ผมถามตัวเองว่ารู้สึกยังไงที่มันกลับมา
ความรู้สึกแรกคือ โล่งใจ
โล่งใจที่มันปลอดภัย
โล่งใจที่มันกลับมาในสภาพครบสามสิบสอง
แต่ความรู้สึกต่อมาคือ ตัวเองกำลังโดนไอ้สองพี่น้องนี้หลอกใช่ไหม
หลอกให่ห่วง
หลอกให้กังวล
และหลอกให้คิดถึง
ผมกำลังจะเคาะประตูห้องนอนไอ้มอส แต่มันก็ดันเปิดออกมาพอดี
หรือว่าความบังเอิญในโลกนี้อาจจะมีอยู่จริงๆก็ได้
ผมไม่ต้องใช้คำพูดอะไรมันก็ถอยหลังกลับเข้าห้องไปอย่างเดิม ส่วนผมเดินตามมันไปติดๆและไม่ลืมที่จะปิดประตูและล็อคให้อย่างเรียบร้อยเสร็จสรรพ
"สั้นๆ ง่ายๆ กระชับ ได้ใจความสมบูรณ์ พูด!" ผมออกคำสั่งกับมัน มันนั่งปลายเตียงก้มหน้าเอามือสองข้างถูกันไปมา ผมจับจ้องมันทุกอิริยาบถ ไอ้สองพี่น้องนี่มันลูกมันเยอะ พลาดซักเสี้ยววิก็อาจเสียท่าพวกมันได้
"พี่ศิน เอาผมไปสาบานวัดไหนหรือศาลไหนกฌได้ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ เฮียหายออกไปจากบ้านแล้วพอพี่มานอนคืนนี้เฮียก็ดันกลับมาพอดี"
"มันจะบังเอิญขนาดนั้นจริงเหรอวะ"
"ถึงผมจะชอบแกล้งชอบอำ แต่ผมก็คงไม่เอาความรู้สึกของพ่อกับแม่มาเล่นหรอกครับ พี่เชื่อผมเหอะนะ"
ผมใช้เวลาหลายวิในการคิดอย่างรอบคอบ
ก็จริงอย่างที่มันพูดเพราะพ่อกับแม่ของมันก็ดูห่วงคุณเต้ยมาก
"กูเชื่อมึงก็ได้"
"ขอบคุณครับ "
"เออ! งั้นกูกลับละ"
"แล้วพี่จะเอาไงต่อ" นั่นสิผมต้องทำไงต่อไป กลับไปเป็นอย่างเดิมหรือเริ่มทุกอย่างใหม่
ผมไม่ตอบมันเพราะผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
เดินเข้ามาในห้อง
ตึ่ก!!!! เสียงใจผมเต้นเองแหละ
มันนั่งหัวเตียงและกำลังจับจ้องผมทุกย่างก้าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนผมรู้สึกว่าการย่างแต่ละก้าวมันกลายเป็นเรื่อง
ยากเย็นไปซะแล้ว
ผมนั่งลงตรงปลายเตียงปุ๊บแล้วความเคลื่อนไหวก็เกิดขึ้นด้านหลังปั๊บแต่ก็ไม่อยากหันไปมอง
ความรู้สึกทั้งหลายกำลังตีรวนอยู่ในอกและในหัว
แต่สิ่งความรู้สึกที่เด่นที่สึดตอนนี้ คือ ผมดีใจที่เห็นหน้ามัน
"หายไปนาน มึง คิดถึงกูไหม?" คำถามแบบจู่โจมเข้ามากระแทกใจผมดังปั้กพร้อมกับรู้สึกว่มีคนมานั่งซ้อนข้างหลังถึงจะไม่ได้แนบชิดแต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าจะรับรู้ถึงความอุ่นจากร่างอีกคนหนึ่ง
"ไม่คิดถึงกันเลยเหรอ?" ครั้งนี้ในน้ำเสียงมีแววไม่มั่นใจ ไม่มีความขี้เล่นเหมือนตอนแรก
"อืม"
"มึงนี่ใจระ...."
"คำตอบของคำถามแรก" ผมตอบออกไปโดยบังคับให้เสียงตัวเองนิ่งมากที่สุด
แล้วผมก็รู้สึกถึงความแนบชิดจากข้างหลัง ไม่ได้แนบชิดขนาดเนื้อเดียวกันแต่แค่ลัดนิ้วเดียวเราจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
แล้วจู่ๆมันก็เอาคางมันมาวางแหมะลงบนไหล่ผมพร้อมกับเสนอหน้าถามคำถามต่อไป
"ตอบให้เคลียร์ดิ กูโง่"
"คิดถึง" มันยิ้ม จนผมต้องเผลอยิ้มตามมันจนได้
ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกนะครับ เราบังคับอะไรมันไม่ได้เลยทั้งที่มันก็เป็นความรู้สึกนึกคิดของเราแท้ๆ
"แล้วเป็นห่วงไหม?"
"ห่วง" ผมตอบจบมันก็เอาหน้าขยี้กับไหล่ผมไปมาพอให้พอรู้สึกขนลุก
"เป็นหมารึไง ซุกอยู่ได้" ผมนั่งตัวเกร็งจากการกระทำของมันไปหมดแล้ว มันคงรับรู้ได้เลยนวดเบาๆตรงไหล่ทั้งสองข้าง
"เดี๋ยวนี้มึงกล้าพูดหยาบคายกับกูแล้วเหรอ ฮึ"
"อย่ากัดครับ....เป็นหมาไปแล้วจริงๆใช่ไหม?" มันกัดมาตรงไหล่แถมยังสะบัดหน้าไปมาอีก
"ถ้าเป็นหมาแล้วยังมีมึงข้างๆอยู่อย่างนี้ กูก็ยอมนะ"
"พูดแบบนี้ไม่สมกับเป็นคุณเต้ยเลยนะ"
"งั้นเหรอ? แล้วถ้าสมกับเป็นคุณเต้ยของมึง กูต้องเป็นยังไงเหรอ?" มันกลับเอาคางมาเกยบนไหล่ผมนิ่งๆเหมือนเดิม
"แค่อย่าทำให้ผมเป็นห่วงคุณอีกก็พอ" ผมขยี้ผมมันเบาๆมือ แต่ดันไปเห็นสายตาเริ่มจะเจ้าเล่ห์ของมันเลยเปลี่ยนเป็นขยี้ซะแรงและไสหัวมันออกจากบ่าผมในที่สุด
ผมหันไปมอง มันกลับไปนั่งตรงหัวเตียงเหมือนตอนแรก
"ส่วนกูโคตรจะคิดถึงมึงเลย คิดตลอดว่ามึงจะรู้สึกไหมว่ากูหายไป แล้วมึงจะห่วงกูไหม คิดถึงกูไหม"
"ถ้าคุณคิดถึงผมจริง คุณจะหายไปจากผมทำไม?"
"อยากลองใจมึงมั้ง" คำตอบแบบทีเล่นทีจริง
"คุณไม่ควรทำแบบนี้ ลงกับป้าคุณรวมถึงไอ้มอสเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม"
"รู้ก็เลยรีบกลับมา ตอนแรกกะว่าจะไปเที่ยวเล่นอีกซักเดือนสองเดือน"
"แล้วไปไหนมาบ้างครับ"
"ก็หลายที่ แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันเลย ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน แต่ในทุกๆที่กูก็ยังคิดถึงมึงเหมือนเดิม"
"งั้นคราวหน้าผมขอไปด้วยได้ไหม ผมก็ชอบเที่ยวเหมือนกัน"
"ได้ แต่มึงต้องยอมเป็นแฟนกูก่อน เพราะกูตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคนที่กูตั้งใจจะพาไปเที่ยวแบบนี้ได้ต้องเป็นแฟนกูคนเดียวเท่านั้น"
"อ่อ......ครับ" จุก
"ครับ ของมึงนี่คือการปฏิเสธกูแล้วใช่ไหม"
ผมไม่ตอบคำถามนี้ของมัน แต่เลือกที่จะพูดอย่างอื่นออกมา
"แต่ผมยังอยากจะมีคุณแบบนี้"
"มึงนี่มันก็เห็นแก่ตัวใช้ได้เลยเหมือนกันนะ" ผมรู้
"แต่ถ้าคุณอยู่ตรงนี้แล้วไม่โอเค คุณไม่ต้องอยู่ก็ได้" ผมกลั้นหายใจพูดจนจบ มันยากนะครับ กับการที่จะทิ้งอะไรที่เรายังรู้สึกว่ามีค่ากับเราอยู่
"
อืม.....................................กูว่าจะไม่อยู่แล้ว"
ผมหันไปมองมัน
ตามันยิ้ม
ปากมันยิ้ม
คุณเต้ยเหมือนคนกำลังมีความสุข
แล้วผมจะเอาหน้าที่ไหนไปทำลายความสุขของเขาได้อีก
"แต่คุณยังจะเป็นเพื่อนผมได้ใช่ไหมครับ"
"กูว่าไม่ดีกว่าวะ กูไม่ใช่คนใจกว้างที่จะรับคนที่กูเคยรักมาเป็นเพื่อนได้"
"แล้วทีกับคุณแป้ง" ผมเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่ นี่มันจะตัดขาดจากผมทุกทางเลยหรือไง
"กูกับแป้งเป็นเพื่อนกันมาตลอด แต่กับมึงไม่เหมือนกัน เพราะมึงไม่เคยเหมือนใครสำหรับกู"
"แล้วถ้าเจอกันโดยบังเอิญ คุณจะยังทักทายผมอยู่ไหม?"
"คงไม่วะ กูว่ากูจะย้ายไปเรียนที่ใต้ กูไปดูไว้คร่าวๆแล้ว กูชอบความเป็นอยู่ที่นั่น"
"คุณเต้ยไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ถ้าแค่ไม่ต้องการเจอหน้าผมอีก"
"ไม่อยากเจอหน้ามึงเหรอ ฮึ มึงรู้ไหมกูอยากเก็บมึงไว้ในอกกูด้วยซ้ำ เก็บไว้ให้กูคนเดียว เก็บไว้ไม่ให้ต้องมีใครมาเจอ"
ผมทำพลาดตรงไหน ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองเจ็บแปล๊บไปทั้งตัว
เจ็บจนไม่มีน้ำตาให้ไหลด้วยซ้ำ
ผมแค่อยากให้มันอยู่ข้างๆผมตรงนี้ มันจะเป็นไปไม่ได้จริงๆเหรอ
ห้องตกอยู่ในความเงียบพร้อมอากาศที่เย็นเฉียบ เย็นขนาดที่ทำให้ใจผมร้าวไปทั้งดวงแล้ว
ผมหันไปมองหน้ามัน มันไม่ได้หลบตาหรือแสดงอาการบ้าบออย่างผม แต่มันกำลังยิ้ม
คุณเต้ยคงคิดมาดีแล้วจริงๆ
เมื่อถึงทางตัน แค่ย้อนกลับไปทางเดิม
แต่ผมขอถามมันอีกหนึ่งคำถาม
ที่ถามเพียงเพราะอยากจะทำเพื่อมันเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะอะไรก็ได้
ผมอยากเห็นหน้ามันให้ชัดกว่านี้
ผมลุกเดินอ้อมเตียงแล้วนั่งลงข้างๆมัน ไม่ห่างจนเคว้งแต่ก็ไม่ถึงขั้นแนบสนิท
ความสัมพันธ์ของผมกับมันเป็นแบบนี้มาตลอด
มันมองหน้าผม ผมมองหน้ามัน
"เพราะผมใช่ไหม ที่คุณจะไป?"
"ใช่ เพราะมึง" คำตอบที่ตรงไปตรงมาของมันทำให้ผมจุกไปเหมือนกัน เล่นหมดคำพูดได้ในทันที
....
.....
........
..........
"แต่ไม่ใช่ความผิดของมึงเลย เพราะงั้นไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่ต้องขอโทษกู มึงอยู่ของมึงเฉยๆกูเองที่ไปหลงรักมึง ทั้งที่มคงก็บอกมาตลอดว่าเป็นไปไม่ได้ กูเองที่ดื้อด้าน กูเองที่พยายามไม่ยอมรับความจริง เห็นไหมมึงไม่ผิดเลย" มันยื่นมือมาดีดแก้มผมเบาๆ สองสามที จนผมเบี่ยงหน้าหลบ มันเลยยอมเอามือกลับไป
"แต่วันนี้กูยอมแล้ว กูยอมแพ้แล้วจริงๆ กูเอาชนะใจมึงไม่ได้ เพราะงั้นกูเลยต้องแพ้"
ผมถูกเลี้ยงมาให้เคารพการตัดสินใจของผู้อื่นมาตลอด
ถ้าผมขอให้คุณเต้ยอยู่ข้างๆผมต่อไป ผมคงกลายเป็นคนเหี้ยแห่งศตวรรษแน่
เจ็บให้สุด แล้วมันจะไม่เจ็บอีก!
"แล้วคุณจะไปเมื่อไร" ผมล้มตัวลงนอน ใช้แขนต่างหมอน ทั้งที่มีหมอนจริงๆอยู่แล้วรองอีกชั้นหนึ่ง ในขณะที่มันกึ่งนั่งกึ่งนอน
"คงต้องไปติดต่อมหาลัยก่อน แต่คงเร็วที่สุดละ"
"อยากไปจากผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?" ผมถามมันแบบไม่จริงจัง ถามเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"อืม" ผมเกลียดความตรงไปตรงมาของมันในตอนนี้ที่สุด เกลียดที่มันพูดโดยไม่หลบตา นั่นหมายความว่า มันพูดและคิดตามนั้นจริงๆ...
.....
........
.....................
.................................
..............................................
"รักฝ้ายใหมากๆ ดุแลฝ้ายให้ดี ให้มั่นคงกับฝ้ายแบบนี้ตลอดไป เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆคนหนึ่ง ถ้าเธอดีน้อยกว่านี้หน่อย กูคงทำเหี้ยๆได้ง่ายขึ้น "
"แค่นี้ก็เหี้ยพอแล้ว" ผมพูดล้อๆ มันยิ้มรับหัวเราะเอ๊กอ๊ากเหมือนกับพูดตรงใจเผง
"เนาะ เหี้ยขนาดนี้มึงยังไม่รับรักกูเลย"
"ผมจดูแลฝ้ายให้ดี คุณเองก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วย แล้วอย่ารักใครมากกว่ารักตัวเองนะครับ"
"อืม กูจะจำไว้......มา ให้กูกอดหน่อย" มันอ้าแขนกว้าง
เห็นแค่นั้นสมองผมยังไม่ทันได้สั่งการและประมวลผลใดๆ แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายกลับโผเข้าสู่อ้อมกอดมันจนมันเองเซไปเล็กน้อย
ยิ่งคิดว่าต่อไปผมจะไม่เห็นคนๆนี้แล้ว จะไม่ได้ยินเสียงกวนตีนๆแบบนี้อีก
ผมก็ยิ่งกอดมันแน่น แน่นจนขนาดที่ผมว่ามันต้องอึดอัด แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย แค่นาทีนี้เท่านั้นที่ผมจะไม่ปล่อย
เพราะนาทีต่อจากนี้ ผมต้องปล่อยมันไปตลอดชีวิต
"กอดกูแน่นขนาดนี้ ไม่อยากให้กูไปใช่ไหม?"
ผมไม่ตอบได้แต่กอดมันแน่นอยู่อย่างนั้น แน่นขึ้นอีกนิดเดียว เพราะมันไม่สามารถแน่นไปกว่านี้ได้แล้ว
"กูรู้นะศิน ว่ามึงไม่ได้เกลียดกู แต่มึงก็รักกูไม่ได้เหมือนกัน กูเลยต้องไป "
มันลูบหัวผมเบาๆคล้ายกำลังปลอบโยน ทั้งที่ผมควรเป็นฝ่ายปลอบมันมากกว่า
ผมมีบางอย่างอยากบอกมัน แต่คงบอกออกไปไม่ได้ ผมรักฝ้ายก็จริง แต่ผมก็รักมันด้วย
แต่ผมว่ามันคงรับรู้ความรู้สึกของผมได้
"กุรู้ศิน.....กูรู้ มึงแค่พูดออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง"
ผมจูบย้ำๆที่ไหล่มันหลายรอบ จนมันหลุดเสียงหัวเราะคิกๆออกมา
การจากลามันอาจจะเป็นเรื่องเศร้า แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
การจากลาวันนี้อาจจะเป็นต้นกำเนิดของสิ่งดีดีในอนาคตที่เราไม่อาจรู้ได้จนกว่าจะถึงวันนั้น
จบแล้วครับ
เข็นกันจนจับจนได้
ดิวตั้งใจให้จบแบบนี้นะครับ
ขอบคุณที่ยังอ่านกันนะครับ
ถึงดิวจะไม่อีพแบบต่อเนื่อง