Chapter 21
เวลาประมาณเกือบแปดโมงเช้าภายในมหาวิทยาลัยทุกอย่างก็ปกติเรียบร้อยดี หากแต่ว่าสิ่งที่ไม่ปกติก็คือวันนี้นารินทร์และวายุมาเรียนด้วยรถคันเดียวกันโดยมีวายุเป็นคนขับและมีนารินทร์เป็นตุ๊กตาหน้ารถ ทำให้วันนี้ทุกสายตาจับจ้องไปยังนารินทร์ที่เดินก้าวลงมาจากรถพร้อมๆกับวายุ ทำเอานักศึกษาหลายคนต่างซุบซิบกันสนุกปาก…ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของเค้า
“ลมอะไรพัดเอาไอ้นามาพร้อมพี่วายุได้วะ” ไมย์พูดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งคนอื่นก็สงสัยไม่ต่างกับไมย์แต่ไม่มีใครรู้คำตอบนอกจากตัวนารินทร์เอง…นารินทร์เดินตรงมาหากลุ่มเพื่อนของตัวเองโดยมีวายุเดินตามทุกฝีก้าวยิ่งสร้างความแปลกใจให้ผู้พบเห็นมากขึ้นไปอีก
“ไอ้นา…หายไปนานเลยนะมึง โทรไปก็ไม่ติดกูคิดว่าตายห่าไปแล้ว” โจ้ทักทายนารินทร์ด้วยคำพูดที่ค่อนข้างกวนอวัยวะเบื้องล่างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สร้างความโกรธเคืองอะไรให้กับนารินทร์เพราะชินกับการพูดจากันอย่างสนิทสนมแบบนี้เสียแล้ว
“พอดีมีธุระนิดหน่อยว่ะโทษที…ยืมเลคเชอร์ด้วยนะเอาทุกวิชาอ่ะที่กูขาด” ไม่มีใครปฏิเสธอะไรนารินทร์ จากนั้นทุกคนก็นั่งพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบต่างๆนานารวมทั้งอัพเดทข่าวในมหาวิทยาลัยด้วย
“เราอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ซื้อให้” วายุถามนารินทร์เพราะตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่คุยกับเพื่อนถึงจะรู้ว่าคนอย่างพวกเค้าไม่ต้องกินอาหารก็เถอะ…
“พี่วายุจะไปซื้อให้นาหรอ…เอาน้ำส้มร้านตรงนี้ก็ได้” นารินทร์สั่งทันทีที่วายุพยักหน้า ทำเอาคนบนโต๊ะงงจนสมองแทบกลับ และแล้วเมื่อวายุเดินจากไปเวลาแห่งการซักฟอกก็มาถึงโดยเป้าหมายการซักฟอกในครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก นารินทร์
“อะไรยังไงเล่า…เอาให้เคลียร์นะมึง…หมกแม้แต่เม็ดเดียวกูจะแฉมึง…!@#$%^&#” เพื่อนๆในโต๊ะต่างรุมยิงคำถามใส่นารินทร์มากมายโดยที่คนตัวเล็กไม่มีโอกาสที่จะได้ตอบแม้แต่คำถามเดียวจนกระทั่งวายุเดินกลับมาทุกคนจึงเงียบเหมือนเดิมและชวนคุยเรื่องทั่วไปตามปกติ
“ไม่มีอะไร” นี่คือคำตอบสำหรับทุกคำถามพร้อมกับท่าดูดน้ำส้มที่แสนจะกวนใจเพื่อนๆ เพราะนารินทร์จงใจยั่วให้คนอยากรู้อยากเห็นหมันไส้เค้าก็เท่านั้น
“วันนี้เรียนเสร็จกี่โมงครับ” วายุถามขึ้น
“ตอนเย็น…พี่กลับก่อนก็ได้ไม่ต้องรอหรอกเดี๋ยวผมกลับเอง” นารินทร์บอกกับวายุอย่างเกรงใจ แต่วายุก็ไม่ได้สนใจซ้ำยังกำชับให้นารินทร์รออยู่หน้าตึกเรียนไม่ต้องไปไหนถ้าหากออกมาแล้วไม่เจอวายุเพราะช่วงบ่ายวายุก็มีเรียนเหมือนกัน นารินทร์จึงไม่ปฏิเสธอะไรและสุดท้ายทุกคนก็แยกย้ายกันไปเรียนทั้งหมดตามแต่ละคณะสาขาที่ตัวเองเลือกเรียนไว้
จนกระทั่งถึงตอนเย็นวายุก็มารอรับนารินทร์กลับบ้าน แต่ก่อนกลับวายุก็พานารินทร์แวะห้างสรรพสินค้าเสียก่อนเพราะต้องการเดินเล่น หรืออีกนัยหนึ่งคือพยายามยื้อเวลาที่จะอยู่ใกล้ชิดกับนารินทร์ให้นานที่สุด ซึ่งนารินทร์เองก็ยอมไปเป็นเพื่อนกับวายุอย่างไม่มีข้อแม้อะไร
“เสื้อลายนี้น่ารัก…ไหนมาลองหน่อยสิ” วายุเอาเสื้อมาทาบตัวกับนารินทร์ยิ่งสร้างความพอใจให้กับวายุขึ้นไปเพราะหน้าของนารินทร์เข้ากับเสือลายนี้อย่างมาก แต่นารินทร์กลับเขินหน้าแดงเป็นมะเขือเทศเพราะเสื้อที่วายุยืนเลือกอยู่นั้นมันเป็นเสื้อคู่!!!
“พี่จะซื้อไปใส่กับใคร พี่พายุหรอ” นารินทร์แกล้งถามแก้เขิน วายุก็เอาแต่หัวเราะกับความเขินอายของนารินทร์
“ตลกแล้วไอ้ตัวน้อย…พี่ก็จะซื้อใส่กับ…เราไง” วายุยิ้มให้นารินทร์อย่างเจ้าเล่ห์ นารินทร์จึงแสร้งหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่รู้จะแก้ต่างสถานการณ์ตอนนั้นอย่างไร…วายุยืนเลือกเสื้อคู่อยู่อีกหลายตัวจนนารินทร์ต้องสั่งให้พอเพราะลายที่วายุเลือกมานั้นก็แทบจะสิบตัวอยู่แล้ว
“รู้หรอกน่าว่าบ้านรวยอ่ะ…แต่พอแล้วไปหาอย่างอื่นทำเถอะ” เพราะเสียงของนารินทร์วายุจึงยอมหยุดลงได้ เพราะวายุกำลังมีความสุขกับการเลือกลายเสื้อแล้วเอาไปทาบกับคนตัวเล็ก เพราะนั่นหมายความว่าเค้าจะได้แตะเนื้อต้องตัวนารินทร์บ่อยๆนั่นเอง
“ไปกินไอศกรีมกันไหม…นาอยากกิน”
“ไปสิ…เดี๋ยวเอาของไปเก็บรถก่อนแล้วเราค่อยมากินกันนะ” นารินทร์ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรทั้งสองคนจึงพากันไปเก็บของที่รถแล้วย้อนกลับเข้ามาร้านไอศกรีมตามความต้องการของนารินทร์…ในระหว่างการทานไอศกรีมทั้งคู่ก็เหมือนตกอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีเพียงคนสองคนนั่งคุยกัน แผ่กระจายออร่าสีชมพูไปทั่วบริเวณพื้นที่แถวนั้น สร้างทั้งความอิจฉาและความชื่นชมต่อผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมามากมาย
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปดูหนังกันไหม” วายุชวนนารินทร์ไปดูหนังต่ออีกหลังจากที่นั่งกินไอศกรีมกันมาได้พักใหญ่ๆ นารินทร์มองดูนาฬิกาเข็มสั้นก็อยู่ที่เลขแปดแล้ว วายุที่เห็นนารินทร์มองนาฬิกาจึงเอ่ยบอกกับนารินทร์ว่า…
“จะกังวลเรื่องเวลาทำไมเล่า…เราไม่ได้จำเป็นจะต้องนอนกันเสียหน่อย” วายุพูดพร้อมกับรอยยิ้ม นารินทร์เห็นดังนั้นจึงไม่ขัดอะไร วายุจึงเรียกพนักงานมาเก็บตังและเดินไปยังหน้าโรงหนังเพื่อซื้อตั๋ว และสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนคือ นารินทร์ดึงดูดสายตาผู้ชายได้มากมายรวมถึงวายุเองก็ไม่แพ้กันที่ดึงดูดสายตาจากทั้งผู้หญิงแท้และผู้หญิงเทียมได้มากมายเช่นกัน แต่ทั้งคู่กลับไม่สนใจและยังคงคุยหยอกล้อกันเหมือนเดิมตามปกติ
“พี่วายุ…สายตาริษยาเยอะแบบนี้แทบจะเผานาให้ไหม้หายไปตรงนี้อยู่แล้วนะ” นารินทร์พูดแบบหยอกๆใส่วายุเพราะนารินทร์สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกคนได้
“หรอ…ทำไมพี่ไม่เห็นรู้สึกเลย” เพราะส่วนหนึ่งวายุเองชินกับการถูกมองด้วยสายตามากมายอยู่แล้ว แต่มันต่างกันกับนารินทร์เพราะนารินทร์สามารถบอกได้ว่าใครริษยา ใครปลื้มปีติยินดี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมาจากเซ้นส์ประจำตัวของวารินทร์และนารินทร์ที่มีติดตัวมาเหมือนกัน
“ไม่เอาอ่ะ…นาว่ากลับบ้านดีกว่า…นะพี่วายุ” นารินทร์ส่งสายตาออดอ้อนใส่คนตัวโตจนวายุยอมใจอ่อนแล้วพากลับบ้านทันที ระหว่างทางบทสนทนาของทั้งสองคนก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ส่วนมากจะคุยกันเรื่องส่วนตัวของกันและกันมากกว่าจนทำให้ความสนิทสนมใกล้ชิดกันของทั้งคู่ไปปลดล็อคใจของนารินทร์ที่ค่อยๆบั่นทอนความเครียดแค้นลงไปเรื่อยๆแต่กลับสร้างความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทนที่โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว
“ขอบคุณพี่วายุนะครับที่มาส่ง…ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ” นารินทร์พูดจบก็ปิดประตูรถแล้วเดินเข้าบ้านของตัวเองตามปกติ ส่วนวายุก็ขับรถกลับบ้านอย่างใจลอยเพราะคิดถึงเรื่องที่วันนี้เค้าได้คุยเรื่องราวต่างๆมากมายกับนารินทร์ ทำให้วายุมั่นใจไปอีกขั้นว่านารินทร์ต้องพร้อมเปิดใจรับเค้าแน่นอน
ทางบ้านของวายุเทพเวลาเกือบๆจะห้าทุ่มแล้วแต่ยังคงมีมนุษย์ร่างบางระหงษ์คนหนึ่งนั่งรอการกลับมาของสมาชิกในบ้านที่ทำหน้าเป็นสารถีคอยขับรถรับส่งให้กับน้องชายของตัวเองจนกระทั่งเสียงรถเข้ามาในเขตบ้านวารินทร์ก็รู้ทันทีว่าใคร
“อ้าว คุณวารินทร์ทำไมยังไม่นอนครับ” วายุถามอย่างแปลกใจเพราะเค้ารู้สึกว่าช่วงนี้วารินทร์ดูจะใส่ใจเค้าเป็นพิเศษตั้งแต่ที่เค้าทำหน้าที่ขับรถพานารินทร์ไปตามที่ต่างๆที่นารินทร์ต้องการ
“ก็รอคุณกลับมานั่นแหละ…เรียบร้อยดีใช่ไหมวันนี้น่ะ” วายุพยักหน้ารับแทนคำตอบ วารินทร์จึงเอาน้ำผลไม้ที่เตรียมไว้มาให้วายุดื่ม ซึ่งวายุก็รับไปดื่มอย่างเต็มใจและในจังหวะที่วารินทร์จะหันหลังเดินกลับมานั่งที่เดิมนั้น เท้าของวารินทร์ก็ไปเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างแต่มันก็ทำให้วารินทร์ได้เลือดเลยทีเดียว
“โอ้ย…ซื้ดดดดด…คุณวารินทร์!!! เป็นอะไรหรือเปล่า” วายุรีบเข้าไปพยุงวารินทร์ทันที เพราะเห็นว่าเท้าของวารินทร์มีเลือดไหลออกมา ซึ่งวารินทร์ก็ได้แต่ลอบยิ้มครู่หนึ่งก่อนจะแสดงสีหน้าเจ็บปวดให้อีกฝ่ายได้เห็น
“แผลกว้างจังเลยคุณรอเดี๋ยวนะ” พูดจบวายุก็รีบไปหาอุปกรณ์ทำแผลที่เก็บไว้เป็นที่ประจำในบ้าน และเมื่อวายุหาเจอแล้วก็มานั่งทำแผลให้วารินทร์โดยที่วารินทร์นั่งอยู่ข้างบนโซฟาและตัววายุเองนั่งกับพื้นเพื่อความถนัดในการทำแผล
“มันโดนอะไรเนี่ย” วายุถามอย่างสงสัยนิดหน่อยเพราะไม่เห็นจะมีอะไรบนพื้นที่พอจะบาดหรือทิ่มแทนเท้าจนทำให้วารินทร์เลือดไหลได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“ไม่รู้เหมือนกัน…แต่ก็ขอบคุณมากนะ มีนารินทร์เป็นภาระแล้ว ฉันยังทำตัวเป็นภาระคุณอีก” วายุยกยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดของวารินทร์เพราะนั่นเปรียบเสมือนว่าวารินทร์เองก็เริ่มเปิดใจรับวายุแล้วเหมือนกัน ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย
“เรียบร้อยแล้ว…คุณลองลุกขึ้นยืนสิ” วารินทร์ว่าตามอย่างว่าง่ายแต่แล้วก็ล้มลงมาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าเหยเกที่แสดงถึงความเจ็บปวด
“ระวังๆ คุณ…สงสัยผมคงต้องอุ้มคุณไปข้างบนแทนแล้วแหละ…ขอโทษนะ” พูดจบวายุก็อุ้มวารินทร์ในท่าเจ้าชายอุ้มเจ้าหญิง ซึ่งวารินทร์เองก็เกาะคอของวายุกันตกเอาไว้เช่นกันแต่ในจังหวะนั้นคนที่แอบยืนดูอยู่ก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วและเดินออกมาด้วยสีหน้าทะมึน เสมือนกับว่าพร้อมที่จะระเบิดโลกทั้งใบในเวลานี้
“ทำอะไรกัน…เป็นอะไรวารินทร์” พายุแกล้งถามออกไปทั้งๆที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดซึ่งวายุเองก็อธิบายให้พี่ชายของเค้าฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนวารินทร์ก็ยิ้มอยู่ในใจเพราะเซ้นส์ในตัวของวารินทร์มันบอกตั้งแต่พายุมาแอบดูเค้าแล้วเพียงแต่วารินทร์ทำเป็นไม่เห็นเฉยๆเพราะถ้าทำเป็นรู้เสียหมดมันก็ไม่สนุกน่ะสิ
“ขอบใจมากนะ…แต่ฉันดูแลเองได้” พายุแย่งวารินทร์ออกจากอกของวายุอย่างโมโห โกรธทั้งน้องตัวเองที่มายุ่งกับวารินทร์ โกรธทั้งวารินทร์ที่ยอมให้วายุถึงเนื้อถึงตัวง่ายๆ วายุเองเห็นดัง
นั้นก็ไหวไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินขึ้นบ้านไป ส่วนพายุเองก็อุ้มวารินทร์เข้าห้องตัวเองอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“อารมณ์เสียอะไรของคุณ ฟึดฟัดๆอยู่ได้” วารินทร์ถามตาใสเป็นจังหวะเดียวกับที่พายุมองหน้าวารินทร์ที่ยังคงอยู่ในอ้อมอกอยู่…ตาของพายุและวารินทร์ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว พายุเหมือนถูกดูดลงสู่ห้วงอากาศค่อยๆโน้มหน้าต่ำลงจนสัมผัสได้ถึงริมฝีปากของอีกฝ่าย พายุเริ่มซุกไซร้วารินทร์หนักขึ้นพร้อมกับจูบอันดูดดื่มที่มอบให้กับวารินทร์โดยที่วารินทร์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำเหล่านั้น
“ผมหวงคุณนะวารินทร์…ไม่อยากให้ใครแตะตัวคุณได้อีก” วารินทร์ไม่โต้เถียงอะไร แต่เป็นฝ่ายเริ่มแลกลิ้นกับพายุด้วยตัวเองต่อจนพายุลุ่มหลงไปกับสัมผัสอันแผ่วเบาของวารินทร์…พายุหลงใหลวารินทร์จนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้น หากแต่เป็นเพราะฤทธิ์ของพิษที่วารินทร์มอบให้กับพายุทางจูบและการสัมผัสนั้น จะทำให้พายุหน้ามืดตามัวจนไม่ลืมหูลืมตา