⊰บงการส่งท้าย:⊱
“มีอะไรวิณณ์” เบียทรีซเอยถามพร้อมดวงตาสีทองสว่างที่หันมามอง ตอนนี้พวกเรานั่งเล่นอยู่บนเตียงโดยเบียทรีซกำลังทอดสายตามองหิมะซึ่งกำลังตกหนักอยู่นอกหน้าต่างตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา
“เปล่ามีนี่” ผมตอบแล้วก้มหน้าลงไปมองราสสัตว์ปิศาจในร่างเล็กกำลังนอนหงายท้องให้ผมลูบเล่นอยู่บนตัก เพิ่งรู้ตัวตอนถูกเรียกว่าตัวเองหันไปมองเบียทรซอยู่ เรียกว่าเป็นการกระทำที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวก็ไม่ผิดนัก
“คิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามองมารึไง”
“...ก็ไม่” ต่อให้ไม่ได้มองมาแต่เบียทรีซสามารถรับรู้ได้อยู่แล้ว
“งั้นก็บอกมาว่ามองอะไร”
“มองคุณ” สาบานได้ว่าไม่ได้กวนอารมณ์หรือยียวนให้อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นแต่อย่างใด
ก็ถามมาว่ามองอะไรผมก็ไปตามความจริงล้วนๆ
“เดี๋ยวนี้กล้ากวนข้า?” เบียทรีซหรี่ตาลงขณะขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น
“...เปล่า”
“ตอบมา”
“แต่...”
“ไม่มีแต่วิณณ์”
“คุณจะบังคับผมเหรอ” ผมถามกลับ
“เจ้าพูดผิดไป” อีกฝ่ายยกยิ้มขึ้น
“ตรงไหน”
“ข้าไม่ได้บังคับแต่กำลังสั่งเจ้าอยู่ เข้าใจนะวิณณ์”
“...” อยากจะตอบเหลือเกินว่าไม่เข้าใจ
คำว่าบังคับกับคำสั่งความหมายโดยรวมไม่ได้จะต่างกันเลยในความคิดผม ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชานี่มีนิสัยเหมือนแบบนี้กันหมดรึเปล่านะ ต้องการอะไรก็ต้องได้ อยากรู้อะไรก็ต้องรู้ เอาแต่ใจและไม่ชอบให้ใครมีความลับต่อตนเอง
ถึงนิสัยจะเป็นแบบนั้นแต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี ข้อเสียของเบียทรีซมีเยอะก็จริงทว่าข้อดีก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน ความใจดีและห่วงใยแฝงอยู่ในประโยคคำสั่ง ความอ่อนโอนและความน่ารักนั้นก็แฝงอยู่ในหลายๆ การกระทำ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นประกอบออกมาเป็นเบียทรีซที่ผมรักมาก
“วิณณ์” พอไม่ได้รับคำตอบเบียทรีซก็เรียกผมเพื่อเร่งรัดเอาคำตอบ น้ำเสียงออกคำสั่งเริ่มแข็งขึ้น อาจมีแค่ผมละมั้งที่สามารถรับรู้ได้ว่าภายใต้น้ำเสียงแข็งๆ นั่นเต็มไปด้วยความอยากรู้ราวกับไม่มีต้องการให้ผมปิดบังเรื่องใดกับเขา
“...ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก” เพราะตอนแรกเผลอมองไปโดยไม่รู้ตัวผมเลยต้องมานั่งย้อนนึกว่าตัวเองมองเบียทรีซไปทำไม
“ข้าจะเป็นคนตัดสินเองว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ”
“คิก...” ไม่รู้ว่าทำไมถึงหลุดคำออกไปกับคำพูดนั่น รู้แค่ว่าตอนนี้ราชาของโลกปิศาจช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“วิณณ์!” ผมไม่ได้กลัวน้ำเสียงกดต่ำของเบียทรีซเลยสักนิด
“ผมมองเส้นผมสีดำของคุณ ก็แค่นั้น” ในเมื่อถูกทั้งสายตาทั้งน้ำเสียงกดดันมามากนาดนี้คงไม่เหลือทางเลือกอะไรนอกจากบอกไปตามตรง
“ผมข้า? ทำไม” เบียทรีซถามต่อพลางเหล่มองเส้นผมของตัวเอง
“ดูจะยาวขึ้นเยอะแล้ว”
“แค่นั้น?”
“อืม” ผมพยักหน้าส่งไปให้
“เรื่องเล็กแค่นี้เนี่ยนะ” อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนหงุดหงิดที่ต้องมาเสียเวลาเค้นหาคำตอบมาหลายสิบนาที
“ผมบอกแล้วไปแล้วนะ” ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรก็ยังจะให้ตอบอยู่นั่นแหละ
“ไม่มีอย่างอื่นแล้ว?”
“...ก็เหมือนจะมี...”
“ว่ามา อย่าให้ข้าต้องเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ” เข้าใจความรู้สึกของเบียทรีซล่ะนะ ถามมาตั้งนานแต่กลับได้คำตอบกลับไปแค่นั้น
“เบียทรีซตอนไว้ผมยาวประมาณนี้...หล่อดี” ผมใช้มือจับเส้นผมสีดำของเบียทรีซม้วนเล่นระหว่างพูด ผมสีดำไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผมเพราะที่โลกมนุษย์คนผมดำมีเยอะแต่ผมของของเบียทรีซถึงจะดำเหมือนกันแต่ต่างจากมนุษย์ เวลาสะท้อนกับแสงไฟหรือดวงจันทร์สีดำนั่นจะทอประกายราวกับจะบอกเหล่าผู้พบเห็นว่าตัวตนของตนเองนั้นแตกต่างออกไป
“หึ หลงข้าขึ้นมาแล้วรึไง” รอยยิ้มของเบียทรีซดูจะชอบใจอยู่ไม่น้อย
“...คิดเองเออเอง” ผมลองใช้คำที่เบียทรีซมักจะบอกกับผมบ้าง
“กวนข้าขนาดนี้อยากได้รางวัลรึไงวิณณ์”
“รางวัลอะไร อื้ออ~” คำพูดถูกกลืนหายยามริมฝีปากของเบียทรีซแนบชิดลงมา ปลายลิ้นนั้นรุกล้ำเข้ามาเกี่ยวพันสร้างรสสัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่ว่าจะจูบกันสักกี่ครั้งก็ไม่ชินสักที
ความร้อนรุ่มถูกกระตุ้นเพียงแค่ริมฝีปากและปลายลิ้นของพวกเราสัมผัสกัน จูบของเบียทรีซทำให้ผมจมดิ่งลงไปในห้วงของอามรณ์และความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุด ถูกล่อลวงและบังคับให้ยินยอมต่อรสสัมผัสนั้นอย่างไม่รู้ตัว ในสมองขาวโพลน รับรู้ได้เพียงความรู้สึกดีจากเบียทรีซเท่านั้น
“นี่คือรางวัลที่กวนข้าถึงสองครั้ง” เบียทรีซเอ่ยพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นหลังยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ
“...รางวัลตรงไหนกัน” ผมบ่นอุบอิบพลางใช้ฝ่ามือตัวเองแตะบริเวณแก้มเพื่อคลายความร้อนที่กำลังพุ่งสูงขึ้นด้วยความเขิยปนอาย
“ว่าอะไรนะ”
“เปล่า” เชื่อเถอะว่าถ้าผมพูดอะไรมากคงได้โดนจูบอีกรอบแน่ ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเวลาจูบกับเบียทรีซเพียงแค่ความต้องการอันมหาศาลที่สื่อผ่านปลายลิ้นทำให้ผมแทบทนไม่ไหว
“ผมเจ้าก็ยาวขึ้นเยอะเหมือนกัน” อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง
“ฮืม? อ้อ...จริงด้วย ยาวขนาดนี้แล้ว” ก่อนหน้าเส้นผมจะอยู่ประบ่าแต่ตอนนี้กลับยาวเลยบ่าลงมาประมานิ้วนึงได้ เพราะไม่ได้สนใจเลยเพิ่งมารู้สึกตัวตอนถูกทักแบบนี้
“ไม่ได้รู้ตัวเลยสินะ”
“ผมไม่ค่อยได้สนใจนี่ ผมตัดได้ไหม”
“ไม่เห็นต้องมาถามข้า หรือเจ้าอยากจะทำตามที่ข้าชอบ” เบียทรีซพูดขึ้น
“...แล้วแบบนั้นไม่ได้เหรอ” ความหมายของประโยคก็ตามนั้นแหละ ถ้าเบียทรีซชอบแบบไหนผมก็จะทำตามแบบนั้น ก่อนหน้านี้ผมก็เคยถามความเห็นของอีกฝ่ายมาก่อนแต่เป็นความรู้สึกคนละแบบกัน ตอนนี้พวกเราเป็นคนรักกันเพราะงั้นผมเลยอยากไว้ทรงที่เบียทรีซชอบ
นี่ผมคงหลงเบียทรีซตามที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ นั่นแหละ ไม่ใช่แค่คำว่าหลงแต่ต้องเติมคำพ่วงท้ายไปด้วยอีกคำคือรัก
ผมหลงรักเบียทรีซ
รักมากขึ้นในทุกๆ วันที่ได้อยู่ร่วมกัน
“เจ้านี่นะ จะทำให้ข้าหลงไปถึงไหน” เบียทรีซจูบเบาๆ ยังหน้าผากผมระหว่างพูด
“อื้อ แล้วสรุปยังไงตัดดีไหม”
“สั้นกว่านี้หน่อยก็ดี เจ้าไม่ชอบให้ผมมันโดนไหล่ใช่ไหมล่ะ”
“อืม ใช่” ผมไม่ชอบจริงๆ นั่นแหละ ว่าแต่ทำไมเบียทรีซถึงรู้ได้ล่ะ
“ไว้พรุ่งนี้ข้าจะตัดให้”
“รอว่างก่อนก็ได้นะ พรุ่งนี้มีประชุมนี่”
“ไม่ได้ประชุมทั้งวันสักหน่อย”
“ถ้าคุณพูดแบบนั้นก็ได้”
“จบเรื่องผมเจ้า แล้วข้าล่ะ” ผมถึงกับขมวดคิ้วเมื่อบียทรีซอยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง
“ผมไม่เข้าใจ” ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการถามหรือสื่ออะไร
“ข้ากำลังถามว่าเจ้าจะให้ข้าทำยังไงกับผมของตัวเองดี”
“...หมายถึงจะตามใจผม?”
“ทีเจ้ายังตามใจข้าทำไมข้าจะทำบ้างไม่ได้ล่ะ”
“เบียทรีซ” ผมถึงกับหลุดยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยิน
“หึ ยิ้มกว้างไปแล้ว” เบียทรีซเองก็ยิ้มไม่ต่างกับผมหรอก
“ผมว่าคุณเหมาะกับทุกทรงนะ ถ้าไว้ยาวสักหน่อยผมขอทักเบียได้ไหม” ผมถามเสียงเริงร่าผิดกับคนฟังที่เริ่มแผ่รังสีแปลกๆ ออกมา
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียววิณณ์”
“ไม่ชอบผมเปีย?”
“มันเหมาะกับราชาอย่างข้ารึไง”
“...ก็ไม่ค่อยเหมาะ” พอลองนึกภาพเบียทรีซถักเปียสองข้างเดินไปเข้าร่วมประชุมนอกจากจะหัวเราะไม่ออกแล้วยังเห็นลางไม่ดีอย่างการระเบิดพลังปิศาจออกมาด้วย
“ตั้งใจคิดหน่อย”
“ไว้แบบนี้ไปก่อนก็ได้นี่ พอผมคุณยาวประมาณนี้แล้วให้ความรู้สึกอ่อนโยนขึ้น” ตอนนี้ผมของเบียทรีซยาวใกล้เคียงกับผมคือต่ำกว่าบ่าลงมานิดนึง ปกติเบียทรีซจะไว้ผมพอดีกับบ่า
“เจ้าชอบแบบนี้?” เบียทรีซถามต่ออีก
“อืม” ผมพยักหน้าตอบกลับ
“งั้นก็ได้”
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณอะไร”
“ขอบคุณที่รักผม”
“...อะไรของเจ้า” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแปลกใจไม่น้อยเลยกับคำพูดของผม
“ผมแค่อยากพูดน่ะ ขอบคุณที่รักผมนะเบียทรีซ” ผมอาจเคยบอกรักเขามาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยได้ขอบคุณเรื่องนี้เลยสักครั้งเดียว
“เจ้านี่มันแปลกจนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ”
“แปลก?” ผมน่ะเหรอ แปลกยังไงกัน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเป็นข้าต่างหากที่ต้องพูดประโยคนั้นกับเจ้า”
“...” หมายถึง...
“ขอบคุณที่รักข้าวิณณ์” น้ำเสียงของเบียทรีซนุ่มนวลและอ่อนโยนมากกว่าครั้งไหนๆ เช่นเดียวกับริมฝีปากที่แนบสนิทจนไม่เหลือช่องว่างใดๆ
รสสัมผัสของจูบในครั้งนี้ไม่ได้เล่าร้อน ไม่ได้ดูดดื่มแต่ช่างอ่อนโยน ละเมียดละไมจนผมแทบจะหลอมละลายไปกับความหวานละมุลอันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เป็นความรู้สึกที่เกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ความหวานของรสจูบกลืนกินทุกประสาทสัมผัสให้เหลือเพียงกันและกันอย่างไร้ที่สิ้นสุด...
งี๊ดด~
เสียงร้องครางของราสดังลั่นยามถูกเบียทรีซซึ่งขึ้นคร่อมผมอยู่ทิ้งน้ำหนังลง ทำให้ราสที่อยู่แถวหน้าท้องถูกทับ พวกเราทั้งคู่ผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว อารมณ์เปิดเปิงหายวับไปกับตา เหลืองเพียงแค่ความเขินอายที่มีพลังทำลายสูงจนแทบละลายกลายเป็นไอ
“ขะ...ขอโทษราส เป็นอะไรไหม” ผมอุ้มราสขึ้นมาแนบอกสลับกับลูบเส้นขนสีดำสนิทนั่นเบาๆ
“ชิ เจ้าจงใจสินะ” เบียทรีซพูดระหว่างจับจ้องไปยังราส ดวงตาสีทองสองคู่กำลังประสาทกันอย่างไม่มีใครยอมใครเป็นภาพที่คนมองอย่างผมได้แต่มองนิ่งอยู่อย่างนั้น
งี๊ดด~
“คิดว่าข้าไม่เห็นว่าเจ้ากระโดดขึ้นมาอยู่บนท้องวิณณ์รึไง”
งี๊ดด~
“ฮะ กล้าฮือข้า?!”
งี๊ดดด~
“เจ้า!”
“เอ่อ พอเถอะ อย่าทะเลาะกันเลยนะ” ผมแยกเบียทรีซกับราสออกจากกันก่อนจะเกิดศึกระหว่างราชาปิศาจกับสัตว์ปิศาจราลามอส
“โยนมันไปนอนนอกปราสาท!”
“ตอนหิมะตกเนี่ยนะ” ภาพหิมะสีขาวโพลนยังตกกระหน่ำลงมาไม่หยุดเลย
“งั้นก็โยนไปนอกห้อง”
“อย่าใจร้ายสิเบียทรีซ”
“นี่ข้าปราณีมันมากแค่ไหนแล้ว ขัดจังหวะได้ตลอด” นอกจากเสียงแล้วยังทำหน้าหงุดหงิดอีก
“ก็นี่เป็นเวลาที่ผมต้องกล่อมราสนะ” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมต้องลูบราสจนกว่าอีกฝ่ายจะหลับแล้วอุ้มลงไปนอนยังเบาะข้างเตียง มีหลายครั้งที่เบียทรีซเข้ามาขัดเลยถูกราสหงุดหงิดใส่โดยการใช้ปีกตบหน้าบ้าง ส่งเสียงครางยาวบ้าง
เหมือนกันราวกับเป็นพี่น้องเลยเบียทรีซกับราสนี่
“ได้ กล่อมมันเสร็จเมื่อไหร่เจ้าต้องมากล่อมข้าจนกว่าจะหลับบ้างเตรียมใจไว้เลย”
“ฮะ?” แม้จะงงและสงสัยกับคำพูดนันแต่เมื่อราสหลับผมก็ได้รู้ซึ้งถึงความหมายของประโยคเมื่อครู่ อย่าว่าแต่จะกล่อมให้หลับเลยแค่ทำให้สงบลงยังต้องใช้เวลาไปเกือบค่อนคืน
นี่มันไม่ใช่การกล่อมแล้ว!
..............................................................
มาเสิร์ฟความหวานส่งท้ายค่า
มีใครคิดถึงทั้งคู่ไหมนะ
บทส่งท้ายก็ยังคงความหวาน+หื่นเล็กๆ 555+
สารภาพว่าเรื่องนี้เราแต่งไปหัวเราะไปมีความสุขมากๆ เลย เพิ่งเคยแต่พระเอกที่มีนิสัยแบบนี้ครั้งแรก ค่อนข้างชอบทีเดียว
หวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะชอบเช่นกันนะคะ
วันนี้มีอีกข่าวมาแจ้งคือการเปิดพรีค่ะ
เปิกจองตั้งแต่วันนี้-15 ก.ย.62
- ราคา 590 บาท (2 เล่มจบ)
+ ตอนพิเศษภายในเล่มมีทั้งหมด 7 ตอน(อ่านกันอย่างจุใจ)
>ตอนพิเศษ1 วันเกิดของผม
>ตอนพิเศษ2 ยั่วยวน
>ตอนพิเศษ3 ยาปลุก
>ตอนพิเศษ4 เมื่อเบียทรีซป่วย
>ตอนพิเศษ5 ปิคนิก? เดท?
>ตอนพิเศษ6 บ่อกลางแจ้ง
>ตอนพิเศษ7 ราส
- พิเศษเฉพาะรอบจอง รับเล่มมินิ 1 เล่ม
ใครสนใจสามารถเข้าไปจองกันได้นะคะ
ลิ้งค์จอง>>
www.bookishhouse.com/category/2/pre-orderลิ้งค์สนพ.>>
https://www.facebook.com/BookishHouseTH/ หรือสามารถดูรายละเอียดได้ทางเพจ >>nicedog<< ของเรานะคะ
ขอฝากผลงานอีกเรื่องนะคะ❤️
บ๊ายบายค่าา
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪