(๓)
ภายในห้องทำงานหรูที่ปูด้วยพรมสีน้ำเงินทึบทั้งตัวห้องบ่องบอกรสนิยมและความมีระดับของเจ้าของบ้านทั้งสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่มีสีโทนเดียวผนังไม้สีน้ำตาล ทั้งสองกำลังนั่งมองผู้ชายร่างบางตรงหน้าด้วยความคิดถึงและเป็นกังวลอยู่ในที
หญิงสาวรับใช้เปิดประตูเข้ามาเพื่อจะนำน้ำมาให้แขกตามคำสั่งของเจ้าของบ้าน อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนนวลของไอซ์ เพราะเธอพึ่งเข้ามาทำงานในบ้านนี้ได้ไม่กี่ปีจึงรู้แค่ว่าเป็นคนที่ทำลายงานแต่งงานของลูกชายเจ้านายของเธอ ไม่เหมือนกับคนเก่าแก่คนอื่นที่ออกหน้าปกป้องทั้งๆที่ข่าวก็ออกอยู่กันจะๆ
“ออกไปได้แล้วนิด”คุณจงกลนีบอกสาวใช้ที่ดูจะมองไปที่แขกอย่างพินิจพิเคราะห์จึงออกปากไล่แทน หญิงสาวรับคำอึกอักก่อนจะออกไปตามคำสั่ง ไอซ์ยกน้ำขึ้นจิบดับกระหายแล้วยิ้มอ่อนๆไปให้กับผู้ใหญ่ทั้งคู่
“มาหาพ่อกับแม่ถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?”เสียงทุ้มของคุณพัฒน์เอ่ยถาม แม้จะแก่ชราแต่ชายตรงหน้ากลับดูเยาว์วัยกว่าที่ชายส่วนใหญ่จะเป็น ไม่ต่างกับภรรยาที่อยู่เคียงข้างกับ
ไอซ์ยิ้มรับให้กับทั้งคู่ เป็นยิ้มแบบแสดงออกถึงความดีใจ...ดีใจที่ได้รับความอบอุ่นทั้งท่านทั้งสองคน
“น้องภาคกับภิไม่อยู่เหรอครับ พอดีไอซ์จะมาคุยเรื่องที่จะให้ไอซ์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้”
“ตาภาคเขาไปติวหนังสือ ส่วนเจ้าภิยังไม่กลับมาเลย ทำไมจ้ะ...มีอะไรหรือเปล่า? หรือว่าเรื่องที่โรงพยาบาล...”คุณจงกลนีเอ่ยถามด้วยความสงสัย เป็นความจริงที่พวกเธอทั้งสองคนยื่นข้อเสนอให้ไอซ์ไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา แม้จะรู้เรื่องราวที่ไอซ์ไปหาเรื่องกับอดีตแฟนของลูกชายจนฝ่ายนู้นต้องโทรมาต่อว่าเป็นการใหญ่ แต่ทั้งคุณจงกลนีและคุณพัฒน์ก็ไม่นึกโกรธอะไรชายหนุ่มคนนี้เลยซักนิดเดียว
“คือไอซ์ไม่อยากรบกวนน่ะครับ ไอซ์ว่าไอซ์จะเช่าอพาทเมนต์อยู่น่ะ”ไอซ์ตอบอย่างนิ่มนวล พร้อมยิ้มไปให้อย่างเช่นเดิม พ่อและแม่ของภิหันหน้ามองกันก่อนจะหันกลับมาพูดกับไอซ์อีกครั้ง
“อยู่เถอะนะ แม่อยากจะเป็นคนดูแลหนูไอซ์เอง ไปอยู่ข้างนอกคนเดียวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะคอยช่วยดูล่ะจ้ะ”
“ฮ่ะฮ่ะ คุณแม่พูดเหมือนไอซ์เป็นเด็กตัวเล็กๆเลยครับ ไอซ์น่ะโตแล้วนะ”
“แต่...”คุณจงกลนีจะขัดแต่ไอซ์กลับชิงพูดต่อ
“อีกอย่างนะครับคุณแม่ ลูกชายของคุณพ่อคุณแม่คงได้อกแตกตายแน่ๆถ้าผมเข้ามาอยู่บ้านนี้ ไอซ์อยากจะปล่อยให้ภิเขาหายใจบ้างน่ะครับ ไอซ์รู้นะว่าการที่ไอซ์ทำแบบนี้มันก็เป็นเหมือนการทำร้ายภิ แถมยังเป็นการทำร้ายคนที่ภิรักทุกคน ไอซ์เลยไม่อยากจะกดดันเขาไปมากกว่านี้”ไอซ์พูดเรียบๆ แม้ในใจจะไหววูบกับคำพูดของตัวเองก็ตาม
“แต่ถึงอย่างนั้นไอซ์ก็ยังไม่หยุดหรอกนะครับ จนกว่าจะถึงเวลาจริงๆ ขอไอซ์เอาแต่ใจหน่อยนะครับคุณพ่อคุณแม่”ยิ้มจริงใจส่งไปให้ แต่ไม่อาจปิดความเสียใจภายในดวงตาที่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากอย่างทั้งสองคนตรงหน้าจะจับอาการไว้ไม่ได้
“หนูไอซ์...หนูไอซ์จะทำอะไรแม่ไม่ว่า แต่ขอแค่มาอยู่กับแม่นะ”คุณจงกลนียังยืนยันคำหนักแน่นแต่มือบางของเธอถูกผู้ชายที่ร่วมชีวิตดึงไปกุมไว้จนเธอต้องหันไปมอง...สามีของเธอส่ายหน้าให้เบาๆ
“ผมเห็นด้วยกับหนูไอซ์นะคุณ...ถ้าคุณห่วงเราก็ไปหาหนูไอซ์บ่อยๆหรือไม่ก็ให้หนูไอซ์มาเยี่ยมบ่อยๆก็ได้นี่หน่า...ใช่มั้ยลูก”
“ครับคุณพ่อ”ยิ้มอีกครั้งให้กับความอบอุ่นที่ได้รับ แม้จะเห็นว่าคุณจงกลนีไม่ค่อยเห็นด้วย แต่อย่างน้อยท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีกคนมาเยี่ยมเยียนจึงเปลี่ยนเรื่องไปสนทนาเรื่องอื่นแทน
เล่าความเป็นไปในช่วงที่ตัวเองขาดการติดต่อให้ทั้งสองฟังอย่างมีความสุข ได้ฟังว่าไอซ์ไปเที่ยวที่ไกลๆ ไปผจญภัยในแบบที่ตัวเองคงไปไม่ไหวแล้วก็นึกเสียดายที่ปล่อยให้ช่วงหนุ่มสาวผ่านพ้นไปโดยทำแต่งาน พอรู้ตัวอีกทีก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะออกไปตรากตร่ำเที่ยวปลุกป่าปลุกเขาอย่างที่คนตรงหน้าเคยทำ
“ก่อนกลับมาไทยไอซ์ก็เลยไปที่เกาะเชบูก่อนนะครับ ฟิลิปปินส์ก็โอเค แต่ไอซ์ยังเที่ยวไม่ค่อยจะหน่ำใจเลยต้องกลับมาไทยซะก่อนเพราะถึงกำหนดวัน...”ไอซ์เล่าเรื่องตัวเองไปไม่ทันจะจบกลับมีเสียงทุ้มที่คุ้นเคยแทรกมาอย่างเสียมารยาท
“...กำหนดวันที่ต้องมาทำลายชีวิตกูซินะ”ถึงจะใช้เสียงนิ่งเรียบแต่ก็ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ...ภิมาทันแค่ได้ยินเรื่องเล่าต่างๆนาๆของเพื่อนรักที่เล่าไปก็ทำให้ทั้งพ่อและแม่ของตนกลับหัวเราะได้อย่างเบิกบาน
จะว่าไม่เข้าใจก็ได้...ภิไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม...เหตุผลอะไร...ทั้งๆที่ดูอย่างไรไอ้เพื่อนตัวเล็กคนนี้มันต้องผิดเต็มๆ แต่ทำไมถึงไม่มีใครโกรธมันเลยซักคน ทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งไอ้เอ็กส์ทั้งน้องชายของเขารวมถึงคนรับใช้ในบ้านของเขาด้วย ทำไมทุกคนถึงยังทำดีพูดดีกับคนคนนี้อยู่
“ภิ...ขึ้นห้องไปกลิ่นเหล้าหึ่งเชียว”เสียงของคุณพัฒน์เอ่ยปากไล่ลูกชายที่สภาพดูไม่ได้ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ผมยุ่งเหยิงอย่างคนไม่อาบน้ำไหนจะกลิ่นของสุราที่โชยออกมาอย่างชัดเจนราวกับไปแช่ถังเหล้ามาทั้งคืน
“ทำไมครับคุณพ่อ...ถ้าคิดว่าจะคุยกับวางแผนกันมาทำลายชีวิตผมอีกล่ะก็...ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าชีวิผมมันไม่เหลืออะไรแล้ว!! ทำไมครับ ผมทำอะไรผิดเหรอ ผมตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน เชื่อฟังทุกคน...ทำไมล่ะครับ...”คนถามจากคนที่ยังไม่สร่างเมากรีดลงไปในหัวใจของคนที่ฟังทุกคน คุณจงกลนีถึงกับต้องเบือนหน้าหนีจากลูกชายที่ทำหน้าตาราวจะขาดใจ คุณพัฒน์เองก็ไม่ต่างกันมีเพียงไอซ์ที่นั่งหันหลังเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าและแววตาที่ปรกติ
“ภิขึ้นไปนอนพักเถอะ เชื่อซิว่าเราไม่ได้มาทำร้ายอะไรภิเลย เราแค่อยากมาคุยกับคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น”เสียงที่เย็นไม่ต่างกับสีหน้าเอ่ยตอบอย่างชัดเจน แต่แค่เสียงก็เรียกความโกรธให้พวยพุ่งออกมาอย่างง่ายดาย
เพราะมันเป็นน้ำเสียงเดียวกับที่ใช้หักหลังตนเมื่อวาน...น้ำเสียงตอนที่คุยกับแหวน
“อย่าใช้เสียงนั้นมาเรียกชื่อกู!! พ่อกูแม่กูมึงก็ห้ามเรียก!!”คนโกรธตวาดจนแอบสะดุ้งไปทั้งตัว ตกใจก็ส่วนหนึ่งแต่กลัวที่มากกว่านั้นคือน้ำเสียงแข็งก้าวของภิต่างหากแต่ไม่นานไอซ์ก็กลับมานิ่งได้เหมือนเดิม
ไม่ใช่ว่าไอซ์เป็นคนกระด้างหรือร้ายกาจมาแต่แรก แต่เพราะรู้จักภิดีจึงเชื่อว่าภิต้องไม่โกรธตัวเองแม้จะทำเรื่องร้ายแรงขนาดไหน...แม้ว่าจะเป็นการทำร้ายตัวภิเอง เพราะภิใจดี...ใจดีมากเหลือเกิน เมื่อก่อนเขาก็มีแต่ภิเป็นที่พึ่งพิง มีครอบครัวภิที่คอยดูแล มีเอ็กส์ที่คอยจัดการเรื่องราวต่างๆ คงเพราะไม่เคยยืนด้วยตัวเองเลยซักครั้งจึงดูอ่อนแอ ทั้งๆที่จริงไอซ์นั้นเข้มแข็งกว่าที่คนอื่นเข้าใจ
พอได้ไปอยู่คนเดียวถึงรู้...อะไรหลายๆอย่าง
“ตาภิ!! อย่าก้าวร้าวกับเพื่อนแบบนี้นะ”คุณจงกลนีทนไม่ไหวกับน้ำเสียง หันมามองดูไอซ์ที่ยังนิ่งสนิทด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าไอซ์จะคิดมาก แม้จะเห็นว่าคนที่เป็นห่วงยังคงนิ่งเงียบแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ
“แม่!! ทำไมแม่ต้องไปให้ท้ายมันล่ะ!! คนที่เจ็บคือผมนะ มันทำร้ายผมนะ!! แม่ต้องเกลียดมันซิ!!”คนเมายังพร่ำเพ้อไม่หยุดพร้อมๆกับก้าวมาคว้าเอาไหล่บางอย่างเร็วและรุนแรงจนคนถูกกระทำถึงกับหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บ
“ภิ!! แกจะทำอะไร ภิ!!”คุณพัฒน์ร้องห้ามเสียงหลงไม่ต่างกับภรรยาเมื่อเห็นลูกชายเข้ามาคว้าเพื่อนสนิทอย่างแรงก่อนจะลากออกไปโดยไม่สนใจเสียงห้ามของทั้งสองเลยแม้แต่นิดเดียว
กว่าที่ทั้งสองคนจะตามออกมาก็เห็นเพียงแค่รถยนต์ของลูกชายกับเสียงล้อที่บดกับถนนในตัวบ้านทั้งดังและน่ากลัว ก่อนที่จะหันไปเรียกคนใช้ในบ้านให้โทรไปหาเพื่อนสนิทอีกคนของทั้งคู่เผื่อแล้วภาวนาไม่ให้ลูกชายของตนเองทำร้ายเพื่อนตัวเล็กที่ทั้งสองคนรักและห่วงใยราวกับลูกแท้ๆ
เพราะในความคิดของพวกท่าน ไอซ์อ่อนแอเกินไป...ทั้งร่างกายและจิตใจ
.....
.....
ภายในรถยังไม่มีบทสนทนาใดๆออกจากปากของทั้งสองคน มีเพียงความเงียบกับเสียงแอร์ในรถที่ทำหน้าที่ให้ความเย็นอย่างต่อเนื่อง คนตัวเล็กลอบมองเข็มชี้บอกความเร็วก็นึกหวาดๆ โชคดีที่ถนนแถบนี้มันอยู่นอกเมืองเขาจึงไม่บ่นบอกให้คนขับลดความเร็วลง เพราะคาดว่าตอนนี้หากพูดอะไรไปคนขับคงได้พาตัวเองไปทัวร์นรกก่อนถึงเวลาจริงๆเป็นแน่
ภิขับรถมาเรื่อยๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันรู้แค่ว่าสมองมันกำลังจะระเบิด ยิ่งตอนที่เห็นคนร้ายที่ตัวเองคิดว่าผิดลอยหน้าลอยตาอย่างคนไม่รับผิดชอบยิ่งนึกโกรธ...แค่โกรธเท่านั้น...ความจริงภิไม่ได้นึกแค้นอะไรคนตัวเล็กข้างๆแม้ซักนิด ถึงจะไม่รู้เหตุผลที่ไอซ์ทำลงไปแต่เชื่อว่าไอซ์ไม่ใช่คนที่ใจร้ายแบบนั้น
ถ้าเป็นไอซ์ที่เขารู้จักเมื่อห้าปีก่อนน่ะนะ
“จอดซะที”คนตัวเล็กพูดเสียงเรียบเมื่อจู่ๆภิก็เหยียบแบรกจนตัวโยน โชคดีที่คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นไม่กระจกหน้ารถแต่หัวของไอซ์ก็คงจะแตกแทน
“ไอซ์...”เสียงที่ดูเหนื่อยกว่าครั้งไหนๆของหนุ่มคนข้างๆเรียกให้คนที่พยายามจะนั่งเชิดหน้าไม่สนใจต้องหันกลับมามอง สิ่งที่เห็นทำเอาหัวใจกระตุก...ภาพของผู้ชายที่ตัวเองรักนั่งไหล่ตกซุกหน้าเข้ากับพ่วงมาลัยรถอย่างหมดอาลัยตายอยากทำเอาไอซ์เผลอเอื้อมมือไปแก้มเบาๆที่แก้มของภิ
“ทำไมต้องทำแบบนี้กับภิล่ะ ไอซ์เกลียดภิเหรอ...หรือไอซ์เกลียดแหวน แต่ไอซ์ไม่รู้จักกับแหวนเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะไอซ์...ทำไม??”
“เปล่าเลย เราไม่ได้เกลียดใครทั้งนั้น เราแค่รักภิ...รักภิจริงๆนะ”เสียงสั่นเครืออย่างกลั้นไม่อยู่ เอ่ยออกมากับน้ำตาที่ไหลราวกับเปิดก๊อกน้ำ
“เรารักภิตั้งนานแล้ว นานขนาดที่เราเองก็ยังลืมๆมันไปเองด้วยซ้ำ เรารู้ว่าเรามันเห็นแกตัวที่ทำร้ายภิแบบนี้แต่เราก็ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นภิเป็นของคนอื่น”ภิหันมามองคนที่พูดด้วยอารมณ์อยากจะต่อว่ากับคำพูดเห็นแก่ได้ของเพื่อน แต่ทว่าพอหันกลับมาเจอคนที่กำลังพูดไปน้ำตาใสๆก็ไหลไปก็ลืมสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำไปทันที
“ขอแค่ตอนนี้ภิอยู่กับเรา...แค่อยู่กับเราก็พอ อย่าผลักไสเราไปไหน อย่าทำเหมือนว่าเราเป็นตัวน่ารังเกลียดสำหรับภิ อย่าให้เราต้องไปเจอคนที่ภิรัก นะภิ...”สิ้นเสียงพูดของคนตัวเล็ก ความเงียบก็เข้ามากลายเป็นคำตอบ ภิเลือกที่จะไม่ตอบพร้อมกับหันหน้าหนี
เขาปฏิเสธไอซ์ไม่ลงเหมือนทุกๆครั้ง...แต่ในใจเขาอยากจะปฏิเสธเหลือเกิน
“ภิ...”
“แค่สองเดือน กูจะทำตามคำขอของมึงแค่สองเดือน จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะตามใจมึง แล้วหลังจากนี้...มึงไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก”ภิพูดทั้งๆที่ยังหันหน้าหนีอยู่ ไม่ได้เห็นใบหน้าของอีกคนที่ได้รับคำตอบ
ใบหน้าขาวซีดยกยิ้มขึ้นมาหน่อยๆด้วยความดีใจ น้ำตาที่ไหลรินเขาก็ปล่อยให้มันยังไหลต่อไปเรื่อยๆ ตาดวงโตหลุบมองที่มือเล็กๆของตัวเองที่เมื่อครู่ได้สัมผัสใบหน้าของคนที่เป็นที่รัก ก่อนที่จะบูดเบี้ยวไปด้วยความทรมาน
นึกดีใจที่ที่ภิหันหนีไปก่อนที่จะเห็นใบหน้าแย่ๆของตัวเอง เพราะอยากให้ภิจำว่าตัวเองเข้มแข็ง อยากให้ภิมองว่าไอซ์ไม่ได้อ่อนแอ ไม่อยากให้มองเหมือนเป็นน้องชาย แต่อยากให้มองว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากให้เขารัก
“...แค่นั้น...มันก็มากพอแล้วภิ...มากไปด้วยซ้ำ...ขอบคุณนะ”
ขอบคุณทุกคอมเม้นครับ
ไม่อยากสปอยเลย แต่แค่อยากบอกว่า...อย่าคิดมากครับ อิอิ
ปล ช่วงนี้ป่วยๆ บวกงานหนัก เดี๋ยวรออัพเรื่อง สวัสดีครับคุณสามีที่รัก จบแล้วคงอัพบ่อยขึ้นครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33551.0
(แอบขายของ ๕๕๕๕)
ปล. ใครเผลออ่านสองเรื่องแล้วอย่าสงกะสัย คนเขียนคนเดียวกันครับป๋มมม
(อีดิท)ปล.สอง จบ แฮปปี้ครับ