28. ก่อนสอบ
“ไหนวันก่อนพี่บอกว่าช่วยงานพ่อไง วันนี้ไม่ทำเหรอ”
พีทหันไปถามพี่ฮั่นที่แต่งตัวยังกะนักศึกษาอย่างเขา พี่ฮั่นมักจะใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์สีเข้ม บางวันก็มีหมวกหรือเสื้อกั๊กสวมทับ และเพราะพี่ฮั่นเป็นคนสูงใหญ่ รูปร่างดีอย่างนักกีฬาทำให้ดึงดูดสายตาคนทั้งมหาวิทยาลัย
ใครต่อใครก็เลิกสงสัยกันแล้วว่าพี่ฮั่นมาทำอะไรที่คณะของเขา ทุกคนในคณะของเขาเคยชินเสียแล้วที่เห็นพี่ฮั่นมานั่งรอเขาเรียน เพื่อนเขาหลายคนก็รู้จักคุ้นเคยกันดีกับพี่ฮั่น โดยเฉพาะสาว ๆ ในคณะ ทั้งสาวแท้สาวเทียมที่ตั้งตารอกันเลยทีเดียว
“ทำสิ” คนที่ขับรถตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน
“ทำตอนไหนล่ะ ตอนผมเรียนน่ะเหรอ” พีทหันหน้าไปมองคนที่ขับรถอยู่ เขาเลิกคิ้ว
“ใช่ ก็ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ไง”
เขาใช้เวลาตอนที่พีทเข้าเรียน สั่งงานทางอินเตอร์เน็ตหรือโทรศัพท์ บางครั้งบางคราวก็ให้เลขาเอาเอกสารที่เป็นเรื่องด่วนมาให้เซ็นที่มหาวิทยาลัย พีทไม่ทันสังเกตหรอก ก็ตอนนั้นหน้าเขาพีทยังไม่ค่อยจะมอง
“แล้วพี่ทำงานอะไร” พีทยังคงสงสัย
“ทำงานให้ลุงคริสไง”
“ทำอะไรล่ะ ทำไมไม่บอกให้ชัด ๆ ล่ะ” น้องยังถามอีก
“ทุกอย่าง”
“ไม่บอกผมอีกแล้วนะ” หน้าคุณชายเริ่มเหวี่ยงแล้ว
“ไม่บอกตรงไหน ก็ตอบคำถามทุกคำเลย” คนเป็นพี่ว่า ใบหน้าอมยิ้ม
เท่านี้พีทก็รู้ตัว
‘พี่ฮั่นกำลังแกล้งยั่วโมโหเขาอยู่ใช่มั้ย?’ “พี่อ่า แกล้งยั่วโมโหผมอีกแล้ว” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเขย่าแขนพี่ชายอย่างมันเขี้ยว
“เฮ้ย พีท พี่ขับรถอยู่” คนพี่ยกแขนหนี ทำเสียงดุไม่จริงจังนัก
“ชอบยั่วโมโหผมตลอดเลย สนุกรึไง” พีทโวย เหลือบตากลมมามองคนข้างกายอย่างขัดเคือง
“สนุกดีออก พี่ชอบดูหน้าเราตอนโมโหนี่” คนพี่ว่าแล้วเอื้อมมือใหญ่มาโยกหัวเขา
พี่ฮั่นหัวเราะเสียงเบา ดวงตาชั้นเดียวนั้นแทบปิดเวลาพี่ฮั่นหัวเราะแบบนี้ทำให้พีทมองหน้าพี่ฮั่นเพลินทีเดียว เขาชอบมองเวลาพี่ฮั่นหัวเราะ เพราะมันทำให้เขารู้สึกเป็นสุขไปด้วย
คนถูกมองเมื่อรู้ตัวก็ค่อย ๆ หยุดหัวเราะ จากนั้นก็เม้มปากแน่นเหมือนทำตัวไม่ถูกที่น้องชายจ้องมองไม่วางตา
พีทมองพี่ฮั่นจนพอใจแล้วก็หันหน้ากลับไปสนใจวิวข้างทางต่อ เพราะตัวเองก็เริ่มรู้สึกแปลกเช่นกัน เขาจ้องหน้าพี่ฮั่นนาน ๆ แล้วรู้สึกเหมือนตกบ่อทรายดูดยังไงไม่รู้ เหมือนยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนถูกดูดลึกลงไป
เหลืออีกไม่กี่วันพวกเขาจะปิดเทอมแล้ว พี่ฮั่นเสนอว่าจะมา ‘อยู่เป็นเพื่อน’ จนพีทปิดเทอมแล้วหลังจากนั้นจะกลับไปทำงานเสียที พีทหน้างอเมื่อพี่ฮั่นพูดแบบนั้น เลยโดนพี่ฮั่นเหนี่ยวคอไว้ มือพี่ฮั่นยกมาขยี้ผมเขาจนยุ่งไปหมด
“หน้างอทำไม เรานอนด้วยกันทุกคืน” พี่ฮั่นว่า
“ไหนพี่ว่าผมอาจจะยังไม่ปลอดภัยไง” เขาเถียง
“ก็เดี๋ยวพีทก็จะไปฝึกงานแล้วนี่ พี่ก็ทำงานแถวนั้นแหละ”
คำตอบนั้นทำให้เขายิ้มออกมาได้
--------------------------------
หลังเลิกเรียนแล้ว หมีสามตัวก็มาห้องซ้อมหลังจากที่หยุดซ้อมไปนาน ริทแทบกระโดดเข้าหาพี่ฮั่นทันทีที่เข้ามาในห้องซ้อมทีเดียวเพราะพี่ฮั่นหายไปหลายวัน
อยากจะกอดพี่โดมแน่น ๆ สักทีเมื่อพีทไม่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดอะไรมากตอนที่บอกเพื่อนในวงว่าความจริงแล้ว ‘พี่ชายพีท’ ชื่อฮั่น ไม่ได้ชื่อฮัท
“พี่หายไปไหนมา พวกผมซ้อมเพลงใหม่กันแล้วนะ งานคอนเสิร์ตวันคริสต์มาสอีฟคราวหน้าจะใช้เพลงนี้ด้วย คราวนี้พี่โดมได้โชว์เดี่ยวส่งท้ายก่อนจบแน่ พี่คงไม่ปวดท้องไส้ติ่งจะแตกเหมือนคราวที่แล้วใช่ป่ะ” ริทหันมาแซวโดม
เรื่องโดมปวดท้องเพราะไส้ติ่งอักเสบจนขึ้นร้องเพลงไม่ได้เมื่อตอนพวกเขาอยู่ปีหนึ่งเป็นเรื่องตลกที่พวกเขามักเอามาแซวโดมเสมอ
“อ้าวริท คนเราจะมีไส้ติ่งกันสองสามอันให้อักเสบได้ทุกปีเชียวเหรอ นายก็ว่าไป” โดมหันมาแก้ตัว นี่เป็นคำตอบโต้ที่แรงที่สุดแล้วสำหรับคนเรียบร้อยอย่างโดม ผู้ชายใจดี
“ก็ไม่แน่นะพี่โดม ผมว่าพี่อาจจะมีอยู่หลายอันก็ได้นะ ก็พุงพี่ใหญ่ขนาดนี้อ่ะ”
ริทยังคงแซว เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี โดมส่ายหน้ากลมของตัวเองแต่ไม่ว่าอะไร เพราะทุกคนในวงรู้ดีว่าถึงโดมจะมีพุง แต่เรื่องความฮอตนี่เขาก็ไม่น้อยหน้าใครในวงหรอกนะ
ใครจะคิดว่าหนุ่มอ้วนกลมอย่างโดม สาว ๆ วิ่งเข้าหากันยิ่งกว่าพวกที่หน้าตาดีไปวัน ๆ ซะอีก ดูได้จากเวลาซ้อมเสร็จ หน้าห้องซ้อมมักจะมีขนมนมเนยมาวางไว้ให้ ของโดมทั้งนั้น แม้ว่าช่วงหลังจะเริ่มมีของฝากของ ‘พี่ชายพีท’ มาบ้างก็ตาม
“อ้าวพีท หวัดดี” ดูเหมือนริทเพิ่งมองเห็นเขา ทั้งที่เขายืนอยู่ข้างพี่ฮั่นตั้งแต่แรก
“หวัดดีคร้าบบบ”
หนุ่มน้อยลากเสียงยาว โอบแขนไปที่ไหล่พี่ชาย มองคนตัวเล็กด้วยสายตาอย่างหนึ่งทำให้คนตัวเล็กต้องคิ้วขมวด ริทคุยอยู่ครู่จึงถอยไปเตรียมตัวกับคนอื่นในวง จากนั้นพีทก็ไม่ได้สนใจใครอีกเพราะเขาเอาแต่คุยกับพี่ชายตลอดเวลาจนสมาชิกมากันครบแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
โดมถูกริทสะกิดให้ดูอะไรบางอย่าง คนตัวเล็กไม่พูดอะไร แต่ท่าทางของริทนั้นทำให้โดมต้องหันกลับไปดูอย่างตั้งใจ เขามองสองพี่น้องแล้วก็ยิ้มเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็น ตั้งแต่พี่น้องกลับมาคืนดีกันพีทไม่เคยละสายตาจากพี่ชายเลย จะทำอะไรต้องมีพี่ชายอยู่ด้วยตลอดเวลา ตัวเขาแทบจะตกกระป๋องไปเลยทีเดียว
“ช่วงก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ ทำไมอยู่ดี ๆ มาคุยกันกระหนุงกระหนิงได้ล่ะพี่โดม” ริทกระซิบถามเขา
“ช่วงก่อนทะเลาะกันนิดหน่อย ตอนนี้ดีกันแล้ว” โดมว่า
“ผมว่ามันแปลกนะ” ริททำหน้ายุ่ง คนตัวเล็กหรี่ตาเหมือนจับความผิดปกติได้ ทำให้โดมต้องหันกลับไปมองคนทั้งคู่อีกครั้ง
‘แปลกเหรอ ไม่มั้ง’ “อย่าคิดมากเลยริท เราซ้อมกันเถอะ” โดมตัดบทเพียงเท่านี้แต่ตัวเองกลับแอบสังเกตการณ์อยู่คนเดียวตลอดการซ้อมที่เหลือ
หลังซ้อมเสร็จ ทุกคนในวงตกลงกันว่าจะไปฉลองกันก่อนสอบ โดยที่ ‘นางงามมิตรภาพ’ ของพีทเสนอตัวเป็นเจ้ามือ
“พี่ฮั่นใจดีจังเลย งั้นผมไม่เกรงใจละนะจะกินให้เรียบเลย” เสียงริทว่า
พีทแอบมองไปที่คนตัวเล็กที่ชอบไปอยู่ใกล้พี่ฮั่นของเขา แล้วหันไปมองพี่แทนที่กำลังยืนมองคนทั้งคู่อยู่เช่นกัน
‘จะวางมวยกันรึเปล่านี่’ เขาแอบคิดอย่างหวั่นใจพลางหันไปมอง ‘ตัวต้นเหตุ’
พี่ฮั่นมองสบตาเขาทันทีเหมือนรออยู่แล้ว พยักหน้าเล็กน้อยเหมือนเรียกให้เขาเข้าไป พีทกัดปากตัวเองคิดอยู่ครู่จึงยอมเดินเข้าไปใกล้ เขาวางสองมือเกาะไหล่กว้างของพี่ฮั่นทางด้านหลัง ยื่นหน้าวางคางตัวเองไว้กับไหล่พี่ชายด้านหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้ริทแล้วทำท่าพยักพเยิดไปข้างหลัง
ริทหันหลังไปเห็นพี่แทนยืนมองมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่สายตาน่ากลัวแล้วก็แทบทรุด คนตัวเล็กรีบเข้าไปเกาะแขนพี่แทนทันที
“ป่ะ พี่แทน ไปกินเลี้ยงกัน ริทหิวแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ไปร้านเดิมนะ เร็วเข้า”
ประโยคหลัง ริทหันไปชวนเพื่อนคนอื่นในวงที่เตรียมพร้อมกันอยู่แล้ว รอแต่ริทนั่นแหละ คนที่เหลือส่ายหน้าอย่างเคยชินเสียแล้วกับเรื่องแบบนี้แล้วทยอยเดินออกจากห้องซ้อม
พี่ฮั่นหันมายิ้มใส่ตาเขาแล้วเอ่ยชวนให้เดินไปด้วยกัน ทั้งสองหนุ่มเดินคุยกันไปโดยที่พีทยังเกาะไหล่พี่ฮั่นไปตลอดทาง มีโดมเดินปิดท้ายขบวน
------------------------------
เสียงเคาะประตูหน้าห้องพีทดังสองสามครั้งประตูก็เปิดออก เจ้าของห้องหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาเพียงแวบเดียวก็หันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
“พี่ฮั่นยังไม่นอนเหรอ ดึกแล้วนะ”
“กึก” แก้วนมสีขาวถูกวางลงบนโต๊ะทำให้คนอ่านหนังสือต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“เอานมมาให้” พี่ฮั่นพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“ขอบคุณคร้าบ” คนที่นั่งอยู่ขอบคุณพร้อมกับเงยหน้ายิ้มให้จนตาแทบปิดทีเดียว
“อ่านหนังสือสอบเหรอ” คนส่งนมถามพลางยกมือเกาท้ายทอยตัวเอง เพราะทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น เขายังไม่เดินออกจากห้องไปแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อจึงได้แต่มองไปรอบห้อง หาเรื่องคุย
“ครับ” เจ้าของห้องตอบขณะที่ก้มหน้าลงไปจดอะไรบางอย่างบนกระดาษที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสำคัญที่เขาย่อไว้จนเต็ม เวลานี้ล่วงเข้าวันใหม่มาเกือบชั่วโมงแล้วแต่พีทยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออยู่ เพราะก่อนหน้านี้เขาขาดเรียนไปหลายครั้งจึงต้องกลับมาทบทวนบทเรียนเอง
“ดึกแล้ว ยังไม่นอนเหรอ พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาอ่านต่อก็ได้นี่” คนพี่เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างไม่รู้จะทำอะไรแต่ก็ไม่ยอมออกจากห้องไปสักที ทำเหมือนจะรอนอนพร้อมใครอีกคน
“พี่นอนก่อนเหอะ ขออ่านตรงนี้ให้จบก่อน” พีทบอกโดยไม่หันหน้ามาเพราะแอบอมยิ้มกับท่าทางพี่ฮั่นที่ไม่ยอมนอน
ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล พีทก็อพยพตัวเองไปนอนกับพี่ฮั่นทุกคืน เขาไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว อีกอย่างเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ พวกเขามักเข้านอนด้วยกันเสมอ แม้ว่าต่างคนก็ต่างมีห้องนอนของตัวเองแต่พีทเคยชินเสียแล้วที่ต้องมีพี่ฮั่นนอนด้วยทุกคืน พี่ฮั่นทำให้เขาอุ่นใจและฝันดี
หนุ่มน้อยกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ ไม่ได้สนใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่ออ่านทบทวนจนพอใจแล้วจึงวางปากกา เก็บหนังสือ ปิดโคมไฟ เขาเมื่อยขบไปทั้งตัวจากการนั่งอ่านหนังสือเป็นเวลานาน อยากจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้ว
แต่เมื่อเขาหันกลับไปก็ต้องแปลกใจเพราะพี่ฮั่นนอนหลับบนเตียงอยู่ก่อนแล้ว
พีทเดินไปใกล้เตียงพลางก้มลงมองคนที่ครองเตียงเขาอยู่ พี่ชายนอนแผ่อยู่กลางเตียงเต็มที่ ท่าทางหลับสบาย เห็นแบบนี้แล้วทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะนอนตรงไหน
ใบหน้าพี่ชายตอนหลับสนิททำให้เขาอยากจะหนีบจมูกโด่ง ๆ นี่สักที เอาคืนบ้างเพราะพี่ฮั่นชอบกวนประสาทเขา ตั้งแต่แรกเจอเลย
‘ยั่วโมโหเก่งชะมัด ไอ้พี่บ้า’ คนเป็นน้องแอบมองหน้าพี่ฮั่นจนพอใจแล้วจึงเดินไปปิดไฟ เดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน หย่อนตัวลงนอนทีละนิดเพราะกลัวทำคนตัวใหญ่สะดุ้งตื่น
“ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่ชาย”
-----------------------------------
จากนั้นทุกคืนที่พีทอ่านหนังสือเตรียมสอบ ก็จะมีนมอุ่น ๆ มาส่งให้ก่อนนอนทุกคืน พนักงานร่างใหญ่ส่งนมเสร็จก็นอนรอพีทอ่านหนังสือ บางครั้งก็เอาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาบ้าง บางครั้งก็หลับไปก่อน เป็นแบบนี้ทุกคืนจนเขาสอบเสร็จ
พีทคิดว่าตอนพี่ฮั่นยังไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร เขาต้องอยู่กับนายหมีแทบตลอดเวลาแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับอยู่ด้วยกันตลอดแทบยี่สิบสี่ชั่วโมงตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอนเลยทีเดียว
เขาลืมไปแล้วว่าที่ผ่านมาเขาอยู่คนเดียวมาได้อย่างไร รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาอยู่คนเดียวไม่ได้อีกต่อไป เขาต้องการเห็นพี่ฮั่นอยู่ในสายตาตลอดเวลา ไม่ว่าพี่ฮั่นจะทำอะไรอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเป็นเขาเองที่ติดพี่ซะจนไม่ยอมห่างหรือเป็นเพราะพี่ฮั่นเองที่ไม่ยอมให้เขาอยู่คนเดียว พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ผลัดกันเล่าเรื่องที่ผ่านมาของตนเองเหมือนจะชดเชยเวลาสิบปีที่ต้องห่างกัน
เวลานี้พีทกำลังช่วยพี่ฮั่นจัดของ เพราะของบางส่วนยังอยู่ในกล่องที่พี่ฮั่นขนมาจากอังกฤษ พวกเขาตกลงกันว่าจะไม่ย้ายกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ เพราะพี่ฮั่นก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน
เสียงพีทร้องฮือฮาดังอยู่เป็นระยะเวลาเปิดกล่องโน้นกล่องนี้แล้วเจอของถูกใจทำให้พี่ชายต้องคอยมองอยู่บ่อย ๆ ว่าเจ้าน้องชายจะเจออะไรบ้าง พีทช่วยพี่ฮั่นเคลียร์ของได้มากเพราะพอเห็นอะไรถูกใจพีทก็ ‘ยึด’ ทันที
เจ้าแรมโบ้ก็ทำตัวเหมือนนายของมันด้วย เวลาพีทค้นของอะไรมันก็ทำจมูกฟุดฟิดดมกล่องไปด้วยและคอยเห่าใส่อะไรก็ตามที่มีกลิ่นผิดปกติ สุดท้ายเจ้าแรมโบ้ก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนที่พรมหน้าเตียงเพราะโดนพีทดุใส่
หลังจากจัดของไปได้มากแล้วพวกเขาก็นั่งลงที่พรมหน้าเตียง นิ้วเรียวของนักเปียโนพลิกอัลบั้มรูปดูพร้อมกับเอ่ยถามถึงใครต่อใครในรูปหรือสถานที่ที่ปรากฏในรูปนั้น
“พี่ไปหัดพวกป้องกันตัวนี่ตอนไหน แล้วยิงปืนอีก ยังกะพวกมืออาชีพ”
พีทถามเมื่อเห็นรูปพี่ฮั่นถ่ายกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ทุกคนใส่เสื้อยืดแขนยาวสีดำเหมือนเป็นเสื้อทีม หลายคนในภาพนั้นถือปืนสั้น บางคนก็ถือปืนยาวอัดลม แต่ละคนในรูปดูแตกต่างกันเหมือนมาจากคนละมุมโลก บางคนผิวขาวจัด บางคนเป็นผิวสี พี่ฮั่นดูจะอายุน้อยที่สุดในกลุ่มนอกนั้นเป็นผู้ใหญ่กันหมด
“ก็เพราะพวกนักเลงที่ตามประกบพี่ไง บางครั้งมันก็เข้ามาขู่เอาเงินบ้าง ตอนแรกก็พี่ก็ให้ไปแต่ระยะหลังชักหนักข้อ พอพี่ไม่ให้พวกมันก็จะใช้กำลัง พี่เลยไปเรียนเพิ่มเพื่อป้องกันตัวเอง เลยพอเอาตัวรอดได้ ก็ได้พวกนักเลงนั่นแหละเป็นคู่ซ้อม หลัง ๆ มาพี่โตขึ้นพวกนักเลงพวกนั้นก็ไม่กล้ามาทำอะไรอีก จนบอดี้การ์ดของลุงคริสสังเกตเห็นพวกนั้นว่าเป็นคนของ ‘เขา’ เรื่องมันก็เลยแดงขึ้นมา”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ พี่เป็นอิสระแล้วทำไมพี่ไม่กลับบ้านล่ะ” พีทถามเรื่องที่ยังคาใจเขาอยู่ ก็เขารอพี่ฮั่นกลับมาตั้งหลายปี
“ก็มีคนโกรธพี่อยู่น่ะสิ ไม่ยอมยกโทษให้สักที” ตอบพร้อมกับเอามือมาวางบนหัวน้องชาย โยกเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“เพราะผมเอง” พีทว่า ใบหน้าสดใสนั้นหมองลง วางอัลบั้มรูปในมือลงอย่างไม่มีแก่ใจจะดูต่อ
“ก็..มีส่วนบ้าง ความจริงช่วงนั้นพี่ทำหลายอย่าง ต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย เรียนหนักมาก ช่วงปิดเทอมพี่ก็ไปช่วยงานลุงคริส ตอนนั้นโรงแรมเราที่อังกฤษกับยุโรปกำลังขยายสาขา ลุงคริสเลยให้พี่ไปช่วย”
“ผมคิดว่าพี่คงลืมผมแล้วซะอีก” พีทเงยหน้ามอง แววตาเศร้าเสมอเมื่อคิดว่าพี่ฮั่นลืมเขา
“พี่ไม่เคยลืมพีทหรอก ความจริงพี่ก็กลับมาหลายครั้ง”
“หา! อะไรนะ พี่กลับมาบ้านเหรอ เมื่อไร ทำไมผมไม่รู้ล่ะ” พีทคิ้วขมวดอย่างแปลกใจ หันไปคว้าไหล่ของพี่ฮั่นที่รีบหลบตาเขาทันทีที่พูดจบ
‘พี่ฮั่นพูดจริงหรือแกล้งพูดเล่นกันแน่ ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยล่ะ’“ก็พี่ไม่อยากให้รู้น่ะแหละ อีกอย่างพี่คิดว่าพีทคงเกลียดพี่แล้ว พีทคงไม่อยากเจอพี่อีกแล้วพี่ก็เลยไม่บอก บางครั้งพี่ก็อยู่ที่บ้านใหญ่แล้วพีทก็นอนอยู่บ้านนี้แต่พี่ไม่กล้ามา พี่ยอมรับว่าพี่กลัว”
ฮั่นหันไปมองหน้าน้องแวบหนึ่งแล้วก็เฉไฉไปมองที่อื่นแทน
พีทไม่เคยรู้เลยว่าหลายครั้งที่เขากลับมา เขามักจะมาแค่วันสองวันแล้วก็มาพักที่บ้านใหญ่ทุกครั้ง แต่พีทที่ย้ายตัวเองไปอยู่บ้านริมน้ำทำให้ไม่สังเกตว่ามีใครบางคนกลับมา ไม่มีใครกล้าบอกเพราะพีทเคยสั่งทุกคนไว้แล้วว่าห้ามเอ่ยชื่อพี่ฮั่นให้ได้ยินอีก ทุกคนในบ้านจึงเข้าใจว่าพีทยังโกรธอยู่ เขาทำเพียงแค่เฝ้ามองพีทเพียงลำพังอยู่ในห้องนั่งเล่น มุมที่เห็นบ้านริมน้ำชัดที่สุด บางครั้งบางคราวก็เดินไปใกล้ยามดึกแล้วหยุดยืนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เฝ้ามองไปที่ห้องนอนที่เปิดไฟทิ้งไว้ทุกคืน
“อะไรนะ ทำไมพี่ทำแบบนี้อ่า ไม่รู้รึไงว่าผมรอพี่อยู่ตั้งหลายปี” พีทว่าเสียงเบาแล้วก็เงียบไป ก็เขานั่นแหละเป็นต้นเหตุให้ใครต่อใครคิดไปว่ายังโกรธพี่ฮั่นอยู่
พีทเริ่มจะเศร้าอีกแล้ว พี่ชายจึงยกแขนไปกอดไหล่คนเป็นน้องไว้ เขย่าเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร
“พีทอย่ารู้สึกผิดเลย ก็พีทไม่รู้เรื่องอะไรเลยนี่ พีทก็โกรธไปตามประสาของพีท พี่รู้ว่าถ้าพีทรู้เรื่องทั้งหมด พีทคงไม่โกรธพี่ ถูกไหม”
“อีกอย่างเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับพีทเลย มันเป็นเพราะเขาที่เจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้วเขายังไม่ยอมให้อภัย”
“แต่เป็นเพราะผม ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าผมยังโกรธพี่อยู่”
“พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าหันหลังแล้วเดินจากไปเหมือนที่ผ่านมา มีอะไรพี่คุยกับผมก่อนอย่าหนีไปแบบนั้นอีก ผมคงรับมันไม่ไหวอีกแล้วถ้าพี่หันหลังจากไปอีก”
พีทพูดเสียงเศร้า เขายังจำความรู้สึกพวกนั้นได้ดี เขาต้องจมอยู่กับการรอคอยให้พี่ฮั่นกลับมาโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย การรอคอยมันทรมานเพียงใดเขารู้ดี ไม่เอาอีกแล้วความรู้สึกถูกทิ้งอยู่ข้างหลังเฝ้ารอคอยให้พี่ฮั่นกลับมา
“ครับ” คนเป็นพี่รับคำ ส่งแววตามาเหมือนให้สัญญา
พีทจึงค่อยโล่งใจมากขึ้น
“โฮ่ง” แรมโบ้ที่นอนกลิ้งอยู่ใกล้เห่าตอบรับด้วย เรียกรอยยิ้มจากเจ้านายของมัน
“อะไรแรมโบ้ นี่แกก็คิดเหมือนชั้นใช่ป่ะ” เจ้านายหันไปลูบหัวแรมโบ้สุนัขตัวโปรด แรมโบ้ส่ายหางเป็นพวงใหญ่โตของมันตอบรับ
“พีทเลี้ยงหมาเก่งนะ แรมโบ้แก่ขนาดนี้แล้วยังดูแข็งแรงดี” ฮั่นเอื้อมมือมาลูบเจ้าแรมโบ้บ้าง
“พี่ทำยังไง แรมโบ้ถึงยอมดีด้วยล่ะ ปกติมันดุจะตายไม่เชื่องกับใครเลย ขนาดพ่อซื้อมันมามันยังไม่ยอมให้จับเลย”
พีทถามในสิ่งที่สงสัยมานาน เขาคิดว่าแรมโบ้คงจะชอบพี่ฮั่นมันถึงยอมเชื่องกับพี่ฮั่นเป็นคนแรกนอกจากเขา
พี่ฮั่นไม่ตอบว่าอะไรแต่เดินไปค้นอัลบั้มรูปในกล่องอีกใบหนึ่งมาเปิดให้เขาดู รูปที่เขาเห็นเป็นรูปพี่ฮั่นตอนไปอังกฤษใหม่ ๆ สวมเสื้อสเวตเตอร์สีครีมนั่งอยู่หน้าเตาผิงขนาดใหญ่กำลังอุ้มสุนัขสีน้ำตาลตัวหนึ่งในอ้อมแขน
“แรมโบ้?” พีทแปลกใจ
ที่พี่ฮั่นอุ้มอยู่นั่นมันแรมโบ้ตอนเล็ก ๆ นี่นา แต่แรมโบ้ดูตัวเล็กกว่าตอนที่เขาได้รับแรมโบ้เป็นของขวัญจากพ่อ พีทจำปลอกคอในรูปนั้นได้ มันคือปลอกคออันเดียวกับที่ติดมากับแรมโบ้ วันแรกที่แรมโบ้มาอยู่หน้าห้องนอนเขาเมื่อสิบปีที่แล้ว
เขามองหน้าพี่ฮั่นที่ยิ้มให้
“พี่เลี้ยงแรมโบ้มาตั้งแต่มันอายุได้เดือนเดียว ตอนแรกก็เลี้ยงไว้แก้เหงา พอแม่กับลุงคริสมาเยี่ยมแล้วเล่าเรื่องพีทไม่ยอมพูดกับใครให้ฟังพี่ก็เลยฝากเจ้าแรมโบ้มาให้พีทเลี้ยงไงจะได้ไม่เหงา แต่กลัวพีทจะโกรธแล้วไม่ยอมเลี้ยงแรมโบ้เลยขอให้ลุงคริสบอกว่าซื้อมันมาเอง”
“แรมโบ้มันคงจำกลิ่นพี่ได้ มันเลยไม่กัด”
มิน่าล่ะ เจ้าแรมโบ้เคยเข้าไปคาบตุ๊กตาที่อยู่ในห้องนอนของพี่ฮั่นออกมาวางบนตักเขาเหมือนอยากเล่นด้วย มันคงคุ้นกลิ่นพี่ฮั่นซึ่งเป็นเจ้านายคนแรกของมัน
พีทจ้องมองรูปนั้นอยู่นาน เขาเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ฮั่น พูดอะไรไม่ออก
“เจ้าแรมโบ้มันรู้จักพีทตั้งแต่แรกแล้ว เพราะพี่เอาตุ๊กตาของพีทติดไปที่โน่นด้วย มันชอบเล่นกับตุ๊กตาตัวนั้น พีทคงไม่ว่านะ ตอนนี้ตุ๊กตาของพีทมันขาดหมดแล้ว”
คนพูดเล่าเรื่อย ๆ เหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน แต่พีทกลับตื้นตันจนไม่รู้จะพูดอย่างไร
เขาได้แต่คอยสอบถามเรื่องราวตอนที่พี่ฮั่นอยู่ที่อังกฤษ บางครั้งพี่ฮั่นก็เล่าเรื่องพี่แคนให้ฟังว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร พี่ฮั่นกับพี่แคนเคยไปสร้างวีรกรรมพิเรนทร์ ๆ อะไรไว้บ้าง
แต่มีอีกเรื่องที่พีทยังไม่ได้ถามและก็ไม่กล้าถาม นั่นคือเรื่องที่เขาถูกบังคับให้กินยา เขารู้แค่ว่าพี่ฮั่นมาช่วยไว้ได้ทันแต่เขาไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขายังจำความรู้สึกตอนกินยานั่นเข้าไปได้ มันเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่เขาอยากจะลืม
พี่ฮั่นก็ไม่เล่าเรื่องคราวนั้นให้เขาฟังเช่นเดียวกัน
-----------------------------------
คืนนี้มีปาร์ตี้เลี้ยงอำลาให้เขา พีทจำใจต้องลาออกจากวงหลังจากคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ต้องยอมลาออกตามเหตุผลของพี่ฮั่น บรรดาลูกค้าที่ได้ทราบข่าวต่างพากันเสียดาย คืนอำลานี้จึงมีนักเที่ยวกลางคืนมารวมตัวกันจนแน่นร้าน พีทใช้เวลาร้องเพลงเพื่ออำลาอยู่จนดึกดื่น
เกรซไม่ว่าอะไร เธอเข้าใจเหตุผลของเขา ที่จริงแล้วเกรซแทบจะเลิกพูดไปแล้วด้วยซ้ำ ถามคำตอบคำและยิ่งเงียบมากขึ้นเมื่อเธอมาที่ร้าน อย่างเช่นคืนนี้ เกรซนั่งเฉยอยู่กับพี่ฮั่น ไม่พูด ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคย
ฮั่นมองสาวน้อยที่นั่งอย่างนิ่งเฉยด้วยแววตากังวล หลังจากที่ประกาศหมั้นแล้วแคนก็ไม่มาที่ร้านอีกเหมือนกัน เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้ แคนก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่ติดต่อเขาเหมือนเดิม
‘เดี๋ยวคนอื่นก็ทำคะแนนนำไปก่อนนะแคน’ ฮั่นครุ่นคิดอยู่คนเดียวเมื่อสายตาคมสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง
‘ชิน’ นักร้องนำคนใหม่ของวงที่มาแทนพีทยืนอยู่อีกมุมของร้าน เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งจากเชื้อชาติทางยุโรปแต่มีตาและสีผมเป็นสีดำอย่างคนเอเชีย ชินไม่ได้เป็นคนยิ้มเก่งเหมือนพีท เขามักจะทำหน้านิ่งเฉย จะยิ้มก็ต่อเมื่อมีเรื่องสนุกจริง ๆ เท่านั้น แต่ดวงตานิ่งนั้นกลับน่าดึงดูดอย่างประหลาด
และเวลานี้ดวงตาคู่นั้นก็กำลังจ้องตรงมายังสาวน้อยที่นั่งอยู่ไม่ไกลเขา มองอยู่นานแล้วแต่เกรซไม่รู้ตัวสักนิด
คนที่ผ่านโลกมาพอสมควรเห็นแววตาแบบนั้นก็รู้ทันทีว่านักร้องคนใหม่ของวงคิดอย่างไรกับเจ้านายสาวสวย แววตาคนมีความรักดูไม่ยากหรอก เวลาเรารักใคร คนคนนั้นก็อยู่ในสายตาเราตลอดเวลา โดยไม่รู้ตัวเขาหันกลับไปมองหนุ่มนักร้องอีกคนที่กำลังจะร้องเพลงสุดท้ายของตัวเอง
“เพลงสุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่อธิบายยาก มันเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตที่ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ ผมอยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้มาเจอกัน ราวกับว่ามันเป็นพรหมลิขิตครับ”
เสียงกรี๊ดหูแทบดับของกลุ่มลูกค้าสาว ๆ หน้าเวทีดังตอบรับประโยคนั้น ผู้คนที่อยู่หน้าเวทีร้องคลอไปกับเพลงนั้นดังกระหึ่ม พี่ ๆ ในวงปล่อยให้พีทโชว์เดี่ยวเป็นการอำลา
พีทร้องเพลงสุดท้ายพร้อมกับเล่นกีตาร์โปร่งไปด้วย สายตาของน้องชายจ้องตรงมาที่เขาส่งความหมายตามที่ร้องทุกคำ เขามองสบตากลับไปเช่นกัน หัวใจพองโตทีละน้อยกับเพลงที่มีความหมายลึกซึ้ง
เพลงสุดท้ายจบลงอย่างสวยงาม ทุกคนในวงเดินเข้ามากอดหนุ่มน้อยกลางเวทีพลางกล่าวคำอำลา เป็นภาพที่สวยงามในสายตาทุกคู่ที่จ้องมองจากด้านล่าง
เกรซถึงกับน้ำตารื้น เมื่อเห็นภาพนั้น
-----------------------------
“พี่ฟังเพลงสุดท้ายรึเปล่า”
พีทเอ่ยถามเสียงยานคางเพราะถูกคะยั้นคะยอจากทุกคนในวงให้ดื่มไปหลายแก้ว จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะพี่ร็อกกี้ขู่ว่าจะร้องเพลงให้ฟัง ทุกคนในวงหัวเราะกันใหญ่เมื่อเห็นพีทรีบยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นดื่มจนหมดแก้วทีเดียว
“ฟังสิ” คนที่ทำหน้าที่ขับรถตอบเสียงเบา
เขากังวลเมื่อเห็นพีทดื่ม เพราะครั้งสุดท้ายที่พีทดื่ม พวกเขาทะเลาะกันรุนแรง
“ผมร้องให้พี่นะ” คนเมาหันมายิ้มให้อย่างน่ารัก ดวงตาส่งความหมายตามที่พูด
ไม่ต้องบอกก็รู้ ก็เล่นร้องเพลงแล้วมองตรงมาที่เขาตลอดเวลา ขนาดเกรซที่นั่งเฉยไม่สนใจใครยังรู้สึกได้
พีทหันกลับไปตามเดิมพลางหัวเราะร่วนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปพอสมควร ใบหน้าแดงก่ำ มือไม้เปะปะไม่อยู่นิ่ง ฮัมทำนองตามเพลงที่เปิดคลอในรถอย่างอารมณ์ดี
‘วันนี้แปลก ดื่มแล้วอารมณ์ดี’ ฮั่นคิดเงียบ ๆ
เขาเห็นพีทดื่มไปหลายแก้ว ใจหนึ่งก็อยากจะห้าม แต่เห็นพีทสนุกสนานอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนในวงแล้วเขาก็ไม่อยากขัดใจ อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะคอแข็งสักแค่ไหน แต่พอเห็นสภาพคนที่นั่งคอพับคออ่อนข้างเขาแล้วก็สรุปได้ว่าน้องยัง ‘อ่อน’ กว่าเขานัก
คนขับเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีกเพราะท่าทางคนคออ่อนจะไม่ไหวแล้ว
คนเมาเดินเซนิด ๆ เมื่อเข้ามาถึงห้องนอน พีทยืนยันว่ายังไหว ฮั่นจึงปล่อยให้พีทจัดการตัวเอง ส่วนเขาก็กลับเข้าห้องตนเองเพื่ออาบน้ำเช่นกัน
เจ้าของห้องนอนนิ่งไปแล้วเมื่อฮั่นเดินกลับมาที่ห้องน้องชาย เขาหันไปจัดผ้าห่มให้เรียบร้อยจึงล้มตัวลงนอนบ้าง
พีทขยับเมื่อรู้สึกว่าเตียงยวบเพราะน้ำหนักตัวของใครอีกคน เจ้าน้องชายขยับเข้ามานอนจนชิด หนุนหมอนใบเดียวกัน เอื้อมมือมากอดเขาไว้ ซุกหน้าที่ไหล่เขา
“รักพี่มาก ๆ นะคร้าบ” เสียงงัวเงียนั้นบอกก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว
---------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า