...
ผมไปเห็นว่ามันมีคนอื่น...
นอกเหนือจากนั้น จะให้ผมพูดยังไงว่าผมหึง ผมหวง ผมไม่อยากให้มันปันใจไปให้คนอื่น ถึงจะไม่ใช่แฟน แค่คุยกัน ผมก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง ผมอยากรั้งมันไว้คนเดียว อยากให้มันรอ อยากให้รักแค่ผม มองแต่ผมเท่านั้น เป็นของผมตลอดไป
แต่ผมจะพูดยังไง...
จะให้ผมบอกไปยังไงว่าผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้...
ผมเลยรีบควบคุมอารมณ์ แล้วเบี่ยงความสนใจไปเป็นเรื่องอื่นแทน ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะถามมันเพื่อเยียวยาความไม่มั่นคงในใจตัวเองทีผุดพรายขึ้นมา
"น้องธาร พี่เหนือถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ"
[อืม ถามมาสิ]
"น้องธารรักพี่เหนือหรือเปล่า"
สีหน้าธารดูงุนงงขึ้นมาฉับพลันที่ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ก่อนจะถามกลับมา
[พี่ถามทำไมเนี่ย]
สิ่งที่ผมอยากได้ยินคือการที่มันบอกรักผมต่างหาก ไม่ใช่ให้มันมาสงสัยแบบนี้ อย่างน้อยุ้ามันบอกว่ารักผม ผมก็คงจะพอหยุดความคิดฟุ้งซ่านนี้ไปได้บ้าง ตอนนี้ไม่ขออะไรเลยจริงๆ ขอแค่ได้ยินคำบอกรักเท่านั้น
"ตอบพี่เหนือมาสิว่ารักมั้ย"
[พี่เป็นอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงถามอะไรแบบนี้ ปกติไม่เคยเห็นจะถาม]
ใช่ ปกติผมไม่ถาม แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าธารกำลังเลี่ยงที่จะพูดประโยคนั้น
ก็ทำไมอะ ถ้ายังรักกัน ประโยคง่ายๆ แค่นั้นพูดไม่ได้เหรอ แค่พูดให้ผมสบายใจ ทำไม่ได้หรือไง
ความน้อยใจประเดประดังเข้ามาจนทำให้ผมต้องรีบกักเก็บอารมณ์ไว้ทันควัน ก่อนจะตั้งสติได้และถามออกไปอีก หากแต่การถามครั้งนี้ น้ำเสียงผมสั่นเครือยิ่งกว่าครั้งใด ซ้ำใจยังหวาดกลัวกับคำตอบที่จะได้รับด้วย
"น้องธาร พี่เหนือถามจริงๆ นะ เรายังรักพี่อยู่ใช่มั้ย"
แต่ธารก็ยังคลุมเครือเช่นเคย แค่มองหน้าผมแล้วพูดสั้นๆ
[ธารว่าพี่พักก่อนดีมั้ย วันนี้ดูแปลกๆ นะ]
มันจะรู้มั้ยว่าที่ผมแปลกไปก็เป็นเพราะมัน แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะอธิบายแล้ว อยากรู้แค่อย่างเดียวเท่านั้นคือมันยังรักผมหรือเปล่า
พูดสิธาร... พูดว่ายังรักกัน แล้วพี่จะลืมเรื่องฟุ้งซ่านก่อนหน้านี้ให้หมด พูดเถอะ พี่เหนือขอร้อง...
“ยังรักพี่เหนืออยู่มั้ย”
คราวนี้ผมพูดไปก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่ปกปิด ธารทำหน้าตกใจ รีบตอบทันควัน
[รักสิพี่ เป็นอะไรเนี่ย ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรพี่หรือเปล่า]
ดูเป็นห่วงเป็นใย ดูร้อนรนยิ่งกว่าครั้งไหน เข้าใจว่าคงจะตกใจที่เห็นผมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นแบบไม่ทันตั้งตัว
ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ ถึงผมจะแสดงตัวว่าเป็นที่พึ่งให้มันได้ดีแค่ไหน แต่พอมาเจอเหตุการณ์ที่เคยทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตายอีกครั้ง ผมก็อดอ่อนแอขึ้นมาไม่ได้
ผมก็เป็นคนนี่นา ไม่ใช่ยอดมนุษย์สักหน่อยที่จะทนอะไรต่อมิอะไรได้ตลอดเวลาน่ะ
[พี่เหนือ... เป็นอะไรครับ บอกธารได้มั้ยว่าใครทำอะไรพี่]
น้ำเสียงอ่อนโยนของธารกับแววตาเป็นห่วงเรียกสติผมให้กลับคืนอีกครั้ง ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
“ไม่เป็นไรแล้วครับ พี่เหนือเหนื่อยๆ เรื่องธีสิสน่ะ”
[งั้นก็แล้วไป ตกใจหมด]
สีหน้าของธารดูผ่อนคลายขึ้น จะมีก็แต่ผมที่ยังไม่ผ่อนคลาย อดใจไม่ได้จนต้องถามออกไปเป็นนัยๆ
“พี่เหนือขอถามอะไรอีกได้มั้ย”
[ถามสิ]
“น้องธารมีเฟซบุ๊คหรือเปล่า” ผมยิงคำถามออกไปโดยไม่ลีลาใดๆ
ธารนิ่งไปครู่ ก่อนว่า
[ไม่มี ไม่ได้เล่นอะ ขี้เกียจ พี่ก็รู้นี่ เคยบอกเหตุผลไปแล้วไม่ใช่เหรอ]
ผมรู้ว่าธารไม่มีเฟซบุ๊ค และธารก็ไม่คิดจะเล่น เหตุผลก็คือรำคาญพวกผู้หญิงที่ชอบแอดเฟรนด์มาชวนคุย แต่ที่ผมเห็น... มันคืออะไรล่ะ เฟซบุ๊คปลอมหรือไง แต่ถ้าเป็นเฟซบุ๊คปลอม มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
และมันก็ทำให้ผมต้องถามออกไปอีกครั้ง
“แล้วน้องธารเคยถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงคนไหนมั้ย”
[ไม่เคย]
ตอบออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาผมกำมือแน่น
ก็ผมเห็นอยู่ว่าถ่ายรูปคู่กับผู้หญิง ยังจะมาปฎิเสธอะไรอีก!
“พี่เหนือเห็นน้องธารถ่ายรูปคู่กับผู้หญิง”
สุดท้าย ผมก็อดรนทนไม่ได้ พูดออกไป ทำเอาธารย่นหน้า
[ผู้หญิงไหน]
“เดี๋ยวพี่เหนือส่งรูปให้ดูแล้วกันครับ” ก็ว่าจะเซฟรูปแล้วส่งให้ดูนั่นแหละ
ธารเลยเออออไป ท่าทางดูงงๆ ผมก็ตั้งใจว่าจะยังไม่โวยวายจนกว่าธารจะตอบให้เคลียร์ว่ารูปที่ผมเห็นนั่นหมายความว่าอะไร ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เคลียร์ ธารก็โพล่งขึ้นมาก่อน
[พี่ เดี๋ยวธารไปสอบก่อน ค่อยคุยกันนะ]
ผมเออออ อวยพรให้ทำข้อสอบได้ไปตามเรื่อง แต่ธารก็ไม่ยอมวางสาย จ้องหน้าผมนิ่งแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
[ธารไม่รู้ว่าพี่กังวลอะไรนะ แต่ธารขอย้ำอีกทีว่าขอให้เชื่อใจกัน ถึงช่วงนี้ธารจะไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่ธารก็ยังยืนยันว่ามีแค่พี่คนเดียว แล้วก็ยังรอพี่เหมือนเดิม อย่าคิดอะไรมาก โอเคนะ]
“ครับ พี่เหนือรู้แล้ว”
[รู้แล้วก็ดี ดูแลตัวเองด้วย ตาคล้ำหมดแล้วน่ะ เข้านอนได้แล้ว แล้วก็... ธารรักพี่เหนือนะครับ ไว้ธารสอบเสร็จแล้วจะโทรหา อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน เข้าใจมั้ย]
ผมยิ้มรับ ก่อนธารจะตัดสายไป ใจชื้นขึ้นมาบ้างที่ธารยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีอะไร แต่ผมก็ต้องยอมรับตามจริงว่าผมก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก ตัดความคิดที่เต็มไปด้วยรูปคู่นั่นออกจากหัวไม่ได้เลย
เซฟรูปแล้วส่งไปให้ธารเลยแล้วกัน ทิ้งข้อความเอาไว้ด้วยว่า...
‘ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร คุยกันอยู่หรือเปล่า ถ้าคุยกันอยู่ก็บอกพี่เหนือมาตรงๆ นะครับ พี่เหนือเข้าใจ’
ส่งไปแล้วก็มองข้อความนั้นนิ่งๆ ด้วยใจที่หวิว
ถึงธารจะบอกว่าให้ผมเชื่อใจ แต่ถ้าเหตุการณ์มันกลับตาลปัตร ธารตอบมาว่ากำลังคุยอยู่ ผมจะทำยังไงต่อไปดีนะ
คิดแล้วก็อดปวดใจขึ้นมาไม่ได้ มันเหมือนตอนที่ผมแสร้งทำตัวเป็นคนดี บอกกับแฟนเก่าตอนที่จับได้ว่ามันมีคนอื่น แล้วผมบอกว่าถ้ามีคนอื่น ผมจะเป็นฝ่ายเดินจากไปเองชะมัด
ใครมันจะอยากเดินจากคนที่รักสุดหัวใจขนาดนี้ไปกัน มันทรมานจะตาย แต่จะให้อยู่แบบนี้ ได้เห็นคนที่ผมรักไปข้องแวะกับคนอื่น มันก็ทรมานเหมือนกัน
แล้วผมจะทำยังไงต่อไปดี...
น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว ไหลออกมาอีกจนได้เมื่อผมนึกเอาเองว่าสักวันธารต้องไปจากผม ร้องไห้ได้สักพักก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปตามเรื่อง
มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ทึกทักไปเองทั้งนั้น ไว้ให้ธารว่างแล้วกลับมาให้คำตอบก่อนแล้วกัน อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ต้องเชื่อใจธารสิ
ธารบอกให้เชื่อใจ ก็ต้องเชื่อใจ...
ต้องเชื่อใจสินะ...
ยากชะมัด
----------------------------------------
ว่าจะมาอัพตั้งแต่เมื่อวาน ปรากฎว่าเขียนไม่จบตอน ลากยาวมายันเกือบ 7 โมงวันนี้ เอร้ยยยย ความมาราธอนนี้ TvT
ดราม่าไม่มากค่ะเห็นมั้ย แค่ฉากที่ตัดมามันม่าเฉยๆ กร๊ากกก ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ อัพวันไหนก็ไม่รู้ ช่วงนี้ยุ่งมาก ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ อย่าใจร้อนวู่วามนะ เขียนไม่ทันแล้ว หลายเรื่องจัด แงงง
พรุ่งนี้จะมาอัพตัวอย่างตอนถัดไปให้นะคะ อย่าลืมฝากฟีดแบ็คให้กันด้วยน้า ^^


หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-05-2016 07:37:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-05-2016 08:05:39
 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:

น้ำตาไหลเป็นเพื่อนพี่เหนือนะ.

กระซิก กระซิก

....
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 04-05-2016 08:14:58
  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 04-05-2016 08:58:09
บอกให้เชื่อใจ แต่ไม่อธิบาย  :sad4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-05-2016 09:25:17
ร้องไห้หนักมาก พี่เหนือสู้........
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-05-2016 10:09:45
สงสัยมีใครแอบสวมรอยตั้งเฟซ ธาร
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 04-05-2016 10:16:57
อ่านแล้วน้ำตาซึมตอนจากกัน..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-05-2016 10:32:12
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 04-05-2016 10:47:30
เห้ย!!! ไม่เอาแบบนี้ดิ ไม่เอา
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 04-05-2016 11:01:21
เขาจะร้องไปกับพี่เหนือแล้วนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2016 11:27:08
 :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-05-2016 12:01:05
 :hao5: ปาดน้ำตาอ่านหนักมากกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-05-2016 12:26:32
พี่เหนือเริ่มหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-05-2016 12:38:25
ยากเนอะ กับรักทางไกล ..... ความไว้ใจ เชื่อใจ มันคือสิ่งที่ต้องเป็น ต้องทำให้ได้ แต่จะทำได้มากแค่ไหนหล่ะ? ใจคน .... :katai5:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 04-05-2016 14:33:48
สรุปเป็นรูปน้องมายด์ที่เข้ากรุงเทพแล้วไปโมหน้ามาใหม่

ฮาเลยนะะะ 5555555

หน่วงอ่ะ พี่เหนือสู้ๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 04-05-2016 17:12:23
จากคนขายอ้อยจะเปลี่ยนเป็นโรงงานมาม่ารึคะ 55555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 04-05-2016 18:46:28
ใครว่าความห่างไกล จะทำให้อ่อนไหวง่าย ถึงบางทีจะจริงแต่ก็ไม่เสมอไป
#นะจ้ะน้องธารพี่เหนือ
เพลงก็มา คิดถึงก็คิดถึง :mew4: :mew3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่26:ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ♦P.22♦04/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-05-2016 19:19:20
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 27
ตัวอย่างตอนนี้คือเฉลยความข้องใจของตอนที่แล้วเลยนะ
สปอยล์ไปเลยแล้วกันจะได้สบายใจว่าหน่องธาร สามีแห่งชาตินี่ใสสะอาดบริสุทธิ์ 555
บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันนิยายตลกกก มาม่าอะไรคือภาพลวงตา กร๊ากก
ตอนหน้าคือตอนสุดท้ายแล้วนะคะ อาจจะมาอัพไม่วันพรุ่งนี้ก็มะรืนเน้อ
จากนั้นก็จะอัพบทส่งท้าย 2 ตอน แล้วก็บรรดาตอนพิเศษค่ะ 
เจิมแล้วปูเสื่อรอได้เลย เดี๋ยวมาอัพให้นะ
-----------------------------------------------

“เพราะไอ้รูปบ้าๆ นั่นน่ะเหรอ พี่เลยหนีธาร”
“คือ...”
“ไม่เชื่อใจกันทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร เพราะไอ้รูปนี้เนี่ยนะ!” ธารเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

ผมเกรงว่าคนอื่นจะมาได้ยิน เลยรีบตรงเข้าไปจับมือธารไว้ แล้วปลอบให้ใจเย็นๆ
“พี่เหนือขอโทษครับ เห็นแล้วมันคิดมากน่ะ ก็พี่เหนือกับน้องธารอยู่ห่างกันอย่างนั้น มันก็อดคิดไม่ได้ ลองคิดกลับกันดูสิว่าถ้าน้องธารเห็นพี่เหนือถ่ายรูปคู่กับผู้ชายอื่นที่น้องธารไม่รู้จักแบบสนิทสนม น้องธารจะคิดยังไง”
ธารเงียบไป แต่ก็ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“แม่งเอ๊ย ทำไมพี่ดูไม่ออกวะ”
ไม่รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้ผมต้องย่นคิ้วเมื่อมันพูดขึ้นมาอีก
“ดูอะไรไม่ออกครับ”
“ก็ไอ้ผู้หญิงที่อยู่ในรูปไง พี่ดูไม่ออกเหรอว่าเป็นใคร”
“ใคร”

ผมยังไม่เข้าใจที่ธารพูดอยู่ดี ธารจ้องหน้าผม ยกมือขึ้นมาประคองซีกหน้าผมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่เหนือ ที่ธารไม่อธิบายอะไรเกี่ยวกับรูปนี้ เป็นเพราะธารคิดว่าพี่รู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นใคร แต่ไม่คิดว่าพี่จะดูไม่ออกถึงขนาดนี้ ไม่ได้เจอมันแค่สองปีเองนะ พี่ดูไม่ออกจริงๆ เหรอ”
“แล้วเป็นใครล่ะครับ”
ผมเริ่มระแวงขึ้นมาละว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหนึ่งในเพื่อนของธาร แล้วก็ดูท่าจะจริงซะด้วยเมื่อธารยกยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างขบขันที่เห็นผมทำหน้าเหมือนจะเข้าใจอะไรได้ขึ้นมา
“ยะ...อย่าบอกนะว่านั่น...น้อง...”
“เออ ไอ้ไม้” พูดยังไม่ทันจบ ธารก็โพล่งออกมาแล้ว

ผมอ้าปากค้าง นึกถึงหน้าใสๆ ของผู้หญิงทันใด
ดะ...เดี๋ยวนะ มึงน่ารักขึ้นมาขนาดนี้ได้ไง หมดไปกี่ล้าน ตอบ!

แต่ผมก็ไม่ได้คำตอบนั้นหรอก นอกจากธารที่หลุดหัวเราะลั่น แล้วเลื่อนมือมายีเส้นผมของผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่นี่แม่ง หึงใครไม่หึง ไปหึงไอ้ไม้ หนีธารไม่พอ ยังกลับมาไทยไม่บอก แถมเลิกติดต่อกับธารเพราะมันอีก สมองหมาฉิบหาย ขนลุกเลยเนี่ยเห็นมั้ย”
พูดไป หัวเราะไป ก็ด่าไปด้วย ส่วนผมเหวอกิน ทำหน้าไม่ถูก
สมองหมาจริงๆ หึงใครไม่ถึง ไปถึงอีตุ๊ดนรกนั่น แต่ก็แหม... ใครจะไปรู้ว่ามึงจะทรานส์ฟอร์มเป็นสาวน้อยหน้าใส ดูคิกขุอาโนเนะแบบนั้นได้ในเพียงเวลาแค่ปีสองปีล่ะวะ!
หมอสมัยนี้แม่งเก่งเทพเกินไปแล้ว

ธารหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล พอหยุดได้ก็คว้ามือผมไปจับแล้วออกเดิน
“ไปกันได้แล้ว”
“ไปไหนครับ” ผมถามด้วยจู่ๆ ธารก็ลากผมไปโดยไม่บอกกล่าว
ธารหันหน้ามามองนิดนึง ยิ้มให้ผมแล้วว่าสั้นๆ
“พาไปเจอคนที่ทำให้พี่หึงจนจะทิ้งธารนี่ไง ไปได้แล้ว อย่าถามมาก”



 
ลากผมขึ้นรถ โทรหาน้องมายด์ให้มาเจอกันที่ห้างใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เลือกร้านที่นัดเจอกันไว้เรียบร้อย ผมก็รอการมาถึงของน้องมายด์อย่างใจจดจ่อ ตื่นเต้นเหมือนกันที่ไม่ได้เจอน้องมายด์นาน ตาก็มองหาไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะมองเห็น เสียงของน้องมายด์ก็ดังลั่นร้านก่อนแล้ว
“ธารจ๋า เมียรักอยู่นี่จ้า”

ผมกับธารหันไปยังต้นเสียงทันที ไม่ใช่แค่เราทั้งคู่หรอกที่หันไปมอง คนอื่นในร้านก็หันไปมองเช่นกัน แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นน้องมายด์ที่ตัวล่ำบึ้กไม่ต่างจากตอนเรียน ปวช.แม้แต่น้อยเดินปรี่เข้ามาหา ต่างกันก็แค่มันไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มเด็กช่าง แต่ใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงแบบกระโปรงพลีทที่สั้นจนเป็นกระโปรงเซเลอร์มูน ใส่ส้นสูง ผิวขาวขึ้น หน้าตาดูคิกขุขึ้น แต่...

ทำไมตัวจริงมึงไม่เห็นใสเหมือนในรูปที่กูเห็นเลยวะ! ในรูปอย่างน่ารักเถอะ ตัวจริงที่แม่งกระเทยควายชัดๆ!

อภินิหารกล้องฟรุ้งฟริ้งล่ะสินะ

อะไรไม่ว่า พอมันเดินเข้ามาหาพวกผม สายตาผมก็มองไปที่หน้าอกดูมๆ ของมันที่เด้งไปมาซ้ายทีขวาทีทันใด

แหม ไม่เจอกันนาน นมโตขึ้นเยอะเลยนะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-05-2016 19:51:54
เคลียร์ด่วนเลยธาร!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2016 20:25:04
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-05-2016 21:21:02
รักระยะไกลมันก็มีอุปสรรคแบบนีัแหละค่ะ
ต้องอดทนใหมากๆ มั่นคงให้เยอะๆ
เคสนีัหวังว่าจะจบลงด้วยดี อิคนอ่านอยากดูการขายอ้อยอีก 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-05-2016 23:41:59
เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-05-2016 07:32:52
อภินิหารกล้องฟรุ้งฟริ้งช่างน่ากลัวนัก เกือบไปแล้วนะธาร แต่นั้นใช่นายไม้จริงๆ หรือนี่ แอ็บเดี๋ยวนี้ทำได้ทุกอย่างจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-05-2016 09:28:21
มีความฮา ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 05-05-2016 10:44:09
ขอตัวไปบึ้มโรงงานอิกล้องฟรุ้งฟริ้งนี่ได้ไหมคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-05-2016 13:59:35
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-05-2016 15:03:32
กล้องฟรุ้งฟริ้ง ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: narakarr ที่ 05-05-2016 21:00:36
ตอนท่แล้วอ่านไปแล้วโครตหน่วงจิต พอมาเจอฉากนี้เข้านี่มัน..........

กร๊ากกกกกกก ขำอย่างแรง

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 05-05-2016 23:44:12
เอ่าาา มีความเดาถูก

ฮาลั่นนนนนนนน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 06-05-2016 14:57:47
อิน้องมายด์ ทำพิษ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 06-05-2016 21:13:00
5555555ฮาตัวอย่าง
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 06-05-2016 22:41:53
ชั่งใจ ครั้งที่ 27: เป็นแฟนธารนะพี่[1]

ส่งข้อความไป ผมก็รอธารติดต่อกลับมาอย่างใจจดจ่อ ทว่า...
ไม่ติดต่อกลับมา ข้อความขึ้นว่าเปิดอ่าน แต่ไม่ติดต่อกลับมา

ทำไม!?

นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาอธิบายว่ารูปที่ผมเห็นนั่นคืออะไร โทรไปก็ปิดเครื่องตลอด เกิดอะไรขึ้น?

ผมนั่งกำโทรศัพท์แน่น สายตามองหน้าจอโทรศัพท์อย่างหัวเสีย หงุดหงิดที่ติดต่อธารไม่ได้ ไม่ว่าจะโทรไป ส่งข้อความไป ก็ไม่สามารถติดต่อธารได้เลย ฝั่งนั้นปิดโทรศัพท์ลูกเดียว ส่งข้อความไปก็ไม่ขึ้นเปิดอ่าน พอไปติดต่อจอมแก่นกับโรมผ่านทางเฟซบุ๊ค ขอให้ช่วยติดต่อธารให้บ้าง พวกนั้นก็บอกว่าติดต่อธารไม่ได้เหมือนกัน แม้แต่ขอเบอร์คุณธีมา ขอร้องให้คุณธีโทรหาธาร คุณธีก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้

ทำไมกัน จู่ๆ หายไปแบบนี้มันแปลกๆ นะ ถ้าจู่ๆ ติดต่อไม่ได้แบบนี้ ผมคิดได้สองทางเท่านั้น คือโทรศัพท์ธารอาจจะหายหรือมีปัญหา อีกทางคือ ธารกำลังหนีผมอยู่
ตอนแรกผมก็คิดว่าอย่างแรก เลยได้แต่รอให้ธารติดต่อกลับ เพราะคิดว่าธารน่าจะมีเบอร์ผมที่นี่ ถ้าโทรศัพท์หาย ยังไงก็จำเบอร์ผมได้อยู่แล้ว แต่มันก็แค่การคาดเดาของผมเอง ไม่แน่ว่าอาจจะจำไม่ได้ก็ได้ ด้วยตอนที่ผมให้เบอร์ธาร ธารก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก นอกจากเซฟไว้ในโทรศัพท์ แล้วก็ไม่เคยโทรหาด้วยเบอร์นั้นด้วย โทรผ่านโปรแกรมแชทอย่างเดียวเพราะไม่ต้องเสียค่าโทร

หรือว่าจะหนี ไม่ยอมตอบคำถามจริงๆ หรือว่าสิ่งที่ผมคิดว่าธารคุยกับคนอื่น มันจะเป็นเรื่องจริง แบบว่าพอผมจับได้ ก็ถือโอกาสสลัดผมทิ้งไปเลยอะไรแบบนี้?

ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ ผมเลยพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง นั่งทำธีสิสต่อด้วยสองวันที่ผ่านมา ผมเอาเวลาไปกังวลเรื่องธารไม่หยุดหย่อนจนงานไม่เดินเลยแม้แต่น้อย ทว่าต่อให้พยายามทำแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับมันได้แม้แต่น้อย ต้องปิดไฟล์งานลง นั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมสมาธิ
สงสัยวันนี้คงจะต้องพักก่อน ดันทุรังไปก็เท่านั้น นอนเลยก็แล้วกัน

คิดว่าจะนอน แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้นอนเพราะจู่ๆ โทรศัพท์ก็ส่งเสียงข้อความเรียกเข้าจากเฟซบุ๊ค ผมกดดูก็เห็นว่าเป็นกั้งกับยีนส์ที่ดึงผมเข้าไปอยู่ในกลุ่มสนทนาส่งข้อความมา ผมเลยคุยกับพวกมันแก้เบื่อ เรื่องที่คุยก็ไม่มีอะไร คุยกันเรื่อยเปื่อยจิปาถะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียนของผม กับเรื่องงานของพวกมันมากกว่า ตอนนี้พวกมันทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งด้วยกัน แล้วก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดิมด้วยกันเช่นกัน
ทว่าผมก็ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พวกมันคุยกันมากเท่าไหร่ แวบมาดูกล่องสนทนา แล้วก็แวบไปดูเฟซบุ๊คชาวบ้านด้วย ก่อนจะฉุกใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เท่านั้น นิ้วมือก็พิมพ์ชื่อเฟซบุ๊คของธารลงในช่องค้นหาทันที

ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดูทำไม รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บ แต่อันที่จริงก็เจ็บน้อยลงแล้วล่ะด้วยไม่เห็นว่าเฟซบุ๊คนั้นมีการเคลื่อนไหวอะไร ก็ผมเข้าไปดูแทบทุกวัน ไม่เห็นจะมีโพสต์อะไรขึ้นเลย รูปก็ยังเป็นรูปเดิม
หากแต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม รูปโปรไฟล์เปลี่ยนไป จากรูปผู้หญิงผมสั้นระต้นคอคนนั้นกอดคอธาร วันนี้เปลี่ยนเป็น...หอมแก้ม

อะไรน่ะ!?

ผมชะงักเลย หัวคิ้วย่นยู่ ใจเต้นถี่เร็วด้วยตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ใจก็หายวาบด้วยเถอะ ไม่ใช่ใจหายอย่างเดียวด้วยแล้วตอนนี้ เห็นสีหน้าธารที่ดูหงุดหงิดขณะถูกผู้หญิงคนนั้นหอมแก้ม ผมก็ปวดหนึบในใจขึ้นมา อะไรไม่ว่า ตอนนี้เฟซบุ๊คนั้นเปิดเป็นสาธารณะ มีโพสต์ขึ้น ส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายของผู้หญิงคนนั้นคู่กับธาร

คู่กับธาร...ในห้องสองต่อสอง

รูปธารทีเผลอก็มี และอีกหลายๆ รูปที่ดูก็รู้ว่าส่วนตัวสุดๆ ที่สำคัญ ใต้รูปนั้นมีคำบรรยายด้วยถ้อยคำหวานหยดย้อย หากแต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่เท่ากับการได้เห็นรูปธารนอนหลับแบบถอดเสื้อ แล้วผู้หญิงคนนั้นไปถ่ายรูปคู่ด้วยบนเตียง

‘ขอบคุณที่มาอยู่ด้วยกันตลอดสองวันนี้นะจ๊ะที่รัก’

อ่านแล้ว มือผมก็สั่นเทาทันที สติแทบจะหลุดลอยไปเมื่อจับต้นชนปลายถูก
ที่ธารหายไป ไม่ติดต่อผมมาตลอดสองวันที่ผ่านมา คือไปอยู่กับผู้หญิงคนนี้เหรอ?
ต้องใช่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะมีรูปนี้หลุดมาได้ยังไง แถมรูปนี้ก็ขึ้นวันที่ว่าอัพวันนี้ รูปก่อนหน้าก็เป็นของสองวันก่อนทั้งนั้น
ผมรีบกดเข้าไปดูเฟซบุ๊คของผู้หญิงคนนั้นที่แท็กรูปธารมาทันที ทว่าเฟซบุ๊คนั้นปิดเป็นไพรเวท ทำให้ผมไม่สามารถเข้าไปดูข้างในได้แม้แต่ข้อมูลส่วนตัว เห็นแต่รูปโปรไฟล์ที่ถ่ายคู่กับธาร และชื่อของผู้หญิงคนนั้นเป็นภาษาอังกฤษบนหัวเฟซบุ๊ค

มาการ์เร็ต...

ถ้าหน้าตาไม่น่ารักจุ๋มจิ๋มประหนึ่งเน็ตไอดอลล่ะก็ ผมคงจะด่าว่ามาการ์เร็ตป้ามึงไปแล้ว แต่น่ารักไง ผมเลยต้องเก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้ ซ้ำจริงๆ แล้ว ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรด้วย ก็ธารไม่ได้เป็นของผม ไม่ได้เป็นแฟนผม ผมจะไปออกอาการหึงหวงแบบออกหน้าออกตาได้ยังไง

และสวรรค์คงจะยังไม่สาแก่ใจ เห็นรูปคู่ธารกับผู้หญิงคนนั้นแบบแนบชิดกับข้อความหวานหยดย้อยไม่พอ ยังมาเห็นคอมเม้นต์ของจอมแก่นกับโรมที่มาคอมเม้นต์ให้รูปคู่ที่ธารถอดเสื้อนอนบนเตียงอีก

‘สวีทกันจริงนะ ว่างๆ มาเจอกันหน่อยสิ คิดถึง’
อันนี้คอมเม้นต์ของจอมแก่น

‘เบื่อผัวเมียคู่นี้จริงๆ เลิกทะเลาะกันแล้วสินะถึงได้ไปอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้’
ส่วนอันนี้ของโรม

ไหนพวกมันสองคนบอกว่าติดต่อธารไม่ได้ไง แล้วทำไมถึง...

ผมไม่อยากคิดเลยว่าจอมแก่นกับโรมก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แบบว่าช่วยธารปิดผมว่าธารมีคนอื่นอะไรแบบนี้
จะปิดผมทำไม ปิดไปเพื่ออะไร มีคนอื่นก็บอกสิ บอกมาเลย ผมจะไปเอง

คิดแล้วความน้อยใจก็ประดังประเดเข้ามา น้ำตาที่ไม่ได้ไหลมาตลอดสองวันก็เริ่มไหลอาบหน้าอีกแล้ว หูไม่สนใจเสียงข้อความของยีนส์กับกั้งอีกต่อไป ผมวางโทรศัพท์ลง ปิดเครื่องแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด จากที่ร้องไห้เงียบๆ ก็กลายเป็นปล่อยโฮสุดเสียง สองมือยกขึ้นปิดใบหน้า ร้องไห้ราวกับจะขาดใจให้ได้

ไม่ได้ร้องไห้อย่างนี้ตั้งแต่จับได้ว่าแฟนเก่าคนล่าสุดนอกใจผมมานานแล้ว ไม่ยักจะคิดว่าสักวันผมจะต้องมาร้องไห้ให้กับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันได้

ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เราแค่รักกัน ทว่าตอนนี้... เหมือนผมจะเป็นฝ่ายเดียวที่ยังรักและซื่อสัตย์กับธารซะแล้วสิ

แต่ก็อย่างว่า ผมจะทำอะไรได้ล่ะ เป็นคนทิ้งธารมาเอง เลือกเอง บอกให้ธารไปเองถ้าเจอคนที่ดีกว่าผม แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากเดินออกมาและจากไปเงียบๆ
แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะว่าไม่มีที่ว่างให้ผมได้ยืนข้างธารแล้ว ในเมื่อธารเจอคนที่ดีกว่า ผมก็คง...

ต้องไป...

ร้องไห้จนตัวโยน ร้องจนแทบไม่มีเรี่ยวแรง พอตั้งสติได้ ผมก็แกะฝาโทรศัพท์ เอาซิมส์ออกแล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ไยดี ก่อนถอยกลับมานั่งนิ่งบนเตียง ปล่อยให้สายตาทอดมองไปอย่างไม่มีจุดหมาย
มันจบแล้วสินะ จบทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ผมมารู้เองอย่างนี้ ไม่อย่างนั้น ธารก็คงไม่ยอมบอกผม และกว่าผมจะรู้ความจริง มันก็คงจะสร้างบาดแผลให้ผมเจ็บปวดมากกว่านี้แน่นอน

ดีแล้วที่ถอยออกมา...

ปลอบใจตัวเองไปมา น้ำตาก็ไหลเอ่อขอบตาอีกครั้ง เจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องปล่อยมือคู่นั้น ผมอุตส่าห์ดูแลประคับประคองเด็กคนนั้น แต่ธารก็โตแล้วนี่นะ... โตพอที่จะเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีผมได้แล้ว ผมก็เดินกับธารมาได้แค่นี้แหละ

จากนี้...ก็คงจะต้องขอให้น้องธารของผมโชคดี
ผมเองก็คงต้องตั้งหลัก แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อตัดใจเหมือนกัน
 



ตัดใจ... ใครๆ ก็พูดได้ พูดน่ะมันง่าย แต่ทำจริงมันง่ายซะที่ไหน

ผมเลยปิดช่องทางการติดต่อทุกอย่างเพื่อที่ธารจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับผมให้ผมทำใจไม่ได้อีก แต่จะบอกว่าปิดช่องทางการสื่อสารมันก็ไม่เชิง ผมแค่เลิกเล่นเฟซบุ๊ค ปิดโทรศัพท์ตลอดเวลา จะติดต่อใครแต่ละทีก็มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายติดต่อไป แล้วก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตั้งใจทำธีสิสเพื่อให้ลืมธาร แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่นัก ขนาดผ่านมาหลายเรียนกระทั่งผมเรียนจบ รับปริญญาอะไรเรียบร้อย จนมีกำหนดวันกลับประเทศไทยแล้ว ผมยังลบภาพใบหน้าของธารออกจากใจไม่ได้เลย

หลับตาก็เห็น นอนก็ฝันเห็น สมองว่างจากการคิดเรื่องเรียนก็ดันไปคิดเรื่องมันอีก หลอกหลอนจนผมคิดว่าตัวเองจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

หลอกหลอนหนักกว่าเดิมอีกเมื่อผมโทรบอกกับพ่อแม่ว่าจะขึ้นเครื่องกลับบ้านเกิดอีกไม่กี่วันข้างหน้า แล้วพ่อกับแม่บอกว่าธารแวะมาหาที่บ้าน พร้อมกับมาโวยวายว่าติดต่อผมไม่ได้ ผมเลยต้องรีบกำชับพ่อกับแม่ไปว่า ต่อให้ธารมากอดขาอ้อนวอน ก็อย่าให้เบอร์ผมไปเด็ดขาด แล้วก็อย่าบอกธารด้วยว่าผมกำลังจะกลับไป

[แต่น้องธารน่าสงสารมากเลยนะเหนือ แวะมาหาแม่ที่บ้านทุกวัน ติดต่อน้องมันบ้างสิลูก]
แม่บ่นเมื่อได้ยินผมยืนกรานหนักแน่นว่ายังไงก็ให้ธารรู้ว่าผมจะกลับไปไม่ได้ ผมเลยถอนหายใจออกมาเต็มแรง
“ธารเค้ามีแฟนแล้ว อย่าให้เหนือไปยุ่งด้วยเลย”
[หมายความว่ายังไงที่ว่ามีแฟนแล้ว เหนือเป็นแฟนน้องธารไม่ใช่เหรอ]

ถามมาอย่างนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง ก็พ่อกับแม่เข้าใจว่าธารเป็นแฟนผมนี่นา จู่ๆ จะให้ไปบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เป็น แค่รักกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็แปลกๆ ผมเลยตัดบทเอาดื้อๆ
“ช่างเถอะแม่ อย่าไปสนใจเลย สนใจที่เหนือพูดเถอะ อย่าไปบอกธารนะว่าเหนือจะกลับไปวันไหน ไม่งั้นเหนือเจอเรื่องยุ่งยากแน่”
[ได้ๆ ไว้น้องธารมาหาอีก แม่จะบอกว่าเหนือยังไม่กลับ จะอยู่เที่ยวก่อนแล้วกันนะ ว่าแต่...เหนือโอเคนะลูก]
แม่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมฟังแล้วก็ใจสั่นขึ้นมา อยากจะร้องไห้คร่ำครวญความเจ็บปวดนี้ให้แม่ฟังเหลือเกิน ทว่าก็ทำได้แค่กลั้นน้ำตาและข่มน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“เหนือไม่เป็นไรครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
แม่ก็เออออไป ชวนคุยเรื่องอื่น ส่วนใหญ่ก็เตือนให้ผมอย่าลืมเก็บข้าวของกลับมาไทยให้หมด อย่าหลงลืมอะไรเอาไว้นั่นแหละ ผมก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ก่อนจะเอะใจขึ้นมา

เอ...ก่อนหน้านี้แม่บอกว่าธารมาหาที่บ้านทุกวัน บ้านผมอยู่กรุงเทพฯ บ้านธารอยู่พิษณุโลก แล้วธารก็เรียนอยู่ที่พิษณุโลก จะมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านทุกวันได้ยังไง อย่าบอกนะว่าโดดเรียนมา?

คิดแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าธารทำแบบนี้จริง ก็เท่ากับว่าขาดเรียนมาหลายวันเลยนะ นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากให้ธารทำมากที่สุดเลยด้วยไอ้การทิ้งการเรียนมาเพื่อผมเนี่ย ถึงในใจจะรู้สึกดีนิดหน่อยที่อย่างน้อยมันก็พอจะเห็นผมสำคัญบ้าง

แต่แล้วไงล่ะ สำคัญแล้วไง ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้ว
ผมก็เลยไม่คิดจะถามแม่ว่าทำไมธารถึงมาหาทุกวันได้ ได้แต่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นเลือนหายไปพร้อมกับการพยายามลืมผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดรองจากพ่อไปด้วย
 



กลับมาไทยได้ไม่ถึงวัน ผมก็ไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้แม้ว่าพ่อกับแม่จะคิดถึงผมมากแค่ไหนก็ตาม

ก็ใครมันจะไปอยู่ได้ล่ะ ห้องนอนของผม ครั้งหนึ่งมันเคยมีธารอยู่นี่นา ถึงตอนนี้ธารจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่นของไอ้เด็กเวรนั่นอบอวลอยู่ ทำให้ผมอยู่บ้านตัวเองไม่ได้ อยู่แล้วจะลงแดงตาย ผมเลยขอพ่อกับแม่ไปนอนที่คอนโดฯ ไอ้กั้งเป็นการชั่วคราว จากนั้นก็จะย้ายไปอยู่หอพักถ้าหากหาที่เหมาะๆ ได้ ถึงพ่อกับแม่ผมจะไม่เห็นด้วยที่ผมไม่ยอมอยู่บ้านทั้งที่เพิ่งกลับมา ทว่าก็เข้าใจว่าตอนนี้จิตใจผมไม่เป็นปกติ เลยยินยอมให้ไปแต่โดยดี

ยอมรับว่าอยู่กับไอ้กั้งทำให้ผมพอจะหายฟุ้งซ่านไปได้บ้าง เพราะมันมีคำแนะนำดีๆ ให้ผมเสมอ แม้ว่าคำแนะนำของมันจะมาพร้อมกับคำด่าก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านหรืออยู่คนเดียวแล้วปล่อยให้ฟุ้งซ่านแหละวะ

และเพราะกั้งรู้ว่าผมกับธารจบกันแล้ว ยีนส์ก็เลยรู้เรื่องด้วยอีกคน แวะเวียนมาหาผมที่คอนโดฯ กั้งทุกวัน บางวันก็มานอนค้าง มาอยู่คุยเป็นเพื่อนผมด้วย ทำให้ผมพอจะคลายความเศร้าไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะตอนที่พวกมันต้องไปทำงานและไปเรียน พออยู่คนเดียว ผมก็คิดมากอีก ยิ่งแม่โทรมาบอกไม่เลิกว่าธารแวะมาหาทุกวัน พวกมันก็เริ่มกังวลกันว่าผมอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า และอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ พวกมันเลยโทรไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาที่สนิทกันสมัยที่พวกเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยให้ช่วยแนะนำงานให้ผม ให้ผมได้มีอะไรทำ จะได้ไม่คิดมาก

อาจารย์ทราบปัญหาก็เลยชักชวนผมไปสมัครเป็นนักศึกษาช่วยสอน หรือที่เรียนกว่า TA ย่อมาจาก Teaching Assistant นั่นแหละ เพราะอาจารย์ขาดคนอยู่ ปกติแล้วจะรับนักศึกษาปริญญาโทที่เรียนอยู่ในเอกที่อาจารย์ดูแลอยู่เท่านั้น ทว่าผมสำหรับผมเป็นกรณีพิเศษ ก็อย่างที่บอกว่าสนิทกับอาจารย์ และโปรไฟล์การศึกษาผมก็ดีพอที่จะการันตีได้ว่าสามารถสอนหนังสือได้ดีและมีความรู้ในเรื่องที่จะสอนจริง ผมเลยได้กลับไปทำงานในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองจบ ป.ตรี มา ถึงจะเป็นงานพาร์ทไทม์ ไม่ได้เป็นงานประจำ แต่ผมก็เห็นด้วยว่ามันมีประโยชน์พอที่จะทำให้ผมลืมเรื่องของธารไปได้

ก็พอจะลืมไปได้บ้างน่ะ ไม่ได้ลืมไปทั้งหมดหรอก... ก็ยังคิดอยู่ ยังคิดถึง ยังอยากเจอ แต่ถ้าจะให้ไปเจอ ผมคงไม่ไปแล้ว ถ้าเจอแล้วต้องเจ็บปวดกว่านี้ สู้ปล่อยให้ผมคร่ำครวญอยู่คนเดียวให้พอ แล้วให้เวลาเยียวยาจนกว่าจะเลิกรักธารไปเองจะดีกว่า
ผมเลยใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการวางแผนการสอน เพราะผมต้องมารับหน้าที่ต่อจากทีเอคนเก่าที่เพิ่งออกไป วิชาที่ผมได้สอนก็คือภาษาอังกฤษสำหรับวิศวกร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอก หลักๆ ก็มีเรื่องการสอนสนทนา กับคำศัพท์ที่ใช้ในวงการนี้ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากนัก อาทิตย์หน้าก็พร้อมไปสอนแล้ว

ผมกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้กลับมาในฐานะนักศึกษา แต่กลับมาในฐานะผู้สอน อาจารย์ที่ปรึกษาโทรมาบอกผมว่าให้ผมไปใช้ห้องพักของเธอที่ตึกคณะได้ และเนื่องจากวันนี้เธอต้องไปสอนที่ศูนย์อื่นของมหาวิทยาลัย เธอจึงไหว้วานให้นักศึกษาของคณะวิศวะฯ ซึ่งรับหน้าที่เป็นตัวแทนของนักศึกษาในเซคชัน คอยประสานงานเรื่องต่างๆ มาช่วยงานผม

เรื่องที่ให้ช่วยก็ไม่มีอะไร แค่เอาใบรายชื่อนักศึกษาทั้งคลาสมาให้ กับวานให้เอาเอกสารที่ผมจะสอนไปถ่ายเอกสารสำหรับแจกให้นักศึกษาคนอื่นในห้องน่ะ

แต่ด้วยความที่ผมไม่เคยเจอนักศึกษาคนนี้มาก่อน ติดต่ออะไรก็ติดต่อผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสิ้น และวันนี้เธอไม่อยู่ เธอเลยนัดนักศึกษาคนนั้นให้มาหาผมก่อนคลาสจะเริ่มในตอนเช้าที่ห้องพักอาจารย์ที่ตึกคณะ ผมเลยต้องไปยังที่หมายแต่เช้าเพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว
เข้ามาในห้อง นั่งอ่านบทเรียนที่จะเอาไปสอนในคลาสแรกได้สักพัก เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตรงไปเปิดประตู ร่างใหญ่ของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ สวมเสื้อช็อปสีกรมท่าซึ่งเป็นสีเสื้อช็อปของคณะวิศวะฯ ประจำมหาวิทยาลัยก็ปรากฏให้เห็น ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าหากว่าคนตรงหน้าผมนั้น ไม่ใช่...

“นะ...น้องธาร”

ธารจริงๆ ธารใจตัวเป็นๆ ไม่ผิดเพี้ยน!

ผมอึ้งงัน แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น คนที่ผมคิดถึงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นตัวเป็นตนให้จับต้องได้ ผมเกือบจะพุ่งเข้าไปกอดธารอย่างลืมตัวแล้วถ้าหากว่าไม่ตั้งสติได้ก่อน ส่วนธารก็มองผมอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องด้วยความรวดเร็ว ผลักประตูปิดแล้วจัดการล็อคลูกบิด วางเอกสารที่ถือเข้ามาลงบนโต๊ะเต็มแรง

“รายชื่อนักศึกษา อาจารย์แพรวให้เอามาให้”
ว่าขึ้นมาห้วนๆ ส่วนอาจารย์แพรวก็คือชื่อเล่นของอาจารย์ที่ปรึกษาผมซึ่งสอนวิชาที่ผมกำลังจะไปสอนแทน
ผมไม่แปลกใจนักหรอกหากธารจะรู้จัก เพราะถ้าเป็นเด็กในคลาส ยังไงก็ต้องรู้จักอาจารย์ประจำวิชาอยู่แล้ว แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ ธารมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงต่างหาก!?
“น้องธาร... นี่มันอะไร” ผมครางออกมาราวกับสติหลุด
ธารตวัดดวงตาคมมามองผมอย่างเคืองๆ ปากก็เผลออ้า เปล่งคำพูดสวนมา
“ธารต้องเป็นงฝ่ายถามพี่ต่างหากว่าที่พี่ทำมันหมายความว่าไง ทำไมจู่ๆ ถึงเลิกติดต่อธาร แล้วทำไมถึงกลับมาไทยไม่บอก สั่งพ่อแม่พี่ไม่ให้บอกธารว่าพี่อยู่ไหนทำไม พี่มีคนอื่นเหรอ ทำไมถึงได้หนีธารแบบนี้ ถ้าธารไม่เห็นชื่อพี่ในคอร์สเอาท์ไลน์ใหม่ที่อาจารย์แพรวให้มา ธารจะรู้มั้ยว่าพี่มาเป็นทีเอที่นี่ พ่อแม่พี่ก็ปากแข็งเถอะ ถ้าไม่บังเอิญขนาดนี้ ชาตินี้ก็คงไม่ต้องได้เจอกันแล้วมั้ง แล้วนี่ธารทำอะไรผิด ทำไมถึงทิ้งกันไปแบบนี้!”

เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนคำถามที่มากขึ้น ผมตัวแข็งค้าง คำถามพวกนั้นควรจะเป็นสิ่งที่ผมถามมากกว่า แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเอ่ยปากออกไปไม่ได้ รู้สึกราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ สมองก็งงงัน เอ๋อกินไปชั่วขณะ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าธารมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมใส่เสื้อช็อปของมหาวิทยาลัยผม ไหนว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดพิษณุโลก

นะ...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?

“ยังไม่ตอบอีก จะต้องให้ถามซ้ำอีกกี่ครั้งว่าทิ้งธารทำไม! บอกมาสิพี่เหนือ พี่ทิ้งธารทำไม!”

คนที่ทิ้งกันน่ะ มึงต่างหากเว้ย!

อยากจะตะโกนใส่หน้ามันไปอย่างนี้ แต่เอาเข้าจริง ผมก็ไม่พูดอะไร ธารเลยตะเบ็งเสียงใส่ผมไม่หยุด
“บอกมาสิพี่เหนือ ธารผิดอะไร มีคนอื่นใช่มั้ยถึงจะทิ้งกันไปแบบนี้!” สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเจ็บปวดแค่ไหน
ผมสับสนขึ้นมาทุกขณะจิต อารมณ์หลากหลายปนเปในหัวกันไปหมด ทั้งดีใจที่ได้เจอธาร ดีใจที่รู้ว่ามันก็รอผมแล้วเป็นฝ่ายโวยวายผมแทนที่ผมจะโวยวายใส่มันเรื่องมีคนอื่นด้วย แต่ก็เจ็บที่ได้เห็นหน้ามันตรงนี้ เจ็บยิ่งกว่าเมื่อนึกถึงรูปของมันกับผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะพยายามตั้งสติ ถามสิ่งที่ผมควรจะรู้เป็นอันดับแรกออกไปก่อน
“ละ...แล้วทำไมน้องธารถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”
สิ่งนี้แหละที่ผมควรรู้
ธารหายใจแรงหลายครั้งติดกันราวกับพยายามควบคุมให้เป็นปกติ ก่อนจะว่าเสียงเขียว
“ก็เรียนอยู่ที่นี่ จะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะวะ”
ผมเบิกตาโตราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“เรียนอยู่ที่นี่? มาเรียนได้ไง ก็น้องธารมอบตัวไปแล้ว”

หมายถึงมอบตัวกับมหาวิทยาลัยที่มันสอบได้ในพิษณุโลกไปแล้วน่ะ วันที่มันไปมอบตัว ผมก็ไปด้วยเถอะ

ธารชักสีหน้าใส่ผมอีกครั้ง “ก็สละสิทธิ์แล้วมาสอบที่นี่ไง สอบรอบรับตรง เห็นมีเปิดรับสมัครอยู่ก็เลยมา เคยบอกพี่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ไม่เคย” ผมเถียงทันควัน
ก็ไม่เคยจริงๆ ผมเพิ่งจะรู้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละว่ามันสละสิทธิ์จากที่นั่นแล้วมาสอบเข้าที่นี่
ธารยู่หน้าโดยพลัน
“ก็เคยบอกแล้วว่าเรียนหลักสูตรนานาชาติ พี่นี่สมองหมาหรือเปล่าวะ หลักสูตรนานาชาติวิศวะฯ นี่มันมีกี่มหา’ลัยกันเชียว!”
คิดขึ้นมาได้ทันทีว่ามันเคยพูด มิน่าล่ะ ตอนปิดเทอมที่ผมมาหามันถึงได้ตรงกับปิดเทอมของมันพอดี ที่แท้ก็หลักสูตรนานาชาติมันปิดเทอมตรงกับผมนั่นเอง
แต่...ยังไงมึงก็ไม่เคยบอกกูเว้ย! เพิ่งจะมารู้ก็ตอนนี้เนี่ย!

“แต่น้องธารไม่เคยบอก” ผมเถียงอีก ทำเอาธารยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ก็พี่เคยเปิดโอกาสให้ธารได้พูดมั้ยล่ะ เจอหน้ากัน คุยกันก็เอาแต่พูดเรื่องตัวเอง ธารเห็นว่าพี่ไม่สนใจ ก็เลยไม่ได้บอก ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยเลยปล่อยๆ ไป กะว่าพี่กลับมาก่อนแล้วค่อยบอกทีเดียว”

อย่ามาหาว่ากูไม่เคยถามนะ กูถามเถอะเรื่องเรียนมึงเนี่ย ถามว่าเป็นไงบ้าง มึงบอกก็ดีๆ อยู่อย่างเดียว แล้วก็ถามแต่เรื่องของกู ใครจะไปตรัสรู้ฮะ! ที่สำคัญ ทำไมมันต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับที่กูจบมาด้วย!?

“ถ้าพี่คิดจะถามว่าทำไมธารถึงเลือกมาที่นี่ บอกเลยว่าแค่คิดว่าถ้าพี่กลับมา พี่คงไม่ได้ไปทำงานที่พิษ’โลก ธารก็เลยมาเรียนที่นี่ เราจะได้อยู่ใกล้ๆ กันก็เท่านั้น ไม่มีอะไร”
ยังไม่ทันจะได้ถามเลย มันก็พูดขึ้นมาแล้วประหนึ่งรู้ว่าผมจะถามอะไร ผมชะงักงันไป ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเด็กนี่จะคิดอะไรแบบนี้ด้วย ทว่าก็อึ้งได้ไม่นาน ก็โดนมันตวาดอีกแล้ว
“ว่าแต่พี่เถอะ เมื่อไหร่จะตอบธารสักทีว่าไอ้ที่หนีหน้าธารเป็นเดือนๆ ติดต่อไม่ได้ กลับมาก็ไม่บอก แถมสั่งให้พ่อกับแม่พี่ห้ามบอกธารอีกว่าพี่อยู่ไหนนี่หมายความว่าไง ธารไปทำอะไรให้พี่วะ!”
มองสีหน้ากราดเกรี้ยวของมัน ใจผมก็ปวดหนึบขึ้นมากะทันหัน
ยังจะต้องถามอีกเหรอว่าทำอะไรให้ผม ก็มันมีคนอื่นขนาดนี้ จะให้ผมอยู่ทำซากอะไร!
“น้องธารมีคนอื่น” ผมพูดออกมาเลย ถึงเสียงจะสั่นเครือเล็กน้อยด้วยควบคุมอารมณ์ตัวเองแทบไม่อยู่ แต่ก็กลั้นใจพูด
หัวคิ้วเรียวสวยของธารย่นยู่ทันควัน ก่อนว่าเสียงแข็ง
“ใคร ธารมีใคร พูดมา!”
“ก็ผู้หญิงคนนั้นที่น้องธารถ่ายรูปคู่ด้วยไง พอพี่เหนือส่งรูปไปให้ดู น้องธารก็ไม่ตอบ ไม่อธิบายว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไม่ติดต่อพี่เหนือกลับมาเลย จนพี่เหนือไปรู้เองว่าธารไปกับผู้หญิงคนนั้น แล้วแบบนี้จะให้พี่เหนืออยู่รอไปทำไม!”
ผมสติแตก ทั้งที่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทว่าผมก็ดันหลุดปากโพล่งออกไป ก็ตอนนี้ผมเก็บความอัดอั้นตันใจตลอดเวลาหลายเดือนไม่ไหวอีกแล้ว ลืมไปหมดว่าการเป็นทีเอต้องวางมาดให้สมกับเป็นผู้สอน ถึงจะไม่ใช่อาจารย์จริงๆ ก็ควรจะวางตัวให้ดี
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:ตัวอย่าง♦P.23♦04/05/59(7.30pm)
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 06-05-2016 22:42:28
ชั่งใจ ครั้งที่ 27: เป็นแฟนธารนะพี่[2]

หากแต่ตอนนี้ เก็บอะไรไม่ได้อีกแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีต่อธารมันมากเกินไป... มากจนเอ่อล้นออกจากหัวใจไปหมด เกือบจะร้องไห้แล้วด้วยซ้ำถ้าธารไม่พูดออกมาก่อน
“ไอ้วันนั้นที่ธารโทรหาพี่น่ะ ธารไปสอบเสร็จใช่มะ ทีนี้ตอนออกจากห้องสอบ โทรศัพท์ดันหายไปไหนไม่รู้ จะติดต่อพี่ทันทีเลยก็ทำไม่ได้ ธารจำเบอร์พี่ไม่ได้ ต้องกลับไปดูที่ห้อง” ว่าไป น้ำเสียงก็อ่อนลง สีหน้าก็เช่นกัน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อคำพูดได้เลย ก็ตอนนั้น ผมเห็นธารเปิดอ่านข้อความที่ผมส่งไปนี่นา อ่านแล้วก็ไม่ตอบกลับมา เป็นใครก็คิดทั้งนั้นแหละ
“พี่เหนือเห็นน้องธารเปิดอ่านข้อความ...” คิดแล้วก็พูดไป
“สงสัยคนที่เก็บได้จะอ่านมั้ง ไม่ก็เอาโทรศัพท์ไปปลดล็อคขายล่ะมั้ง พี่ถึงเห็นข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว” ธารยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเองไปมา

ดูท่าทาง ธารก็ไม่น่าจะโกหก ผมดูออกว่าเวลามันโกหก มันจะไม่เนียนขนาดนี้ แต่ถึงยังไงก็เชื่อใจไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าโทรศัพท์หายจริง แล้วตอนกลับมาที่ห้อง ทำไมไม่รีบติดต่อพี่เหนือ ปล่อยให้คาราคาซังทำไมตั้งหลายวัน”
นี่แหละที่ผมสงสัย

ธารทำหน้าเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากหนาก็เริ่มโวยวาย
“ก็ไอ้ไม้น่ะสิ เลิกสอบแล้วก็มาเจอมันมาดักอยู่ที่หน้าหอ ธารเลยถูกมันลากไปอยู่เป็นเพื่อน จะปฏิเสธมันก็ไม่ได้ มันร้องไห้หน้าดำหน้าแดงมาอย่างนั้นก็ต้องไป”
เป็นผมที่เป็นฝ่ายย่นคิ้วบ้างแล้ว

เดี๋ยวนะ ถ้าธารบอกว่าน้องมายด์ลากไป งั้นก็แสดงว่าน้องมายด์เรียนอยู่แถวๆ นี้เหรอ

“ไอ้ไม้มันเรียนอยู่ ม.xxx เนี่ย เจอกันบ่อยอยู่”
ชื่อมหาวิทยาลัยเอกชนใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยผมดังเข้ามาในหู ผมเลยรู้เอาตอนนี้ว่าน้องมายด์ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากผมเลย เพียงแต่ผมไม่รู้เท่านั้นว่ามันเรียนที่ไหน แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารบอกว่าไปกับน้องมายด์ แต่ดันมีรูปคู่กับผู้หญิงออกมาให้เห็น
แบบนี้โกหกกันทั้งที่มีหลักฐานทนโท่นี่หว่า
“แต่พี่เหนือเห็นนะว่าน้องธารไม่ได้ไปกับน้องมายด์ น้องธารไปกับคนอื่น”
“ไปกับใครวะ ก็บอกว่าไปกับไอ้ไม้ ทำไมพี่ไม่เชื่อกันมั่ง”
“ก็จะให้พี่เหนือเชื่อได้ไง ปากก็บอกว่าไม่มีเฟซบุ๊ค แต่พี่เหนือก็เห็นว่ามี บอกว่าไปกับน้องมายด์ แต่ไปโผล่บนเตียงกับผู้หญิงที่ชื่อมาการ์เร็ตอะไรนี่ ไหนบอกพี่เหนือหน่อยสิครับว่าจะให้พี่เหนือเชื่อได้ยังไง!” ผมเผลอขึ้นเสียงไปบ้าง
ธารนิ่งฉับพลัน เอ่ยชื่อของบุคคลที่สามที่ถูกผมพาดพิงทันใด
“เฟซบุ๊คน่ะไม่มี ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าไม่ได้เล่น ส่วนมาการ์เร็ตนี่ใคร?”
“พี่เหนือไม่รู้ครับ หน้าตาน่ารักๆ ที่น้องธารไปถ่ายรูปด้วยน่ะ”
ธารทำหน้าสงสัยหนัก ถลาเข้ามาหาผมทันที
“ไหนเอารูปมาดูซิ”
ผมเลยจัดการเปิดเฟซบุ๊คตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง เข้าไปหาเฟซบุ๊คนั้น แล้วส่งให้ธารดู ธารรับโทรศัพท์ผมไปไว้ในมือแล้วก็เบ้หน้า
“ใครทำเฟซบุ๊คขึ้นมาวะ”

ดูท่าทางหัวเสียแล้ว ผมว่ามันไม่น่าจะรู้เรื่องจริงๆ อาจจะมีคนทำให้ แล้วก็เดาถูกซะด้วยเมื่อมันเห็นรูปคู่ที่ผมว่า พลันหันมามองผมทันควัน
“เพราะไอ้รูปบ้าๆ นั่นน่ะเหรอ พี่เลยหนีธาร”
ถามเสียงอ่อนขึ้นมาฉับพลัน ผมเลยพยักหน้าให้ธารได้ถามอีก
 “ไม่เชื่อใจกันทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร เพราะไอ้รูปนี้เนี่ยนะ!”
ตอนนี้เริ่มเสียงแข็งขึ้นมาอีกแล้ว ผมเกรงว่าคนอื่นจะมาได้ยิน เลยรีบตอบรับกลับไป
“ครับ เห็นตำตาอย่างนั้นแล้ว จะให้พี่เหนืออยู่ทำไม”
สิ้นเสียงผม เดดแอร์ก็หลั่งไหลมากลืนกินเราทั้งคู่ทันที ก่อนที่ธารจะเป็นฝ่ายหัวเราะลั่นโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะทำไม
“มีอะไรน่าขำเหรอครับ”
“พี่นี่แม่ง บ้าฉิบเป๋ง” ธารกลั้วหัวเราะขณะพูด ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
 “พี่เหนือขอโทษแล้วกันครับที่บ้า แต่เห็นแล้วมันทำให้พี่เหนือคิดมากน่ะ คิดว่าน้องธารมีคนอื่น แล้วเราก็อยู่ไกลกันขนาดนั้น จะไม่ให้พี่เหนือไม่คิดอะไรเลยมันก็ไม่ได้ ลองคิดกลับกันดูสิว่าถ้าน้องธารเห็นพี่เหนือถ่ายรูปคู่กับผู้ชายอื่นที่น้องธารไม่รู้จักแบบสนิทสนม น้องธารจะคิดยังไง”

ธารหยุดหัวเราะได้ หน้ายังยิ้มอยู่ ก่อนจะแสร้งส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม
“แม่งเอ๊ย ทำไมพี่ดูไม่ออกวะ”
ไม่รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้ผมต้องย่นคิ้วเมื่อมันพูดขึ้นมาอีก
“ดูอะไรไม่ออกครับ”
“ก็ไอ้ผู้หญิงที่อยู่ในรูปไง พี่ดูไม่ออกเหรอว่าเป็นใคร”
“ใคร”
ผมยังไม่เข้าใจที่ธารพูดอยู่ดี ธารจ้องหน้าผม ยกมือขึ้นมาประคองซีกหน้าผมเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่เหนือ ที่ธารไม่อธิบายอะไรเกี่ยวกับรูปนี้ตั้งแต่แรก เป็นเพราะธารเคยบอกพี่ไปแล้วว่าธารไม่เคยถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงคนไหน แล้วก็ไม่เคยเห็นรูปนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าคิดว่าพี่จะดูไม่ออกว่านั่นเป็นใคร ไม่ได้เจอมันแค่สองปีเองนะ พี่ดูไม่ออกจริงๆ เหรอ”
“แล้วเป็นใครล่ะครับ”
ผมเริ่มระแวงขึ้นมาละว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหนึ่งในเพื่อนของธาร ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นที่ธารคุยอย่างที่ผมคิดไปเอง แล้วก็ดูท่าจะจริงซะด้วยเมื่อธารหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมทำหน้าเหมือนจะเข้าใจอะไรได้ขึ้นมา
“ยะ...อย่าบอกนะว่านั่น...น้อง...”
“เออ ไอ้ไม้” พูดยังไม่ทันจบ ธารก็โพล่งออกมาแล้ว
ผมอ้าปากค้าง นึกถึงหน้าใสๆ ของผู้หญิงทันใด

ดะ...เดี๋ยวนะ มึงน่ารักขึ้นมาขนาดนี้ได้ไง หมดไปกี่ล้าน ตอบ!

แต่ผมก็ไม่ได้คำตอบนั้นหรอก นอกจากธารที่หลุดหัวเราะลั่น แล้วขยับมาใกล้ผม ยกมือมายีเส้นผมของผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่นี่แม่ง หึงใครไม่หึง ไปหึงไอ้ไม้ หึงหน้ามืดจนหนีธารเนี่ยนะ โคตรบ้าเลย หนีไม่พอ ยังกลับมาไทยไม่บอก แถมเลิกติดต่อกับธารเพราะมันอีก สมองหมาฉิบหาย ขนลุกเลยเนี่ยเห็นมั้ย”
พูดไป หัวเราะไป ก็ด่าไปด้วย ส่วนผมเหวอกิน ทำหน้าไม่ถูก
สมองหมาจริงๆ หึงใครไม่ถึง ไปถึงอีตุ๊ดนรกนั่น แต่ก็แหม... ใครจะไปรู้ว่ามึงจะทรานส์ฟอร์มเป็นสาวน้อยหน้าใส ดูคิกขุอาโนเนะแบบนั้นได้ในเพียงเวลาแค่ปีสองปีล่ะวะ
หมอสมัยนี้แม่งเก่งเทพเกินไปแล้ว!
“ตะ...แต่ว่า...”
“เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วจะพาไปเจอมันโอเคมั้ย จะได้เชื่อว่าธารไม่ได้โกหก”
พูดยังไม่ทันจบ ธารก็สวนขึ้นพลางหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล พอผมพยักหน้ารับ ธารก็หยุด แล้วจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“ธารบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะรอ ไม่ว่าจะกี่ปีก็จะรอ รักพี่มากขนาดนี้ ทำไมไม่เชื่อใจกันอีก”
“คะ...คือ...พี่เหนือ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ยอมรับเลยว่าภูเขาก้อนยักษ์ที่ทับใจผมจนเจ็บปวดมาหลายเดือนถูกยกออกไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

ธารเห็นท่าทางอึกอักของผม ธารก็ส่งเสียงหัวเราะหึในลำคอ ก่อนถลาเข้ามาดึงผมเข้าไปกอดแน่น กระซิบเสียงเบามาให้ผมได้ยินด้วย
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ว่ายังไง ธารจะไม่ทำให้พี่เจ็บปวดเด็ดขาด เชื่อใจกันหน่อยสิ”
คำพูดในวันที่ผมกับธารทะเลาะกันแรงที่สุดเมื่อสองปีก่อนดังเข้ามาในจิตใต้สำนึกผมทันที เรียกให้หยาดน้ำตาสีใสไหลอาบใบหน้าผมได้
จริงของธาร เด็กนี่ไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลย มีแต่ผมนี่แหละที่คิดมากไปเอง คิดมากจนเกือบจะเสียคนที่ผมรักสุดหัวใจไปเพราะความเข้าใจผิดงี่เง่านี่แล้ว
“ธารรักพี่ขนาดนี้ จะทิ้งพี่ไปยุ่งกับคนอื่นลงคอได้ยังไง”
เสียงทุ้มกระซิบยืนยันอีกครั้ง ผมเลยยกมือขึ้นกอดตอบธาร ซุกหน้าลงไหล่กว้าง ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เผยด้านอ่อนแอให้เห็นอย่างลืมตัว
“พะ...พี่เหนือขอโทษครับ”

เป็นการร้องไห้และเผยด้านอ่อนแอของผมให้ธารเห็นเลยก็ว่าได้ ธารไม่พูดอะไร ลูบท้ายทอยผมเบาๆ เป็นการปลอบ จากคนที่ผมเคยปลอบเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเป็นฝ่ายปลอบผมแล้ว
“เลิกร้องได้แล้ว เจอหน้ากันทั้งทีแทนที่จะดีใจ มาร้องไห้แบบนี้ เหมือนไม่ใช่พี่เลย” ธารพึมพำ

ก็จริง... แต่มันก็อดไม่ได้นี่หว่า คิดดูสิ ปล่อยให้ผมเข้าใจผิด เจ็บช้ำน้ำใจอยู่ตั้งหลายเดือน ไม่จิตใจบอบบางก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดธารนะ ความผิดผมเองที่รีบถอยก่อนโดยไม่รอฟังคำอธิบายใดๆ ธารต้องติดต่อมาอยู่แล้วล่ะ ผมดันไปปิดช่องทางการสื่อสารก่อนซะนี่

ปลอบกันอยู่อย่างนั้นกระทั่งผมหยุดร้องไห้ได้เลยผละออกจากธาร ธารมองหน้าผมแล้วอมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นใช้นิ้วปาดคราบน้ำตาให้ พลางว่า
“พี่จะรู้มั้ยเนี่ยว่าธารคิดถึงพี่แค่ไหน โคตรคิดถึงเลย... คิดถึง”
ผมยิ้มขึ้นมาได้บ้าง ปากก็ว่าเสียงเครือ
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกัน...”

ยังไม่ทันจะได้พูดหางเสียง ธารก็ขยับเข้ามาใกล้ ฉกจูบริมฝีปากผมไปแล้ว

เป็นการจูบอย่างโหยหา จูบด้วยความคิดถึง จูบแนบแน่นราวกับว่ากลัวจะเสียไปอีก ทว่าก็ไม่ได้เป็นการจูบที่ยาวนานเท่าไหร่นักด้วยสถานที่ที่เราอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ที่ที่จะมาทำอะไรแบบนี้ได้สะดวกนัก
“ไว้จะไปต่อทีหลัง จะเอาให้หายคิดถึง พี่ก็เตรียมใจโดนลงโทษฐานสมองหมา แล้วก็หนีธารได้เลย” ธารที่ผละออกจากผมคาดโทษ
ผมพยักหน้ารับ ไม่เกี่ยงงอนกับการรับโทษใดๆ จะโดนลงโทษหนักหนาแค่ไหนก็เอาเถอะ ผมยอมทุกอย่าง แค่ผมได้คนที่ผมรักกลับมาเหมือนเดิม แค่นั้นก็คุ้มค่ามากพอที่จะแลกแล้ว
“ไปได้แล้ว ใกล้เวลาเริ่มเรียนแล้ว ไว้เลิกเรียนแล้วมาคุยกัน ธารมีเรื่องจะคุยกับพี่อีกเยอะ”
ธารชักชวน ผมเลยเก็บเอกสารทั้งหมดลงกระเป๋า ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องพักอาจารย์ ทว่ามือใหญ่ก็คว้ามือผมไปกุมไว้ซะก่อน
“พี่เหนือ...”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับสายตาจริงจังของคนตรงหน้า และตามมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้จากนี้เชื่อใจธารได้มั้ย ธารสัญญาว่าจะรักพี่ให้มากเท่าที่จะรักคนๆ นึงได้ ขออย่างเดียว อย่าหนีธารไปอีก ธารจับมือพี่แล้ว ธารจะไม่มีวันปล่อย พี่คือทุกสิ่งของธาร คือคนคนเดียวที่ธารต้องการ ขอร้อง ครั้งหน้าถ้ามีอะไร รอคุยกันก่อน อย่าวู่วาม โอเคมั้ย”

ผมหลุดร้องไห้ออกมาอีกจนได้ สัมผัสได้ถึงความจริงใจของมันที่โหยหามานาน ก่อนพยักหน้ารับเร็วๆ ธารยิ้ม ตรงเข้ามาดึงผมไปซบหน้าอกอีกครั้ง ประทับจูบลงบนหน้าผากผมเบาๆ
“ขี้แยเอ๊ย กลายเป็นคนขี้แยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็...ตั้งแต่ที่พี่เหนือรักน้องธารจนโงหัวไม่ขึ้นไงครับ” ผมตอบเสียงเครือ
ธารหัวเราะมาให้ได้ยินเบาๆ
“ธารก็รักพี่จนโงหัวไม่ขึ้นเหมือนกัน รู้ว่ารักขนาดนี้แล้ว ห้ามหนีกันไปอีกนะ”
เป็นการตอบรับกับคำพูดของธารอีกครั้ง จากนั้นก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ครอบคลุมพวกเราไว้จนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน
ถึงทุกอย่างจะยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ และเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเป็นอย่างมาก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ดีแล้วที่ผมได้เด็กน้อยปากคว่ำของผมคืน
ดีแล้วที่เรายังรักกันมากขนาดนี้

ดีแล้ว...
 



ธารเลิกเรียนปุ๊บ ก็จัดการลากผมไปขึ้นรถ มุ่งหน้าไปหาน้องมายด์ที่เพิ่งโทรนัดกันเมื่อกี้ว่าให้มาเจอกันที่ห้างใกล้ๆ มหาวิทยาลัยทันควัน
เอ่อ...จะเรียกว่าขึ้นรถก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าลากผมไปคร่อมรถดีกว่า ก็รถของมันน่ะใช่รถยนต์ซะที่ไหน คาวาซากินินจาคู่ใจคันเดิมที่มันเคยขับในพิษณุโลกน่ะ หมวกกันน็อคก็ใบเดิม แม้แต่หมวกกันน็อคของผมเอง...ก็ใบเดิม

ธารให้เหตุผลว่าที่ไม่ขับรถยนต์ เป็นเพราะมันต้องการรู้สึกว่าผมอยู่กับมันตลอดเวลาในตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่อเมริกา ส่วนที่มันเลือกมาสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับผม ไม่ใช่แค่เหตุผลว่ามันต้องการอยู่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้เจอผมบ่อยๆ ตอนผมกลับมาไทยแล้วเท่านั้น ยังมีเหตุผลอื่นอีก หนึ่งก็คือ มันต้องการให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ครั้งหนึ่งผมเคยอยู่เพื่อจะได้สัมผัสถึงผมได้ และสอง มันต้องการพิสูจน์ตัวเองว่ามันก็ไม่ได้โง่ภาษาอังกฤษถึงขนาดเรียนหลักสูตรนานาชาติไม่ได้

ได้ยินเหตุผลของมันแล้ว ผมก็อึ้งเลย ชื่นชมมันด้วยว่าถ้ามุ่งมั่นทำอะไรสักอย่างแล้ว มันก็ทำได้ง่ายๆ ไอ้ภาษาอังกฤษที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ตอนนี้เหรอ... พูดคล่องปรื๋อเลยทีเดียวแม้ว่าสำเนียงจะยังไม่เป็นเนทีฟสปีกเกอร์ก็ตาม

น่าภูมิใจชะมัด

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารพาผมมาถึงที่หมาย เดินไปยังร้านที่นัดเจอกับน้องมายด์ไว้ แล้วนั่งรอการมาถึงของน้องมายด์อย่างใจจดใจจ่อ ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่ไม่ได้เจอน้องมายด์มานาน แต่นอกเหนือจากความตื่นเต้น ผมอยากถามน้องมายด์มากกว่าว่าทำไมจะต้องสร้างเฟซบุ๊คธารขึ้นมา เพราะผมถามธารแล้ว แต่ธารไม่บอก ให้ถามน้องมายด์เองด้วยมันกลัวว่ามันอธิบายไป ผมจะไม่เชื่อ แล้วมันเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงด้วย แค่พอจะเดาๆ ได้จากการโพสต์และแท็กของน้องมายด์ในเฟซบุ๊คปลอมนั้น มีที่ผมสงสัยเพิ่มเติมด้วยคือ น้องมายด์ก็มีเฟซบุ๊คเดิมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นแอคเคาท์เดียวกับที่แอดเฟรนด์ผมเอาไว้ แต่ไม่เห็นมันจะอัพเดตอะไรเลย รูปโปรไฟล์ก็ยังเป็นรูปตอนสมัยเรียน ปวช. ด้วย

หรือว่าพอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะปกปิดอดีตของตัวเองกันนะ?

ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตัวการก็โผล่มาให้ถามแล้ว เห็นผมกับธารได้ ก็ส่งเสียงเรียกดังลั่นร้านขนมไปหมด
“ธารจ๋า เมียรักอยู่นี่จ้า”
ผมกับธารหันไปยังต้นเสียงทันที ไม่ใช่แค่เราทั้งคู่หรอกที่หันไปมอง คนอื่นในร้านก็หันไปมองเช่นกัน แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นน้องมายด์ที่ตัวล่ำบึ้กไม่ต่างจากตอนเรียน ปวช. แม้แต่น้อยเดินปรี่เข้ามาหา กล้ามมียังไงก็ยังมีอย่างนั้น ตัวงี้เป็นปล้องๆ เลย ต่างกันก็แค่มันไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มเด็กช่าง แต่ใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงแบบกระโปรงพลีทที่สั้นจนเป็นกระโปรงเซเลอร์มูน ใส่ส้นสูง ผิวขาวขึ้น หน้าตาดูคิกขุขึ้น แต่...

ทำไมตัวจริงมึงไม่เห็นเหมือนใสรูปที่กูเห็นเลยวะ! ในรูปอย่างน่ารักเถอะ ตัวจริงที่แม่งกระเทยควายชัดๆ!

กระเทยควายจริงๆ ดูจะตัวใหญ่ เนื้อแน่น กล้ามบึ้กกว่าเมื่อก่อนด้วย

อะไรไม่ว่า พอมันเดินเข้ามาหาพวกผม สายตาผมก็มองไปที่หน้าอกดูมๆ ของมันที่เด้งไปมาซ้ายทีขวาทีทันใด

แหม ไม่เจอกันนาน นมโตขึ้นเยอะเลยนะ

โตจริง โตแทบจะเอามาฟาดหน้าผมสลบได้อยู่แล้ว ผมนี่ไม่มองหน้ามันเลยเถอะ มองแต่นมมัน แม่งหมดไปกี่แสนกับนมวะ
“เจ้เหนือหวัดดีค่า เนี่ยรู้มั้ย พอธารบอกว่าเจ้กลับมาไทยแล้ว หนูก็รีบดิ่งมาหาเจ้เลยนะ คิดถึ้งคิดถึง”
ทักธารเสร็จ หันมาเจอผมก็ส่งเสียงแปร๋นๆ ออกมา
ผมก็ยิ้มรับไปตามเรื่อง สายตามองน้องมายด์ไม่หยุดกระทั่งมันทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วถามผมกลับ
“แหมๆ มองตาไม่กะพริบแบบนี้ หนูสวยล่ะสิ”

สวยป้ามึงเถอะ! ไอ้ในรูปที่กูเห็นนี่เป็นเพราะอภินิหารกล้องฟรุ้งฟริ้งล่ะสินะ ตัวจริงมึงนี่แม่ง... สุดจะเอ่ยจริงๆ

ทว่าผมก็รักษามารยาท ยิ้มกลับแล้วถามกลับไป
“แล้วน้องมายด์เป็นไงบ้างครับ สบายดีนะ”
“ว้าย น้องมายด์อะไรคะ หนูไม่ได้ชื่อนี้แล้ว ชื่อมาการ์เร็ต เรียกไม่ถนัด ให้เรียกสั้นๆ ว่ามาร์กี้” น้องมายด์สวนผมคืนทันที
ผมนี่เบ้ปากใส่มันรัวๆ

มาการ์เร็ตป้ามึงเถอะ!

ในที่สุดก็ด่าได้เต็มปากเต็มคำแบบไม่ตะขิดตะขวงใจแล้ว

เกือบจะด่ามันออกไปอีกด้วยถ้าหากว่าธารไปโพล่งขึ้นมาก่อน
“เอ้าพี่ สงสัยอะไรก็ถามมันไปเลย ถามให้เคลียร์นะ จะได้ไม่มาหาว่าธารโกหกอีก”
น้องมายด์ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าที่ผมมาเจอกับมันวันนี้ นอกจากเจอกันเพราะไม่ได้เห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ผมก็มีเรื่องสงสัยอื่นด้วย
เท่านั้น ผมก็เริ่มออกปากถามโดยไม่มีพิธีรีตองใดๆ
“น้องมายด์สร้างเฟซบุ๊คปลอมให้น้องธารทำไมเหรอครับ” เป็นคำถามแรกที่ผมอยากรู้โคตรๆ
ก็ไอ้นี่มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเข้าใจธารผิดนี่นา

“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่ทำออกมา ให้ธารแกล้งเป็นผัวในมโนเฉยๆ” น้องมายด์ว่าเสียงเรียบราวกับไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ผมกลับคิ้วกระตุกยิกในคำตอบของมัน
“หมายความว่าไงที่ว่าเป็นผัวในมโน”
“ก็ตอนนั้นหนูเพิ่งเลิกกับแฟนมา มันไปมีคนอื่น หนูเลยทำเฟซบุ๊คปลอมของธารขึ้นมา ให้ธารสมมติว่าเป็นเด็กใหม่หนู ประชดให้มันหึงบ้างน่ะค่ะ อุ๊ย ฮันนี่โทสต์มาแล้ว” พูดพลางหันไปกรี๊ดกร๊าดกับขนมหวานหน้าตาน่ากินที่ถูกเสิร์ฟมาตรงหน้า

ส่วนผม ได้ยินแค่นั้น ผมก็แทบจะกดหัวมันจุ่มกับฮันนีโทสต์ทันใด

มึงจะมโนใครเป็นผัวก็ได้ แต่มึงจะเอาน้องธารของกูไปมโนไม่ได้! เห็นมั้ยว่ากูเข้าใจผิดกันเลยเนี่ย!

“ส่วนเฟซบุ๊คเก่านี่ หนูเลิกเล่นไปแล้ว เล่นแล้วทำใจไม่ได้ เคยขึ้นรีเรชันชิปว่าเป็นแฟนกับแฟนเก่าอยู่ เลยสร้างใหม่เหมือนกันค่ะ แล้วพวกรูปที่เอาลงในเฟซของธารก็ไม่มีอะไรค่ะ แค่แสดงให้ดูเฉยๆ ว่า ธารเป็นผัวหนูนะ ผัวปลอมๆ”
ยังไม่ทันจะได้ถาม มันก็อธิบายออกมาแล้ว
มิน่าล่ะทำไมเฟซบุ๊คอันนั้นถึงมีจอมแก่นกับโรมเป็นเพื่อนได้ แต่มึงจะมามโนเป็นตุเป็นตะโดยไม่ถามความสมัครใจของน้องธารกูไม่ได้ แล้วมาทำให้กูเข้าใจผิด จะลงแดงตายเพราะคิดว่าโดนเด็กทิ้งอยู่หลายเดือนก็ไม่ได้เหมือนกัน

อีน้องมายด์...มึง! เอามีดหั่นฮันนีโทสต์กระซวกไส้ซะทีดีมั้ง!

ทว่าผมก็ยังเก็บอารมณ์ ถามออกไปเสียงสุภ้าพสุภาพทั้งที่ใจอยากจะกระโดดถีบมันสองขารวดเต็มแก่
“แล้วทำแบบนั้น แฟนเก่าน้องมายด์กลับมาคืนดีมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ก็ไปเสพสุขกับชะนีใหม่ไปแล้ว เพลีย” ว่าอย่างไม่ยี่หระ มือก็จ้วงขนมหวานเข้าปากไปด้วย

ส่วนผม...

เพลียมึงมากกว่าอีกอีน้องมายด์! ไม่คิดเลยว่าที่กูเสียน้ำตาเป็นลิตรๆ ตั้งหลายเดือนนี่เป็นเพราะมึง

มึงนี่แม่ง เห็ดสดจริงๆ!

ธารเห็นหน้าผมกลืนไม่เข้า คายไม่ออก อยากต่อยหน้าอีตุ๊ดนรกนี่เต็มแก่แต่ก็ทำไม่ได้ แล้วก็หัวเราะขึ้นมา
“เคลียร์แล้วนะพี่ เห็นมั้ยว่าธารน่ะบริสุทธิ์ ก่อนหน้านั้นที่หายไปเพราะไอ้ไม้มาร้องไห้ลากธารไป ก็เพราะมันโดนแฟนทิ้งนี่แหละ แต่ธารไม่รู้ว่ามันทำให้พี่เข้าใจผิดแบบนี้ด้วย”
จ้า เชื่อแล้วจ้าว่าน้องธารของพี่เหนือบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยมาก

ส่วนอีน้องมายด์... มึงจะไปขึ้นอืดที่ไหนก็ไป ได้คำตอบแล้ว มึงไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมโลกกับกูอีกต่อไป!

กลั้นใจมาก กลั้นใจที่จะไม่เอาส้อมจิ้มมันทีเดียวสี่รูมาก แต่ก็พอจะตั้งสติได้ว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของน้องมายด์คนเดียว เป็นความผิดของผมเหมือนกันที่ไม่ดูให้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

ก็แหม มันก็หน้าตาเปลี่ยนไปนะ ไม่ใช่ว่าไม่เปลี่ยน ดังแหมบๆ ตอนนี้กลายเป็นโด่งปรี๊ด มีหยดน้ำ ริมฝีปากหนาก็กลายเป็นกระจับดูบางเบาน่าจุ๊บ ตาก็โตขึ้น ดูรู้เลยว่าไปกรีดตาสองชั้นมาแน่ ส่วนกรามก็ดูเล็กลงด้วย สงสัยจะโบท็อกซ์ ที่สำคัญ มีนม... นมจริงๆ ไม่ใช่นมแบบยัดนุ่น สงสัยจะใช้ซิลิโคนขนาดดีหลายซีซีแหงม

หมดไปเท่าไหร่ค่าโมหน้าโมตัวมึงเนี่ย!

แต่การที่มันโมหน้า โมตัวมา ก็ใช่ว่าจะทำให้มันดูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นี่นา

ทว่ารอไม่นาน ข้อสงสัยของผมก็ได้รับการคลี่คลายเมื่อน้องมายด์จัดการกับขนมหวานเสร็จ แล้วคว้าโทรศัพท์ออกมา เรียกผมกับธารไปถ่ายเซลฟี่ด้วย
“ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยค่า ไม่ได้เจอกันนาน ต้องเอาไปอวดจอมแก่นกับโรมให้อิจฉาเล่น”
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ่ายก็ถ่าย ถ่ายเสร็จ น้องมายด์ก็ยื่นมาให้ผมกับธารดูว่าโอเคมั้ย

มันก็ต้องโอเคอยู่แล้วล่ะ มึงใช้แอพฯ ลวงโลกถ่ายรูปนี่หว่า หน้าไม่มีรูขุมขนเลยเถอะ!

ลวงโลกไปอีกเมื่อผมกับธารบอกว่าโอเค มันก็นั่งกดๆ จิ้มๆ หน้าจออยู่พักใหญ่ เสร็จแล้วก็ส่งมาให้ผมดู
“หน้าหนูโอเคหรือยังคะเจ้”

นะ...นี่มัน…อีน้องมายด์เวอร์ชันโมหน้าเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมเข้าใจผิดธารนี่หว่า!

โอ้โห ฝีมือการแต่งรูปของมึงน่ากลัวมาก เห็นแล้วอยากแจ้งตำรวจโทษฐานหลอกลวงประชาชน ถ้ามึงจะแต่งรูปเก่ง เปลี่ยนจากผีเป็นคนได้ขนาดนี้ กูเข้าใจผิดก็ถือว่าถูกแล้ว!

ธารเห็นสีหน้าผมที่มองน้องมายด์ตัวจริงสลับกับรูปอย่างอึ้งๆ ก็หัวเราะร่วน โพล่งขึ้นมาทันที
“เป็นไง ฝีมือแต่งรูปของไอ้ไม้ อึ้งไปเลยดิพี่”
“คะ...ครับ เทพมาก” ผมคราง ส่งโทรศัพท์คือให้น้องมายด์ไปอัพโหลดตามอัธยาศัย
พอน้องมายด์เข้าสู่โลกโซเชียล ธารก็ดึงมือผมไปจับใต้โต๊ะ พลางว่า
“สบายใจขึ้นแล้วนะ”
“ครับ” ผมตอบรับ ให้ธารได้พูดขึ้นมาอีก
“สบายใจขึ้นแบบนี้ ทุกอย่างก็เคลียร์แล้ว แล้วตอนนี้พี่จะทำตามสัญญาที่ให้กับธารไว้ได้หรือยัง”
“สัญญาอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วสูงทันควัน
ธารยู่หน้า หงุดหงิดไปเล็กน้อย ก่อนเฉลย
“ก็สัญญาว่าถ้าพี่กลับมาแล้วจะเป็นแฟนธารไง ตกลงจะรักษาสัญญามั้ยเนี่ย”
ได้ยิน ผมก็ร้องอ๋อทันใด
“รักษาสัญญาสิครับ ใครจะไม่รักษากัน”

พูดอย่างนี้ ธารก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง ส่งสายตาหยดย้อยมาให้ราวกับว่าโลกนี้มีแค่เราสองคนทันที
“งั้น... เป็นแฟนธารนะพี่”
กลายเป็นว่ามันเป็นฝ่ายขอผมเป็นแฟนด้วย
หน้าผมร้อนเห่อขึ้นมา การขอเป็นแฟนในครั้งนี้ของมันไม่ใช่การบังคับ ไม่ใช่เพื่อการรั้งผมไว้อย่างที่เคยทำเมื่อก่อน แต่เป็นการขอเป็นแฟนเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของเราให้แนบแน่นขึ้นกว่าเดิม
เพื่อความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้น เพื่อสถานะที่ชัดเจน เพื่อที่ผมจะได้เป็นเจ้าของธาร ได้หึง ได้หวง ได้ห่วงโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ต้องคิดว่าแค่รักกันแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมเลยไม่ชั่งใจอะไรแล้ว นอกจากจะขยับริมฝีปากเอ่ย
“ครับ... เป็นแฟนกันนะ”
“คราวนี้หนีธารอีกไม่ได้แล้วเข้าใจมั้ย จับมือธารแล้วก็ห้ามปล่อยเด็ดขาด”
“รักมากขนาดนี้ จะยอมปล่อยไปอีกได้ไง”

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกหลังจากนั้น มีเพียงรอยยิ้มที่เรามอบให้แก่กัน และแรงกระชับฝ่ามือของธารที่จับผมแน่นขึ้นเท่านั้น เสียงของน้องมายด์หรือเสียงคนรอบข้างที่ดังมาก็ไม่เข้าหู ไม่รับรู้อะไรแล้ว
รู้อย่างเดียวว่าผมรักธาร... รักมากกว่าที่เคยรัก แล้วธารก็รักผมเช่นกัน

แค่นี้ก็เพียงพอต่อการเยียวยาหัวใจผมที่เจ็บปวดเพราะคิดไปเองคนเดียวตลอดหลายเดือนให้หายดีเป็นปลิดทิ้งได้แล้วล่ะ

สายน้ำชโลมใจของพี่เหนือจริงๆ น้องธาร...
 ------------------------------------
ตอนสุดท้ายแล้วจ้า ตอนหน้าก็บทส่งท้ายแล้วนะ บทส่งท้ายนี่อาจจะเหลือแค่ตอนเดียวละ เพราะหนูแดงรวบยอดมาตอนนี้หมดแล้ว พรุ่งนี้จะอัพบทส่งท้ายให้ แล้วก็รออ่านตอนพิเศษ ดำเนินเรื่องโดยหน่องธารใจ สามีแห่งชาติกันต่อโลดนะคะ จะปิดต้นฉบับแล้วล่ะ ดีใจ ฮือออ TvT
ใครที่ร้องไห้ไปกับพี่เหนือเมื่อตอนที่แล้ว หนูแดงต้องขออภัยแทนหน่องมายด์มานะที่นี้ด้วย หน่องมายด์เอง ไม่ใช่ใคร กร๊ากกกก หักมุมงี้ จะโดนตบมั้ย 555
ฝากฟีดแบ็คให้กันด้วยน้า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอัพตอนต่อไปให้จ้า
 

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 06-05-2016 23:13:16
น้องมาร์กี้กับแอปนรก 5555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-05-2016 00:15:22
น่าโดนซะทีนะน้องมาร์กี้อะไรเนี่ย มาทำให้พี่เหนือฉันต้องเข้าใจผิดแบบนี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-05-2016 00:30:16
อย่าว่าแต่พี่เหนือจะขาดใจตาย เราก็จะขาดใจตาย
ดีใจน้องธารโตขึ้น แล้วเค้าก็ดีกันแล้ว ปลื้มมมม
น้องมายด์นี่ขัดหูขัดตามากค่ะ 55555
จะจบแล้ว ฮืออออ ชอบเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด
รักพี่เหนือ รักคนเขียนนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-05-2016 01:17:28
ฝากตบอิน้องมายด์ มากาเร็ต หน่อยสิ
ทำพี่เหนือใจสลายอยู่หลายเดือน
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 07-05-2016 02:25:15
น้องธารของพี่ น่ารักแท้ โอ้ยยย จิตใจจะวาย อยากแยกธารเลยแหละะะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 07-05-2016 03:18:14
5555 จบแฮปปี้ ตลกด้วย ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 07-05-2016 10:12:49
ขำนังมากาเรตตตต

ขำพี่เหนือกว่า ข้างนอกสุภ้าพสุภาพ ข้างในอีน้องมายด์!! 555

แต่โอ้ยยยยย ดี เราชอบความสัมพันธ์เรื่องนี้

จะจบแล้วจริงดิ้ เศร้าาาาาาา

จบก็ได้แต่ขอเรื่องใหม่ค่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-05-2016 11:13:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 07-05-2016 11:59:57
เราไม่หลงอยู่หลุมไหนมาเนี่ยเพิ่งได้เข้ามาอ่าน. สนุกมากเลย ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-05-2016 12:04:03
บทส่งท้าย

 “พี่เหนือ...”
“...”
“พี่เหนือ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”
“อีกห้านาทีนะครับ”

เสียงห้าวที่พยายามปลุกผมอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่ทำให้ผมหลุดออกจากนิทรา ทว่าก็ยังไม่อาจลืมตาขึ้นได้ ทำแค่พลิกตัว เอาหน้าซุกหมอนแล้วต่อรองด้วยน้ำเสียงอู้อี้ หากแต่การทำอย่างนั้น กลับเป็นการทำให้คนปลุกผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะกระชากผ้าห่มที่คลุมตัวผมอยู่ออก

“ถ้าไม่ลุก ธารจะทำให้หลับยาวเลยนะ”
ไม่ใช่กระชากอย่างเดียว ตอนนี้ทิ้งตัวลงมานอนคร่อมผมเอาไว้แล้วพร้อมกับน้ำเสียงทะเล้น ผมที่ทำท่าไม่อยากตื่นเมื่อครู่ถึงกับต้องปรือตาขึ้นมามอง พอเห็นใบหน้าหล่อของธารในชุดนักศึกษา ผมก็ยิ้มออกมา ก่อนจะแกล้งต่อรองอีกครั้ง
“ก็พี่เหนือง่วง เมื่อคืนเตรียมตัวดึกไปหน่อย ขอต่ออีกห้านาทีไม่ได้เหรอ”

เตรียมตัวที่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องอะไร เป็นการเตรียมเอกสารสำหรับการสัมภาษณ์งานน่ะ ผมใช้เวลาในการจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานวันนี้จนดึกดื่น จริงๆ ผมเตรียมไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วล่ะ เพียงแต่เมื่อคืนรีเช็คอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ขาดเหลือตรงไหน ธารเองก็รู้ว่าเมื่อคืนผมนอนดึกเพราะอะไร เลยไม่ว่าอะไร ซุกหน้าลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แล้วว่าเสียงนุ่ม

“ไว้ค่อยกลับมานอนต่อก็ได้น่า มีสัมภาษณ์เช้าไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวเข้าไป ม.พร้อมกันเลย ธารไปส่งที่หน้าตึกคณะให้”
“เข้า ม.ไปพร้อมน้องธาร เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอกว่าพี่เหนือกับน้องธารเป็นแฟนกัน”
“ปีกว่าแล้วนะพี่ แถมอยู่ด้วยกันงี้ ถ้าคนอื่นไม่รู้ก็แปลก ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวก็สายกันพอดี”

ผมหัวเราะกับคำพูดนั้น ก็จริงของธาร ตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากอเมริกาเมื่อปีก่อน และมาทำงานเป็นทีเอประจำคณะศิลปศาสตร์กับอดีตอาจารย์ที่ปรึกษา ผมก็ย้ายมาอยู่หอพักเดียวกับธารซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเป็นการถาวร เวลาผมมีคลาสสอน ผมก็จะเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมกับธาร หรือบางทีธารมีเรียน ผมก็นึกคึกไปรับที่ตึกคณะตอนธารเลิกเรียนบ้าง คนอื่นเลยรู้กันทั่วว่าผมกับธารเป็นแฟนกัน โดยเฉพาะเด็กคณะวิศวะฯ ที่มักเห็นผมไปนั่งรอธารเลิกเรียน ไม่ก็เลิกทำกิจกรรมที่ใต้ตึกคณะบ่อยๆ

ตอนแรกผมก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีคำครหาที่เห็นผู้ช่วยสอนกับนักศึกษาคบหากัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาอะไร คงเป็นเพราะทีเอไม่ได้เป็นอาจารย์จริงๆ ก็ได้ ทุกอย่างเลยราบรื่นจนผมคบกับธารอย่างเปิดเผยได้แบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าผมจะทำงานเป็นทีเออย่างเดียวนะ ผมยังรับงานอื่นด้วยเนื่องจากการเป็นผู้ช่วยสอน มันไม่ใช่งานประจำ มีคลาสไม่ตลอด บางเทอมมี บางเทอมไม่มี ทำให้ผมต้องไปรับงานล่ามฟรีแลนซ์ งานสอนภาษาอังกฤษตามสถาบันภาษา ไม่ก็ตามบริษัทที่หาคนไปอบรมภาษาอังกฤษให้พนักงานด้วย พูดง่ายๆ คือผมยังไม่มีงานประจำทำน่ะแม้ว่าจะเรียนจบมาปีกว่าแล้วก็ตาม ที่ไม่หางานประจำทำก็ไม่ใช่อะไร ผมกำลังรองานงานหนึ่งอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ การเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และมันก็คืองานที่ผมจะต้องเข้าไปสัมภาษณ์วันนี้นี่เอง

แต่ปัญหามันก็มีอยู่ว่า ถ้าผมผ่านสัมภาษณ์ขึ้นมา แล้วผมได้เป็นอาจารย์ประจำจริงๆ ความสัมพันธ์ของผมกับธารจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า นั่นทำให้ผมต้องเอ่ยปากออกไป
“แต่ถ้าพี่เหนือผ่านสัมภาษณ์ขึ้นมา น้องธารกับพี่เหนือก็คงอยู่ด้วยไม่ได้นะ อาจารย์คบกับนักศึกษามันไม่ถูก ไม่เหมาะสม ไม่ดีไม่งาม” พูดไปก็ใส่น้ำเสียงล้อเล่นไป แสร้งพูดไปงั้นด้วยแหละ เพราะถึงยังไง ผมก็จะไปสัมภาษณ์งานอยู่ดี ไม่มาสละสิทธิ์อะไรด้วยเรื่องบ้าๆ นี่หรอก กว่าจะผ่านการคัดเลือกมาได้ มันไม่ใช่ง่ายๆ นะ ผมจะมาตัดโอกาสตัวเองทำไม 

และการที่ผมพูดเล่นไปอย่างนั้น ธารก็ยื่นมือมาบีบจมูกผมบิดไปมาเบาๆ
“ธารเรียนปีสี่แล้วนะ นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้วเถอะ อีกแป๊บเดียวก็จะเรียนจบแล้ว พี่จะมากังวลไร้สาระทำไม”
นี่ไง ผมถึงบอกว่าผมไม่ตัดโอกาสตัวเอง ก็ผมรู้อยู่แล้วน่ะว่าธารใกล้จะเรียนจบแล้ว ต่อให้ผมเป็นอาจารย์ประจำ ยังไงก็ไม่มีปัญหาในการคบกับธาร เพราะอีกเดี๋ยวเดียว คนตรงหน้าผมก็จะเรียนจบแล้ว

ว่าแต่... เวลาผ่านไปเร็วจังเลยแฮะ ตอนผมกลับจากอเมริกามาเป็นทีเอ ตอนนั้นธารยังเรียนปีสามอยู่เลย เผลอแป๊บเดียว จะเรียนจบแล้ว เหมือนเพิ่งจะผ่านมาไม่นานด้วยซ้ำ

แต่เวลาผ่านไปไวก็ไม่น่าตกใจเท่ากับการที่ผมตระหนักได้ว่าคนที่อยู่บนตัวผมในตอนนี้โตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ภาพเด็กช่างเกเรคนนั้นถูกทับด้วยภาพของว่าที่บัณฑิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับพ่อแม่ที่กำลังจะได้เห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิตไปอีกขั้นหนึ่งยังไงก็ไม่รู้

รู้สึกปลื้มปริ่มจนเผลอมองหน้าธารนิ่งๆ ไปซะนาน กระทั่งธารเห็นว่าผมแปลกๆ เลยทักขึ้น

“จ้องหน้าทำไมนักหนาเนี่ยพี่ มีอะไร”
“ปีนี้น้องธารอายุเท่าไหร่แล้วครับ”
“ยี่สิบสอง ย่างยี่สิบสาม ทำไม” ตอบมาแล้วก็ถามกลับ พร้อมหัวคิ้วย่นยู่
โตขึ้นแล้วจริงๆ ด้วยเห็นมั้ย ตอนที่รู้จักกับผมครั้งแรก เพิ่งจะอายุสิบเก้าเอง
“ไม่มีอะไรครับ” ผมยิ้มให้แล้วปฏิเสธ ทำเอาธารหัวเราะในลำคอขึ้นมา
“ทำไมพี่ ปีนี้จะอายุยี่สิบหกเลยรู้สึกแก่หรือไง ไม่ต้องห่วง ถึงพี่จะแก่ ธารก็ไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นซะหน่อย พี่เหนือแค่รู้สึกว่าน้องธารโตขึ้นเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแก่” ผมท้วงเสียงขึ้นจมูก
ธารได้ทีก็หัวเราะใหญ่ แถมแกล้งหยอกผมอีก
“เอาน่า แก่ก็แก่ ไม่รู้หรือไงว่าเค้าว่ากันว่ายิ่งแก่ ยิ่งอร่อย ดูพี่สิ เห็นแล้วธารอดใจจะไม่ไหวแล้วเนี่ย ยิ่งตอนตื่นนอนใหม่ๆ ยิ่งน่ารัก เซ็กซี่เป็นบ้า”

ทั้งหยอก ทั้งหยอด ซ้ำยังซุกหน้าลงมาจูบซอกคอผมไปมา ทำเอาจั๊กจี้ไปหมดด้วย ผมก็หัวเราะไปตามเรื่อง ใจหนึ่งนี่อยากจะแซ่บกับมันเหลือเกิน แต่อีกใจก็ตระหนักรู้ได้ว่าต้องไปสัมภาษณ์งานเลยอดใจไว้

ก็แหม เดี๋ยวนี้มันขี้เล่นอย่างกับอะไรดี พอโตแล้วก็เสน่ห์แรงขึ้นอีก จะให้อดใจไหวได้ยังไง

“น้องธารไม่แกล้งพี่เหนือนะ เดี๋ยวพี่เหนือไปสายจนได้ พลาดงานนี้ไป ตกงานยาวเลยนะ” ผมระงับความหื่นของตัวเองด้วยการร้องห้าม
ธารที่กำลังงับลำคอผมอยู่ถึงยอมผละออกมาได้ ทำปากยื่นๆ ใส่ ก่อนว่า
“ตกงานก็ตกงานดิพี่ ไม่เห็นเป็นไร”
“เอ้า ตกงานก็ไม่มีเงินนะ ไม่เป็นไรได้ไง”
“งานอื่นก็มีให้ทำน่า เก่งๆ แบบพี่ หางานไม่ยากหรอก มีแต่พี่เนี่ยที่เรื่องมากเอง”

จริงของมัน ความจริงตลอดระยะเวลาที่ผมกลับมาไทย มีบริษัทหลายที่เข้ามาทาบทามผมให้ไปสัมภาษณ์งานด้วยนะ ก็ผมดันไปเผลอทิ้งโปรไฟล์ไว้ที่เว็บไซต์หางานแห่งหนึ่งตามคำแนะนำของไอ้ยีนส์ไอ้กั้ง แต่ผมไม่เคยไปเลยเพราะเป้าหมายหลักคือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างเดียว ไม่รู้ทำไมไอ้งานสอนที่ผมเคยคิดว่าตัวเองไม่ชอบถึงได้กลายเป็นงานที่ผมอยากจะได้โคตรๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้น

แต่ก็นะ คนเราโตขึ้น ความฝันก็ย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้

“ไม่เถียงงี้ แสดงว่ายอมรับว่าเรื่องมาก?” ธารเรียกสติผมอีกครั้ง ผมเลยพยักหน้ารับ
“ก็นิดนึงครับ น้องธารก็รู้นี่ว่าพี่เหนืออยากเป็นอาจารย์มหา’ลัยมากกว่าทำงานอื่น เรื่องมากมันก็เรื่องปกติน่า”
“แล้วถ้าพี่สัมภาษณ์งานไม่ผ่านขึ้นมา พี่จะเอาไงต่อ”
ถามเรื่องไม่เป็นมงคลขึ้นมาซะได้ มาพูดอะไรแบบนี้ตอนนี้ทำไมวะ!
“ถ้าไม่ผ่านที่นี่ พี่เหนือก็จะไปสมัครที่อื่น สมัครมันจนกว่าจะได้เป็นอาจารย์จริงๆ”
พอผมว่าอย่างมั่นใจ ธารก็ยิ้มกว้างออกมา ยื่นมือมายีเส้นผมของผมจนยุ่ง
“พี่นี่น้า หัวดื้อไม่มีใครเกิน ดื้อด้านกว่าธารอีกนะรู้ตัวมั้ย”

ไม่ได้ดื้อสักหน่อย แค่ผมตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ผมต้องทำให้ได้เท่านั้น

ผมอยากจะบอกธารแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนไม่ต้องบอก ธารก็น่าจะรู้นิสัยผมอยู่แล้ว และผมก็ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงด้วยเมื่อจู่ๆ ธารก็ประทับจูบริมฝีปากผมลงมาเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วว่าเสียงเรียบ
“แล้วแต่พี่ละกัน ถ้าไม่ได้งานนี้ก็ไม่เป็นไร พี่ก็สมัครไปเรื่อยๆ ถ้าสุดท้ายไม่ได้เป็นอาจารย์จริงๆ ก็ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวธารเลี้ยงพี่เอง”
ฟังแล้วก็เบิกตาโตใส่มันทันควัน
“จะเลี้ยงพี่เหนือเนี่ยนะ ตัวเองยังเรียนไม่จบซะหน่อย”
“อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วน่า นี่ก็เริ่มมีบริษัทมาติดต่อบ้างแล้ว จบอย่างเป็นทางการแล้วค่อยเลือกอีกทีว่าจะไปทำงานที่ไหน”
จะว่าไป ธารก็เก่งเหมือนกันนะ ยังไม่จบดีแท้ๆ มีบริษัทหลายที่มาทาบทามตัวบ้างแล้ว

ก็แหงล่ะ ดีกรีนักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งขนาดนี้ ไม่มีใครสนก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว

“งั้นถ้าพี่เหนือสัมภาษณ์ไม่ผ่าน น้องธารต้องเลี้ยงพี่เหนือด้วยนะครับ” ผมแกล้งหยอก
“เลี้ยงพี่คนเดียวไม่ยากหรอกน่า ให้เลี้ยงทั้งชีวิตยังได้ ถ้าพี่ไม่ได้เป็นอาจารย์ ก็มาเป็นแม่บ้านให้ธารแล้วกัน ธารเลี้ยงพี่เอง”
คำพูดทีเล่นทีจริงที่หลุดจากกลีบปากคู่สวยทำเอาผมยิ้มกว้างไม่หยุด ดึงตัวคนตรงหน้ามากอดแน่น กระซิบเสียงเบาด้วยหัวใจพองโต
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
ธารหัวเราะ กอดผมตอบแน่นราวกับเป็นการสัญญาว่าจะดูแลผมไปชั่วชีวิต
“บอกแล้วว่าจับมือกันแล้วจะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด เชื่อใจธารสิ”

เชื่อสิ ผมเชื่อ เชื่อว่าธารจะอยู่ดูแลและรักผมตลอดไปตราบเท่าที่คนคนนึงจะมอบความรักให้ใครสักคนได้

อา...ตอนนี้ผมเริ่มกลายเป็นคนถูกดูแลแทนที่จะเป็นคนดูแลเหมือนเคยแล้วสิ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราสลับฝั่งกันแบบนี้ อาจเป็นเพราะธารโตขึ้นก็ได้ ผมเลยไม่ต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่มากเหมือนเดิม

จำได้นะว่าครั้งหนึ่ง ธารเคยบอกว่าไม่อยากคบกันเป็นแฟนเพราะกลัวความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไป แต่พอมาถึงตอนนี้ ผมว่าเป็นแฟนกันน่ะดีแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเราเปลี่ยนไปก็จริง ทว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ดีซะจนผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือความจริง ไม่ใช่ความฝัน...

“ตกลงจะลุกไปอาบน้ำได้หรือยัง นอนกอดธารอยู่นั่นแหละ” ธารเตือนสติผม
ทว่าผมก็ยังไม่ยอมปล่อย ซุกหน้าลงบนไหล่ใหญ่ พึมพำเบาๆ
“ขอกอดอีกหน่อยนะ น้องธารน่ารักจนพี่เหนือไม่อยากลุกจากเตียงเลย”
“บอกแล้วนะว่าถ้าไม่ลุก ธารจะทำให้หลับยาว”
เป็นคำขู่เหมือนกับตอนที่ปลุกผมครั้งแรก แต่ดันเป็นคำขู่ที่ไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด ยินดีที่จะรับการลงโทษนั้นด้วย
“ทำให้หลับยาวก็ได้ แต่รีบทำหน่อยนะ เดี๋ยวพี่เหนือไปสัมภาษณ์ไม่ทัน” ว่ากะลิ้มกะเหลี่ย เปิดทางให้มันทันที
ธารหัวเราะลั่น เลื่อนใบหน้ามาจูบผมเบาๆ
“พี่นี่มันหื่นเกินคนจริงๆ”

ว่าผม แต่มันทำมั้ยล่ะ...ทำ

แหม แล้วมาทำเป็นพูด ตัวเองก็หื่นเหมือนกันเถอะ

แต่ก็ช่าง ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้ว ได้อยู่ในอ้อมกอดของธารใจนี่แหละ ความสุขสุดๆ แล้วล่ะ

“ธารรักพี่เหนือนะครับ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างหูระหว่างที่เราปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ ผมที่กำลังหอบหายใจหนักเหลือบมองใบหน้าคร้ามของคนตรงหน้าที่ส่งสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมาให้ แล้วก็อดที่จะพูดประโยคเดียวกันไม่ได้

“พี่เหนือก็รักน้องธารเหมือนกันครับ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ”

ธารพยักหน้าพลางยิ้มรับ ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีเพียงร่างกายของพวกเราเท่านั้นที่สื่อสารถึงกันว่าเรารักกันมากแค่ไหน

รักมากจนไม่อาจแยกจากกันได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน โดยเฉพาะเวลานี้... เวลาที่เราทั้งคู่อยู่บนเตียงด้วยกัน

ก็จะให้แยกได้ยังไง เข้าด้ายเข้าเข็มร้อนแรงขนาดนี้ อย่าเพิ่งรีบแยกเลยเนอะ

สะโพกครากไปสัมภาษณ์งานก็คงจะไม่มีใครสงสัยอะไรหรอกมั้ง?

ช่วยไม่ได้ รักขนาดนี้ จะอดใจไม่ให้กอดแน่นๆ ได้ยังไง

รักมากที่สุดเลย ธารใจของพี่เหนือ...
-----------------------------------
เนื้อเรื่องหลักจบอย่างเป็นทางการแล้วจ้า จำนวนหน้าต้นฉบับสิริรวมทั้งสิ้น ณ ตอนนี้คือ 322 หน้า (ยาวเหมือนกันนะ ฮรากกก 2 เล่มจบแน่นอนเพราะยังไม่ได้เขียนตอนพิเศษ ถ้ามีตอนพิเศษเข้ามาก็คาดว่าเกือบๆ 350 หน้าค่ะ)
เรื่องนี้เหมือนจะไม่ยาว แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ยาวเหมือนกันนะ ไม่รู้เขียนไรนักหนา ช่วงนี้เขียนต้นฉบับสั้นๆ ไม่เป็น ลำบากไตคนอ่านอื่น 555 อีกสักหลายๆ วัน หนูแดงจะมาอัพตอนพิเศษให้นะคะ เป็นตอนพิเศษที่หนูแดงจะเอาลงให้อ่านฟรีในเว็บ ในหนังสือจะมีตอนพิเศษเพิ่มอีก 3-4 ตอน เป็นพาร์ทพี่เหนือ ใครอยากอ่าน รอตามหนังสือเอานะคะ ส่วนเรื่องหนังสือ ไว้หนูแดงเขียนตอนพิเศษที่อยู่ด้านบนนี่จบเมื่อไหร่ เดี๋ยวส่งไปให้ สนพ.ที่นึงพิจารณาก่อน ถ้าไม่ผ่านก็พิมพ์เองเน้อ เดี๋ยวมาแจ้งอีกทีค่ะ (ส่วนเซ็ทพี่น้องสามจอมก็รอคิวก่อนนะคะ ตอนนี้ศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกมากๆ คิวงานเดดไลน์รอจ่อบี้เยอะมาก ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ อย่าใจร้อนวู่วามนะ ถ้าจะเขียน หนูแดงจะเขียนพี่ดื้อเป็นเรื่องแรก แต่ขอเวลาไปลาวก่อนค่ะ อยากไปเก็บข้อมูลอะไรนิดหน่อย คาดว่าราวๆ ส.ค.-ก.ย.จะมาเน้อ)

สุดท้ายแล้ว ขอคุยกันหน่อย  นิยายเรื่องนี้เขียนแบบไม่คิดอะไรเท่าไหร่ หลักๆ เลยคือตั้งใจจะเขียนส่ง สนพ.ที่อยากส่ง แล้วตั้งแต่เขียนวายมา ยังไม่เคยเขียนพล็อตแนวมหา'ลัยอะไรงี้ เลยลองดูหน่อย (ถ้าไปดูงานเก่าๆ ของหนูแดง จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นกึ่งแฟนตาซี แนวธรรมดาก็ไม่มีพล็อตแบบมหา'ลัย เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องแรก) มันก็พล็อตทั่วๆ ไปแหละนะ หนูแดงก็เลยเน้นความฟิน ความฮา อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจเป็นหลัก อาจจะไม่ได้เป็นงานสดใหม่อะไรมาก อ่านแล้วเดาเรื่องกันได้เพราะพล็อตเรื่องไม่ได้ซับซ้อน เป็นพล็อตทั่วๆ ไป แต่หนูแดงก็พยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง อาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็เต็มที่แล้วค่ะ (สกิลการเขียนตอนนี้คือได้แค่นี้ ฮาาา)

ต้องขอบคุณทุกคนมากที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้ ดีใจและปลื้มใจมากๆ ที่หลายๆ คนชอบและรักตัวละครของหนูแดงนะคะ หวังว่าจะติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ น้า สัญญาว่าจะพยายามพัฒนางานให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-05-2016 12:33:04
5555555 ไอ้ไม้ อุ้ย!! น้องมากาเร็ต ชนะเลิศศศศ  :jul3:

ไม่เสียแรงที่พี่เป็น FC น้องตั้งกะน้องยังเป็นตุ๊ด(ยักษ์)ละอ่อน ยังไม่แปลงร่าง  :t2:  ถ้าจะมีใครคู่ควรแก่การเป็นนายเอกแทนอิเหนือ พี่ก็เห็นจะมีแต่น้องเนี่ยแหละค่าาาา เลอค่าที่สุด ทำเอาขุ่นแม่เหนือ ถึงกับเสียศูนย์ไปไม่เป็นเลยทีเดียว พอรู้ว่าเป็นน้องมายด์คนเดิม (มึงจะชื่อเยอะไปไหน?) นึกถึงอารมณ์น้องธาร ตอนถูกบังคับให้ถ่ายรูปคู่ออกเลยว่าธาร He จะทำหน้าเซ็งได้ขนาดไหน? 55555 ชอบๆ o13

รอบทส่งท้ายค่ะ เสียดายจุงจะจบแล้ว สนุกมากค่ะเรื่องนี้ คนเขียนเก่งจัง ชื่นชมๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 07-05-2016 12:43:40
นั่นไง!!!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ชั่งใจ ครั้งที่27:เป็นแฟนธารนะพี่♦P.23♦06/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-05-2016 12:46:15
ในที่สุดก็ลงตัว. สนุกมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-05-2016 12:48:41
5555555 ไอ้ไม้ อุ้ย!! น้องมากาเร็ต ชนะเลิศศศศ  :jul3:

ไม่เสียแรงที่พี่เป็น FC น้องตั้งกะน้องยังเป็นตุ๊ด(ยักษ์)ละอ่อน ยังไม่แปลงร่าง  :t2:  ถ้าจะมีใครคู่ควรแก่การเป็นนายเอกแทนอิเหนือ พี่ก็เห็นจะมีแต่น้องเนี่ยแหละค่าาาา เลอค่าที่สุด ทำเอาขุ่นแม่เหนือ ถึงกับเสียศูนย์ไปไม่เป็นเลยทีเดียว พอรู้ว่าเป็นน้องมายด์คนเดิม (มึงจะชื่อเยอะไปไหน?) นึกถึงอารมณ์น้องธาร ตอนถูกบังคับให้ถ่ายรูปคู่ออกเลยว่าธาร He จะทำหน้าเซ็งได้ขนาดไหน? 55555 ชอบๆ o13

รอบทส่งท้ายค่ะ เสียดายจุงจะจบแล้ว สนุกมากค่ะเรื่องนี้ คนเขียนเก่งจัง ชื่นชมๆ :katai2-1:

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^
บทส่งท้ายอยู่นี่แล้วค่า http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3374179#msg3374179
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 07-05-2016 13:14:49
อิจฉาเนือได้น้องธารไปครองชิร์
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-05-2016 14:51:53
น้องธารน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ ดูแลพี่เหนือได้แล้วว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-05-2016 15:15:08
จบแบบน่ารักมุ้งมิ้ง อยากอ่านตอนพิเศษ คู่พิเศษอีกอ้ะๆๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2016 15:53:13
จบแล้ว~น้องธาร-พี่เหนือแฮปปี้กันไป สนุกมากๆเลยค่ะ
รอตอนพิเศษน้า~
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-05-2016 16:11:11
 :pig4: :pig4: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-05-2016 16:49:16
ดีใจที่ได้รู้จักเรื่องดีดี อีก 1 เรื่อง ..
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-05-2016 16:49:26
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับพี่เหนือ-น้องธาร น่ารักมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-05-2016 18:23:56
ขอบคุณ ;)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-05-2016 19:08:46
ขอบคุณสำหรัยนิยายดีๆค่าาา
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-05-2016 20:39:38
5555555 ไอ้ไม้ อุ้ย!! น้องมากาเร็ต ชนะเลิศศศศ  :jul3:

ไม่เสียแรงที่พี่เป็น FC น้องตั้งกะน้องยังเป็นตุ๊ด(ยักษ์)ละอ่อน ยังไม่แปลงร่าง  :t2:  ถ้าจะมีใครคู่ควรแก่การเป็นนายเอกแทนอิเหนือ พี่ก็เห็นจะมีแต่น้องเนี่ยแหละค่าาาา เลอค่าที่สุด ทำเอาขุ่นแม่เหนือ ถึงกับเสียศูนย์ไปไม่เป็นเลยทีเดียว พอรู้ว่าเป็นน้องมายด์คนเดิม (มึงจะชื่อเยอะไปไหน?) นึกถึงอารมณ์น้องธาร ตอนถูกบังคับให้ถ่ายรูปคู่ออกเลยว่าธาร He จะทำหน้าเซ็งได้ขนาดไหน? 55555 ชอบๆ o13

รอบทส่งท้ายค่ะ เสียดายจุงจะจบแล้ว สนุกมากค่ะเรื่องนี้ คนเขียนเก่งจัง ชื่นชมๆ :katai2-1:

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^
บทส่งท้ายอยู่นี่แล้วค่า http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51827.msg3374179#msg3374179

ตามไปอ่านแล้วค่าาาา   :a5: โพสชนกันอายจุง  :mew5:  จบแล้วววว อบอุ่นมากเลย จากเด็กช่างเกเรไปวันๆ กลายเป็นหนุ่มเต็มตัว เป็นผู้ใหญ่ ดูแลคนรักได้ ผ่านวันนั้นมาเป็นวันนี้ได้ด้วยเพราะความรัก ความเอาใจใส่ ห่วงใยของเจ้ออโรร่า ที่ดูเผินๆเหมือนเป็นเกย์ลัลล้า เตาะหนุ่มไปวันๆ แต่พอเจอรักแท้แล้ว กลับจริงจังและเป็นผู้เป็นคนขึ้นทันตา :katai2-1:

สนุกมากค่ะเรื่องนี้ o13 ฮากระจาย ชอบน้องมากาเร็ตเวลานางมโนว่านางเป็นสาวเหนือผู้บอบบาง และที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง ไม่กล่าวถึงนางไม่ได้เลยคือ เจ้แสงเหนือ นางแรดได้น่ารักน่าชังมาก (ชม?) สกิลการเตาะเด็กของนางนี่ ไฮเลเวลเป็นที่สุด  :jul3: ควรค่าแล้วกับตำแหน่ง ขุ่นแม่ ที่น้องมายด์ยกให้ :laugh:

ขอบคุณคุณหนูแดงนะคะ สำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้ ขอแนวน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบนี้มาอีกนะคะ จะคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-05-2016 21:54:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 08-05-2016 01:19:32
 :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-05-2016 01:35:43
จบได้กำลังดีเลยอ่ะ ชอบนะ อ่านแล้วมีความสุข
ยิ้มได้ ใจเบิกบาน 555
ขอบคุณหนูแดง ที่เขียนเรื่องสนุก หื่น ฮา ให้อิคนอ่านได้เพลิดเพลินค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 08-05-2016 02:18:39
อ่านจบแล้วก็รู้สึกเบิกบานใจมากค่ะ ตอนนี้อยากอ่านตอนหน่องธารใจจะขาดแระ ถ้ามีน้องมากาเร็ตมาแจมคงฮาไม่น้อย 555+


ปล.ได้อ่านอินเนอร์ของอิพี่เหนือจนจบบทส่งท้ายแล้วอยากให้น้องธารได้ยินจริงๆ ไอ้ความคิดของนางแต่ละอัน  :z1: ความหื่นคงเส้นคงวาจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 08-05-2016 02:40:04
รักและติดตามค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 08-05-2016 09:51:11
ชอบเรื่องนี้มาก พี่เหนือกับน้องธารน่ารักมาก เป็นรักที่มั่นคงชอบๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-05-2016 11:31:37
ขอบใจน้า  สนุกมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 08-05-2016 11:38:49
ในที่สุดก็จบแล้วววววว  สนุกมากๆค่า o13 จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆนะคะ :mew1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 08-05-2016 15:18:28
มีความมุ้งมิ้งสูงในตอนจบ ฮาความสามารถในการฮาร์ดเซลล์ของอิพี่เหนือมาก อ้อยสุดไรสุด55555555
น้องธารหลังๆก็อ้อยได้รุนแรงไม่แพ้กัน ดาเมจทิ่มแทงจนแทบลงไปนอนกองตามพี่เหนือ
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦บทส่งท้าย♦P.23♦07/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-05-2016 17:18:54
[ตัวอย่าง]ธารใจ ตอนพิเศษ 1
เอาตัวอย่างมาแปะเรียกน้ำย่อยก่อนค่ะ อีกสักวันสองวันจะมานะ รอกันก่อนเน้อ อีกเดี๋ยวจะได้รู้ระบบความคิดของหน่องธารใจ สามีแห่งชาติละว่าคิดและมองอีพี่เหนือยังไง ส่วนพี่เหนือ...น่าหมั่นไส้ตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบเรื่อง ลามมายันตอนพิเศษ 55555
เจิมแล้วปูเสื่อรอนะคะ เดี๋ยวเขียนเสร็จแล้วจะมาอัพให้ค่ะ
----------------------------------


“พี่เหนือ พี่เป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับธาร”
ผมชักอึดอัดละ อดถามขึ้นมาไม่ได้ ก็แม่ง เป็นใครจะไม่อึดอัดวะ ไม่พูดกับผมมาตั้งแต่หลังงานรับปริญญาละ ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่บอก เอาแต่ปฏิเสธอย่างเดียว ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้เลยเถอะ ผมว่าถ้าไม่พี่เหนือไปกินอะไรผิดสำแดง ก็ต้องเป็นผมนี่แหละที่ทำอะไรให้พี่เหนือขุ่นใจแน่

แต่ประเด็นคือผมไม่รู้ไงว่าตัวเองไปทำอะไร

เป็นอะไรก็บอกมาสิเว้ย!

“พี่เหนือ ธารถามว่าเป็นอะไร ได้ยินมั้ยเนี่ย”
ถามอีกครั้ง พี่เหนือก็ยังเมินใส่ผม เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว ทำท่าจะไปอาบน้ำเฉย ผมเลยชักหัวเสีย ลุกจากเตียงไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ
“พี่เหนือ ธารทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจก็บอกธารสิ” คราวนี้ผมว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
พี่เหนือมองผมด้วยสายตาประหนึ่งรำคาญอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมองผมด้วยสายตาแบบนี้สักครั้ง ก่อนจะยอมปริปากออกมา
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”

เอาอีกละ นี่ก็เหมือนกัน งอนอะไรก็ไม่รู้ ปกติไม่เคยงอนแท้ๆ จู่ๆ มาทำเมินเฉยนี่มันแปลกชัดๆ แต่ดูท่าแล้ว ขืนผมดันทุรังเค้นถาม พี่เหนือต้องไม่ยอมบอกแน่ว่าตกลงเป็นอะไรกันแน่ งั้นต้องเข้าทางอ้อน

ก็พี่เหนือแพ้ทางผมเวลาอ้อนนี่นา จัดไปเลยก็แล้วกัน

คิดได้ ผมก็ดึงร่างคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด วางคางลงบนไหล่แล้วว่าเสียงเบา
“พี่เหนือครับ  พี่เหนือเป็นอะไร โกรธอะไรธารฮึ”
เหมือนจะได้ผล พี่เหนือที่ทำท่าสะบัดสะบิ้งขัดขืนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะว่าตะกุกตะกัก
“ก็...ไม่ได้โกรธอะไรนี่ครับ”
ยัง...ยังปากแข็งอยู่ เดี๋ยวเจออ้อนขั้นแอดวานซ์
“ถ้าไม่ได้โกรธ แล้วพี่เหนือเมินธารทำไม ธารเห็นพี่เหนือเมินแบบนี้มันเจ็บนะ ธารขอโทษแล้วกันถ้าธารทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจ แต่บอกธารหน่อยได้มั้ยว่าโกรธธารเรื่องอะไร เป็นแบบนี้ ธารเอาใจไม่ถูก”

จัดหนักไปเลยเต็มเหนี่ยว พี่เหนือดันตัวผมออกเล็กน้อย ผมเลยมองหน้าและส่งสายตาเว้าวอนให้ ปากก็ขยับส่งเสียงกระเง้ากระงอดด้วย
“นะครับพี่เหนือ งอนอะไรธาร บอกธารหน่อยนะ ธารจะได้ง้อพี่เหนือถูกนะครับ”
ดวงตากลมนั่นประกายวาวขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว มุมปากก็ยกยิ้มน้อยๆ ด้วย รู้เลยว่ามาถูกทาง แต่พี่เหนือยังแสร้งนิ่ง

ก็ได้ งั้นอ้อนอีกนิดแล้วกัน

“น้า พี่เหนือของธาร บอกธารหน่อยนะครับ ธารจะอกแตกตายอยู่แล้ว โกรธอะไร บอกธารหน่อย นะๆๆ”
ไม่พูดอย่างเดียว ฉกจูบแก้มไปด้วย เท่านั้นพี่เหนือก็หลุดเก๊กแตก ยิ้มกว้างออกมาเลย ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าสุดท้าย หวยต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่ที่พลิกล็อคก็คือ พี่เหนือไม่บอกว่าโกรธอะไร ดันถลาเข้ามากอดผม ไอ้ที่ทำเป็นกระฟัดกระเฟียดใส่ผมตอนถูกผมดึงไปกอดก็กลายเป็นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซ้ำยังพูดคนละเรื่องเดียวกันหน้าตาเฉย
“น้องธารน่าร้าก ลากพี่เหนือไปที่เตียงหน่อย ไม่ไหวแล้ว”

เอ้า อะไรของพี่เหนือวะเนี่ย เมื่อกี้งอนอยู่ดีๆ แล้วไอ้จู่ๆ ก็หื่นนี่มายังไง!?

“พี่จะไม่บอกธารหน่อยเหรอว่าตกลงโกรธอะไร” ผมเลยรีบท้วงก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายถูกพี่เหนือลากไปแทน
พี่เหนือมองหน้าผม ยิ้มกว้าง แล้วว่าเสียงระรื่น
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเนอะ เรื่องนี้สำคัญกว่า ไปที่เตียงๆ”

แล้วก็เป็นฝ่ายดันผมให้เดินถอยหลังไปชนกับขอบเตียงซะงั้น

วัยทองหรือไงวะ ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยกู

แต่ช่างเถอะ พี่เหนืออารมณ์ดีขึ้นก็ดีแล้ว เรื่องอื่นไว้ค่อยว่าทีหลัง จัดการเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน ไม่ยินยอมพร้อมใจขึ้นมา เดี๋ยวพี่แกได้งอนอีก

จะจัดให้หนักโทษฐานหมั่นไส้เลย บังอาจมาเมินผมให้คิดไม่ตกอยู่ตั้งหลายวัน แบบนี้ต้องโดนดี!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-05-2016 18:07:22
โว๊ะ อะไรกันนี่
ต้องแอบไปอยู่ใต้เตียงละ
จะได้รู้ว่ามันเรื่องอะไรกัน
ว่าแต่ เตียงเป็นแบบตันหรือเปล่านะ
้ถ้างั้นแอบไปอยู่ไม่ได้ละสิ หมดกัน
มาต่อเร็ว ๆ แล้วกันนะจ๊ะ

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-05-2016 20:14:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: love noon ที่ 08-05-2016 20:16:09
อ่านจบละ อยากบอกว่า อีเหนือ อีโรร่า อีแ_ด
555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 08-05-2016 20:48:59
โอ้ยยย อธิบายไม่ถูก นี่ถ้าเป็นพี่เหนือก็เล่นแบบที่พี่เหนือทำแหละ เด็กมันหอมกรุ่น กรุบกรอบ แถมยังโคตรหล่อขนาดนี้ อ่านพทาธารแล้วธารคงไม่คิดว่าตัวเองหล่อแน่เลยย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 08-05-2016 20:51:49
พี่เหนือ แรดแร๊ดอะ  :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 08-05-2016 21:03:50
เราว่าพี่เหนือหาเรื่องขึ้นเตียงอ๊ะป่าวววว  :z1: :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2016 22:09:19
อิพี่เหนึอแกล้งทำแน่เลย!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 09-05-2016 03:14:42
อ่านแล้วชอบมาก  อุ่นหัวใจมาก  ประทับใจอย่างบอกไม่ถูก

อ่านแล้วอยากมีแฟนเด็กเลยอะ 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 09-05-2016 10:04:51
เย้ๆจบแล้ว ชอบมากกกก  o18 o18
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 09-05-2016 17:56:38
เพิ่งมาเจอและไล่ตามอ่านรวดเดียวจบ ชอบมากๆเลย ทั้งฮาทั้งน่ารัก
เข้าใจธารเลยทำไมรักเหนือขนาดนี้ นางทั้งฮาและแซ่บ ยิ่งอ่านความคิดนาง
นี่แบบ..โอยยฮา อยู่ด้วยแล้วมีความสุขอ่ะเนอะ เค้าเติมเต็มกันและกัน
อ่านแล้วฟิน ดีใจที่เค้าสมหวัง เหมือนเราเฝ้าแอบมองคนน่ารักๆรักกันแล้วเราก็เผลอยิ้มคนเดียว
5555 นี่อินมากอ่ะ ขอบคุณคนแต่งนะคะ เราหัวเราะและยิ้มกับนิยายเรื่องนี้มากๆค่ะ
จะรออ่านตอนพิเศษพาร์ทน้องธารและจะรอเรื่องรวมเล่มนะค๊า อยากได้เก็บไว้ เราชอบเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 09-05-2016 19:22:15
เหนือจะโกรธอะไรอะดูอายุตัวเองด้วย แก่แล้วววว ผัวทิ้งขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-05-2016 20:08:45
สนุกมากค่ะ เหนือนี่หื่นฮาตลกดี ชอบธารที่รักจริงมั่นคง o13
แอบจิ้นคุณพ่อธีกับเลขาด้วยล่ะ ^///^

บวกๆค่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 09-05-2016 21:45:22
 o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Crown ที่ 11-05-2016 14:18:58
 :-[ :-[ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 11-05-2016 18:45:11
 :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 11-05-2016 19:26:55
ยอมใจพี่เหนือออ :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ01:ตัวอย่าง♦P.24♦08/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 12-05-2016 01:21:15
ธารใจ ตอนพิเศษ 1: Pre-wedding

ผมว่าพี่เหนือโกรธอะไรผมสักอย่าง...

ไม่รู้สิ เป็นความรู้สึกของผมเองที่คิดว่าพี่เหนือโกรธ ก็ท่าทางของเขาดูผิดแผกไปจากทุกทีนี่นา เป็นมาหลายวันแล้วด้วย ถ้านับก็คิดว่าน่าจะเป็นตั้งแต่หลังงานรับปริญญาของผม จนถึงวันนี้ก็ราวๆ อาทิตย์นึงได้แล้วมั้งไอ้อาการเมินเฉย ถามคำก็ตอบคำ ไม่หือไม่อืออะไรสักอย่างเนี่ย แล้วก็ยิ่งอาการหนักข้อขึ้นทุกวันๆ จนถึงขั้นเลิกกระดี๊กระด๊าใส่ผมเหมือนทุกทีเวลาเจอหน้ากันหลังพี่เหนือเลิกงาน ทั้งที่ปกติแล้ว พอเห็นหน้าผมก็ต้องเข้ามากอดมาหอม ลวนลามไปเรื่อยเปื่อย อ้างว่าคลายเครียดอะไรงี้แท้ๆ จนผมต้องมานั่งคิดทบทวนว่าตัวเองไปทำอะไรให้พี่เหนือรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า

ไปคุยกับผู้หญิงหรือผู้ชายคนอื่นที่เป็นเกย์ ผมก็ไม่ได้ทำนะ จะมีก็แต่ในงานรับปริญญาที่พอจะได้คุยกับเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องร่วมคณะบ้าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อใครเลย ที่สำคัญ ช่วงนี้ผมอยู่ในระหว่างรอบริษัทที่เลือกว่าจะทำงานด้วยเรียกตัวไปทำงานอยู่ เลยไม่ได้ออกไปไหน หมกตัวอยู่แต่ห้อง จะว่าพี่เหนือโกรธเรื่องนี้ก็คงไม่น่าใช่

หรือพี่เหนือจะมีคนอื่นกันนะ?

ไม่หรอก ประเด็นนี้ไร้สาระ ตื่นเช้ามาก็ไปสอนหนังสือ เลิกสอนก็กลับ ยิ่งมีผมไปรับ-ส่งเช้าเย็นอย่างนี้ด้วยแล้ว ยิ่งมั่นใจได้เลยว่าพี่เหนือไม่ได้มีคนอื่นแน่ แถมตอนนี้เราก็ย้ายออกจากหอพักมาอยู่คอนโดฯ ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่พี่เหนือไปยืมเงินพ่อแม่มาซื้อด้วยกันแล้ว ตัวติดกันเกือบจะตลอดเวลา คงไม่มีเวลาไปยุ่งกับคนอื่นหรอก
อันที่จริงผมมั่นใจเพราะแอบเช็คโทรศัพท์พี่เหนือด้วยแหละ เลยคิดว่าพี่เหนือน่าจะโกรธผมมากกว่า ก็ดูทำสิ ไม่ได้ทำท่ารำคาญผมนะ แต่แบบ... งอนน่ะ ทำท่าเหมือนงอนอะไรสักอย่าง เพียงแค่ถามแล้วไม่พูดเท่านั้น

ทว่าพี่เหนือจะรู้มั้ยว่าการทำแบบนี้ มันทำให้ผมอึดอัดชะมัด อึดอัดจนอดถามขึ้นมาไม่ได้
ยังไงวันนี้ก็ต้องเคลียร์แล้วล่ะ มาทำตัวแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ มันน่ารำคาญ

“พี่เหนือ พี่เป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับธาร”
โพล่งออกมาจนได้ทันทีที่เราเข้ามาในห้อง พี่เหนือหันมามองผมด้วยหางตาเล็กน้อย ก่อนเชิดจมูกขึ้น

ดู เมิน... เมิน น่าหมั่นไส้จริงๆ

“พี่เหนือ ธารถามว่าเป็นอะไร ได้ยินมั้ยเนี่ย”
ผมเลยถามไปอีกครั้ง คราวนี้หันมามองผมตรงๆ แล้วกลอกตา หากแต่แทนที่จะตอบคำถามผม ดันเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว ทำท่าจะไปอาบน้ำเฉย ผมเลยชักหัวเสีย ลุกจากเตียงไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ
“พี่เหนือ ธารทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจก็บอกธารสิ” คราวนี้ผมว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ให้รู้ว่าผมซีเรียสนะ พี่เหนือเลยเบนความสนใจมาทางผมอีกครั้ง ก่อนจะยอมปริปากออกมา
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”

ไม่ได้เป็นอะไร แต่ปากนี่ยู่เชียว แก้มก็ป่องด้วยเถอะ มันก็น่ารักดีอยู่หรอกไอ้การทำท่าทางเหมือนเด็กๆ งอนเนี่ย แต่อายุเกือบจะสามสิบแล้วมั้ย อีกไม่กี่เดือนก็จะยี่สิบหกแล้ว ทำอะไรก็ให้ดูอายุหน่อย

ทว่าผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เค้นถามเรื่องที่อยากรู้ออกไปอีก
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไร พี่จะทำท่าทางห่างเหินใส่ธารทำไม”
ถามคราวนี้ พี่เหนือก็มองผมอย่างรำคาญนิดหน่อย เป็นสายตาที่ไม่เคยใช้มองผมเลย ครั้งนี้ครั้งแรกก็ว่าได้ สัมผัสได้เลยว่าผมคงจะไปทำอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจจริงๆ ก่อนพี่เหนือจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม พลันขึ้นเสียงใส่ผมเล็กน้อย
“ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไงครับ น้องธารจะคาดคั้นอะไรพี่เหนือนักหนา!”

ดูๆ ทำเป็นกระฟัดกระเฟียด ทำเป็นสะบัดสะบิ้ง น่าทุบชะมัดเลยให้ตาย

คิดไปงั้นแหละ ผมไม่ใช้ความรุนแรงกับคนที่ผมรักหรอก แล้วก็ไม่ดันทุรังเค้นถามต่อด้วย ขืนทำอย่างนั้น พี่เหนือต้องไม่ยอมบอกแน่ว่าตกลงเป็นอะไร

งั้นอย่างนี้ต้องเข้าทางอ้อน... ทางอ้อนจริงๆ ไม่ใช่ทางอ้อม ก็พี่เหนือแพ้ทางผมเวลาอ้อนนี่นา ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ยังไม่หาย เวลาถูกผมอ้อนทีไร ใจอ่อนทุกที งั้นจัดไปเลยแล้วกัน

คิดได้ ผมก็ตรงเข้าไปดึงร่างคนตัวเล็กกว่าที่กำลังจะหมุนตัวหนีไปเข้าห้องน้ำมากอดไว้เสียก่อน พลันวางคางลงบนไหล่แล้วว่าเสียงกระเง้ากระงอด
“พี่เหนือครับ พี่เหนือคนดีของธารเป็นอะไร โกรธอะไรธารฮึ”
เหมือนจะได้ผล พี่เหนือที่ทำท่าขัดขืนเล็กน้อยเมื่อครู่นิ่งไป ก่อนจะว่าตะกุกตะกัก
“ก็...ไม่ได้โกรธอะไรนี่ครับ”

ยัง...ยังปากแข็งอยู่ งอนก็บอกว่างอนสิ เดี๋ยวเจออ้อนขั้นแอดวานซ์หรอก

ไม่ต้องขู่ ผมก็ทำแล้ว จัดการหมุนตัวพี่เหนือให้หันมาประจันหน้า แล้วว่าพลางทำปากยื่นๆ พี่เหนือเคยบอกว่าเวลาผมทำหน้าตาแบบนี้แล้วดูน่ารัก ถึงผมจะคิดว่ามันดูปัญญาอ่อน แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเครื่องมือในการตะล่อมพี่เหนือได้ล่ะ
“ถ้าไม่ได้โกรธ แล้วพี่เหนือเมินธารทำไม ธารเห็นพี่เหนือเมินแบบนี้มันเจ็บนะ ธารขอโทษแล้วกันถ้าธารทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจ แต่บอกธารหน่อยได้มั้ยว่าโกรธธารเรื่องอะไร เป็นแบบนี้ ธารเอาใจไม่ถูก”
จัดหนักไปเลยเต็มเหนี่ยว พี่เหนือทำปากยื่นขึ้นมาบ้าง เสไปมองด้านข้างราวกับไม่กล้าสบตาผม มือก็ยกขึ้นดันตัวผมออกเล็กน้อย ผมเลยกระชับตัวพี่เหนือเข้ามาใกล้ จ้องหน้าและส่งสายตาเว้าวอน ปากก็ขยับส่งเสียงอ้อนขึ้นมาอีกระลอก

“นะครับพี่เหนือ งอนอะไรธาร บอกธารหน่อยนะ ธารจะได้ง้อพี่เหนือถูกนะครับ”
ดวงตากลมนั่นประกายวาวขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว หยุดขัดขืนพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นบางๆ รู้เลยว่ามาถูกทาง แต่พี่เหนือยังแสร้งนิ่ง

โอเค ก็ได้ อยากให้อ้อนมากกว่านี้ก็ได้ งั้นอ้อนอีกนิดแล้วกัน

“น้า พี่เหนือของธาร บอกธารหน่อยนะครับ ธารจะอกแตกตายอยู่แล้ว โกรธอะไร บอกธารหน่อย นะๆๆ”
ไม่พูดอย่างเดียว ฉกจูบแก้มด้วย เท่านั้นพี่เหนือก็หลุดเก๊กแตก ยิ้มกว้างออกมาเลย ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าสุดท้าย หวยต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่ที่พลิกล็อคก็คือ พี่เหนือไม่บอกว่าโกรธอะไร ดันถลาเข้ามากอดผม ไอ้ที่ทำเป็นกระฟัดกระเฟียดใส่ผมตอนถูกผมดึงไปกอดก็กลายเป็นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซ้ำยังพูดคนละเรื่องเดียวกันหน้าตาเฉย
“น้องธารน่าร้าก ลากพี่เหนือไปที่เตียงหน่อย ไม่ไหวแล้ว”

เอ้า อะไรของพี่เหนือวะเนี่ย เมื่อกี้งอนอยู่ดีๆ แล้วไอ้จู่ๆ ก็หื่นนี่มายังไง!?

“พี่จะไม่บอกธารหน่อยเหรอว่าตกลงโกรธอะไร” ผมเลยรีบท้วงก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายถูกพี่เหนือลากไปแทน
พี่เหนือมองหน้าผม ยิ้มกว้าง แล้วว่าเสียงระรื่น
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเนอะ เรื่องนี้สำคัญกว่า ไปที่เตียงๆ”
แล้วก็เป็นฝ่ายดันผมให้เดินถอยหลังไปชนกับขอบเตียงซะงั้น

วัยทองหรือไงวะ ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยกู

แต่ช่างเถอะ พี่เหนืออารมณ์ดีขึ้นก็ดีแล้ว เรื่องอื่นไว้ค่อยว่าทีหลัง จัดการเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน ไม่ยินยอมพร้อมใจขึ้นมา เดี๋ยวพี่แกได้งอนอีก
จะจัดให้หนักโทษฐานหมั่นไส้เลย บังอาจมาเมินผมให้คิดไม่ตกอยู่ตั้งหลายวัน แบบนี้ต้องโดนดี!



 
ลากไปจัดการที่เตียง เอาคืนโทษฐานมาทำให้ผมจิตตกอยู่หลายวันจนหนำใจแล้ว สุดท้ายผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าก่อนหน้านี้ พี่เหนือโกรธอะไรผม เพราะพอถามไปแล้ว พี่เหนือก็บอกว่า...
“เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปใส่ใจเลยเนอะ พี่เหนือก็ไม่ได้โกรธอะไร แค่เหนื่อยๆ เรื่องงานเฉยๆ เลยไม่ได้สนใจน้องธารน่ะ อย่าคิดมาก”

โกหก...

ฟังก็รู้เลยว่าโกหก จ้องหน้าที่มองผมแบบเลิ่กลั่กทั้งที่ยิ้มอยู่ก็รู้ว่าโกหกเหมือนกัน ต่อให้ยิ้มกว้างจนปากฉีกถึงหูก็เถอะ แต่นั่นมันยิ้มกลบเกลื่อนชัดๆ

จะปิดบังทำไมกัน โกรธก็บอกว่าโกรธสิ ผมจะได้ขอโทษขอโพย แก้ตัวใหม่ไปตามเรื่อง พี่เหนือก็อย่างนี้แหละ ไม่ชอบสร้างเรื่องให้ผมไม่สบายใจ แต่พี่เหนือจะรู้บ้างมั้ยนะว่าการที่เขาทำเป็นให้แล้วๆ กันไป มันทำให้ผมไม่สบายใจมากกว่าการที่เขาพูดออกมาตรงๆ ซะอีก

ช่างมันเถอะ ถือว่าเรื่องนี้เคลียร์ไปแล้วก็แล้วกัน เพราะดูท่าคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้น พี่เหนือคงไม่ทำเป็นไม่เคยเกิดอะไรอย่างนี้ขึ้นแน่นอน

หลังจากง้อพี่เหนือด้วยการถูกพี่เหนือลากขึ้นเตียงได้ พี่เหนือก็กลับมาดี๊ด๊าตามปกติ ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด จนกระทั่งวันที่ไอ้ก้อง รุ่นน้องในคณะที่รับอาสาหาตากล้องที่เป็นเพื่อนมันไปถ่ายรูปให้ผมในงานรับปริญญาโทรมาเพื่อบอกว่าจะเอารูปทั้งหมดมาให้วันนี้
ผมก็นัดกับมันไปเจอที่มหาวิทยาลัย รับซีดีกับอัลบั้มรูปอะไรเสร็จก็กลับมาที่คอนโดฯ ทว่ายังไม่ได้เปิดดู กะว่ารอจนพี่เหนือกลับมาก่อนแล้วค่อยดูพร้อมกัน
ไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ผมก็จัดการไปรับพี่เหนือกลับมาอย่างเคย ถึงห้องได้ ผมก็ออกปากถามทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นอัลบั้มรูปกับซีดีวางอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี
“พี่เหนือ รูปรับปริญญาของธารมาแล้วนะ จะดูมั้ย”
พี่เหนือที่กำลังถือถ้วยไอศกรีมเดินมาหามองผมซึ่งกำลังเปิดอัลบั้มรูปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าพรืด
“ไม่ล่ะครับ น้องธารดูไปเถอะ”
“เอ้า ทำไมล่ะ”
“คือวันนี้พี่เหนือเหนื่อยๆ น่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าเจื่อนลงไปนิดนึง ผมขมวดคิ้วมองอย่างจับผิด  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดูท่าทางจะเหนื่อยจริง เพราะช่วงนี้เห็นพี่เหนือเร่งทำข้อสอบมิดเทอมสำหรับนักศึกษาจนนอนไม่พอมาหลายวัน ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย

เอาเถอะ ดูคนเดียวก็ได้

เท่านั้น ผมก็เปิดอัลบั้มรูปขึ้นดู ทว่าพอผมเปิดปุ๊บ พี่เหนือที่กำลังจะทรุดตัวลงนั่งก็กระเด้งขึ้นยืนปั๊บ พลันว่าเร็วๆ
“เดี๋ยวพี่เหนือเข้านอนก่อนดีกว่า วันนี้เพลียๆ ไว้น้องธารง่วงแล้วค่อยตามมานะ”
พูดจบก็เดินไปเลย แต่มือยังจ้วงตักไอติมกินอยู่เลยเถอะ
อะไรของพี่เหนือวะนั่น...
สงสัย แต่ก็ไม่ได้ถาม อีกสักพักค่อยตามเข้าไปถามแล้วกันว่าเป็นอะไรอีก
หากแต่ดูท่าผมคงจะไม่ต้องถามแล้วล่ะเมื่อผมพลิกหน้าอัลบั้มรูปดู แล้วเห็นว่าในอัลบั้มนั้น มีแต่รูปผมกับเพื่อนๆ ไม่ก็กับรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งนั้น ส่วนรูปผมกับพี่เหนือ...

มีรูปเดียว...

อะไรเนี่ย!

ผมพลิกกลับไปกลับมา ดูให้แน่ใจทันทีว่ารูปคู่ของผมกับพี่เหนือมีรูปเดียวจริงหรือไม่ แล้วก็ต้องหงุดหงิดขึ้นมาอย่างรุนแรง ไม่ได้หงุดหงิดพี่เหนือนะ หงุดหงิดไอ้ตากล้องเนี่ย แม่งถ่ายประสาอะไรวะ ทำไมถึงมีรูปคู่กับพี่เหนือแค่รูปเดียว แถมหน้าพี่เหนือยังเบลอๆ ด้วยเถอะ!
ผมคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกหาไอ้ก้องทันที ไม่นานนัก ปลายสายก็รับ ผมไม่รอช้า รีบกรอกเสียงลงไปพลัน

“ไอ้ก้อง ทำไมรูปที่มึงเอามาให้กู ไม่มีรูปแฟนกูเลยวะ”
น้ำเสียงของผมเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ ก่อนจะว่ากลับมาอย่างร้อนรน
[ใจเย็นๆ ก่อนพี่ พี่แน่ใจแล้วเหรอว่าไม่มี]
“ไอ้มีมันก็มี แต่มีแค่รูปเดียวนี่หมายความว่าไง เพื่อนมึงจงใจแกล้งกูหรือเปล่า”
ว่าไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่ได้คิดอะไร ทว่ากลับทำให้ไอ้ก้องเงียบไปครู่ ผมสังหรณ์ใจขึ้นมาว่าไอ้ก้องมันจะต้องรู้อะไรแหง เลยรีบขู่มันออกไป
“มึงมีอะไรจะสารภาพกับกูก่อนที่กูจะบุกไปที่หอมึง แล้วกระทืบมึงให้จมดินมั้ย”
[ใจเย็นๆ ก่อนนะพี่ เรื่องนี้ผมอธิบายได้]
“มาถึงขั้นนี้ ต่อให้มึงอธิบายไม่ได้ก็ต้องได้แล้ว ไหนพูดมา ตกลงเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมถึงมีรูปกูกับแฟนเบลอๆ แค่รูปเดียว”
[เอ่อ...คืองี้นะพี่ แบบว่าไอ้ฝนที่เป็นตากล้องน่ะ มันชอบพี่มาตั้งแต่มันเข้าปีหนึ่ง แต่พอมันรู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว มันก็เลยทำใจไม่ได้น่ะ]
ฟังแล้ว ผมก็พอจะจับประเด็นได้แล้วล่ะว่าทำไมถึงไม่มีรูปพี่เหนือ พลันนึกถึงหน้าของผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้แต่เรียนต่างคณะขึ้นมาทันที ก่อนจะหัวเสียมากกว่าเดิมด้วยเมื่อเอะใจว่าสาเหตุที่พี่เหนือมึนตึงกับผมตั้งแต่หลังงานรับปริญญา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้  แล้วที่ไม่ดูรูปถ่ายกับผม ก็คงเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีรูปตัวเองล่ะมั้ง
“ทำใจไม่ได้แล้วจะสะเออะมาถ่ายรูปให้กูทำไมวะ”
[ก็ผมเห็นว่ามันคิดค่าจ้างถูกดี แล้วมันก็ชอบพี่ด้วยเลยขอให้มันมาถ่าย ตอนแรกก็เห็นมันดีใจ แต่ไม่นึกว่าพอมันเจอแฟนพี่ แล้วมันจะทำแบบนี้ ขอโทษนะพี่]

หัวเสียหนักมาก แต่ก็ไม่อยากจะโกรธไอ้ก้อง มันก็คงเพิ่งจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังแหง แต่ผมก็ยังสงสัยพี่เหนือนะว่าทำไมถึงไม่บอกผมตั้งแต่แรก ถ้ารู้ตั้งแต่ในงานแล้วบอกผมล่ะก็ ป่านนี้ผมก็จัดการให้ไปเรียบร้อยแล้ว
อะไรไม่ว่า ในวันสำคัญของผม แต่ไม่มีรูปผมกับคนสำคัญนี่สิที่น่าโมโห
“มึงจะชดใช้ความรู้สึกแฟนกูยังไง” ผมไม่รับคำขอโทษของรุ่นน้อง เรียกหาการชดใช้อีกต่างหาก
ไอ้ก้องอึกอักไปครู่ มันรู้ว่าผมรักพี่เหนือมากแค่ไหน ถึงผมจะไม่เคยประกาศตัวว่าเป็นแฟนกับพี่เหนือ แต่ก็รู้กันทั้งคณะมาตั้งนานแล้วล่ะ และดูท่าทางมันก็หวาดๆ ผมอยู่เหมือนกัน ก็รู้แหละว่าผมเป็นคนยังไง ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่อง ผมก็จะเฉยๆ แต่ถ้ามากระตุกหนวดเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าตายสถานเดียว
[งั้นเดี๋ยวผมบอกให้ไอ้ฝนไปถ่ายนอกรอบให้ใหม่แล้วกันพี่ เดี๋ยวบอกว่าพี่ไม่โอเค]
มันเสนอทางเลือกมา แต่เป็นทางเลือกที่ผมไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ ถ่ายนอกรอบก็เท่ากับว่าผมต้องไปเช่าชุดครุยมาอีกรอบ ไอ้ชุดครุยเวรนั่นเพิ่งส่งกลับไปให้ร้านที่เช่ามาเมื่อไม่กี่วันก่อนเองเถอะ ถ้ามันส่งรูปมาให้ผมเร็วกว่านี้สักหน่อย ผมคงตอบรับมันไปแล้ว
“กู-คืน-ชุด-ครุย-ไป-แล้ว”
ผมว่าช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ น้ำเสียงนี่เตรียมจะเชือดมันเต็มที่ ไอ้ก้องเลยรีบละล่ำละลักบอกผมทันที
[งะ...งั้นเอางี้พี่ ไม่ต้องถ่ายนอกรอบก็ได้ ปัญหาคือพี่อยากได้รูปพี่คู่กับแฟนในวันสำคัญใช่มั้ยล่ะ งานรับปริญญามันผ่านไปแล้ว ก็เอาวันสำคัญวันอื่นแล้วกัน]
“วันอะไรของมึง”
[ก็วัน...]

ไอ้ก้องว่ามายาวเหยียดเป็นฉากๆ พร้อมกับแผนการที่มันเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ ผมฟังไปก็ขมวดคิ้วไป ไม่แน่ใจว่าควรทำตามที่มันว่าดีมั้ย แต่พอคิดถึงรอยยิ้มของพี่เหนือที่จะมีให้ผมในวันนั้นแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะยอมเออออไปกับแผนของมัน

ถึงจะน่าอายแต่ก็เอาวะ ขอแค่ให้พี่เหนือยิ้มออกก็พอแล้ว
 



หลังจากตกลงวางแผนกับไอ้ก้องได้ มันก็ไปจัดการหาตากล้องรายอื่นให้เพราะผมสั่งไปเด็ดขาดว่าไม่เอาเพื่อนมันที่ชื่อฝนอะไรนี่มาถ่าย แน่นอนว่ายัยนั่นก็โดนผมด่าแสกหน้าไปเหมือนกัน บังเอิญเจอกันตอนที่ไอ้ก้องนัดพวกเพื่อนๆ มันมาคุยเรื่องธีมงานน่ะ ยัยนั่นก็ร้องไห้เป็นเผาเต่า สารภาพออกมาตามตรงว่าเห็นพี่เหนือดี๊ด๊ากระแซะผมตลอดเวลาแล้วหมั่นไส้ เลยแกล้งด้วยการไม่ถ่ายพี่เหนือให้ติดกล้อง แม้ว่าพี่เหนือจะขอให้ถ่ายตัวเองบ้างก็ตาม

ซึ่ง... ก็ถ่ายนั่นแหละ แต่รูปที่ติดพี่เหนือส่วนใหญ่คือเสีย และผมก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ที่เห็นยัยนั่นทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตอย่างนี้ เรียนปีสี่แล้วด้วยเถอะ ส่วนพี่เหนือก็เป็นอาจารย์เต็มตัวแล้ว ถึงจะไม่ได้สอนยัยนั่น แต่ก็ควรจะให้เกียรติมั้ยวะ

เอาเป็นว่าทุกอย่างเคลียร์ ส่วนพวกอุปกรณ์ในการถ่ายรูปนอกรอบกับเสื้อผ้า ไอ้ก้องรับหน้าที่เป็นหัวเรือในการจัดการเตรียมทุกอย่างให้ ผมไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ทำยังไงก็ได้ให้พี่เหนือยอมใส่เสื้อผ้าพวกนั้น แล้วลากมาที่สถานที่ที่จะใช้ถ่ายนอกรอบให้ได้

หาวันที่พี่เหนือว่างได้เสร็จ ผมก็จองตัวเขาไว้ทั้งวัน จัดการปลุกให้ตื่นแต่เช้า บังคับให้แต่งตัวเต็มยศ ขณะที่พี่เหนือยื่นเนคไทให้ผมผูกให้ พลางถามไม่หยุดปาก
“ให้พี่เหนือแต่งตัวอย่างนี้ น้องธารจะพาพี่เหนือไปไหนเหรอครับ”
“อย่าถามมากน่า ไปถึงแล้วก็รู้เอง” ผมว่า ผูกเนคไทให้พี่เหนือเรียบร้อยก็ส่งของตัวเองให้พี่เหนือผูกให้บ้าง
แต่งตัวเสร็จ พี่เหนือก็ไม่รอช้า ลากผมไปถ่ายรูปคู่ด้วยอย่างรวดเร็ว
ก็วันนี้เราทั้งคู่ใส่สูทนี่นา นานทีปีหน คนชอบอวดผัวเด็กอย่างพี่เหนือตามที่ไอ้ไม้กับพี่ยีนส์ชอบพูดต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปแล้วอัพลงเฟซบุ๊ค โชว์ให้คนอื่นดูอยู่แล้ว
แต่ไอ้ถ่ายรูปเดียวก็ไม่พอ ถ่ายไม่หยุดนี่สิที่ทำให้ผมต้องเอ่ยปาก
“พอได้แล้วน่า”
“อีกสองสามรูปนะ วันนี้น้องธารล้อหล่อ พี่เหนืออยากถ่ายเก็บไว้เยอะๆ” ว่าพลางยิ้มไปจนตาหยี
ผมเห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดูขึ้นมา ยื่นมือไปหยิกแก้มขาวนั่นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“เดี๋ยวก็ได้ถ่ายจนเบื่อ”
“หืม?”
พี่เหนือทำหน้าสงสัยจนดูน่ารัก แต่ผมไม่บอกตอนนี้หรอกว่าจะพาไปถ่ายรูปนอกรอบ ได้แต่อมยิ้มให้แล้วลากพี่เหนือออกจากห้อง
“ไปถึงที่แล้วก็รู้เองแหละว่าธารหมายความว่าไง”
“อู๊ย มีเซอร์พงเซอร์ไพรส์ จะขอพี่เหนือแต่งงานเหรอจ๊ะ”

นี่ก็พูดเล่นไปเรื่อย ผมก็ไม่บอกอยู่ดีว่าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ จัดการพาพี่เหนือขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ก่อนขี่ออกไปยังสถานที่ที่นัดหมายกับพวกรุ่นน้องไว้ทันที
 



มาถึงที่หมายซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยนี่แหละ พี่เหนือก็แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมพาเขามาที่นี่ ผมไม่พูดอะไร จอดรถได้ก็จับมือพี่เหนือเดินไปหาพวกไอ้ก้องที่จัดฉากกันอยู่ตรงสนามหญ้าใกล้ๆ พวกมันหันมาทักผมพร้อมยกมือไหว้ ขณะที่พี่เหนือรับไหว้ไป หน้าตาก็ดูตื่นๆ ไม่หยุด ตื่นตะลึงหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินเพื่อนของไอ้ก้องที่รับหน้าที่เป็นออแกไนซ์เดินเข้ามาบอกคิวว่าเราจะไปถ่ายรูปที่ไหนกันบ้าง

“นะ...นี่มันอะไรเนี่ยน้องธาร” ฟังจบแล้วก็หันมาครางถามผม
ผมมองแล้วก็กระชับมือพี่เหนือที่จับอยู่แน่นขึ้น
“ชดเชยที่ไม่มีรูปคู่กับธารในวันรับปริญญาไง พี่เหนือจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่จนเมินธารอีก”
เท่านั้น สีหน้าของพี่เหนือก็ดูตกใจขึ้นมาฉับพลัน
“น้องธารรู้แล้วเหรอว่าพี่เหนืองอนอะไร”
“ถ้าไม่รู้แล้วจะเรียกว่าแฟนพี่ได้มั้ยล่ะ พี่นี่น้า ทำไมไม่ยอมบอกธารตั้งแต่วันนั้นวะว่าพี่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับธารแบบดีๆ เลย มารอให้ธารรู้เองทำไม” เผลอบ่นออกมาจนได้ ทำเอาพี่เหนือย่นหน้าน้อยๆ
“ก็วันนั้นเป็นวันสำคัญของน้องธารนี่นา พี่เหนือก็ไม่อยากให้น้องธารมีเรื่องรำคาญใจน่ะครับ เลยเฉยๆ ไป”

เนี่ย เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่าพี่เหนือเป็นพวกไม่อยากสร้างความไม่สบายใจให้ผม แต่ไม่เคยรู้เลยว่าการที่เขาทำแบบนี้ ทำให้ผมไม่สบายใจมากกว่าอีก

ไม่สบายใจจนต้องพามาถ่ายรูปชดเชยเนี่ย

“เอ้า แล้วนี่จะทำหน้าง้ำอีกนานมั้ย วันสำคัญเนี่ย เลิกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สักที ยิ้มได้แล้ว จะได้ถ่ายรูปกัน”
ผมรีบเบรกทันทีที่เห็นว่าพี่เหนือทำหน้าซาบซึ้งปลาบปลื้มหลังจากพูดประโยคเมื่อครู่จนน้ำตาเอ่อมาคลออยู่ในดวงตาคู่สวย พี่เหนือรีบพยักหน้ารับเร็วๆ ด้วยท่าทางน่ารัก จนผมอดไม่ได้ที่จะวางมือบนผมแล้วขยี้เบาๆ ไปที ก่อนเขาจะสงสัยขึ้นมาอีก
“แต่เอ... ที่น้องธารบอกว่าวันสำคัญนี่วันอะไรเหรอครับ วันครบรอบที่เราคบกันก็ไม่ใช่ วันเกิดน้องธาร วันเกิดพี่เหนือก็ไม่ใช่ แล้วมันวันอะไร” พูดแล้วก็ทำท่าคิดไป
เห็นแล้วผมก็หัวเราะ เขินเหมือนกันที่ต้องพูดออกไปว่า...
“วันถ่ายรูปพรีเวดดิ้งไง วันสำคัญมั้ยล่ะ”
หน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันทีทันใด พี่เหนือเองก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมาด้วย ก่อนจะกลายมาเป็นยิ้มกว้างไม่หยุด
“ฮั่นแน่ ขอพี่เหนือแต่งงานจริงๆ ด้วย ไหนๆ แหวนแต่งงานอยู่ไหน เอามาคุกเข่า ขอพี่เหนือแต่งงานเร็ว”
ไม่พูดอย่างเดียว หันซ้ายหันขวา เอามืออีกข้างที่ผมไม่ได้จับมาจับตามกระเป๋าเสื้อสูทกับกระเป๋ากางเกงผมด้วย

มีใครที่ไหนที่กำลังจะถูกขอแต่งงาน แต่มาค้นตัวอีกฝ่ายหาแหวนแต่งงานบ้างวะ แล้วนี่อะไร อารมณ์เปลี่ยนเร็วจริงๆ เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่เลย กลับมาแรด มาเล่นอีกละ วัยทองแหงๆ

ช่างเถอะ พี่เหนือยิ้มออกก็ดีแล้ว ยิ้มกว้างขนาดนี้ แสดงว่าต้องกำลังมีความสุขมากแน่ๆ เล่นไปตามน้ำหน่อยแล้วกัน

เท่านั้น ผมก็ปล่อยมือพี่เหนือ หันไปบอกพวกไอ้ก้องให้รอกันหน่อย ก่อนจะไปเด็ดดอกหญ้ามาม้วนเป็นวงกลมขนาดพอดีกับนิ้วเรียวของคนตรงหน้าที่มองผมด้วยสายตาระยิบระยับ ม้วนเสร็จก็เดินเข้าไปหา แล้วคว้ามือพี่เหนือมาจับอีกครั้ง
“คือ...ธารยังไม่ได้ทำงานนะ กำลังรอบริษัทเรียกตัวไปทำงานอยู่ แหวนเลยยังไม่มี ส่วนไอ้ถ่ายพรีเวดดิ้งไรนี่ก็ถ่ายฟรี พวกรุ่นน้องมันมาชดเชยให้ที่วันรับปริญญาไม่มีรูปคู่พี่ ไว้ธารมีเงินเดือนเป็นของตัวเองแล้วจะซื้อถูกๆ ให้แล้วกัน ส่วนตอนนี้ก็เอาอันนี้ไปก่อน...ชั่วคราว”
พูดไป หน้าก็ร้อนวูบไปด้วย มือที่สวมแหวนดอกหญ้าให้พี่เหนือก็สั่นน้อยๆ ขณะที่พี่เหนือหน้าแดงเห่อไปหมด แต่ยิ้มไม่หุบเลย รู้ว่าพี่เหนือก็คงเขินเหมือนกัน แต่ความระริกระรี้มีเยอะกว่า เพราะพอผมสวมแหวนดอกหญ้าให้เสร็จ ก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามากอดผม ทว่าก็ชะงัก แล้วเปลี่ยนมาเป็นกระซิบผมแทน
“ขอพี่เหนือแต่งงานด้วยสิ พูดเร็ว”

ดะ...ได้คืบจะเอาศอกเหรอฮะ!

แต่ก็เอาเถอะ สักวันผมก็ต้องพูดประโยคนั้นอยู่ดี พูดเร็วหน่อยจะเป็นไรไป
“พี่เหนือ... แต่งงานกับธารนะครับ”

สิ้นเสียง พี่เหนือก็ไม่พูดอะไรตอบกลับมา ฉีกยิ้มยิงฟันกว้างที่สุดเท่าที่พี่เหนือเคยยิ้มให้ผมมาเลย ปากก็พึมพำไปด้วย
“กลับคอนโดฯ เลยได้มั้ย ไม่ถ่ายละพรีเวดดงเวดดิ้ง ไปขอพี่เหนือแต่งงานใหม่ที่เตียงเถอะ”

ดู... หื่นอีกละ พี่เหนือนี่แม่ง เคยมีฟีลโรแมนติกกับใครเค้าบ้างมั้ยวะ เอะอะหื่นตลอด!

“ถ่ายพรีเวดดิ้งก่อนนะพี่ เรื่องนั้นค่อยว่ากัน เดี๋ยวจัดให้”
ผมพูดไปงี้ พี่เหนือก็หัวเราะร่า ก่อนที่พวกไอ้ก้องจะเรียกให้ผมกับพี่เหนือไปเช็คหน้า แล้วเตรียมตัวเข้าฉากเพื่อถ่ายรูป
ผมก้าวไปข้างหน้า จูงมือพี่เหนือไปด้วย ทว่าก็ถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้ก่อน หันไปมองก็ถูกพี่เหนือเขย่งขึ้นมาขโมยจูบที่แก้มไปแล้วเรียบร้อย
“ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์นะครับน้องธาร พี่เหนือชอบมาก ไว้เซอร์ไพรส์แบบนี้บ่อยๆ นะ”
“ใครเค้าจะเซอร์ไพรส์ถ่ายพรีเวดดิ้งกันบ่อยๆ วะ” ผมว่าพลางกลั้วหัวเราะ ขณะที่พี่เหนือตอบหน้าตาเฉย
“ก็พี่เหนือกับน้องธารไง น้องธารเซอร์ไพรส์บ่อยๆ พี่เหนือก็จะได้ถูกน้องธารแซ่บบ่อยๆ เหมือนกัน คิดแล้วฟิ้นฟิน”

ตอนนี้หื่นแบบไม่ปกปิดเลยเถอะ ออกทั้งคำพูด ออกทั้งหน้าตา ก่อนผมจะเขกหน้าผากมนไปทีอย่างหมั่นไส้

“ทะลึ่งนะพี่น่ะ ยิ่งแก่ยิ่งทะลึ่ง”
“ทะลึ่งแล้วไม่รักเหรอ”
เล่นตอกกลับมาอย่างนี้ ผมก็นิ่งไปครู่ ก่อนจะว่าเสียงเบา
“รักสิ”
“รักแล้วก็แซ่บกันบ่อยๆ เนอะ พี่เหนือชอบ”

แล้วพี่เหนือก็เป็นฝ่ายลากผมไปเข้าฉากแทนซะอย่างนั้น ปล่อยให้ผมหัวเราะไล่หลังด้วยใจที่เปี่ยมสุข

ถ้าการถ่ายพรีเวดดิ้งแบบไม่ได้ตั้งใจนี่จะทำให้คนที่ผมรักยิ้มได้กว้างขนาดนี้ รู้อย่างนี้ ผมทำไปนานแล้วล่ะ
งั้นไว้ถ่ายอีกก็แล้วกัน

ถ่ายบ่อยๆ พี่เหนือก็จะได้ถูกผมแซ่บอะไรนี่บ่อยๆ

จะเอาให้นอนติดเตียง กระดิกกระเดี้ยวไปไหนไม่ได้เลย...
-------------------------------
ว่าจะอัพไม่เกินเที่ยงคืน แต่สังขารไม่ไหวจริงๆ วันนี้ออกไปตะลอนข้างนอกมาทั้งวัน เขียนไป ง่วงไป แงงงง
หน่องธารใจมาแล้วค่ะ ได้เห็นมุมมองน้องธารบ้าง รู้กันซะทีว่าน้องธารเห็นพี่เหนือเป็นคนยังไง เวลานังเหนืออยู่ในมุมมองของน้องธารแล้วนางดูน่ารักมุ้งมิ้งไปเลยเนอะ 555
ไว้พรุ่งนี้จะมาอัพตัวอย่างตอนพิเศษธารใจ 2 ให้ค่ะ ฝากฟีดแบ็คให้กันด้วยเน้อ

 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2016 02:31:58
โอ้ย!!!! จะละลายตายไปกับความหวานแล้ว~~~
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-05-2016 03:55:52
น้องธารน่ารัก ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 12-05-2016 07:28:24
น่ารักมากค่ะ เอาใจใส่ความรู้สึกกันดีมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-05-2016 09:00:15
น้องธารไร่อ้อยมาก ฟิ้นฟิน ธารน่ารัก
พี่เหนือลดความหื่นลงมานิดนึง
สงสารสังขารตัวเองบ้าง จะลากธารขึ้นเตียงตลอด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-05-2016 09:55:53
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-05-2016 11:38:30
ธารหลงอิพี่เหนือน่าดู น่าร้ากกกกก~ ^_^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 12-05-2016 12:56:48
ถ้าฝนไม่เป็นผู้หญิงนี่ธารคงจัดเละไปแล้วสินะ  :z6: ทำได้น่าเกลียดมาก  เคืองแทนเหนือเลยจริงๆ  :katai4: ต่อจากพรีเวดดิ้งก็เข้าหอเลยสินะเหนือ  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-05-2016 14:12:32
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-05-2016 15:17:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ1:Pre-wedding♦P.25♦12/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 12-05-2016 15:33:25
[ตัวอย่าง]ธารใจ ตอนพิเศษ 2

เอาตัวอย่างมาแปะก่อนค่ะ อีกหลายวันกว่าจะมานะ
พี่เหนือในสายตาน้องธารจะมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง น่ารักผิดปกตินิดนึง ทำใจกันเน้อ 555
เจิมแล้วนอนรอเลยค่ะ เดี๋ยวมาอัพให้นะ
---------------------------------------


“พี่เหนือเป็นอะไร!” ผมร้องลั่นทันทีที่เห็นพี่เหนือเดินๆ อยู่แล้วก็ล้มทรุดลงไปซะอย่างนั้น
พอปรี่เข้าไปประคอง พี่เหนือก็ทำท่าเหมือนจะตายให้ได้ ยื่นมือสั่นเทามาแตะข้างแก้มผมเบาๆ
“นะ...น้องธาร พี่เหนือว่า...พี่เหนือคงไม่รอดแล้ว มะ...เมื่อวันก่อนพี่ไปหาหมอมา”
“ละ...แล้วหมอบอกว่าพี่เป็นอะไร”

ผมถามอย่างร้อนรน ความกังวลเกาะกินจิตใจทันที กังวลจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งกาย กลัวว่าพี่เหนือจะเป็นอะไรร้ายแรง ยิ่งภาพความฝันที่ผมสูญเสียพี่เหนือไปพร่างพรายในจิตใต้สำนึกด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งใจไม่ดี ขณะที่พี่เหนือไอโขลกเป็นการใหญ่ ทำให้ผมแทบคุมสติตัวเองไว้ไม่ได้

“พี่บอกธารสิว่าหมอบอกว่าพี่เป็นอะไร ธารจะได้ดูแลพี่ให้ดีกว่านี้!”
รู้สึกเหมือนจะสูญเสียจริงๆ และรู้สึกเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อริมฝีปากสีชมพูแห้งผากขยับขึ้นมาเล็กน้อย
“หมอ...หมอบอกว่าพี่เหนือป่วยเป็น...”
“เป็น?”

ลุ้นระทึกสุดๆ พี่เหนือแม่งก็ไม่พูดซะที พูดๆ หยุดๆ อยู่ได้

“เป็นอะไร บอกมาเร็วๆ!”
ผมหมดความอดทนในการรอ แผดเสียงเค้นถามขึ้นมาจนได้
“พี่เหนือป่วยเป็นโรค...ปอด”

ได้ยินแล้ว โลกทั้งโลกของผมก็เหมือนจะถล่ม ผมเผลออ้าปากค้าง ใจตกไปอยู่ยังตาตุ่ม กำลังจะถามออกไปแล้วว่ามันร้ายแรงแค่ไหน ถึงตายได้มั้ย หากแต่พี่เหนือก็แทรกขึ้นมาก่อน และแน่นอนว่าคำพูดนั้นแทบทำให้ผมอยากจะอุ้มเขาขึ้นมา แล้วจับโยนออกนอกหน้าต่างให้ดิ่งไปกระแทกพื้นชะมัด

“ปอดเธอมาตะลื้ม...ปลื้มเธอมาตลอด ฮิ้ววว”

ฮิ้วบิดาพี่เถอะ! มันใช่เรื่องจะมาล้อเล่นมั้ยวะ

ผมทำหน้าเซ็งโดยพลัน ขณะที่พี่เหนือสนุกใหญ่ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าผมชักสีหน้า
“ไม่ทำหน้าแบบนี้น่า พี่เหนือเห็นน้องธารเครียดๆ ก็เลยเล่นมุขเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วพี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่เป็นไข้”
“ไข้อะไร”
“ไข้เธอไม่ดาด...ขาดเธอไม่ได้ เอิ้ววว”

เดี๋ยวก็กระทืบแม่งซะหรอกไอ้แก่นี่!

ผมข่มใจสุดชีวิตที่จะไม่โมโหใส่พี่เหนือ ก็ดูสีหน้าพี่เหนือตอนนี้สิ ถึงจะเล่นไม่เลิก แต่หน้าอย่างซีดเลยเถอะ เหงื่อเม็ดเป้งก็ผุดออกมาเต็มหน้าด้วย ดูยังไงก็ป่วยแน่นอน

“พี่เหนือ เอาจริงๆ ตกลงพี่เป็นอะไร” ผมชักไม่สนุกด้วยละ ถามเสียงเข้มออกมา
พี่เหนือหยุดหัวเราะกับมุขเสี่ยวๆ ของตัวเอง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“โอเค อันนี้ซีเรียสจริงจังเลยนะ พี่เหนือไปหาหมอมาแล้วล่ะ ตกลงหมอบอกว่าพี่เหนือเป็น...”

เอาอีกละ มาอีหรอบเดิมอีกละไอ้เว้นจังหวะให้ผมลุ้นเนี่ย

“เป็นอะไร” ผมพ่นลมออกมาเต็มแรง ก่อนที่พี่เหนือจะพูดว่า...
“เป็นโรคไต... ไตหาหัวจาม ตามหาหัวใจ อิอิ”

จะใส่อิอิตามหลังมาเพื่ออะไร มันไม่ได้ทำให้ความอยากกระทืบพี่ลดลงหรอกนะเว้ย!

“พี่เหนือ ธารไม่เล่นนะ บอกมาซะทีว่าเป็นอะไร มัวเล่นอยู่ได้ เป็นห่วงเห็นมั้ยเนี่ย” ผมเข้าโหมดซีเรียสซะเลย เผื่อว่าพี่เหนือจะได้หยุดล้อเล่นสักที
ทว่าพี่เหนือก็ยังเป็นพี่เหนือ สิ้นเสียงผม เขาก็ทำท่าทางเหมือนสลดอะไรสักอย่าง ก่อนยกมือขึ้นไปกุมหน้าท้องที่ป่องขึ้นมานิดๆ พลางว่า
“จริงๆ แล้วพี่เหนือท้อง”

กระทืบแม่งซะเลยดีมั้ง กวนตีนงี้ชักทนไม่ไหวแล้ว!

แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะสิ่งที่ผมทำคือการพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง แล้วว่าออกมาอย่างระอา
“พี่เหนือ...อสุจิไม่ปฏิสนธิกับขี้มั้ย พี่ไม่ได้ท้อง พี่ลงพุง เลิกเล่นได้แล้ว”
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 12-05-2016 15:38:13
โคตรน่ารัก.  พี่เหนือหื่นเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ.  ขอบคุณนักเขียนมากค่ะ. สนุกมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 12-05-2016 15:56:59
อร้ากกกกก ขำพี่เหนืออ่ะ ธารใรคนหล่อด่าพี่ว่าไอ้แก่ด้วยนะพี่ ขรรมมมมม ตลกอ่ะ กรามแทบค้าง5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-05-2016 16:08:42
พี่เหนือวอนโดนตีนที่รักจริงๆ
รู้ว่าธารเป็นห่วง ยังเล่นอยู่อีก
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-05-2016 16:41:47
555555555 เจ้สงสารน้องธาร
มีเมียตลกคาเฟ่ต้องทำใจ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-05-2016 17:41:15
อิพี่เหนือกวน...ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 12-05-2016 17:43:16
ตลกพี่เหนือ55555555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 12-05-2016 17:50:45
 :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 12-05-2016 18:46:56
55555555555555555555555555555555555555555555555 ฮาเหนือ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 12-05-2016 22:21:08
นังพี่เหนือ :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 12-05-2016 23:04:12
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 12-05-2016 23:27:24
5556 อ่านตอนตัวอย่างอย่างขำขัน

เด๋วพี่เหนือจะโดนขาคู่หน้าของน้องหน่องธารนะจ๊ะ

 :z6: :z6:  :z6:  :z6:  :bye2:

...
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: 【focus_kung】 ที่ 13-05-2016 12:49:52
เม้นต์ตอนพิเศษ1หน่อยค่ะ
เซอร์ไพรส์ครั้งหน้าอยากให้ธารลงทุนไปเช่าครุยมาถ่ายใหม่เถอะค่ะ เป็นเราก็เสียความรู้สึกโครตๆ
แบบถ่ายพรีรอบสองมีชุดครุย ไม่ก็ไปเรียนป.โทอีกสักสองปี เรียนด้วยทำงานด้วยก็ได้ แล้วรับใหม่ 55555

ส่วนตอนพิเศษ2 รอมาเต็มๆเถ๊อะ 5555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 13-05-2016 13:20:37
ยอม ยอม ยอมพี่เหนือแล้ว 5555555 บางทีเราก็สงสารน้องธารนะ ที่มาติดบ่วงอิพี่เหนือนี่ หื่นตลอด แซ่บน้องธารแทบทุกโอกาส ชอบอ่ะ ชอบมากกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 13-05-2016 16:50:00
พี่เหนือหยอดตลอดดด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 13-05-2016 18:11:29
เหนือๆๆๆแร๊ดดดดดดดแรด 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 13-05-2016 22:48:57
โอ๊ย ขรรมขี้แตกขี้แตน  :laugh: :laugh: เอาเข้าจริงอินเนอร์ความลับในใจของสองคนนี้ไม่ต่างกันเลยแฮะ คนหนึ่งก็หื่นซะ ส่วนอีกคนออกแนวอยากกระทืบเมียสักครั้งแต่ทำไม่ได้ รักเกิ๊๊นนนน 5555+
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 13-05-2016 23:06:36
โอยยย พี่เหนือนางเป็นไข้แต่นางก็ยังจะฮาใส่น้องธาร
ยอมใจนางเลย 555 รอตอนเต็มนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-05-2016 23:50:13
โอ้ยยยย    อย่างฮา อ่านแล้วหลงรักความหื่นของพี่เหนืออย่างจัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ      :m20:
 :L2: :L2: :pig4: :pig4:  :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: ตัวอย่าง♦P.25♦12/05/(15.40)
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-05-2016 01:40:54
ธารใจ ตอนพิเศษ 2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย

โลกของผมเหมือนหยุดหมุนเมื่อได้ยินหมอที่ดูแลอาการป่วยของคนที่ผมรักมากที่สุดบอกว่าหมดหนทางจะรักษาแล้ว ผมใจหายวาบ ทำอะไรไม่ถูกทันทีที่ได้รับรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง คนที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงจะหายไปตลอดการ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ยื่นมือสั่นเทาไปคว้ามือตอบแห้งของเขามากุมไว้ ขณะที่ดวงตาไร้ประกายของเจ้าของมือจะปรายมามองผมให้ผมได้เรียกชื่อเขาเบาๆ

‘พี่เหนือ...’
‘นะ...น้องธาร’ น้ำเสียงแหบหลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผาก ก่อนจะตามมาด้วยการไออีกระลอกใหญ่จนผมต้องบีบมือเขาแน่นพร้อมกับความรู้สึกรวดร้าวในใจที่ไม่อาจช่วยเหลือเขาได้เลย นอกจากเรียกชื่อเขาขึ้นมาอีกครั้งเท่านั้น

‘พี่เหนือ...’
‘พะ...พี่เหนือคงไม่รอดแล้ว’ หยุดไอได้ พี่เหนือในสภาพเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็บอกผมอีกครั้ง ยิ่งทำให้ผมใจไม่ดีเข้าไปใหญ่
‘มะ...ไม่ พี่ต้องอยู่กับธารนะ ห้ามทิ้งธารไปไหน เข้าใจมั้ย’ ผมรีบละล่ำละลักบอก
ทว่าเหมือนพี่เหนือจะแทบไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดแล้ว เพราะพอสิ้นเสียงผม สายตาเขาก็เลื่อนลอย แล้วก็พูดอะไรที่ผมได้ยินไม่ค่อยชัดออกมา
‘ถะ...ถ้าพี่ตาย เผากงเต้กรูปน้องธารมาให้พี่เหนือด้วย เดี๋ยวคิดถึง...อึ้ก...’
ผมจับใจความได้แหละ มันชวนน่าหงุดหงิดสักหน่อยที่จะตายอยู่แล้วยังมาห่วงอะไรบ้าบอคอแตกอยู่ได้ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าพอพูดจบ พี่เหนือก็แน่นิ่งไป เป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่าเขาไม่อยู่กับผมอีกแล้ว

เท่านั้นมือไม้ที่จับพี่เหนืออยู่ก็สั่นเทา ผมมองร่างไร้วิญญาณนั่นอย่างไม่เชื่อสายตาว่าวันที่ผมต้องสูญเสียคนที่รักที่สุดอีกคนหนึ่งไปจะมาถึงเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนผมจะเริ่มโวยวายราวกับโลกถล่มลงมาตรงหน้า
‘พะ...พี่เหนือ... พี่เหนือ! พี่จะมาตายแบบนี้ไม่ได้นะ อยู่กับธารสิ! อยู่กับธาร!’

โวยวายไปก็เท่านั้น พี่เหนือไม่ฟื้นขึ้นมา หมอและพยาบาลกรูเข้ามาดึงผมออกจากร่างไร้การเคลื่อนไหวนั้นเพื่อให้สงบจิตสงบใจ แต่ผมไม่มีสติมากพอแล้ว สายตาเอาแต่จับจ้องร่างนั้นที่กำลังถูกพาออกไปยังห้องดับจิต น้ำตามากมายไหลอาบแก้ม ขณะที่ปากก็ยังร้องเรียกชื่อไม่หยุด
‘พี่เหนือ! พี่เหนือ!’
 



เฮือก!
ผมกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงสุดแรงด้วยตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างโล่งใจเมื่อตระหนักได้ว่าภาพพี่เหนือบนเตียงที่ถูกเข็นไปยังห้องดับจิตเป็นแค่ความฝัน เพราะพอผมปรายตาไปมองยังพื้นที่บนเตียงข้างๆ ก็ยังเห็นพี่เหนือนอนหลับอุตุอยู่ กรนไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยแม้แต่น้อยว่าเมื่อครู่เป็นชนวนเหตุทำให้ผมเสียขวัญแค่ไหน พลันผมก็หัวเสียขึ้นมาที่ดันฝันบ้าบอจนเผลอร้องไห้ออกมาจริงๆ ซะนี่

ตั้งสติได้ ผมก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ตะแคงข้าง พาดแขนไปรั้งตัวพี่เหนือมากอดแน่นเป็นการปลอบใจตัวเองว่าจริงๆ แล้วเขายังอยู่กับผม ยังไม่ได้จากผมไปไหน ทว่าการรั้งตัวพี่เหนือไปกอดแน่นกลับเป็นการปลุกให้เขาตื่น ยกมือมาจับแขนผมที่อยู่บนตัวเขาแล้วพึมพำ

“ตื่นแล้วเหรอน้องธาร ทำไมวันนี้ตื่นเร็วจัง นาฬิกายังไม่ปลุกเลย”
ผมมองเลยไปยังนาฬิกาดิจิตอลที่โต๊ะข้างเตียงซึ่งอยู่ทางฝั่งพี่เหนือ เห็นบอกเวลาใกล้หกโมง ผมก็ซุกหน้าลงบนไหล่เล็ก
“งั้นพี่ก็นอนต่อสิ ธารแค่อยากกอดพี่เฉยๆ”
“หืม? วันนี้ทำตัวแปลกๆ นะ เป็นอะไร ฝันร้ายเหรอ”
พี่เหนือว่าอย่างรู้ทัน ผมเลยพยักหน้ารับเบาๆ ให้เขาได้หัวเราะแล้วพลิกตัวมาประจันหน้ากับผม ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ พลางปลอบโยน
“โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา นอนต่อนะน้องธาร พี่เหนือยังง่วงอยู่เลย”
ปลอบมาอย่างนี้พร้อมน้ำเสียงงัวเงีย ผมเลยไม่อ้อนต่อ ปล่อยให้พี่เหนือได้นอนเพราะเมื่อคืน เหมือนว่าเขาจะนอนดึกด้วย ถ้าจำไม่ผิดก็ตีสองตีสามได้มั้ง เห็นว่านั่งเขียนบทความวิชาการอะไรสักอย่างอยู่

ทว่าพอถึงเวลาตื่น พี่เหนือที่ปกติจะรีบลุกทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ ก็กลายเป็นว่าไม่ยอมลุก ตื่นมาตั้งปลุกใหม่ เลื่อนไปห้านาทีบ้าง สิบนาทีบ้าง ทำอยู่อย่างนี้หลายรอบ ผมที่ลุกไปล้างหน้าล้างตา ซื้อข้าวเช้าจนกลับมาที่คอนโดฯ เรียบร้อยเห็นแล้วก็อดบ่นไม่ได้
“พี่จะตั้งปลุกอีกกี่รอบถึงจะลุกเนี่ยฮะ นี่จะเจ็ดโมงแล้วนะ ไหนว่าวันนี้มีประชุมอาจารย์ตอนเช้าไง”
บ่นไปก็ไม่ได้ทำให้พี่เหนือลุกจากเตียงได้เลย หนำซ้ำยังจะตลบผ้าห่มมาคลุมโปงอีกต่างหาก
“ขออีกห้านาทีนะ ยังง่วงอยู่เลย”
ไม่รู้ได้ยินเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว นี่ผ่านมาจะเป็นชั่วโมงแล้วเถอะ ยังไม่ลุกเลย
เท่านั้นผมก็วางของที่ซื้อมาในมือลง ตรงเข้ามากระชากผ้าห่มออก แล้วเรียกพี่เหนืออีกครั้ง
“ไม่มีห้านาทีแล้ว ลุก!”

คนใต้ผ้าห่มขดตัวเป็นกุ้งทันทีที่ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศปะทะผิวเนื้อ ผมเลยคว้ารีโมทไปปิด ก่อนจะถลาไปคว้าแขนอีกฝ่ายดึงให้ลุกขึ้น
“ลุกได้แล้ว ไปอาบน้ำ จะสายแล้วเนี่ย”
ความจริงไม่ต้องรีบก็ได้ มหาวิทยาลัยก็อยู่แค่นี้ ห้านาทีก็ถึงตึกคณะแล้ว แต่ผมกลัวว่าถ้าพี่เหนือยังอ้อยอิ่งอยู่อย่างนี้ มีหวังได้ไปสายจริงๆ แน่
แต่ถึงจะดึงยังไง พี่เหนือก็ไม่ยอมลุก ร่างอ่อนปวกเปียกไหลไปตามแรงโน้มถ่วงโลก ปากก็พูดว่าขออีกห้านาทีๆ จนผมชักหงุดหงิด
คนบ้าอะไรมันจะไร้กระดูกได้ขนาดนี้!
“พี่เหนือ ถ้าไม่ลุก ธารอุ้มนะ”
“อือ อุ้มหน่อย” แทนที่จะปฏิเสธ ดันชูแขนทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงให้ผมอุ้มอีก
ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะดึงแขนสองข้างนั้นมาคล้องคอตัวเอง แล้วสอดมือเข้าใต้รักแร้เพื่อพยุงพี่เหนือขึ้น หากแต่...พยุงขึ้นมาได้ ผมก็เซถลาจนเกือบล้ม

นะ...หนักจังวะ ไม่ยักจะรู้ว่าพี่เหนือตัวหนักขนาดนี้

สุดท้ายก็ได้แค่พยุงลงมายืนบนเตียง ก็แม่ง ใครจะไปอุ้มไหววะ ขืนอุ้ม มีหวังได้หลังหักแหง

“ไหนว่าจะอุ้มพี่เหนือไง” และเพราะไม่อุ้ม พี่เหนือก็ส่งเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมกับใบหน้าง่วงๆ

ตัวหนักขนาดนี้ ใครจะไปอุ้มวะ!

ผมกลอกตากับท่าทางปัญญาอ่อน พลันตรงเข้าไปจับพี่เหนือถอดเสื้อ กะไล่ให้ไปอาบน้ำ ปากก็บ่นไปด้วย
“เลิกเล่นซะทีพี่น่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว ถ้าไม่อาบน้ำก็ล้างหน้าแปรงฟันอย่างเดียวพอ เสร็จแล้วจะได้รีบมากินข้าว”
พี่เหนือก็ยังงึมงำงอแงไปเรื่อย ท่าทางดูแปลกๆ เหมือนกัน ปกติไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้ ก่อนผมจะเอะใจว่าพี่เหนือผิดปกติเมื่อมือสัมผัสเข้ากับลำตัวของเขา ไออุ่นร้อนผะผ่าวทำให้ผมต้องย่นคิ้วฉับพลัน
“ตัวรุมๆ ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย ธารบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำงานดึกติดกันหลายๆ คืน ไม่สบายเลยเห็นมั้ยเนี่ย”
พี่เหนือหยุดง้องแง้งทันที เหลือบมองหน้าผมแล้วก็ทำท่าเหมือนสบายดีสุดชีวิต
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ พี่เหนือปกติดี แค่เพลียๆ เท่านั้นเอ๊ง”
ปลายเสียงขึ้นสูงด้วย ที่ทำแบบนี้คงเพราะรู้ชะตากรรมแหละว่าถ้ายอมรับว่าป่วย เดี๋ยวต้องถูกผมบ่นยาวแน่นอน แต่ถึงจะปฏิเสธ ก็ไม่รอดการถูกผมบ่นหรอก
ทว่าพอผมตั้งท่าจะเทศนาเท่านั้น พี่เหนือก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“เอ้อ จะสายแล้วนี่นา เดี๋ยวพี่เหนือรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเนอะ เดี๋ยวสายๆ”

แล้วก็เดินโซเซไปยังห้องน้ำ ทิ้งให้ผมมองตามหลัง สายตาก็ไล่ปราดพินิจสภาพร่างกายของพี่เหนือไปด้วย

ไม่รู้นะ ผมว่าช่วงนี้พี่เหนือสุขภาพไม่ค่อยดียังไงไม่รู้ ตั้งแต่เป็นอาจารย์ประจำมาได้เกือบปี และทำงานดึกดื่นเกือบทุกวัน เขาก็เหมือนจะน้ำหนักขึ้น ขึ้นถึงขนาดเริ่มมีพุงกะทิน้อยๆ ชนิดสังเกตเห็นด้วยตาได้แล้ว ซิกแพ็คอะไรที่เคยมีเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด ก็อย่าว่า ไม่ได้ออกกำลังกายเลยนี่ ตื่นเช้าไปทำงาน กลับมาถึงคอนโดฯ ก็กินกับทำงาน เสร็จแล้วก็เข้านอน เสาร์-อาทิตย์ก็ทำงาน ถ้าว่างก็เอาแต่นอนอย่างเดียว ไม่อ้วนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ถึงจะไม่ได้อ้วนออกข้างอะไรก็เถอะ แต่เริ่มมีพุงก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ อะไรไม่ว่า ที่น่าเป็นห่วงกว่าความอ้วนคือภูมิแพ้ที่เป็นโรคประจำตัวของเขาก็เริ่มออกอาการ เห็นชัดๆ เลยคือใต้ตาที่คล้ำขึ้น กับอาการออฟฟิศซินโดรมที่หลายครั้งจะได้ยินเขาบ่นว่าปวดหลัง ปวดต้นคอหลังจากนั่งทำงานตอนกลางคืนนานๆ

คิดแล้วก็เป็นห่วงขึ้นมา กอปรกับการที่ผมฝันเห็นเขาป่วยตายต่อหน้าเมื่อคืน ผมก็ยิ่งใจไม่ดี

สงสัยหลังจากนี้ ผมคงต้องบังคับให้พี่เหนือออกกำลังกายบ้างแล้วล่ะ ไว้เย็นนี้ พี่เหนือกลับมาแล้วค่อยคุยกันก็แล้วกัน

คิดแล้ว ผมก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไปบ้าง กะจะไปเทโจ๊กใส่ชามเตรียมไว้ให้ พี่เหนืออาบน้ำเสร็จแล้วจะได้ออกมากินเลย ทว่าพี่เหนือที่เดินนำหน้าผม จู่ๆ ก็เกิดอาการเซถลา ทรงตัวไม่อยู่ ล้มคว่ำไปซะอย่างนั้น ทำเอาผมเบิกตาโต แหกปากลั่นด้วยความตกใจทันที
“พี่เหนือเป็นอะไร!”
ไม่รอช้า ปรี่เข้าไปประคองด้วย ขณะที่พี่เหนือยกมือขึ้นคลึงขมับตัวเองเป็นพัลวัน
“หน้ามืดหรืออะไรเนี่ยพี่ จู่ๆ ก็ล้ม เป็นอะไร” ผมละล่ำละลักถามด้วยเป็นห่วงสุดชีวิต

ตอนแรกก็ไม่คิดว่าพี่เหนือจะเป็นอะไรร้ายแรง เดาเอาว่าคงเป็นเพราะเขาพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยหน้ามืด หากแต่ผิดคาดเมื่อพี่เหนือปรือตามองผม ทำท่าเหมือนจะตายให้ได้ ก่อนยื่นมือสั่นเทามาแตะข้างแก้มผมเบาๆ
“นะ...น้องธาร พี่เหนือว่า...พี่เหนือคงไม่รอดแล้ว มะ...เมื่อวันก่อนพี่ไปหาหมอมา”
ปะ...ไปหาหมอมา? ไปหามาเมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่รู้!?
ใจหายวาบทันที ก่อนรีบถามออกไปอย่างร้อนรน ไอ้เรื่องที่เขาไปหาหมอโดยที่ผมไม่รู้นี่ช่างหัวมันไปก่อน ไว้ค่อยถามทีหลัง
“ละ...แล้วหมอบอกว่าพี่เป็นอะไร”

ถามไป ความกังวลก็กัดกินจิตใจไปทีละนิด กังวลจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งกาย กลัวว่าพี่เหนือจะเป็นอะไรร้ายแรง ยิ่งภาพความฝันที่ผมสูญเสียพี่เหนือไปพร่างพรายในจิตใต้สำนึกระลอกที่สองด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งใจไม่ดี ขณะที่พี่เหนือไอโขลกเป็นการใหญ่ ทำให้ผมแทบคุมสติตัวเองไว้ไม่ได้
“พี่บอกธารสิว่าหมอบอกว่าพี่เป็นอะไร ธารจะได้ดูแลพี่ให้ดีกว่านี้!”

รู้สึกเหมือนจะสูญเสียจริงๆ และรู้สึกเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อริมฝีปากสีชมพูแห้งผากขยับขึ้นมาเล็กน้อย
“หมอ...หมอบอกว่าพี่เหนือป่วยเป็น...”
“เป็น?”

ลุ้นระทึกสุดๆ พี่เหนือแม่งก็ไม่พูดซะที พูดๆ หยุดๆ อยู่ได้

“เป็นอะไร บอกมาเร็วๆ!”
ผมหมดความอดทนในการรอ แผดเสียงเค้นถามขึ้นมาจนได้
“พี่เหนือป่วยเป็นโรค...ปอด”

ได้ยินแล้ว โลกทั้งโลกของผมก็เหมือนจะถล่ม ผมเผลออ้าปากค้าง ใจตกไปอยู่ยังตาตุ่ม กำลังจะถามออกไปแล้วว่ามันร้ายแรงแค่ไหน ถึงตายได้มั้ย หากแต่พี่เหนือก็แทรกขึ้นมาก่อน และแน่นอนว่าคำพูดนั้นแทบทำให้ผมอยากจะอุ้มเขาขึ้นมา แล้วจับโยนออกนอกหน้าต่างให้ดิ่งไปกระแทกพื้นชะมัด
“ปอดเธอมาตะลื้ม...ปลื้มเธอมาตลอด ฮิ้ววว”

ฮิ้วบิดาพี่เถอะ! มันใช่เรื่องจะมาล้อเล่นมั้ยวะ

ผมทำหน้าเซ็งโดยพลัน ขณะที่พี่เหนือสนุกใหญ่ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าผมชักสีหน้า
“ไม่ทำหน้าแบบนี้น่า พี่เหนือเห็นน้องธารเครียดๆ ก็เลยเล่นมุขเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วพี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่เป็นไข้”
“ไข้อะไร”
“ไข้เธอไม่ดาด...ขาดเธอไม่ได้ เอิ้ววว”

เดี๋ยวก็กระทืบแม่งซะหรอกไอ้แก่นี่!

ผมข่มใจสุดชีวิตที่จะไม่โมโหใส่พี่เหนือ ก็ดูสีหน้าพี่เหนือตอนนี้สิ ถึงจะเล่นไม่เลิก แต่หน้าอย่างซีดเลยเถอะ เหงื่อเม็ดเป้งก็ผุดออกมาเต็มหน้าด้วย ดูยังไงก็ป่วยแน่นอน เดาไปแล้วล่ะว่าเป็นไข้แน่ๆ
“พี่เหนือ เอาจริงๆ ตกลงพี่เป็นอะไร” ผมชักไม่สนุกด้วยละ ถามเสียงเข้มออกมา
พี่เหนือหยุดหัวเราะกับมุขเสี่ยวๆ ของตัวเอง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“โอเค อันนี้ซีเรียสจริงจังเลยนะ พี่เหนือไปหาหมอมาแล้วล่ะ ตกลงหมอบอกว่าพี่เหนือเป็น...”
เอาอีกละ มาอีหรอบเดิมอีกละไอ้เว้นจังหวะให้ผมลุ้นเนี่ย
“เป็นอะไร” ผมพ่นลมออกมาเต็มแรง ก่อนที่พี่เหนือจะพูดว่า...
“เป็นโรคไต... ไตหาหัวจาม ตามหาหัวใจ อิอิ”

จะใส่อิอิตามหลังมาเพื่ออะไร มันไม่ได้ทำให้ความอยากกระทืบพี่ลดลงหรอกนะเว้ย!

“พี่เหนือ ธารไม่เล่นนะ บอกมาซะทีว่าเป็นอะไร มัวเล่นอยู่ได้ เป็นห่วงเห็นมั้ยเนี่ย” ผมเข้าโหมดซีเรียสซะเลย เผื่อว่าพี่เหนือจะได้หยุดล้อเล่นสักที
ทว่าพี่เหนือก็ยังเป็นพี่เหนือ สิ้นเสียงผม เขาก็ทำท่าทางเหมือนสลดอะไรสักอย่าง ก่อนยกมือขึ้นไปกุมหน้าท้องที่ป่องขึ้นมานิดๆ พลางว่า
“จริงๆ แล้วพี่เหนือท้อง”

กระทืบแม่งซะเลยดีมั้ง กวนตีนงี้ชักทนไม่ไหวแล้ว!

แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะสิ่งที่ผมทำคือการพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง แล้วว่าออกมาอย่างระอา
“พี่เหนือ...อสุจิไม่ปฏิสนธิกับขี้มั้ย พี่ไม่ได้ท้อง พี่ลงพุง เลิกเล่นได้แล้ว”
พี่เหนือดูอึ้งไปทันทีที่ได้ยินผมพูดประโยคนั้น ก่อนจะว่าออกมาอย่างไม่เชื่อหู
“หยาบคาย”
“จะหยาบคายมากกว่านี้ด้วยถ้าพี่ไม่ยอมบอกซะทีว่าเป็นอะไร”
“ก็บอกแล้วไงว่าพี่เหนือท้อง... ท้องจริงๆ นะ”

ยัง...ยังไม่หยุดอีก!

ผมมองพี่เหนืออย่างรำคาญ แล้วว่าเนิบๆ
“พี่ไม่ได้ขี้มากี่วันแล้ว”
คราวนี้ พี่เหนือหลุดหัวเราะลั่น
“หยาบคายไม่พอ สกปรกด้วย หยะแหยง แล้วนี่ลงพงลงพุงอะไร เค้าเรียกว่าหุ่นเสี่ย” พูดไป ก็จับพุงกะทิตัวเองเล่นไป ผมเห็นแล้วก็ชักหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ ละ
“อ้วนก็คืออ้วน หุ่นเสี่ยอะไร แล้วตกลงพี่เป็นอะไรเนี่ย บอกมาซะที!”

พี่เหนือหยุดเล่นฉับพลัน ดันตัวขึ้นนั่งแล้วยอมบอกผมแบบจริงจัง
“พี่เหนือเป็นไข้หวัดน่ะครับ เมื่อวานก่อนรู้สึกเจ็บคอเลยคิดว่าน่าจะป่วย เลยรีบไปหาหมอ ขอยามากินดักไว้ก่อน ที่ไม่บอกน้องธารก่อนก็เพราะไม่อยากให้เป็นห่วงน่ะ เห็นว่าไม่ได้หนักหนาอะไร แต่กินแล้วก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ สุดท้ายก็ป่วยอยู่ดี แหะๆ” พูดไปก็ลูบหัวตัวเองป้อยๆ

แต่ไอ้การทำท่าเหมือนสำนึกผิดมันไม่ได้ช่วยทำให้ผมหายหงุดหงิดได้แม้แต่น้อย รังแต่จะหงุดหงิดเพิ่มด้วย

นี่พี่เหนือเห็นผมไม่สำคัญหรือไงวะ เป็นอะไร ทำไมไม่บอก! แล้วนี่เคยฟังผมบ้างมั้ย เคยบอกว่าพักผ่อนไม่พอแล้วระวังจะป่วย ก็ยังดันทุรังนอนน้อยอยู่นั่น เป็นไงล่ะทีนี้ ป่วยจริงๆ เลยเห็นมั้ยแม่ง!

ผมอยากจะโวยใส่เขานะ แต่เห็นท่าทางอ่อนเพลียของเขาแล้วก็กลั้นใจกลืนความหงุดหงิดลงไป ถอนหายใจแล้วออกปากสั่งแทน
“พี่เหนือ โทรไปลางานเดี๋ยวนี้ วันนี้ไม่ต้องไปสอน หยุดพัก”
พี่เหนือทำหน้ายู่ขึ้นมาทันที พลันแย้ง
“แต่ว่าพี่เหนือมีประชุม...”
“ป่วยแล้วจะฝืนทำไม เดี๋ยวก็เป็นหนักหรอก สุขภาพพี่สำคัญกว่า เรื่องประชุมเอาไว้ค่อยไปตามสรุปการประชุมเอาทีหลังก็ได้ โทรไปลาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นธารจะโทรไปให้เอง”

ผมว่าเขารู้ว่าถ้าผมเป็นคนโทรไป จะต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่ เขาเลยยู่ปากขัดใจ ก่อนจะรับโทรศัพท์จากผมที่ส่งให้ไปกดโทรหาเพื่อนอาจารย์แล้วแจ้งว่าขอลาเพราะป่วยกะทันหัน ลางานเสร็จ ก็บ่นพึมพำไปเรื่อยว่าผมทำเสียงาน ผมนี่อยากจะเอาโจ๊กบนโต๊ะราดใส่หน้านัก

คนที่ทำเสียงานน่ะ ตัวพี่เองต่างหากเว้ย ถ้ารู้จักแบ่งเวลามาพักผ่อน ไม่บ้าโหมงานหนักขนาดนี้ ก็คงไม่ป่วยจนต้องหยุดพักหรอก!

แต่ผมทำอะไรได้มั้ยล่ะ... ไม่ ได้แต่พยุงพี่เหนือมานั่งที่โต๊ะ บังคับให้กินมื้อเช้า กินยา แล้วก็ปล่อยให้นอน ก่อนผมจะไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ ขณะเช็ดตัวไป พี่เหนือก็มองผมพลางอมยิ้ม พลันโพล่งขึ้นมา
“น้องธารดูแลพี่เหนือดีจังเลย”
“ถ้าไม่ใช่พี่ก็ไม่ดูแลหรอกเว้ย ทีหลังอย่าทำงานจนป่วยอีกรู้มั้ย” ผมว่าเสียงดุ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่เหนือหุบยิ้มได้ แถมไม่ตอบคำถามผมด้วย เอาแต่ยิ้มอยู่นั่น ก่อนจะว่าเนิบๆ
“เดี๋ยวนี้เด็กน้อยของพี่เหนือโตพอที่จะดูแลคนอื่นได้แล้วสินะ นึกถึงตอนที่เราเจอกันใหม่ๆ เนอะ ตอนนั้นน้องธารต้องให้พี่เหนือดูแลอยู่เลย น่าร้าก ตอนนี้น่ารักกว่าอีก เป็นห่วงพี่เหนือด้วย มันเขี้ยวๆ” แล้วก็เอื้อมมือมาดึงแก้มผมหน้าตาเฉย

ดูแม่ง ขนาดไม่สบายยังเล่นไม่เลิก แต่ก็เอาเถอะ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว

“ถ้าไม่อยากให้ธารเป็นห่วงก็อย่าทำแบบนี้อีก ธารไม่ชอบ จะรักธารน้อยลงก็ได้ แต่พี่ต้องรักตัวเองมากๆ ถ้าพี่เป็นอะไรไป ธารจะอยู่ยังไง คิดบ้างสิวะ”
“คร้าบๆ รู้แล้วคร้าบน้องธาร แหม ได้ทีสั่งใหญ่เลยนะ”
“ก็ดูพี่ทำตัวดิ ใครบ้างวะจะไม่เห็นห่วง ไม่ดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ป่วยเป็นโน่นนี่มากกว่าเดิม อะไรไม่ว่า พี่เริ่มมีพุงแล้ว อยากแก่แบบหัวล้านไม่พอ แต่ลงพุงด้วยนักหรือไง อายุใกล้จะสามสิบแล้วมันลดน้ำหนักยากนะเว้ย ถึงจะเพิ่งอายุย่างเข้ายี่สิบหกก็เถอะ แต่ถ้าปล่อยปะละเลยตัวเองแบบนี้ อีกหน่อยได้เผละแน่”

อุตส่าห์คิดว่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่ผมก็อดบ่นไม่ได้ ก็พี่เหนือน่ะ เป็นคนประเภททำอะไรจริงจังขึ้นมาแล้ว ก็จะจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งนั้นจนละเลยสิ่งที่ควรใส่ใจไป อย่างเช่นสุขภาพตัวเองเนี่ย ผมรู้ว่าบ่นไป พี่เหนือก็ไม่สนใจหรอก เลยต้องเอาเรื่องภาพลักษณ์มาพูดด้วยเพราะรู้ว่าพี่เหนืออ่อนไหวกับเรื่องนี้

และก็ได้ผลดังคาดเมื่อมือพี่เหนือที่ดึงแก้มผมอยู่ออกแรงมากกว่าเดิมให้ผมร้องโอ๊ย แล้วก็บ่นอีก
“หยาบคายอีกละ ทำไมครับ ถ้าพี่เหนือหัวล้าน มีพุงแล้วจะไม่รักเหรอ”
“รัก แต่พี่อยากเป็นแบบนั้นหรือไง สุขภาพไม่ดี ตายก่อนธารอีก อายุมากกว่าก็เสี่ยงตายก่อนอยู่แล้ว จะรีบทำให้ตัวเองตายเร็วกว่าเดิมทำไม อยู่ให้ธารรักนานๆ หน่อยสิ เดี๋ยวหายป่วยแล้ว ไปออกกำลังกายเลยนะ ธารพาไปเอง” ตบท้ายด้วยการหยอดคำหวานนิดๆ
พี่เหนือที่ทำหน้ายู่ก็ยิ้มออก แล้วยอมตอบรับอย่างว่าง่าย
“ก็ได้ครับ พี่เหนือเองก็อยากอยู่กับน้องธารนานๆ เหมือนกัน ไว้พี่เหนือหายแล้ว พาไปหน่อยนะ”
ตบท้ายด้วยการที่พี่เหนือกลายเป็นฝ่ายอ้อนผมซะอย่างนั้น เรียกรอยยิ้มกว้างจากผมได้เป็นอย่างดีที่เห็นเขามีความสุขเวลาได้รับการดูแลจากผมแบบนี้

แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ไม่มีทางที่จะมาดูแลเขาด้วยเหตุผลเพราะว่าเขาป่วยหรอกเว้ย! ถ้าจะดูแลก็ต้องดูแลเวลาที่ไม่ป่วยต่างหาก!
 



ดังนั้น พอพี่เหนือหายดีเป็นปกติ ผมก็ไม่รอช้า จัดตารางออกกำลังกายให้เขาทันที ทว่าจะจัดหนักจัดเต็มแบบผมที่ชอบไปยกเวทในฟิตเนสก็ทำไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น อีกอย่าง เขาไม่ได้ออกกำลังกายมานาน จะโผล่ไปเล่นนักเลยก็ไม่เป็นการดี ผมเลยลากพี่เหนือมาวิ่งเบาๆ ที่สนามของมหาวิทยาลัยแทนทันทีที่เขาเลิกงาน กะว่าวิ่งรอบสนามสักสองสามรอบแล้วค่อยกลับ พอร่างกายเริ่มคุ้นชินแล้ว วันหลังค่อยเพิ่มจำนวนรอบขึ้น

ทว่า...ดูแล้วไอ้สองสามรอบที่ผมตั้งใจจะให้พี่เหนือวิ่งท่าจะเป็นไปได้ยาก

ก็ดูแม่ง วิ่งได้ไม่ทันถึงครึ่งสนามก็หอบเป็นหมาแล้ว หอบไม่พอ ทิ้งตัวลงนั่งข้างสนาม ไม่ยอมวิ่งต่อ พอเข้าไปทักก็ไม่ยอมลุกด้วย มีต่อรองอีก

“พี่เหนือวิ่งไม่ไหวแล้วครับ วันนี้ขอเดินอย่างเดียวได้มั้ย ปวดขาแล้ว”

สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงจริงๆ โดยเฉพาะสังขารพี่เหนือเนี่ย

“เออๆ ก็ได้ วันนี้วันแรก ร่างกายพี่คงยังไม่ชิน ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน” ผมตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก
เท่านั้นพี่เหนือก็ยิ้มออก แต่เป็นการยิ้มประมาณว่า ‘รอดแล้วกู’ อะไรเทือกนั้น ผมก็ไม่อยากจะใส่ใจมากหรอก ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ คว้าน้ำดื่มเย็นเฉียบที่เพิ่งไปซื้อมาส่งให้เขา
พี่เหนือรับขวดน้ำไปอังที่คอเพื่อรับไอเย็น สายตาทอดมองไปยังผู้คนมากมายที่มาใช้สนามด้วย ก่อนจะว่าขึ้นมาลอยๆ
“เห็นแล้วนึกถึงตอนที่น้องธารลากพี่เหนือไปซ้อมวิ่งก่อนงานกีฬาสานสัมพันธ์เลยเนอะ”
“งานกีฬาสานสัมพันธ์?” ผมเลิกคิ้วให้กับประโยคนั้น
พี่เหนือหันมามองยิ้มๆ ก่อนตอบ “ก็งานกีฬาของวิทยาลัยไง ที่พี่เหนือลงแข่งกินวิบากแล้วน้องธารก็ลากพี่เหนือไปซ้อมน่ะ”
ผมร้องอ๋อ เรื่องนี้ผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ผ่านมาตั้งหลายปี ยังจำได้อีก พี่เหนือนี่ความจำดีแฮะ
แล้วพี่เหนือก็ทำให้ผมต้องประหลาดใจกับสกิลความจำของเขาเมื่อเขาพูดขึ้นมาอีก
“จะว่าไป ตอนที่เราเริ่มคุยกันดีๆ ก็เป็นตอนที่พากันไปซ้อมวิ่งที่แหละ จำได้เลยว่าวันนั้นพี่เหนือบอกน้องธารว่าทำไมถึงเป็นคนมั่ว แล้วน้องธารก็เตือนให้พี่เหนือทำตัวใหม่ มาวิ่งแบบนี้ เหมือนมารำลึกความหลังกันเลยเนอะ”

ภาพความทรงจำฉายขึ้นมาเป็นฉากๆ ผมพอจะจำได้ขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนหันไปสบตาพี่เหนือที่กำลังจ้องผมอยู่ พลันพี่เหนือก็พูดออกมา
“พี่เหนือรักน้องธารนะครับ ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอดนะ”
หน้าผมร้อนขึ้นมากะทันหันที่จู่ๆ ก็โดนบอกรักแบบไม่ทันตั้งตัว ผมเม้มปากแน่น เอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากมนออก แล้วว่าขึ้นมาบ้าง
“ถ้าไม่ได้พี่ดูแลธารมาก่อน ธารก็คงดูแลพี่อย่างนี้ไม่ได้หรอก ขอบคุณที่ดูแลธารมาตลอดเหมือนกันครับ” พูดเพราะปิดท้ายไปหน่อย เพราะอยากเห็นพี่เหนือยิ้มกว้างกว่านี้

พี่เหนือยิ้มกว้างจริงๆ แต่ไม่ใช่แค่ยิ้มเท่านั้น ดันกระแซะเข้ามาหาผม ยื่นหน้ามาดอมๆ ดมๆ พลางกระซิบข้างหู
“น้องธารนี่ เวลาเปียกเหงื่อนิดๆ เซ็กซี่จัง”
“พี่จะเอาอะไร” ผมถามอย่างรู้ทันทันที ขณะที่พี่เหนือทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ย แล้วว่าออกมา
“อยากให้น้องธารตรวจร่างกายให้จุงเบย”

จุงเบยอะไรเล่า ชวนกลับไปแซ่บอะไรนี่ก็บอกมาตรงๆ!

เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร พี่เหนือก็กระเซ้าผมด้วยการเอาไหล่มาชน พลางพูดไม่หยุด
“นะๆ กลับไปตรวจร่างกายพี่เหนือกันเถอะ อยากให้น้องธารดูแลบนเตียงมากกว่า ความจริงแล้ว อยู่บนเตียงก็เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ พี่เหนือไม่ชอบวิ่งเลย ชอบออกกำลังกายแบบนั้นมากกว่า กลับกันเถอะ เนอะๆ”

ผมหัวเราะกับเหตุผลไร้สาระของเขา ที่พูดมามันก็จริง แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่เหนือถึงได้หื่นได้หื่นดีตลอดเวลาอย่างนี้วะ ผ่านมาหลายปีแล้ว ก็มีไอ้นี่แหละที่เป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

ไม่สิ... มันเปลี่ยน เปลี่ยนจากหื่นมาก เป็นหื่นมากโคตรๆ นี่ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพี่เหนือเป็นรุก ผมจะโดนเล่นงานหนักขนาดไหน

แต่ก็เอาวะ ทั้งอ้อน ทั้งฉอเลาะมาถึงขนาดนี้แล้ว จะปฏิเสธก็ยังไงอยู่ กลับก็กลับ

“แล้วอย่าหาว่าธารโหดแล้วกัน จะตรวจให้ทุกซอกทุกมุม” ผมกระซิบตอบ แอบฉกหอมแก้มเขาไปด้วยตอนคนอื่นเผลอ
เท่านั้น พี่เหนือก็ระริกระรี้ ลุกขึ้นยืนแล้วเรียกผมเป็นการใหญ่
“ไปๆๆ ไปออกกำลังกายที่รังรักของเรากัน ไปๆ”
แล้วก็เดินนำออกไปนอกสนาม ทิ้งให้ผมมองไล่หลังพลางยิ้มตาม

ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งน่ารัก ยิ่งอยู่ด้วย ก็ยิ่งทำให้ผมมีความสุข เป็นซะแบบนี้แล้วจะไม่ให้ผมทั้งรัก ทั้งเป็นห่วงมากได้ยังไง

รักมาก... เป็นห่วงมากจนกลัวที่จะเสียไป คิดไม่ออกเลยว่าถ้าสักวัน ผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ข้างผมแล้ว ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไง ก็ลมหายใจของผมผูกติดกับเขาแล้วนี่ ถ้าเสียเขาไป ผมคงขาดใจแน่

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องเศร้าๆ อะไรแบบนั้น เห็นพี่เหนือหันมากวักมือเรียกพร้อมรอยยิ้ม ผมก็รีบเดินตามไปทันที

น่ารักจริงๆ... ขืนน่ารักมากไปกว่านี้ เห็นทีต้องตรวจร่างกายให้บ่อยกว่าเดิมซะแล้วมั้งพี่เหนือของธาร
 -------------------------------------
มาคืนนี้ดึกๆ จริงๆ ตี 1 ครึ่ง 5555
พี่เหนือยังคงคอนเซ็ปต์หื่นได้หื่นดีตลอดเวลา เพิ่มเติมคือพุงกะทิ กร๊ากกกก
ในสายตาน้องธารนี่ นางน่ารักตะมุตะมิจริงๆ แต่อย่าให้เปลี่ยนมาเป็นมุมมองของพี่เหนือเชียว หื่นหนักมาก ฮา
พรุ่งนี้จะเอาตัวอย่าง ธารใจ ตอนพิเศษ 3 มาแปะให้นะคะ ฝากส่งฟีดแบ็คกันด้วยเน้อ XD

ปล. เรื่องนี้กำลังจะเปิดจองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านะคะ ใครสนใจ รบกวนเข้าไปอ่านรายละเอียดเบื้องต้นที่นี่น้า http://writer.dek-d.com/noodang/writer/viewlongc.php?id=1434096&chapter=34
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย♦P.26♦14/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 15-05-2016 02:47:16
โอ้ยยยยยย น่ารักชอบคู่นี้ รอตอนพิเศษจ้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย♦P.26♦14/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-05-2016 09:41:41
 :-[
 :กอด1:
 :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย♦P.26♦14/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2016 16:04:07
จะแบบไหนก็ไม่พ้นชวนไปแซ่บ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย♦P.26♦14/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 15-05-2016 16:37:17
โอ้ยยยยตลกกกกกกกกก
ถ้าจะแซ่บกันแบบนี้ ไหนจะไร่อ้อยเอยไรเอย
ขำพี่เหนืออ่ะ มีความหื่นน่ารักมาก
น้องธารด้วย ฟีลกู๊ดขำทั้งเรื่อง
ขอให้สองคนแซ่บลืมโลกกันบ่อยๆนะคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย♦P.26♦14/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-05-2016 16:50:14
พี่เหนือมีพุงแหละแกรรรรรร ว้ายยย สักพักก็โดนผัวเด็กทิ้ง ว้ายยยยย แอ่ก! (โดนธารกระโดดถีบ)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตอนพิเศษ:ธารใจ2: รักคนแก่ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย♦P.26♦14/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-05-2016 19:20:59
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ #ช่างใจรัก

 

     เอามาให้อ่านกันเล่นๆ เนื่องจากเห็นหลายคนทายมหาวิทยาลัยที่พี่เหนือเรียนกัน หนูแดงเลยอยากจะเขียนให้ได้รู้กันค่ะว่าสถานที่แต่ละที่ในช่างใจรักมีที่ไหนบ้าง เพราะหนูแดงใช้สถานที่จริงมาเขียน ถึงบางที่จะเป็นที่ที่สมมติขึ้นมา แต่หลักๆ ก็คือสถานที่จริงนั่นแหละค่ะ เรื่องนี้เลือกใช้สถานที่ใกล้ตัวแล้วก็คุ้นเคย เพราะอยากเขียนอะไรบ้านๆ เรียลๆ สุดท้าย คนที่เป็นเด็กพิษณุโลกนี่รู้หมดเลยว่าตรงไหนอยู่ตรงไหน 555

 

✿ มหาวิทยาลัยย่านชานเมืองของพี่เหนือคือมหาวิทยาลัยที่หนูแดงเรียน ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นั่นเอง เดาได้จากที่มีคณะศิลปศาสตร์ /สังคมสงเคราะห์ และวิศวะฯ อินเตอร์ (ซึ่งก็คือ SIIT) นะ

✿ คณะศิลปศาสตร์ของพี่เหนือคือคณะของหนูแดง แต่คนละเอก (พี่เหนือเรียนเอกอังกฤษ หนูแดงเรียนเอกภาษาวรรณคดีอังกฤษ)

✿ ชั้น 7 ของคณะศิลปศาสตร์เป็นชั้นที่ห้องพักอาจารย์ของอาจารย์ที่ปรึกษาหนูแดงอยู่ค่ะ 555

✿ มหาวิทยาลัยของจอมแก่นกับโรมในพิษณุโลกคือ ม.นเรศวร

✿ มหาวิทยาลัยของน้องมายด์ที่เป็น ม.เอกชนอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยของน้องธารคือ ม.กรุงเทพฯ

✿ บ้านพี่เหนืออยู่เยื้องแถวรังสิต ซึ่งเป็นแถวๆ บ้านของหนูแดง ณ ปัจจุบัน (แต่ก็ยังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ นะ)

✿ ที่ใช้โลเคชันพิษณุโลกเป็นโลเคชันหลักในเรื่องเพราะบ้านพ่อแม่ของหนูแดงอยู่พิษณุโลก

✿ วิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์ไม่มีจริง แต่ตำแหน่งที่วิทยาลัยฯ ตั้ง คือตำแหน่งเดียวกับวิทยาลัยเทคนิคฯ แห่งหนึ่งของพิษณุโลก ชื่อว่า วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก แต่เสื้อช็อปเป็นสีน้ำตาลค่ะ ไม่ใช่สีครีม และรู้สึกว่าจะเป็นของรัฐ ไม่ใช่ของเอกชนอย่างที่หนูแดงเขียนนะ

✿ หอพักที่พี่เหนือกับน้องธารอยู่ ที่ระบุว่าเป็นศูนย์การค้า มีชื่อเรียกจริงๆ ว่า ศูนย์การค้าปทุมทอง

✿ โรงพยาบาลที่พ่อน้องธารเข้าคือโรงพยาบาลประจำจังหวัด อยู่ตรงข้ามศูนย์การค้าฯ มีชื่อว่า รพ.พุทธชินราช

✿ รร.หญิงล้วนแถวสวนชมน่านที่ครั้งหนึ่งพวกน้องธารเคยพาโรมไปดักเจอหญิงแล้วทำให้พี่เหนือถูกเด็กเทคนิคฯ วิทยาลัยอื่นไล่ตาม คือ รร.เฉลิมขวัญสตรี

✿ ถนนเส้นหลังที่พี่เหนือวิ่งหนีเด็กช่างวิทยาลัยอื่นจากไนท์พลาซ่ามา คือถนนเส้นหลังวัดท่ามะปราง

✿ ลานนมของพี่ดื้อมีโลเคชันอยู่แถววัดใหญ่ ชื่อว่า ลานนมชมจันทร์ (ซึ่งเจ้าของร้านจริงๆ ไม่ใช่พี่ดื้อนะ เอาโลเคชันมาใช้เพราะคุ้นเคยค่ะ) ปัจจุบันไม่รู้ว่าปิดไปหรือยัง เป็นลานนมที่หนูแดงไปบ่อยมากตอนเรียน ม.ปลาย

✿ ร้านเหล้าของพี่จอมแสบอยู่ที่ไนท์พลาซ่า มีร้านอยู่จริงๆ เคยไปนั่งเล่นอยู่หลายครั้งเพราะเพื่อนหนูแดงเป็นนักดนตรีอยู่ที่นั่น แต่จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว ไม่ได้ไปนานพอสมควร

✿ มหกรรมอาหารจัดที่สวนชมน่านจริงๆ ส่วนใหญ่จัดเวลามีงานเทศกาล เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ ลอยกระทง แต่บางครั้งก็แล้วแต่อารมณ์ของเทศบาล

✿ แม่โรมขายหมูทอดกับข้าวเหนียวที่ตลาดเทศบาล ซึ่งคือตลาดลาว อยู่ถนนสี่แยกบ้านแขก (อธิบายไม่ถูกค่ะ ถ้าเป็นเด็กพิษณุโลกก็จะรู้แหละนะ ฮา)

✿ โรงพยาบาลที่น้องธารเคยพาพี่เหนือไปตรวจเอดส์ อยู่ด้านหลังศูนย์การค้าปทุมทอง เป็น รพ.เอกชน ชื่อว่า รพ.รวมแพทย์ ละแวกนั้นมี รพ.เอกชนอีกที ชื่อว่า รพ.พิษณุเวช

✿ ลานขายอาหารที่อยู่หลังศูนย์การค้าฯ ซึ่งน้องธารเคยลากพี่เหนือไปกินข้าวต้มกุ๊ย เรียกว่า ลานเศรษฐกิจ

✿ กำแพงเพชรไม่มีสถานีรถไฟ ตอนแรกหนูแดงเขียนว่ากั้งกับยีนส์นั่งรถไฟมาหาพี่เหนือที่พิษณุโลก แต่มีนักอ่านให้ข้อมูลมา เลยเปลี่ยนไปนั่งรถทัวร์แทน อันนี้หนูแดงก็เพิ่งรู้ค่ะ 555 ขอบคุณที่ทักกันมานะคะ

✿ คอนโดฯ พี่เหนือกับน้องธารในตอนพิเศษก็อยู่แถวมหา'ลัยนั่นแหละ เดาเอาเองแล้วกัน อันนี้ไม่ได้เจาะจงเพราะมีหลายเจ้าเหลือเกิน

 

     คิดว่าน่าจะครบแล้วเนอะสถานที่ในเรื่องเนี่ย ใครทายอันไหนถูกบ้าง มากระซิบบอกกันหน่อย (คาดว่าทายมหา’ลัยของพี่เหนือกันถูก หลายคนรู้อยู่แล้วว่าหนูแดงเรียนที่ไหน ฮา เรื่องนี้คือมีแต่ของใกล้ตัวจริงๆ XD)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ #ช่างใจรัก♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-05-2016 20:53:03
[ตัวอย่าง]ธารใจ ตอนพิเศษ 3

ตอนแรกว่าจะอัพพรุ่งนี้เพราะหนูแดงติดงานเยอะ คิดว่าเขียนไม่ทัน พอมีเวลาเลยเอามาแซมเปิลให้สักฉากค่ะ ตอนนี้เปลี่ยนพล็อตนิดหน่อย พล็อตในตอนแรกที่ว่าจะเขียน (ที่ชื่อว่า แสงสุดท้ายของผม) อันนี้ย้ายไปเป็นตอนพิเศษของพี่เหนือที่จะมีในเล่มแทน ส่วนตอนพิเศษน้องธารอันนี้จะเอาลงให้อ่านในเว็บ

ตอนนี้นิมิตพล็อตขึ้นมาได้เพราะเห็นในแฮชแท็ก #ช่างใจรัก ในทวิตเตอร์ มีคนบอกว่าอยากลองเห็นพี่เหนือเป็นรุก ซึ่งหนูแดงก็มานั่งๆ คิดดู ในเนื้อเรื่องหลัก น้องธารก็แอบมีความเคะอยู่เหมือนกัน เลยลองดูซิว่าถ้าเกิดวันนึงพี่เหนืออยากสลับขึ้นมาเป็นรุกบ้างจะเป็นยังไง

แต่ถามว่าพี่เหนือจะได้แซ่บน้องมั้ย... ขอให้รออ่านตอนเต็มๆ นะ 555
ปูเสื่อนอนรอแล้วเจิมไว้นิดนึง เดี๋ยวอีก 1-2 วันจะมานะคะ
--------------------------------------


“จะลองดูมั้ยล่ะ ลองดูก็ไม่เสียหายนะ”
ผมถึงกับหันไปมองพี่เหนืออย่างไม่เชื่อสายตาที่จู่ๆ เขาก็พูดประโยคนี้ออกมา ก่อนจะรีบปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด
“ไม่เอาอะ เป็นเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”
อันนี้พูดตามความจริง ก็ดูเวลาพี่เหนือมีอะไรกับผมสิ กว่าจะเข้าร่องเข้ารอยกันได้ก็ใช้เวลาตั้งนาน บางครั้งผมก็เผลอทำให้พี่เหนือเจ็บตัวด้วยเถอะเวลาที่รีบร้อนจนเกินไปแต่เขายังไม่พร้อมดี อะไรไม่ว่า ลองคิดสภาพตอนพี่เหนือคร่อมผมในสถานะรุกสิ

โหย... ขนลุกเป็นบ้า! ไม่ใช่ขนลุกเพราะพี่เหนือขึ้นมาเป็นรุกหรอกนะ แต่ขนลุกเพราะคิดถึงความหื่นของพี่เหนือต่างหาก ถ้าเป็นรุกนี่คงไม่ต้องถามเลยว่าเวลาผมปวดหนักยังจะต้องเบ่งอยู่อีกมั้ย

แม่ง ถูกพี่เหนือบุกทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ

พอเห็นผมทำหน้าแหยงๆ พี่เหนือก็หัวเราะ กระแซะเข้ามา เอาหน้ามาคลอเคลียซุกไซ้ที่แก้มผมเป็นการใหญ่
“เอาน่า ลองหน่อย สนุกน้า”
ไอ้ท่าทางอย่างนี้มันก็น่ารักดีอยู่หรอก ชวนให้ผมใจเต้นดี แต่มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์อย่างนี้เว้ย! มาตะล่อมให้ผมเปลี่ยนตำแหน่งแล้วมาพูดอย่างนี้อีก อย่างกับอาเสี่ยแก่ๆ กำลังปะเหลาะเด็กให้สมยอมยังไงยังงั้น
“แต่พี่เป็นรับนะ”
ผมก็เลยว่าเสียงเขียวออกไป ดันพี่เหนือออกห่างด้วยก่อนที่เขาจะวุ่นวายกับผมไปมากกว่านี้
พี่เหนือถอยไปนั่งที่เดิม ทำปากยื่นแล้วว่าขำๆ
“สงสัยน้องธารจะลืมไปแล้วมั้งว่าพี่เหนือเป็นโบท ได้ทั้งรุกและรับ แค่ชอบรับมากกว่าเท่านั้นเอง แต่ถ้าให้พี่เหนือรุก พี่เหนือก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่นะครับ”

ยัง... ยังจะตื๊อไม่เลิก

คราวนี้ผมตอบปฏิเสธเสียงหนักแน่นเลย
“ไม่มีทาง พี่อย่ามาตะล่อมให้ยาก”
“แต่ถูกกระทำมันสนุกจริงๆ น้า ไม่เชื่อพี่เหนือเหรอฮึ?”

ไม่พูดเปล่า เข้ามาหาผมอีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้เอาแค่หน้ามาซุกที่ต้นคอ มือไม้ก็มา ปลดกระดุมเสื้อผมเป็นการใหญ่เลย ผมทำท่าจะรั้งมือเขาเอาไว้ แต่เขาก็สอดมือเข้ามาใต้เสื้อ ลูบแผงหน้าอกผมไปมาแล้ว

อะ...อะไรของพี่เหนือวะนั่น

ผมหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ตัวก็เกร็งไปหมด ปกติไม่เคยเห็นพี่เหนือเริ่มก่อนนี่หว่า อย่างดีก็แค่เป็นฝ่ายเชิญชวน จะให้ลงมือก่อนไรงี้แทบหาไม่ได้เลย จะมีก็แต่ตอบรับเวลาถูกผมจู่โจมเท่านั้น และการกระทำนี้ก็ทำให้ผมใจเต้นระทึก ตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เลยไม่ได้ห้ามปรามอะไร ทว่าปากก็ยังเอ่ยออกไปอย่างตะกุกตะกักให้กับคำพูดของเขาเมื่อครู่
“ถะ...ถ้าสนุก พี่ก็สนุกไปคนเดียวสิวะ มะ...ไม่ต้องชวน”
“แหม ก็หวังดี อยากให้น้องธารได้ฟินเหมือนพี่เหนือด้วยก็เท่านั้นเอง”
“มะ...ไม่เอา”

ไม่เอาอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือผมโดนพี่เหนือดันตัวให้เอนราบไปกับโซฟา แล้วเขาก็ขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ โน้มหน้ามาจูบ มือก็ลูบไล้ไปเรื่อย ผมเกือบจะเคลิ้มไปอยู่แล้วถ้าหากว่าเขาไม่ได้คร่อมแบบปกติ... คือยังไงดี ผมหมายถึงขึ้นมานั่งทับบนช่วงล่างของผมน่ะ อันนี้แหละที่เรียกว่าปกติ

ทว่ามันไม่ปกติก็เพราะเขาไม่ได้ขึ้นมานั่งคร่อม แต่แทรกเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้าง แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมาอีก มือที่ลูบไล้หน้าอกผมอยู่ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปดึงกางเกงขาสั้นผมลงจนขอบกางเกงบ็อกเซอร์โผล่แล้วด้วย

“รับรองเลยว่าพี่เหนือจะไม่ทำให้น้องธารเจ็บตัวแน่นอน แต่ห้ามติดใจนะครับ ยังไงพี่เหนือก็ยังชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ”

ตะ...ติดใจอะไรวะเฮ้ย! เห็นยอมหน่อย อย่ามาหาเรื่องกดกูนะเว้ย!

“พี่เหนือถอย!” ผมได้สติก็ในตอนนี้ว่ากำลังจะถูกสลับบท เลยรีบลุกขึ้น ดันตัวพี่เหนือออก
ทว่าพี่เหนือแม่งก็กวนตีน พอผมลุก ก็เอนตัวลงมาทับ งับหูอีกต่างหาก
“ครั้งเดียวน่า ไม่เสียหายหรอก น้องธารน่ารัก นานๆ ที พี่เหนือก็อยากรุก”
บ้านมึงเถอะ! กูเคยบอกสักคำมั้ยว่าอยากมีผัว!
“ถอยไปสิเว้ย!”

ผมชักโมโหละ พูดอะไรก็ไม่ฟัง ซ้ำยังจะรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ สอดมือเข้ามาในกางเกงบ็อกเซอร์ผมแล้ว ผมเลยสติหลุด ใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวขึ้นนั่ง เหวี่ยงพี่เหนือที่อยู่บนตัวออกจนเขาร่วงลงไปกองกับพื้น ลุกขึ้นมาได้ ผมก็อดใจไม่ไหว ยกขาถีบก้นเขาไปไม่แรงนักทีนึง
“ไอ้พี่เหนือ! มึง!” หลุดหยาบคายมาอีก ดีนะยั้งปากทัน ไม่งั้นได้ด่าพี่เหนือโดยไม่ตั้งใจแน่

ส่วนพี่เหนือก็แทนที่จะสำนึกว่ายั่วโมโหให้ผมโกรธเพราะเล่นไม่รู้เรื่อง ก็ดันยกมือขึ้นอังแก้มตัวเอง ทำท่าเหมือนถูกผมทำร้ายมาอย่างหนักหน่วงอะไรประมาณนั้น แต่ประโยคที่เล็ดลอดออกมานี่คือคนละเรื่องเลย
“เอาเข็มขัดมาฟาดโสรยาสิครับน้องธาร งานโซ่ แส้ กุญแจมือต้องมานะ”

โสรยาบ้านพี่เถอะ! นี่ไม่ใช่ละครเรื่องจำเลยรักนะเว้ย!

คว้าไม้หน้าสามมาฟาดแม่ง หมั่นไส้!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-05-2016 22:00:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-05-2016 22:10:42
พี่เหนือจะ...รุก :hao6:
น้องธารเตรียมตัว :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-05-2016 22:57:05
พี่เหนือยั่วน้องธารให้โกรธเพราะขาดสีสันเหรอคะ5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 15-05-2016 23:34:11
รู้จักทุกที่อย่างดีเพราะปทุมทองที่เรียนพิเศษของเราๆนี่เอง ฮ่าๆ
อ่านตอนนี้แล้วนึกถึง เทคกายเอ้า เทปล่าสุด
เพื่อนพี่พีทชอบพูดกรอกหูว่า ถูกกระทำมันสนุกมาก
แต่พี่พีทบอกว่า ไม่เอา ไม่ชอบถูกกระทำ
มันบรรยานฟีลลิ่งนี้ได้เลยจริงๆ 555555555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: หมีมง ที่ 16-05-2016 01:39:41
เชียร์ #เหนือธาร ได้ไหม  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-05-2016 07:55:03
เอาพาราไหมธาร?ท่าทางจะปวดหัวหนักกับอิพี่เหนือ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-05-2016 16:54:13
ขำจนแก้มจะแตก 5555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-05-2016 17:25:22
ใจเย็นน้องธาร มีเมียแก่แถมตะแหลพุ่งชนต้องไม่ตาย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 16-05-2016 17:48:26
ตามมาอ่านตอนพิเศษค่าาาา ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-05-2016 19:34:59
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 16-05-2016 23:30:19
^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 17-05-2016 11:27:38
 :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-05-2016 00:04:34
อ่านไปยิ่มไป,,,
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: ตัวอย่าง♦P.26♦15/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-05-2016 00:50:52

ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก


การออกกำลังกายทำให้สุขภาพดีขึ้น

สำหรับพี่เหนือนี่คือดีขึ้นทันตาเห็น ก็ใช่ว่าพุงกะทิอะไรนั่นจะหายไปภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์หรอกนะ แต่ก็เรียกได้ว่ามีความคล่องตัวขึ้น ทำอะไรกระฉับกระเฉงมากขึ้น ดูแอคทีฟ มีพลัง มีไฟในการทำโน่นทำนี่มากขึ้น รวมถึง...บ้าพลังเวลาอยู่บนเตียงเช่นกัน

ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าการออกกำลังทำให้พี่เหนือมีความต้องการมากขึ้น เพราะเวลาเรามีอะไรกัน พี่เหนือดูคึกผิดปกติมาก คือ...เขาก็ไม่ได้ออกปากชวนผมมากกว่าเดิมหรอกนะ เพียงแต่ผมว่าเขาดูชอบอะไรแบบ...เอ่อ...แบบรุนแรงกว่าเดิมนิดหน่อย

นะ...นั่นแหละ เอ่ยปากบอกผมตลอดเลยว่าขอแบบจัดเต็ม บางครั้งผมก็ลำบากใจนะ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากกอดเขา เพียงแต่บางครั้งผมกลัวว่าถ้าออกแรงเยอะจะทำให้เขาบาดเจ็บต่างหาก แล้วช่วงนี้ก็ใช่ว่าผมจะมีเวลาว่างมานั่งคิดแต่จะทำเรื่องอย่างว่าอย่างเดียวด้วย ตอนนี้บริษัทที่ผมยื่นโปรไฟล์ไว้ตั้งแต่ก่อนเรียนจบเรียกตัวผมไปทำงานแล้ว เช้าไปทำงาน กลับมาตอนเย็นเหนื่อยๆ บางทีก็กลับดึกเพราะมีทำโอที บางครั้งก็หอบงานกลับมาเคลียร์ทีคอนโดฯ ด้วย วุ่นวายขนาดนี้ ผมไม่มีอารมณ์จะไปสนใจเรื่องอื่นแล้ว หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายลูกเดียว

แต่พี่เหนือ... พี่เหนือก็ยังเป็นพี่เหนือ เหนื่อยจากงานมาขนาดไหน ถ้าหื่นเมื่อไหร่เป็นอันต้องมาอ้อนผมทุกที
วันนี้ก็เช่นกัน เห็นผมกลับมาถึงคอนโดฯ ได้ ตัวเองที่กลับมาก่อนก็ปรี่เข้ามาหา แย่งกระเป๋าไปถือ คว้ามือลากเข้ามาในห้องด้วยท่าทางระริกระรี้ทันที

“มากินข้าวก่อนนะน้องธาร เสร็จแล้วก็อาบน้ำเข้านอนพร้อมพี่เหนือกันเนอะ”
ผมหรี่ตามองพี่เหนือที่ยิ้มกว้างอย่างจับผิดทันใดขณะที่เขาลากผมไปนั่งยังโซฟา จัดการเอาข้าวราดอะไรสักอย่างมาเสิร์ฟให้ ผมไม่ได้สนใจหรอกว่ากับข้าวนั่นจะเป็นอะไร ที่ผมสนใจที่ท่าทางระรื่นเกินกว่าเหตุของเขา
เข้านอนที่ว่านี่ต้องเป็นเรื่องอย่างว่าแน่ๆ มีคำสร้อยว่า ‘พร้อมพี่เหนือ’ ด้วยอย่างนี้ คงหนีไม่พ้นแน่ๆ ยิ่งดูองค์ประกอบอื่นอย่างเวลาเลิกงานของผมวันนี้ที่เลิกตามเวลาปกติ ไม่มีทำโอที กับเวลาเลิกสอนของเขาที่วันนี้มีสอนเพียงครึ่งเช้า แบบนี้คงหนีไม่รอด แล้วนี่ก็คงเอาอกเอาใจผมเพื่อหวังผลบนเตียงอย่างแน่นอน
ผมเผลอถอนหายใจออกมาทันที ถึงจะเลิกงานตามเวลาปกติ แต่ผมก็เหนื่อยน่ะ อยากพักมากกว่า แต่ถ้าปฏิเสธ เดี๋ยวพี่เหนือจะรู้สึกไม่ดี เอาเป็นว่าลองคุยก่อนดีกว่าว่าเขาจะเอาอะไร เผื่อผมจะเข้าใจผิด
“พี่เหนือ เอาใจธารแบบนี้ ตั้งใจจะทำอะไร” ผมเลยถามออกไปตรงๆ ทำเอาพี่เหนือที่ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างผมหันมามองทันใด
“ก็...ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรครับ แค่อยากดูแลน้องธารเฉยๆ”
ปฏิเสธแต่หน้าที่ยิ้มระรื่นเชียว สายตาก็แวววาว อะไรไม่ว่า พอปราดมองชุดที่พี่เหนือใส่แล้ว ผมว่าไม่ใช่แค่อยากดูแลผมเฉยๆ แล้วล่ะ เหลือแต่เสื้อกล้ามบางๆ แขนกว้างกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นจนจะเป็นกางเกงในนี่ ผมว่าคิดอกุศลชัวร์ๆ
“ถ้าอยากดูแลธารเฉยๆ แล้วแต่งตัวอย่างนี้ทำไม” ผมก็ปากไว เห็นแล้วก็ถามออกไปเลย
“ก็มันร้อน พี่เหนืออยากแต่งตัวสบายๆ ไม่ได้เหรอครับ” พี่เหนือก็ยังแถไปด้วย

เหอะ ร้อนบ้าอะไร เปิดแอร์ตั้งยี่สิบห้าองศา อีกนิดเดียวก็จะเป็นช่องฟรีซในตู้เย็นแล้วเถอะ

“พี่เหนือ จะเอาอะไร บอกธารมาตรงๆ ถ้าทำได้ จะทำให้” สุดท้าย ผมก็เลิกถามอ้อมไปอ้อมมา โพล่งออกไปทันที
คนข้างผมทำปากเหมือนเป็ดเล็กน้อย ก่อนว่ากระเง้ากระงอด ยื่นมือมาดึงแก้มผมไปมาเป็นการใหญ่ ดูก็รู้ว่ากำลังกลบเกลื่อนที่ถูกผมจับไต๋แผนยั่วชวนยิ้มอะไรนี่ได้
“นี่ก็รู้ทางพี่เหนือหมดเลยนะ ฉลาดจริงๆ พี่เหนือก็ไม่ได้อยากได้อะไรหรอกครับ แค่คิดถึงน้องธารน่ะ เลยแบบว่า...คิดว่าเราน่าจะทำอะไรให้หายคิดถึงหน่อยอะไรประมาณนี้”

นั่นไง ผิดไปจากที่ผมคิดซะที่ไหน

ผมลอบพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนปฏิเสธ ใจจริงก็ไม่อยากปฏิเสธหรอก แต่ช่วงนี้เหนื่อยจริงๆ
“วันหลังได้มั้ยพี่เหนือ วันนี้ธารเหนื่อย พรุ่งนี้ก็วันหยุดเสาร์-อาทิตย์แล้ว วันจันทร์ก็ไม่ต้องไปทำงานด้วย วันหยุดราชการ หยุดยาวขนาดนี้ ยังมีเวลาทำอีกเยอะ”
อ้างไปตามความจริง วันจันทร์นี้เป็นวันหยุดราชการ แต่หยุดกันทั้งประเทศ รวมถึงบริษัทของผมกับคลาสสอนของพี่เหนือด้วย
แต่ถึงจะอ้างไปอย่างนั้น พี่เหนือก็ยังไม่หยุด กระเถิบเข้ามาเกาะแขนผมแล้วเอนตัวลงมาซบ
“แต่พี่เหนืออยากให้น้องธารกอดวันนี้นี่นา”
“แต่ธารเหนื่อยนะพี่ ขอพักวันนึง เป็นคนทำมันต้องใช้แรงนะ” อันนี้ผมก็ว่าออกมาตามจริงเหมือนกัน
ผมคิดว่าพี่เหนือจะเข้าใจ เพราะจู่ๆ เขาก็ผละออกจากผม ทำหน้าเหมือนคิดได้ แล้วบอกว่า...
“นั่นสินะ พี่เหนือก็ลืมไป”
เหมือนจะเข้าใจใช่มั้ย แต่จริงๆ แล้วไม่ ก็ดูประโยคหลังจากนั้นสิ
“งั้นวันนี้น้องธารรับแล้วกัน เดี๋ยวพี่เหนือรุกเอง”

ผมเบิกตาโตทันควัน ขณะที่พี่เหนือลิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเป็นการใหญ่
“เนอะ น้องธารจะได้ไม่ต้องทำ เดี๋ยวพี่เหนือทำเอง จะได้ไม่เหนื่อยนะ”

พะ...พูดอะไรออกมาน่ะรู้ตัวมั้ยเนี่ย!

“อันนี้พูดจริง?” ตอนแรกก็คิดว่าพี่เหนือคงจะพูดเล่น แต่เห็นสายตาจริงจังนั่นแล้ว คิดว่าพี่เหนือเอาจริงแน่นอน
แล้วก็จริงซะด้วยเมื่อเขาพยักหน้า แถมยังมีหน้าถามผมคืนอีก
“จะลองดูมั้ยล่ะ ลองดูก็ไม่เสียหายนะ”
ผมถึงกับเบิกตาโตระลอกที่สอง ก่อนจะรีบปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด
“พี่จะบ้าหรือไง ไม่เอาอะ เป็นเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว ธารไม่อยากเจ็บตัว”
อันนี้พูดตามความจริง ก็ดูเวลาพี่เหนือมีอะไรกับผมสิ กว่าจะเข้าร่องเข้ารอยกันได้ก็ใช้เวลาตั้งนาน บางครั้งผมก็เผลอทำให้พี่เหนือเจ็บตัวด้วยเถอะเวลาที่รีบร้อนจนเกินไปแต่เขายังไม่พร้อมดี อะไรไม่ว่า ลองคิดสภาพตอนพี่เหนือคร่อมผมในสถานะรุกสิ

โหย... ขนลุกเป็นบ้า! ไม่ใช่ขนลุกเพราะพี่เหนือขึ้นมาเป็นรุกหรอกนะ แต่ขนลุกเพราะคิดถึงความหื่นของพี่เหนือต่างหาก ถ้าเป็นรุกนี่คงไม่ต้องถามเลยว่าเวลาผมปวดหนักยังจะต้องเบ่งอยู่อีกมั้ย แม่ง ถูกพี่เหนือบุกทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ

พอเห็นผมทำหน้าแหยงๆ พี่เหนือก็หัวเราะ กระแซะเข้ามาอีกครั้ง เอาหน้ามาคลอเคลียซุกไซ้ที่แก้มผมเป็นการใหญ่ด้วย
“เอาน่า ลองหน่อย สนุกน้า”
ไอ้ท่าทางอย่างนี้มันก็น่ารักดีอยู่หรอก ชวนให้ผมใจเต้นดีถึงแม้ว่าจะเหนื่อยๆ อยู่ก็ตาม แต่มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์อย่างนี้เว้ย! มาตะล่อมให้ผมเปลี่ยนตำแหน่งแล้วมาพูดอย่างนี้อีก อย่างกับอาเสี่ยแก่ๆ กำลังปะเหลาะเด็กให้สมยอมยังไงยังงั้น
“แต่พี่เป็นรับนะ รับมาตั้งหลายปี จู่ๆ เกิดอยากมาเปลี่ยนตำแหน่งเพราะธารปฏิเสธพี่วันนี้เนี่ยนะ”
ผมก็เลยว่าเสียงเขียวออกไป ดันพี่เหนือออกห่างด้วยก่อนที่เขาจะวุ่นวายกับผมไปมากกว่านี้
พี่เหนือถอยไปนั่งที่เดิม ทำปากยื่นแล้วว่าขำๆ
“สงสัยน้องธารจะลืมไปแล้วมั้งว่าพี่เหนือเป็นโบท ได้ทั้งรุกและรับ แค่ชอบรับมากกว่าเท่านั้นเอง แต่ถ้าให้พี่เหนือรุก พี่เหนือก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่นะครับ อีกอย่าง ที่พี่เหนือเสนออย่างนี้ก็เพราะน้องธารบ่นว่าเหนื่อย พี่เหนือก็เลยจะช่วยทุ่นแรงอยู่นี่ไง”

ยัง... ยังจะตื๊อไม่เลิก แล้วดูเหตุผลซินะ มันฟังขึ้นที่ไหนกันเล่า!

คราวนี้ผมตอบปฏิเสธเสียงหนักแน่นเลย
“ไม่มีทาง พี่อย่ามาตะล่อมให้ยาก ถ้าพี่อยากให้ทำก็ทำก็ได้ แต่อย่ามาหาเรื่องเปลี่ยนตำแหน่ง”
สุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้พี่เหนือ เอาวะ ทำก็ทำ ตามใจก็ได้ ผมไม่อยากนอนแบบระแวงหลังไปทั้งคืนหรอก
ทว่าพี่เหนือกลับไม่พอใจ ดันเกระเซ้าขึ้นมาอีก ซ้ำยังไม่พูดถึงเรื่องที่ผมยอมตกปากรับคำเมื่อกี้ด้วย
“แต่ถูกกระทำมันสนุกจริงๆ น้า ไม่เชื่อพี่เหนือเหรอฮึ?”
ไม่พูดเปล่า เข้ามาหาผมอีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้เอาแค่หน้ามาซุกที่ต้นคอ มือไม้ก็มา ปลดกระดุมเสื้อผมเป็นการใหญ่เลย ผมทำท่าจะรั้งมือเขาเอาไว้ แต่เขาก็สอดมือเข้ามาใต้เสื้อ ลูบแผงหน้าอกผมไปมาแล้ว

อะ...อะไรของพี่เหนือวะนั่น

ผมหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ตัวก็เกร็งไปหมด ปกติไม่เคยเห็นพี่เหนือเริ่มก่อนนี่หว่า อย่างดีก็แค่เป็นฝ่ายเชิญชวน จะให้ลงมือก่อนไรงี้ ไอ้เรื่องพี่เหนือจะบุกผมก่อนนี่ ถ้าไม่ใช่จะหยอกผมเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะมีอะไรกันจริงๆ ล่ะก็ แทบหาไม่ได้เลยเถอะ จะมีก็แต่ตอบรับเวลาถูกผมจู่โจมเท่านั้น และการกระทำนี้ก็ทำให้ผมใจเต้นระทึก ตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เลยไม่ได้ห้ามปรามอะไร เหตุผลก็เพราะเมื่อครู่เพิ่งตกปากรับคำไปแล้วว่าทำก็ได้ ทว่าปากก็ยังเอ่ยออกไปอย่างตะกุกตะกักให้กับคำพูดของเขาเมื่อครู่

“ถะ...ถ้าสนุก พี่ก็สนุกไปคนเดียวสิวะ มะ...ไม่ต้องชวน ธารเป็นเหมือนเดิมดีแล้ว”
“แหม ก็หวังดี อยากให้น้องธารได้ฟินเหมือนพี่เหนือด้วยก็เท่านั้นเอง”
“มะ...ไม่เอา”
ไม่เอาอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือผมโดนพี่เหนือดันตัวให้เอนราบไปกับโซฟา แล้วเขาก็ขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ โน้มหน้ามาจูบ มือก็ลูบไล้ไปเรื่อย ผมเกือบจะเคลิ้มไปอยู่แล้วถ้าหากว่าเขาไม่ได้คร่อมแบบปกติ... คือยังไงดี ผมหมายถึงขึ้นมานั่งทับบนช่วงล่างของผมน่ะ อันนี้แหละที่เรียกว่าปกติ

ทว่ามันไม่ปกติก็เพราะเขาไม่ได้ขึ้นมานั่งคร่อม แต่แทรกเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้าง แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอีก มือที่ลูบไล้หน้าอกผมอยู่ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปดึงกางเกงขาสั้นผมลงจนขอบกางเกงบ็อกเซอร์โผล่แล้วด้วย
“รับรองเลยว่าพี่เหนือจะไม่ทำให้น้องธารเจ็บตัวแน่นอน แต่ห้ามติดใจนะครับ ยังไงพี่เหนือก็ยังชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ”

ตะ...ติดใจอะไรวะ! เห็นยอมหน่อย อย่ามาหาเรื่องกดกันนะเว้ย!

“พี่เหนือถอย!” ผมได้สติก็ในตอนนี้ว่ากำลังจะถูกสลับบท เลยรีบลุกขึ้น ดันตัวพี่เหนือออก
ทว่าพี่เหนือแม่งก็กวนตีน พอผมลุก ก็เอนตัวลงมาทับ งับหูอีกต่างหาก
“ครั้งเดียวน่า ไม่เสียหายหรอก น้องธารน่ารัก นานๆ ที พี่เหนือก็อยากรุก”

บ้านพี่เถอะ! เคยบอกสักคำมั้ยว่าอยากมีผัว!

“ถอยไปสิเว้ย!”
ผมชักโมโหละ ไอ้อารมณ์เคลิบเคลิ้มเมื่อกี้อันตรธานหายไปทันตา พี่เหนือแม่งพูดอะไรก็ไม่ฟัง ซ้ำยังจะรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ สอดมือเข้ามาในกางเกงบ็อกเซอร์ผมแล้ว ผมเลยสติหลุด ใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวขึ้นนั่ง เหวี่ยงพี่เหนือที่อยู่บนตัวออกจนเขาร่วงลงไปกองกับพื้น ลุกขึ้นมาได้ ผมก็อดใจไม่ไหว ยกขาถีบก้นเขาไปไม่แรงนักทีนึง
“ไอ้พี่เหนือ! มึง!” หลุดหยาบคายมาอีก ดีนะยั้งปากทัน ไม่งั้นได้ด่าพี่เหนือโดยไม่ตั้งใจแน่
ส่วนพี่เหนือก็แทนที่จะสำนึกว่ายั่วโมโหให้ผมโกรธเพราะเล่นไม่รู้เรื่อง ก็ดันยกมือขึ้นอังแก้มตัวเอง ทำท่าเหมือนถูกผมทำร้ายมาอย่างหนักหน่วงอะไรประมาณนั้น แต่ประโยคที่เล็ดลอดออกมานี่คือคนละเรื่องเลย
“เอาเข็มขัดมาฟาดโสรยาสิครับน้องธาร งานโซ่ แส้ กุญแจมือต้องมานะ”

โสรยาบ้านพี่เถอะ! นี่ไม่ใช่ละครเรื่องจำเลยรักนะเว้ย!
คว้าไม้หน้าสามมาฟาดแม่ง หมั่นไส้!

“พี่เหนือ...” กำมือ กัดฟันแน่นมาก สงบสติอารมณ์ตัวเองสุดชีวิต
ตอนนี้พี่เหนือรู้แล้วล่ะว่าทำให้ผมโกรธ เลยรีบดันตัวเองลุกขึ้นยืน เข้ามากอดผมพลางส่งเสียงอ้อนซะงั้น
“ไม่เอานะน้องธาร ไม่โกรธนะครับคนดี พี่เหนือแค่แกล้งเล่นเฉยๆ ไม่เอา ไม่ทำหน้าบูดนะ”
ไอ้ที่หงุดหงิดๆ อยู่เมื่อกี้ พอเห็นหน้าขาวๆ ของคนตรงหน้าที่ซุกอยู่บนหน้าอกผม ผมก็หายโกรธ ยกมือขึ้นกอดตอบ ไอ้อาการเหนื่อยหลังเลิกงานก็หายไปด้วยอีกต่างหาก

พี่เหนือนี่แม่ง... ถึงจะบ้าแต่ก็เป็นที่พักใจที่สุดยอดจริงๆ

“พี่ก็อย่าแกล้งสิวะ แกล้งแม่งตั้งแต่เรียน ปวช.ยันเรียนจบ ยิ่งแก่ ยิ่งบ้านะพี่น่ะ” ผมแสร้งว่ากลบเกลื่อนไปด้วย
พี่เหนือเลิกคิ้วสูง ถามกลับยิ้มๆ
“บ้าแล้วรักมั้ยล่ะครับ”
ผมเหลือบมองหน้าเขาครู่หนึ่ง ก่อนตอบ
“อื้ม”
เท่านั้น พี่เหนือก็เขย่งตัวขึ้นมาหอมแก้มผมทีนึง
“น่าร้าก ถ้าวันนี้เหนื่อยก็วันหลังแล้วกัน กินข้าวแล้วไปอาบน้ำ จะได้เข้านอนไวหน่อย พรุ่งนี้ไว้ค่อยแซ่บกันก็ได้เนอะ”
ผมพยักหน้า เกือบจะไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วถ้าหากพี่เหนือไม่พูดตบท้ายมา
“มีความแซ่บนอกสถานที่ พรุ่งนี้ไปทะเลๆ”
“ไปไหนนะ” ผมถามทันควัน ทำเอาพี่เหนือที่กำลังจะเดินไปที่อื่นหันมามองหน้าผมเช่นกัน
“อย่าบอกนะว่าน้องธารลืมไปแล้วว่าเรานัดกันไปหัวหินพรุ่งนี้ หยุดยาวไง เราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวแล้วน้องธารก็บอกให้พี่เหนือเลือกว่าอยากไปไหนไงครับ”
หัวผมประมวลผลทันที จำขึ้นมาได้ลางๆ ว่าเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน พี่เหนือกับผมวางแผนจะไปพักผ่อนกันในช่วงหยุดยาวนี้ แต่เอาจริงๆ คือผมลืมไปแล้วล่ะ มัวแต่ทำงานจนไม่ได้สนใจอะไร แถมตอนนี้ก็ชักไม่อยากไปแล้วด้วยสิ อยากนอนอยู่คอนโดฯ ทั้งวันมากกว่า
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร พี่เหนือก็แทรกขึ้นมาแล้ว
“พี่เหนือจองโรงแรมเอาไว้แล้วนะ แคนเซิลไม่ได้นะครับน้องธารใจ”
นั่นแหละ ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย อีกอย่าง รับปากไว้แล้วด้วย จะมาผิดสัญญา เดี๋ยวพี่เหนือก็ได้ทำหน้าบูดกันพอดี ยังไงผมก็อยากเห็นเขายิ้มให้ผมมากกว่า ผมเลยไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้พี่เหนือกำชับผมให้รีบกินข้าว อาบน้ำแล้วเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า
 



จากการที่เข้านอนเร็ว ผมเลยได้นอนหลับอย่างเต็มที่แม้ว่าจะต้องตื่นเช้าเพราะถูกพี่เหนือปลุกด้วยเหตุผลว่าถ้าไม่รีบออกเดินทาง เดี๋ยวรถติด อากาศร้อน ไม่มีเวลาเที่ยว ทั้งที่เราแพลนกันไว้ว่าจะอยู่ที่นั่นสามวันสองคืนแท้ๆ

ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองจะต้องอ่อนเพลียจากการขี่คาวาซากินินจาไปยังที่หมายแล้ว แต่พี่เหนือยืนกรานหนักแน่นว่ายังไงก็ไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไป ด้วยเหตุผลว่ามันอันตราย จะขับรถตัวเองไป ผมก็เลยได้งีบหลับในรถไปอีกหลายตื่น เรียกว่าพอมาถึงที่โรงแรม ผมก็หายเพลียเป็นปลิดทิ้งเพราะนอนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ยิ่งได้ยินเสียงคลื่น ได้กลิ่นทะเลจากชายหาดที่อยู่ติดหน้าโรงแรมด้วยแล้ว ความเหนื่อยล้าจากการทำงานก็เหมือนจะถูกชะล้างไปทั้งหมด ส่วนพี่เหนือ... แม่งไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนเพลียเลยสักนิด ขับรถมาตั้งสองสามชั่วโมง แทนที่จะพักก่อน ถึงโรงแรม เข้าห้องได้ ก็บังคับให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลากไปเล่นน้ำทะเลหน้าตาเฉย

ผมก็เข้าใจอยู่ว่าเขาคงเครียดกับการสอน การทำงานวิชาการ พอได้เวลาพักผ่อนก็คงอยากจะปลดปล่อย ผมเลยไม่ได้ขัดอะไร ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆ จูงมือเขาออกไปที่ชายหาด แล้วผมก็สังเกตเห็นตอนนี้นี่เองว่า พี่เหนือเนี่ยเหมือนหมาชะมัด พอเท้าสัมผัสทรายได้ ก็ปล่อยมือผมทิ้งหน้าตาเฉย กระดิกหางยิกๆ กระโจนลงทะเลแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ดำผุดดำโผล่อยู่คนเดียวเป็นพัลวัน มีกินน้ำทะเลแล้วตะโกนบอกผมอีกว่าเค็ม

เหมือนหมาจริงๆ ด้วย...หมาบ้า

“น้องธาร มองอะไรอยู่ มาเล่นน้ำกับพี่เหนือสิครับ!”
ตอนนี้รู้สึกตัวละว่าควรจะเรียกผมที่ยืนมองอย่างระอาอยู่ ตะโกนเรียกพลางกวักมือไม่แคร์สายตาใคร ผมเลยเดินตามลงไปในทะเลก่อนที่เขาจะโหวกเหวกเรียกความสนใจจากคนรอบข้างไปมากกว่านี้
ลงทะเลมาได้ พี่เหนือก็จัดการลากผมลงลึกไปเรื่อยๆ จนน้ำทะเลอยู่ในระดับหน้าอกเรา

ไม่สิ ไม่ใช่เรา หน้าอกผม แต่อยู่ในช่วงไหปลาร้าของพี่เหนือต่างหาก แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับจู่ๆ เขาก็มองหน้าผม ส่งยิ้มให้แล้วถามเสียงเบา

“สนุกมั้ย”
“สนุกบ้าอะไร ลงทะเลมาแช่น้ำเฉยๆ นี่มันสนุกตรงไหน” ผมว่าไปตามจริง ความจริงมันก็ผ่อนคลาย แต่ไม่ได้เรียกว่าสนุกอะไรแบบนั้น
แต่นั่นแหละที่เป็นการเปิดทางให้พี่เหนือ พอสิ้นเสียงผม เขาก็ยิ้มกริ่ม ก่อนขยับเข้ามาใกล้
“แล้วน้องธารอยากทำอะไรสนุกๆ มั้ยล่ะครับ”
“ทำอะไร” ผมถามอย่างไม่ไว้ใจ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าพี่เหนือดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ
แล้วก็จริงซะด้วย เมื่อจู่ๆ เขาก็จับมือผมที่อยู่ใต้น้ำแล้วใช้มือข้างที่ว่างอยู่มาวางบนหน้าท้องผมหน้าตาเฉย
“ทำแบบนี้ไง”
พูดพลางทำหน้าหื่นๆ ไอ้มือที่จับหน้าท้อง ตอนนี้ลากลงต่ำไปจะ...จับ...

จับ...

โอ๊ย! จับเป้ากางเกงทำไมเนี่ย!

“พี่เหนือ อย่าเล่นแบบนี้”
หน้าผมร้อนวาบอย่างไม่อาจห้ามได้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นแรง แค่ปกติพี่เหนือเป็นฝ่ายจู่โจมก็ทำผมแทบคลั่งตายอยู่แล้ว นี่จู่โจมอย่างเดียวไม่พอ ยังจะนอกสถานที่ คนรอบข้างก็เยอะแยะ แถมยังหัววันอีกต่างหาก

พะ...พี่เหนือแม่ง หื่นเกินไปแล้ว!

“พี่เหนือ...หยุด” ผมสั่งเขาอีกครั้งเมื่อเขายังเล่นไม่รู้เรื่อง ขยับมือไปมาจนอะไรต่อมิอะไรมันเริ่มตื่น ตอนนี้โคตรอยากตะโกนใส่หน้าเขาชะมัด แต่มันทำไม่ได้ไง เดี๋ยวคนอื่นสงสัย แต่ยืนหันหน้าเข้าหากันก็น่าสงสัยแล้วถึงตัวจะไม่ได้ติดกันแม้แต่นิดเดียวเลยก็เถอะ
ทว่าก็เท่านั้น พี่เหนือไม่ปล่อย แถมยังหัวเราะคิกอีก
“ก็น้องธารบอกว่าแช่น้ำไม่สนุก พี่เหนือก็กำลังทำให้สนุกอยู่นี่ไง”
“แต่มันใช่เรื่องที่จะต้องมาทำให้ธารตื่นเต้นตอนนี้มั้ย นี่ข้างนอกนะเว้ย”
“แล้วยังไงเหรอครับ”
พี่เหนือก็ไม่ฟังอยู่ดี ยิ่งพูดก็ยิ่งขมับมือมากขึ้นจนผมชักจะไม่ไหวละ
ทนไม่ไหวที่จะจับพี่เหนือเอาหัวกดน้ำเนี่ย แม่งเอ๊ย! เล่นอะไรวะ!
“พี่เหนือ...” ผมสะกดกลั้นสุดฤทธิ์ที่จะไม่ไปรั้งมือพี่เหนือให้เกิดความชุลมุน
ไม่ว่าว่าเพราะเขาจะทำอะไรน้องชายผมที่อยู่ในมือเขาถ้าผมขัดขืน แต่กลัวว่าถ้ามีการขัดขืนกันอุตลุต คนอื่นต้องหันมาสนใจแล้วอาจรู้ได้ว่าผมกับพี่เหนือทำอะไรกันอยู่ในทะเลกลางวันแสกๆ
หากแต่พูดไปก็เท่านั้น พี่เหนือดันเบิกตาโต มองลงไปในน้ำแล้วพึมพำออกมา
“หูย แถวนี้มีงูทะเลด้วยก็ไม่บอก”

ไอ้-พี่-เหนือ!

สุดท้าย ผมก็อดรนทนไม่ไหว คว้าข้อมือพี่เหนือที่วุ่นวายกับท่อนล่างผมอยู่หมับ ปากก็แค่นเสียงดุๆ ออกมา
“พี่เหนือ ธารไม่ไหวแล้วนะ”
“งั้นกลับห้องมั้ยล่ะครับ พี่เหนือก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน อยากโดนงูฉกจะแย่อยู่ละ”

ไม่ใช่ทนไม่ไหวอย่างนั้นเว้ย! หมายถึงทนไม่ไหวกับการกระทำบ้าๆ ของพี่เนี่ย!
จับถ่วงน้ำแม่ง สุดๆ ไปเลยไอ้พี่เหนือนี่!

“พี่นี่แม่ง เล่นไม่รู้เรื่องละ อย่ามาทำแบบนี้ข้างนอกได้มั้ย ธารไม่ชอบ”
“พี่เหนือทำอะไรเหรอครับ”

ยัง... ยังถามกลับมาหน้าซื่อตาใส ผมเลยดึงมือพี่เหนือออกเต็มแรง แล้วชูมันขึ้นเหนือน้ำ

“ก็มาจับเจี๊ยวธารในที่สาธารณะเนี่ย ธารไม่ชอบ” พูดตรงๆ แม่งไปเลย ไม่ต้องมาอ้อมมาค้อมกันแล้ว
พูดไปก็หน้าร้อนไป ผมว่าผมก็เป็นผู้ชายนะ มีความทะลึ่งเหมือนกัน แต่มาเจอผู้ชายอย่างพี่เหนือนี่ ผมอายแทนเลยว่ะ คนบ้าอะไรมันจะทะลึ่งได้ขนาดนี้ ทะลึ่งอย่างเดียวไม่พอ หื่นหน้าตาย แถมอายุยิ่งเยอะก็ยิ่งบ้ากว่าเดิมด้วย เป็นเอามากจริงๆ
แต่พี่เหนือก็ยังไม่สะทกสะท้าน หัวเราะลั่น แล้วว่ายิ้มๆ
“พี่เหนือก็แค่แกล้งเล่น ไม่ทำปากคว่ำนะโอเคมั้ย นี่เรามาเที่ยวกัน ไม่งอนเนอะ เดี๋ยวหมดสนุก”
รู้ว่าผมกำลังจะโกรธเลยรีบดักคอไว้ล่ะสินะ ผมไม่โกรธหรอก แค่ไม่ชอบใจที่มาทำให้ผมมีอารมณ์อะไรในที่แบบนี้เท่านั้นเอง
“พี่ก็อย่าแกล้งธารอีกสิวะ”
“ก็ทำไงได้ล่ะ น้องธารน่ารักนี่ เห็นแล้วพี่เหนืออยากแกล้ง”
ก็รู้อยู่หรอกว่าเหตุผลที่เขาชอบแหย่ผมให้หงุดหงิดเป็นเพราะอะไร เขาพูดประโยคนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะทำอยู่ดี นี่มันข้างนอก”
“แล้วน้องธารอยากไปทำข้างในมั้ยล่ะครับ พี่เหนือเปิดทางรุกขนาดนี้แล้ว เปลี่ยนสถานที่ก็ทำแล้วด้วย จะไม่สนองหน่อยเหรอ”
ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าทำไมพี่เหนือถึงทำแบบนี้ ที่แท้ก็คงกลัวว่าจะถูกผมปฏิเสธเหมือนเมื่อคืนอีก

รุกแบบฝ่ายรุกไม่ได้ ก็เลยรุกแบบฝ่ายรับแทนล่ะสินะ เจ้าเล่ห์เอ๊ย!

ผมพ่นลมหายใจอย่างระอา ไม่ใช่เหนื่อยใจเพราะพี่เหนือมาทำอะไรบ้าๆ ในที่สาธารณะอย่างเดียวนะ เหนื่อยใจที่เขายั่วยวนผมด้วยคำพูดชักชวนแบบนี้ ซ้ำยังส่งยิ้มน่ารักชวนให้กอดมาอีก ยิ่งเห็น ผมก็ยิ่งต้องการเขา จากที่ตั้งใจว่าอาจจะทำตอนกลางคืน ตอนนี้ชักไม่ไหวละ พี่เหนือแม่งน่ารักเกินไปแล้ว
แต่แล้วพี่เหนือก็วางระเบิดลูกใหญ่ให้ผมอีกระลอกเมื่อจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา
“ว่าไง สนใจมั้ยครับ ถ้าสน เดี๋ยวพี่เหนือไปรอที่ห้องเนอะ”
พูดจบ ก็ขยับตัวเข้ามาจูบผมเร็วๆ แล้วพาตัวเองขึ้นจากน้ำ ไม่วายส่งเสียงตะโกนมาอีก
“ตามมาเร็วๆ นะครับน้องธาร อย่าให้พี่เหนือรอนานนะ”
แล้วก็หันหลังเดินไปเลย ปล่อยให้ผมกัดฟันแน่นอย่างขุ่นเคือง นี่ถ้าคว้าอะไรใกล้มือได้ ผมจะคว้ามาขว้างใส่เขาแล้ว

จะตามไปเร็วๆ ได้ยังไงวะเฮ้ย งูทะเลมันยังไม่ไปเลยเนี่ย ขึ้นไป เดี๋ยวคนก็ได้แตกตื่นกันพอดี

ไอ้พี่เหนือ! ไอ้หื่น! หื่นไม่พอ ยังขี้ยั่วอีก รุกมาขนาดนี้แล้ว ระวังตัวเอาไว้เลย โดนรุกกลับหนักแน่ ไม่ต้องคิดไปเที่ยวที่อื่นอีกเลยตลอดสามวันนี้

จะรุกให้ลุกจากเตียงไม่ได้เลย คอยดู!
--------------------------------------
มาซะดึกเลย ฮา
พี่เหนือเป็นรุกจริงๆ ค่ะตอนนี้ รุกขึ้นมารับ (นั่นมันลุกมั้ย //ตบ!)
ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษของโรมกับจอมแก่นนะคะ จะไม่มีอะไรมาก แนวๆ โชเน็นไอ เพราะเนื้อเรื่องหลัก หนูแดงจะเอาไว้ไปเขียนในสตอรี่ของสองคนนี้แทนในเรื่อง เจ้าจอมแก่น นะ จากนั้นก็จะเป็นตอนพิเศษของน้องมายด์ น้องมายด์นี่ไม่มีเรื่องของตัวเอง แต่ในหนังสือที่มีตอนพิเศษเพิ่ม บรรยายโดยพี่เหนือนี่ จะมีน้องมายด์เข้ามาแจมด้วยหลายตอนเลยทีเดียว คิดว่าในหนังสือก็จะมีตอนพิเศษเพิ่มอีก 5 ตอน รวมกับที่เอาลงในเว็บก็จะเป็น 10 ตอนพอดีนะคะ
รออ่านกันเน้อ เดี๋ยวเย็นๆ จะเอาตัวอย่างของโรมกับจอมแก่นมาแปะให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-05-2016 09:15:07
อิพี่เหนือหื่นทุกที่ทุกเวลา ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-05-2016 12:44:35
พี่เหนือจอมหื่น ยั่วอย่างนี้น้องธารก็แย่อะดิ
รีบๆคอตกเลย พี่เหนือรออยู่
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 18-05-2016 13:26:24
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 18-05-2016 14:28:37
หลังจากนั้นธารคงต้องรองูทะเลไปจนตัวเปื่อยเลยสินะ พี่เหนือรุกได้แสบจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-05-2016 17:25:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 18-05-2016 17:33:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 18-05-2016 18:05:47
ผิดคาดมากกกก ชอบเรื่องนี้มากกก
ตอนแรกเฉยๆตอนรู้เนื้อเรื่องย่อ
แต่พอได้อ่านแล้ว รักเลยละ
ชอบพี่เหนือ คือ แรงดี บอกเลยชอบ หื่นดีมากๆอะ
น้องธารงี่เง่าไปหน่อยตอนแรก แต่หลังๆก็ชอบมาก

คือเรื่องนี้ครบทุกอารมณ์เลยละ สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เซ็งเปิดปีหน้าจะโวทให้นะ ถ้า....ไม่ลืมซะก่อน แต่สนุกมากกก สมควรได้รางวัลสุดๆ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆครับสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-05-2016 18:12:11
ผิดคาดมากกกก ชอบเรื่องนี้มากกก
ตอนแรกเฉยๆตอนรู้เนื้อเรื่องย่อ
แต่พอได้อ่านแล้ว รักเลยละ
ชอบพี่เหนือ คือ แรงดี บอกเลยชอบ หื่นดีมากๆอะ
น้องธารงี่เง่าไปหน่อยตอนแรก แต่หลังๆก็ชอบมาก

คือเรื่องนี้ครบทุกอารมณ์เลยละ สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เซ็งเปิดปีหน้าจะโวทให้นะ ถ้า....ไม่ลืมซะก่อน แต่สนุกมากกก สมควรได้รางวัลสุดๆ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆครับสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้

ขอบคุณมากเลยค่า
อย่าลืมกันน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 18-05-2016 18:39:42
ฟินพี่เหนือกับน้องธารมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ธารใจ ตอนพิเศษ 3: สมมติว่าพี่เหนือเป็นรุก♦P.27♦17/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-05-2016 19:36:57
[ตัวอย่าง] โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4

ตอนนี้เป็นตอนสั้นๆ โชเนนไอ รักใสๆ หัวใจ 4 ดวง ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะเดี๋ยวคู่นี้เค้าจะมีเรื่องเป็นของตัวเอง มาช้าหน่อยเพราะคิวเขียนเยอะมาก รออัพเดตแล้วกันนะคะ

แปะตัวอย่างเข้าให้ ป้าบ!
เจิมไว้ก่อนโลดค่ะ อาจจะมาพรุ่งนี้เน้อ

ปล. หนูแดงมีงานเรื่องใหม่ที่จะวางแผงงานหนังสือ ต.ค.59 อยู่ 2 เรื่องค่ะ รายละเอียดอยู่ในลิงค์ของแต่ละเรื่อง ใครสนใจ ตามเข้าดูรายละเอียดกันก่อนได้ที่นี่น้า ส่วนในเล้าเป็ด ไว้หนูแดงลงเนื้อหาเมื่อไหร่จะมาเปิดบ้านใหม่อีกทีค่ะ

ถงจิ้ง >> http://writer.dek-d.com/noodang/writer/view.php?id=1466936
สมมติว่าคุณรักผม >> http://writer.dek-d.com/noodang/writer/view.php?id=1475819
------------------------------------

“มานั่งนี่สิ เดี๋ยวทำแผลให้” จอมแก่นว่าพลางตบเตียง ผมเลยลุกจากเตียงตัวเองไปนั่งบนเตียงมัน ขณะที่มันลุกไปคุ้ยกระเป๋ายากับอุปกรณ์ทำแผลจากชั้นเหนือโต๊ะอ่านหนังสือของมัน

ที่มันมีพวกอุปกรณ์ทำแผล ผมก็ไม่แปลกใจนักหรอก มันน่ะเตรียมพร้อมจะตาย จะไปไหนมาไหนแต่ละทีก็ต้องมีของสำคัญเตรียมติดตัวมาให้ครบ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ใช้ก็ต้องมีติดตัวไว้ มองเผินๆ นิสัยอย่างกับผู้หญิง ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาด้วยนะ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ด้วยเถอะถ้ารวมเรื่องที่มันขี้บ่นเข้าไปด้วยอีกอย่างเวลผมทำอะไรผิดหรือขัดหูขัดตามัน อาจเป็นเพราะมันต้องดูแลบ้านแทนพี่ชายสองคนที่เอาแต่วุ่นวายกับกิจการของตัวเองด้วยล่ะมั้ง มันถึงได้เป็นคนละเอียดอ่อน พิถีพิถัน ใส่ใจชาวบ้านผิดมนุษย์มนาแบบนี้

ผมนั่งมองจอมแก่น มือก็ยกขึ้นประคองข้างแก้มที่บวมช้ำขึ้นมาเล็กน้อยไปด้วย ไม่นาน มันก็เดินมานั่งข้างผม เปิดกระเป๋ายา หยิบของที่จำเป็นต้องใช้ออกมา พลางออกปากสั่ง
“ยื่นหน้ามาใกล้ๆ หน่อย”
“ไม่เอาแอลกอฮอล์ล้างแผลนะไอ้จอม มันแสบ”
“ใครเค้าเอาแอลกอฮอล์ล้างแผลกันบ้างล่ะ เค้าเอาไว้ใช้เช็ดทำความสะอาดรอบแผล ของโรมไม่ใช่แผลใหญ่ เดี๋ยวเราเอายาแต้มให้เลย”

จอมแก่นว่า พลางกระเถิบเข้ามาใกล้ผม ยื่นมือที่ถือสำลีชุบยามาแตะที่มุมปากผมเบาๆ ปากก็พึมพำไปด้วย
“นายนี่น้า เราบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าเที่ยวจีบสาวไปเรื่อย ดูดีๆ ด้วยว่าเค้ามีแฟนหรือยัง หาเรื่องเจ็บตัวตลอด”
นั่นไง เริ่มเปิดฉากบ่นแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนักเพราะสายตาเอาแต่จับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้ผมเพียงคืบ ผมเพิ่งสังเกตเอาตอนนี้นี่เองว่าหน้าของจอมแก่นใสมาก แถมหน้าตาก็ยังดูน่ารัก ผิดกับพี่จอมแสบกับพี่จอมดื้อที่ออกแนวเถื่อนๆ ลิบลับอย่างกับไม่ใช่พี่น้องกัน ทั้งดวงตาที่กลมโตกว่า จมูกโด่งรั้นนั่น ไหนจะริมฝีปากสีชมพูผิดจากริมฝีปากที่ผู้ชายควรมีกัน

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงได้เป็นที่นิยมของสาวๆ ในคณะลามไปถึงนอกคณะนัก แม่งหล่อเหมือนดารานักร้องเกาหลีไม่พอ ยังน่ารักโคตรๆ อีก อยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะเห็นว่ามันน่ารักเอาตอนนี้

และเพราะผมเผลอไปคิดว่ามันน่ารัก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเลยเต้นระทึกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเห็นมันขยับเข้ามาใกล้ เล็งแผลที่มุมปากผมด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อทายา ผมก็เหมือนจะสติหลุด ยกมือตัวเองขึ้นไปสอดเข้าใต้ผมนุ่มของคนตรงหน้า จอมแก่นเหลือบสายตามามองผมทันที ขณะที่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้ว

“โรม จะทำอะไร”
เสียงของจอมแก่นเรียกสติผมให้กลับมา ผมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าอีกไม่กี่เซน ปากของผมก็จะสัมผัสกับปากอีกฝ่ายแล้ว อะไรไม่ว่า ปากผมในตอนนี้ยังเผยอยื่นเตรียมจะจูบแล้วด้วยเถอะ

นะ...นี่กูจะไปจูบผู้ชายด้วยกันทำไมเนี่ย! นั่นไอ้จอม เพื่อนมึงด้วยนะ ตั้งสติเดี๋ยวนี้ไอ้โรม!

ผมผละออกห่างจอมแก่นราวกับถูกไฟฟ้าช็อต มือที่สอดเข้าใต้ผมจอมแก่นเมื่อครู่สั่นระริก ก่อนจะแสร้งโกหกไปเรื่อยเพื่อไม่ให้จอมแก่นรู้ว่าผมคิดจะทำอะไรเมื่อกี้
“ผะ...ผง มีขี้ผงติดผมมึง กูเลยเอาออกให้”
“อ๋อ” จอมแก่นครางรับ มองผมอย่างไม่เชื่อครู่หนึ่งให้ผมได้เลิ่กลั่ก ก่อนจะว่าอย่างไม่ใส่ใจ 
 “ถ้าไม่มีอะไรก็ขยับมาใกล้ๆ จะได้รีบทำแผล เรามีสอบย่อยพรุ่งนื้ ต้องไปอ่านหนังสือ”

พูดมาอย่างนี้ ผมเลยโล่งใจว่ามันไม่ได้เอะใจว่าเมื่อครู่เกือบจะถูกผมจูบ ทว่าพอผมยื่นหน้าไปให้มันทำแผลอีกครั้ง สีหน้าเรียบเฉยของมันก็เจือรอยยิ้มนิดๆ ก่อนที่พวงแก้มใสจะค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมาฉับพลันโดยที่สายตาจับจ้องอยู่ที่แผลมุมปากผมอย่างเดียวเท่านั้น

มึงจะมาอายทำไมตอนนี้ กูใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย!

โอ๊ย หงุดหงิดงุ่นง่าน ไอ้จอม... ไอ้จอมมึง! ทำไมจู่ๆ มึงถึงได้ดูน่ารักขึ้นมาได้วะ บ้าเอ๊ย!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ตัวอย่าง♦P.27♦18/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-05-2016 12:41:21
จอมแก่น-โรม ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ

“นี่หมายความว่าจะเลิกเหรอ! ตกลงจะเลิกกันจริงๆ ใช่มั้ย!?”
เสียงแว้ดๆ ของผู้หญิงในชุดนักศึกษาที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นกลางร้านอาหารตามสั่งใกล้กับมหาวิทยาลัยเรียกสายตาจากคนรอบข้างหันมาจับจ้องยังผมที่นั่งเขี่ยเศษข้าวในจานตัวเองอยู่ทันที

ผมเหลือบมองหน้าผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาเอือมระอา เธอเป็นนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ชั้นปีหนึ่งเหมือนกับผม มีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ ซึ่ง...เธอก็สวยนะ แต่เรื่องนิสัยขี้วีน ขี้หึง กับชอบบงการนี่ทำให้ผมเหนื่อยหน่ายชะมัดยาด จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมบอกยุติความสัมพันธ์กับเธอเมื่อครู่

เอาจริงๆ การที่เธอพูดว่าเลิกๆ อะไรนั่น ผมว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไป ความจริงแล้วผมยังไม่ได้ตกลงคบกับเธอเลยเถอะ แค่คุยด้วยแล้วก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยเฉยๆ ไม่เคยตกลงกันเป็นแฟนสักนิด แถมควงกันไปไหนมาไหนได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ออกลายซะแล้ว ผมเลยต้องรีบชิ่งก่อน ผู้หญิงแบบนี้ ผมทนไม่ไหวหรอก รักอิสระอย่างผมนี่ถ้ามีแฟนแบบนี้ มีหวังได้รู้สึกเหมือนติดคุกแน่

“ว่าไง! ตกลงจะเลิกใช่มั้ย!” เห็นผมไม่พูดอะไรสักที เธอก็แหวขึ้นมาอีก
ผมเหลือบมองหน้าเธอเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า
“อืม”
“อะ...ไอ้โรม... นายมีคนอื่นใช่มั้ยถึงได้จะเลิกกับฉันเนี่ย! มีคนอื่นใช่มั้ย! ใช่นังคนที่เรียนพยาบาลใช่มั้ย วันก่อนฉันเห็นนายไปคุยกับมันอยู่ บอกมาสิว่าใช่มั้ย!”
แทนที่ได้คำตอบแล้วจะยอมยุติทุกอย่างแต่โดยดี ดันหาเรื่องผมขึ้นมาอีก ทำเอาผมขมวดคิ้วทันควัน

คนที่เรียนพยาบาลอะไรนั่นที่เธอว่ารู้สึกว่าจะเป็นสาวที่รุ่นน้องผมแนะนำให้รู้จัก คือก็คุยๆ กันบ้างแหละแต่ก็ไม่ได้บ่อย แต่ถึงผมจะคุยกับใครที่ไหน มันใช่เรื่องของคนตรงหน้าผมหรือเปล่าล่ะ มันเป็นสิทธิ์ของผมต่างหาก ก็ผมยังไม่มีแฟนสักหน่อย ทำไมจะคุยไม่ได้
“ว่าไง ตกลงใช่มั้ย!”
นี่ก็ยิ่งโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผมชักหงุดหงิดขึ้นมาละ ตัดบทให้จบๆ ไปด้วยรำคาญ
“จะใช่หรือไม่ใช่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เอาเป็นว่าเราจบกันแค่นี้แล้วกัน”

พูดแค่นั้น คนตรงหน้าผมก็กำมือแน่น ดูจากทรงแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะร้องวี้ดๆ โวยวายทึ้งหัวผมแน่นอน ก็ผมเคยโดนมาแล้วรอบนึงตอนที่เธอจับได้ว่าผมไม่ได้คุยกับเธอแค่คนเดียวนี่นา แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปอยู่รอให้โดนประทุษร้ายกันล่ะ แค่เห็นเธอเริ่มองค์ลง ผมก็รีบลุกขึ้นไปจ่ายค่าข้าว แล้วทำท่าจะพุ่งออกจากร้านโดยไม่สนใจเธอทันที

ทว่ายังไม่จะได้ก้าวขาออกไป เธอก็รีบปรี่มาดักหน้าผมเอาไว้ และก่อนที่ผมจะได้ถามว่ามีอะไร หมัดหลุนๆ ก็พุ่งมาปะทะหน้าผมแล้วเรียบร้อย
“ไอ้เลวเอ๊ย! แม่งจะเจ้าชู้ไปถึงไหนวะ! ผู้ชายอย่างนายนี่มันแย่จริงๆ!”
ตามมาด้วยด่าอีกชุดใหญ่ แล้วก็ออกจากร้านไปเลย ทิ้งให้ผมยืนกุมซีกหน้าตัวเองที่โดนหมัดปะทะเข้าเต็มๆ ด้วยสีหน้าเหยเก ก่อนป้าเจ้าของร้านจะเข้ามาถามผมอย่างห่วงใยว่าเป็นอะไรมากมั้ย

ก็ควรจะถามอยู่หรอก ถึงจะไม่ใช่หมัดที่หนักอะไรเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้โดนส่วนสำคัญของใบหน้าเพราะเธอตัวเล็กกว่าผมพอสมควร เลยต่อยได้แค่เฉียดๆ บริเวณช่วงล่างของหน้า แต่ก็เข้ามาเต็มแก้ม กระทบมุมปากจนเลือดไหลซิบเลยเถอะ

ผู้หญิงอะไรมือหนักเป็นบ้า ดีแล้วล่ะที่รีบชิ่งตั้งแต่ตอนนี้ ไม่งั้นล่ะก็ ผมได้ซวยยาวแน่นอน แต่จริงๆ แล้วที่ผมบอกยุติความสัมพันธ์กับเธอ ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์แปรปรวนของเธอเท่านั้น คือผมรู้สึกว่าเธอยังไม่ใช่ ไม่ใช่คนที่ผมต้องการ พวกผู้หญิงก่อนหน้าก็ไม่ใช่ แบบว่า...ผมอยากได้คนที่ดูแลผมได้น่ะ ไม่ใช่คนที่ผมต้องไปเทคแคร์ดูแลเอาอกเอาใจตลอดเวลา ผมชอบคนแบบที่ดูแลผมได้ตลอดเวลาเหมือนกับแม่มากกว่า ถ้าไม่เหมือนกับแม่ ก็ขอให้เหมือนกับ...

...เหมือนกับจอมแก่น

ครับ ผมหมายถึงเพื่อนสนิทของตัวเองที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หมอนั่นดูแลผมดีจริง ดูแลกันมาตั้งแต่ตอนเท้าเท่าฝาหอย แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันยันเรียนมหาวิทยาลัย แต่ต้องบอกว่ามีแต่มันต่างหากที่ดูแลผม ไม่ใช่ผมดูแลมัน ดูแลดีจนผมเกือบจะคิดว่ามันเป็นแม่ผมอีกคนแล้วถ้าหากว่ามันเป็นผู้หญิง คงเพราะเหตุผลนี้ ผมเลยหาคนที่ถูกใจไม่ได้สักที และเพราะผมถูกต่อย ผมเลยกะว่าจะกลับไปที่หอให้มันดูแล เลยปฎิเสธป้าเจ้าของร้านที่เรียกผมไปทำแผลให้ไป

ทำไมต้องกลับไปให้จอมแก่นมันทำแผลให้เหรอ?

อืม ไม่รู้สิ แค่คิดว่าเวลาอยู่กับมันแล้วสบายใจเท่านั้นเอง ผมก็เหมือนเด็กเล็กๆ น่ะ เวลาไปทำความผิดอะไรมา ก็ต้องวิ่งไปหาคนที่พร้อมจะโอ๋ ซึ่งนั่นก็คือจอมแก่น แม้ว่าบางครั้งมันจะหงุดหงิดกับวีรกรรมที่ผมสร้างบ้างก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้น การให้คนอื่นทำแผลให้มันก็น่ารำคาญกว่า เพราะคนอื่นมักจะถามโน่นนี่ว่าไปโดนอะไรมา น่ารำคาญจะตาย

แต่เอ... จริงๆ แล้วจอมแก่นมันก็ถามเหมือนกันนะ ไม่ถามอย่างเดียว บ่นด้วยเถอะ

ช่างมัน  กลับหอก็แล้วกัน
 



ผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับถึงหอพักในเวลาไม่ถึงสิบนาที เข้าห้องมาได้ก็เจอกับจอมแก่นที่เพิ่งกลับมาถึงก่อนหน้าพอดี มันหันมาเห็นผมก็ขมวดคิ้วย่นพลัน
“ไปโดนอะไรมาอีกล่ะ”
“มีเรื่องนิดหน่อย” ผมว่าส่งๆ ไม่ต้องอธิบายก็เหมือนมันจะรู้แล้วล่ะว่าไม่พ้นเรื่องผู้หญิง ก็ตั้งแต่มาเรียนมหาวิทยาลัย แค่ครึ่งเทอมแรก ผมก็โดนผู้หญิงฟาดหน้ามาไม่ต่ำกว่าห้าครั้งแล้วนี่นา

และนั่นก็ทำให้จอมแก่นพ่นลมหายใจออกมา วางกระเป๋าสัมภาระลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ ก่อนกวักมือเรียกผมให้เข้าไปใกล้ พอผมเดินเข้าไปหา จอมแก่นก็ชะโงกหน้ามามองแผลที่มุมปากผมใกล้ๆ ด้วยความที่มันตัวสูงแค่ระดับสายตาผม ทำให้มันต้องเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อให้เห็นชัดๆ ก่อนจะบ่นพึมพำ
“มุมปากแตกเลยนี่นา ดีนะไม่เยอะ ไม่งั้นหมดหล่อ อดเกี้ยวสาวไปอีกนานแน่”

ฟังดูเหมือนเป็นห่วง แต่จริงๆ แล้วมันกำลังประชดประชันอ้อมๆ

ผมไม่ได้ว่าอะไร ยกยิ้มให้มันเล็กน้อย ก่อนมันจะผละไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ผมเดินไปนั่งที่เตียงตัวเอง พอมันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อย มันก็ไปทรุดนั่งที่เตียงตัวเอง พลางออกปากเรียกผมอีกครั้ง
“มานั่งนี่สิ เดี๋ยวทำแผลให้” จอมแก่นว่าพลางตบเตียง ผมเลยลุกจากเตียงตัวเองไปนั่งบนเตียงมัน ขณะที่มันลุกไปคุ้ยกระเป๋ายากับอุปกรณ์ทำแผลจากชั้นเหนือโต๊ะอ่านหนังสือ

ที่มันมีพวกอุปกรณ์ทำแผล ผมก็ไม่แปลกใจนักหรอก มันน่ะเตรียมพร้อมจะตาย จะไปไหนมาไหนแต่ละทีก็ต้องมีของสำคัญเตรียมติดตัวมาให้ครบ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ใช้ก็ต้องมีติดตัวไว้ มองเผินๆ นิสัยอย่างกับผู้หญิง ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาด้วยนะ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ด้วยเถอะถ้ารวมเรื่องที่มันขี้บ่นเข้าไปด้วยอีกอย่างเวลาผมทำอะไรผิดหรือขัดหูขัดตามัน อาจเป็นเพราะมันต้องดูแลบ้านแทนพี่ชายสองคนที่เอาแต่วุ่นวายกับกิจการของตัวเองด้วยล่ะมั้ง มันถึงได้เป็นคนละเอียดอ่อน พิถีพิถัน ใส่ใจชาวบ้านผิดมนุษย์มนาแบบนี้

ถ้ามันเป็นผู้หญิงนี่ก็สเป็คผมเลยเถอะ แต่เสียดายที่มันเป็นผู้ชาย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงจะจีบมันไปนานแล้ว เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ไม่รอดมือผมหรอก

ผมนั่งมองจอมแก่นพลางคิดอะไรเพลินๆ มือก็ยกขึ้นประคองข้างแก้มที่บวมช้ำขึ้นมาเล็กน้อยไปด้วย ไม่นาน มันก็เดินมานั่งข้างผม เปิดกระเป๋ายา หยิบของที่จำเป็นต้องใช้ออกมา พลางออกปากสั่ง
“ยื่นหน้ามาใกล้ๆ หน่อย”
“ไม่เอาแอลกอฮอล์ล้างแผลนะไอ้จอม มันแสบ”
“ใครเค้าเอาแอลกอฮอล์ล้างแผลกันบ้างล่ะ เค้าเอาไว้ใช้เช็ดทำความสะอาดรอบแผล แผลนายไม่ใช่แผลใหญ่ เดี๋ยวเราเอายาแต้มให้เลย”
จอมแก่นว่า พลางกระเถิบเข้ามาใกล้ผม ยื่นมือที่ถือสำลีชุบยามาแตะที่มุมปากผมเบาๆ ปากก็พึมพำไปด้วย
“นายนี่น้า เราบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าเที่ยวจีบสาวไปเรื่อย ดูดีๆ ด้วยว่าเค้ามีแฟนหรือยัง หาเรื่องเจ็บตัวตลอด”

นั่นไง เริ่มเปิดฉากบ่นแล้ว แถมเป็นเรื่องที่คาดเดาเองด้วย ผมไม่ได้ถูกแฟนของผู้หญิงที่คุยด้วยอยู่ต่อยสักหน่อย โดนผู้หญิงที่คุยด้วยนี่แหละต่อย ส่วนรายก่อนน่ะใช่ อันนั้นผมไม่รู้ไงว่ามีแฟนอยู่แล้วเลยพลาด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนักเพราะสายตาเอาแต่จับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้ผมเพียงคืบ แล้วผมก็เพิ่งสังเกตเอาตอนนี้นี่เองว่าหน้าของจอมแก่นใสมาก แถมหน้าตาก็ยังดูน่ารัก ผิดกับพี่จอมแสบกับพี่จอมดื้อที่ออกแนวเถื่อนๆ ลิบลับอย่างกับไม่ใช่พี่น้องกัน ทั้งดวงตาที่กลมโตกว่า จมูกโด่งรั้นนั่น ไหนจะริมฝีปากสีชมพูผิดจากริมฝีปากที่ผู้ชายควรมีกัน

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงได้เป็นที่นิยมของสาวๆ ในคณะลามไปถึงนอกคณะนัก แม่งหล่อเหมือนดารานักร้องเกาหลีไม่พอ ยังน่ารักโคตรๆ อีก ต่างจากผมที่ออกแนวคมๆ ไม่หล่อมาก แต่คารมดี สาวๆ เลยติดเยอะ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่จู่ๆ ผมก็เห็นมันน่ารักขึ้นมากะทันหัน อะไรไม่ว่า ยิ่งมันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมก็ยิ่งเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมา

น่ารักฉิบหาย... ทำไมมึงไม่เป็นผู้หญิงวะไอ้จอม กูจะได้จีบมึงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย นิสัยก็สเปคกู หน้าตาก็... ก็สเปคกูมั้ง ช่างแม่ง แต่น่ารักฉิบหาย

และเพราะผมเผลอไปคิดว่ามันน่ารัก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเลยเต้นระทึกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเห็นมันขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เล็งแผลที่มุมปากผมด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อทายา ผมก็เหมือนจะสติหลุด ยกมือตัวเองขึ้นไปสอดเข้าใต้ผมนุ่มของคนตรงหน้า รั้งให้มันเข้ามาใกล้ จอมแก่นขืนตัว ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้แทน ทำให้มันเหลือบสายตามามองผมทันที ก่อนเอ่ยปากทัก
“โรม จะทำอะไร”

เสียงของจอมแก่นเรียกสติผมให้กลับมา ผมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าอีกไม่กี่เซน ปากของผมก็จะสัมผัสกับปากอีกฝ่ายแล้ว อะไรไม่ว่า ปากผมในตอนนี้ยังเผยอยื่นเตรียมจะจูบแล้วด้วยเถอะ

นะ...นี่กูจะไปจูบผู้ชายด้วยกันทำไมเนี่ย! นั่นไอ้จอม เพื่อนมึงด้วยนะ ตั้งสติเดี๋ยวนี้ไอ้โรม!

ผมผละออกห่างจอมแก่นราวกับถูกไฟฟ้าช็อต มือที่สอดเข้าใต้ผมจอมแก่นเมื่อครู่สั่นระริก ก่อนจะแสร้งโกหกไปเรื่อยเพื่อไม่ให้จอมแก่นรู้ว่าผมคิดจะทำอะไรเมื่อกี้
“ผะ...ผง มีขี้ผงติดผมมึง กูเลยเอาออกให้”
“อ๋อ” จอมแก่นครางรับ มองผมอย่างไม่เชื่อครู่หนึ่งให้ผมได้เลิ่กลั่ก ก่อนจะว่าอย่างไม่ใส่ใจ 
 “ถ้าไม่มีอะไรก็ขยับมาใกล้ๆ จะได้รีบทำแผล เรามีสอบย่อยพรุ่งนื้ ต้องไปอ่านหนังสือ”
พูดมาอย่างนี้ ผมเลยโล่งใจว่ามันไม่ได้เอะใจว่าเมื่อครู่เกือบจะถูกผมจูบ ทว่าพอผมยื่นหน้าไปให้มันทำแผลอีกครั้ง สีหน้าเรียบเฉยของมันก็เจือรอยยิ้มขึ้นมานิดๆ ก่อนที่พวงแก้มใสจะค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมาฉับพลันโดยที่สายตาจับจ้องอยู่ที่แผลมุมปากผมอย่างเดียวเท่านั้น

มึงจะมาอายทำไมตอนนี้ กูใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย!

โอ๊ย หงุดหงิดงุ่นง่าน ไอ้จอม... ไอ้จอมมึง! ทำไมจู่ๆ มึงถึงได้ดูน่ารักขึ้นมาได้วะ บ้าเอ๊ย!

อันที่จริงไม่น่าแปลกใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมใจสั่นกับมัน เป็นมาพักหนึ่งแล้วเถอะ มีอาการมาตั้งแต่หลังจากที่ผมถูกจอมแก่นต่อยโทษฐานสร้างปัญหาตั้งแต่สมัยเรียน ปวช.ด้วยกันแล้ว และเพราะผมต้องไปง้อมันหลังจากเหตุการณ์นั้น ผมก็มองมันพิเศษกว่าเพื่อนคนไหนมาตลอด คือ... ก็ไม่ได้มองว่ามันวิเศษวิโสกว่าไอ้ธารกับไอ้ไม้หรอกนะ เพียงแค่รู้สึกว่ามันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมไม่อยากให้มันโกรธผม เป็นเพื่อนคนที่ผมแคร์ความรู้สึกมากที่สุด เป็นเพื่อนที่...

...ที่บางครั้งผมก็รู้สึกว่าผมคิดกับมันเกินกว่าเพื่อนไปแล้ว

ตะ...แต่ก็ยังมั่นใจว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายแท้ๆ และชอบผู้หญิงอยู่นะ อาจเป็นเพราะสนิทกับมันมากเกินไปเลยเผลอไปคิดแบบนั้น ไอ้การกระทำเมื่อกี้ก็เช่นกัน มันเป็นความหน้ามืดชั่วครู่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะจูบมันจริงๆ สักหน่อย!

ผมนั่งตัวแข็ง ปล่อยให้จอมแก่นทำแผลให้โดยไม่พูดอะไรออกมาหลังจากนี้อีก แต่ก็อดแอบมองหน้ามันตลอดเวลาที่มันทำแผลให้ไม่ได้ นานทีเดียวกว่ามันจะทำแผลให้ผมเสร็จแล้วผละออกมา ปากก็ยังบ่นไม่หยุด
“กินของเผ็ดไม่ได้ไปอีกหลายวันแน่นอน ทีหลังอย่าไปมีเรื่องอีกล่ะ เรื่องผู้หญิงเนี่ย เพลาๆ ลงได้แล้ว เจ้าชู้เกินไปแล้วนะเรา ยิ่งโต ยิ่งเจ้าชู้”
ไอ้อาการตื่นเต้นเมื่อครู่ที่ได้เห็นหน้ามันใกล้ๆ หายไปเลย ผมย่นหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกมา
“ไม่ได้เจ้าชู้เลย ตอนคุยก็คุยทีละคน แค่เปลี่ยนคนคุยด้วยบ่อยเฉยๆ คนมันไม่ใช่ก็ต้องแยกทาง”
พูดไปอย่างนี้ จอมแก่นเลยกอดอกมองหน้าผมอย่างระอา
“เมื่อไหร่นายจะเลิกปั่นหัวพวกผู้หญิงสักที”
“ไม่ได้ปั่นหัว ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ก็ต้องแยกทาง มึงอย่ามาหาเรื่องด่ากูว่ะไอ้จอม ไปอ่านหนังสือเลยไป”
เห็นมันได้ฤกษ์เปิดฉากบ่น ผมเลยโบกมือไล่ ทว่าจอมแก่นไม่ยอมเดินไป เอาแต่ยืนมองผมอย่างนั้น จนผมชักรำคาญสายตาตำหนิของมัน
“อะไรของมึง ยืนมองอะไรอยู่ ไปอ่านหนังสือได้แล้ว”
จอมแก่นไม่ไป เดินเข้ามาหาผมอีก ก่อนจะถือวิสาสะ เอานิ้วมาจิ้มบนแผลมุมปากผมซะเต็มแรง
“ไอ้ขุนแผนเอ๊ย”
“โอ๊ยไอ้จอม! เจ็บนะเว้ย!” ผมโวยลั่น ยกมือขึ้นประคองมุมปากทันที ก่อนจะตอกมันกลับ “แล้วกูก็ไม่ได้เป็นขุนแผนด้วย กูแค่เลือกมาก มึงอย่าคิดว่าการเลือกคบผู้หญิงสักคนมันเป็นเรื่องง่ายๆ สิวะ ผู้หญิงแม่งหยุมหยิม อะไรนิดอะไรหน่อยก็โวยวาย กูต้องเลือกแบบละเมียดละไมหน่อย”
พูดไปอย่างนี้ จอมแก่นก็กลอกตาเพราะมันไม่ได้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ผมกลับได้ยินมันพูดประโยคถัดไปที่หลุดออกจากปากมันเป็นครั้งแรก
“ถ้าคบกับผู้หญิงมันหยุมหยิม ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ เผื่อจะเข้ากับนายได้ดีกว่าผู้หญิง”
ได้ยินมันพูดอย่างนั้น ผมก็อ้าปากค้างทันใด มันเองก็จ้องหน้าผมนิ่งให้ผมได้ใจเต้น พอได้สติ ก็รีบว่ารนๆ
“มะ...มึงหมายความว่าไงเนี่ย”
“ก็หมายถึงให้นายลองคบกับผู้ชายด้วยกันดูไง ไม่เสียหาย แถมนิสัยผู้ชายส่วนใหญ่ก็ไม่หยุมหยิม ไม่เชื่อก็ลองดูนิสัยเราเป็นตัวอย่าง เราหยุมหยิมกับนายมั้ยล่ะ” มันว่าออกมาหน้าตาย ทำเอาผมเลิ่กลั่กเข้าไปใหญ่

มะ...มันพูดมาอย่างนี้ มะ...หมายความว่ากำลังเชื้อเชิญผมให้จีบมันอยู่หรือเปล่า

ผมเหวอหนัก ใจเต้นระทึก ขณะที่จอมแก่นยังไม่แสดงสีหน้าใดๆ ก่อนมันจะฉีกยิ้มกว้างออกมาให้ผมได้ใจสั่นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไรสักที แล้วก็ทำให้ผมแทบคลั่งเพราะจู่ๆ มันก็เข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง ก่อนดึงแก้มผมข้างที่ไม่ได้โดนต่อยบิดไปมาเบาๆ
“ล้อเล่นน่า จะทำหน้าเหมือนเห็นผีไปทำไม ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวเราไปอ่านหนังสือก่อน นัดติวกับพี่รหัสไว้ ดึกๆ จะกลับมานะ”
แล้วมันก็ผละไปคว้าข้าวของเดินออกจากห้องไปเลย ทิ้งให้ผมมองไล่หลังมันด้วยสายตาเหม่อลอยราวกับวิญญาณหลุดออกไปจากร่าง

เหม่อลอยอย่างเดียวไม่พอ ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองที่ถูกมันหยิกไปมาอย่างไร้สติด้วย แถมในหัวก็มีคำพูดของมันลอยวนไปวนมา

‘ก็หมายถึงให้นายลองคบกับผู้ชายด้วยกันดูไง ไม่เสียหาย แถมนิสัยผู้ชายส่วนใหญ่ก็ไม่หยุมหยิม ไม่เชื่อก็ลองดูนิสัยเราเป็นตัวอย่าง เราหยุมหยิมกับนายมั้ยล่ะ’

‘ไม่เชื่อก็ลองดูนิสัยเราเป็นตัวอย่าง เราหยุมหยิมกับนายมั้ยล่ะ’

‘เราเคยหยุมหยิมกับนายมั้ยล่ะ’

หะ...ให้ตาย ผมตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากรู้สึกว่าถูกมันเชิญชวน

ไอ้จอม... อย่ามาทำให้กูสับสนนะ
มึงอย่ามาทำให้กูสับสนตัวเองนะเว้ย!

หงุดหงิดมันขึ้นมาทันที แต่ไม่รู้ทำไม พอผมเริ่มได้สติ มือที่ลูบแก้มตัวเองอยู่กับมือที่ก่อนหน้าใช้สอดเข้าไปใต้ผมของจอมแก่นถึงมาอังอยู่ที่จมูกผมได้ สูดกลิ่นจอมแก่นที่ติดมืออยู่แค่นั้นไม่พอ ยังรีบวิ่งไปล็อคประตูห้อง แล้วกลับมากระโดดขึ้นเตียงจอมแก่น ดึงผ้าห่มมันมากอด สูดกลิ่นหอมของมันจากหมอนและผ้าห่มอยู่คนเดียวอย่างบ้าคลั่ง ได้สติอีกครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองเป็นการใหญ่

กะ...กูจะไปดมกลิ่นมันทำไม แล้วมึงจะมาพูดให้กูหวั่นไหวทำไมเนี่ยไอ้จอม!
รู้ละว่าทำไมกูมีแฟนไม่ได้สักที เป็นเพราะมึงนี่เอง จู่ๆ มาดูน่ารักในสายตากูได้ยังไงวะ เวรเอ๊ย!
------------------------------------------
มาอัพให้แต่หัววัน บอกแล้วว่าตอนพิเศษของสองคนนี้จะสั้นๆ เพราะสองคนนี้มีเรื่องเป็นของตัวเอง เรื่อง 'เจ้าจอมแก่น' นี่ โรมก็เป็นคนบรรยาย เดากันไปว่าใครเป็นเคะ-ใครเป็นเมะ จอมแก่นอาจเป็นเมะก็ได้ อิอิ//โดนตบ เป็นเคะเถอะ ถ้าเป็นเมะนี่ คาดว่าหนูแดงโดนรุมตบแน่นอน ปล่อยให้หน่องจอมแก่นเป็นผู้ชายนวลๆ ไป ฮา
อันนี้ขอถามนอกเรื่องนิดนึงค่ะ เนื่องจากจอมแก่นเป็นตัวละครที่ตอนแรกตั้งใจจะให้เป็นตัวประกอบเฉยๆ แล้วหนูแดงรู้สึกว่าไม่ค่อยมีบทอะไรเท่าไหร่ ออกแนวตัวละครที่ถูกลืมเลือนด้วยซ้ำ แต่ดันมีคนกรี๊ดขึ้นมาเยอะซะอย่างนั้น แถมเชียร์ให้เขียนเรื่องแยกอีก สุดท้ายเลยงอกออกมาอีกเรื่อง ก๊ากกก ตอนนี้เลยอยากรู้ว่าทำไมถึงสครีมจอมแก่นกันคะ แบบว่ามันเหนือความคาดหมาย 555 ถ้าสครีมโรมนี่ยังพอเข้าใจเพราะมีบทเยอะพอสมควร แต่จอมแก่นนี่คืองง แล้วดันมาแรงกว่าโรมด้วยนะ มีเชียร์ให้เคะอีก (ความสครีมเคะแรงมาก จริงๆ แล้วต้องสครีมเมะกันไม่ใช่เรอะ!?)
อยากรู้จริงๆ ค่ะ เล่าให้ฟังกันหน่อย นี่เขียนเองยังไม่ได้สนใจเลยนะ ฮา
ส่วนตอนหน้าก็เป็นตอนพิเศษของสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวของเรา... น้องมายด์นะ หมดจากนี้แล้ว ก็ตามหนังสือเอาเน้อ XD
ปล.อ่านแล้วส่งฟีดแบ็คให้กันหน่อยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 19-05-2016 14:16:09
จอมแก่นเค้าแนวดูแล รักเพื่อน ถึงบทจะน้อยแต่ออร่าเธอแรง (โดยส่วนตัวไม่ชอบเคะแบบนุ่มนิ่ม หรือออกสาว เคะยุคใหม่ต้องสตรอง) จะแยกเรื่องหรือไม่แยกก็ได้ค่ะ แล้วแต่นักเขียนจะมีพล็อตในใจหรือเปล่า  แค่มีตอนพิเศษให้ก็ขอบคุณแล้วค่ะ

ชอบพี่เหนือกับธารมาก หายากที่เคะแก่กว่าและหื่นกว่า  เป็นกำลังใจให้นะคะ เรื่องนี้น่ารักมากค่ะ อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-05-2016 15:25:35
เอาละสิ 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-05-2016 15:53:18
จอมดูมีความอ่อยนะ อิๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-05-2016 19:04:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 19-05-2016 19:27:34
พี่เหนือหืน..ฮา ตลอด ชอบมาก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2016 00:38:39
เอาคนใกล้ตัวนั้นแหละดีแล้ว
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-05-2016 06:49:49
จอมแก่นดูเหมาะจะปราบคนแบบโรม เราสัมผัสได้ตั้งแต่วันนั้น ต่ยปุ๊บ มันแบบ เฮ้ยยยยยยยยยย นี่แหละ คุณค่าที่โรมคู่ควร  :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 20-05-2016 09:39:20
พี่เหนือนี่เลยคำว่าหื่นเลยทุกอย่าง ไม้ใช่แล้วววววว ร้ายกาจมากกกก
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 20-05-2016 11:36:50
 :pigha2:
จอมแก่น♡โรม
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โรม-จอมแก่น ตอนพิเศษ 4: ลองคบกับผู้ชายดูมั้ยล่ะ♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-05-2016 15:54:37
[ตัวอย่าง] น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5

เอาตัวอย่างมาแปะไว้ก่อนค่ะ ยังบิวท์อารมณ์เขียนไม่ได้ อีก 2-3 วันจะมานะ
ตอนของน้องมายด์จะพูดถึงสาเหตุที่น้องมายด์ไปลากธารไปนอนด้วยจนทำให้พี่เหนือเข้าใจผิดเน้อ ตอนพิเศษที่เหลือก็ไปตามในหนังสือเอานะจ๊ะ
--------------------------------------------


“ไอ้ไม้ มึงทำอะไร”
จู่ๆ ธารก็ตื่นขึ้นมา ทำเอาฉันรีบเก็บโทรศัพท์ที่เพิ่งถ่ายรูปคู่กับมันตอนนอนแทบไม่ทัน
“มะ...ไม่มีอะไร้!” เผลอไปตอบปฏิเสธเสียงสูงด้วย ส่อพิรุธสุดๆ ธารก็หรี่ตามอง แต่ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

ก็ใครจะไปบอกมันล่ะว่าแอบถ่ายรูปมันตอนนอน แถมถอดเสื้ออีกต่างหาก ขืนมันรู้ มีหวังได้จมดินตาย ก็มันชอบถ่ายรูปซะที่ไหน ขนาดถ่ายรูปด้วยกันธรรมดายังลากมันมาถ่ายด้วยยากเลย ถ้าไม่ใช่เจ้เหนือ มันไม่ยินยอมถ่ายด้วยแต่โดยดีหรอก
ดีที่ธารไม่สนใจอะไร แล้วฉันก็เบี่ยงประเด็นได้พอดีเมื่อจู่ๆ โทรศัพท์ก็ส่งเสียงเรียกเข้าข้อความของโปรแกรมแชทหาคู่โปรแกรมหนึ่งที่ฉันสมัครไปเมื่อวานก่อน เลยรีบเปิดเข้าไปดู ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทักมาเป็นภาษาอังกฤษ

‘Hello dear, nice to see you here (สวัสดีจ้ะที่รัก ดีใจที่ได้เจอคุณที่นี่นะ)’

ฉันขมวดคิ้วมุ่น ไม่ใช่ว่าอ่านไม่ออก... อ่านน่ะอ่านออก แต่แปลไม่ถูก พอจับใจความได้เป็นบางคำ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าที่เข้าใจน่ะมันถูกมั้ย แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะปกติแล้ว ฉันไม่คุยกับผู้ชายต่างชาติอยู่แล้ว แบบว่ามันคุยยาก คนละชาติ คนละภาษา ต้องมานั่งเปิดศัพท์ แปลศัพท์อีก น่ารำคาญจะตาย อะไรไม่ว่า บางคนชอบถามด้วยเถอะว่าฉันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

แหม! สวยๆ อย่างนี้ อ่อนหวานอย่างนี้ ก็ต้องผู้หญิงสิยะ! ยังจะมาสงสัยอีก!

ทว่าในจังหวะที่ฉันกำลังจะปิดโปรแกรมแชทนี้ลง อีกฝ่ายก็ส่งข้อความซ้ำมาอีกครั้ง
‘Can we talk? Can we be friend? (ขอคุยด้วยได้มั้ยครับ? เป็นเพื่อนกันได้มั้ย?)’

อะไร! แปลว่าอะไร!?

รำคาญละ ปิดแม่งเลย หากแต่ธารที่นอนอยู่ก็ชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ด้วยซะก่อน แถมยังถามอีก
“มึงคุยกับใครวะ”
“บ่ะก๊วยก๋า”
“ฮะ?”
“กูหมายถึงฝรั่ง”
“อ๋อ” ธารครางรับ ไม่ได้สนใจฉันอีก ยื่นนิ้วมาจิ้มรูปโปรไฟล์ของฝรั่งคนนั้นที่เป็นรูปตัวการ์ตูนหน้ายิ้มหน้าตาเฉย

ฉันเกือบจะโวยวายอยู่แล้วว่ามาวุ่นวายอะไร ทว่าพอธารกดรูปโปรไฟล์แล้วเข้าไปที่หน้าโฮมเพจของฝรั่งคนนั้น รูปการ์ตูนหน้ายิ้มก็กลายเป็นรูปชายหนุ่มชาวตะวันตกรูปร่างสูงใหญ่ มีหนวดเคราอ่อนๆ และตาสีฟ้า แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับฝรั่งคนนี้หล่อมาก หล่อโคตร หล่อที่สุดในโลกหล้า จากตอนแรกที่ตัดสินใจว่าจะปฏิเสธ ตอนนี้เลยกลายเป็นดึงโทรศัพท์ออกห่างธาร แล้วมานั่งดูรูปคนเดียวอย่างใจจดใจจ่อเป็นวรรคเป็นเวร ทำเอาธารมองด้วยสายตาขุ่นๆ แล้วถามออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นฉันเอาแต่ส่งเสียงอู้อ้าอยู่คนเดียว

“เป็นอะไรของมึงวะไอ้ไม้”
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่เห็นผู้แล้ววารีดำเนิน” หลุดปากพูดไปตามเรื่อง ทำเอาธารเบ้หน้าหนักเข้าไปใหญ่ ก่อนจะเมินฉันแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ

ทว่ายังไม่ทันที่ธารจะได้ลุกไป ฝรั่งคนนั้นก็ส่งข้อความมาอีก

‘I’m Martin. What’s about you? (ผมชื่อมาร์ตินนะครับ คุณล่ะชื่ออะไร)‘

อันนี้แปลได้ แต่ปัญหาก็คือ จะตอบว่าชื่ออะไรดีให้ดูอินเตอร์

ไม้นี่ตัดไปได้เลย ฉันทิ้งอดีตไปนานมากแล้วค่ะ ส่วนมายด์นี่... มันก็โอเคอะ แต่ไม่อินเตอร์เลย อีกฝ่ายชื่อมาร์ติน งั้น...ชื่อมาการ์เร็ตแล้วกัน ชื่อเล่นชื่อมาร์กี้ไรงี้

แต่สะกดยังไงล่ะ?

สายตามองไปยังธารทันที ก่อนจะรีบพุ่งไปคว้ามันเอาไว้ก่อนที่มันจะได้หายเข้าไปในห้องน้ำ
“อะไรของมึงอีก” ธารถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่ฉันไม่สนใจแล้ว ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้ามันรัวๆ
“มึงช่วยกูสะกดชื่อหน่อยสิ มาการ์เร็ตกับมาร์กี้สะกดยังไงวะ”
แทนที่มันจะรีบๆ ช่วยสะกด ฉันจะได้รีบอ่อยผู้ มันดันถามขึ้นมาอีก
“ชื่อใครวะนั่น”
“ชื่อกู”
“มึงชื่อไม้ ไม่ก็มายด์ไม่ใช่หรือไง”
“ตอนนี้กูเปลี่ยนแล้ว จะมีผัวฝรั่งทั้งทีก็ต้องเปลี่ยนให้เข้ากัน มึงก็อย่าลีลาได้มั้ย ช่วยกูสะกดหน่อย” ฉันเริ่มหัวเสียบ้างละ ขณะที่ธารทำหน้าเย้ยหยันสุดชีวิต ก่อนจะว่าออกมาขำๆ
“ได้ข่าวว่ามึงเพิ่งถูกทิ้งมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเองไม่ใช่เหรอวะ นี่แรดจะมีผัวใหม่ละ?”
จู่ๆ ก็พูดแทงใจดำฉันขึ้นมากะทันหัน ทำเอาฉันหันไปยื่นปากใส่ ก่อนตีเข้าที่แขนมันไม่แรงนักทีนึง พร้อมกับขู่เสียงแหลม
“ตกลงมึงจะช่วยสะกดหรือไม่ช่วยฮะ ถ้าไม่ช่วย กูชวดผัวฝรั่ง กูจับมึงทำผัวนะ ไม่อยากได้เมียเพิ่มไปตบตีกับเจ้เหนืออีกคนก็ช่วยสะกดซะที!”
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-05-2016 16:26:01
รอน้องมาร์กี้นะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 20-05-2016 20:32:14
เป็นเรื่องที่สนุก น่ารักมากๆเลยคะ ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 22-05-2016 10:56:34
อยากอ่านคู่โรมกับจอมแก่น อยากให้จอมแก่นปั่นหัวโรมเล่น :laugh:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-05-2016 17:47:39
อร๊ายยยยยย ลุ้นมาก กลัวน้องธารได้ปั๋วเป็นตัวเป็นตน 555
อิพี่เหนือนี่ไม่รู้จะใช้ศัพท์ไหนดีมานิยามความหื่น คือมันเกินหื่นไปแล้วอ่ะ

ส่วนคู่โรมกะจอมแก่น อร๊ายยยยยยย มันกิ๊วก๊าว เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ชวนมโ ชวนจิ้นมาก ><
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-05-2016 18:44:13
สำหรับเรา เรื่องของจอมแก่นมันก็มีความเผือกอยากรู้อยู่บ้าง แต่ไม่ได้จริงจังมากนัก

เขียนแยกมาอีกเรื่อง เราก็ดีใจ มีนิยายให้ตามอ่านอีกเรื่อง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 25-05-2016 23:42:01
รอน้องมาร์กี้นะ555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 15-06-2016 00:28:46
รออ่านครับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 15-06-2016 00:54:25
อิจฉาคนได้ผัวเด็กแบบพี่เหนือจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Memindbucker ที่ 18-06-2016 15:19:36
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ นิสัยพระเอกกับนายเอกแหวกแนวจริงๆไม่ค่อยเคยเห็น
นี่ชอบพี่เหนือมาก เป็นเคะที้แรดไม่มีใครเกินนนนน แต่พี่เหนือก็ดูแลธารดี๊ดี ยอมน้องทุกอย่างเลย
ถ้านี่เป็นธารนี่รักตายเหมือนกัน
ชอบการบรรยายเรื่องมี่เห็นเขาค่อยๆโตมาด้วยกัน เป็นคู่ที่อบอุ่นและฮาตลอดเวลาจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 19-06-2016 16:16:17
อ่านมา3วันแหน่ะ! จบแล้ว
สนุกมากกก ฮาโคตรๆ หื่นมากมาย
พี่เหนือแม่งงง เป็นนายเอกที่หื่นที่สุดในโลกอ้ะ
น้องธารน่ารัก ชอบแบบนี้นะ รักช้าๆแต่รักนานๆ
ได้เห็นการพัฒนาของตัวละครดีค่ะ ชอบๆ

 :กอด1: :katai2-1: :mew1: o13 :pig4: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: มายเนมอีสมาร์กี้♦P.28♦19/06/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-06-2016 22:40:40
น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: มายเนมอีส ‘มาร์กี้’ [1]

อกหักไม่ยักกะตาย ถูกทิ้งก็เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายสะกดคำว่า ‘ซื่อสัตย์’ ไม่เป็น!

ไม่อยากจะด่าว่ามันเลวเลย แต่พอเห็นแฟนสุดที่รักที่เพิ่งจะทรานส์ฟอร์มตัวเองไปเป็นแฟนเก่าหลังจากที่ฉันจับได้ว่ามันมีคนอื่นผ่านทางข้อความในเฟซบุ๊ค ฉันก็ไม่รอช้าที่จะบอกเลิกมันทันที แต่ช้ากว่ามันไปนิดนึงค่ะ ตอนมันถูกจับได้และฉันกำลังสอบสวนมันตามขั้นตอนอยู่ มันก็ดันพูดออกมาว่า...

‘เราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้ว มายด์ดีเกินไป เราเลิกกันเถอะ’

ไอ้เลว! อย่ามาเอาข้ออ้างว่ากูดีเกินไปมาอ้างเพื่อขอเลิกนะ!

รู้ทั้งรู้ว่ามันอ้าง ทั้งที่น่าจะเอาเหตุผลนี้ตัดใจจากมันได้ แต่ฉันก็ดันทำไม่ได้ง่าย ๆ แสร้งทำตัวลั้นลาอยู่ได้เกือบครึ่งปี ทว่าก็ตัดใจไม่ได้สักที สุดท้ายก็...
“เอ้าไอ้ไม้ มานั่งทำอะไรตรงนี้”

มาหาไอ้ธาร เพื่อนสุดที่รัก ด้วยหวังจะเคลมมันเป็นผัว...

ไม่ใช่สิ ให้มันปลอบใจต่างหาก ไม่ได้มาให้มันปลอบใจอย่างเดียวด้วย ยังแอบสร้างเฟซบุ๊คปลอมของมันขึ้นมาหลังจากถูกบอกเลิก สมมติว่ามันเป็นผัวติ๊ต่างโดยไม่ให้มันกับเจ้เหนือรู้อีก

ก็แบบว่า...กลัวมันจะกระทืบเอาน่ะ สำคัญกว่านั้นคือกลัวเจ้เหนือจะรู้สึกไม่ดี ฉันเลยบอกให้โรมกับจอมแก่นรู้เท่านั้น แล้วก็กะจะเลิกไปเองด้วยถ้าตัดใจจากแฟนเก่าได้

แต่ทว่าทำอย่างนั้นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ขนาดเปิดเป็นสาธารณะ แสร้งโพสต์ภาพหวานซึ้งกับธารที่ฉันบังคับมันถ่ายด้วยเมื่อนานมาแล้ว ก็ยังไม่เห็นแฟนเก่ามีปฏิกิริยาอะไร ไม่มีแม้แต่จะมาถามฉันด้วยสักนิดว่าคนในรูปเป็นแฟนใหม่เหรอแต่อย่างใด เห็นแต่อัพรูปตัวเองคู่ผู้หญิงคนใหม่ทุกวี่ทุกวัน

แหม! แคร์กูหน่อยก็ไม่ได้ ใช่ซี่! ได้ใหม่ก็ลืมเก่าแล้วนี่!

ร้ายกว่านั้น ล่าสุดโพสต์รูปจูบปากกันดูดดื่มค่า เห็นแล้วช็อคซีนีม่าไปเลย จิตใจของสาวน้อยช่างบอบบางยิ่งนัก จิตตกไปหลายวัน อาการไม่ดีขึ้นเลยต้องระเห็จมาหาไอ้ธารโดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกมันด่าแต่อย่างใดจนได้

ก็นะ ก่อนจะคบกับผู้ชายคนนี้ ธารมันเตือนแล้วนี่นาว่าผู้ชายคนนี้ไม่จริงใจกับฉัน แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ไอ้บ้านั่นทั้งหล่อ ทั้งใจดี ทว่าพอคบไปเรื่อย ๆ ที่แท้ก็แค่หลอกให้เปย์มันเท่านั้นเอง

ฉันนั่งรอธารอยู่หน้าหอด้วยท่าทางซังกะตายหลายชั่วโมง กว่ามันจะเสด็จกลับมา พอเห็นหน้ามันปุ๊บ น้ำหูน้ำตาที่ฉันเก็บกักมานานก็ทะลักไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก ทำเอาธารที่มองหน้าฉันอยู่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนฉันจะโพล่งออกไป
“ก็ยามไม่ให้กูเข้า มึงจะให้กูไปรอที่ไหนเล่า! ฮือ...!”
“แล้วมึงมาหากูทำไม” ธารถามเสียงเครียด ดูท่าทางจะรู้แล้วล่ะว่าฉันมีปัญหา อะไรไม่ว่า ฉันว่ามันน่าจะอายสายตาคนอื่นด้วยแหละที่จู่ ๆ ฉันก็มาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรต่อหน้ามันอย่างนี้
“กู...ฮึก... กูโดนไอ้พี่เป้ทิ้ง ฮือ…!” แล้วฉันก็บอกจุดประสงค์ที่โผล่หัวมาหามันออกไป
ธารกลอกตาขึ้นมา พลันว่า
“กูเตือนมึงแล้วใช่มั้ยเรื่องไอ้พี่เป้อะไรของมึงน่ะ บอกมึงแล้วว่ามันหลอกใช้เงินมึง”

จริงอย่างที่ธารว่า ก็บอกแล้วว่ามันหลอกให้เปย์ เหตุผลจริง ๆ ที่เลิกกันก็ไม่ใช่ว่ามันมีคนอื่นด้วย แต่เป็นเพราะมันมาขอเงินซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด แล้วฉันไม่มีให้น่ะ เท่านั้นแหละ อีกอาทิตย์นึงให้หลังก็เห็นมันควงผู้หญิงอื่นมาทันที ที่คิดไปว่ามันมีคนอื่นเป็นเพราะฉันไม่อยากจะยอมรับความจริงเท่าไหร่น่ะว่าถูกหลอก

ความจริงก็ไม่ได้ถูกหลอก รู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกต่างหาก ธารเตือนเรื่องนี้กับฉันมาตั้งแต่ตอนที่แฟนเก่ามาจีบฉันใหม่ ๆ แล้วล่ะ แต่ฉันไม่ฟังไง เห็นผู้เข้าหา ก็ยอมเปย์ให้หมดหน้าตัก ก็คนมันไม่คิดนี่ว่ายิ่งคบไปเรื่อย ๆ นานวันเข้าก็ยิ่งปอกลอกมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คิดดูเถอะ เปย์ไปตั้งเยอะ ขาอ่อนพี่เป้ ฉันยังไม่ได้เห็นเลย มากสุดก็แค่กอด จูบก็ไม่มี

สายเปย์แบบนก ๆ ชัด ๆ !

นก มีความหมายว่า ‘พลาด’ พูดง่าย ๆ คือ ‘อดแดรก’ แต่ฉันไม่บอกธารหรอกว่ารายละเอียดเป็นยังไง ดูท่าทางมันน่าจะเข้าใจว่าฉันเพิ่งเลิกกับแฟนเก่ามา ก็ให้มันเข้าใจไปแบบนี้แหละ ขืนมันรู้เรื่องราวโดยละเอียด มีหวังโดนมันด่ายันโคตรเหง้าแน่นอน ตอนที่เลิกกันใหม่ ๆ นี่ก็โดนจอมแก่นบ่นมาจนหูชาแล้วนะ ตอนนี้ก็พอเถอะ ไม่อยากโดนตอกย้ำ

เพราะฉันไม่พูดอะไร เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้กระซิก ธารเลยถอนหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปข้างในหอโดยไม่สนใจฉันสักนิด มีพูดทิ้งท้ายไว้เล็กน้อย
“เตือนแล้วไม่ฟัง เรื่องของมึงเถอะ บอกมึงแล้วนี่ว่าถ้าโดนหลอกขึ้นมา อย่ามาร้องไห้ให้กูเห็น กูจะกระทืบซ้ำ ถ้าไม่อยากถูกกระทืบ ก็รีบไสหัวกลับไปเลย”

โอ้โห! นี่มึงเพื่อนกูมั้ยเนี่ย เพื่อนเจ็บมาก็ต้องปลอบใจสิวะ!

ปลอบใจบ้าอะไร พูดจบ ธารก็เดินแท่ด ๆ เข้าไปข้างในหอเลย ทำเอาฉันรีบลุกขึ้นไปคว้ามันแทบไม่ทัน
ก็เกือบจะไม่ทันแหละ คว้าได้แต่ขามันแบบเฉียด ๆ เลยรีบทิ้งตัวนั่งลงไปกองกับพื้นเพื่อไม่ให้มันหลุดมือไปไหนได้ พลันร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง เรียกให้มันอยู่ต่อทันใด

“ฮือ... อยู่กับกูก่อน อย่าทิ้งกูนะ มึงจะทิ้งกูได้ลงคอเลยเหรอ ฮือ...”
ฉันหมายถึงทิ้งเพื่อน แต่คนรอบข้างไม่ได้คิดอย่างนั้น
ก็นะ เห็นคนสวย ๆ มานั่งกอดขาร้องไห้วิงวอนผู้ชายถึงหน้าหอ ใคร ๆ ก็ต้องคิดว่าเป็นผัวเมียกันทั้งนั้นแหละ และมันก็ทำให้ธารตระหนกขึ้นมา มองซ้ายทีขวาทีอย่างรน ๆ ด้วยตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนมันจะยกขาข้างทีฉันกอดอยู่ขึ้นแล้วออกแรงสะบัด
“ไอ้ไม้! ทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!”

ถ้าปล่อย มึงก็หนีกูเข้าหอไปน่ะสิวะ แล้วคิดว่ากูจะตามไปได้มั้ย ดูลุงยามหน้าหอมึงสิ เตรียมจะเอาไม้กระบองมาฟาดหัวกูอยู่แล้วเนี่ย!

ร้องเพลงเรียกร้องความสนใจซะเลย คนมองเยอะ ๆ มันจะได้ไม่กล้าหนี
“ฮึก...ฉันกำลังขอร้องอ้อนวอนเธออย่าไป ทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาเธอเอาไว้...”
“ไอ้ไม้”
“พนมสองมือขึ้นกราบกรานเธอโปรดอย่าไป มันคงไม่มีประโยชน์ถ้าคนมันหมดใจ ฮือ...”
“ไอ้ไม้! มึงเลิกทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้สักที!”

ในที่สุด ธารก็ทนไม่ไหวจนได้ อย่างที่ฉันบอกว่ามันไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตา พอตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ก็เกิดเลิ่กลั่กขึ้นมา ฉันเลยใช้โอกาสนี้ต่อรองทันที
“มึงก็อยู่กับกูก่อนสิวะ กูโดนทิ้งมานะ ปลอบใจกูหน่อย เห็นมั้ย กูร้องไห้จนมาสคาราไหลเยิ้มหมดแล้วเนี่ย ฮือ...”
ธารยกมือขึ้นเสยปอยผมที่ปรกหน้าผากอย่างหัวเสีย สบถคำหยาบออกมาอีกสองสามคำ พลันว่า
“เออ ก็ได้ แล้วมึงจะให้กูทำอะไร”
“มึงไปค้างที่หอกูเป็นเพื่อนกูหน่อย กูอยู่คนเดียวไม่ได้ อยู่แล้วมีความเปล่าเปลี่ยวเหงาหัวใจ กูกลัวว่าตัวเองจะคิดสั้น”
พูดไปงั้นแหละ ระดับฉันไม่มีทางคิดสั้นหรอก ฉันจะมาตายเพราะผู้ชายคนเดียวได้ยังไงในเมื่อยังมีผู้ชายอีกทั้งโลกให้เชยชม เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังทำใจไม่ได้ก็แค่นั้นแหละ

ธารมองหน้าฉันครู่หนึ่ง ดูท่าอยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ยอมรับปากโดยดีเมื่อมีเสียงกระซิบกระซาบของคนรอบข้างดังมาให้ได้ยิน
“งั้นมึงก็ลุก ไปรอที่รถ เดี๋ยวกูขึ้นไปเอาเสื้อผ้าแป๊บ”
“ไปตอนนี้เลยมึง ยืมเสื้อผ้ากูก็ได้ เสื้อผ้าผู้ชายกูมี ไม่ใส่แล้ว เสื้อผ้าแฟนเก่า...ก็มี... ฮือ...” พูดแล้ว น้ำตาก็นองหน้าอีกระลอก
ธารดูท่าจะอายที่เห็นฉันไม่หยุดคร่ำครวญ เลยรีบคะยั้นคะยอให้ฉันรีบไปที่รถ ฉันเลยไม่รอช้า ลากมันไปทันที ที่เร่งมันให้รีบไปที่หอฉันก็ไม่ใช่อะไร กลัวว่าถ้าปล่อยให้มันไปเก็บเสื้อผ้า เดี๋ยวมันจะไม่ยอมลงมาน่ะ ก็ไอ้ธารเนี่ย อย่างที่รู้กันว่าถ้าไม่ใช่เจ้เหนือ มันก็จะไม่ค่อยสนเท่าไหร่นัก จริง ๆ แล้วมันก็แคร์เพื่อน แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่เตือนแล้วไม่ฟังอย่างฉัน มันคงไม่รอช้าที่จะเทแน่ ๆ การลากมันไปด้วยให้เร็วที่สุดนี่แหละคือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
 



ลากมันขึ้นรถแจ๊ซมาถึงหอแถวมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ได้ ก็ไม่รอช้าพามันขึ้นห้อง มีอวดกับเพื่อนชะนีกับแก๊งสาวน้อยด้วยกันนิดหน่อยว่าธารเป็นเพื่อน แต่ตอนพูดว่าเป็นเพื่อนน่ะ ไม่ได้ตอบเต็มปากเต็มคำหรอก ทำเป็นกระมิดกระเมี้ยนเขินอายให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าฉันเขินจนไม่กล้าตอบ

ก็แหม จะให้เข้าใจว่าเป็นเพื่อนได้ยังไง ไอ้พวกนี้ก็รู้จักกับแฟนเก่าฉันนี่ เพื่อน ๆ แก๊งเดียวกันทั้งนั้น ให้พวกนางไปพูดกันปากต่อปากจนเข้าหูแฟนเก่าฉันอีกรายว่าฉันมีแฟนใหม่ที่ทั้งเรียนมหาวิทยาลัยดัง ทั้งหล่อ ทั้งเท่ แถมบ้านรวย ยังดีกว่าเป็นไหน ๆ อีกอย่าง พวกนางก็เคยเห็นธารในรูปที่ฉันอัพขึ้นเฟซบุ๊คใหม่แล้วด้วยเถอะ แน่นอนว่าต้องเข้าใจว่าธารเป็นมากกว่าเพื่อนกับฉันอยู่แล้ว ฉันเลยทิ้งท้ายไปอีกนิดว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่โผล่หน้าไปเรียนก็ไม่ต้องแปลกใจนะ คืนนี้อาจจะผ่านศึกสงครามแบบจัดหนัก แม้ว่าเข้าห้องมาแล้ว จะถูกไอ้ธารมันตบกะโหลกเปิดไปทีนึงก็เถอะ

“มึงนี่มันจริง ๆ เลยนะไอ้ไม้ ไหนบอกอกหัก แล้วที่แรด ๆ เมื่อกี้นี้หมายความว่าไง”
“แหม! กูก็ต้องแสดงหน่อยปะ ภาพลักษณ์น่ะภาพลักษณ์ ให้กูเป็นสาวสวยพราวเสน่ห์หน่อยเถอะ นาน ๆ จะได้ควงผู้ชายมาที่ห้องสักที ถึงผู้ชายที่พามาจะเป็นมึงก็เถอะ!”

ธารเบ้หน้าเมื่อได้ยินฉันพูด แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินตรงไปนั่งบนเตียง ทิ้งตัวนอนเอกเขนก คว้าโน่นคว้านี่ที่อยู่บนเตียงฉันมาดูเล่น จนฉันต้องออกปากถาม
“มึงไม่โทรหาเจ้เหนือก่อนเหรอ บอกนางหน่อยสิว่าคืนนี้มานอนเป็นเพื่อนกู”
“โทรศัพท์กูหาย” ธารตวัดหางตามามองฉันอย่างหงุดหงิด ทำให้ฉันรีบคว้าโทรศัพท์ตัวเองออกจากกระเป๋าถือ ส่งให้มันอย่างรวดเร็ว
“เอ้า งั้นก็เอาโทรศัพท์กูโทรไปสิ”
“กูจำเบอร์ไม่ได้” คราวนี้ไม่ใช่แค่หางตาที่มองอย่างหงุดหงิด น้ำเสียงก็หงุดหงิดเถอะ แต่ฉันไม่ได้ฉุกใจคิดอะไร พึมพำบ่นมันขึ้นมา
“คนบ้าอะไรวะจำเบอร์แฟนตัวเองไม่ได้”
“ก็กูจำไม่ได้ แล้วตอนกูจะขึ้นไปเอาเบอร์พี่เหนือที่ห้อง มึงก็ไม่ให้กูขึ้นไป ลากกูมาที่นี่เนี่ย จะให้กูไปเอาเบอร์จากไหนมาโทรวะ”

เอ้า แล้วเป็นความผิดกูเหรอ มึงจำเบอร์แฟนตัวเองไม่ได้ ถ้ากูเป็นเจ้เหนือ กูจะโกรธมึงจริง ๆ !

แต่ก็เอาเถอะ ดูท่าทางจะจำไม่ได้จริง ๆ เพราะเท่าที่รู้มา เวลาไอ้ธารโทรหาเจ้เหนือ มันใช้วิดีโอคอลตลอด กดโทรออกก็ติดต่อได้เลย จำเบอร์ไม่ได้ก็ไม่แปลก ฉันก็ไม่มีช่องทางติดต่อเจ้เหนือด้วยนอกจากเฟซบุ๊คเก่าที่ไม่ใช้แล้ว จะใช้เฟซบุ๊คนั่นส่งข้อความไปบอกเจ้เหนือว่าธารอยู่กับฉันก็ได้แหละ แต่แฟนเก่าฉันมันมีรหัสไง ถ้าเกิดมันเข้าเช็คขึ้นมา แผนฉันที่มโนว่าธารเป็นเด็กใหม่ก็แตกน่ะสิ เรื่องเถอะ ใครจะไปยอมกัน

“งั้นพรุ่งนี้มึงค่อยกลับไปโทรหาเจ้เหนือก็แล้วกัน”
ธารพยักหน้าเออออไป ไม่ได้ใส่ใจที่ฉันพูดนัก ฉันก็เลยหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้มาโยนให้เมื่อเห็นว่าธารทำท่าเหมือนจะหลับให้ได้
“นี่ ๆ ถ้าจะนอนบนเตียงกู มึงไสหัวไปอาบน้ำก่อนเลย ถึงจะหล่อแต่ตัวเหม็น กูก็ไม่โอเคหรอกนะ”
“รู้แล้วน่า” ธารว่าเสียงเขียว ยอมลุกไปอาบน้ำแต่โดยดี

ฉันก็โหลดโปรแกรมแชทหาเพื่อนหาผู้มานั่งเล่นไปตามเรื่อง ไม่นานนัก ธารก็ออกจากห้องน้ำมาในสภาพนุ่งกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว เดินมาถึงเตียงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดขึ้นเตียง ผล็อยหลับไปทันที

ได้ยินแว่ว ๆ ว่าช่วงนี้เป็นช่วงสอบของมหาวิทยาลัยมัน สงสัยมันจะอ่านหนังสือโต้รุ่งจนไม่ได้หลับได้นอนล่ะมั้ง ปล่อยให้มันพักไปก็แล้วกัน
 




ธารหลับเป็นตายเลยทีเดียว ฉันเองก็เล่นโปรแกรมแชทนั่นจนเบื่อ เลยไปนั่งส่องเฟซบุ๊คแฟนเก่าเล่น ๆ แต่ดูเป็นความคิดที่ผิดไปสักหน่อยที่พอส่องแล้ว เจอรูปใหม่ของมันกับผู้หญิงคนใหม่ เท่านั้นก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายฉันก็บีบจนเจ็บไปหมด

หน็อย... ไอ้คนอวดเมีย ได้! เดี๋ยวเจอน้องมายด์อวดผัวมั่ง!

ผัวไหน? ก็ธารไง จะใครล่ะ ยืมมาเป็นผัวมโนก่อนแป๊บนึง ไหน ๆ มึงก็ไม่ใส่เสื้อนอนละ แถมอยู่บนเตียงเดียวกับกูอีก เอาให้พวกมันเข้าใจผิดไปเลยแล้วกันว่าเราได้เสียกันแล้ว

ฉันไม่รอช้า ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมารัวชัตเตอร์ถ่ายรูปคู่กับธารทันที กว่าสิบกว่าภาพที่ถ่ายไป ไม่ว่าจะมองมุมไหน ยังไงก็ชวนให้เข้าใจผิดว่าเพิ่งผ่านกิจกรรมเพิ่มเหงื่อกันมาหมาด ๆ

ฉันนั่งเลือกรูปอย่างอารมณ์ดี ในใจหมายมั่นว่าถ้าแฟนเก่ามาเห็นจะต้องแน่นอกเหมือนฉันแน่ พลันลงมือแต่งรูปโดยไว แล้วจัดการโพสต์ขึ้นเฟซบุ๊คใหม่ของตัวเอง ไม่ลืมจะแท็กเฟซบุ๊คปลอมของไอ้ธารด้วย

ทว่าจังหวะที่โพสต์รูปนั้น ธารก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี
“ไอ้ไม้ มึงทำอะไร”
ฉันรีบเก็บโทรศัพท์ที่ลงแทบไม่ทัน
“มะ...ไม่มีอะไร้!” เผลอไปตอบปฏิเสธเสียงสูงด้วย ส่อพิรุธสุดๆ ธารก็หรี่ตามอง แต่ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

ก็ใครจะไปบอกมันล่ะว่าแอบถ่ายรูปมันตอนนอน แถมเอาไปโพสต์มโนเป็นตุเป็นตะอีกต่างหาก ขืนมันรู้ มีหวังได้ถูกมันเหยียบจมดินตาย ก็มันชอบถ่ายรูปซะที่ไหน ขนาดถ่ายรูปด้วยกันธรรมดายังลากมันมาถ่ายด้วยยากเลย ถ้าไม่ใช่เจ้เหนือ มันไม่ยินยอมถ่ายด้วยแต่โดยดีหรอก ยิ่งรูปที่แอบถ่ายมันเมื่อกี้เป็นรูปชวนเข้าใจผิดด้วย ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าจะโดนมันยำฝ่าเท้าให้แบบจัดหนักแค่ไหน

ดีที่ธารไม่สนใจอะไร แล้วฉันก็เบี่ยงประเด็นได้พอดีเมื่อจู่ๆ โทรศัพท์ก็ส่งเสียงเรียกเข้าข้อความของโปรแกรมแชทหาคู่ก็ดังขึ้น ฉันเลยรีบเปิดเข้าไปดูเพื่อหนีสายตาจ้องจับผิดของธาร ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทักมาเป็นภาษาอังกฤษ

‘Hello dear, nice to see you here (สวัสดีจ้ะที่รัก ดีใจที่ได้เจอคุณที่นี่นะ)’

ฉันขมวดคิ้วมุ่น ไม่ใช่ว่าอ่านไม่ออก... อ่านน่ะอ่านออก แต่แปลไม่ถูก พอจับใจความได้เป็นบางคำ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าที่เข้าใจน่ะมันถูกมั้ย แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะปกติแล้ว ฉันไม่คุยกับผู้ชายต่างชาติอยู่แล้ว แบบว่ามันคุยยาก คนละชาติ คนละภาษา ต้องมานั่งเปิดศัพท์ แปลศัพท์อีก น่ารำคาญจะตาย อะไรไม่ว่า บางคนชอบถามด้วยเถอะว่าฉันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

แหม! สวยๆ อย่างนี้ อ่อนหวานอย่างนี้ ก็ต้องผู้หญิงสิยะ! ยังจะมาสงสัยอีก!

ทว่าในจังหวะที่ฉันกำลังจะปิดโปรแกรมแชทนี้ลง อีกฝ่ายก็ส่งข้อความซ้ำมาอีกครั้ง
‘Can we talk? Can we be friend? (ขอคุยด้วยได้มั้ยครับ? เป็นเพื่อนกันได้มั้ย?)’
อะไร! แปลว่าอะไร!?
รำคาญละ ปิดแม่งเลย หากแต่ธารที่นอนอยู่ก็ชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ด้วยซะก่อน แถมยังถามอีก
“มึงคุยกับใครวะ”
“บ่ะก๊วยก๋า”
“ฮะ?”
“กูหมายถึงฝรั่ง”
“อ๋อ” ธารครางรับ ไม่ได้สนใจฉันอีก ยื่นนิ้วมาจิ้มรูปโปรไฟล์ของฝรั่งคนนั้นที่เป็นรูปตัวการ์ตูนหน้ายิ้มหน้าตาเฉย

ฉันเกือบจะโวยวายอยู่แล้วว่ามาวุ่นวายอะไร ทว่าพอธารกดรูปโปรไฟล์แล้วเข้าไปที่หน้าโฮมเพจของฝรั่งคนนั้น รูปการ์ตูนหน้ายิ้มก็กลายเป็นรูปชายหนุ่มชาวตะวันตกรูปร่างสูงใหญ่ มีหนวดเคราอ่อนๆ และตาสีน้ำตาลอ่อน แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับฝรั่งคนนี้หล่อมาก หล่อโคตร หล่อที่สุดในโลกหล้า จากตอนแรกที่ตัดสินใจว่าจะปฏิเสธ ตอนนี้เลยกลายเป็นดึงโทรศัพท์ออกห่างธาร แล้วมานั่งดูรูปคนเดียวอย่างใจจดใจจ่อเป็นวรรคเป็นเวร ทำเอาธารมองด้วยสายตาขุ่นๆ แล้วถามออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นฉันเอาแต่ส่งเสียงอู้อ้าอยู่คนเดียว

“เป็นอะไรของมึงวะไอ้ไม้”
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่เห็นผู้แล้ววารีดำเนิน” หลุดปากพูดไปตามเรื่อง ทำเอาธารเบ้หน้าหนักเข้าไปใหญ่ ก่อนจะเมินฉันแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ

ทว่ายังไม่ทันที่ธารจะได้ลุกไป ฝรั่งคนนั้นก็ส่งข้อความมาอีก

‘I’m Martin. What’s about you? (ผมชื่อมาร์ตินนะครับ คุณล่ะชื่ออะไร)‘
อันนี้แปลได้ แต่ปัญหาก็คือ จะตอบว่าชื่ออะไรดีให้ดูอินเตอร์

ไม้นี่ตัดไปได้เลย ฉันทิ้งอดีตไปนานมากแล้วค่ะ ส่วนมายด์นี่... มันก็โอเคอะ แต่ไม่อินเตอร์เลย อีกฝ่ายชื่อมาร์ติน งั้น...ชื่อมาการ์เร็ตแล้วกัน ชื่อเล่นชื่อมาร์กี้ไรงี้

แต่สะกดยังไงล่ะ?

สายตามองไปยังธารทันที ก่อนจะรีบพุ่งไปคว้ามันเอาไว้ก่อนที่มันจะได้หายเข้าไปในห้องน้ำ
“อะไรของมึงอีก” ธารถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่ฉันไม่สนใจแล้ว ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้ามันรัวๆ
“มึงช่วยกูสะกดชื่อหน่อยสิ มาการ์เร็ตกับมาร์กี้สะกดยังไงวะ”
แทนที่มันจะรีบๆ ช่วยสะกด ฉันจะได้รีบอ่อยผู้ มันดันถามขึ้นมาอีก
“ชื่อใครวะนั่น”
“ชื่อกู”
“มึงชื่อไม้ ไม่ก็มายด์ไม่ใช่หรือไง”
“ตอนนี้กูเปลี่ยนแล้ว จะมีผัวฝรั่งทั้งทีก็ต้องเปลี่ยนให้เข้ากัน มึงก็อย่าลีลาได้มั้ย ช่วยกูสะกดหน่อย” ฉันเริ่มหัวเสียบ้างละ ขณะที่ธารทำหน้าเย้ยหยันสุดชีวิต ก่อนจะว่าออกมาขำๆ
“ได้ข่าวว่ามึงเพิ่งถูกทิ้งมาไม่ใช่เหรอวะ นี่แรดจะมีผัวใหม่ละ?”

จู่ๆ ก็พูดแทงใจดำฉันขึ้นมากะทันหัน ทำเอาฉันหันไปยื่นปากใส่ ก่อนตีเข้าที่แขนมันไม่แรงนักทีนึง พร้อมกับขู่เสียงแหลม
“ตกลงมึงจะช่วยสะกดหรือไม่ช่วยฮะ ถ้าไม่ช่วย กูชวดผัวฝรั่ง กูจับมึงทำผัวนะ ไม่อยากได้เมียเพิ่มไปตบตีกับเจ้เหนืออีกคนก็ช่วยสะกดซะที!”
“อะไรของมึงวะ” ธารบ่นพึมพำ แต่ก็ยอมพิมพ์ชื่อภาษาอังกฤษให้ฉันแต่โดยดี

พิมพ์เสร็จก็ส่งคืน ฉันรอมาร์ตินตอบอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็พิมพ์เป็นภาษาไทยแบบคาราโอเกะกลับมา

‘Yin dee tee dai roo chak krab (ยินดีที่ได้รู้จักครับ)’

เอ้า! รู้ภาษาไทยนี่หว่า คราวนี้ก็หวานหมูเลยค่ะ คุยได้สะดวก ไม่ต้องพึ่งสกิลภาษาอังกฤษของไอ้ธารมันละ

“มึงจะไปไหนก็ไปไป๊ กูจะคุยกับว่าที่ผัว” ได้ทีก็ออกปากไล่ไอ้ธารทันที
ธารก่นด่าฉันกระปอดกระแปดแล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ฉันนั่งคุยกับมาร์ตินเพียงลำพัง
 



บอกเลยว่าไม่ได้นอน... คุยกับผู้ฝรั่งจนไม่ได้หลับได้นอน แชทกันจนสว่างคาตา ขนาดไอ้ธารตื่นมาตอนเที่ยง ฉันยังคุยกับมาร์ตินไม่หยุดเลย แหม ก็มาร์ตินทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ขนาดบอกไปตามตรงว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแท้ ๆ เขายังคุยกับฉันต่อ แถมยังชมฉันว่าสวยไม่หยุด อย่างนี้จะไม่ให้อยากคุยด้วยได้ยังไง

อยากรู้ล่ะสิว่าพ่อหนุ่มมาร์ตินเป็นใคร เดี๋ยวสรุปให้ฟังก่อน มาร์ตินเนี่ย เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย - อเมริกัน อายุอานามได้สิบเก้าปี อ่อนกว่าฉันตั้งสองปีแน่ะ นางเพิ่งกลับมาจากอเมริกาหมาด ๆ และเพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน พูดไทยได้แต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ส่วนที่เห็นเล่นแอพฯ หาคู่นี้ก็เพราะอยากจะหาเพื่อน

คือ... มันก็เป็นโปรแกรมแชทที่เอาไว้หาเพื่อนนั่นแหละ แต่ฉันเรียกว่าโปรแกรมแชทหาคู่เพราะจุดประสงค์ฉันมันเป็นแบบนั้นน่ะ ซึ่งโปรแกรมนี่มันแสดงระยะทางเพื่อนที่อยู่ใกล้กับจุดที่เราอยู่ให้เห็น มาร์ตินก็เลยมาเจอกับฉัน

คราวนี้คุยกันถูกคออย่างเดียวไม่พอ มาร์ตินยังอยากจะเจอฉันด้วย สถานที่แรกที่เรานัดกันก็คือโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ฉันเลยตกปากรับคำอย่างไม่รีรอ ทว่าจะให้ฉันไปคนเดียว มันก็อันตรายใช่มั้ยล่ะ

อันตรายกับสาวน้อยแสนบอบบางอย่างฉันเพราะมาร์ตินอาจจะทำมิดีมิร้ายฉันได้น่ะเหรอ? หึ... เปล่า อันตรายสำหรับมาร์ตินต่างหาก ฉันล่ะกลัวจะอดใจไม่ไหว จับมาร์ตินยัดเยียดตำแหน่งสามีให้เหลือเกิน

ด้วยความที่กลัวใจตัวเองเพราะตอนที่คุยกับมาร์ติน ฉันดันไปแอ๊บไว้ว่าเป็นสาวน้อยแสนบอบบางไว้ซะเยอะ สุดท้ายก็เลยต้องลากธารที่บ่นอยากจะกลับห้องไปเป็นเพื่อนจนได้ ไม่ใช่ให้มันไปคอยห้ามนะ ไปให้มันช่วยแปลให้เผื่อว่าฉันกับมาร์ตินจะสื่อสารกันผิดพลาดถึงมาร์ตินจะพูดไทยได้ก็เถอะ แต่เพื่อความชัวร์ เผื่อมีชวนขึ้นห้องอิ๊อ๊ะ จะได้ไม่พลาด

ธารมันก็ไม่ยอมไปด้วยหรอกตอนแรก แต่พอเห็นฉันบีบน้ำหูน้ำตา มันก็ยอมตามมาด้วยอย่างไม่มีทางเลือก ส่วนตอนนี้มันก็ทำหน้าบูดไปแล้วระหว่างที่ฉันนั่งรอมาร์ตินมาตามนัด ฉันก็ไม่สนใจมันหรอก เอาแต่ส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง เมื่อเห็นว่าสวยเข้าที่แล้ว สายตาก็ปราดมองหามาร์ตินทันที ก่อนจะเบิกตาโพลงจนปลายขนตาปลอมกระแทกเปลือกตาเมื่อเห็นร่างสูงของหนุ่มชาวตะวันตกเดินตรงเข้ามา พลางมองหาฉันเป็นการใหญ่

อะ...โอ้ว! แม่เจ้า! หล่อมาก! ในรูปว่าหล่อแล้ว ตัวจริงนี่หล่อกว่ามาก หล่อบาดตาบาดใจ หล่อไม่เผื่อแผ่ใคร ชะนี เก้ง กวางรอบข้างคือโฟกัสไปที่นางคนเดียว

หูย... น้ำลายไหลหนักมาก ไอ้ธาร ขอกระโถนมารองน้ำลายหน่อยซิ!

ผิดสิ! ต้องทำตัวให้สมเป็นกุลสตรีต่างหาก อุตส่าห์ไปคุยไว้แล้วว่าเป็นคนขี้อายหนักมาก แถมเรียบร้อยมาก เอากระถงกระโถนมา เดี๋ยวได้รู้ตัวตนที่แท้จริงกันพอดี

“เหยื่อมึงมาแล้วนั่น” ธารที่เห็นมาร์ตินเหมือนกันว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ส่วนฉันก็หันไปถามมันเร็ว ๆ
“ไอ้ธาร กูสวยหรือยังวะ”
“เออ” ธารกระแทกเสียงให้ฉันหันไปมอง หน้าตามันบอกชัดเจนเลยว่าตอบส่ง ๆ ไปงั้น

แต่ฉันไม่สนใจแล้วล่ะ นอกจากโบกมือขึ้นทักทายมาร์ตินนิด ๆ เมื่อเขาปรายตามาทางฉันพอดี
“Hi, Margie (ไงมาร์กี้)” ทักซะเสียงดังด้วย ทำเอาทุกสายตาหันมามองฉันอย่างอิจฉาทันที
หึ ก็นี่แหละนะ สวยมาก แถมท่ายากเยอะ ผู้จะติดก็ไม่แปลก
“ไฮมาร์ติน” ฉันก็ทักทายกลับ

มาร์ตินยกยิ้ม แล้วเดินตรงมาหา ก่อนจะถามไปตามเรื่อง
“Nice to meet you in real. How are you? (ดีใจจังที่ได้เจอตัวจริง สบายดีมั้ยครับ)” ถามไปก็ยิ้มไป รอยยิ้มนี่บาดใจสุด ๆ แต่...

โอ้โห มึงพูดอะไรเร็วขนาดนั้น กูฟังแทบไม่ทันเลยเนี่ย ดีนะฟังประโยคหลังออก เลยรีบตอบกลับไปด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงไทยน่ารักกรุบกริบตามแพทเทิร์นที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก

“แอมฟาย แต๊งกิ้ว แอนด์ยู้?”
“I’m good. Thank you (ดีครับ ขอบคุณที่ถามนะ)”
“แต๊งกิ้วทีชเช่อร์”

อะ...อันนี้เผลอพูดด้วยความจำแม่นและคุ้นเคย ทำเอาธารที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่หันมามองฉันด้วยสายตาระอา แล้วก็หันหนีไปอีกฝั่งทันที

มึงนี่จะช่วยกูแก้ต่างหน่อยก็ไม่ได้ ใช่ซี่! ภาษาอังกฤษกูไม่แข็งแรงเหมือนมึงนี่ เดี๋ยวเถอะนะ ถ้ากูพลาดฝรั่งล่ะก็ จะจับมึงทำผัวจริง ๆ !

ดีที่มาร์ตินไม่ถือสา พอเห็นฉันพูดตอบกลับไปอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน พลันทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“มาร์กี้นี่ตลกดีนะครับ”

โอ๊ะ! พูดไทยชัดแจ๋วเลยค่า รู้อยู่แล้วล่ะว่าพูดไทยได้ ไม่อย่างนั้นจะพิมพ์ภาษาไทยแบบคาราโอเกะมาได้เหรอ

ว่าแต่ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกยะ จะมาไฮมาเฮยอะไร!

หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-06-2016 22:41:17
น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: มายเนมอีส ‘มาร์กี้’ [2]

หงุดหงิดไปนิด แต่ช่างเถอะ หล่อคือให้อภัยได้ อีกอย่าง ฉันต้องสำรวมกิริยามารยาทให้สมกับเป็นกุลสตรีไทย จะมาโวยวายเสียงดังเหมือนตอนคุยกับเพื่อนนี่ไม่ได้ค่ะ ฝรั่งจะได้ตกอกตกใจหมด

ทักทายกับฉันเสร็จ มาร์ตินก็หันไปทักทายกับธาร ธารพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อ สำเนียงอะไรก็ไม่ได้ดีนักหรอก แต่ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวกับคนที่ไม่เคยไปเรียนเมืองนอกเมืองนาอย่างมัน แถมเมื่อก่อนยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับภาษาอังกฤษด้วย เรียกได้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ธารมันพยายามเพื่อเจ้เหนือมากเลยทีเดียว

แต่ก็ช่างหัวมันค่ะ ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจรักแท้ทำได้ทุกอย่างของเพื่อน ที่ต้องสนใจคือฝรั่งตรงหน้าต่างหาก ขณะที่มาร์ตินทักทายกับธารเสร็จ ก็ถามขึ้นมาเป็นภาษาไทยหน้าตาเฉย

“นี่ your boyfriend เหรอมาร์กี้”
ฉันถึงกับสะดุ้ง คนสะดุ้งกว่าคือธาร ก่อนที่ฉันจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“โน ๆ จัสท์เฟรนด์ค่ะมาร์ติน มาร์กี้ยังไม่มีแฟนค่ะ โนบอยเฟรนด์น่ะ อันเดอร์สแตนด์?”
มาร์ตินพยักหน้ารับ ส่งยิ้มหวานให้
“ไอก็นึกว่าธารเป็นบอยเฟรนด์”
“อู๊ย บอยฟงบอยเฟรนด์อะไรกัน ไม่มี้!” เผลอปฏิเสธเสียงสูงไปซะได้ ท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยตามฉบับสาวหวานหายไปในเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบกลับมาสำรวมท่าทีอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถูกสายตาเหนื่อยหน่ายของธารจ้องมอง

ดีที่มาร์ตินโพล่งขึ้นเรียกความสนใจไปอีกครั้ง ฉันถึงได้หลุดจากสายตาปรามาสของธารมาได้
“ว่าแต่มาร์กี้ตัวจริงไม่ค่อยเหมือนในรูปเลยนะครับ”
“จะไปเหมือนได้ไง ก็มันแต่งรูปซะเกินตัวจริงขนาดนั้น” ไม่ทันจะได้ตอบ ธารก็ว่าอุบอิบขึ้นมาแล้ว ฉันเลยกระทุ้งศอกเข้าสีข้างมันเต็ม ๆ เพื่อให้มันเงียบปาก
มันหันหน้ามามองฉันตาขวางนิดนึง ส่วนฉันก็รีบแก้ต่างเป็นพัลวัน
“คือ...กล้องมันไม่ค่อยดีน่ะค่ะ ถ่ายออกมาแล้ว ภาพมันมัว ๆ สงสัยวันหลังคงต้องไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ละ” แล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนไปตามเรื่อง

รูปมัวบ้าบออะไรล่ะยะ! แต่งรูปซะฟุ้งขนาดนั้น ใช้แอพฯ แต่งรูปล้วน ๆ เลยเถอะ

“มึงโดนเทแน่”
ไอ้บ้าธารก็พูดขึ้นมาไม่ได้รู้จังหวะ ฉันเลยกระทุ้งศอกตามไปอีกทีด้วยกลัวว่ามาร์ตินจะได้ยิน หากทว่ามาร์ตินก็พูดในสิ่งที่ฉันไม่ได้คาดคิดขึ้นมา
“แต่ไอว่าตัวจริงยูดูดีกว่าในรูปนะ... สวย”

ขยี้หูแทบไม่ทัน กลัวว่าจะฟังผิดว่ามาร์ตินพูดอะไร แต่เหลือบไปเห็นสีหน้าธารที่เบ้หน้าเหยเกใส่แล้ว ดูท่าจะฟังไม่ผิด
“ตะ...แต๊งค์กิ้วเวรี่มัช” ตอบไปด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยนสุด ๆ ทว่าในใจนี่ระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำไปแล้ว

ธารคงจะหมั่นไส้ จู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาซะอย่างนั้น
“มึงได้เพื่อนใหม่แล้ว กูกลับหอก่อนแล้วกัน มะรืนนี้กูมีสอบอีกตัว”
ฉันรีบคว้ามันไว้แทบไม่ทัน ทำเอาธารทรุดลงนั่งดังเดิมอีกระลอก
“อย่าเพิ่งไปสิวะ อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน” แล้วก็กระซิบกระซาบข้างหูมัน
“จะให้กูอยู่เป็นก้างขวางคอมึงทำไม”

ก็พูดถูกของมัน ฉันก็ไม่อยากให้มันอยู่คอยส่งสายตาน่ารำคาญระหว่างที่ฉันก้อร่อก้อติกกับมาร์ตินนักหรอก แต่ต้องไม่ใช่วันแรกที่ฉันได้เจอกับมาร์ตินสิยะ! ถ้าเกิดฉันหลุดแอ๊บแตกขึ้นมาก่อนจะได้จิ้มพริกจิ้มเกลือกับฝรั่ง มันจะได้ช่วยเตือน ๆ ได้ทัน

แต่ไม่ต้องพูด ธารก็คงรู้แล้วล่ะว่าฉันให้มันอยู่ด้วยทำไมเมื่อมาร์ตินเริ่มร่ายยาวถึงรายการเที่ยวที่ฉันรับปากกับเขาว่าจะพาไปทัวร์โดยที่ไม่ได้ปรึกษาธารเลยสักนิด

สรุปเลยกลายเป็นว่า วันนั้นฉันเป็นไกด์ให้มาร์ตินทัวร์ละแวกมหาวิทยาลัย และตะลอนยาวไปยังบรรดาผับในซอยข้างมหาวิทยาลัยด้วย ธารที่ถูกลากมาแบบไม่เต็มใจเลยต้องนอนค้างที่หอฉันอีกคืน วันใหม่ถึงได้กลับไปหอตัวเองเพราะมันมีสอบในวันรุ่งขึ้น ฉันก็อยากจะรั้งมันไว้อยู่หรอก แต่ดูท่าทางแล้ว ถ้าไม่ยอมปล่อยมันไป มันคงไม่รีรอที่จะกระทืบฉันโชว์ฝรั่งเป็นอะเมซิ่งไทยแลนด์แน่นอน

ทว่ามันกลับไปก็ดี ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องให้มันคอยเตือนแล้วล่ะว่าต้องระมัดระวังมารยาท ก็ตอนนี้น่ะฉันพอจะคุ้นเคยกับการวางตัวแบบนี้แล้วน่ะสิ มิหนำซ้ำ มาร์ตินยังเชื่อสนิทใจด้วยนะ ว่าฉันน่ะ...

“มาร์กี้นี่เรียบร้อยจังนะครับ ตอนแรกไอนึกว่ายูจะเป็น party girl ซะอีก”
“แหม ไม่หรอกค่ะ ปกติแล้วไอไม่ค่อยเที่ยวหรอก เพราะยูบอกว่าอยากลองเที่ยวผับเมืองไทยหรอกนะ ไอถึงมากับยูด้วย”
จีบปากจีบคอว่า ตอนนี้เรียกแทนตัวเองว่าไอ เรียกแทนมาร์ตินว่ายูตามเขาไปแล้วเรียบร้อย และที่ฉันบอกว่ามาร์ตินอยากลองเที่ยวผับเมืองไทยน่ะ อันนี้ฉันไม่ได้พูดไปเอง ไม่ได้ชวนเขาก่อนด้วย เขาเป็นคนเสนอ ฉันก็เลยจัดการพาทัวร์ไปทั่วทั้งละแวกมหาวิทยาลัยของธาร ทั้งมหาวิทยาลัยของฉัน สำหรับคืนนี้ เราก็มาแถวถนนข้าวสารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ชอบตระเวนราตรี

มาร์ตินดูร่าเริงเป็นพิเศษที่เห็นเชื้อชาติคล้าย ๆ ตัวเองเต็มไปหมด ส่วนฉันก็หูตาแพรวพราวเลยค่า ฝรั่งหล่อบอกต่อด้วยละลานตาไปหมด อยากจะเข้าไปแกล้งเมาแล้วเต้นนัวเนียมั่วนิ่มลวนลามเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ในเมื่อมีมาร์ตินอยู่ตรงนี้ ได้แต่นั่งกระมิดกระเมี้ยน วางท่าเสมือนสาวน้อยไร้เดียงสาที่ไม่เคยมาผับชนิดที่ผู้คนเต้นกันหูดับตับไหม้อย่างนี้มาก่อน

“มาร์กี้ไม่สนุกเหรอ ยูดูไม่ค่อยร่าเริงเลย” มาร์ตินที่โยกซ้ายทีขวาทีไปตามจังหวะดนตรีร้องถามฉันเมื่อเห็นฉันเอาแต่ยืนนิ่ง
“คือ...ไอไม่ค่อยได้มาที่ที่คนเยอะ ๆ แบบนี้น่ะ เลยไม่ค่อยคุ้นที่”

ใช่ที่ไหนล่ะ ภาพตอนเมาหัวราน้ำ กอดโถส้วมอ้วก หรือตอนเมาแล้วแอ๊วผู้ชายไปเรื่อยฉายขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ เลย แต่ถ้ามาร์ตินรู้ว่าฉันคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ แล้วก็ไม่ใช่สาวน้อยใสซื่อ มีหวังคงได้หนีเตลิดแน่

การแอ๊บแบ๊วเรื่อยเปื่อยของฉันดำเนินไปอย่างราบรื่น หากแต่มันเริ่มไม่ราบรื่นเมื่อพอเริ่มดึก ผู้คนเริ่มคึกคักเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ จากตอนแรกที่สนุกกับการนั่งมองมาร์ตินเฉย ๆ ตอนนี้ก็ชักจะไม่สนุกละเมื่อเริ่มมีผู้หญิงบางคนเข้ามาเต้นกระแซะมาร์ตินเป็นการใหญ่

หน็อย นังพวกนี้ เดี๋ยวแม่ก็จระเข้ฟาดหางเรียงตัวซะหรอก!

หมั่นไส้แรงแต่ก็ต้องเก็บอาการ เดี๋ยวมาร์ตินจะตกใจ แต่เหมือนมาร์ตินจะรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ก่อนจะถอยห่างจากผู้หญิงพวกนั้น เดินเข้ามาใกล้ ๆ ฉันแล้วกระซิบที่ข้างหู

“ไม่ต้องห่วง ไอไม่ไปยุ่งกับคนอื่นหรอก วันนี้ไอมาเดทกับยูนี่”
ฉันถึงกับยิ้มกว้าง จริง ๆ ไม่ได้คุยกันแต่แรกว่ามาเดท แค่ตกลงกันว่าจะมาเที่ยวกันตามประสาเพื่อนเฉย ๆ ทว่าพอสถานการณ์มันพลิกแบบนี้ ฉันก็แทบจะกระโดดจูบมาร์ตินทันใด

ไม่... ไม่แค่จูบด้วย จะลากเข้าห้องน้ำแล้วยัดเยียดความเป็นภรรยาให้

แต่เอาไว้ก่อน เดี๋ยวตกใจจนหนีกลับบ้าน สุดท้ายก็ได้แต่กระมิดกระเมี้ยนทำทีเป็นเขินอายตามเคย

ส่วนตอนนี้ มาร์ตินไม่ปล่อยให้ฉันนั่งมองเฉย ๆ แล้วล่ะ ลากฉันไปเต้นด้วย ฉันก็ทำเป็นบอกว่าเต้นไม่เป็น แต่พอดนตรีมาเท่านั้นแหละ เผลอใส่ไม่ยั้งไปเหมือนกัน มาร์ตินดูสนุกกว่าเดิมที่เห็นฉันให้ความร่วมมือ ทุกอย่างดำเนินไปคล้ายว่าจะดีถ้าหากว่าจู่ ๆ เขาไม่ถูกใครบางคนเซมาชนเข้า

“Ouch! What the fuck!? (โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!)”
ฝรั่งหน้าตาเมาได้ที่คนนึงร้องลั่นเมื่อหันมาเห็นมาร์ติน มาร์ตินรีบขอโทษขอโพยทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผิด ดูท่าทางเขาไม่อยากจะมีเรื่องกับคนเมาสักเท่าไหร่ แล้วแทนที่เรื่องจะจบลงแค่นั้น ฝรั่งบ้านั่นกลับถลาเข้ามาหามาร์ตินแล้วกระชากคอเสื้อซะงั้น
“Are you looking for trouble!? (อยากมีเรื่องหรือไงวะ!?)”

ตามมาด้วยประโยคที่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปในทางที่ดีสักเท่าไหร่เพราะได้ยินแต่มาร์ตินร้องบอกซอรี่ ๆ แล้วก็โน ๆ คล้ายว่าอยากให้เรื่องจบ อะไรไม่ว่า ไม่ใช่แค่ฝรั่งขี้นกคนนั้นคนเดียว ยังมีเพื่อนมันที่เมาพอกันโผล่มาอีก โผล่มาอย่างเดียวไม่พอ ผลักอกมาร์ตินด้วย ทำเอารอบข้างแตกตื่นกันไปทันที ส่วนฉันก็กำมือแน่น รีบถลาเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ ว็อทอาร์ยูดูอิ้ง?” ภาษาอังกฤษสเน็ก ๆ ฟิช ๆ หลุดออกจากปากฉันทันที
มาร์ตินที่เพิ่งตั้งหลักได้รีบคว้าแขนฉัน พลันบอกเร็ว ๆ
“ไปจากที่นี่กันเถอะ ท่าทางจะไม่ค่อยดีแล้ว”
ไม่พูดเปล่า ยังดึงฉันออกไปจากตรงนั้นด้วย ฉันก็กะจะจบแค่นั้น แต่ไอ้ฝรั่งสองคนนั้นดันไม่จบ เดินตามพวกเราออกมาถึงนอกร้าน ซ้ำยังคว้าอะไรสักอย่างปามาโดนท้ายทอยของมาร์ตินอีก

มาร์ตินอุทานเบา ๆ ฉันรีบหันไปมองตามต้นเสียงก็เห็นว่าสิ่งที่ถูกปามาโดนมาร์ตินนั้นคือรองเท้า...
รองเท้าตราช้างดาว เมด อิน ไทยแลนด์นี่แหละค่า!

เท่านั้น ความอดทนของฉันก็ถึงขีดสุด ยิ่งหันไปเห็นฝรั่งสองคนนั้นหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานด้วยแล้ว ฉันก็ผละจากมาร์ติน เดินอาด ๆ ไปทางสองคนนั้นทันที

จะทำอะไรใครก็ทำได้ แต่มาเอารองเท้าขว้างใส่ว่าที่สามีของฉันไม่ได้!

มาร์ตินทำท่าจะร้องห้าม แต่ไม่ทันแล้ว เดินไปถึงพวกมันได้ ฉันก็จัดการถลกกระโปรงมินิสเกิร์ตขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อย ก่อนจะฟาดหน้าแข้งเข้าไปปะทะกับสีข้างคนที่เป็นตัวการในการขว้างรองเท้ามาทันใด

เสียงดังอั้กจากปากฝรั่งนั่น กับเสียงล้มลงไปกองกับพื้นดังตุ้บตามมาแทบจะในทันใด ตอนนี้ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะว่าต้องแอ๊บเป็นกุลสตรีไทย

ธาตุแท้โผล่มาหมดเพราะไอ้บ้าพวกนี้เนี่ย!

"What the hell are you doing! (ทำเวรอะไรวะ!)

คนที่ถูกฉันเตะอัดสีข้างจนล้มไปกับพื้นตะโกนลั่นเมื่อได้สติ หน้าแดงๆ จากความมึนเมาของมันดูแดงยิ่งกว่าเดิมอีก คนรอบข้างก็มามุงมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกันที่จู่ๆ ก็เห็นฉันปรี๊ดแตก สวมวิญญาณไอ้ไม้ กระเหรี่ยงทมิฬ ฉายานักมวยงานวัดเก่าเตะอัดฝรั่งตัวเบิ้มทีเดียวทรุดไปกองกับพื้น

แต่ฉันไม่สนใจอะไรแล้วล่ะ ก็ฝ่ายนั้นมันทำท่าจะเข้ามาทำร้ายมาร์ตินของฉันก่อนนี่ จะปกป้องผู้ของตัวเอง แล้วมันผิดตรงไหน!
พอเห็นเพื่อนตัวเองถูกหน้าแข้งอันปราศจากขนทุกเส้นของฉันฟาดจนล้มไปกับพื้น ฝรั่งอีกรายก็หันมามองหน้าฉันเขม็ง ก่อนจะตะคอกใส่ด้วยท่าทางมึนเมาไม้แพ้กัน

"Are you fucking kidding me!? (นี่ล้อกันเล่นใช่มั้ยฮะ!?)

ฟังไม่ออกเลยค่า!

แต่ช่างมัน ไม่สนแล้ว เห็นมันถลาเข้ามา ฉันก็ตั้งการ์ด เตรียมรับมือทันใด ก่อนที่มันจะยื่นมือมากระชากคอเสื้อฉัน เดชะบุญที่ฉันหลบทัน พอได้จังหวะเลยเตะอัดทันเข้าไปที่ข้อพับขาจนเซไปอีกทาง

"Ouch! Fuck you! (โอ๊ย! ไอ้เวรเอ๊ย!)
อันนี้ฟังออกค่ะ ฉันเลยแผดเสียงกลับไปลั่น
"โอ้เยส! ฟัคมีฮาร์ดแอนด์ฮาร์ดเดอร์! (ได้! เอาฉันแรงๆ เลย)"

มันด่าแหละ รู้ด้วยว่าแปลว่าอะไร ฟัคยูเป็นคำสบถหยาบคายของฝรั่ง ในขณะเดียวกันก็แปลว่ามีเพศสัมพันธ์ได้แต่หยาบคายมาก
และที่ฉันพูดไปอย่างนั้นก็เพราะจงใจจะกวนประสาทมันไง สองเท้าก็กระโดดเหย็งไปมา ตั้งท่าจะอัดมันซ้ำถ้ามันพุ่งเข้ามาด้วย
อีกฝ่ายกัดฟันกรอด คว้าเอาขวดเบียร์ที่ตั้งอยู่บนพื้นมาถือในมือมั่น ก่อนจะทุบกับพื้นจนแตก กลายเป็นขวดปากฉลาม แต่บอกเลย มาทำตัวเป็นกุ๊ย ใช้อาวุธกิ๊กก๊อกอย่างนี้ น้องมาร์กี้ก็ไม่หวั่นหรอกค่ะ เจอมาเยอะละพวกนักเลงงานวัด เดี๋ยวแม่จะกระทืบให้น่วมเลยคอยดู!

มาร์ตินเห็นท่าไม่ดี เลยรีบปรี่เข้ามาห้าม จะเอาตัวมาบังฉันไว้ ฉันเลยรีบคว้าแขนล่ำของเขาเอาไว้ก่อน แล้วออกแรงดึงเขากลับไปหลบหลังฉันตามเดิม พร้อมกับสั่งเสียงหวาน

"มาร์ติน มายดาร์ลิ้ง ยูสเตย์เฮีย ไอวิลล์เล็ทยูฟัคมีเลเตอร์ บัทฮาร์ดแอนด์ฮาร์ดเดอร์ทู โอเค้? (มาร์ตินที่รัก อยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวฉันจะพลีกายให้ทีหลังนะคะ แต่ขอแรงๆ เหมือนกันนะ โอเค้?)"

มาร์ตินเหวอกินไปเลย แต่ฉันไม่มีเวลาจะมาสนใจอะไรแล้ว ตอนนี้ต้องเตรียมรับมือไอ้พวกนี้อย่างเดียว ดูท่าทางอีกไม่นานคงจะโดนรุม

ทว่ายังไม่ได้ทำอะไรมัน หรือพวกมันทำอะไรฉัน การ์ดของผับก็ออกมาห้ามซะก่อน ตามด้วยตำรวจที่ดูแลความเรียบร้อยในบริเวณนั้น ทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงตรงที่ตำรวจพวกนั้นพาฝรั่งสองคนนั่นไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก ส่วนฉันก็รอดพ้นคุกพ้นตะรางในข้อหาทำร้ายร่างกายมาได้เพราะมีพยานช่วยยืนยันว่าพวกฉันถูกหาเรื่องก่อน

และตอนนี้ฉันก็พามาร์ตินมานั่งพักอยู่ข้างทางโดยไม่พูดอะไรกันสักแอะ มาสำนึกได้แล้วล่ะว่าก่อนหน้านี้ ไอ้ที่แอ๊บแบ๊วมาตลอดมันหลุดไปหมดแล้ว ที่สำคัญ มาร์ตินยังมีหน้ามาถามฉันอีก
“มาร์กี้เคยเป็นนักมวยมาก่อนเหรอ”

ฉันสะดุ้ง หันไปมองหน้าหล่อ ๆ นั่นก่อนจะพยักหน้ารับไปอย่างจำนน

ตายแล้วอีมาร์กี้! งานนี้คงได้ชวดหนุ่มฝรั่งแล้วล่ะ ดูหน้ามาร์ตินสิ ตอนบอกว่าฉันเคยเป็นนักมวยก็ทำหน้าแบบไม่น่าเชื่อขึ้นมา เดี๋ยวอีกสักพักคงหนีหน้าหายต๋อมไปแน่ ๆ

หากแต่ผิดคาดเมื่อจู่ ๆ เสียงหัวเราะของมาร์ตินก็ดังขึ้น รอยยิ้มก็ผุดพรายบนใบหน้าหล่อ
“เหลือเชื่อเลยแฮะ ไม่คิดว่าคนสวย ๆ อย่างมาร์กี้จะต่อยมวยเป็นด้วย มิน่าล่ะ แขนกับขาถึงได้มีกล้ามแน่นไปทั้งตัว วันหลังยูมาสอนไอบ้างสิ ไอสนใจมวยไทยนะ กะว่าถ้ามีโอกาสก็อยากลองเรียนดูเหมือนกัน”

ว้าย! ไม่นกค่า! เข้าทางผู้อีกต่างหาก ใครจะไปรู้ว่ามวยไทยที่ฉันร่ำเรียนมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกจะมีประโยชน์ในการจีบผู้ขนาดนี้
ฉันรีบพยักหน้ารับทันที ก่อนที่มาร์ตินจะหัวเราะในท่าทางของฉันอีกครั้ง แล้วว่าเบา ๆ

“แล้วก็... ไม่ต้องแสร้งทำตัวเป็นคนอื่นหรอกนะ เป็นอย่างที่มาร์กี้เป็นน่ะดีแล้ว ไอชอบแบบธรรมชาติ”
เอ๊ะ? นี่กำลังสารภาพรักใช่มั้ย?
หันไปมองหน้ามาร์ตินที่ยังจ้องหน้าฉันพลางยิ้มให้ไม่เลิก ฉับพลันใบหน้าฉันก็ร้อนวูบขึ้นมา

อา... อยากจะร้องเพลง My pretty boy ของวง M2M ขึ้นมาทันใด

โอ้มายพริตตี้ พริตตี้บอย ไอเลิฟยู ไลค์ไอ เนเวอร์ เอเวอร์ เลิฟ โนวัน บีฟอร์ยูว์...

ร้องในใจไปแม่งเลย หลบสายตาคู่นั้นไม่ได้ด้วย หูย... ส่งสายตาหวานเยิ้มมาขนาดนี้ ต้องได้เป็นผัวแล้วค่า!

เห็นให้ท่ามา ฉันก็เลยไม่รอช้า รีบอ่อยทันใด
“งั้น... ยูอยากกลับหรือยัง ดึกแล้วนะ”

กลับไปห้องของน้องเอง ไม่ใช่ห้องนาง แต่จะให้ฉันไปห้องมาร์ตินก็ได้ อันนี้ไม่เกี่ยง

ส่วนมาร์ตินก็พยักหน้า ลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะเดินไป ทว่าก็ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาดูเวลาที่เกือบจะเที่ยงคืนเสียก่อน พลันว่า
“แต่มันดึกแล้ว ถ้าจะกลับก็คงต้องนั่งแท็กซี่อย่างเดียว ตอนนี้ไอเริ่มเมาแล้วด้วย งั้นเรา... เปิดห้องที่เกสเฮ้าส์กันมั้ย”

หัวสมองมึนงงไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดนี้

มะ...เมื่อกี้ผู้ชายชวนเปิดห้องใช่มั้ย!?

โอ๊ย! แล้วจะรออะไรล่ะคะ ไปสิคะไป!

ถลาเข้าไปคล้องแขนมาร์ตินทันที ก่อนจะรีบออกเดินอย่างรวดเร็ว
“ไปด่วนเลยค่า เดี๋ยวไอเปย์เอง!”

ในเมื่อมาร์ตินบอกไม่ต้องแอ๊บ ก็ไม่ต้องท่ามากอะไรแล้วล่ะ
ลากผู้ชายไปตามถนน หูก็ได้ยินเสียงมาร์ตินหัวเราะร่วน พร้อมกับคำพูดเบา ๆ
“You are so lovely. (คุณนี่น่ารักดีนะ)”

น่ารักก็รักเลยสิคะ! แหม ถึงขนาดนี้แล้ว รักเถอะ!

รักหรือไม่รักก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ ๆ คืนนี้มีลุ้น ถึงจะไม่ได้เสียเป็นคู่ผัวตัวเมีย แต่บอกเลยค่ะว่า...

ไม่นกแล้วค่า!

เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วดี ไม่เชื่อดูผู้ที่ได้มาการันตีความเฮง ต่อไปนี้ห้ามใครเรียกไอ้ไม้หรือน้องมายด์ ทุกคนต้องเรียกชื่อใหม่เท่านั้น เพราะ...

มายเนมอีสมาร์กี้

เคลียร์นะ จบปิ้ง!
-----------------------------------
มาเต็มตอนสักที ตอนพิเศษน้องมายด์นี่แอบยาวนะ 555
ไว้เดี๋ยวหลังจากนี้จะมาแปะรายละเอียดการจอง กับตัวอย่างตอนพิเศษที่มีในเล่มอีก 5 ตอนให้นะคะ
ส่วนเซ็ทนิยายที่มีตัวละครจากเรื่องนี้ จะเป็นเซ็ท 'พี่น้องสามจอม' มี 3 เล่ม เล่มเดียวจบทุกเรื่อง คาดว่าจะออกปีหน้าค่ะ ปีนี้เขียนไม่ทันละ โปรเจ็กต์เยอะ
มี...
- คุณพ่อจอมแสบ (พี่แสบ)
- สะบายดีจอมดื้อ (พี่ดื้อ)
- เจ้าจอมแก่น (จอมแก่น)
ไว้เดี๋ยวจะมาอัพให้อ่านตอนเคลียร์งานอื่นเรียบร้อยแล้วค่ะ
ช่างใจรักก็จบอย่างเป็นทางการแล้ว ขอบคุณที่ติดตามกันเน้อ ฝากติดตามเรื่องอื่น ๆ ด้วยนะคะ XD
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-06-2016 02:53:18
มาร์กี้ตอนนี้หล่อนไม่นกแล้ว ดีใจด้วย แต่หล่อนคงไม่รู้ว่าได้สร้างปัญหาใหญ่หลวงไว้ให้เพื่อนล่ะ 5555 เตรียมรับเวรรับกรรมจากน้องธารได้เลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦น้องมายด์ ตอนพิเศษ 5: ตัวอย่าง♦P.27♦19/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-06-2016 19:18:34
Pre-order หนังสือนิยาย #ช่างใจรัก

อ่านลิงค์หลักได้ที่นี่ค่ะ >> https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1018442764878243/?type=3&theater

#รายละเอียดการจองนิยาย
ระยะเวลาเปิดจอง : วันนี้ – 31 ส.ค.59
ระยะเวลาที่คาดว่าจะได้รับหนังสือ : 30 ก.ย.59
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าปกจะเสร็จเมื่อไหร่นะคะ กำหนดการตอนนี้คือส่งร่างปกกลางเดือน ก.ค.59 เดดไลน์ สิ้นเดือน ส.ค.59 ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยก็ตามกำหนดการนี้ค่ะ)
**#ต้นฉบับเสร็จแล้ว เหลือแค่รีไรท์/ จัดหน้า/ วาดปกค่ะ**

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#กติกาการจอง **สำคัญนะจ๊ะ**
✰ จองแล้วรอเมลคอนเฟิร์มการจองจากหนูแดงก่อน ห้ามโอนมาก่อนทุกกรณี เพราะมีโปรฯ โปสการ์ดฟรี เดี๋ยวเกิดการลักไก่กันค่ะ ดังนั้นใครทำรายการจองมา หนูแดงจะตอบเมลเรียงตามคิว และจะนับยอด 100 คนแรกที่โอนมาสำหรับคนที่จองบนเว็บตาม #ลำดับการโอนเท่านั้น ไม่ได้นับตามลำดับการจองนะคะ
✰ ห้ามโอนทีละครึ่งไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เนื่องจากหนูแดงจะต้องดูแลยอดเงินค่อนข้างเยอะ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกหล่น รบกวนโอนมาทีเดียว ถ้าใครโอนมาครึ่งนึงก่อนหนูแดงจะรอจนกว่าโอนมาครบ แล้วจะนับออเดอร์ให้ค่ะ
✰ เมื่อโอนเงินและหนูแดงเช็คยอดแล้ว ไปเช็ครายการอัพเดตใน doc. เพื่อเช็คความถูกต้องด้วยค่ะ

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#รายละเอียดการจองแบบไฟล์PDFโหลดได้ที่นี่ >> https://drive.google.com/file/d/0BytyYCg-7_8xY09YZmxqVU54bXc/view?usp=sharing

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#โปรโมชัน ชำระเงินในงาน Y.display ทุกท่าน (ไม่จำกัดจำนวนคนจอง) หรือถ้าสั่งจองทางเว็บและชำระเงินเรียบร้อย 100 คนแรก แถมฟรี! โปสการ์ดเซ็ทโดจิน!

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#รายละเอียดทั่วไป
❥ เขียนโดย หนูแดงคนสวยมาก แถมท่ายากเยอะ
❥ ปกช่างใจรัก เล่ม 1-2 วาดและจัดอาร์ตปก / Box set โดยคุณจิริโตะ (Jirito De Las Espadas)
❥ ปกเล่มแถมโดจิน SD และตอนพิเศษ ช่างใจรัก: ช่างเต๊าะ และตัว SD หมอนไดคัท วาดโดย คุณหมี (Booririn) และจัดอาร์ตปกโดยคุณจิริโตะ (Jirito De Las Espadas) **ไม่ขายแยก แถมเฉพาะรอบจองเท่านั้น**

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#รายละเอียดนิยายและราคา
❥ หนังสือช่างใจรักเล่ม 1 – 2 ราคาเล่มละ 390 บาท (รวม 780 บาท) ค่าส่ง 60 บาท (พร้อมที่คั่น + โปสการ์ดลายปก)
❥ หนังสือช่างใจรักเล่ม 1 – 2 มี Box set ราคาชุดละ 1,160 บาท ค่าส่ง 70 บาท (พร้อมที่คั่น + โปสการ์ดลายปก)
❥ โปสการ์ดเซ็ทโดจิน จำนวน 5 ใบ ราคา 50 บาท (สำหรับคนที่ชำระเงินในงาน YDisplay และโอนเงิน 100 คนแรก จะได้รับโปสการ์ดเซ็ทฟรีค่ะ ถ้าโอนครบ 100 คนแล้ว จะแจ้งในลิงค์จองว่า 'หลุดโปรฯ' นะคะ ใครไม่ทันแต่อยากได้ก็สั่งซื้อเอาเน้อ)
**ซื้อพร้อม Box set แถมเล่มพิเศษ ช่างใจรัก: ช่างเต๊าะ ขนาด A5 จำนวน 1 เล่ม/ ชุด**
**Box set เป็นกล่องไดคัทฝาปิดแม่เหล็ก ใส่หนังสือได้ 3 เล่ม คือช่างใจรัก เล่ม 1-2 และช่างใจรัก: ช่างเต๊าะ**
**พัสดุจัดส่งแบบแยกกล่อง/ ชุด พร้อมบับเบิ้ล 3 ชั้น หุ้มหัว-ท้ายเป็นมัมมี่ และอุดรูไม่ให้ขยับเขยื้อนได้ ถ้าน้ำหนักเกิน 2 กก. จะขอปรับเป็นพัสดุแบบ PB แทนค่ะ หากต้องการ EMS บวกเพิ่ม 30 บาท**

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#ของพรีเมียม (ตัวอย่างดูได้ในช่องคอมเม้นต์)
❥ หมอนไดคัทพี่เหนือกับน้องธารขนาด 40 ซม. ราคา 350 บาท ค่าส่ง 40 บาท
**ซื้อพร้อมหนังสือ ไม่ว่าจะมี Box set หรือไม่มี ฟรีค่าส่งหมอน!**
**ถ้าซื้อรอบอื่นที่ไม่ใช่รอบจอง ต้องมียอด 15 ใบขึ้นไปถึงจะได้ราคานี้**

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#ถ้านัดรับตามสถานที่ด้านล่าง ค่าส่งฟรีทุกกรณีค่ะ
❥ ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต
❥ หมู่บ้านธนินทร ดอนเมือง
❥ หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี รังสิต
❥ MRT จตุจักร หรือ BTS หมอชิต (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์)

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

#วิธีจอง
✰ เข้าไปทำรายการที่นี่ค่ะ อ่านให้ดี  กรอกรายละเอียดให้ครบนะคะ http://goo.gl/forms/Dz89snlXLm2XRJjP2
✰ รอหนูแดงคอนเฟิร์มเมลจองและแจ้งเลขบัญชีทางอีเมล (ไม่ใช่อีเมลตอบกลับอัตโนมัติ รบกวนรอหน่อยนะคะ เวลาทำการปกติของหนูแดงคือดึกๆ)
✰ ชำระเงินแล้ว แจ้งโอนที่นี่ (รับแจ้งโอนทางเดียวเท่านั้น) http://goo.gl/forms/gW7cEfgzLShmeM1u1
✰ แจ้งโอนแล้ว รอเช็คชื่อและรหัสออเดอร์ของตัวเองที่นี่ (ไม่ใช่รายการอัพเดตอัตโนมัติ เป็นระบบอัตโนมือ รบกวนรอเช่นกันค่ะ) https://docs.google.com/spreadsheets/d/1jtT-g_8bc0g6wjS4sZl9s2kFvpR5szNDf1Q6-7sL7Gs/edit?usp=sharing
✰ หากรหัสออเดอร์เกิน 100 จะไม่ได้โปสการ์ดเซ็ทฟรี หนูแดงจะเช็คยอดก่อนจะส่งเมลคอนเฟิร์มจองให้ค่ะว่าอยู่ในโปรฯ หรือหลุดโปรฯ หรือไม่งั้นก็สามารถเช็คได้ที่นี่ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1jtT-g_8bc0g6wjS4sZl9s2kFvpR5szNDf1Q6-7sL7Gs/edit?usp=sharing

•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸

สงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหน สอบถามได้ทุกช่องทางค่ะ XD

►Contact◄
Facebook❧ https://web.facebook.com/NooDangzzz
Twitter❧ @NooDangzz
Line official❧ @vas8009q
Email❧ noodang.writerอย่าแสดงเมลบนบอร์ด
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-07-2016 10:28:46
นังเหนือนังแรดนังหื่น อยากเป็นอมตะล่ะสิท่าจะเต๊าะกินเด็กอ่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-07-2016 11:12:36
ตายๆ นังเหนือรึจะริอาจยัดเยียดความเป็นผัวให้น้องธาร เดี๋ยวก็โดนยัดเยียดความเป็นเมียสวนมาหรอกย่ะ :hao7: แต่เอ.. นางน่าจะชอบเป็นเมียมากกว่าเป็นผัวนะ :jul3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-07-2016 14:20:12
ถ้าสกิลความมั่วของเหนือนางลดๆลงหน่อยจะเป็นไรที่เลอค่าม๊ากมาก  :เฮ้อ: แต่พี่ดื้อนางอิมเมจน่ากินสุดๆอ่าา :z1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-07-2016 17:29:46
555เหนือนี่แรดเสมอต้นเสมอปลายจริงๆแต่พอเหนือชัดเจนเรื่องจะเลิกมั่วแถมยังตีตัวออกห่างดื้อเพื่อธารแล้วดูนางแรดแบบน่ารักน่าหยิกดี o13 ส่วนธารน้อยนี่แทนตัวเองว่าธารแล้วน่าร๊ากกกก ใสเหลือเกินพ่อเมะน้อย :impress2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-07-2016 20:40:55
เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่ของทั้งเหนือและธารเลยอ่ะ คือรู้สึกดีงามกับความรักของทั้งคู่ที่เริ่มจาก0และค่อยๆเติบโตขึ้นมาอย่างหนักแน่นและมั่นคง ขุ่นแม่ปลื้มกับทั้งคู่มากค่ะลูกๆ รักจัง :กอด1: o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 04-07-2016 21:45:48
อยากอ่านอีกค่า
พิเศษใส่ไข่เพิ่มอีกได้ไหมค้า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 08-07-2016 08:00:04
 :katai2-1: ทีแรกนึกภาพไม่อกจริงๆว่าธารจะมาชอบเหนือได้ยังไง5555
ธารโหดมากแรกๆ กระทืบตลอดรู้สึกสงสาร
แต่เหนือนี่ดูชอบนะ ท่าทางจะชอบความรุนแรง555

พอเริ่มรู้ใจตัวเองโคตรน่ารักอ่า หวานนนนน
แต่เหนือนี่หื่นจริงจัง หื่น24ชม.พ่อคุณ

 :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 09-07-2016 00:45:10
อยากอ่านอีกค่า
พิเศษใส่ไข่เพิ่มอีกได้ไหมค้า

ตอนพิเศษที่เหลือไปต่อในหนังสือแทนแล้วค่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 09-07-2016 17:26:48
น่ารักกกก อ่านรวดเดียวจบใน2วันเลยค่าา
ไม่เคยเจอคาแลคเตอร์นายเอกแบบพี่เหนือมาก่อน
แบบว่าแรดหลบในเบอร์แรงไรขนาดนี้ หื่นสุดไรสุด
คิดแต่จะงาบน้องธารใจ555555
แต่นางก้มีมุมผู้ใหญ่เป็นที่พึ่งนะ นั่นก้น่ารักดี
ส่วนน้องธาร น่ารักมากกกสุดดอะ
อะไรจะน่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ววว
ถึงตอนแรกจะพาลๆไปหน่อย แต่ก้ได้ฟิลเด็กน้อยเอาแต่ใจดี ><
ความลำเอียงนี้555555 อยากได้แบบน้องธาร  1ea หาได้ที่ไหนนน
ตอนหลังๆตั้งแต่เริ่มหวั่นไหวนี่แบบบ โอยยน่ารักมากโฮกก
ธารใจของคนอ่านโดยแท้เลยย ทาสน้องธารมาเต็มไปหมด
ชอบนางรักนางหลงนางจริงจังมาก555555
แอบชอบพล้อตมาร์กี้5555 ได้ผู้ฝรั่งไปใสๆ ผู้ดีไม่มีแววหลอกลวง ดีไปอีกกกอะ
โรมจอมแก่นก้น่ารักก รู้สึกถึงความไม่ธรรมดาตั้งแต่เปิดตัวโรมต้นเรื่อง
มันมีอะไรบางอย่าง5555555555 รู้สึกได้ว่าอยากให้เค้าคู่กันน

สุดท้ายนี้สำหรับพี่เหนือต้องเปลี่ยนจาก 'กินเด็กแล้วเป็นอมตะ'
กลายเป็น 'มีแฟนเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย' แทนแล้วแหละ5555
เสี่ยงต่อโรคหัวใจ...เต้นแรง เพราะน้องธารน่ารักเกินน ยิ่งเวลาอ้อนนี่แบบบ มีบ้านขายบ้านค่าา
และเสี่ยงต่อการเป็นอมพาต...ชั่วคราว555555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 14-07-2016 00:01:39
จบแบบน่ารักๆมากอ่ะ  :laugh:
จะติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦Pre-order หนังสือนิยาย#ช่างใจรัก♦23/05/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-07-2016 22:36:55
[ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม]
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 6: วิชาเพศศึกษา By อ.แสงเหนือ & อ.ธารใจ

เป็นตัวอย่างตอนพิเศษที่จะมีเพิ่มในเล่มค่ะ เอามาให้อ่านยั่วกิเลสกันเล่น ๆ พอดีกำลังรีไรท์เตรียมส่งจัดหน้า ทิ้งไปพักนึงละ ไม่มีอะไรอัพเลย กลัวจะลืมพี่เหนือกับน้องธารกัน อิอิ
รายละเอียดการจอง เข้าไปดูที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1026282260760960/?type=3&theater
------------------------------------


พอส่องตาแมวเห็นว่าไอ้เวรที่กดกริ่งหน้าห้องรัว ๆ ไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้เป็นน้องมายด์ หัวคิ้วของผมก็ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติทันที

อ๋อ ไอ้ที่เมื่อกี้วางสายไปหลังจากกระหน่ำโทรมา ทีแท้เป็นเพราะมึงขึ้นมาอยู่หน้าห้องกูแล้วนี่เองสินะ แล้วมันขึ้นมาได้ยังไงวะ ยามทำไมไม่กักมันไว้!?

ผมตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้นเลยว่าจะทำเป็นเฉย คิดเสร็จก็หันหลังกลับ จังหวะเดียวที่ธารเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพตัวเปียกหมาด ๆ พอดี ผมเลยรีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ สูดดมกลิ่นสบู่หอม ๆ จากตัวหลังอาบน้ำเป็นพัลวันเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำเมื่อครู่ แต่เหมือนธารจะเห็นแล้วล่ะว่าผมไปยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าประตูเลยออกปากถาม

“ใครมาน่ะพี่เหนือ เห็นกดกริ่งจนแทบจะพัง”
ความจริงมันไม่ออกมาเห็น มันก็ได้ยินเสียงแหละ ผมก็ลืมไปว่าเสียงกริ่งมันดังไปทั่วห้อง แต่วันนี้มันวันเกิดผมไง ถ้าเอาอีน้องมายด์เข้ามาต้องเป็นเรื่องแน่ ก็แหงล่ะ มันโผล่หน้ามากะทันหันแบบนี้ ไม่ทะเลาะกับฝรั่งมาร์ตินมาก็ต้องมีเรื่องอะไรชวนให้พวกผมเดือดร้อนแน่นอน ดังนั้น ผมก็เลย...

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่แม่บ้านมากดกริ่งเรียกขอเอาขยะไปทิ้งน่ะ น้องธารไปรอที่เตียงเถอะ เดี๋ยวพี่เหนือจัดการเองนะ”
“ขยะเหรอ? ปกติแม่บ้านไม่มีมาเก็บตามห้องแบบนี้นี่”

โกหกได้ไม่เนียนอีกไอ้เหนือเอ๊ย โดนดักทางมาอย่างนี้ ผมก็ไปต่อไม่ถูก ยิ่งถูกธารหรี่ตามองอย่างจับผิด ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
“พี่เหนือ ใครมา โกหกอะไรธารอีก อย่าบอกนะว่าชู้พี่มา”
มองแบบจับผิดไม่พอ ยังจะมาใส่ความผมอีก ทำเอาผมหยุดทำหน้าระรื่นทันที
“ชู้บ้าอะไร พี่เหนือมีแต่น้องธารคนเดียว ไอ้ที่มาน่ะ มัน...”
“ไอ้ธารโว้ย! เปิดประตูสิวะ!”

ปัง ๆ ๆ !

ยังไม่ทันจะได้บอกเลยว่าใครมา อีน้องมายด์ก็หยุดการกดกริ่งมาเป็นตะโกนเรียกพร้อมทุบประตูเป็นบ้าเป็นหลังแทนละ ผมมั่นใจแหละว่าต่อให้มันหุ่นล่ำเป็นนักมวยขนาดไหน มันก็พังประตูทั้งใหญ่ทั้งหนาไม่ได้ คอนโดฯ ราคาตั้งหลายร้าน วัสดุอุปกรณ์ของระบบป้องกันภัยมันต้องดีอยู่แล้ว แต่ว่า...

มันไปเสียงดังรบกวนห้องอื่นเค้าโว้ย!

เพราะคิดอย่างนั้นเหมือนกัน ธารก็เลยรีบรุดไปเปิดประตู ผมได้แต่มองตามหลังอย่างระอา ดูท่าแผนการแซ่บน้องธารฉลองวันเกิดคงจะล่มแหง และพอเปิดประตูมาเห็นหน้าน้องมายด์ ธารก็ชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิดทันที
“มึงขึ้นมาได้ไง มึงไปต่อยยามสลบแล้วแอบขึ้นมาใช่มั้ย”
ถามอย่างนี้เพราะปกติแล้วคอนโดฯ ผมจะต้องมีคีย์การ์ดน่ะถึงจะเข้ามาได้ ผมหลุดขำเลย ขณะที่น้องมายด์ค้อนประหลับประเหลือกใส่เพื่อนเป็นการใหญ่
“ต่อยบ้าบออะไร กูเห็นคนอื่นเปิดประตูเข้ามา กูก็เนียนขอหนีบมาด้วยต่างหาก”
ธารพยักหน้ารับแบบขอไปที แล้วว่าขึ้นมาอีก
“แล้วมึงมีเรื่องอะไรถึงถ่อมาหาถึงที่ ทะเลาะกับผัว?”
“ก็ไม่เชิง”

ได้ยินน้องมายด์พูดอย่างนี้ ผมก็กลอกตา
ว่าอยู่แล้วเชียว ไม่ทะเลาะกับผัวมา มันก็ไม่โผล่มาหาเพื่อนหรอก ธารเองก็คงจะเพลียใจพอกันกับผม ก่อนจะรีบเข้าประเด็น
“งั้นมีอะไรก็รีบพูด กูให้เวลามึงชั่วโมงนึง วันนี้วันเกิดพี่เหนือ กูจะให้เวลาพี่เหนือ”
“ย่ะ! รักกันเข้าไปนะ แต่ขอโทษ กูไม่ได้มาหามึง กูมาหาเจ้เหนือเว้ย”

คราวนี้ผมหันไปมองหน้าน้องมายด์อย่างสงสัยฉับพลัน ธารก็เช่นกัน ก่อนที่น้องมายด์จะรีบถลาแท่ด ๆ เข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต มาถึงก็มาเกาะแขนผมอย่างถือวิสาสะพลางส่งเสียงออดอ้อน
“เจ้เหนือของน้อง ช่วยหนูด้วยค่า”

ขะ...ขยะแขยง! มึงเอาหน้ามาสีแขนกูทำไมเนี่ย!

“มะ...มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดนะครับ เอาหน้าออกจากแขนพี่เหนือก่อนนะ พี่เหนือเพิ่งอาบน้ำมา”
พูดไปด้วยท่าทางที่คิดว่ารักษามารยาทสุดชีวิต แต่มือนี่ดันหน้ามันออกห่างไปละ

รักษามารยาทไม่ได้ช่วยอะไรเลย ดูก็รู้ว่ากำลังรังเกียจ

น้องมายด์ยอมถอยออกแต่โดยดี ทำหน้ายู่ใส่ผมเล็กน้อยพลางส่งเสียงกระเง้ากระงอด
“เจ้อะ แค่นี้ก็ต้องรังเกียจหนูด้วย แหม ร่างกายนี้ให้แต่อีนังธารมันกอดจูบลูบคลำล่ะสินะ!”

เออสิวะ ถ้าไม่ให้น้องธารกูจับ แล้วกูจะให้ตุ๊ดยักษ์อย่างมึงจับหรือไง!

ข่มใจไม่พูดประโยคที่คิดไปเมื่อครู่สุดฤทธิ์ ก่อนเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องอื่น

“ตกลงน้องมายด์มาหาพี่เหนือทำไมเหรอครับ”
แทนที่มันจะตอบก็ไม่ตอบ ดันมองผมที่ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางถาม
“นี่เจ้เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอคะ”
“ครับ”
“ไอ้ธารก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ”
ไม่ต้องถามก็น่าจะรู้ เห็นสภาพกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวกับช่วงบนเปลือย ๆ มั้ยเล่า!
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบแหละ
“ครับ ทำไมเหรอ”
“เตรียมจะเอากันล่ะสินะ”

มึงตอบคำถามกูสิเว้ย ไม่ใช่ให้มึงมาถามกลับ แล้วนี่มึงถามตรงไปมั้ยฮะ!?

ผมทำหน้าไม่ถูกเลย ส่วนธารพอเห็นผมตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนก็ทำท่าจะเข้ามาห้ามเพื่อน ทว่าน้องมายด์ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ดีเลยค่ะเจ้ หนูกำลังจะมาขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างเจ้พอดี”

“ปรึกษาเรื่องอะไรของมึงวะ”
ผมไม่ได้ถาม ธารถาม ดูท่าทางคงจะเริ่มรำคาญละ เช็คจากสีหน้าได้เลย หากแต่น้องมายด์ไม่สนใจอะไรสักนิด ปล่อยมือจากแขนผม ยกมือขึ้นประสาน ทำหน้าเพ้อฝันเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม

“มาขอคำปรึกษาว่าให้ผู้เปิดซิงเยี่ยงไรถึงจะตราตรึงใจน่ะสิ มาค่ะ ไหน ๆ ก็จะแซ่บกันอยู่แล้ว หนูก็มาพอดี งั้นสาธิตให้ดูหน่อย ไป ๆ ไปที่เตียงค่ะเจ้เหนือ ไอ้ธาร”

ผมกับธารอ้าปากค้างกันไปทันที ขณะที่น้องมายด์ปรี่เข้ามาคล้องแขนผมกับธารคนละข้าง ออกแรงถูลู่ถูกังไปที่ห้องนอนหน้าตาเฉย

อะ...อะไรของมึงเนี่ยอีน้องมายด์! มันใช่เรื่องอะไรที่กูจะต้องมากินหัวกินน้องธารให้มึงดูมั้ย สติเว้ย! สติ!
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.06♦25/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-07-2016 11:59:15
ไม้ไม่เคยไม่กล้า
มีแต่คนอื่นแหละที่ไม่แน่เท่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.06♦25/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 26-07-2016 23:51:44
[ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม]
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 7: อดีตของพี่ก็คือธาร ปัจจุบันของพี่ก็คือธาร อนาคตของพี่ก็คือธาร

เป็นตัวอย่างตอนพิเศษที่จะมีเพิ่มในเล่มค่ะ เอามาให้อ่านยั่วกิเลสกันเล่น ๆ พอดีกำลังรีไรท์เตรียมส่งจัดหน้า ทิ้งไปพักนึงละ ไม่มีอะไรอัพเลย กลัวจะลืมพี่เหนือกับน้องธารกัน อิอิ
รายละเอียดการจอง เข้าไปดูที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1026282260760960/?type=3&theater
------------------------------------

เดินเข้ามาในห้องคาราโอเกะได้ บรรดาหนุ่มวิศวะก็พากันส่งเสียงทักทายธารกันเสียงดังสนั่น ธารยกมือไหว้คนนั้นที คนนี้ทีตามประสารุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ก่อนที่ธารจะยกมือไหว้ไปยังคนสุดท้ายที่นั่งอยู่มุมในสุดของห้อง
“หวัดดีครับพี่โอ”

ผู้ชายคนนั้นหันมาพยักหน้าให้พร้อมยิ้มรับ ผมมองเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่นักด้วยแสงไฟในห้องมันมืดเกินไป ทว่าก็พอจะเดาได้ว่าตัวเขาสูงใหญ่และท่าทางจะหน้าตาดี แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการยกมือไหว้ตามไปตามประสาเมื่อธารแนะนำผมให้เขารู้จัก
“พี่เหนือ นี่พี่โอ เจ้านายธารเอง น่าจะอายุมากกว่าพี่เหนือนะ ส่วนนี่พี่เหนือครับพี่โอ”
“สวัสดีครับ”

อีกฝ่ายยกมือไหว้รับ จังหวะเดียวกันกับที่แสงไฟจากจอโทรทัศน์จะสว่างวาบขึ้นมา ทำให้ผมเห็นใบหน้าเขาได้ชัดเจนขึ้น เสี้ยวหน้าคมที่ได้เห็นเพียงชั่ววินาทีมันคุ้นตามาก คุ้นชนิดที่ทำให้ผมมองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นใคร

พะ...พี่โอ... แฟนคนแรกของผมเอง

ผมตัวแข็ง นิ่งงัน ทำอะไรต่อไม่ถูก ถึงจะคบกันมาตั้งแต่สมัยผมอายุสิบแปด แต่ไม่ว่าผ่านมากี่ปี ผมก็ยังจำเขาได้

ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ก็เขาเป็นแฟนคนแรกที่ผมมี และเป็นผู้ชายคนแรก รองจากพ่อที่ผมเคยรักสุดหัวใจ ที่สำคัญ เขายังเป็นคนแรกที่ผมยอมมีความสัมพันธ์ทางกายด้วย แต่แล้วความสัมพันธ์ของเราก็ยุติลงเมื่อผมจับได้ว่าเขามีคนอื่น

แต่มันก็เรื่องนานมาแล้วล่ะ... นานมาแล้วก็จริง แต่ผมเห็นเข้าแล้ว ก็ยังเจ็บอยู่เลยแฮะ ไม่ได้เจ็บเพราะยังรักอยู่ด้วยนะ ทว่าเจ็บใจที่ถูกหักหลังมากกว่า

เขาเองก็เช่นกัน เห็นหน้าผมเพียงเสี้ยววินาที เขาก็ทำหน้าตกใจ ก่อนจะครางเรียกชื่อผมออกมา
“แสงเหนือ...โลกกลมจริงเลยนะ ไม่เจอกันนานเลย”
วินาทีนั้น ผมอยากจะหมุนตัวแล้วเดินหนีออกจากห้อง แต่ด้วยความที่เกรงใจธาร ผมเลยพยักหน้า ยิ้มรับแบบฝืน ๆ ไป
“ครับ... ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“นี่พี่รู้จักกันเหรอ” ธารที่มองผมสลับกับพี่โอไปมาอยู่นานถามขึ้น

ผมพยักหน้า ในหัวคิดเป็นพัลวันว่าจะบอกยังไงไม่ให้ธารรู้ว่าพี่โอเป็นแฟนเก่าผม ไม่ใช่อยากปิดบังหรอกนะ เป็นเพราะผมคิดถึงอนาคตในการทำงานของธารมากกว่า ไม่ใช่ว่ากลัวพี่โอรู้ว่าธารเป็นแฟนผมแล้วจะโดนกลั่นแกล้งด้วย กลัวธารนี่แหละที่จะไปเขม่นพี่โอเข้า

แต่เพราะความลนลาน ผมเลยคิดหาทางเบี่ยงเบนไม่ทัน พี่โอจึงชิงพูดขึ้นมาก่อน

“อื้อ รู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพี่เรียนมหา’ลัย พี่เป็นแฟนคนแรกของเหนือน่ะ ไม่คิดเลยนะว่าธารจะมาสอยแฟนเก่าพี่”
ผมอ้าปากค้างไปทันที ใจหายวูบด้วย แค่บอกว่าเป็นแฟนเก่าก็แย่แล้ว นี่ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นแฟนคนแรกอีก

งั้นธารก็รู้หมดสิวะว่ามึงเปิดซิงกูน่ะ!

แถมใช้คำพูดไม่ค่อยดีด้วยเถอะ พูดอย่างกับผมเป็นของเหลือใช้ รู้สึกแย่ชะมัด รู้สึกกระอักกระอ่วน ปั้นหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะยิ้มรับหรือจะพูดอะไรดีด้วย ธารเองก็ดูมีสีหน้าเคร่งเครียดไปทันตาเช่นกัน เห็นหัวคิ้วย่นยู่นั่นแล้ว ผมก็เดาเอาว่าเดี๋ยวธารจะต้องหัวเสียแน่ และหลังจากนี้อาจจะมีมวยก็ได้

ทว่าคิดผิด ธารไม่หัวเสีย เอื้อมมือมาจับมือผมหน้าตาเฉย จับแน่นมากด้วย พลันว่าเสียงระรื่น
“อ้อ โลกกลมจริงอย่างที่พี่โอว่าเลยนะครับ ไม่คิดเลยว่าแฟนผมจะเคยเป็นแฟนเก่าพี่มาก่อน ขอบคุณที่ปล่อยคนดี ๆ หลุดมือมาจนถึงผมนะครับ”

เหมือนเป็นการพูดธรรมดา แต่ฟังดูก็รู้ว่าตอกกลับ พี่โอยิ้มแห้งไปนิด ก่อนธารจะเหยียดยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงขอตัว พอหลบมุมมาได้ ก็ดึงผมนั่งลง ผมตั้งท่าจะบอกธารว่าอย่าเผลอแสดงท่าทางไม่ดีออกไป หรือเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน ไม่งั้นจะทำให้ทำงานไม่ราบรื่น หากแต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร ธารก็เอื้อมมือมาโอบรอบเอวผม กระชับเข้าหาตัวโดยไม่สนใจว่าใครจะเหลือบมาเห็นแม้แต่น้อย ก่อนจะวางคางไว้บนไหล่ผมพลางพึมพำเบา ๆ

“ขอโทษนะพี่”
“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”
“ขอโทษที่ทำให้พี่มาเจอคนที่เคยทำไม่ดีกับพี่”

ฟังแล้ว ความรู้สึกไม่ดีเมื่อครู่ก็อันตรธานหายไปทันตาราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ก่อนผมจะรีบกลบเกลื่อน

“เฮ้ย ไม่เป็นไร น้องธารไม่รู้นี่เนอะ พี่เหนือไม่ว่าอะไรหรอกครับ ความจริงแล้วพี่เหนือก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วนะ ไม่เชื่อดูสิ เห็นพี่โอแล้วยังยิ้มได้อยู่เลยเห็นมั้ย”
ยิ้มปลอม ๆ ยิ้มแบบเสแสร้ง ธารก็รู้แหละ มองหน้าผมแล้วก็ไม่พูดอะไร เอาแต่กอดผมเท่านั้น

“ธารจะไม่ทำเหมือนที่พี่โอทำกับพี่หรอก เชื่อใจธารนะ”
กอดไม่พอ พูดในสิ่งที่อยากจะพูด ผมหุบยิ้มฝืน ๆ นั่นลง กลายเป็นการยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความอุ่นใจ ยกมือขึ้นประคองสองแขนใหญ่ที่โอบรัดตัวผมอยู่ พลันพยักหน้า
“ครับ พี่เหนือเชื่อใจน้องธารนะ”

ธารไม่พูดอะไรออกมาอีก เอาแต่กอดผมอยู่อย่างนั้น ท่าทางเหมือนเด็กหวงของเล่นก็ไม่ปาน เห็นแล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าเด็กน้อยของผมโตขึ้นกว่าเดิมมากแล้วจริง ๆ จากที่ต้องให้ผมเป็นคนคอยดูแล ตอนนี้เป็นคนดูแลผมซะแล้ว ถึงจะยังมีโมเม้นต์เด็ก ๆ อยู่บ้างก็เถอะ แต่ก็นะ เป็นแบบนี้ผมก็ชอบ สบายใจดี

อยู่และมีความสุขกับปัจจุบันมันดีที่สุดแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.07♦26/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 12-08-2016 08:26:16
[ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม]
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 8: พยานรัก

เป็นตัวอย่างตอนพิเศษที่จะมีเพิ่มในเล่มค่ะ เอามาให้อ่านยั่วกิเลสกันเล่น ๆ พอดีกำลังรีไรท์เตรียมส่งจัดหน้า ทิ้งไปพักนึงละ ไม่มีอะไรอัพเลย กลัวจะลืมพี่เหนือกับน้องธารกัน อิอิ
รายละเอียดการจอง เข้าไปดูที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1026282260760960/?type=3&theater
------------------------------------

ได้ยินเสียงดังกุกกักเหมือนมีใครบางคนไขกุญแจห้อง ผมก็รีบมุดเข้าไปซ่อนตัวใต้เตียง ในใจเดาเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะว่าต้องเป็นธารแน่ เพราะก่อนหน้านี้ผมเพิ่งส่งข้อความไป บอกให้ธารมาหา แล้วธารก็ส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมาว่าโอเค

คอยดูเถอะ พี่เหนือจะเซอร์ไพรส์ให้ตกใจเลย

จริง ๆ เรื่องเซอร์ไพรส์เป็นเรื่องรอง เรื่องหลักคือหาเรื่องแซ่บ ก็แหม มาเที่ยวกันทั้งที จะให้มาเที่ยวอย่างเดียวก็เสียดายแย่ บางทีมันก็ต้องมีเปลี่ยนบรรยากาศ แต่มันดันไม่มีโอกาสเพราะมากับพวกแก๊งเพื่อนมันเนี่ย แถมมานอนห้องเดียวกันอีก ในเมื่อไม่มีโอกาส ผมก็ต้องหาโอกาสนั้นเองสิ

มุดเข้าไปนอนคว่ำอยู่ใต้เตียง กลั้นขำสุดชีวิตพอจินตนาการว่าธารจะตกใจและหงุดหงิดผมขนาดไหนถ้าจู่ ๆ ถูกผมโผล่มาจ๊ะเอ๋ จากนั้นพอธารโกรธ ผมก็จะอ้อน พออ้อนเสร็จปุ๊บก็...

เหอ ๆ หื่น...

เลิกคิดหื่น เปลี่ยนมาเป็นตั้งหน้าตั้งตาคอยการปรากฏตัวของธาร ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผมมองไปทางประตูก็เห็นขาของใครบางคนก้าวเข้ามา ความดีใจพร่างพรายไปทั่วร่างทันที แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นขาอีกคู่ของใครอีกคนตามเข้ามาด้วย

ใครวะ?

ใครก็ไม่รู้ ที่แน่ ๆ ในใจคิดไปแล้วล่ะว่าไม่ใช่ธาร ผมจำน้องธารได้ตั้งแต่หัวจรดเท้านะ ขนหน้าแข้งยังจำได้ หงิก ๆ งอ ๆ แบบนี้ไม่ใช่ธารละ และยังไม่ทันจะได้เดาว่าเป็นใคร เสียงประตูปิดก็ดังขึ้น ก่อนที่ขาคู่เล็กกว่าอีกคนจะก้าวมายังเตียงที่ผมซ่อนตัวอยู่ หากแต่เดินได้ไม่กี่ก้าว เจ้าของขาอีกคู่ก็ทำท่าเหมือนจะคว้าอีกฝ่ายไป ทำให้ทั้งคู่ต้องหันหน้าประจันกัน พลันน้ำเสียงทุ้มก็ดังขึ้น

“อยู่กันสองต่อสองแล้วนะ”
น้ำเสียงกรุ้มกริ่มมีความเลศนัย ส่วนอีกฝ่ายก็ตอบรับเสียงแผ่ว
“อือ”
ละม้ายคล้ายกำลังเขินอาย

ระ...หรือว่าพวกมันจะเป็น...โรมกับจอมแก่น!?

ก็รู้อยู่ว่ามันสองคนเป็นแฟนกัน ถึงพวกมันจะไม่เคยป่าวประกาศก็เถอะ แต่ท่าทางกับการกระทำ เด็กอนุบาลมองยังรู้ ยิ่งผมนี่ไม่ต้องพูดถึง ผีย่อมเห็นผีด้วยกันอยู่แล้ว

แต่พวกมึงจะมาตัดหน้ากูไม่ได้! กูจองห้องนี้แล้ว ที่สำคัญ พวกมึงจะมาคิดว่าอยู่กันสองต่อสองไม่ได้! กูอยู่ใต้เตียงเนี่ย!
รีบคิดทันทีว่าจะเอายังไง เพราะพอจะเดาได้แล้วล่ะว่าหลังจากนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

ก็จะเหตุการณ์อะไรล่ะ มันต้องสะหวีวี่วีกันแน่ ๆ

ตัดสินใจในวินาทีนั้นเลยว่าผมควรจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็ก่อนที่พวกมันจะเริ่มบรรเลงกัน แต่พอแค่คิด กำลังจะขยับ เสียงดังจ๊วบจ๊าบก็ลอยมาเข้าหูแล้ว

พะ...พวกมึงอย่าเพิ่งฉายหนังสด!

ตัวแข็งค้างไปเลย ไม่กล้าขยับตัวละ ถึงปกติผมจะเป็นคนหื่น ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะนิยมการมาดูมาฟังเรื่องส่วนตัวของใครแบบนี้ อะไรไม่ว่า พวกมันเริ่มไม่อยู่ ณ จุดเดิมละ นัวเนียกัน เซไปเซมา และมานั่งที่เตียงที่ผมซ่อนอยู่ข้างใต้ ตอนแรกก็ยังแค่นั่ง เห็นแค่ขา สักพักเริ่มเห็นเสื้อผ้าปลิวมาตกบนพื้น

ตะ...ตายห่าน จะออกก็ไม่ได้แล้ว มันเข้าพระเข้านางกันแล้วเนี่ย!
ผมเลยเปลี่ยนใจ นอนนิ่ง ๆ รอให้พวกมันเสร็จภารกิจกันก่อนแล้วค่อยย่องออกมาเงียบ ๆ ทว่าการที่พวกมันไม่รู้ว่าผมก็อยู่ในห้องด้วย ทำให้พวกมันไม่ได้ออมมือออมแรงกันเลย ตอนแรกเสื้อผ้าลอย ตอนนี้เริ่มมีเสียงอืออา
“จอม... จอมแก่น...”
“เบา ๆ หน่อยสิโรม เราเจ็บ... อา...”

ขะ...ขนลุก!

ลุกเกรียวไปทั้งตัวเลย สยิวกิ้วมาก มันระยะประชิดเกินไปละ ตอนนี้ในหัวผมเลยจินตนาการสีหน้าและท่าทางของเด็กสองคนนั้นไปแล้วเรียบร้อย ก่อนจะรีบส่ายหน้าสลัดความลามกนั่นทิ้งไป เพราะตอนนี้มีประเด็นใหม่เข้ามา มันก็คือหลังจากเสียงกระเส่าเย้ายวนของสองคนนั้น เตียงมันเริ่มดังเอี๊ยดอ๊าดแล้วเนี่ย แล้วเตียงก็เป็นเตียงสปริงด้วยนะ แถมไม่ได้มีขาเตียงสูง พอมีการกดทับย้ำ ๆ เตียงมันก็ยุบ ยุบมาเป็นจังหวะไม่พอ มาโดนหลังผมอีก ผมที่พยายามทำตัวให้เงียบอยู่ถึงกับหลุดอุทานเบา ๆ เมื่อหลังถูกกระแทกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อุ้ก...”
กลั้นเสียงแทบไม่ทัน ดีนะที่มีเสียงอื่นดังแทรกเข้ามา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พวกมันคงได้ยินเสียงผมไปแล้ว
“จอม... น่ารักจัง”
“อย่าแกล้ง อื้อ...”

เอี๊ยดอ๊าด...เอี๊ยดอ๊าด...

แล้วก็เป็นอย่างนี้ไปอีกพักใหญ่

พะ...พวกมึง!

ให้ตาย ทำไมกูต้องมาอยู่ในช่วงเวลาประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะของพวกมึงด้วยเนี่ย!
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.08♦12/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-08-2016 20:26:47
นิยายน่ารักมากค่ะ ไม่เครียดอีตรงนายเอกเรานี่แหละ นางตลกและโพสิทีฟมาก
พูดเพราะมากด้วย คือก็ไม่ได้แอนตี้คนพูดไม่เพราะนะ แต่มาเจอพี่เหนือน้องธารนี่พูดเพราะๆ กันทั้งเรื่อง
ก็รู้สึกแบบบ เออ น่ารักจัง ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหนพี่เหนือก็พี่เหนือน้องธารตลอด
ชอบเหนือนะคะ แรกๆ แลอาจมีความรู้สึกแปลกๆ บ้าง เพราะนางเป็นคนมีมิติ ไม่ใช่ ดี สวย งาม ตลอดเวลา
เข่น ตอนนางไปเจอน้องตีกันแล้ววิ่งหนี หรือตอนอ่อยพี่ดื้อ แต่พออ่านๆ ไปก็เข้าใจเหนือนะ เป็นตัวละคร
ที่เป็นธรรมชาติ และเอาใจช่วยนางให้นางเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อรักใครสักคน
เหนืออาจไม่ได้ดีสุด แต่ก็เป็นคนที่รักน้องธารมากที่สุดคนหนึ่ง น้องธารบ้าง นางน่ารัก น่าหลง ไปหมดเลยอ่ะ
สงสัยแพ้แนวแฟนเด็กแบบนี้ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องขี้อ้อนและขี้หึง ธารยังมีมุมเด็กๆ อยู่มาก แต่ก็น่ารักมากเช่นกัน
แต่ตอนไม่น่ารักก็มีนะ เช่น ตอนที่งอแงเรื่องที่เหนือจะไปเมืองนอก แต่น้องเป็นคนเก่ง พอตัดสินใจเดินหน้าได้ก็ยาวเลย
สรุปว่าดีว่างามค่ะพระเอก เนื้อเรื่องน่ารัก แม้จะมีดราม่าแต่ก็มีตลกแทรกตลอดเวลา พี่เหนือน่ารักมากจริง

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่า
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.08♦12/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-08-2016 18:26:50
[ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม]
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 9: พี่เหนือ...แต่งงานกันนะ


เป็นตัวอย่างตอนพิเศษที่จะมีเพิ่มในเล่มค่ะ เอามาให้อ่านยั่วกิเลสกันเล่น ๆ พอดีกำลังรีไรท์เตรียมส่งจัดหน้า ทิ้งไปพักนึงละ ไม่มีอะไรอัพเลย กลัวจะลืมพี่เหนือกับน้องธารกัน อิอิ
รายละเอียดการจอง เข้าไปดูที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1026282260760960/?type=3&theater
-----------------------------------

“โห่...ฮี้...โห่..ฮี้...แค่ก...”
จู่ ๆ พ่อไอ้กั้งก็ไอโขลกตัวโยน ทำเอาบรรดาญาติและผองเพื่อนเจ้าบ่าวที่เตรียมตัวจะเซิ้งหน้าขบวนขันหมากสะดุดกึกกันยกใหญ่ แล้วดูท่าพ่อไอ้กั้งจะโห่ไม่ไหวด้วย ตอนนี้แม่ไอ้กั้งไปลูบหลังให้เป็นการใหญ่ละ ก่อนที่หล่อนจะหันมาถามผมกับกั้งที่ยืนมองอยู่
“กั้ง เหนือ หาคนมาโห่แทนพ่อหน่อยสิ ดูท่าพ่อจะไม่ไหวละ”
“งั้นกั้งโห่เองแล้วกันแม่”
“มึงเป็นเจ้าบ่าวนะไอ้กั้ง จะมาโห่หน้าขบวนขันหมากเพื่ออะไร”

ผมรีบร้องทักเมื่อได้ยินกั้งออกตัว กั้งย่นคิ้วเล็กน้อยจนใบหน้าหล่อย่นยู่
“แล้วมึงจะให้กูทำไง บ้านกูมีแต่คนแก่ ๆ ทั้งนั้น ให้มาโห่แทน เดี๋ยวก็เจ็บคอเหมือนพ่อกูอีก”
“เอาน่ามึง เดี๋ยวกูจัดการให้”

กระซิบกระซาบกับกั้งเสร็จก็ตบบ่ามันเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาธารที่อยู่ในชุดไทยประยุกต์ซึ่งเป็นชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเหมือนกันกับผม พลางพยักหน้าเป็นสัญญาณ ธารมองหน้าผม ขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม ก่อนจะส่ายหน้าดิก
“ธารก็ไม่ไหวนะพี่ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้”
“พี่เหนือก็ไม่ได้บอกว่าจะให้น้องธารโห่ซะหน่อยนี่ครับ พี่เหนือจะให้น้องธารเรียก ‘รายนั้น’ ต่างหาก”

คำว่า ‘รายนั้น’ หลุดจากปากผม ธารก็มองเลยไปยังโรมกับจอมแก่นที่อยู่ข้าง ๆ ทันที แน่นอนว่าผมไม่ได้หมายถึงสองคนนั้น มองเลยไปอีก...

เลยไป...

เลยไปจนถึง... อีน้องมายด์

น้องมายด์ที่กำลังเอาดอกไม้พลาสติกทัดหูเหมือนจะรู้ชะตากรรม เห็นสายตาผมกับกั้ง และเพื่อน ๆ จับจ้อง เจ้าหล่อนก็ถอนหายใจพรืด ทำปากยื่นแล้วหันไปบอกมาร์ตินเร็ว ๆ

“แอมโซซอร์รี่นะทูน็อทบีอะสวีทเกิร์ลทูเดย์ แอสไอโพรมิสยู ไอแฮฟอะดิวตี้ทูดู (ฉันขอโทษนะที่วันนี้ไม่ได้เป็นสาวหวานอย่างที่สัญญาไว้ ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องทำ)”
มาร์ตินหยักยิ้มเล็กน้อย พยักหน้ารับแต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนเลยว่าไม่เข้าใจว่าน้องมายด์หมายถึงอะไร ขณะที่น้องมายด์เอากระเป๋าถือส่งให้มาร์ติน เดินเข้ามาแทนที่พ่อไอ้กั้ง ว่าเสียงเล็กเสียงน้อย
“เอาล่ะค่ะ เตรียมพร้อมนะ”
จากนั้นก็สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ และ...

“โห่...ฮี้...โห่...ฮี้...โห่ยยย!”

...ร้องเสียงดังประหนึ่งควายตัวผู้คำราม ภาพสาวหวานอะไรนั่นหายวับไปกับตา กลายเป็นตุ๊ดยักษ์ที่พร้อมจะตบทุกคนที่เข้ามาขวางทางขบวนขันหมาก

สิ้นเสียงน้องมายด์ บรรดาคนในขบวนขันหมากก็อึ้งกันไปชั่วขณะ ลืมตอบรับ ทำเอาน้องมายด์รีบหันมาแหวใส่
“เอ้า เร็วสิคะ เดี๋ยวเสียฤกษ์นะ”
ตอนหันมาแหวใส่นี่เป็นเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนเดิม แล้วก็กลับไปคำรามลืมดัดเสียงอีกครั้ง

“โห่...ฮี้...โห่...ฮี้...โห่ยยย!”
“ฮิ้ววว!”
“โห่...ฮี้...โห่...ฮี้...โห่ยยย!”
“ฮิ้ววว!”
“โห่...ฮี้...โห่...ฮี้...โห่ยยย!”
“ฮิ้ววว!”

มง...มง...มง มงตุ้มมง ตุ้มมง ตุ้มมง...

หลังจากนั้น วงมโหรีก็เริ่มบรรเลง น้องมายด์ที่สิ้นสุดภาระหน้าที่ก็ออกลวดลายรำฟ้อนหงาย ๆ นำขบวนเจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาวที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ตั้งขบวนมากนักทันที พร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮาของบรรดาญาติพี่น้องและผองเพื่อนของกั้ง ส่วนกั้งก็ยิ้มหน้าบานเมื่อถูกผมแซวว่ากว่าจะได้ไปขอเมีย ยากลำบากลำบนเหลือเกิน แต่อะไรก็ไม่สนุกสำหรับผมเท่ากับการได้หยอกน้องธารที่เดินตามขบวนแบบเขิน ๆ เพราะคนอื่น ๆ เค้ารำกันหมด มีแต่ธารเท่านั้นที่กระมิดกระเมี้ยนจนผมต้องเข้าไปกระแซะ

“ไม่เห็นรำไปช่วยเจ้าบ่าวสู่ขอเจ้าสาวเลยล่ะ ดูสิ ขนาดเจ้าบ่าวยังรำเลยนะ”
ว่าพลางพยักเพยิดไปทางกั้งที่ตอนนี้ถูกอีน้องมายด์ฟ้อนใส่จนต้องฟ้อนบ้าง ธารเหลือบมองหน้าผม สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าขัดเขินสุดฤทธิ์
“จำเป็นด้วยเหรอวะพี่”
“เอ้า จำเป็นสิ บ้านเจ้าสาวเค้าจะได้รู้ว่าเรามีความยินดีที่จะไปสู่ขอไงอ นี่ ๆ ทำตามพี่เหนือ จีบคว่ำจีบหงายงี้”
พูดไปก็เซิ้งไป แกล้งเข้าไปชนมันหน่อย ๆ ธารหัวเราะแล้วจู่ ๆ ก็คว้าข้อมือผมไว้เป็นเชิงให้ผมหยุด ก่อนจะดึงเข้าไปกระซิบกระซาบใกล้ ๆ
“งั้นไว้ตอนธารไปสู่ขอพี่เหนือ ธารค่อยรำหน้าขบวนแล้วกันนะพี่”
“เอ๊ะ ๆ พูดงี้หมายความว่าจะมาขอพี่เหนือเหรอ ไหนคำขอแต่งงานอะ อย่ามาคิดพาหนีนะ พี่เหนือไม่ใจง่ายหรอก”

ผมแกล้งหยอกไปตามประสา ไม่คิดว่าธารจะพูดจริง แต่แล้วก็เหนือความคาดหมายเพราะจู่ ๆ ธารก็ดึงผมเบี่ยงออกจากขบวนขันหมากเล็กน้อย กระซิบข้างหูเบาจนแทบไม่ได้ยินเมื่อมีเสียงวงมโหรีมากลบ ทว่าผมกลับได้ยินชัดเจน
“พี่เหนือครับ... แต่งงานกันนะ”

เฮ้ย! เล่นขอแต่งงานกันดื้อ ๆ แบบนี้เลย!?

“นี่...พูดจริง?”

ผมทำหน้าเหลอหลาไปเล็กน้อย ธารยกยิ้มแบบเก้อเขินก่อนพยักหน้ารับน้อย ๆ ทั้งที่ตายังจ้องผมอยู่
รู้เลยว่ามันเอาจริงแน่ ซึ่งก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตักขึ้นมาฉับพลัน ทว่าก็ยังติดจะแกล้งมันอยู่
“แล้ว...น้องธารจะมาสู่ขอพี่เหนือแบบนี้ด้วยปะ?”
“เรียกค่าสินสอดเท่าไหร่ บอกมาเลย”

หะ...หูยยย น้องธารป๋ามาก! มาถึงขนาดนี้ไม่ต้องมาขอแต่งงงแต่งงานหรือสู่ขอแล้ว พี่เหนือเอาตัวเองใส่พานถวายให้รัว ๆ เลย แถมบ้าน แถมรถ เปย์หมดบัญชีแน่นอน ไม่ต้องห่วง! มาพูดแบบนี้ตอนนี้นี่มัน... หึย!

“แอบเข้าป่าละเมาะกันมะ?”
ชี้นิ้วไปทางพงหญ้าด้านหลังรัว ๆ แซ่บแบบไม่สนหมามุ่ยละจุดนี้ ธารหลุดหัวเราะ ยื่นมือมาดีดหน้าผากผมไม่แรงนักทีหนึ่ง
“งานแต่งพี่กั้งกับพี่ยีนนะเว้ย หยุดทะลึ่งสักวันได้ปะ”
“ก็แหม น้องธารน่าได้น่าโดน”

พูดไปตามจริง ทำหน้าหื่น ๆ มองปราดมันตั้งแต่หัวจรดเท้านิดหน่อย ธารก็หน้าแดงรื้นขึ้นมา ก่อนจะเม้มปากแน่นคล้ายกลั้นขำ แล้วเอื้อมมือมาคว้ามือผมไปจับ
“ไว้ธารจะไปคุยกับพ่อ ตอนนี้ไปร่วมงานแต่งพี่กั้งกับพี่ยีนก่อนเถอะ”

เท่านั้นก็ลากผมกลับเข้าไปในขบวนตามเดิม โดยไม่สนว่าผมจะมองมันตาค้างแค่ไหน

ตะ...ตอนแรกก็นึกว่าพูดเล่น นี่มันเอาจริงนี่หว่า โหยยย... แสงเหนือขายออกแล้วพ่อครับแม่ครับ ไม่มีลูกสาวก็ดูท่าจะเรียกค่าสินสอดได้นะ หลังจากเหนือเปย์หมดไปหลาย คราวนี้ก็เรียกคืนเอาโลดเน้อ หาลูกเขยอย่างเป็นทางการมาให้ได้ละ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.09♦19/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-08-2016 13:38:58
[ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม]
แสงเหนือ ตอนพิเศษ 10: น้องธารแซ่บกว่า! พี่เหนือสาบาน!

เป็นตัวอย่างตอนพิเศษที่จะมีเพิ่มในเล่มค่ะ เอามาให้อ่านยั่วกิเลสกันเล่น ๆ พอดีกำลังรีไรท์เตรียมส่งจัดหน้า ทิ้งไปพักนึงละ ไม่มีอะไรอัพเลย กลัวจะลืมพี่เหนือกับน้องธารกัน อิอิ
รายละเอียดการจอง เข้าไปดูที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1026282260760960/?type=3&theater
ปล.ลงตัวอย่างตอนพิเศษที่มีในเล่มให้อ่านครบแล้วเน้อ หลังจากนี้ไม่มีอะไรลงให้อ่านแล้วนะจ๊ะ
จะมีแค่โดจินแก๊กอีก 3 แก๊กที่ยังไม่ได้ลง รอก่อนน้า
-----------------------------------

พี่...ดื้อ”

ผมมองคนที่นอนเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่หน้าทีวีตาค้าง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอเขาอีกครั้งนับตั้งแต่ที่เขาหายไปเที่ยวลาวตอนที่ผมยังเป็นครูฝึกสอนที่พิษณุโลก อะไรไม่ว่า ทำไมจู่ ๆ ถึงโผล่มาที่คอนโดฯ ผมกับธารแบบนี้?

ยังไม่ทันจะได้คำตอบ คนถูกเรียกเหลือบมามองผม ใบหน้าคร้ามยังคงความหล่อเหมือนเดิมไว้ทุกระเบียดนิ้ว ทำเอาคำถามเมื่อครู่ถูกกลืนลงคอไป ให้ตาย... พี่ดื้อฮ็อตกว่าเดิมหลายเท่าตัวด้วย ยิ่งในเวลานี้ที่เขาไม่ได้สวมเสื้อ โชว์ซิกส์แพ็คกับผิวสีแทน ๆ ให้เห็นเต็มสองตา มีเพียงกางเกงขาสามส่วนตัวเดียวเท่านั้นที่บดบังช่วงล่างอยู่ เขาก็ดูฮ็อตปรอทแตกจนผมแทบจะเหงื่อแตกพลั่ก แล้วเขาก็ดึงสติผมไปทันทีที่ทักผมกลับ

“ไงเหนือ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“คะ...ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย หลายปีเลยเนอะ”
อยากจะต่อท้ายประโยคด้วยว่า ‘แซ่บขึ้นเป็นกองเลยนะครับ ขอเลียปาดสักที แผล่บ ๆ ๆ ’ แต่ไม่เอาดีกว่า ธารนั่งอยู่ข้าง ๆ มองตาเขม็งเลย เดี๋ยวชีวิตจะหาไม่เอา ที่สำคัญ ผมต้องถามเขาสิเนอะว่ามาทำอะไรที่นี่ ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งหลายปี จู่ ๆ โผล่มามันก็แปลก ๆ

ผมเลยรีบเก็บอาการ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าปกติ๊ปกติเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตว่าผมเกือบน้ำลายไหลเพราะเขา ยิ่งไปกว่านั้น ต้องไม่ให้ธารผิดสังเกตด้วยว่าผมเผลอคิดไปว่าพี่ดื้อดูแซ่บ
“แล้วพี่ดื้อมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ มาหาธารเหรอ?”
เดาว่าเป็นอย่างนั้น ก็นั่งเล่นนอนเล่นอยู่กับธารนี่นา
“เปล่าหรอก” พี่ดื้อตอบพลางอมยิ้ม
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยไม่เข้าใจ เท่านั้นธารก็ตอบแทน
“จู่ ๆ วันนี้พี่ดื้อก็โทรมาหาธาร บอกว่าขอค้างด้วยคืนนึง พอดีมีธุระต้องทำที่กรุงเทพฯ น่ะ ธารก็เลยพามา ขอโทษนะพี่เหนือที่ไม่ได้บอกก่อน”

ผมร้องอ๋อ โบกมือบอกปัดเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร พอเข้าใจได้ละว่าเขามาที่นี่กะทันหัน ไม่ได้นัดธารไว้ ธารเองก็ไม่ทันได้ตั้งรับเหมือนกัน มันเลยกลายเป็นภาพที่ผมเห็นในตอนนี้
“แล้วพี่ดื้อมาทำธุระอะไรเหรอครับ”
ผมเดาไปแล้วว่าคงจะเป็นเรื่องงาน แต่เอ... เคยได้ยินจากจอมแก่นว่าพี่ดื้อก็ยังทำร้านนมอยู่นี่นา ไม่น่าจะเป็นเรื่องงานแฮะ หรือจะมาเที่ยว?
“พี่มารับแฟนน่ะ”
แล้วคำตอบของเขาก็ทำให้ผมเบิกตาโพลง
“แฟนเหรอ?”
เออสิ แฟนเหรอ? แฟนไหน ไม่เห็นเคยรู้เลยว่าพี่ดื้อมีแฟนแล้ว!?

พี่ดื้อพยักหน้าให้กับคำถามของผมเมื่อกี้ ยิ้มหน้าระรื่นทันควัน
“ใช่ แฟนพี่ชื่อปั้นรักน่ะ เพิ่งบินมาจากลาว ถึงไทยหมาด ๆ นี่เอง ที่พี่มากรุงเทพฯ ก็มารับปั้นนี่แหละ”

ผมพยักหน้ารับแบบอึ้ง ๆ เข้าใจละว่าทำไมพี่ดื้อถึงมาที่กรุงเทพฯ มารับแฟนที่สนามบินดอนเมืองนี่เอง ความจริงให้แฟนบินต่อไปที่พิษณุโลกก็ได้ จะลำบากมารับทำไม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เอาแต่งุนงงเมื่อได้ยินชื่อแฟนของพี่ดื้อ

ชื่อปั้นรัก... แฟนพี่ดื้อเป็นผู้หญิง?
งงไปเลย เท่าที่จำได้ พี่ดื้อเป็นเกย์นี่หว่า แล้วจู่ ๆ มีแฟนเป็นผู้หญิง อย่าบอกนะว่ากลับใจแล้ว?

ไม่ทันจะได้ถามให้หายข้องใจว่าพี่ดื้อกลับใจแล้วจริงหรือเปล่า เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น เรียกให้ผมหันไปมอง แล้วก็ต้องอึ้งงันไปอีกระลอกเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูง วัยไล่เลี่ยกับผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผิวขาวเนียน ซิกส์แพ็คเป็นมัด ๆ กับใบหน้าจิ้มลิ้มได้รูปทำเอาผมแทบจะปรี่ไปเลียปาด

หูย... โคตรหล่อ หล่อแบบกวน ๆ ดูทะเล้นขี้เล่น น่ารักน่าชัง

แต่ก็ต้องเก็บอาการ ระริกระรี้ที่เห็นผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่ในห้องตัวเองไม่ได้ ออกนอกหน้ามากไปเดี๋ยวโดนธารกระทืบเอาเพราะตอนนี้ธารจ้องผมเขม็งเลย
“แล้วนี่...”
ตั้งสติได้ก็อ้าปากจะถามว่าหนุ่มหน้ามนคนนี้เป็นใคร ทว่าผมก็โดนอีกฝ่ายชิงถามไปก่อนแล้ว
“ไผนิ? (ใครเนี่ย)”
ไม่ได้ถามผมด้วย ชี้นิ้วมาทางผมแล้วหันไปถามพี่ดื้อ
พี่ดื้อยิ้มกว้าง บอกมาสั้น ๆ “พูดภาษาไทยสิปั้น เดี๋ยวเหนือไม่เข้าใจ”

ยะ...อย่าบอกนะว่านี่ปั้นรัก แฟนสาวของพี่ดื้อที่ผมเข้าใจในตอนแรกน่ะ!? ซิกส์แพ็คมาเต็มขนาดนี้ ไม่ใช่แฟนสาวละ ต้องเรียกแฟนหนุ่ม!

“เหนือ นี่ปั้นรักนะ แฟนพี่เอง แล้วนี่ก็เหนือ คนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง”
ไม่ทันไร พี่ดื้อก็แนะนำตัวผมกับปั้นรักเสร็จสรรพ ผมหันไปมองปั้นรักที่จ้องผมพลางย่นคิ้วมองผมอยู่ ก่อนจะยิ้มให้ ทำหน้าตาเป็นมิตรสุด ๆ
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ปั้นรักไม่ตอบรับคำทักทายของผมแต่อย่างใด เอาแต่จ้องเขม็ง คราวนี้ไม่จ้องเปล่าด้วย มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมที่ตัวเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อยรู้สึกเหมือนถูกมองเหยียดยังไงไม่รู้ แล้วก็จริงซะด้วยเมื่ออีกฝ่ายว่าขึ้นมา
“เตี้ยแคระ หน้าตาเหมือนเจ๊กหลงกรุงงี้น่ะเหรอที่อ้ายไปหลงหัวปักหัวปำตั้งนานน่ะ”

พูดเป็นภาษาไทยปนลาว ผมเข้าใจได้อย่างชัดเจน...

ชัดเจนว่ามึงด่ากูนี่หว่าไอ้ปั้นรัก!

สิ้นเสียงปั้นรัก พี่ดื้อกับธารก็หัวเราะตัวงอ ก่อนพี่ดื้อจะออกปากห้าม
“ไม่เอาน่า เหนือเค้าก็น่ารัก”
ปั้นรักไม่พูดอะไร แต่เบ้หน้าใส่ผม ใบหน้ากวน ๆ เป็นทุนเดิม ตอนนี้ดูกวนเข้าไปใหญ่ พลันอีกฝ่ายก็เดินไปหาพี่ดื้อ โดดขึ้นไปนั่งตัก กอดคออีกฝ่ายหมับ ปากก็ว่ารัว ๆ
“ข้อยน่าฮักกว่าหลาย เนอะอ้าย (ผมน่ารักกว่าเยอะ เนอะพี่)”
คราวนี้เป็นผมบ้างละที่เบ้ปากรัว ๆ

โอ้โห มึงก็ชมตัวเองได้ไม่ดูขนาดตัว ตัวอย่างถึก ขึ้นไปนั่งตักพี่ดื้อที่ตัวถึกพอกัน มึงคิดว่ามันคงน่ารักตะมุตะมิมากสินะ โอ๊ย! แขยง!

รังเกียจขึ้นมาทันที หมั่นน้ำหน้าอะไรแบบนี้ อยากจะร้องเป็นเพลงแล้วไปพ่นใส่หน้ามันรัว ๆ ดีที่พี่ดื้อพูดขึ้นมาก่อน
“ปั้นก็ขี้แกล้งแบบนี้แหละเหนือ ไม่ต้องไปใส่ใจ แค่หยอกน่ะ”
“ครับ” ผมกัดฟันตอบรับ ยิ้มเกร็งจนหน้านี่แทบจะตะคริวกิน ขณะที่พี่ดื้อหันไปดุปั้นรัก
“ปั้นก็อย่าใจร้ายกับเหนือนัก เรามาขอเค้าพักนะ”
“I’m not mean. I’m honest. (ไม่ได้ใจร้าย แค่จริงใจ)”

ปั้นรักตอบกลับในทันที คราวนี้ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันจ๋า คงคิดว่าผมฟังไม่ออก แต่ขอโทษเถอะ เข้าใจชัดแจ้งแดงแจ๋เลยล่ะ แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่าท่าทางยักไหล่ ยักคิ้วหลิ่วตาประหนึ่งว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่มันพูดออกไปแบบนั้น

จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ แต่อย่างน้อยแฟนมึงก็เคยชอบกูมาก่อนเว้ย! กูเคยอ่อยแฟนมึง เคยชวนไปแซ่บด้วย แต่แฟนมึงไม่เอา!

แต่เอ... เรื่องนี้ไม่ควรไปเกทับ ธารเริ่มจ้องเขม็งอีกละ ควรเก็บปากเก็บคำไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เดี๋ยวธารรู้ว่าเมื่อก่อนผมเคยอ่อยพี่ดื้อจะเป็นเรื่องอีก

ขอโทษนะครับน้องธารที่พี่เหนือปิดบัง แต่อดีตก็คืออดีต ผ่านไปแล้วก็ปล่อยไปเนอะ
 
 
 
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-08-2016 14:39:00
ตอนพิเศษมาให้คิดถึงเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดึงดาว ที่ 21-08-2016 14:29:40
3 วันก็อ่านจนจบ
บอกเลยมาเพราะเป็นเด็กช่างนี่แหละ อยากอ่านแนวเด็กช่างมานาน มาเจอชั่งใจ ตอบโจยท์เลยค่ะ น่ารัก แซ่บ โหด หึง หื่น มาเต็มโดยพี่เหนือร้อยชื่อเลย ตอนแรกๆก็ตามท้องเรื่องเด็กช่างเลย พี่เหนือก็นะตอดน้องธาร เต๊าะซะจนเราหลงรักน้องธารมาอีกคน มีดราม่าบ้างแต่ก็กรุบกรอบพอรับได้
อีกอย่างที่ขอบ คือ ได้บรรยากาศจีบเด็กช่างจริงๆจากพี่เหนือเลย ทำเอาเราผูกพันไปกับตัวละคร แต่ตอนนี่น้องธารก็โตแล้วสินะ ก็ดูแลพี่เหนือๆดีๆล่ะ
รักพี่เหนือ น้องธาร
ขอบคุณ คนเขียน

((ตัวอย่างตอนพิเศษทั้่งหลายพาเอาเราค้างง ขอเก็บเงินก่อนเถอะ อ้อยมากมาย))
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 26-08-2016 10:32:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 03-09-2016 11:45:58
อ่านจบด้วยความว่องไว แล้วจะตามไปอ่านตอนพิเศษต่อในเล่ม เปย์รัวๆให้หน่องธารของพี่ อร๊ายยยยยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 19-09-2016 00:06:48
 o13 o13
ชอบสุดๆๆๆเรื่องนี้
ขอบคุณนักเขียนค่า

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 29-09-2016 07:00:35
พี่เหนือนี่แรดดีจริง ๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม Ep.10♦20/08/59
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 12-11-2016 10:59:55
Ebook นิยายเรื่อง ‘ช่างใจรัก’ ค่ะ
ราคาจะถูกกว่าแบบรูปเล่มเพราะตัดค่าต้นทุนกระดาษออก ไปดาวน์โหลดตามนี้น้า

* ช่างใจรัก เล่ม 1
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=50052

* ช่างใจรัก เล่ม 2
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=50051

* ช่างใจรัก: ช่างเต๊าะ (ตอนพิเศษ)
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=50050

หากใครต้องการแบบหนังสือ ติดต่อได้ทางหน้าเพจจ้า
https://www.facebook.com/NooDangzzz/
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 16-10-2017 21:14:48
โอ้ย ชอบมากกกกกกก แสงเหนือนี่ผิดลุคเคะไปนิด หื่นตลอดดดด มันควรเป็นเมะไหมเธอ แสงเหนือออ 5555 แต่ชอบๆ ทั้งสนุกเศร้า ครบรสเลย
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 24-10-2017 19:36:54
สนุกมากๆ ตลกๆ แล้วชอบแบบชอบธารใจพระเอกของเรื่องน่ารักไสยๆเหลือเกิน :z1:
นายเอกก็สุดหื่นสุดฮา นางชอบมโน :oo1:
มาร์กี้แรดเปิดเผย แต่แสงเหนือนี้แรดเงียบแอบแซ่บธารใจตลอดเลย นางเตาะพระเอกแบบอยากได้อยากโดนสุดติ่ง ธารใจนี้ทั้งแกล้งทั้งด่า แต่ก็ไม่เคยห่างแสงเหนือไปไหน นางรักของนางเนอะ :impress2:
เรื่องนี้สนุกมากๆ คนเขียนเก่งจังค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 26-01-2018 16:07:36
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 11-02-2018 20:23:14
ดีนะ หักห้ามใจกันหมดฝึกงาน ไม่งั้นอาจมีดราม่า 555
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 21-03-2018 12:10:02
แบบพระเอกเรื่องนี้ น่าหยิกมากเวลาเขิน 55

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: TheLemongrass ที่ 21-03-2018 13:51:50
ชอบเรื่องนี้ สนุกมาก รักน้องธาร  :-[ พี่เหนือน่ารัก :hao3:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 28-06-2018 11:45:35
ขอบคุณมากๆนะคะชอบมากเลย ตลกก็หัวเราะจนแม่ด่า เศน้าก็ร้องไห้เหมือนเขื่อนแตก ที่สำคัญตรงกับสถานะความรู้สึกตอนนี้มาก มันใช่มากๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
:hao5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 02-07-2018 22:22:51
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 22-09-2018 00:16:36
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 13-06-2020 17:01:39
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 26-05-2021 00:08:34
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
คุณเคยฟังเพลงเก่า แล้วนึกถึงวันเก่าๆ ไหม
คุณเคยดูหนังจบ แต่มันไม่จบแล้วเพ้อฝันตามไหม
ใช่ครับผมกำลังรู้สึกแบบนี้ตอนนิยายจบ จะหาว่าบ้าก็ได้ เพราะมันคิดถึงตอนอ่านนิยายวายครั้งแรกตอน ม.2 ที่หลายคนในเล้าเป็ดอ่านกันเม้นกันหลายร้อยหน้า แต่ว่าผมจะ 30 แล้วนะ เป็นนิยายอีกเรื่องที่อยู่อยู่ในความทรงจำดีๆ ตัวเรื่องมีความกลมๆ ไม่แบนเลย ภาษาเหนือนี้ชอบมากๆ สีสันบรรยายกาศอย่าพูดถึงเลยว่าเข้ากันดีถึงไม่ใช่เจ้าถิ่นแต่มันหลากหลายบรรยากาศดี แต่เชื่อเถอะผมเคยไปผับปีกัสโซ่แค่ครั้งเดียว ทำให้นึกถึงเลยว่าเคยไป...ทั้งที่ในเรื่องนี้ไม่ได้มี สุดท้ายนี้คงจะไม่บอกว่าชอบก็คงไม่เชื่อ
ชอบครับ เป็นนิยายที่นายเอกแรดที่ผมอ่านเป็นเรื่องแรกที่จบเลยก็ว่าได้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 07-06-2021 19:32:00
สนุก พี่เหนือแซ่บมากๆ ค่ะ
ชอบมากกกกกกก   :pig4:
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 12-06-2021 14:51:03
จบแล้ว  สนุกน่ารักดี
อีพี่เหนือก็หื่นสุด หื่นได้ทุกสถานที่
แต่ทำไมเราชอบคู่โรมกับจอมแก่น อยากอ่านคู่นี้
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 25-03-2024 20:02:42
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)
หัวข้อ: Re: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 26-03-2024 20:41:46
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)