หมายเหตุ ตำนานเก็นจิ (ญี่ปุ่น: 源氏物語; Genji Monogatari) เป็นงานเขียนของ มุราซากิ ชิคิบุ นางข้าหลวงในราชสำนักญี่ปุ่นสมัยเฮอัน หรือ เฮอันเคียว ซึ่งมีชิวิตอยู่ราวต้นศตวรรษที่ 11 ว่ากันว่า นี่คือนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก และมีการจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 1000 ปี ในปี 2008 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีหลักฐานสนับสนุนจากเนื้อความใน มุราซากิ ชิคิบุ นิกกิ (Murasaki Shikibu Nikki บันทึกของมุราซากิ ชิคิบุ) ซึ่งเธอได้เขียนบันทึกนั้นในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ค ศ.1008 ว่า ฟุจิวะระ โนะ คินโตะ (Fujiwara no Kinto) นักปราชญ์ราชบัณฑิตชั้นแนวหน้าในยุคนั้น ชื่นชมในงานเขียนของเธอเป็นอันมาก และบันทึกนี้ยืนยันกับเราให้ทราบว่า เธอเขียน บท วะกะมุราซากิ จบในเวลานั้นเอง (1 พฤศจิกายน ค ศ.1008) บางข้อมูลอ้างว่า มุราซากิ ชิคิบุ เริ่มเขียน ตำนานเก็นจิที่วัดอิชิยะมะเดระ ในคืนวันจันทร์เต็มดวงของวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ปี ค ศ. 1004
ตำนานเก็นจิ เป็นเรื่องราวชีวิตในราชสำนักของขุนนางและเจ้านายชั้นสูงในสมัย เฮอัน โดยมีตัวเอกชื่อ ฮิคารุ เก็นจิ ในเรื่องกล่าวถึงความสัมพันธ์ของฮิคารุ เก็นจิ กับผู้หญิงมากมายต่างลักษณะกันไป เป็นเรื่องราวที่ทำให้รู้ถึงการดำเนินชีวิต แนวคิด วัฒนธรรม ประเพณี ธรรมเนียมปฏิบัติ การเมือง ของชนชั้นสูงในสมัยเฮอัน โดยเขียนแบ่งออกมาเป็น 54 บท และแบ่งเป็น 3 ช่วง
ที่มา :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B4บทละครฮานะโนะเอ็ง (ญี่ปุ่น: 花宴; Hana no En; วสันต์สังสรรค์; อังกฤษ: Festival of the Cherry Blossoms หรือ Under the Cherry bossoms) เป็นบทที่ 8 ของตำนานเก็นจิ ผลงานของ มุราซากิ ชิคิบุ จากทั้งหมด 54 บท
ชื่อบท ฮะนะโนะเอ็ง ในตำนานเก็นจิ หมายถึง งานเลี้ยงฉลองในโอกาสที่ซะกงโนะซะกุระ เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ
เรื่องย่อ
ปลายเดือน 2 งานสังสรรค์ดอกซะกุระบานจัดขึ้นที่ตำหนักชิชินเด็ง เมื่อล่วงเข้ายามดึกดื่น เก็นจิผู้มึนเมาสุราพยายามลอบเข้าตำหนักฟุจิตสึโบะ ทว่าประตูตำหนักปิดสนิทแน่นหนา เขาเห็นประตูตำหนักโคกิเด็งซึ่งอยู่ใกล้เคียงแง้มอยู่ จึงลอบเข้าไป ณ โถงทางเดิน เก็นจิพบกับธิดาคนที่ 6 ของอุไดจิน นางกำลังชมจันทร์สลัวในคืนฤดูใบไม้ผลิ พลางเอื้อนบทกวีบทหนึ่งจาก ชินโคะคินวะกะชูแต่งโดย โอเอะ โนะ จิซะโตะ ว่า
朧月夜 (おぼろづきよ) に似 (に) るものぞなき
Oborozukiyo ni niru mono zo naki
โอะโบะโระซึกิโยะ นิ นิรุ โมะโนะ โซะ นะกิ
งามใดเปรียบงามจันทร์สลัวทอแสงหม่นมัวทั่วนภาฟ้าวสันต์
เก็นจิคว้าชายแขนเสื้อของนางไว้ พูดคุยกับนาง นางจำเสียงเก็นจิได้ และทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน ในคืนจันทร์สลัวหมอกของวันที่ 20 นางไม่ยอมบอกชื่อกับเก็นจิ ทั้งสองแลกเปลี่ยนพัดของกันและกัน ยามฉุกละหุกขณะที่ใกล้รุ่งเช้าผู้คนเริ่มตื่นขึ้นมา เพราะกวีที่นางเอื้อนเอ่ย เก็นจิจึงเรียกนางว่า โอะโบะโระซึกิโยะ
ธิดาคนที่ 6 ของอุไดจินนั้น จำต้องอภิเษกกับองค์รัชทายาทในเดือน 4 อุไดจินจัดงานเลี้ยงชมดอกฟุจิในเดือน 3 เขาเชิญเก็นจิมาร่วมงานด้วย ทั้ง ๆ ที่เป็นศัตรูทางการเมืองของกันและกัน ความสง่างามของเก็นจิล้ำเกินกว่าแขกคนใด ๆ ในงาน กระทั่งยังงดงามเหนือดอกฟุจิอันสะพรั่งในสวนเสียอีก หลังจากการแสดงสังคีต เก็นจิแสร้งเป็นเมามาย เข้าไปในเรือนส่วนที่ท่านหญิงธิดาอุไดจินพำนัก เพื่อเสาะหาสตรีเจ้าของพัด เก็นจิเอื้อนบทกวีหน้าม่าน ทันใดนั้น ผู้ตอบบทกวีของเขา ก็คือ โอะโบะโระซึกิโยะนั่นเอง
ที่มา :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%87คันโนะชิซึงะตะ เป็นเครื่องแต่งกายชายที่ไม่เป็นทางการสำหรับขุนนางระดับสูงสำหรับอยู่บ้าน ออกไปข้างนอก หรือเข้าร่วมงานรื่นเริง
ที่มา :
http://www.sengokudaimyo.com/garb/garb.html*//ใช้อีก Reply เพราะว่าจะใส่หมายเหตุค่ะ เลยขอต่อท้ายอีกนิด
ขอขอบคุณทุกท่านที่อินไปกับฮารุจังของเรา เขียนๆไปเราก็รู้สึกว่าฮารุโตะเป็นโรคซึมเศร้าละ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจให้ตัวละครของเราเป็นโรคนี้ค่ะ
ส่วนพ่อหนุ่มซากิ เราก็เขียนให้เขานิสัยไม่ดีนั่นแหละ แต่ดูท่าจะนิสัยแย่เกินกว่าจะเป็นพระเอกได้ อันนี้เราไม่ได้ตั้งใจ สารภาพตามตรงว่า พล็อตเรื่องตั้งแต่แรกซากิเป็นพระเอกคนที่หนึ่ง แล้วก็จะมีอีกคน แต่พล็อตที่ว่า เรื่องมันเลวร้ายกว่านี้ค่ะ และตอนก่อนที่เราจะนำเรื่องนี้มาลง เรารู้สึกว่า เขียนให้ซากิเป็นพระเอกมายาวมากแล้วจะเปลี่ยนนายคนนี้ออก มันก็แปลกๆเนาะ พระเอกอีกคนมันก็เลวไม่ต่างกัน และพล็อตที่ว่ามันเลวร้ายกับฮารุจังไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเลย อารมณ์ตอนคิดเรื่องคืออยากดราม่าสุดติ่ง แบบไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลย แต่มาเปลี่ยนใจเพราะเขียนไปก็ไม่น่าจะดี เนื้อหาก็ช้ำใจ ตอนจบยังช้ำใจอีก ถามตัวเราเองเราก็ไม่ชอบแบบนั้นอ่ะ
อดใจรอกันอีกหน่อยนะคะ แม้ฮารุจังของเราจะต้องเผชิญชะตากรรมกันต่อไป แต่เรารู้สึกว่าหลังๆนี่เบาลงแล้วนะ
เบาจนคนเขียนต่อเรื่องไม่ออกเลย สัมผัสได้ว่าตอนที่มีอยู่ในสต็อกกำลังลดเหลือน้อยลงเรื่อยๆอย่างช้าๆ//*