บทที่ 14 (2/2)
“ข่าวเมื่อวาน…” ยังนั่งไม่ทันติดเก้าอี้ หญิงสาวก็เปรยขึ้นแล้ว “...เรื่องแคทเธอรีนน่ะ”
“อืม เธอบอกผมล่วงหน้าแล้วล่ะครับ ยังไงก็ไม่กระทบแบรนด์เราหรอก ผมว่าอาจจะเป็นผลดีกับWorking Womanด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มยิ้มบาง หากแต่เป็นยิ้มที่ดูคล้ายสวมหน้ากากชอบกล
“ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น… ฉันห่วงเธอต่างหาก”
ดวงตาสีฟ้าหลุบมองพื้น ระบายลมหายใจยาว
“มิสเวส… ผมเป็นCMOตั้งแต่อายุยังน้อยมาก ข้อนี้ผมรู้ดี… และผมมีอะไรที่ต้องทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกหลายอย่าง… เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ” เปลือกตาปิดลงเพื่อซุกซ่อนความไม่สบายใจที่เกิดเพราะเรื่องนี้จนมิด “ผมรับมือได้”
“...แดริล”
เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นไปทั่ว… เมื่อดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้นอีกครั้งก็ไร้ซึ่งวี่แววกังวลใจ ชายหนุ่มเพียงขยับยิ้มบาง
“ผมไม่เป็นไร”
“ฉันแค่อยากให้เธอรู้ไว้… ว่าสายตาที่มองเธอแบบสงสัย บางทีพวกเขาก็แค่สงสัยจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาอื่น แบบเดวิดนั่นตอนแรกก็เข้าใจไปว่าเธอโดนแคทเธอรีนหลอกด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“แล้วบริษัทเราก็มีนโยบายต่อต้านเรื่องการเหยียดเพศอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว… คนที่เป็นเกย์แบบเปิดเผยก็หลายคน เรื่องแค่นี้ไม่กวนใจใครหรอก” หญิงสาวยังคงมีสีหน้ากังวลใจขณะกล่าว
“อืม ผมเข้าใจ” เจ้าของร่างสูงพยักหน้ารับพร้อมกับตอบ ไม่ใช่เขาไม่เข้าใจหรอก แต่การโดนตั้งคำถาม เป็นใครมันก็น่าจะรู้สึกอึดอัดทั้งนั้น “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
ชายหนุ่มตอบทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะขอตัวกลับออกมาทำงาน มิสเวสยังคงมีสีหน้าไม่วางใจนักแต่ก็ยอมปล่อยเขาไป
ขณะที่เดินออกมา ก็เห็นกลุ่มคนกำลังยืนดูทีวีในห้องพักกันอยู่ บนจอข่าวคือรายการทอล์กโชว์ที่ออกอากาศในช่วงเช้า เป็นบทสัมภาษณ์ของแคทเธอรีนกับนักข่าวสาว
หัวข้อนี้ดูจะเป็นที่สนอกสนใจในออฟฟิศ เพราะแคทไม่ใช่คนไกลตัวสำหรับพวกเขา จนกึงทุกวันนี้แคทเธอรีนก็ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์ WW (Working Woman) อยู่
“โอ้โห คบกันมาตั้งแต่สมัยไฮสคูลแบบนี้ไม่อึดอัดแย่เหรอคะเนี่ย” พิธีกรสาวถามซุเปอร์โมเดลคนดังที่นั่งคลี่ยิ้มไม่มากไปไม่น้อยไป แสดงให้เห็นว่าหล่อนคุ้นชินกับการออกหน้ากล้องขนาดไหน
“ก็มีบ้างค่ะ แต่ทั้งแรงกดดันจากสังคม ทั้งเรื่องทางบ้าน ก็เลยจำเป็นต้องปิดบังมาตลอด”
“แล้วนึกยังไงถึงตัดสินใจเปิดตัวคะ” พิธีกรสาวผมแดงถามต่อ หากจำไม่ผิดหล่อนยังเป็นนักข่าวสายบันเทิงอีกด้วย
“เพราะฉันอยากส่งข้อความออกไปให้ทุกคนที่รักร่วมเพศเหมือนกับฉันค่ะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด เราไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน และฉันก็ภูมิใจในตัวคนรักของฉันมากๆ จนไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมต้องเก็บเรื่องของเธอไว้เป็นความลับค่ะ”
หญิงสาวผมบรูเนตต์เผยยิ้มเห็นฟัน ดูมีความสุขไม่น้อยเวลาได้พูดถึงแอชลีย์
“โอ้โห--” ยังไม่ทันฟังนักข่าวสาวจบประโยค สองขาเขาก็พาตนเองออกจากบริเวณนั้นจนไม่ได้ยินส่วนที่เหลือของบทสัมภาษณ์แล้ว
แดริล เชน ไม่ได้กลับออฟฟิศของตนเอง เขากลับเข้าลิฟต์กดขึ้นชั้นบน ขึ้นดาดฟ้าไปจุดบุหรี่สูบ… ปล่อยควันสีเทาให้ลายขึ้นฟ้าจนกลมกลืนไปกับสีเทาของมลพิษในเมืองใหญ่... เขามีเรื่องให้ต้องคิด
ในจังหวะนั้นที่ได้ยินเสียงริงโทนดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ หยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์จากที่บ้าน ซึ่งเขาไม่อยากจะเห็นมากที่สุดในตอนนี้
ชายหนุ่มมองมันอยู่ครู่หนึ่ง…
ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับความจริง สิบสองปีมันนานเกินไปแล้ว
“... ครับ แดริลพูดอยู่” ชายหนุ่มกดรับสาย ยกสมาร์ทโฟนขึ้นแนบหู
“แกเห็นสัมภาษณ์รายการตอนเช้าหรือยัง นี่มันเรื่องอะไรกัน เพื่อนบ้านเขาพูดกันให้ทั่ว พวกแกเล่นอะไรกันอยู่ บอกฉันสิว่านี่มันแค่เรื่องลวงโลกที่พวกแกกุขึ้นเพื่อขายของเฉยๆ ” ยังไม่ทันจะได้ทักทายก็เจอประโยคยาวที่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะบีบคั้น
อาจจะเป็นเพราะแถวบ้านล้วนคาดหวังงานวิวาห์ระหว่างเขากับแคทเธอรีนในอีกไม่นาน… พอเกิดข่าวใหญ่แบบนี้เข้าเลยวุ่นวายกันไปหมด
“เป็นเรื่องจริงครับพ่อ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “แคทเป็นเลสเบี้ยน”
“ว่าไงนะ!!” เสียงนั่นแทบจะเป็นเสียงตะคอก “แกโดนแม่นั่นหลอกมาตลอดงั้นเรอะ!! แบบนี้แกจะยอมไม่ได้นะ”
แดริลฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักใจ… ดวงตาสีฟ้าหลุบลงต่ำ รู้สึกเหมือนฝันร้ายที่สุดในชีวิตกำลังดำเนินไป ณ ขณะนี้
“พ่อ….”
“แกต้องออกสื่อบ้าง! ประจานเลสเบี้ยนน่ารังเกียจนั่นให้โลกรู้ธาตุแท้ของคนพวกนี้”
“พ่อครับ…”
“อะไร!!”
“..... ผมเป็นเกย์”
สิ่งที่ตามมาคือความเงียบอันน่าอึดอัด บุหรี่ที่ปลายนิ้วยังคงมอดไหม้กลืนกินกระดาษขาวไปเรื่อยๆ
“ชีวิตนี้… แกไม่ต้องโผล่หน้ากลับมาให้ฉันเห็นอีก”
สายถูกตัด…
บุหรี่ที่เหลือน้อยกว่าครึ่งมวนค่อยๆ ร่วงลงพื้น เปลวไฟที่ลามเลียเผาโดนนิ้วชี้ แต่แดริลเชนไม่ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดใด
เขายังคงยืนเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เข้าใจ… ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาพยายามจะเป็นประธานนักเรียน เข้ามหาวิทยาลัยไอวี่ลีก มุ่งมั่นกับหน้าที่การงาน และเป็นคนรักที่ดี
….แต่โลกก็เหมือนจะพังลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่เพราะว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง
จะต้องผิดหวังกับชีวิตอีกกี่ครั้งมันถึงจะจบ?
แดริลไม่ได้ร้องไห้ เขาก็แค่ยืนนิ่งเป็นเหมือนรูปปั้นอยู่ตรงนั้น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และค่อยๆ ผ่อนมันออกมา ปลอบตนเองให้ใจเย็น และนึกทบทวนเรื่องงานที่ต้องทำ
จะทำอย่างไรได้ ก็มีแต่ต้องประคองตัวเองให้ผ่านพ้นวันนี้ไปได้เท่านั้นเอง...
เขารับปากมิสเวสเอาไว้แล้ว… ฉะนั้นก็มีแต่ต้องทำให้ได้
คนเป็นหัวหน้างาน จะอ่อนแอให้ลูกน้องเห็นได้อย่างไร? … หากปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสีย แล้วจะยังมีใครมาเคารพเชื่อใจกันอีก?
แดริล เชนเสยผมขึ้น จัดเสื้อผ้าให้ดี เหยียบก้นบุหรี่บนฟื้นให้ไฟมอดดับ เก็บเศษซากที่แตกของตนเองและประคองมันกลับไปเพื่อเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า’ชีวิต’…
……………………
ตีสองวันเสาร์ วินเซนต์ ซัมเมอร์ ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเข้ามาในอพาร์ทเมนต์ของคนรักเก่า ในกระเป๋ากางเกงยังยัดตั๋วเครื่องบินติดมาด้วย...
ชายหนุ่มผมดำยังไม่นอน สองนิ้วคีบบุหรี่สูบอยู่นอกระเบียง ริมฝีปากได้รูปพ่นควันสีขุ่นออกจากปาก มองมันค่อยๆ จางลงและกลมกลืนไปกับอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะของนิวยอร์ก
ดวงตามองตึกที่เรียงรายกันอย่างไม่เป็นระเบียบอย่างเลื่อนลอย กระทั่งร่างที่สูงใหญ่กว่ามายืนข้างๆ ถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่ามีคน
ชายหนุ่มผมดำปล่อยผมลง สวมเสื้อเชิ้ตไม่เก็บชายพับแขนเสื้อขึ้น ปล่อยตัวตามสบายจนผิดวิสัย ยืนพิงกำแพงของระเบียงด้านนอก ทั้งปากยังคาบบุหรี่
“วินซ์…” เรียกชื่อคนที่เพิ่งกลับมาแบบไม่ประหลาดใจนัก เพราะวินเซนต์ส่งข้อความมาล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่อยู่สนามบินแล้ว…
ร่างสูงใหญ่วางมือข้างหนึ่งลงบนกำแพง ก้มลงมองแดริลทั้งยกยิ้มขำ
“สูบบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ” คนเพิ่งมากระซิบเบา สองนิ้วคีบมวนยาสูบที่ยังติดไฟออกจากปากเจ้าของห้อง แล้วแนบจูบลงไปแทน
ริมฝีปากร้อนที่แนบทับเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายที่เย็นเฉียบจากลมกลางคืน แดริลเผยอปาก ปล่อยให้ลิ้นของอีกฝ่ายแทรกเข้ารุกราน เกี่ยวกระหวัดจนหลุดเสียงครางในลำคอแผ่ว
“สูบฉันแทน” วินเซนต์ผละออกเล็กน้อย กระซิบถ้อยคำหยอกล้อทั้งที่ยังไม่ออกห่างไปไหน แต่อีกคนกลับไม่หือไม่อือ “อะไรกัน ทำไมวันนี้ว่าง่าย นายไม่ได้เมาใช่ไหม? ”
“เปล่า…”
“ฉันรีบกลับมาไวที่สุดแล้ว… เกิดเรื่องอะไรอีก? ”
“พ่อฉันรู้แล้ว”
วินเซนต์ขยี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ยซึ่งวางไว้ไม่ไกลเท่าใดนัก ก่อนจะดึงร่างที่บางกว่าเข้ามากอดหลวมๆ
“อืม”
“เขาไม่อยากเห็นหน้าฉันอีกแล้ว”
“อืม”
“...ที่ผ่านมาจะทำดีชดเชยให้ยังไงมันก็ไม่เคยพอ… แล้วแค่เพราะฉันเป็นเกย์…”
“...อืม” มือใหญ่ลูบเรือนผมสีดำเบามือเหมือนปลอบเด็ก
“นายก็เหมือนกัน… นายก็ทิ้งฉันด้วยเหตุผลเดียวกัน” มือขึ้นหนึ่งยกขึ้นวางบนหน้าผากจนปิดตาสีฟ้าไปข้างหนึ่ง แดริลรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่เขาก็ห้ามมันไม่ได้ “...เพราะฉันเป็นเกย์… แล้วตอนนี้ทุกคนจะมาพูดว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด มันไม่ง่ายไปรึไง! ”
น้ำเสียงแตกพร่าเบาๆ คนพูดก้มหน้าลงพลางส่ายหัว
“...เรื่องนั้นฉันผิดเอง ฉันขอโทษ” วินเซนต์ยังคงกอดปลอบคนพูดเอาไว้แนบอก ถึงอีกฝ่ายจะพยายามสลัดให้หลุดก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี
“ที่แย่ที่สุดคือฉันเข้าใจเหตุผลของนาย… แต่ฉันก็เฝ้าถามว่าแล้วฉันผิดอะไร ซึ่งคำตอบเดียวที่ได้ก็คือฉันผิดที่เป็นเกย์” แดริลเริ่มหัวเราะเบา ปลายหางตาเอ่อคลอด้วยหยดน้ำอุ่น “ที่แย่อีกคือฉันรักนายมากไป… ก็เลยไม่เคยจะโยนความผิดให้นายได้ มันคงง่ายกว่านี้รู้ไหม ถ้าฉันสามารถคิดว่านายมันแค่ไอ้สารเลวสมควรตายคนนึง”
“ฉันมันก็เป็นไอ้สารเลวสมควรตายจริงๆ” วินเซนต์จูบเบาที่ขมับของอีกฝ่าย ยอมรับความจริงทั้งสีหน้าไม่เปลี่ยน “แต่พูดตามตรงฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้…”
“...แบบไหนกัน”
“ไม่เรียกร้อง ไม่พยายามชี้นิ้วหาคนผิด มีเหตุผล… แล้วก็ให้อภัยฉันเสมอ…. หลังคบกับนายแล้วฉันก็ทนคนอื่นไม่ได้พอกัน โดนนายตามใจจนเสียคนไปนานแล้ว” นักกีฬาหนุ่มวางคางลงบนไหล่ของร่างที่เล็กกว่า ถอนหายใจออกมายาวๆ “ฉันจะไม่พูดบ่อยๆ หรอกนะ ฟังดีๆ ล่ะ…”
“ฉันรักนาย”
แดริลถึงกับนิ่งไป… เพราะประโยคนี้ อีกฝ่ายไม่เคยพูดมาก่อน
คบกันสองปีกว่า… โดนลากขึ้นเตียงไม่รู้กี่ครั้ง จนกระทั่งกลับมาพบกันใหม่ ก็เพิ่งจะได้ยินจากปากของวินเซนต์วันนี้ เหมือนลำดับความสัมพันธ์อะไรหลายๆ อย่างมันจะสลับกันแปลกๆ ... แต่อันที่จริงตัวเขาเองก็ใช่จะพูดเยอะนัก
นั่นทำให้ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้… เพราะไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว...
“...นายวางแผนจะเกษียณเมื่อไหร่?” แดริลเอ่ยปากถาม
“สามสิบ… ช่วงนี้ฉันเตรียมเงินกับเตรียมเริ่มอาชีพด้านวงการบันเทิงอยู่ ขอเวลาฉันอีกสองปี… ฉันยังอยากทิ้งชื่อไว้ให้เป็นตำนานของวงการอเมริกันฟุตบอลก่อนจะบอกลามัน”
“... อย่างนั้นอีกสองปีเราค่อยกลับมาคบกัน”
วินเซนต์ยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้…
“นายรับปาก?” วินซ์
“...มาถึงขั้นนี้แล้วฉันก็รู้สึกว่าตอนนี้ก็เหมือนคบกันอยู่ ต้องรับปากจริงๆ เหรอ?” …. แดริลมองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์… ทั้งหน้าด้านมานอนค้าง เอากุญแจสำรองไปไม่คืน เผลอเป็นลวนลาม….
“แปลว่านายจะเลิกไปเดทกับคนที่เลี้ยงกาแฟนายคนนั้นแล้วใช่ไหม”
ฉันไม่เคยเดทกับหมอนั่น… และมันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกนอกจากการคุยถกกันเรื่องวรรณกรรมยุคคลาสสิค…….
แดริลคิดในใจ… แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดออกไป
“เขาเป็นแค่เพื่อนคนนึง… เหมือนกับลี กับมาร์คัส” แดริล
“ที่นายเจอผ่านแอปหาคู่? ” วินซ์
“แอปพวกนี้บางทีก็ใช้หาเพื่อนได้” แดริล
“ถ้าฉันโหลดมาใช้ ‘หาเพื่อน’ บ้าง? ” วินซ์
“..... นึกอยากคืนกุญแจอพาร์ทเมนต์ฉันแล้วใช่ไหม วินเซนต์” แดริล
วินเซนต์หัวเราะ ก้มลงพรมจูบบนใบหน้าที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน
“เพื่อนฉันเยอะแล้ว… แต่นายแน่ใจจริงๆ นะว่าจะรอสองปี? ”
“อืม… ฉันสบายใจกว่า”
“รู้อะไรไหม… ฉันไม่ใช่คนขี้แพ้ไม่ได้เรื่องขนาดที่จะล้มเหลวหรือผิดหวังกับอะไรแล้วโทษนายหรอก… กังวลให้มันน้อยกว่านี้หน่อย สารเลวกับขี้แพ้มันไม่เหมือนกันนะ”
“....อืม” แดริลวางหน้าผากลงบนไหล่ของอีกคน หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้ากับหลายๆ เรื่อง “จะพยายาม”
“พานายไปอาบน้ำนอนดีกว่า” ไม่พูดเปล่ามือสากกร้านยังเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ บีบบริเวณสะโพกจนเจ้าของร่างสะดุ้ง แล้วถึงจับอุ้มตัวลอยพาเข้าอพาร์ทเมนต์
คนถูกอุ้มบ่นเบา แต่ไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวจะได้ร่วงลงกระแทกอะไรสักอย่างในห้อง พอลงยืนกับพื้นได้แล้วชายหนุ่มก็พึมพำอะไรบางอย่าง เสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
“หืม? นายว่าไงนะ” วินเซนต์เลิกคิ้วถามหน้าซื่อๆ คนที่ไม่อยากพูดซ้ำเริ่มจะแก้วขึ้นสี เบือนมองไปทางอื่น
“...บอกว่าคืนนี้ไม่ต้องนอนโซฟาแล้วก็ได้...”
---------------------------------
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ (; v ; / เราได้ไปแก้ใส่NCเพิ่มแล้วค่ะ (...) /เด๋ออยู่ตั้งนาน
สำหรับติดตามข่าวและภาพประกอบนิยายสามารถติดตามได้ที่ช่องทางทวิตเตอร์ @anonymmeow กับเฟสบุคนะคะ
https://www.facebook.com/anonymouslycatwrite/?ref=br_rs